📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มชฺฌิมปณฺณาสฏีกา
๑. คหปติวคฺโค
๑. กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา
๑. อารามโปกฺขรณีอาทีสูติ ¶ ¶ อารามโปกฺขรณีอุยฺยานเจติยฏฺานาทีสุ. อุสฺสนฺนาติ พหุลา. อโสกกณิการโกวิฬารกุมฺภีราชรุกฺเขหิ สมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิตนฺติ ทฏฺพฺพํ, น จมฺปกรุกฺขานํเยว นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมตายาติ วทนฺติ. ภควา กุสุมคนฺธสุคนฺเธ จมฺปกวเน วิหรตีติ อิมินา น มาปนกาเล เอว ตสฺมึ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเคปีติ ทสฺเสติ. ‘‘ปฺจสตมตฺเตหิ อฑฺฒเตฬเสหี’’ติ เอวํ อทสฺสิตปริจฺเฉเทน. หตฺถิโน จาเรติ สิกฺขาเปตีติ หตฺถาจริโย หตฺถีนํ สิกฺขาปโก, ตสฺส ปุตฺโตติ อาห ‘‘หตฺถาจริยสฺส ปุตฺโต’’ติ. ตทา ภควา เตสํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ อนิคุหิตฺวาว นิสินฺโนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉพฺพณฺณานํ ฆนพุทฺธรสฺมีน’’นฺติอาทิมาห. ภควโต เจว คารเวนาติ ภควโต ครุภาเวน, ภควติ คารเวนาติ วา ปาโ.
นิจฺจํ ¶ น โหตีติ อภิณฺหํ น โหติ, กทาจิเทว โหตีติ อตฺโถ. อภิณฺหนิจฺจตา หิ อิธ อธิปฺเปตา, น กูฏฏฺนิจฺจตา. โลเก กิฺจิ วิมฺหยาวหํ ทิสฺวา หตฺถวิการมฺปิ กโรนฺติ, องฺคุลึ วา โผฏยนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ ‘‘อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺต’’นฺติ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อยํ นิรุตฺตินโย เยภุยฺเยน อุปาทาย รุฬฺหีวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘เยปิ เต, โภ โคตม, อเหสุํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, กิฺจิ อกตฺตพฺพมฺปิ กริยมานํ ทุกฺกรภาเวน วิมฺหยาวหํ โหติ, ตถา กิฺจิ กตฺตพฺพํ, ปุริมํ ครหจฺฉริยํ, ปจฺฉิมํ ปสํสจฺฉริยํ, ตทุภยํ สุตฺตปทโส ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สมฺมา ปฏิปาทิโตติ สมฺมาปฏิปทายํ ปิโต. เอสา ปฏิปทา ปรมาติ เอตปรมํ, ภาวนปุํสกนิทฺเทโสยํ ยถา ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐). อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภควา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปทาย ตุมฺเหหิ ปฏิปาทิโต, อตีเตปิ กาเล พุทฺธา เอตปรมํเยว ภิกฺขุสงฺฆํ สมฺมา ปฏิปาเทสุํ, อนาคเตปิ กาเล เอตปรมํเยว ภิกฺขุสงฺฆํ สมฺมา ปฏิปาเทสฺสนฺตีติ ปริพฺพาชโก นยคฺคาเหน ทิฏฺเน อทิฏฺํ อนุมินนฺโต สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย สมสมํ กตฺวา ทสฺเสติ, เอวํ ทสฺเสนฺโต จ เตสํ สุธมฺมตฺจ ตถา ทสฺเสติ เอวาติ เวทิตพฺโพ, พุทฺธสุพุทฺธตา ปน เนสํ สรูเปเนว ทสฺสิตาติ. น อิโต ภิยฺโยติ อิมินา ปาฬิยํ เอตปรมํเยวาติ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทสฺเสติ สีลปทฏฺานตฺตา สมาธิสฺส, สมาธิปทฏฺานตฺตา จ ปฺาย สีเลปิ จ อภิสมาจาริกปุพฺพกตฺตา อาทิพฺรหฺมจริยกสฺส วุตฺตํ ‘‘อาภิสมาจาริกวตฺตํ อาทึ กตฺวา’’ติ.
