📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

มชฺฌิมนิกาเย

มชฺฌิมปณฺณาสปาฬิ

๑. คหปติวคฺโค

๑. กนฺทรกสุตฺตํ

. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข เปสฺโส [เปโย (ก.)] จ หตฺถาโรหปุตฺโต กนฺทรโก จ ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. กนฺทรโก ปน ปริพฺพาชโก ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ [สาราณียํ (สี. สฺยา. กํ ปี.)] วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กนฺทรโก ปริพฺพาชโก ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ , โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม, ยาวฺจิทํ โภตา โคตเมน สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต! เยปิ เต, โภ โคตม, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสุํ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ โภตา โคตเมน สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต. เยปิ เต, โภ โคตม, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสฺสนฺติ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ โภตา โคตเมน สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต’’ติ.

. ‘‘เอวเมตํ , กนฺทรก, เอวเมตํ, กนฺทรก. เยปิ เต, กนฺทรก, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสุํ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ มยา สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต. เยปิ เต, กนฺทรก, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสฺสนฺติ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ มยา สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต.

‘‘สนฺติ หิ, กนฺทรก, ภิกฺขู อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา. สนฺติ หิ, กนฺทรก, ภิกฺขู อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เสกฺขา สนฺตตสีลา สนฺตตวุตฺติโน นิปกา นิปกวุตฺติโน; เต จตูสุ [นิปกวุตฺติโน จตูสุ (สี.)] สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา [สุปฏฺิตจิตฺตา (สี. ปี. ก.)] วิหรนฺติ. กตเมสุ จตูสุ? อิธ, กนฺทรก, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ.

. เอวํ วุตฺเต, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุปฺตฺตา จิเม, ภนฺเต, ภควตา จตฺตาโร สติปฏฺานา สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ [โสกปริทฺทวานํ (สี. ปี.)] สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย. มยมฺปิ หิ, ภนฺเต, คิหี โอทาตวสนา กาเลน กาลํ อิเมสุ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา วิหราม. อิธ มยํ, ภนฺเต, กาเย กายานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, ภควา เอวํ มนุสฺสคหเน เอวํ มนุสฺสกสเฏ เอวํ มนุสฺสสาเยฺเย วตฺตมาเน สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานาติ. คหนฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา; อุตฺตานกฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ปสโว. อหฺหิ, ภนฺเต, ปโหมิ หตฺถิทมฺมํ สาเรตุํ. ยาวตเกน อนฺตเรน จมฺปํ คตาคตํ กริสฺสติ สพฺพานิ ตานิ สาเยฺยานิ กูเฏยฺยานิ วงฺเกยฺยานิ ชิมฺเหยฺยานิ ปาตุกริสฺสติ. อมฺหากํ ปน, ภนฺเต, ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา อฺถาว กาเยน สมุทาจรนฺติ อฺถาว วาจาย อฺถาว เนสํ จิตฺตํ โหติ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, ภควา เอวํ มนุสฺสคหเน เอวํ มนุสฺสกสเฏ เอวํ มนุสฺสสาเยฺเย วตฺตมาเน สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานาติ. คหนฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา; อุตฺตานกฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ปสโว’’ติ.

. ‘‘เอวเมตํ, เปสฺส, เอวเมตํ, เปสฺส. คหนฺเหตํ , เปสฺส, ยทิทํ มนุสฺสา; อุตฺตานกฺเหตํ, เปสฺส, ยทิทํ ปสโว. จตฺตาโรเม, เปสฺส, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; อิธ ปน, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; อิธ ปน, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ; อิธ ปน, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป โหติ นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต [สีติภูโต (สี. ปี. ก.)] สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิเมสํ, เปสฺส, จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ?

‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, อยํ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต , อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โย จ โข อยํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ – อยเมว [อยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เม ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ.

. ‘‘กสฺมา ปน เต, เปสฺส, อิเม ตโย ปุคฺคลา จิตฺตํ นาราเธนฺตี’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อตฺตานํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ – อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส ปรํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ – อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ [สุขกาเม ทุกฺขปฏิกฺกูเล (สี. ปี.)] อาตาเปติ ปริตาเปติ – อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โย จ โข อยํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา [วิหรติ. อิมินา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหรติ; โส อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ เนว อาตาเปติ น ปริตาเปติ – อิมินา [วิหรติ. อิมินา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธติ. หนฺท, จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, เปสฺส, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

. อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺเต เปสฺเส หตฺถาโรหปุตฺเต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต; มหาปฺโ, ภิกฺขเว, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต. สเจ, ภิกฺขเว, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต มุหุตฺตํ นิสีเทยฺย ยาวสฺสาหํ อิเม จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรน วิภชิสฺสามิ [วิภชามิ (สี. ปี.)], มหตา อตฺเถน สํยุตฺโต อภวิสฺส. อปิ จ, ภิกฺขเว, เอตฺตาวตาปิ เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต มหตา อตฺเถน สํยุตฺโต’’ติ. ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล, ยํ ภควา อิเม จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรน วิภเชยฺย. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน [หตฺถาวเลขโน (สฺยา. กํ.)] นเอหิภทฺทนฺติโก นติฏฺภทฺทนฺติโก [นเอหิภทนฺติโก, นติฏฺภทนฺติโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยติ; โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ น กโฬปิมุขา [ขโฬปิมุโข (สี.)] ปฏิคฺคณฺหาติ น เอฬกมนฺตรํ น ทณฺฑมนฺตรํ น มุสลมนฺตรํ น ทฺวินฺนํ ภุฺชมานานํ น คพฺภินิยา น ปายมานาย น ปุริสนฺตรคตาย น สงฺกิตฺตีสุ น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี; น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวติ. โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก…เป… สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ – อิติ เอวรูปํ อฑฺฒมาสิกํ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. โส สากภกฺโข วา โหติ, สามากภกฺโข วา โหติ, นีวารภกฺโข วา โหติ, ททฺทุลภกฺโข วา โหติ, หฏภกฺโข วา โหติ, กณภกฺโข วา โหติ, อาจามภกฺโข วา โหติ, ปิฺากภกฺโข วา โหติ, ติณภกฺโข วา โหติ, โคมยภกฺโข วา โหติ; วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชี. โส สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฏานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรติ; เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ, เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต, อุพฺภฏฺโกปิ โหติ อาสนปฏิกฺขิตฺโต, อุกฺกุฏิโกปิ โหติ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต, กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปติ [ปสฺส ม. นิ. ๑.๑๕๕ มหาสีหนาทสุตฺเต]; สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.

. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โอรพฺภิโก โหติ สูกริโก สากุณิโก มาควิโก ลุทฺโท มจฺฉฆาตโก โจโร โจรฆาตโก โคฆาตโก พนฺธนาคาริโก เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.

. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ราชา วา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พฺราหฺมโณ วา มหาสาโล. โส ปุรตฺถิเมน นครสฺส นวํ สนฺถาคารํ [สนฺธาคารํ (ฏีกา)] การาเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ขราชินํ นิวาเสตฺวา สปฺปิเตเลน กายํ อพฺภฺชิตฺวา มควิสาเณน ปิฏฺึ กณฺฑุวมาโน นวํ สนฺถาคารํ ปวิสติ สทฺธึ มเหสิยา พฺราหฺมเณน จ ปุโรหิเตน. โส ตตฺถ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา หริตุปลิตฺตาย เสยฺยํ กปฺเปติ. เอกิสฺสาย คาวิยา สรูปวจฺฉาย ยํ เอกสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน ราชา ยาเปติ, ยํ ทุติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน มเหสี ยาเปติ, ยํ ตติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต ยาเปติ , ยํ จตุตฺถสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน อคฺคึ ชุหติ, อวเสเสน วจฺฉโก ยาเปติ. โส เอวมาห – ‘เอตฺตกา อุสภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตรา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตริโย หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อชา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อุรพฺภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, (เอตฺตกา อสฺสา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ], เอตฺตกา รุกฺขา ฉิชฺชนฺตุ ยูปตฺถาย, เอตฺตกา ทพฺภา ลูยนฺตุ พริหิสตฺถายา’ติ [ปริหึ สตฺถาย (ก.)]. เยปิสฺส เต โหนฺติ ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.

๑๐. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ? อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ . โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย , มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา, กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ.

๑๑. ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ, ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ. อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส. ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย – อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ. ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ. สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ. โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ, เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา; นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ; มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ; อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ; ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; หตฺถิควสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ; กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต โหติ; ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต โหติ; อุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยคา [สาวิโยคา (สฺยา. กํ. ก.) สาจิ กุฏิลปริยาโย] ปฏิวิรโต โหติ; เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฏิวิรโต โหติ [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๓ จูฬหตฺถิปโทปเม].

‘‘โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ, สปตฺตภาโรว เฑติ; เอวเมว ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ . โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ.

๑๒. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ.

‘‘โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ.

๑๓. ‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต,) [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๖ จูฬหตฺถิปโทปเม] อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ, พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถีนมิทฺธํ ปหาย วิคตถีนมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถีนมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.

‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

๑๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.

๑๕. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.

๑๖. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ . ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต . โส อตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

กนฺทรกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.

๒. อฏฺกนาครสุตฺตํ

๑๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท เวสาลิยํ วิหรติ เพลุวคามเก [เวฬุวคามเก (สฺยา. กํ. ก.)]. เตน โข ปน สมเยน ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ปาฏลิปุตฺตํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร เยน กุกฺกุฏาราโม เยน อฺตโร ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท เอตรหิ วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ อายสฺมนฺตํ อานนฺท’’นฺติ. ‘‘เอโส, คหปติ, อายสฺมา อานนฺโท เวสาลิยํ วิหรติ เพลุวคามเก’’ติ. อถ โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ปาฏลิปุตฺเต ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เยน เวสาลี เยน เพลุวคามโก เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

๑๘. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ , อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ?

‘‘อตฺถิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ.

‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ?

๑๙. ‘‘อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ ปมํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ. โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ, เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

๒๐. ‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข ทุติยํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข ตติยํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา …เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข จตุตฺถํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ [จตุตฺถึ (สี. ปี.)]. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สี. สฺยา. ปี.), อพฺยาปชฺเชน (ก.) องฺคุตฺตรติกนิปาตฏีกา โอโลเกตพฺพา] ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อากาสานฺจายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.

‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ. โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ, เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ.

