📜
๕. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. พฺรหฺมายุสุตฺตํ
๓๘๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา วิเทเหสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. เตน โข ปน สมเยน พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ มิถิลายํ ปฏิวสติ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ [เพทานํ (ก.)] ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อสฺโสสิ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ – ‘‘สมโณ ขลุ โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต วิเทเหสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ ¶ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.
๓๘๔. เตน ¶ โข ปน สมเยน พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส อุตฺตโร นาม มาณโว อนฺเตวาสี โหติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุตฺตรํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘อยํ, ตาต อุตฺตร, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต วิเทเหสุ ¶ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ ¶ โหตี’ติ. เอหิ ตฺวํ, ตาต อุตฺตร, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ ชานาหิ ยทิ วา ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต, ยทิ วา โน ตถา; ยทิ วา โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, ยทิ วา น ตาทิโส. ตถา มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เวทิสฺสามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปนาหํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามิ ยทิ วา ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต, ยทิ วา โน ตถา; ยทิ วา โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, ยทิ วา น ตาทิโส’’ติ. ‘‘อาคตานิ โข, ตาต อุตฺตร, อมฺหากํ มนฺเตสุ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ อนฺา ¶ . สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต. ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํ. ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา. โส อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน [ธมฺเมน สเมน (ก.)] อภิวิชิย อชฺฌาวสติ. สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท. อหํ โข ปน, ตาต อุตฺตร, มนฺตานํ ทาตา; ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตา’’ติ.
๓๘๕. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข อุตฺตโร มาณโว พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วิเทเหสุ เยน ภควา เตน จาริกํ ¶ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุตฺตโร มาณโว ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ. อทฺทสา ¶ โข อุตฺตโร มาณโว ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน ถเปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ ¶ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จ. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ อุตฺตโร มาณโว ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ¶ , เยภุยฺเยน ถเปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ ยถา อทฺทส อุตฺตโร มาณโว ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ [ปริมสิ (สี. ก.)]; อุโภปิ นาสิกโสตานิ [นาสิกาโสตานิ (สี.)] อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ. อถ โข อุตฺตรสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ อนุพนฺเธยฺยํ, อิริยาปถมสฺส ปสฺเสยฺย’’นฺติ. อถ โข อุตฺตโร มาณโว สตฺตมาสานิ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ ฉายาว อนปายินี [อนุปายินี (สฺยา. กํ. ก.)].
๓๘๖. อถ โข อุตฺตโร มาณโว สตฺตนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน วิเทเหสุ เยน มิถิลา เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน มิถิลา เยน พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺนํ โข อุตฺตรํ มาณวํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ตาต อุตฺตร, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต ¶ , โน อฺถา? กจฺจิ ปน โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, โน อฺาทิโส’’ติ? ‘‘ตถา สนฺตํเยว, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สทฺโท อพฺภุคฺคโต, โน อฺถา; ตาทิโสว [ตาทิโสว โภ (สี. ปี.), ตาทิโส จ โข (สฺยา. กํ. ก.)] โส ภวํ โคตโม, โน อฺาทิโส. สมนฺนาคโต จ [สมนฺนาคโต จ โภ (สพฺพตฺถ)] โส ภวํ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ.
‘‘สุปฺปติฏฺิตปาโท โข ปน ภวํ โคตโม; อิทมฺปิ ตสฺส โภโต โคตมสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติ.
‘‘เหฏฺา โข ปน ตสฺส โภโต โคตมสฺส ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานิ…
‘‘อายตปณฺหิ ¶ ¶ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ทีฆงฺคุลิ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘มุทุตลุนหตฺถปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ชาลหตฺถปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘อุสฺสงฺขปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘เอณิชงฺโฆ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ิตโก โข ปน โส ภวํ โคตโม อโนนมนฺโต อุโภหิ ปาณิตเลหิ ชณฺณุกานิ ปริมสติ ปริมชฺชติ…
‘‘โกโสหิตวตฺถคุยฺโห โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สุวณฺณวณฺโณ โข ปน โส ภวํ โคตโม กฺจนสนฺนิภตฺตโจ…
‘‘สุขุมจฺฉวิ โข ปน โส ภวํ โคตโม. สุขุมตฺตา ฉวิยา รโชชลฺลํ กาเย น อุปลิมฺปติ…
‘‘เอเกกโลโม โข ปน โส ภวํ ¶ โคตโม; เอเกกานิ โลมานิ โลมกูเปสุ ชาตานิ…
‘‘อุทฺธคฺคโลโม โข ปน โส ภวํ โคตโม; อุทฺธคฺคานิ โลมานิ ชาตานิ นีลานิ อฺชนวณฺณานิ กุณฺฑลาวฏฺฏานิ ทกฺขิณาวฏฺฏกชาตานิ…
‘‘พฺรหฺมุชุคตฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สตฺตุสฺสโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สีหปุพฺพทฺธกาโย ¶ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘จิตนฺตรํโส โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘นิคฺโรธปริมณฺฑโล โข ปน โส ภวํ โคตโม; ยาวตกฺวสฺส กาโย ตาวตกฺวสฺส พฺยาโม, ยาวตกฺวสฺส พฺยาโม ตาวตกฺวสฺส กาโย…
‘‘สมวฏฺฏกฺขนฺโธ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘รสคฺคสคฺคี โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สีหหนุ ¶ โข ปน ¶ โส ภวํ โคตโม…
‘‘จตฺตาลีสทนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สมทนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘อวิรฬทนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สุสุกฺกทาโ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ปหูตชิวฺโห โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘พฺรหฺมสฺสโร โข ปน โส ภวํ โคตโม กรวิกภาณี…
‘‘อภินีลเนตฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘โคปขุโม ¶ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘อุณฺณา โข ปนสฺส โภโต โคตมสฺส ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุตูลสนฺนิภา…
‘‘อุณฺหีสสีโส โข ปน โส ภวํ โคตโม; อิทมฺปิ ตสฺส โภโต โคตมสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติ.
‘‘อิเมหิ โข, โภ, โส ภวํ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต.
๓๘๗. ‘‘คจฺฉนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม ทกฺขิเณเนว ปาเทน ¶ ปมํ ปกฺกมติ. โส นาติทูเร ปาทํ อุทฺธรติ, นาจฺจาสนฺเน ปาทํ นิกฺขิปติ; โส นาติสีฆํ คจฺฉติ, นาติสณิกํ คจฺฉติ; น จ อทฺทุเวน อทฺทุวํ สงฺฆฏฺเฏนฺโต คจฺฉติ, น จ โคปฺผเกน โคปฺผกํ สงฺฆฏฺเฏนฺโต คจฺฉติ. โส คจฺฉนฺโต น สตฺถึ อุนฺนาเมติ, น สตฺถึ โอนาเมติ; น สตฺถึ สนฺนาเมติ, น สตฺถึ วินาเมติ. คจฺฉโต โข ปน ตสฺส โภโต โคตมสฺส อธรกาโยว [อฑฺฒกาโยว (ก.), อารทฺธกาโยว (สฺยา. กํ.)] อิฺชติ, น จ กายพเลน คจฺฉติ. อปโลเกนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม สพฺพกาเยเนว อปโลเกติ; โส น อุทฺธํ อุลฺโลเกติ, น อโธ โอโลเกติ; น จ วิเปกฺขมาโน คจฺฉติ, ยุคมตฺตฺจ เปกฺขติ; ตโต จสฺส อุตฺตริ อนาวฏํ าณทสฺสนํ ภวติ. โส อนฺตรฆรํ ปวิสนฺโต น กายํ อุนฺนาเมติ ¶ , น กายํ โอนาเมติ; น กายํ สนฺนาเมติ, น ¶ กายํ วินาเมติ. โส นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน อาสนสฺส ปริวตฺตติ, น จ ปาณินา อาลมฺพิตฺวา อาสเน นิสีทติ, น จ อาสนสฺมึ กายํ ปกฺขิปติ. โส อนฺตรฆเร นิสินฺโน สมาโน น หตฺถกุกฺกุจฺจํ อาปชฺชติ, น ปาทกุกฺกุจฺจํ อาปชฺชติ; น อทฺทุเวน อทฺทุวํ อาโรเปตฺวา นิสีทติ; น จ โคปฺผเกน โคปฺผกํ อาโรเปตฺวา นิสีทติ; น จ ปาณินา หนุกํ อุปทหิตฺวา [อุปาทิยิตฺวา (สี. ปี.)] นิสีทติ. โส อนฺตรฆเร นิสินฺโน สมาโน น ฉมฺภติ น กมฺปติ น เวธติ น ปริตสฺสติ. โส อฉมฺภี อกมฺปี อเวธี อปริตสฺสี วิคตโลมหํโส. วิเวกวตฺโต จ โส ภวํ โคตโม อนฺตรฆเร นิสินฺโน โหติ. โส ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต ¶ น ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, น ปตฺตํ โอนาเมติ; น ปตฺตํ สนฺนาเมติ, น ปตฺตํ วินาเมติ. โส ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ นาติโถกํ นาติพหุํ. โส น ขุลุขุลุการกํ [พุลุพุลุการกํ (สี.)] ปตฺตํ โธวติ, น สมฺปริวตฺตกํ ปตฺตํ โธวติ, น ¶ ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺเถ โธวติ; หตฺเถสุ โธเตสุ ปตฺโต โธโต โหติ, ปตฺเต โธเต หตฺถา โธตา โหนฺติ. โส ปตฺโตทกํ ฉฑฺเฑติ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, น จ วิจฺฉฑฺฑยมาโน. โส โอทนํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต น ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, น ปตฺตํ โอนาเมติ; น ปตฺตํ สนฺนาเมติ, น ปตฺตํ วินาเมติ. โส โอทนํ ปฏิคฺคณฺหาติ นาติโถกํ นาติพหุํ. พฺยฺชนํ โข ปน ภวํ โคตโม พฺยฺชนมตฺตาย อาหาเรติ, น จ พฺยฺชเนน อาโลปํ อตินาเมติ. ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โข ภวํ โคตโม มุเข อาโลปํ สมฺปริวตฺเตตฺวา อชฺโฌหรติ; น จสฺส กาจิ โอทนมิฺชา อสมฺภินฺนา กายํ ปวิสติ, น จสฺส กาจิ โอทนมิฺชา มุเข อวสิฏฺา โหติ; อถาปรํ อาโลปํ อุปนาเมติ. รสปฏิสํเวที โข ปน โส ภวํ โคตโม อาหารํ อาหาเรติ, โน จ รสราคปฏิสํเวที.
‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ [อฏฺงฺคสมนฺนาคโต (ก.)] โข ปน โส ภวํ โคตโม อาหารํ อาหาเรติ – เนว ทวาย, น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย, วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย – ‘อิติ ปุราณฺจ ¶ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ¶ ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ ¶ . โส ภุตฺตาวี ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต น ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, น ปตฺตํ โอนาเมติ; น ปตฺตํ สนฺนาเมติ, น ปตฺตํ วินาเมติ. โส ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ นาติโถกํ นาติพหุํ. โส น ขุลุขุลุการกํ ปตฺตํ โธวติ, น สมฺปริวตฺตกํ ปตฺตํ โธวติ, น ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺเถ โธวติ; หตฺเถสุ โธเตสุ ปตฺโต โธโต โหติ, ปตฺเต โธเต หตฺถา โธตา โหนฺติ. โส ปตฺโตทกํ ฉฑฺเฑติ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, น จ วิจฺฉฑฺฑยมาโน. โส ภุตฺตาวี น ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปติ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, น จ อนตฺถิโก ปตฺเตน โหติ, น จ อติเวลานุรกฺขี ปตฺตสฺมึ. โส ภุตฺตาวี มุหุตฺตํ ตุณฺหี นิสีทติ, น จ อนุโมทนสฺส กาลมตินาเมติ. โส ภุตฺตาวี อนุโมทติ, น ตํ ภตฺตํ ครหติ, น อฺํ ภตฺตํ ปฏิกงฺขติ; อฺทตฺถุ ธมฺมิยา กถาย ตํ ปริสํ สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. โส ตํ ปริสํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมติ. โส นาติสีฆํ คจฺฉติ, นาติสณิกํ คจฺฉติ, น จ มุจฺจิตุกาโม คจฺฉติ; น จ ตสฺส โภโต โคตมสฺส กาเย จีวรํ อจฺจุกฺกฏฺํ โหติ น จ อจฺโจกฺกฏฺํ, น จ กายสฺมึ อลฺลีนํ น จ กายสฺมา อปกฏฺํ; น จ ตสฺส โภโต โคตมสฺส กายมฺหา วาโต จีวรํ อปวหติ; น จ ตสฺส โภโต ¶ โคตมสฺส กาเย รโชชลฺลํ อุปลิมฺปติ ¶ . โส อารามคโต นิสีทติ ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลติ; น จ โส ภวํ โคตโม ปาทมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. โส ปาเท ปกฺขาเลตฺวา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส เนว อตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติ; อตฺตหิตปรหิตอุภยหิตสพฺพโลกหิตเมว ¶ โส ภวํ โคตโม จินฺเตนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส อารามคโต ปริสติ ธมฺมํ เทเสติ, น ตํ ปริสํ อุสฺสาเทติ, น ตํ ปริสํ อปสาเทติ; อฺทตฺถุ ธมฺมิยา กถาย ตํ ปริสํ สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ.
‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข ปนสฺส โภโต โคตมสฺส มุขโต โฆโส นิจฺฉรติ – วิสฺสฏฺโ จ, วิฺเยฺโย จ, มฺชุ จ, สวนีโย จ, พินฺทุ จ, อวิสารี จ, คมฺภีโร จ, นินฺนาที จ. ยถาปริสํ โข ปน โส ภวํ ¶ โคตโม สเรน วิฺาเปติ, น จสฺส พหิทฺธา ปริสาย โฆโส นิจฺฉรติ. เต เตน โภตา โคตเมน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺติ อวโลกยมานาเยว [อปโลกยมานาเยว (สี. ก.)] อวิชหิตตฺตา [อวิชหนฺตาภาเวน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อทฺทสาม โข มยํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉนฺตํ, อทฺทสาม ิตํ, อทฺทสาม อนฺตรฆรํ ปวิสนฺตํ, อทฺทสาม อนฺตรฆเร นิสินฺนํ ตุณฺหีภูตํ, อทฺทสาม อนฺตรฆเร ภฺุชนฺตํ, อทฺทสาม ภุตฺตาวึ นิสินฺนํ ตุณฺหีภูตํ, อทฺทสาม ภุตฺตาวึ อนุโมทนฺตํ, อทฺทสาม อารามํ ¶ คจฺฉนฺตํ, อทฺทสาม อารามคตํ นิสินฺนํ ตุณฺหีภูตํ, อทฺทสาม อารามคตํ ปริสติ ธมฺมํ เทเสนฺตํ. เอทิโส จ เอทิโส จ โส ภวํ โคตโม, ตโต จ ภิยฺโย’’ติ.
๓๘๘. เอวํ วุตฺเต, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนติ –
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
‘‘นโม ¶ ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.
‘‘อปฺเปว นาม มยํ กทาจิ กรหจิ เตน โภตา โคตเมน สมาคจฺเฉยฺยาม? อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ!
๓๘๙. อถ โข ภควา วิเทเหสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน มิถิลา ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวมฺพวเน. อสฺโสสุํ โข มิถิเลยฺยกา [เมถิเลยฺยกา (สี. ปี.)] พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ¶ สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต วิเทเหสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ มิถิลํ อนุปฺปตฺโต, มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวมฺพวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ¶ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ ¶ . โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.
อถ โข มิถิเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
๓๙๐. อสฺโสสิ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต มิถิลํ อนุปฺปตฺโต, มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวมฺพวเน’’ติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ สมฺพหุเลหิ สาวเกหิ สทฺธึ เยน มฆเทวมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ. อถ โข พฺรหฺมายุโน พฺราหฺมณสฺส อวิทูเร อมฺพวนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น โข เมตํ ปติรูปํ โยหํ ปุพฺเพ อปฺปฏิสํวิทิโต ¶ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อฺตรํ มาณวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘พฺรหฺมายุ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ภวนฺตํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘พฺรหฺมายุ, โภ ¶ โคตม, พฺราหฺมโณ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. ยาวตา, โภ, พฺราหฺมณคหปติกา มิถิลายํ ปฏิวสนฺติ, พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ โภเคหิ; พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ มนฺเตหิ; พฺรหฺมายุ ¶ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ อายุนา เจว ยสสา จ. โส โภโต โคตมสฺส ทสฺสนกาโม’’’ติ.
