📜

๒. สีหนาทวคฺโค

๑. จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนา

๑๓๙. สุตฺตเทสนาวตฺถุสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อฏฺุปฺปตฺติ, สา ตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโกติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ลาภสกฺการปจฺจยาติ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ, ภควโต สงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺนลาภสกฺการเหตุ, อตฺตโน วา ลาภสกฺการุปฺปาทนเหตุ. ติตฺถิยปริเทวิเตติ ติตฺถิยานํ ‘‘กึ โภ สมโณเยว โคตโม สมโณ’’ติอาทินา วิปฺปลปนิมิตฺตํ. ‘‘มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชี’’ติ วตฺวา สมนฺตปาสาทิกตฺถํ ตสฺส อุปฺปตฺติการณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุปฺปมาณิโก หี’’ติอาทิมาห. จตฺตาริ ปมาณานิ จตุปฺปมาณานิ, จตุปฺปมาณานิ เอตสฺส อตฺถีติ จตุปฺปมาณิโก. โลโกเยว สงฺคมฺม สมาคมฺม วสนฏฺเน โลกสนฺนิวาโส, สตฺตกาโยติ อตฺโถ. ปมินาติ อุฬารตาทิวิเสสํ เอเตนาติ ปมาณํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๖๕) รูปํ รูปกาโย ปมาณํ เอตสฺสาติ รูปปฺปมาโณ. ตโต เอว รูเป ปสนฺโนติ รูปปฺปสนฺโน. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย . โฆโสติ ปวตฺตถุติโฆโส (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๖๕). ลูขนฺติ ปจฺจยลูขตา. ธมฺโมติ สีลาทโย คุณธมฺมา อธิปฺเปตา.

เตสํ ปุคฺคลานํ. อาโรหนฺติ อุจฺจตํ. สา จ โข ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ปมาณยุตฺตา ทฏฺพฺพา. ปริณาหนฺติ นาติกิสนาติถูลตาวเสน มิตปริณาหํ. สณฺานนฺติ เตสํ เตสํ องฺคปจฺจงฺคานํ สุสณฺิตตํ. ปาริปูรินฺติ สพฺเพสํ สรีราวยวานํ ปริปุณฺณตํ อเวกลฺลตํ. ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวาติ ตสฺมึ รูเป รูปสมฺปตฺติยํ ปมาณภาวํ อุปาทาย. ปสาทํ ชเนตีติ อธิโมกฺขํ อุปฺปาเทติ.

ปรวณฺณนายาติ ‘‘อมุโก เอทิโส จ เอทิโส จา’’ติ ยสคุณวจเนน. ปรโถมนายาติ สมฺมุขาว ปรสฺส สิลาฆุปฺปาทเนน อภิตฺถวเนน. ปรปสํสนายาติ ปรมฺมุขา ปรสฺส คุณสํกิตฺตเนน. ปรวณฺณหาริกายาติ ปรมฺปรวณฺณหาริกาย ปรมฺปราย ปรสฺส กิตฺติสทฺทูปสํหาเรน. ตตฺถาติ ตสฺมึ ถุติโฆเส.

จีวรลูขนฺติ ถูลชิณฺณพหุตุนฺนกตาทึ จีวรสฺส ลูขภาวํ. ปตฺตลูขนฺติ อเนกคนฺถิกาหตาทึ ปตฺตสฺส ลูขภาวํ. วิวิธํ วา ทุกฺกรการิกนฺติ ธุตงฺคเสวนาทิวเสน ปวตฺตํ นานาวิธํ ทุกฺกรจริยํ.

สีลํ วา ปสฺสิตฺวาติ สีลปาริปูริวเสน วิสุทฺธํ กายวจีสุจริตํ าณจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา. ฌานาทิอธิคมสิทฺธํ สมาธึ วา. วิปสฺสนาภิฺาสงฺขาตํ ปฺํ วา.

ภควโต สรีรํ ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ. รูปปฺปมาโณปิ สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ อปริมิตกาลสมุปจิตปุฺานุภาวนิปฺผนฺนาย สพฺพโส อนวชฺชาย สพฺพาการปริปุณฺณาวยวาย รูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺตปาสาทิกตฺตา, ยสฺสา รุจิรภาโว วิสุทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว ปุณฺณมาสิยํ ปริปุณฺณกลาภาคมณฺฑลํ จนฺทมณฺฑลํ อภิภวิตฺวา อติโรจติ, ปภสฺสรภาโว สรทสมยํ สํวทฺธิตทิคุณเตชกิรณชาลสมุชฺชลํ สูริยมณฺฑลํ อภิภวติ, โสมฺมกิรณรสสมุชฺชลภาเวหิ ตทุภเยหิ อภิภุยฺย วตฺตมานํ เอกสฺมึ ขเณ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วิชฺโชตนสมตฺถํ มหาพฺรหฺมุโน ปภาสมุทยํ อภิวิหจฺจ ภาสเต ตปเต วิโรจติ จ.

สติปิ องฺคปริจฺจาคาทีนํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ องฺคปริจฺจาคาทิคฺคหณํ, ตตฺถาปิ จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ รชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. อาทินา นเยนาติ อาทิ-สทฺเทน ปุพฺพโยคปุพฺพจริยาทิเหตุสมฺปตฺติยา, ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) วุตฺตาย ผลสมฺปตฺติยา, ‘‘โส ธมฺมํ เทเสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๕๕) วุตฺตาย สตฺตุปการกิริยาย จ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ ยถาวุตฺตคุณานํ อนฺสาธารณภาวโต อจฺฉริยพฺภุตภาวโต จ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

‘‘จีวรลูขํ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาณปํสุกูลจีวเรนาติ มตกเฬวรํ ปลิเวเตฺวา ฉฑฺฑิเตน ตุมฺพมตฺเต กิมี ปปฺโผเฏตฺวา คหิเตน สาณปํสุกูลจีวเรน. ภาริยนฺติ ครุกํ, ทุกฺกรนฺติ อตฺโถ. วธุยุวตีมชฺฌิมิตฺถิวเสน, พาลโยพฺพนปุราณวเสน วา ติวิธนาฏกตา. หเรณุยูสํ มณฺฑลกลายรโส. ‘‘ยาเปสฺสติ นามา’’ติ นาม-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. นาม-สทฺทโยเคน หิ อนาคตกาลสฺส วิย ปโยโค, ยาเปติ อิจฺเจว อตฺโถ. อปฺปาณกนฺติ นิรสฺสาสํ นิโรธิตสฺสาสปสฺสาสํ.

สมาธิคุณนฺติ สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติ ฌานาทิคฺคหเณน. มานทพฺพนิมฺมทเนน นิพฺพิเสวนภาวาปาทนมฺปิ ทมนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ปาถิกปุตฺตทมนาทีนี’’ติ. อาทิ-สทฺเทน สจฺจกาฬวกพกทมนาทีนํ สงฺคโห. พาเวรุนฺติ เอวํนามกํ วิสยํ. สรสมฺปนฺโนติ อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน สเรน สมนฺนาคโต. เตน พฺรหฺมสฺสรตากรวีกภาณิตาทสฺสเนน ลกฺขณหารนเยน อวเสสลกฺขณปาริปูรึ วิย ตทวินาภาวโต พุทฺธานํ เทสนาวิลาสฺจ วิภาเวติ.

หตปฺปภาติ พุทฺธานุภาเวน วิคตเตชา. กาฬปกฺขูปเมติ สตฺตานํ พฺยาโมหนฺธการาภิภเวน กาฬปกฺขรตฺตูปเม. สูริเยติ สูริเย อุทยิตฺวา โอภาเสนฺเตติ อธิปฺปาโย.

สิงฺฆาฏเกติ ติโกณรจฺฉายํ. จตุกฺเกติ สนฺธิยํ. ปริเทวนฺตีติ อนุตฺถุนนวเสน วิปฺปลปนฺติ. โสกาธิกกโต หิ วจีปลาโป ปริเทโว. โลเก อุปฺปชฺชมาเนเยว อุปฺปนฺนาติ อตฺตโน ทิฏฺิวาทสฺส ปุราตนภาวํ ทีเปนฺติ.

เสสปเทสุปีติ ‘‘อิธ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ เสสวาเรสุปิ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๔๑-๒๔๒) ยถา หิ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถ กโต นิยโม ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถาปิ กโตเยว โหติ สาวธารณสฺเสว อตฺถสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวมิธาปีติ. เตนาห ‘‘ทุติยาทโยปี’’ติอาทิ. สามฺผลาธิคมวเสน นิปฺปริยายโต สมณภาโวติ เตสํ วเสเนตฺถ จตฺตาโร สมณา เทสิตาติ ตมตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สมตฺเถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติกฺกเมน เทสนากฺกเมน จ สกทาคามิอาทีนํ ทุติยาทิตา วุตฺตาติ โสตาปนฺนสฺส ปมตา อวุตฺตสิทฺธาติ น โจทิตา. ผลฏฺกสมณาว อธิปฺเปตา สมิตปาปสมณคฺคหณโต. กสฺมา ปเนตฺถ มหาปรินิพฺพาเน วิย มคฺคฏฺา ตทตฺถาย ปฏิปนฺนา จ น คหิตาติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโต. ตตฺถ หิ มคฺคาธิคมตฺถาย วิปสฺสนาปิ อิโต พหิทฺธา นตฺถิ, กุโต มคฺคผลานีติ ทสฺเสนฺเตน ภควตา ‘‘ายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี, อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน นิฏฺานปฺปตฺตเมว ตํตํสมณภาวํ คณฺหนฺเตน ผลฏฺกสมณาว คหิตา ‘‘มคฺคฏฺโต ผลฏฺโ สวิเสสํ ทกฺขิเณยฺโย’’ติ. สฺวายมตฺโถ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ เทสนาเภเทเนว วิฺายตีติ.

ริตฺตาติ วิวิตฺตา. ตุจฺฉาติ นิสฺสารา ปฏิปนฺนกสาราภาวโต. ปวทนฺติ เอเตหีติ ปวาทา, ทิฏฺิคติกานํ นานาทิฏฺิทีปกา สมยาติ อาห ‘‘จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. เตติ ยถาวุตฺตสมณา. เอตฺถาติ ‘‘ปรปฺปวาทา’’ติ วุตฺเต พาหิรกสมเย.

นฺติ ยสฺมึ. ภุมฺมตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. าโย วุจฺจติ สห วิปสฺสนาย อริยมคฺโค. เตน หิ นิพฺพานํ ายติ คมฺมติ ปฏิวิชฺฌตีติ. โส เอว นิพฺพานสมฺปาปกเหตุตาย ธมฺโมติ อาห ‘‘ายสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ.

เตสํ ปรปฺปวาทสาสนานํ อเขตฺตตา เขตฺตตา จ อริยมคฺคสฺส อภาวภาวา สุปริสุทฺธสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธาย สมถวิปสฺสนาย อภาวโต สาวโต จ. ตทุภยฺจ ทุรกฺขาตสฺวากฺขาตภาวเหตุกํ, โส จ อสมฺมาสมฺพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิตตายาติ ปราชิกาย สตฺถุ วิปตฺติเหตุตาย สาสนสฺส อนิยฺยานภาโวติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปริยายโต จ ปาฬิยา จ สมตฺเถตุํ ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทินา ปาฬึ ทสฺเสตฺวา อุปมาปเทเสน ตตฺถ สุตฺตํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา เอกจฺจานํ วิเสสโต สีหานํ ปุริมํ ปาททฺวยํ หตฺถกิจฺจมฺปิ กโรติ, ตสฺมา อาห ‘‘สุรตฺตหตฺถปาโท’’ติ. สีหสฺส เกสา นาม เกสรายตนา ขนฺธโลมา. โคจริยหตฺถิกุลํ นาม ปกติหตฺถิกุลํ, ยํ ‘‘กาลาวก’’นฺติปิ วุจฺจติ. โฆฏโก นาม อสฺสขฬุงฺโก. สิเนรุปริภณฺเฑ สิมฺพลิรุกฺเขหิ สฺฉาทิโต ปฺาสโยชโน ทโห สิมฺพลิทโห, ตํ ปริวาเรตฺวา มหนฺตํ สิมฺพลิวนํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘สิมฺพลิทหวเน’’ติ. อฺติตฺถาวาสภูมิยํ อิเมสุ สมเณสุ เอกจฺโจ น อุปฺปชฺชติ, อีทิโส ปเนตฺถ วิกปฺโป นตฺถิ, สพฺเพน สพฺพํ น อุปฺปชฺชนฺเตวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกสมโณปี’’ติ อาห. อริยมคฺคปริกฺขเตติ อริยมคฺคุปฺปตฺติยา อภิสงฺขเต, ยทา สาสนิกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อริยมคฺโค ทิพฺพติ, ตทาติ อตฺโถ.

สมฺมาติ สุฏฺุ. สุฏฺุ นทนํ นาม เหตุยุตฺตํ สุฏฺุ กตฺวา กถนนฺติ อาห ‘‘เหตุนา’’ติ. โส จ เหตุ อวิปรีโต เอว อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘นเยนา’’ติ, าเยนาติ อตฺโถ. เอวํภูโต จ โส ยถาธิปฺเปตตฺถํ กโรติ สาเธตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘การเณนา’’ติ. ยทิ ติรจฺฉานสีหสฺส นาโท สพฺพติรจฺฉานเอกจฺจมนุสฺสามนุสฺสนาทโต เสฏฺตฺตา เสฏฺนาโท, กิมงฺคํ ปน ตถาคตสีหนาโทติ อาห ‘‘สีหนาทนฺติ เสฏฺนาท’’นฺติ. ยทิ ติรจฺฉานสีหนาทสฺส เสฏฺนาทตา นิพฺภยตาย อปฺปฏิสตฺตุตาย อิจฺฉิตา, ตถาคตสีหนาทสฺเสว อยมตฺโถ สาติสโยติ อาห ‘‘อภีตนาทํ อปฺปฏินาท’’นฺติ. อิทานิสฺส เสฏฺนาทภาวํ การเณน ปฏิปาเทนฺโต ‘‘อิเมสฺหี’’ติอาทิมาห. เตน ‘‘สมฺมา’’ติ วุตฺตมตฺถํ สมตฺเถติ. ตตฺถ อตฺถิตายาติ อิมินา สีหนาทสฺส อุตฺตมตฺถตํ ทสฺเสติ. ภูตฏฺโ หิ อุตฺตมฏฺโ. ตาย เอว ภูตฏฺตาย อภีตนาทตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม สมณา…เป… นาม โหตี’’ติ อาห. อภูตฺหิ วทโต กุโตจิ ภยํ วา อาสงฺกา วา สิยาติ ‘‘อิเธวา’’ติ นิยมสฺส อวิปรีตตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อมฺหากมฺปิ…เป… อปฺปฏินาโท นาม โหตี’’ติ อาห. ยฺหิ อฺตฺถาปิ อตฺถิ, ตํ อิเธวาติ อวธาเรตุํ น ยุตฺตนฺติ.

๑๔๐. โขติ อวธารเณ. เตน วิชฺชติ เอวาติ ทสฺเสติ. ยนฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. ติตฺถํ นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ตพฺพินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตสฺส อภาวโต. ปารคมนสงฺขาตํ ตรณํ ทิฏฺิคติกานํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๒) ตตฺถ ตตฺเถว อปราปรํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนวเสน ปิลวนนฺติ อาห ‘‘ตรนฺติ อุปฺปลวนฺตี’’ติ. อุปฺปาเทตาติ ปูรณาทิโก. ติตฺเถ ชาตาติ ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฏฺิคตสงฺขาตํ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา. อสฺสสนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อสฺสาโส, อวสฺสโย.

ปกตตฺถนิทฺเทโส ยํ-ตํ-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต สตฺถุภาเวน อธิคโต สุปากโฏ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนปฏิปทาย อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. สติปิ าณทสฺสนสทฺทานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เนสํ สวิสเย วิเสสปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๑) อสาธารณวิเสสวเสน วิชฺชาตฺตยวเสน วิชฺชาภิฺานาวรณวเสน สพฺพฺุตฺาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ เต โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยาเณน, สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ. ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสอาสวกฺขยาเณหิ. อนฺสาธารณปุฺานุภาวนิพฺพตฺโต อนุตฺตราณาธิคมลทฺธปุราวตฺตโก จ ภควโต รูปกาโย อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ วตฺตตีติ อาห ‘‘สพฺพสตฺตานํ…เป… ปสฺสตา’’ติ. ปฏิเวธปฺายาติ มคฺคปฺาย. ตาย หิ สพฺพโส เยฺยธมฺเมสุ สมฺโมหสฺส วิธมิตตฺตา ปจฺฉา ปวตฺตชานนํ ตสฺส ชานนํ วิย วุจฺจติ.

อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจวิธมารานํ วา สาสนปจฺจตฺถิกานํ วา อฺติตฺถิยานํ, เตสํ หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฏิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขนํ วา. เกสิวินยสุตฺตฺเจตฺถ (อ. นิ. ๔.๑๑๑) นิทสฺสนํ. ตถา จ านาฏฺานาทีนิ วา ชานตา, ยถากมฺมุปเค สตฺเต ปสฺสตา, สวาสนานมาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพเธน สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทีนํ าณานุปริวตฺตเนน นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, รวาทีนมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๑) อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธน. เอวํ ทสพลอฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา เวทิตพฺพา. เยติ จตุโร ธมฺเม. อตฺตนีติ อมฺเหสุ. น ราชราชมหามตฺตาทีสุ อุปตฺถมฺภํ สมฺปสฺสมานา, น กายพลํ สมฺปสฺสมานาติ โยชนา.

อุปฺปนฺนปสาโทติ อเวจฺจปฺปสาทํ วทติ. วกฺขติ หิ ‘‘จตฺตาริ โสตาปนฺนสฺส องฺคานิ กถิตานี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๐). กามํ อเสกฺขาปิ อเสกฺขาย สมสิกฺขตาย สหธมฺมิกา เอว, จิณฺณพฺรหฺมจริยตาย ปน สหธมฺมํ จรนฺตีติ น วตฺตพฺพาติ อเสกฺขวาโร น คหิโต. สพฺเพเปเตติ เอเต ยถาวุตฺตา ภิกฺขุอาทโย โสตาปนฺนาทโย จ ปุถุชฺชนา อริยา จาติ สพฺเพปิ เอเต ตํตํสิกฺขาหิ สมานธมฺมตฺตา สหธมฺมตฺตา ‘‘สหธมฺมิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิทานิ นิพฺพตฺติตอริยธมฺมวเสเนว สหธมฺมิเก ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. มคฺคทสฺสนมฺหีติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน สจฺจปฏิเวเธน ‘‘นว มคฺคงฺคานิ, อฏฺ โพชฺฌงฺคานี’’ติอาทินา วิวาโท นตฺถิ. เอกธมฺมจาริตายาติ สมานธมฺมจาริตาย. น หิ ปฏิวิทฺธสจฺจานํ ‘‘มยา ธมฺโม สุทิฏฺโ, ตยา ทุทฺทิฏฺโ’’ติอาทินา วิวาโท อตฺถิ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สงฺฆาตา หิ เต อุตฺตมปุริสา. อิมินาติ ‘‘สหธมฺมิกา โข ปนา’’ติอาทิวจเนน. ตตฺถ ปิยมนาปคฺคหเณน สีเลสุ ปริปูรการิตาปเทเสน เอกเทเสน คหิตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสติ. เย หิ สมฺปนฺนสีลา สุวิสุทฺธทสฺสนา, เต วิฺูนํ ปิยา มนาปาติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อตฺถิ โข โน อาวุโส’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน รตนตฺตยปสาทโชตเนน อกฺขาตา เตสุ เตสุ สุตฺตปเทเสสุ.

๑๔๑. สตฺถริ ปสาโทติ ปสาทคฺคหเณน ‘‘ภควตา’’ติอาทินา วา ปสาทนียา ธมฺมา คหิตา. เตน พุทฺธสุพุทฺธตํ ทสฺเสติ, ตถา ‘‘ธมฺเมปสาโท’’ติ อิมินา ธมฺมสุธมฺมตํ, อิตเรน สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตํ. เยน จิตฺเตน อฺตฺถ อนุปลพฺภมาเนน สาสเนเยว สมโณ อิโต พหิทฺธา นตฺถีติ อยมตฺโถ, สมฺมเทว, ปติฏฺาปิโตติ เวทิตพฺพํ. ตตฺรายํ โยชนา – ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธ อมฺหากํ สตฺถา, ตสฺมา อตฺถิ โข โน, อาวุโส, สตฺถริ ปสาโท, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา จสฺส สฺวาขาโต ธมฺโมติ อตฺถิ ธมฺเม ปสาโท, ตโต เอว จ อตฺถิ สีเลสุ ปริปูรการิตาติ สหธมฺมิกา…เป… ปพฺพชิตา จาติ เอวเมตฺถ สตฺถริ ปสาเทน ธมฺเม ปสาโท, เตน สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตีติ อยฺจ นโย เลเสนปิ ปรปฺปวาเทสุ นตฺถีติ อิเธว สมโณ…เป… สมเณหิ อฺเหีติ.

ปฏิวิทฺธสจฺจานํ ปหีนานุโรธานํ เคหสฺสิตเปมสฺส อสมฺภโว เอวาติ ‘‘อิทานี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริกมฺหิ ปุตฺตเปมํ อุปฏฺเปตพฺพํ’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๖๕) กถนฺติ? นยิทํ เคหสฺสิตเปมํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํสทิสตฺตา ปน เปมมุเขน วุตฺโต เมตฺตาสฺเนโห. น หิ ภควา ภิกฺขู สํกิเลเส นิโยเชติ. เอวรูปํ เปมํ สนฺธายาติ ปสาทาวหคุณาวหโต ปูรณาทีสุ ภตฺติ ปสาโท น โหติ, ปสาทปติรูปกา ปน โลภปวตฺตีติ ทฏฺพฺพา. เถโรติ มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร. เยน อฏฺกถา โปตฺถกํ อาโรปิตา. เอโกว สตฺถา อนฺสาธารณคุณตฺตา, อฺถา อนจฺฉริยตฺตา สตฺถุลกฺขณเมว น ปริปูเรยฺย. วิสุํ กตฺวาติ อฺเหิ วิเวเจตฺวา อตฺตโน อาเวณิกํ กตฺวา. ‘‘อมฺหากํ สตฺถา’’ติ พฺยาวทนฺตานํ อฺเสํ สตฺถา น โหตีติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ, ตถา จ ปเทสวตฺตินึ ตสฺส สตฺถุตํ ปฏิชานนฺตา ปริปุณฺณลกฺขณสตฺถุตํ อิจฺฉนฺตานมฺปิ ตโต วิรุทฺธา สตฺถุภาวปริเยสเนน ปราชิตา โหนฺติ. ปริยตฺติธมฺเมติ อธิกพฺรหฺมคุณสุตฺตเคยฺยาทิปฺปเภทสมเย. ตตฺถ อชสีล…เป… กุกฺกุรสีลาทีสูติ อิทํ เยภุยฺเยน อฺติตฺถิยานํ ตาทิสํ วตสมาทานสพฺภาวโต วุตฺตํ, อาทิ-สทฺเทน ยมนิยมจาตุยามสํวราทีนํ สงฺคโหติ. อธิปฺปยาโสติ อธิกํ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อธิกตฺตพฺพกิริยา (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๑๑๗). เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติ.

ตสฺสปสาทสฺส ปริโยสานภูตาติ ตสฺส สตฺถริ ธมฺเม จ ปสาทสฺส นิฏฺานภูตา. นิฏฺาติ โมกฺโข. สมยวาทีนฺหิ ตสฺมึ ตสฺมึ สมเย ตทุปเทสเก จ ปสาโท ยาวเทว โมกฺขาธิคมนฏฺโ. ทิฏฺิคติกา ตถา ตถา อตฺตโน ลทฺธิวเสน นิฏฺํ ปริกปฺเปนฺติ เยวาติ อาห ‘‘นิฏฺํ อปฺเปนฺโต นาม นตฺถี’’ติ. พฺราหฺมณานนฺติ พฺราหฺมณวาทีนํ. เตสํ เอกจฺเจ พฺรหฺมุนา สโลกตา นิฏฺาติ วทนฺติ, เอกจฺเจ ตสฺส สมีปตา, เอกจฺเจ เตน สํโยโค นิฏฺาติ วทนฺติ. ตตฺถ เย สโลกตาวาทิโน สมีปตาวาทิโน จ, เต ทฺเวธาวาทิโน, อิตเร อทฺเวธาวาทิโน. สพฺเพปิ เต อตฺถโต พฺรหฺมโลกุปปตฺติยํเยว นิฏฺาสฺิโน. ตตฺถ หิ เนสํ นิจฺจาภินิเวโส ยถา ตํ พกสฺส พฺรหฺมุโน. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมโลโก นิฏฺา’’ติ. พฺรหฺมโลโกติ ปมชฺฌานภูมิ. มหาตาปสานนฺติ เวขนสาทิตาปสานํ. มหาพฺรหฺมา วิย ปมชฺฌานภูมิยํ อาภสฺสเรสุ เอโก สพฺพเสฏฺโ นตฺถีติ ‘‘อาภสฺสรา’’ติ ปุถุวจนํ. ปริพฺพาชกานนฺติ สฺจยาทิปริพฺพาชกานํ. อนฺโต จ มโน จ เอตสฺส นตฺถีติ อนนฺตมานโส. อาชีวกานฺหิ สพฺพทาภาวโต อนนฺโต, สุขทุกฺขาทิสมติกฺกมนโต อมานโส. อิมินา อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อุปกฺกิลิฏฺจิตฺตตํ ทสฺเสติ.

ปปฺเจ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตณฺหาทิฏฺิโยว อธิปฺเปตา มมงฺการอหงฺการวิคมสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยถา ปฺจสุ าเนสุ เอโกว กิเลโส โลโภ อาคโต, เอวํ ทฺวีสุ าเนสุ ตโย กิเลสา อาคตา ‘‘โทโส โมโห ทิฏฺี’’ติ. ‘‘สโทสสฺสา’’ติ หิ วุตฺตฏฺาเน ปฏิฆํ อกุสลมูลํ คหิตํ, ‘‘ปฏิวิรุทฺธสฺสา’’ติ วิโรโธ, ‘‘สโมหสฺสา’’ติ โมโห อกุสลมูลํ, ‘‘อวิทฺทสุโน’’ติ มลฺยํ, อสมฺปชฺํ วา, ‘‘สอุปาทานสฺสา’’ติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน คหณํ, ‘‘ปปฺจารามสฺสา’’ติ ปปฺจุปฺปตฺติวเสน.

อาการโตติ ปวตฺติอาการโต. ปทนฺตเรน ราควิเสสสฺส วุจฺจมานตฺตาอาทิโต วุตฺตํ สราควจนํ โอฬาริกํ ราควิสยนฺติ อาห ‘‘ปฺจกามคุณิกราควเสนา’’ติ. คหณวเสนาติ ทฬฺหคฺคหณวเสน. ‘‘อนุรุทฺธปฏิวิรุทฺธสฺสา’’ติ เอกปทวเสน ปาฬิยํ อาคตตฺตา เอกชฺฌํ ปทุทฺธาโร กโต. ตตฺถ ปน ‘‘อนุรุทฺธสฺสา’’ติ สุภวเสนาติ เอวมตฺโถ วตฺตพฺโพ. น หิ ปฏิวิรุชฺฌนํ สุภวเสน โหติ. ปปฺจุปฺปตฺติทสฺสนวเสนาติ กิเลสกมฺมวิปากานํ อปราปรุปฺปตฺติปจฺจยตาย สํสารสฺส ปปฺจนํ ปปฺโจ, ตสฺส อุปฺปตฺติเหตุภาวทสฺสนวเสน. ตณฺหา หิ ภวุปฺปตฺติยา วิเสสปจฺจโย. ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานทสฺสนวเสนาติ ตณฺหาปจฺจยสฺส อุปาทานสฺส ทสฺสนวเสน, ยทวตฺถา ตณฺหา อุปาทานสฺส ปจฺจโย, ตทวตฺถาทสฺสนวเสน. ผเลน หิ เหตุวิเสสกิตฺตนเมตนฺติ. เอวํ วิทฺธํเสถาติ กามราคภวตณฺหาทิวเสน โลภํ กสฺมา เอวํ วิปฺปกิเรถ. ตณฺหากรณวเสนาติ ตณฺหายนกรณวเสน สุภาการคฺคหณวเสน. สุภนฺติ หิ อารมฺมเณ ปวตฺโต ราโค ‘‘สุภ’’นฺติ วุตฺโต.

๑๔๒. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิวาโท. ทิฏฺิวเสน หิ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ จ ทิฏฺิคติกา ปฺเปนฺติ. เตนาห ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ทิฏฺิโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๒). ตณฺหารหิตาย ทิฏฺิยา อภาวโต ตณฺหาวเสเนว จ อตฺตโน สสฺสตภาวาภินิเวโสติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาทิฏฺิวเสนา’’ติ. อลฺลีนาติ นิสฺสิตา. อุปคตาติ อวิสฺสชฺชนวเสน เอกิภาวมิว คตา. อชฺโฌสิตาติ ตาย ทิฏฺิยา คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปิตา วิย ตทนฺโตคธา. เตนาห ‘‘อนุปวิฏฺา’’ติ. ยถา คหฏฺานํ กามชฺโฌสานํ วิวาทมูลํ, เอวํ ปพฺพชิตานํ ทิฏฺชฺโฌสานนฺติ อาห ‘‘วิภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธา’’ติ. ทิฏฺิวิโรเธน หิ ทิฏฺิคติกวิโรโธ.

