📜
๔. ราชวคฺโค
๑. ฆฏิการสุตฺตวณฺณนา
๒๘๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ ฆฏิการสุตฺตํ. ตตฺถ สิตํ ปาตฺวากาสีติ มหามคฺเคน คจฺฉนฺโต อฺตรํ ภูมิปฺปเทสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อตฺถิ นุ โข มยา จริยํ จรมาเนน อิมสฺมึ าเน นิวุตฺถปุพฺพ’’นฺติ อาวชฺชนฺโต อทฺทส ¶ – ‘‘กสฺสปพุทฺธกาเล อิมสฺมึ าเน เวคฬิงฺคํ นาม คามนิคโม อโหสิ, อหํ ตทา โชติปาโล นาม มาณโว อโหสึ, มยฺหํ สหาโย ฆฏิกาโร นาม กุมฺภกาโร อโหสิ, เตน สทฺธึ มยา อิธ เอกํ สุการณํ กตํ, ตํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อปากฏํ ปฏิจฺฉนฺนํ, หนฺท นํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปากฏํ กโรมี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ ปเทเส ิตโกว สิตปาตุกมฺมมกาสิ, อคฺคคฺคทนฺเต ทสฺเสตฺวา มนฺทหสิตํ หสิ. ยถา หิ โลกิยมนุสฺสา อุรํ ปหรนฺตา – ‘‘กุหํ กุห’’นฺติ หสนฺติ, น เอวํ พุทฺธา, พุทฺธานํ ปน หสิตํ หฏฺปหฏฺาการมตฺตเมว โหติ.
หสิตฺจ นาเมตํ เตรสหิ โสมนสฺสสหคตจิตฺเตหิ โหติ. ตตฺถ โลกิยมหาชโน อกุสลโต จตูหิ, กามาวจรกุสลโต จตูหีติ อฏฺหิ จิตฺเตหิ หสติ, เสกฺขา อกุสลโต ทิฏฺิสมฺปยุตฺตานิ ทฺเว อปเนตฺวา ฉหิ จิตฺเตหิ หสนฺติ, ขีณาสวา จตูหิ สเหตุกกิริยจิตฺเตหิ เอเกน อเหตุกกิริยจิตฺเตนาติ ปฺจหิ จิตฺเตหิ หสนฺติ. เตสุปิ พลวารมฺมเณ อาปาถคเต ทฺวีหิ าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตหิ หสนฺติ, ทุพฺพลารมฺมเณ ทุเหตุกจิตฺตทฺวเยน จ อเหตุกจิตฺเตน จาติ ตีหิ จิตฺเตหิ หสนฺติ. อิมสฺมึ ปน าเน กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุโสมนสฺสสหคตจิตฺตํ ภควโต หฏฺปหฏฺาการมตฺตํ หสิตํ อุปฺปาเทสิ.
ตํ ¶ ปเนตํ หสิตํ เอวํ อปฺปมตฺตกมฺปิ เถรสฺส ปากฏํ อโหสิ. กถํ? ตถารูเป หิ กาเล ตถาคตสฺส จตูหิ ทาาหิ จตุทฺทีปิกมหาเมฆมุขโต สเตรตาวิชฺชุลตา วิย วิโรจมานา มหาตาลกฺขนฺธปมาณา รสฺมิวฏฺฏิโย ¶ อุฏฺหิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีสวรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ¶ ทาคฺเคสุเยว อนฺตรธายนฺติ. เตน สฺาเณน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺฉโต คจฺฉมาโนปิ สิตปาตุภาวํ ชานาติ.
ภควนฺตํ เอตทโวจาติ – ‘‘เอตฺถ กิร กสฺสโป ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทิ, จตุสจฺจปฺปกาสนํ อกาสิ, ภควโตปิ เอตฺถ นิสีทิตุํ รุจึ อุปฺปาเทสฺสามิ, เอวมยํ ภูมิภาโค ทฺวีหิ พุทฺเธหิ ปริภุตฺโต ภวิสฺสติ, มหาชโน คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เจติยฏฺานํ กตฺวา ปริจรนฺโต สคฺคมคฺคปรายโณ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอตํ ‘‘เตน หิ, ภนฺเต,’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
๒๘๓. มุณฺฑเกน สมณเกนาติ มุณฺฑํ มุณฺโฑติ, สมณํ วา สมโณติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, อยํ ปน อปริปกฺกาณตฺตา พฺราหฺมณกุเล อุคฺคหิตโวหารวเสเนว หีเฬนฺโต เอวมาห. โสตฺติสินานินฺติ สินานตฺถาย กตโสตฺตึ. โสตฺติ นาม กุรุวินฺทปาสาณจุณฺณานิ ลาขาย พนฺธิตฺวา กตคุฬิกกลาปกา วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู กุรุวินฺทกสุตฺติยา นหายนฺตี’’ติ (จูฬว. ๒๔๓) วุตฺตํ. ตํ อุโภสุ อนฺเตสุ คเหตฺวา สรีรํ ฆํสนฺติ. เอวํ สมฺมาติ ยถา เอตรหิปิ มนุสฺสา ‘‘เจติยวนฺทนาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉามา’’ติ วุตฺตา อุสฺสาหํ น กโรนฺติ, ‘‘นฏสมชฺชาทิทสฺสนตฺถาย คจฺฉามา’’ติ วุตฺตา ปน เอกวจเนเนว สมฺปฏิจฺฉนฺติ, ตเถว ¶ สินฺหายิตุนฺติ วุตฺเต เอกวจเนน สมฺปฏิจฺฉนฺโต เอวมาห.
๒๘๔. โชติปาลํ มาณวํ อามนฺเตสีติ เอกปสฺเส อริยปริหาเรน ปมตรํ นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ิโต ตสฺส มหนฺเตน อิสฺสริยปริหาเรน นฺหายนฺตสฺส นฺหานปริโยสานํ อาคเมตฺวา ตํ นิวตฺถนิวาสนํ เกเส โวทเก กุรุมานํ อามนฺเตสิ. อยนฺติ อาสนฺนตฺตา ทสฺเสนฺโต อาห. โอวฏฺฏิกํ วินิวฏฺเตฺวาติ นาคพโล โพธิสตฺโต ‘‘อเปหิ สมฺมา’’ติ อีสกํ ปริวตฺตมาโนว เตน คหิตคหณํ วิสฺสชฺชาเปตฺวาติ อตฺโถ. เกเสสุ ปรามสิตฺวา เอตทโวจาติ โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ¶ โชติปาโล ปฺวา, สกึ ทสฺสนํ ลภมาโน ตถาคตสฺส ทสฺสเนปิ ปสีทิสฺสติ, ธมฺมกถายปิ ปสีทิสฺสติ, ปสนฺโน จ ปสนฺนาการํ กาตุํ สกฺขิสฺสติ, มิตฺตา นาม เอตทตฺถํ โหนฺติ, ยํกิฺจิ กตฺวา มม สหายํ คเหตฺวา ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา นํ เกเสสุ ปรามสิตฺวา เอตทโวจ.
อิตฺตรชจฺโจติ ¶ อฺชาติโก, มยา สทฺธึ อสมานชาติโก, ลามกชาติโกติ อตฺโถ. น วติทนฺติ อิทํ อมฺหากํ คมนํ น วต โอรกํ ภวิสฺสติ น ขุทฺทกํ, มหนฺตํ ภวิสฺสติ. อยฺหิ น อตฺตโน ถาเมน คณฺหิ, สตฺถุ ถาเมน คณฺหีติ คหณสฺมึเยว นิฏฺํ อคมาสิ. ยาวตาโทหิปีติ เอตฺถ โทการหิการปิการา นิปาตา, ยาวตุปริมนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘วาจาย อาลปนํ โอวฏฺฏิกาย คหณฺจ อติกฺกมิตฺวา ยาว เกสคฺคหณมฺปิ ตตฺถ คมนตฺถํ ปโยโค กตฺตพฺโพ’’ติ.
๒๘๕. ธมฺมิยา ¶ กถายาติ อิธ สติปฏิลาภตฺถาย ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตา ธมฺมี กถา เวทิตพฺพา. ตสฺส หิ ภควา, – ‘‘โชติปาล, ตฺวํ น ลามกฏฺานํ โอติณฺณสตฺโต, มหาโพธิปลฺลงฺเก ปน สพฺพฺุตฺาณํ ปตฺเถตฺวา โอติณฺโณสิ, ตาทิสสฺส นาม ปมาทวิหาโร น ยุตฺโต’’ติอาทินา นเยน สติปฏิลาภาย ธมฺมํ กเถสิ. ปรสมุทฺทวาสีเถรา ปน วทนฺติ – ‘‘โชติปาล, ยถา อหํ ทสปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร โลเก วิจรามิ, เอวเมวํ ตฺวมฺปิ ทสปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สมณคณปริวาโร โลเก วิจริสฺสสิ. เอวรูเปน นาม ตยา ปมาทํ อาปชฺชิตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ยถาสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมติ, เอวํ กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ กเถสีติ.
๒๘๖. อลตฺถ โข, อานนฺท,…เป… ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทนฺติ ปพฺพชิตฺวา กิมกาสิ? ยํ โพธิสตฺเตหิ กตฺตพฺพํ. โพธิสตฺตา หิ พุทฺธานํ สมฺมุเข ปพฺพชนฺติ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน อิตฺตรสตฺตา วิย ปติตสิงฺคา น โหนฺติ, จตุปาริสุทฺธิสีเล ปน สุปติฏฺาย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย อรฺํ ปวิสิตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูรยมานา ¶ สมณธมฺมํ กโรนฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ยาว อนุโลมาณํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ, มคฺคผลตฺถํ วายามํ น กโรนฺติ. โชติปาโลปิ ตเถว อกาสิ.
๒๘๗. อฑฺฒมาสุปสมฺปนฺเนติ กุลทารกฺหิ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมฺปิ อวสิตฺวา คเต มาตาปิตูนํ โสโก น ¶ วูปสมฺมติ, โสปิ ปตฺตจีวรคฺคหณํ ¶ น ชานาติ, ทหรภิกฺขุสามเณเรหิ สทฺธึ วิสฺสาโส น อุปฺปชฺชติ, เถเรหิ สทฺธึ สิเนโห น ปติฏฺาติ, คตคตฏฺาเน อนภิรติ อุปฺปชฺชติ. เอตฺตกํ ปน กาลํ นิวาเส สติ มาตาปิตโร ปสฺสิตุํ ลภนฺติ. เตน เตสํ โสโก ตนุภาวํ คจฺฉติ, ปตฺตจีวรคฺคหณํ ชานาติ, สามเณรทหรภิกฺขูหิ สทฺธึ วิสฺสาโส ชายติ, เถเรหิ สทฺธึ สิเนโห ปติฏฺาติ, คตคตฏฺาเน อภิรมติ, น อุกฺกณฺติ. ตสฺมา เอตฺตกํ วสิตุํ วฏฺฏตีติ อฑฺฒมาสํ วสิตฺวา ปกฺกามิ.
ปณฺฑุปุฏกสฺส สาลิโนติ ปุฏเก กตฺวา สุกฺขาปิตสฺส รตฺตสาลิโน. ตสฺส กิร สาลิโน วปฺปกาลโต ปฏฺาย อยํ ปริหาโร – เกทารา สุปริกมฺมกตา โหนฺติ, ตตฺถ พีชานิ ปติฏฺาเปตฺวา คนฺโธทเกน สิฺจึสุ, วปฺปกาเล วิตานํ วิย อุปริ วตฺถกิลฺชํ พนฺธิตฺวา ปริปกฺกกาเล วีหิสีสานิ ฉินฺทิตฺวา มุฏฺิมตฺเต ปุฏเก กตฺวา โยตฺตพทฺเธ เวหาสํเยว สุกฺขาเปตฺวา คนฺธจุณฺณานิ อตฺถริตฺวา โกฏฺเกสุ ปูเรตฺวา ตติเย วสฺเส วิวรึสุ. เอวํ ติวสฺสํ ปริวุตฺถสฺส สุคนฺธรตฺตสาลิโน อปคตกาฬเก สุปริสุทฺเธ ตณฺฑุเล คเหตฺวา ขชฺชกวิกติมฺปิ ภตฺตมฺปิ ปฏิยาทิยึสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ…เป… กาลํ อาโรจาเปสีติ.
๒๘๘. อธิวุฏฺโ เมติ กึ สนฺธาย วทติ? เวคฬิงฺคโต ¶ นิกฺขมนกาเล ฆฏิกาโร อตฺตโน สนฺติเก วสฺสาวาสํ วสนตฺถาย ปฏิฺํ อคฺคเหสิ, ตํ สนฺธาย วทติ. อหุเทว อฺถตฺตํ อหุ โทมนสฺสนฺติ เตมาสํ ทานํ ทาตุํ, ธมฺมฺจ โสตุํ, อิมินา จ นิยาเมน วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ ปฏิชคฺคิตุํ นาลตฺถนฺติ อลาภํ อารพฺภ จิตฺตฺถตฺตํ จิตฺตโทมนสฺสํ อโหสิ, น ตถาคตํ อารพฺภ. กสฺมา? โสตาปนฺนตฺตา. โส กิร ปุพฺเพ พฺราหฺมณภตฺโต อโหสิ. อเถกสฺมึ สมเย ปจฺจนฺเต กุปิเต วูปสมนตฺถํ คจฺฉนฺโต อุรจฺฉทํ นาม ธีตรมาห – ‘‘อมฺม อมฺหากํ เทเว มา ปมชฺชี’’ติ. พฺราหฺมณา ตํ ราชธีตรํ ทิสฺวา วิสฺิโน อเหสุํ. เก อิเม จาติ ¶ วุตฺเต ตุมฺหากํ ภูมิเทวาติ. ภูมิเทวา นาม เอวรูปา โหนฺตีติ นิฏฺุภิตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. สา เอกทิวสํ วีถึ โอโลเกนฺตี ิตา กสฺสปสฺส ภควโต อคฺคสาวกํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ¶ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา อนุโมทนํ สุณมานาเยว โสตาปนฺนา หุตฺวา ‘‘อฺเปิ ภิกฺขู อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถา วีสติยา ภิกฺขุสหสฺเสหิ สทฺธึ อิสิปตเน วสตี’’ติ จ สุตฺวา นิมนฺเตตฺวา ทานํ อทาสิ.
ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต. อถ นํ ปมตรเมว พฺราหฺมณา อาคนฺตฺวา ธีตุ อวณฺณํ วตฺวา ปริภินฺทึสุ. ราชา ปน ธีตุ ชาตกาเลเยว วรํ อทาสิ. ตสฺสา ‘‘สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ ทาตพฺพ’’นฺติ วรํ คณฺหึสุ. อถสฺสา ราชา สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ นิยฺยาเตสิ. สา สตฺถารํ โภชยมานา ราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา พหิสาณิยํ นิสีทาเปสิ. ราชา สตฺถุ อนุโมทนํ สุตฺวาว โสตาปนฺโน ชาโต. โสตาปนฺนสฺส จ นาม ตถาคตํ อารพฺภ อาฆาโต นตฺถิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘น ตถาคตํ อารพฺภา’’ติ.
ยํ อิจฺฉติ ตํ หรตูติ โส กิร ภาชนานิ ปจิตฺวา กยวิกฺกยํ ¶ น กโรติ, เอวํ ปน วตฺวา ทารุตฺถาย วา มตฺติกตฺถาย วา ปลาลตฺถาย วา อรฺํ คจฺฉติ. มหาชนา ‘‘ฆฏิกาเรน ภาชนานิ ปกฺกานี’’ติ สุตฺวา ปริสุทฺธตณฺฑุลโลณทธิเตลผาณิตาทีนิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ. สเจ ภาชนํ มหคฺฆํ โหติ, มูลํ อปฺปํ, ยํ วา ตํ วา ทตฺวา คณฺหามาติ ตํ น คณฺหนฺติ. ธมฺมิโก วาณิโช มาตาปิตโร ปฏิชคฺคติ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุปฏฺหติ, พหุ โน อกุสลํ ภวิสฺสตีติ ปุน คนฺตฺวา มูลํ อาหรนฺติ. สเจ ปน ภาชนํ อปฺปคฺฆํ โหติ, อาภตํ มูลํ พหุ, ธมฺมิโก วาณิโช, อมฺหากํ ปฺุํ ภวิสฺสตีติ ยถาภตํ ฆรสามิกา วิย สาธุกํ ปฏิสาเมตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํคุโณ ปน กสฺมา น ปพฺพชตีติ. รฺโ วจนปถํ ปจฺฉินฺทนฺโต อนฺเธ ชิณฺเณ มาตาปิตโร โปเสตีติ อาห.
๒๘๙. โก นุ โขติ กุหึ นุ โข. กุมฺภิยาติ อุกฺขลิโต. ปริโยคาติ สูปภาชนโต. ปริภฺุชาติ ภฺุช. กสฺมา ปเนเต เอวํ วทนฺติ? ฆฏิกาโร กิร ภตฺตํ ปจิตฺวา สูปํ สมฺปาเทตฺวา มาตาปิตโร โภเชตฺวา สยมฺปิ ภฺุชิตฺวา ภควโต วฑฺฒมานกํ ภตฺตสูปํ ปฏฺเปตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา อาธารกํ อุปฏฺเปตฺวา อุทกํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา มาตาปิตูนํ สฺํ ¶ ทตฺวา อรฺํ คจฺฉติ. ตสฺมา เอวํ วทนฺติ. อภิวิสฺสตฺโถติ ¶ อติวิสฺสตฺโถ. ปีติสุขํ ¶ น วิชหตีติ น นิรนฺตรํ วิชหติ, อถ โข รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา คาเม วา อรฺเ วา ยสฺมึ ยสฺมึ ขเณ – ‘‘สเทวเก นาม โลเก อคฺคปุคฺคโล มยฺหํ เคหํ ปวิสิตฺวา สหตฺเถน อามิสํ คเหตฺวา ปริภฺุชติ, ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรติ, ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชติ. ตํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ.
๒๙๐. กโฬปิยาติ ปจฺฉิโต. กึ ปน ภควา เอวมกาสีติ. ปจฺจโย ธมฺมิโก, ภิกฺขูนํ ปตฺเต ภตฺตสทิโส, ตสฺมา เอวมกาสิ. สิกฺขาปทปฺตฺติปิ จ สาวกานํเยว โหติ, พุทฺธานํ สิกฺขาปทเวลา นาม นตฺถิ. ยถา หิ รฺโ อุยฺยาเน ปุปฺผผลานิ โหนฺติ, อฺเสํ ตานิ คณฺหนฺตานํ นิคฺคหํ กโรนฺติ, ราชา ยถารุจิยา ปริภฺุชติ, เอวํสมฺปทเมตํ. ปรสมุทฺทวาสีเถรา ปน ‘‘เทวตา กิร ปฏิคฺคเหตฺวา อทํสู’’ติ วทนฺติ.
๒๙๑. หรถ, ภนฺเต, หรถ ภทฺรมุขาติ อมฺหากํ ปุตฺโต ‘‘กุหึ คโตสี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ทสพลสฺส สนฺติก’’นฺติ วทติ, กุหึ นุ โข คจฺฉติ, สตฺถุ วสนฏฺานสฺส โอวสฺสกภาวมฺปิ น ชานาตีติ ปุตฺเต อปราธสฺิโน คหเณ ตุฏฺจิตฺตา เอวมาหํสุ.
เตมาสํ อากาสจฺฉทนํ อฏฺาสีติ ภควา กิร จตุนฺนํ วสฺสิกานํ มาสานํ เอกํ มาสํ อติกฺกมิตฺวา ติณํ อาหราเปสิ, ตสฺมา เอวมาห. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – อากาสํ ฉทนมสฺสาติ อากาสจฺฉทนํ. น เทโวติวสฺสีติ เกวลํ นาติวสฺสิ, ยถา ปเนตฺถ ¶ ปกติยา จ นิพฺพโกสสฺส อุทกปาตฏฺานพฺภนฺตเร เอกมฺปิ อุทกพินฺทุ นาติวสฺสิ, เอวํ ฆนฉทนเคหพฺภนฺตเร วิย น วาตาตปาปิ อาพาธํ อกํสุ, ปกติยา อุตุผรณเมว อโหสิ. อปรภาเค ตสฺมึ นิคเม ฉฑฺฑิเตปิ ตํ านํ อโนวสฺสกเมว อโหสิ. มนุสฺสา กมฺมํ กโรนฺตา เทเว วสฺสนฺเต ตตฺถ สาฏเก เปตฺวา กมฺมํ กโรนฺติ. ยาว กปฺปุฏฺานา ตํ านํ ตาทิสเมว ภวิสฺสติ. ตฺจ โข ปน น ตถาคตสฺส อิทฺธานุภาเวน, เตสํเยว ปน คุณสมฺปตฺติยา. เตสฺหิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กตฺถ น ลเภยฺย, อมฺหากํ นาม ทฺวินฺนํ อนฺธกานํ นิเวสนํ อุตฺติณํ กาเรสี’’ติ น ตปฺปจฺจยา โทมนสฺสํ อุทปาทิ – ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล อมฺหากํ ¶ นิเวสนา ติณํ อาหราเปตฺวา คนฺธกุฏึ ฉาทาเปสี’’ติ ปน เตสํ อนปฺปกํ ¶ พลวโสมนสฺสํ อุทปาทิ. อิติ เตสํเยว คุณสมฺปตฺติยา อิทํ ปาฏิหาริยํ ชาตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๙๒. ตณฺฑุลวาหสตานีติ เอตฺถ ทฺเว สกฏานิ เอโก วาโหติ เวทิตพฺโพ. ตทุปิยฺจ สูเปยฺยนฺติ สูปตฺถาย ตทนุรูปํ เตลผาณิตาทึ. วีสติภิกฺขุสหสฺสสฺส เตมาสตฺถาย ภตฺตํ ภวิสฺสตีติ กิร สฺาย ราชา เอตฺตกํ เปเสสิ. อลํ เม รฺโว โหตูติ กสฺมา ปฏิกฺขิปิ? อธิคตอปฺปิจฺฉตาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘นาหํ รฺา ทิฏฺปุพฺโพ, กถํ นุ โข เปเสสี’’ติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา พาราณสึ คโต, อทฺธา โส รฺโ วสฺสาวาสํ ยาจิยมาโน มยฺหํ ปฏิฺาตภาวํ อาโรเจตฺวา มม คุณกถํ กเถสิ, คุณกถาย ลทฺธลาโภ ปน นเฏน นจฺจิตฺวา ลทฺธํ วิย ¶ คายเกน คายิตฺวา ลทฺธํ วิย จ โหติ. กึ มยฺหํ อิมินา, กมฺมํ กตฺวา อุปฺปนฺเนน มาตาปิตูนมฺปิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสปิ อุปฏฺานํ สกฺกา กาตุ’’นฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ฆฏิการสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รฏฺปาลสุตฺตวณฺณนา
๒๙๓. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ รฏฺปาลสุตฺตํ. ตตฺถ ถุลฺลโกฏฺิกนฺติ ถุลฺลโกฏฺํ ปริปุณฺณโกฏฺาคารํ. โส กิร ชนปโท นิจฺจสสฺโส สทา พีชภณฺฑํ นิกฺขมติ, ขลภณฺฑํ ปวิสติ. เตน ตสฺมึ นิคเม โกฏฺา นิจฺจปูราว โหนฺติ. ตสฺมา โส ถุลฺลโกฏฺิกนฺเตว สงฺขํ คโต.