๒. ปุจฺฉานุสนฺธิอาทีสุ อนนฺโตคธตฺตา ‘‘ปาฏิเอกฺโก อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปสนฺตการณนฺติ อุปสนฺตภาวการณํ. ตฺหิ อริยานํเยว วิสโย, ตตฺถาปิ จ พุทฺธานํ เอว อนวเสสโต วิสโยติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ ทสฺเสตุํ น หิ ตฺวนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ าตตฺถจริยา กากชาตกาทิวเสน เวทิตพฺพา, โลกตฺถจริยา ตํตํปารมิปูรณวเสน, พุทฺธตฺถจริยา มหาโพธิชาตกาทิวเสน. อจฺฉริยํ โภ โคตมาติอาทินา กนฺทรเกน กตํ ปสาทปเวทนํ ทสฺเสติ.
เยปิ เตติอาทินา เตน วุตฺตมตฺถํ ปจฺจนุภาสนฺเตน ภควตา สมฺปฏิจฺฉิตนฺติ จริตตฺตา อาห – ‘‘สนฺติ หิ กนฺทรกาติ อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธี’’ติ ¶ . โย หิ กนฺทรเกน ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปสนฺตภาโว กิตฺติโต, ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโตปิ เตน อปุจฺฉิโตเยว อตฺตโน อชฺฌาสเยน ภควา ‘‘สนฺติ หี’’ติอาทินา เทสนํ อารภิ. เตนาห ‘‘ภควโต กิร เอตทโหสี’’ ¶ ติอาทิ. กปฺเปตฺวาติ อฺถา สนฺตเมว อตฺตานํ อฺถา วิธาย. ปกปฺเปตฺวาติ สนิทสฺสนวเสน คเหตฺวา. เตนาห ‘‘กุหกภาเวนา’’ติอาทิ. ปฏิปทํ ปูรยมานาติ กามํ อวิเสเสน เสกฺขา วุจฺจนฺติ, เต ปน อธิคตมคฺควเสน ‘‘ปูรยมานา’’ติ น วตฺตพฺพา กิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา. มคฺโค หิ เอกจิตฺตกฺขณิโกติ อาห ‘‘อุปริมคฺคสฺส วิปสฺสนาย อุปสนฺตา’’ติ. อิโต มุตฺตาติ มคฺเคนาคตูปสมโต มุตฺตา. กลฺยาณปุถุชฺชเน สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘จตูหิ สติปฏฺาเนหิ อุปสนฺตา’’ติ.
สตตสีลาติ อวิจฺฉินฺนสีลา. สาติสโย หิ เอเตสํ สีลสฺส อขณฺฑาทิภาโว. สุปริสุทฺธสีลตาวเสน สนฺตตา วุตฺติ เอเตสนฺติ สนฺตตวุตฺติโนติ อาห ‘‘ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. เอวํ สีลวุตฺติวเสน ‘‘สนฺตตวุตฺติโน’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ชีวิตวุตฺติวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺตตชีวิกาวาติ อตฺโถ’’ติ อาห. สาสนสฺส ชีวิตวุตฺติ สีลสนฺนิสฺสิตา เอวาติ อาห ‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทิ.
นิปยติ วิโสเสติ ราคาทิสํกิเลสํ, ตโต วา อตฺตานํ นิปาตีติ นิปโก, ปฺวา. เตนาห ‘‘ปฺวนฺโต’’ติ. ปฺาย ตฺวา ชีวิกากปฺปนํ นาม พุทฺธปฏิกุฏฺมิจฺฉาชีวํ ปหาย สมฺมาชีเวน ชีวนนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา เอกจฺโจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) ตํสํวณฺณนายฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. รถวินีตปฏิปทาทโย เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. อิโต อฺตฺถ มหาโคปาลกสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๖ อาทโย) โลกุตฺตรสติปฏฺานา กถิตาติ อาห – ‘‘อิธ ปน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สติปฏฺานา กถิตา’’ติ, สติปฏฺานสุตฺเตปิ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย) โวมิสฺสกาว กถิตาติ. เอตฺตเกนาติ เอตฺตกาย เทสนาย.