ขณิกสมุทโย อุปฺปาทกฺขโณติ อาห ‘‘ทิฏฺีนํ นิพฺพตฺตี’’ติ. ทิฏฺินิพฺพตฺติคฺคหเณเนว เจตฺถ ยถา ทิฏฺีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนตา วิภาวิตา, เอวํ ทิฏฺิวตฺถุโนปีติ อุภเยสมฺปิ อนิจฺจตา ทุกฺขตา อนตฺตตา จ วิภาวิตาติ ทฏฺพฺพํ. ยานิ ปฏิสมฺภิทานเยน (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๒) ‘‘ปจฺจยสมุทโย อฏฺ านานี’’ติ วุตฺตานิ, ตานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ขนฺธาปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อารมฺมณฏฺเน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๓.๘๑; ๔.๓๔๕). อวิชฺชาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจยภาวโต. ยถาห – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒, ๔๖๑; สํ. นิ. ๓.๑, ๗). ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถา จาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา (ที. นิ. ๑.๑๑๘-๑๓๐), ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวทิยนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๔๔) จ . สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขาติ (สุ. นิ. ๘๘๐), ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) จ อาทิ. วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๔) จ อาทิ. อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห ภควา ‘‘ตสฺเสว อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ เม อตฺตาติ อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๙). สมุฏฺาติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ, ตสฺส ภาโว สมุฏฺานฏฺโ, เตน. ขณิกตฺถงฺคโม ขณิกนิโรโธ. ปจฺจยตฺถงฺคโม อวิชฺชาทีนํ อจฺจนฺตนิโรโธ. โส ปน เยน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสตาปตฺติมคฺโค’’ติ อาห. จตฺตาโร หิ อริยมคฺคา ยถารหํ ตสฺส ตสฺส สงฺขารคตสฺส อจฺจนฺตนิโรธเหตุ, ขณิกนิโรโธ ปน อเหตุโก.

อานิสํสนฺติ อุทยํ. โส ปน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ สมฺปรายิโก ทุคฺคติปริกิเลสตายอาทีนวปกฺขิโก เอวาติ อิตรํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห. อาทีนวมฺปิ ทิฏฺธมฺมิกเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺิคฺคหณมูลกํ อุปทฺทว’’นฺติอาทิมาห. โสติอาทีนโว. อาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน นคฺคิยานสนสงฺกฏิวตาทีนํ สงฺคโห. นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณนฺติ วุจฺจมาเน ทสฺสนมคฺโค เอว ทิฏฺีนํ นิสฺสรณํ สิยา, ตสฺส ปน อตฺถงฺคมปริยาเยน คหิตตฺตา สพฺพสงฺขตนิสฺสฏํ นิพฺพานํ ทิฏฺีหิปิ นิสฺสฏนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺีนํ นิสฺสรณํ นาม นิพฺพาน’’นฺติ. อิมินาติอาทีสุ วตฺตพฺพํ อนุโยควตฺเต วุตฺตนยเมว.

๑๔๓. ทิฏฺิจฺเฉทนํ ทสฺเสนฺโตติ สพฺพุปาทานปริฺาทสฺสเนน สพฺพโส ทิฏฺีนํ สมุจฺเฉทวิธึ ทสฺเสนฺโต. วุตฺตาเยวาติ –

‘‘อุปาทานานิ จตฺตาริ, ตานิ อตฺถวิภาคโต;

ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารา, กมโต จ วิภาวเย’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๕) –

คาถํ อุทฺทิสิตฺวา อตฺถวิภาคาทิวเสน วุตฺตาเยว. กามํ อิโต พาหิรกานํ ‘‘อิมานิ อุปาทานานิ เอตฺตกานิ จตฺตาริ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ อีทิสํ าณํ นตฺถิ, เกวลํ ปน เกจิ ‘‘กามา ปหาตพฺพา’’ติ วทนฺติ, เกจิ ‘‘นตฺถิ ปโร โลโกติ จ, มิจฺฉา’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘สีลพฺพเตน สุทฺธีติ จ, มิจฺฉา’’ติ วทนฺติ, อตฺตทิฏฺิยา ปน มิจฺฉาภาวํ สพฺพโส น ชานนฺติ เอว. ยตฺตกํ ปน ชานนฺติ, ตสฺสปิ อจฺจนฺตปฺปหานํ น ชานนฺติ, ตถาปิ สพฺพสฺส ปริฺเยฺยสฺส ปริฺเยฺยํ ปฺเปมอิจฺเจว ติฏฺนฺติ. เอวํภูตานํ ปน เนสํ ตตฺถ ยาทิสี ปฏิปตฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺตีติ สํวิชฺชนฺติ. เตน เตสํ ทิฏฺิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิจฺเฉทตํ ทสฺเสติ. เอเกติ เอกจฺเจ. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชุปคมเนน สมณา, ชาติมตฺเตน จ พฺราหฺมณา. สพฺเพสนฺติ อนวเสสานํ อุปาทานานํ สมติกฺกมํ ปหานํ. สมฺมา น ปฺเปนฺตีติ เยสํ ปฺเปนฺติ, เตสมฺปิ สมฺมา ปริฺํ น ปฺเปนฺติ. อิทานิ ตํ อตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โหติก-กุฏีจก-พหูทก-หํส-ปรมหํส-กาชก-ติทณฺฑ-โมนวต-เสว-ปารุปก-ปฺจมรตฺติก- โสมการก-มุคพฺพต-จรพาก-ตาปส-นิคนฺถา-ชีวก-อิสิ-ปารายนิก-ปฺจาตปิก-กาปิล- กาณาท-สํสารโมจก-อคฺคิภตฺติก-มควติก-โควติก-กุกฺกุรวติก-กามณฺฑลุก- วคฺคุลิวติก-เอกสาฏก-โอทกสุทฺธิก-สรีรสนฺตาปก-สีลสุทฺธิก-ฌานสุทฺธิก-จตุพฺพิธ- สสฺสตวาทาทโย ฉนฺนวุติ ตณฺหาปาเสน ฑํสนโต, อริยธมฺมสฺส วา วิพาธนโต ปาสณฺฑา. วตฺถุปฏิเสวนํ กามนฺติ พฺยาปารสฺส วตฺถุโน ปฏิเสวนสงฺขาตํ กามํ. เถยฺเยน เสวนฺตีติ ปฏิหตฺถอาทิสมฺาย โลกสฺส วจนวเสน เสวนฺติ. ตีณิ การณานีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตานิ ทิฏฺิวิเสสภูตานิ วฏฺฏการณานิ.

อตฺถสลฺลาปิกาติ อตฺถสฺส สลฺลาปิกา, ทฺวินฺนํ อธิปฺเปตตฺถสลฺลาปวิภาวินีติ อธิปฺปาโย. ทฺวินฺนฺหิ วจนํ สลฺลาโป. เตนาห ‘‘ปถวี กิรา’’ติอาทิ.

โย ติตฺถิยานํ อตฺตโน สตฺถริ ธมฺเม สหธมฺมิเกสุ จ ปสาโท วุตฺโต, ตสฺส อนายตนคตตฺตา อปฺปสาทกภาวทสฺสนํ ปสาทปจฺเฉโท. ตถาปวตฺโต วาโท ปสาทปจฺเฉทวาโท วุตฺโต. เอวรูเปติ อีทิเส วุตฺตนเยน กิเลสานํ อนุปสมสํวตฺตนิเก. ธมฺเมติ ธมฺมปติรูปเก. วินเยติ วินยปติรูปเก. ติตฺถิยา หิ โกหฺเ ตฺวา โลกํ วฺเจนฺตา ธมฺมํ กเถมาติ ‘‘สตฺติเม กายา อกฏา อกฏวิธา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๗๔) ยํ กิฺจิ กเถตฺวา ตถา ‘‘วินยํ ปฺเปมา’’ติ โคสีลวคฺคุลิวตาทีนิ ปฺเปตฺวา ตาทิสํ สาวเก สิกฺขาเปตฺวา ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ กเถนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมวินเย’’ติ. เตนาห ‘‘อุภเยนปิ อนิยฺยานิกํ สาสนํ ทสฺเสตี’’ติ. ปริตฺตมฺปิ นาม ปุฺํ กาตุกามํ มจฺเฉรมลาภิภูตตาย นิวาเรนฺตสฺส อนฺตรายํ ตสฺส กโรโต ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูหิ ครหิตพฺพตา สมฺปราเย จ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา, กิมงฺคํ ปน สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาวเห ชินจกฺเก ปหารทายิโน ติตฺถกรสฺส ตโทวาทกรสฺส จาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิยฺยานิกสาสนมฺหิ หี’’ติอาทิมาห. ยถา โส ปสาโท สมฺปราเย น สมฺมคฺคโต อตฺตโน ปวตฺติวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กฺจิ กาลํ คนฺตฺวาปิ ปจฺฉา วินสฺสติ เยวา’’ติ อาห, อเวจฺจปฺปสาโท วิย อจฺจนฺติโก น โหตีติ อตฺโถ.

สมฺปชฺชมานา ยถาวิธิปฏิปตฺติยา ติรจฺฉานโยนึ อาวหติ. กมฺมสริกฺขเกน หิ วิปาเกเนว ภวิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ การณเภทนฺติ สพฺพมฺปิ ยถาวุตฺตํ ติตฺถกรานํ สาวกานํ อปายทุกฺขาวหํ มิจฺฉาปฏิปตฺติสงฺขาตํ การณวิเสสํ. โส ปเนส ปสาโท น นิยฺยาติ มิจฺฉตฺตปกฺขิกตฺตา สุราปีตสิงฺคาเล ปสาโท วิย. สุรํ ปริสฺสาเวตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ สุราชลฺลิกํ. พฺราหฺมณา นาม ธนลุทฺธาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิมํ วฺเจสฺสามี’’ติ. กํสสตาติ กหาปณสตา.

๑๔๔. ตสฺสาติ ปสาทสฺส. สพฺโพปิ โลโภ กามุปาทานนฺเตว วุจฺจตีติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺเคน กามุปาทานสฺส ปหานปริฺ’’นฺติ. เอวรูเปติ อีทิเส สพฺพโส กิเลสานํ อุปสมสํวตฺตนิเก. ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานานํ อปาเยสุ อปตนวเสน ธารณฏฺเน ธมฺเม. สพฺพโส วินยนฏฺเน วินเย. ตตฺถ ภวทุกฺขนิสฺสรณาย สํวตฺตเน.

นมสฺสมาโน อฏฺาสิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปจฺเจกโพธิปารมีนํ ปูรเณน ตตฺถ พุทฺธสาสเน ปริจเยน จ ภควติ ปสนฺนจิตฺตตาย จ. ‘‘อุลูกา’’ตฺยาทิคาถา รุกฺขเทวตาย ภาสิตา. กาลุฏฺิตนฺติ สายนฺหกาเล ทิวาวิหารโต อุฏฺิตํ. ทุคฺคเตโส น คจฺฉตีติ ทุคฺคตึ เอโส น คมิสฺสติ. โมรชิโก มุรชวาทโก. มหาเภริวาทกวตฺถุอาทีนิปิ สิตปาตุกรณํ อาทึ กตฺวา วิตฺถาเรตพฺพานิ.

ปรมตฺเถติ โลกุตฺตรธมฺเม. กึ ปน วตฺตพฺพนฺติ ธมฺเมปิ ปรมตฺเถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา สุณนฺตานํ. สามเณรวตฺถูติ ปพฺพชิตทิวเสเยว สปฺเปน ทฏฺโ หุตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลกํ อุปปนฺนสามเณรวตฺถุ.

ขีโรทนนฺติ ขีเรน สทฺธึ สมฺมิสฺสํ โอทนํ. ติมฺพรุสกนฺติ ตินฺทุกผลํ. ติปุสสทิสา เอกา วลฺลิชาติ ติมฺพรุสํ, ตสฺส ผลํ ติมฺพรุสกนฺติ จ วทนฺติ. กกฺการิกนฺติ ขุทฺทกเอลาฬุกํ. มหาติปุสนฺติ จ วทนฺติ. วลฺลิปกฺกนฺติ ขุทฺทกติปุสวลฺลิยา ผลํ. หตฺถปตาปกนฺติ มนฺทามุขิ. อมฺพกฺชิกนฺติ อมฺพิลกฺชิกํ. ขฬยาคุนฺติปิ วทนฺติ. โทณินิมฺมชฺชนินฺติ สเตลํ ติลปิฺากํ. วิธุปนนฺติ จตุรสฺสพีชนึ . ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺเตหิ กตมณฺฑลพีชนึ. โมรหตฺถนฺติ โมรปิฺเฉหิ กตํ มกสพีชนึ.

วุตฺตนยานุสาเรเนวาติ ยสฺมา อิธาปิ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ การณเภทํ เอกโต กตฺวา ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’นฺติอาทิมาห, ตสฺมา ตตฺถ อนิยฺยานิกสาสเน วุตฺตนยสฺส อนุสฺสรณวเสน โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.

๑๔๕. ปริฺนฺติ ปหานปริฺํ. เตสํ ปจฺจยํ ทสฺเสตุนฺติ อุปาทานานํ ปริฺา นาม ปหานปริฺา. เตสํ อจฺจนฺตนิโรโธ อธิปฺเปโต, โส จ ปจฺจยนิโรเธน โหตีติ เตสํ ปจฺจยํ มูลการณโต ปภุติ ทสฺเสตุํ. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมาโน เอตฺถ ‘‘อิเม จา’’ติอาทิปาเ ‘‘กึ นิทานา’’ติอาทิสมาสปทานํ อตฺโถ. สพฺพปเทสูติ ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุ สพฺเพสุ ปเทสุ. อิมินา เอว จ สพฺพคฺคหเณน ‘‘ผสฺสนิทานา’’ติอาทีนมฺปิ ปทานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อิเม อฺติตฺถิยา อุปาทานานมฺปิ สมุทยํ น ชานนฺติ, กุโต นิโรธํ, ตถาคโต ปน เตสํ ตปฺปจฺจยปจฺจยานมฺปิ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ ยาถาวโต ชานาติ, ตสฺมา – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙) ยถารทฺธสีหนาทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อุปาทานา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔๕) นเยน เทสนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตาเรนฺโต วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ยโต จ โข’’ติอาทินา วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหิ, ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปน ภควา’’ติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๒. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา

เวสาลีนครวณฺณนา

๑๔๖. อปราปรนฺติ ปุนปฺปุนํ. วิสาลีภูตตายาติ คาวุตนฺตรํ คาวุตนฺตรํ ปุถุภูตตาย. ตตฺราติ ตสฺสํ วิสาลีภูตตายํ. ฉฑฺฑิตมตฺเตติ วิสฺสฏฺมตฺเต. อูมิภยาทีหีติ อูมิกุมฺภีลอาวฏฺฏสํสุกาภเยหิ. อุทกปฺปวาเหนาคตสฺสปิ จ อุสฺมา น วิคจฺฉติ, อุสฺมา จ นาม อีทิสสฺส สวิฺาณกตาย ภเวยฺยาติ ‘‘สิยา คพฺโภ’’ติ จินฺเตสิ. ตถา หีติอาทิ ตตฺถ การณจินฺตา. ปุฺวนฺตตาย ทุคฺคนฺธํ นาโหสิ, สอุสุมตาย ปูติกภาโว. ทารกานํ ปุฺูปนิสฺสยโต องฺคุฏฺกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ, ขีรภตฺตฺจ ลภิ. จริมกภเว โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ วิย อุทรจฺฉวิยา อจฺฉวิปฺปสนฺนตาย นิจฺฉวิ วิยาติ กตฺวา อาห ‘‘นิจฺฉวี อเหสุ’’นฺติ. เตสนฺติ ทฺวินฺนํ ทารกานํ. มาตาปิตโรติ โปสกมาตาปิตโร. อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ รชฺชสมฺปตฺติยา ทายกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา, อสมฺภินฺเน เอว ราชกุเล อุปฺปนฺนตฺตา จ. กุมารสฺส ปุฺานุภาวสฺโจทิตา เทวตาธิคฺคหิตาติ เกจิ.

ปุรสฺส อปเรติ ปุรสฺส อปรทิสาย คาวุตมตฺเต าเน ชีวกมฺพวนํ วิย สปาการมนฺทิรเก. อจิรปกฺกนฺโตติ เอตฺถ น เทสนฺตรปกฺกมนํ อธิปฺเปตํ, อถ โข สาสนโต อปกฺกมนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิพฺภมิตฺวา’’ติอาทิมาห. เตเนวาห ‘‘อิมสฺมา ธมฺมวินยา’’ติ. ปริสตีติ ปริสายํ, ชนสมูเหติ อตฺโถ. ชนสมูหคโต ปน ‘‘ปริสมชฺเฌ’’ติ วุตฺโต. ภาวนามนสิกาเรน วินา ปกติยาว มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ ธมฺโมติ มนุสฺสธมฺโม, มนุสฺสตฺตภาวาวโห วา ธมฺโม มนุสฺสธมฺโม, อนุฬารํ ปริตฺตกุสลํ. ยํ อสติปิ พุทฺธุปฺปาเท วตฺตติ, ยฺจ สนฺธายาห ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชตี’’ติ. ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ’’ติ พุทฺเธ มมตฺตการิโน พุทฺธมามกา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.

อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา

อลํ อริยาย อริยภาวายาติ อลมริโย, รูปายตนํ ชานาติ จกฺขุวิฺาณํ วิย ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, ทิพฺพจกฺขุ. สมฺมสนุปเค จ ปน ธมฺเม ลกฺขณตฺตยฺจ ตถา ชานาติ ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, วิปสฺสนา. นิพฺพานํ, จตฺตาริ วา สจฺจานิ อสมฺโมหปฏิเวธโต ชานาติ ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, มคฺโค. ผลํ ปน นิพฺพานวเสเนว โยเชตพฺพํ. ปจฺจเวกฺขณา มคฺคาธิคตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจกฺขโต ชานนฏฺเน าณทสฺสนํ, สพฺพฺุตา อนาวรณตาย สมนฺตจกฺขุตาย จ าณทสฺสนํ. โลกุตฺตรมคฺโค อธิปฺเปโต, ตสฺมิฺหิ ปฏิสิทฺเธ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธคุณานํ อสมฺภโวติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตฺหิ โส ภควโต ปฏิเสเธตี’’ติ.

สุขุมํ ธมฺมนฺตรํ นาม ฌานวิปสฺสนาทิกํ อาจริยานุคฺคเหน คหิตํ นาม นตฺถิ. ตกฺกปริยาหตนฺติ ‘‘อิติ ภวิสฺสติ, เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํตํทสฺเสตพฺพมตฺถตกฺกเนน วิตกฺกนมตฺเตน ปริโต อาหตํ ปริวตฺติตํ กตฺวา. เตนาห ‘‘ตกฺเกตฺวา’’ติอาทิ. โลกิยปฺํ อนุชานาติ อุปนิสินฺนปริสาย อนุกูลธมฺมกถนโตติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สมโณ โคตโม’’ติอาทิ. ปฏิภาตีติ ปฏิภานํ, ‘‘อิติ วกฺขามี’’ติ เอวํปวตฺตํ กถนจิตฺตํ, ตโต ปฏิภานโต ชานนํ ปฏิภานํ, อาคมาภาวโต สยเมว อุปฏฺิตตฺตา สยํปฏิภานํ. เตนาห ‘‘อิมินาสฺส ธมฺเมสุ ปจฺจกฺขภาวํ ปฏิพาหตี’’ติ. สุผุสิตนฺติ นิพฺพิวรํ. อผุสิตตฺเต หิ สุเขน วจีโฆโส น นิจฺฉรติ. ทนฺตาวรณนฺติ โอฏฺทฺวยํ. ชิวฺหาปิ ถทฺธตาย สุเขน วจีโฆโส น นิจฺฉรตีติ อาห ‘‘มุทุกา ชิวฺหา’’ติ. กรวีกรุตมฺชุตาย มธุโร สโร. เอลํ วุจฺจติ โทโส, เอลํ คฬตีติ เอลคฬา, น เอลคฬา อเนลคฬา, นิทฺโทสา, น รุชฺฌตีติ อตฺโถ. สพฺพเมตํ รฺชนสฺเสว การณํ ทสฺเสนฺโต วทติ.

ปฺจ ธมฺมาติ คมฺภีราณจริยภูตานํ ขนฺธาทีนํ อุคฺคหณ-สวน-ธารณ-ปริจย-โยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาห. ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ เอตฺถ สมฺมา-สทฺโท อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺโพ ‘‘สมฺมา ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ. โย หิ สมฺมา ธมฺมํ ปฏิปชฺชติ, ตสฺเสว สมฺมา ทุกฺขกฺขโย โหติ. โย ปน วุตฺตนเยน ตกฺกโร, ตสฺส นิยฺยานํ อตฺถโต ธมฺมสฺเสว นิยฺยานนฺติ อาห ‘‘โส ธมฺโม…เป… นิยฺยาติ คจฺฉตี’’ติ.

๑๔๗. โกธโนติ กุชฺฌนสีโล. ยสฺมา ปน สุนกฺขตฺโต โกธวเสน กุรูโร ผรุสวจโน จ, ตสฺมา อาห ‘‘โกธโนติ จณฺโฑ ผรุโส จา’’ติ. ตสฺมึ อตฺตภาเว มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ตสฺมึ อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนารหานํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถิ. ตํ พุทฺธา ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ ยถา ตํ สุทินฺนลาฬุทายิอาทิเก. อุปนิสฺสเย สติปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺเค วา ผเล วา อสติ ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ ยถา ตํ ธนิยูปเสนตฺเถราทิเก. สมุจฺฉินฺโนปนิสฺสเย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยถา ‘‘มกฺขลิ โมฆปุริโส มนุสฺสขิปฺปํ มฺเ’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๑) ตถา สุนกฺขตฺโตปีติ อาห ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิ. อสฺสาติ เอเตน. กตฺตริ หิทํ สามิวจนํ. โกเธนาติ โกธเหตุนา.

ภควโตติ สมฺปทานวจนํ กุทฺธปทาเปกฺขาย. ปุพฺเพติ ภิกฺขุกาเล. สทฺทํ โสตุกาโมติ โส กิร ทิพฺพจกฺขุนา ตาวตึสภวเน เทวตานํ รูปํ ปสฺสนฺโต โอฏฺจลนํ ปสฺสติ, น ปน สทฺทํ สุณาติ, ตสฺมา ตาสํ สทฺทํ โสตุกาโม อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺทํ โสตุกาโม…เป… ปุจฺฉี’’ติ. โส จ อตีเต เอกํ สีลวนฺตํ ภิกฺขุํ กณฺณสกฺขลิยํ ปหริตฺวา พธิรมกาสิ, ตสฺมา ปริกมฺมํ กโรนฺโตปิ อภพฺโพว ทิพฺพโสตาธิคมาย. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ตฺวา ปริกมฺมํ น กเถสี’’ติ. จินฺเตสีติ อตฺตโน มิจฺฉาปริวิตกฺกิเตน อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต จินฺเตสิ.

นิยฺยานิกตฺตาวโพธนโต อเภโทปจาเรน ‘‘เทสนาธมฺโม นิยฺยานิโก’’ติ วุตฺโต. นิยฺยาโน วา อริยมคฺโค โพเธตพฺโพ เอตสฺส อตฺถีติ นิยฺยานิโก เทสนาธมฺโม. อตฺตนิ อตฺถิตํ ทสฺเสติ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน ตตฺถ ตตฺถ ปากฏีกตตฺตา, น ปฏิฺามตฺเตน. ตถา หิ ยถาปราธํ ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติยา ยถาธมฺมํ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปฺจ อวิปรีตธมฺมเทสนาย เทวมนุสฺเสหิ ยถาภิสงฺขตปฺหานํ ตทชฺฌาสยานุกูลํ านโส วิสฺสชฺชเนน จ ภควโต สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารภาเวน สพฺพฺุตฺาณํ วิฺูนํ ปากฏํ, ตถา ตตฺถ ตตฺถ ยมกปาฏิหาริยกรณาทีสุ อิทฺธิวิธาณาทีนีติ. เตนาห ‘‘มยฺหฺจา’’ติอาทิ. อนฺเวติ ยถาคหิตสงฺเกตสฺส อนุคมนวเสน เอติ ชานาตีติ อนฺวโย. เตนาห ‘‘อนุพุชฺฌตีติ อตฺโถ’’ติ. สงฺเกตานุคมนฺเจตฺถ ‘‘ยถาปราธํ ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติยา’’ติอาทินา วุตฺตนยเมว. เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาติ ยถา สพฺพฺุตฺาเณน โยชนา กตา, เอวํ ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม มยฺหํ อิทฺธิวิธาณสงฺขาตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺม’’นฺติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทสพลาณวณฺณนา

๑๔๘. ยทิปิ อาทิโต อภิฺาตฺตยวเสน เทสนาย อาคตตฺตา เจโตปริยาณานนฺตรํ อุปริ ติสฺโส อภิฺา วตฺตพฺพา สิยุนฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, อตฺถโต ปน วิชฺชาตฺตยํ ยถาวุตฺตอภิฺาตฺตยเมวาติ กตฺวา ‘‘ติสฺโส วิชฺชา วตฺตพฺพา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ตาสุ วุตฺตาสุ อุปริ ทสพลาณํ น ปริปูรตี’’ติ วุตฺตํ, นนุ อิมานิ าณานิ เสสาภิฺา วิย อตฺตโน วิสยสฺส อภิชานนฏฺํ อุปาทาย อภิฺาสุ วตฺตพฺพานิ, อกมฺปิยฏฺํ ปน อุปตฺถมฺภนฏฺฺจ อุปาทาย พลาเณสุ ยถา สมฺมาสติอาทโย อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺเคสูติ? นยิทเมวํ. ตตฺถ หิ ธมฺมานํ ธมฺมกิจฺจวิเสสวิภาวนปราย เทสนาย วุตฺตํ, อิธ ปน สตฺถุ คุณวิเสสวิภาวนปราย เทสนาย ตถา วตฺตุํ น สกฺกา อตฺถโต อนฺตฺตา, เอกจฺจานํ ปุถุชฺชนานํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺย ‘‘กิมิทํ ภควา เหฏฺา วุตฺตคุเณ ปุนปิ คณฺหนฺโต คุณาธิกทสฺสนํ กโรตี’’ติ. ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘อุปริ ทสพลาณํ น ปริปูรตี’’ติ.

อฺเหิ อสาธารณานีติ กสฺมา วุตฺตํ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๒๑), นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานํ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ านาฏฺานาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทฺเสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อฺเหิ อสาธารณานีติ. เตนาห ‘‘ตถาคตสฺเสว พลานี’’ติ. อิมเมว หิ ยถาวุตฺตเลสํ อเปกฺขิตฺวา ตทภาวโต อาสยานุสยาณาทีสุ เอว อสาธารณคุณสมฺา นิรุฬฺหา. กามํ าณพลานํ าณสมฺภาโร วิเสสปจฺจโย, ปุฺสมฺภาโรปิ ปน เนสํ ปจฺจโย เอว , าณสมฺภารสฺสปิ วา ปุฺสมฺภารภาวโต ‘‘ปุฺุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานี’’ติ วุตฺตํ.

ปกติหตฺถิกุลนฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๒) คิริจรนทีจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาลาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติ. ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํ. เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. เอกสฺสาติ จ ตถา เหฏฺากถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํ. นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อตฺโถ. าณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว, น กายพลํ วิย อฏฺกถารุฬฺหเมวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สํยุตฺตเก อาคตานิ เตสตฺตติ าณานิ สตฺตสตฺตติ าณานี’’ติ วุตฺตํ (วิภ. มูลฏี. ๗๖๐), ตตฺถ ปน นิทานวคฺเค สตฺตสตฺตติ อาคตานิ จตุจตฺตารีสฺจ, เตสตฺตติ ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๗๓ มาติกา) สุตมยาทีนิ อาคตานิ ทิสฺสนฺติ, น สํยุตฺตเก. อฺานิปีติ เอเตน าณวตฺถุวิภงฺเค เอกกาทิวเสน วุตฺตานิ, อฺตฺถ จ ‘‘ปุพฺพนฺเต าณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๗๖) พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๖) จ ‘‘ตยิทํ ตถาคโต ปชานาติ, อิมานิ ทิฏฺิฏฺานานิ เอวํ คหิตานี’’ติอาทินา วุตฺตานิ อเนกานิ าณปฺปเภทานิ สงฺคณฺหาติ. ยาถาวปฏิเวธโต สยฺจ อกมฺปิยํ ปุคฺคลฺจ ตํสมงฺคึ เนยฺเยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปิยฏฺเน อุปตฺถมฺภนฏฺเน จา’’ติ.

อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) เสฏฺํ านํ. สพฺพฺุตปฏิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฏฺ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธา. อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ านํ สพฺพฺุตเมว วทติ. ติฏฺมาโนวาติ อวทนฺโตปิ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๒) ติฏฺมาโนว ปฏิชานาติ นามาติ อตฺโถ. อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติ.

อฏฺสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ…เป… ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) วุตฺตาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ. อภีตนาทํนทตีติ ปรโต ทสฺสิตาณโยเคน ทสพโลหนฺติ อภีตนาทํ นทติ. สีหนาทสุตฺเตน ขนฺธวคฺเค (สํ. นิ. ๓.๗๘) อาคเตน.

‘‘เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) สุตฺตเสเสน สปฺปุริสูปสฺสยาทีนํ ผลสมฺปตฺติปวตฺติ, ปุริมสปฺปุริสูปสฺสยาทึ อุปนิสฺสาย ปจฺฉิมสปฺปุริสูปสฺสยาทีนํ สมฺปตฺติปวตฺติ วา วุตฺตาติ อาทิ-สทฺเทน ตตฺถ จ จกฺก-สทฺทสฺส คหณํ เวทิตพฺพํ. วิจกฺกสณฺานา อสนิ เอว อสนิวิจกฺกํ. อุรจกฺกาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน อาณาสมูหาทีสุปิ จกฺก-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) หิ อาณา ‘‘จกฺก’’นฺติ วุตฺตา, ‘‘เทวจกฺกํ อสุรจกฺก’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) สมูโหติ. ปฏิเวธนิฏฺตฺตา อรหตฺตมคฺคาณํ ปฏิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. เตน ปฏิลทฺธสฺสปิ เทสนาาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส พุชฺฌนมตฺเตน โหตีติ ‘‘อฺาตโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติ…เป… ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาาณปฺปวตฺติ ตสฺเสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส านนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส านํ วิย.