๒๙๔. รฏฺปาโลติ กสฺมา รฏฺปาโล? ภินฺนํ รฏฺํ สนฺธาเรตุํ ปาเลตุํ สมตฺโถติ รฏฺปาโล. กทา ปนสฺเสตํ นามํ อุปฺปนฺนนฺติ. ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล. อิโต หิ ปุพฺเพ สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก วสฺสสตสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา อุปฺปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร ¶ โลกหิตาย จาริกํ จริ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘นครํ หํสวตี นาม, อานนฺโท นาม ขตฺติโย;
สุชาตา นาม ชนิกา, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโน’’ติ. (พุ. วํ. ๑๒.๑๙);
ปทุมุตฺตเร ปน อนุปฺปนฺเน เอว หํสวติยา ทฺเว กุฏุมฺพิกา สทฺธา ปสนฺนา กปณทฺธิกยาจกาทีนํ ทานํ ปฏฺปยึสุ. ตทา ปพฺพตวาสิโน ปฺจสตา ตาปสา หํสวตึ อนุปฺปตฺตา. เต ทฺเวปิ ชนา ตาปสคณํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ¶ อุปฏฺหึสุ. ตาปสา กิฺจิกาลํ วสิตฺวา ปพฺพตปาทเมว คตา. ทฺเว สงฺฆตฺเถรา โอหียึสุ. ตทา เตสํ เต ยาวชีวํ อุปฏฺานํ อกํสุ. ตาปเสสุ ภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺเตสุ เอโก สกฺกภวนสฺส วณฺณํ กเถสิ, เอโก ภูมินฺธรนาคราชภวนสฺส.
กุฏุมฺพิเกสุ เอโก สกฺกภวนํ ปตฺถนํ กตฺวา สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺโต, เอโก นาคภวเน ปาลิตนาคราชา นาม. ตํ สกฺโก อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตํ ทิสฺวา นาคโยนิยํ อภิรมสีติ ปุจฺฉิ. โส นาภิรมามีติ อาห. เตน หิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ทานํ ทตฺวา อิมสฺมึ ¶ าเน ปตฺถนํ กโรหิ, อุโภ สุขํ วสิสฺสามาติ. นาคราชา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารสฺส ภควโต สตฺตาหํ มหาทานํ ททมาโน ปทุมุตฺตรสฺส ทสพลสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตํ นาม สามเณรํ ทิสฺวา สตฺตเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทิพฺพวตฺถานิ ทตฺวา สามเณรสฺส านนฺตรํ ปตฺเถสิ. ภควา อนาคตํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม พุทฺธสฺส ปุตฺโต ราหุลกุมาโร ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ เต ปตฺถนา’’ติ กเถสิ. นาคราชา ตมตฺถํ สกฺกสฺส กเถสิ. สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตเถว สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา ภินฺนํ รฏฺํ สนฺธาเรตุํ ปาเลตุํ สมตฺถกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สทฺธาปพฺพชิตํ รฏฺปาลํ นาม กุลปุตฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อหมฺปิ อนาคเต โลกสฺมึ ตุมฺหาทิเส พุทฺเธ อุปฺปนฺเน ภินฺนํ รฏฺํ สนฺธาเรตุํ ปาเลตุํ สมตฺถกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อยํ กุลปุตฺโต วิย สทฺธาปพฺพชิโต รฏฺปาโล นาม ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิ. สตฺถา สมิชฺฌนกภาวํ ตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สราชิกํ ¶ ¶ จาตุวณฺณํ, โปเสตุํ ยํ ปโหสฺสติ;
รฏฺปาลกุลํ นาม, ตตฺถ ชายิสฺสเต อย’’นฺติ. –
เอวํ ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ตสฺเสตํ นามํ อุปฺปนฺนนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตทโหสีติ กึ อโหสิ? ยถา ยถา โขติอาทิ. ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – อหํ โข เยน เยน การเณน ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, เตน เตน เม อุปปริกฺขโต เอวํ โหติ – ‘‘ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกทิวสมฺปิ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ จริตพฺพํ, เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลีนํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ, สงฺขลิขิตํ วิลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ กตฺวา จริตพฺพํ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ, ยํนูนาหํ เกสฺจ มสฺสฺุจ โอหาเรตฺวา กาสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ.
อจิรปกฺกนฺเตสุ ถุลฺลโกฏฺิเกสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ รฏฺปาโล อนุฏฺิเตสุ ¶ เตสุ น ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. กสฺมา? ตตฺถสฺส ¶ พหู าติสาโลหิตา มิตฺตามจฺจา สนฺติ, เต – ‘‘ตฺวํ มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก, น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุ’’นฺติ พาหายมฺปิ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺยุํ, ตโต ปพฺพชฺชาย อนฺตราโย ภวิสฺสตีติ สเหว ปริสาย อุฏฺหิตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ปุน เกนจิ สรีรกิจฺจเลเสน นิวตฺติตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อจิรปกฺกนฺเตสุ ถุลฺลโกฏฺิเกสุ…เป… ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ. ภควา ปน ยสฺมา ราหุลกุมารสฺส ปพฺพชิตโต ปภุติ มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชติ, ตสฺมา นํ ปุจฺฉิ อนฺุาโตสิ ปน ตฺวํ, รฏฺปาล, มาตาปิตูหิ…เป… ปพฺพชฺชายาติ.
๒๙๕. อมฺมตาตาติ เอตฺถ อมฺมาติ มาตรํ อาลปติ, ตาตาติ ปิตรํ. เอกปุตฺตโกติ เอโกว ปุตฺตโก, อฺโ โกจิ เชฏฺโ วา กนิฏฺโ วา นตฺถิ. เอตฺถ จ เอกปุตฺโตติ วตฺตพฺเพ อนุกมฺปาวเสน เอกปุตฺตโกติ วุตฺตํ. ปิโยติ ปีติชนโก. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. สุเขธิโตติ ¶ สุเขน เอธิโต, สุขสํวฑฺฒิโตติ อตฺโถ. สุขปริภโตติ สุเขน ปริภโต, ชาตกาลโต ปภุติ ธาตีหิ องฺกโต องฺกํ อาหริตฺวา ธาริยมาโน อสฺสกรถกาทีหิ พาลกีฬนเกหิ กีฬยมาโน สาทุรสโภชนํ โภชยมาโน สุเขน ปริหโฏ. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสีติ ตฺวํ ¶ , ตาต รฏฺปาล อปฺปมตฺตกมฺปิ กลภาคํ ทุกฺขสฺส น ชานาสิ น สรสีติ อตฺโถ. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามาติ สเจปิ ตว อมฺเหสุ ชีวมาเนสุ มรณํ ภเวยฺย, เตน เต มรเณนปิ มยํ อกามกา อนิจฺฉกา น อตฺตโน รุจิยา วินา ภวิสฺสาม, ตยา วิโยคํ ปาปุณิสฺสามาติ อตฺโถ. กึ ปน มยํ ตนฺติ เอวํ สนฺเต กึ ปน กึ นาม ตํ การณํ, เยน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม. อถ วา กึ ปน มยํ ตนฺติ เกน ปน การเณน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสามาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๒๙๖. ตตฺเถวาติ ยตฺถ นํ ิตํ มาตาปิตโร นานุชานึสุ, ตตฺเถว าเน. อนนฺตรหิตายาติ เกนจิ อตฺถรเณน อนตฺถตาย. ปริจาเรหีติ คนฺธพฺพนฏนาฏกาทีนิ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ตตฺถ สหายเกหิ สทฺธึ ยถาสุขํ อินฺทฺริยานิ จาเรหิ สฺจาเรหิ, อิโต จิโต จ อุปเนหีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ปริจาเรหีติ คนฺธพฺพนฏนาฏกาทีนิ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา สหายเกหิ สทฺธึ ¶ ลฬ อุปลฬ รม, กีฬสฺสูติปิ วุตฺตํ โหติ. กาเม ปริภฺุชนฺโตติ อตฺตโน ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ โภเค ภฺุชนฺโต. ปฺุานิ กโรนฺโตติ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ อารพฺภ ทานปฺปทานาทีนิ สุคติมคฺคสํโสธกานิ กุสลกมฺมานิ กโรนฺโต. ตุณฺหี อโหสีติ กถานุปฺปพนฺธวิจฺเฉทนตฺถํ นิราลาปสลฺลาโป อโหสิ.
อถสฺส มาตาปิตโร ติกฺขตฺตุํ ¶ วตฺวา ปฏิวจนมฺปิ อลภมานา สหายเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอส โว สหายโก ปพฺพชิตุกาโม, นิวาเรถ น’’นฺติ อาหํสุ. เตปิ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อโวจุํ, เตสมฺปิ ตุณฺหี อโหสิ. เตน วุตฺตํ – อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา…เป… ตุณฺหี อโหสีติ. อถสฺส สหายกานํ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อยํ ปพฺพชฺชํ อลภมาโน มริสฺสติ, น โกจิ คุโณ ¶ ลพฺภติ. ปพฺพชิตํ ปน นํ มาตาปิตโรปิ กาเลน กาลํ ปสฺสิสฺสนฺติ, มยมฺปิ ปสฺสิสฺสาม, ปพฺพชฺชาปิ จ นาเมสา ภาริยา, ทิวเส ทิวเส มตฺติกาปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑาย จริตพฺพํ, เอกเสยฺยํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริยํ อติทุกฺกรํ, อยฺจ สุขุมาโล นาคริกชาติโย, โส ตํ จริตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน อิเธว อาคมิสฺสติ, หนฺทสฺส มาตาปิตโร อนุชานาเปสฺสามา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. มาตาปิตโรปิ นํ ‘‘ปพฺพชิเตน จ ปน เต มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตพฺพา’’ติ อิมํ กติกํ กตฺวา อนุชานึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร…เป… อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหิ…เป… อุทฺทสฺเสตพฺพา’’ติ. ตตฺถ อุทฺทสฺเสตพฺพาติ อุทฺธํ ทสฺเสตพฺพา, ยถา ตํ กาเลน กาลํ ปสฺสนฺติ, เอวํ อาคนฺตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสตพฺพา.
๒๙๙. พลํ คเหตฺวาติ สปฺปายโภชนานิ ภฺุชนฺโต อุจฺฉาทนาทีหิ จ กายํ ปริหรนฺโต กายพลํ ชเนตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา อสฺสุมุขํ าติปริวฏฺฏํ ปหาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ…เป… ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, ภควาติ. ภควา สมีเป ิตํ อฺตรํ ภิกฺขุํ ¶ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ รฏฺปาลํ ปพฺพาเชหิ เจว อุปสมฺปาเทหิ จา’’ติ. สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ ชินทตฺติยํ สทฺธิวิหาริกํ ลทฺธา ปพฺพาเชสิ เจว อุปสมฺปาเทสิ จ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อลตฺถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติ.
ปหิตตฺโต ¶ วิหรนฺโตติ ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ เอวํ วิหรนฺโต. เนยฺยปุคฺคโล หิ อยมายสฺมา, ตสฺมา ปฺุวา อภินีหารสมฺปนฺโนปิ สมาโน ‘‘อชฺช อชฺเชว อรหตฺต’’นฺติ สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ ทฺวาทสเม วสฺเส อรหตฺตํ ปาปุณิ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ มยฺหํ มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ อนุชานมานา – ‘‘ตยา กาเลน กาลํ อาคนฺตฺวา อมฺหากํ ทสฺสนํ ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุชานึสุ, ทุกฺกรการิกา โข ปน มาตาปิตโร, อหฺจ เยนชฺฌาสเยน ปพฺพชิโต, โส เม มตฺถกํ ปตฺโต, อิทานิ ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา อตฺตานํ ¶ มาตาปิตูนํ ทสฺเสสฺสามีติ จินฺเตตฺวา อาปุจฺฉิตุกาโม อุปสงฺกมิ. มนสากาสีติ ‘‘กึ นุ โข รฏฺปาเล คเต โกจิ อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ มนสิ อกาสิ. ตโต ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข รฏฺปาโล ตํ มทฺทิตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺส อรหตฺตสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สกฺขิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. เตน วุตฺตํ – ยถา ภควา อฺาสิ…เป… กาลํ มฺสีติ.
มิคจีเรติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. ตฺหิ รฺา – ‘‘อกาเล สมฺปตฺตปพฺพชิตานํ ทินฺนเมว อิทํ, ยถาสุขํ ปริภฺุชนฺตู’’ติ เอวมนฺุาตเมว อโหสิ, ตสฺมา เถโร – ‘‘มม อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรเจสฺสามิ, เต เม ปาทโธวนอุณฺโหทกปาทมกฺขนเตลาทีนิ ¶ เปสิสฺสนฺตี’’ติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา อุยฺยานเมว ปาวิสิ. ปิณฺฑาย ปาวิสีติ ทุติยทิวเส ปาวิสิ.
มชฺฌิมายาติ สตฺตทฺวารโกฏฺกสฺส ฆรสฺส มชฺฌิเม ทฺวารโกฏฺเก. อุลฺลิขาเปตีติ กปฺปเกน เกเส ปหราเปติ. เอตทโวจาติ – ‘‘อิเม สมณกา อมฺหากํ ปิยปุตฺตกํ ปพฺพาเชตฺวา โจรานํ หตฺเถ นิกฺขิปิตฺวา วิย เอกทิวสมฺปิ น ทสฺสาเปนฺติ, เอวํ ผรุสการกา เอเต ปุน อิมํ านํ อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺนฺติ, เอตฺโตว นิกฑฺฒิตพฺพา เอเต’’ติ จินฺเตตฺวา เอตํ ‘‘อิเมหิ มุณฺฑเกหี’’ติอาทิวจนํ อโวจ. าติทาสีติ าตกานํ ทาสี. อาภิโทสิกนฺติ ปาริวาสิกํ เอกรตฺตาติกฺกนฺตํ ปูติภูตํ. ตตฺถายํ ปทตฺโถ – ปูติภาวโทเสน อภิภูโตติ อภิโทโส, อภิโทโสว อาภิโทสิโก. เอกรตฺตาติกฺกนฺตสฺเสว นามสฺา เอสา ยทิทํ อาภิโทสิโกติ, ตํ อาภิโทสิกํ. กุมฺมาสนฺติ ยวกุมฺมาสํ. ฉฑฺเฑตุกามา โหตีติ ยสฺมา อนฺตมโส ทาสกมฺมการานํ โครูปานมฺปิ อปริโภคารโห, ตสฺมา นํ กจวรํ วิย พหิ ฉฑฺเฑตุกามา ¶ โหติ. สเจตนฺติ สเจ เอตํ. ภคินีติ อริยโวหาเรน อตฺตโน ธาตึ าติทาสึ อาลปติ. ฉฑฺฑนียธมฺมนฺติ ฉฑฺเฑตพฺพสภาวํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภคินิ เอตํ สเจ พหิ ฉฑฺฑนียธมฺมํ นิสฺสฏฺปริคฺคหํ, อิธ เม ปตฺเต อากิราหี’’ติ. กึ ปน เอวํ วตฺตุํ ลพฺภติ ¶ , วิฺตฺติ วา ปยุตฺตวาจา วา น โหตีติ. น โหติ. กสฺมา? นิสฺสฏฺปริคฺคหตฺตา. ยฺหิ ฉฑฺฑนียธมฺมํ นิสฺสฏฺปริคฺคหํ, ยตฺถ สามิกา อนาลยา โหนฺติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เทถ อาหรถ ¶ อากิรถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เตเนว หิ อยมายสฺมา อคฺคอริยวํสิโก สมาโนปิ เอวมาห.
หตฺถานนฺติ ภิกฺขาคหณตฺถํ ปตฺตํ อุปนามยโต มณิพนฺธโต ปภุติ ทฺวินฺนมฺปิ หตฺถานํ. ปาทานนฺติ นิวาสนนฺตโต ปฏฺาย ทฺวินฺนมฺปิ ปาทานํ. สรสฺสาติ สเจ ตํ ภคินีติ วาจํ นิจฺฉารยโต สรสฺส จ. นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ หตฺถปิฏฺิอาทีนิ โอโลกยมานา – ‘‘ปุตฺตสฺส เม รฏฺปาลสฺส วิย สุวณฺณกจฺฉปปิฏฺิสทิสา อิมา หตฺถปาทปิฏฺิโย, หริตาลวฏฺฏิโย วิย สุวฏฺฏิตา องฺคุลิโย, มธุโร สโร’’ติ คิหิกาเล สลฺลกฺขิตปุพฺพํ อาการํ อคฺคเหสิ สฺชานิ สลฺลกฺเขสิ. ตสฺส หายสฺมโต ทฺวาทสวสฺสานิ อรฺาวาสฺเจว ปิณฺฑิยาโลปโภชนฺจ ปริภฺุชนฺตสฺส อฺาทิโส สรีรวณฺโณ อโหสิ, เตน นํ สา าติทาสี ทิสฺวาว น สฺชานิ, นิมิตฺตํ ปน อคฺคเหสีติ.
๓๐๐. รฏฺปาลสฺส มาตรํ เอตทโวจาติ เถรสฺส องฺคปจฺจงฺคานิ สณฺาเปตฺวา ถฺํ ปาเยตฺวา สํวฑฺฒิตธาตีปิ สมานา ปพฺพชิตฺวา มหาขีณาสวภาวปฺปตฺเตน สามิปุตฺเตน สทฺธึ – ‘‘ตฺวํ นุ โข, เม ภนฺเต, ปุตฺโต รฏฺปาโล’’ติอาทิวจนํ วตฺตุํ อวิสหนฺตี เวเคน ฆรํ ปวิสิตฺวา รฏฺปาลสฺส มาตรํ เอตทโวจ. ยคฺเฆติ อาโรจนตฺเถ นิปาโต. สเจ ¶ เช สจฺจนฺติ เอตฺถ เชติ อาลปเน นิปาโต. เอวฺหิ ตสฺมึ เทเส ทาสิชนํ อาลปนฺติ, ตสฺมา ‘‘ตฺวฺหิ, โภติ ทาสิ, สเจ สจฺจํ ภณสี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? มหากุเล อิตฺถิโย พหิ นิกฺขมนฺตา ครหํ ปาปุณนฺติ, อิทฺจ อจฺจายิกกิจฺจํ, เสฏฺิสฺส นํ อาโรเจสฺสามีติ จินฺเตติ. ตสฺมา อุปสงฺกมิ. อฺตรํ กุฏฺฏมูลนฺติ ตสฺมึ กิร เทเส ทานปตีนํ ฆเรสุ สาลา โหนฺติ, อาสนานิ เจตฺถ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, อุปฏฺาปิตํ อุทกกฺชิยํ. ตตฺถ ปพฺพชิตา ปิณฺฑาย จริตฺวา นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺติ ¶ . สเจ อิจฺฉนฺติ, ทานปตีนมฺปิ สนฺตกํ คณฺหนฺติ. ตสฺมา ตมฺปิ อฺตรสฺส กุลสฺส อีทิสาย สาลาย อฺตรํ กุฏฺฏมูลนฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ ปพฺพชิตา กปณมนุสฺสา วิย อสารุปฺเป าเน นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺตีติ.
อตฺถิ ¶ นาม ตาตาติ เอตฺถ อตฺถีติ วิชฺชมานตฺเถ, นามาติ ปุจฺฉนตฺเถ มฺนตฺเถ วา นิปาโต. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – อตฺถิ นุ โข, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ ธนํ, นนุ มยํ นิทฺธนาติ วตฺตพฺพา, เยสํ โน ตฺวํ อีทิเส าเน นิสีทิตฺวา อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสิ. ตถา อตฺถิ นุ โข, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ ชีวิตํ, นนุ มยํ มตาติ วตฺตพฺพา, เยสํ โน ตฺวํ อีทิเส าเน นิสีทิตฺวา อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสิ. ตถา อตฺถิ มฺเ, ตาต รฏฺปาล, ตว อพฺภนฺตเร สาสนํ นิสฺสาย ปฏิลทฺโธ สมณคุโณ, ยํ ตฺวํ สุโภชนรสสํวฑฺฒิโตปิ อิมํ ชิคุจฺฉเนยฺยํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อมตมิว นิพฺพิกาโร ปริภฺุชิสฺสสีติ. โส ปน คหปติ ทุกฺขาภิตุนฺนตาย เอตมตฺถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุมสกฺโกนฺโต – ‘‘อตฺถิ นาม, ตาต รฏฺปาล, อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสี’’ติ เอตฺตกเมว อวจ. อกฺขรจินฺตกา ปเนตฺถ อิทํ ลกฺขณํ วทนฺติ – อโนกปฺปนามริสนตฺถวเสเนตํ ¶ อตฺถิสทฺเท อุปปเท ‘‘ปริภฺุชิสฺสสี’’ติ อนาคตวจนํ กตํ. ตสฺสายมตฺโถ – ‘‘อตฺถิ นาม…เป… ปริภฺุชิสฺสสิ, อิทํ ปจฺจกฺขมฺปิ อหํ น สทฺทหามิ น มริสยามี’’ติ. อิทํ เอตฺตกํ วจนํ คหปติ เถรสฺส ปตฺตมุขวฏฺฏิยํ คเหตฺวา ิตโกว กเถสิ. เถโรปิ ปิตริ ปตฺตมุขวฏฺฏิยํ คเหตฺวา ิเตเยว ตํ ปูติกุมฺมาสํ ปริภฺุชิ สุนขวนฺตสทิสํ ปูติกุกฺกุฏณฺฑมิว ภินฺนฏฺาเน ปูติกํ วายนฺตํ. ปุถุชฺชเนน กิร ตถารูปํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิตุํ น สกฺกา. เถโร ปน อริยิทฺธิยํ ตฺวา ทิพฺโพชํ อมตรสํ ปริภฺุชมาโน วิย ปริภฺุชิตฺวา ธมกรเณน อุทกํ คเหตฺวา ปตฺตฺจ มุขฺจ หตฺถปาเท จ โธวิตฺวา กุโต โน คหปตีติอาทิมาห.
ตตฺถ กุโต โนติ กุโต นุ. เนว ทานนฺติ เทยฺยธมฺมวเสน เนว ทานํ อลตฺถมฺห. น ปจฺจกฺขานนฺติ ‘‘กึ, ตาต รฏฺปาล, กจฺจิ เต ขมนียํ, กจฺจิสิ อปฺปกิลมเถน อาคโต, น ตาว ตาต เคเห ภตฺตํ สมฺปาทิยตี’’ติ เอวํ ปฏิสนฺถารวเสน ปจฺจกฺขานมฺปิ น อลตฺถมฺห. กสฺมา ปน เถโร เอวมาห? ปิตุ อนุคฺคเหน. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ยถา เอส มํ วทติ ¶ , อฺเปิ ปพฺพชิเต เอวํ วทติ มฺเ. พุทฺธสาสเน จ ปตฺตนฺตเร ปทุมํ วิย ภสฺมาฉนฺโน อคฺคิ วิย เผคฺคุปฏิจฺฉนฺโน จนฺทนสาโร วิย สุตฺติกาปฏิจฺฉนฺนํ มุตฺตรตนํ วิย วลาหกปฏิจฺฉนฺโน ¶ จนฺทิมา วิย มาทิสานํ ¶ ปฏิจฺฉนฺนคุณานํ ภิกฺขูนํ อนฺโต นตฺถิ, เตสุปิ น เอวรูปํ วจนํ ปวตฺเตสฺสติ, สํวเร สฺสตี’’ติ อนุคฺคเหน เอวมาห.
