📜
๔. ราชวคฺโค
๑. ฆฏิการสุตฺตํ
๒๘๒. ¶ เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน [น อการเณ (สี.)] ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เอกํสํ จีวรํ [อุตฺตราสงฺค (สฺยา. กํ.)] กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมึ ปเทเส เวคฬิงฺคํ [เวหลิงฺคํ (สี.), เวภลิคํ (สฺยา. กํ.), เวภลิงฺคํ (ปี.)] นาม คามนิคโม อโหสิ อิทฺโธ เจว ผีโต จ พหุชโน อากิณฺณมนุสฺโส. เวคฬิงฺคํ โข, อานนฺท, คามนิคมํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาราโม อโหสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิสินฺนโก ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทตี’’ติ. อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ภควา นิสีทตุ เอตฺถ. อยํ ภูมิปเทโส ทฺวีหิ อรหนฺเตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ปริภุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมึ ปเทเส เวคฬิงฺคํ นาม คามนิคโม อโหสิ อิทฺโธ เจว ผีโต จ พหุชโน อากิณฺณมนุสฺโส. เวคฬิงฺคํ โข, อานนฺท, คามนิคมํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ¶ อาราโม อโหสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิสินฺนโก ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ โอวทติ.
๒๘๓. ‘‘เวคฬิงฺเค โข, อานนฺท, คามนิคเม ฆฏิกาโร [ฆฏีกาโร (สี. ปี.)] นาม กุมฺภกาโร กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อุปฏฺาโก อโหสิ ¶ อคฺคุปฏฺาโก. ฆฏิการสฺส โข, อานนฺท, กุมฺภการสฺส โชติปาโล นาม มาณโว สหาโย อโหสิ ปิยสหาโย. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. เอวํ วุตฺเต, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ¶ ทิฏฺเนา’ติ? ทุติยมฺปิ โข, อานนฺท…เป… ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ? ‘เตน หิ, สมฺม โชติปาล, โสตฺติสินานึ [โสตฺตึ สินานึ (สี. ปี.), โสตฺติสินานํ (สฺยา. กํ. ก.)] อาทาย [อาหร (ก.)] นทึ คมิสฺสาม สินายิตุ’นฺติ. ‘เอวํ สมฺมา’ติ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ อคมํสุ สินายิตุํ’.
๒๘๔. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. เอวํ วุตฺเต, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน ¶ มุณฺฑเกน สมณเกน ¶ ทิฏฺเนา’ติ? ทุติยมฺปิ โข, อานนฺท…เป… ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต ¶ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย ¶ อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ? อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ โอวฏฺฏิกายํ ปรามสิตฺวา เอตทโวจ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. อถ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว โอวฏฺฏิกํ วินิวฏฺเฏตฺวา [วินิเวเตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ? อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ สีสํนฺหาตํ [สสีสํ นหาตํ (สี.), สีสนฺหาตํ (สฺยา. กํ.)] เกเสสุ ปรามสิตฺวา เอตทโวจ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม ¶ . สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. อถ โข, อานนฺท, โชติปาลสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! ยตฺร หิ นามายํ ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร อิตฺตรชจฺโจ สมาโน อมฺหากํ สีสํนฺหาตานํ เกเสสุ ปรามสิตพฺพํ มฺิสฺสติ; น วติทํ กิร โอรกํ มฺเ ภวิสฺสตี’ติ; ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘ยาวตาโทหิปิ [ยาเวตโทหิปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], สมฺม ฆฏิการา’ติ? ‘ยาวตาโทหิปิ, สมฺม โชติปาล. ตถา หิ ปน เม ¶ สาธุสมฺมตํ ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม ฆฏิการ, มฺุจ; คมิสฺสามา’ติ.
๒๘๕. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. โชติปาโล ปน มาณโว กสฺสเปน ¶ ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อยํ เม, ภนฺเต, โชติปาโล มาณโว สหาโย ปิยสหาโย. อิมสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสตู’ติ. อถ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฆฏิการฺจ ¶ กุมฺภการํ โชติปาลฺจ มาณวํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว กสฺสเปน ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
๒๘๖. ‘‘อถ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อิมํ นุ ตฺวํ, สมฺม ฆฏิการ, ธมฺมํ สุณนฺโต อถ จ ปน อคารสฺมา อนคาริยํ น ปพฺพชิสฺสสี’ติ? ‘นนุ มํ, สมฺม โชติปาล, ชานาสิ, อนฺเธ ชิณฺเณ มาตาปิตโร โปเสมี’ติ? ‘เตน หิ, สมฺม ฆฏิการ, อหํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามี’ติ. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อยํ เม, ภนฺเต, โชติปาโล มาณโว สหาโย ปิยสหาโย. อิมํ ภควา ปพฺพาเชตู’ติ. อลตฺถ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ¶ กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ.
๒๘๗. ‘‘อถ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อจิรูปสมฺปนฺเน โชติปาเล มาณเว อฑฺฒมาสุปสมฺปนฺเน เวคฬิงฺเค ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน พาราณสี เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน พาราณสี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย ¶ . อสฺโสสิ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา – ‘กสฺสโป กิร ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ พาราณสึ อนุปฺปตฺโต พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย’ติ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ [ภทฺรํ ภทฺรํ (ก.)] ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ พาราณสิยา นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน [มหจฺจา ราชานุภาเวน (สี.), มหตา ราชานุภาเวน (ปี.)] กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว ¶ เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข, อานนฺท, กิกึ กาสิราชานํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ¶ กสฺสเปน ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อธิวาเสตุ ¶ เม, ภนฺเต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’ติ. อธิวาเสสิ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตุณฺหีภาเวน. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปสฺส ภควโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ปณฺฑุปุฏกสฺส [ปณฺฑุมุฏีกสฺส (สี. ปี.), ปณฺฑุมุทิกสฺส (สฺยา. กํ.)] สาลิโน วิคตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’นฺติ.
๒๘๘. ‘‘อถ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กิกิสฺส กาสิรฺโ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ ¶ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ ¶ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา พาราณสิยํ วสฺสาวาสํ; เอวรูปํ สงฺฆสฺส อุปฏฺานํ ภวิสฺสตี’ติ. ‘อลํ, มหาราช. อธิวุตฺโถ เม วสฺสาวาโส’ติ. ทุติยมฺปิ โข, อานนฺท… ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา พาราณสิยํ วสฺสาวาสํ; เอวรูปํ สงฺฆสฺส อุปฏฺานํ ภวิสฺสตี’ติ. ‘อลํ, มหาราช. อธิวุตฺโถ เม วสฺสาวาโส’ติ. อถ โข, อานนฺท, กิกิสฺส กาสิรฺโ ‘น เม กสฺสโป ภควา อรหํ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อธิวาเสติ พาราณสิยํ วสฺสาวาส’นฺติ อหุเทว อฺถตฺตํ ¶ , อหุ โทมนสฺสํ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, อฺโ โกจิ มยา อุปฏฺากตโร’ติ?
‘‘‘อตฺถิ, มหาราช, เวคฬิงฺคํ นาม คามนิคโม. ตตฺถ ฆฏิกาโร นาม กุมฺภกาโร; โส เม อุปฏฺาโก อคฺคุปฏฺาโก. ตุยฺหํ โข ปน, มหาราช, น เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อธิวาเสติ พาราณสิยํ วสฺสาวาสนฺติ อตฺเถว [อตฺถิ (สี. ปี.)] อฺถตฺตํ, อตฺถิ โทมนสฺสํ. ตยิทํ ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส [ฆฏิกาเร กุมฺภกาเร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นตฺถิ จ น จ ภวิสฺสติ. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร พุทฺธํ สรณํ คโต, ธมฺมํ สรณํ ¶ คโต, สงฺฆํ สรณํ คโต. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ทุกฺเข นิกฺกงฺโข, ทุกฺขสมุทเย นิกฺกงฺโข, ทุกฺขนิโรเธ นิกฺกงฺโข, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย นิกฺกงฺโข. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร เอกภตฺติโก พฺรหฺมจารี สีลวา กลฺยาณธมฺโม. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺโณ อเปตชาตรูปรชโต ¶ . ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ปนฺนมุสโล น สหตฺถา ปถวึ ขณติ [กุมฺภกาโร น มุสเลน น สหตฺถา ปวึ ขณติ (สฺยา. กํ. ปี.), กุมฺภกาโร น มุสเลน สหตฺถา ปถวิฺจ ขณติ (ก.)]. ยํ โหติ กูลปลุคฺคํ วา มูสิกุกฺกโร [มูสิกุกฺกุโร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา ตํ กาเชน อาหริตฺวา ภาชนํ กริตฺวา เอวมาห – ‘‘เอตฺถ โย อิจฺฉติ ตณฺฑุลปฏิภสฺตานิ [ตณฺฑุล ปภิวตฺตานิ (สี. ปี.)] วา มุคฺคปฏิภสฺตานิ วา กฬายปฏิภสฺตานิ วา นิกฺขิปิตฺวา ยํ อิจฺฉติ ตํ หรตู’’ติ. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร อนฺเธ ชิณฺเณ ¶ มาตาปิตโร โปเสติ. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา.
๒๘๙. ‘‘‘เอกมิทาหํ ¶ , มหาราช, สมยํ เวคฬิงฺเค นาม คามนิคเม วิหรามิ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจํ – ‘‘หนฺท, โก นุ โข อยํ ภคฺคโว คโต’’ติ? ‘‘นิกฺขนฺโต โข เต, ภนฺเต, อุปฏฺาโก อนฺโตกุมฺภิยา โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชา’’ติ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, กุมฺภิยา ¶ โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ [ปกฺกามึ (สฺยา. กํ. ปี.)]. อถ โข, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘โก กุมฺภิยา โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? ‘‘กสฺสโป, ตาต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุมฺภิยา โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการํ กุมฺภการํ อฑฺฒมาสํ ปีติสุขํ น วิชหติ [น วิชหิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], สตฺตาหํ มาตาปิตูนํ.
๒๙๐. ‘‘‘เอกมิทาหํ, มหาราช, สมยํ ตตฺเถว เวคฬิงฺเค นาม คามนิคเม วิหรามิ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ¶ เยน ¶ ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจํ – ‘‘หนฺท, โก นุ โข อยํ ภคฺคโว คโต’’ติ? ‘‘นิกฺขนฺโต โข เต, ภนฺเต, อุปฏฺาโก อนฺโต กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชา’’ติ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ ¶ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘โก กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? ‘‘กสฺสโป, ตาต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการํ กุมฺภการํ อฑฺฒมาสํ ปีติสุขํ น วิชหติ, สตฺตาหํ มาตาปิตูนํ.
๒๙๑. ‘‘‘เอกมิทาหํ, มหาราช, สมยํ ตตฺเถว เวคฬิงฺเค นาม คามนิคเม วิหรามิ. เตน โข ปน สมเยน กุฏิ [คนฺธกุฏิ (สี.)] โอวสฺสติ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, ภิกฺขู อามนฺเตสึ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติณํ ชานาถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, มหาราช, เต ¶ ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘‘นตฺถิ โข, ภนฺเต, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติณํ, อตฺถิ จ ขฺวาสฺส อาเวสเน ¶ [อาเวสนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ติณจฺฉทน’’ [นวจฺฉทนํ (สี.)] นฺติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ อุตฺติณํ กโรถา’’ติ. อถ โข เต, มหาราช, ภิกฺขู ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ อุตฺติณมกํสุ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘เก อาเวสนํ อุตฺติณํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘ภิกฺขู, ภคินิ, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กุฏิ โอวสฺสตี’’ติ. ‘‘หรถ, ภนฺเต, หรถ, ภทฺรมุขา’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘เก อาเวสนํ อุตฺติณมกํสู’’ติ? ‘‘ภิกฺขู, ตาต, กสฺสปสฺส กิร ภควโต ¶ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กุฏิ โอวสฺสตี’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’ติ. อถ โข, มหาราช ฆฏิการํ กุมฺภการํ ¶ อฑฺฒมาสํ ปีติสุขํ น วิชหติ, สตฺตาหํ มาตาปิตูนํ. อถ โข, มหาราช, อาเวสนํ สพฺพนฺตํ เตมาสํ อากาสจฺฉทนํ อฏฺาสิ, น เทโวติวสฺสิ [น จาติวสฺสิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. เอวรูโป จ, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร’ติ. ‘ลาภา, ภนฺเต, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส, สุลทฺธา, ภนฺเต, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส ยสฺส ภควา เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’’ติ.
๒๙๒. ‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส ปฺจมตฺตานิ ตณฺฑุลวาหสตานิ ปาเหสิ ปณฺฑุปุฏกสฺส สาลิโน ตทุปิยฺจ สูเปยฺยํ. อถ โข เต, อานนฺท, ราชปุริสา ฆฏิการํ กุมฺภการํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘อิมานิ โข, ภนฺเต, ปฺจมตฺตานิ ตณฺฑุลวาหสตานิ กิกินา กาสิราเชน ปหิตานิ ปณฺฑุปุฏกสฺส สาลิโน ตทุปิยฺจ สูเปยฺยํ. ตานิ, ภนฺเต, ปฏิคฺคณฺหถา’ติ [ปติคฺคณฺหาตูติ (สี. ปี.), ปฏิคฺคณฺหาตูติ (สฺยา. กํ.)]. ‘ราชา โข พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย. อลํ เม! รฺโว โหตู’ติ. สิยา โข ปน เต, อานนฺท, เอวมสฺส – ‘อฺโ นูน เตน สมเยน โชติปาโล มาณโว อโหสี’ติ. น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ เตน สมเยน โชติปาโล มาณโว อโหสิ’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ฆฏิการสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. รฏฺปาลสุตฺตํ
๒๙๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน ถุลฺลโกฏฺิกํ [ถูลโกฏฺิกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม กุรูนํ นิคโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข ถุลฺลโกฏฺิกา [ถูลโกฏฺิตกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ¶ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต กุรูสุ จาริกํ ¶ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ถุลฺลโกฏฺิกํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข ถุลฺลโกฏฺิกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ¶ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข ถุลฺลโกฏฺิเก พฺราหฺมณคหปติเก ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ.
๒๙๔. เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส [อคฺคกุลิกสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปุตฺโต ติสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยถา ยถา ขฺวาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ [ยถา ยถา โข ภควา ธมฺมํ เทเสติ (สี.)], นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. อถ โข ถุลฺลโกฏฺิกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา ¶ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ¶ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อจิรปกฺกนฺเตสุ ถุลฺลโกฏฺิเกสุ ¶ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยถา ยถาหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ ¶ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทํ. ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ [เอตฺถ ‘‘ลเภยฺยาหํ…เป… อุปสมฺปทํ’’ติ วากฺยทฺวยํ สพฺเพสุปิ มูลโปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน สุทินฺนภาณวาเร เอตํ นตฺถิ. ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ อิทํ ปน วากฺยํ มรมฺมโปตฺถเก เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยฺจ ตเทว อตฺถิ]. ‘‘อนฺุาโตสิ ปน ตฺวํ, รฏฺปาล, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ‘‘น โขหํ, ภนฺเต, อนฺุาโต มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. ‘‘น โข, รฏฺปาล, ตถาคตา อนนฺุาตํ มาตาปิตูหิ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. ‘‘สฺวาหํ, ภนฺเต, ตถา กริสฺสามิ ยถา มํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ.