‘‘ติฏฺตี’’ติ วุตฺตํ, กึ ภูมิยํ ปุริโส วิย? โนติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติ. านนฺติ เจตฺถ อตฺตลาโภ ธรมานตา จ, น คตินิวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จา’’ติ . ยตฺถ ปเนตํ ทสพลาณํ วิตฺถาริตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิธมฺเม ปนา’’ติอาทิมาห. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

สมาทิยนฺตีติ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติ. กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน สมาทานสทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทสฺเสติ มุตฺตคตสทฺเท คตสทฺทสฺส วิย. คตีติ นิรยาทิคติโย. อุปธีติ อตฺตภาโว. กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโล. ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยา.

อคติคามินินฺติ นิพฺพานคามินึ. วกฺขติ หิ ‘‘นิพฺพานฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิพฺพานคามิฺจ มคฺคํ นิพฺพานคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓). พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ กามํ สพฺเพสํ เจตนา ตสฺเสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๑) หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉนฺโท วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหมาโน วิจรติ. เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณ เอว – ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปโท, เอส พหุปฺปโท’’ติ ชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ – ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธิมากฑฺฒิสฺสติ, อิทํ อฺเน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ.

ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ เสสํ ปุริมสทิสํ, ตสฺมา เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก, ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ – ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก, ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ.

ตถา วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว – ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเหเยว สฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว , เอส ปจฺจยปริคฺคเห เอว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย เอว, เอส ปมผเลเยว, เอส ทุติยผเล เอว, เอส ตติยผเล เอว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ – ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติ. เตนาห ‘‘อิมสฺส เจตนา’’ติอาทิ.

กามนโต, กาเมตพฺพโต, กามปฏิสํยุตฺตโต จ กาโม ธาตุ กามธาตุ. อาทิ-สทฺเทน พฺยาปาทธาตุ-รูปธาตุ-อาทีนํ สงฺคโห. วิลกฺขณตายาติ วิสทิสสภาวตาย. ขนฺธายตนธาตุโลกนฺติ อเนกธาตุํ นานาธาตุํ ขนฺธโลกํ อายตนโลกํ ธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาตีติ โยชนา. ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นาม. เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ (วิภ. ๓๓). เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ (วิภ. ๓๔-๖๑). เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ, พหุวิเธน สฺากฺขนฺโธ (วิภ. ๖๒-๙๑). เอกวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ, พหุวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ (วิภ. ๙๒-๑๒๐). เอกวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๑๒๑-๑๔๙) เอวํ ตาว ขนฺธโลกสฺส, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๕๖-๑๗๑) อายตนโลกสฺส, ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม, ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๗๒-๑๘๘) ธาตุโลกสฺส อเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ปชานาติ. น เกวลํ อุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺเสว, อถ โข อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสปิ – ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มฏฺโ, อิมสฺส สกณฺฏโก, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, อิมสฺส ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ รสฺสํ วฏฺฏํ สุสณฺานํ ทุสฺสณฺานํ มุทุกํ ผรุสํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ กฏุกํ อมฺพิลํ กสาวํ, อิมสฺส กณฺฏโก ติขิโณ กุณฺโ อุชุโก กุฏิโล ตมฺโพ กาโฬ โอทาโต โหตี’’ติอาทินา ปชานาติ. สพฺพฺุพุทฺธาทีนํ เอว หิ เอตํ พลํ, น อฺเสํ.

นานาธิมุตฺติกตนฺติ นานาอชฺฌาสยตํ. อธิมุตฺติ นาม อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว. โส ปน หีนปณีตตาสามฺเน ปาฬิยํ ทฺวิธาว วุตฺโตปิ หีนปณีตาทิเภเทน อเนกวิโธติ อาห ‘‘หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาว’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺถ เย เย สตฺตา ยํยํอธิมุตฺติกา, เต เต ตํตทธิมุตฺติเก เอว เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ธาตุสภาคโต. ยถา คูถาทีนํ ธาตุสภาโว เอโส, ยํ คูถาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, เอวํ (ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยสฺเสเวส สภาโว, ยํ) (วิภ. มูลฏี. ๘๑๓) หีนชฺฌาสยา ทุสฺสีลาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, สมฺปนฺนสีลาทโย จ สมฺปนฺนสีลาทีเหว. ตํ เนสํ นานาธิมุตฺติกตํ ภควา ยถาภูตํ ปชานาตีติ.

วุทฺธิฺจ หานิฺจาติ ปจฺจยวิเสเสน สามตฺถิยโต อธิกตํ อนธิกตฺจ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณนิทฺเทเส (วิภ. ๘๑๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓) ‘‘อาสยํ ชานาติ อนุสยํ ชานาตี’’ติ อาสยาทิชานนํ กสฺมา นิทฺทิฏฺนฺติ? อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ชานนสฺส วิภาวนโต. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาาณานํ วิสุํ พลตา จ สิทฺธา โหติ. ตตฺถ อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฏฺานํ ทิฏฺิคตํ วา ยถาภูตาณํ วา อาสโย.อนุสโย อปฺปหีนภาเวน ถามคโต กิเลโส. ตํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานนฺโต เตสํ เตสํ ทิฏฺิคตานํ, วิปสฺสนามคฺคาณานฺจ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ภควา ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ. กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ. เนกฺขมฺมํ เสวนฺตฺเว ชานาติ. พฺยาปาทํ, อพฺยาปาทํ, ถินมิทฺธํ, อาโลกสฺํ เสวนฺตํเยว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล ถินมิทฺธครุโก ถินมิทฺธาสโย ถินมิทฺธาธิมุตฺโต’ติ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).

ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานนฺติ รูปาวจรานํ ปมาทีนํ ปจฺจนีกฌาปนฏฺเน อารมฺมณูปนิชฺฌานฏฺเน จ ฌานานํ. จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํ. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ เอตฺถ ปฏิปาฏิยา สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจนโต อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺขา นาม, อฏฺโม ปน สพฺพโส สฺาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคมวิโมกฺโข นาม. จตุกฺกนยปฺจกนเยสุ ปมฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นาม, ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมตฺโต, นยทฺวเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺกอวิจาโร, สมาปตฺตีสุ ปฏิปาฏิยา อฏฺนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิตฺเตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํ. หานภาคิยธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ. วิเสสภาคิยธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํ. อิติ สฺามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยธมฺมาติ ทสฺสิตานิ, เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา ธมฺม-สทฺเทน วุตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํ. ตฺหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เย (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๒๑) ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฏฺานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, เต ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) ปฏิเสเธตพฺพา. โย สมาปตฺติลาภี สมาโน เอว ‘‘น ลภามห’’นฺติ, กมฺมฏฺานํ สมานํ เอว ‘‘น กมฺมฏฺาน’’นฺติ สฺี โหติ, โส สมฺปตฺตึเยว สมานํ ‘‘วิปตฺตี’’ติ ปจฺเจตีติ เวทิตพฺโพ.

๑๔๙. อปฺปนนฺติ นิคมนํ. น ตถา ทฏฺพฺพนฺติ ยถา ปรวาทินา วุตฺตํ, ตถา น ทฏฺพฺพํ. สกสกกิจฺจเมว ชานาตีติ านาฏฺานชานนาทึ สกํ สกํเยว กิจฺจํ กาตุํ ชานาติ, ยถาสกเมว วิสยํ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ตมฺปีติ เตหิ ทสพลาเณหิ ชานิตพฺพมฺปิ. กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมวาติ กมฺมนฺตรสฺสวิปากนฺตรเมว ชานาติ, เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธมฺเม นิรยาทินิพฺพานคามินิปฏิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริจฺเฉทเมวา’’ติ. ธาตุนานตฺตฺจ ธาตุนานตฺตการณฺจ ธาตุนานตฺตการณนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฏฺพฺโพ. ตฺหิ าณํ ตทุภยมฺปิ ชานาติ, ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๘๑๒) ตถา เจว สํวณฺณิตํ. สจฺจปริจฺเฉทเมวาติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน สจฺจานํ ปริจฺฉินฺทนเมว. อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อฏฺมนวมพลานิ วิย ตํสทิสํ อิทฺธิวิธาณํ วิย วิกุพฺพิตุํ. เอเตนสฺส พลสทิสตฺจ นิวาเรติ. ฌานาทิาณํ วิย วา อปฺเปตุํ วิกุพฺพิตุฺจ. ยทิปิ หิ ‘‘ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาาณํ สตฺตมพล’’นฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ‘‘ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถี’’ติ ฌานาทิสหคตํ าณํ ตทนฺโตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สพฺพฺุตฺาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ กิจฺจวิเสสวเสนปิ ทสพลาณสพฺพฺุตฺาณานํ วิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตกฺกตฺติกภูมนฺตรวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปาฏิยาติอาทิโต ปฏฺาย ปฏิปาฏิยา.

อนุปทวณฺณนํ กตฺวา เวทิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. กิเลสาวรณํ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ, กิเลสาวรณสฺส อภาโว อาสวกฺขยาธิคมสฺส านํ, ตพฺภาโว อฏฺานํ, อนธิคมสฺส ปน ตทุภยํ ยถากฺกมํ อฏฺานฺจ านฺจาติ ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิย…เป… ทสฺสนโต จา’’ติ อาห. ตตฺถ โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา ิติ อาสวกฺขยาธิคมสฺส านํ กิเลสาวรณาภาวสฺส การณตฺตา. สา หิ ตสฺมึ สติ น โหติ, อสติ จ โหติ. เอเตน ตสฺสา อฏฺิติยา ตสฺส อฏฺานตา วุตฺตา เอว. เนสํ เวเนยฺยสตฺตานํ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ กามธาตุอาทีนํ ปวตฺติเภททสฺสนโต. ยทคฺเคน ธาตุเวมตฺตํ ชานาติ, ตทคฺเคน จริยาวิเสสมฺปิ ชานาติ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ วา ธมฺมธาตุเวมตฺตทสฺสนโต. สพฺพาปิ หิ จริยา ธมฺมธาตุปริยาปนฺนา เอวาติ. ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ สนฺตติมหามตฺตาทีนํ (ธ. ป. ๑๔๒) วิย. ทิพฺพจกฺขุาณานุภาวโต ปตฺตพฺเพนาติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ปรสฺส หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโลหิตวณฺณทสฺสนมุเขน ตทา ปวตฺตมานจิตฺตชานนตฺถํ ปริกมฺมกรณํ นาม สาวกานํ, ตฺจ โข อาทิกมฺมิกานํ, ยโต ทิพฺพจกฺขุอานุภาวโต เจโตปริยาณสฺส ปตฺตพฺพตา สิยา, พุทฺธานํ ปน ยทิปิ อาสวกฺขยาณาธิคมโต ปเคว ทิพฺพจกฺขุาณาธิคโม, ตถาปิ ตถา ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ วิชฺชาตฺตยสิทฺธิยา สิชฺฌนโต. เสสาภิฺาตฺตเย เจโตปริยาณํ ทิพฺพจกฺขุาณาธิคเมน ปตฺตนฺติ จ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปุน เอวรูปึ วาจํ น วกฺขามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทนฺโต ตํ วาจํ ปชหติ นาม. วาจาย ปน โส อตฺโถ ปากโฏ โหตีติ ‘‘วทนฺโต’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺึ น คณฺหิสฺสามีติ ทิฏฺิคฺคาหปฏิกฺเขโป. ทิฏฺิยา อนุปฺปาทนํ ปชหนเมวาติ อาห ‘‘ปชหนฺโต’’ติ. โส อริยูปวาที นิรเย ปิโตเยว, นาสฺส นิรยูปปตฺติยา โกจิ วิพนฺโธ เอกํสิโก อยมตฺโถติ อธิปฺปาโย.

อสฺสาติ เอกํสิกภาวสฺส. สิกฺขาหิ สีลสมาธิปฺาหิ, ตทตฺถาย วิปสฺสนาย จ วินา อฺาราธนสฺส อสมฺภวโต ‘‘โลกิยโลกุตฺตรา สีลสมาธิปฺา เวทิตพฺพา’’ติ วตฺวา ปุน อาสนฺนตเร สีลาทิเก ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกุตฺตรวเสเนว วินิวตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ อาห, ตสฺมา อคฺคมคฺคปริยาปนฺนา สีลาทโย เวทิตพฺพา. อคฺคมคฺคฏฺสฺส หิ ทิฏฺเว ธมฺเม เอกํสิกา อฺาราธนา, อิตเรสํ อเนกํสิกาติ. สมฺปชฺชนํ สมฺปทา, นิปฺผตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา เอวํสมฺปทนฺติ เอวํอวิรชฺฌนกนิปฺผตฺติกนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อิมมฺปิ การณ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ การณนฺติ ยุตฺติ. ตตฺรายํ ยุตฺตินิทฺธารณา ‘‘นิรยูปโค อริยูปวาที ตทาทายสฺส อวิชฺชมานโต เสยฺยถาปิ มิจฺฉาทิฏฺี’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘ตํ วาจํ อปฺปหายา’’ติอาทิวจเนน ตทาทายสฺส อปฺปหาเนน จ อริยูปวาโท อนฺตรายิโก อนตฺถาวโห จ, ปหาเนน ปน อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาปเนน อนนฺตรายิโก อตฺถาวโห จ ยถา ตํ วุฏฺิตา เทสิตา จ อาปตฺตีติ ทสฺเสติ.

ทสพลาณวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุเวสารชฺชาณวณฺณนา

๑๕๐. พฺยาโมหภยวเสน (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) สรณปริเยสนํ สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํ, วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท, ตสฺส ภาโว เวสารชฺชํ. ตํ ปน าณสมฺปทํ ปหานสมฺปทํ เทสนาวิเสสสมฺปทํ เขมํ นิสฺสาย ปวตฺตํ จตุพฺพิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. เตนาห ‘‘จตูสุ าเนสู’’ติอาทิ. ทสฺสิตธมฺเมสูติ วุตฺตธมฺเมสุ. วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อภาวโต. ภควตา เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธมฺเมสุ. ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘) วิย ธมฺม-สทฺโท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘สหธมฺเมนาติ สเหตุนา’’ติ. เหตูติ จ อุปปตฺติสาธนเหตุ เวทิตพฺโพ, น การโก สมฺปาปโก จ. อปฺปมาณนฺติ อนิทสฺสนํ. นิทสฺสนฺหิ อนฺวยโต พฺยติเรกโต ปมาณงฺคตาย ‘‘ปมาณ’’นฺติ วุจฺจติ. นิมิตฺตนฺติ โจทนาย การณํ. ตตฺถ โจทโก โจทนํ กโรตีติ การณํ, ธมฺโม โจทนํ กโรติ เอเตนาติ การณํ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโลปี’’ติอาทิ. เขมนฺติ เกนจิ อปฺปฏิพนฺธิยภาเวน อนุปทฺทุตตํ.

อนฺตราโย เอเตสํ อตฺถิ, อนฺตราเยวา ยุตฺตาติ อนฺตรายิกา. เอวํภูตา ปน เต ยสฺมา อนฺตรายกรา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติ. อสฺจิจฺจ วีติกฺกโม น ตถา สาวชฺโชติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา’’ติ. สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธาติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ ตพฺภาเว พฺยภิจาราภาวโต. อิธ ปน เมถุนธมฺโม อธิปฺเปโตติ อิทํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน วุตฺตํ อริฏฺสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๑๗-๔๒๒) วิย. ยสฺมา ตงฺขณมฺปิ กาเมสุ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) อาทีนวํ ทิสฺวา วิรตฺโต (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) โหติ เจ, วิเสสํ อธิคจฺฉติ, น กาเมสุ อาสตฺโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมถุนํ…เป… อนฺตราโย โหตี’’ติ. ตตฺถ ยสฺส กสฺสจีติ น เกวลํ ปพฺพชิตสฺเสว, อถ โข ยสฺส กสฺสจิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เมถุนมนุยุตฺตสฺส, มุสฺสเตวาปิ สาสน’’นฺติ. ตสฺมึ อนิยฺยานิกธมฺเมติ ตสฺมึ ปเรน ปริกปฺปิตอนิยฺยานิกธมฺมนิมิตฺตํ. นิมิตฺตตฺเถ หิ อิทํ กมฺมสํโยเค ภุมฺมํ.

จตุเวสารชฺชาณวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺปริสวณฺณนา

๑๕๑. ปุริสสฺส สูรตรภาโว นาม สงฺคาเม ปากโฏ โหติ, น เคเห นิสินฺนกาเล, เอวํ เวสารชฺชาณสฺส อานุภาโว ปณฺฑิตปริสาสุ ยตฺถ กตฺถจีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เวสารชฺชาณสฺส พลทสฺสนตฺถ’’นฺติ อาห. สนฺนิปติตฺวา นิสินฺนฏฺานนฺติ านสีเสน สนฺนิปติตขตฺติยปริสเมว ทสฺเสติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถาติ อติเทเสน อาวิภาวิตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘มารกายิกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ สทิสตฺถวิสยตฺตา อติเทสสฺส. ยถา หิ ขตฺติยานํ สมูโห ขตฺติยปริสาติ อยมตฺโถ ลพฺภติ, น เอวํ ‘‘มารปริสา’’ติ เอตฺถ, มารสฺส ปริสาติ ปน มารปริสาติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘มารกายิกานํ…เป… น มาราน’’นฺติ. มารกายิกานนฺติ มารปกฺขิยานํ. อุคฺคฏฺานทสฺสนวเสนาติ สารชฺชิตพฺพฏฺานทสฺสนวเสน, เอวํ อุคฺคา ขตฺติยา อตฺตโน ปุฺเตเชนาติ อธิปฺปาโย. พฺราหฺมณา ตีสุ เวเทสูติ อิทํ อิตเรสํ อวิสยทสฺสนวเสน วุตฺตํ. เวเท สชฺฌายนฺตาปิ หิ ขตฺติยา เวสฺสา จ ตทตฺถวิจารณาย เยภุยฺเยน อสมตฺถา เอวาติ. กสฺมา ปเนตฺถ ยามาทิปริสา น คหิตาติ? ภุสํ กามาภิคิทฺธตาย โยนิโสมนสิการวิรหโต. ยามาทโย หิ อุฬารุฬาเร กาเม ปฏิเสวนฺตา ตตฺถาภิคิทฺธตาย ธมฺมสฺสวนาย สภาเวน จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, มหาโพธิสตฺตานํ ปน พุทฺธานฺจ อานุภาเวน อากฑฺฒิยมานา กทาจิ เตสํ ปยิรุปาสนาทีนิ กโรนฺติ ตาทิเส มหาสมเย. เตเนว หิ วิมานวตฺถุเทสนาปิ ตนฺนิมิตฺตา พหุลา นาโหสิ. มนุสฺสานํ วเสนายํ กตา.

ปรจกฺกวาเฬสุ จ มนุสฺสานํ วิเสสาธิคโม นตฺถีติ ปุจฺฉติ ‘‘กึ ปน ภควา อฺานิ จกฺกวาฬานิปิ คจฺฉตี’’ติ. อิตโร ยทิปิ เตสํ อริยธมฺมาธิคโม นตฺถิ, วาสนาย ปน ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อามคจฺฉตี’’ติ อาห. เกยูรํ นานาวิธรตนปริสิพฺพิตสุวณฺณชาลวินทฺธํ ภุชาภรณํ. องฺคทํ นานาคนฺธคนฺธิตํ, เกวลํ วา สุวณฺณมยํ พาหุวลยํ. ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธาภูตสฺสรา (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒) คคฺครสฺสราติ คคฺคริกาย วิย คคฺครายมานขรสฺสรา (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๖๙). ภาสนฺตรนฺติ เตสํ ภาสํ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๖๙) สนฺธายาห. ‘‘วีมํสาอุปฺปชฺชตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. อาทิโต ลาโป อาลาโป, วจนปฏิวจนวเสน สมํ ลาโป สลฺลาโป. สมฺมา, สมฺา วา กถา สํกถา, สํกถาว สากจฺฉา.

อฏฺปริสวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุโยนิวณฺณนา

๑๕๒. ยวนฺติ ตาย สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิ. สา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฏฺานวิสิฏฺโ ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธโกฏฺาโส โยนิ นามา’’ติ. อณฺเฑ ชาตาติ ปมาย ชาติยา วเสน วุตฺตํ, ทุติยาย ปน อณฺฑโต, อณฺเฑ วา ภิชฺชมาเน ชาตาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อภินิพฺภิชฺช ชายนฺตี’’ติ. วินาติ เอเตหิ อณฺฑาทีหิ พาหิรปจฺจเยหิ วินา. อุปฺปติตฺวา วิยาติ อุปฺปชฺชนวเสน ปติตฺวา วิย. พาหิรปจฺจยนิรเปกฺขตฺตาเยว วา อุปปตเน สาธุการิโน อุปปาติกา, เต เอว อิธ โอปปาติกาติ วุตฺตา. อาทิ-สทฺเทน คพฺภมเล นิพฺพตฺตมหาปทุมกุมาราทีนํ สงฺคโห. นิชฺฌามตณฺหิกเปตานํ นิจฺจํ ทุกฺขาตุรตาย กามเสวนา นตฺถิ , ตสฺมา เต คพฺภเสยฺยกา น โหนฺติ, ชาลวนฺตตาย น ตาสํ กุจฺฉิยํ คพฺโภ สณฺาติ, ตสฺมา เต โอปปาติกาเยว สํเสทชตฺตายปิ อสมฺภวโต. เนรยิกา วิยาติ นิทสฺสนาปเทเสน เตสมฺปิ โอปปาติกตฺตํ ทีเปติ. อวเสสาติ นิชฺฌามตณฺหิกเนรยิเก เปตฺวา อวเสสา วินิปาติกา. ยกฺขานํ จาตุมหาราชิกตาย โอปปาติกภาเว เอว อาปนฺเน ตํ นิวตฺเตตุํ ‘‘เอวํ ยกฺขาปี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ เต น ภุมฺมเทวา น จ วินิปาติกาติ.

จตุโยนิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจคติวณฺณนา

๑๕๓. คนฺตพฺพาติ อุปปชฺชิตพฺพา. ยถา หิ กมฺมภโว ปรมตฺถโต อสติปิ การเก ปจฺจยสามคฺคิยา สิทฺโธ ตํสมงฺคินา สนฺตานลกฺขเณน สตฺเตน กโตติ โวหรียติ, ตถา อุปปตฺติภวลกฺขณา คติโย ปรมตฺถโต อสติปิ คมเก ตํตํกมฺมวเสน เยสํ ตานิ กมฺมานิ, เตหิ คนฺตพฺพาติ โวหรียนฺตีติ. เอวํ สทฺทตฺถโต คตึ ทสฺเสตฺวา อตฺถุทฺธารนเยนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เยสุ นิรยาทิเภเทสุ อุปปตฺติภเวสุ คติ-สทฺโท นิรูฬฺโห, ตโต อฺตฺถาปิ คติสทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, ตํ เอเกน คติ-สทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘คติคตี’’ติ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ, (สํ. นิ. ๔.๓๒๗) รูปรูป’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙) จ. อุปฺปาทาวตฺถาย คมนํ อุปคมนนฺติ ‘‘นิพฺพตฺติคตี’’ติ วุตฺตา. คตินฺติ จิตฺตคตึ. เตนาห ‘‘อชฺฌาสยคติ นามา’’ติ, อชฺฌาสยปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. ตทฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๕๐๓) ปน ‘‘คตินฺติ นิปฺผตฺติ’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. พฺรหฺมนิมนฺตนสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๐๓) หิ อยํ ปาฬีติ. ชุตินฺติ อานุภาวํ. วิภโวติ วินาโส. โส หิ วิคโมติ อตฺเถน คติ. เตเนว นิพฺพานํ อรหโต คตีติ (ปริ. ๓๓๙) อนุปาทิเสสนิพฺพานํ อรหโต คติ วิคโม วิภโวติ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ. ทฺเวเยว คติโยติ ทฺเวว นิปฺผตฺติโยติ อตฺโถติ อาห ‘‘อยํ นิปฺผตฺติคติ นามา’’ติ.

ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตํ พฺรูเหนฺโต เอว อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํ. นตฺถิ เอตฺถ อโยติ นิรโย. ตโต เอว รมิตพฺพํ อสฺสาเทตพฺพํ ตตฺถ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นิรติอตฺเถน นิรสฺสาทฏฺเน นิรโย’’ติ. ติริยํ อฺจิตาติ เทวมนุสฺสาทโย วิย อุทฺธํ ทีฆา อหุตฺวา ติริยํ ทีฆาภิ อตฺโถ. ปกฏฺโต สุขโต อยนํ อปคโม เปจฺจภาโว, ตํ เปจฺจภาวํ ปตฺตานํ วิสโยติ เปตโยนิเมว วทติ. มนโส อุสฺสนฺนตฺตาติ สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสตาย อุกฺกฏฺคุณจิตฺตตายาติ อตฺโต. อยํ ปนตฺโถ นิปฺปริยายโต ชมฺพุทีปวาสีวเสน เวทิตพฺโพ. ยถาห – ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปิกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑). เตหิ ปน สมานรูปาทิตาย สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ มนุสฺสาเตว ปฺายึสุ. โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุสํวณฺณนายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๓) วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ. อานุภาเวหีติ เทวานุภาวสงฺขาเตหิ อิทฺธิวิเสเสหิ. ตตฺถ กามา เทวา กามคุเณหิ เจว อิทฺธิวิเสเสหิ จ อิตเร อิทฺธิวิเสเสเหว ทิพฺพนฺติ กีฬนฺติ โชตนฺติ, สรณนฺติ วา คมฺมนฺติ, อภิตฺถวิยนฺตีติ วา เทวาติ.

ติรจฺฉานโยนิฺจาติอาทีสูติ เอตฺถ ติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยคฺคหเณน ขนฺธานํ เอว คหณํ เตสํ ตาทิสสฺส ปริจฺฉินฺนสฺส โอกาสสฺส อภาวโต. ยตฺถ วา เต อรฺสมุทฺทปพฺพตาทิเก นิพทฺธวาสํ วสนฺติ, ตาทิสสฺส านสฺส วเสน โอกาโสปิ คเหตพฺโพ. นิรยูปคาทีหิ สตฺเตหิ มคฺคิตพฺพโต มคฺโค ปฏิปชฺชิตพฺพา ปฏิปทา จาติ ตํ ตํ กมฺมเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุภเยนปี’’ติอาทิ. ยถา จ ปฏิปนฺโนติ อิมินา ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตาการมาห. เอตฺถ จ นิรยคามิฺจ มคฺคํ นิรยคามินิฺจ ปฏิปทนฺติ อิมินา สาธารณโต นิรยสํวตฺตนิยํ กมฺมํ วตฺวา ปุน ตํ ตํ สนฺตานปติตตาย อสาธารณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาปฏิปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วินิปตนฺตีติ วิวสา, วิรูปํ วา นิปตนฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘นิพฺพานฺจาห’’นฺติอาทิมาหาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ. น หิ ภควา อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตํ วิภาเวนฺโต สาวเสสํ กตฺวา เทสนํ เทเสติ.

ปฺจคติวณฺณนา นิฏฺิตา.

าณปวตฺตาการวณฺณนา

๑๕๔. าณปฺปวตฺตาการนฺติ าณสฺส ปวตฺติอาการํ, าณสฺส วา ปวตฺติปการํ. เอกนฺตทุกฺขาติ เอกนฺเตน ทุกฺขา อจฺจนฺตทุกฺขา. ตา ปน สพฺพกาลํ ทุกฺขา สุขาลเยนปิ อสมฺมิสฺสาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นิจฺจทุกฺขา นิรนฺตรทุกฺขา’’ติ. พหลาติ อตนุกา, มหนฺตาติ อตฺโถ . ติพฺพาติ วา ติขิณา. ขราติ กกฺขฬา. กฏุกาติ วา อนิฏฺา. กสฺสติ ขณียตีติ กาสุ, อาวาโฏ. กสียติ จียตีติ กาสุ, ราสิ. ผุนนฺตีติ ทฺวีหิ หตฺเถหิ องฺคารานิ อุกฺขิปิตฺวา ปฏิวาตํ โอผุนนฺติ, เตน เตสํ สกลสรีรํ ฑยฺหติ. เตนาห ‘‘ปริทฑฺฒคตฺตา’’ติ. ปุริสปฺปมาณํ โปริสํ. เอกปเถเนวาติ เอกมคฺคภูเตเนว. อนุกฺกมนีเยนาติ อุกฺกมิตุํ อปกฺกมิตุํ อสกฺกุเณยฺเยน.

นนุ จ ทิพฺพจกฺขุาณํ ปจฺจุปฺปนฺนวณฺณารมฺมณํ, เตน กถํ รูปนฺตรสมงฺคึ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตํ ‘‘อยํ โส’’ติ ชานาตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ยถากมฺมูปคาเณน ‘‘อยํ โส’’ติ สลฺลกฺเขติ, ตสฺส ปน ทิพฺพจกฺขุอานุภาเวน ปตฺตพฺพตฺตา ‘‘ทิพฺพจกฺขุพลํ นาม เอตนฺติ วุตฺตํ.

ปุริมนเยเนวาติ ‘‘คูถกูโป วิย ติรจฺฉานโยนิ ทฏฺพฺพา’’ติอาทินา องฺคารกาสุปมายํ วุตฺตนเยเนว. ทุกฺขา เวทนา พหุลา เอตาสูติ ทุกฺขพหุลา. พหลปตฺตปลาโสติ อวิรฬตนุวิปุลปณฺโณ. สุขปริโภคํ มหาปาสาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทีฆปาสาโท’’ติ วุตฺตํ จตุรสฺสปาสาทาทีนํ ขุทฺทกตฺตา. อุณฺณามยอตฺถรเณนาติ อุณฺณามยโลหิตอตฺถรเณน. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ. ตํ ปน โลหิตวิตานํ อิธาธิปฺเปตนฺติ ‘‘รตฺตวิตาเนนา’’ติ วุตฺตํ.