เอหิ ตาตาติ ตาต ตุยฺหํ ฆรํ มา โหตุ, เอหิ ฆรํ คมิสฺสามาติ วทติ. อลนฺติ เถโร อุกฺกฏฺเอกาสนิกตาย ปฏิกฺขิปนฺโต เอวมาห. อธิวาเสสีติ เถโร ปน ปกติยา อุกฺกฏฺสปทานจาริโก สฺวาตนายภิกฺขํ นาม นาธิวาเสติ, มาตุ อนุคฺคเหน ปน อธิวาเสสิ. มาตุ กิรสฺส เถรํ อนุสฺสริตฺวา มหาโสโก อุปฺปชฺชิ, โรทเนเนว ปกฺกกฺขิ วิย ชาตา, ตสฺมา เถโร ‘‘สจาหํ ตํ อปสฺสิตฺวา คมิสฺสามิ, หทยมฺปิสฺสา ผาเลยฺยา’’ติ อนุคฺคเหน อธิวาเสสิ. การาเปตฺวาติ เอกํ หิรฺสฺส, เอกํ สุวณฺณสฺสาติ ทฺเว ปฺุเช การาเปตฺวา. กีวมหนฺตา ปน ปฺุชา อเหสุนฺติ. ยถา โอรโต ิโต ปุริโส ปารโต ิตํ มชฺฌิมปฺปมาณํ ปุริสํ น ปสฺสติ, เอวํมหนฺตา.
๓๐๑. อิทํ เต ตาตาติ กหาปณปฺุชฺจ สุวณฺณปฺุชฺจ ทสฺเสนฺโต อาห. มตฺติกนฺติ มาติโต อาคตํ, อิทํ เต มาตามหิยา มาตุ อิมํ เคหํ อาคจฺฉนฺติยา คนฺธมาลาทีนํ อตฺถาย ทินฺนํ ธนนฺติ อตฺโถ. อฺํ เปตฺติกํ อฺํ ปิตามหนฺติ ยํ ปน เต ปิตุ จ ปิตามหานฺจ สนฺตกํ, ตํ อฺํเยว, นิหิตฺจ ปยุตฺตฺจ อติวิย พหุ. เอตฺถ จ ‘‘ปิตามห’’นฺติ ตทฺธิตโลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เปตามห’’นฺติ วา ปาโ. สกฺกา ¶ ตโตนิทานนฺติ ธนเหตุ ธนปจฺจยา. ตํ ตํ ธนํ รกฺขนฺตสฺส จ ราชาทีนํ วเสน ธนปริกฺขยํ ปาปุณนฺตสฺส กสฺสจิ อุปฺปชฺชมานโสกาทโย สนฺธาย เอวมาห. เอวํ วุตฺเต เสฏฺิ คหปติ – ‘‘อหํ อิมํ อุปฺปพฺพาเชสฺสามีติ อาเนสึ, โส ทานิ เม ธมฺมกถํ กาตุํ อารทฺโธ, อยํ น เม วจนํ กริสฺสตี’’ติ อุฏฺาย คนฺตฺวา อสฺส โอโรธานํ ทฺวารํ วิวราเปตฺวา – ‘‘อยํ โว สามิโก, คจฺฉถ ยํ กิฺจิ กตฺวา นํ คณฺหิตุํ วายมถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. สุวเย ิตา นาฏกิตฺถิโย นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปริวารยึสุ ¶ , ตาสุ ทฺเว เชฏฺกิตฺถิโย สนฺธาย ปุราณทุติยิกาติอาทิ วุตฺตํ. ปจฺเจกํ ปาเทสุ คเหตฺวาติ เอเกกมฺหิ ปาเท นํ คเหตฺวา.
กีทิสา ¶ นาม ตา อยฺยปุตฺต อจฺฉราโยติ กสฺมา เอวมาหํสุ? ตทา กิร สมฺพหุเล ขตฺติยกุมาเรปิ พฺราหฺมณกุมาเรปิ เสฏฺิปุตฺเตปิ มหาสมฺปตฺติโย ปหาย ปพฺพชนฺเต ทิสฺวา ปพฺพชฺชาคุณํ อชานนฺตา กถํ สมุฏฺาเปนฺติ ‘‘กสฺมา เอเต ปพฺพชนฺตี’’ติ. อถฺเ วทนฺติ ‘‘เทวจฺฉราเทวนาฏกานํ การณา’’ติ. สา กถา วิตฺถาริกา อโหสิ. ตํ คเหตฺวา สพฺพา เอวมาหํสุ. อถ เถโร ปฏิกฺขิปนฺโต น โข มยํ ภคินีติอาทิมาห. สมุทาจรตีติ ¶ โวหรติ วทติ. ตตฺเถว มุจฺฉิตา ปปตึสูติ ตํ ภคินิวาเทน สมุทาจรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยํ อชฺช อาคมิสฺสติ, อชฺช อาคมิสฺสตี’’ติ ทฺวาทส วสฺสานิ พหิ น นิกฺขนฺตา, เอตํ นิสฺสาย โน ทารกา น ลทฺธา, เยสํ อานุภาเวน ชีเวยฺยาม, อิโต จมฺหา ปริหีนา อฺโต จ. อยํ โลโก นาม อตฺตโนว จินฺเตสิ, ตสฺมา ตาปิ ‘‘อิทานิ มยํ อนาถา ชาตา’’ติ อตฺตโนว จินฺตยมานา – ‘‘อนตฺถิโก ทานิ อมฺเหหิ อยํ, โส อมฺเห ปชาปติโย สมานา อตฺตนา สทฺธึ เอกมาตุกุจฺฉิยา สยิตทาริกา วิย มฺตี’’ติ สมุปฺปนฺนพลวโสกา หุตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส มุจฺฉิตา ปปตึสุ, ปติตาติ อตฺโถ.
มา โน วิเหเถาติ มา อมฺเห ธนํ ทสฺเสตฺวา มาตุคาเม จ อุยฺโยเชตฺวา วิเหยิตฺถ, วิเหสา เหสา ปพฺพชิตานนฺติ. กสฺมา เอวมาห? มาตาปิตูนํ อนุคฺคเหน. โส กิร เสฏฺิ – ‘‘ปพฺพชิตลิงฺคํ นาม กิลิฏฺํ, ปพฺพชฺชาเวสํ หาเรตฺวา นฺหายิตฺวา ตโย ชนา เอกโต ภฺุชิสฺสามา’’ติ มฺมาโน เถรสฺส ภิกฺขํ น เทติ. เถโร – ‘‘มาทิสสฺส ขีณาสวสฺส อาหารนฺตรายํ กตฺวา เอเต พหุํ อปฺุํ ปสเวยฺยุ’’นฺติ เตสํ อนุคฺคเหน เอวมาห.
๓๐๒. คาถา อภาสีติ คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ ปสฺสาติ สนฺติเก ิตชนํ สนฺธาย วทติ. จิตฺตนฺติ จิตฺตวิจิตฺตํ. พิมฺพนฺติ อตฺตภาวํ. อรุกายนฺติ ¶ นวนฺนํ วณมุขานํ วเสน วณกายํ. สมุสฺสิตนฺติ ตีณิ อฏฺิสตานิ นวหิ นฺหารุสเตหิ พนฺธิตฺวา นวหิ มํสเปสิสเตหิ ลิมฺปิตฺวา สมนฺตโต อุสฺสิตํ. อาตุรนฺติ ชราตุรตาย โรคาตุรตาย กิเลสาตุรตาย จ นิจฺจาตุรํ. พหุสงฺกปฺปนฺติ ปเรสํ อุปฺปนฺนปตฺถนาสงฺกปฺเปหิ พหุสงฺกปฺปํ ¶ . อิตฺถีนฺหิ กาเย ปุริสานํ สงฺกปฺปา อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ กาเย อิตฺถีนํ. สุสาเน ฉฑฺฑิตกเฬวรภูตมฺปิ เจตํ กากกุลลาทโย ปตฺถยนฺติเยวาติ พหุสงฺกปฺโป นาม โหติ. ยสฺส นตฺถิ ¶ ธุวํ ิตีติ ยสฺส กายสฺส มายามรีจิเผณปิณฺฑ อุทกปุปฺผุฬาทีนํ วิย เอกํเสเนว ิติ นาม นตฺถิ, ภิชฺชนธมฺมตาว นิยตา.
ตเจน โอนทฺธนฺติ อลฺลมนุสฺสจมฺเมน โอนทฺธํ. สห วตฺเถภิ โสภตีติ คนฺธาทีหิ มณิกุณฺฑเลหิ จ จิตฺตกตมฺปิ รูปํ วตฺเถหิ สเหว โสภติ, วินา วตฺเถหิ เชคุจฺฉํ โหติ อโนโลกนกฺขมํ.
อลตฺตกกตาติ อลตฺตเกน รฺชิตา. จุณฺณกมกฺขิตนฺติ สาสปกกฺเกน มุขปีฬกาทีนิ นีหริตฺวา โลณมตฺติกาย ทุฏฺโลหิตํ วิลิยาเปตฺวา ติลปิฏฺเน โลหิตํ ปสาเทตฺวา หลิทฺทิยา วณฺณํ สมฺปาเทตฺวา จุณฺณกคณฺฑิกาย มุขํ ปหรนฺติ, เตเนส อติวิย วิโรจติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
อฏฺาปทกตาติ ¶ รโสทเกน มกฺขิตฺวา นลาฏปริยนฺเต อาวตฺตนปริวตฺเต กตฺวา อฏฺปทกรจนาย รจิตา. อฺชนีติ อฺชนนาฬิกา.
โอทหีติ เปสิ. ปาสนฺติ วากราชาลํ. นาสทาติ น ฆฏฺฏยิ. นิวาปนฺติ นิวาปสุตฺเต วุตฺตนิวาปติณสทิสโภชนํ. กนฺทนฺเตติ วิรวมาเน ปริเทวมาเน. อิมาย หิ คาถาย เถโร มาตาปิตโร มิคลุทฺทเก วิย กตฺวา ทสฺเสสิ, อวเสสาตเก มิคลุทฺทกปริสํ วิย, หิรฺสุวณฺณํ วากราชาลํ วิย, อตฺตนา ภุตฺตโภชนํ นิวาปติณํ วิย, อตฺตานํ มหามิคํ วิย กตฺวา ทสฺเสสิ. ยถา หิ มหามิโค ยาวทตฺถํ นิวาปติณํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ทิสํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิมํ นาม านํ คตสฺส โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ มิคลุทฺทกานํ ปริเทวนฺตานํเยว วากรํ อฆฏฺฏยมาโนว อุปฺปติตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆนจฺฉายสฺส ฉตฺตสฺส วิย คุมฺพสฺส เหฏฺา มนฺทมนฺเทน วาเตน พีชยมาโน อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต ติฏฺติ, เอวเมว เถโร อิมา คาถา ภาสิตฺวา อากาเสเนว คนฺตฺวา มิคจีเร ปจฺจุปฏฺาสิ.
กสฺมา ปน เถโร อากาเสน คโตติ. ปิตา กิรสฺส เสฏฺิ สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ อคฺคฬํ ¶ ทาเปตฺวา มลฺเล อาณาเปสิ – ‘‘สเจ นิกฺขมิตฺวา ¶ คจฺฉติ ¶ , หตฺถปาเทสุ นํ คเหตฺวา กาสายานิ หริตฺวา คิหิเวสํ คณฺหาเปถา’’ติ. ตสฺมา เถโร – ‘‘เอเต มาทิสํ มหาขีณาสวํ หตฺเถ วา ปาเท วา คเหตฺวา อปฺุํ ปสเวยฺยุํ, ตํ เนสํ มา อโหสี’’ติ จินฺเตตฺวา อากาเสน อคมาสิ. ปรสมุทฺทวาสิตฺเถรานํ ปน – ‘‘ิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ โกรพฺยสฺส มิคจีเร ปจฺจุปฏฺาสี’’ติ อยํ วาจนามคฺโคเยว.
๓๐๓. มิคโวติ ตสฺส อุยฺยานปาลสฺส นามํ. โสเธนฺโตติ อุยฺยานมคฺคํ สมํ กาเรตฺวา อนฺโตอุยฺยาเน ตจฺฉิตพฺพยุตฺตฏฺานานิ ตจฺฉาเปนฺโต สมฺมชฺชิตพฺพยุตฺตานิ านานิ สมฺมชฺชาเปนฺโต วาลุกาโอกิรณ-ปุปฺผวิกิรณ-ปุณฺณฆฏฏฺปน-กทลิกฺขนฺธปนาทีนิ จ กโรนฺโตติ อตฺโถ. เยน ราชา โกรพฺโย เตนุปสงฺกมีติ อมฺหากํ ราชา สทา อิมสฺส กุลปุตฺตสฺส วณฺณํ กเถสิ, ปสฺสิตุกาโม เอตํ, อาคตภาวํ ปนสฺส น ชานาติ, มหา โข ปนายํ ปณฺณากาโร, คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสฺสามีติ จินฺเตตฺวา เยน ราชา โกรพฺโย เตนุปสงฺกมิ.
กิตฺตยมาโน อโหสีติ โส กิร ราชา เถรํ อนุสฺสริตฺวา พลมชฺเฌปิ นาฏกมชฺเฌปิ – ‘‘ทุกฺกรํ กตํ กุลปุตฺเตน ตาว มหนฺตํ สมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา ปุนนิวตฺติตฺวา อนปโลเกนฺเตนา’’ติ คุณํ กเถสิ, ตํ คเหตฺวา อยํ เอวมาห. วิสฺสชฺเชถาติ ¶ วตฺวาติ โอโรธมหามตฺตพลกายาทีสุ ยสฺส ยํ อนุจฺฉวิกํ, ตสฺส ตํ ทาเปตฺวาติ อตฺโถ. อุสฺสฏาย อุสฺสฏายาติ อุสฺสิตาย อุสฺสิตาย, มหามตฺตมหารฏฺิกาทีนํ วเสน อุคฺคตุคฺคตเมว ปริสํ คเหตฺวา อุปสงฺกมีติ อตฺโถ. อิธ ภวํ รฏฺปาโล หตฺถตฺถเร นิสีทตูติ หตฺถตฺถโร ตนุโก พหลปุปฺผาทิคุณํ กตฺวา อตฺถโต อภิลกฺขิโต โหติ, ตาทิเส อนาปุจฺฉิตฺวา นิสีทิตุํ น ยุตฺตนฺติ มฺมาโน เอวมาห.
๓๐๔. ปาริชฺุานีติ ปาริชฺุภาวา ปริกฺขยา. ชิณฺโณติ ชราชิณฺโณ. วุฑฺโฒติ วโยวุฑฺโฒ. มหลฺลโกติ ชาติมหลฺลโก. อทฺธคโตติ อทฺธานํ อติกฺกนฺโต. วโยอนุปฺปตฺโตติ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺโต. ปพฺพชตีติ ธุรวิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา, – ‘‘ภนฺเต, มยา ทหรกาเล ¶ พหุํ กุสลํ กตํ, อิทานิ มหลฺลโกมฺหิ, มหลฺลกสฺส เจสา ปพฺพชฺชา นาม, เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา อปฺปหริตํ กตฺวา ชีวิสฺสามิ, ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต,’’ติ การฺุํ อุปฺปาเทนฺโต ¶ ยาจติ, เถรา อนุกมฺปาย ปพฺพาเชนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุติยวาเรปิ เอเสว นโย.
อปฺปาพาโธติ อโรโค. อปฺปาตงฺโกติ ¶ นิทฺทุกฺโข. สมเวปากินิยาติ สมวิปาจนิยา. คหณิยาติ กมฺมชเตโชธาตุยา. ตตฺถ ยสฺส ภุตฺตภุตฺโต อาหาโร ชีรติ, ยสฺส วา ปน ปุฏภตฺตํ วิย ตเถว ติฏฺติ, อุโภเปเต น สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคตา. ยสฺส ปน ภุตฺตกาเล ภตฺตจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชเตว, อยํ สมเวปากินิยา สมนฺนาคโต. นาติสีตาย นจฺจุณฺหายาติ เตเนว การเณน นาติสีตาย นจฺจุณฺหาย. อนุปุพฺเพนาติ ราชาโน วา หรนฺตีติอาทินา อนุกฺกเมน. ทุติยวาเร ราชภยโจรภยฉาตกภยาทินา อนุกฺกเมน.
๓๐๕. ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺาติ ธมฺมนิทฺเทสา อุทฺทิฏฺา. อุปนิยฺยตีติ ชรามรณสนฺติกํ คจฺฉติ, อายุกฺขเยน วา ตตฺถ นิยฺยติ. อทฺธุโวติ ธุวฏฺานวิรหิโต. อตาโณติ ตายิตุํ สมตฺเถน วิรหิโต. อนภิสฺสโรติ อสรโณ อภิสริตฺวา อภิคนฺตฺวา อสฺสาเสตุํ สมตฺเถน วิรหิโต. อสฺสโกติ นิสฺสโก สกภณฺฑวิรหิโต. สพฺพํ ปหาย คมนียนฺติ สกภณฺฑนฺติ สลฺลกฺขิตํ สพฺพํ ปหาย โลเกน คนฺตพฺพํ. ตณฺหาทาโสติ ตณฺหาย ทาโส.
๓๐๖. หตฺถิสฺมินฺติ หตฺถิสิปฺเป. กตาวีติ ¶ กตกรณีโย, สิกฺขิตสิกฺโข ปคุณสิปฺโปติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อูรุพลีติ อูรุพลสมฺปนฺโน. ยสฺส หิ ผลกฺจ อาวุธฺจ คเหตฺวา ปรเสนํ ปวิสิตฺวา อภินฺนํ ภินฺทโต ภินฺนํ สนฺธารยโต ปรหตฺถคตํ รชฺชํ อาหริตุํ อูรุพลํ อตฺถิ, อยํ อูรุพลี นาม. พาหุพลีติ พาหุพลสมฺปนฺโน. เสสํ ปุริมสทิสเมว. อลมตฺโตติ สมตฺถอตฺตภาโว.
ปริโยธาย วตฺติสฺสนฺตีติ อุปฺปนฺนํ อุปฺปทฺทวํ โอธาย อวตฺถริตฺวา วตฺติสฺสนฺตีติ สลฺลกฺเขตฺวา คหิตา.
สํวิชฺชติ ¶ โข, โภ รฏฺปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล ปหูตํ หิรฺสุวณฺณนฺติ อิทํ โส ราชา อุปริ ธมฺมุทฺเทสสฺส การณํ อาหรนฺโต อาห.
อถาปรํ ¶ เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘ปสฺสามิ โลเก’’ติอาทินา นเยน จตุนฺนํ ธมฺมุทฺเทสานํ อนุคีตึ อโวจ.
๓๐๗. ตตฺถ ภิยฺโยว กาเม อภิปตฺถยนฺตีติ เอกํ ลภิตฺวา ทฺเว ปตฺถยนฺติ, ทฺเว ลภิตฺวา จตฺตาโรติ เอวํ อุตฺตรุตฺตริ วตฺถุกามกิเลสกาเม ปตฺถยนฺติเยว.
ปสยฺหาติ สปตฺตคณํ อภิภวิตฺวา. สสาครนฺตนฺติ สทฺธึ สาครนฺเตน. โอรํ สมุทฺทสฺสาติ ยํ สมุทฺทสฺส โอรโต สกรฏฺํ, เตน อติตฺตรูโปติ อตฺโถ. น หตฺถีติ น หิ อตฺถิ.
อโห วตา โนติ อโห วต นุ, อยเมว วา ปาโ. อมราติ ¶ จาหูติ อมรํ อิติ จ อาหุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ มตํ าตี ปริวาเรตฺวา กนฺทนฺติ, ตํ – ‘‘อโห วต อมฺหากํ ภาตา มโต, ปุตฺโต มโต’’ติอาทีนิปิ วทนฺติ.
ผุสนฺติ ผสฺสนฺติ มรณผสฺสํ ผุสนฺติ. ตเถว ผุฏฺโติ ยถา พาโล, ธีโรปิ ตเถว มรณผสฺเสน ผุฏฺโ, อผุฏฺโ นาม นตฺถิ, อยํ ปน วิเสโส. พาโล จ พาลฺยา วธิโตว เสตีติ พาโล พาลภาเวน มรณผสฺสํ อาคมฺม วธิโตว เสติ อภิหโตว สยติ. อกตํ วต เม กลฺยาณนฺติอาทิวิปฺปฏิสารวเสน จลติ เวธติ วิปฺผนฺทติ. ธีโร จ น เวธตีติ ธีโร สุคตินิมิตฺตํ ปสฺสนฺโต น เวธติ น จลติ.
ยาย โวสานํ อิธาธิคจฺฉตีติ ยาย ปฺาย อิมสฺมึ โลเก สพฺพกิจฺจโวสานํ อรหตฺตํ อธิคจฺฉติ, สาว ธนโต อุตฺตมตรา. อพฺโยสิตตฺตาติ อปริโยสิตตฺตา, อรหตฺตปตฺติยา, อภาเวนาติ อตฺโถ. ภวาภเวสูติ หีนปฺปณีเตสุ ภเวสุ.
อุเปติ คพฺภฺจ ปรฺจ โลกนฺติ เตสุ ปาปํ กโรนฺเตสุ โย โกจิ สตฺโต ปรมฺปราย สํสารํ อาปชฺชิตฺวา คพฺภฺจ ปรฺจ โลกํ อุเปติ. ตสฺสปฺปปฺโติ ตสฺส ตาทิสสฺส อปฺปปฺสฺส อฺโ อปฺปปฺโ อภิสทฺทหนฺโต.
สกมฺมุนา ¶ ¶ หฺตีติ อตฺตนา กตกมฺมวเสน ‘‘กสาหิปิ ตาเลตี’’ติอาทีหิ กมฺมการณาหิ หฺติ. เปจฺจ ปรมฺหิ โลเกติ อิโต คนฺตฺวา ปรมฺหิ อปายโลเก.
วิรูปรูเปนาติ ¶ วิวิธรูเปน, นานาสภาเวนาติ อตฺโถ. กามคุเณสูติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกสุ สพฺพกามคุเณสุ อาทีนวํ ทิสฺวา. ทหราติ อนฺตมโส กลลมตฺตภาวํ อุปาทาย ตรุณา. วุฑฺฒาติ วสฺสสตาติกฺกนฺตา. อปณฺณกํ สามฺเมว เสยฺโยติ อวิรุทฺธํ อทฺวชฺฌคามึ เอกนฺตนิยฺยานิกํ สามฺเมว ‘‘เสยฺโย, อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจา’’ติ อุปธาเรตฺวา ปพฺพชิโตสฺมิ มหาราชาติ. ตสฺมา ยํ ตฺวํ วทสิ – ‘‘กึ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา’’ติ, อิทํ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ ปพฺพชิโตสฺมีติ มํ ธาเรหีติ เทสนํ นิฏฺาเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
รฏฺปาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มฆเทวสุตฺตวณฺณนา
๓๐๘. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ มฆเทวสุตฺตํ. ตตฺถ มฆเทวอมฺพวเนติ ปุพฺเพ มฆเทโว นาม ราชา ตํ อมฺพวนํ โรเปสิ. เตสุ รุกฺเขสุ ปลุชฺชมาเนสุ อปรภาเค อฺเปิ ราชาโน โรเปสุํเยว. ตํ ปน ปมโวหารวเสน มฆเทวมฺพวนนฺเตว สงฺขํ คตํ. สิตํ ปาตฺวากาสีติ สายนฺหสมเย วิหารจาริกํ จรมาโน รมณียํ ภูมิภาคํ ทิสฺวา – ‘‘วสิตปุพฺพํ นุ โข เม อิมสฺมึ โอกาเส’’ติ อาวชฺชนฺโต – ‘‘ปุพฺเพ อหํ มฆเทโว นาม ราชา หุตฺวา อิมํ อมฺพวนํ โรเปสึ, เอตฺเถว ¶ ปพฺพชิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึ. ตํ โข ปเนตํ การณํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อปากฏํ, ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ อคฺคคฺคทนฺเต ทสฺเสนฺโต สิตํ ปาตุ อกาสิ.