๒๙๕. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต [สุขปริหโต (สฺยา. กํ. ก.) (เอหิ ตฺวํ ตาต รฏฺปาล ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเร หิ จ, ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ, น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย,) สพฺพตฺถ ทิสฺสติ, สุทินฺนกณฺเฑ ปน นตฺถิ, อฏฺกถาสุปิ น ทสฺสิตํ]. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล ¶ , กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ ¶ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ¶ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ทุติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต…เป… ตติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ¶ รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ?
๒๙๖. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต – ‘‘น มํ มาตาปิตโร อนุชานนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปชฺชิ – ‘‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ปพฺพชฺชา วา’’ติ. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต เอกมฺปิ ภตฺตํ น ภฺุชิ, ทฺเวปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, ตีณิปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, จตฺตาริปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, ปฺจปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, ฉปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, สตฺตปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ. อถ ¶ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ, ทุกฺขสฺส ชานาสิ [‘‘มรเณนปิ เต…เป… ปพฺพชฺชายา’’ติ วากฺยทฺวยํ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ ทุติยฏฺาเน เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน ปมฏฺาเน เยว ทิสฺสติ. ตสฺมา อิธ ทุติยฏฺาเน ปุนาคตํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ]. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. อุฏฺเหิ, ตาต รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย [‘‘มรเณนปิ เต…เป… ปพฺพชายา’’ติ วากฺยทฺวยํ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ ทุติยฏฺาเน เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน ปมฏฺาเน เยว ทิสฺสติ. ตสฺมา อิธ ทุติยฏฺาเน ปุนาคตํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ]. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? เอวํ วุตฺเต, รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร ¶ รฏฺปาลํ ¶ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ…เป… ทุติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ตติยมฺปิ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม, กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. อุฏฺเหิ, ตาต รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม ¶ . กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ตติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
๒๙๗. อถ ¶ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาโล กุลปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ [ตฺวํ โข (สี. ปี.)], สมฺม รฏฺปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, สมฺม รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. อุฏฺเหิ, สมฺม รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ [อนุชานนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? เอวํ วุตฺเต, รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข… ตติยมฺปิ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, สมฺม รฏฺปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต, น ตฺวํ, สมฺม รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย? อุฏฺเหิ, สมฺม รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ ¶ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ตติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
๒๙๘. อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจุํ – ‘‘อมฺมตาตา, เอโส รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปนฺโน – ‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ¶ ปพฺพชฺชา วา’ติ. สเจ ตุมฺเห รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ นานุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพชฺชาย, ตตฺเถว [ตตฺเถวสฺส (สี.)] มรณํ อาคมิสฺสติ. สเจ ปน ตุมฺเห รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ อนุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, ปพฺพชิตมฺปิ นํ ทกฺขิสฺสถ. สเจ รฏฺปาโล กุลปุตฺโต นาภิรมิสฺสติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, กา ตสฺส [กา จสฺส (สี.)] อฺา คติ ภวิสฺสติ? อิเธว ¶ ปจฺจาคมิสฺสติ. อนุชานาถ รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. ‘‘อนุชานาม, ตาตา, รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. ปพฺพชิเตน จ ปน [ปน เต (สฺยา. กํ. ก.)] มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตพฺพา’’ติ. อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาโล กุลปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุฏฺเหิ, สมฺม รฏฺปาล [‘‘ตฺวํ โขสิ สมฺม รฏฺปาล มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริหโต, น ตฺวํ สมฺม รฏฺปาล กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, อุฏฺเหิ สมฺม รฏฺปาล ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ, (สี. ปี. ก.)], อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. ปพฺพชิเตน จ ปน เต มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตพฺพา’’ติ.
๒๙๙. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อุฏฺหิตฺวา พลํ คาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อนฺุาโต อหํ, ภนฺเต, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ. อลตฺถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควโต ¶ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อถ โข ภควา อจิรูปสมฺปนฺเน อายสฺมนฺเต รฏฺปาเล อฑฺฒมาสูปสมฺปนฺเน ถุลฺลโกฏฺิเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ¶ สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย ¶ กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา รฏฺปาโล อรหตํ อโหสิ.
อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตุํ, สเจ มํ ภควา อนุชานาตี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ [เจโตปริวิตกฺกํ (สี. ปี.)] มนสากาสิ. ยถา [ยทา (สี. ปี.)] ภควา อฺาสิ ¶ – ‘‘อภพฺโพ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตุ’’นฺติ, อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, รฏฺปาล, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ถุลฺลโกฏฺิกํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ถุลฺลโกฏฺิโก ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา รฏฺปาโล ถุลฺลโกฏฺิเก วิหรติ รฺโ โกรพฺยสฺส มิคจีเร. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ถุลฺลโกฏฺิกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ถุลฺลโกฏฺิเก สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกปิตุ นิเวสนํ ¶ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อุลฺลิขาเปติ. อทฺทสา โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เอตทโวจ – ‘‘อิเมหิ มุณฺฑเกหิ สมณเกหิ อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป ปพฺพาชิโต’’ติ ¶ . อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ¶ สกปิตุ นิเวสเน เนว ทานํ อลตฺถ น ปจฺจกฺขานํ; อฺทตฺถุ อกฺโกสเมว อลตฺถ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส าติทาสี อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ฉฑฺเฑตุกามา โหติ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ตํ าติทาสึ เอตทโวจ – ‘‘สเจตํ, ภคินิ, ฉฑฺฑนียธมฺมํ, อิธ เม ปตฺเต อากิรา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส าติทาสี ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปตฺเต อากิรนฺตี หตฺถานฺจ ปาทานฺจ สรสฺส จ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ.
๓๐๐. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส าติทาสี เยนายสฺมโต รฏฺปาลสฺส มาตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส มาตรํ เอตทโวจ – ‘‘ยคฺเฆยฺเย, ชาเนยฺยาสิ – ‘อยฺยปุตฺโต รฏฺปาโล อนุปฺปตฺโต’’’ติ. ‘‘สเจ, เช, สจฺจํ ภณสิ, อทาสึ ตํ กโรมี’’ติ [สจฺจํ วทสิ, อทาสี ภวสีติ (สี. ปี.), สจฺจํ วทสิ, อทาสี ภวิสฺสสิ (ก.)]. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส มาตา เยนายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต ¶ รฏฺปาลสฺส ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘ยคฺเฆ, คหปติ, ชาเนยฺยาสิ – ‘รฏฺปาโล กิร กุลปุตฺโต อนุปฺปตฺโต’’’ติ? เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา รฏฺปาโล ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อฺตรํ กุฏฺฏมูลํ [กุฑฺฑํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิสฺสาย ปริภฺุชติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา เยนายสฺมา รฏฺปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นาม, ตาต รฏฺปาล, อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสิ? นนุ, ตาต รฏฺปาล, สกํ เคหํ คนฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘กุโต โน, คหปติ, อมฺหากํ เคหํ อคารสฺมา ¶ อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ? อนคารา มยํ, คหปติ. อคมมฺห โข ¶ เต, คหปติ, เคหํ, ตตฺถ เนว ทานํ อลตฺถมฺห น ปจฺจกฺขานํ; อฺทตฺถุ อกฺโกสเมว อลตฺถมฺหา’’ติ. ‘‘เอหิ, ตาต รฏฺปาล, ฆรํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อลํ, คหปติ, กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํ’’. ‘‘เตน หิ, ตาต รฏฺปาล, อธิวาเสหิ สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ตุณฺหีภาเวน. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหนฺตํ หิรฺสุวณฺณสฺส ¶ ปฺุชํ การาเปตฺวา กิลฺเชหิ ¶ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปุราณทุติยิกา อามนฺเตสิ – ‘‘เอถ ตุมฺเห, วธุโย, เยน อลงฺกาเรน อลงฺกตา ปุพฺเพ รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส ปิยา โหถ มนาปา เตน อลงฺกาเรน อลงฺกโรถา’’ติ.
๓๐๑. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, ตาต รฏฺปาล, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สกปิตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา ตํ หิรฺสุวณฺณสฺส ปฺุชํ วิวราเปตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ เต, ตาต รฏฺปาล, มาตุ มตฺติกํ ธนํ, อฺํ เปตฺติกํ, อฺํ ปิตามหํ. สกฺกา, ตาต รฏฺปาล, โภเค จ ภฺุชิตุํ ปฺุานิ จ กาตุํ. เอหิ ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล [รฏฺปาล สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย (สพฺพตฺถ)] ¶ , หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภฺุชสฺสุ ปฺุานิ จ กโรหี’’ติ. ‘‘สเจ เม ตฺวํ, คหปติ, วจนํ กเรยฺยาสิ, อิมํ หิรฺสุวณฺณสฺส ปฺุชํ สกเฏ อาโรเปตฺวา นิพฺพาหาเปตฺวา ¶ มชฺเฌคงฺคาย นทิยา โสเต โอปิลาเปยฺยาสิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เย อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ หิ เต, คหปติ, ตโตนิทานํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปุราณทุติยิกา ปจฺเจกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจุํ – ‘‘กีทิสา นาม ตา, อยฺยปุตฺต, อจฺฉราโย ยาสํ ตฺวํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรสี’’ติ? ‘‘น โข มยํ, ภคินี, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรามา’’ติ. ‘‘ภคินิวาเทน โน อยฺยปุตฺโต รฏฺปาโล สมุทาจรตี’’ติ ตา ตตฺเถว มุจฺฉิตา ปปตึสุ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, คหปติ, โภชนํ ทาตพฺพํ, เทถ; มา โน วิเหเถา’’ติ. ‘‘ภฺุช, ตาต รฏฺปาล, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ¶ ปิตา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ.
๓๐๒. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภุตฺตาวี โอนีตปตฺตปาณี ิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปสฺส ¶ จิตฺตีกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิติ.
‘‘ปสฺส จิตฺตีกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;
อฏฺิ ตเจน โอนทฺธํ, สห วตฺเถภิ โสภติ.
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;
อลํ ¶ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฏฺาปทกตา ¶ เกสา, เนตฺตา อฺชนมกฺขิตา;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฺชนีว นวา [อฺชนีวณฺณวา (ก.)] จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วากรํ มิโค;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม [คจฺฉามิ (สฺยา. ก.)], กนฺทนฺเต มิคพนฺธเก’’ติ.
อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เยน รฺโ โกรพฺยสฺส มิคจีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.
๓๐๓. อถ ¶ โข ราชา โกรพฺโย มิควํ อามนฺเตสิ – ‘‘โสเธหิ, สมฺม มิคว, มิคจีรํ อุยฺยานภูมึ; คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข มิคโว รฺโ โกรพฺยสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มิคจีรํ โสเธนฺโต อทฺทส อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ. ทิสฺวาน เยน ราชา โกรพฺโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ โกรพฺยํ เอตทโวจ – ‘‘สุทฺธํ โข เต, เทว, มิคจีรํ. อตฺถิ เจตฺถ รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต ยสฺส ตฺวํ อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสิ, โส อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม มิคว, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา. ตเมว ทานิ มยํ ภวนฺตํ รฏฺปาลํ ปยิรุปาสิสฺสามา’’ติ. อถ ¶ โข ราชา โกรพฺโย ‘‘ยํ ตตฺถ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยตฺตํ ตํ สพฺพํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ วตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ ถุลฺลโกฏฺิกมฺหา นิยฺยาสิ ¶ มหจฺจราชานุภาเวน [มหจฺจา ราชานุภาเวน (สี.)] อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อุสฺสฏาย อุสฺสฏาย ปริสาย เยนายสฺมา รฏฺปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา รฏฺปาเลน ¶ สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา โกรพฺโย อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ ภวํ รฏฺปาล หตฺถตฺถเร [กฏฺตฺถเร (สฺยา. กํ.)] นิสีทตู’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, นิสีท ตฺวํ; นิสินฺโน อหํ สเก อาสเน’’ติ. นิสีทิ ราชา โกรพฺโย ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ราชา โกรพฺโย อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ –
๓๐๔. ‘‘จตฺตาริมานิ, โภ รฏฺปาล, ปาริชฺุานิ เยหิ ปาริชฺุเหิ สมนฺนาคตา อิเธกจฺเจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ. กตมานิ จตฺตาริ? ชราปาริชฺุํ, พฺยาธิปาริชฺุํ, โภคปาริชฺุํ, าติปาริชฺุํ. กตมฺจ, โภ รฏฺปาล, ชราปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล ¶ , เอกจฺโจ ชิณฺโณ โหติ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ [ผาติกตฺตุํ (สี.)]. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส เตน ชราปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, ชราปาริชฺุํ. ภวํ โข ปน รฏฺปาโล เอตรหิ ทหโร ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส ชราปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘กตมฺจ, โภ รฏฺปาล, พฺยาธิปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล, เอกจฺโจ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ¶ – ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ ¶ . ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส ¶ เตน พฺยาธิปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, พฺยาธิปาริชฺุํ. ภวํ โข ปน รฏฺปาโล เอตรหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส พฺยาธิปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘กตมฺจ ¶ , โภ รฏฺปาล, โภคปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. ตสฺส เต โภคา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข ปุพฺเพ อฑฺโฒ อโหสึ มหทฺธโน มหาโภโค. ตสฺส เม เต โภคา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คตา. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส เตน โภคปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, โภคปาริชฺุํ. ภวํ โข ปน รฏฺปาโล อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส โภคปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘กตมฺจ ¶ , โภ รฏฺปาล, าติปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล, เอกจฺจสฺส พหู โหนฺติ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา. ตสฺส เต าตกา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘มมํ โข ปุพฺเพ พหู อเหสุํ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา. ตสฺส เม เต อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คตา. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ ¶ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส ¶ เตน าติปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, าติปาริชฺุํ. โภโต โข ปน รฏฺปาลสฺส อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก พหู มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส าติปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘อิมานิ โข, โภ รฏฺปาล, จตฺตาริ ปาริชฺุานิ, เยหิ ปาริชฺุเหิ สมนฺนาคตา อิเธกจฺเจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ. ตานิ โภโต รฏฺปาลสฺส นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ?
๓๐๕. ‘‘อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺา, เย อหํ [ยมหํ (สฺยา. กํ. ก.)] ตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. กตเม จตฺตาโร? ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปโม ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทุติโย ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตติโย ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตุตฺโถ ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา ¶ จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อิเม โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ¶ จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺา, เย อหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ.
๓๐๖. ‘‘‘อุปนิยฺยติ ¶ โลโก อทฺธุโว’ติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส ¶ , โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ตฺวํ วีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร’’ติ? ‘‘อโหสึ อหํ, โภ รฏฺปาล, วีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร. อปฺเปกทาหํ, โภ รฏฺปาล, อิทฺธิมาว มฺเ น [อิทฺธิมา มฺเ น (สฺยา. กํ.), อิทฺธิมา จ มฺเ (สี.), น วิย มฺเ (ก.)] อตฺตโน พเลน สมสมํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เอวเมว ตฺวํ เอตรหิ อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ รฏฺปาล. เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต อาสีติโก เม วโย วตฺตติ. อปฺเปกทาหํ, โภ รฏฺปาล, ‘อิธ ปาทํ กริสฺสามี’ติ อฺเเนว ปาทํ กโรมี’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ. อุปนิยฺยติ หิ ¶ , โภ รฏฺปาล, โลโก อทฺธุโว.