๓. การกภาวนฺติ ¶ ปฏิปตฺติยํ ปฏิปชฺชนกภาวํ. มยมฺปิ นาม คิหี พหุกิจฺจา สมานา กาเลน กาลํ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา วิหราม, กิมงฺคํ ปน วิเวกวาสิโนติ อตฺตโน การกภาวํ ปเวเทนฺโต เอวํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อุกฺขิปติ. เตนาห ‘‘อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย’’ติอาทิ. นานารมฺมเณสุ อปราปรํ อุปฺปชฺชมานานํ ราคาทิกิเลสานํ ฆนชฏิตสงฺขาตากาเรน ปวตฺติ กิเลสคหเนน คหนตา, เตนาห ‘‘อนฺโต ชฏา พหิ ชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒). มนุสฺสานํ อชฺฌาสยคหเณน สาเยฺยมฺปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กสฏสาเยฺเยสุปิ เอเสว นโย’’ติ. ยถา สปฺปิมธุผาณิตาทีสุ กจวรภาโว, ¶ โส กสโฏติ วุจฺจติ, เอวํ สนฺตาเน อปริสุทฺโธ สํกิเลสภาโว กสฏนฺติ อาห ‘‘อปริสุทฺธฏฺเน กสฏตา’’ติ. อตฺตนิ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ เกราฏิยฏฺโ. ชานาตีติ ‘‘อิทํ อหิตํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หิตํ เสวิตพฺพ’’นฺติ วิจาเรติ เทเสติ. วิจารณตฺโถปิ หิ โหติ ชานาติ-สทฺโท ยถา ‘‘อายสฺมา ชานาตี’’ติ. สพฺพาปิ…เป… อธิปฺเปตา ‘‘ปสุปาลกา’’ติอาทีสุ วิย. อิธ อนฺตร-สทฺโท ‘‘วิชฺชนฺตริกายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) วิย ขณตฺโถติ อาห ‘‘ยตฺตเกน ขเณนา’’ติ. เตนาติ หตฺถินา. ตานีติ สาเยฺยาทีนิ.
อตฺถโต กายจิตฺตุชุกตาปฏิปกฺขภูตาว โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติอาการวิเสสาติ ตานิ ปวตฺติอากาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺสาติ ปาณภูตสฺส อสฺสสฺส วา หตฺถิโน วา. สฺสามีติ ตตฺเถว สปฺปฏิภเย าเน คนฺตฺวา สฺสามีติ น โหติ. อิมสฺส สาเยฺยตาย ปากฏกรณํ วฺจนาธิปฺปายภาวโต. ตถา หิ จตูสุ าเนสุ ‘‘วฺเจตฺวา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, นิคุหนฺโต ปน ตตฺเถว คนฺตฺวา ติฏฺเยฺย. เอส นโย เสเสสุปิ. ปฏิมคฺคํ อาโรหิตุกามสฺสาติ อาคตมคฺคเมว นิวตฺติตฺวา คนฺตุกามสฺส. เลณฺฑวิสฺสชฺชนาทีสุ กาลนฺตราเปกฺขาภาวํ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา อุปสํหรติ.
อนฺโตชาตกาติ อตฺตโน ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตา. ธนกฺกีตาติ ธนํ ทตฺวา ทาสภาเวน คหิตา. กรมรานีตาติ ทาสภาเวน กรมรคฺคาหคหิตา. ทาสพฺยนฺติ ทาสภาวํ. เปสฺสาติ อทาสา เอว หุตฺวา เวยฺยาวจฺจกรา. อิมํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อิมํ อตฺตโน หตฺถคตํ วิสฺสชฺเชตฺวา. อิมํ ¶ คณฺหนฺตาติ อิมํ ตสฺส หตฺถคตํ คณฺหนฺตา. สมฺมุขโต อฺถา ปรมฺมุขกาเล กายวาจาสมุทาจารทสฺสเนเนว จิตฺตสฺส เนสํ อฺถา ิตภาโว นิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ.