ธมฺโม อสฺส อตฺถีติ ธมฺมิโก. ธมฺเมน ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. ธมฺเม ิโตติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเม ิโต. ธมฺมํ จรตีติ สมํ จรติ ¶ . ตตฺร พฺราหฺมณคหปติเกสูติ โยปิ โส ปุพฺพราชูหิ พฺราหฺมณานํ ทินฺนปริหาโร, ตํ อหาเปตฺวา ปกตินิยาเมเนว อทาสิ, ตถา คหปติกานํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปกฺขสฺสาติ อิมินา ปาฏิหาริกปกฺโขปิ สงฺคหิโต. อฏฺมีอุโปสถสฺส หิ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนวเสน สตฺตมิยฺจ นวมิยฺจ, จาตุทฺทสปนฺนรสานํ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนวเสน เตรสิยฺจ ปาฏิปเท จาติ อิเม ทิวสา ปาฏิหาริกปกฺขาติ เวทิตพฺพา. เตสุปิ อุโปสถํ อุปวสิ.
๓๐๙. เทวทูตาติ เทโวติ มจฺจุ, ตสฺส ทูตาติ เทวทูตา. สิรสฺมิฺหิ ปลิเตสุ ปาตุภูเตสุ มจฺจุราชสฺส สนฺติเก ิโต วิย โหติ, ตสฺมา ปลิตานิ มจฺจุเทวสฺส ทูตาติ วุจฺจนฺติ. เทวา วิย ทูตาติปิ เทวทูตา. ยถา หิ อลงฺกตปฏิยตฺตาย เทวตาย อากาเส ตฺวา ‘‘อสุกทิวเส มริสฺสตี’’ติ วุตฺเต ตํ ตเถว โหติ, เอวํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ปาตุภูเตสุ เทวตาพฺยากรณสทิสเมว ¶ โหติ. ตสฺมา ปลิตานิ เทวสทิสา ทูตาติ วุจฺจนฺติ. วิสุทฺธิเทวานํ ทูตาติปิ เทวทูตา. สพฺพโพธิสตฺตา หิ ชิณฺณพฺยาธิตมตปพฺพชิเต ทิสฺวาว สํเวคมาปชฺชิตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชนฺติ. ยถาห –
‘‘ชิณฺณฺจ ¶ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตํ,
มตฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;
กาสายวตฺถํ ปพฺพชิตฺจ ทิสฺวา,
ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ.
อิมินา ปริยาเยน ปลิตานิ วิสุทฺธิเทวานํ ทูตตฺตา เทวทูตาติ วุจฺจนฺติ.
กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวาติ สตสหสฺสุฏฺานกํ เชฏฺกคามํ ทตฺวา. กสฺมา อทาสิ? สํวิคฺคมานสตฺตา. ตสฺส หิ อฺชลิสฺมึ ปิตานิ ปลิตานิ ทิสฺวาว สํเวโค อุปฺปชฺชติ. อฺานิ จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุ อตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ มจฺจุราชสฺส สนฺติเก ิตํ วิย อตฺตานํ มฺมาโน สํวิคฺโค ปพฺพชฺชํ โรเจติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สิเร ¶ ทิสฺวาน ปลิตํ, มฆเทโว ทิสมฺปติ;
สํเวคํ อลภี ธีโร, ปพฺพชฺชํ สมโรจยี’’ติ.
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ, อิเม ชาตา วโยหรา;
ปาตุภูตา เทวทูตา, ปพฺพชฺชาสมโย มมา’’ติ.
ปุริสยุเคติ วํสสมฺภเว ปุริเส. เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวาติ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชนฺตาปิ หิ ปมํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพชนฺติ, ตโต ปฏฺาย วฑฺฒิเต เกเส พนฺธิตฺวา ชฏากลาปธรา หุตฺวา วิจรนฺติ. โพธิสตฺโตปิ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ปพฺพชิโต ปน อเนสนํ ¶ อนนุยฺุชิตฺวา ราชเคหโต อาหฏภิกฺขาย ยาเปนฺโต พฺรหฺมวิหารํ ภาเวสิ. ตสฺมา โส เมตฺตาสหคเตนาติอาทิ วุตฺตํ.
กุมารกีฬิตํ กีฬีติ องฺเกน องฺกํ ปริหริยมาโน กีฬิ. มาลากลาปํ วิย หิ นํ อุกฺขิปิตฺวาว ¶ วิจรึสุ. รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺโต…เป… ปพฺพชีติ อิมสฺส ปพฺพชิตทิวเส ปฺจ มงฺคลานิ อเหสุํ. มฆเทวรฺโ มตกภตฺตํ, ตสฺส รฺโ ปพฺพชิตมงฺคลํ, ตสฺส ปุตฺตสฺส ฉตฺตุสฺสาปนมงฺคลํ, ตสฺส ปุตฺตสฺส อุปรชฺชมงฺคลํ, ตสฺส ปุตฺตสฺส นามกรณมงฺคลนฺติ เอกสฺมึเยว สมเย ปฺจ มงฺคลานิ อเหสุํ, สกลชมฺพุทีปตเล อุนฺนงฺคลมโหสิ.
๓๑๑. ปุตฺตปปุตฺตกาติ ปุตฺตา จ ปุตฺตปุตฺตา จาติ เอวํ ปวตฺตา ตสฺส ปรมฺปรา. ปจฺฉิมโก อโหสีติ ปพฺพชฺชาปจฺฉิมโก อโหสิ. โพธิสตฺโต กิร พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต – ‘‘ปวตฺตติ นุ โข ตํ มยา มนุสฺสโลเก นิหตํ กลฺยาณวตฺต’’นฺติ อาวชฺชนฺโต อทฺทส – ‘‘เอตฺตกํ อทฺธานํ ปวตฺตติ, อิทานิ น ปวตฺติสฺสตี’’ติ. น โข ปนาหํ มยฺหํ ปเวณิยา อุจฺฉิชฺชิตุํ ทสฺสามีติ อตฺตโน วํเส ชาตรฺโเยว อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อตฺตโน วํสสฺส เนมึ ฆเฏนฺโต วิย นิพฺพตฺโต, เตเนวสฺส นิมีติ นามํ อโหสิ. อิติ โส ปพฺพชิตราชูนํ ¶ สพฺพปจฺฉิมโก หุตฺวา ปพฺพชิโตติ ปพฺพชฺชาปจฺฉิมโก อโหสิ. คุเณหิ ปน อติเรกตโร. ตสฺส หิ สพฺพราชูหิ อติเรกตรา ทฺเว คุณา อเหสุํ ¶ . จตูสุ ทฺวาเรสุ สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา เทวสิกํ ทานํ อทาสิ, อนุโปสถิกสฺส จ ทสฺสนํ นิวาเรสิ. อนุโปสถิเกสุ หิ ราชานํ ปสฺสิสฺสามาติ คเตสุ โทวาริโก ปุจฺฉติ ‘‘ตุมฺเห อุโปสถิกา โน วา’’ติ. เย อนุโปสถิกา โหนฺติ, เต นิวาเรติ ‘‘อนุโปสถิกานํ ราชา ทสฺสนํ น เทตี’’ติ. ‘‘มยํ ชนปทวาสิโน กาเล โภชนํ กุหึ ลภิสฺสามา’’ติปิ ตตฺถ วจโนกาโส นตฺถิ. จตูสุ หิ ทฺวาเรสุ ราชงฺคเณ จ อเนกานิ ภตฺตจาฏิสหสฺสานิ ปฏิยตฺตาเนว โหนฺติ. ตสฺมา มหาชโน อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน มสฺสุํ กาเรตฺวา นฺหายิตฺวา วตฺถานิ ปริวตฺเตตฺวา ยถารุจิตํ โภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย รฺโ เคหทฺวารํ คจฺฉติ. โทวาริเกน ‘‘อุโปสถิกา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิตปุจฺฉิตา ‘‘อาม อามา’’ติ วทนฺติ. เตน หิ อาคจฺฉถาติ ปเวเสตฺวา รฺโ ทสฺเสติ. อิติ อิเมหิ ทฺวีหิ คุเณหิ อติเรกตโร อโหสิ.
๓๑๒. เทวานํ ตาวตึสานนฺติ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตเทวานํ. เต กิร เทวา วิเทหรฏฺเ มิถิลนครวาสิโน รฺโ โอวาเท ตฺวา ปฺจ สีลานิ รกฺขิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺตา รฺโ คุณกถํ กเถนฺติ. เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เทวานํ ตาวตึสาน’’นฺติ.
นิสินฺโน ¶ โหตีติ ปาสาทวรสฺส อุปริคโต ทานฺจ สีลฺจ อุปปริกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ทานํ นุ โข มหนฺตํ อุทาหุ สีลํ, ยทิ ทานํ มหนฺตํ, อชฺโฌตฺถริตฺวา ทานเมว ทสฺสามิ. อถ สีลํ, สีลเมว ปูริสฺสามี’’ติ. ตสฺส ‘‘อิทํ มหนฺตํ อิทํ มหนฺต’’นฺติ นิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตสฺเสว สกฺโก คนฺตฺวา ปุรโต ปาตุรโหสิ. เตน วุตฺตํ อถ โข, อานนฺท,…เป… สมฺมุเข ปาตุรโหสีติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘รฺโ กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถํ ปฺหฺจ กเถสฺสามิ, อิธาคมนตฺถาย ปฏิฺฺจ คณฺหิสฺสามี’’ติ ¶ . ตสฺมา คนฺตฺวา สมฺมุเข ปาตุรโหสิ. ราชา อทิฏฺปุพฺพํ รูปํ ทิสฺวา ภีโต อโหสิ โลมหฏฺชาโต. อถ นํ สกฺโก – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, วิสฺสตฺโถ ปฺหํ ปุจฺฉ, กงฺขํ เต ปฏิวิโนเทสฺสามี’’ติ อาห.
ราชา ¶ –
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ มหาราช, สพฺพภูตานมิสฺสร;
ทานํ วา พฺรหฺมจริยํ วา, กตมํ สุ มหปฺผล’’นฺติ. –
ปฺหํ ปุจฺฉิ. สกฺโก – ‘‘ทานํ นาม กึ, สีลเมว คุณวิสิฏฺตาย มหนฺตํ. อหฺหิ ปุพฺเพ, มหาราช, ทสวสฺสสหสฺสานิ ทสนฺนํ ชฏิลสหสฺสานํ ทานํ ทตฺวา เปตฺติวิสยโต น มุตฺโต, สีลวนฺตา ปน มยฺหํ ทานํ ภฺุชิตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.
น เหเต สุลภา กายา, ยาจโยเคน เกนจิ;
เย กาเย อุปปชฺชนฺติ, อนาคารา ตปสฺสิโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙-๔๓๐);
เอวํ ¶ รฺโ กงฺขํ วิโนเทตฺวา เทวโลกคมนาย ปฏิฺาคหณตฺถํ ลาภา เต มหาราชาติอาทิมาห. ตตฺถ อวิกมฺปมาโนติ อภายมาโน. อธิวาเสสีติ อหํ มหาชนํ กุสลํ สมาทเปมิ, ปฺุวนฺตานํ ปน วสนฏฺานํ ทิสฺวา อาคเตน มนุสฺสปเถ สุขํ กเถตุํ โหตีติ อธิวาเสสิ.
๓๑๓. เอวํ ภทฺทนฺตวาติ เอวํ โหตุ ภทฺทกํ ตว วจนนฺติ วตฺวา. โยเชตฺวาติ เอกสฺมึเยว ยุเค สหสฺสอสฺสาชานีเย ¶ โยเชตฺวา. เตสํ ปน ปาฏิเยกฺกํ โยชนกิจฺจํ นตฺถิ, มนํ อาคมฺม ยุตฺตาเยว โหนฺติ. โส ปน ทิพฺพรโถ ทิยฑฺฒโยชนสติโก โหติ, นทฺธิโต ปฏฺาย รถสีสํ ปฺาสโยชนานิ, อกฺขพนฺโธ ปณฺณาสโยชนานิ, อกฺขพนฺธโต ปฏฺาย ปจฺฉาภาโค ปณฺณาสโยชนานิ, สพฺโพ สตฺตวณฺณรตนมโย. เทวโลโก นาม อุทฺธํ, มนุสฺสโลโก อโธ, ตสฺมา เหฏฺามุขํ รถํ เปเสสีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. ยถา ปน ปกติมคฺคํ เปเสติ, เอวเมว มนุสฺสานํ สายมาสภตฺเต นิฏฺิเต จนฺเทน สทฺธึ ยุคนทฺธํ กตฺวา เปเสสิ, ยมกจนฺทา อุฏฺิตา วิย อเหสุํ. มหาชโน ทิสฺวา ‘‘ยมกจนฺทา อุคฺคตา’’ติ อาห. อาคจฺฉนฺเต อาคจฺฉนฺเต น ยมกจนฺทา, เอกํ วิมานํ, น วิมานํ, เอโก รโถติ. รโถปิ อาคจฺฉนฺโต อาคจฺฉนฺโต ¶ ปกติรถปฺปมาโณว, อสฺสาปิ ปกติอสฺสปฺปมาณาว อเหสุํ. เอวํ รถํ อาหริตฺวา รฺโ ปาสาทํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาจีนสีหปฺชรฏฺาเน รถํ นิวตฺเตตฺวา อาคตมคฺคาภิมุขํ กตฺวา สีหปฺชเร ตฺวาว อาโรหนสชฺชํ เปสิ.
อภิรุห มหาราชาติ ราชา – ‘‘ทิพฺพยานํ เม ลทฺธ’’นฺติ น ตาวเทว อภิรุหิ, นาครานํ ปน โอวาทํ อทาสิ ‘‘ปสฺสถ ตาตา, ยํ เม สกฺเกน เทวรฺา ทิพฺพรโถ เปสิโต, โส จ โข น ชาติโคตฺตํ วา กุลปฺปเทสํ วา ปฏิจฺจ เปสิโต, มยฺหํ ¶ ปน สีลาจารคุเณ ปสีทิตฺวา เปสิโต. สเจ ตุมฺเหปิ สีลํ รกฺขิสฺสถ, ตุมฺหากมฺปิ เปเสสฺสติ, เอวํ รกฺขิตุํ ยุตฺตํ นาเมตํ สีลํ. นาหํ เทวโลกํ คนฺตฺวา จิรายิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ มหาชนํ โอวทิตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา รถํ อภิรุหิ. ตโต มาตลิ สงฺคาหโก ‘‘อหมฺปิ มหาราชสฺส มมานุจฺฉวิกํ กริสฺสามี’’ติ อากาสมฺหิ ทฺเว มคฺเค ทสฺเสตฺวา อปิจ มหาราชาติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ กตเมนาติ, มหาราช, อิเมสุ มคฺเคสุ เอโก นิรยํ คจฺฉติ, เอโก เทวโลกํ, เตสุ ตํ กตเมน เนมิ. เยนาติ เยน มคฺเคน คนฺตฺวา ยตฺถ ปาปกมฺมนฺตา ปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวทิยนฺติ, ตํ านํ สกฺกา โหติ ปสฺสิตุนฺติ อตฺโถ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. ชาตเกปิ –
‘‘เกน ตํ เนมิ มคฺเคน, ราชเสฏฺ ทิสมฺปติ;
เยน วา ปาปกมฺมนฺตา, ปฺุกมฺมา จ เย นรา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๕๐) –
คาถาย อยเมวตฺโถ. เตเนวาห –
‘‘นิรเย ตาว ปสฺสามิ, อาวาเส ปาปกมฺมินํ;
านานิ ลุทฺทกมฺมานํ, ทุสฺสีลานฺจ ยา คตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๕๑);
อุภเยเนว มํ มาตลิ เนหีติ มาตลิ ทฺวีหิ มคฺเคหิ มํ เนหิ, อหํ นิรยํ ปสฺสิตุกาโม เทวโลกมฺปีติ. ปมํ กตเมน เนมีติ. ปมํ นิรยมคฺเคน เนหีติ. ตโต มาตลิ อตฺตโน อานุภาเวน ราชานํ ปฺจทส มหานิรเย ทสฺเสสิ. วิตฺถารกถา ปเนตฺถ –
‘‘ทสฺเสสิ ¶ ¶ มาตลิ รฺโ, ทุคฺคํ เวตรณึ นทึ;
กุถิตํ ขารสํยุตฺตํ, ตตฺตํ อคฺคิสิขูปม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๕๒) –
ชาตเก วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. นิรยํ ทสฺเสตฺวา รถํ นิวตฺเตตฺวา เทวโลกาภิมุขํ คนฺตฺวา พีรณีเทวธีตาย โสณทินฺนเทวปุตฺตสฺส คณเทวปุตฺตานฺจ วิมานานิ ทสฺเสนฺโต เทวโลกํ เนสิ. ตตฺราปิ วิตฺถารกถา –
‘‘ยทิ เต สุตา พีรณี ชีวโลเก,
อามายทาสี อหุ พฺราหฺมณสฺส;
สา ปตฺตกาเล อติถึ วิทิตฺวา,
มาตาว ¶ ปุตฺตํ สกิมาภินนฺที;
สํยมา สํวิภาคา จ,
สา วิมานสฺมิ โมทตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๕๐๗) –
ชาตเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
เอวํ คจฺฉโต ปน ตสฺส รถเนมิ วฏฺฏิยา จิตฺตกูฏทฺวารโกฏฺกสฺส อุมฺมาเร ปหตมตฺเตว เทวนคเร โกลาหลํ อโหสิ. สกฺกํ เทวราชานํ เอกกํเยว โอหาย เทวสงฺโฆ มหาสตฺตํ ปจฺจุคฺคมนมกาสิ, ตํ เทวตานํ อาทรํ ทิสฺวา สกฺโก จิตฺตํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต – ‘‘อภิรม, มหาราช, เทเวสุ เทวานุภาเวนา’’ติ อาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ราชา อชฺช อาคนฺตฺวา เอกทิวเสเนว เทวคณํ อตฺตโน อภิมุขมกาสิ. สเจ เอกํ ทฺเว ทิวเส วสิสฺสติ, น มํ เทวา โอโลเกสฺสนฺตี’’ติ. โส อุสูยมาโน, ‘‘มหาราช, ตุยฺหํ อิมสฺมึ เทวโลเก วสิตุํ ปฺุํ นตฺถิ, อฺเสํ ปฺุเน วสาหี’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน เอวมาห. โพธิสตฺโต – ‘‘นาสกฺขิ ชรสกฺโก มนํ สนฺธาเรตุํ, ปรํ นิสฺสาย ลทฺธํ โข ปน ยาจิตฺวา ลทฺธภณฺฑกํ ¶ วิย โหตี’’ติ ปฏิกฺขิปนฺโต อลํ มาริสาติอาทิมาห. ชาตเกปิ วุตฺตํ –
‘‘ยถา ยาจิตกํ ยานํ, ยถา ยาจิตกํ ธนํ;
เอวํสมฺปทเมเว ตํ, ยํ ปรโต ทานปจฺจยา;
น จาหเมตมิจฺฉามิ, ยํ ปรโต ทานปจฺจยา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๕๘๕-๕๘๖) –
สพฺพํ ¶ วตฺตพฺพํ. โพธิสตฺโต ปน มนุสฺสตฺตภาเวน กติวาเร เทวโลกํ คโตติ. จตฺตาโร – มนฺธาตุราชกาเล สาธินราชกาเล คุตฺติลวีณาวาทกกาเล นิมิมหาราชกาเลติ. โส มนฺธาตุกาเล เทวโลเก อสงฺขฺเยยฺยํ กาลํ วสิ, ตสฺมิฺหิ วสมาเนเยว ฉตฺตึส สกฺกา จวึสุ. สาธินราชกาเล สตฺตาหํ วสิ, มนุสฺสคณนาย สตฺต วสฺสสตานิ โหนฺติ. คุตฺติลวีณาวาทกกาเล จ นิมิราชกาเล จ มุหุตฺตมตฺตํ วสิ, มนุสฺสคณนาย สตฺต ทิวสานิ โหนฺติ.
๓๑๔. ตตฺเถว ¶ มิถิลํ ปฏิเนสีติ ปฏิเนตฺวา ปกติสิริคพฺเภเยว ปติฏฺาเปสิ.
๓๑๕. กฬารชนโกติ ตสฺส นามํ. กฬารทนฺตตาย ปน กฬารชนโกติ วุตฺโต. น โส อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชีติ เอตฺตกมตฺตเมว น อกาสิ, เสสํ สพฺพํ ปากติกเมว อโหสิ.
๓๑๖. สมุจฺเฉโท โหตีติ เอตฺถ กลฺยาณวตฺตํ โก สมุจฺฉินฺทติ, เกน สมุจฺฉินฺนํ, โก ปวตฺเตติ, เกน ปวตฺติตํ นาม โหตีติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สีลวา ภิกฺขุ ¶ ‘‘น สกฺกา มยา อรหตฺตํ ลทฺธุ’’นฺติ วีริยํ อกโรนฺโต สมุจฺฉินฺทติ. ทุสฺสีเลน สมุจฺฉินฺนํ นาม โหติ. สตฺต เสขา ปวตฺเตนฺติ. ขีณาสเวน ปวตฺติตํ นาม โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มฆเทวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. มธุรสุตฺตวณฺณนา
๓๑๗. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ มธุรสุตฺตํ. ตตฺถ มหากจฺจาโนติ คิหิกาเล อุชฺเชนิกรฺโ ปุโรหิตปุตฺโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สุวณฺณวณฺโณ จ. มธุรายนฺติ เอวํนามเก นคเร. คุนฺทาวเนติ กณฺหกคุนฺทาวเน ¶ . อวนฺติปุตฺโตติ อวนฺติรฏฺเ รฺโ ธีตาย ปุตฺโต. วุทฺโธ เจว อรหา จาติ ทหรํ อรหนฺตมฺปิ น ตถา สมฺภาเวนฺติ ยถา มหลฺลกํ, เถโร ปน วุทฺโธ เจว อโหสิ อรหา จ. พฺราหฺมณา, โภ กจฺจานาติ โส กิร ราชา พฺราหฺมณลทฺธิโก, ตสฺมา เอวมาห. พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณติอาทีสุ ชาติโคตฺตาทีนํ ปฺาปนฏฺาเน พฺราหฺมณาว เสฏฺาติ ทสฺเสติ. หีโน อฺโ วณฺโณติ อิตเร ตโย วณฺณา หีนา ลามกาติ วทติ. สุกฺโกติ ¶ ปณฺฑโร. กณฺโหติ กาฬโก. สุชฺฌนฺตีติ ชาติโคตฺตาทิปฺาปนฏฺาเนสุ สุชฺฌนฺติ. พฺรหฺมุโน ปุตฺตาติ มหาพฺรหฺมุโน ปุตฺตา. โอรสา มุขโต ชาตาติ อุเร วสิตฺวา มุขโต นิกฺขนฺตา, อุเร กตฺวา สํวทฺธิตาติ วา โอรสา. พฺรหฺมชาติ พฺรหฺมโต นิพฺพตฺตา. พฺรหฺมนิมฺมิตาติ พฺรหฺมุนา นิมฺมิตา. พฺรหฺมทายาทาติ พฺรหฺมุโน ทายาทา. โฆโสเยว โข เอโสติ โวหารมตฺตเมเวตํ.