๒๑. เอวํ วุตฺเต, ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต อานนฺท, ปุริโส เอกํว นิธิมุขํ คเวสนฺโต สกิเทว เอกาทส นิธิมุขานิ อธิคจฺเฉยฺย; เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต, เอกํ อมตทฺวารํ คเวสนฺโต สกิเทว [สกึ เทว (ก.)] เอกาทส อมตทฺวารานิ อลตฺถํ ภาวนาย. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปุริสสฺส อคารํ เอกาทสทฺวารํ, โส ตสฺมึ อคาเร อาทิตฺเต เอกเมเกนปิ ทฺวาเรน สกฺกุเณยฺย อตฺตานํ โสตฺถึ กาตุํ; เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต, อิเมสํ เอกาทสนฺนํ อมตทฺวารานํ เอกเมเกนปิ อมตทฺวาเรน สกฺกุณิสฺสามิ อตฺตานํ โสตฺถึ กาตุํ. อิเมหิ นาม, ภนฺเต, อฺติตฺถิยา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ [กึ (สี. ปี.)] ปนาหํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปูชํ น กริสฺสามี’’ติ ! อถ โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ปาฏลิปุตฺตกฺจ เวสาลิกฺจ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ, เอกเมกฺจ ภิกฺขุํ ปจฺเจกํ ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสิ, อายสฺมนฺตฺจ อานนฺทํ ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ, อายสฺมโต จ อานนฺทสฺส ปฺจสตวิหารํ การาเปสีติ.

อฏฺกนาครสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.

๓. เสขสุตฺตํ

๒๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. เตน โข ปน สมเยน กาปิลวตฺถวานํ [กปิลวตฺถุวาสีนํ (ก.)] สกฺยานํ นวํ สนฺถาคารํ อจิรการิตํ โหติ อนชฺฌาวุฏฺํ [อนชฺฌาวุตฺถํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตน. อถ โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ นวํ สนฺถาคารํ อจิรการิตํ [อจิรการิตํ โหติ (สฺยา. กํ. ก.)] อนชฺฌาวุฏฺํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตน. ตํ, ภนฺเต, ภควา ปมํ ปริภุฺชตุ. ภควตา ปมํ ปริภุตฺตํ ปจฺฉา กาปิลวตฺถวา สกฺยา ปริภุฺชิสฺสนฺติ. ตทสฺส กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ . อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพสนฺถรึ สนฺถาคารํ [สพฺพสนฺถรึ สนฺถตํ (ก.)] สนฺถริตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา อุทกมณิกํ อุปฏฺเปตฺวา เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สพฺพสนฺถรึ สนฺถตํ, ภนฺเต, สนฺถาคารํ, อาสนานิ ปฺตฺตานิ, อุทกมณิโก อุปฏฺาปิโต, เตลปฺปทีโป อาโรปิโต. ยสฺสทานิ, ภนฺเต , ภควา กาลํ มฺตี’’ติ. อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา มชฺฌิมํ ถมฺภํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมํ ภิตฺตึ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ, ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวา. กาปิลวตฺถวาปิ โข สกฺยา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปุรตฺถิมํ ภิตฺตึ นิสฺสาย ปจฺฉิมาภิมุขา นิสีทึสุ, ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวา. อถ โข ภควา กาปิลวตฺถเว สกฺเย พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, อานนฺท, กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ เสโข ปาฏิปโท [ปฏิปโท (สฺยา. กํ. ก.)]. ปิฏฺิ เม อาคิลายติ; ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข ภควา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ, ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน, อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา.

๒๓. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท มหานามํ สกฺกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิธ , มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.

๒๔. ‘‘กถฺจ, มหานาม , อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ . เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.

‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย; ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย . อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก โภชเน มตฺตฺู โหติ.

‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ, ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน, อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ.

๒๕. ‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. หิริมา โหติ, หิรียติ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา. โอตฺตปฺปี โหติ, โอตฺตปฺปติ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, โอตฺตปฺปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา. พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย. เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยฺชนา เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา [พหู สุตา (?)] โหนฺติ ธาตา [ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. สติมา โหติ, ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา. ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต, อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ.

๒๖. ‘‘กถฺจ , มหานาม, อริยสาวโก จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.

๒๗. ‘‘ยโต โข, มหานาม, อริยสาวโก เอวํ สีลสมฺปนฺโน โหติ, เอวํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, เอวํ โภชเน มตฺตฺู โหติ, เอวํ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, เอวํ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, เอวํ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก เสโข ปาฏิปโท อปุจฺจณฺฑตาย สมาปนฺโน, ภพฺโพ อภินิพฺภิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย. เสยฺยถาปิ, มหานาม, กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วา ตานาสฺสุ กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานิ สมฺมา ปริเสทิตานิ สมฺมา ปริภาวิตานิ, กิฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วติเม กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺเชยฺยุ’นฺติ, อถ โข ภพฺพาว เต กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํ. เอวเมว โข, มหานาม, ยโต อริยสาวโก เอวํ สีลสมฺปนฺโน โหติ, เอวํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, เอวํ โภชเน มตฺตฺู โหติ, เอวํ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, เอวํ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, เอวํ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก เสโข ปาฏิปโท อปุจฺจณฺฑตาย สมาปนฺโน , ภพฺโพ อภินิพฺภิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย.

๒๘. ‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, อยมสฺส ปมาภินิพฺภิทา โหติ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.

‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก อิมํเย อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ, อยมสฺส ทุติยาภินิพฺภิทา โหติ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.

‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยมสฺส ตติยาภินิพฺภิทา โหติ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.

๒๙. ‘‘ยมฺปิ [ยมฺปิ โข (ก.)], มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก โภชเน มตฺตฺู โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ.

‘‘ยฺจ โข, มหานาม, อริยสาวโก อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย. ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย.

‘‘อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิชฺชาสมฺปนฺโน อิติปิ จรณสมฺปนฺโน อิติปิ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน อิติปิ.

๓๐. ‘‘พฺรหฺมุนาเปสา, มหานาม, สนงฺกุมาเรน คาถา ภาสิตา –

‘ขตฺติโย เสฏฺโ ชเนตสฺมึ, เย โคตฺตปฏิสาริโน;

วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โส เสฏฺโ เทวมานุเส’ติ.

‘‘สา โข ปเนสา, มหานาม, พฺรหฺมุนา สนงฺกุมาเรน คาถา สุคีตา โน ทุคฺคีตา, สุภาสิตา โน ทุพฺภาสิตา, อตฺถสํหิตา โน อนตฺถสํหิตา, อนุมตา ภควตา’’ติ.

อถ โข ภควา อุฏฺหิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘สาธุ สาธุ, อานนฺท, สาธุ โข ตฺวํ, อานนฺท, กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ เสขํ ปาฏิปทํ อภาสี’’ติ.

อิทมโวจายสฺมา อานนฺโท. สมนุฺโ สตฺถา อโหสิ. อตฺตมนา กาปิลวตฺถวา สกฺยา อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

เสขสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.

๔. โปตลิยสุตฺตํ

๓๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ วิหรติ อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อาปณํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อาปเณ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยนฺตโร วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา [อชฺโฌคเหตฺวา (สี. สฺยา. กํ.), อชฺโฌคาหิตฺวา (ปี. ก.)] อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. โปตลิโยปิ โข คหปติ สมฺปนฺนนิวาสนปาวุรโณ [ปาปุรโณ (สี. สฺยา. กํ.)] ฉตฺตุปาหนาหิ [ฉตฺตุปาหโน (ก.)] ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข โปตลิยํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, โปตลิโย คหปติ ‘‘คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข ภควา…เป… ตติยมฺปิ โข ภควา โปตลิยํ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติ. ‘‘เอวํ วุตฺเต, โปตลิโย คหปติ คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตยิทํ, โภ โคตม, นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยํ มํ ตฺวํ คหปติวาเทน สมุทาจรสี’’ติ. ‘‘เต หิ เต, คหปติ, อาการา, เต ลิงฺคา , เต นิมิตฺตา ยถา ตํ คหปติสฺสา’’ติ. ‘‘ตถา หิ ปน เม, โภ โคตม, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน เต, คหปติ, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม, ยํ อโหสิ ธนํ วา ธฺํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา สพฺพํ ตํ ปุตฺตานํ ทายชฺชํ นิยฺยาตํ, ตตฺถาหํ อโนวาที อนุปวาที ฆาสจฺฉาทนปรโม วิหรามิ. เอวํ โข เม [เอวฺจ เม (สฺยา.), เอวํ เม (ก.)], โภ โคตม, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ. ‘‘อฺถา โข ตฺวํ, คหปติ, โวหารสมุจฺเฉทํ วทสิ, อฺถา จ ปน อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต , ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ.

๓๒. ภควา เอตทโวจ – ‘‘อฏฺ โข อิเม, คหปติ, ธมฺมา อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ. กตเม อฏฺ? อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ; ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพํ; สจฺจวาจํ [สจฺจํ วาจํ (สฺยา.)] นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ; อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา; อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ; อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ; อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ; อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ. อิเม โข, คหปติ, อฏฺ ธมฺมา สํขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ‘‘เย เม [เย เม ปน (สฺยา. ก.)], ภนฺเต, ภควตา อฏฺ ธมฺมา สํขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ, สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา อิเม อฏฺ ธมฺเม วิตฺถาเรน [วิตฺถาเรตฺวา (ก.)] วิภชตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

๓๓. ‘‘‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปาณาติปาตี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน ปาณาติปาตี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปาณาติปาตปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู [อนุวิจฺจ วิฺู (สี. สฺยา. ปี.)] ครเหยฺยุํ ปาณาติปาตปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ปาณาติปาตปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปาณาติปาโต. เย จ ปาณาติปาตปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๓๔. ‘‘‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อทินฺนาทายี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน อทินฺนาทายี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อทินฺนาทานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ อทินฺนาทานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา อทินฺนาทานปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อทินฺนาทานํ. เย จ อทินฺนาทานปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา อทินฺนาทานา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพ’นฺติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๓๕. ‘‘‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ มุสาวาที อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน มุสาวาที อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย มุสาวาทปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ มุสาวาทปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา มุสาวาทปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ มุสาวาโท . เย จ มุสาวาทปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุสาวาทา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๓๖. ‘‘‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปิสุณวาโจ อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน ปิสุณวาโจ อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปิสุณวาจาปจฺจยา , อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ ปิสุณวาจาปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ปิสุณวาจาปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปิสุณา วาจา. เย จ ปิสุณวาจาปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๓๗. ‘‘‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ คิทฺธิโลภี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน คิทฺธิโลภี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย คิทฺธิโลภปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ คิทฺธิโลภปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา คิทฺธิโลภปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ คิทฺธิโลโภ. เย จ คิทฺธิโลภปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, คิทฺธิโลภา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๓๘. ‘‘‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ นินฺทาโรสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน นินฺทาโรสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย นินฺทาโรสปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ นินฺทาโรสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา นินฺทาโรสปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ นินฺทาโรโส. เย จ นินฺทาโรสปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนินฺทาโรสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๓๙. ‘‘‘อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ โกธูปายาสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน โกธูปายาสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย โกธูปายาสปจฺจยา , อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ โกธูปายาสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา โกธูปายาสปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ โกธูปายาโส. เย จ โกธูปายาสปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อกฺโกธูปายาสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๔๐. ‘‘‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อติมานี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน อติมานี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อติมานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ อติมานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา อติมานปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อติมาโน. เย จ อติมานปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนติมานิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

๔๑. ‘‘อิเม โข, คหปติ, อฏฺ ธมฺมา สํขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน วิภตฺตา [อวิภตฺตา (สฺยา. ก.)], เย อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ; น ตฺเวว ตาว อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ.

‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

กามาทีนวกถา

๔๒. ‘‘เสยฺยถาปิ , คหปติ, กุกฺกุโร ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต โคฆาตกสูนํ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส. ตเมนํ ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา อฏฺิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ อุปสุมฺเภยฺย [อุปจฺฉุเภยฺย (สี. ปี.), อุปจฺฉูเภยฺย (สฺยา. กํ.), อุปจฺจุมฺเภยฺย (ก.)]. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อปิ นุ โข โส กุกฺกุโร อมุํ อฏฺิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ ปเลหนฺโต ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฏิวิเนยฺยา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?

‘‘อทุฺหิ, ภนฺเต, อฏฺิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ. ยาวเทว ปน โส กุกฺกุโร กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสาติ. เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา [พหูปายาสา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา, ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, คิชฺโฌ วา กงฺโก วา กุลโล วา มํสเปสึ อาทาย อุฑฺฑีเยยฺย [อุฑฺฑเยยฺย (สฺยา. ปี.)]. ตเมนํ คิชฺฌาปิ กงฺกาปิ กุลลาปิ อนุปติตฺวา อนุปติตฺวา วิตจฺเฉยฺยุํ วิสฺสชฺเชยฺยุํ [วิราเชยฺยุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, สเจ โส คิชฺโฌ วา กงฺโก วา กุลโล วา ตํ มํสเปสึ น ขิปฺปเมว ปฏินิสฺสชฺเชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทาย ปฏิวาตํ คจฺเฉยฺย. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, สเจ โส ปุริโส ตํ อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ น ขิปฺปเมว ปฏินิสฺสชฺเชยฺย ตสฺส สา อาทิตฺตา ติณุกฺกา หตฺถํ วา ทเหยฺย พาหุํ วา ทเหยฺย อฺตรํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ [ทเหยฺย. อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺค (สี. ปี.)] ทเหยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๕. ‘‘เสยฺยถาปิ , คหปติ, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา, ปูรา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกฺกูโล. ตเมนํ ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อปิ นุ โส ปุริโส อิติจิติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?

‘‘วิทิตฺหิ , ภนฺเต, ตสฺส ปุริสสฺส อิมฺจาหํ องฺคารกาสุํ ปปติสฺสามิ, ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉิสฺสามิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๖. ‘‘เสยฺยถาปิ , คหปติ, ปุริโส สุปินกํ ปสฺเสยฺย อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณิรามเณยฺยกํ. โส ปฏิพุทฺโธ น กิฺจิ ปฏิปสฺเสยฺย [ปสฺเสยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส ยาจิตกํ โภคํ ยาจิตฺวา ยานํ วา [ยานํ (สฺยา. กํ. ปี.)] โปริเสยฺยํ [โปโรเสยฺยํ (สี. ปี. ก.), โอโรเปยฺย (สฺยา. กํ.)] ปวรมณิกุณฺฑลํ. โส เตหิ ยาจิตเกหิ โภเคหิ ปุรกฺขโต ปริวุโต อนฺตราปณํ ปฏิปชฺเชยฺย. ตเมนํ ชโน ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘โภคี วต, โภ, ปุริโส, เอวํ กิร โภคิโน โภคานิ ภุฺชนฺตี’ติ. ตเมนํ สามิกา ยตฺถ ยตฺเถว ปสฺเสยฺยุํ ตตฺถ ตตฺเถว สานิ หเรยฺยุํ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อลํ นุ โข ตสฺส ปุริสสฺส อฺถตฺตายา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?

‘‘สามิโน หิ, ภนฺเต, สานิ หรนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร ติพฺโพ วนสณฺโฑ. ตตฺรสฺส รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล [อุปฺปนฺนผโล (สฺยา.)] จ, น จสฺสุ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโน. โส ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปสฺเสยฺย สมฺปนฺนผลฺจ อุปปนฺนผลฺจ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิ. ชานามิ โข ปนาหํ รุกฺขํ อาโรหิตุํ [อารุหิตุํ (สี.)]. ยํนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคฺจ ปูเรยฺย’นฺติ. โส ตํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถฺจ ขาเทยฺย อุจฺฉงฺคฺจ ปูเรยฺย. อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุารึ [กุธารึ (สฺยา. กํ. ก.)] อาทาย. โส ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปสฺเสยฺย สมฺปนฺนผลฺจ อุปปนฺนผลฺจ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิ. น โข ปนาหํ ชานามิ รุกฺขํ อาโรหิตุํ. ยํนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ มูลโต เฉตฺวา ยาวทตฺถฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคฺจ ปูเรยฺย’นฺติ. โส ตํ รุกฺขํ มูลโตว ฉินฺเทยฺย. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อมุโก [อสุ (สี. ปี.)] โย โส ปุริโส ปมํ รุกฺขํ อารูฬฺโห สเจ โส น ขิปฺปเมว โอโรเหยฺย ตสฺส โส รุกฺโข ปปตนฺโต หตฺถํ วา ภฺเชยฺย ปาทํ วา ภฺเชยฺย อฺตรํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ ภฺเชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.

๔๙. ‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.

‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.

‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอตฺตาวตา โข, คหปติ, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ.

๕๐. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, ยถา อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ, อปิ นุ ตฺวํ เอวรูปํ โวหารสมุจฺเฉทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โก จาหํ, ภนฺเต, โก จ อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท! อารกา อหํ, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉทา. มยฺหิ, ภนฺเต, ปุพฺเพ อฺติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ อมฺิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียาเน ปิมฺห; ภิกฺขู ปน มยํ, ภนฺเต, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ อมฺิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียาเน ปิมฺห; อิทานิ ปน มยํ, ภนฺเต, อฺติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ ชานิสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียาเน เปสฺสาม. ภิกฺขู ปน มยํ, ภนฺเต, อาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ ชานิสฺสาม อาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อาชานีเยว สมาเน อาชานียาเน เปสฺสาม. อชเนสิ วต เม, ภนฺเต, ภควา สมเณสุ สมณปฺเปมํ, สมเณสุ สมณปฺปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต ! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โข, ภนฺเต, ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

โปตลิยสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.

๕. ชีวกสุตฺตํ

๕๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน. อถ โข ชีวโก โกมารภจฺโจ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชีวโก โกมารภจฺโจ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ [อารมฺภนฺติ (ก.)], ตํ สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ [อุทฺทิสฺสกฏํ (สี. ปี.)] มํสํ ปริภุฺชติ ปฏิจฺจกมฺม’นฺติ. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ, ตํ สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภุฺชติ ปฏิจฺจกมฺม’นฺติ, กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’ติ?

๕๒. ‘‘เย เต, ชีวก, เอวมาหํสุ – ‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ, ตํ สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภุฺชติ ปฏิจฺจกมฺม’นฺติ น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ มํ เต อสตา อภูเตน. ตีหิ โข อหํ, ชีวก, าเนหิ มํสํ อปริโภคนฺติ วทามิ. ทิฏฺํ, สุตํ, ปริสงฺกิตํ – อิเมหิ โข อหํ, ชีวก , ตีหิ าเนหิ มํสํ อปริโภคนฺติ วทามิ. ตีหิ โข อหํ, ชีวก, าเนหิ มํสํ ปริโภคนฺติ วทามิ. อทิฏฺํ, อสุตํ, อปริสงฺกิตํ – อิเมหิ โข อหํ, ชีวก, ตีหิ าเนหิ มํสํ ปริโภคนฺติ วทามิ.

๕๓. ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโนว [อากงฺขมาโน (สฺยา. กํ.)], ชีวก, ภิกฺขุ อธิวาเสติ . โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิสติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มายํ [มํ + อยํ = มายํ] คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยาติ! อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยา’ติ – เอวมฺปิสฺส น โหติ. โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อคถิโต [อคธิโต (สฺยา. กํ. ก.)] อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน [อนชฺฌาปนฺโน (สฺยา. กํ. ก.)] อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. ตํ กึ มฺสิ, ชีวก , อปิ นุ โส ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธาย วา เจเตติ, ปรพฺยาพาธาย วา เจเตติ, อุภยพฺยาพาธาย วา เจเตตี’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘นนุ โส, ชีวก, ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อนวชฺชํเยว อาหารํ อาหาเรตี’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต. สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘พฺรหฺมา เมตฺตาวิหารี’ติ. ตํ เม อิทํ, ภนฺเต, ภควา สกฺขิทิฏฺโ; ภควา หิ, ภนฺเต, เมตฺตาวิหารี’’ติ. ‘‘เยน โข, ชีวก, ราเคน เยน โทเสน เยน โมเหน พฺยาปาทวา อสฺส โส ราโค โส โทโส โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต [อนภาวกโต (สี. ปี.), อนภาวํคโต (สฺยา. กํ.)] อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. สเจ โข เต, ชีวก, อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ อนุชานามิ เต เอต’’นฺติ. ‘‘เอตเทว โข ปน เม, ภนฺเต, สนฺธาย ภาสิตํ’’ [ภาสิตนฺติ (สฺยา.)].

๕๔. ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโนว, ชีวก, ภิกฺขุ อธิวาเสติ. โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิสติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยาติ! อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยา’ติ – เอวมฺปิสฺส น โหติ. โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อคถิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. ตํ กึ มฺสิ, ชีวก, อปิ นุ โส ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธาย วา เจเตติ, ปรพฺยาพาธาย วา เจเตติ, อุภยพฺยาพาธาย วา เจเตตี’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘นนุ โส, ชีวก, ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อนวชฺชํเยว อาหารํ อาหาเรตี’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต. สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘พฺรหฺมา อุเปกฺขาวิหารี’ติ. ตํ เม อิทํ, ภนฺเต, ภควา สกฺขิทิฏฺโ; ภควา หิ, ภนฺเต, อุเปกฺขาวิหารี’’ติ. ‘‘เยน โข, ชีวก, ราเคน เยน โทเสน เยน โมเหน วิเหสวา อสฺส อรติวา อสฺส ปฏิฆวา อสฺส โส ราโค โส โทโส โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. สเจ โข เต, ชีวก, อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ, อนุชานามิ เต เอต’’นฺติ. ‘‘เอตเทว โข ปน เม, ภนฺเต, สนฺธาย ภาสิตํ’’.