อปรภาคโยชนาติ ปาฬิยํ ‘‘อปเรน สมเยนา’’ติ วุตฺตสฺส อปรภาคสฺส โยชนา. สา ปน เอกเทเสน ปุริมภาเค วุตฺเต เอว สุวิฺเยฺยา โหตีติ ‘‘ยถา โส’’ติอาทิมาห. มคฺคารุฬฺหเมวาติ มคฺคํ อุปคตมตฺตเมว.

นิยมาภาวาติ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนาว ปสฺสตี’’ติ นิยมสฺส อภาวา. ‘‘ทิพฺพจกฺขุนาปิ ปสฺสิสฺสตี’’ติ อิทํ น อนุตฺตรสุขานุภวนสฺส ทิพฺพจกฺขุโคจรตฺตา วุตฺตํ, อนาคตสฺส ปน ตสฺส ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑภูเตน อนาคตํสาเณน ทสฺสนเมวาติ การณูปจาเรน วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ’’จฺเจว วุตฺตํ. ‘‘อตฺถโต ปน นานา โหตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เทวโลกสุขํ หี’’ติอาทึ วตฺวา ยถาทสฺสิตอุปมาหิปิ อยมตฺโถ ปากโฏ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปมายมฺปี’’ติอาทิมาห. โคตฺรภุาณุปฺปาทโต ปฏฺาย นิโรธํ ปสฺสิตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลปจฺจเวกฺขณวเสน เจว ปรโต ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนวเสน จ อริยสาวโก นิโรเธ สยิโต วิย โหติ ตทปสฺสเยเนว ปวตฺตนโตติ อาห ‘‘นิโรธสยนวรคต’’นฺติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานา…เป… ปสฺสตี’’ติ.

าณปวตฺตาการวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา

๑๕๕. ปุจฺฉานุสนฺธิอาทิอนุสนฺธิตฺตยโต อฺตฺตา ‘‘ปาฏิเยกฺกํ อนุสนฺธิวเสนา’’ติ วุตฺตํ. น เกวลํ ‘‘ทุกฺกรการิกาย สุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํลทฺธิโก เอว, อถ โข ทุกฺกรจารีสุ อภิปฺปสนฺโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุกุณฺฑิโกติ ทฺวีหิ ปาเทหิ หตฺเถหีติ จตูหิ องฺเคหิ กุณฺฑนโก อาหิณฺฑนโก. ฉมานิกิณฺณนฺติ ภูมิยํ ขิตฺตํ. ภกฺขสนฺติ อาหารํ.

มจฺฉริยมลาทิปาปธมฺมวิคมนโต เมตฺตาทิคุณานุพฺรูหนโต จ พฺรหฺมํ เสฏฺํ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, ทานํ. ตถา หิ ตํ ภควตา ปณฺฑิตปฺตฺตํ วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ พฺรหฺมจริยปริยาโย นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺโพ. กินฺติ กีทิสํ. วตนฺติ สมาทินฺนวตํ. สุจิณฺณสฺสาติ สุฏฺุ จิณฺณสฺส ปุฺสฺส. อิทฺธีติ อานุภาโว. ชุตีติ วตฺถาภรโณภาสสมุชฺชลา สรีรปฺปภา. พลวีริยูปปตฺตีติ กายพเลน เจว อุสฺสาเหน จ สมนฺนาคโม.

เตน ปาณิ กามทโทติ เตน อทฺธิกานํ อุปคจฺฉนฺตานํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา อสยฺหเสฏฺิโน ทานฏฺานทสฺสนมเยน ปุฺเน อิทานิ มยฺหํ หตฺโถ กปฺปรุกฺโข วิย กามทโท อิจฺฉิติจฺฉิตทายี, กามทโท โหนฺโต จ มธุสฺสโว อิฏฺวตฺถุวิสฺสชฺชนโก ชาโต. เตน เม พฺรหฺมจริเยนาติ เตน มม ยถาวุตฺตกายเวยฺยาวฏิยกมฺมสงฺขาเตน เสฏฺจริเยน. ปุฺนฺติ ปุฺผลํ. ตมฺปิ หิ ปุชฺชสภาวโต, อุตฺตรปทโลเปน วา ‘‘เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ‘‘ปุฺ’’นฺติ วุจฺจติ.

ปฺจ สิกฺขาปทานิ สมาหฏานิ ปฺจสิกฺขาปทํ ยถา ‘‘ติภวํ, ติสกฏ’’นฺติ จ. พฺรหฺมจริยสฺมินฺติ ธมฺมเทสนาย. สา หิ วิเนยฺยานํ พฺรหฺมภาวาวหนโต พฺรหฺมํ เสฏฺํ จริยํ, พฺรหฺมุโน วา ภควโต วาจสิกํ จริยนฺติ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุจฺจติ.

สหสฺสํ มจฺจุหายินนฺติ สหสฺสมตฺตา อรหตฺตสมธิคเมน มจฺจุวิสยาติกฺกเมน มจฺจุปหายิโน ชาตา. พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามาติ เอตฺถ เยน พฺรหฺมจริเยน เต พฺรหฺมจาริโนติ วุจฺจนฺติ, ตํ พฺรหฺมจริยํ นิทฺธาเรตฺวา อาห ‘‘เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา’’ติ.

นาติกฺกมามาติ น อติจราม อคมนียฏฺาเนปิ อิตรตฺถาปิ น วีติกฺกมาม. เตนาห ‘‘อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จรามา’’ติ. อมฺหนฺติ อมฺหากํ.

อตฺตทมนวเสนาติ ยถาปฏิฺํ อรหนฺตานํ อนุกรณากาเรน ปวตฺตจิตฺตทมนวเสน, มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ทมเนนาติ อตฺโถ. สิขาปฺปตฺตเสฏฺจริยตาย อริยมคฺโค พฺรหฺมจริยํ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ จรติ เอเตนาติ พฺรหฺมจริยํ, สตฺถุสาสนํ.

อตรมานานนฺติ น ตรมานานํ เทสกาลํ อุทิกฺขนฺตานํ. ผลาสาว สมิชฺฌตีติ สุทุลฺลภผเลปิ อาสา สมฺมาปโยคมนฺวาย สมิชฺฌติ เอว. วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมีติ วิเสเสน นิปฺผนฺนปณีตชฺฌาสโย ปริปุณฺณอุฬารมโนรโถ. โส หิ เสฏฺมโนสมาจารตาย พฺรหฺมจริยปริยาเยน วุตฺโต.

อิทเมว สุตฺตํ อาคตฏฺานนฺติ อธิปฺปาโย เตปิฏเก พุทฺธวจเน อิทเมว สุตฺตปทํ ‘‘วีริยํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาคตฏฺานนฺติ อตฺโถ. วีริยฺหิ ตสฺมึ วิสเย อุตฺตมํ ปรมุกฺกํสคตํ ตาทิสจริยาเหตุ จาติ พฺรหฺมจริยนฺติ อิธ วุตฺตํ. จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ จตุพฺพิธทุกฺกรกิริยาย สาธกสฺส จตุพฺพิธสฺส อตฺตโน ปวตฺติอาการสฺส วเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ.

โกจิ ฉินฺนภินฺนปฏปิโลติกธโร ทสนฺตยุตฺตสฺส วตฺถสฺส อภาวโต นิจฺเจโลติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺยาติ ตํ นิวตฺเตนฺโต อาห ‘‘นคฺโค’’ติ. เอวํ อกาสึ, เอวมฺปิ สตฺตปีฬา มา อโหสีติ อธิปฺปาโย. ยถา ‘‘อภิหฏํ น สาทิยามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) ภิกฺขาปริเยสเน อุกฺกฏฺจาริตาทสฺสนํ, เอวํ ‘‘นเอหิ ภทฺทนฺติกาทิภาโวปี’’ติ คเหตพฺพํ. ปุริสนฺตรคตายาติ ปุริสสมีปคตาย. สํกิตฺตียนฺติ เอตายาติ สํกิตฺติ, คามวาสิอาทีหิ สมุทายวเสน กริยมานกิริยา. อิธ ปน ภตฺตสํกิตฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘สํกิตฺเตตฺวา กตภตฺเตสู’’ติ. ททนฺติ ตายาติ ทตฺติ. เอกาหํ อนฺตรภูตํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกาหิกํ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. เอกาหวาเรนาติ เอกาหิกวาเรน. ‘‘เอกาหิก’’นฺติอาทินา วุตฺตวิธิเมว ปฏิปาฏิยา ปวตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ปุน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิติ เอวรูป’’นฺติอาทิ.

เอรกติณาทีนิ วาติ เอรกติณาทีนิ คนฺถิตฺวา กตนิวาสนานิ ฉวทุสฺสานิ, นิหีนทุสฺสานีติ อตฺโถ. ตนฺตาวุตานนฺติ ตนฺตํ ปสาเรตฺวา วีตานํ. ปกติกณฺฏเกติ สลากกณฺฏเก.

๑๕๖. เนกวสฺสคณสฺชาตนฺติ อเนกวสฺสสมูหสฺชาตํ. นนุ จ อิทาเนว ‘‘สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต’’ติ วุตฺตํ, ‘‘เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิต’’นฺติ จ, ตทุภยํ เอกสฺมึ กถํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘อิทํ อตฺตโน รโชชลฺลกวตสมาทานกาลํ สนฺธาย วทตี’’ติ. เอเตเนว ‘‘อเจลโก โหมี’’ติ วุตฺตอเจลกปฏิฺา, ‘‘สาณานิปิ ธาเรมี’’ติอาทินา วุตฺตฉนฺนกปฏิฺา, ตตฺถาปิ สาณ-มสาณ-ฉวทุสฺสาทิ-นิวตฺถ-ปฏิฺา จ อวิรุทฺธาติ ทฏฺพฺพา ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ตถา ตถา ปฏิปนฺนตฺตา. เตติ อเจลกา. สงฺฆาตนฺติ สพฺพโส ฆาตํ. เตนาห ‘‘วธ’’นฺติ. สีลวา นาม นตฺถิ ‘‘อนภิสนฺธิกมฺปิ ปาปํ โหตี’’ติ เอวํ ลทฺธิกตฺตา. สีลํ อธิฏฺายาติ อิทํ ปฏิกฺกมนกิริยํ สนฺธาย วุตฺตํ.

ปาสณฺฑปริคฺคหณตฺถายาติ ปาสณฺเฑสุ อสารสารภาววีมํสนตฺถาย. ตํ ปพฺพชฺชนฺติ อาชีวกปพฺพชฺชํ. วิกฏโภชเนติ วิกตโภชเน วิรูปโภชเน. เตนาห ‘‘อปกติโภชเน’’ติ.

๑๕๗. ภึสนกตสฺมินฺติ ภาวสาธนภาวี อิทํ ปทนฺติ อาห ‘‘ภึสนกตสฺมึ ภึสนกกิริยายา’’ติ. ‘‘ภึสนกตฺตสฺมิ’’นฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส ต-การสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. เยภุยฺยคฺคหณํ โลมวนฺตวเสนปิ โยเชตพฺพํ, น โลมวเสนาติ อาห ‘‘พหุตรานํ วา’’ติอาทิ.

สุ-สทฺเท อุ-การสฺส โอ-การํ กตฺวา ปาฬิยํ ‘‘โสตตฺโต’’ติ วุตฺตนฺติ ตทตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘สุตตฺโต’’ติ อาห. สุฏฺุ อวตตฺโตติ วา โสตตฺโต. โสสินฺโนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สุทฺธิวสนตฺถายาติ สํสารสุทฺธิคเวสนตฺถาย.

วิหารสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘วิหาโร เอว หิ ‘วิหารสฺมิ’นฺติ วุตฺโต’’ติ. เตเนว จาติ เตเนว วิภตฺติวิปลฺลาสวเสน. เอวํ อตฺโถติ อยํ เอวํ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทุกฺขปฺปตฺโตติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. สพฺพตฺถาติ สุขทุกฺเข ลาภาลาภาทิเก จ. ตุลิโตติ ตุลาสทิโส.

ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาหารสุทฺธิวณฺณนา

๑๕๘. สุชฺฌิตุนฺติ สํสารโต สุชฺฌิตุํ.

๑๕๙. อาสีติกปพฺพานีติ อาสีติกปิฏฺิปพฺพานิ, ‘‘กาฬปพฺพานี’’ติ วทนฺติ. ปพฺพานํ มชฺเฌ. อุนฺนตุนฺนตานีติ มํเส มิลาเต ทฺวินฺนํ สนฺธีนํ อนฺตเร วาเตนุทฺธุมาตธมนีชาลตาย อุนฺนตานิ อุนฺนตานีติ. อานิสทนฺติ อานิสทฏฺานํ. นิสินฺนฏฺานนฺติ ปํสูหิ, วาลิกาหิ วา นิจิตํ นิสินฺนฏฺานํ. สรโปงฺเขนาติ สรสฺส โปงฺขปฺปเทเสน, สรโปงฺขสฺิเตน วา มคฺเคน. อกฺกนฺตนฺติ อกฺกนฺตฏฺานํ. ตกฺกโคฬิกสทิสานํ, สรีรฆํสนตฺถํ กต กุรุวินฺทโคฬกานํ วา อาวฬิ วฏฺฏนาหาโร. วํสโตติ ปิฏฺิวํสโต. มณฺฑเลติ ภิตฺติปาทานํ มตฺถเก ปิตมณฺฑลเก สีสคฺเคน ปติฏฺหนฺติ. น เอวํ ผาสุฬิโยติ ยถา ยถา วุตฺตโคปานสิโย ปปตา ติฏฺนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตสฺส ผาสุกาปิ ปปตา ิตา.

โอกฺขายิกาติ อวกฺขายิกา, เหฏฺา หุตฺวา นินฺนภาเวน ปฺายมานา. เอวรูปาติ ยถาวุตฺตรูปา, นินฺนตราติ อตฺโถ. ยาว ปิฏฺิกณฺฏกํอลฺลีนาโหตีติ มยฺหํ อุทรจฺฉวิ ยาว ปิฏฺิกณฺฏกํ, ตาว ตํ อาหจฺจ ิตตฺตา อลฺลีนา โหติ อุทริยสฺส ปริกฺขเยน อนฺตานฺจ สุฏฺุมิลาตตาย. ภาริยภาริยาติ ครุตรา. สหอุทรจฺฉวึ ปิฏฺิกณฺฏกํ, สหปิฏฺิกณฺฏกํ อุทรจฺฉวินฺติ โยชนา. เนว นิกฺขมติ อาหารสนฺนิสฺสยอาโปธาตุยา สพฺพโส วิสุกฺขตฺตา. ปูติมูลานีติ โลมมูลานํ ปริพฺรูหนเก มํเส โลหิเต จ ปริกฺขีเณ ตานิ สุกฺขานิ านโต ภฏฺานิ อภาเวเนว ‘‘ปูติมูลานี’’ติ วุตฺตานิ. เตนาห ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิ.

อธิคตาติ อิทานิ อธิคตา. ยถา เอตรหิ วิปสฺสนาปฺาย อธิคตตฺตาติ อิมินา กิฺจาปิ มหาโพธิสตฺตา ปริปากคตาณา วสีภูตชฺฌานาภิฺา วิปสฺสนาย ปริกมฺมํ กโรนฺติ, ยถา จ เนสํ จริมภเว วิปสฺสนาจาโร, น ตถา ตทาติ ทสฺเสติ. เอตเทวาติ ยํ เยน วุตฺตํ อตฺถชาตํ, เอตเทว เอตฺถ เอตสฺมึ ปาปเทเส ยุตฺตํ ปุพฺเพนาปรํ อวิรุชฺฌนโต. อิตรถาติ ภิกฺขูหิ วุตฺตปฺปกาเรน อนนุรูโป สิยา ‘‘อิมิสฺสา’’ติ วุตฺตาย อฺตฺเต.

อาหารสุทฺธิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สํสารสุทฺธิอาทิวณฺณนา

๑๖๐. สํสาเรนาติ อปราปรํ จวนุปปชฺชนวเสน ภเวสุ สํสรเณน. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; พุ. วํ. อฏฺ. ๕๘; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๒๗; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๙; สารตฺถ. ฏี. ๑.๑);

พหุกนฺติ พหุกาลํ พหุกฺขตฺตุํ. อุปปชฺชิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ ภเว นิพฺพตฺติตฺวา. อาวาเสนาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตาวาเส อาวสเนน นิพฺพตฺติตฺวา ชีวเนน. ขนฺธาเยว วุตฺตา เตสํเยว ปวตฺติวิเสสสฺส เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา. พหุยาเคติ อชสูกรโคมายฺวาทิเก พหุวิเธ มหายฺเ. พหุอคฺคีติ วาจาเปยฺยาทิวเสน อนฺตมโส ปากยฺาทิวเสน จ พหุเกปิ อคฺคี ปริจรเณน.

๑๖๑. พาลทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. อติกฺกนฺตปมวยา สตฺตา สภาเวน ปลิตสิรา โหนฺตีติ ปมวเย ิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุสุกาฬเกโส’’ติ วุตฺตํ. ชราชิณฺโณติ ชราย ชิณฺโณ, น อกาลิเกน ชราย อภิภูโต. อุกฺกํสคตพุทฺธตาย วุทฺโธ. เตนาห ‘‘วฑฺฒิตฺวา ิตองฺคปจฺจงฺโค’’ติ, อาโรหปริณาหวเสน วุทฺธิรหิโตติ อตฺโถ. ชาติมหลฺลโกติ ชาติยา มหลฺลโก, น โภคปริวาราทีหีติ อตฺโถ. อทฺธคโตติ เอตฺถ อทฺธ-สทฺโท ทีฆกาลวาจีติ อาห ‘‘พหุอทฺธานํ คโต’’ติ. วโยติอาทิปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ. ปทสตมฺปิ…เป… สมตฺถตาติ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ โสตปถมาคจฺฉนฺตเมว อุคฺคหณสมตฺถตา ปริคฺคเหตุํ สมตฺถตา. อยฺจ คติยา พฺยาปาโรติ สกฺกา วิฺาตุํ คหณมตฺตภาวโต. ตเทวาติ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ. อาธารณํ อปิลาปนวเสน หทเย ธารณํ. อุปนิพนฺธนํ ยถา น ปมุฏฺํ โหติ, ตถา อุเปจฺจ อปราปรํ นิพนฺธนํ. อยํ ปน สติยา พฺยาปาโรติ สกฺกา วิฺาตุํ. ปาฬิยฺจ ‘‘ปรมาย คติยา จ สติยา จ ธิติยา จา’’ติ วุตฺตํ, ปรโต จ ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต’’ติ วุตฺตํ. สมตฺถวีริยํ ธิติ นามาติ วิสิฏฺวิสยํ ทสฺเสนฺโต ยถาวุตฺตสติสมาโยคํ ตสฺส ทีเปติ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตคติสติธิตีหิ สุภธาตวจีปริจิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อาคมวเสน อตฺถทสฺสนสมตฺถตา ยุตฺติวเสน การณทสฺสนสมตฺถตา.

ทฬฺหํ (อ. นิ. ฏี. ๓.๙.๓๘) ถิรํ ธนุ เอตสฺสาติ ทฬฺหธนฺวา, โส เอว อิธ ‘‘ทฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺโต. ปฏิสตฺตุวิธมนตฺถํ ธนุํ คณฺหาตีติ ธนุคฺคโห, โส เอว อุสุํ สรํ อสติ ขิปตีติ อิสฺสาโสติ อาห ‘‘ธนุํ คเหตฺวา ิโต อิสฺสาโส’’ติ. ทฺวิสหสฺสปลํ โลหาทิภารํ วหิตุํ สมตฺถํ ทฺวิสหสฺสถามํ. เตนาห ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นามา’’ติอาทิ. ทณฺเฑติ ธนุทณฺเฑ. ยาว กณฺฑปฺปมาณาติ ทีฆโต ยตฺตกํ กณฺฑสฺส ปมาณํ, ตตฺตเก ธนุทณฺเฑ อุกฺขิตฺตมตฺเต อาโรปิโต เจว โหติ ชิยาทณฺโฑ, โส จ ภาโร ปถวิโต มุจฺจติ, เอวํ อิทํ ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ธนูติ ทฏฺพฺพํ. อุคฺคหิตสิปฺโปติ อุคฺคหิตธนุสิปฺโป. กตหตฺโถติ ถิรตรํ ลกฺเขสุ อวิรชฺฌนสรกฺเขโป. อีทิโส ปน ตตฺถ วสีภูโต กตหตฺโถ นาม โหตีติ อาห ‘‘จิณฺณวสีภาโว’’ติ. กตํ ราชกุลาทีสุ อุเปจฺจ อสนํ เอเตน โส กตูปาสโนติ อาห ‘‘ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺโป’’ติ. เอวํ กตนฺติ เอวํ อนฺโตสุสิรกรณาทินา สลฺลหุกํ กตํ.

โอโลเกตีติ อุทิกฺขติ. เอวํ สนฺเตปิ เตสํ วาโร ปฺายตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ ‘‘อยํ ปมํ ปุจฺฉติ, อยํ ทุติย’’นฺติอาทินา ปุจฺฉนวาโร ตาทิสสฺส ปฺวโต ปฺายติ สุขุมสฺส อนฺตรสฺส ลพฺภนโต. พุทฺธานํ ปน วาโรติ อีทิเส าเน พุทฺธานํ เทสนาวาโร อฺเสํ นปฺายนโต พุทฺธานํเยว ปฺายติ. อิทานิ ตเมว ปฺายนตํ ยุตฺติโต ทสฺเสนฺโต ‘‘วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉาย’’นฺติอาทิมาห. อจฺฉราสงฺฆาฏมตฺเต ขเณ อเนก-โกฏิสหสฺส-จิตฺตปวตฺติสมฺภวโต ‘‘วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉายํ อติกฺกมนโต ปุเรตรํเยว ภควา…เป… กเถตี’’ติ วตฺวา ตโต ลหุตราปิ สตฺถุ เทสนาปวตฺติ อตฺเถวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติฏฺนฺตุ วา ตาว เอเต’’ติอาทิมาห. อิทานิ ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬส ปทานิ กเถตีติ เอเตน โลกิยชนสฺส เอกปทุจฺจารณกฺขเณ ภควา อฏฺวีสสตปทานิ กเถตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตสฺสปิ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ธมฺโมติ ปาฬิ. ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, ตทตฺโถ. อตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, อกฺขรํ. ตฺหิ ปทวากฺยกฺขรภาเวหิ ปริจฺฉิชฺชมานํ ตํ ตํ อตฺถํ พฺยฺเชติ ปกาเสติ. เตนาห ‘‘ธมฺมปทพฺยฺชนนฺติ ปาฬิยา ปทพฺยฺชนํ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส พฺยฺชนกํ อกฺขร’’นฺติ. เอเตน อปราปเรหิ ปทพฺยฺชเนหิ สุจิรมฺปิ กาลํ กเถนฺตสฺส ตถาคตสฺส น กทาจิ เตสํ ปริยาทานํ อตฺถีติ ทสฺเสติ. ปฺหํ พฺยากโรนฺติ เอเตนาติ ปฺหพฺยากรณํ, ตถาปวตฺตปฏิภานํ. อปริกฺขยปฏิภานา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, ยโต วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๑๔๑, ๓๐๕; วิภ. มูลฏี. ๑.สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา). เตนาห ‘‘อิมินา กึ ทสฺเสตี’’ติอาทิ. ตถา อาสนฺนปรินิพฺพานสฺสปิ ภควโต เทสนาย อิตราย จ วิเสสาตาโวติ ปมพุทฺธวจนมฺปิ มชฺฌิมพุทฺธวจนมฺปิ ปจฺฉิมพุทฺธวจนมฺปิ สทิสเมว. อาสีติกวสฺสโต ปรํ ปฺจโม อายุโกฏฺาโส.

๑๖๒. กามฺเจตฺถ ภควตา นาคสมาลตฺเถรสฺส อจฺฉริยอพฺภุตปเวทนมุเขน อตฺตโน โลมานํ หฏฺภาวสฺส ปเวทิตตฺตา ‘‘โลมหํสนปริยาโย’’ติ นามํ คหิตํ, ตถาปิ สพฺพฺุตฺาณาทิ-อนฺสาธารณาณานุภาว-วิภาวนาทิวเสน โสฬสสมูหโต สีหนาทสฺส นทเนน เทสนาย ปวตฺติตตฺตา ‘‘มหาสีหนาโท’’ตฺเวว สงฺคีติการมหาเถเรหิ นามํ ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา

๑๖๓. ตโตปรนฺติ ติณฺณํ ชนานํ อุปริ สงฺโฆ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺเมหิ ปฏิกมฺมปฺปตฺตตฺตา. คามํ คโตติ วุจฺจติ คามํ อุทฺทิสฺส คตตฺตา, เอวํ สาวตฺถึ ปวิสิตุํ วิหารโต นิกฺขนฺตา ‘‘ปวิสึสู’’ติ วุตฺตา. ปริฺนฺติ ปหานปริฺํ. สา หิ สมติกฺกโม, น อิตรา. รูปเวทนาสุปีติ ‘‘รูปานํ ปริฺํ, เวทนานํ ปริฺ’’นฺติ เอตฺถาปิ. กามํ สพฺเพสํ ติตฺถิยานํ กามาทิปริฺาปฺาปนเหตุภูโต สมโย นตฺถิ, เยสํ ปน อตฺถิ, เต อุปาทาย ‘‘สกสมยํ ชานนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยโต ยโต โข โภ อยํ ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข โภ กามานํ ปริฺา โหตี’’ติ เอวํ สรูปโต ปมชฺฌานํ วิภาเวตุํ อสกฺโกนฺตาปิ เกวลํ อจฺจนฺตปฺปหานสฺาย กามานํ ปริฺํ ปฺเปยฺยุํ ปมชฺฌานํ วทมานา. ตํ กิสฺส เหตุ? ตาทิสสฺส อาคมาธิคมสฺสาภาวโต. รูปเวทนาปริฺาสุปิ เอเสว นโย. วุจฺเจถาติ วุจฺเจยฺย. ทุติยปเทปีติ ‘‘อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ เอวํ วุตฺตวากฺเยปิ. เต กิร ภิกฺขู.

๑๖๕. เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ น เจว สมฺมเทว ปกาเรหิ คเมสฺสนฺติ าเปสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. ยสฺมา อวิสเย ปฺโห ปุจฺฉิโต โหติ, ตสฺมา อาปชฺชิสฺสนฺตีติ โยชนา. สเทวเกติ อรูปเทวคฺคหณํ. เต หิ โลกิยเทเวหิ ทีฆายุกตาทินา อุกฺกฏฺา. สมารเกติ กามาวจรเทวคฺคหณํ. สพฺรหฺมเกติ รูปาวจรพฺรหฺมคฺคหณํ. สสฺสมณพฺราหฺมณิยาติ เอตฺถ สมณคฺคหเณน ปพฺพชิเต, พฺราหฺมณคฺคหเณน ชาติพฺราหฺมเณ, ปุน เทวคฺคหเณน สมฺมุติเทเว, มนุสฺสคฺคหเณน อวสิฏฺมนุสฺสกายํ ปริยาทิยติ. โลกปชาคฺคหเณน ปน ปโยชนํ อฏฺกถายํ ทสฺสิตเมว. อฺถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ อิมินา กามรูปเวทนาสุ อสฺสาทาทีนํ ยาถาวโต อวโพโธ เอว อิโต พาหิรกานํ นตฺถิ, กุโต ปเวทนาติ ทสฺเสติ.

๑๖๖. จิตฺตาราธนนฺติ ยาถาวปเวทเนน ปเรสํ จิตฺตสฺส ปริโตสนํ. พนฺธนฏฺเน คุณาติ กามราคสํโยชนสฺส ปจฺจยภาเวน วตฺถุกาเมสุปิ พนฺธนฏฺโ วุตฺโต, โกฏฺาสฏฺโ วา คุณฏฺโ ทฏฺพฺโพ. ตรยนฺตีติ ตรมานา ยนฺติ คจฺฉนฺติ. อตีตาทิภินฺนปมาทิวยา เอว จิตฺตตา ราสิภาเวน วโยคุณาติ คหิตาติ อาห ‘‘ราสฏฺโ คุณฏฺโ’’ติ. จกฺขุวิฺเยฺยาติ วา จกฺขุวิฺาณตํทฺวาริกวิฺาเณหิ วิชานิตพฺพา. โสตวิฺเยฺยาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิฏฺารมฺมณภูตาติ สภาเวเนว อิฏฺารมฺมณชาติกา, อิฏฺารมฺมณภาวํ วา ปตฺตา. กมนียาติ กาเมตพฺพา. มนวฑฺฒนกาติ มโนหรา. เอเตน ปริกปฺปนโตปิ อิฏฺภาวํ คณฺหาติ. ปิยชาติกาติ ปิยายิตพฺพสภาวา. กามูปสํหิตาติ กามราเคน อุเปจฺจ สนฺธานิยา สมฺพทฺธา (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๖๓) กาตพฺพาติ อาห ‘‘อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ.