‘‘สํวิชฺชนฺเต โข, โภ รฏฺปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล หตฺถิกายาปิ อสฺสกายาปิ รถกายาปิ ปตฺติกายาปิ, อมฺหากํ อาปทาสุ ปริโยธาย ¶ วตฺติสฺสนฺติ. ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส ปน, โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อตฺถิ เต โกจิ อนุสายิโก อาพาโธ’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม, โภ รฏฺปาล, อนุสายิโก อาพาโธ. อปฺเปกทา มํ, โภ รฏฺปาล, มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ¶ ปริวาเรตฺวา ิตา โหนฺติ – ‘อิทานิ ราชา โกรพฺโย กาลํ กริสฺสติ, อิทานิ ราชา โกรพฺโย กาลํ กริสฺสตี’’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ลภสิ ตฺวํ ¶ เต มิตฺตามจฺเจ าติสาโลหิเต – ‘อายนฺตุ เม โภนฺโต มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา, สพฺเพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺย’นฺติ – อุทาหุ ตฺวํเยว ตํ เวทนํ เวทิยสี’’ติ? ‘‘นาหํ, โภ รฏฺปาล, ลภามิ เต มิตฺตามจฺเจ าติสาโลหิเต – ‘อายนฺตุ เม โภนฺโต มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา, สพฺเพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺย’นฺติ. อถ โข อหเมว ตํ เวทนํ เวทิยามี’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ¶ ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ. อตาโณ หิ, โภ รฏฺปาล, โลโก อนภิสฺสโร.
‘‘สํวิชฺชติ โข, โภ รฏฺปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล ปหูตํ หิรฺสุวณฺณํ ภูมิคตฺจ เวหาสคตฺจ. ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส ปน, โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยถา ตฺวํ เอตรหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ ¶ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ปรตฺถาปิ – ‘เอวเมวาหํ อิเมเหว ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี’ติ, อุทาหุ อฺเ อิมํ โภคํ ปฏิปชฺชิสฺสนฺติ, ตฺวํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘ยถาหํ, โภ รฏฺปาล, เอตรหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมิ, นาหํ ลจฺฉามิ ปรตฺถาปิ – ‘เอวเมว อิเมเหว ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี’ติ. อถ โข อฺเ อิมํ โภคํ ปฏิปชฺชิสฺสนฺติ; อหํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อสฺสโก โลโก ¶ , สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ ¶ . อสฺสโก หิ, โภ รฏฺปาล, โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํ.
‘‘‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส, โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ รฏฺปาล, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสามี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโก. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปุรตฺถิมาย ทิสาย? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธฺํ [ทนฺตาชินํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; พหุ ตตฺถ หิรฺสุวณฺณํ อกตฺเจว กตฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโห. สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมตฺเตน [พลตฺเถน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), พหลตฺเถน (ก.)] อภิวิชินิตุํ. อภิวิชิน, มหาราชา’ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ตมฺปิ ¶ มยํ, โภ รฏฺปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปจฺฉิมาย ทิสาย… อุตฺตราย ทิสาย… ทกฺขิณาย ทิสาย… ปรสมุทฺทโต สทฺธายิโก ปจฺจยิโก. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปรสมุทฺทโต? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ¶ ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธฺํ; พหุ ตตฺถ หิรฺสุวณฺณํ อกตฺเจว กตฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโห. สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมตฺเตน อภิวิชินิตุํ. อภิวิชิน, มหาราชา’ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ตมฺปิ มยํ, โภ รฏฺปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ. อูโน หิ, โภ รฏฺปาล, โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ¶ อายสฺมา รฏฺปาโล. อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
๓๐๗. ‘‘ปสฺสามิ โลเก สธเน มนุสฺเส,
ลทฺธาน วิตฺตํ น ททนฺติ โมหา;
ลุทฺธา ธนํ [ลทฺธา ธนํ (ก.)] สนฺนิจยํ กโรนฺติ,
ภิยฺโยว กาเม อภิปตฺถยนฺติ.
‘‘ราชา ปสยฺหา ปถวึ วิชิตฺวา,
สสาครนฺตํ มหิมาวสนฺโต [มหิยา วสนฺโต (สี. ก.)];
โอรํ สมุทฺทสฺส อติตฺตรูโป,
ปารํ ¶ สมุทฺทสฺสปิ ปตฺถเยถ.
‘‘ราชา ¶ จ อฺเ จ พหู มนุสฺสา,
อวีตตณฺหา [อติตฺตตณฺหา (ก.)] มรณํ อุเปนฺติ;
อูนาว หุตฺวาน ชหนฺติ เทหํ,
กาเมหิ โลกมฺหิ น หตฺถิ ติตฺติ.
‘‘กนฺทนฺติ นํ าตี ปกิริย เกเส,
อโหวตา โน อมราติ จาหุ;
วตฺเถน นํ ปารุตํ นีหริตฺวา,
จิตํ สมาทาย [สมาธาย (สี.)] ตโตฑหนฺติ.
‘‘โส ฑยฺหติ สูเลหิ ตุชฺชมาโน,
เอเกน วตฺเถน ปหาย โภเค;
น มียมานสฺส ภวนฺติ ตาณา,
าตีธ มิตฺตา อถ วา สหายา.
‘‘ทายาทกา ¶ ตสฺส ธนํ หรนฺติ,
สตฺโต ปน คจฺฉติ เยน กมฺมํ;
น มียมานํ ธนมนฺเวติ กิฺจิ,
ปุตฺตา จ ทารา จ ธนฺจ รฏฺํ.
‘‘น ¶ ทีฆมายุํ ลภเต ธเนน, น จาปิ วิตฺเตน ชรํ วิหนฺติ;
อปฺปํ หิทํ ชีวิตมาหุ ธีรา, อสสฺสตํ ¶ วิปฺปริณามธมฺมํ.
‘‘อฑฺฒา ทลิทฺทา จ ผุสนฺติ ผสฺสํ,
พาโล จ ธีโร จ ตเถว ผุฏฺโ;
พาโล จ พาลฺยา วธิโตว เสติ,
ธีโร จ [ธีโรว (ก.)] น เวธติ ผสฺสผุฏฺโ.
‘‘ตสฺมา หิ ปฺาว ธเนน เสยฺโย,
ยาย โวสานมิธาธิคจฺฉติ;
อพฺโยสิตตฺตา [อโสสิตตฺตา (สี. ปี.)] หิ ภวาภเวสุ,
ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺติ โมหา.
‘‘อุเปติ คพฺภฺจ ปรฺจ โลกํ,
สํสารมาปชฺช ปรมฺปราย;
ตสฺสปฺปปฺโ อภิสทฺทหนฺโต,
อุเปติ คพฺภฺจ ปรฺจ โลกํ.
‘‘โจโร ¶ ยถา สนฺธิมุเข คหิโต,
สกมฺมุนา หฺติ ปาปธมฺโม;
เอวํ ปชา เปจฺจ ปรมฺหิ โลเก,
สกมฺมุนา หฺติ ปาปธมฺโม.
‘‘กามาหิ ¶ จิตฺรา มธุรา มโนรมา,
วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;
อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา,
ตสฺมา ¶ อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราช.
‘‘ทุมปฺผลาเนว ปตนฺติ มาณวา,
ทหรา จ วุฑฺฒา จ สรีรเภทา;
เอตมฺปิ ทิสฺวา [เอวมฺปิ ทิสฺวา (สี.), เอตํ วิทิตฺวา (สฺยา. กํ.)] ปพฺพชิโตมฺหิ ราช,
อปณฺณกํ สามฺเมว เสยฺโย’’ติ.
รฏฺปาลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. มฆเทวสุตฺตํ
๓๐๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวอมฺพวเน [มขาเทวอมฺพวเน (สี. ปี.), มคฺฆเทวอมฺพวเน (ก.)]. อถ โข ภควา อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมิสฺสาเยว มิถิลายํ ราชา อโหสิ มฆเทโว นาม ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ ¶ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺส. อถ โข, อานนฺท, ราชา มฆเทโว พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน กปฺปกํ อามนฺเตสิ – ‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อทฺทสา โข, อานนฺท, กปฺปโก พหูนํ วสฺสานํ ¶ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน รฺโ มฆเทวสฺส สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ. ทิสฺวาน ราชานํ มฆเทวํ เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เทวสฺส เทวทูตา, ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานี’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม กปฺปก, ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา มม อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา รฺโ มฆเทวสฺส อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปสิ.
๓๐๙. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มฆเทโว กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เม, ตาต กุมาร, เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ; ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา; สมโย ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิตุํ. เอหิ ¶ ¶ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช. อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ. เตน หิ, ตาต กุมาร, ยทา ตฺวมฺปิ ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยาสิ. เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสิ. ยสฺมึ โข, ตาต กุมาร, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส ¶ สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ ตาหํ, ตาต กุมาร, เอวํ วทามิ – เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ ¶ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’ติ. อถ โข, อานนฺท, ราชา มฆเทโว กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อพฺยาปชฺเชน (ก.)] ผริตฺวา วิหาสิ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ.
‘‘ราชา โข ปนานนฺท, มฆเทโว จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต พฺรหฺมจริยมจริ. โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ¶ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
๓๑๐. ‘‘อถ ¶ โข รฺโ, อานนฺท, มฆเทวสฺส ปุตฺโต พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน กปฺปกํ อามนฺเตสิ – ‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, ปสฺเสยฺยาสิ ¶ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ โข อาโรเจยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อทฺทสา โข, อานนฺท, กปฺปโก พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ. ทิสฺวาน รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เทวสฺส เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ¶ ชาตานี’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม กปฺปก, ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา มม อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปสิ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺโต กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข, เม, ตาต กุมาร, เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ; ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา; สมโย ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิตุํ. เอหิ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช. อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ ¶ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ. เตน หิ, ตาต กุมาร, ยทา ตฺวมฺปิ ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยาสิ. เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสิ. ยสฺมึ โข, ตาต กุมาร, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ ตาหํ, ตาต กุมาร, เอวํ วทามิ – เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’ติ. อถ โข, อานนฺท, รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺโต กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ ¶ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ¶ ¶ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา ¶ วิหาสิ. รฺโ โข ปนานนฺท, มฆเทวสฺส ปุตฺโต จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต พฺรหฺมจริยมจริ. โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
๓๑๑. ‘‘รฺโ โข ปนานนฺท, มฆเทวสฺส ปุตฺตปปุตฺตกา ตสฺส ปรมฺปรา จตุราสีติราชสหสฺสานิ [จตุราสีติขตฺติยสหสฺสานิ (สี. ปี.), จตุราสีติสหสฺสานิ (สฺยา. กํ.)] อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึสุ. เต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรึสุ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรึสุ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรึสุ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน ¶ มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรึสุ. จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬึสุ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสุํ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสุํ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา ¶ อนคาริยํ ปพฺพชิตา พฺรหฺมจริยมจรึสุ. เต จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปคา อเหสุํ. นิมิ เตสํ ราชา [ราชานํ (สี. ปี.)] ปจฺฉิมโก อโหสิ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺส.
๓๑๒. ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, เทวานํ ตาวตึสานํ สุธมฺมายํ ¶ สภายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘ลาภา วต, โภ, วิเทหานํ, สุลทฺธํ วต, โภ, วิเทหานํ, เยสํ นิมิ ราชา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ ¶ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’ติ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ – ‘อิจฺเฉยฺยาถ โน ตุมฺเห, มาริสา, นิมึ ราชานํ ทฏฺุ’นฺติ? ‘อิจฺฉาม มยํ, มาริส, นิมึ ราชานํ ทฏฺุ’นฺติ. เตน โข ปน, อานนฺท, สมเยน นิมิ ราชา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาโต [สสีสํ นหาโต (สี.), สีสนฺหาโต (สฺยา. กํ.)] อุโปสถิโก อุปริปาสาทวรคโต ¶ นิสินฺโน โหติ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – เทเวสุ ตาวตึเสสุ อนฺตรหิโต นิมิสฺส รฺโ ปมุเข ปาตุรโหสิ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท นิมึ ราชานํ เอตทโวจ – ‘ลาภา เต, มหาราช, สุลทฺธํ เต, มหาราช. เทวา, มหาราช, ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ กิตฺตยมานรูปา สนฺนิสินฺนา – ‘‘ลาภา วต, โภ, วิเทหานํ, สุลทฺธํ วต, โภ, วิเทหานํ, เยสํ นิมิ ราชา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’’ติ. เทวา เต, มหาราช, ตาวตึสา ทสฺสนกามา. ตสฺส เต อหํ, มหาราช, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ ปหิณิสฺสามิ; อภิรุเหยฺยาสิ, มหาราช, ทิพฺพํ ยานํ อวิกมฺปมาโน’ติ. อธิวาเสสิ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา ตุณฺหีภาเวน.
๓๑๓. ‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท นิมิสฺส รฺโ อธิวาสนํ วิทิตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – นิมิสฺส รฺโ ปมุเข อนฺตรหิโต เทเวสุ ตาวตึเสสุ ปาตุรโหสิ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา ¶ นิมึ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทหิ – อยํ เต, มหาราช, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ สกฺเกน เทวานมินฺเทน เปสิโต; อภิรุเหยฺยาสิ, มหาราช, ทิพฺพํ ยานํ ¶ อวิกมฺปมาโน’ติ. ‘เอวํ, ภทฺทนฺตวา’ติ โข, อานนฺท, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา นิมึ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘อยํ เต, มหาราช, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ สกฺเกน เทวานมินฺเทน เปสิโต; อภิรุห, มหาราช, ทิพฺพํ ยานํ อวิกมฺปมาโน. อปิ จ, มหาราช, กตเมน ตํ เนมิ, เยน วา ปาปกมฺมา ปาปกานํ กมฺมานํ ¶ วิปากํ ปฏิสํเวเทนฺติ, เยน วา กลฺยาณกมฺมา กลฺยาณกมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ? ‘อุภเยเนว มํ, มาตลิ, เนหี’ติ. สมฺปเวเสสิ [สมฺปาเปสิ (สี. ปี.)] โข, อานนฺท, มาตลิ, สงฺคาหโก นิมึ ราชานํ สุธมฺมํ สภํ. อทฺทสา โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท นิมึ ราชานํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน นิมึ ราชานํ เอตทโวจ – ‘เอหิ โข, มหาราช. สฺวาคตํ, มหาราช. เทวา เต ทสฺสนกามา, มหาราช, ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ กิตฺตยมานรูปา สนฺนิสินฺนา – ‘‘ลาภา วต, โภ, วิเทหานํ, สุลทฺธํ วต, โภ, วิเทหานํ, เยสํ นิมิ ราชา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’’ติ. เทวา เต, มหาราช, ตาวตึสา ทสฺสนกามา ¶ . อภิรม, มหาราช, เทเวสุ เทวานุภาเวนา’ติ. ‘อลํ, มาริส, ตตฺเถว มํ มิถิลํ ปฏิเนตุ. ตถาหํ ธมฺมํ จริสฺสามิ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสามิ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’ติ.
๓๑๔. ‘‘อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา นิมึ ¶ ราชานํ ตตฺเถว มิถิลํ ปฏิเนหี’ติ. ‘เอวํ, ภทฺทนฺตวา’ติ โข, อานนฺท, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา นิมึ ราชานํ ตตฺเถว มิถิลํ ปฏิเนสิ. ตตฺร สุทํ, อานนฺท, นิมิ ราชา ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ, อุโปสถฺจ ¶ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสาติ. อถ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน กปฺปกํ อามนฺเตสิ – ‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก นิมิสฺส รฺโ ปจฺจสฺโสสิ. อทฺทสา โข, อานนฺท, กปฺปโก พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน นิมิสฺส รฺโ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ. ทิสฺวาน นิมึ ราชานํ เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เทวสฺส เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานี’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม กปฺปก, ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ ¶ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา มม อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก นิมิสฺส รฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน ¶ อุทฺธริตฺวา นิมิสฺส รฺโ อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปสิ. อถ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เม, ตาต กุมาร, เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ; ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา; สมโย ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิตุํ. เอหิ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช. อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ. เตน หิ, ตาต กุมาร, ยทา ตฺวมฺปิ ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยาสิ. เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสิ. ยสฺมึ โข, ตาต กุมาร, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ ตาหํ, ตาต กุมาร, เอวํ วทามิ – ‘เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’ติ.