๕๕. ‘‘โย โข, ชีวก, ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส ปฺจหิ าเนหิ พหุํ อปุฺํ ปสวติ. ยมฺปิ โส, คหปติ, เอวมาห – ‘คจฺฉถ, อมุกํ นาม ปาณํ อาเนถา’ติ, อิมินา ปเมน าเนน พหุํ อปุฺํ ปสวติ. ยมฺปิ โส ปาโณ คลปฺปเวเกน [คลปฺปเวธเกน (พหูสุ)] อานียมาโน ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, อิมินา ทุติเยน าเนน พหุํ อปุฺํ ปสวติ. ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘คจฺฉถ อิมํ ปาณํ อารภถา’ติ, อิมินา ตติเยน าเนน พหุํ อปุฺํ ปสวติ. ยมฺปิ โส ปาโณ อารภิยมาโน ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ , อิมินา จตุตฺเถน าเนน พหุํ อปุฺํ ปสวติ. ยมฺปิ โส ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อกปฺปิเยน อาสาเทติ, อิมินา ปฺจเมน าเนน พหุํ อปุฺํ ปสวติ. โย โข, ชีวก, ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปฺจหิ าเนหิ พหุํ อปุฺํ ปสวตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ชีวโก โกมารภจฺโจ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! กปฺปิยํ วต, ภนฺเต, ภิกฺขู อาหารํ อาหาเรนฺติ ; อนวชฺชํ วต, ภนฺเต, ภิกฺขู อาหารํ อาหาเรนฺติ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

ชีวกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.

๖. อุปาลิสุตฺตํ

๕๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน. เตน โข ปน สมเยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี.), นาตปุตฺโต (ปี.)] นาฬนฺทายํ ปฏิวสติ มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นาฬนฺทายํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ปาวาริกมฺพวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, ตปสฺสิ [ทีฆตปสฺสิ (สฺยา. กํ. ก.)], อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กติ ปน, ตปสฺสิ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กมฺมานิ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?

‘‘น โข, อาวุโส โคตม, อาจิณฺณํ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ‘กมฺมํ, กมฺม’นฺติ ปฺเปตุํ; ‘ทณฺฑํ, ทณฺฑ’นฺติ โข, อาวุโส โคตม, อาจิณฺณํ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฺเปตุ’’นฺติ.

‘‘กติ ปน, ตปสฺสิ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทณฺฑานิ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?

‘‘ตีณิ โข, อาวุโส โคตม, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทณฺฑานิ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยาติ, เสยฺยถิทํ – กายทณฺฑํ, วจีทณฺฑํ, มโนทณฺฑ’’นฺติ.

‘‘กึ ปน, ตปสฺสิ, อฺเทว กายทณฺฑํ, อฺํ วจีทณฺฑํ, อฺํ มโนทณฺฑ’’นฺติ?

‘‘อฺเทว , อาวุโส โคตม, กายทณฺฑํ, อฺํ วจีทณฺฑํ, อฺํ มโนทณฺฑ’’นฺติ.

‘‘อิเมสํ ปน, ตปสฺสิ, ติณฺณํ ทณฺฑานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ กตมํ ทณฺฑํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา , ยทิ วา กายทณฺฑํ, ยทิ วา วจีทณฺฑํ, ยทิ วา มโนทณฺฑ’’นฺติ?

‘‘อิเมสํ โข, อาวุโส โคตม, ติณฺณํ ทณฺฑานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ กายทณฺฑํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺฑํ, โน ตถา มโนทณฺฑ’’นฺติ.

‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?

‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามิ’’.

‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?

‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามิ’’.

‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?

‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามี’’ติ.

อิติห ภควา ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ ยาวตติยกํ ปติฏฺาเปสิ.

๕๗. เอวํ วุตฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ ปนาวุโส โคตม, กติ ทณฺฑานิ ปฺเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?

‘‘น โข, ตปสฺสิ, อาจิณฺณํ ตถาคตสฺส ‘ทณฺฑํ, ทณฺฑ’นฺติ ปฺเปตุํ; ‘กมฺมํ, กมฺม’นฺติ โข, ตปสฺสิ, อาจิณฺณํ ตถาคตสฺส ปฺเปตุ’’นฺติ?

‘‘ตฺวํ ปนาวุโส โคตม, กติ กมฺมานิ ปฺเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?

‘‘ตีณิ โข อหํ, ตปสฺสิ, กมฺมานิ ปฺเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, เสยฺยถิทํ – กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, มโนกมฺม’’นฺติ.

‘‘กึ ปนาวุโส โคตม, อฺเทว กายกมฺมํ, อฺํ วจีกมฺมํ, อฺํ มโนกมฺม’’นฺติ?

‘‘อฺเทว, ตปสฺสิ, กายกมฺมํ, อฺํ วจีกมฺมํ, อฺํ มโนกมฺม’’นฺติ.

‘‘อิเมสํ ปนาวุโส โคตม, ติณฺณํ กมฺมานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ กตมํ กมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, ยทิ วา กายกมฺมํ, ยทิ วา วจีกมฺมํ, ยทิ วา มโนกมฺม’’นฺติ?

‘‘อิเมสํ โข อหํ, ตปสฺสิ, ติณฺณํ กมฺมานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา กายกมฺมํ, โน ตถา วจีกมฺม’’นฺติ.

‘‘มโนกมฺมนฺติ, อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?

‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามิ’’.

‘‘มโนกมฺมนฺติ, อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?

‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามิ’’.

‘‘มโนกมฺมนฺติ , อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?

‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามี’’ติ.

อิติห ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ ภควนฺตํ อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ ยาวตติยกํ ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ.

๕๘. เตน โข ปน สมเยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหติยา คิหิปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน โหติ พาลกินิยา ปริสาย อุปาลิปมุขาย. อทฺทสา โข นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, ตปสฺสิ, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโต หิ โข อหํ, ภนฺเต, อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติ. ‘‘อหุ ปน เต, ตปสฺสิ, สมเณน โคตเมน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ ? ‘‘อหุ โข เม, ภนฺเต, สมเณน โคตเมน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน เต, ตปสฺสิ, อหุ สมเณน โคตเมน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ ยาวตโก อโหสิ ภควตา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส อาโรเจสิ. เอวํ วุตฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ตปสฺสิ! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน เอวเมว ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สมณสฺส โคตมสฺส พฺยากตํ. กิฺหิ โสภติ ฉโว มโนทณฺโฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย! อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.

๕๙. เอวํ วุตฺเต, อุปาลิ คหปติ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต ทีฆตปสฺสี [ตปสฺสี (สี. ปี.)]! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน เอวเมวํ ภทนฺเตน ตปสฺสินา สมณสฺส โคตมสฺส พฺยากตํ. กิฺหิ โสภติ ฉโว มโนทณฺโฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย! อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ. หนฺท จาหํ, ภนฺเต, คจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปสฺสามิ. สเจ เม สมโณ โคตโม ตถา ปติฏฺหิสฺสติ ยถา ภทนฺเตน ตปสฺสินา ปติฏฺาปิตํ; เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส ทีฆโลมิกํ เอฬกํ โลเมสุ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ . เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกากมฺมกาโร มหนฺตํ โสณฺฑิกากิลฺชํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิปิตฺวา กณฺเณ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ. เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกาธุตฺโต วาลํ [ถาลํ (ก.)] กณฺเณ คเหตฺวา โอธุเนยฺย นิทฺธุเนยฺย นิปฺโผเฏยฺย [นิจฺฉาเทยฺย (สี. ปี. ก.), นิจฺโจเฏยฺย (ก.), นิปฺโปเยฺย (สฺยา. กํ.)], เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ โอธุนิสฺสามิ นิทฺธุนิสฺสามิ นิปฺโผเฏสฺสามิ . เสยฺยถาปิ นาม กุฺชโร สฏฺิหายโน คมฺภีรํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬติ, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ สาณโธวิกํ มฺเ กีฬิตชาตํ กีฬิสฺสามิ. หนฺท จาหํ, ภนฺเต, คจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปหิ. อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคณฺโ, ตฺวํ วา’’ติ.

๖๐. เอวํ วุตฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข เมตํ, ภนฺเต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺย. สมโณ หิ, ภนฺเต, โคตโม มายาวี อาวฏฺฏนึ มายํ ชานาติ ยาย อฺติตฺถิยานํ สาวเก อาวฏฺเฏตี’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ, อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. คจฺฉ, ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปหิ. อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคณฺโ, ตฺวํ วา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี…เป… ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข เมตํ, ภนฺเต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺย. สมโณ หิ, ภนฺเต, โคตโม มายาวี อาวฏฺฏนึ มายํ ชานาติ ยาย อฺติตฺถิยานํ สาวเก อาวฏฺเฏตี’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ , อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. คจฺฉ ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปหิ. อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคณฺโ, ตฺวํ วา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อุปาลิ คหปติ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ปาวาริกมฺพวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุปาลิ คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคมา นุ ขฺวิธ, ภนฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ’’ติ?

‘‘อาคมา ขฺวิธ, คหปติ, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ’’ติ.

‘‘อหุ โข ปน เต, ภนฺเต, ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?

‘‘อหุ โข เม, คหปติ, ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ.

‘‘ยถา กถํ ปน เต, ภนฺเต, อหุ ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?

อถ โข ภควา ยาวตโก อโหสิ ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ อุปาลิสฺส คหปติสฺส อาโรเจสิ.

๖๑. เอวํ วุตฺเต, อุปาลิ คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต ตปสฺสี! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน เอวเมวํ ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน ภควโต พฺยากตํ. กิฺหิ โสภติ ฉโว มโนทณฺโฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย? อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ. ‘‘สเจ โข ตฺวํ, คหปติ, สจฺเจ ปติฏฺาย มนฺเตยฺยาสิ สิยา โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ. ‘‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ.

๖๒. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อิธสฺส นิคณฺโ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน สีโตทกปฏิกฺขิตฺโต อุณฺโหทกปฏิเสวี. โส สีโตทกํ อลภมาโน กาลงฺกเรยฺย. อิมสฺส ปน, คหปติ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กตฺถูปปตฺตึ ปฺเปตี’’ติ?

‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, มโนสตฺตา นาม เทวา ตตฺถ โส อุปปชฺชติ’’.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?

‘‘อสุ หิ, ภนฺเต , มโนปฏิพทฺโธ กาลงฺกโรตี’’ติ.

‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ [คหปติ คหปติ มนสิ กโรหิ (สี. สฺยา. กํ.), คหปติ มนสิ กโรหิ (ก.), คหปติ คหปติ (ปี.)], มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ, โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.