๓๑๘. อิชฺเฌยฺยาติ สมิชฺเฌยฺย, ยตฺตกานิ ธนาทีนิ ปตฺเถยฺย, ตตฺตเกหิสฺส มโนรโถ ปูเรยฺยาติ อตฺโถ. ขตฺติโยปิสฺสาสฺสาติ ขตฺติโยปิ อสฺส อิสฺสริยสมฺปตฺตสฺส ปุพฺพุฏฺายี อสฺส. เนสํ เอตฺถ กิฺจีติ น เอเตสํ เอตฺถ กิฺจิ.
๓๒๒. อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยามาติ นิสินฺนาสนํ ปปฺโผเฏตฺวา อิธ นิสีทาติ วเทยฺยาม. อภินิมนฺเตยฺยามปิ นนฺติ อภิหริตฺวา ตํ นิมนฺเตยฺยาม. ตตฺถ ทุวิโธ อภิหาโร วาจาย เจว กาเยน จ. ‘‘ตุมฺหากํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ มมํ จีวราทีหิ วเทยฺยาถ เยนตฺโถ’’ติ วทนฺโต หิ วาจาย อภิหริตฺวา นิมนฺเตติ นาม. จีวราทิเวกลฺลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติ ตานิ เทนฺโต ปน กาเยน อภิหริตฺวา นิมนฺเตติ นาม. ตทุภยมฺปิ ¶ สนฺธาย ‘‘อภินิมนฺเตยฺยามปิ น’’นฺติ อาห. รกฺขาวรณคุตฺตินฺติ รกฺขาสงฺขาตฺเจว อาวรณสงฺขาตฺจ ¶ คุตฺตึ. ยา ปเนสา อาวุธหตฺเถ ปุริเส เปนฺเตน รกฺขา, สา ธมฺมิกา นาม สํวิหิตา น โหติ. ยถา ปน อเวลาย กฏฺหาริกาปณฺณหาริกาทโย วิหารํ น ปวิสนฺติ, มิคลุทฺทกาทโย วิหารสีมาย มิเค วา มจฺเฉ วา น คณฺหนฺติ, เอวํ สํวิทหนฺเตน ธมฺมิกา นาม สํวิหิตา โหติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘ธมฺมิก’’นฺติ.
เอวํ ¶ สนฺเตติ เอวํ จตุนฺนมฺปิ วณฺณานํ ปพฺพชิตานํ ปพฺพชิตสกฺกาเรน สเม สมาเน. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มธุรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. โพธิราชกุมารสุตฺตวณฺณนา
๓๒๔. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ โพธิราชกุมารสุตฺตํ. ตตฺถ โกกนโทติ โกกนทํ วุจฺจติ ปทุมํ. โส จ มงฺคลปาสาโท โอโลกนกปทุมํ ทสฺเสตฺวา กโต, ตสฺมา โกกนโทติ สงฺขํ ลภิ.
๓๒๕. ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวราติ เอตฺถ ปจฺฉิมโสปานกเฬวรนฺติ ปมํ โสปานผลกํ วุตฺตํ. อทฺทสา ¶ โขติ โอโลกนตฺถํเยว ทฺวารโกฏฺเก ิโต อทฺทส. ภควา ตุณฺหี อโหสีติ ‘‘กิสฺส นุ โข อตฺถาย ราชกุมาเรน อยํ มหาสกฺกาโร กโต’’ติ อาวชฺชนฺโต ปุตฺตปตฺถนาย กตภาวํ อฺาสิ. โส หิ ราชกุมาโร อปุตฺตโก, สุตฺจาเนน อโหสิ – ‘‘พุทฺธานํ กิร อธิการํ กตฺวา มนสา อิจฺฉิตํ ลภนฺตี’’ติ. โส – ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ มม เจลปฺปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ. โน เจ ลภิสฺสามิ, น อกฺกมิสฺสตี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สนฺถราเปสิ. อถ ภควา ‘‘นิพฺพตฺติสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปุตฺโต’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘น นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อทฺทส.
ปุพฺเพ กิร โส เอกสฺมึ ทีเป วสมาโน สมจฺฉนฺเทน สกุณโปตเก ขาทิ. สจสฺส มาตุคาโม อฺโว ภเวยฺย, ปุตฺตํ ลเภยฺย. อุโภหิ ปน สมานจฺฉนฺเทหิ หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตํ, เตนสฺส ปุตฺโต น นิพฺพตฺติสฺสตีติ อฺาสิ. ทุสฺเส ปน อกฺกนฺเต – ‘‘พุทฺธานํ อธิการํ กตฺวา ปตฺถิตปตฺถิตํ ลภนฺตีติ โลเก อนุสฺสโว, มยา จ มหาอภินีหาโร กโต, น จ ปุตฺตํ ลภามิ, ตุจฺฉํ อิทํ วจน’’นฺติ มิจฺฉาคหณํ คณฺเหยฺย. ติตฺถิยาปิ – ‘‘นตฺถิ สมณานํ อกตฺตพฺพํ นาม, เจลปฺปฏิกํ มทฺทนฺตา อาหิณฺฑนฺตี’’ติ อุชฺฌาเยยฺยุํ ¶ . เอตรหิ จ อกฺกมนฺเตสุ พหู ภิกฺขู ปรจิตฺตวิทุโน, เต ภพฺพํ ชานิตฺวา อกฺกมิสฺสนฺติ, อภพฺพํ ชานิตฺวา น อกฺกมิสฺสนฺติ. อนาคเต ปน อุปนิสฺสโย มนฺโท ภวิสฺสติ, อนาคตํ น ชานิสฺสนฺติ. เตสุ อกฺกมนฺเตสุ สเจ ปตฺถิตํ อิชฺฌิสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ ¶ . โน เจ อิชฺฌิสฺสติ, – ‘‘ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อภินีหารํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ลภนฺติ, ตํ อิทานิ น ลภนฺติ ¶ . เตเยว มฺเ ภิกฺขู ปฏิปตฺติปูรกา อเหสุํ, อิเม ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน ภวิสฺสนฺตีติ อิเมหิ การเณหิ ภควา อกฺกมิตุํ อนิจฺฉนฺโต ตุณฺหี อโหสิ. สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ ‘‘น, ภิกฺขเว, เจลปฺปฏิกา อกฺกมิตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๒๖๘). มงฺคลตฺถาย ปฺตฺตํ อนกฺกมนฺเตสุ ปน อกฺกมนตฺถาย อนุปฺตฺตึ เปสิ – ‘‘คิหี, ภิกฺขเว, มงฺคลิกา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิหีนํ มงฺคลตฺถายา’’ติ (จูฬว. ๒๖๘).
๓๒๖. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตีติ อิทํ เถโร วุตฺเตสุ การเณสุ ตติยํ การณํ สนฺธายาห. น โข สุเขน สุขนฺติ กสฺมา อาห? กามสุขลฺลิกานุโยคสฺี หุตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺโธ น อกฺกมิ, ตสฺมา อหมฺปิ สตฺถารา สมานจฺฉนฺโท ภวิสฺสามีติ มฺมาโน เอวมาห.
๓๒๗. โส โข อหนฺติอาทิ ‘‘ยาว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม’’ติ ตาว มหาสจฺจเก (ม. นิ. ๑.๓๖๔ อาทโย) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ตโต ปรํ ยาว ปฺจวคฺคิยานํ อาสวกฺขยา ปาสราสิสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๗๒ อาทโย) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
๓๔๓. องฺกุสคยฺเห สิปฺเปติ องฺกุสคหณสิปฺเป. กุสโล อหนฺติ เฉโก อหํ. กสฺส ¶ ปนายํ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหีติ? ปิตุ สนฺติเก, ปิตาปิสฺส ปิตุ สนฺติเกว อุคฺคณฺหิ. โกสมฺพิยํ กิร ปรนฺตปราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ราชมเหสี ครุภารา อากาสตเล รฺา สทฺธึ พาลาตปํ ตปฺปมานา รตฺตกมฺพลํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนา โหติ, เอโก หตฺถิลิงฺคสกุโณ ‘‘มํสเปสี’’ติ มฺมาโน คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. สา ‘‘ฉฑฺเฑยฺย ม’’นฺติ ภเยน นิสฺสทฺทา อโหสิ, โส ตํ ปพฺพตปาเท รุกฺขวิฏเป เปสิ. สา ปาณิสฺสรํ กโรนฺตี มหาสทฺทมกาสิ. สกุโณ ¶ ปลายิ, ตสฺสา ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ติยามรตฺตึ เทเว วสฺสนฺเต กมฺพลํ ปารุปิตฺวา นิสีทิ. ตโต จ อวิทูเร ตาปโส วสติ. โส ตสฺสา สทฺเทน อรุเณ อุคฺคเต รุกฺขมูลํ อาคโต ชาตึ ปุจฺฉิตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา โอตาเรตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ยาคุํ ปาเยสิ. ทารกสฺส เมฆอุตฺุจ ปพฺพตอุตฺุจ คเหตฺวา ชาตตฺตา อุเทโนติ นามํ อกาสิ. ตาปโส ผลาผลานิ อาหริตฺวา ทฺเวปิ ชเน โปเสสิ.
สา ¶ เอกทิวสํ ตาปสสฺส อาคมนเวลาย ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อิตฺถิกุตฺตํ ทสฺเสตฺวา ตาปสํ สีลเภทํ อาปาเทสิ. เตสํ เอกโต วสนฺตานํ กาเล คจฺฉนฺเต ปรนฺตปราชา กาลํ อกาสิ. ตาปโส รตฺติภาเค นกฺขตฺตํ โอโลเกตฺวา รฺโ มตภาวํ ตฺวา – ‘‘ตุยฺหํ ราชา มโต, ปุตฺโต เต กึ อิธ วสิตุํ อิจฺฉติ, อุทาหุ เปตฺติเก รชฺเช ฉตฺตํ อุสฺสาเปตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ปุตฺตสฺส อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตุกามตฺจสฺส ตฺวา ตาปสสฺส อาโรเจสิ. ตาปโส จ หตฺถิคนฺถสิปฺปํ ชานาติ, กุโตเนน ลทฺธํ? สกฺกสฺส ¶ สนฺติกา. ปุพฺเพ กิรสฺส สกฺโก อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา ‘‘เกน กิลมถา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘หตฺถิปริสฺสโย อตฺถี’’ติ อาโรเจสิ. ตสฺส สกฺโก หตฺถิคนฺถฺเจว วีณกฺจ ทตฺวา ‘‘ปลาเปตุกามตาย สติ อิมํ ตนฺตึ วาเทตฺวา อิมํ สิโลกํ วเทยฺยาถ, ปกฺโกสิตุกามตาย สติ อิมํ สิโลกํ วเทยฺยาถา’’ติ อาห. ตาปโส ตํ สิปฺปํ กุมารสฺส อทาสิ. โส เอกํ วฏรุกฺขํ อภิรุหิตฺวา หตฺถีสุ อาคเตสุ ตนฺตึ วาเทตฺวา สิโลกํ วทติ, หตฺถี ภีตา ปลายึสุ.
โส สิปฺปสฺส อานุภาวํ ตฺวา ปุนทิวเส ปกฺโกสนสิปฺปํ ปโยเชสิ. เชฏฺกหตฺถี อาคนฺตฺวา ขนฺธํ อุปนาเมสิ. โส ตสฺส ขนฺธคโต ยุทฺธสมตฺเถ ตรุณหตฺถี อุจฺจินิตฺวา กมฺพลฺจ มุทฺทิกฺจ คเหตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต อนุปุพฺเพน ตํ ตํ คามํ ปวิสิตฺวา – ‘‘อหํ รฺโ ปุตฺโต, สมฺปตฺตึ อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ ชนสงฺคหํ กตฺวา นครํ ปริวาเรตฺวา – ‘‘อหํ รฺโ ปุตฺโต, มยฺหํ ฉตฺตํ เทถา’’ติ อสทฺทหนฺตานํ กมฺพลฺจ มุทฺทิกฺจ ทสฺเสตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปสิ. โส หตฺถิวิตฺตโก หุตฺวา ‘‘อสุกฏฺาเน สุนฺทโร หตฺถี อตฺถี’’ติ วุตฺเต คนฺตฺวา คณฺหาติ. จณฺฑปชฺโชโต ¶ ‘‘ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ คณฺหิสฺสามี’’ติ กฏฺหตฺถึ ปโยเชตฺวา ตสฺส อนฺโต โยเธ นิสีทาเปตฺวา ตํ หตฺถึ คหณตฺถาย อาคตํ คณฺหิตฺวา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ คหณตฺถาย ธีตรํ อุยฺโยเชสิ. โส ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตฺวา ตํ คเหตฺวา อตฺตโน นครํเยว อคมาสิ. ตสฺสา กุจฺฉิยํ อุปฺปนฺโน อยํ โพธิราชกุมาโร อตฺตโน ปิตุ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิ.
๓๔๔. ปธานิยงฺคานีติ ปธานํ วุจฺจติ ปทหนภาโว, ปธานมสฺส อตฺถีติ ปธานิโย. ปธานิยสฺส ภิกฺขุโน องฺคานีติ ปธานิยงฺคานิ. สทฺโธติ สทฺธาย สมนฺนาคโต. สา ปเนสา ¶ อาคมนสทฺธา ¶ อธิคมสทฺธา โอกปฺปนสทฺธา ปสาทสทฺธาติ จตุพฺพิธา. ตตฺถ สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ สทฺธา อภินีหารโต ปฏฺาย อาคตตฺตา อาคมนสทฺธา นาม. อริยสาวกานํ ปฏิเวเธน อธิคตตฺตา อธิคมสทฺธา นาม. พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆติ วุตฺเต อจลภาเวน โอกปฺปนํ โอกปฺปนสทฺธา นาม. ปสาทุปฺปตฺติ ปสาทสทฺธา นาม, อิธ ปน โอกปฺปนสทฺธา อธิปฺเปตา. โพธินฺติ จตุมคฺคาณํ. ตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ตถาคเตนาติ สทฺทหติ, เทสนาสีสเมว เจตํ, อิมินา ปน องฺเคน ตีสุปิ รตเนสุ สทฺธา อธิปฺเปตา. ยสฺส หิ พุทฺธาทีสุ ปสาโท พลวา, ตสฺส ปธานํ วีริยํ อิชฺฌติ.
อปฺปาพาโธติ อโรโค. อปฺปาตงฺโกติ นิทฺทุกฺโข. สมเวปากินิยาติ สมวิปาจนิยา. คหณิยาติ กมฺมชเตโชธาตุยา. นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายาติ อติสีตคหณิโก หิ สีตภีรู โหติ, อจฺจุณฺหคหณิโก อุณฺหภีรู, เตสํ ปธานํ น อิชฺฌติ. มชฺฌิมคหณิกสฺส อิชฺฌติ. เตนาห ‘‘มชฺฌิมาย ปธานกฺขมายา’’ติ. ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตาติ ยถาภูตํ อตฺตโน อคุณํ ปกาเสตา. อุทยตฺถคามินิยาติ อุทยฺจ อตฺถฺจ คนฺตุํ ปริจฺฉินฺทิตุํ สมตฺถาย, เอเตน ปฺาสลกฺขณปริคฺคาหิกํ อุทยพฺพยาณํ วุตฺตํ. อริยายาติ ปริสุทฺธาย. นิพฺเพธิกายาติ อนิพฺพิทฺธปุพฺเพ โลภกฺขนฺธาทโย นิพฺพิชฺฌิตุํ สมตฺถาย. สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยาติ ¶ ตทงฺควเสน กิเลสานํ ปหีนตฺตา ยํ ทุกฺขํ ขียติ, ตสฺส ทุกฺขสฺส ขยคามินิยา. อิติ สพฺเพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ วิปสฺสนาปฺาว กถิตา. ทุปฺปฺสฺส หิ ปธานํ น อิชฺฌติ. อิมานิ จ ปฺจ ปธานิยงฺคานิ โลกิยาเนว เวทิตพฺพานิ.
๓๔๕. สายมนุสิฏฺโ ¶ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสตีติ อตฺถงฺคเต สูริเย อนุสิฏฺโ อรุณุคฺคมเน วิเสสํ อธิคมิสฺสติ. ปาตมนุสิฏฺโ สายนฺติ อรุณุคฺคมเน อนุสิฏฺโ สูริยตฺถงฺคมนเวลายํ. อยฺจ ปน เทสนา เนยฺยปุคฺคลวเสน วุตฺตา. ทนฺธปฺโ หิ เนยฺยปุคฺคโล สตฺตหิ ทิวเสหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, ติกฺขปฺโ เอกทิวเสน, เสสทิวเส มชฺฌิมปฺาวเสน เวทิตพฺพํ. อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม อโห ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตาติ ยสฺมา พุทฺธธมฺมานํ อุฬารตาย ธมฺมสฺส จ สฺวากฺขาตตาย ปาโต กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สายํ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, ตสฺมา ปสํสนฺโต เอวมาห. ยตฺร หิ นามาติ วิมฺหยตฺเถ นิปาโต.
๓๔๖. กุจฺฉิมตีติ ¶ อาปนฺนสตฺตา. โย เม อยํ, ภนฺเต, กุจฺฉิคโตติ กึ ปเนวํ สรณํ คหิตํ โหตีติ. น โหติ. อจิตฺตกสรณคมนํ นาม นตฺถิ, อารกฺโข ปนสฺส ปจฺจุปฏฺิโตว โหติ. อถ นํ ยทา มหลฺลกกาเล มาตาปิตโร, – ‘‘ตาต, กุจฺฉิคตเมว ตํ สรณํ คณฺหาปยิมฺหา’’ติ สาเรนฺติ, โส จ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อหํ สรณํ คโต อุปาสโก’’ติ สตึ อุปฺปาเทติ, ตทา สรณํ คหิตํ นาม โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
โพธิราชกุมารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. องฺคุลิมาลสุตฺตวณฺณนา
๓๔๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ องฺคุลิมาลสุตฺตํ. ตตฺถ องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรตีติ กสฺมา ธาเรติ? อาจริยวจเนน. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อยํ กิร โกสลรฺโ ปุโรหิตสฺส มนฺตาณิยา นาม พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. พฺราหฺมณิยา รตฺติภาเค คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนกาเล สกลนคเร อาวุธานิ ปชฺชลึสุ, รฺโ มงฺคลสกุนฺโตปิ สิริสยเน ปิตา อสิลฏฺิปิ ¶ ปชฺชลิ. พฺราหฺมโณ นิกฺขมิตฺวา นกฺขตฺตํ โอโลเกนฺโต โจรนกฺขตฺเตน ชาโตติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา สุขเสยฺยภาวํ ปุจฺฉิ.
ราชา ‘‘กุโต, เม อาจริย, สุขเสยฺยา? มยฺหํ มงฺคลาวุธํ ปชฺชลิ, รชฺชสฺส วา ชีวิตสฺส วา อนฺตราโย ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ. มา ภายิ, มหาราช, มยฺหํ ฆเร กุมาโร ชาโต, ตสฺสานุภาเวน น เกวลํ ตุยฺหํ นิเวสเน, สกลนคเรปิ อาวุธานิ ปชฺชลิตานีติ. กึ ภวิสฺสติ อาจริยาติ? โจโร ภวิสฺสติ มหาราชาติ. กึ เอกโจรโก, อุทาหุ รชฺชทูสโก โจโรติ? เอกโจรโก เทวาติ. เอวํ วตฺวา จ ปน รฺโ มนํ คณฺหิตุกาโม อาห – ‘‘มาเรถ นํ เทวา’’ติ. เอกโจรโก สมาโน กึ กริสฺสติ? กรีสสหสฺสเขตฺเต เอกสาลิสีสํ วิย โหติ, ปฏิชคฺคถ นนฺติ. ตสฺส นามคฺคหณํ คณฺหนฺตา สยเน ปิตมงฺคลอสิลฏฺิ, ฉทเน ปิตา สรา, กปฺปาสปิจุมฺหิ ¶ ปิตํ ตาลวณฺฏกรณสตฺถกนฺติ เอเต ปชฺชลนฺตา กิฺจิ น หึสึสุ, ตสฺมา อหึสโกติ นามํ อกํสุ. ตํ สิปฺปุคฺคหณกาเล ตกฺกสีลํ เปสยึสุ.
โส ธมฺมนฺเตวาสิโก หุตฺวา สิปฺปํ ปฏฺเปสิ. วตฺตสมฺปนฺโน กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที อโหสิ. เสสอนฺเตวาสิกา พาหิรกา อเหสุํ. เต – ‘‘อหึสกมาณวกสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย มยํ น ปฺายาม, กถํ นํ ภินฺเทยฺยามา’’ติ? นิสีทิตฺวา มนฺตยนฺตา ¶ – ‘‘สพฺเพหิ อติเรกปฺตฺตา ทุปฺปฺโติ. น สกฺกา วตฺตุํ, วตฺตสมฺปนฺนตฺตา ทุพฺพตฺโตติ. น สกฺกา วตฺตุํ, ชาติสมฺปนฺนตฺตา ทุชฺชาโตติ น สกฺกา วตฺตุํ, กินฺติ กริสฺสามา’’ติ? ตโต เอกํ ขรมนฺตํ มนฺตยึสุ ‘‘อาจริยสฺส อนฺตรํ กตฺวา นํ ภินฺทิสฺสามา’’ติ ตโย ราสี หุตฺวา ปมํ เอกจฺเจ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. กึ ตาตาติ? อิมสฺมึ เคเห เอกา กถา สุยฺยตีติ. กึ ตาตาติ? อหึสกมาณโว ตุมฺหากํ อนฺตเร ทุพฺภตีติ มฺามาติ. อาจริโย สนฺตชฺเชตฺวา – ‘‘คจฺฉถ วสลา, มา เม ปุตฺตํ มยฺหํ อนฺตเร ปริภินฺทถา’’ติ นิฏฺุภิ. ตโต อิตเร, อถ อิตเรหิ ตโยปิ โกฏฺาสา อาคนฺตฺวา ตเถว วตฺวา – ‘‘อมฺหากํ อสทฺทหนฺตา อุปปริกฺขิตฺวา ชานาถา’’ติ อาหํสุ.
อาจริโย ¶ สิเนเหน วทนฺเต ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ มฺเ สนฺถโว’’ติ ปริภิชฺชิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘ฆาเตมิ น’’นฺติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ฆาเตสฺสามิ ‘ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ อาคเต มาณวเก โทสํ อุปฺปาเทตฺวา ชีวิตา โวโรเปตี’ติ. ปุน โกจิ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ น อาคมิสฺสติ, เอวํ เม ลาโภ ปริหายิสฺสติ, อถ ¶ นํ สิปฺปสฺส ปริโยสานุปจาโรติ วตฺวา ชงฺฆสหสฺสํ ฆาเตหีติ วกฺขามิ. อวสฺสํ เอตฺถ เอโก อุฏฺาย ตํ ฆาเตสฺสตี’’ติ.