๓๑๕. ‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา ¶ เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ ¶ , ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ. นิมิ โข, ปนานนฺท, ราชา จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต พฺรหฺมจริยมจริ. โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ. นิมิสฺส โข ปนานนนฺท ¶ , รฺโ กฬารชนโก นาม ปุตฺโต อโหสิ. น โส อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ สมุจฺฉินฺทิ. โส เตสํ อนฺติมปุริโส อโหสิ.
๓๑๖. ‘‘สิยา ¶ โข ปน เต, อานนฺท, เอวมสฺส – ‘อฺโ นูน เตน สมเยน ราชา มฆเทโว อโหสิ, เยน ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิต’นฺติ [โย ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหินีติ (สี.)]. น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ เตน สมเยน ราชา มฆเทโว อโหสึ. (อหํ ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหินึ,) [( ) นตฺถิ (ก.)] มยา ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ; ปจฺฉิมา ชนตา อนุปฺปวตฺเตสิ. ตํ โข ปนานนฺท, กลฺยาณํ วตฺตํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา. อิทํ โข ปนานนฺท, เอตรหิ มยา กลฺยาณํ วตฺตํ ¶ นิหิตํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตมฺจานนฺท, เอตรหิ มยา กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม ¶ , สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตรหิ มยา กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. ตํ โว อหํ, อานนฺท, เอวํ วทามิ – ‘เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาถ, มา โข เม ตุมฺเห อนฺติมปุริสา อหุวตฺถ’. ยสฺมึ โข, อานนฺท, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส ¶ สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ โว อหํ, อานนฺท, เอวํ วทามิ – ‘เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาถ, มา โข เม ตุมฺเห อนฺติมปุริสา อหุวตฺถา’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มฆเทวสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. มธุรสุตฺตํ
๓๑๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหากจฺจาโน มธุรายํ วิหรติ คุนฺทาวเน. อสฺโสสิ โข ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, กจฺจาโน มธุรายํ [มถุรายํ (ฏีกา)] วิหรติ คุนฺทาวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ กจฺจานํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฏิภาโน วุทฺโธ เจว อรหา จ’. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ มธุราย นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ อายสฺมตา ¶ มหากจฺจาเนน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ กจฺจาน, เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. อิธ ภวํ กจฺจาโน กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘โฆโสเยว โข เอโส, มหาราช, โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา ¶ พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. ตทมินาเปตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโสเยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๑๘. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ขตฺติยสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี ¶ กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘ขตฺติยสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, พฺราหฺมณสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ¶ … ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ¶ … ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เวสฺสสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… สุทฺโทปิสฺสาสฺส… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘เวสฺสสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… สุทฺโทปิสฺสาสฺส… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, สุทฺทสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘สุทฺทสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี ¶ มนาปจารี ปิยวาทีติ… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา ¶ โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ [นาสํ (สี.), นาหํ (สฺยา. กํ.)] เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๑๙. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส ขตฺติโย ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ [มิจฺฉาทิฏฺี (สพฺพตฺถ)] กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ ¶ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ขตฺติโยปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส พฺราหฺมโณ…เป… อิธสฺส เวสฺโส…เป… อิธสฺส สุทฺโท ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุทฺโทปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา ¶ โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา ¶ โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ ¶ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๐. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส ขตฺติโย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต, อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ ¶ [สมฺมาทิฏฺี (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ขตฺติโยปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต, อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส พฺราหฺมโณ, อิธสฺส เวสฺโส, อิธสฺส สุทฺโท ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา ¶ เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุทฺโทปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา ¶ โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๑. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ขตฺติโย สนฺธึ วา ฉินฺเทยฺย, นิลฺโลปํ วา หเรยฺย, เอกาคาริกํ วา กเรยฺย, ปริปนฺเถ วา ติฏฺเยฺย, ปรทารํ วา คจฺเฉยฺย, ตฺเจ เต ปุริสา คเหตฺวา ทสฺเสยฺยุํ – ‘อยํ เต, เทว, โจโร อาคุจารี. อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติ. กินฺติ ¶ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ฆาเตยฺยาม วา, โภ กจฺจาน, ชาเปยฺยาม วา ปพฺพาเชยฺยาม วา ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส ¶ , โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘ขตฺติโย’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; โจโรตฺเวว สงฺขฺยํ [สงฺขํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ พฺราหฺมโณ, อิธ เวสฺโส, อิธ สุทฺโท สนฺธึ วา ฉินฺเทยฺย, นิลฺโลปํ วา หเรยฺย, เอกาคาริกํ วา กเรยฺย, ปริปนฺเถ วา ติฏฺเยฺย, ปรทารํ วา คจฺเฉยฺย, ตฺเจ เต ปุริสา คเหตฺวา ทสฺเสยฺยุํ – ‘อยํ เต, เทว, โจโร อาคุจารี. อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติ. กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ฆาเตยฺยาม วา, โภ กจฺจาน, ชาเปยฺยาม วา ปพฺพาเชยฺยาม วา ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘สุทฺโท’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; โจโรตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน ¶ อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๒. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ขตฺติโย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต อสฺส วิรโต ปาณาติปาตา, วิรโต อทินฺนาทานา, วิรโต มุสาวาทา, รตฺตูปรโต, เอกภตฺติโก, พฺรหฺมจารี, สีลวา, กลฺยาณธมฺโม? กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา [ปิ (ที. นิ. ๑.๑๘๔, ๑๘๗ สามฺผเล)], โภ กจฺจาน, ปจฺจุฏฺเยฺยาม วา อาสเนน วา ¶ นิมนฺเตยฺยาม อภินิมนฺเตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘ขตฺติโย’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; สมโณตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ พฺราหฺมโณ, อิธ เวสฺโส, อิธ สุทฺโท เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต อสฺส วิรโต ปาณาติปาตา, วิรโต อทินฺนาทานา วิรโต มุสาวาทา, รตฺตูปรโต, เอกภตฺติโก, พฺรหฺมจารี, สีลวา, กลฺยาณธมฺโม? กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา, โภ กจฺจาน, ปจฺจุฏฺเยฺยาม วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยาม อภินิมนฺเตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘สุทฺโท’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; สมโณตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๓. เอวํ ¶ วุตฺเต, ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน, อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน! เสยฺยถาปิ, โภ กจฺจาน, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา กจฺจาเนน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ กจฺจานํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ¶ . อุปาสกํ มํ ภวํ กจฺจาโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ‘‘มา โข มํ ตฺวํ, มหาราช, สรณํ อคมาสิ. ตเมว ตฺวํ ¶ [ตเมตํ ตฺวํ (สฺยา. กํ.), ตเมตํ (ก.)] ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉ ยมหํ สรณํ คโต’’ติ. ‘‘กหํ ปน, โภ กจฺจาน, เอตรหิ โส ¶ ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต โข, มหาราช, เอตรหิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘สเจปิ มยํ, โภ กจฺจาน, สุเณยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสสุ โยชเนสุ, ทสปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. สเจปิ มยํ, โภ กจฺจาน, สุเณยฺยาม ตํ ภควนฺตํ วีสติยา โยชเนสุ, ตึสาย โยชเนสุ, จตฺตารีสาย โยชเนสุ, ปฺาสาย โยชเนสุ, ปฺาสมฺปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. โยชนสเต เจปิ มยํ โภ กจฺจาน, สุเณยฺยาม ตํ ภควนฺตํ, โยชนสตมฺปิ มยํ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ยโต จ, โภ กจฺจาน, ปรินิพฺพุโต โส ภควา, ปรินิพฺพุตมฺปิ มยํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ กจฺจาโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
มธุรสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. โพธิราชกุมารสุตฺตํ
๓๒๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน โพธิสฺส ราชกุมารสฺส โกกนโท [โกกนุโท (สฺยา. กํ. ก.)] นาม ปาสาโท อจิรการิโต โหติ อนชฺฌาวุฏฺโ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตน. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร สฺชิกาปุตฺตํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺท, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘โพธิ, ภนฺเต, ราชกุมาโร ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, ภควา โพธิสฺส ราชกุมารสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว โพธิสฺส ราชกุมารสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โพธิ โข [โพธิ โภ โคตม (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ราชกุมาโร โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา ¶ วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ. เอวฺจ วเทติ – ‘อธิวาเสตุ กิร ภวํ โคตโม โพธิสฺส ราชกุมารสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน โพธิ ราชกุมาโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โพธึ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘อโวจุมฺห โภโต วจเนน ตํ ภวนฺตํ โคตมํ – ‘โพธิ โข ราชกุมาโร โภโต ¶ โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ. เอวฺจ วเทติ – อธิวาเสตุ กิร ภวํ โคตโม โพธิสฺส ราชกุมารสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’ติ. อธิวุฏฺฺจ ปน สมเณน โคตเมนา’’ติ.
๓๒๕. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา, โกกนทฺจ ปาสาทํ โอทาเตหิ ทุสฺเสหิ สนฺถราเปตฺวา ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวรา ¶ [กเฬพรา (สี.)], สฺชิกาปุตฺตํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจหิ – ‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’’นฺติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว โพธิสฺส ราชกุมารสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ ¶ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน โพธิสฺส ราชกุมารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน โพธิ ราชกุมาโร พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต โหติ ภควนฺตํ อาคมยมาโน. อทฺทสา โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปุรกฺขตฺวา เยน โกกนโท ปาสาโท เตนุปสงฺกมิ. อถ โข ภควา ปจฺฉิมํ โสปานกเฬวรํ นิสฺสาย อฏฺาสิ. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิรุหตุ [อภิรูหตุ (สฺยา. กํ. ปี.) อกฺกมตุ (จูฬว. ๒๖๘)], ภนฺเต, ภควา ทุสฺสานิ, อภิรุหตุ สุคโต ทุสฺสานิ; ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย ¶ สุขายา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิรุหตุ, ภนฺเต, ภควา. ทุสฺสานิ, อภิรุหตุ สุคโต ทุสฺสานิ; ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
๓๒๖. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อปโลเกสิ. อถ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท โพธึ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘สํหรตุ, ราชกุมาร, ทุสฺสานิ; น ภควา เจลปฏิกํ [เจลปตฺติกํ (สี. ปี.)] อกฺกมิสฺสติ. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตี’’ติ [อปโลเกตีติ (สพฺพตฺถ)]. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ทุสฺสานิ สํหราเปตฺวา อุปริโกกนทปาสาเท [อุปริโกกนเท ปาสาเท (สี. ปี. วินเยจ), อุปริโกกนเท (สฺยา. กํ.)] อาสนานิ ปฺเปสิ. อถ โข ภควา โกกนทํ ปาสาทํ ¶ อภิรุหิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘น โข สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพ’’’นฺติ.
๓๒๗. ‘‘มยฺหมฺปิ โข, ราชกุมาร, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต ¶ เอตทโหสิ – ‘น โข สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพ’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, อปเรน สมเยน ทหโรว สมาโน สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กึกุสลคเวสี [กึกุสลํคเวสี (ก.)] อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส ¶ อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส ¶ โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ ปสฺสามีติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ; อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ [อุปสมฺปชฺช ปเวเทสีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]? เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. อถ ¶ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม ¶ . อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ, ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ. ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ, ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ. อิติ ยาทิโส อหํ, ตาทิโส ตุวํ; ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, ราชกุมาร, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน (อตฺตโน) [( ) นตฺถิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา [อตฺตโน (สี. ปี.)] สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยา’ติ ¶ . โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๓๒๘. ‘‘โส โข อหํ, ราชกุมาร, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก [อุทฺทโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส [อาวุโส ราม (สี. สฺยา. กํ. ก.) ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๗๘ ปาสราสิสุตฺเต], อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ ปสฺสามีติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ; อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ. อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข รามสฺเสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามสฺเสว อโหสิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ¶ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘อถ ¶ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ. ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ. อิติ ¶ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ. อิติ โข, ราชกุมาร, อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺาเน มํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสฺานาสฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๓๒๙. ‘‘โส โข อหํ, ราชกุมาร, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน, มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน, เยน อุรุเวลา เสนานิคโม ตทวสรึ. ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑํ, นทีฺจ สนฺทนฺตึ เสตกํ สุปติตฺถํ, รมณียํ สมนฺตา จ โคจรคามํ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นทิฺจ สนฺทนฺตึ เสตกา สุปติตฺถา ¶ , รมณียา สมนฺตา [สามนฺตา (?) ปุริมปิฏฺเปิ] จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตตฺเถว นิสีทึ – ‘อลมิทํ ปธานายา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ ¶ อสฺสุตปุพฺพา.
‘‘เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ ¶ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต [อภิมตฺถนฺโต (สฺยา. กํ. ก.)] อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, ภนฺเต. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, ภนฺเต, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ ตฺจ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํ, ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ อวูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ. โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ราชกุมาร, ปมา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๓๓๐. ‘‘อปราปิ โข มํ, ราชกุมาร, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ¶ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย ¶ , เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, ภนฺเต. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, ภนฺเต, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ กิฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ, ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ. โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ราชกุมาร, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๓๓๑. ‘‘อปราปิ ¶ โข มํ, ราชกุมาร, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ¶ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, ภนฺเต, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, ตฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ. โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา ¶ เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ราชกุมาร, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. อิมา โข มํ, ราชกุมาร, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๓๓๒. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทนฺเตภิทนฺตมาธาย [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๒๐ วิตกฺกสณฺานสุตฺเต], ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺเหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย; เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
๓๓๓. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ ¶ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมตฺโต สทฺโท โหติ, เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา ¶ สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ [อูหนฺติ (สี.), โอหนนฺติ (สฺยา. กํ.), อุหนนฺติ (ก.)]. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, พลวา ปุริโส ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย [มุทฺธานํ อภิมนฺเถยฺย (สี. ปี.), มุทฺธานํ อภิมตฺเถยฺย (สฺยา. กํ.)], เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน [วรตฺตกพนฺธเนน (สี.)] สีเส สีสเวํ ทเทยฺย; เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา ¶ วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย, เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา ¶ , วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ ¶ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ, เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลงฺกโรตี’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นาปิ กาลงฺกโรติ ¶ . อรหํ สมโณ โคตโม. วิหาโรตฺเวว โส [วิหาโรตฺเวเวโส (สี.)] อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ [วิหาโรตฺเวเวโส อรหโต’’ติ (?)].
๓๓๔. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺเชยฺย’นฺติ. อถ โข มํ, ราชกุมาร, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา ¶ เอตทโวจุํ – ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ. สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม [อชฺโฌหริสฺสาม (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อหฺเจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ [อชทฺธุกํ (สี. ปี.), ชทฺธุกํ (สฺยา. กํ.)] ปฏิชาเนยฺยํ. อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรยฺยุํ [อชฺโฌหเรยฺยุํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ, ตํ มมสฺส มุสา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ. ‘หล’นฺติ วทามิ.
‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ยทิ วา กุลตฺถยูสํ ยทิ วา กฬายยูสํ ยทิ วา หเรณุกยูส’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสึ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ยทิ วา กุลตฺถยูสํ ยทิ วา กฬายยูสํ ยทิ วา หเรณุกยูสํ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหารยโต ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ยทิ วา กุลตฺถยูสํ ¶ ยทิ วา กฬายยูสํ ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต [สมฺผุสิโต (สฺยา. กํ.), สํปุฏีโต (ก.) สํผุฏิโตติ เอตฺถ สงฺกุจิโตติ อตฺโถ] โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข ¶ อหํ, ราชกุมาร, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ. ยาวสฺสุ เม, ราชกุมาร, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข ¶ อหํ, ราชกุมาร, อิมเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติ, เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติ. ยาวสฺสุ เม, ราชกุมาร, ตาว ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
๓๓๕. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา [ติปฺปา (สี. ปี.)] ขรา กฏุกา เวทนา เวทยึสุ, เอตาวปรมํ นยิโต ภิยฺโย. เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ¶ ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ นยิโต ภิยฺโย. เยปิ หิ เกจิ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ นยิโต ภิยฺโย. น โข ปนาหํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ¶ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสินฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา; สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, สตานุสาริ วิฺาณํ อโหสิ – ‘เอเสว มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน. ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาส’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ. เตน โข ปน มํ, ราชกุมาร, สมเยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ – ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติ. ยโต โข อหํ, ราชกุมาร, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมึสุ – ‘พาหุลฺลิโก [พาหุลิโก (สี. ปี.) สารตฺถฏีกาย สํฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนาย สเมติ] สมโณ โคตโม ปธานวิพฺภนฺโต, อาวตฺโต พาหุลฺลายา’ติ.
๓๓๖. ‘‘โส โข อหํ, ราชกุมาร, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา ¶ พลํ คเหตฺวา วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย ¶ จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, ราชกุมาร, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ ¶ …เป… อยํ โข เม, ราชกุมาร, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ…เป… ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, ราชกุมาร, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๓๓๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา. อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ¶ ทุทฺทสํ อิทํ านํ ยทิทํ – อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ – ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ ¶ . อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ, โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฏิภํสุ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –
‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธมฺโม สุสมฺพุโธ.
‘ปฏิโสตคามึ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุฏา’ [อาวฏา (สี.), อาวุตา (สฺยา. กํ.)] ติ.
‘‘อิติห ¶ เม, ราชกุมาร, ปฏิสฺจิกฺขโต อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ โน ธมฺมเทสนาย.
๓๓๘. ‘‘อถ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เอตทโหสิ – ‘นสฺสติ วต, โภ, โลโก; วินสฺสติ วต, โภ, โลโก. ยตฺร หิ นาม ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ [นมิสฺสติ (?)] โน ธมฺมเทสนายา’ติ. อถ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มม ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยนาหํ เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ. สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา อสฺสวนตาย ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ; ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’ติ ¶ . อิทมโวจ, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ; อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุพฺเพ,
ธมฺโม อสุทฺโธ สมเลหิ จินฺติโต;
อปาปุเรตํ [อวาปุเรตํ (สี.)] อมตสฺส ทฺวารํ,
สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ.
‘เสเล ¶ ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต,
ยถาปิ ปสฺเส ชนตํ สมนฺตโต;
ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ,
ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ.
‘โสกาวติณฺณํ [โสกาวกิณฺณํ (สฺยา.)] ชนตมเปตโสโก,
อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ;
อุฏฺเหิ วีร, วิชิตสงฺคาม,
สตฺถวาห อณณ [อนณ (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)], วิจร โลเก;
เทสสฺสุ [เทเสตุ (สฺยา. กํ. ก.)] ภควา ธมฺมํ,
อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’ติ.
๓๓๙. ‘‘อถ ¶ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, พฺรหฺมุโน จ อชฺเฌสนํ วิทิตฺวา สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ราชกุมาร, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ¶ ทุวิฺาปเย อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน [ทสฺสาวิโน (สฺยา. กํ. ก.)] วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ สโมทกํ ิตานิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ [ติฏฺนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนุปลิตฺตานิ อุทเกน, เอวเมว โข อหํ, ราชกุมาร, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทสํ สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, พฺรหฺมานํ สหมฺปตึ คาถาย ปจฺจภาสึ –
‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
เย โสตวนฺโต ปมฺุจนฺตุ สทฺธํ;
วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’ติ.
๓๔๐. ‘‘อถ ¶ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’ติ มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ¶ ธมฺมํ เทเสยฺยํ? โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อาฬาโร กาลาโม ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติโก. ยํนูนาหํ อาฬารสฺส กาลามสฺส ¶ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ. อถ โข มํ, ราชกุมาร, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘สตฺตาหกาลงฺกโต, ภนฺเต, อาฬาโร กาลาโม’ติ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘สตฺตาหกาลงฺกโต อาฬาโร กาลาโม’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘มหาชานิโย โข อาฬาโร กาลาโม. สเจ หิ โส อิมํ ธมฺมํ สุเณยฺย, ขิปฺปเมว อาชาเนยฺยา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ? โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อุทโก รามปุตฺโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติโก. ยํนูนาหํ อุทกสฺส รามปุตฺตสฺส ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ. อถ โข มํ, ราชกุมาร, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘อภิโทสกาลงฺกโต, ภนฺเต, อุทโก รามปุตฺโต’ติ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อภิโทสกาลงฺกโต อุทโก รามปุตฺโต’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘มหาชานิโย โข อุทโก รามปุตฺโต. สเจ หิ โส อิมํ ธมฺมํ สุเณยฺย, ขิปฺปเมว อาชาเนยฺยา’ติ.
๓๔๑. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ? โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู เย มํ ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ยํนูนาหํ ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข เอตรหิ ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’ติ. อทฺทสํ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู พาราณสิยํ วิหรนฺเต อิสิปตเน มิคทาเย. อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, อุรุเวลายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน พาราณสี เตน จาริกํ ปกฺกมึ.
‘‘อทฺทสา โข มํ, ราชกุมาร, อุปโก อาชีวโก อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนํ ¶ . ทิสฺวาน มํ เอตทโวจ – ‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต? โก วา เต สตฺถา? กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, อหํ, ราชกุมาร, อุปกํ อาชีวกํ คาถาหิ อชฺฌภาสึ –
‘สพฺพาภิภู ¶ สพฺพวิทูหมสฺมิ,
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;
สพฺพฺชโห ตณฺหากฺขเย วิมุตฺโต,
สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺยํ.
‘น ¶ เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล.
‘อหฺหิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต.
‘ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตุํ, คจฺฉามิ กาสินํ ปุรํ;
อนฺธีภูตสฺมึ [อนฺธภูตสฺมึ (สี. สฺยา. ปี.)] โลกสฺมึ, อาหฺฉํ [อาหฺึ (สฺยา. กํ. ก.)] อมตทุนฺทุภิ’นฺติ.
‘ยถา โข ตฺวํ, อาวุโส, ปฏิชานาสิ อรหสิ อนนฺตชิโน’ติ.
‘มาทิสา เว ชินา โหนฺติ, เย ปตฺตา อาสวกฺขยํ;
ชิตา เม ปาปกา ธมฺมา, ตสฺมาหมุปก [ตสฺมาหํ อุปกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ชิโน’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อุปโก อาชีวโก ‘หุเปยฺยปาวุโส’ติ [หุเวยฺยปาวุโส (สี. ปี.), หุเวยฺยาวุโส (สฺยา. กํ.)] วตฺวา สีสํ โอกมฺเปตฺวา อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
๓๔๒. ‘‘อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน พาราณสี อิสิปตนํ มิคทาโย เยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึ. อทฺทสํสุ โข มํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อฺมฺํ สณฺเปสุํ – ‘อยํ โข, อาวุโส, สมโณ โคตโม อาคจฺฉติ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย. โส เนว ¶ อภิวาเทตพฺโพ, น ปจฺจุฏฺาตพฺโพ, นาสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตพฺพํ; อปิ จ โข อาสนํ เปตพฺพํ – สเจ โส อากงฺขิสฺสติ นิสีทิสฺสตี’ติ. ยถา ยถา โข อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู ¶ อุปสงฺกมึ [อุปสงฺกมามิ (สี. ปี.)], ตถา ตถา ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นาสกฺขึสุ สกาย กติกาย สณฺาตุํ. อปฺเปกจฺเจ มํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสุํ. อปฺเปกจฺเจ อาสนํ ปฺเปสุํ. อปฺเปกจฺเจ ปาโททกํ อุปฏฺเปสุํ. อปิ จ โข มํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน ¶ จ สมุทาจรนฺติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘มา, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ [สมุทาจริตฺถ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย [จริยาย (สฺยา. กํ.)] ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? เอวํ วุตฺเต, อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต พาหุลฺลิโก น ปธานวิพฺภนฺโต น อาวตฺโต พาหุลฺลาย. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา ¶ นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. ทุติยมฺปิ โข, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? ทุติยมฺปิ โข อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต พาหุลฺลิโก น ปธานวิพฺภนฺโต น อาวตฺโต พาหุลฺลาย. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ ¶ . ตติยมฺปิ โข, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส ¶ โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? เอวํ วุตฺเต ¶ , อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘อภิชานาถ เม โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ ปภาวิตเมต’นฺติ [ภาสิตเมตนฺติ (สี. สฺยา. วินเยปิ)]? ‘โน เหตํ, ภนฺเต’. ‘อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ.
‘‘อสกฺขึ โข อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สฺาเปตุํ. ทฺเวปิ สุทํ, ราชกุมาร, ภิกฺขู โอวทามิ. ตโย ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺติ. ยํ ตโย ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหรนฺติ, เตน ฉพฺพคฺคิยา [ฉพฺพคฺคา (สี. สฺยา. กํ.), ฉพฺพคฺโค (ปี.)] ยาเปม. ตโยปิ สุทํ, ราชกุมาร, ภิกฺขู โอวทามิ, ทฺเว ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺติ. ยํ ทฺเว ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหรนฺติ ¶ เตน ฉพฺพคฺคิยา ยาเปม.
๓๔๓. ‘‘อถ โข, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มยา เอวํ โอวทิยมานา เอวํ อนุสาสิยมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรึสู’’ติ. เอวํ วุตฺเต, โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีว จิเรน นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ [นายกํ (?)] ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘เตน หิ, ราชกุมาร, ตํเยเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, กุสโล ตฺวํ หตฺถารูฬฺเห [หตฺถารูยฺเห (สี. ปี.)] องฺกุสคยฺเห [องฺกุสคณฺเห (สฺยา. กํ.)] สิปฺเป’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต, กุสโล อหํ หตฺถารูฬฺเห องฺกุสคยฺเห สิปฺเป’’ติ ¶ . ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘โพธิ ราชกุมาโร หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ ชานาติ; ตสฺสาหํ สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺขิสฺสามี’ติ. โส ¶ จสฺส อสฺสทฺโธ; ยาวตกํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส พหฺวาพาโธ; ยาวตกํ อปฺปาพาเธน ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส สโ มายาวี; ยาวตกํ อสเน อมายาวินา ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส กุสีโต; ยาวตกํ อารทฺธวีริเยน ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส ทุปฺปฺโ; ยาวตกํ ปฺวตา ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส ตว สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺยา’’ติ? ‘‘เอกเมเกนาปิ, ภนฺเต, องฺเคน สมนฺนาคโต โส ปุริโส น มม สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺย, โก ปน วาโท ปฺจหงฺเคหี’’ติ!
๓๔๔. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘โพธิ ¶ ¶ ราชกุมาโร หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ ชานาติ; ตสฺสาหํ สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺขิสฺสามี’ติ. โส จสฺส สทฺโธ; ยาวตกํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส อปฺปาพาโธ; ยาวตกํ อปฺปาพาเธน ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส อสโ อมายาวี; ยาวตกํ อสเน อมายาวินา ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส อารทฺธวีริโย; ยาวตกํ อารทฺธวีริเยน ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส ปฺวา; ยาวตกํ ปฺวตา ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส ตว สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺยา’’ติ? ‘‘เอกเมเกนาปิ, ภนฺเต, องฺเคน สมนฺนาคโต โส ปุริโส มม สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺย, โก ปน วาโท ปฺจหงฺเคหี’’ติ! ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, ปฺจิมานิ ปธานิยงฺคานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ราชกุมาร, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ; สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ; อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ ¶ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ ¶ ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิมานิ โข, ราชกุมาร, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ.
๓๔๕. ‘‘อิเมหิ ¶ , ราชกุมาร, ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ¶ สตฺต วสฺสานิ. ติฏฺนฺตุ, ราชกุมาร, สตฺต วสฺสานิ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ฉพฺพสฺสานิ… ปฺจ วสฺสานิ… จตฺตาริ วสฺสานิ… ตีณิ วสฺสานิ… ทฺเว วสฺสานิ… เอกํ วสฺสํ. ติฏฺตุ, ราชกุมาร, เอกํ วสฺสํ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย สตฺต มาสานิ. ติฏฺนฺตุ, ราชกุมาร, สตฺต มาสานิ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ¶ ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ฉ มาสานิ… ปฺจ มาสานิ… จตฺตาริ มาสานิ… ตีณิ มาสานิ… ทฺเว มาสานิ… เอกํ มาสํ… อฑฺฒมาสํ. ติฏฺตุ, ราชกุมาร, อฑฺฒมาโส. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย สตฺต รตฺตินฺทิวานิ. ติฏฺนฺตุ, ราชกุมาร, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ฉ รตฺตินฺทิวานิ… ปฺจ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… ทฺเว รตฺตินฺทิวานิ… เอกํ รตฺตินฺทิวํ. ติฏฺตุ, ราชกุมาร, เอโก รตฺตินฺทิโว. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน สายมนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสติ, ปาตมนุสิฏฺโ สายํ วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อโห พุทฺโธ, อโห ธมฺโม, อโห ¶ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา! ยตฺร หิ นาม สายมนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสติ, ปาตมนุสิฏฺโ สายํ วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ!
๓๔๖. เอวํ ¶ วุตฺเต, สฺชิกาปุตฺโต มาณโว โพธึ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมว ปนายํ ภวํ โพธิ – ‘อโห พุทฺโธ, อโห ธมฺโม, อโห ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา’ติ จ วเทติ [วเทสิ (สี.), ปเวเทติ (สฺยา. กํ.)]; อถ จ ปน น ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉติ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ. ‘‘มา เหวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, อวจ; มา เหวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, อวจ. สมฺมุขา เมตํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, อยฺยาย สุตํ, สมฺมุขา ¶ ปฏิคฺคหิตํ’’. ‘‘เอกมิทํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข เม อยฺยา กุจฺฉิมตี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เม อยฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘โย เม อยํ, ภนฺเต, กุจฺฉิคโต กุมารโก วา กุมาริกา วา โส ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉติ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ ตํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’นฺติ. เอกมิทํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, สมยํ ภควา อิเธว ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย. อถ โข มํ ธาติ องฺเกน หริตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข มํ ธาติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘อยํ ¶ , ภนฺเต, โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉติ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ ตํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’นฺติ. เอสาหํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, ตติยกมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
โพธิราชกุมารสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. องฺคุลิมาลสุตฺตํ
๓๔๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิเต โจโร องฺคุลิมาโล นาม โหติ ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา ¶ กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน โจโร องฺคุลิมาโล เตนทฺธานมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อทฺทสาสุํ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เยน โจโร องฺคุลิมาโล เตนทฺธานมคฺคปฏิปนฺนํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เอตสฺมึ, สมณ, มคฺเค โจโร องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. เอตฺหิ, สมณ, มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ตึสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปฺาสมฺปิ ปุริสา ¶ สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา [สํหริตฺวา สํหริตฺวา (สี. ปี.), สงฺคริตฺวา (สฺยา. กํ.)] ปฏิปชฺชนฺติ. เตปิ โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตุณฺหีภูโต อคมาสิ. ทุติยมฺปิ โข โคปาลกา…เป… ตติยมฺปิ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ, เอตสฺมึ สมณ มคฺเค โจโร องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ, เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. เอตฺหิ สมณ มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ตึสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปฺาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา ¶ สงฺกริตฺวา ปฏิปชฺชนฺติ. เตปิ โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ.