‘‘เอวํ ¶ , โภ’’ติ โข โส มาณวโก พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โส มาณวโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺรหฺมายุ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ภวนฺตํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘พฺรหฺมายุ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ ¶ อนวโย. ยาวตา, โภ, พฺราหฺมณคหปติกา มิถิลายํ ปฏิวสนฺติ, พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ โภเคหิ; พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ มนฺเตหิ; พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ อายุนา เจว ยสสา จ. โส โภโต โคตมสฺส ทสฺสนกาโม’’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ, มาณว, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ กาลํ มฺตี’’ติ. อถ โข โส มาณวโก เยน พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภวตา สมเณน โคตเมน. ยสฺสทานิ ภวํ กาลํ มฺตี’’ติ.
๓๙๑. อถ ¶ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข สา ปริสา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน โอรมิย [โอรมตฺถ (สฺยา. กํ. ปี.), โอรมถ, โอรมติ (ก.), อถ นํ (สี.), โอรมิยาติ ปน ตฺวาปจฺจยนฺตตถสํวณฺณนานุรูปํ วิโสธิตปทํ] โอกาสมกาสิ ยถา ตํ าตสฺส ยสสฺสิโน. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ตํ ปริสํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, โภ! นิสีทถ ตุมฺเห สเก อาสเน. อิธาหํ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก นิสีทิสฺสามี’’ติ.
อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต ¶ กาเย ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ. อทฺทสา โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต ¶ กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘เย เม ทฺวตฺตึสาติ สุตา, มหาปุริสลกฺขณา;
ทุเว เตสํ น ปสฺสามิ, โภโต กายสฺมึ โคตม.
‘‘กจฺจิ โกโสหิตํ โภโต, วตฺถคุยฺหํ นรุตฺตม;
นารีสมานสวฺหยา, กจฺจิ ชิวฺหา น ทสฺสกา [นารีสหนาม สวฺหยา, กจฺจิ ชิวฺหา นรสฺสิกา; (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘กจฺจิ ปหูตชิวฺโหสิ, ยถา ตํ ชานิยามเส;
นินฺนามเยตํ ปหูตํ, กงฺขํ วินย โน อิเส.
‘‘ทิฏฺธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปรายสุขาย จ;
กตาวกาสา ปุจฺฉาม, ยํ กิฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติ.
๓๙๒. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติ ¶ . อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ ยถา อทฺทส พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; อุโภปิ นาสิกโสตานิ ¶ อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ. อถ โข ภควา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘เย เต ทฺวตฺตึสาติ สุตา, มหาปุริสลกฺขณา;
สพฺเพ เต มม กายสฺมึ, มา เต [มา โว (ก.)] กงฺขาหุ พฺราหฺมณ.
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณ.
‘‘ทิฏฺธมฺมหิตตฺถาย ¶ ¶ , สมฺปรายสุขาย จ;
กตาวกาโส ปุจฺฉสฺสุ, ยํ กิฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติ.
๓๙๓. อถ โข พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ สมเณน โคตเมน. กึ นุ โข อหํ สมณํ โคตมํ ปุจฺเฉยฺยํ – ‘ทิฏฺธมฺมิกํ วา อตฺถํ สมฺปรายิกํ วา’’’ติ. อถ โข พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กุสโล โข อหํ ทิฏฺธมฺมิกานํ อตฺถานํ. อฺเปิ มํ ทิฏฺธมฺมิกํ อตฺถํ ปุจฺฉนฺติ. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺปรายิกํเยว อตฺถํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘กถํ โข พฺราหฺมโณ โหติ, กถํ ภวติ เวทคู;
เตวิชฺโช โภ กถํ โหติ, โสตฺถิโย กินฺติ วุจฺจติ.
‘‘อรหํ โภ กถํ โหติ, กถํ ภวติ เกวลี;
มุนิ จ โภ กถํ โหติ, พุทฺโธ กินฺติ ปวุจฺจตี’’ติ.
๓๙๔. อถ ¶ โข ภควา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ¶ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺา โวสิโต มุนิ.
‘‘จิตฺตํ วิสุทฺธํ ชานาติ, มุตฺตํ ราเคหิ สพฺพโส;
ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;
ปารคู สพฺพธมฺมานํ, พุทฺโธ ตาที ปวุจฺจตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ; พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’ติ. อถ โข สา ปริสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา อโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! ยตฺร หิ นามายํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ าโต ยสสฺสี เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กริสฺสตี’’ติ. อถ โข ภควา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ, อุฏฺห นิสีท ตฺวํ สเก อาสเน ยโต เต มยิ จิตฺตํ ปสนฺน’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺหิตฺวา สเก อาสเน นิสีทิ.
๓๙๕. อถ ¶ โข ภควา พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ, สีลกถํ, สคฺคกถํ; กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา ภควา ¶ อฺาสิ พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, เอวเมว พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา ¶ โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ ¶ . อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ.
อถ ¶ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข ภควา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน วิเทเหสุ จาริกํ ปกฺกามิ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต กาลมกาสิ. อถ โข สมฺพหุลา ¶ ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘พฺรหฺมายุ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ กาลงฺกโต. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ปจฺจปาทิ ธมฺมสฺสานุธมฺมํ, น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสิ. พฺรหฺมายุ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี, อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
พฺรหฺมายุสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. เสลสุตฺตํ
๓๙๖. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม ตทวสริ. อสฺโสสิ โข เกณิโย ชฏิโล – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.
อถ โข เกณิโย ชฏิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ ¶ . อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ – ‘‘มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, ตฺวฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน’’ติ. ทุติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ โข, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ – ‘‘มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, ตฺวฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน’’ติ. ตติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ โข, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ ¶ . อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน สโก อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มิตฺตามจฺเจ าติสาโลหิเต อามนฺเตสิ – ‘‘สุณนฺตุ เม โภนฺโต, มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา; สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เยน เม กายเวยฺยาวฏิกํ [กายเวยาวฏฺฏิกํ (สี. สฺยา. กํ.), กายเวยฺยาวติกํ (ก.)] กเรยฺยาถา’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ¶ เกณิยสฺส ชฏิลสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา เกณิยสฺส ชฏิลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กฏฺานิ ผาเลนฺติ, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปฺเปนฺติ. เกณิโย ปน ชฏิโล สามํเยว มณฺฑลมาลํ ปฏิยาเทติ.
๓๙๗. เตน โข ปน สมเยน เสโล พฺราหฺมโณ อาปเณ ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ¶ , ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, ตีณิ จ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ. เตน โข ปน สมเยน เกณิโย ชฏิโล เสเล พฺราหฺมเณ อภิปฺปสนฺโน โหติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ ปริวุโต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสเม อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺเต, อปฺเปกจฺเจ กฏฺานิ ผาเลนฺเต, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺเต, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปนฺเต, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปฺเปนฺเต, เกณิยํ ปน ชฏิลํ สามํเยว มณฺฑลมาลํ ปฏิยาเทนฺตํ. ทิสฺวาน เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โภโต เกณิยสฺส อาวาโห วา ภวิสฺสติ วิวาโห วา ภวิสฺสติ มหายฺโ วา ปจฺจุปฏฺิโต, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ พลกาเยนา’’ติ? ‘‘น เม, โภ เสล, อาวาโห ¶ ภวิสฺสติ นปิ วิวาโห ภวิสฺสติ นปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ พลกาเยน; อปิ จ โข เม มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต. อตฺถิ, โภ, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส เม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ.
‘‘พุทฺโธติ ¶ – โภ เกณิย, วเทสิ’’?
‘‘พุทฺโธติ – โภ เสล, วทามิ’’.
‘‘พุทฺโธติ – โภ เกณิย, วเทสิ’’?
‘‘พุทฺโธติ – โภ เสล, วทามี’’ติ.
๓๙๘. อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ – ยทิทํ ‘พุทฺโธ’ติ [ยทิทํ พุทฺโธ พุทฺโธติ (ก.)]. อาคตานิ โข ปนมฺหากํ มนฺเตสุ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ¶ ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ อนฺา. สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต. ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํ. ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา. โส ¶ อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติ. สเจ ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท’’.
‘‘กหํ ปน, โภ เกณิย, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? เอวํ วุตฺเต, เกณิโย ชฏิโล ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา เสลํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘เยเนสา, โภ เสล, นีลวนราชี’’ติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เต มาณวเก อามนฺเตสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต อาคจฺฉนฺตุ ปเท ปทํ [ปาเท ปาทํ (สี.)] นิกฺขิปนฺตา; ทุราสทา [ทูรสทฺทา (ก.)] หิ เต ภควนฺโต สีหาว เอกจรา. ยทา จาหํ, โภ, สมเณน โคตเมน สทฺธึ มนฺเตยฺยํ, มา เม โภนฺโต อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ. กถาปริโยสานํ เม ภวนฺโต อาคเมนฺตู’’ติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ.
อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต ¶ จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จ. อถ ¶ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ เสโล พฺราหฺมโณ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต ¶ จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา อทฺทส เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ. อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุณฺเณหิ, โน อปริปุณฺเณหิ; โน จ โข นํ ชานามิ พุทฺโธ วา โน วา. สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘เย เต ภวนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เต สเก วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’ติ. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
๓๙๙. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ, สุชาโต จารุทสฺสโน;
สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา, สุสุกฺกทาโสิ วีริยวา [วิริยวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘นรสฺส หิ สุชาตสฺส, เย ภวนฺติ วิยฺชนา;
สพฺเพ เต ตว กายสฺมึ, มหาปุริสลกฺขณา.
‘‘ปสนฺนเนตฺโต ¶ สุมุโข, พฺรหา [พฺรหฺมา (สฺยา. กํ. ก.)] อุชุ ปตาปวา;
มชฺเฌ สมณสงฺฆสฺส, อาทิจฺโจว วิโรจสิ.
‘‘กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ, กฺจนสนฺนิภตฺตโจ;
กึ เต สมณภาเวน, เอวํ อุตฺตมวณฺณิโน.
‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ, จกฺกวตฺตี รเถสโภ;
จาตุรนฺโต วิชิตาวี, ชมฺพุสณฺฑสฺส [ชมฺพุมณฺฑสฺส (ก.)] อิสฺสโร.
‘‘ขตฺติยา ¶ โภคิราชาโน, อนุยนฺตา [อนุยุตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวนฺตุ เต;
ราชาภิราชา มนุชินฺโท, รชฺชํ กาเรหิ โคตม’’.
‘‘ราชาหมสฺมิ ¶ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ, จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ’’.
‘‘สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสิ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ’, อิติ ภาสสิ โคตม.
‘‘โก นุ เสนาปติ โภโต, สาวโก สตฺถุรนฺวโย;
โก เต ตมนุวตฺเตติ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ’’.
‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺกํ, (เสลาติ ภควา ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ;
สาริปุตฺโต อนุวตฺเตติ, อนุชาโต ตถาคตํ.
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณ.
‘‘วินยสฺสุ มยิ กงฺขํ, อธิมุจฺจสฺสุ พฺราหฺมณ;
ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโส.
‘‘เยสํ ¶ เว ทุลฺลโภ โลเก, ปาตุภาโว อภิณฺหโส;
โสหํ พฺราหฺมณ สมฺพุทฺโธ, สลฺลกตฺโต อนุตฺตโร.
‘‘พฺรหฺมภูโต อติตุโล, มารเสนปฺปมทฺทโน;
สพฺพามิตฺเต วสี กตฺวา, โมทามิ อกุโตภโย’’.
‘‘อิมํ โภนฺโต นิสาเมถ, ยถา ภาสติ จกฺขุมา;
สลฺลกตฺโต มหาวีโร, สีโหว นทตี วเน.
‘‘พฺรหฺมภูตํ ¶ อติตุลํ, มารเสนปฺปมทฺทนํ;
โก ทิสฺวา นปฺปสีเทยฺย, อปิ กณฺหาภิชาติโก.
‘‘โย มํ อิจฺฉติ อนฺเวตุ, โย วา นิจฺฉติ คจฺฉตุ;
อิธาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, วรปฺสฺส สนฺติเก’’.
‘‘เอตฺเจ [เอวฺเจ (สฺยา. กํ.)] รุจฺจติ โภโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ [สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน (กตฺถจิ สุตฺตนิปาเต)];
มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสาม, วรปฺสฺส สนฺติเก’’.
‘‘พฺราหฺมณา ติสตา อิเม, ยาจนฺติ ปฺชลีกตา;
พฺรหฺมจริยํ จริสฺสาม, ภควา ตว สนฺติเก’’.
‘‘สฺวากฺขาตํ ¶ พฺรหฺมจริยํ, (เสลาติ ภควา สนฺทิฏฺิกมกาลิกํ;
ยตฺถ อโมฆา ปพฺพชฺชา, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต’’ติ.
อลตฺถ โข เสโล พฺราหฺมโณ สปริโส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ.
๔๐๐. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก อสฺสเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ ¶ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข เกณิโย ชฏิโล พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ, สมฺปวาเรสิ. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –
‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา, สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุขํ;
ราชา มุขํ มนุสฺสานํ, นทีนํ สาคโร มุขํ.
‘‘นกฺขตฺตานํ ¶ มุขํ จนฺโท, อาทิจฺโจ ตปตํ มุขํ;
ปฺุํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติ.
อถ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา เสโล ¶ สปริโส อรหตํ อโหสิ. อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘ยํ ¶ ตํ สรณมาคมฺม, อิโต อฏฺมิ จกฺขุมา;
สตฺตรตฺเตน [อนุตฺตเรน (ก.)] ภควา, ทนฺตมฺห ตว สาสเน.
‘‘ตุวํ พุทฺโธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ;
ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติณฺโณ ตาเรสิมํ ปชํ.
‘‘อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา;
สีโหว อนุปาทาโน, ปหีนภยเภรโว.
‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฏฺนฺติ ปฺชลีกตา;
ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติ.
เสลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. อสฺสลายนสุตฺตํ
๔๐๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข เตสํ พฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. โก นุ โข ปโหติ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ? เตน โข ปน สมเยน อสฺสลายโน นาม มาณโว สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ ทหโร, วุตฺตสิโร, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อถ โข เตสํ พฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อสฺสลายโน มาณโว สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ ทหโร, วุตฺตสิโร, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู…เป… อนวโย. โส โข ปโหติ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ.
อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน อสฺสลายโน มาณโว เตนุปงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, โภ อสฺสลายน ¶ , สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตู’’ติ [ปฏิมนฺเตตุนฺติ (ปี. ก.)].
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ ¶ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติ. นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข เต พฺราหฺมณา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน ¶ สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ [ปฏิมนฺเตตุํ (สี. ปี. ก.)]. จริตํ โข ปน โภตา อสฺสลายเนน ปริพฺพาชก’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติ ¶ . นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ. ตติยมฺปิ โข เต พฺราหฺมณา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ [ปฏิมนฺเตตุํ (สี. ปี. ก.)]. จริตํ โข ปน โภตา อสฺสลายเนน ปริพฺพาชกํ. มา ภวํ อสฺสลายโน อยุทฺธปราชิตํ ปราชยี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘อทฺธา โข อหํ ภวนฺโต น ลภามิ. สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติ. นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺติ. อปิ จาหํ ภวนฺตานํ วจเนน คมิสฺสามี’’ติ.