อถ นํ อาห – ‘‘เอหิ ตาต ชงฺฆสหสฺสํ ฆาเตหิ, เอวํ เต สิปฺปสฺส อุปจาโร กโต ภวิสฺสตี’’ติ. มยํ อหึสกกุเล ชาตา, น สกฺกา อาจริยาติ. อลทฺธุปจารํ สิปฺปํ ผลํ น เทติ ตาตาติ. โส ปฺจาวุธํ คเหตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา อฏวึ ปวิฏฺโ. อฏวึ ปวิสนฏฺาเนปิ อฏวิมชฺเฌปิ อฏวิโต นิกฺขมนฏฺาเนปิ ตฺวา มนุสฺเส ฆาเตติ. วตฺถํ วา เวนํ วา น คณฺหาติ. เอโก ทฺเวติ คณิตมตฺตเมว กโรนฺโต คจฺฉติ, คณนมฺปิ น อุคฺคณฺหาติ. ปกติยาปิ ปฺวา เอส, ปาณาติปาติโน ปน จิตฺตํ น ปติฏฺาติ, ตสฺมา อนุกฺกเมน คณนมฺปิ น สลฺลกฺเขสิ, เอเกกํ องฺคุลึ ฉินฺทิตฺวา เปติ. ปิตฏฺาเน องฺคุลิโย วินสฺสนฺติ, ตโต วิชฺฌิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ กตฺวา ธาเรสิ, เตเนว จสฺส องฺคุลิมาโลติ สงฺขา อุทปาทิ. โส สพฺพํ อรฺํ นิสฺสฺจารมกาสิ, ทารุอาทีนํ อตฺถาย อรฺํ คนฺตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ.
รตฺติภาเค ¶ อนฺโตคามมฺปิ อาคนฺตฺวา ปาเทน ปหริตฺวา ทฺวารํ อุคฺฆาเตติ. ตโต สยิเตเยว มาเรตฺวา เอโก เอโกติ คเหตฺวา คจฺฉติ. คาโม โอสริตฺวา นิคเม อฏฺาสิ, นิคโม นคเร. มนุสฺสา ติโยชนโต ปฏฺาย ฆรานิ ปหาย ทารเก หตฺเถสุ คเหตฺวา อาคมฺม สาวตฺถึ ปริวาเรตฺวา ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา – ‘‘โจโร, เต เทว, วิชิเต องฺคุลิมาโล นามา’’ติอาทีนิ ¶ วทนฺตา กนฺทนฺติ. ภคฺคโว ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – โภติ องฺคุลิมาโล นาม โจโร อุปฺปนฺโน, โส น อฺโ, ตว ปุตฺโต อหึสกกุมาโร. อิทานิ ราชา ตํ คณฺหิตุํ นิกฺขมิสฺสติ, กึ กตฺตพฺพนฺติ? คจฺฉ ¶ สามิ, ปุตฺตํ เม คเหตฺวา เอหีติ. นาหํ ภทฺเท อุสฺสหามิ, จตูสุ หิ ชเนสุ วิสฺสาโส นาม นตฺถิ, โจโร เม ปุราณสหาโยติ อวิสฺสาสนีโย, สาขา เม ปุราณสนฺถตาติ อวิสฺสาสนียา, ราชา มํ ปูเชตีติ อวิสฺสาสนีโย, อิตฺถี เม วสํ คตาติ อวิสฺสาสนียาติ. มาตุ หทยํ ปน มุทุกํ โหติ. ตสฺมา อหํ ปน คนฺตฺวา มยฺหํ ปุตฺตํ อาเนสฺสามีติ นิกฺขนฺตา.
ตํทิวสฺจ ภควา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต องฺคุลิมาลํ ทิสฺวา – ‘‘มยิ คเต เอตสฺส โสตฺถิ ภวิสฺสติ. อคามเก อรฺเ ิโต จตุปฺปทิกํ คาถํ สุตฺวา มม สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ฉ อภิฺา สจฺฉิกริสฺสติ. สเจ น คมิสฺสามิ, มาตริ อปรชฺฌิตฺวา อนุทฺธรณีโย ภวิสฺสติ, กริสฺสามิสฺส สงฺคห’’นฺติ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ตํ สงฺคณฺหิตุกาโม วิหารา นิกฺขมิ. เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๓๔๘. สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวาติ สงฺเกตํ กตฺวา วคฺควคฺคา หุตฺวา. หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตีติ หตฺเถ อตฺถํ วินาสํ คจฺฉนฺติ. กึ ปน เต ภควนฺตํ สฺชานิตฺวา เอวํ วทนฺติ อสฺชานิตฺวาติ? อสฺชานิตฺวา. อฺาตกเวเสน หิ ภควา ¶ เอกโกว อคมาสิ. โจโรปิ ตสฺมึ สมเย ทีฆรตฺตํ ทุพฺโภชเนน จ ทุกฺขเสยฺยาย จ อุกฺกณฺิโต โหติ. กิตฺตกา ปนาเนน มนุสฺสา มาริตาติ? เอเกนูนสหสฺสํ. โส ปน อิทานิ เอกํ ลภิตฺวา สหสฺสํ ปูเรสฺสตีติ สฺี หุตฺวา ยเมว ปมํ ปสฺสามิ, ตํ ฆาเตตฺวา คณนํ ปูเรตฺวา สิปฺปสฺส อุปจารํ กตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา นฺหายิตฺวา วตฺถานิ ปริวตฺเตตฺวา มาตาปิตโร ปสฺสิสฺสามีติ อฏวิมชฺฌโต อฏวิมุขํ ¶ อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโตว ภควนฺตํ อทฺทส. เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อทฺทสา โข’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสีติ มหาปถวึ อุมฺมิโย อุฏฺเปนฺโต วิย สํหริตฺวา อปรภาเค อกฺกมติ, โอรภาเค วลิโย นิกฺขมนฺติ, องฺคุลิมาโล สรกฺเขปมตฺตํ มฺุจิตฺวา คจฺฉติ. ภควา ปุรโต มหนฺตํ องฺคณํ ทสฺเสตฺวา สยํ มชฺเฌ โหติ, โจโร อนฺเต. โส ‘‘อิทานิ นํ ปาปุณิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ สพฺพถาเมน ธาวติ. ภควา องฺคณสฺส ปาริมนฺเต ¶ โหติ, โจโร มชฺเฌ. โส ‘‘เอตฺถ นํ ปาปุณิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ เวเคน ธาวติ. ภควา ตสฺส ปุรโต มาติกํ วา ถลํ วา ทสฺเสติ, เอเตนุปาเยน ตีณิ โยชนานิ คเหตฺวา อคมาสิ. โจโร กิลมิ, มุเข เขโฬ สุสฺสิ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจึสุ. อถสฺส ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ’’ติ เอตทโหสิ. มิคมฺปีติ มิคํ กสฺมา คณฺหาติ? ฉาตสมเย อาหารตฺถํ. โส กิร เอกํ คุมฺพํ ฆฏฺเฏตฺวา มิเค อุฏฺาเปติ. ตโต จิตฺตรุจิยํ มิคํ อนุพนฺธนฺโต คณฺหิตฺวา ปจิตฺวา ขาทติ. ปุจฺเฉยฺยนฺติ เยน การเณนายํ คจฺฉนฺโตว ิโต นาม ¶ , อหฺจ ิโตว อฏฺิโต นาม, ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ตํ การณํ ปุจฺเฉยฺยนฺติ อตฺโถ.
๓๔๙. นิธายาติ โย วิหึสนตฺถํ ภูเตสุ ทณฺโฑ ปวตฺตยิตพฺโพ สิยา, ตํ นิธาย อปเนตฺวา เมตฺตาย ขนฺติยา ปฏิสงฺขาย อวิหึสาย สารณียธมฺเมสุ จ ิโต อหนฺติ อตฺโถ. ตุวมฏฺิโตสีติ ปาเณสุ อสฺตตฺตา เอตฺตกานิ ปาณสหสฺสานิ ฆาเตนฺตสฺส ตว เมตฺตา วา ขนฺติ วา ปฏิสงฺขา วา อวิหึสา วา สารณียธมฺโม วา นตฺถิ, ตสฺมา ตุวํ อฏฺิโตสิ, อิทานิ อิริยาปเถน ิโตปิ นิรเย ธาวิสฺสสิ, ติรจฺฉานโยนิยํ เปตฺติวิสเย อสุรกาเย วา ธาวิสฺสสีติ วุตฺตํ โหติ.
ตโต โจโร – ‘‘มหา อยํ สีหนาโท, มหนฺตํ คชฺชิตํ, น อิทํ อฺสฺส ภวิสฺสติ, มหามายาย ปุตฺตสฺส สิทฺธตฺถสฺส สมณรฺโ เอตํ คชฺชิตํ, ทิฏฺโ วตมฺหิ มฺเ ติขิณจกฺขุนา สมฺมาสมฺพุทฺเธน, สงฺคหกรณตฺถํ เม ภควา อาคโต’’ติ จินฺเตตฺวา จิรสฺสํ วต เมติอาทิมาห. ตตฺถ มหิโตติ เทวมนุสฺสาทีหิ จตุปจฺจยปูชาย ปูชิโต. ปจฺจุปาทีติ จิรสฺสํ ¶ กาลสฺส อจฺจเยน มยฺหํ สงฺคหตฺถาย อิมํ มหาวนํ ปฏิปชฺชิ. ปหาย ปาปนฺติ ปชหิตฺวา ปาปํ.
อิตฺเววาติ เอวํ วตฺวาเยว. อาวุธนฺติ ¶ ปฺจาวุธํ. โสพฺเภติ สมนฺตโต ฉินฺเน. ปปาเตติ เอกโต ฉินฺเน. นรเกติ ผลิตฏฺาเน. อิธ ปน ตีหิปิ อิเมหิ ปเทหิ อรฺเมว วุตฺตํ. อกิรีติ ขิปิ ฉฑฺเฑสิ.
ตเมหิ ¶ ภิกฺขูติ ตทา อโวจาติ ภควโต อิมํ ปพฺพาเชนฺโต กุหึ สตฺถกํ ลภิสฺสามิ, กุหึ ปตฺตจีวรนฺติ ปริเยสนกิจฺจํ นตฺถิ, กมฺมํ ปน โอโลเกสิ. อถสฺส ปุพฺเพ สีลวนฺตานํ อฏฺปริกฺขารภณฺฑกสฺส ทินฺนภาวํ ตฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา – ‘‘เอหิ ภิกฺขุ สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. โส สห วจเนเนว อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ ปฏิลภิ. ตาวเทวสฺส คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, สมณลิงฺคํ ปาตุรโหสิ.
‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. –
เอวํ วุตฺตา อฏฺ ปริกฺขารา สรีรปฏิพทฺธาว หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เอเสว ตสฺส อหุ ภิกฺขุภาโวติ เอส เอหิภิกฺขุภาโว ตสฺส อุปสมฺปนฺนภิกฺขุภาโว อโหสิ, น หิ เอหิภิกฺขูนํ วิสุํ อุปสมฺปทา นาม อตฺถิ.
๓๕๐. ปจฺฉาสมเณนาติ ภณฺฑคฺคาหเกน ปจฺฉาสมเณน, เตเนว อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ตํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา คโตติ อตฺโถ. มาตาปิสฺส อฏฺอุสภมตฺเตน าเนน อนฺตริตา, – ‘‘ตาต, อหึสก กตฺถ ิโตสิ, กตฺถ นิสินฺโนสิ, กุหึ คโตสิ? มยา สทฺธึ น กเถสิ ตาตา’’ติ วทนฺตี อาหิณฺฑิตฺวา อปสฺสมานา เอตฺโตว คตา.
ปฺจมตฺเตหิ ¶ อสฺสสเตหีติ สเจ โจรสฺส ปราชโย ภวิสฺสติ, อนุพนฺธิตฺวา นํ คณฺหิสฺสามิ. สเจ มยฺหํ ปราชโย ภวิสฺสติ, เวเคน ปลายิสฺสามีติ สลฺลหุเกน พเลน นิกฺขมิ ¶ . เยน อาราโมติ กสฺมา อารามํ อคมาสิ? โส กิร โจรสฺส ภายติ, จิตฺเตน คนฺตุกาโม น คจฺฉติ, ครหาภเยน นิกฺขมิ. เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ วนฺทิตฺวา นิสีทิสฺสามิ, โส ปุจฺฉิสฺสติ ‘กสฺมา พลํ คเหตฺวา นิกฺขนฺโตสี’ติ. อถาหํ อาโรเจสฺสามิ, ภควา หิ มํ น เกวลํ สมฺปรายิเกเนว อตฺเถน สงฺคณฺหาติ, ทิฏฺธมฺมิเกนปิ สงฺคณฺหาติเยว. โส สเจ มยฺหํ ชโย ภวิสฺสติ, อธิวาเสสฺสติ. สเจ ปราชโย ภวิสฺสติ ‘กึ เต, มหาราช, เอกํ โจรํ อารพฺภ คมเนนา’ติ วกฺขติ. ตโต ¶ มํ ชโน เอวํ สฺชานิสฺสติ – ‘ราชา โจรํ คเหตุํ นิกฺขนฺโต, สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปน นิวตฺติโต’ติ’’ ครหโมกฺขํ สมฺปสฺสมาโน อคมาสิ.
กุโต ปนสฺสาติ กสฺมา อาห? อปิ นาม ภควา ตสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา ตํ อาเนตฺวา ปพฺพาเชยฺยาติ ภควโต ปริคณฺหนตฺถํ อาห. รฺโติ น เกวลํ รฺโเยว ภยํ อโหสิ, อวเสโสปิ มหาชโน ภีโต ผลกาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนว ปลายิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย อฏฺฏาลเก อารุยฺห โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. เอวฺจ อโวจ – ‘‘องฺคุลิมาโล ‘ราชา มยฺหํ สนฺติกํ อาคจฺฉตี’ติ ตฺวา ปมตรํ อาคนฺตฺวา เชตวเน นิสินฺโน, ราชา เตน คหิโต, มยํ ปน ปลายิตฺวา มุตฺตา’’ติ. นตฺถิ เต อิโต ภยนฺติ อยฺหิ อิทานิ กุนฺถกิปิลฺลิกํ ชีวิตา น โวโรเปติ, นตฺถิ เต อิมสฺส สนฺติกา ภยนฺติ อตฺโถ.
กถํ โคตฺโตติ? กสฺมา ปุจฺฉติ? ปพฺพชิตํ ทารุณกมฺเมน ¶ อุปฺปนฺนนามํ คเหตฺวา โวหริตุํ น ยุตฺตํ, มาตาปิตูนํ โคตฺตวเสน นํ สมุทาจริสฺสามีติ มฺมาโน ปุจฺฉิ. ปริกฺขารานนฺติ เอเตสํ อตฺถาย อหํ อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามีติ อตฺโถ. กเถนฺโตเยว จ อุทเร พทฺธสาฏกํ มฺุจิตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล เปสิ.
๓๕๑. อารฺิโกติอาทีนิ จตฺตาริ ธุตงฺคานิ ปาฬิยํ อาคตานิ. เถเรน ปน เตรสปิ สมาทินฺนาเนว อเหสุํ, ตสฺมา อลนฺติ อาห. ยฺหิ มยํ, ภนฺเตติ กึ สนฺธาย วทติ? ‘‘หตฺถิมฺปิ ธาวนฺตํ อนุพนฺธิตฺวา คณฺหามี’’ติ อาคตฏฺาเน รฺา เปสิตหตฺถาทโย โส เอวํ อคฺคเหสิ. ราชาปิ – ‘‘หตฺถีหิเยว นํ ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหถ, อสฺเสเหว, รเถเหวา’’ติ เอวํ ¶ อเนกวารํ พหู หตฺถาทโย เปเสสิ. เอวํ คเตสุ ปน เตสุ – ‘‘อหํ อเร องฺคุลิมาโล’’ติ ตสฺมึ อุฏฺาย สทฺทํ กโรนฺเต เอโกปิ อาวุธํ ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ, สพฺเพว โกฏฺเฏตฺวา มาเรสิ. หตฺถี อรฺหตฺถี, อสฺสา อรฺอสฺสา, รถาปิ ตตฺเถว ภิชฺชนฺตีติ อิทํ สนฺธาย ราชา เอวํ วทติ.
ปิณฺฑาย ปาวิสีติ น อิทํ ปมํ ปาวิสิ. อิตฺถิทสฺสนทิวสํ สนฺธาย ปเนตํ วุตฺตํ. เทวสิกมฺปิ ปเนส ปวิสเตว, มนุสฺสา จ นํ ทิสฺวา อุตฺตสนฺติปิ ปลายนฺติปิ ทฺวารมฺปิ ถเกนฺติ, เอกจฺเจ องฺคุลิมาโลติ สุตฺวาว ปลายิตฺวา อรฺํ วา ปวิสนฺติ, ฆรํ วา ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ถเกนฺติ. ปลายิตุํ ¶ อสกฺโกนฺตา ปิฏฺึ ทตฺวา ติฏฺนฺติ ¶ . เถโร อุฬุงฺคยาคุมฺปิ กฏจฺฉุภิกฺขมฺปิ น ลภติ, ปิณฺฑปาเตน กิลมติ. พหิ อลภนฺโต นครํ สพฺพสาธารณนฺติ นครํ ปวิสติ. เยน ทฺวาเรน ปวิสติ, ตตฺถ องฺคุลิมาโล อาคโตติ กูฏสหสฺสานํ ภิชฺชนการณํ โหติ. เอตทโหสีติ การฺุปฺปตฺติยา อโหสิ. เอเกน อูนมนุสฺสสหสฺสํ ฆาเตนฺตสฺส เอกทิวสมฺปิ การฺุํ นาโหสิ, คพฺภมูฬฺหาย อิตฺถิยา ทสฺสนมตฺเตเนว กถํ อุปฺปนฺนนฺติ? ปพฺพชฺชาพเลน, ปพฺพชฺชาพลฺหิ เอตํ.
เตน หีติ ยสฺมา เต การฺุํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมาติ อตฺโถ. อริยาย ชาติยาติ, องฺคุลิมาล, เอตํ ตฺวํ มา คณฺหิ, เนสา ตว ชาติ. คิหิกาโล เอส, คิหี นาม ปาณมฺปิ หนนฺติ, อทินฺนาทานาทีนิปิ กโรนฺติ. อิทานิ ปน เต อริยา นาม ชาติ. ตสฺมา ตฺวํ ‘‘ยโต อหํ, ภคินิ, ชาโต’’ติ สเจ เอวํ วตฺตุํ กุกฺกุจฺจายสิ, เตน หิ ‘‘อริยาย ชาติยา’’ติ เอวํ วิเสเสตฺวา วทาหีติ อุยฺโยเชสิ.
ตํ อิตฺถึ เอตทโวจาติ อิตฺถีนํ คพฺภวุฏฺานฏฺานํ นาม น สกฺกา ปุริเสน อุปสงฺกมิตุํ. เถโร กึ กโรสีติ? องฺคุลิมาลตฺเถโร สจฺจกิริยํ กตฺวา โสตฺถิกรณตฺถาย อาคโตติ อาโรจาเปสิ. ตโต เต สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา เถรสฺส พหิสาณิยํ ปีกํ ปฺาเปสุํ. เถโร ตตฺถ นิสีทิตฺวา – ‘‘ยโต อหํ ภคินิ สพฺพฺุพุทฺธสฺส อริยาย ชาติยา ชาโต’’ติ สจฺจกิริยํ อกาสิ, สห สจฺจวจเนเนว ธมกรณโต มุตฺตอุทกํ วิย ทารโก นิกฺขมิ. มาตาปุตฺตานํ โสตฺถิ อโหสิ. อิมฺจ ปน ปริตฺตํ น กิฺจิ ปริสฺสยํ น มทฺทติ, มหาปริตฺตํ นาเมตนฺติ ¶ วุตฺตํ. เถเรน ¶ นิสีทิตฺวา สจฺจกิริยกตฏฺาเน ปีกํ อกํสุ. คพฺภมูฬฺหํ ติรจฺฉานคติตฺถิมฺปิ อาเนตฺวา ตตฺถ นิสชฺชาเปนฺติ, ตาวเทว สุเขน คพฺภวุฏฺานํ โหติ. ยา ทุพฺพลา โหติ น สกฺกา อาเนตุํ, ตสฺสา ปีกโธวนอุทกํ เนตฺวา สีเส สิฺจนฺติ, ตงฺขณํเยว คพฺภวุฏฺานํ โหติ, อฺมฺปิ โรคํ วูปสเมติ. ยาว กปฺปา ติฏฺนกปาฏิหาริยํ กิเรตํ.
กึ ปน ภควา เถรํ เวชฺชกมฺมํ การาเปสีติ? น การาเปสิ. เถรฺหิ ทิสฺวา มนุสฺสา ภีตา ปลายนฺติ. เถโร ภิกฺขาหาเรน กิลมติ, สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺส อนุคฺคเหน สจฺจกิริยํ กาเรสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อิทานิ กิร องฺคุลิมาลตฺเถโร เมตฺตจิตฺตํ ¶ ปฏิลภิตฺวา สจฺจกิริยาย มนุสฺสานํ โสตฺถิภาวํ กโรตีติ มนุสฺสา เถรํ อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตโต ภิกฺขาหาเรน อกิลมนฺโต สมณธมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ อนุคฺคเหน สจฺจกิริยํ กาเรสิ. น หิ สจฺจกิริยา เวชฺชกมฺมํ โหติ. เถรสฺสาปิ จ ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส จิตฺตํ กมฺมฏฺานาภิมุขํ น คจฺฉติ, อฏวิยํ ตฺวา มนุสฺสานํ ฆาติตฏฺานเมว ปากฏํ โหติ. ‘‘ทุคฺคโตมฺหิ, ขุทฺทกปุตฺโตมฺหิ, ชีวิตํ เม เทหิ สามีติ มรณภีตานํ วจนากาโร จ หตฺถปาทวิกาโร จ อาปาถํ อาคจฺฉติ, โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ตโตว อุฏฺาย คจฺฉติ, อถสฺส ภควา ตํ ชาตึ อพฺโพหาริกํ กตฺวาวายํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตีติ อริยาย ชาติยา สจฺจกิริยํ กาเรสิ. เอโก วูปกฏฺโติอาทิ วตฺถสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๘๐) วิตฺถาริตํ.
๓๕๒. อฺเนปิ เลฑฺฑุ ขิตฺโตติ กากสุนขสูกราทีนํ ปฏิกฺกมาปนตฺถาย สมนฺตา สรกฺเขปมตฺเต าเน เยน เกนจิ ¶ ทิสาภาเคน ขิตฺโต อาคนฺตฺวา เถรสฺเสว กาเย ปตติ. กิตฺตเก าเน เอวํ โหติ? คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปฏินิวตฺเตตฺวา ยาว คณฺิกปฏิมุกฺกฏฺานํ อาคจฺฉติ, ตาว โหติ. ภินฺเนน สีเสนาติ มหาจมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ยาว อฏฺิมริยาทา ภินฺเนน.