๓๔๘. อถ ¶ ¶ โข ภควา ตุณฺหีภูโต อคมาสิ. อทฺทสา โข โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อิมฺหิ มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ¶ ปุริสา ตึสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปฺาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา ปฏิปชฺชนฺติ. เตปิ มม หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺติ. อถ จ ปนายํ สมโณ เอโก อทุติโย ปสยฺห มฺเ อาคจฺฉติ. ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติ. อถ โข โจโร องฺคุลิมาโล อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ [อภิสงฺขาเรสิ (สฺยา. กํ. ก.)] ยถา โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ ปกติยา คจฺฉนฺตํ สพฺพถาเมน คจฺฉนฺโต น สกฺโกติ สมฺปาปุณิตุํ. อถ โข โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อหฺหิ ปุพฺเพ หตฺถิมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, อสฺสมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, รถมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, มิคมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ; อถ จ ปนาหํ อิมํ สมณํ ปกติยา คจฺฉนฺตํ สพฺพถาเมน คจฺฉนฺโต น สกฺโกมิ สมฺปาปุณิตุ’’นฺติ! ิโตว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฏฺ, ติฏฺ, สมณา’’ติ. ‘‘ิโต อหํ, องฺคุลิมาล, ตฺวฺจ ติฏฺา’’ติ. อถ ¶ โข โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข สมณา สกฺยปุตฺติยา สจฺจวาทิโน สจฺจปฏิฺา. อถ ปนายํ สมโณ คจฺฉํ เยวาห – ‘ิโต อหํ, องฺคุลิมาล, ตฺวฺจ ติฏฺา’ติ. ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
๓๔๙. อถ โข โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘คจฺฉํ วเทสิ สมณ ิโตมฺหิ,
มมฺจ พฺรูสิ ิตมฏฺิโตติ;
ปุจฺฉามิ ตํ สมณ เอตมตฺถํ,
กถํ ิโต ตฺวํ อหมฏฺิโตมฺหี’’ติ.
‘‘ิโต ¶ อหํ องฺคุลิมาล สพฺพทา,
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ;
ตุวฺจ ¶ ปาเณสุ อสฺโตสิ,
ตสฺมา ิโตหํ ตุวมฏฺิโตสี’’ติ.
‘‘จิรสฺสํ ¶ วต เม มหิโต มเหสี,
มหาวนํ ปาปุณิ สจฺจวาที [มหาวนํ สมโณยํ ปจฺจุปาทิ (สี.), มหาวนํ สมณ ปจฺจุปาทิ (สฺยา. กํ.)];
โสหํ จริสฺสามิ ปหาย ปาปํ [โสหํ จิรสฺสาปิ ปหาสฺสํ ปาปํ (สี.), โสหํ จริสฺสามิ ปชหิสฺสํ ปาปํ (สฺยา. กํ.)],
สุตฺวาน คาถํ ตว ธมฺมยุตฺตํ’’.
อิตฺเวว โจโร อสิมาวุธฺจ,
โสพฺเภ ปปาเต นรเก อกิริ;
อวนฺทิ ¶ โจโร สุคตสฺส ปาเท,
ตตฺเถว นํ ปพฺพชฺชํ อยาจิ.
พุทฺโธ จ โข การุณิโก มเหสิ,
โย สตฺถา โลกสฺส สเทวกสฺส;
‘ตเมหิ ภิกฺขู’ติ ตทา อโวจ,
เอเสว ตสฺส อหุ ภิกฺขุภาโวติ.
๓๕๐. อถ โข ภควา อายสฺมตา องฺคุลิมาเลน ปจฺฉาสมเณน เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อนฺเตปุรทฺวาเร มหาชนกาโย สนฺนิปติตฺวา อุจฺจาสทฺโท มหาสทฺโท โหติ – ‘‘โจโร เต, เทว, วิชิเต องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. ตํ เทโว ปฏิเสเธตู’’ติ.
อถ ¶ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปฺจมตฺเตหิ อสฺสสเตหิ สาวตฺถิยา นิกฺขมิ ทิวา ทิวสฺส. เยน อาราโม เตน ปาวิสิ. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ เต, มหาราช, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร กุปิโต เวสาลิกา วา ลิจฺฉวี อฺเ วา ปฏิราชาโน’’ติ? ‘‘น โข เม, ภนฺเต, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร กุปิโต, นาปิ เวสาลิกา ลิจฺฉวี, นาปิ อฺเ ปฏิราชาโน. โจโร เม, ภนฺเต, วิชิเต องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. ตาหํ, ภนฺเต, ปฏิเสธิสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ ปน ตฺวํ, มหาราช, องฺคุลิมาลํ ปสฺเสยฺยาสิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตํ, วิรตํ ปาณาติปาตา, วิรตํ อทินฺนาทานา, วิรตํ มุสาวาทา, เอกภตฺติกํ, พฺรหฺมจารึ, สีลวนฺตํ, กลฺยาณธมฺมํ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา, ภนฺเต, ปจฺจุฏฺเยฺยาม วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยาม, อภินิมนฺเตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ, ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยาม. กุโต ปนสฺส, ภนฺเต, ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส เอวรูโป สีลสํยโม ภวิสฺสตี’’ติ?
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควโต อวิทูเร ¶ นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส, มหาราช, องฺคุลิมาโล’’ติ. อถ โข รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส. อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภีตํ สํวิคฺคํ โลมหฏฺชาตํ วิทิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, นตฺถิ เต อิโต ภย’’นฺติ. อถ โข รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ยํ อโหสิ ภยํ วา ¶ ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยนายสฺมา องฺคุลิมาโล ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ เอตทโวจ – ‘‘อยฺโย โน, ภนฺเต, องฺคุลิมาโล’’ติ? ‘‘เอวํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กถํโคตฺโต อยฺยสฺส ปิตา, กถํโคตฺตา มาตา’’ติ? ‘‘คคฺโค โข, มหาราช, ปิตา, มนฺตาณี มาตา’’ติ. ‘‘อภิรมตุ, ภนฺเต, อยฺโย คคฺโค มนฺตาณิปุตฺโต. อหมยฺยสฺส ¶ คคฺคสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ.
๓๕๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา องฺคุลิมาโล อารฺิโก โหติ ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก เตจีวริโก. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, มหาราช, ปริปุณฺณํ เม จีวร’’นฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, ภควา อทนฺตานํ ทเมตา, อสนฺตานํ สเมตา, อปรินิพฺพุตานํ ปรินิพฺพาเปตา. ยฺหิ มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺหา ทณฺเฑนปิ สตฺเถนปิ ทเมตุํ โส ภควตา อทณฺเฑน อสตฺเถเนว [อสตฺเถน (สฺยา. กํ.)] ทนฺโต. หนฺท จ ทานิ [หนฺท ทานิ (สฺยา. กํ. ปี.)] มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน อฺตรํ อิตฺถึ มูฬฺหคพฺภํ วิฆาตคพฺภํ [วิสาตคพฺภํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)]. ทิสฺวานสฺส ¶ เอตทโหสิ – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา; กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ! อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ¶ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน อฺตรํ อิตฺถึ มูฬฺหคพฺภํ วิฆาตคพฺภํ’’. ทิสฺวาน มยฺหํ เอตทโหสิ – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต ¶ , โภ, สตฺตา; กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ!
‘‘เตน หิ ตฺวํ, องฺคุลิมาล, เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถึ เอวํ วเทหิ ¶ – ‘ยโตหํ, ภคินิ, ชาโต [ภคินิ ชาติยา ชาโต (สี.)] นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’’ติ.
‘‘โส หิ นูน เม, ภนฺเต, สมฺปชานมุสาวาโท ภวิสฺสติ. มยา หิ, ภนฺเต, พหู สฺจิจฺจ ปาณา ชีวิตา โวโรปิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, องฺคุลิมาล, เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถึ เอวํ วเทหิ – ‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’’ติ.
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถึ เอตทโวจ – ‘‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’ติ. อถ ขฺวาสฺสา อิตฺถิยา โสตฺถิ อโหสิ, โสตฺถิ คพฺภสฺส.
อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ¶ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา องฺคุลิมาโล อรหตํ อโหสิ.
๓๕๒. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน อฺเนปิ เลฑฺฑุ ขิตฺโต อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ, อฺเนปิ ¶ ทณฺโฑ ขิตฺโต อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ, อฺเนปิ สกฺขรา ขิตฺตา อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภินฺเนน สีเสน, โลหิเตน คฬนฺเตน, ภินฺเนน ปตฺเตน, วิปฺผาลิตาย สงฺฆาฏิยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควา อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อธิวาเสหิ ¶ ตฺวํ, พฺราหฺมณ. ยสฺส โข ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺเจยฺยาสิ ตสฺส ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปากํ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิสํเวเทสี’’ติ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฏิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิ; ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘โย ปุพฺเพว [โย จ ปุพฺเพ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
โสมํ [โส อิมํ (สี.)] โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.
‘‘ยสฺส ¶ ปาปํ กตํ กมฺมํ, กุสเลน ปิธียติ [ปิถียติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.
‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยฺุชติ พุทฺธสาสเน;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.
‘‘ทิสา หิ เม ธมฺมกถํ สุณนฺตุ,
ทิสา หิ เม ยฺุชนฺตุ พุทฺธสาสเน;
ทิสา หิ เม เต มนุชา ภชนฺตุ,
เย ธมฺมเมวาทปยนฺติ สนฺโต.
‘‘ทิสา ¶ หิ เม ขนฺติวาทานํ, อวิโรธปฺปสํสีนํ;
สุณนฺตุ ธมฺมํ กาเลน, ตฺจ อนุวิธียนฺตุ.
‘‘น หิ ชาตุ โส มมํ หึเส, อฺํ วา ปน กิฺจิ นํ [กฺจิ นํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), กฺจนํ (?)];
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, รกฺเขยฺย ตสถาวเร.
‘‘อุทกฺหิ ¶ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ [ทมยนฺติ (ก.)] เตชนํ;
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา.
‘‘ทณฺเฑเนเก ¶ ทมยนฺติ, องฺกุเสหิ กสาหิ จ;
อทณฺเฑน อสตฺเถน, อหํ ทนฺโตมฺหิ ตาทินา.
‘‘อหึสโกติ เม นามํ, หึสกสฺส ปุเร สโต;
อชฺชาหํ สจฺจนาโมมฺหิ, น นํ หึสามิ กิฺจิ นํ [กฺจิ นํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), กฺจนํ (?)].
‘‘โจโร ¶ อหํ ปุเร อาสึ, องฺคุลิมาโลติ วิสฺสุโต;
วุยฺหมาโน มโหเฆน, พุทฺธํ สรณมาคมํ.
‘‘โลหิตปาณิ ปุเร อาสึ, องฺคุลิมาโลติ วิสฺสุโต;
สรณคมนํ ปสฺส, ภวเนตฺติ สมูหตา.
‘‘ตาทิสํ กมฺมํ กตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินํ;
ผุฏฺโ กมฺมวิปาเกน, อณโณ ภฺุชามิ โภชนํ.
‘‘ปมาทมนุยฺุชนฺติ, พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา;
อปฺปมาทฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺํว รกฺขติ.
‘‘มา ปมาทมนุยฺุเชถ, มา กามรติ สนฺถวํ;
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ [ปรมํ (ก.)] สุขํ.
‘‘สฺวาคตํ [สาคตํ (สี. ปี.)] นาปคตํ [นาม สคตํ (ก.)], นยิทํ ทุมฺมนฺติตํ มม;
สํวิภตฺเตสุ [สุวิภตฺเตสุ (สฺยา. กํ.), สวิภตฺเตสุ (สี. ก.), ปฏิภตฺเตสุ (ปี.)] ธมฺเมสุ, ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมํ.
‘‘สฺวาคตํ นาปคตํ, นยิทํ ทุมฺมนฺติตํ มม;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
องฺคุลิมาลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. ปิยชาติกสุตฺตํ
๓๕๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส คหปติสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต โหติ. ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺติ น ภตฺตํ ปฏิภาติ. โส อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทติ – ‘‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’ติ! อถ โข โส คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘น โข เต, คหปติ, สเก จิตฺเต ิตสฺส อินฺทฺริยานิ, อตฺถิ เต อินฺทฺริยานํ อฺถตฺต’’นฺติ. ‘‘กิฺหิ เม, ภนฺเต, อินฺทฺริยานํ นาฺถตฺตํ ภวิสฺสติ; มยฺหฺหิ, ภนฺเต, เอกปุตฺโต ปิโย มนาโป กาลงฺกโต. ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺติ, น ภตฺตํ ปฏิภาติ. โสหํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทามิ – ‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’’ติ! ‘‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ [เอวเมตํ คหปติ (ปี. สกิเทว), เอวเมว (สี. สกิเทว)]! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ. ‘‘กสฺส โข [กิสฺส นุ โข (สี.)] นาเมตํ, ภนฺเต, เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ? ปิยชาติกา หิ โข, ภนฺเต, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ. อถ โข โส คหปติ ภควโต ภาสิตํ ¶ อนภินนฺทิตฺวา ปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
๓๕๔. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อกฺขธุตฺตา ภควโต อวิทูเร อกฺเขหิ ทิพฺพนฺติ. อถ โข โส คหปติ เยน เต อกฺขธุตฺตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อกฺขธุตฺเต เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, โภนฺโต, เยน สมโณ โคตโม ¶ เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, โภนฺโต, สมโณ โคตโม เอตทโวจ – ‘น โข เต, คหปติ, สเก จิตฺเต ิตสฺส อินฺทฺริยานิ, อตฺถิ เต อินฺทฺริยานํ อฺถตฺต’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, โภนฺโต, สมณํ โคตมํ เอตทโวจํ – ‘กิฺหิ เม, ภนฺเต, อินฺทฺริยานํ นาฺถตฺตํ ภวิสฺสติ; มยฺหฺหิ, ภนฺเต, เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต. ตสฺส กาลํกิริยาย ¶ เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺติ, น ภตฺตํ ปฏิภาติ ¶ . โสหํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทามิ – กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’ติ! ‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ. ‘กสฺส โข นาเมตํ, ภนฺเต, เอวํ ภวิสฺสติ – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา? ปิยชาติกา หิ โข, ภนฺเต, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’ติ. อถ ขฺวาหํ, โภนฺโต, สมณสฺส โคตมสฺส ภาสิตํ อนภินนฺทิตฺวา ปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมิ’’นฺติ. ‘‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ ¶ . อถ โข โส คหปติ ‘‘สเมติ เม อกฺขธุตฺเตหี’’ติ ปกฺกามิ. อถ โข อิทํ กถาวตฺถุ อนุปุพฺเพน ราชนฺเตปุรํ ปาวิสิ.