๑๖๗. สฺํ เปตฺวาติ ‘‘อิมสฺมึ องฺคุลิกาทิปพฺเพ คหิเต สตํ โหติ, อิมสฺมึ สหสฺส’’นฺติอาทินา สฺาณํ กตฺวา คณนา. อจฺฉิทฺทคณนาติ ‘‘เอกํ ทฺเว’’ติอาทินา นวนฺตวิธินา นิรนฺตรคณนา. ปิณฺฑคณนาติ สงฺกลนปฏุปฺปาทนาทินา ปิณฺฑิตฺวา คณนา. เตนาห ‘‘เขตฺตํ โอโลเกตฺวา’’ติอาทิ. กสนํ กสีติ กสิคฺคหเณน สพฺโพ กสิปฏิพทฺโธ ชีวิกูปาโย คหิโตติ อาห ‘‘กสีติ กสิกมฺม’’นฺติ. ชงฺฆวณิชฺชาติ ชงฺฆสตฺถวเสน วณิชฺชํ อาห, ถลวณิชฺชาติ สกฏสตฺถวเสน. อาทิ-สทฺเทน นาวาปณาทิวเสน โวหารํ. วณิปฺปโถติ วณิชมคฺโค, ทานคฺคหณวเสน สํโวหาโรติ อตฺโถ. อุสูนํ อสนกมฺมํ อิสฺสตฺตํ, ธนุสิปฺเปน ชีวิกา, อิธ ปน อิสฺสตฺตํ วิยาติ อิสฺสตฺตํ, สพฺพอาวุธชีวิกาติ อาห ‘‘อาวุธํ คเหตฺวา อุปฏฺานกมฺม’’นฺติ. โปโรหิจฺจามจฺจกมฺมาทิ ราชกมฺมํ.อาทิ-สทฺเทน รถสิปฺปขตฺตวิชฺชาสิปฺปาทิ-วุตฺตาวเสสํ มหาสิปฺปํ ขุทฺทกสิปฺปฺจ สงฺคณฺหาติ. สีตสฺส ปุรกฺขโตติ สีตสฺส ปุรโต กโต. โย หิ สีตกาเล ชีวิกาเหตุ สีตลปเทสํ ปกฺขนฺทติ, โส วาฬมิคาทีหิ วิย สีเตน ปริปาติยมาโน เตน ปุรโต กโต วิย โหติ. เตนาห ‘‘สีเตน พาธิยมาโน’’ติ. อุณฺหสฺส ปุรกฺขโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สริตฺวาติ สํสปฺปิตฺวา. ฆฏฺฏิยมาโนติ หึสิยมาโน พาธิยมาโน. อาพาธนํ อาพาโธ, ปีฬาติ อตฺโถ. กามเหตุนฺติ วา ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ยถา ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐). ตถา เสสปททฺวเยปิ. เตเนวาห ‘‘กามานเมว เหตู’’ติ. กามานํ เหตูติ เอตฺถ ปุริมปทาวธารณมยุตฺตํ ตทฺปจฺจยปฏิกฺเขปาปตฺติโต, ตถา อุตฺตรปทาวธารณํ กามานํ กทาจิ อเหตุภาวสฺสปิ สมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘อุปฺปชฺชติเยวา’’ติ วุตฺตํ.

อุฏฺหโตติ อิมินา อุฏฺานวีริยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อาชีวสมุฏฺาปกวีริเยนา’’ติ. ตํ วีริยนฺติ อาชีวิกสมุฏฺาปกวีริยํ. ปุพฺเพนาปรํ ฆเฏนฺตสฺสาติ อารมฺภโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ ปวตฺเตนฺตสฺส. จิตฺเต อุปฺปนฺนพลวโสเกน โสจตีติ จิตฺตสนฺตาเปน อนฺโต นิชฺฌายติ. กาเย อุปฺปนฺนทุกฺเขนาติ ตสฺเสว โสกสฺส วเสน กาเย อุปฺปนฺนทุกฺเขน. โสกุทฺเทเสน ตํ ตํ วิปฺปลเปนฺโต วา ปริเทวติ. อุรํ ตาเฬตฺวาติ วกฺขปฺปเทสํ ปหริตฺวา. ‘‘โมฆ’’นฺติอาทิ ปริเทวนาการทสฺสนฺเจว สมฺโมหาปชฺชนาการทสฺสนฺจ. เมติ วตฺวา ปุน โนติ ปุถุวจนํ อตฺตโน อุภยถาปิ โวหริตพฺพโต, พฺยามูฬฺหวจนํ วา โสกวเสน.

๑๖๘. อิธ กามคฺคหเณน วิเสสโต วตฺถุกามา คหิตาติ กามาทิคฺคหณํ กตํ, นานนฺตริยตาย ปน กิเลสกาโมปิ คหิโต เอว. อสิจมฺมนฺติ เอตฺถ จมฺมคฺคหเณน น เกวลํ จมฺมมยสฺส, จมฺมปริสิพฺพิตสฺเสว วา คหณํ, อถ โข สพฺพสฺสปิ อาวุธพาธกสฺส คหณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เขฏกผลกาทีนี’’ติ อาห. อาทิ-สทฺเทน สราทิสงฺคโห. ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวาติ ธนุฺเจว ขุรปฺปตูณิฺจ สนฺนยฺหิตฺวา, ธนุทณฺฑสฺส ชิยาย ตถาภาวกรณาทิปิ (อ. นิ. ฏี. ๓.๕.๗๖) ธนุโน สนฺนยฺหนนฺติ. ทฺวินฺนํ เสนานํ พฺยูหสํวิธาเนน วา อุภโตพฺยูฬฺหํ. วิชฺโชตลนฺเตสูติ นิสิตปีตผลตาย วิชฺโชตนวเสน ปริวตฺตมาเนสุ.

ปาการสมีปาติสงฺขารตาย ปาการปาทา อุปการิโย, ยา ‘‘อุทฺทาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. สตทนฺเตนาติ อเนกสตทนฺตเกน, ยสฺส ติขิณทนฺตานิ อเนกสตานิ มูลานิ โหนฺติ. อติภารตาย ทสวีสมตฺตาปิ ชนา อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ, ยนฺตวเสน ปน อุกฺขิปิตฺวา พนฺธิตฺวา เปนฺติ. เตนาห ‘‘อฏฺทนฺตากาเรนา’’ติอาทิ. โอมทฺทนฺตีติ โอฏฺเปนฺติ.

๑๖๙. สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ โจริกาย ชีวิตุกามา. นิลฺโลปนฺติ นิสฺเสสวิโลปํ, เอกํ ปริตฺตํ คามํ ปริวาเรตฺวา ตตฺถ กิฺจิปิ คยฺหูปคํ อเสเสตฺวา กรมรคฺคหณํ. เตนาห ‘‘มหาวิโลป’’นฺติ. ปนฺถทุหนกมฺมํ อฏวิมคฺเค ตฺวา อทฺธิกานํ วิลุมฺปนํ. ปหารสาธนตฺถํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑) ทณฺฑปฺปหารสฺส สุขสิทฺธิอตฺถํ. กฺชิโต นิพฺพตฺตํ กฺชิยํ, อารนาลํ. ยํ ‘‘พิลงฺค’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ ยตฺถ สิฺจติ, สา กฺชิยอุกฺขลิกา. พิลงฺคถาลิกสทิสกรณํ พิลงฺคถาลิยํ. สีสกปาลํ อุปฺปาเฏตฺวาติ อโยคุฬปเวสนปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กตฺวา. สงฺขมุณฺฑกมฺมการณนฺติ สงฺขํ วิย มุณฺฑกมฺมการณํ.

ราหุมุขกมฺมการณนฺติ ราหุมุขคต-สูริยสทิส-กมฺมการณํ. โชติมาลิกนฺติ โชติมาลวนฺตํ กมฺมการณํ. หตฺถปชฺโชติกนฺติ หตฺถปชฺโชตนกมฺมการณํ. เอรกวตฺตกมฺมการณนฺติ เอรกวตฺตสทิเส สรีรโต พทฺเธ อุปฺปาฏนกมฺมการณํ. จีรกวาสิกกมฺมการณนฺติ สรีรโต อุปฺปาฏิตพทฺธจีรกาหิ นิวาสาปนกมฺมการณํ. ตํ กโรนฺตา ยถา คีวโต ปฏฺาย พทฺเธ กนฺติตฺวา กฏิยเมว เปนฺติ, เอวํ โคปฺผกโต ปฏฺาย กนฺติตฺวา กฏิยเมว เปนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กฏิโต ปฏฺาย กนฺติตฺวา โคปฺผเกสุ เปนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอเณยฺยกกมฺมการณนฺติ เอณีมิคสทิสกมฺมการณํ . อยวลยานิ ทตฺวาติ อยวลยานิ ปฏิมุฺจิตฺวา. อยสูลานิ โกฏฺเฏนฺตีติ กปฺปรชณฺณุกโกฏีสุ อยสูลานิ ปเวเสนฺติ. นฺติ ตํ ตถากตกมฺมการณํ สตฺตํ.

พฬิสมํสิกนฺติ พฬิเสหิ มํสุปฺปาฏนกมฺมการณํ. กหาปณิกนฺติ กหาปณมตฺตโส ฉินฺทนกมฺมการณํ. โกฏฺเฏนฺตีติ ฉินฺทนฺติ. ขาราปตจฺฉิกนฺติ ตจฺเฉตฺวา ขาราวสิฺจนกมฺมการณํ. ปลิฆปริวตฺติกนฺติ ปลิฆสฺส วิย ปริวตฺตนกมฺมการณํ. เอกาพทฺธํ กโรนฺติ อยสูลสฺส โกฏฺฏเนน. ปลาลปีกนฺติ ปลาลปีสฺส วิย สรีรสฺส สํเวลฺลนกมฺมการณํ. การณิกาติ ฆาตนการกา. ปลาลวฏฺฏึ วิย กตฺวาติ ยถา ปลาลปีํ กโรนฺตา ปลาลวฏฺฏึ กตฺวา สํเวลฺลนวเสน นํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑) เวเนฺติ, เอวํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ฉาตเกหีติ พุภุกฺขิเตหิ โกเลยฺยกสุนเขหิ. พลวนฺโต หิ เต ชวโยคฺคา สูรา จ โหนฺติ. กมฺมวเสน สมฺปเรติ เอตฺถาติ สมฺปราโย, ปรโลโก. ตตฺถ ภโวติ สมฺปรายิโก.

๑๗๐. ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ เอตฺถาติ นิพฺพานํ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานฺจาติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานฺหี’’ติ. ตตฺถ อาคมฺมาติ อิทํ โย ฉนฺทราคํ วิเนติ ปชหติ, ตสฺส อารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตีหิ ปริฺาหีติ อิมินา าตตีรณปริฺาหิ ปริชานิสฺสนฺตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. โก ปน วาโท ปหานปริฺายาติ ทสฺเสติ? ตถภาวายาติ ปริชานนกภาวาย.

๑๗๑. อปริตฺเตนาติ อหีเนน. วิปุเลนาติ มหตา. ยทิ วณฺณสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ, วณฺณทสกํ กสฺมา น คหิตนฺติ อาห ‘‘มาตุคามสฺส หี’’ติอาทิ. โภชนสมฺปทาทีนํ อลาเภปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺตสฺสปี’’ติ วุตฺตํ. โถกํ โถกํ วณฺณายตนํ ปสีทติ มํสสฺส ปริพฺรูหนโต ถนมํสานิ วฑฺฒนฺติ ชายนฺติ. วณฺเณติ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสนฺโต วิย โหตีติ วณฺโณ. โส เอว สามคฺโคปโภคาทินา นิภาตีติ นิภา. เตนาห ‘‘วณฺณนิภาติ วณฺโณเยวา’’ติ.

โภคฺคนฺติ อติวิย วงฺกตาย โภคฺคํ. ตาทิสํ ปน สรีรํ ภคฺคํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ภคฺค’’นฺติ. เตนาห ‘‘อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปตี’’ติ. ทนฺตานํ ฉินฺนภินฺนตาย เอกจฺจานํ ปตเนน จ ขณฺฑิตทนฺตํ. เกสานํ เสตวณฺณตาย ปลิตนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑรเกส’’นฺติ. เกสานํ มตฺตโส สิยเน ขลฺลาฏโวหาโรติ พหุโส สิยนํ สนฺธายาห ‘‘มหาขลฺลาฏสีส’’นฺติ. วสฺสสติกกาเล อุปฺปชฺชนติลกานิ สนฺธายาห ‘‘ติลกาหตคตฺต’’นฺติ. ตานิ ปน กานิจิ เสตานิ โหนฺติ กานิจิ กาฬานีติ อาห ‘‘เสตกาฬติลเกหี’’ติ. พฺยาธิกนฺติ สฺจาตพฺยาธึ. พาฬฺหคิลานนฺติ มารณนฺติ กเคลฺเน คิลานํ.

๑๗๓. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย. น เจเตตีติ น อภิสนฺทหติ. พฺยาพาธนฏฺเน พฺยาพาโธ, พฺยาพาโธว พฺยาพชฺฌํ, นตฺถิ เอตฺถ พฺยาพชฺฌนฺติ อพฺยาพชฺฌํ, ทุกฺขรหิตํ. เตนาห ‘‘นิทฺทุกฺขเมวา’’ติ.

๑๗๔. อนิจฺจาทิอากาโรติ อนิจฺจากาโร ทุกฺขากาโร วิปริณามากาโร จลาทิอากาโร จ.

มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา

๑๗๕. สกฺเกสูติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สติปฏฺานสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ ตํ เอกเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘โส หี’’ติ อาห. ตตฺถ เยน ราชกุมารา สกฺยา นาม ชาตา, ยโต เตสํ นิวาสฏฺานตาย ชนปโท ตถา วุจฺจติ, ตํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สกฺยานํ ปน อุปฺปตฺติ อมฺพฏฺสุตฺเต อาคตาวา’’ติ. กปิลวตฺถูติ วุตฺตํ ปุริมสฺาวเสน.

นานปฺปการกนฺติ ‘‘โลภธมฺมา’’ติ พหุวจนสฺส นิมิตฺตํ วทติ. โลโภ หิ เตน เตน อวตฺถาวิเสเสน ปวตฺติอาการเภเทน ‘‘ฉนฺโท ราโคตณฺหา อาสตฺติ อเปกฺขา’’ติอาทินา อเนกปฺปเภโท, ลุพฺภนลกฺขเณน ปน ‘‘โลโภ’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตนาห ‘‘นานปฺปการกํ โลภํเยวา’’ติ. ตถา ‘‘โทโส ปฏิโฆ โกโธ อุปนาโห วิโรโธ’’ติอาทินา, ‘‘มุยฺหนํ อสมเปกฺขนํ อปจฺจเวกฺขณา ทุมฺเมชฺฌํ พาลฺย’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๙๐) จ โทสโมหานํ นานปฺปการตํ สนฺธายาห ‘‘อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย’’ติ. ปริยาทิยิตฺวาติ ปริโต สพฺพโส อาทาย. คเหตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘คหเณ อาคต’’นฺติ. ปริยาทิยตีติ ปริกฺขีโณติ. ที-สทฺทฺหิ สทฺทวิทู ขยตฺถํ วทนฺติ.

เอกทาติ อาเมฑิตโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘เอเกกสฺมึ กาเล’’ติ. โลภโทสโมหาติ ปมมคฺเคน ปหีนาวเสสา โลภโทสโมหา. นิรวเสสา ปหียนฺติ, อฺถา ทุติยมคฺเคน กึ กตํ สิยาติ อธิปฺปาโย. สมุทาจารปฺปตฺตํ ปน ทิสฺวา ‘‘อปฺปหีนํ เม อตฺถี’’ติปิ ชานาติ. เอวํ กถํ นิรวเสสปฺปหานสฺาติ อาห ‘‘อปฺปหีนกํ…เป… สฺี โหตี’’ติ. เอวํ ปมมคฺเคเนว สมุจฺฉินฺนสํสยสฺส ‘‘โก สุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโนติ เอวํ สนฺเธโห กถํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปณฺณตฺติยา อโกวิทตฺตา’’ติ การณมาห. วินยกุกฺกุจฺจํ วิย หิ ปณฺณตฺติยํ อกุสลตาย อริยานมฺปิ กตฺถจิ วิมติมตฺตํ อุปฺปชฺชติ ยถา ตํ สพฺพโส อปฺปหีนสมฺโมหานนฺติ. อตฺตโน อวิสเย อนภิชานนํ ปณฺณตฺติโกสลฺเลน กิเมตฺถ ปโยชนํ, ปจฺจเวกฺขณามตฺเตน อยมตฺโถ สิชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ ตสฺส ปจฺจเวกฺขณา นตฺถี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ กตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานวิภาคํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาติ ปจฺจเวกฺขณา. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสํ อริยานํ. ยถา ปริปุณฺณา น โหติ, น เอวํ สพฺพโส น โหตีติ อาห ‘‘อิมาสุ ปนา’’ติอาทิ.

๑๗๖. อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ตว สนฺตาเน’’ติ. อปฺปหีโนติ อนวเสสโต อปฺปหีโน. ทุวิเธติ วตฺถุกามกิเลสกาเม. กิเลสกาโมปิ หิ ยทคฺเคน อสฺสาทียติ, ตทคฺเคน ปริภุฺชียติ.

๑๗๗. อสฺสาทียตีติ อสฺสาโท, สุขํ. อปฺโป อปฺปมตฺตโก อสฺสาโท เอเตสูติ อปฺปสฺสาทา. เตนาห ‘‘ปริตฺตสุขา’’ติ. ปริเยสนทุกฺขาทิเหตุกํ ทิฏฺธมฺมิกํ ตตฺถ ทุจฺจริตจรเณน สมฺปรายิกฺจ ทุกฺขเมตฺถ กาเมสุ พหุกนฺติ พหุทุกฺขา. พหุปายาสาติ พหุปริกฺกิเลสา. เต ปน ปริกฺกิเลสา วกฺขมานนเยน พหูเยเวตฺถ ทิฏฺธมฺมิกาปีติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมิก…เป… พหู’’ติ. เต จ ปริกฺกิเลสา ยสฺมา ตํสมงฺคิโน หิตปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรา อิธ เจว ปรโลเก จ อาทีนวการณฺจ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิก…เป… พหู’’ติ. เอวํ เจปีติ เอวํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทินา อากาเรน. นเยนาติ ธมฺเมน. การเณนาติ ยุตฺติยา. สุฏฺุ ทิฏฺํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. วิปสฺสนาปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. สา จตฺตาริปิ สจฺจานิ วิเสสโต ปสฺสตีติ วิปสฺสนาติ อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘เหฏฺามคฺคทฺวยาเณนาติ อตฺโถ’’ติ. ปีติสุขนฺติ ปีติสุขวนฺตํ ฌานทฺวยํ. ทฺเว มคฺเคติ เหฏฺามคฺเค. อาวฏฺฏนสีโล อาภุชนสีโล น โหตีติ อนาวฏฺฏี เนว โหติ สพฺพโส อปฺปหีนกามราคฉนฺโท. เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. โอโรธนาฏกา ปชหนปฺาติ อาทีนวานุปสฺสนาาณมาห.

๑๗๙. อสฺสาโทปิ กถิโต, ‘‘อปฺปสฺสาทา’’ติ หิ อิมินา ยาวตโก กาเมสุ อสฺสาโท, ตํ สพฺพํ อนวเสสโต ปริคฺคเหตฺวา จสฺส ปริตฺตภาโว ทสฺสิโตติ อาทีนโวปิ กถิโต สงฺเขเปเนว เสสสฺสอาทีนวสฺส ทสฺสิตตฺตา. ตํ กเถตุนฺติ ตํ นิสฺสรณํ ‘‘เอกนฺตสุขปฏิสํเวที’’ติ อิมินา กเถตุํ. อิเมหิ อนฺเตหีติ ‘‘ปฺจิเม, มหานาม, กามคุณา’’ติอาทินา กามคุณทสฺสนมุเขน กามสุขลฺลิกานุโยคํ ‘‘อุพฺภฏฺกา โหนฺติ อาสนปฏิกฺขิตฺตา’’ติอาทินา อตฺตกิลมถานุโยคฺจ ทสฺเสตฺวา อิเมหิ ทฺวีหิ อนฺเตหิ มุตฺตํ มม สาสนนฺติ, ผลสมาปตฺติปริโยสานตฺตา สาสนสมฺปตฺติยา ‘‘อุปริผลสมาปตฺติสีเสน สกลสาสนํ ทสฺเสตุ’’นฺติ อาห. คิชฺฌสทิโส กูโฏติ มชฺเฌปทโลปีสมาโส ยถา ‘‘สากปตฺถิโว’’ติ (ปาณินิ. ๒.๑.๖๐). ทุติเย ปเนตฺถ คิชฺฌวนฺตตาย คิชฺฌา กูเฏ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฏ. อุทฺธํเยว ติฏฺนกา นิสชฺชาย วุฏฺิตกาลโต ปฏฺาย เอกฏฺาเนเนว ติฏฺนกา. เตนาห ‘‘อนิสินฺนา’’ติ. นิคณฺสฺสาติ นาฏปุตฺตสฺส. นตฺถิ เอตสฺส ปริเสสนฺติ อปริเสสํ. เอวํ สงฺขาภวจนมตฺตมสฺสาติ อาห ‘‘อปริเสสสงฺขาต’’นฺติ. นิจฺจฏฺเน สตต-สทฺเทน อภิณฺหปฺปวตฺติ โชติตา สิยาติ ‘‘สมิต’’นฺติ วุตฺตํ. เตน นิรนฺตรปฺปวตฺตึ ทสฺเสตีติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๑๘๐. ยํ กโรติ, ตํ ชานาตีติ ทุกฺขสฺส นิชฺชรณเขปนํ นาม วิฺูนํ กิจฺจํ, วิฺุนา จ ปุริเสน กตากตํ ชานิตพฺพํ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ ปุราณานํ กมฺมานํ พฺยนฺติภาวํ กโรนฺเตหิ ปมํ ตาว เอตฺตกานิ ปุราณานิ กมฺมานีติ ชานิตพฺพานิ, ตโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ กเตน ตปสา เอตฺตกานิ ตานิ พฺยนฺติกตานิ, อิทานิ เอตฺตกานิ กาตพฺพานี’’ติอาทินา อยํ วิธิ ปุริเสน วิย อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ตุมฺเหหิปิ ตถา าตพฺพํ สิยา’’ติ. สุทฺธนฺตนฺติ สุทฺธโกฏฺาสํ, อายตึ อนวสฺสวสิทฺธํ กมฺมกฺขยํ, ตโต วา ทุกฺขกฺขยนฺติ อตฺโถ. สุทฺธนฺตํ ปตฺโต อตฺถีติ ปุจฺฉตีติ อิมินา อกุสลานํ ปหานํ, กุสลานํ ภาวนา จ สพฺเพน สพฺพํ นิคณฺสมเย นตฺถิ สพฺพโส วิสุทฺธิภาวนาย อภาวโต, ตสฺมา กุโต ทุกฺขกฺขยสฺส สมฺภโวติ ทสฺเสติ.

เอวํ อชานนภาเว สตีติ ‘‘อหุวมฺเหว มย’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการสฺส อชานเน สติ, ตสฺมึ ตุมฺเหหิ อฺายมาเนติ อตฺโถ. ลุทฺทาติ โฆรา. เต ปน ยสฺมา กายวาจาหิ นิหีนเมว กโรนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลุทฺทาจารา’’ติ. โลหิตปาณิตฺเวว วุจฺจติ ตชฺชากิริยาจรณโต. มาควิกเกวฏฺฏโจรฆาตกาทโย มาควิกาทโย. กกฺขฬกมฺมาติ ผรุสกมฺมา. เต นิคณฺเสุ ปพฺพชนฺตีติ ปุพฺเพ มหาทุกฺขสํวตฺตนิยกมฺมสฺส กตตฺตา หิ ตุมฺเห เอตรหิ อีทิสํ มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภวถาติ ทสฺเสติ.

วาเทติ ทิฏฺิยํ, สมเยติ อตฺโถ. สุเขน สุขนฺติ เอตฺถ สุเขนาติ ปฏิปตฺติสุเขน, สุขาย ปฏิปตฺติยาติ อตฺโถ. สุขนฺติ วิโมกฺขสุขํ, อิธ โลเก สุขํ อธิคจฺฉนฺตา กสิวณิชฺชาทิทุกฺขปฏิปตฺติยาว อธิคจฺฉนฺติ, เอวํ โมกฺขสุขมฺปีติ อธิปฺปาโย. สรีราวยวสมฺปตฺติยาปิ พิมฺพิโน สาโรติ พิมฺพิสาโร. เต นิคณฺา…เป… สนฺธาย วทนฺติ, น ปน ภควโต อจฺจนฺตสนฺตปณีตํ นิพฺพานสุขปฏิเวทนํ ชานนฺติ. สหสาติ รวา. อปฺปฏิสงฺขาติ น ปฏิสงฺขาย อวิจาเรตฺวา. เตนาห ‘‘สาหสํ กตฺวา’’ติอาทิ.

อฺาหิ เวทนาหิ อโวมิสฺสํ เอกนฺตํ สุขํ เอกนฺตสุขํ, ตสฺส ปฏิสํเวที. เตนาห ‘‘นิรนฺตรสุขปฏิสํเวที’’ติ. กถาปติฏฺาปนตฺถนฺติ ‘‘เอกนฺตสุขปฏิสํเวที’’ติ เอวํ อารทฺธกถาย ปติฏฺาปนตฺถํ. ราชวาเรติ ราชานํ อุทฺทิสฺส อาคตเทสนาวาเร. สุขํ ปุจฺฉิตุํ โหตีติ ‘‘ยทิ สตฺต รตฺตินฺทิวานิ นปฺปโหติ, กึ ฉ รตฺตินฺทิวานิ ปโหตี’’ติอาทินา ปุจฺฉนสุขํ โหติ. ‘‘อหํ โข’’ติอาทินา ปวตฺโต สุทฺธวาโร สุทฺธนิสฺสนฺทสฺส ผลสมาปตฺติสุขสฺส วเสน อาคตตฺตา. อนจฺฉริยํ โหติ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ ปโหนฺตสฺส เอกสฺมึ รตฺตินฺทิเว กึ วตฺตพฺพนฺติ. อุตฺตานตฺถเมว วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยตฺตา.

จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๕. อนุมานสุตฺตวณฺณนา

๑๘๑. วุตฺตานุสาเรนาติ ‘‘กุรูสุ, สกฺเกสู’’ติ จ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน, ‘‘ภคฺคา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา’’ติอาทินา นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. วตฺถุปริคฺคหทิวเสติ นครมาปนตฺถํ วตฺถุวิชฺชาจริเยน นครฏฺานสฺส ปริคฺคณฺหนทิวเส. อถาติ ปจฺฉา. นคเร นิมฺมิเตติ ตตฺถ อนนฺตราเยน นคเร มาปิเต. ตเมว สุสุมารคิรณํ สุภนิมิตฺตํ กตฺวา ‘‘สุสุมารคิริ’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. สุสุมารสณฺานตฺตา สุสุมาโร นาม เอโก คิริ, โส ตสฺส นครสฺส สมีเป, ตสฺมา ตํ สุสุมารคิริ เอตสฺส อตฺถีติ ‘‘สุสุมารคิรี’’ติ วุจฺจตีติ เกจิ. เภสกฬาติ วุจฺจติ ฆมฺมณฺฑคจฺฉํ, เกจิ ‘‘เสตรุกฺข’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ พหุลตาย ปน ตํ วนํ เภสกฬาวนนฺเตว ปฺายิตฺถ. เภโส นาม เอโก ยกฺโข อยุตฺตการี, ตสฺส ตโต คฬิตฏฺานตาย ตํ วนํ เภสคฬาวนํ นาม ชาตนฺติ เกจิ. อภยทินฺนฏฺาเน ชาตํ วิรูฬฺหํ, สํวทฺธนฺติ อตฺโถ.

อิจฺฉาเปตีติ ยํ กิฺจิ อตฺตนิ ครหิตพฺพํ วตฺตุํ สพฺรหฺมจารีนํ อิจฺฉํ อุปฺปาเทติ, ตทตฺถาย เตสํ อตฺตานํ วิสฺสชฺเชตีติ อตฺโถ. ปมํ ทินฺโน หิตูปเทโส โอวาโท, อปราปรํ ทินฺโน อนุสาสนี. ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวิสโย วา โอวาโท, อนาคตวิสโย อนุสาสนี. โอติณฺณวตฺถุโก โอวาโท, อิตโร อนุสาสนี. โส จาติ เอวํ ปวาเรตา โส ภิกฺขุ. ทุกฺขํ วโจ เอตสฺมึ วิปฺปฏิกูลคฺคาเห วิปจฺจนีกสาเต อนาทเร ปุคฺคเลติ ทุพฺพโจ. เตนาห ‘‘ทุกฺเขน วตฺตพฺโพ’’ติ. อุปริ อาคเตหีติ ‘‘ปาปิจฺโฉ โหตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘๑) อาคเตหิ โสฬสหิ ปาปธมฺเมหิ. ปกาเรหิ อาวหํ ปทกฺขิณํ, ตโต ปทกฺขิณโต คหณสีโล ปทกฺขิณคฺคาหี, น ปทกฺขิณคฺคาหี อปฺปทกฺขิณคฺคาหี. วามโตติ อปสพฺยโต, วุตฺตวิปริยายโตติ อธิปฺปาโย.

อสนฺตสมฺภาวนปตฺถนานนฺติ อสนฺเตหิ อวิชฺชมาเนหิ คุเณหิ สมฺภาวนสฺส ปตฺถนาภูตานํ. ปฏิ-สทฺโท ปจฺจตฺติกปริยาโย, ผรณํ วายมนํ อิธ ตถาวฏฺานนฺติ อาห ‘‘ปฏิปฺผรตีติ ปฏิวิรุทฺโธ ปจฺจนีโก หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ. อปสาเทตีติ ขิเปติ ตชฺเชติ. ตถาภูโต จ ปรํ ฆฏฺเฏนฺโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ฆฏฺเฏตี’’ติ. ปฏิอาโรเปตีติ ยาทิเสน วุตฺโต, ตสฺส ปฏิภาคภูตํ โทสํ โจทกสฺส อุปริ อาโรเปติ.

ปฏิจรตีติ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๘) ปฏิจฺฉาทนวเสน จรติ ปวตฺตติ, ปฏิจฺฉาทนตฺโถ เอว วา จรติ-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ. อฺเนฺนฺติ ปฏิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺเน การเณนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺํ การณํ วจนํ วาติ ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนํ การณํ, วจนํ วา วุตฺตํ, ตโต อฺเเนว การเณน, วจเนน วา ปฏิจฺฉาเทติ. การเณนาติ โจทนาย อมูลิกภาวทีปนิยา ยุตฺติยา. วจเนนาติ ตทตฺถโพธเนน. โก อาปนฺโนติอาทินา โจทนํ อวิสฺสชฺเชตฺวา วิกฺเขปาปชฺชนํ อฺเนฺํ ปฏิจรณนฺติ ทสฺเสติ, พหิทฺธา กถาอปนามนํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อยเมว เตสํ วิเสโส. เตนาห ‘‘อิตฺถนฺนาม’’นฺติอาทิ.