๔. อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธีติ เอตฺถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยเนว อนุสนฺธิโยชนา เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. จตุตฺโถ หิตปฏิปทํ ปฏิปนฺโนติ โยชนา. ปุคฺคลสีเสน ปุคฺคลปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุคฺคเล ปหายา’’ติ อาห. ปฏิปตฺติ หิ อิธ ปหาตพฺพา, น ปุคฺคลา. ยถา อสฺสทฺธาทิปุคฺคลปริวชฺชเนน สทฺธินฺทฺริยาทิภาวนา อิชฺฌนฺติ, เอวํ มิจฺฉาปฏิปนฺนปุคฺคลปริวชฺชเนน มิจฺฉาปฏิปทา วชฺชิตพฺพาติ อาห – ‘‘ปุริเม ตโย ปุคฺคเล ปหายา’’ติ. จตุตฺถปุคฺคลสฺสาติ อิมสฺมึ จตุกฺเก วุตฺตจตุตฺถปุคฺคลสฺส หิตปฏิปตฺติยํเยว ปฏิปาเทมิ ปวตฺเตมีติ ทสฺเสนฺโต. สนฺตาติ สมํ วินาสํ นิโรธํ ปตฺตาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘นิรุทฺธา สนฺตาติ วุตฺตา’’ติ. ปุน สนฺตาติ ภาวนาวเสน กิเลสปริฬาหวิคมโต สนฺตาติ ¶ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘นิพฺพุตา’’ติ. สนฺตาติ อาเนตฺวา โยชนา. สนฺโต หเวติ เอตฺถ สมภาวกเรน สาธุภาวสฺส วิเสสปจฺจยภูเตน ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา อริยา ‘‘สนฺโต’’ติ วุตฺตาติ อาห – ‘‘สนฺโต หเว…เป… ปณฺฑิตา’’ติ.
อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๑๙๘) อตฺตภาโว, อิธ ปน โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา, ตํ อตฺตานํ. ปรนฺติ อตฺตโต อฺํ. ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา ชิฆจฺฉาเหตุตาย. อนฺโต ตาปนกิเลสานนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน อตฺตปริฬาหชนนสนฺตปฺปนกิเลสานํ. จิตฺตํ อาราเธตีติ จิตฺตํ ปสาเทติ, สมฺปหํเสตีติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ตถาภูโต จิตฺตํ สมฺปาเทนฺโต อชฺฌาสยํ คณฺหนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตํ สมฺปาเทตี’’ติอาทิ.
๕. ทุกฺขํ ปฏิกฺกูลํ เชคุจฺฉํ เอตสฺสาติ ทุกฺขปฏิกฺกูโล ตํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ. วิเสสนวิเสสิตพฺพตา หิ กามจารา. อฏฺกถายํ ปน ทุกฺขสฺส วิเสสิตพฺพตํ สนฺธาย พาหิรตฺถสมาสํ อนาทิยิตฺวา ‘‘ทุกฺขสฺส ปฏิกฺกูล’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. เยน หิ ภาเคน ปุริสสฺส ทุกฺขํ ปฏิกฺกูลํ, เตน ทุกฺขสฺส ปุริโสปีติ. เตนาห – ‘‘ปจฺจนีกสณฺิต’’นฺติ.
๖. จตูหิ ¶ การเณหีติ ธาตุกุสลตาทีหิ จตูหิ การเณหิ. กมฺมํ กโรตีติ โยคกมฺมํ กโรติ. ยสฺมา สมฺพุทฺธา ปเรสํ มคฺคผลาธิคมาย อุสฺสาหชาตา, ตตฺถ นิรนฺตรํ ยุตฺตปฺปยุตฺตา เอว โหนฺติ, เต ปฏิจฺจ เตสํ อนฺตราโย น โหติเยวาติ อาห ‘‘น ปน พุทฺเธ ปฏิจฺจา’’ติ. กิริยปริหานิยา เทสกสฺส ตสฺเสว วา ปุคฺคลสฺส ตชฺชปโยคาภาวโต. ‘‘เทสกสฺส วา’’ติ อิทํ สาวกานํ วเสน ทฏฺพฺพํ. มหตา อตฺเถนาติ เอตฺถ อตฺถ-สทฺโท อานิสํสปริยาโยติ อาห ‘‘ทฺวีหิ อานิสํเสหี’’ติ. ปสาทํ ปฏิลภติ ‘‘อรหนฺโต’’ติอาทินา สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา สุตตฺตา. อภินโว นโย อุทปาทิ สนฺตตสีลตาทิวเสน อนตฺตนฺตปตาทิวเสน, โสปิ ตํ สุตฺวา ทาสาทีสุ สวิเสสํ ลชฺชี ทยาปนฺโน หิตานุกมฺปี หุตฺวา เสกฺขปฏิปทํ สีลํ สาเธนฺโต อนุกฺกเมน สติปฏฺานภาวนํ ปริพฺรูเหติ. เตนาห ภควา ‘‘มหตา อตฺเถน สํยุตฺโต’’ติ.