๓๕๕. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกํ เทวึ อามนฺเตสิ – ‘‘อิทํ เต, มลฺลิเก, สมเณน โคตเมน ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติ. ‘‘สเจตํ, มหาราช, ภควตา ภาสิตํ, เอวเมต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว ปนายํ มลฺลิกา ยฺเทว สมโณ โคตโม ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทติ’’. ‘‘สเจตํ, มหาราช, ภควตา ภาสิตํ เอวเมตนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม, ยฺเทว อาจริโย อนฺเตวาสิสฺส ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อนฺเตวาสี อพฺภนุโมทติ – ‘เอวเมตํ, อาจริย, เอวเมตํ, อาจริยา’’’ติ. ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, มลฺลิเก, ยฺเทว สมโณ โคตโม ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทสิ’’. ‘‘สเจตํ, มหาราช ¶ , ภควตา ภาสิตํ เอวเมต’’นฺติ. ‘‘จรปิ, เร มลฺลิเก, วินสฺสา’’ติ. อถ โข มลฺลิกา เทวี นาฬิชงฺฆํ พฺราหฺมณํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘มลฺลิกา, ภนฺเต, เทวี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘ภาสิตา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา เอสา วาจา – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ ¶ . ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตํ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา มม อาโรเจยฺยาสิ. น หิ ตถาคตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภตี’’ติ โข นาฬิชงฺโฆ พฺราหฺมโณ มลฺลิกาย เทวิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข นาฬิชงฺโฆ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มลฺลิกา, โภ โคตม, เทวี โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘ภาสิตา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา เอสา วาจา – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติ.
๓๕๖. ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! ปิยชาติกา หิ, พฺราหฺมณ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ. ตทมินาเปตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา. ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตริสฺสา อิตฺถิยา มาตา กาลมกาสิ. สา ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺติกา ขิตฺตจิตฺตา รถิกาย รถิกํ [รถิยาย รถิยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถ [อทฺทสถ (สี. ปี.)], อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ ¶ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตริสฺสา อิตฺถิยา ปิตา กาลมกาสิ… ภาตา กาลมกาสิ… ภคินี กาลมกาสิ… ปุตฺโต กาลมกาสิ… ธีตา กาลมกาสิ… สามิโก กาลมกาสิ. สา ตสฺส กาลกิริยาย อุมฺมตฺติกา ขิตฺตจิตฺตา รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม สามิกํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม สามิกํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตรสฺส ปุริสสฺส มาตา กาลมกาสิ. โส ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิตฺโต รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถา’ติ ¶ ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ ¶ , ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตรสฺส ปุริสสฺส ปิตา กาลมกาสิ… ภาตา กาลมกาสิ… ภคินี กาลมกาสิ… ปุตฺโต กาลมกาสิ… ธีตา กาลมกาสิ… ปชาปติ กาลมกาสิ. โส ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิตฺโต รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม ปชาปตึ อทฺทสฺสถ, อปิ เม ปชาปตึ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตรา อิตฺถี าติกุลํ อคมาสิ. ตสฺสา เต าตกา สามิกํ [สามิกา (สี.)] อจฺฉินฺทิตฺวา อฺสฺส ทาตุกามา. สา จ ตํ น อิจฺฉติ. อถ โข สา อิตฺถี สามิกํ เอตทโวจ – ‘อิเม, มํ [มม (สฺยา. กํ. ปี.)], อยฺยปุตฺต, าตกา ตฺวํ [ตยา (สี.), ตํ (สฺยา. กํ. ปี.)] อจฺฉินฺทิตฺวา อฺสฺส ทาตุกามา. อหฺจ ตํ น อิจฺฉามี’ติ. อถ โข โส ปุริโส ตํ อิตฺถึ ทฺวิธา เฉตฺวา อตฺตานํ ¶ อุปฺผาเลสิ [อุปฺปาเฏสิ (สี. ปี.), โอผาเรสิ (ก.)] – ‘อุโภ เปจฺจ ภวิสฺสามา’ติ. อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ.
๓๕๗. อถ โข นาฬิชงฺโฆ พฺราหฺมโณ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน มลฺลิกา เทวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ยาวตโก อโหสิ ภควตา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ มลฺลิกาย เทวิยา อาโรเจสิ. อถ โข มลฺลิกา เทวี เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต วชิรี กุมารี’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม วชิรี กุมารี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, วชิริยา เต กุมาริยา วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ ¶ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วชิริยา เม, มลฺลิเก, กุมาริยา วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา ¶ อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต วาสภา ขตฺติยา’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา ¶ เม วาสภา ขตฺติยา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, วาสภาย เต ขตฺติยาย วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วาสภาย เม, มลฺลิเก, ขตฺติยาย วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิโย เต วิฏฏูโภ [วิฑูฑโภ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เสนาปตี’’ติ? ‘‘เอวํ ¶ , มลฺลิเก, ปิโย เม วิฏฏูโภ เสนาปตี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, วิฏฏูภสฺส เต เสนาปติสฺส วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วิฏฏูภสฺส เม, มลฺลิเก, เสนาปติสฺส วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ ¶ , กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต อห’’นฺติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เมสิ ตฺว’’นฺติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, มยฺหํ เต วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘ตุยฺหฺหิ เม, มลฺลิเก, วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต กาสิโกสลา’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม กาสิโกสลา. กาสิโกสลานํ, มลฺลิเก, อานุภาเวน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภม, มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรมา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, กาสิโกสลานํ เต วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘กาสิโกสลานฺหิ, มลฺลิเก ¶ , วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ¶ สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ, มลฺลิเก, อพฺภุตํ, มลฺลิเก! ยาวฺจ โส ภควา ¶ ปฺาย อติวิชฺฌ มฺเ [ปฏิวิชฺฌ ปฺาย (ก.)] ปสฺสติ. เอหิ, มลฺลิเก, อาจเมหี’’ติ [อาจาเมหีติ (สี. ปี.)]. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.
ปิยชาติกสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. พาหิติกสุตฺตํ
๓๕๘. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ปุพฺพาราโม มิคารมาตุปาสาโท เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกปุณฺฑรีกํ นาคํ อภิรุหิตฺวา สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวา ทิวสฺส. อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สิริวฑฺฒํ มหามตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘อายสฺมา โน เอโส, สมฺม สิริวฑฺฒ, อานนฺโท’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ, มหาราช, อายสฺมา เอโส อานนฺโท’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สเจ กิร, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ, อาคเมตุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท มุหุตฺตํ ¶ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา ¶ อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ; เอวฺจ วเทติ – ‘สเจ กิร, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ, อาคเมตุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท มุหุตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา นาคา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ ¶ , สาธุ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท เยน อจิรวติยา นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท ตุณฺหีภาเวน.
๓๕๙. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน อจิรวติยา นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา นาคา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, อายสฺมา ¶ อานนฺโท หตฺถตฺถเร นิสีทตู’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช. นิสีท ตฺวํ; นิสินฺโน อหํ สเก อาสเน’’ติ. นิสีทิ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา ตถารูปํ กายสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหี’’ติ [พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ (สพฺพตฺถ) อฏฺกถา ฏีกา โอโลเกตพฺพา]? ‘‘น โข, มหาราช, โส ภควา ตถารูปํ กายสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กึ ¶ ปน, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา ตถารูปํ วจีสมาจารํ…เป… มโนสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหี’’ติ [พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ (สพฺพตฺถ) อฏฺกถา ฏีกา โอโลเกตพฺพา]? ‘‘น โข, มหาราช, โส ภควา ตถารูปํ มโนสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยฺหิ มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺหา ปฺเหน ปริปูเรตุํ ตํ, ภนฺเต, อายสฺมตา อานนฺเทน ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน ปริปูริตํ. เย เต, ภนฺเต, พาลา อพฺยตฺตา อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ปเรสํ วณฺณํ วา อวณฺณํ วา ภาสนฺติ, น มยํ ตํ สารโต ปจฺจาคจฺฉาม; เย ปน [เย จ โข (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เต, ภนฺเต ¶ , ปณฺฑิตา วิยตฺตา [พฺยตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เมธาวิโน อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา ปเรสํ วณฺณํ วา อวณฺณํ วา ภาสนฺติ, มยํ ตํ สารโต ปจฺจาคจฺฉาม’’.
๓๖๐. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อกุสโล’’.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร อกุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สาวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร สาวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’ [สพฺยาปชฺโฌ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สพฺยาปชฺโช (ก.)].
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, วจีสมาจาโร…เป… มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อกุสโล’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร อกุสโล’’? ‘‘โย ¶ โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สาวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร สาวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร ¶ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา สพฺเพสํเยว อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ วณฺเณตี’’ติ? ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโต’’ติ.
๓๖๑. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, กายสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร กุสโล’’.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร กุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สุขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร สุขวิปาโก’’?
‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา ¶ อภิวฑฺฒนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, กายสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, วจีสมาจาโร…เป… มโนสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร กุสโล’’.
‘‘กตโม ¶ ¶ ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร กุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อนวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร อนวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สุขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร สุขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ. ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ. เอวรูโป โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กึ ปน, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา สพฺเพสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํ วณฺเณตี’’ติ? ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโต’’ติ.
๓๖๒. ‘‘อจฺฉริยํ ¶ , ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ [สุภาสิตมิทํ (สี.)], ภนฺเต, อายสฺมตา อานนฺเทน. อิมินา จ มยํ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิเตน อตฺตมนาภิรทฺธา. เอวํ อตฺตมนาภิรทฺธา จ มยํ ¶ , ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิเตน. สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส หตฺถิรตนํ กปฺเปยฺย, หตฺถิรตนมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยาม. สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส อสฺสรตนํ กปฺเปยฺย, อสฺสรตนมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยาม. สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส คามวรํ กปฺเปยฺย, คามวรมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยาม. อปิ จ, ภนฺเต, มยมฺเปตํ [มยเมว ตํ (สี.), มยมฺปเนตํ (สฺยา. กํ.)] ชานาม – ‘เนตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส กปฺปตี’ติ. อยํ เม, ภนฺเต, พาหิติกา รฺา มาคเธน อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุตฺเตน วตฺถนาฬิยา [ฉตฺตนาฬิยา (สฺยา. กํ. ปี.)] ปกฺขิปิตฺวา ปหิตา โสฬสสมา อายาเมน, อฏฺสมา วิตฺถาเรน ¶ . ตํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, ปริปุณฺณํ เม ติจีวร’’นฺติ.
‘‘อยํ ¶ , ภนฺเต, อจิรวตี นที ทิฏฺา อายสฺมตา เจว อานนฺเทน อมฺเหหิ จ. ยทา อุปริปพฺพเต มหาเมโฆ อภิปฺปวุฏฺโ โหติ, อถายํ อจิรวตี นที อุภโต กูลานิ สํวิสฺสนฺทนฺตี คจฺฉติ; เอวเมว โข, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อิมาย พาหิติกาย อตฺตโน ติจีวรํ กริสฺสติ. ยํ ปนายสฺมโต อานนฺทสฺส ปุราณํ ติจีวรํ ตํ สพฺรหฺมจารีหิ สํวิภชิสฺสติ. เอวายํ อมฺหากํ ทกฺขิณา สํวิสฺสนฺทนฺตี มฺเ คมิสฺสติ. ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท พาหิติก’’นฺติ. ปฏิคฺคเหสิ โข อายสฺมา อานนฺโท ¶ พาหิติกํ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต อานนฺท, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
๓๖๓. อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ยาวตโก อโหสิ รฺา ปเสนทินา โกสเลน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. ตฺจ พาหิติกํ ภควโต ปาทาสิ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ลาภา, ภิกฺขเว, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, สุลทฺธลาภา, ภิกฺขเว, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส; ยํ ราชา ปเสนทิ โกสโล ลภติ อานนฺทํ ทสฺสนาย, ลภติ ปยิรุปาสนายา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
พาหิติกสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. ธมฺมเจติยสุตฺตํ
๓๖๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ เมทาฬุปํ [เมตฬูปํ (สี.), เมทฬุมฺปํ (ปี.)] นาม สกฺยานํ นิคโม. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล นครกํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทีฆํ การายนํ อามนฺเตสิ – ‘‘โยเชหิ, สมฺม การายน, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ, อุยฺยานภูมึ คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’’ติ [สุภูมิทสฺสนายาติ (ที. นิ. ๒.๔๓)]. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ทีโฆ การายโน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ. ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ นครกมฺหา นิยฺยาสิ มหจฺจา ราชานุภาเวน. เยน อาราโม เตน ปายาสิ. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิ. อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อาราเม ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน ¶ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ [มนุสฺสราหเสยฺยกานิ (สี. ปี.)] ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ. ทิสฺวาน ภควนฺตํเยว อารพฺภ สติ อุทปาทิ – ‘‘อิมานิ โข ตานิ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ ¶ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ, ยตฺถ สุทํ มยํ ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ.
๓๖๕. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทีฆํ การายนํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมานิ โข, สมฺม การายน, ตานิ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ, ยตฺถ สุทํ มยํ ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. กหํ นุ โข, สมฺม การายน, เอตรหิ โส ภควา ¶ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโม. ตตฺถ โส ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘กีวทูเร [กีวทูโร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปน, สมฺม การายน ¶ , นครกมฺหา เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโม โหตี’’ติ? ‘‘น ทูเร, มหาราช; ตีณิ โยชนานิ; สกฺกา ทิวสาวเสเสน คนฺตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม การายน, โยเชหิ ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ, คมิสฺสาม มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ทีโฆ การายโน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ. ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ นครกมฺหา เยน เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ ¶ นิคโม เตน ปายาสิ. เตเนว ทิวสาวเสเสน เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคมํ สมฺปาปุณิ. เยน อาราโม เตน ปายาสิ. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิ.
๓๖๖. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, ภนฺเต, เอตรหิ ¶ โส ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ. ‘‘เอโส, มหาราช, วิหาโร สํวุตทฺวาโร. เตน อปฺปสทฺโท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏหิ. วิวริสฺสติ ภควา เต ทฺวาร’’นฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ตตฺเถว ขคฺคฺจ อุณฺหีสฺจ ทีฆสฺส การายนสฺส ปาทาสิ. อถ โข ทีฆสฺส การายนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘รหายติ โข ทานิ ราชา [มหาราชา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อิเธว [เตนิเธว (สี.)] ทานิ มยา าตพฺพ’’นฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน โส วิหาโร สํวุตทฺวาโร เตน อปฺปสทฺโท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏสิ. วิวริ ภควา ทฺวารํ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิหารํ ¶ ปวิสิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล; ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ ¶ โกสโล’’ติ.
๓๖๗. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อิมสฺมึ สรีเร เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กโรสิ, มิตฺตูปหารํ [จิตฺตูปหารํ (สี.)] อุปทํเสสี’’ติ? ‘‘อตฺถิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย ¶ – ‘โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ. อิธาหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ เอเก สมณพฺราหฺมเณ ปริยนฺตกตํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺเต ทสปิ วสฺสานิ, วีสมฺปิ วสฺสานิ, ตึสมฺปิ วสฺสานิ, จตฺตารีสมฺปิ วสฺสานิ. เต อปเรน สมเยน สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ ยาวชีวํ อาปาณโกฏิกํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺเต. น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อฺํ เอวํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ สมนุปสฺสามิ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติ.