อปทียนฺติ โทสา เอเตน รกฺขียนฺติ, ลูยนฺติ, ฉิชฺชนฺตีติ วา อปทานํ, (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๒) สตฺตานํ สมฺมา, มิจฺฉา วา ปวตฺตปโยโค. เตนาห ‘‘อตฺตโน จริยายา’’ติ.

๑๘๓. อนุมินิตพฺพนฺติ อนุ อนุ มินิตพฺโพ ชานิตพฺโพ. อตฺตานํ อนุมินิตพฺพนฺติ จ อิทํ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ. เตนาห ‘‘อนุมินิตพฺโพ ตุเลตพฺโพ ตีเรตพฺโพ’’ติ. อตฺตานํ อนุมินิตพฺพนฺติ วา อตฺตนิ อนุมานาณํ ปวตฺเตตพฺพํ. ตตฺรายํ นโย – อปฺปิยภาวาวหา มยิ ปวตฺตา ปาปิจฺฉตา ปาปิจฺฉาภาวโต ปรสฺมึ ปวตฺตปาปิจฺฉตา วิย. เอส นโย เสสธมฺเมสุปิ. อปโร นโย – สพฺรหฺมจารีนํ ปิยภาวํ อิจฺฉนฺเตน ปาปิจฺฉตา ปหาตพฺพา สีลวิสุทฺธิเหตุภาวโต อตฺตุกฺกํสนาทิปฺปหานํ วิย. เสสธมฺเมสุปิ เอเสว นโย.

๑๘๔. ปจฺจเวกฺขิตพฺโพติ ‘‘น ปาปิจฺโฉ ภวิสฺสามิ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’’ติอาทินา ปติ ปติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ วา าณจกฺขุนา อเวกฺขิตพฺพํ, าณํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปาปิจฺฉตาทีนํ ปหานํ ปติ อเวกฺขิตพฺพํ, อยฺจ อตฺโถ ตพฺพ-สทฺทสฺส ภาวตฺถตาวเสน เวทิตพฺโพ, กมฺมตฺถตาวเสน ปน อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตาน’’นฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ กตฺวา วุตฺตํ. สิกฺขนฺเตนาติ ติสฺโสปิ สิกฺขา สิกฺขนฺเตน. เตนาห ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ.

ติลกนฺติ กาฬติลเสตติลาทิติลกํ. สพฺพปฺปหานนฺติ สพฺพปฺปการปฺปหานํ. ผเล อาคเตติ ผเล อุปฺปนฺเน. นิพฺพาเน อาคเตติ นิพฺพานสฺส อธิคตตฺตา. ภิกฺขุปาติโมกฺขนฺติ ‘‘โส สมโณ, ส ภิกฺขู’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขํ, น อุปสมฺปนฺนานํ เอว น ปพฺพชิตานํ เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา จิทํ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทํ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิ. อปจฺจเวกฺขิตุํ น วฏฺฏติ อตฺตวิสุทฺธิยา เอกนฺตเหตุภาวโต.

อนุมานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา

๑๘๕. เจโต เตหิ ขิลยติ ถทฺธภาวํ อาปชฺชตีติ เจโตขิลา. เตนาห ‘‘จิตฺตสฺส ถทฺธภาวา’’ติ. ยสฺมา เตหิ อุปฺปนฺเนหิ จิตฺตํ อุกฺลาปีชาตํ านํ วิย อมนุฺํ เขตฺตํ วิย จ ขาณุกนิจิตํ อมหปฺผลํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กจวรภาวา ขาณุกภาวา’’ติ. ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. จิตฺตํ พนฺธิตฺวาติ ตณฺหาปวตฺติภาวโต กุสลจารสฺส อวสรจชนวเสน จิตฺตํ พทฺธํ วิย สโมโรเธตฺวา. เตนาห ‘‘มุฏฺิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตี’’ติ. สทฺทตฺถโต ปน เจโต วิรูปํ นิพนฺธียติ สํยมียติ เอเตหีติ เจตโส วินิพนฺธา ยสฺส จตุพฺพิธํ สีลํ อขณฺฑาทิภาวปฺปตฺติยา สุปริสุทฺธํ วิเสสภาคิยตฺตา อปฺปกสิเรเนว มคฺคผลาวหํ มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส วิย, โส ตาทิเสน สีเลน อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ อาปชฺชิสฺสตีติ อาห ‘‘สีเลน วุทฺธิ’’นฺติ. ยสฺส ปน อริยมคฺโค อุปฺปชฺชนฺโต วิรูฬฺหมูโล วิย ปาทโป สุปฺปติฏฺิโต, โส สาสเน วิรูฬฺหึ อาปนฺโนติ อาห ‘‘มคฺเคน วิรูฬฺหิ’’นฺติ. โย สพฺพโส กิเลสนิพฺพานปฺปตฺโต, โส อรหา สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา สติเวปุลฺลปฺปตฺโต โหตีติ อาห ‘‘นิพฺพาเนน เวปุลฺล’’นฺติ. ทุติยวิกปฺเป อตฺโถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.

พุทฺธานํ ธมฺมกาโย วิย รูปกาโยปิ อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรคุณาธิฏฺานตาย จ อปจฺจกฺขการีนํ สํสยวตฺถุ โหติเยวาติ ‘‘สรีเร วา คุเณ วา กงฺขตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา มหาปุริสลกฺขเณน อนุพฺยฺชนาทโย รูปกายคุณา คหิตา เอว โหนฺติ อวินาภาวโตติ ‘‘ทฺวตฺตึสวรลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิต’’มิจฺเจว วุตฺตํ, เอวํ อนาวรณาเณน สพฺเพปิ อนนฺตาปริเมยฺยเภทา ธมฺมกายคุณา คหิตา เอว โหนฺตีติ สพฺพฺุตฺาณคฺคหณเมว กตํ นานนฺตริยภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. กงฺขหีติ ‘‘อโห วต เต คุณา น ภเวยฺยุํ, ภเวยฺยุํ วา’’ติ ปตฺถนุปฺปาทนวเสน กงฺขติ. ปุริโม หิ วิปรีตชฺฌาสโย, อิตโร ยถาภูตาณชฺฌาสโย. วิจินนฺโตติ วิจยภูตาย ปฺาย เต วิเวเจตุกาโม ตทภาวโต กิจฺฉํ ทุกฺขํ อาปชฺชติ, กิจฺฉปฺปตฺติ จ ตตฺถ นิจฺเฉตุํ อสมตฺถตาเยวาติ อาห ‘‘วินิจฺเฉตุํ น สกฺโกตี’’ติ. วิคตา จิกิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉา. อธิโมกฺขํ น ปฏิลภตีติ ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกปฺปนวเสน คุเณสุ วินิจฺฉยํ นาธิคจฺฉติ. โอตริตฺวาติ าเณน อนุปวิสิตฺวา. ปสีทิตุนฺติ ‘‘ปสนฺนรูปธมฺมกายคุเณหิ ภควา’’ติ ปสีทิตุํ. อนาวิโล อกาลุสฺโส โหตุํ น สกฺโกติ. ‘‘กงฺขตี’’ติ อิมินา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา, ‘‘วิจิกิจฺฉตี’’ติ อิมินา มชฺฌิมา, ‘‘นาธิมุจฺจตี’’ติ อิมินา พลวตี, ‘‘น สมฺปสีทตี’’ติ อิมินา ติวิธายปิ วิมติยา วเสน อุปฺปนฺนจิตฺตกาลุสฺสิยํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อาตปฺปายาติอาทิโต ตปติ สนฺตปติ กิเลเสติ อาตปฺปํ, อารมฺภธาตุ, ตทตฺถาย. อนุโยคายาติ ยถา สํกิเลสธมฺมานํ อวสโร น โหติ, เอวํ อนุ อนุ ยุฺชนํ อนุโยโค, นิกฺกมธาตุ, ตทตฺถาย. เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ โยคายา’’ติ. สาตจฺจายาติ ยถา อุปรูปริ วิเสสาธิคโม โหติ, ตถา สตตสฺส นิรนฺตรปวตฺตสฺส อนุโยคสฺส ภาโว สาตจฺจํ, ปรกฺกมธาตุ, ตทตฺถาย. ปธานายาติ สนฺตเมวํ ติวิธธาตุสํวฑฺฒิตานุภาวํ สพฺพกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปธานสงฺขาตํ วีริยํ, ตทตฺถาย. เอตฺถ จ อาตปฺปาย จิตฺตํ น นมติ ยถาวุตฺตกงฺขาวเสน, ปเคว อนุโยคาทิอตฺถนฺติ ทสฺเสตุํ จตฺตาริปิ ปทานิ คหิตานิ, อนวเสสวิเสสทสฺสนตฺถํ วา. เกจิ ปน ‘‘อาตปฺปเววจนาเนว อนุโยคาทิปทานี’’ติ วทนฺติ. เอตฺตาวตา ภควา สตฺถริ กงฺขาย จิตฺตสฺส ถทฺธกจวรขาณุกภาเวน อกุสลภาวาทิอาปาทนโต เจโตขิลภาวํ ทสฺเสติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

สิกฺขาคฺคหเณน ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺส คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปริยตฺติธมฺเม จ ปฏิเวธธมฺเม จา’’ติ. ปริยตฺติธมฺเม ยตฺถ กงฺขาย สมฺภโว, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตยิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ปรมฺปราย ปฏิเวธาวหภาวาทิวเสนปิ เอกจฺจานํ ตตฺถ สํสยุปฺปตฺติโต. ยถา จ ปฏิเวเธ กงฺขา วุตฺตา, เอวํ อธิคมธมฺเมปิ ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ เอกจฺเจ ‘‘กสิณาทิภาวนาย ฌานานิ อิชฺฌนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กสิณนิสฺสนฺโท อารุปฺปาติ, เมตฺตาทินิสฺสนฺโท จตุตฺถพฺรหฺมวิหาโร’’ติ เอวมาทินา กงฺขติเยวาติ. เอตฺถ จ นวโลกุตฺตเรสุ ปฺตฺติยํเยว กงฺขาปวตฺติ เวทิตพฺพา อสํกิเลสิกตฺตา โลกุตฺตรธมฺมานํ.

เอวรูปนฺติ เอทิสํ สุปฺปฏิปตฺติ-อุชุปฺปฏิปตฺติ-ายปฺปฏิปตฺติ-สามีจิปฺปฏิปตฺติ-สงฺขาตํ สมฺมาปฏิปทํ. อธิสีลสิกฺขาทโย โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตา เวทิตพฺพา. เอวฺหิ มคฺคผลสิกฺขาหิ อิมาสํ วิเสโส สิทฺโธ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาคฺคหเณน ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺส คหิตตฺตา’’ติ. เอตฺถ จ ยถา วิจิกิจฺฉา วตฺถุตฺตยสฺส สิกฺขาย จ คุเณสุ อนธิมุจฺจนอสมฺปสีทนวเสน อปฺปฏิปตฺติภาวโต จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว อาสปฺปนปริสปฺปนวเสน ปวตฺติยา กจวรขาณุกภาโว จ, เอวํ สพฺรหฺมจารีสุ อาฆาตจณฺฑิกฺกาทิวเสน จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว จ อุปหนนวิรุชฺฌนาทิวเสน กจวรขาณุกภาโว จ เวทิตพฺโพ. อริยสงฺฆวิสยา วิจิกิจฺฉา, ปุคฺคลวิสยา กาจิ นตฺถีติ สงฺฆวิสยาว คหิตา, สาสนิกวเสน จายํ เจโตขิลเทสนาติ สพฺรหฺมจารีวิสโยว โกโป คหิโต.

๑๘๖. ยถา วตฺถุกาโม, เอวํ กิเลสกาโมปิ อสฺสาทนีโย เอวาติ ‘‘กิเลสกาเมปี’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓). กามนิทฺเทเส (มหานิ. ๑) สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน ‘‘กามา’’ติ วุตฺตา, พลวกามราควตฺถุภูตาเยเวตฺถ กามคฺคหเณน คหิตาติ. วินิพทฺธวตฺถุภาเวน ยถา วิสุํ อตฺตโน กาโย คหิโต, ตถา ปเรสํ ตถารูปา รูปธมฺมา สมูหฏฺเนาติ อาห ‘‘รูเปติ พหิทฺธารูเป’’ติ. ยถา หิ ปฺจกามคุณิโก ราโค ฌานาทิวิเสสาธิคมสฺส วินิพทฺธาย สํวตฺตติ, เอวํ อตฺตโน กาเย อเปกฺขา พหิทฺธา จ สกปริกฺขาราติมิตฺตาทีสุ อเปกฺขาติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘รูเปติ รูปชฺฌาเน’’ติอาทินา ปปฺเจนฺติ. ตทยุตฺตํ ฌานาธิคมวินิพทฺธานํ สีลสฺส จ สํกิเลสภูตานํ เจโตวินิพทฺธภาเวน คหิตตฺตา.

ยาวทตฺถนฺติ ยาว อตฺเถติ อภิกงฺขติ, ตาว. เตนาห ‘‘ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตก’’นฺติ. นฺติ ยาวทตฺถํ อุทรปูรํ ภุตฺตํ. อวเทหนโต ปูรณโต. เสยฺยสุขนฺติ เสยฺยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนกสุขํ. ปสฺสสุขนฺติ ปสฺสานํ สมฺปริวตฺตเนน อุปฺปชฺชนกสุขํ. นิทฺทาสุขนฺติ นิทฺทายเนน อุปฺปชฺชนกสุขํ.

สีเลนาติอาทิ ปตฺถนาการทสฺสนํ. วตสมาทานนฺติ ธุตงฺคาทิวตานุฏฺานํ. ตโปติ วีริยารมฺโภ. โส หิ กิเลสานํ ตปนฏฺเน นิคฺคณฺหนฏฺเน ตปจรณนฺติ วุตฺตํ.

๑๘๙. ฉนฺทํ นิสฺสายาติ ฉนฺทํ ธุรํ, ฉนฺทํ เชฏฺกํ, ฉนฺทํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปวตฺติวเสน ฉนฺทํ นิสฺสาย. เชฏฺกฏฺเน ปธานภูตา, ปธานภาวํ วา ปตฺตาติ ปธานภูตา. เตหิ ธมฺเมหีติ ฉนฺทนิสฺสเยน ปวตฺตสมาธินา เจว ‘‘ปธานสงฺขาโร’’ติ วุตฺตวีริเยน จ. อุเปตนฺติ สมฺปยุตฺตํ. อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ, นิปฺผตฺติอตฺเถน ปฏิลาภฏฺเน จาติ อตฺโถ, ตสฺสา อิทฺธิยา ปาทํ ปาทกํ ปทฏฺานภูตํ. อถ วา อิชฺฌนฺติ ตาย อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ, สาว อุปริวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต ปาโท. เตนาห ‘‘อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาท’’นฺติ. เสเสสุปีติ วีริยิทฺธิปาทาทีสุปิ. อสฺสาติ อิทฺธิปาทสฺส. อตฺโถ ทีปิโตติ ทีปนตฺถํ กตํ, ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๓๖๙) ตสฺส อตฺถวิจาโร คเหตพฺโพ. อิทฺธิปาทานํ สมาธิปธานตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิต’’นฺติ. เตสํ เตสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทนกิริยาย อุปฺปนฺนานํ ปริพฺรูหนกิริยาย อุสฺสหนโต อุสฺโสฬฺหี, ถามปฺปตฺตา ปรกฺกมธาตุ. สา ปน จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ วิเสสปจฺจยภูตา เต อุปาทาย ‘‘ปฺจมี’’ติ วุตฺตา, สา จ ยสฺมา สมถวิปสฺสนาภาวนาสุ ตตฺถ จอาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ สาเธตพฺพํ วีริยํ, ตสฺมา อาห ‘‘อุสฺโสฬฺหีติ สพฺพตฺถ กตฺตพฺพวีริยํ ทสฺเสตี’’ติ. ปุพฺพภาคิยสมถวิปสฺสนาสาธนํ ปหาตพฺพธมฺมวิภาเคน ภินฺทิตฺวา อาห ‘‘ปฺจ เจโตขิลปฺปหานานิ ปฺจ วินิพนฺธปฺปหานานี’’ติ. ภพฺโพติ ยุตฺโต อรหติ นิปฺผตฺติยา. าเณนาติ มคฺคาเณน. กิเลสเภทายาติ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนาย. เขมสฺสาติ อนุปทฺทวสฺส.

สมฺภาวนตฺเถติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๑; อ. นิ. ฏี. ๓.๗.๗๑) ‘‘อปิ นาเมวํ สิยา’’ติ วิกปฺปนตฺโถ สมฺภาวนตฺโถ. เอวํ หีติ เอวํ เอกเมว สงฺขฺยํ อวตฺวา อปราย สงฺขฺยาย สทฺธึ วจนํ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหติ ยถา ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานี’’ติ. สมฺมา อธิสยิตานีติ ปาทาทีหิ อตฺตนา เนสํ กิฺจิ อุปฆาตํ อกโรนฺติยา พหิวาตาทิปริสฺสยปริหรณตฺถํ สมฺมเทว อุปริ สยิตานิ. อุตุํ คาหาเปนฺติยาติ เตสํ อลฺลสิเนหปริยาทานตฺถํ อตฺตโน กายุสฺมาวเสน อุตุํ คณฺหาเปนฺติยา. เตนาห ‘‘อุสฺมีกตานี’’ติ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ สมฺมเทว สพฺพโส กุกฺกุฏวาสนาย วาสิตานิ. เตนาห ‘‘กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานี’’ติ. อยฺจ กุกฺกุฏคนฺธปริภาวนา สมฺมาอธิสยนสมฺมาปริเสทนนิปฺผตฺติยา ‘‘อนุนิปฺผาที’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๑) ทฏฺพฺพา. เตหิ ปน สทฺธึเยว อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘ติวิธกิริยากรเณนา’’ติ. กิฺจาปิ น เอวํ ‘‘อโห วติเม’’ติอาทินา อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย, การณสฺส ปน สมฺปาทิตตฺตา อถ โข ภพฺพาว อภินิพฺภิชฺชิตุนฺติ โยชนา . กสฺมา ภพฺพาติ อาห ‘‘เต หิ ยสฺมา ตายา’’ติอาทิ. เอตฺถ ยถา กปาลสฺส ตนุตา อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานสฺส การณํ, ตถา กปาลสฺส ตนุตาย นขสิขามุขตุณฺฑกานํ ขรตาย จ อลฺลสิเนหสฺส ปริยาทานํ การณวจนนฺติ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมาติ อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานโต, สยฺจ ปริปากคตตฺตา.

โอปมฺมสมฺปฏิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺเยน สมฺมเทว ปฏิปาทนํ. อตฺเถนาติ อุปเมยฺยตฺเถน. ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺเฑสุ ติวิธกิริยาย กรณํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ ภิกฺขุโน อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสานิ องฺคานิ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ตสฺสา กุกฺกุฏิยา…เป… สมนฺนาคตภาโว’’ติ. ปฏิจฺฉาทนสามฺเน อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตาย พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโล วุฏฺานคามินิภาวาปตฺติ, ตทา จ สา มคฺคาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติ. อภิฺาปกฺเขติ โลกิยาภิฺาปกฺเข. โลกุตฺตราภิฺา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิกาติ. คาถาย อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรตีติ เทสนาวิลาเสน วิเนยฺยสนฺตานคตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ฆฏฺเฏติ, ยถาาเน าตุํ น เทติ.

ปฏิสงฺขานปฺปหานนฺติ ตทงฺคปฺปหานปุพฺพกํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. ปุพฺพภาคิยา อิทฺธิปาทา ปาฬิยํ คหิตาติ ‘‘อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อุสฺโสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทายา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๑๘๙) โลกุตฺตริทฺธิปาทา ปน สมฺโพธคฺคหเณเนว คหิตา. มคฺเค อาคเตติ อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาปยโต มคฺเค อาคเต อุปฺปนฺเน, ปาฬิยํ วา อภินิพฺภิทาสมฺโพธคฺคหเณหิ มคฺเค อาคเต. ผเล อาคเตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นิพฺพานสฺส ปน ปาฬิยํ อนาคตตฺตา นิสฺสรณปฺปหานํ น คหิตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

เจโตขิลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๗. วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนา

๑๙๐. วนียติ วิเวกกาเมหิ ภชียติ, วนุเต วา เต อตฺตสมฺปตฺติยา วสนตฺถาย ยาจนฺโต วิย โหตีติ วนํ, ปติฏฺนฺติ เอตฺถ วิเวกกามา ยถาธิปฺเปตวิเสสาธิคเมนาติ ปตฺถํ, วเนสุ ปตฺถํ คหนฏฺาเน เสนาสนํ วนปตฺถํ. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตตีติ ปริยาโย, การณนฺติ อาห ‘‘วนปตฺถปริยายนฺติ วนปตฺถการณ’’นฺติ. วนปตฺถฺหิ ตํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อุปนิสฺสยการณํ. เตนาห ‘‘วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ. ปริยายติ เทเสตพฺพมตฺถํ ปติฏฺเปตีติ ปริยาโย, เทสนา. วนปตฺถํ อารพฺภ ปวตฺตา เทสนา วนปตฺถเทสนา, ตํ, อุภยตฺถาปิ วนปตฺถคฺคหณํ ลกฺขณมตฺตํ คามาทีนมฺเปตฺถ การณภาวสฺส, เทสนาย วิสยภาวสฺส จ ลพฺภมานตฺตา.

๑๙๑. นิสฺสายาติ อปสฺสาย, วิเวกวาสสฺส อปสฺสยํ กตฺวาติ อตฺโถ. น อุปฏฺาตีติอาทีหิ ตสฺมึ วนปตฺเถ เสนาสนสปฺปายาภาวํ, อุตุปุคฺคลธมฺมสฺสวนสปฺปายาภาวมฺปิ วา ทสฺเสติ. ชีวิตสมฺภาราติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๙.๖) ชีวิตปฺปวตฺติยา สมฺภารา ปจฺจยา. สมุทาเนตพฺพาติ สมฺมา าเยน อนวชฺชอุฺฉาจริยาทินา อุทฺธํ อุทฺธํ อาเนตพฺพา ปาปุณิตพฺพา. เต ปน ตถา สมุทานิตา สมาหฏา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาหริตพฺพา’’ติ. ทุกฺเขน อุปฺปชฺชนฺตีติ สุลภุปฺปาทา น โหนฺติ. เอเตน โภชนสปฺปายาทิอภาวํ ทสฺเสติ. รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วาติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘รตฺติโกฏฺาเส วา ทิวสโกฏฺาเส วา’’ติ. รตฺตึเยว ปกฺกมิตพฺพํ สมณธมฺมสฺส ตตฺถ อนิปฺผชฺชนโต.

๑๙๒-๓. สงฺขาปีติ ‘‘ยทตฺถมหํ ปพฺพชิโต, น เมตํ อิธ นิปฺผชฺชติ, จีวราทิ ปน สมุทาคจฺฉติ, นาหํ ตทตฺถํ ปพฺพชิโต, กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ปฏิสงฺขายปิ. อนนฺตรวาเร สงฺขาปีติ ‘‘ยทตฺถมหํ ปพฺพชิโต, ตํ เม อิธ นิปฺผชฺชติ, จีวราทิ ปน น สมุทาคจฺฉติ, นาหํ ตทตฺถํ ปพฺพชิโต’’ติ ปฏิสงฺขายปีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สมณธมฺมสฺส นิปฺผชฺชนภาวํ ชานิตฺวา’’ติ.

๑๙๕-๗. โสปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพติ ‘‘โส ปุคฺคโล’’ติ ปทสฺส ‘‘นานุพนฺธิตพฺโพ’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยสฺส เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺเนปิ โส ภวติ . ตํ ปุคฺคลนฺติ ‘‘โส ปุคฺคโล’’ติ ปจฺจตฺตวจนํ อุปโยควเสน ปริณาเมตฺวา ตํ ปุคฺคลํ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อตฺถวเสน หิ วิภตฺติวิปริณาโมติ. ตํ อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ จ กตฺุตกตเวทิตาย นิโยชนํ.

๑๙๘. เอวรูโปติ ยํ นิสฺสาย ภิกฺขุโน คุเณหิ วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, ปจฺจเยหิ จ น ปริสฺสโม, เอวรูโป ทณฺฑกมฺมาทีหิ นิคฺคณฺหาติ เจปิ, น ปริจฺจชิตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘สเจปี’’ติอาทินา.

วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา

๑๙๙. ชาติวนนฺติ สยํชาตํ วนํ. เตนาห ‘‘อโรปิม’’นฺติ. ปฏิสลฺลานตฺถายาติ เอกีภาวตฺถาย, ปุถุตฺตารมฺมณโต วา จิตฺตํ ปฏินิวตฺเตตฺวา อจฺจนฺตสนฺเต นิพฺพาเน ผลสมาปตฺติวเสน อลฺลียาปนตฺถํ. ทณฺโฑ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ ทณฺฑปาณิ. ยถา โส ‘‘ทณฺฑปาณี’’ติ วุจฺจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทณฺฑวิตฺตตายาติ ทณฺเฑ โสณฺฑตาย. โส หิ ทณฺฑปสุโต ทณฺฑสิปฺเป จ สุกุสโล ตตฺถ ปากโฏ ปฺาโต, ตสฺมา ทณฺฑํ คเหตฺวาว วิจรติ. ชงฺฆากิลมถวิโนทนตฺถนฺติ ราชสภาย จิรนิสชฺชาย อุปฺปนฺนชงฺฆาปริสฺสมสฺส อปนยนตฺถํ. อธิจฺจนิกฺขมโนติ ยาทิจฺฉกนิกฺขมโน, น อภิณฺหนิกฺขมโน. โอลุพฺภาติ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ิโต. ยถา โส ‘‘โอลุพฺภา’’ติ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โคปาลกทารโก วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๒๐๐. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺีติ อาห ‘‘กึ วาทีติ, กึ ทิฏฺิโก’’ติ? กิมกฺขายีติ กิมาจิกฺขโก, กีทิสธมฺมกโถ? อจิตฺตีกาเรนาติ อนาทเรน. ตถาปุจฺฉเน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺมา’’ติอาทิมาห. นสฺสเตตนฺติ นสฺสตุ เอตํ กุลํ.

อตฺถํน ชานาตีติ อตฺถํ เจ เอกเทเสน ชาเนยฺย, ตํ มิจฺฉา คเหตฺวา ปฏิปฺผริตฺวาปิ ติฏฺเยฺย. ตสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ ตทสฺส อตฺถาชานนํ ภควตา อิจฺฉิตํ. วิคฺคาหิกกถนฺติ วิคฺคหกถํ, สารมฺภกถนฺติ อตฺโถ. นนุ ภควตา สทฺธึ โลเก ปุถู สมณพฺราหฺมณา นานาวาทา สนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทิ. น วิวทติ วิวาทเหตุกานํ กามทิฏฺิชฺโฌสานานํ มคฺเคเนว สมุคฺฆาติตตฺตา, ตทภาวโต ปน โลโก ตถาคเตน วิวทติ. ธมฺมวาที ยถาภูตวาที ธมฺมวาทีหิ น วิวทติ เตสํ วิวทิตุกามตาย เอว อภาวโต, อธมฺมวาที ปน ติณายปิ นมฺมาโน เตหิ กิฺจิ วิวทติ. เตนาห ‘‘น, ภิกฺขเว, ธมฺมวาที เกนจิ โลกสฺมึ วิวทตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๙๔). อธมฺมวาที ปน อสมุจฺฉินฺนวิวาทเหตุกตฺตา วิวทเตว. ตถา จาห ‘‘อธมฺมวาทีว โข, ภิกฺขเว, วิวทตี’’ติ.

ยถา จ ปนาติ เอตฺถ ยถา-สทฺโท ‘‘ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๒) วิย การณตฺโถติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. การณากาโร วา อิธ ยถา-สทฺเทน วุตฺโต, โส ปน อตฺถโต การณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘เยน การเณนา’’ติ. ‘‘อิทํ กถํ อิทํ กถํ’’ติ ปวตฺตนโต กถํกถา, วิจิกิจฺฉา. สา ยสฺส นตฺถิ, โส อกถํกถี, ตํ อกถํกถึ. วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจํ ภควตา อนาคามิมคฺเคเนว ฉินฺนํ, หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ อคฺคมคฺเคน อาเวณิกธมฺมาธิคมโต. อปราปรํ อุปฺปชฺชนกภโว ‘‘ภวาภโว’’ติ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนพฺภเว’’ติ. สํวราสํวโร ผลาผลํ วิย ขุทฺทกมหนฺโต ภโว ‘‘ภวาภโว’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘หีนปณีเต วา ภเว’’ติ. ภโว วุฑฺฒิปฺปตฺโต ‘‘อภโว’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑.ติกมาติกา). กิเลสสฺาติ กามสฺาทิเก วทติ. กิเลสา เอว วา สฺานาเมน วุตฺตา ‘‘สฺา ปหาย อมตํ เอว ปาปุณาตี’’ติอาทีสุ วิย. อตฺตโน ขีณาสวภาวํ ทีเปตีติ อิมินาว ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสตีติ อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทฏฺพฺพํ. นีหริตฺวา กีฬาเปตฺวาติ นีหริตฺวา เจว กีฬาเปตฺวา จ, นีหรณวเสน วา กีฬาเปตฺวา. ติวิสาขนฺติ ติภงฺคภากุฏิ วิย นลาเฏ ชาตตฺตา นลาฏิกํ.