พฺราหฺมณาติ ขีณาสวภาวํ สนฺธาย อาห. ยสฺส โข ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปาเกนาติ อิทํ สภาคทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมํ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมฺหิ กริยมานเมว ตโย โกฏฺาเส ปูเรติ. สตฺตสุ ¶ จิตฺเตสุ กุสลา วา อกุสลา วา ปมชวนเจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมํ นาม โหติ. ตํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตํ อโหสิกมฺมํ, นาโหสิ กมฺมวิปาโก, น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก, นตฺถิ กมฺมวิปาโกติ อิมสฺส ติกสฺส วเสน อโหสิกมฺมํ นาม โหติ. อตฺถสาธิกา สตฺตมชวนเจตนา อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นาม. ตํ อนนฺตเร อตฺตภาเว วิปากํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตํ วุตฺตนเยเนว ตํ อโหสิกมฺมํ นาม โหติ. อุภินฺนมนฺตเร ปฺจชวนเจตนา อปราปริยเวทนียกมฺมํ นาม โหติ. ตํ อนาคเต ยทา โอกาสํ ลภติ, ตทา ¶ วิปากํ เทติ. สติ สํสารปฺปวตฺติยา อโหสิกมฺมํ นาม น โหติ. เถรสฺส ปน อุปปชฺชเวทนียฺจ อปราปริยเวทนียฺจาติ อิมานิ ทฺเว กมฺมานิ กมฺมกฺขยกเรน อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตานิ, ทิฏฺธมฺมเวทนียํ อตฺถิ ¶ . ตํ อรหตฺตปฺปตฺตสฺสาปิ วิปากํ เทติเยว. ตํ สนฺธาย ภควา ‘‘ยสฺส โข ตฺว’’นฺติอาทิมาห. ตสฺมา ยสฺส โขติ เอตฺถ ยาทิสสฺส โข ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปาเกนาติ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อพฺภา มุตฺโตติ เทสนาสีสมตฺตเมตํ, อพฺภา มหิกา ธูโม รโช ราหูติ อิเมหิ ปน อุปกฺกิเลเสหิ มุตฺโต จนฺทิมา อิธ อธิปฺเปโต. ยถา หิ เอวํ นิรุปกฺกิเลโส จนฺทิมา โลกํ ปภาเสติ, เอวํ ปมาทกิเลสวิมุตฺโต อปฺปมตฺโต ภิกฺขุ อิมํ อตฺตโน ขนฺธายตนธาตุโลกํ ปภาเสติ, วิหตกิเลสนฺธการํ กโรติ.
กุสเลน ปิธียตีติ มคฺคกุสเลน ปิธียติ อปฺปฏิสนฺธิกํ กรียติ. ยฺุชติ พุทฺธสาสเนติ พุทฺธสาสเน กาเยน วาจาย มนสา จ ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรติ. อิมา ติสฺโส เถรสฺส อุทานคาถา นาม.
ทิสา หิ เมติ อิทํ กิร เถโร อตฺตโน ปริตฺตาณาการํ กโรนฺโต อาห. ตตฺถ ทิสา หิ เมติ มม สปตฺตา. เย มํ เอวํ อุปวทนฺติ – ‘‘ยถา มยํ องฺคุลิมาเลน มาริตานํ าตกานํ วเสน ทุกฺขํ เวทิยาม, เอวํ องฺคุลิมาโลปิ เวทิยตู’’ติ, เต มยฺหํ ทิสา จตุสจฺจธมฺมกถํ สุณนฺตูติ อตฺโถ. ยฺุชนฺตูติ กายวาจามเนหิ ยุตฺตปฺปยุตฺตา วิหรนฺตุ. เย ธมฺมเมวาทปยนฺติ ¶ สนฺโตติ เย สนฺโต สปฺปุริสา ธมฺมํเยว อาทเปนฺติ สมาทเปนฺติ คณฺหาเปนฺติ, เต มนุชา มยฺหํ สปตฺตา ภชนฺตุ เสวนฺตุ ปยิรุปาสนฺตูติ อตฺโถ.
อวิโรธปฺปสํสีนนฺติ ¶ อวิโรโธ วุจฺจติ เมตฺตา, เมตฺตาปสํสกานนฺติ อตฺโถ. สุณนฺตุ ธมฺมํ กาเลนาติ ขเณ ขเณ ขนฺติเมตฺตาปฏิสงฺขาสารณียธมฺมํ สุณนฺตุ. ตฺจ อนุวิธียนฺตูติ ตฺจ ธมฺมํ อนุกโรนฺตุ ปูเรนฺตุ.
น หิ ชาตุ โส มมํ หึเสติ โย มยฺหํ ทิโส, โส มํ เอกํเสเนว น หึเสยฺย. อฺํ วา ปน กิฺจิ นนฺติ น เกวลํ มํ, อฺมฺปิ ปน ¶ กฺจิ ปุคฺคลํ มา หึสนฺตุ มา วิเหเนฺตุ. ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตินฺติ ปรมํ สนฺติภูตํ นิพฺพานํ ปาปุณิตฺวา. รกฺเขยฺย ตสถาวเรติ ตสา วุจฺจนฺติ สตณฺหา, ถาวรา นิตฺตณฺหา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย นิพฺพานํ ปาปุณาติ, โส สพฺพํ ตสถาวรํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ โหติ. ตสฺมา มยฺหมฺปิ ทิสา นิพฺพานํ ปาปุณนฺตุ, เอวํ มํ เอกํเสเนว น หึสิสฺสนฺตีติ. อิมา ติสฺโส คาถา อตฺตโน ปริตฺตํ กาตุํ อาห.
อิทานิ อตฺตโนว ปฏิปตฺตึ ทีเปนฺโต อุทกฺหิ นยนฺติ ¶ เนตฺติกาติ อาห. ตตฺถ เนตฺติกาติ เย มาติกํ โสเธตฺวา พนฺธิตพฺพฏฺาเน พนฺธิตฺวา อุทกํ นยนฺติ. อุสุการาติ อุสุการกา. นมยนฺตีติ เตลกฺชิเกน มกฺเขตฺวา กุกฺกุเฬ ตาเปตฺวา อุนฺนตุนฺนตฏฺาเน นเมนฺตา อุชุํ กโรนฺติ. เตชนนฺติ กณฺฑํ. ตฺหิ อิสฺสาโส เตชํ กโรติ, ปรฺจ ตชฺเชติ, ตสฺมา เตชนนฺติ วุจฺจติ. อตฺตานํ ทมยนฺตีติ ยถา เนตฺติกา อุชุมคฺเคน อุทกํ นยนฺติ, อุสุการา เตชนํ, ตจฺฉกา จ ทารุํ อุชุํ กโรนฺติ, เอวเมวํ ปณฺฑิตา อตฺตานํ ทเมนฺติ อุชุกํ กโรนฺติ นิพฺพิเสวนํ กโรนฺติ.
ตาทินาติ อิฏฺานิฏฺาทีสุ นิพฺพิกาเรน – ‘‘ปฺจหากาเรหิ ภควา ตาที, อิฏฺานิฏฺเ ตาที, วนฺตาวีติ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, ตนฺนิทฺเทสาติ ตาที’’ติ (มหานิ. ๓๘; ๑๙๒) เอวํ ตาทิลกฺขณปฺปตฺเตน สตฺถารา. ภวเนตฺตีติ ภวรชฺชุ, ตณฺหาเยตํ นามํ. ตาย หิ โคณา วิย คีวาย รชฺชุยา, สตฺตา หทเย พทฺธา ตํ ตํ ภวํ นียนฺติ, ตสฺมา ภวเนตฺตีติ วุจฺจติ. ผุฏฺโ ¶ กมฺมวิปาเกนาติ มคฺคเจตนาย ผุฏฺโ. ยสฺมา หิ มคฺคเจตนาย ¶ กมฺมํ ปจฺจติ วิปจฺจติ ฑยฺหติ, ปริกฺขยํ คจฺฉติ, ตสฺมา สา กมฺมวิปาโกติ วุตฺตา. ตาย หิ ผุฏฺตฺตา เอส อณโณ นิกฺกิเลโส ชาโต, น ทุกฺขเวทนาย อณโณ. ภฺุชามีติ เจตฺถ เถยฺยปริโภโค อิณปริโภโค ทายชฺชปริโภโค สามิปริโภโคติ จตฺตาโร ปริโภคา เวทิตพฺพา. ตตฺถ ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นาม. โส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย เถเนตฺวา ภฺุชติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘เถยฺยาย โว, ภิกฺขเว, รฏฺปิณฺโฑ ภุตฺโต’’ติ (ปารา. ๑๙๕). สีลวโต ปน อปจฺจเวกฺขณปริโภโค อิณปริโภโค นาม. สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม. ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค ¶ นาม. อิธ กิเลสอิณานํ อภาวํ สนฺธาย ‘‘อณโณ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนิโณ’’ติปิ ปาโ. สามิปริโภคํ สนฺธาย ‘‘ภฺุชามิ โภชน’’นฺติ วุตฺตํ.
กามรติสนฺถวนฺติ ทุวิเธสุปิ กาเมสุ ตณฺหารติสนฺถวํ มา อนุยฺุชถ มา กริตฺถ. นยิทํ ทุมฺมนฺติตํ มมาติ ยํ มยา สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสามีติ มนฺติตํ, ตํ มม มนฺติตํ น ทุมฺมนฺติตํ. สํวิภตฺเตสุ ธมฺเมสูติ อหํ สตฺถาติ เอวํ โลเก อุปฺปนฺเนหิ เย ธมฺมา สํวิภตฺตา, เตสุ ธมฺเมสุ ยํ เสฏฺํ นิพฺพานํ, ตเทว อหํ อุปคมํ อุปคโต สมฺปตฺโต, ตสฺมา มยฺหํ อิทํ อาคมนํ สฺวาคตํ นาม คตนฺติ. ติสฺโส วิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยปฺา. กตํ ¶ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ ยํ พุทฺธสฺส สาสเน กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ มยา กตํ. ตีหิ วิชฺชาหิ นวหิ จ โลกุตฺตรธมฺเมหิ เทสนํ มตฺถกํ ปาเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
องฺคุลิมาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปิยชาติกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๓. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ปิยชาติกสุตฺตํ. ตตฺถ เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺตีติ น สพฺเพน สพฺพํ ปฏิภนฺติ, ปกตินิยาเมน ปน น ปฏิภนฺติ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ น ปฏิภาตีติ น รุจฺจติ. อาฬาหนนฺติ สุสานํ. อฺถตฺตนฺติ วิวณฺณตาย อฺถาภาโว. อินฺทฺริยานิ นาม มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา, ปติฏฺิโตกาสํ ปน สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. ปิยชาติกาติ ปิยโต ชายนฺติ. ปิยปฺปภาวิกาติ ปิยโต ปภวนฺติ.
๓๕๕. สเจ ตํ, มหาราชาติ ตสฺส อตฺถํ อสลฺลกฺขยมานาปิ สตฺถริ สทฺธาย เอวํ วทติ. จร ปิเรติ อเปหิ อมฺหากํ ปเร, อนชฺฌตฺติกภูเตติ อตฺโถ. อถ วา จร ปิเรติ ปรโต คจฺฉ, มา อิธ ติฏฺาติปิ อตฺโถ.
๓๕๖. ทฺวิธา ¶ เฉตฺวาติ อสินา ทฺเว โกฏฺาเส กโรนฺโต ฉินฺทิตฺวา. อตฺตานํ ¶ อุปฺผาเลสีติ เตเนว อสินา อตฺตโน อุทรํ ผาเลสิ. ยทิ หิ ตสฺส สา อปฺปิยา ภเวยฺย, อิทานิ อฺํ มาตุคามํ คณฺหิสฺสามีติ อตฺตานํ น ฆาเตยฺย. ยสฺมา ปนสฺส สา ปิยา อโหสิ, ตสฺมา ปรโลเกปิ ตาย สทฺธึ สมงฺคิภาวํ ปตฺถยมาโน เอวมกาสิ.
๓๕๗. ปิยา เต วชิรีติ เอวํ กิรสฺสา อโหสิ – ‘‘สจาหํ, ‘ภูตปุพฺพํ, มหาราช, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยํ อฺตริสฺสา อิตฺถิยา’ติอาทิกถํ กเถยฺยํ, ‘โก เต เอวํ อกาสิ, อเปหิ นตฺถิ เอต’นฺติ มํ ปฏิเสเธยฺย, วตฺตมาเนเนว นํ สฺาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห. วิปริณามฺถาภาวาติ เอตฺถ มรณวเสน วิปริณาโม, เกนจิ สทฺธึ ปลายิตฺวา คมนวเสน อฺถาภาโว เวทิตพฺโพ.
วาสภายาติ วาสภา นาม รฺโ เอกา เทวี, ตํ สนฺธายาห.
ปิยา ¶ เต อหนฺติ กสฺมา สพฺพปจฺฉา อาห? เอวํ กิรสฺสา อโหสิ – ‘‘อยํ ราชา มยฺหํ กุปิโต, สจาหํ สพฺพปมํ ‘ปิยา เต อห’นฺติ ปุจฺเฉยฺยํ, ‘น เม ตฺวํ ปิยา, จร ปิเร’ติ วเทยฺย, เอวํ สนฺเต กถา ปติฏฺานํ น ลภิสฺสตี’’ติ กถาย ปติฏฺานตฺถํ สพฺพปจฺฉา ปุจฺฉิ. กาสิโกสเลสุ ฉฑฺฑิตภาเวน วิปริณาโม, ปฏิราชูนํ หตฺถคมนวเสน อฺถาภาโว เวทิตพฺโพ.
อาจเมหีติ ¶ อาจมโนทกํ เทหิ. อาจมิตฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา สตฺถารํ นมสฺสิตุกาโม เอวมาห. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ปิยชาติกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. พาหิติกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๘. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ พาหิติกสุตฺตํ. ตตฺถ เอกปุณฺฑรีกํ นาคนฺติ เอวํนามกํ หตฺถึ. ตสฺส กิร ผาสุกานํ อุปริ ตาลผลมตฺตํ ปณฺฑรฏฺานํ อตฺถิ ¶ , เตนสฺส เอกปุณฺฑรีโกติ นามํ อกํสุ. สิริวฑฺฒํ มหามตฺตนฺติ ปจฺเจกหตฺถึ อภิรุหิตฺวา กถาผาสุกตฺถํ สทฺธึ คจฺฉนฺตํ เอวํนามกํ มหามตฺตํ. อายสฺมาโนติ เอตฺถ โนติ ปุจฺฉาย นิปาโต. มหามตฺโต เถรสฺส สงฺฆาฏิปตฺตธารณาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอวํ, มหาราชา’’ติ อาห.
๓๕๙. โอปารมฺโภติ อุปารมฺภํ โทสํ อาโรปนารโห. กึ ปุจฺฉามีติ ราชา ปุจฺฉติ. สุนฺทริวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺนมิทํ สุตฺตํ, ตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ. ยฺหิ มยํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, ยํ มยํ วิฺูหีติ อิทํ ปทํ คเหตฺวา ปฺเหน ปริปูเรตุํ นาสกฺขิมฺหา, ตํ การณํ อายสฺมตา เอวํ วทนฺเตน ปริปูริตํ.
๓๖๐. อกุสโลติ อโกสลฺลสมฺภูโต. สาวชฺโชติ ¶ สโทโส. สพฺยาพชฺโฌติ สทุกฺโข. ทุกฺขวิปาโกติ อิธ นิสฺสนฺทวิปาโก กถิโต. ตสฺสาติ ตสฺส เอวํ อตฺตพฺยาพาธาทีนํ อตฺถาย ปวตฺตกายสมาจารสฺส.
สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโตติ เอตฺถ สพฺเพสํเยว อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ วณฺเณตีติ. อาม วณฺเณตีติ วุตฺเต ยถา ปุจฺฉา, ตถา อตฺโถ วุตฺโต ภเวยฺย. เอวํ พฺยากรณํ ปน น ภาริยํ. อปฺปหีนอกุสโลปิ หิ ปหานํ วณฺเณยฺย, ภควา ปน ปหีนากุสลตาย ยถาการี ตถาวาทีติ ทสฺเสตุํ เอวํ พฺยากาสิ. สุกฺกปกฺเขปิ เอเสว นโย.
๓๖๒. พาหิติกาติ พาหิติรฏฺเ อุฏฺิตวตฺถสฺเสตํ นามํ. โสฬสสมา อายาเมนาติ อายาเมน สมโสฬสหตฺถา. อฏฺสมา วิตฺถาเรนาติ วิตฺถาเรน สมอฏฺหตฺถา.
๓๖๓. ภควโต ¶ ปาทาสีติ ภควโต นิยฺยาเตสิ. ทตฺวา จ ปน คนฺธกุฏิยํ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ. ตโต ปฏฺาย คนฺธกุฏิ ภิยฺโยโสมตฺตาย ¶ โสภิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว. เนยฺยปุคฺคลสฺส ปน วเสน อยํ เทสนา นิฏฺิตาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
พาหิติกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ธมฺมเจติยสุตฺตวณฺณนา
๓๖๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ ธมฺมเจติยสุตฺตํ. ตตฺถ เมทาฬุปนฺติ นาเมตํ ตสฺส, ตสฺส หิ นิคมสฺส เมทวณฺณา ปาสาณา กิเรตฺถ อุสฺสนฺนา อเหสุํ, ตสฺมา เมทาฬุปนฺติ สงฺขํ คตํ. เสนาสนํ ปเนตฺถ อนิยตํ, ตสฺมา น ตํ วุตฺตํ. นครกนฺติ เอวํนามกํ สกฺยานํ นิคมํ. เกนจิเทว กรณีเยนาติ น อฺเน กรณีเยน, อยํ ปน พนฺธุลเสนาปตึ สทฺธึ ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ เอกทิวเสเนว คณฺหถาติ อาณาเปสิ, ตํทิวสฺจสฺส ภริยาย มลฺลิกาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ภควา นิมนฺติโต, พุทฺธปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ ฆรํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนมตฺเต ‘‘เสนาปติ กาลงฺกโต’’ติ สาสนํ อาหริตฺวา มลฺลิกาย อทํสุ. สา ปณฺณํ คเหตฺวา มุขสาสนํ ปุจฺฉิ. ‘‘รฺา อยฺเย เสนาปติ สทฺธึ ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ เอกปฺปหาเรเนว คหาปิโต’’ติ อาโรเจสุํ. มหาชนคตํ มา กริตฺถาติ โอวฏฺฏิกาย ปณฺณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิ. ตสฺมึ สมเย เอกา สปฺปิจาฏิ นีหริตา, สา อุมฺมาเร อาหจฺจ ภินฺนา, ตํ อปเนตฺวา อฺํ อาหราเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิ.
สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ – ‘‘สปฺปิจาฏิยา ภินฺนปจฺจยา น จินฺเตตพฺพ’’นฺติ อาห. ตสฺมึ สมเย มลฺลิกา ปณฺณํ นีหริตฺวา ¶ ภควโต ปุรโต เปตฺวา – ‘‘ภควา อิมํ ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ สทฺธึ เสนาปติโน มตสาสนํ, อหํ เอตมฺปิ น จินฺตยามิ, สปฺปิจาฏิปจฺจยา กึ จินฺเตยฺยามี’’ติ อาห. ภควา – ‘‘มลฺลิเก, มา จินฺตยิ, อนมตคฺเค สํสาเร นาม วตฺตมานานํ โหติ เอต’’นฺติ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กตฺวา อคมาสิ. มลฺลิกา ทฺวตฺตึสสุณิสาโย ปกฺโกสาเปตฺวา โอวาทํ อทาสิ. ราชา มลฺลิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เสนาปติโน อมฺหากํ อนฺตเร ¶ ภินฺนโทโส อตฺถิ นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. นตฺถิ สามีติ. โส ตสฺสา วจเนน ตสฺส นิทฺโทสภาวํ ตฺวา วิปฺปฏิสารี พลวโทมนสฺสํ อุปฺปาเทสิ. โส – ‘‘เอวรูปํ นาม อโทสการกํ มํ สมฺภาวยิตฺวา อาคตํ สหายกํ วินาเสสิ’’นฺติ ตโต ปฏฺาย ปาสาเท วา นาฏเกสุ วา รชฺชสุเขสุ วา จิตฺตสฺสาทํ อลภมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิจริตุํ อารทฺโธ. เอตเทว กิจฺจํ อโหสิ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ.
ทีฆํ ¶ การายนนฺติ ทีฆการายโน นาม พนฺธุลเสนาปติสฺส ภาคิเนยฺโย ‘‘เอตสฺส เม มาตุโล อโทสการโก นิกฺการเณน ฆาติโต’’ติ รฺา เสนาปติฏฺาเน ปิโต. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. มหจฺจา ราชานุภาเวนาติ มหตา ราชานุภาเวน ¶ , ธรณิตลํ ภินฺทนฺโต วิย สาครํ ปริวตฺเตนฺโต วิย วิจิตฺตเวสโสเภน มหตา พลกาเยนาติ อตฺโถ. ปาสาทิกานีติ ทสฺสเนเนว สห รฺชนกานิ. ปสาทนียานีติ ตสฺเสว เววจนํ. อถ วา ปาสาทิกานีติ ปสาทชนกานิ. อปฺปสทฺทานีติ นิสฺสทฺทานิ. อปฺปนิคฺโฆสานีติ อวิภาวิตตฺเถน นิคฺโฆเสน รหิตานิ. วิชนวาตานีติ วิคตชนวาตานิ. มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานีติ มนุสฺสานํ รหสฺสกมฺมานุจฺฉวิกานิ, รหสฺสมนฺตํ มนฺเตนฺตานํ อนุรูปานีติ อตฺโถ. ปฏิสลฺลานสารุปฺปานีติ นิลียนภาวสฺส เอกีภาวสฺส อนุจฺฉวิกานิ. ยตฺถ สุทํ มยนฺติ น เตน ตตฺถ ภควา ปยิรุปาสิตปุพฺโพ, ตาทิเสสุ ปน ปยิรุปาสิตปุพฺโพ, ตสฺมา ยาทิเสสุ สุทํ มยนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
อตฺถิ, มหาราชาติ ปณฺฑิโต เสนาปติ ‘‘ราชา ภควนฺตํ มมายตี’’ติ ชานาติ, โส สเจ มํ ราชา ‘‘กหํ ภควา’’ติ วเทยฺย, อทนฺธายนฺเตน อาจิกฺขิตุํ ยุตฺตนฺติ จรปุริเส ปโยเชตฺวา ภควโต นิวาสนฏฺานํ ตฺวาว วิหรติ. ตสฺมา เอวมาห. อารามํ ปาวิสีติ พหินิคเม ขนฺธาวารํ พนฺธาเปตฺวา การายเนน สทฺธึ ปาวิสิ.