๖๓. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ , อิธสฺส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต จาตุยามสํวรสํวุโต สพฺพวาริวาริโต สพฺพวาริยุตฺโต สพฺพวาริธุโต สพฺพวาริผุโฏ. โส อภิกฺกมนฺโต ปฏิกฺกมนฺโต พหู ขุทฺทเก ปาเณ สงฺฆาตํ อาปาเทติ. อิมสฺส ปน, คหปติ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กํ วิปากํ ปฺเปตี’’ติ?

‘‘อสฺเจตนิกํ, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต โน มหาสาวชฺชํ ปฺเปตี’’ติ.

‘‘สเจ ปน, คหปติ, เจเตตี’’ติ?

‘‘มหาสาวชฺชํ, ภนฺเต, โหตี’’ติ.

‘‘เจตนํ ปน, คหปติ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กิสฺมึ ปฺเปตี’’ติ?

‘‘มโนทณฺฑสฺมึ, ภนฺเต’’ติ.

‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ , มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.

๖๔. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อยํ นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต, อยํ นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุกฺขิตฺตาสิโก. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุตฺเตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, ปโหติ นุ โข โส ปุริโส ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุตฺเตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กาตุ’’นฺติ?

‘‘ทสปิ, ภนฺเต, ปุริสา, วีสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา, ตึสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา, จตฺตารีสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา, ปฺาสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา นปฺปโหนฺติ ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุตฺเตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กาตุํ. กิฺหิ โสภติ เอโก ฉโว ปุริโส’’ติ!

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ , อิธ อาคจฺเฉยฺย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ นาฬนฺทํ เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, ปโหติ นุ โข โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อิมํ นาฬนฺทํ เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กาตุ’’นฺติ ?

‘‘ทสปิ, ภนฺเต, นาฬนฺทา, วีสมฺปิ นาฬนฺทา, ตึสมฺปิ นาฬนฺทา, จตฺตารีสมฺปิ นาฬนฺทา, ปฺาสมฺปิ นาฬนฺทา ปโหติ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กาตุํ. กิฺหิ โสภติ เอกา ฉวา นาฬนฺทา’’ติ!

‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ.

‘‘กิฺจาปิ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.

๖๕. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, สุตํ เต ทณฺฑกีรฺํ [ทณฺฑการฺํ (สี. ปี.)] กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ [เมชฺฌารฺํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต, สุตํ เม ทณฺฑกีรฺํ กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, กินฺติ เต สุตํ เกน ตํ ทณฺฑกีรฺํ กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ?

‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, อิสีนํ มโนปโทเสน ตํ ทณฺฑกีรฺํ กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ.

‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ.

๖๖. ‘‘ปุริเมเนวาหํ , ภนฺเต, โอปมฺเมน ภควโต อตฺตมโน อภิรทฺโธ. อปิ จาหํ อิมานิ ภควโต วิจิตฺรานิ ปฺหปฏิภานานิ โสตุกาโม, เอวาหํ ภควนฺตํ ปจฺจนีกํ กาตพฺพํ อมฺิสฺสํ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๖๗. ‘‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ าตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’’ติ. ‘‘อิมินาปาหํ, ภนฺเต, ภควโต ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรทฺโธ ยํ มํ ภควา เอวมาห – ‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ าตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’ติ. มฺหิ, ภนฺเต, อฺติตฺถิยา สาวกํ ลภิตฺวา เกวลกปฺปํ นาฬนฺทํ ปฏากํ ปริหเรยฺยุํ – ‘อุปาลิ อมฺหากํ คหปติ สาวกตฺตํ อุปคโต’ติ. อถ จ ปน มํ ภควา เอวมาห – ‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ าตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’ติ. เอสาหํ, ภนฺเต, ทุติยมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๖๘. ‘‘ทีฆรตฺตํ โข เต, คหปติ, นิคณฺานํ โอปานภูตํ กุลํ เยน เนสํ อุปคตานํ ปิณฺฑกํ ทาตพฺพํ มฺเยฺยาสี’’ติ. ‘‘อิมินาปาหํ, ภนฺเต, ภควโต ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรทฺโธ ยํ มํ ภควา เอวมาห – ‘ทีฆรตฺตํ โข เต, คหปติ, นิคณฺานํ โอปานภูตํ กุลํ เยน เนสํ อุปคตานํ ปิณฺฑกํ ทาตพฺพํ มฺเยฺยาสี’ติ. สุตํ เมตํ, ภนฺเต, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ. อถ จ ปน มํ ภควา นิคณฺเสุปิ ทาเน สมาทเปติ. อปิ จ, ภนฺเต, มยเมตฺถ กาลํ ชานิสฺสาม. เอสาหํ, ภนฺเต, ตติยมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๖๙. อถ โข ภควา อุปาลิสฺส คหปติสฺส อนุปุพฺพึ กถํ [อานุปุพฺพีกถํ (สี.), อานุปุพฺพิกถํ (ปี.), อนุปุพฺพิกถํ (สฺยา. กํ. ก.)] กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา ภควา อฺาสิ อุปาลึ คหปตึ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, เอวเมว อุปาลิสฺส คหปติสฺส ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติ. อถ โข อุปาลิ คหปติ ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม, พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, คหปติ, กาลํ มฺสี’’ติ.

๗๐. อถ โข อุปาลิ คหปติ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โทวาริกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ. สเจ โกจิ นิคณฺโ อาคจฺฉติ ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘ติฏฺ, ภนฺเต, มา ปาวิสิ. อชฺชตคฺเค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. อาวฏํ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ . สเจ เต, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน อตฺโถ, เอตฺเถว ติฏฺ, เอตฺเถว เต อาหริสฺสนฺตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปจฺจสฺโสสิ.

๗๑. อสฺโสสิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ – ‘‘อุปาลิ กิร คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต’’ติ. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, อุปาลิ กิร คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ , อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ . ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ…เป… ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต …เป… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘หนฺทาหํ, ภนฺเต, คจฺฉามิ ยาว ชานามิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, ตปสฺสิ, ชานาหิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติ.

๗๒. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ เยน อุปาลิสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข โทวาริโก ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ เอตทโวจ – ‘‘ติฏฺ, ภนฺเต, มา ปาวิสิ. อชฺชตคฺเค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. อาวฏํ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ . สเจ เต, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน อตฺโถ, เอตฺเถว ติฏฺ, เอตฺเถว เต อาหริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, ปิณฺฑเกน อตฺโถ’’ติ วตฺวา ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว โข, ภนฺเต, ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. เอตํ โข เต อหํ, ภนฺเต, นาลตฺถํ น โข เม, ภนฺเต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺย. สมโณ หิ, ภนฺเต, โคตโม มายาวี อาวฏฺฏนึ มายํ ชานาติ ยาย อฺติตฺถิยานํ สาวเก อาวฏฺเฏตีติ. อาวฏฺโฏ โข เต, ภนฺเต, อุปาลิ คหปติ สมเณน โคตเมน อาวฏฺฏนิยา มายายา’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ, อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว, ภนฺเต…เป… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว โข, ภนฺเต…เป… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘หนฺท จาหํ , ตปสฺสิ, คจฺฉามิ ยาว จาหํ สามํเยว ชานามิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติ.

อถ โข นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ เยน อุปาลิสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข โทวาริโก นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฏฺ, ภนฺเต, มา ปาวิสิ. อชฺชตคฺเค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. อาวฏํ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ. สเจ เต, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน อตฺโถ, เอตฺเถว ติฏฺ, เอตฺเถว เต อาหริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลึ คหปตึ เอวํ วเทหิ – ‘นิคณฺโ, ภนฺเต, นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต; โส เต ทสฺสนกาโม’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลึ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘นิคณฺโ, ภนฺเต, นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต; โส เต ทสฺสนกาโม’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ ปฺเปหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ ปฺเปตฺวา เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลึ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘ปฺตฺตานิ โข, ภนฺเต, มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ. ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ.

๗๓. อถ โข อุปาลิ คหปติ เยน มชฺฌิมา ทฺวารสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ อุตฺตมฺจ ปณีตฺจ ตตฺถ สามํ นิสีทิตฺวา โทวาริกํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – ‘อุปาลิ, ภนฺเต, คหปติ เอวมาห – ปวิส กิร, ภนฺเต, สเจ อากงฺขสี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปาลิ, ภนฺเต, คหปติ เอวมาห – ‘ปวิส กิร, ภนฺเต, สเจ อากงฺขสี’’’ติ. อถ โข นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ เยน มชฺฌิมา ทฺวารสาลา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข อุปาลิ คหปติ – ยํ สุทํ ปุพฺเพ ยโต ปสฺสติ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาน ตโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ อุตฺตมฺจ ปณีตฺจ ตํ อุตฺตราสงฺเคน สมฺมชฺชิตฺวา [ปมชฺชิตฺวา (สี. ปี.)] ปริคฺคเหตฺวา นิสีทาเปติ โส – ทานิ ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ อุตฺตมฺจ ปณีตฺจ ตตฺถ สามํ นิสีทิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, ภนฺเต, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ, นิสีทา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อุปาลึ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘อุมฺมตฺโตสิ ตฺวํ, คหปติ, ทตฺโตสิ ตฺวํ, คหปติ! ‘คจฺฉามหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ คนฺตฺวา มหตาสิ วาทสงฺฆาเฏน ปฏิมุกฺโก อาคโต. เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อณฺฑหารโก คนฺตฺวา อุพฺภเตหิ อณฺเฑหิ อาคจฺเฉยฺย, เสยฺยถา วา ปน คหปติ ปุริโส อกฺขิกหารโก คนฺตฺวา อุพฺภเตหิ อกฺขีหิ อาคจฺเฉยฺย; เอวเมว โข ตฺวํ, คหปติ, ‘คจฺฉามหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ คนฺตฺวา มหตาสิ วาทสงฺฆาเฏน ปฏิมุกฺโก อาคโต. อาวฏฺโฏสิ โข ตฺวํ, คหปติ, สมเณน โคตเมน อาวฏฺฏนิยา มายายา’’ติ.

๗๔. ‘‘ภทฺทิกา, ภนฺเต, อาวฏฺฏนี มายา; กลฺยาณี, ภนฺเต, อาวฏฺฏนี มายา; ปิยา เม, ภนฺเต, าติสาโลหิตา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; ปิยานมฺปิ เม อสฺส าติสาโลหิตานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สพฺเพ เจปิ, ภนฺเต, ขตฺติยา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; สพฺเพสานมฺปิสฺส ขตฺติยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สพฺเพ เจปิ, ภนฺเต, พฺราหฺมณา…เป… เวสฺสา…เป… สุทฺทา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; สพฺเพสานมฺปิสฺส สุทฺทานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สเทวโก เจปิ, ภนฺเต, โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; สเทวกสฺสปิสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. เตน หิ, ภนฺเต, อุปมํ เต กริสฺสามิ. อุปมาย ปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ.