๒๐๑. กินฺตินุ โขติ กึ การเณนาติ อตฺโถ. อนุสนฺธึ คเหตฺวาติ ปุจฺฉานุสนฺธึ อุฏฺเปตฺวา. ยโตนิทานนฺติ ยํนิทานํ, ยํการณาติ วุตฺตํ โหติ. ปุริมปเท หิ วิภตฺติ อโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส, ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนาทินิทานนฺติ อยเมว อตฺโถ. สงฺขายนฺติ สงฺขาภาเวน ายนฺตีติ สงฺขาติ อาห ‘‘สงฺขาติ โกฏฺาสา’’ติ. กามฺเจตฺถ มาโนปิ ปปฺโจ, อภินนฺทนสภาเว เอว ปน คณฺหนฺโต ‘‘ตณฺหามานทิฏฺิปปฺจสมฺปยุตฺตา’’ติ อาห. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อภินนฺทิตพฺพ’’นฺติอาทิ. สมุทาจรนฺตีติ สพฺพโส อุทฺธํ อุทฺธํ ปริยาทาย ปวตฺตนฺติ. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร, เตน จ โยเคน ปุริสนฺติ อุปโยควจนํ ยถา ‘‘ตถาคตํ, ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทฺเว วิตกฺกา สมุทาจรนฺตี’’ติ (อิติวุ. ๓๘). ตณฺหาทโย จ ยถาสกํ ปวตฺติอาการํ อวิลงฺฆนฺติโย อาเสวนวเสน อุปรูปริ ปวตฺตนฺติ. ตถา หิ ตา ‘‘ปปฺจสงฺขา’’ติ วุตฺตา.

การเณติ ปวตฺติปจฺจเย. เอกายตนมฺปิ …เป… นตฺถีติ จกฺขายตนาทิ เอกมฺปิ อายตนํ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพฺจ นตฺถิ เจ, นนุ นตฺถิ เอว, กสฺมา ‘‘นตฺถิ เจ’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ นตฺถิ, อปฺปหีนาภินนฺทนาภิวทนอชฺโฌสานานํ ปน ปุถุชฺชนานํ อภินนฺทิตพฺพาทิปฺปการานิ อายตนานิ โหนฺตีติ เตสํ น สกฺกา นตฺถีติ วตฺตุ, ปหีนาภินนฺทนาทีนํ ปน สพฺพถา นตฺถีติ ‘‘นตฺถิ เจ’’ติ วุตฺตํ. อหํ มมนฺติ อภินนฺทิตพฺพนฺติ ทิฏฺาภินนฺทนาย ‘‘อห’’นฺติ ตณฺหาภินนฺทนาย ‘‘มม’’นฺติ โรเจตพฺพํ. อภิวทิตพฺพนฺติ อภินิวิสนสมุฏฺาปนวเสน วตฺตพฺพํ. เตนาห ‘‘อหํ มมนฺติ วตฺตพฺพ’’นฺติ. อชฺโฌสิตฺวาติ ทิฏฺิ ตณฺหา วตฺถุํ อนุปวิสิตฺวา คาหทฺวยํ อนฺสาธารณํ วิย กตฺวา. เตนาห ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา’’ติ. เอเตนาติ ‘‘เอตฺถ เจ นตฺถี’’ติอาทิวจเนน. เอตฺถาติ อายตเนสุ. ตณฺหาทีนํ อวตฺถุภาวทสฺสนมุเขน ตณฺหาทีนํเยว อปฺปวตฺตึ กิเลสปรินิพฺพานํ กถิตนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘เอเสวนฺโต’’ติอาทิ, อยเมว อภินนฺทนาทีนํ นตฺถิภาวกโร มคฺโค, ตปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิภูตํ ผลํ, ตํนิสฺสรณํ วา นิพฺพานํ ราคานุสยาทีนํ อนฺโต อวสานํ อปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อยํ …เป… อนฺโต’’ติ. สพฺพตฺถาติ ‘‘เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ.

อาทิยตีติ ปหารทานาทิวเสน คยฺหติ. มตฺถกปฺปตฺตํ กลหนฺติ ภณฺฑนาทิมตฺเต อฏฺตฺวา มุขสตฺตีหิ วิตุทนาทิวเสน มตฺถกปฺปตฺตํ กลหํ. ยาย กโรตีติ สมฺพนฺโธ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. วิรุทฺธคฺคาหวเสน นานาคาหมตฺตํ, ตถา วิรุทฺธวาทวเสน นานาวาทมตฺตํ. เอวํ ปวตฺตนฺติ ครุกาตพฺเพสุปิ คารวํ อกตฺวา ‘‘ตุวํ ตุว’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ สารมฺภกถํ, ยาย เจตนาย ยํ กโรติ, สา ตุวํ ตุวํ. นิสฺสายาติ ปฏิจฺจ, นิสฺสยาทิปจฺจเย กตฺวาติ อตฺโถ. กิเลสานํ อุปฺปตฺตินิมิตฺตตา ตาว อายตนานํ โหตุ ตพฺภาเว ภาวโต, นิโรธนิมิตฺตตา ปน กถํ. น เหตฺถ โลกุตฺตรธมฺมานํ สงฺคโห โลกิยานํเยว อธิปฺเปตตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘นิรุชฺฌมานาปี’’ติอาทิ. นามมตฺเตน นิมิตฺตตํ สนฺธาย วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺถุปฺปนฺนา, ตตฺเถว นิรุทฺธา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สาเธนฺโต ‘‘สฺวายมตฺโถ’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ สมุทยสจฺจปฺเหนาติ มหาสติปฏฺาเน สมุทยสจฺจนิทฺเทเสน. โส หิ ‘‘กตฺถ อุปฺปชฺชมานา’’ติอาทินา ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตตฺตา ปฺโหติ วุตฺโต. นนุ ตตฺถ ตณฺหาย อุปฺปตฺตินิโรธา วุตฺตา, น สพฺพกิเลสานนฺติ อีทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยเถว จา’’ติอาทิมาห. ลทฺธโวหาเรติ อิมินา ราคาทีนํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตตาย อนฺโตติ สมฺา นิพฺพานสฺสาติ ทสฺเสติ. เอเตเนว อภินนฺทนาทีนํ อภาโวติ จ อิทํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กถํ ปน สพฺพสงฺขตวินิสฺสเฏ นิพฺพาเน อกุสลธมฺมานํ นิโรธสมฺภโวติ อาห ‘‘ยฺหิ ยตฺถ นตฺถิ, ตํ ตตฺถ นิรุทฺธํ นาม โหตี’’ติ. ยฺวายํ อปฺปวตฺติยํ นิโรธโวหาโร วุตฺโต, สฺวายมตฺโถ นิโรธปฺเหน ทีเปตพฺโพ. น หิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา วิตกฺกวิจารา ปฏิปฺปสฺสทฺธาติ วุตฺตา, อถ โข อปฺปวตฺตา เอวาติ.

๒๐๓. เอวํสมฺปทนฺติ เอวํสมฺปชฺชนกํ เอวํ ปสฺสิตพฺพํ อิทํ มม อชฺเฌสนํ. เตนาห ‘‘อีทิสนฺติ อตฺโถ’’ติ. ชานํ ชานาตีติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๑๑๓-๑๑๖) สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ ชานาติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน หิ อวิเสสคฺคหเณน จ ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา นิรวเสสํ เยฺยชาตํ ปริคฺคณฺหาตีติ ตพฺพิสยาย ชานนกิริยาย สพฺพฺุตฺาณเมว กรณํ ภวิตุํ ยุตฺตํ. อถ วา ปกรณวเสน ‘‘ภควา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จายมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุ-ปฺาจกฺขุ-ธมฺมจกฺขุ-พุทฺธจกฺขุ-สมนฺตจกฺขุ-สงฺขาเตหิ าณจกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ เอว. อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อฺเ สวิปลฺลาสา กามรูปปริฺาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานนฺโต ชานาติ เอว, ทิฏฺิทสฺสนสฺส จ อภาวา ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยวาติ อตฺโถ. ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ ยถา จกฺขุ สตฺตานํ ทสฺสนตฺถํ ปริเณติ, เอวํ โลกสฺส ยาถาวทสฺสนสาธนโต ทสฺสนกิจฺจปริณายกฏฺเน จกฺขุภูโต, ปฺาจกฺขุมยตฺตา วา สยมฺภุาเณน ปฺาจกฺขุํ ภูโต ปตฺโตติ วา จกฺขุภูโต. าณภูโตติ เอตสฺส จ เอวเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมา วา โพธิปกฺขิยา เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต, อนฺสาธารณํ วา ธมฺมํ ปตฺโตติ ธมฺมภูโต. พฺรหฺมา วุจฺจติ มคฺโค เตน อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนตฺตา, ตฺจ สยมฺภุาเณน ปตฺโตติ พฺรหฺมภูโต. จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตา. จิรํ สจฺจปฏิเวธํ ปวตฺเตนฺโต วทตีติ ปวตฺตา. อตฺถํ นีหริตฺวาติ ทุกฺขาทิอตฺถํ ตตฺถาปิ ปีฬนาทิอตฺถํ อุทฺธริตฺวา. ปรมตฺถํ วา นิพฺพานํ ปาปยิตา, อมตสจฺฉิกิริยํ สตฺเตสุ อุปฺปาเทนฺโต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตา. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสฺสามี.

๒๐๔. โส วา อุทฺเทโส อตฺตโนปิ โหตีติ เถโร ‘‘ยํ โข โน’’ติ อาห. สพฺพโลกสาธารณา หิ พุทฺธานํ เทสนาติ. อิทานิ เยหิ ทฺวารารมฺมเณหิ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ, ตานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ปปฺจสฺาสงฺขา ทสฺเสตุํ เยน สฬายตนวิภงฺเคน นิทฺเทโส กโต, ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุฺจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ นิสฺสยภาเวนาติ นิสฺสยปจฺจยภาเวน. นิสฺสยปจฺจโย จ ปสาทจกฺขุเยว โหติ, น จุทฺทสสมฺภารํ, จตุจตฺตาลีสสมฺภารํ วา สสมฺภารจกฺขุนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาทฺจ ปฏิจฺจา’’ติ. อารมฺมณภาเวนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวน. อารมฺมณปจฺจโย จ จตุสมุฏฺานิกรูเปสุ ยํ กิฺจิ โหตีติ อาห ‘‘จตุสมุฏฺานิกรูเป จ ปฏิจฺจา’’ติ.

เอตฺถ จกฺขุ เอกมฺปิ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปายตนํ ปน อเนกเมว สํหตนฺติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ นิสฺสยภาเวน ‘‘จกฺขุปสาทฺจ อารมฺมณภาเวน จตุสมุฏฺานิกรูเป จา’’ติ วจนเภโท กโต. กึ ปน การณํ จกฺขุ เอกมฺปิ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมวาติ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต, ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโย โหตีติ วุจฺจติ, ตนฺนิสฺสิตตา จสฺส น เอกเทเสน อลฺลียนวเสน อิจฺฉิตพฺพา อรูปภาวโต. อถ โข ครุราชาทีสุ สิสฺสราชปุริสาทีนํ วิย ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย, อิตเร ปน ปจฺจยา เตน เตน วิเสเสน เวทิตพฺพา.

สจายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘จกฺขุฺจาวุโส, ปฏิจฺจา’’ติ เอกวจนวเสน วุตฺตํ. รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิ-อวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ อุปฺปนฺนํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณ เอว อุปการกตฺตา ตถาปิ อเนกเมว สํหตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ปจฺจยธมฺมํ สภาวภูตํ, ปริกปฺปิตาการมตฺตํ วา วิฺาณํ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, ตทฺเสฺจ สติปิ ปจฺจยภาเว โส ตสฺส สารมฺมณสภาวตาย ยํ กิฺจิ อนาลมฺภิตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถสฺส โอลุพฺภปวตฺติการณภาเวน อาลมฺพนียโต อารมฺมณํ นาม, ตสฺส ยสฺมา ยถา ตถา สภาวูปลทฺธิ วิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยลาโภ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาณํ รูปํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติ. สา จสฺส อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ พหุวจนวเสนาห.

ยํ ปน ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.๑.๒ ปจฺจยนิทฺเทส) ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยาทิสํ รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ. กีทิสํ ปน ตนฺติ ? สมุทิตนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘อายตนสลฺลกฺขณวเสน จกฺขุวิฺาณาทโย สลฺลกฺขณวิสยา, น ทฺรพฺยสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ, ตมฺปิ สุวุตฺตเมว โหติ. น เจตฺถ สมุทายารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา สมุทายาโภคสฺเสว อภาวโต, สมุทิตา ปน วณฺณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถา สมุทิตา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตา อนฺธา สมุทิตา ปสฺสนฺตีติ? นยิทเมกนฺติกํ วิสุํ วิสุํ อสมตฺถานมฺปิ สิวิกาวหนาทีสุ สมตฺถตาย ทสฺสนโต. เกสาทีนฺจ ยสฺมึ าเน ิตานํ ปจฺเจกํ วณฺณํ คเหตุํ น สกฺกา, ตสฺมึเยว าเน สมุทิตานํ ตํ คเหตุํ สกฺกาติ ภิยฺโยปิ เตสํ สํหจฺจการิตา ปริพฺยตฺตา. เอเตน กึ จกฺขุวิฺาณสฺส ปรมาณุรูปํ อารมฺมณํ, อุทาหุ ตํสมุทาโยติอาทิกา โจทนา ปฏิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘โสตฺจ, อาวุโส, ปฏิจฺจา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จกฺขุวิฺาณํ นามาติ จกฺขุนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ จกฺขุวิฺาณํ นาม อุปฺปชฺชติ.

ติณฺณํ สงฺคติยาติ จกฺขุ, รูปํ, จกฺขุวิฺาณนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ สงฺคติยา สโมธาเนน. ผสฺโส นามาติ อรูปธมฺโมปิ สมาโน อารมฺมเณ ผุสนากาเรเนว ปวตฺตนโต ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส นาม ธมฺโม อุปฺปชฺชติ. สหชาตาทิวเสนาติ จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาย สหชาตอฺมฺาทิวเสน, อนนฺตราย อนนฺตราทิวเสน, อิตราย อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจยภาวโต ผสฺสปจฺจยา ผสฺสการณา เวทนา อุปฺปชฺชติ. อนุภวนสมกาลเมว อารมฺมณสฺส สฺชานนํ โหตีติ ‘‘ตาย เวทนาย ยํ อารมฺมณํ เวเทติ, ตเทว สฺา สฺชานาตี’’ติ วุตฺตํ. จกฺขุทฺวาริกา ธมฺมา อิธาธิปฺเปตาติ ตทนุสาเรน ปน อปราปรุปฺปนฺนานํ เวทนาทีนํ คหเณ สติ, ยนฺติ วา การณวจนํ, ยสฺมา อารมฺมณํ เวเทติ, ตสฺมา ตํ สฺชานาตีติ อตฺโถ. น หิ อสติ เวทยิเต กทาจิ สฺุปฺปตฺติ อตฺถิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สฺาย หิ ยถาสฺาตํ วิชฺชมานํ, อวิชฺชมานํ วา อารมฺมณํ วิตกฺกวเสน ปริกปฺเปติ, ยถาปริกปฺปิตฺจ ตํ ทิฏฺิตณฺหามานมฺนาหิ มฺมาโน ปปฺเจตีติ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานา’’ติ, ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวา ปถวึ มฺตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒), ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) จ. พลปฺปตฺตปปฺจวเสเนวายมตฺถวณฺณนา กตา, อฏฺกถายํ ปน ปริทุพฺพลวเสน.

จกฺขุรูปาทีหิ การเณหีติ จกฺขุวิฺาณผสฺสเวทนาสฺาวิตกฺเกหิ การณภูเตหิ. อการณภูตานมฺปิ เตสํ อตฺถิตาย การณคฺคหณํ. ปริฺาตา หิ เต อการณํ. เตนาห ‘‘อปริฺาตการณ’’นฺติ. ตีหิปิ ปริฺาหิ อปริฺาตวตฺถุกํ. อภิภวนฺตีติ อชฺโฌตฺถรนฺติ. สหชาตา โหนฺตีติ เอตฺถ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา เวทนากฺขนฺโธ อตฺถิ กุสโล’ติอาทิวจนโต เวทนาสฺา อสหชาตาปิ คเหตพฺพา. ยทิ เอวนฺติ ‘‘ปปฺเจตี’’ติ เอตฺถ ยทิ ปฺจทฺวารชวนสหชาตา ปปฺจสงฺขา อธิปฺเปตา ตาสํ ปจฺจุปฺปนฺนวิสยตฺตา, กสฺมา อตีตานาคตคฺคหณํกตนฺติ โจเทติ. อิตโร ‘‘ตถา อุปฺปชฺชนโต’’ติอาทินา ปริหรติ. ตตฺถ ตถา อุปฺปชฺชนโตติ ยถา วตฺตมานกาเล, เอวํ อตีตกาเล อนาคตกาเล จ จกฺขุทฺวาเร ปปฺจสงฺขานํ อุปฺปชฺชนโต อตีตานาคตคฺคหณํ กตํ, น อตีเตสุ, อนาคเตสุ วา จกฺขุรูเปสุ จกฺขุทฺวาริกานํ ตาสํ อุปฺปชฺชนโต.

มนฺชาวุโส, ปฏิจฺจาติ เอตฺถ ทุวิธํ มนํ เกวลํ ภวงฺคํ, สาวชฺชนํ วา. ทุวิธา หิ กถา. อุปฺปตฺติทฺวารกถายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ จลิตํ ภวงฺคํ มโนทฺวารํ นาม, จกฺขาทิ วิย รูปาทินา เยน ตํ ฆฏฺฏิตํ ตตฺถ อุปริ วิฺาณุปฺปตฺติยา ทฺวารภาวโต. ปจฺจยกถายํ สาวชฺชนภวงฺคํ, ‘‘มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อตฺถิ กุสโล’’ติอาทีสุ หิ สาวชฺชนมโนสมฺผสฺโส อิจฺฉิโต, น ภวงฺคมโนสมฺผสฺโส อสมฺภวโต. ตตฺถ ปมนยํ สนฺธายาห ‘‘มนนฺติ ภวงฺคจิตฺต’’นฺติ. ธมฺเมติ เตภูมกธมฺมารมฺมณนฺติ อิมินา สภาวธมฺเมสุ เอว กิเลสุปฺปตฺตีติ เกจิ, ตทยุตฺตํ ตทุปาทานายปิ ปฺตฺติยา ธมฺมารมฺมณตาย วุตฺตตฺตา. อิธ ปน เตภูมกาปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เตภูมกธมฺมารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปฺตฺติยา อนารมฺมณตฺตา. เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อกุสลจิตฺตุปฺปาทา อนารมฺมณา นาม สิยุํ. อุปฺปตฺติทฺวารกถายํ จกฺขุวิฺาณาทิ วิย อาวชฺชนมฺปิ ทฺวารปกฺขิกเมวาติ วุตฺตํ ‘‘มโนวิฺาณนฺติ อาวชฺชนํ วา’’ติ. ปจฺจยกถายํ ปน อาวชฺชนํ คหิตนฺติ ‘‘ชวนํ วา’’ติ วุตฺตํ. นยทฺวเย ธมฺมานํ สหชาตวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาวชฺชเนคหิเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยุตฺตเมวาติ นิปฺปริยายโต ยุตฺตเมว.

โส ยาว น ปจฺจยปฏิเวโธ สมฺภวติ, ตาว ปฺตฺติมุเขเนว สภาวธมฺมา ปฺายนฺติ ปจฺเจกํ อปฺาปเนติ อาห ‘‘ผสฺโส นาม เอโก ธมฺโม อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอวํ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺเปสฺสตีติ ปฺเปตฺวา ตพฺพิสยทสฺสนํ าณํ อุปฺปาเทสฺสติ. อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ จกฺขุอาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ ผสฺสาทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ โหติ. ทฺวาทสายตนวเสนาติ ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ วเสน อาคเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยวเสน. ทฺวาทสายตนปฏิกฺเขปวเสนาติ ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตี’’ติ ปจฺจยาภาวปจฺจยุปฺปนฺนาภาวทสฺสนกฺกเม ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ ปฏิกฺเขปวเสน.

สาวเกน ปฺโห กถิโตติ อยํ ปฺโห สาวเกน กถิโต, อิติ อิมินา การเณน มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ. อถ วา สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรน วิภชนฺเตน เอตทคฺเค ปิเตน มหาสาวเกน ปฺโห กถิโตติ อิมินา การเณน เอตสฺมึ ปฺเห มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ, เหรฺิเก สติ กหาปณํ สยํ นิจฺฉินนฺตา วิย อหุตฺวา ภควโต เอว สนฺติเก นิกฺกงฺขา โหถ.

๒๐๕. อากโรนฺติ ผลํ ตาย ตาย มริยาทาย นิพฺพตฺเตนฺตีติ อาการา, การณานิ. ปาฏิเยกฺกการเณหีติ ฉนฺนํ ทฺวารานํ วเสน วิสุํ วิสุํ ปปฺจการณสฺส นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ. อถ วา ยทิปิ ยตฺตเกหิ ธมฺเมหิ ยํ ผลํ นิพฺพตฺตติ, เตสํ สมุทิตานํเยว การณภาโว สามคฺคิยาว ผลุปฺปตฺติโต, ตถาปิ ปจฺเจกํ ตสฺส การณเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปาฏิเยกฺกการเณหี’’ติ. ปเทหีติ นามาทิปเทหิ เจว ตํสมุทายภูเตหิ วากฺเยหิ จ. เตนาห ‘‘อกฺขรสมฺปิณฺฑเนหี’’ติ. อกฺขรานิเยว หิ อตฺเถสุ ยถาวจฺจํ ปทวากฺยภาเวน ปริจฺฉิชฺชนฺติ. พฺยฺชเนหีติ อตฺถสฺส อภิพฺยฺชนโต พฺยฺชนสฺิเตหิ วณฺเณหิ. ตานิ ปน ยสฺมา ปริยายสฺส อกฺขรณโต ‘‘อกฺขรานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อกฺขเรหี’’ติ. เอตฺถ จ อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปทพฺยฺชเนหิ ปปฺจสมุทาจารสฺส วฏฺฏสฺส จ วิวฏฺฏสฺส จ ทสฺสนอตฺโถ วิภตฺโตติ โยชนา. ปณฺฑิจฺเจนาติ ปฺาย. ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ปณฺฑิโต โหติ ? ยโต โข ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) อาทิสุตฺตปทวเสน ปณฺฑิตลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตูหิ วา การเณหี’’ติอาทิมาห. สจฺจปฏิเวธวเสน ปณฺฑิจฺจํ ทสฺสิตนฺติ ปฏิสมฺภิทาวเสน มหาปฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มหนฺเต อตฺเถ’’ติอาทิ วุตฺตํ.

คุฬปูวนฺติ คุเฬ มิสฺสิตฺวา กตปูวํ. พทฺธสตฺตุคุฬกนฺติ มธุสกฺขราหิ ปิณฺฑีกตํ สตฺตุปิณฺฑํ. อเสจิตพฺพกํ มธุอาทินา ปเคว เตหิ สมโยชิตพฺพตฺตา. จินฺตกชาติโกติ ธมฺมจินฺตาย จินฺตกสภาโว. สพฺพฺุตฺาเณเนวสฺสาติ สพฺพฺุตฺาเณเนว อสฺส สุตฺตสฺส คุณํ ปริจฺฉินฺทาเปตฺวา นามํ คณฺหาเปสฺสามิ.

มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๙. ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา

๒๐๖. ทฺเวทฺเว ภาเคติ ทฺเว ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา. กามฺเจตฺถ ‘‘อิมํ เอกํ ภาคมกาสึ, อิมํ ทุติยภาคมกาสิ’’นฺติ วจนโต สพฺเพปิ วิตกฺกา สํกิเลสโวทานวิภาเคน ทฺเวว ภาคา กตา, อปราปรุปฺปตฺติยา ปเนเตสํ อภิณฺหาจารํ อุปาทาย ปาฬิยํ ‘‘ทฺวิธา กตฺวา’’ติ อาเมฑิตวจนนฺติ ‘‘ทฺเว ทฺเว ภาเค กตฺวา’’ติ อาเมฑิตวจนวเสเนว วุตฺโต. อถ วา ภาคทฺวยสฺส สปฺปฏิภาคตาย ตตฺถ ยํ ยํ ทฺวยมฺปิ โข อุชุวิปจฺจนีกํ, ตํ ตํ วิสุํ วิสุํ คเหตุกาโม ภควา อาห ‘‘ทฺวิธา กตฺวา วิตกฺเก วิหเรยฺย’’นฺติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ตตฺถ มิจฺฉาวิตกฺกานํ สมฺมาวิตกฺกานฺจ อนวเสสํ อสงฺกรโต จ คหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมํ เอกํ ภาคมกาสึ, อิมํ ทุติยภาคมกาสิ’’นฺติ อโวจ. กามปฏิสํยุตฺโตติ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุตฺโต, กาเมน ปฏิพทฺโธ วา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโส. วิหึสติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เตสํ เอตนฺติ วิหึสา, ปเรสํ วิเหนากาเรน ปวตฺตสฺส กรุณาปฏิปกฺขสฺส ปาปธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. อชฺฌตฺตนฺติ อชฺฌตฺตธมฺมารมฺมณมาห. พหิทฺธาติ พาหิรธมฺมารมฺมณํ. โอฬาริโกติ พหลกามราคาทิปฏิสํยุตฺโต. ตพฺพิปริยาเยน สุขุโม. วิตกฺโกอกุสลปกฺขิโกเยวาติ อิมินา วิตกฺกภาวสามฺเน ตตฺถาปิ อกุสลภาวสามฺเน เอกภาคกรณํ, น เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาทิวเสนาติ ทสฺเสติ.

เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภาติกฺกนฺตตฺตา ปมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺพํ กุสลํ. อิธ ปน กามวิตกฺกปฏิปกฺขสฺส อธิปฺเปตตฺตา อาห ‘‘กาเมหิ นิสฺสโฏ เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก’’ติ. โสติ เนกฺขมฺมวิตกฺโก. ยาว ปมชฺฌานาติ ปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานํ เอตฺถุปฺปนฺโน วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโกเยว. ปมชฺฌานนฺติ จ อิทํ ตโต ปรํ วิตกฺกาภาวโต วุตฺตํ. น พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตน, พฺยาปาทสฺส วา ปฏิปกฺโขติ อพฺยาปาโท, เมตฺตาปุพฺพภาโค เมตฺตาภาวนารมฺโภ. น วิหึสนฺติ เอตาย, วิหึสาย วา ปฏิปกฺโขติ อวิหึสา, กรุณาปุพฺพภาโค กรุณาภาวนารมฺโภ.

มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ลทฺธาวสรา สมฺมาสงฺกปฺปา อุปรูปริ สวิเสสํ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ฉพฺพสฺสานิ…เป… ปวตฺตึสู’’ติ. าณสฺส อปริปกฺกตฺตา ปุพฺพวาสนาวเสน สติสมฺโมสโต กทาจิ มิจฺฉาวิตกฺกเลโสปิ โหติเยวาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สติสมฺโมเสน…เป… ติฏฺนฺตี’’ติ อาห. ยถา นิจฺจปิหิเตปิ เคเห กทาจิ วาตปาเน วิวฏมตฺเต ลทฺธาวสโร วาโต อนฺโต ปวิเสยฺย, เอวํ คุตฺตินฺทฺริเยปิ โพธิสตฺตสนฺตาเน สติสมฺโมสวเสน ลทฺธาวสโร อกุสลวิตกฺโก อุปฺปชฺชิ, อุปฺปนฺโน จ กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อฏฺาสิ, อถ มหาสตฺโต ตํมุหุตฺตุปฺปนฺนเมว ปฏิวิโนเทตฺวา เตสํ อายตึ อนุปฺปาทาย ‘‘อิเม มิจฺฉาวิตกฺกา, อิเม สมฺมาวิตกฺกา’’ติ ยาถาวโต เต ปริจฺฉินฺทิตฺวา มิจฺฉาวิตกฺกานํ อวสรํ อเทนฺโต สมฺมาวิตกฺเก ปริวฑฺเฒสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มยฺหํ อิเม’’ติอาทิ.

๒๐๗. ปมาโท นาม สติวิปฺปวาโสติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตสฺสาติ สติยา อวิปฺปวาเส ิตสฺสา’’ติ. อาตาปวีริยวนฺตสฺสาติ กิเลสานํ นิคฺคณฺหนวีริยวโต. เปสิตจิตฺตสฺสาติ ภววิโมกฺขาย วิสฺสฏฺจิตฺตสฺส กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขสฺส. ‘‘เอวํ ปฏิปากติโก ชาโต’’ติ อตฺตโน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺตํ โสมนสฺสาการํ เคหสฺสิตโสมนสฺสปกฺขิกํ อกาสิ, ปฺามหนฺตตาย สุขุมทสฺสิตา.

อปริฺายํิตสฺสาติ น ปริฺายํ ิตสฺส, อปริคฺคหิตปริฺสฺสาติ อตฺโถ. วิตกฺโก…เป… เอตานิ ตีณิ นามานิ ลภตีติ ตาทิสสฺส อุปฺปนฺโน มิจฺฉาวิตกฺโก ยถารหํ อตฺตพฺยาพาธโก อุภยพฺยาพาธโก จ น โหตีติ น วตฺตพฺโพ ตํ สภาวานติวตฺตนโตติ อธิปฺปาโย. อนุปฺปนฺนานุปฺปาทอุปฺปนฺนปริหานินิมิตฺตตาย ปฺํ นิโรเธตีติ ปฺานิโรธิโก. เตนาห ‘‘อนุปฺปนฺนายา’’ติอาทิ. นตฺถิภาวํ คจฺฉตีติ ปฏิสงฺขานพเลน วิกฺขมฺภนปฺปหานมาห. นิรุชฺฌตีติอาทีหิปิ ตเทว วทติ. วิคตนฺตนฺติอาทีหิ ปน สมูลํ อุทฺธฏํ วิย ตทา อปฺปวตฺตนกํ อกาสินฺติ วทติ.