๓๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตโยปิ คหปตีหิ ¶ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ ¶ , ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ สมคฺเค สมฺโมทมาเน อวิวทมาเน ขีโรทกีภูเต อฺมฺํ ¶ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺเต วิหรนฺเต. น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อฺํ เอวํ สมคฺคํ ปริสํ สมนุปสฺสามิ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๖๙. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, อาราเมน อารามํ, อุยฺยาเนน อุยฺยานํ อนุจงฺกมามิ อนุวิจรามิ. โสหํ ตตฺถ ปสฺสามิ เอเก สมณพฺราหฺมเณ กิเส ลูเข ทุพฺพณฺเณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาเต ธมนิสนฺถตคตฺเต, น วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธนฺเต ชนสฺส ทสฺสนาย. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต อนภิรตา วา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อตฺถิ วา เตสํ กิฺจิ ปาปํ กมฺมํ กตํ ปฏิจฺฉนฺนํ; ตถา หิ อิเม อายสฺมนฺโต กิสา ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา, น วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธนฺติ ชนสฺส ทสฺสนายา’ติ. ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘กึ นุ โข ตุมฺเห อายสฺมนฺโต กิสา ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา, น วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธถ ชนสฺส ทสฺสนายา’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘พนฺธุกโรโค โน [ปณฺฑุกโรคิโน (ก.)], มหาราชา’ติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ¶ ปสฺสามิ ¶ หฏฺปหฏฺเ อุทคฺคุทคฺเค อภิรตรูเป ปีณินฺทฺริเย [ปีณิตินฺทฺริเย (สี. ปี.)] อปฺโปสฺสุกฺเก ปนฺนโลเม ปรทตฺตวุตฺเต มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺเต. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต ตสฺส ภควโต สาสเน อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ชานนฺติ; ตถา หิ อิเม อายสฺมนฺโต หฏฺปหฏฺา อุทคฺคุทคฺคา อภิรตรูปา ปีณินฺทฺริยา อปฺโปสฺสุกฺกา ปนฺนโลมา ปรทตฺตวุตฺตา มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺตี’ติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๐. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต; ปโหมิ ¶ ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อฑฺฑกรเณ นิสินฺนสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตนฺติ. โสหํ น ลภามิ – ‘มา เม โภนฺโต อฑฺฑกรเณ นิสินฺนสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ [โอปาเตนฺตุ (สี.) อุปริเสลสุตฺเต ปน ‘‘โอปาเตถา’’ติเยว ทิสฺสติ], กถาปริโยสานํ เม โภนฺโต อาคเมนฺตู’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตนฺติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ; ยสฺมึ สมเย ภควา อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, เนว ตสฺมึ สมเย ภควโต สาวกานํ ขิปิตสทฺโท วา โหติ อุกฺกาสิตสทฺโท วา. ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, ภควา อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ. ตตฺรฺตโร ภควโต สาวโก อุกฺกาสิ. ตเมนํ อฺตโร สพฺรหฺมจารี ¶ ชณฺณุเกน ฆฏฺเฏสิ – ‘อปฺปสทฺโท อายสฺมา โหตุ, มายสฺมา สทฺทมกาสิ; สตฺถา โน ภควา ธมฺมํ เทเสตี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อทณฺเฑน วต กิร, โภ, อสตฺเถน เอวํ สุวินีตา ปริสา ภวิสฺสตี’ติ! น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อฺํ เอวํ สุวินีตํ ปริสํ สมนุปสฺสามิ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๑. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ ขตฺติยปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเป. เต ภินฺทนฺตา [โวภินฺทนฺตา (สี.)] มฺเ จรนฺติ ปฺาคเตน ทิฏฺิคตานิ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี’ติ. เต ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ – ‘อิมํ มยํ ปฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม. เอวํ เจ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม; เอวํ เจปิ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ ¶ อาโรเปสฺสามา’ติ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ’ติ. เต เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติ. เต ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ ¶ . เต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว ภควนฺตํ ปฺหํ ¶ ปุจฺฉนฺติ, กุโต วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อฺทตฺถุ ภควโต สาวกา สมฺปชฺชนฺติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๒. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ พฺราหฺมณปณฺฑิเต…เป… คหปติปณฺฑิเต…เป… สมณปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเป. เต ภินฺทนฺตา มฺเ จรนฺติ ปฺาคเตน ทิฏฺิคตานิ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี’ติ. เต ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ – ‘อิมํ มยํ ปฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม. เอวํ เจ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม; เอวํ เจปิ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา’ติ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ’ติ. เต เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติ. เต ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโต วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อฺทตฺถุ ภควนฺตํเยว โอกาสํ ยาจนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. เต ภควา ปพฺพาเชติ. เต ตถาปพฺพชิตา ¶ สมานา เอกา วูปกฏฺา อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เต เอวมาหํสุ – ‘มนํ วต, โภ, อนสฺสาม; มนํ วต, โภ, ปนสฺสาม’. มยฺหิ ปุพฺเพ อสฺสมณาว สมานา สมณามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา, อพฺราหฺมณาว สมานา พฺราหฺมณามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา, อนรหนฺโตว สมานา อรหนฺตามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา. ‘อิทานิ โขมฺห สมณา, อิทานิ โขมฺห พฺราหฺมณา, อิทานิ โขมฺห อรหนฺโต’ติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๓. ‘‘ปุน ¶ จปราหํ, ภนฺเต, อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มมภตฺตา มมยานา, อหํ เนสํ ชีวิกาย [ชีวิตสฺส (สี.), ชีวิกํ (สี. อฏฺ.), ชีวิตํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] ทาตา, ยสสฺส อาหตฺตา; อถ ¶ จ ปน โน ตถา มยิ นิปจฺจการํ ¶ กโรนฺติ ยถา ภควติ. ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, เสนํ อพฺภุยฺยาโต สมาโน อิเม จ อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย วีมํสมาโน อฺตรสฺมึ สมฺพาเธ อาวสเถ วาสํ อุปคจฺฉึ. อถ โข, ภนฺเต, อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถาย วีตินาเมตฺวา, ยโต อโหสิ ภควา ¶ [อสฺโสสุํ โข ภควนฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ตโต สีสํ กตฺวา มํ ปาทโต กริตฺวา นิปชฺชึสุ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มมภตฺตา มมยานา, อหํ เนสํ ชีวิกาย ทาตา, ยสสฺส อาหตฺตา; อถ จ ปน โน ตถา มยิ นิปจฺจการํ กโรนฺติ ยถา ภควติ. อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต ตสฺส ภควโต สาสเน อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ชานนฺตี’ติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๔. ‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ภควาปิ ขตฺติโย, อหมฺปิ ขตฺติโย; ภควาปิ โกสโล, อหมฺปิ โกสโล; ภควาปิ อาสีติโก, อหมฺปิ อาสีติโก. ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควาปิ ขตฺติโย อหมฺปิ ขตฺติโย, ภควาปิ โกสโล อหมฺปิ โกสโล, ภควาปิ อาสีติโก อหมฺปิ อาสีติโก; อิมินาวารหาเมวาหํ [อิมินาปาหํ (ก.)], ภนฺเต, ภควติ ปรมนิปจฺจการํ กาตุํ, มิตฺตูปหารํ อุปทํเสตุํ. หนฺท, จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมเจติยานิ ¶ ภาสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต. อุคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ; ปริยาปุณาถ, ภิกฺขเว ¶ , ธมฺมเจติยานิ; ธาเรถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ. อตฺถสํหิตานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
ธมฺมเจติยสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตํ
๓๗๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรฺุายํ [อุชฺุายํ (สี. ปี.), อุทฺายํ (สฺยา. กํ.)] วิหรติ กณฺณกตฺถเล มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อุรฺุํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘อชฺช กิร, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘อชฺช กิร ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ. อสฺโสสุํ ¶ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี – ‘‘อชฺช กิร ¶ ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ. อถ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘โสมา จ, ภนฺเต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’’ติ.
๓๗๖. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ¶ ปเสนทิ โกสโล ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โสมา จ, ภนฺเต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ [วนฺทนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’ติ [ปุจฺฉนฺตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ‘‘กึ ปน, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี อฺํ ทูตํ นาลตฺถุ’’นฺติ? ‘‘อสฺโสสุํ โข, ภนฺเต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี – ‘อชฺช กิร ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’ติ. อถ โข, ภนฺเต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี มํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ ¶ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’’ติ. ‘‘สุขินิโย โหนฺตุ ตา, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี’’ติ.
๓๗๗. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห ¶ – นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ; กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘เย เต, มหาราช, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห – นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ; น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ เต อสตา อภูเตนา’’ติ.
๓๗๘. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิฏฏูภํ เสนาปตึ อามนฺเตสิ – ‘‘โก นุ โข, เสนาปติ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชนฺเตปุเร อพฺภุทาหาสี’’ติ? ‘‘สฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต’’ติ. อถ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ ¶ , อมฺโภ ปุริส, มม วจเนน สฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ อามนฺเตหิ – ‘ราชา ตํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รฺโ ปเสนทิสฺส ¶ โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน สฺชโย พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา ตํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อามนฺเตตี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา อฺเทว กิฺจิ สนฺธาย ภาสิตํ, ตฺจ ชโน อฺถาปิ ปจฺจาคจฺเฉยฺย [ปจฺจาคจฺเฉยฺยาติ, อภิชานามิ มหาราช วาจํ ภาสิตาติ (สี.)]. ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, ภควา อภิชานาติ วาจํ ภาสิตา’’ติ? ‘‘เอวํ โข อหํ, มหาราช, อภิชานามิ วาจํ ภาสิตา – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สกิเทว สพฺพํ สฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’’ติ. ‘‘เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย ¶ สกิเทว สพฺพํ สฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’’ติ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. อิเมสํ นุ โข, ภนฺเต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. อิเมสํ โข, มหาราช, จตุนฺนํ วณฺณานํ ทฺเว วณฺณา ¶ อคฺคมกฺขายนฺติ – ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ – ยทิทํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมานี’’ติ [สามิจิกมฺมานนฺติ (สี.)]. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทิฏฺธมฺมิกํ ปุจฺฉามิ; สมฺปรายิกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ. จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. อิเมสํ นุ โข, ภนฺเต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ?
๓๗๙. ‘‘ปฺจิมานิ, มหาราช, ปธานิยงฺคานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ; อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ¶ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา – อิมานิ โข, มหาราช, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ. จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. เต จสฺสุ อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา ¶ ; เอตฺถ ปน เนสํ อสฺส ¶ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา ¶ . เต จสฺสุ อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข เนสาหํ, มหาราช, ปธานเวมตฺตตํ วทามิ. เสยฺยถาปิสฺสุ, มหาราช, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เย เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ อปฺปาพาเธน อสเน อมายาวินา อารทฺธวีริเยน ปฺวตา ตํ วต [ตํ ตถา โส (ก.)] อสฺสทฺโธ พหฺวาพาโธ สโ มายาวี กุสีโต ทุปฺปฺโ ปาปุณิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.
๓๘๐. ‘‘เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห. จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา ¶ , สุทฺทา. เต จสฺสุ อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา เต จสฺสุ สมฺมปฺปธานา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข [เอตฺถ โข ปน (สี.)] เนสาหํ, มหาราช, น กิฺจิ นานากรณํ วทามิ – ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตึ. เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส สุกฺขํ สากกฏฺํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย ¶ ; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ สาลกฏฺํ อาทาย ¶ อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อมฺพกฏฺํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อุทุมฺพรกฏฺํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, สิยา นุ โข เตสํ อคฺคีนํ นานาทารุโต อภินิพฺพตฺตานํ กิฺจิ นานากรณํ อจฺจิยา วา อจฺจึ, วณฺเณน วา วณฺณํ, อาภาย วา อาภ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ เตชํ วีริยา นิมฺมถิตํ ปธานาภินิพฺพตฺตํ [วิริยํ นิปฺผรติ, ตํ ปจฺฉาภินิพฺพตฺตํ (สี.)], นาหํ ตตฺถ กิฺจิ นานากรณํ วทามิ – ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติ. ‘‘เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห. กึ ¶ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เทวา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ – ‘กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เทวา’’’ติ? ‘‘ยทิ วา เต, ภนฺเต, เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ ยทิ วา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ’’? ‘‘เย เต, มหาราช, เทวา สพฺยาพชฺฌา เต เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา เต เทวา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺต’’นฺติ.
๓๘๑. เอวํ ¶ วุตฺเต, วิฏฺฏูโภ เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เย เต, ภนฺเต, เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ตมฺหา านา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา’’ติ?
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข วิฏฏูโภ เสนาปติ รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปุตฺโต; อหํ ภควโต ปุตฺโต. อยํ โข กาโล ยํ ปุตฺโต ปุตฺเตน มนฺเตยฺยา’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท วิฏฏูภํ เสนาปตึ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, เสนาปติ, ตํ เยเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, ยาวตา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ ¶ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ยาวตา, โภ, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ ¶ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล ¶ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, ยาวตา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตตฺถ ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ยาวตา, โภ, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, น ตตฺถ ปโหติ ราชา ¶ ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, สุตา เต เทวา ตาวตึสา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ. สุตา เม เทวา ตาวตึสา. อิธาปิ โภตา รฺา ปเสนทินา โกสเลน สุตา เทวา ตาวตึสา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวตึเส ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ทสฺสนมฺปิ, โภ, ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวตึเส นปฺปโหติ, กุโต ปน ตมฺหา านา จาเวสฺสติ วา ปพฺพาเชสฺสติ วา’’ติ? ‘‘เอวเมว โข, เสนาปติ, เย เต เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺติ; กุโต ปน ตมฺหา านา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา’’ติ?
๓๘๒. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกนาโม อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อานนฺโท ¶ นาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘อานนฺโท วต, โภ, อานนฺทรูโป วต, โภ! เหตุรูปํ, ภนฺเต ¶ , อายสฺมา อานนฺโท อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อาห. กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ พฺรหฺมา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ – ‘กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ พฺรหฺมา’’’ติ? ‘‘ยทิ วา โส, ภนฺเต, พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, ยทิ วา อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ? ‘‘โย โส, มหาราช, พฺรหฺมา สพฺยาพชฺโฌ โส พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, โย โส พฺรหฺมา อพฺยาพชฺโฌ โส พฺรหฺมา อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ. อถ โข อฺตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทึ ¶ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘สฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต อาคโต’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, พฺราหฺมณ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชนฺเตปุเร อพฺภุทาหาสี’’ติ? ‘‘วิฏฏูโภ, มหาราช, เสนาปตี’’ติ. วิฏฏูโภ เสนาปติ เอวมาห – ‘‘สฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต’’ติ. อถ โข อฺตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ยานกาโล, มหาราชา’’ติ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สพฺพฺุตํ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ¶ อปุจฺฉิมฺหา, สพฺพฺุตํ ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. จาตุวณฺณิสุทฺธึ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, จาตุวณฺณิสุทฺธึ ¶ ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. อธิเทเว มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิเทเว ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. อธิพฺรหฺมานํ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิพฺรหฺมานํ ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. ยํ ยเทว จ มยํ ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา ตํ ตเทว ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. หนฺท, จ ¶ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
กณฺณกตฺถลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
ราชวคฺโค นิฏฺิโต จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
ฆฏิกาโร รฏฺปาโล, มฆเทโว มธุริยํ;
โพธิ องฺคุลิมาโล จ, ปิยชาตํ พาหิติกํ;
ธมฺมเจติยสุตฺตฺจ, ทสมํ กณฺณกตฺถลํ.