๗๕. ‘‘ภูตปุพฺพํ , ภนฺเต, อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ชิณฺณสฺส วุฑฺฒสฺส มหลฺลกสฺส ทหรา มาณวิกา ปชาปตี อโหสิ คพฺภินี อุปวิชฺา. อถ โข, ภนฺเต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนหิ, โย เม กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติ. เอวํ วุตฺเต, โส พฺราหฺมโณ ตํ มาณวิกํ เอตทโวจ – ‘อาคเมหิ ตาว, โภติ, ยาว วิชายติ. สเจ ตฺวํ, โภติ, กุมารกํ วิชายิสฺสสิ, ตสฺสา เต อหํ อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนสฺสามิ, โย เต กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสติ. สเจ ปน ตฺวํ, โภติ, กุมาริกํ วิชายิสฺสสิ, ตสฺสา เต อหํ อาปณา มกฺกฏจฺฉาปิกํ กิณิตฺวา อาเนสฺสามิ, ยา เต กุมาริกาย กีฬาปนิกา ภวิสฺสตี’ติ. ทุติยมฺปิ โข, ภนฺเต, สา มาณวิกา…เป… ตติยมฺปิ โข, ภนฺเต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนหิ, โย เม กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติ. อถ โข, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา มาณวิกาย สารตฺโต ปฏิพทฺธจิตฺโต อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนตฺวา ตํ มาณวิกํ เอตทโวจ – ‘อยํ เต, โภติ, อาปณา มกฺกฏจฺฉาปโก กิณิตฺวา อานีโต, โย เต กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมํ มกฺกฏจฺฉาปกํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชตปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณึ รชกปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ มกฺกฏจฺฉาปกํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตํ อุภโตภาควิมฏฺ’นฺติ.

‘‘อถ โข, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา มาณวิกาย สารตฺโต ปฏิพทฺธจิตฺโต ตํ มกฺกฏจฺฉาปกํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณึ รชกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ มกฺกฏจฺฉาปกํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตํ อุภโตภาควิมฏฺ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘อยํ โข เต, มกฺกฏจฺฉาปโก รงฺคกฺขโม หิ โข, โน อาโกฏนกฺขโม , โน วิมชฺชนกฺขโม’ติ. เอวเมว โข, ภนฺเต, พาลานํ นิคณฺานํ วาโท รงฺคกฺขโม หิ โข พาลานํ โน ปณฺฑิตานํ, โน อนุโยคกฺขโม, โน วิมชฺชนกฺขโม. อถ โข, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ อปเรน สมเยน นวํ ทุสฺสยุคํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณึ รชกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ นวํ ทุสฺสยุคํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตํ อุภโตภาควิมฏฺ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘อิทํ โข เต, ภนฺเต, นวํ ทุสฺสยุคํ รงฺคกฺขมฺเจว อาโกฏนกฺขมฺจ วิมชฺชนกฺขมฺจา’ติ. เอวเมว โข, ภนฺเต, ตสฺส ภควโต วาโท อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รงฺคกฺขโม เจว ปณฺฑิตานํ โน พาลานํ, อนุโยคกฺขโม จ วิมชฺชนกฺขโม จา’’ติ.

‘‘สราชิกา โข, คหปติ, ปริสา เอวํ ชานาติ – ‘อุปาลิ คหปติ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส สาวโก’ติ. กสฺส ตํ, คหปติ, สาวกํ ธาเรมา’’ติ? เอวํ วุตฺเต, อุปาลิ คหปติ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สุโณหิ ยสฺสาหํ สาวโก’’ติ –

๗๖.

‘‘ธีรสฺส วิคตโมหสฺส, ปภินฺนขีลสฺส วิชิตวิชยสฺส;

อนีฆสฺส สุสมจิตฺตสฺส, วุทฺธสีลสฺส สาธุปฺสฺส;

เวสมนฺตรสฺส [เวสฺสนฺตรสฺส (สี. ปี.)] วิมลสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘อกถํกถิสฺส ตุสิตสฺส, วนฺตโลกามิสสฺส มุทิตสฺส;

กตสมณสฺส มนุชสฺส, อนฺติมสารีรสฺส นรสฺส;

อโนปมสฺส วิรชสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘อสํสยสฺส กุสลสฺส, เวนยิกสฺส สารถิวรสฺส;

อนุตฺตรสฺส รุจิรธมฺมสฺส, นิกฺกงฺขสฺส ปภาสกสฺส [ปภาสกรสฺส (สี. สฺยา. ปี.)];

มานจฺฉิทสฺส วีรสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘นิสภสฺส อปฺปเมยฺยสฺส, คมฺภีรสฺส โมนปตฺตสฺส;

เขมงฺกรสฺส เวทสฺส, ธมฺมฏฺสฺส สํวุตตฺตสฺส;

สงฺคาติคสฺส มุตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘นาคสฺส ปนฺตเสนสฺส, ขีณสํโยชนสฺส มุตฺตสฺส;

ปฏิมนฺตกสฺส [ปฏิมนฺตสฺส (ก.)] โธนสฺส, ปนฺนธชสฺส วีตราคสฺส;

ทนฺตสฺส นิปฺปปฺจสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘อิสิสตฺตมสฺส อกุหสฺส, เตวิชฺชสฺส พฺรหฺมปตฺตสฺส;

นฺหาตกสฺส [นหาตกสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] ปทกสฺส, ปสฺสทฺธสฺส วิทิตเวทสฺส;

ปุรินฺททสฺส สกฺกสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘อริยสฺส ภาวิตตฺตสฺส, ปตฺติปตฺตสฺส เวยฺยากรณสฺส;

สติมโต วิปสฺสิสฺส, อนภินตสฺส โน อปนตสฺส;

อเนชสฺส วสิปฺปตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ .

‘‘สมุคฺคตสฺส [สมฺมคฺคตสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] ฌายิสฺส, อนนุคตนฺตรสฺส สุทฺธสฺส;

อสิตสฺส หิตสฺส [อปฺปหีนสฺส (สี. ปี.), อปฺปภีตสฺส (สฺยา.)], ปวิวิตฺตสฺส อคฺคปฺปตฺตสฺส;

ติณฺณสฺส ตารยนฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘สนฺตสฺส ภูริปฺสฺส, มหาปฺสฺส วีตโลภสฺส;

ตถาคตสฺส สุคตสฺส, อปฺปฏิปุคฺคลสฺส อสมสฺส;

วิสารทสฺส นิปุณสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.

‘‘ตณฺหจฺฉิทสฺส พุทฺธสฺส, วีตธูมสฺส อนุปลิตฺตสฺส;

อาหุเนยฺยสฺส ยกฺขสฺส, อุตฺตมปุคฺคลสฺส อตุลสฺส;

มหโต ยสคฺคปตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมี’’ติ.

๗๗. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ? ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นานาปุปฺผานํ มหาปุปฺผราสิ , ตเมนํ ทกฺโข มาลากาโร วา มาลาการนฺเตวาสี วา วิจิตฺตํ มาลํ คนฺเถยฺย; เอวเมว โข, ภนฺเต, โส ภควา อเนกวณฺโณ อเนกสตวณฺโณ. โก หิ, ภนฺเต, วณฺณารหสฺส วณฺณํ น กริสฺสตี’’ติ? อถ โข นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ภควโต สกฺการํ อสหมานสฺส ตตฺเถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคจฺฉีติ [อุคฺคฺฉิ (สี. สฺยา. ปี.)].

อุปาลิสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.

๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตํ

๗๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกลิเยสุ วิหรติ หลิทฺทวสนํ นาม โกลิยานํ นิคโม. อถ โข ปุณฺโณ จ โกลิยปุตฺโต โควติโก อเจโล จ เสนิโย กุกฺกุรวติโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อเจโล ปน เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา กุกฺกุโรว ปลิกุชฺชิตฺวา [ปลิกุณฺิตฺวา (สฺยา. กํ.), ปลิคุณฺิตฺวา (ก.)] เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ , ภนฺเต, อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ทุกฺกรการโก ฉมานิกฺขิตฺตํ โภชนํ ภุฺชติ. ตสฺส ตํ กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘อลํ, ปุณฺณ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก…เป… ตติยมฺปิ โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ทุกฺกรการโก ฉมานิกฺขิตฺตํ โภชนํ ภุฺชติ. ตสฺส ตํ กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ?

๗๙. ‘‘อทฺธา โข เต อหํ, ปุณฺณ, น ลภามิ. อลํ, ปุณฺณ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉีติ; อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ กุกฺกุรวตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรสีลํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรจิตฺตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ , กุกฺกุรากปฺปํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ. โส กุกฺกุรวตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรสีลํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรจิตฺตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรากปฺปํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา กุกฺกุรานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. สเจ โข ปนสฺส เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, สาสฺส [สายํ (ก.)] โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส [มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส (สี.)] โข อหํ, ปุณฺณ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา. อิติ โข, ปุณฺณ, สมฺปชฺชมานํ กุกฺกุรวตํ กุกฺกุรานํ สหพฺยตํ อุปเนติ, วิปชฺชมานํ นิรย’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ.

อถ โข ภควา ปุณฺณํ โกลิยปุตฺตํ โควติกํ เอตทโวจ – ‘‘เอตํ โข เต อหํ, ปุณฺณ, นาลตฺถํ. อลํ, ปุณฺณ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห; อปิ จ เม อิทํ, ภนฺเต, กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. อยํ, ภนฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก. ตสฺส ตํ โควตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘อลํ, เสนิย, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข อเจโล เสนิโย…เป… ตติยมฺปิ โข อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก. ตสฺส ตํ โควตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ?

๘๐. ‘‘อทฺธา โข เต อหํ, เสนิย, น ลภามิ. อลํ, เสนิย, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉีติ; อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. อิธ, เสนิย, เอกจฺโจ โควตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคสีลํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคจิตฺตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, ควากปฺปํ [คฺวากปฺปํ (ก.)] ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ. โส โควตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคสีลํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคจิตฺตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, ควากปฺปํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา คุนฺนํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. สเจ โข ปนสฺส เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ , สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส โข อหํ, เสนิย, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา. อิติ โข, เสนิย, สมฺปชฺชมานํ โควตํ คุนฺนํ สหพฺยตํ อุปเนติ, วิปชฺชมานํ นิรย’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ.

อถ โข ภควา อเจลํ เสนิยํ กุกฺกุรวติกํ เอตทโวจ – ‘‘เอตํ โข เต อหํ, เสนิย , นาลตฺถํ. อลํ, เสนิย, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห; อปิ จ เม อิทํ, ภนฺเต, โควตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. เอวํ ปสนฺโน อหํ, ภนฺเต, ภควติ; ปโหติ ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถา อหํ เจวิมํ โควตํ ปชเหยฺยํ, อยฺเจว อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ตํ กุกฺกุรวตํ ปชเหยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ปุณฺณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

๘๑. ‘‘จตฺตาริมานิ, ปุณฺณ, กมฺมานิ มยา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ; อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ; อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ; อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ, กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ .

‘‘กตมฺจ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ? อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ สพฺยาพชฺฌํ [สพฺยาปชฺฌํ (สี. สฺยา. กํ.)] กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส สพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ สพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ สพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ. โส สพฺยาพชฺเฌหิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน สพฺยาพชฺฌํ เวทนํ เวเทติ เอกนฺตทุกฺขํ, เสยฺยถาปิ สตฺตา เนรยิกา . อิติ โข, ปุณฺณ, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ; ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติ, อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติ. เอวํปาหํ, ปุณฺณ, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิ. อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ.

‘‘กตมฺจ, ปุณฺณ, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ? อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ อพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส อพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, อพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, อพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ อพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ. โส อพฺยาพชฺเฌหิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน อพฺยาพชฺฌํ เวทนํ เวเทติ เอกนฺตสุขํ, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหา. อิติ โข , ปุณฺณ, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ; ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติ, อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติ. เอวํปาหํ, ปุณฺณ, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิ. อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ.

‘‘กตมฺจ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ? อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ วจีสงฺขารํ อภิงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ สพฺยาพชฺฌาปิ อพฺยาพชฺฌาปิ ผสฺสา ผุสนฺติ. โส สพฺยาพชฺเฌหิปิ อพฺยาพชฺเฌหิปิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ เวทนํ เวเทติ โวกิณฺณสุขทุกฺขํ, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา. อิติ โข, ปุณฺณ, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ; ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติ. อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติ. เอวํปาหํ, ปุณฺณ, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิ. อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ.

‘‘กตมฺจ , ปุณฺณ, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ, กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ? ตตฺร, ปุณฺณ, ยมิทํ กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนา, ยมิทํ [ยมฺปิทํ (สี. ปี.)] กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนา, ยมิทํ [ยมฺปิทํ (สี. ปี.)] กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนา – อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ, กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตีติ. อิมานิ โข, ปุณฺณ, จตฺตาริ กมฺมานิ มยา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานี’’ติ.

๘๒. เอวํ วุตฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. อเจโล ปน เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต…เป… ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ. ‘‘โย โข, เสนิย , อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ. จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย. อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติ.

‘‘สเจ, ภนฺเต, อฺติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ เต จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย, อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ. จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ, อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติ. อลตฺถ โข อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา เสนิโย เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา เสนิโย อรหตํ อโหสีติ.

กุกฺกุรวติกสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.

๘. อภยราชกุมารสุตฺตํ

๘๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อภโย ราชกุมาโร เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อภยํ ราชกุมารํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหิ. เอวํ เต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ – ‘อภเยน ราชกุมาเรน สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาโท อาโรปิโต’’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปนาหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ? ‘‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอวํ วเทหิ – ‘ภาเสยฺย นุ โข, ภนฺเต, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ? สเจ เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ‘ภาเสยฺย, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, ปุถุชฺชเนน นานากรณํ? ปุถุชฺชโนปิ หิ ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ. สเจ ปน เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ‘น, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, เทวทตฺโต พฺยากโต – ‘‘อาปายิโก เทวทตฺโต, เนรยิโก เทวทตฺโต, กปฺปฏฺโ เทวทตฺโต, อเตกิจฺโฉ เทวทตฺโต’’ติ? ตาย จ ปน เต วาจาย เทวทตฺโต กุปิโต อโหสิ อนตฺตมโน’ติ. อิมํ โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุํ. เสยฺยถาปิ นาม ปุริสสฺส อโยสิงฺฆาฏกํ กณฺเ วิลคฺคํ, โส เนว สกฺกุเณยฺย อุคฺคิลิตุํ น สกฺกุเณยฺย โอคิลิตุํ; เอวเมว โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อิมํ อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุ’’นฺติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อภโย ราชกุมาโร นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

๘๔. เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข อภยสฺส ราชกุมารสฺส สูริยํ [สุริยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุลฺโลเกตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อชฺช ภควโต วาทํ อาโรเปตุํ . สฺเว ทานาหํ สเก นิเวสเน ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา สฺวาตนาย อตฺตจตุตฺโถ ภตฺต’’นฺติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข อภโย ราชกุมาโร ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อภยสฺส ราชกุมารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

๘๕. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภาเสยฺย นุ โข, ภนฺเต, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’’ติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, ราชกุมาร, เอกํเสนา’’ติ. ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, อนสฺสุํ นิคณฺา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ราชกุมาร, เอวํ วเทสิ – ‘เอตฺถ , ภนฺเต, อนสฺสุํ นิคณฺา’’’ติ? ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เอตทโวจ – ‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหิ. เอวํ เต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ – อภเยน ราชกุมาเรน สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาโท อาโรปิโต’ติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ยถา กถํ ปนาหํ , ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ? ‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอวํ วเทหิ – ภาเสยฺย นุ โข, ภนฺเต, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ? สเจ เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ภาเสยฺย, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, ปุถุชฺชเนน นานากรณํ? ปุถุชฺชโนปิ หิ ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ. สเจ ปน เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – น, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, เทวทตฺโต พฺยากโต – อาปายิโก เทวทตฺโต, เนรยิโก เทวทตฺโต, กปฺปฏฺโ เทวทตฺโต, อเตกิจฺโฉ เทวทตฺโตติ? ตาย จ ปน เต วาจาย เทวทตฺโต กุปิโต อโหสิ อนตฺตมโนติ. อิมํ โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุํ. เสยฺยถาปิ นาม ปุริสสฺส อโยสิงฺฆาฏกํ กณฺเ วิลคฺคํ, โส เนว สกฺกุเณยฺย อุคฺคิลิตุํ น สกฺกุเณยฺย โอคิลิตุํ; เอวเมว โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อิมํ อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุ’’’นฺติ.

๘๖. เตน โข ปน สมเยน ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก อภยสฺส ราชกุมารสฺส องฺเก นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา อภยํ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, สจายํ กุมาโร ตุยฺหํ วา ปมาทมนฺวาย ธาติยา วา ปมาทมนฺวาย กฏฺํ วา กลํ [กถลํ (ก.)] วา มุเข อาหเรยฺย, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อาหเรยฺยสฺสาหํ, ภนฺเต. สเจ, ภนฺเต, น สกฺกุเณยฺยํ อาทิเกเนว อาหตฺตุํ [อาหริตุํ (สฺยา. กํ.)], วาเมน หตฺเถน สีสํ ปริคฺคเหตฺวา [ปคฺคเหตฺวา (สี.)] ทกฺขิเณน หตฺเถน วงฺกงฺคุลึ กริตฺวา สโลหิตมฺปิ อาหเรยฺยํ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถิ เม, ภนฺเต, กุมาเร อนุกมฺปา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถิ, ราชกุมาร, ตถาคตสฺส สตฺเตสุ อนุกมฺปา’’ติ.

๘๗. ‘‘เยเม, ภนฺเต, ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ สมณปณฺฑิตาปิ ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, ปุพฺเพว นุ โข, เอตํ, ภนฺเต , ภควโต เจตโส ปริวิตกฺกิตํ โหติ ‘เย มํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ เตสาหํ เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสามี’ติ, อุทาหุ านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติ?

‘‘เตน หิ, ราชกุมาร, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต, กุสโล อหํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, เย ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘กึ นามิทํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺค’นฺติ? ปุพฺเพว นุ โข เต เอตํ เจตโส ปริวิตกฺกิตํ อสฺส ‘เย มํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ เตสาหํ เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสามี’ติ, อุทาหุ านโสเวตํ ปฏิภาเสยฺยา’’ติ?

‘‘อหฺหิ, ภนฺเต, รถิโก สฺาโต กุสโล รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ. สพฺพานิ เม รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานิ สุวิทิตานิ. านโสเวตํ มํ ปฏิภาเสยฺยา’’ติ .

‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย เต ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ สมณปณฺฑิตาปิ ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สา หิ, ราชกุมาร, ตถาคตสฺส ธมฺมธาตุ สุปฺปฏิวิทฺธา ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

อภยราชกุมารสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.

๙. พหุเวทนียสุตฺตํ

๘๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต อุทายิ, เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ? ‘‘ติสฺโส โข, ถปติ [คหปติ (สฺยา. กํ. ปี.)], เวทนา วุตฺตา ภควตา. สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา – อิมา โข, ถปติ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา; ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา. ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี ปฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, คหปติ, ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา; ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา. สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา – อิมา โข, ถปติ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา; ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา. ยายํ, ภนฺเต , อทุกฺขมสุขา เวทนา สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี ปฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ถปติ, ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา; ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา. สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา – อิมา โข, ถปติ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา, ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา. ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ. เนว โข สกฺขิ อายสฺมา อุทายี ปฺจกงฺคํ ถปตึ สฺาเปตุํ น ปนาสกฺขิ ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ สฺาเปตุํ.

๘๙. อสฺโสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมโต อุทายิสฺส ปฺจกงฺเคน ถปตินา สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาปํ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ยาวตโก อโหสิ อายสฺมโต อุทายิสฺส ปฺจกงฺเคน ถปตินา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. เอวํ วุตฺเต, ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺตฺเว โข, อานนฺท, ปริยายํ ปฺจกงฺโค ถปติ อุทายิสฺส นาพฺภนุโมทิ, สนฺตฺเว จ ปน ปริยายํ อุทายี ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส นาพฺภนุโมทิ. ทฺเวปานนฺท, เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน , ติสฺโสปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, ปฺจปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, ฉปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, อฏฺารสปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, ฉตฺตึสปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, อฏฺสตมฺปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน. เอวํ ปริยายเทสิโต โข, อานนฺท, มยา ธมฺโม. เอวํ ปริยายเทสิเต โข, อานนฺท, มยา ธมฺเม เย อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ น สมนุชานิสฺสนฺติ น สมนุมฺิสฺสนฺติ น สมนุโมทิสฺสนฺติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ – ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหริสฺสนฺติ. เอวํ ปริยายเทสิโต โข, อานนฺท, มยา ธมฺโม. เอวํ ปริยายเทสิเต โข, อานนฺท, มยา ธมฺเม เย อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ สมนุชานิสฺสนฺติ สมนุมฺิสฺสนฺติ สมนุโมทิสฺสนฺติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ – สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหริสฺสนฺติ’’.