๔๐๒. อถ โข อสฺสลายโน มาณโว มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธึ ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสฺสลายโน มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา ¶ โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ? ‘‘ทิสฺสนฺติ [ทิสฺสนฺเต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โข ปน, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณิโย อุตุนิโยปิ คพฺภินิโยปิ วิชายมานาปิ ปายมานาปิ. เต จ พฺราหฺมณิโยนิชาว สมานา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ ¶ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๓. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, สุตํ เต – ‘โยนกมฺโพเชสุ อฺเสุ จ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ทฺเวว วณฺณา – อยฺโย เจว ทาโส จ; อยฺโย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส ¶ หุตฺวา อยฺโย โหตี’’’ติ ¶ ? ‘‘เอวํ, โภ, สุตํ ตํ เม – ‘โยนกมฺโพเชสุ อฺเสุ จ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ทฺเวว วณฺณา – อยฺโย เจว ทาโส จ; อยฺโย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อยฺโย โหตี’’’ติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๔. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, ขตฺติโยว นุ โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, โน พฺราหฺมโณ? เวสฺโสว นุ โข…เป… สุทฺโทว นุ โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, โน พฺราหฺมโณ’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ขตฺติโยปิ หิ, โภ ¶ โคตม, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ ¶ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม…เป… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม…เป… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม…เป… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปาณาติปาติโน อทินฺนาทายิโน ¶ กาเมสุมิจฺฉาจาริโน มุสาวาทิโน ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปิโน อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฏฺี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๕. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ¶ ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ¶ ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย, โน [โน จ (ก.)] ขตฺติโย โน เวสฺโส, โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม…เป… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม…เป… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม…เป… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา อทินฺนาทานา ปฏิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรตา มุสาวาทา ปฏิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฏฺี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน ¶ , พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา ¶ เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๖. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ, โน ขตฺติโย, โน เวสฺโส โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ ¶ , โภ โคตม… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๗. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย ¶ นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, โน ขตฺติโย, โน เวสฺโส, โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… ¶ พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๘. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ¶ นานาชจฺจานํ ปุริสานํ ปุริสสตํ สนฺนิปาเตยฺย – ‘อายนฺตุ โภนฺโต เย ¶ ตตฺถ ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺนา, สากสฺส วา สาลสฺส วา [อุปฺปนฺนา สาลสฺส วา (สี. ปี.)] สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย, อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตุ. อายนฺตุ ปน โภนฺโต เย ตตฺถ จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา [เวณกุลา (สี. ปี.), เวณุกุลา (สฺยา. กํ.)] รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺนา, สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย, อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตู’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, โย เอวํ นุ โข โส [โย จ นุ โข (สฺยา. กํ. ก.)] ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต, โส เอว นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว [จ (สี. ปี.)] วณฺณวา [วณฺณิมา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โย ปน โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ น เจว อจฺจิมา น จ วณฺณวา น จ ปภสฺสโร, น จ เตน สกฺกา อคฺคินา ¶ อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! โยปิ หิ โส [โย โส (สี. ปี.)], โภ โคตม, ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส [โส จสฺส (สี. ปี.), โสปิสฺส (สฺยา. กํ.)] อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โยปิ โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ ¶ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต, สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ. สพฺโพปิ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ อจฺจิมา เจว ¶ วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, สพฺเพนปิ สกฺกา ¶ อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๙. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธ ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกฺาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต ชาเยถ; โย โส ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธ พฺราหฺมณกุมาโร ขตฺติยกฺาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต ชาเยถ; โย โส พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อสฺสลายน อิธ วฬวํ คทฺรเภน สมฺปโยเชยฺยุํ [สํโยเชยฺย (ก.)], เตสํ สมฺปโยคมนฺวาย กิโสโร ชาเยถ; โย โส วฬวาย คทฺรเภน กิโสโร อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘อสฺโส’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘คทฺรโภ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ? ‘‘กุณฺฑฺหิ ¶ โส [เวกุรฺชาย หิ โส (สี. ปี.), โส กุมารณฺฑุปิ โส (สฺยา. กํ.), เวกุลโช หิ โส (?)], โภ โคตม, อสฺสตโร โหติ. อิทํ หิสฺส ¶ , โภ โคตม, นานากรณํ ¶ ปสฺสามิ; อมุตฺร จ ปเนสานํ น กิฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธาสฺสุ ทฺเว มาณวกา ภาตโร สอุทริยา, เอโก อชฺฌายโก อุปนีโต เอโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต. กเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, มาณวโก อชฺฌายโก อุปนีโต ตเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา. กิฺหิ, โภ โคตม, อนชฺฌายเก อนุปนีเต ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ?
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธาสฺสุ ทฺเว มาณวกา ภาตโร สอุทริยา, เอโก อชฺฌายโก อุปนีโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม, เอโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม. กเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, มาณวโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม ตเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา. กิฺหิ, โภ โคตม, ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ?
‘‘ปุพฺเพ โข ตฺวํ, อสฺสลายน, ชาตึ อคมาสิ; ชาตึ คนฺตฺวา มนฺเต อคมาสิ; มนฺเต คนฺตฺวา ¶ ตเป อคมาสิ; ตเป คนฺตฺวา [มนฺเต คนฺตฺวา ตเมตํ ตฺวํ (สี. ปี.), มนฺเต คนฺตฺวา ตเมว เปตฺวา (สฺยา. กํ.)] จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปจฺจาคโต, ยมหํ ปฺเปมี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ.
๔๑๐. อถ โข ภควา อสฺสลายนํ มาณวํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ [วสนฺตานํ (สี.)] เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ ¶ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ ¶ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’ติ. อสฺโสสิ โข ¶ , อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ – ‘สตฺตนฺนํ กิร พฺราหฺมณิสีนํ อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’ติ. อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ เกสมสฺสุํ กปฺเปตฺวา มฺชิฏฺวณฺณานิ ทุสฺสานิ นิวาเสตฺวา ปฏลิโย [อฏลิโย (สี. ปี.), อคลิโย (สฺยา. กํ.)] อุปาหนา อารุหิตฺวา ชาตรูปมยํ ทณฺฑํ คเหตฺวา สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล ปาตุรโหสิ. อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล จงฺกมมาโน เอวมาห – ‘หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา [คนฺตา (สฺยา. กํ. ก.)]; หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา’ติ? อถ โข, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ เอตทโหสิ – ‘โก ¶ นายํ คามณฺฑลรูโป วิย สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล จงฺกมมาโน เอวมาห – ‘หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา; หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตาติ? หนฺท, นํ อภิสปามา’ติ. อถ โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิสปึสุ – ‘ภสฺมา, วสล [วสลี (ปี.), วสลิ (ก.), จปลี (สฺยา. กํ.)], โหหิ; ภสฺมา, วสล, โหหี’ติ [ภสฺมา วสล โหหีติ อภิสปวจนํ สี. ปี. โปตฺถเกสุ สกิเทว อาคตํ]. ยถา ยถา โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิสปึสุ ตถา ตถา อสิโต เทวโล อิสิ อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จ. อถ โข, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ เอตทโหสิ – ‘โมฆํ วต โน ตโป, อผลํ พฺรหฺมจริยํ. มยฺหิ ปุพฺเพ ยํ อภิสปาม – ภสฺมา, วสล, โหหิ; ภสฺมา, วสล, โหหีติ ภสฺมาว ภวติ เอกจฺโจ. อิมํ ปน มยํ ยถา ยถา อภิสปาม ตถา ตถา อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จา’ติ. ‘น ภวนฺตานํ โมฆํ ตโป, นาผลํ พฺรหฺมจริยํ. อิงฺฆ ภวนฺโต, โย มยิ มโนปโทโส ตํ ปชหถา’ติ. ‘โย ¶ ภวติ มโนปโทโส ตํ ปชหาม. โก นุ ภวํ โหตี’ติ? ‘สุโต นุ ภวตํ – อสิโต เทวโล อิสี’ติ? ‘เอวํ, โภ’. ‘โส ขฺวาหํ, โภ, โหมี’ติ. อถ โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิวาเทตุํ อุปกฺกมึสุ.
๔๑๑. ‘‘อถ ¶ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ สตฺต พฺราหฺมณิสโย เอตทโวจ – ‘สุตํ เมตํ, โภ, สตฺตนฺนํ กิร พฺราหฺมณิสีนํ อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ ¶ – พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ ¶ , กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. ‘เอวํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ยา ชนิกา มาตา [ชนิมาตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณํเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ยา ชนิกามาตุ [ชนิมาตุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาตา ยาว สตฺตมา มาตุมาตามหยุคา พฺราหฺมณํเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – โย ชนโก ปิตา [ชนิปิตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณึเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณิ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – โย ชนกปิตุ [ชนิปิตุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปิตา ยาว สตฺตมา ปิตุปิตามหยุคา พฺราหฺมณึเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณิ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ [น มยํ ชานาม โภ ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. ยถา กถํ ปน โภ คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. (ก.)]? ‘ชานาม มยํ, โภ – ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหติ [น มยํ ชานาม โภ ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. ยถา กถํ ปน โภ คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. (ก.)]. อิธ ¶ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ; เอวํ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ตคฺฆ [ยคฺเฆ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], โส คนฺธพฺโพ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา’ติ? ‘น มยํ, โภ, ชานาม – ตคฺฆ โส คนฺธพฺโพ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา’ติ. ‘เอวํ สนฺเต, โภ, ชานาถ – เก ตุมฺเห โหถา’ติ? ‘เอวํ สนฺเต, โภ ¶ , น มยํ ชานาม ¶ – เก มยํ โหมา’ติ. เต หิ นาม, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิเตน เทวเลน อิสินา สเก ชาติวาเท สมนุยฺุชียมานา สมนุคฺคาหียมานา สมนุภาสียมานา น สมฺปายิสฺสนฺติ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ มยา สกสฺมึ ชาติวาเท สมนุยฺุชียมาโน ¶ สมนุคฺคาหียมาโน สมนุภาสียมาโน สมฺปายิสฺสสิ, เยสํ ตฺวํ สาจริยโก น ปุณฺโณ ทพฺพิคาโห’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
อสฺสลายนสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. โฆฏมุขสุตฺตํ
๔๑๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา อุเทโน พาราณสิยํ วิหรติ เขมิยมฺพวเน. เตน โข ปน สมเยน โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ พาราณสึ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ ชงฺฆาวิหารํ ¶ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เขมิยมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุเทโน อพฺโภกาเส จงฺกมติ. อถ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ เยนายสฺมา อุเทโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อุเทเนน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา อายสฺมนฺตํ อุเทนํ จงฺกมนฺตํ อนุจงฺกมมาโน เอวมาห – ‘‘อมฺโภ สมณ, ‘นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’ [ปริพฺพาโช (สี. ปี.)] – เอวํ เม เอตฺถ โหติ. ตฺจ โข ภวนฺตรูปานํ วา อทสฺสนา, โย วา ปเนตฺถ ธมฺโม’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อุเทโน จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. โฆฏมุโขปิ โข พฺราหฺมโณ จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข โฆฏมุขํ พฺราหฺมณํ อายสฺมา อุเทโน เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ [สํวิชฺชนฺเต (พหูสุ)] โข, พฺราหฺมณ, อาสนานิ. สเจ อากงฺขสิ, นิสีทา’’ติ. ‘‘เอตเทว โข ปน มยํ ¶ โภโต อุเทนสฺส อาคมยมานา (น) นิสีทาม. กถฺหิ นาม มาทิโส ปุพฺเพ อนิมนฺติโต อาสเน ¶ นิสีทิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ? อถ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อุเทนํ เอตทโวจ – ‘‘อมฺโภ สมณ, ‘นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’ – เอวํ เม เอตฺถ โหติ. ตฺจ โข ภวนฺตรูปานํ วา อทสฺสนา, โย วา ปเนตฺถ ธมฺโม’’ติ. ‘‘สเจ โข ปน เม ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อนฺุเยฺยํ อนุชาเนยฺยาสิ, ปฏิกฺโกสิตพฺพฺจ ปฏิกฺโกเสยฺยาสิ; ยสฺส จ ปน เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชาเนยฺยาสิ, มมํเยว ตตฺถ อุตฺตริ ปฏิปุจฺเฉยฺยาสิ – ‘อิทํ, โภ อุเทน, กถํ, อิมสฺส กฺวตฺโถ’ติ? เอวํ กตฺวา สิยา โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ. ‘‘อนฺุเยฺยํ ขฺวาหํ โภโต อุเทนสฺส อนุชานิสฺสามิ, ปฏิกฺโกสิตพฺพฺจ ปฏิกฺโกสิสฺสามิ; ยสฺส จ ปนาหํ โภโต ¶ อุเทนสฺส ¶ ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานิสฺสามิ, ภวนฺตํเยว ตตฺถ อุเทนํ อุตฺตริ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ – ‘อิทํ, โภ อุเทน, กถํ, อิมสฺส กฺวตฺโถ’ติ? เอวํ กตฺวา โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ.
๔๑๓. ‘‘จตฺตาโรเม, พฺราหฺมณ, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ ปน, พฺราหฺมณ ¶ , เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป โหติ นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิเมสํ, พฺราหฺมณ, จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ?
‘‘ยฺวายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อยํ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ; โยปายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ; โยปายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ; โย จ โข อยํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อยเมว เม ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ.
‘‘กสฺมา ปน เต, พฺราหฺมณ, อิเม ตโย ปุคฺคลา จิตฺตํ นาราเธนฺตี’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อตฺตานํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ ¶ , โภ อุเทน, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส ปรํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ ¶ อาตาเปติ ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส ¶ อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โย จ โข อยํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ, โส อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ เนว อาตาเปติ น ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ.
๔๑๔. ‘‘ทฺเวมา, พฺราหฺมณ, ปริสา. กตมา ทฺเว? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺจา ปริสา สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปริเยสติ, ทาสิทาสํ ปริเยสติ, เขตฺตวตฺถุํ ปริเยสติ, ชาตรูปรชตํ ปริเยสติ.
‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺจา ปริสา อสารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปหาย, ทาสิทาสํ ปหาย, เขตฺตวตฺถุํ ปหาย, ชาตรูปรชตํ ปหาย, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. สฺวายํ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต ¶ นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที ¶ พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิธ กตมํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคลํ กตมาย ปริสาย พหุลํ สมนุปสฺสสิ – ยา จายํ ปริสา สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปริเยสติ ทาสิทาสํ ปริเยสติ เขตฺตวตฺถุํ ปริเยสติ ชาตรูปรชตํ ปริเยสติ, ยา จายํ ปริสา อสารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปหาย ทาสิทาสํ ปหาย เขตฺตวตฺถุํ ปหาย ชาตรูปรชตํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ?
‘‘ยฺวายํ ¶ , โภ อุเทน, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ; อิมาหํ ปุคฺคลํ ยายํ ปริสา อสารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปหาย ทาสิทาสํ ปหาย เขตฺตวตฺถุํ ปหาย ชาตรูปรชตํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา อิมิสฺสํ ปริสายํ พหุลํ สมนุปสฺสามี’’ติ.
‘‘อิทาเนว ¶ โข ปน เต, พฺราหฺมณ, ภาสิตํ – ‘มยํ เอวํ อาชานาม – อมฺโภ สมณ, นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช, เอวํ เม เอตฺถ โหติ. ตฺจ โข ภวนฺตรูปานํ วา อทสฺสนา, โย วา ปเนตฺถ ธมฺโม’’’ติ. ‘‘อทฺธา เมสา, โภ อุเทน, สานุคฺคหา วาจา ภาสิตา. ‘อตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’ – เอวํ เม เอตฺถ โหติ. เอวฺจ ปน มํ ภวํ อุเทโน ธาเรตุ. เย จ เม โภตา อุเทเนน จตฺตาโร ปุคฺคลา สํขิตฺเตน วุตฺตา วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, สาธุ เม ภวํ, อุเทโน อิเม จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรน ¶ วิภชตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อายสฺมโต อุเทนสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา อุเทโน เอตทโวจ –
๔๑๕. ‘‘กตโม จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน นเอหิภทฺทนฺติโก นติฏฺภทฺทนฺติโก, นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยติ. โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ, น กโฬปิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ, น เอฬกมนฺตรํ, น ทณฺฑมนฺตรํ, น มุสลมนฺตรํ, น ทฺวินฺนํ ภฺุชมานานํ, น คพฺภินิยา, น ปายมานาย ¶ , น ¶ ปุริสนฺตรคตาย, น สงฺกิตฺตีสุ, น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ, น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี, น มจฺฉํ น มํสํ, น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวติ. โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก…เป… สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ – อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกํ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. โส สากภกฺโข วา โหติ, สามากภกฺโข วา โหติ, นีวารภกฺโข วา โหติ, ททฺทุลภกฺโข วา โหติ ¶ , หฏภกฺโข วา โหติ, กณภกฺโข วา โหติ, อาจามภกฺโข วา โหติ, ปิฺากภกฺโข วา โหติ, ติณภกฺโข วา โหติ, โคมยภกฺโข วา โหติ, วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชี. โส สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฏานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรติ; เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ , อุพฺภฏฺโกปิ โหติ อาสนปฏิกฺขิตฺโต, อุกฺกุฏิโกปิ โหติ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต, กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปติ; สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๔๑๖. ‘‘กตโม ¶ จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โอรพฺภิโก โหติ สูกริโก สากุณิโก มาควิโก ลุทฺโท มจฺฉฆาตโก โจโร โจรฆาตโก โคฆาตโก พนฺธนาคาริโก – เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๔๑๗. ‘‘กตโม ¶ จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ราชา วา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต, พฺราหฺมโณ วา มหาสาโล. โส ปุรตฺถิเมน นครสฺส นวํ สนฺถาคารํ การาเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ขราชินํ นิวาเสตฺวา สปฺปิเตเลน กายํ อพฺภฺชิตฺวา มควิสาเณน ปิฏฺึ กณฺฑุวมาโน นวํ สนฺถาคารํ ปวิสติ สทฺธึ มเหสิยา พฺราหฺมเณน จ ปุโรหิเตน. โส ตตฺถ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา หริตุปลิตฺตาย เสยฺยํ กปฺเปติ. เอกิสฺสาย คาวิยา สรูปวจฺฉาย ยํ เอกสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน ราชา ยาเปติ, ยํ ทุติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน มเหสี ยาเปติ, ยํ ตติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต ยาเปติ, ยํ จตุตฺถสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน อคฺคึ ชุหติ, อวเสเสน วจฺฉโก ยาเปติ. โส เอวมาห – ‘เอตฺตกา อุสภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตรา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตริโย หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อชา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย’, เอตฺตกา อุรพฺภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อสฺสา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา รุกฺขา ฉิชฺชนฺตุ ยูปตฺถาย, เอตฺตกา ทพฺภา ลูยนฺตุ พริหิสตฺถายา’ติ. เยปิสฺส เต โหนฺติ ‘ทาสา’ติ วา ‘เปสฺสา’ติ วา ‘กมฺมกรา’ติ วา เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ , ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๔๑๘. ‘‘กตโม จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต ¶ สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ? อิธ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ¶ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย ¶ มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ.
‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี. อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ.
‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา.
‘‘มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส.
‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ; อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย. อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา, สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ.
‘‘ผรุสํ ¶ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ. ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ.
‘‘สมฺผปฺปลาปํ ¶ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ.
‘‘โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ ¶ . เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ. มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. หตฺถิควสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ. กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต โหติ. ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต โหติ. อุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยคา ปฏิวิรโต โหติ. เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฏิวิรโต โหติ.
‘‘โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ สปตฺตภาโรว เฑติ, เอวเมว ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
๔๑๙. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ ¶ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺายน น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี ¶ . ยตฺวาธิกรณเมนํ ¶ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
‘‘โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ.
‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต,) [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๖] อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ ¶ กายํ ปณิธาย, ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถีนมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถีนมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.
‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ¶ , ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
๔๒๐. ‘‘โส ¶ ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ, อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต; โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต; โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป… อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา ¶ , เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา…เป… อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.
‘‘อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ¶ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ.
๔๒๑. เอวํ วุตฺเต, โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อุเทนํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ อุเทน, อภิกฺกนฺตํ, โภ อุเทน! เสยฺยถาปิ, โภ อุเทน, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา อุเทเนน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ อุเทนํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ อุเทโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ‘‘มา โข มํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, สรณํ อคมาสิ. ตเมว ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาหิ ยมหํ สรณํ คโต’’ติ. ‘‘กหํ ปน, โภ อุเทน, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต โข, พฺราหฺมณ, เอตรหิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.
‘‘สเจปิ [สเจ หิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มยํ, โภ อุเทน, สุเณยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสสุ โยชเนสุ, ทสปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ¶ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย ¶ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. สเจปิ [สเจ (สี. ปี.), สเจ หิ (สฺยา. กํ.)] มยํ, โภ อุเทน, สุเณยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ วีสติยา โยชเนสุ… ตึสาย โยชเนสุ… จตฺตารีสาย โยชเนสุ… ปฺาสาย โยชเนสุ, ปฺาสมฺปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. โยชนสเต เจปิ [โยชนสเตปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มยํ ¶ , โภ อุเทน, สุเณยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ, โยชนสตมฺปิ มยํ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ.
‘‘ยโต จ โข, โภ อุเทน, ปรินิพฺพุโต โส ภวํ โคตโม, ปรินิพฺพุตมฺปิ มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ อุเทโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. อตฺถิ จ เม, โภ อุเทน, องฺคราชา เทวสิกํ นิจฺจภิกฺขํ ททาติ ¶ , ตโต อหํ โภโต อุเทนสฺส เอกํ นิจฺจภิกฺขํ ททามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, พฺราหฺมณ, องฺคราชา เทวสิกํ นิจฺจภิกฺขํ ททาตี’’ติ? ‘‘ปฺจ, โภ อุเทน, กหาปณสตานี’’ติ. ‘‘น โข โน, พฺราหฺมณ, กปฺปติ ชาตรูปรชตํ ปฏิคฺคเหตุ’’นฺติ. ‘‘สเจ ตํ โภโต อุเทนสฺส น กปฺปติ วิหารํ โภโต อุเทนสฺส การาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ โข เม ตฺวํ, พฺราหฺมณ, วิหารํ, การาเปตุกาโม, ปาฏลิปุตฺเต สงฺฆสฺส อุปฏฺานสาลํ การาเปหี’’ติ. ‘‘อิมินาปาหํ โภโต อุเทนสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรทฺโธ ยํ มํ ภวํ อุเทโน สงฺเฆ ทาเน สมาทเปติ. เอสาหํ, โภ อุเทน, เอติสฺสา จ นิจฺจภิกฺขาย อปราย จ นิจฺจภิกฺขาย ปาฏลิปุตฺเต สงฺฆสฺส อุปฏฺานสาลํ การาเปสฺสามี’’ติ. อถ ¶ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ เอติสฺสา จ นิจฺจภิกฺขาย อปราย จ นิจฺจภิกฺขาย ปาฏลิปุตฺเต สงฺฆสฺส อุปฏฺานสาลํ การาเปสิ. สา เอตรหิ ‘โฆฏมุขี’ติ วุจฺจตีติ.
โฆฏมุขสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. จงฺกีสุตฺตํ
๔๒๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน โอปาสาทํ นาม โกสลานํ ¶ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. เตน โข ปน สมเยน จงฺกี พฺราหฺมโณ โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ. อสฺโสสุํ โข โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต, โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ ¶ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ.
๔๒๓. อถ โข โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน เทววนํ สาลวนํ. เตน โข ปน สมเยน จงฺกี พฺราหฺมโณ อุปริปาสาเท ทิวาเสยฺยํ อุปคโต. อทฺทสา โข จงฺกี พฺราหฺมโณ โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูเต อุตฺตเรน มุขํ เยน เทววนํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมนฺเต. ทิสฺวา ขตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข, โภ ขตฺเต, โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน เทววนํ สาลวน’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, โภ จงฺกี, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต, โอปาสาเท ¶ วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ตเมเต ภวนฺตํ ¶ โคตมํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, โภ ขตฺเต, เยน โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา โอปาสาทเก ¶ พฺราหฺมณคหปติเก เอวํ วเทหิ – ‘จงฺกี, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – อาคเมนฺตุ กิร โภนฺโต, จงฺกีปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โส ขตฺโต จงฺกิสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ¶ เยน โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก เอตทโวจ – ‘‘จงฺกี, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อาคเมนฺตุ กิร โภนฺโต, จงฺกีปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ.
๔๒๔. เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ โอปาสาเท ปฏิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน. อสฺโสสุํ โข เต พฺราหฺมณา – ‘‘จงฺกี กิร พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ. อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน จงฺกี พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา จงฺกึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, โภ, โหติ – ‘อหํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามี’’’ติ. ‘‘มา ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิ. น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณตฺเวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกึ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. ภวฺหิ จงฺกี อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. ยมฺปิ ภวํ จงฺกี อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ¶ ชาติวาเทน, อิมินาปงฺเคน น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณตฺเวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกึ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. ภวฺหิ จงฺกี อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค…เป… ภวฺหิ จงฺกี ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย…เป… ภวฺหิ จงฺกี อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต ¶ พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี [พฺรหฺมวจฺจสี (สี. ปี.)] อขุทฺทาวกาโส ¶ ทสฺสนาย…เป… ภวฺหิ จงฺกี สีลวา วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต…เป… ภวฺหิ จงฺกี กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ ¶ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา…เป… ภวฺหิ จงฺกี พหูนํ อาจริยปาจริโย, ตีณิ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ…เป… ภวฺหิ จงฺกี รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป… ภวฺหิ จงฺกี พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป… ภวฺหิ จงฺกี โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ. ยมฺปิ ภวํ จงฺกี โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ ¶ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ, อิมินาปงฺเคน น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณตฺเวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกึ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ.
๔๒๕. เอวํ วุตฺเต, จงฺกี พฺราหฺมโณ เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, โภ, มมปิ สุณาถ, ยถา มยเมว อรหาม ตํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; นตฺเวว อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. ยมฺปิ, โภ, สมโณ โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อิมินาปงฺเคน น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ [เอตฺถ ที. นิ. ๑.๓๐๔ อฺมฺปิ คุณปทํ ทิสฺสติ]. สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ปหูตํ หิรฺสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโต ภูมิคตฺจ เวหาสฏฺฺจ…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทหโรว สมาโน ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อกามกานํ ¶ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย ¶ สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี ¶ พฺรหฺมวจฺฉสี อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สีลวา อริยสีลี กุสลสีลี กุสเลน สีเลน ¶ สมนฺนาคโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม พหูนํ อาจริยปาจริโย…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ขีณกามราโค วิคตจาปลฺโล…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กมฺมวาที กิริยวาที อปาปปุเรกฺขาโร พฺรหฺมฺาย ปชาย…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต อสมฺภินฺนา ขตฺติยกุลา…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อฑฺฒา กุลา ปพฺพชิโต มหทฺธนา มหาโภคา…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ติโรรฏฺา ติโรชนปทา สํปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺติ…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ ปาเณหิ สรณํ คตานิ…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต…เป… [เอตฺถาปิ ที. นิ. ๑.๓๐๔ อฺานิปิ คุณปทานํ ทิสฺสนฺติ] สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา ปเสนทิ โกสโล สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สปุตฺตทาโร ¶ ปาเณหิ สรณํ คโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. เย โข เต สมณา วา พฺราหฺมณา วา อมฺหากํ คามกฺเขตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, อติถี โน เต โหนฺติ. อติถี โข ปนมฺเหหิ สกฺกาตพฺพา ครุกาตพฺพา มาเนตพฺพา ปูเชตพฺพา. ยมฺปิ สมโณ โคตโม โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต ¶ โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน, อติถิมฺหากํ สมโณ โคตโม. อติถิ โข ปนมฺเหหิ สกฺกาตพฺโพ ครุกาตพฺโพ มาเนตพฺโพ ปูเชตพฺโพ. อิมินาปงฺเคน ¶ น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. เอตฺตเก โข อหํ, โภ, ตสฺส โภโต โคตมสฺส วณฺเณ ปริยาปุณามิ, โน จ โข โส ภวํ โคตโม เอตฺตกวณฺโณ; อปริมาณวณฺโณ หิ โส ภวํ โคตโม. เอกเมเกนปิ เตน [เอกเมเกนปิ โภ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] องฺเคน สมนฺนาคโต น อรหติ, โส, ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุนฺติ. เตน หิ, โภ, สพฺเพว มยํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’’ติ.
๔๒๖. อถ ¶ โข จงฺกี พฺราหฺมโณ มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตน โข ปน สมเยน ¶ ภควา วุทฺเธหิ วุทฺเธหิ พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ กิฺจิ กิฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา นิสินฺโน โหติ. เตน โข ปน สมเยน กาปฏิโก [กาปิโก (สี. ปี.), กาปทิโก (สฺยา. กํ.)] นาม มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. โส วุทฺธานํ วุทฺธานํ พฺราหฺมณานํ ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติ. อถ โข ภควา กาปฏิกํ มาณวํ อปสาเทติ – ‘‘มายสฺมา ภารทฺวาโช วุทฺธานํ วุทฺธานํ พฺราหฺมณานํ มนฺตยมานานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตุ. กถาปริโยสานํ อายสฺมา ภารทฺวาโช อาคเมตู’’ติ. เอวํ วุตฺเต, จงฺกี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา ภวํ โคตโม กาปฏิกํ มาณวํ อปสาเทสิ. กุลปุตฺโต จ กาปฏิโก มาณโว, พหุสฺสุโต จ กาปฏิโก มาณโว, ปณฺฑิโต จ กาปฏิโก มาณโว, กลฺยาณวากฺกรโณ จ กาปฏิโก มาณโว, ปโหติ จ กาปฏิโก มาณโว โภตา โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ. อถ โข ภควโต ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อทฺธา โข ¶ กาปฏิกสฺส [เอตทโหสิ ‘‘กาปฏิกสฺส (ก.)] มาณวสฺส เตวิชฺชเก ปาวจเน กถา [กถํ (สี. ก.), กถํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ภวิสฺสติ. ตถา หิ นํ พฺราหฺมณา สํปุเรกฺขโรนฺตี’’ติ. อถ โข กาปฏิกสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ ¶ – ‘‘ยทา เม สมโณ โคตโม จกฺขุํ อุปสํหริสฺสติ, อถาหํ สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ โข ภควา กาปฏิกสฺส มาณวสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยน กาปฏิโก มาณโว เตน จกฺขูนิ อุปสํหาสิ.
๔๒๗. อถ โข กาปฏิกสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาหรติ โข มํ สมโณ โคตโม. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ โข กาปฏิโก มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยทิทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ โปราณํ มนฺตปทํ อิติหิติหปรมฺปราย ปิฏกสมฺปทาย, ตตฺถ จ พฺราหฺมณา เอกํเสน นิฏฺํ คจฺฉนฺติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ? ‘‘กึ ปน, ภารทฺวาช, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน, ภารทฺวาช, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ ¶ , เอกาจริยปาจริโยปิ, ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ, โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน, ภารทฺวาช, เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ เสยฺยถิทํ – อฏฺโก ¶ วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ, เตปิ เอวมาหํสุ – ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ? ‘‘โน ¶ หิทํ, โภ โคตม’’.
‘‘อิติ กิร, ภารทฺวาช, นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ; นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ, ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ, โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ¶ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ; เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ เสยฺยถิทํ – อฏฺโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ – ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ.
๔๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อนฺธเวณิ ปรมฺปราสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, ภารทฺวาช, อนฺธเวณูปมํ มฺเ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ สมฺปชฺชติ – ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช ¶ , นนุ เอวํ สนฺเต พฺราหฺมณานํ อมูลิกา สทฺธา สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สทฺธาเยว ปยิรุปาสนฺติ, อนุสฺสวาเปตฺถ พฺราหฺมณา ปยิรุปาสนฺตี’’ติ. ‘‘ปุพฺเพว โข ตฺวํ, ภารทฺวาช, สทฺธํ อคมาสิ, อนุสฺสวํ อิทานิ วเทสิ. ปฺจ โข อิเม, ภารทฺวาช, ธมฺมา ทิฏฺเว ธมฺเม ทฺเวธา วิปากา. กตเม ปฺจ? สทฺธา, รุจิ, อนุสฺสโว, อาการปริวิตกฺโก, ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ – อิเม โข, ภารทฺวาช ¶ , ปฺจ ธมฺมา ทิฏฺเว ธมฺเม ทฺเวธา วิปากา. อปิ จ, ภารทฺวาช, สุสทฺทหิตํเยว โหติ, ตฺจ โหติ ริตฺตํ ตุจฺฉํ มุสา; โน เจปิ สุสทฺทหิตํ โหติ, ตฺจ โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนฺถา. อปิ จ, ภารทฺวาช ¶ , สุรุจิตํเยว โหติ…เป… สฺวานุสฺสุตํเยว โหติ…เป… สุปริวิตกฺกิตํเยว โหติ…เป… สุนิชฺฌายิตํเยว โหติ, ตฺจ โหติ ริตฺตํ ตุจฺฉํ มุสา; โน เจปิ สุนิชฺฌายิตํ โหติ, ตฺจ โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนฺถา. สจฺจมนุรกฺขตา, ภารทฺวาช, วิฺุนา ปุริเสน นาลเมตฺถ เอกํเสน นิฏฺํ คนฺตุํ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ.