๓๖๖. วิหาโรติ คนฺธกุฏึ สนฺธายาหํสุ. อาฬินฺทนฺติ ¶ ปมุขํ. อุกฺกาสิตฺวาติ อุกฺกาสิตสทฺทํ กตฺวา. อคฺคฬนฺติ กวาฏํ. อาโกเฏหีติ อคฺคนเขน อีสกํ กฺุจิกจฺฉิทฺทสมีเป โกเฏหีติ วุตฺตํ โหติ. ทฺวารํ กิร อติอุปริ อมนุสฺสา, อติเหฏฺา ทีฆชาติกา โกเฏนฺติ. ตถา อโกเฏตฺวา ¶ มชฺเฌ ฉิทฺทสมีเป โกเฏตพฺพํ, อิทํ ทฺวารโกฏฺฏกวตฺตนฺติ ทีเปนฺตา วทนฺติ. ตตฺเถวาติ ภิกฺขูหิ วุตฺตฏฺาเนเยว. ขคฺคฺจ อุณฺหีสฺจาติ เทสนามตฺตเมตํ,
วาลพีชนิมุณฺหีสํ, ขคฺคํ ฉตฺตฺจุปาหนํ;
โอรุยฺห ราชา ยานมฺหา, ปยิตฺวา ปฏิจฺฉทนฺติ. –
อาคตานิ ปน ปฺจปิ ราชกกุธภณฺฑานิ อทาสิ. กสฺมา ปน อทาสีติ. อติครุโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ¶ สนฺติกํ อุทฺธตเวเสน คนฺตุํ น ยุตฺตนฺติ จ, เอกโกว อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน รุจิวเสน สมฺโมทิสฺสามิ จาติ. ปฺจสุ หิ ราชกกุธภณฺเฑสุ นิวตฺติเตสุ ตฺวํ นิวตฺตาติ วตฺตพฺพํ น โหติ, สพฺเพ สยเมว นิวตฺตนฺติ. อิติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ อทาสิ. รหายตีติ รหสฺสํ กโรติ นิคูหติ. อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย ‘‘ปุพฺเพปิ อยํ ราชา สมเณน โคตเมน สทฺธึ จตุกฺกณฺณมนฺตํ มนฺเตตฺวา มยฺหํ มาตุลํ สทฺธึ ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ คณฺหาเปสิ, อิทานิปิ จตุกฺกณฺณมนฺตํ มนฺเตตุกาโม, กจฺจิ นุ โข มํ คณฺหาเปสฺสตี’’ติ. เอวํ โกปวเสนสฺส เอตทโหสิ.
วิวริ ¶ ภควา ทฺวารนฺติ น ภควา อุฏฺาย ทฺวารํ วิวริ, วิวรตูติ ปน หตฺถํ ปสาเรสิ. ตโต – ‘‘ภควา ตุมฺเหหิ อเนเกสุ กปฺปโกฏีสุ ทานํ ททมาเนหิ น สหตฺถา ทฺวารวิวรณกมฺมํ กต’’นฺติ สยเมว ทฺวารํ วิวฏํ. ตํ ปน ยสฺมา ภควโต มเนน วิวฏํ, ตสฺมา ‘‘วิวริ ภควา ทฺวาร’’นฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. วิหารํ ปวิสิตฺวาติ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา. ตสฺมึ ปน ปวิฏฺมตฺเตเยว การายโน ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ คเหตฺวา ขนฺธาวารํ คนฺตฺวา วิฏฏูภํ อามนฺเตสิ ‘‘ฉตฺตํ สมฺม อุสฺสาเปหี’’ติ. มยฺหํ ปิตา กึ คโตติ? ปิตรํ มา ปุจฺฉ, สเจ ตฺวํ น อุสฺสาเปสิ, ตํ คณฺหิตฺวา อหํ อุสฺสาเปมีติ. ‘‘อุสฺสาเปมิ สมฺมา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. การายโน รฺโ เอกํ อสฺสฺจ อสิฺจ เอกเมว จ ปริจาริกํ อิตฺถึ เปตฺวา – ‘‘สเจ ราชา ชีวิเตน อตฺถิโก, มา อาคจฺฉตู’’ติ วิฏฏูภสฺส ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ตํ คเหตฺวา สาวตฺถิเมว คโต.
๓๖๗. ธมฺมนฺวโยติ ¶ ปจฺจกฺขาณสงฺขาตสฺส ธมฺมสฺส อนุนโย อนุมานํ, อนุพุทฺธีติ อตฺโถ. อิทานิ เยนสฺส ธมฺมนฺวเยน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทิ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ อิธ ปนาหํ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ อาปาณโกฏิกนฺติ ปาโณติ ชีวิตํ, ตํ มริยาทํ อนฺโต กริตฺวา, มรณสมเยปิ จรนฺติเยว, ตํ น วีติกฺกมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อปาณโกฏิก’’นฺติปิ ปาโ, อาชีวิตปริยนฺตนฺติ อตฺโถ. ยถา ¶ เอกจฺเจ ชีวิตเหตุ อติกฺกมนฺตา ปาณโกฏิกํ กตฺวา จรนฺติ, น เอวนฺติ อตฺโถ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเตติ พุทฺธสุพุทฺธตาย ธมฺมสฺวากฺขาตตาย สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตาย จ เอตํ เอวํ โหติ, เอวฺหิ เม, ภนฺเต, อยํ ภควติ ธมฺมนฺวโย โหตีติ ทีเปติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ.
๓๖๙. น ¶ วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธนฺเตติ จกฺขุํ อพนฺธนฺเต วิย. อปาสาทิกฺหิ ทิสฺวา ปุน โอโลกนกิจฺจํ น โหติ, ตสฺมา โส จกฺขุํ น พนฺธติ นาม. ปาสาทิกํ ทิสฺวา ปุนปฺปุนํ โอโลกนกิจฺจํ โหติ, ตสฺมา โส จกฺขุํ พนฺธติ นาม. อิเม จ อปาสาทิกา, ตสฺมา เอวมาห. พนฺธุกโรโค โนติ กุลโรโค. อมฺหากํ กุเล ชาตา เอวรูปา โหนฺตีติ วทนฺติ. อุฬารนฺติ มเหสกฺขํ. ปุพฺเพนาปรนฺติ ปุพฺพโต อปรํ วิเสสํ. ตตฺถ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตนฺโต อุฬารํ ปุพฺเพ วิเสสํ สฺชานาติ นาม, สมาปตฺตึ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ คณฺหนฺโต อุฬารํ ปุพฺพโต อปรํ วิเสสํ สฺชานาติ นาม.
๓๗๐. ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุนฺติ ฆาเตตพฺพยุตฺตกํ ฆาเตตุํ. ชาเปตายํ วา ชาเปตุนฺติ ธเนน วา ชาเปตพฺพยุตฺตกํ ชาเปตุํ ชานิตุํ อธนํ กาตุํ. ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุนฺติ รฏฺโต วา ปพฺพาเชตพฺพยุตฺตกํ ปพฺพาเชตุํ.
๓๗๓. อิสิทตฺตปุราณาติ ¶ อิสิทตฺโต จ ปุราโณ จ. เตสุ เอโก พฺรหฺมจารี, เอโก สทารสนฺตุฏฺโ. มมภตฺตาติ มม สนฺตกํ ภตฺตํ ¶ เอเตสนฺติ มมภตฺตา. มมยานาติ มม สนฺตกํ ยานํ เอเตสนฺติ มมยานา. ชีวิกาย ทาตาติ ชีวิตวุตฺตึ ทาตา. วีมํสมาโนติ อุปปริกฺขมาโน. ตทา กิร ราชา นิทฺทํ อโนกฺกนฺโตว โอกฺกนฺโต วิย หุตฺวา นิปชฺชิ. อถ เต ถปตโย ‘‘กตรสฺมึ ทิสาภาเค ภควา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกสฺมึ นามา’’ติ สุตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘เยน สมฺมาสมฺพุทฺโธ, เตน สีเส กเต ราชา ปาทโต โหติ. เยน ราชา, เตน สีเส กเต สตฺถา ปาทโต โหติ, กึ กริสฺสามา’’ติ? ตโต เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘ราชา กุปฺปมาโน ยํ อมฺหากํ เทติ, ตํ อจฺฉินฺเทยฺย. น โข ปน มยํ สกฺโกม ชานมานา สตฺถารํ ปาทโต กาตุ’’นฺติ ราชานํ ปาทโต กตฺวา นิปชฺชึสุ. ตํ สนฺธาย อยํ ราชา เอวมาห.
๓๗๔. ปกฺกามีติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา การายนสฺส ิตฏฺานํ คโต, ตํ ตตฺถ อทิสฺวา ขนฺธาวารฏฺานํ คโต, ตตฺถาปิ อฺํ อทิสฺวา ตํ อิตฺถึ ปุจฺฉิ. สา สพฺพํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. ราชา – ‘‘น อิทานิ มยา เอกเกน ตตฺถ คนฺตพฺพํ, ราชคหํ คนฺตฺวา ภาคิเนยฺเยน สทฺธึ อาคนฺตฺวา มยฺหํ รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ราชคหํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กณาชกภตฺตฺเจว ¶ ภฺุชิ, พหลอุทกฺจ ปิวิ. ตสฺส สุขุมาลปกติกสฺส อาหาโร น สมฺมา ปริณามิ. โส ราชคหํ ปาปุณนฺโตปิ วิกาเล ทฺวาเรสุ ปิหิเตสุ ¶ ปาปุณิ. ‘‘อชฺช สาลายํ สยิตฺวา สฺเว มยฺหํ ภาคิเนยฺยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ พหินคเร สาลาย นิปชฺชิ. ตสฺส รตฺติภาเค อุฏฺานานิ ปวตฺตึสุ, กติปยวาเร พหิ นิกฺขมิ. ตโต ปฏฺาย ปทสา คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺสา อิตฺถิยา องฺเก นิปชฺชิตฺวา พลวปจฺจูเส กาลมกาสิ. สา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา – ‘‘ทฺวีสุ รชฺเชสุ รชฺชํ กาเรตฺวา อิทานิ ปรสฺส พหินคเร อนาถสาลาย อนาถกาลกิริยํ กตฺวา นิปนฺโน มยฺหํ สามิ โกสลราชา’’ติอาทีนิ วทมานา อุจฺจาสทฺเทน ปริเทวิตุํ อารภิ. มนุสฺสา สุตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา สฺชานิตฺวา อาคตการณํ ตฺวา มหาปริหาเรน สรีรกิจฺจํ กริตฺวา ‘‘วิฏฏูภํ คณฺหิสฺสามี’’ติ เภรึ จราเปตฺวา พลกายํ สนฺนิปาเตสิ. อมจฺจา ปาเทสุ ปติตฺวา – ‘‘สเจ, เทว, ตุมฺหากํ มาตุโล อโรโค อสฺส, ตุมฺหากํ คนฺตุํ ยุตฺตํ ภเวยฺย, อิทานิ ปน วิฏฏูโภปิ ตุมฺเห ¶ นิสฺสาย ฉตฺตํ อุสฺสาเปตุํ อรหติเยวา’’ติ สฺาเปตฺวา นิวาเรสุํ.
ธมฺมเจติยานีติ ธมฺมสฺส จิตฺตีการวจนานิ. ตีสุ หิ รตเนสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตีกาเร กเต สพฺพตฺถ กโตเยว โหติ, ตสฺมา ภควติ จิตฺตีกาเร กเต ธมฺโมปิ กโตว โหตีติ ภควา ‘‘ธมฺมเจติยานี’’ติ อาห. อาทิพฺรหฺมจริยกานีติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตานิ, ปุพฺพภาคปฏิปตฺติภูตานีติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ธมฺมเจติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา
๓๗๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ กณฺณกตฺถลสุตฺตํ. ตตฺถ อุรฺุายนฺติ อุรฺุาติ ตสฺส รฏฺสฺสปิ นครสฺสปิ เอตเทว นามํ, ภควา อุรฺุานครํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. กณฺณกตฺถเล มิคทาเยติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กณฺณกตฺถลํ นาม เอโก รมณีโย ภูมิภาโค อตฺถิ, โส มิคานํ อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ, ตสฺมึ กณฺณกตฺถเล มิคทาเย. เกนจิเทว กรณีเยนาติ น อฺเน, อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตกรณีเยเนว. โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินีติ อิมา ทฺเว ภคินิโย รฺโ ปชาปติโย. ภตฺตาภิหาเรติ ภตฺตํ อภิหรณฏฺาเน. รฺโ ภฺุชนฏฺานฺหิ สพฺพาปิ โอโรธา กฏจฺฉุอาทีนิ คเหตฺวา ราชานํ อุปฏฺาตุํ คจฺฉนฺติ, ตาปิ ตเถว อคมํสุ.
๓๗๖. กึ ปน, มหาราชาติ กสฺมา เอวมาห? รฺโ ครหปริโมจนตฺถํ. เอวฺหิ ปริสา จินฺเตยฺย – ‘‘อยํ ราชา อาคจฺฉมาโนว มาตุคามานํ สาสนํ อาโรเจติ, มยํ อตฺตโน ธมฺมตาย ภควนฺตํ ทฏฺุํ อาคโตติ มฺาม, อยํ ปน มาตุคามานํ สาสนํ คเหตฺวา อาคโต, มาตุคามทาโส มฺเ, เอส ปุพฺเพปิ อิมินาว การเณน อาคจฺฉตี’’ติ. ปุจฺฉิโต ปน โส อตฺตโน อาคมนการณํ กเถสฺสติ, เอวมสฺส อยํ ครหา น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ครหโมจนตฺถํ เอวมาห.
๓๗๘. อพฺภุทาหาสีติ ¶ กเถสิ. สกิเทว ¶ สพฺพํ อุสฺสติ สพฺพํ ทกฺขิตีติ โย เอกาวชฺชเนน เอกจิตฺเตน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ อุสฺสติ วา ทกฺขิติ วา, โส นตฺถีติ อตฺโถ. เอเกน หิ จิตฺเตน อตีตํ สพฺพํ ชานิสฺสามีติ อาวชฺชิตฺวาปิ อตีตํ สพฺพํ ชานิตุํ น สกฺกา, เอกเทสเมว ชานาติ. อนาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ปน เตน จิตฺเตน สพฺเพเนว สพฺพํ น ชานาตีติ. เอส นโย อิตเรสุ. เอวํ เอกจิตฺตวเสนายํ ปฺโห กถิโต. เหตุรูปนฺติ เหตุสภาวํ การณชาติกํ. สเหตุรูปนฺติ สการณชาติกํ. สมฺปรายิกาหํ, ภนฺเตติ สมฺปรายคุณํ อหํ, ภนฺเต, ปุจฺฉามิ.
๓๗๙. ปฺจิมานีติ ¶ อิมสฺมึ สุตฺเต ปฺจ ปธานิยงฺคานิ โลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานิ. กถินงฺคณวาสีจูฬสมุทฺทตฺเถโร ปน ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, กึ รุจฺจตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ โลกุตฺตราเนวาติ รุจฺจตี’’ติ อาห. ปธานเวมตฺตตนฺติ ปธานนานตฺตํ. อฺาทิสเมว หิ ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ, อฺาทิสํ โสตาปนฺนสฺส, อฺาทิสํ สกทาคามิโน, อฺาทิสํ อนาคามิโน, อฺาทิสํ อรหโต, อฺาทิสํ อสีติมหาสาวกานํ, อฺาทิสํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ, อฺาทิสํ ปจฺเจกพุทฺธานํ, อฺาทิสํ สพฺพฺุพุทฺธานํ. ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ โสตาปนฺนสฺส ปธานํ น ปาปุณาติ…เป… ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปธานํ สพฺพฺุพุทฺธสฺส ปธานํ น ปาปุณาติ. อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ปธานเวมตฺตตํ วทามี’’ติ อาห. ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุนฺติ ยํ อกูฏกรณํ, อนวจฺฉินฺทนํ ¶ , ธุรสฺส อจฺฉินฺทนนฺติ ทนฺเตสุ การณํ ทิสฺสติ, ตํ การณํ อุปคจฺเฉยฺยุนฺติ อตฺโถ. ทนฺตภูมินฺติ ทนฺเตหิ คนฺตพฺพภูมึ. อสฺสทฺโธติอาทีสุ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน จตฺตาโรปิ อสฺสทฺธา นาม. ปุถุชฺชโน หิ โสตาปนฺนสฺส สทฺธํ อปฺปตฺโตติ อสฺสทฺโธ, โสตาปนฺโน สกทาคามิสฺส, สกทาคามี อนาคามิสฺส, อนาคามี อรหโต สทฺธํ อปฺปตฺโตติ อสฺสทฺโธ, อาพาโธ อรหโตปิ อุปฺปชฺชตีติ ปฺจปิ พหฺวาพาธา นาม โหนฺติ. อริยสาวกสฺส ปน สโ มายาวีติ นามํ นตฺถิ. เตเนว เถโร – ‘‘ปฺจ ปธานิยงฺคานิ โลกุตฺตรานิ กถิตานีติ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ อาห. อสฺสขฬุงฺกสุตฺตนฺเต ปน – ‘‘ตโย จ, ภิกฺขเว, อสฺสขฬุงฺเก ตโย จ ปุริสขฬุงฺเก เทเสสฺสามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๔๑) เอตฺถ อริยสาวกสฺสาปิ สมฺโพธินามํ อาคตํ ¶ , ตสฺส วเสน โลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาติ วุตฺตํ. ปุถุชฺชโน ปน โสตาปตฺติมคฺควีริยํ อสมฺปตฺโต…เป… อนาคามี อรหตฺตมคฺควีริยํ อสมฺปตฺโตติ กุสีโตปิ อสฺสทฺโธ วิย จตฺตาโรว โหนฺติ, ตถา ทุปฺปฺโ.
เอวํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ – อทนฺตหตฺถิอาทโย วิย หิ มคฺคปธานรหิโต ปุคฺคโล. ทนฺตหตฺถิอาทโย วิย มคฺคปธานวา. ยถา อทนฺตา หตฺถิอาทโย กูฏาการํ อกตฺวา อวิจฺฉินฺทิตฺวา ธุรํ อปาเตตฺวา ทนฺตคมนํ วา คนฺตุํ ทนฺตภูมึ วา ปตฺตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวเมวํ มคฺคปธานรหิโต มคฺคปธานวตา ปตฺตพฺพํ ปาปุณิตุํ นิพฺพตฺเตตพฺพํ คุณํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ. ยถา ปน ทนฺตหตฺถิอาทโย กูฏาการํ อกตฺวา อวิจฺฉินฺทิตฺวา ธุรํ อปาเตตฺวา ทนฺตคมนํ วา คนฺตุํ ทนฺตภูมึ วา ปตฺตุํ สกฺโกนฺติ ¶ , เอวเมวํ มคฺคปธานวา มคฺคปธานวตา ปตฺตพฺพํ ¶ ปาปุณิตุํ นิพฺพตฺเตตพฺพํ คุณํ นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺคปธานวา โสตาปตฺติมคฺคปธานวตา ปตฺโตกาสํ ปาปุณิตุํ นิพฺพตฺเตตพฺพํ คุณํ นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกติ…เป… อรหตฺตมคฺคปธานวา อรหตฺตมคฺคปธานวตา ปตฺโตกาสํ ปาปุณิตุํ นิพฺพตฺเตตพฺพํ คุณํ นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกตี’’ติ.
๓๘๐. สมฺมปฺปธานาติ มคฺคปธาเนน สมฺมปฺปธานา. น กิฺจิ นานากรณํ วทามิ ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตินฺติ ยํ เอกสฺส ผลวิมุตฺติยา อิตรสฺส ผลวิมุตฺตึ อารพฺภ นานากรณํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ น กิฺจิ วทามีติ อตฺโถ. อจฺจิยา วา อจฺจินฺติ อจฺจิยา วา อจฺจิมฺหิ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย, ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ อุปโยควจนํ. กึ ปน ตฺวํ, มหาราชาติ, มหาราช, กึ ตฺวํ? ‘‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา, สนฺติ เทวา ตาวตึสา…เป… สนฺติ เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, สนฺติ เทวา ตตุตฺตริ’’นฺติ เอวํ เทวานํ อตฺถิภาวํ น ชานาสิ, เยน เอวํ วเทสีติ. ตโต อตฺถิภาวํ ชานามิ, มนุสฺสโลกํ ปน อาคจฺฉนฺติ ¶ นาคจฺฉนฺตีติ อิทํ ปุจฺฉนฺโต ยทิ วา เต, ภนฺเตติอาทิมาห. สพฺยาพชฺฌาติ สทุกฺขา, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน อปฺปหีนเจตสิกทุกฺขา. อาคนฺตาโรติ อุปปตฺติวเสน อาคนฺตาโร. อพฺยาพชฺฌาติ สมุจฺฉินฺนทุกฺขา. อนาคนฺตาโรติ อุปปตฺติวเสน อนาคนฺตาโร.
๓๘๑. ปโหตีติ ¶ สกฺโกติ. ราชา หิ ปฺุวนฺตมฺปิ ลาภสกฺการสมฺปนฺนํ ยถา น โกจิ อุปสงฺกมติ, เอวํ กโรนฺโต ตมฺหา านา จาเวตุํ สกฺโกติ. ตํ อปฺุวนฺตมฺปิ สกลคามํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาปนมตฺตํ อลภนฺตํ ยถา ลาภสกฺการสมฺปนฺโน โหติ, เอวํ กโรนฺโต ตมฺหา านา จาเวตุํ สกฺโกติ. พฺรหฺมจริยวนฺตมฺปิ อิตฺถีหิ สทฺธึ สมฺปโยเชตฺวา สีลวินาสํ ปาเปนฺโต พลกฺกาเรน วา อุปฺปพฺพาเชนฺโต ตมฺหา านา จาเวตุํ สกฺโกติ. อพฺรหฺมจริยวนฺตมฺปิ สมฺปนฺนกามคุณํ อมจฺจํ พนฺธนาคารํ ปเวเสตฺวา อิตฺถีนํ มุขมฺปิ ปสฺสิตุํ อเทนฺโต ตมฺหา านา จาเวติ นาม. รฏฺโต ปน ยํ อิจฺฉติ, ตํ ปพฺพาเชติ นาม.
ทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺตีติ กามาวจเร ตาว อพฺยาพชฺเฌ เทเว สพฺยาพชฺฌา เทวา จกฺขุวิฺาณทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺติ. กสฺมา? อรหโต ตตฺถ านาภาวโต. รูปาวจเร ปน เอกวิมานสฺมึเยว ติฏฺนฺติ จ นิสีทนฺติ จาติ จกฺขุวิฺาณทสฺสนาย ปโหนฺติ, เอเตหิ ทิฏฺํ ¶ ปน สลฺลกฺขิตํ ปฏิวิทฺธํ ลกฺขณํ ทฏฺุํ สลฺลกฺขิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ¶ น สกฺโกนฺตีติ าณจกฺขุนา ทสฺสนาย นปฺปโหนฺติ, อุปริเทเว จ จกฺขุวิฺาณทสฺสเนนาปีติ.
๓๘๒. โก นาโม อยํ, ภนฺเตติ ราชา เถรํ ชานนฺโตปิ อชานนฺโต วิย ปุจฺฉติ. กสฺมา? ปสํสิตุกามตาย. อานนฺทรูโปติ อานนฺทสภาโว. พฺรหฺมปุจฺฉาปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อถ โข อฺตโร ปุริโสติ สา กิร กถา วิฏฏูเภเนว กถิตา, เต ‘‘ตยา กถิตา, ตยา กถิตา’’ติ กุปิตา อฺมฺํ อิมสฺมึเยว าเน อตฺตโน อตฺตโน พลกายํ อุฏฺาเปตฺวา กลหมฺปิ กเรยฺยุนฺติ นิวารณตฺถํ โส ราชปุริโส เอตทโวจ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว. อยํ ปน เทสนา เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน นิฏฺิตาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.