๙๐. ‘‘ปฺจ โข อิเม, อานนฺท, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา…เป… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา…เป… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, อานนฺท, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, อานนฺท, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ กามสุขํ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย – ‘เอตปรมํ สตฺตา สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ, อิทมสฺส นานุชานามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ . อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย – ‘เอตปรมํ สตฺตา สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ, อิทมสฺส นานุชานามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา, ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา, นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย – ‘เอตปรมํ สตฺตา สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ, อิทมสฺส นานุชานามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

๙๑. ‘‘านํ โข ปเนตํ, อานนฺท, วิชฺชติ ยํ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘สฺาเวทยิตนิโรธํ สมโณ โคตโม อาห; ตฺจ สุขสฺมึ ปฺเปติ. ตยิทํ กึสุ, ตยิทํ กถํสู’ติ? เอวํวาทิโน, อานนฺท, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘น โข, อาวุโส, ภควา สุขํเยว เวทนํ สนฺธาย สุขสฺมึ ปฺเปติ; อปิ จ, อาวุโส, ยตฺถ ยตฺถ สุขํ อุปลพฺภติ ยหึ ยหึ ตํ ตํ ตถาคโต สุขสฺมึ ปฺเปตี’’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

พหุเวทนียสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.

๑๐. อปณฺณกสุตฺตํ

๙๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน สาลา นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข สาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ สาลํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข สาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.

๙๓. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข สาเลยฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก ภควา เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ ปน โว, คหปตโย, โกจิ มนาโป สตฺถา ยสฺมึ โว อาการวตี สทฺธา ปฏิลทฺธา’’ติ? ‘‘นตฺถิ โข โน, ภนฺเต, โกจิ มนาโป สตฺถา ยสฺมึ โน อาการวตี สทฺธา ปฏิลทฺธา’’ติ. ‘‘มนาปํ โว, คหปตโย, สตฺถารํ อลภนฺเตหิ อยํ อปณฺณโก ธมฺโม สมาทาย วตฺติตพฺโพ. อปณฺณโก หิ, คหปตโย, ธมฺโม สมตฺโต สมาทินฺโน, โส โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. กตโม จ, คหปตโย, อปณฺณโก ธมฺโม’’?

๙๔. ‘‘สนฺติ , คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ; นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ [สุกฏทุกฺกฏานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก; นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา; นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา; นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา [สมคฺคตา (ก.)] สมฺมา ปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ; อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก; อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก; อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา; อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา; อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมา ปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย – ‘นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

๙๕. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา [อภินิพฺพชฺเชตฺวา (สฺยา. กํ.), อภินิพฺพิชฺชิตฺวา (ก.)] ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ปสฺสนฺติ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ มิจฺฉาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต ปรโลกวิทุโน เตสมยํ ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ ปรํ สฺาเปติ [ปฺาเปติ (ก.)]; สาสฺส โหติ อสทฺธมฺมสฺตฺติ [อสฺสทฺธมฺมปฺตฺติ (ก.)]. ตาย จ ปน อสทฺธมฺมสฺตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา อริยานํ ปจฺจนีกตา อสทฺธมฺมสฺตฺติ อตฺตุกฺกํสนา ปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม [เอวํ’สิ’เม’ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยา.

‘‘ตตฺร , คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข นตฺถิ ปโร โลโก เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสติ; สเจ โข อตฺถิ ปโร โลโก เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ ปโร โลโก, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห – ทุสฺสีโล ปุริสปุคฺคโล มิจฺฉาทิฏฺิ นตฺถิกวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว ปโร โลโก, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กลิคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม ทุสฺสมตฺโต สมาทินฺโน, เอกํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ กุสลํ านํ.

๙๖. ‘‘ตตฺร , คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสนฺติ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ สมฺมาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต ปรโลกวิทุโน เตสมยํ น ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ สทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน สทฺธมฺมสฺตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส ทุสฺสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, สุสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา อริยานํ อปจฺจนีกตา สทฺธมฺมสฺตฺติ อนตฺตุกฺกํสนา อปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยา.

‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข อตฺถิ ปโร โลโก , เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ ปโร โลโก, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส – สีลวา ปุริสปุคฺคโล สมฺมาทิฏฺิ อตฺถิกวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว ปโร โลโก, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กฏคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม สุสมตฺโต สมาทินฺโน, อุภยํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ อกุสลํ านํ.

๙๗. ‘‘สนฺติ, คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต [ปาณมติมาปยโต (สี. ปี.), ปาณมติปาตาปยโต (สฺยา. กํ.), ปาณมติปาปยโต (ก.)], อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโต; นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต; นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน [สจฺจวาเจน (ก.)] นตฺถิ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา เต เอวมาหํสุ – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโต; อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต; อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

๙๘. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต…เป… ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ปสฺสนฺติ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ มิจฺฉาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ อาห, เย เต อรหนฺโต กิริยวาทา เตสมยํ ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ อสทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน อสทฺธมฺมสฺตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา อริยานํ ปจฺจนีกตา อสทฺธมฺมสฺตฺติ อตฺตุกฺกํสนา ปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยา.

‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข นตฺถิ กิริยา, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสติ; สเจ โข อตฺถิ กิริยา เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ กิริยา, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห – ทุสฺสีโล ปุริสปุคฺคโล มิจฺฉาทิฏฺิ อกิริยวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว กิริยา, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กลิคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม ทุสฺสมตฺโต สมาทินฺโน, เอกํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ กุสลํ านํ.

๙๙. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ , มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสนฺติ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ สมฺมาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต กิริยวาทา เตสมยํ น ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ สทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน สทฺธมฺมสฺตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส ทุสฺสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, สุสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา อริยานํ อปจฺจนีกตา สทฺธมฺมสฺตฺติ อนตฺตุกฺกํสนา อปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยา.

‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข อตฺถิ กิริยา, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ กิริยา, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส – สีลวา ปุริสปุคฺคโล สมฺมาทิฏฺิ กิริยวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว กิริยา, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กฏคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม สุสมตฺโต สมาทินฺโน, อุภยํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ อกุสลํ านํ.

๑๐๐. ‘‘สนฺติ , คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ [วิริยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. อตฺถิ พลํ, อตฺถิ วีริยํ, อตฺถิ ปุริสถาโม, อตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; น สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา [อตฺถิ ปุริสปรกฺกโม, สพฺเพ สตฺตา… สวสา สพลา สวีริยา (สฺยา. กํ. ก.)] นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’ติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’.

๑๐๑. ‘‘ตตฺร , คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ, นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ปสฺสนฺติ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ สงฺกปฺเปติ ; สฺวาสฺส โหติ มิจฺฉาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต เหตุวาทา เตสมยํ ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ อสทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน อสทฺธมฺมสฺตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา อริยานํ ปจฺจนีกตา อสทฺธมฺมสฺตฺติ อตฺตานุกฺกํสนา ปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยา.

‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข นตฺถิ เหตุ, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสติ; สเจ โข อตฺถิ เหตุ, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ เหตุ, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห – ทุสฺสีโล ปุริสปุคฺคโล มิจฺฉาทิฏฺิ อเหตุกวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว เหตุ, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กลิคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม ทุสฺสมตฺโต สมาทินฺโน, เอกํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ กุสลํ านํ.

๑๐๒. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. อตฺถิ พลํ, อตฺถิ วีริยํ, อตฺถิ ปุริสถาโม, อตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; น สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสนฺติ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ สมฺมาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ อาห, เย เต อรหนฺโต เหตุวาทา เตสมยํ น ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ สทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน สทฺธมฺมสฺตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส ทุสฺสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, สุสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา อริยานํ อปจฺจนีกตา สทฺธมฺมสฺตฺติ อนตฺตุกฺกํสนา อปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยา.

‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข อตฺถิ เหตุ, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ เหตุ, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส – สีลวา ปุริสปุคฺคโล สมฺมาทิฏฺิ เหตุวาโท’ติ. สเจ โข อตฺถิ เหตุ , เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กฏคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม สุสมตฺโต สมาทินฺโน, อุภยํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ อกุสลํ านํ.

๑๐๓. ‘‘สนฺติ, คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตตฺร , คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, อิทํ เม อทิฏฺํ; เยปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, อิทํ เม อวิทิตํ. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน อชานนฺโต อปสฺสนฺโต เอกํเสน อาทาย โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ, น เมตํ อสฺส ปติรูปํ. เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – เย เต เทวา รูปิโน มโนมยา, อปณฺณกํ เม ตตฺรูปปตฺติ ภวิสฺสติ. เย ปน เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – เย เต เทวา อรูปิโน สฺามยา, อปณฺณกํ เม ตตฺรูปปตฺติ ภวิสฺสติ. ทิสฺสนฺติ โข ปน รูปาธิกรณํ [รูปการณา (ก.)] ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาท-ตุวํตุวํ-เปสุฺ-มุสาวาทา. ‘นตฺถิ โข ปเนตํ สพฺพโส อรูเป’’’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย รูปานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.

๑๐๔. ‘‘สนฺติ, คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, อิทํ เม อทิฏฺํ; เยปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, อิทํ เม อวิทิตํ. อหฺเจว โข ปน อชานนฺโต อปสฺสนฺโต เอกํเสน อาทาย โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ, น เมตํ อสฺส ปติรูปํ. เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – เย เต เทวา อรูปิโน สฺามยา อปณฺณกํ เม ตตฺรูปปตฺติ ภวิสฺสติ. เย ปน เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – ยํ ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายิสฺสามิ . เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, เตสมยํ ทิฏฺิ สาราคาย [สราคาย (สฺยา. กํ.)] สนฺติเก, สํโยคาย สนฺติเก, อภินนฺทนาย สนฺติเก, อชฺโฌสานาย สนฺติเก, อุปาทานาย สนฺติเก. เย ปน เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, เตสมยํ ทิฏฺิ อสาราคาย สนฺติเก, อสํโยคาย สนฺติเก, อนภินนฺทนาย สนฺติเก, อนชฺโฌสานาย สนฺติเก, อนุปาทานาย สนฺติเก’’’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย ภวานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.

๑๐๕. ‘‘จตฺตาโรเม, คหปตโย, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป โหติ นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ.

๑๐๖. ‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน…เป… [วิตฺถาโร ม. นิ. ๒.๖-๗ กนฺทรกสุตฺเต] อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.

‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โอรพฺภิโก โหติ สูกริโก…เป… เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.

‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ราชา วา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต…เป… เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.

‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ? อิธ, คหปตโย, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, สาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คเต’’ติ.

อปณฺณกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.

คหปติวคฺโค นิฏฺิโต ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

กนฺทรนาครเสขวโต จ, โปตลิโย ปุน ชีวกภจฺโจ;

อุปาลิทมโถ กุกฺกุรอภโย, พหุเวทนียาปณฺณกโต ทสโม.