๔๒๙. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ? สจฺจานุรกฺขณํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สทฺธา เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ; ‘เอวํ เม สทฺธา’ติ – อิติ วทํ สจฺจมนุรกฺขติ [เอวเมว สิชฺฌตีติ อิติ วา, ตํ สจฺจมนุรกฺขติ (ก.)], นตฺเวว ตาว เอกํเสน นิฏฺํ คจฺฉติ ¶ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ ¶ ( ) [(เอตฺตาวตา โข ภารทฺวาช สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ ปฺาเปม, น ตฺเวว ตาว สจฺจานุโพโธ โหติ) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. รุจิ เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป… อนุสฺสโว เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป… อาการปริวิตกฺโก เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป… ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ; ‘เอวํ เม ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตี’ติ – อิติ วทํ สจฺจมนุรกฺขติ, นตฺเวว ตาว เอกํเสน นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ. เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ ปฺเปม; น ตฺเวว ตาว สจฺจานุโพโธ โหตี’’ติ.
๔๓๐. ‘‘เอตฺตาวตา, โภ โคตม, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ เปกฺขาม. กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุโพโธ โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ? สจฺจานุโพธํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อิธ [อิธ กิร (สฺยา. กํ. ก.)], ภารทฺวาช, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา ตีสุ ธมฺเมสุ สมนฺเนสติ – โลภนีเยสุ ¶ ธมฺเมสุ, โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ, โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ. อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โลภนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โลภนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต ¶ อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ¶ ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมนฺเนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โลภนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โลภนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย [ทุกฺขายาติ (สพฺพตฺถ)]. ตถารูโป [ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป [ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจีสมาจาโร ยถา ตํ อลุทฺธสฺส. ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ ¶ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธมฺโม สุเทสิโย ลุทฺเธนา’’’ติ.
๔๓๑. ‘‘ยโต นํ สมนฺเนสมาโน วิสุทฺธํ โลภนีเยหิ ธมฺเมหิ สมนุปสฺสติ ตโต นํ อุตฺตริ สมนฺเนสติ โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ. อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โทสนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โทสนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมนฺเนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โทสนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โทสนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ¶ ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. ตถารูโป โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป วจีสมาจาโร ยถา ตํ อทุฏฺสฺส. ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธมฺโม สุเทสิโย ทุฏฺเนา’’’ติ.
๔๓๒. ‘‘ยโต นํ สมนฺเนสมาโน วิสุทฺธํ โทสนีเยหิ ธมฺเมหิ สมนุปสฺสติ ¶ , ตโต นํ อุตฺตริ สมนฺเนสติ โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ. อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โมหนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โมหนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมนฺเนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โมหนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โมหนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ ¶ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. ตถารูโป โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป วจีสมาจาโร ยถา ตํ อมูฬฺหสฺส. ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต ¶ อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธมฺโม สุเทสิโย มูฬฺเหนา’’’ติ.
‘‘ยโต นํ สมนฺเนสมาโน วิสุทฺธํ โมหนีเยหิ ธมฺเมหิ สมนุปสฺสติ ¶ ; อถ ตมฺหิ สทฺธํ นิเวเสติ, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ [ธาริตานํ (ก.)] ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุโพโธ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุโพธํ ปฺเปม; น ตฺเวว ตาว สจฺจานุปฺปตฺติ โหตี’’ติ.
๔๓๓. ‘‘เอตฺตาวตฺตา, โภ โคตม, สจฺจานุโพโธ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุโพธํ เปกฺขาม. กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ? สจฺจานุปฺปตฺตึ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘เตสํเย ¶ , ภารทฺวาช, ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุปฺปตฺตึ ปฺเปมา’’ติ.
๔๓๔. ‘‘เอตฺตาวตา, โภ โคตม, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุปฺปตฺตึ เปกฺขาม. สจฺจานุปฺปตฺติยา ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สจฺจานุปฺปตฺติยา ¶ โข, ภารทฺวาช, ปธานํ พหุการํ. โน เจตํ ปทเหยฺย, นยิทํ สจฺจมนุปาปุเณยฺย. ยสฺมา จ โข ปทหติ ตสฺมา สจฺจมนุปาปุณาติ. ตสฺมา สจฺจานุปฺปตฺติยา ปธานํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘ปธานสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ปธานสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ ¶ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ปธานสฺส โข, ภารทฺวาช, ตุลนา ¶ พหุการา. โน เจตํ ตุเลยฺย, นยิทํ ปทเหยฺย. ยสฺมา จ โข ตุเลติ ตสฺมา ปทหติ. ตสฺมา ปธานสฺส ตุลนา พหุการา’’ติ.
‘‘ตุลนาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ตุลนาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตุลนาย โข, ภารทฺวาช, อุสฺสาโห พหุกาโร. โน เจตํ อุสฺสเหยฺย, นยิทํ ตุเลยฺย. ยสฺมา จ โข อุสฺสหติ ตสฺมา ตุเลติ. ตสฺมา ตุลนาย อุสฺสาโห พหุกาโร’’ติ.
‘‘อุสฺสาหสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? อุสฺสาหสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อุสฺสาหสฺส โข, ภารทฺวาช, ฉนฺโท พหุกาโร. โน เจตํ ฉนฺโท ชาเยถ, นยิทํ อุสฺสเหยฺย. ยสฺมา จ โข ฉนฺโท ชายติ ตสฺมา อุสฺสหติ. ตสฺมา อุสฺสาหสฺส ฉนฺโท พหุกาโร’’ติ.
‘‘ฉนฺทสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร ¶ ? ฉนฺทสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ฉนฺทสฺส โข, ภารทฺวาช, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ พหุการา. โน เจเต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขเมยฺยุํ, นยิทํ ฉนฺโท ชาเยถ. ยสฺมา จ โข ธมฺมา ¶ นิชฺฌานํ ขมนฺติ ตสฺมา ฉนฺโท ชายติ. ตสฺมา ฉนฺทสฺส ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ พหุการา’’ติ.
‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา โข, ภารทฺวาช, อตฺถูปปริกฺขา พหุการา. โน เจตํ อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย, นยิทํ ธมฺมา นิชฺฌานํ ขเมยฺยุํ. ยสฺมา จ โข อตฺถํ อุปปริกฺขติ ตสฺมา ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ. ตสฺมา ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา อตฺถูปปริกฺขา พหุการา’’ติ.
‘‘อตฺถูปปริกฺขาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? อตฺถูปปริกฺขาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อตฺถูปปริกฺขาย โข, ภารทฺวาช, ธมฺมธารณา ¶ พหุการา. โน เจตํ ธมฺมํ ธาเรยฺย, นยิทํ อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย. ยสฺมา จ โข ธมฺมํ ธาเรติ ตสฺมา อตฺถํ อุปปริกฺขติ. ตสฺมา อตฺถูปปริกฺขาย ธมฺมธารณา พหุการา’’ติ.
‘‘ธมฺมธารณาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ธมฺมธารณาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ธมฺมธารณาย ¶ โข, ภารทฺวาช, ธมฺมสฺสวนํ พหุการํ. โน เจตํ ธมฺมํ สุเณยฺย, นยิทํ ธมฺมํ ธาเรยฺย. ยสฺมา จ โข ธมฺมํ สุณาติ ตสฺมา ธมฺมํ ธาเรติ. ตสฺมา ธมฺมธารณาย ธมฺมสฺสวนํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ธมฺมสฺสวนสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ ¶ . ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส โข, ภารทฺวาช, โสตาวธานํ พหุการํ ¶ . โน เจตํ โสตํ โอทเหยฺย, นยิทํ ธมฺมํ สุเณยฺย. ยสฺมา จ โข โสตํ โอทหติ ตสฺมา ธมฺมํ สุณาติ. ตสฺมา ธมฺมสฺสวนสฺส โสตาวธานํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘โสตาวธานสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? โสตาวธานสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘โสตาวธานสฺส โข, ภารทฺวาช, ปยิรุปาสนา พหุการา. โน เจตํ ปยิรุปาเสยฺย, นยิทํ โสตํ โอทเหยฺย. ยสฺมา จ โข ปยิรุปาสติ ตสฺมา โสตํ โอทหติ. ตสฺมา โสตาวธานสฺส ปยิรุปาสนา พหุการา’’ติ.
‘‘ปยิรุปาสนาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ปยิรุปาสนาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ปยิรุปาสนาย โข, ภารทฺวาช, อุปสงฺกมนํ พหุการํ. โน เจตํ อุปสงฺกเมยฺย, นยิทํ ปยิรุปาเสยฺย. ยสฺมา จ โข อุปสงฺกมติ ตสฺมา ปยิรุปาสติ. ตสฺมา ปยิรุปาสนาย อุปสงฺกมนํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘อุปสงฺกมนสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? อุปสงฺกมนสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อุปสงฺกมนสฺส โข, ภารทฺวาช, สทฺธา พหุการา. โน เจตํ สทฺธา ชาเยถ, นยิทํ อุปสงฺกเมยฺย. ยสฺมา จ โข สทฺธา ชายติ ตสฺมา อุปสงฺกมติ. ตสฺมา อุปสงฺกมนสฺส สทฺธา พหุการา’’ติ.
๔๓๕. ‘‘สจฺจานุรกฺขณํ ¶ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุรกฺขณํ ¶ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. สจฺจานุโพธํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุโพธํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. สจฺจานุปฺปตฺตึ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุปฺปตฺตึ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา ¶ . สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ ¶ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. ยํยเทว จ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห ตํตเทว ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. มยฺหิ, โภ โคตม, ปุพฺเพ เอวํ ชานาม – ‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา อิพฺภา กณฺหา พนฺธุปาทาปจฺจา, เก จ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’ติ? อชเนสิ วต เม ภวํ โคตโม สมเณสุ สมณเปมํ, สมเณสุ สมณปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํ. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
จงฺกีสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. เอสุการีสุตฺตํ
๔๓๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข เอสุการี พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺติ – พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ, ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ, เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ, สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, ขตฺติโย วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, เวสฺโส วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, สุทฺโท วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺยา’ติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ¶ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘ขตฺติโย วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺย, เวสฺโส วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺย, สุทฺโท วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺยา’ติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘เวสฺโส วา เวสฺสํ ปริจเรยฺย, สุทฺโท วา เวสฺสํ ¶ ปริจเรยฺยา’ติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ ¶ . ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘สุทฺโทว สุทฺทํ ปริจเรยฺย. โก ปนฺโ สุทฺทํ ปริจริสฺสตี’ติ? อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ. พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิมา จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๓๗. ‘‘กึ ปน, พฺราหฺมณ, สพฺโพ โลโก พฺราหฺมณานํ เอตทพฺภนุชานาติ – ‘อิมา จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺตู’’’ติ [ปฺเปนฺตีติ (สี. ก.)]? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส ทลิทฺโท [ทฬิทฺโท (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อสฺสโก อนาฬฺหิโย. ตสฺส อกามสฺส พิลํ โอลคฺเคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, มํสํ ขาทิตพฺพํ, มูลฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติ. เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา อปฺปฏิฺาย เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ, อถ จ ปนิมา จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺติ. นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ ปริจริตพฺพ’นฺติ ¶ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ น ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ. ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, นาหํ ตํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ; ยฺจ ขฺวาสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ. ขตฺติยํ เจปิ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส ¶ น ปาปิโย; กเมตฺถ ปริจเรยฺยาสี’ติ, ขตฺติโยปิ หิ, พฺราหฺมณ ¶ , สมฺมา พฺยากรมาโน เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยฺหิ เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, นาหํ ตํ ปริจเรยฺยํ; ยฺจ โข เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ปริจเรยฺย’นฺติ. พฺราหฺมณํ เจปิ, พฺราหฺมณ…เป… เวสฺสํ เจปิ, พฺราหฺมณ…เป… สุทฺทํ เจปิ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย; กเมตฺถ ปริจเรยฺยาสี’ติ, สุทฺโทปิ หิ, พฺราหฺมณ, สมฺมา พฺยากรมาโน เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยฺหิ เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, นาหํ ตํ ปริจเรยฺยํ; ยฺจ โข เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ปริจเรยฺย’นฺติ. นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุจฺจากุลีนตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุจฺจากุลีนตา ปาปิยํโส’ติ ¶ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารวณฺณตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารวณฺณตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารโภคตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารโภคตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ.
๔๓๘. ‘‘อุจฺจากุลีโนปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, ปิสุณาวาโจ โหติ, ผรุสาวาโจ โหติ, สมฺผปฺปลาปี โหติ, อภิชฺฌาลุ โหติ ¶ , พฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ‘น อุจฺจากุลีนตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ. อุจฺจากุลีโนปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ‘น อุจฺจากุลีนตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ.
๔๓๙. ‘‘อุฬารวณฺโณปิ ¶ หิ, พฺราหฺมณ…เป… อุฬารโภโคปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ¶ ‘น อุฬารโภคตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ. อุฬารโภโคปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ‘น อุฬารโภคตา ¶ ปาปิยํโส’ติ วทามิ. นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ น ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ. ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ สทฺธา วฑฺฒติ, สีลํ วฑฺฒติ, สุตํ วฑฺฒติ, จาโค วฑฺฒติ, ปฺา วฑฺฒติ, ตมหํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ (วทามิ. ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ น สทฺธา วฑฺฒติ, น สีลํ วฑฺฒติ, น สุตํ วฑฺฒติ, น จาโค วฑฺฒติ, น ปฺา วฑฺฒติ, นาหํ ตํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ) [( ) เอตฺถนฺตเร ปาโ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] วทามี’’ติ.
๔๔๐. เอวํ วุตฺเต, เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺติ – พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ, ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ, เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ, สุทฺทสฺส ¶ สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ ภิกฺขาจริยํ; ภิกฺขาจริยฺจ ปน พฺราหฺมโณ สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ ธนุกลาปํ; ธนุกลาปฺจ ¶ ปน ขตฺติโย สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ กสิโครกฺขํ; กสิโครกฺขฺจ ปน เวสฺโส สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ อสิตพฺยาภงฺคึ; อสิตพฺยาภงฺคิฺจ ปน สุทฺโท สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๔๑. ‘‘กึ ปน, พฺราหฺมณ, สพฺโพ โลโก พฺราหฺมณานํ เอตทพฺภนุชานาติ – ‘อิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺตู’’’ติ? ‘‘โน ¶ หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส ทลิทฺโท ¶ อสฺสโก อนาฬฺหิโย. ตสฺส อกามสฺส พิลํ โอลคฺเคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, มํสํ ขาทิตพฺพํ, มูลฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติ. เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา อปฺปฏิฺาย เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ, อถ จ ปนิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺติ. อริยํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปุริสสฺส สนฺธนํ ปฺเปมิ. โปราณํ โข ปนสฺส มาตาเปตฺติกํ กุลวํสํ อนุสฺสรโต ยตฺถ ยตฺเถว ¶ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ขตฺติยกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘ขตฺติโย’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; พฺราหฺมณกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘พฺราหฺมโณ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เวสฺสกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘เวสฺโส’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สุทฺทกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘สุทฺโท’ตฺเวว ¶ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ยํยเทว ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กฏฺฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘กฏฺคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สกลิกฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘สกลิกคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ติณฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘ติณคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; โคมยฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘โคมยคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อริยํ โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปุริสสฺส สนฺธนํ ปฺเปมิ. โปราณํ โข ปนสฺส มาตาเปตฺติกํ กุลวํสํ อนุสฺสรโต ยตฺถ ยตฺเถว อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.
‘‘ขตฺติยกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘ขตฺติโย’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; พฺราหฺมณกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘พฺราหฺมโณ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เวสฺสกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘เวสฺโส’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สุทฺทกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘สุทฺโท’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.
‘‘ขตฺติยกุลา ¶ เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘พฺราหฺมณกุลา ¶ ¶ เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… ¶ สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๔๔๒. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ, โน ขตฺติโย โน เวสฺโส โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุ’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… ¶ สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๔๔๓. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, โน ขตฺติโย โน เวสฺโส โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม ¶ . ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม ¶ … สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุ’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ ¶ , พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๔๔๔. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อิธ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต นานาชจฺจานํ ปุริสานํ ปุริสสตํ สนฺนิปาเตยฺย – ‘อายนฺตุ โภนฺโต เย ตตฺถ ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺนา สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตุ; อายนฺตุ ปน โภนฺโต เย ตตฺถ จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺนา สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตู’’’ติ?
‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, โย เอวํ นุ โข โส ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต โส เอว นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ ¶ กาตุํ; โย ปน โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ น เจว อจฺจิมา น จ วณฺณวา น จ ¶ ปภสฺสโร น จ เตน สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. โยปิ หิ โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส ¶ วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โยปิ โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ. สพฺโพปิ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ สพฺเพนปิ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ.
‘‘เอวเมว ¶ โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ¶ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ. พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต, เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
เอสุการีสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. ธนฺชานิสุตฺตํ
๔๔๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ ¶ ราชคเห วสฺสํวุฏฺโ [วสฺสํวุตฺโถ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยน ทกฺขิณาคิริ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ ภิกฺขุํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘กจฺจาวุโส, ภควา อโรโค จ พลวา จา’’ติ? ‘‘อโรโค จาวุโส, ภควา พลวา จา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปนาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ อโรโค จ พลวา จา’’ติ? ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข, อาวุโส, อโรโค จ พลวา จา’’ติ. ‘‘เอตฺถ, อาวุโส, ตณฺฑุลปาลิทฺวาราย ธนฺชานิ [ธานฺชานิ (สี. ปี.)] นาม พฺราหฺมโณ อตฺถิ. กจฺจาวุโส ¶ , ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อโรโค จ พลวา จา’’ติ? ‘‘ธนฺชานิปิ โข, อาวุโส, พฺราหฺมโณ อโรโค จ พลวา จา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปนาวุโส, ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อปฺปมตฺโต’’ติ? ‘‘กุโต ปนาวุโส, ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส อปฺปมาโท? ธนฺชานิ, อาวุโส, พฺราหฺมโณ ราชานํ นิสฺสาย พฺราหฺมณคหปติเก วิลุมฺปติ, พฺราหฺมณคหปติเก นิสฺสาย ราชานํ วิลุมฺปติ ¶ . ยาปิสฺส ภริยา สทฺธา สทฺธกุลา อานีตา สาปิ กาลงฺกตา; อฺาสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อสฺสทฺธกุลา อานีตา’’. ‘‘ทุสฺสุตํ วตาวุโส, อสฺสุมฺห, ทุสฺสุตํ วตาวุโส, อสฺสุมฺห; เย มยํ ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ ปมตฺตํ อสฺสุมฺห. อปฺเปว จ นาม มยํ กทาจิ กรหจิ ธนฺชานินา พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม, อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?
๔๔๖. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ พหินคเร คาโว โคฏฺเ ทุหาเปติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ¶ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิโต, โภ สาริปุตฺต, ปโย, ปียตํ ตาว ภตฺตสฺส กาโล ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ. กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํ. อมุกสฺมึ เม รุกฺขมูเล ทิวาวิหาโร ภวิสฺสติ. ตตฺถ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ธนฺชานิ ¶ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘กจฺจาสิ, ธนฺชานิ, อปฺปมตฺโต’’ติ? ‘‘กุโต, โภ สาริปุตฺต, อมฺหากํ อปฺปมาโท เยสํ โน มาตาปิตโร ¶ โปเสตพฺพา, ปุตฺตทาโร โปเสตพฺโพ, ทาสกมฺมกรา โปเสตพฺพา, มิตฺตามจฺจานํ มิตฺตามจฺจกรณียํ กาตพฺพํ, าติสาโลหิตานํ าติสาโลหิตกรณียํ กาตพฺพํ, อติถีนํ อติถิกรณียํ กาตพฺพํ, ปุพฺพเปตานํ ปุพฺพเปตกรณียํ กาตพฺพํ, เทวตานํ เทวตากรณียํ กาตพฺพํ, รฺโ ราชกรณียํ กาตพฺพํ, อยมฺปิ กาโย ปีเณตพฺโพ พฺรูเหตพฺโพ’’ติ?
๔๔๗. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ ¶ , มาตาปิตโร วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย ¶ นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ปุตฺตทาโร วา ปนสฺส ลเภยฺย ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี ¶ อโหสิ มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ทาสกมฺมกรโปริสา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ ¶ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข มิตฺตามจฺจานํ ¶ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, มิตฺตามจฺจา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, าติสาโลหิตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, อติถี วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ ¶ ¶ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ปุพฺพเปตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, เทวตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ราชา ¶ วา ปนสฺส ลเภยฺย ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ปเร วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
๔๔๘. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา มาตาปิตูนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, มาตาปิตูนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา ¶ กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา มาตาปิตโร เจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ปุตฺตทารสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย ¶ หิ, โภ สาริปุตฺต, ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ปุตฺตทารสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา เยหิ สกฺกา ปุตฺตทารฺเจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ทาสกมฺมกรโปริเส เจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ¶ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา มิตฺตามจฺจานฺเจว มิตฺตามจฺจกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา าติสาโลหิตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย ¶ หิ, โภ สาริปุตฺต, าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, าติสาโลหิตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา าติสาโลหิตานฺเจว าติสาโลหิตกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี ¶ วิสมจารี อสฺส, โย วา อติถีนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, อติถีนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา อติถีนฺเจว อติถิกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ปุพฺพเปตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ปุพฺพเปตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ปุพฺพเปตานฺเจว ปุพฺพเปตกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา เทวตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี ¶ อสฺส; กตมํ ¶ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, เทวตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย ¶ . อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา เทวตานฺเจว เทวตากรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา รฺโ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, รฺโ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา รฺโ เจว ราชกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี ¶ อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา ¶ , เยหิ สกฺกา กายฺเจว ปีเณตุํ พฺรูเหตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุ’’นฺติ.
๔๔๙. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อปเรน สมเยน อาพาธิโก อโหสิ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ ¶ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส ¶ , เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. เยน จายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สาธุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , ภนฺเต’’ติ โข โส ปุริโส ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ. เยน จายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วเทติ – ‘สาธุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตุณฺหีภาเวน.
๔๕๐. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ เต, ธนฺชานิ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ? กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ปฏิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ? ปฏิกฺกโมสานํ ปฺายติ ¶ , โน อภิกฺกโม’’ติ? ‘‘น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต ¶ , พลวา ปุริโส ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ [มุทฺธานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อภิมตฺเถยฺย; เอวเมว โข ¶ , โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ จ อูหนนฺติ. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ¶ ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน [วรตฺตพนฺธเนน (สี. ปี.)] สีเส สีสเวํ ทเทยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ ¶ , โน ปฏิกฺกโม’’ติ.
๔๕๑. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา’’ติ? ‘‘นิรยา, โภ สาริปุตฺต, ติรจฺฉานโยนิ เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ติรจฺฉานโยนิ วา เปตฺติวิสโย วา’’ติ? ‘‘ติรจฺฉานโยนิยา, โภ สาริปุตฺต, เปตฺติวิสโย เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – เปตฺติวิสโย วา มนุสฺสา วา’’ติ? ‘‘เปตฺติวิสยา, โภ สาริปุตฺต, มนุสฺสา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ ¶ , กตมํ เสยฺโย – มนุสฺสา วา จาตุมหาราชิกา [จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา เทวา’’ติ? ‘‘มนุสฺเสหิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, จาตุมหาราชิกา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – จาตุมหาราชิกา วา เทวา ตาวตึสา วา เทวา’’ติ? ‘‘จาตุมหาราชิเกหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ตาวตึสา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ตาวตึสา วา เทวา ยามา วา เทวา’’ติ? ‘‘ตาวตึเสหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ยามา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ยามา วา เทวา ตุสิตา วา เทวา’’ติ? ‘‘ยาเมหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ตุสิตา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ตุสิตา วา เทวา นิมฺมานรตี วา เทวา’’ติ? ‘‘ตุสิเตหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ นิมฺมานรตี เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – นิมฺมานรตี วา เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺตี วา เทวา’’ติ? ‘‘นิมฺมานรตีหิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย ปรนิมฺมิตวสวตฺตี วา เทวา พฺรหฺมโลโก วา’’ติ? ‘‘‘พฺรหฺมโลโก’ติ [ภวํ สาริปุตฺโต อาหาติ, กตมํ สาริปุตฺโต อาห พฺรหฺมโลโกติ. (ก.)] – ภวํ สาริปุตฺโต อาห; ‘พฺรหฺมโลโก’ติ – ภวํ สาริปุตฺโต อาหา’’ติ [ภวํ สาริปุตฺโต อาหาติ, กตมํ สาริปุตฺโต อาห พฺรหฺมโลโกติ. (ก.)].
อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข พฺราหฺมณา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตา. ยํนูนาหํ ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสยฺย’’นฺติ. ‘‘พฺรหฺมานํ เต, ธนฺชานิ, สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสามิ; ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘กตโม จ, ธนฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค? อิธ, ธนฺชานิ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. อยํ โข, ธนฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค’’.
๔๕๒. ‘‘ปุน จปรํ, ธนฺชานิ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ ¶ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. อยํ โข, ธนฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค’’ติ. เตน หิ, โภ สาริปุตฺต, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ธนฺชานิ ¶ , ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ¶ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อจิรปกฺกนฺเต อายสฺมนฺเต สาริปุตฺเต กาลมกาสิ, พฺรหฺมโลกฺจ อุปปชฺชิ.
๔๕๓. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน, โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ สาริปุตฺต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ ¶ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอวํ อโหสิ – ‘อิเม โข พฺราหฺมณา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตา, ยํนูนาหํ ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส ¶ พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสยฺย’นฺติ. ‘‘กาลงฺกโตจ [กาลงฺกโตว (สฺยา. กํ. ก.)], สาริปุตฺต, ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมโลกฺจ อุปปนฺโน’’ติ.
ธนฺชานิสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. วาเสฏฺสุตฺตํ
๔๕๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อิจฺฉานงฺคเล [อิจฺฉานงฺกเล (สี. ปี.)] วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิฺาตา อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา อิจฺฉานงฺคเล ปฏิวสนฺติ, เสยฺยถิทํ – จงฺกี พฺราหฺมโณ, ตารุกฺโข พฺราหฺมโณ, โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ, ชาณุสฺโสณิ [ชาณุสฺโสณี (ปี.), ชาณุโสณี (ก.)] พฺราหฺมโณ, โตเทยฺโย พฺราหฺมโณ, อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา. อถ โข วาเสฏฺภารทฺวาชานํ มาณวานํ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตานํ [อนุจงฺกมมานานํ อนุวิจรมานานํ (สี. ปี.)] อยมนฺตรากถา ¶ อุทปาทิ – ‘‘กถํ, โภ, พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ? ภารทฺวาโช มาณโว เอวมาห – ‘‘ยโต โข, โภ, อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน – เอตฺตาวตา โข, โภ, พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ. วาเสฏฺโ มาณโว เอวมาห – ‘‘ยโต โข, โภ, สีลวา จ โหติ วตฺตสมฺปนฺโน [วตสมฺปนฺโน (ปี.)] จ – เอตฺตาวตา โข, โภ, พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ. เนว โข อสกฺขิ ภารทฺวาโช มาณโว วาเสฏฺํ มาณวํ สฺาเปตุํ, น ปน อสกฺขิ วาเสฏฺโ มาณโว ภารทฺวาชํ มาณวํ สฺาเปตุํ. อถ โข วาเสฏฺโ มาณโว ภารทฺวาชํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘อยํ โข, โภ ภารทฺวาช, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ¶ ปพฺพชิโต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อายาม, โภ ภารทฺวาช, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสาม. ยถา โน สมโณ โคตโม พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ภารทฺวาโช มาณโว วาเสฏฺสฺส มาณวสฺส ปจฺจสฺโสสิ.
๔๕๕. อถ โข วาเสฏฺภารทฺวาชา มาณวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วาเสฏฺโ มาณโว ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘อนฺุาตปฏิฺาตา, เตวิชฺชา มยมสฺมุโภ;
อหํ โปกฺขรสาติสฺส, ตารุกฺขสฺสายํ มาณโว.
‘‘เตวิชฺชานํ ¶ ยทกฺขาตํ, ตตฺร เกวลิโนสฺมเส;
ปทกสฺมา เวยฺยากรณา [โน พฺยากรณา (สฺยา. กํ. ก.)], ชปฺเป อาจริยสาทิสา;
เตสํ โน ชาติวาทสฺมึ, วิวาโท อตฺถิ โคตม.
‘‘ชาติยา ¶ พฺราหฺมโณ โหติ, ภารทฺวาโช อิติ ภาสติ;
อหฺจ กมฺมุนา [กมฺมนา (สี. ปี.)] พฺรูมิ, เอวํ ชานาหิ จกฺขุม.
‘‘เต ¶ น สกฺโกม าเปตุํ [สฺตฺตุํ (ปี.), สฺาเปตุํ (ก.)], อฺมฺํ มยํ อุโภ;
ภวนฺตํ ปุฏฺุมาคมา, สมฺพุทฺธํ อิติ วิสฺสุตํ.
‘‘จนฺทํ ยถา ขยาตีตํ, เปจฺจ ปฺชลิกา ชนา;
วนฺทมานา นมสฺสนฺติ, โลกสฺมึ โคตมํ.
‘‘จกฺขุํ โลเก สมุปฺปนฺนํ, มยํ ปุจฺฉาม โคตมํ;
ชาติยา พฺราหฺมโณ โหติ, อุทาหุ ภวติ กมฺมุนา [กมฺมนา (สี. ปี.)];
อชานตํ โน ปพฺรูหิ, ยถา ชาเนมุ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
‘‘เตสํ โว อหํ พฺยกฺขิสฺสํ, (วาเสฏฺาติ ภควา)
อนุปุพฺพํ ยถาตถํ;
ชาติวิภงฺคํ ปาณานํ, อฺมฺาหิ ชาติโย.
‘‘ติณรุกฺเขปิ ชานาถ, น จาปิ ปฏิชานเร;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ตโต กีเฏ ปฏงฺเค จ, ยาว กุนฺถกิปิลฺลิเก;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘จตุปฺปเทปิ ชานาถ, ขุทฺทเก จ มหลฺลเก;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ปาทุทเรปิ ¶ ชานาถ, อุรเค ทีฆปิฏฺิเก;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ตโต มจฺเฉปิ ชานาถ, อุทเก วาริโคจเร;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ตโต ปกฺขีปิ ชานาถ, ปตฺตยาเน วิหงฺคเม;
ลิงฺคํ ¶ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ยถา เอตาสุ ชาตีสุ, ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ;
เอวํ นตฺถิ มนุสฺเสสุ, ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ.
‘‘น ¶ เกเสหิ น สีเสหิ, น กณฺเณหิ น อกฺขีหิ;
น มุเขน น นาสาย, น โอฏฺเหิ ภมูหิ วา.
‘‘น คีวาย น อํเสหิ, น อุทเรน น ปิฏฺิยา;
น โสณิยา น อุรสา, น สมฺพาเธ น เมถุเน [น สมฺพาธา น เมถุนา (ก.)].
‘‘น หตฺเถหิ น ปาเทหิ, นงฺคุลีหิ นเขหิ วา;
น ชงฺฆาหิ น อูรูหิ, น วณฺเณน สเรน วา;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว, ยถา อฺาสุ ชาติสุ.
‘‘ปจฺจตฺตฺจ สรีเรสุ [ปจฺจตฺตํ สสรีเรสุ (สี. ปี.)], มนุสฺเสสฺเวตํ น วิชฺชติ;
โวการฺจ มนุสฺเสสุ, สมฺาย ปวุจฺจติ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โครกฺขํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, กสฺสโก โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, ปุถุสิปฺเปน ชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, สิปฺปิโก โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย ¶ หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, ปรเปสฺเสน ชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, เปสฺสโก [เปสฺสิโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย ¶ หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, อทินฺนํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, โจโร เอโส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, อิสฺสตฺถํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, โยธาชีโว น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โปโรหิจฺเจน ชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, ยาชโก โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, คามํ รฏฺฺจ ภฺุชติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, ราชา เอโส น พฺราหฺมโณ.