๒๐๘. จิตฺตวิปริณามภาโว จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ ปกติจิตฺตวิคโม. อเนกคฺคตากาโร วิกฺเขโป. ตตฺถ วิตกฺเกน จิตฺตํ วิหฺมานํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ตํ คเหตฺวา วิหึสาวิตกฺกํ อกาสี’’ติ. การุฺนฺติ ปรทุกฺขนิมิตฺตํ จิตฺตเขทํ วทติ. เตเนวาห – ‘‘ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ มนํ กมฺเปตีติ กรุณา’’ติ (ม. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑). นฺติ กรุณายนวเสน ปวตฺตจิตฺตปกมฺปนํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชติ วิหึสาวิตกฺโก’’ติ อาห, น สตฺเตสุ วิหึสา ปวตฺตตีติ อธิปฺปาโย.

เตน เตน จสฺสากาเรนาติ เยน เยน อากาเรน ภิกฺขุนา อนุวิตกฺกิตํ อนุวิจาริตํ, เตน เตน อากาเรนสฺส เจตโส นติ โหติ. เตเนวาห ‘‘กามวิตกฺกาทีสู’’ติอาทิ. ปหาสีติ กาลวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปชหตี’’ติ. ปหานํ ปนสฺส สิทฺธเมว ปฏิปกฺขสฺส สิทฺธตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปหาสี’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘อสามิโภเค คามิกาอาทียึสู’’ติ. พหุลมกาสีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอวเมวํ นมตีติ กามวิตกฺกสมฺปโยคาการเมว โหติ, กามวิตกฺกสมฺปยุตฺตากาเรน วา ปริณมติ. กสนํ กิฏฺํ, กสีติ อตฺโถ, ตนฺนิพฺพตฺตตฺตา ปน การณูปจาเรน สสฺสํ ‘‘กิฏฺ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สสฺสสมฺพาเธ’’ติ. จตฺตาริ ภยานีติ วธพนฺธชานิครหานิ. อุปทฺทวนฺติ อนตฺถุปฺปาทภาวํ. ลามกนฺติ นิหีนภาวํ. ธนฺเธสูติ อตฺตโน ขนฺเธสุ. โอตารนฺติ อนุปฺปเวสํ กิเลสานํ. สํกิเลสโต วิสุชฺฌนํ วิสุทฺธิ, สา เอว โวทานนฺติ อาห ‘‘โวทานปกฺขนฺติ อิทํ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ.

๒๐๙. สพฺพกุสลํเนกฺขมฺมํ สพฺพากุสลปฏิปกฺขตาย ตโต นิสฺสฏตฺตา. นิพฺพานเมว เนกฺขมฺมํ สพฺพกิเลสโต สพฺพสงฺขตโต จ นิสฺสฏตฺตา. กิฏฺสมฺพาธํ วิย รูปาทิอารมฺมณํ ปมาเท สติ อนตฺถุปฺปตฺติฏฺานภาวโต. กูฏคาโว วิย กูฏจิตฺตํ ทุทฺทมภาวโต. ปณฺฑิตโคปาลโก วิย โพธิสตฺโต อุปายโกสลฺลโยคโต. จตุพฺพิธภยํ วิย มิจฺฉาวิตกฺกา สปฺปฏิภยภาวโต. ปฺาย วุทฺธิ เอตสฺส อตฺถีติ ปฺาวุทฺธิโก. วิหฺติ จิตฺตํ เอเตนาติ วิฆาโต, เจโตทุกฺขํ, ตปฺปกฺขิโก วิฆาตปกฺขิโก, น วิฆาตปกฺขิโกติ อวิฆาตปกฺขิโก. นิพฺพานสํวตฺตนิโก นิพฺพานวโห. อุคฺฆาตีเยยฺยาติ อุทฺธตํ สิยา วิกฺขิตฺตฺจ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. สณฺเปมีติ สมฺมเทว ปฏฺเปมิ. ยถา ปน ปิตํ สณฺปิตํ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺนิสีทาเปมี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺนิสีทาเปมีติ สมาธิปฏิปกฺเข กิเลเส สนฺนิสีทาเปนฺโต จิตฺตํ โคจรชฺฌตฺเต สนฺนิสีทาเปมิ. อพฺยคฺคภาวาปาทเกน เอกคฺคํ กโรมิ, ยถา อารมฺมเณ สุฏฺุ อปฺปิตํ โหติ, เอวํ สมฺมา สมฺมเทว อาทหามิ สมาหิตํ กโรมิ, ยสฺมา ตถาสมาหิตํ จิตฺตํ สุฏฺุ อารมฺมเณ อาโรปิตํ นาม โหติ, น ตโต ปริปตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุฏฺุ อาโรเปมีติ อตฺโถ’’ติ. มา อุคฺฆาตียิตฺตาติ มา หฺิตฺถ, มา อูหตํ อตฺถาติ อตฺโถ.

๒๑๐. โสเยว…เป… วุตฺโตติ อิมินา กิฺจาปิ เอกํเยว กุสลวิตกฺกํ มคฺคกฺขเณ วิย ติวิธตฺตสมฺภวโต ติวิธนามิกํ กตฺวา ทสฺสิตํ วิย โหติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. ปพนฺธปวตฺตฺหิ อุปาทาย เอกตฺตนเยน ‘‘โสเยว พฺยาปาทปจฺจนีกฏฺเนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกชาติเยสุ หิ กุสลจิตฺเตสุ อุปฺปนฺโน วิตกฺโก สมานาการตาย โส เอวาติ วตฺตพฺพตํ ลภติ ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิ เอว โอสธานี’’ติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑๙). น หิ ตทา มหาปุริสสฺส อสุภเมตฺตากรุณาสนฺนิสฺสยา เต วิตกฺกา เอวํ วุตฺตาติ.

สมาปตฺตึนิสฺสายาติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา, ตโต วุฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ. วิปสฺสนาปิ ตรุณาติ โยชนา. กาโย กิลมติ สมถวิปสฺสนานํ ตรุณตาย ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสสฺส อลพฺภมานตฺตา. เตนาห ‘‘จิตฺตํ หฺติ วิหฺตี’’ติ. วิปสฺสนายพหูปการาสมาปตฺติ, ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาเวถ, สมาหิโต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑).

ยถา วิสฺสมฏฺานํ โยธานํ ปริสฺสมํ วิโนเทติ, ตถา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ผลเกหิ กาตพฺพํ วิสฺสมฏฺานํ ผลกโกฏฺโก, สมาปตฺติยา ปน วิปสฺสนา พหุการตรา สมาธิปริปนฺถกานํ, สพฺเพสมฺปิ วา กิเลสานํ วิมถเนน ทุพฺพลภาวาปชฺชนโต. เตนาห ‘‘วิปสฺสนา ถามชาตา สมาปตฺติมฺปิ รกฺขติ,ถามชาตํ กโรตี’’ติ. นนุ เจวํ อิตรีตรสนฺนิสฺสยโทโส อาปชฺชตีติ? นยิทเมกนฺติกํ, อิตรีตรสนฺนิสฺสยาปิ กิจฺจสิทฺธิ โลเก ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

คามนฺตํ อาหเฏสูติ คามสมีปํ อุปนีเตสุ. เอตาคาโวติ สติ อุปฺปาทนมตฺตเมว กาตพฺพํ ยถา คาโว รกฺขิตพฺพา, ตทภาวโต. ตทาติ สมถวิปสฺสนานํ ถามชาตกาเล. อนุปสฺสนานํ ลหุํ ลหุํ อุปฺปตฺตึ สนฺธาย ‘‘เอกปฺปหาเรเนว อารุฬฺโหว โหตี’’ติ วุตฺตํ, กเมเนว ปน อนุปสฺสนาปฏิปาฏึ อาโรหติ.

๒๑๕. เอวํ ภควา อตฺตโน อปฺปมาทปฏิปทํ, ตาย จ ลทฺธํ อนฺสาธารณํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต เหตุสมฺปตฺติยา สทฺธึ ผลสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สตฺตูปการสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาหาติ เอวํ เอตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺพา. อรฺลกฺขณโยคฺคมตฺเตน อรฺํ. มหาวนตาย ปวนํ. ปวทฺธฺหิ วนํ ปวนํ. จตูหิ โยเคหีติ ชิฆจฺฉาปิปาสาภยปฏิปตฺติสงฺขาตโยเคหิ. เขมํ อนุปทฺทวตํ. สุวตฺถึ อนุปทฺทวํ อาวหตีติ โสวตฺถิโก. ปีตึ กุฏฺึ คเมติ อุปเนตีติ ปีติคมนีโย. ปีตํ ปานติตฺถํ คจฺฉตีติ ปีตคมนีโย. สาขาทีหีติ กณฺฏกสาขากณฺฏกลตาวเนหิ. อนาสยคามิตาย อุทกสนฺนิรุทฺโธปิ อมคฺโค วุตฺโต, อิตรานิ อปีติคมนียตายปิ. อาทิ-สทฺเทน คหนํ ปริคฺคณฺหาติ. โอเกมิคลุทฺทกสฺส โคจเร จรตีติ โอกจโร, ทีปกมิโค. อรฺเ มิเค ทิสฺวา เตหิ สทฺธึ ปลาเยยฺยาติ ทีฆรชฺชุพนฺธนํ.

อิธ วสนฺตีติ มิคานํ อาสยํ วทติ, ตโต อาสยโต อิมินา มคฺเคน นิกฺขมนฺติ. เอตฺถจรนฺตีติ เอตสฺมึ าเน โคจรํ คณฺหนฺติ. เอตฺถปิวนฺตีติ เอตสฺมึ นิปานติตฺเถ อุทกํ ปิวนฺติ. อิมินา มคฺเคน ปวิสนฺตีติ อิมินา มคฺเคน นิปานติตฺถํ ปวิสนฺติ. มคฺคํ ปิธายาติ ปกติมคฺคํ ปิทหิตฺวา. น ตาว กิฺจิ กโรติ อนวเสเส วนมิเค ฆาเตตุกาโม.

อวิชฺชาย อฺาณา หุตฺวาติ อวิชฺชาย นิวุตตฺตา าณรหิตา หุตฺวา, นนฺทีราเคน อุปนีตา รูปารมฺมณาทีนิ อาพนฺธิตฺวา. ปโลภนโต โอกจรํ นนฺทีราโคติ. พฺยาโมหนโต โอกจาริกํ อวิชฺชาติ กตฺวา ทสฺเสติ. เตสนฺติ โอกจโรกจาริกานํ. สาขาภงฺเคนาติ ตาทิเสน ลูขตรคนฺเธน สาขาภงฺเคน. มนุสฺสคนฺธํ อปเนตฺวา ตสฺส สาขาภงฺคสฺส คนฺเธน. สมฺมตฺโตติ สมฺมชฺชิโต พฺยามุฺโฉ.

พุทฺธานํ เขมมคฺควิจรณํ กุมฺมคฺคปิธานฺจ สพฺพโลกสาธารณมฺปิ อตฺถโต เวเนยฺยปุคฺคลาเปกฺขเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺาตโกณฺฑฺาทีนํ ภพฺพปุคฺคลาน’’นฺติ อาห. อูหโตติ สมูหโต นีหโตติ อาห ‘‘ทฺเวธา เฉตฺวา ปาติโต’’ติ. นาสิตาติ อทสฺสนํ คมิตาติ อาห ‘‘สพฺเพน สพฺพํ สมุคฺฆาฏิตา’’ติ. หิตูปจารนฺติ สตฺตานํ หิตจริยํ.

ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๑๐. วิตกฺกสณฺานสุตฺตวณฺณนา

๒๑๖. ทสกุสลกมฺมปถวเสนาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ วฏฺฏปาทกสมาปตฺติจิตฺตสฺสปิ อิธ อธิจิตฺตภาเวน อนิจฺฉิตตฺตา. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺต’’นฺติ. อถ วา อนุตฺตริมนุสฺสธมฺมสงฺคหิตเมว เกวลํ ‘‘ปกติจิตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมวา’’ติ วตฺวา ยเทตฺถ อธิจิตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ, ตํ ตเทว ทสฺเสนฺโต ‘‘วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺต’’นฺติ อาห. อิตรสฺส ปเนตฺถ วิธิ น ปฏิเสเธตีติ ทฏฺพฺพํ. วิปสฺสนาย สมฺปยุตฺตํ อธิจิตฺตนฺติ เกจิ. อนุยุตฺเตนาติ อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทนวเสน, อุปฺปนฺนสฺส ปริพฺรูหนวเสน อนุ อนุ ยุตฺเตน. มูลกมฺมฏฺานนฺติ ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ. คเหตฺวา วิหรนฺโตติ ภาวนํ อนุยุฺชนฺโต. ภาวนาย อปฺปนํ อปฺปตฺโตปิ อธิจิตฺตมนุยุตฺโตเยว ตทตฺเถปิ ตํสทฺทโวหารโต.

เยหิ ผลํ นาม ยถา อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปกปฺปิยมานํ วิย โหติ, ตานิ นิมิตฺตานิ. เตนาห ‘‘การณานี’’ติ. กาเลน กาลนฺติ เอตฺถ กาเลนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘สมเย สมเย’’ติ. นนุ จ…เป… นิรนฺตรํ มนสิ กาตพฺพนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จ ภาวนาย วีถิปฏิปนฺนตฺตา อพฺพุทนีหรณวิธึ ทสฺเสนฺเตน ภควตา ‘‘ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานี’’ติ อยํ เทสนา อารทฺธาติ? ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา อวิจฺเฉทวเสน ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต อธิจิตฺตมนุยุตฺโต นามาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโย. อิตโร ภาวนํ อนุยุฺชนฺตสฺสอาทิกมฺมิกสฺส กทาจิ ภาวนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตโต จิตฺตสฺส วิโสธนตฺถาย ยถากาลํ อิมานิ นิมิตฺตานิ มนสิ กาตพฺพานีติ ‘‘กาเลน กาล’’นฺติ สตฺถา อโวจาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาฬิยฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิมานีติ อิมานิ ปาฬิยํ อาคตานิ ปฺจ นิมิตฺตานิ. อพฺพุทนฺติ อุปทฺทวํ.

ฉนฺทสหคตา ราคสมฺปยุตฺตาติ ตณฺหาฉนฺทสหคตา กามราคสมฺปยุตฺตา. อิฏฺานิฏฺอสมเปกฺขิเตสูติ อิฏฺเสุ ปิเยสุ, อนิฏฺเสุ อปฺปิเยสุ, อสมํ อสมฺมา เปกฺขิเตสุ. อสมเปกฺขนนฺติ เคหสฺสิตอฺาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘). เต ปริวิตกฺกา. ตโต นิมิตฺตโต อฺนฺติ ตโต ฉนฺทูปสํหิตาทิอกุสลวิตกฺกุปฺปตฺติการณโต อฺํ นวํ นิมิตฺตํ. ‘‘มนสิกโรโต’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อารมฺมณํ, ตาทิโส ปุริมุปฺปนฺโน จิตฺตปฺปวตฺติอากาโร วา นิมิตฺตํ. กุสลนิสฺสิตํ นิมิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตปฺปวตฺติการณํ มนสิ กาตพฺพํ จิตฺเต เปตพฺพํ, ภาวนาวเสน จินฺเตตพฺพํ, จิตฺตสนฺตาเน วา สงฺกมิตพฺพํ. อสุภฺหิ อสุภนิมิตฺตนฺติ. สงฺขาเรสุ อุปฺปนฺเน ฉนฺทูปสํหิเต วิตกฺเกติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอวํ ‘‘โทสูปสฺหิเต’’ติอาทีสุ ยถารหํ ตํ ตํ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยตฺถ กตฺถจีติ ‘‘สตฺเตสุ สงฺขาเรสู’’ติ ยตฺถ กตฺถจิ. ปฺจธมฺมูปนิสฺสโยติ ปฺจวิโธ ธมฺมูปสํหิโต อุปนิสฺสโย.

เอวํ ‘‘ฉนฺทูปสฺหิเต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺส หตฺถา วา โสภนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ‘‘อสุภโตอุปสํหริตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อุปสํหรณาการสฺส ทสฺสนํ ‘‘กิมฺหิ สารตฺโตสี’’ติ. ฉวิราเคนาติ ฉวิราคตาย กาฬสามาทิวณฺณนิภาย. กุผฬปูริโตติ ปกฺเกหิ กุณปผเลหิ ปุณฺโณ. ‘‘กลิผลปูริโต’’ติ วา ปาโ.

อสฺสามิกตาวกาลิกภาววเสนาติ อิทํ ปตฺตํ อนุกฺกเมน วณฺณวิการฺเจว ชิณฺณภาวฺจ ปตฺวา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ภินฺนํ วา หุตฺวา กปาลนิฏฺํ ภวิสฺสติ. อิทํ จีวรํ อนุปุพฺเพน วณฺณวิการํ ชิณฺณตฺจ อุปคนฺตฺวา ปาทปุฺฉนโจฬกํ หุตฺวา ยฏฺิโกฏิยา ฉฑฺฑนียํ ภวิสฺสติ. สเจ ปน เนสํ สามิโก ภเวยฺย, น เนสํ เอวํ วินสฺสิตุํ ทเทยฺยาติ เอวํ อสฺสามิกภาววเสน, ‘‘อนทฺธนิยํ อิทํ ตาวกาลิก’’นฺติ เอวํ ตาวกาลิกภาววเสน จ มนสิกโรโต.

อาฆาตวินย…เป… ภาเวตพฺพาติ – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา. ยตฺถ หิ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อาคตสฺส อาฆาตวินยสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๕.๑๖๑) เจว กกจูปโมวาท(ม. นิ. ๑.๒๒๒-๒๓๓) ฉวาลาตูปมาทีนฺจ (อิติวุ. ๙๑) วเสน อาฆาตํ ปฏิวิโนเทตฺวา เมตฺตา ภาเวตพฺพา.

ครุสํวาโสติ ครุํ อุปนิสฺสาย วาโส. อุทฺเทโสติ ปริยตฺติธมฺมสฺส อุทฺทิสาปนฺเจว อุทฺทิสนฺจ. อุทฺทิฏฺปริปุจฺฉนนฺติ ยถาอุคฺคหิตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถปริปุจฺฉา. ปฺจ ธมฺมูปนิสฺสายาติ ครุสํวาสาทิเก ปฺจ ธมฺเม ปฏิจฺจ. โมหธาตูติ โมโห.

อุปนิสฺสิตพฺพาติ อุปนิสฺสยิตพฺพา, อยเมว วา ปาโ. ยตฺตปฺปฏิยตฺโตติ ยตฺโต จ คามปฺปเวสนาปุจฺฉากรเณสุ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน สชฺชิโต จ โหตีติ อตฺโถ. อถสฺส โมโห ปหียตีติ อสฺส ภิกฺขุโน เอวํ ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ปจฺฉา โส โมโห วิคจฺฉติ. เอวมฺปีติ เอวํ อุทฺเทเส อปฺปมชฺชเนนปิ. ปุน เอวมฺปีติ อตฺถปริปุจฺฉาย กงฺขาวิโนทเนปิ. เตสุ เตสุ าเนสุ อตฺโถ ปากโฏ โหตีติ สุยฺยมานสฺส ธมฺมสฺส เตสุ เตสุ ปเทสุ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา’’ติ โส โส อตฺโถ วิภูโต โหติ. อิทํ จกฺขุรูปาโลกาทิ อิมสฺส จกฺขุวิฺาณสฺส การณํ, อิทํ สาลิพีชภูมิสลิลาทิ อิมสฺส สาลิองฺกุรสฺส การณํ. อิทํ น การณนฺติ ตเทว จกฺขุรูปาโลกาทิ โสตวิฺาณสฺส, ตเทว สาลิพีชาทิ กุทฺรุสกงฺกุรสฺส น การณนฺติ านาฏฺานวินิจฺฉเย เฉโก โหติ.

อารมฺมเณสูติ กมฺมฏฺาเนสุ. อิเม วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย. สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺพากุสลปฏิปกฺขาติ กตฺวา ‘‘ปหียนฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ น สพฺเพ สพฺเพสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตาติ ‘‘ปหียนฺติ เอวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ. เตนาห ‘‘อิมานี’’ติอาทิ.

กุสลนิสฺสิตนฺติ กุสเลน นิสฺสิตํ นิสฺสยิตพฺพํ. กุสลสฺส ปจฺจยภูตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, กุสลุปฺปตฺติการณํ ยถาวุตฺตอสุภนิมิตฺตาทิเมว วทติ. สารผลเกติ จนฺทนมเย สารผลเก. วิสมาณินฺติ วิสมากาเรน ตตฺถ ิตํ อาณึ. หเนยฺยาติ ปหเรยฺย นิกฺขาเมยฺย.

๒๑๗. อฏฺโฏติ อาตุโร, ทุคฺคนฺธพาธตาย ปีฬิโต. ทุกฺขิโตติ สฺชาตทุกฺโข. อิมินาปิ การเณนาติ อโกสลฺลสมฺภูตตาย กุสลปฏิปกฺขตาย เคหสฺสิตโรเคน สโรคตาย จ เอเต อกุสลา วิฺุครหิตพฺพตาย ชิคุจฺฉนียตาย จ สาวชฺชา อนิฏฺผลตาย นิรสฺสาทสํวตฺตนิยตาย จ ทุกฺขวิปากาติ เอวํ เตน เตน การเณน อกุสลาทิภาวํ อุปปริกฺขโต.

‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;

อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภินนฺทิต’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๔.๑๕๗) –

เอวมาทิ กายวิจฺฉนฺทนียกถาทีหิ วา. อาทิ-สทฺเทน –

‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชย’’นฺติ. (เถรคา. ๔๔๒) –

เอวมาทิ ปฏิฆวูปสมนกถาทิกาปิ สงฺคณฺหาติ.

๒๑๘. น สรณํ อสติ, อนนุสฺสรณํ. อมนสิกรณํ อมนสิกาโร. กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพนฺติ กมฺมฏฺานมนสิกาเรเนว นิสีทิตพฺพํ. อุคฺคหิโต ธมฺมกถาปพนฺโธติ กมฺมฏฺานสฺส อุปกาโร ธมฺมกถาปพนฺโธ. มุฏฺิโปตฺถโกติ มุฏฺิปฺปมาโณ ปาริหาริยโปตฺถโก. สมนฺนาเนนฺเตนาติ สมนฺนาหรนฺเตน. โอกาโส น โหติ อารทฺธสฺส ปริโยสาเปตพฺพโต. อารทฺธสฺส อนฺตคมนํ อนารมฺโภวาติ เถรวาโท. ตสฺสาติ อุปชฺฌายสฺส. ปพฺภารโสธนํ กายกมฺมํ, อารภนฺโต เอว วิตกฺกนิคฺคณฺหนตฺถํ สํยุตฺตนิกายสชฺฌายนํ วจีกมฺมํ, ทสฺสนกิจฺจปุพฺพกมฺมกรณตฺถํ เตโชกสิณปริกมฺมนฺติ ตีณิ กมฺมานิ อาจิโนติ. เถโร ตสฺส อาสยํ กสิณฺจ สวิเสสํ ชานิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติอาทิมโวจ. เตนสฺส ยถาธิปฺปายํ สพฺพํ สมฺปาทิตํ. อสติปพฺพํ นาม อสติยา วิตกฺกนิคฺคหณวิภาวนโต.

๒๑๙. วิตกฺกมูลเภทํ ปพฺพนฺติ วิตกฺกมูลสฺส ตมฺมูลสฺส จ เภทวิภาวนํ วิตกฺกมูลเภทํ ปพฺพํ. วิตกฺกํ สงฺขโรตีติ วิตกฺกสงฺขาโร, วิตกฺกปจฺจโย สุภนิมิตฺตาทีสุปิ สุภาทินา อโยนิโสมนสิกาโร. โส ปน วิตกฺกสงฺขาโร สํติฏฺติ เอตฺถาติ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ, อสุเภ สุภนฺติอาทิ สฺาวิปลฺลาโส. เตนาห ‘‘วิตกฺกานํ มูลฺจ มูลมูลฺจ มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ. วิตกฺกานํ มูลมูลํ คจฺฉนฺตสฺสาติ อุปปริกฺขนวเสน มิจฺฉาวิตกฺกานํ มูลํ อุปฺปตฺติการณํ าณคติยา คจฺฉนฺตสฺส. ยาถาวโต ชานนฺตสฺส ปุพฺเพ วิย วิตกฺกา อภิณฺหํ นปฺปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘วิตกฺกจาโร สิถิโล โหตี’’ติ. ตสฺมึ สิถิลีภูเต มตฺถกํ คจฺฉนฺเตติ วุตฺตนเยน วิตกฺกจาโร สิถิลภูโต, ตสฺมึ วิตกฺกานํ มูลคมเน อนุกฺกเมน ถิรภาวปฺปตฺติยา มตฺถกํ คจฺฉนฺเต. วิตกฺกา สพฺพโส นิรุชฺฌนฺตีติ มิจฺฉาวิตกฺกา สพฺเพปิ คจฺฉนฺติ น สมุทาจรนฺติ, ภาวนาปาริปูริยา วา อนวเสสา ปหียนฺติ.

กณฺณมูเล ปติตนฺติ สสกสฺส กณฺณสมีเป กณฺณสกฺขลึ ปหรนฺตํ วิย อุปปติตํ. ตสฺส กิร สสกสฺส เหฏฺา มหามูสิกาหิ ขตมหาวาฏํ อุมงฺคสทิสํ อโหสิ, เตนสฺส ปาเตน มหาสทฺโท อโหสิ. ปลายึสุ ‘‘ปถวี อุทฺรียตี’’ติ. มูลมูลํ คนฺตฺวา อนุวิชฺเชยฺยนฺติ ‘‘ปถวี ภิชฺชตี’’ติ ยตฺถายํ สโส อุฏฺิโต, ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส มูลการณํ ยํนูน วีมํเสยฺยํ. ปถวิยา ภิชฺชนฏฺานํ คเต ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ สโส ‘‘น สกฺโกมิ สามี’’ติ อาห. อาธิปจฺจวโต หิ ยาจนํ สณฺหมุทุกํ. ทุทฺทุภายตีติ ทุทฺทุภาติ สทฺทํ กโรติ. อนุรวทสฺสนฺเหตํ. ภทฺทนฺเตติ มิคราชสฺส ปิยสมุทาจาโร, มิคราช, ภทฺทํ เต อตฺถูติ อตฺโถ. กิเมตนฺติ กึ เอตํ, กึ ตสฺส มูลการณํ? ทุทฺทุภนฺติ อิทมฺปิ ตสฺส อนุรวทสฺสนเมว. เอวนฺติ ยถา สสกสฺส มหาปถวีเภทนํ รวนาย มิจฺฉาคาหสมุฏฺานํ อมูลํ, เอวํ วิตกฺกจาโรปิ สฺาวิปลฺลาสสมุฏฺาโน อมูโล. เตนาห ‘‘วิตกฺกาน’’นฺติอาทิ.

๒๒๐. อภิทนฺตนฺติ อภิภวนทนฺตํ, อุปริทนฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุปริทนฺต’’นฺติ. โส หิ อิตรํ มุสลํ วิย อุทุกฺขลํ วิเสสโต กสฺสจิ ขาทนกาเล อภิภุยฺย วตฺตติ. กุสลจิตฺเตนาติ พลวสมฺมาสงฺกปฺปสมฺปยุตฺเตน. อกุสลจิตฺตนฺติ กามวิตกฺกาทิสหิตํ อกุสลจิตฺตํ. อภินิคฺคณฺหิตพฺพนฺติ ยถา ตสฺส อายตึ สมุทาจาโร น โหติ, เอวํ อภิภวิตฺวา นิคฺคเหตพฺพํ, อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพาติ อตฺโถ. เก จ ตุมฺเห สติปิ จิรกาลภาวนาย เอวํ อทุพฺพลา โก จาหํ มม สนฺติเก ลทฺธปฺปติฏฺเ วิย ิเตปิ อิทาเนว อปฺปติฏฺเ กโรนฺโต อิติ เอวํ อภิภวิตฺวา. ตํ ปน อภิภวนาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามํ ตโจ จา’’ติอาทินา จตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยปคฺคณฺหนมาห. อตฺถทีปิกนฺติ เอกนฺตโต วิตกฺกนิคฺคณฺหนตฺถโชตกํ. อุปมนฺติ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พลวา ปุริโส’’ติอาทิกํ อุปมํ.

๒๒๑. ปริยาทานภาชนียนฺติ ยํ ตํ อาทิโต ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน ภิกฺขุนา ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานี’’ติ นิทฺทิฏฺํ, ตตฺถ ตสฺส นิมิตฺตสฺส มนสิกรณกาลปริยาทานสฺส วเสน วิภชนํ. นิคมนํ วา เอตํ, ยทิทํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิ. ยถาวุตฺตสฺส หิ อตฺถสฺส ปุน วจนํ นิคมนนฺติ. ตถาปฏิปนฺนสฺส วา วสีภาววิสุทฺธิทสฺสนตฺถํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ. สตฺถาจริโยติ ธนุพฺเพทาจริโย. ยถา หิ สสนโต อสตฺถมฺปิ สตฺถคฺคหเณเนว สงฺคยฺหติ, เอวํ ธนุสิปฺปมฺปิ ธนุพฺเพทปริยาปนฺนเมวาติ.

ปริยายติ ปริวิตกฺเกตีติ ปริยาโย. วาโรติ อาห ‘‘วิตกฺกวารปเถสู’’ติ, วิตกฺกานํ วาเรน ปวตฺตนมคฺเคสุ. จิณฺณวสีติ อาเสวิตวสี. ปคุณวสีติ สุภาวิตวสี. สมฺมาวิตกฺกํเยว ยถิจฺฉิตํ ตถาวิตกฺกนโต, อิตรสฺส ปนสฺส เสตุฆาโตเยวาติ.

วิตกฺกสณฺานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

นิฏฺิตา จ สีหนาทวคฺควณฺณนา.