‘‘น ¶ จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ;
โภวาทิ [โภวาที (สฺยา. กํ.)] นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;
สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ [วิสฺุตฺตํ (ก.)], ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘เฉตฺวา นทฺธึ [นทฺธึ (สี. ปี.)] วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกมํ;
อุกฺขิตฺตปลิฆํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อกฺโกธนํ ¶ วตวนฺตํ, สีลวนฺตํ อนุสฺสทํ;
ทนฺตํ อนฺติมสารีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘วาริโปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;
โย ¶ น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โย ทุกฺขสฺส ปชานาติ, อิเธว ขยมตฺตโน;
ปนฺนภารํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘คมฺภีรปฺํ เมธาวึ, มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ;
อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อสํสฏฺํ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ;
อโนกสาริมปฺปิจฺฉํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘นิธาย ทณฺฑํ ภูเตสุ, ตเสสุ ถาวเรสุ จ;
โย น หนฺติ น ฆาเตติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อวิรุทฺธํ วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตํ;
สาทาเนสุ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ราโค จ โทโส จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต;
สาสโปริว อารคฺคา, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อกกฺกสํ ¶ วิฺาปนึ, คิรํ สจฺจํ อุทีรเย;
ยาย นาภิสชฺเช กิฺจิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โย จ ทีฆํ ว รสฺสํ วา, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
โลเก อทินฺนํ นาเทติ [นาทิยติ (สี. ปี.)], ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อาสา ¶ ยสฺส น วิชฺชนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;
นิราสาสํ [นิราสยํ (สี. ปี.)] วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ, อฺาย อกถํกถึ;
อมโตคธํ ¶ อนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โยธปฺฺุจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคํ อุปจฺจคา;
อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘จนฺทํ ว วิมลํ สุทฺธํ, วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ;
นนฺทีภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โย อิมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โยธกาเม ปหนฺตฺวาน [ปหตฺวาน (สี.)], อนาคาโร ปริพฺพเช;
กามภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โยธตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, ทิพฺพํ โยคํ อุปจฺจคา;
สพฺพโยควิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘หิตฺวา รติฺจ อรตึ, สีตีภูตํ นิรูปธึ;
สพฺพโลกาภิภุํ วีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ¶ คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ¶ ¶ ปุเร จ ปจฺฉา จ, มชฺเฌ จ นตฺถิ กิฺจนํ;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;
อเนชํ นฺหาตกํ [นหาตกํ (สี. ปี.)] พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘สมฺา เหสา โลกสฺมึ, นามโคตฺตํ ปกปฺปิตํ;
สมฺมุจฺจา สมุทาคตํ, ตตฺถ ตตฺถ ปกปฺปิตํ.
‘‘ทีฆรตฺตานุสยิตํ, ทิฏฺิคตมชานตํ;
อชานนฺตา โน [อชานนฺตา โนติ อชานนฺตา เอว (ฏีกา)] ปพฺรุนฺติ [ปพฺรุวนฺติ (สี. ปี.)], ชาติยา โหติ พฺราหฺมโณ.
‘‘น ชจฺจา พฺราหฺมโณ [วสโล (สฺยา. กํ. ก.)] โหติ, น ชจฺจา โหติ อพฺราหฺมโณ [พฺราหฺมโณ (สฺยา. กํ. ก.)];
กมฺมุนา พฺราหฺมโณ [วสโล (สฺยา. กํ. ก.)] โหติ, กมฺมุนา โหติ อพฺราหฺมโณ [พฺราหฺมโณ (สฺยา. กํ. ก.)].
‘‘กสฺสโก กมฺมุนา โหติ, สิปฺปิโก โหติ กมฺมุนา;
วาณิโช กมฺมุนา โหติ, เปสฺสโก โหติ กมฺมุนา.
‘‘โจโรปิ กมฺมุนา โหติ, โยธาชีโวปิ กมฺมุนา;
ยาชโก กมฺมุนา โหติ, ราชาปิ โหติ กมฺมุนา.
‘‘เอวเมตํ ยถาภูตํ, กมฺมํ ปสฺสนฺติ ปณฺฑิตา;
ปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสา, กมฺมวิปากโกวิทา.
‘‘กมฺมุนา ¶ วตฺตติ โลโก, กมฺมุนา วตฺตติ ปชา;
กมฺมนิพนฺธนา สตฺตา, รถสฺสาณีว ยายโต.
‘‘ตเปน ¶ พฺรหฺมจริเยน, สํยเมน ทเมน จ;
เอเตน พฺราหฺมโณ โหติ, เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตมํ.
‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺโน, สนฺโต ขีณปุนพฺภโว;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, พฺรหฺมา สกฺโก วิชานต’’นฺติ.
๔๖๑. เอวํ ¶ ¶ วุตฺเต, วาเสฏฺภารทฺวาชา มาณวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คเต’’ติ.
วาเสฏฺสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. สุภสุตฺตํ
๔๖๒. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ อฺตรสฺส คหปติสฺส นิเวสเน เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ยสฺส คหปติสฺส นิเวสเน ปฏิวสติ ตํ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, คหปติ – ‘อวิวิตฺตา สาวตฺถี อรหนฺเตหี’ติ. กํ นุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยามา’’ติ? ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ. อถ ¶ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ตสฺส คหปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘คหฏฺโ อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ, น ปพฺพชิโต อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสล’นฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๖๓. ‘‘วิภชฺชวาโท โข อหเมตฺถ, มาณว; นาหเมตฺถ เอกํสวาโท. คิหิสฺส วาหํ, มาณว, ปพฺพชิตสฺส วา มิจฺฉาปฏิปตฺตึ น วณฺเณมิ. คิหี วา ¶ หิ ¶ , มาณว, ปพฺพชิโต วา มิจฺฉาปฏิปนฺโน มิจฺฉาปฏิปตฺตาธิกรณเหตุ น อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ. คิหิสฺส วาหํ, มาณว, ปพฺพชิตสฺส วา สมฺมาปฏิปตฺตึ วณฺเณมิ. คิหี วา หิ, มาณว, ปพฺพชิโต วา สมฺมาปฏิปนฺโน สมฺมาปฏิปตฺตาธิกรณเหตุ อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘มหฏฺมิทํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ ฆราวาสกมฺมฏฺานํ มหปฺผลํ โหติ; อปฺปฏฺมิทํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ ปพฺพชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปผลํ โหตี’ติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ.
‘‘เอตฺถาปิ ¶ โข อหํ, มาณว, วิภชฺชวาโท; นาหเมตฺถ เอกํสวาโท. อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ. กตมฺจ, มาณว ¶ , กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ ¶ โหติ? กสิ โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ. กตมฺจ, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ? กสิเยว โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ. กตมฺจ, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ? วณิชฺชา โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ. กตมฺจ มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ? วณิชฺชาเยว โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ.
๔๖๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, กสิ กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ฆราวาสกมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ ¶ อปฺปผลํ โหติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, กสิเยว กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ฆราวาสกมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, วณิชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; เอวเมว ¶ โข, มาณว, ปพฺพชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, วณิชฺชาเยว กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; เอวเมว โข ¶ , มาณว, ปพฺพชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ.
‘‘พฺราหฺมณา ¶ , โภ โคตม, ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ. ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย – สเจ เต อครุ – สาธุ เต ปฺจ ธมฺเม อิมสฺมึ ปริสติ ภาสสฺสู’’ติ. ‘‘น โข เม, โภ โคตม, ครุ ยตฺถสฺสุ ภวนฺโต วา นิสินฺโน ภวนฺตรูโป วา’’ติ [นิสินฺนา ภวนฺตรูปา วาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ‘‘เตน หิ, มาณว, ภาสสฺสู’’ติ. ‘‘สจฺจํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปมํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. ตปํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ทุติยํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. พฺรหฺมจริยํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ตติยํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. อชฺเฌนํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา จตุตฺถํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. จาคํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ¶ ปฺจมํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิเม ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายาติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๖๕. ‘‘กึ ปน, มาณว, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน, มาณว, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ วิปากํ ปเวเทมี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ¶ ปน, มาณว, เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฏฺโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ, เตปิ เอวมาหํสุ – ‘มยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.
‘‘อิติ กิร, มาณว, นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา ¶ สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’ติ; นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ โย เอวมาห ¶ – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’ติ; เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฏฺโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ. เตปิ น เอวมาหํสุ – ‘มยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมา’ติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, อนฺธเวณิ ปรมฺปราสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, มาณว, อนฺธเวณูปมํ มฺเ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ สมฺปชฺชติ – ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสตี’’ติ.
๔๖๖. เอวํ วุตฺเต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควตา อนฺธเวณูปเมน วุจฺจมาโน กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํเยว ขุํเสนฺโต ภควนฺตํเยว วมฺเภนฺโต ภควนฺตํเยว วทมาโน – ‘สมโณ โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตี’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมโณ, โภ โคตม, โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก เอวมาห – ‘เอวเมว ¶ ปนิเธกจฺเจ [ปนิเมเก (สพฺพตฺถ)] สมณพฺราหฺมณา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ ¶ ปฏิชานนฺติ. เตสมิทํ ภาสิตํ ¶ หสฺสกํเยว สมฺปชฺชติ, นามกํเยว สมฺปชฺชติ, ริตฺตกํเยว สมฺปชฺชติ, ตุจฺฉกํเยว สมฺปชฺชติ. กถฺหิ นาม มนุสฺสภูโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชตี’’’ติ?
‘‘กึ ปน, มาณว, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก สพฺเพสํเยว สมณพฺราหฺมณานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาตี’’ติ? ‘‘สกายปิ หิ, โภ โคตม, ปุณฺณิกาย ทาสิยา พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก เจตสา เจโต ปริจฺจ น ปชานาติ, กุโต ปน สพฺเพสํเยว สมณพฺราหฺมณานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานิสฺสตี’’ติ?
‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, ชจฺจนฺโธ ปุริโส น ปสฺเสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย นีลกานิ ¶ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย สมวิสมํ, น ปสฺเสยฺย ตารกรูปานิ, น ปสฺเสยฺย จนฺทิมสูริเย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, นตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, นตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, นตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, นตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, นตฺถิ มฺชิฏฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ สมวิสมํ, นตฺถิ สมวิสมสฺส ¶ ทสฺสาวี; นตฺถิ ตารกรูปานิ, นตฺถิ ตารกรูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ จนฺทิมสูริยา, นตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวี. อหเมตํ น ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ; ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติ. สมฺมา นุ โข โส, มาณว, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ?
‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. อตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, อตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, อตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, อตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, อตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, อตฺถิ มฺชิฏฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ สมวิสมํ, อตฺถิ สมวิสมสฺส ทสฺสาวี; อตฺถิ ตารกรูปานิ, อตฺถิ ตารกรูปานํ ทสฺสาวี ¶ ; อตฺถิ จนฺทิมสูริยา, อตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวี. ‘อหเมตํ น ¶ ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ; ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติ; น หิ โส, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ.
‘‘เอวเมว โข, มาณว, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก อนฺโธ อจกฺขุโก. โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ’’.
๔๖๗. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, เย เต โกสลกา พฺราหฺมณมหาสาลา, เสยฺยถิทํ – จงฺกี พฺราหฺมโณ ตารุกฺโข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ปิตา จ [วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เต โตเทยฺโย, กตมา เนสํ เสยฺโย [เสยฺยา (สฺยา. กํ.)], ยํ วา เต สมฺมุจฺจา ¶ [สมฺมุสา (สี. ปี.)] วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อสมฺมุจฺจา’’ติ? ‘‘สมฺมุจฺจา, โภ โคตม’’.
‘‘กตมา ¶ เนสํ เสยฺโย, ยํ วา เต มนฺตา วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อมนฺตา’’ติ? ‘‘มนฺตา, โภ โคตม’’.
‘‘กตมา เนสํ เสยฺโย, ยํ วา เต ปฏิสงฺขาย วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อปฺปฏิสงฺขายา’’ติ? ‘‘ปฏิสงฺขาย, โภ โคตม’’.
‘‘กตมา เนสํ เสยฺโย, ยํ วา เต อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อนตฺถสํหิต’’นฺติ? ‘‘อตฺถสํหิตํ, โภ โคตม’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, ยทิ เอวํ สนฺเต, พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา โอปมฺเน สุภควนิเกน สมฺมุจฺจา วาจา ภาสิตา อสมฺมุจฺจา’’ติ [อสมฺมุสา วาติ (ปี.) เอวมิตรปฺหตฺตเยปิ วาสทฺเทน สห ทิสฺสติ]? ‘‘อสมฺมุจฺจา, โภ โคตม’’.
‘‘มนฺตา วาจา ภาสิตา อมนฺตา วา’’ติ? ‘‘อมนฺตา, โภ โคตม’’.
‘‘ปฏิสงฺขาย วาจา ภาสิตา อปฺปฏิสงฺขายา’’ติ? ‘‘อปฺปฏิสงฺขาย, โภ โคตม’’.
‘‘อตฺถสํหิตา วาจา ภาสิตา อนตฺถสํหิตา’’ติ? ‘‘อนตฺถสํหิตา, โภ โคตม’’.
‘‘ปฺจ ¶ ¶ โข อิเม, มาณว, นีวรณา. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถีนมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํ – อิเม โข, มาณว, ปฺจ นีวรณา. อิเมหิ โข มาณว, ปฺจหิ นีวรเณหิ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก อาวุโต นิวุโต โอผุโฏ [โอวุโต (สี.), โอผุโต (สฺยา. กํ. ปี.)] ปริโยนทฺโธ. โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
๔๖๘. ‘‘ปฺจ ¶ โข อิเม, มาณว, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา ¶ คนฺธา… ชิวฺหา วิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, มาณว, ปฺจ กามคุณา. อิเมหิ โข, มาณว, ปฺจหิ กามคุเณหิ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก คถิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชติ. โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, ยํ วา ติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ อคฺคึ ชาเลยฺย ยํ วา นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ อคฺคึ ชาเลยฺย, กตโม นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จา’’ติ? ‘‘สเจ ตํ, โภ โคตม, านํ นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ อคฺคึ ชาเลตุํ, สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จา’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, มาณว, อนวกาโส ยํ นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ อคฺคึ ชาเลยฺย อฺตฺร อิทฺธิมตา. เสยฺยถาปิ, มาณว, ติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ตถูปมาหํ, มาณว, อิมํ ปีตึ วทามิ ยายํ ปีติ ปฺจ ¶ กามคุเณ ปฏิจฺจ. เสยฺยถาปิ, มาณว, นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทาโน [นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ (สี. ปี. ก.)] อคฺคิ ชลติ ตถูปมาหํ, มาณว ¶ , อิมํ ปีตึ วทามิ ยายํ ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ.
‘‘กตมา จ, มาณว, ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ? อิธ, มาณว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, มาณว, ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหิ. ปุน จปรํ, มาณว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, มาณว, ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ.
๔๖๙. ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, กตเมตฺถ [กเมตฺถ (ก. สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณา ธมฺมํ มหปฺผลตรํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ? ‘‘เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย ¶ กุสลสฺส อาราธนาย, จาคเมตฺถ พฺราหฺมณา ธมฺมํ มหปฺผลตรํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ.
‘‘ตํ กิ มฺสิ, มาณว, อิธ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส. อถ ทฺเว พฺราหฺมณา อาคจฺเฉยฺยุํ – ‘อิตฺถนฺนามสฺส พฺราหฺมณสฺส มหายฺํ อนุภวิสฺสามา’ติ. ตตฺเรกสฺส [ตตฺเถกสฺส (ปี.)] พฺราหฺมณสฺส เอวมสฺส – ‘อโห วต! อหเมว ลเภยฺยํ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น อฺโ พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, มาณว ¶ , วิชฺชติ ยํ อฺโ พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น โส พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ. ‘อฺโ พฺราหฺมโณ ลภติ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, นาหํ ลภามิ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ – อิติ โส ¶ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน. อิมสฺส ปน, มาณว, พฺราหฺมณา กึ วิปากํ ปฺเปนฺตี’’ติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เอวํ ทานํ เทนฺติ – ‘อิมินา ปโร กุปิโต โหตุ อนตฺตมโน’ติ. อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา อนุกมฺปาชาติกํเยว [อนุกมฺปชาติกํเยว (สฺยา. กํ. ก.)] ทานํ เทนฺตี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต, โข, มาณว, พฺราหฺมณานํ อิทํ ฉฏฺํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ – ยทิทํ อนุกมฺปาชาติก’’นฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ อิทํ ฉฏฺํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ – ยทิทํ อนุกมฺปาชาติก’’นฺติ.
‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิเม ตฺวํ ปฺจ ธมฺเม กตฺถ พหุลํ สมนุปสฺสสิ – คหฏฺเสุ วา ปพฺพชิเตสุ วา’’ติ? ‘‘เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิมาหํ ปฺจ ธมฺเม ปพฺพชิเตสุ ¶ พหุลํ สมนุปสฺสามิ อปฺปํ คหฏฺเสุ. คหฏฺโ หิ, โภ โคตม, มหฏฺโ มหากิจฺโจ มหาธิกรโณ มหาสมารมฺโภ, น สตตํ สมิตํ สจฺจวาที ¶ โหติ; ปพฺพชิโต โข ปน, โภ โคตม, อปฺปฏฺโ อปฺปกิจฺโจ อปฺปาธิกรโณ อปฺปสมารมฺโภ, สตตํ สมิตํ สจฺจวาที โหติ. คหฏฺโ หิ, โภ โคตม, มหฏฺโ มหากิจฺโจ มหาธิกรโณ มหาสมารมฺโภ น สตตํ สมิตํ ตปสฺสี โหติ… พฺรหฺมจารี โหติ… สชฺฌายพหุโล โหติ… จาคพหุโล โหติ; ปพฺพชิโต โข ปน, โภ โคตม, อปฺปฏฺโ อปฺปกิจฺโจ อปฺปาธิกรโณ อปฺปสมารมฺโภ สตตํ สมิตํ ตปสฺสี โหติ… พฺรหฺมจารี โหติ… สชฺฌายพหุโล โหติ… จาคพหุโล ¶ โหติ. เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิมาหํ ปฺจ ธมฺเม ปพฺพชิเตสุ พหุลํ สมนุปสฺสามิ อปฺปํ คหฏฺเสู’’ติ.
‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย จิตฺตสฺสาหํ เอเต ปริกฺขาเร ¶ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนาย. อิธ, มาณว, ภิกฺขุ สจฺจวาที โหติ. โส ‘สจฺจวาทีมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. ยํ ตํ กุสลูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, จิตฺตสฺสาหํ เอตํ ปริกฺขารํ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนาย. อิธ, มาณว, ภิกฺขุ ตปสฺสี โหติ…เป… พฺรหฺมจารี โหติ…เป… สชฺฌายพหุโล โหติ…เป… จาคพหุโล โหติ. โส ‘จาคพหุโลมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. ยํ ตํ กุสลูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, จิตฺตสฺสาหํ เอตํ ปริกฺขารํ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนาย. เย ¶ เต มาณว, พฺราหฺมณา, ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, จิตฺตสฺสาหํ เอเต ปริกฺขาเร วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายา’’ติ.
๔๗๐. เอวํ วุตฺเต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ ชานาตี’’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, อาสนฺเน อิโต นฬการคาโม, น ยิโต ทูเร นฬการคาโม’’ติ?
‘‘เอวํ, โภ, อาสนฺเน อิโต นฬการคาโม ¶ , น ยิโต ทูเร นฬการคาโม’’ติ.
‘‘ตํ, กึ มฺสิ มาณว, อิธสฺส ปุริโส นฬการคาเม ชาตวทฺโธ [ชาตวฑฺโฒ (สฺยา. กํ. ก.)]; ตเมนํ นฬการคามโต ตาวเทว อวสฏํ [อปสกฺกํ (สฺยา. กํ. ก.)] นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุจฺเฉยฺยุํ; สิยา นุ โข, มาณว, ตสฺส ¶ ปุริสสฺส นฬการคาเม ชาตวทฺธสฺส นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุฏฺสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา’’ติ?
‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘อมุ หิ, โภ โคตม, ปุริโส นฬการคาเม ชาตวทฺโธ. ตสฺส สพฺพาเนว นฬการคามสฺส มคฺคานิ สุวิทิตานี’’ติ. ‘‘สิยา นุ โข, มาณว, ตสฺส ปุริสสฺส นฬการคาเม ชาตวทฺธสฺส นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุฏฺสฺส ทนฺธายิตตฺตํ ¶ วา วิตฺถายิตตฺตํ วาติ, น ตฺเวว ตถาคตสฺส พฺรหฺมโลกํ วา พฺรหฺมโลกคามินึ วา ปฏิปทํ ปุฏฺสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา. พฺรหฺมานฺจาหํ, มาณว, ปชานามิ พฺรหฺมโลกฺจ พฺรหฺมโลกคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถาปฏิปนฺโน จ พฺรหฺมโลกํ อุปปนฺโน ตฺจ ปชานามี’’ติ ¶ .
‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตี’ติ. สาธุ เม ภวํ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตู’’ติ.
‘‘เตน หิ, มาณว, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๔๗๑. ‘‘กตโม จ, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค? อิธ, มาณว, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย [เอวเมว โข มาณว เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี. ที. นิ. ๑.๕๕๖) ตถาปิ อิธ ปาโเยว อุปมาย สํสนฺทิยมาโน ปริปุณฺโณ วิย ทิสฺสติ]; เอวเมว โข, มาณว…เป… เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, เมตฺตาย [เอวเมว โข มาณว เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี. ที. นิ. ๑.๕๕๖) ตถาปิ อิธ ปาโเยว อุปมาย สํสนฺทิยมาโน ปริปุณฺโณ วิย ทิสฺสติ] เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ ¶ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. อยมฺปิ โข, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, มาณว, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน ¶ มหคฺคเตน อปฺปมาเณน ¶ อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย; เอวเมว โข, มาณว…เป… เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. อยมฺปิ โข, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค’’ติ.
๔๗๒. เอวํ วุตฺเต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. หนฺท, จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มาณว, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
เตน โข ปน สมเยน ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถน [วฬภีรเถน (สี.)] สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวา ทิวสฺส. อทฺทสา โข ชาณุสฺโสณิ ¶ พฺราหฺมโณ สุภํ มาณวํ โตเทยฺยปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สุภํ มาณวํ โตเทยฺยปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ภวํ ภารทฺวาโช อาคจฺฉติ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโต หิ โข อหํ, โภ ¶ , อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ภวํ ภารทฺวาโช, สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ปณฺฑิโต มฺเติ’’? ‘‘โก ¶ จาหํ, โภ, โก จ สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ¶ ชานิสฺสามิ? โสปิ นูนสฺส ตาทิโสว โย สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยา’’ติ. ‘‘อุฬาราย ขลุ, ภวํ ภารทฺวาโช, สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติ. ‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณํ โคตมํ ปสํสิสฺสามิ? ปสตฺถปสตฺโถว โส ภวํ โคตโม เสฏฺโ เทวมนุสฺสานํ. เย จิเม, โภ, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย; จิตฺตสฺเสเต สมโณ โคตโม ปริกฺขาเร วเทติ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสตา วฬวาภิรถา โอโรหิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ลาภา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, สุลทฺธลาภา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ยสฺส วิชิเต ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.
สุภสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. สงฺคารวสุตฺตํ
๔๗๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน ธนฺชานี [ธานฺชานี (สี. ปี.)] นาม พฺราหฺมณี จฺจลิกปฺเป [มณฺฑลกปฺเป (สี.), ปจฺจลกปฺเป (สฺยา. กํ.), จณฺฑลกปฺเป (ปี.)] ปฏิวสติ อภิปฺปสนฺนา พุทฺเธ จ ธมฺเม จ สงฺเฆ จ. อถ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี อุปกฺขลิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ ¶ .
เตน โข ปน สมเยน สงฺคารโว นาม มาณโว จฺจลิกปฺเป ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ¶ , ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อสฺโสสิ โข สงฺคารโว มาณโว ธนฺชานิยา พฺราหฺมณิยา เอวํ วาจํ ภาสมานาย. สุตฺวา ธนฺชานึ พฺราหฺมณึ เอตทโวจ – ‘‘อวภูตาว อยํ [อวภูตา จยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธนฺชานี พฺราหฺมณี, ปรภูตาว อยํ [ปราภูตา จยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธนฺชานี พฺราหฺมณี, วิชฺชมานานํ (เตวิชฺชานํ) [( ) สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] พฺราหฺมณานํ, อถ จ ปน ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสิสฺสตี’’ติ [ภาสตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี)]. ‘‘น หิ ปน ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตสฺส ภควโต สีลปฺาณํ ชานาสิ. สเจ ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตสฺส ภควโต สีลปฺาณํ ชาเนยฺยาสิ, น ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตํ ภควนฺตํ อกฺโกสิตพฺพํ ปริภาสิตพฺพํ มฺเยฺยาสี’’ติ. ‘‘เตน หิ, โภติ, ยทา สมโณ โคตโม จฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต โหติ อถ ¶ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภทฺรมุขา’’ติ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี สงฺคารวสฺส มาณวสฺส ปจฺจสฺโสสิ.
อถ โข ภควา โกสเลสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน จฺจลิกปฺปํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา จฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน. อสฺโสสิ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี – ‘‘ภควา กิร จฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต, จฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน’’ติ. อถ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี เยน สงฺคารโว มาณโว เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา สงฺคารวํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ตาต ภทฺรมุข, โส ภควา จฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต, จฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน. ยสฺสทานิ, ตาต ภทฺรมุข, กาลํ มฺสี’’ติ.
๔๗๔. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สงฺคารโว มาณโว ธนฺชานิยา พฺราหฺมณิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ ¶ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺติ โข, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ. ตตฺร, โภ โคตม, เย ¶ เต สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสํ ภวํ โคตโม กตโม’’ติ? ‘‘ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตานํ, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺตานมฺปิ ¶ โข อหํ, ภารทฺวาช, เวมตฺตํ วทามิ. สนฺติ, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา อนุสฺสวิกา. เต อนุสฺสเวน ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ; เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณา เตวิชฺชา. สนฺติ ปน, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกวลํ สทฺธามตฺตเกน ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ; เสยฺยถาปิ ตกฺกี วีมํสี. สนฺติ, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิฺาย ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ. ตตฺร, ภารทฺวาช, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิฺาย ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสาหมสฺมิ. ตทมินาเปตํ, ภารทฺวาช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิฺาย ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสาหมสฺมิ.
๔๗๕. ‘‘อิธ เม, ภารทฺวาช, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, อปเรน ¶ สมเยน ทหโรว สมาโน สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ¶ ปเมน วยสา อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา. ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ ¶ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน ‘าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ, ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ; อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ ¶ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ¶ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ ¶ . อิติ ยาทิโส อหํ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อตฺตโน อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๔๗๖. ‘‘โส โข อหํ, ภารทฺวาช, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๗๘ ปาสราสิสุตฺเต], อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา. ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน ‘าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ, ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ; อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ. อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข รามสฺเสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามสฺเสว อโหสิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรามีติ ปเวเทสิ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ ¶ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ. อิติ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ. อิติ โข, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺาเน มํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสฺานาสฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๔๗๗. ‘‘โส โข อหํ, ภารทฺวาช, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวฬา เสนานิคโม ตทวสรึ. ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑํ, นทิฺจ สนฺทนฺตึ เสตกํ สุปติตฺถํ รมณียํ, สมนฺตา ¶ จ โคจรคามํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นที จ สนฺทติ เสตกา สุปติตฺถา รมณียา, สมนฺตา จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ ¶ . โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตตฺเถว นิสีทึ – ‘อลมิทํ ปธานายา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, ตฺจ ¶ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ อวูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน จปิ เต ¶ โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ปมา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๔๗๘. ‘‘อปราปิ โข มํ, ภารทฺวาช, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, กิฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ¶ ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต ¶ โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๔๗๙. ‘‘อปราปิ ¶ โข มํ, ภารทฺวาช, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, โภ โคตม, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, ตฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ¶ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. อิมา โข มํ, ภารทฺวาช, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๔๘๐. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺเหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
๔๘๑. ‘‘ตสฺส ¶ ¶ มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมตฺโต สทฺโท โหติ, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส, ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต ¶ จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ ¶ , อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน สีเส สีสเวํ ทเทยฺย, เอวเมว โข, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา ¶ วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ ¶ , ภารทฺวาช, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ ¶ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺจา ¶ เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลงฺกโรตี’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นาปิ กาลงฺกโรติ; อรหํ สมโณ โคตโม, วิหาโรตฺเวว โส อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺเชยฺย’นฺติ. อถ โข มํ, ภารทฺวาช, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ. สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม. ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘อหฺเจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ ปฏิชาเนยฺยํ, อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรยฺยุํ, ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ. ตํ มมสฺส มุสา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ, ‘หล’นฺติ วทามิ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ ปสตํ ปสตํ ¶ , ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูส’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสึ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ¶ , ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, โถกํ โถกํ อาหารํ ¶ อาหารยโต ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ; ยาวสฺสุ เม, ภารทฺวาช, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช ¶ , ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, อิมเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติ; ยาวสฺสุ เม, ภารทฺวาช, ตาว ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
๔๘๒. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยึสุ ¶ , เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย; เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย; เยปิ หิ เกจิ ¶ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย. น โข ปนาหํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ. สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’ติ ¶ ? ตสฺส มยฺหํ ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสินฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา. สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, สตานุสาริ วิฺาณํ อโหสิ – ‘เอเสว มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.
๔๘๓. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน. ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาส’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ. เตน โข ปน มํ, ภารทฺวาช, สมเยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ – ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติ. ยโต โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมึสุ – ‘พาหุลฺลิโก สมโณ โคตโม ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลายา’ติ.
‘‘โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา พลํ ¶ คเหตฺวา วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ ¶ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ¶ ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๔๘๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ ¶ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ…เป… อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา ¶ วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต’’ติ.
๔๘๕. เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อฏฺิตวตํ [อฏฺิต วต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โภโต โคตมสฺส ปธานํ อโหสิ, สปฺปุริสวตํ [สปฺปุริส วต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โภโต โคตมสฺส ปธานํ อโหสิ; ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. กึ นุ โข, โภ โคตม, อตฺถิ เทวา’’ติ [อธิเทวาติ (ก.) เอวํ สพฺเพสุ ‘อตฺถิ เทวา’ติปเทสุ]? ‘‘านโส เมตํ [โข ปเนตํ (สฺยา. กํ. ก.)], ภารทฺวาช, วิทิตํ ยทิทํ – อธิเทวา’’ติ [อตฺถิ เทวาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อติเทวาติ (?) เอวํ สพฺเพสุ ‘อธิเทวา’ติปเทสุ]. ‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ‘อตฺถิ เทวา’ติ ปุฏฺโ สมาโน ‘านโส เมตํ, ภารทฺวาช ¶ , วิทิตํ ยทิทํ อธิเทวา’ติ วเทสิ. นนุ, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต ตุจฺฉา มุสา โหตี’’ติ? ‘‘‘อตฺถิ เทวา’ติ, ภารทฺวาช, ปุฏฺโ สมาโน ‘อตฺถิ เทวา’ติ ¶ โย วเทยฺย, ‘านโส เม วิทิตา’ติ [านโส วิทิตา เม วิทิตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), านโส เม วิทิตา อติเทวาติ (?)] โย วเทยฺย; อถ ขฺเวตฺถ วิฺุนา ปุริเสน เอกํเสน นิฏฺํ คนฺตพฺพํ [คนฺตุํ (ก.), คนฺตุํ วา (สฺยา. กํ.)] ยทิทํ – ‘อตฺถิ เทวา’’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน เม ภวํ โคตโม อาทิเกเนว น พฺยากาสี’’ติ [โคตโม อาทิเกเนว พฺยากาสีติ (ก.), โคตโม อตฺถิ เทวาติ น พฺยากาสีติ (?)]? ‘‘อุจฺเจน สมฺมตํ โข เอตํ, ภารทฺวาช, โลกสฺมึ ยทิทํ – ‘อตฺถิ เทวา’’’ติ.
๔๘๖. เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ¶ ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ¶ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
สงฺคารวสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
พฺราหฺมณวคฺโค นิฏฺิโต ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
พฺรหฺมายุ เสลสฺสลายโน, โฆฏมุโข จ พฺราหฺมโณ;
จงฺกี เอสุ ธนฺชานิ, วาเสฏฺโ สุภคารโวติ.
อิทํ วคฺคานมุทฺทานํ –
วคฺโค คหปติ ภิกฺขุ, ปริพฺพาชกนามโก;
ราชวคฺโค พฺราหฺมโณติ, ปฺจ มชฺฌิมอาคเม.
มชฺฌิมปณฺณาสกํ สมตฺตํ.