๘. ปเรสํ หนนฆาตนาทินา โรทาปนโต ลุทฺโท, ตถา วิฆาตกภาเวน กายจิตฺตานํ วิทารณโต ทารุโณ, วิรุทฺธวาทตาย กกฺขโฬ, พนฺธนาคาเร นิยุตฺโต พนฺธนาคาริโก.
๙. ขตฺติยาภิเสเกนาติ ¶ ขตฺติยานํ กตฺตพฺพอภิเสเกน. สนฺถาคารนฺติ สนฺถารวเสน กตํ อคารํ ยฺาวาฏํ. สปฺปิเตเลนาติ สปฺปิมเยน เตเลน, ยมกสฺเนเหน หิ ตทา กายํ อพฺภฺชติ. วจฺฉภาวํ ตริตฺวา ิโต วจฺฉตโร. ปริกฺเขปกรณตฺถายาติ วนมาลาหิ สทฺธึ ทพฺเภหิ เวทิยา ปริกฺเขปนตฺถาย. ยฺภูมิยนฺติ อวเสสยฺฏฺาเน. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
กนฺทรกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. อฏฺกนาครสุตฺตวณฺณนา
๑๗. อวิทูเรติ ¶ ¶ อิมินา ปาฬิยํ ‘‘เวสาลิย’’นฺติ อิทํ สมีเป ภุมฺมวจนนฺติ ทสฺเสติ. สารปฺปตฺตกุลคณนายาติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๑.๑๖) มหาสารมหปฺปตฺตกุลคณนาย. ทสเม าเนติ อฺเ อฺเติ ทสคณนฏฺาเน. อฏฺกนคเร ชาโต ภโว อฏฺกนาคโร. กุกฺกุฏาราโมติ ปาฏลิปุตฺเต กุกฺกุฏาราโม, น โกสมฺพิยํ.
๑๘. ปกตตฺถนิทฺเทโส ต-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต อธิคโต สุปากโฏ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนียปฏิปทาย อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. สติปิ าณทสฺสน-สทฺทานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เตสํ วิสยวิเสเส ปวตฺติทสฺสนตฺถํ อสาธารณาณวิเสสวเสน วิชฺชาตฺตยวเสน วิชฺชาอภิฺานาวรณาณวเสน สพฺพฺุตาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ ตทตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยาเณน สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ. ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาเณหิ. ปฏิเวธปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. เทสนาปฺาย ปสฺสตาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ โพธเนยฺยปุคฺคลานฺจ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเภทํ ธมฺมเทสนาปฺาย ยาถาวโต ปสฺสตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจวิธมารานํ วา, สาสนสฺส วา ปจฺจตฺถิกานํ อฺติตฺถิยานํ เตสํ ปน หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฏิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขนเมว วา, เกสิวินยสุตฺตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ.
ตถา านาฏฺานาทิวิภาคํ ชานตา ยถากมฺมูปคสตฺเต ปสฺสตา, สวาสนานํ อาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทิวเสน ติณฺณํ กมฺมานํ าณานุปริวตฺติโต นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, ทวาทีนํ อภาวสาธิกาย ¶ ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอวํ ทสพลอฏฺารสอาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา กาตพฺพา.
๑๙. อภิสงฺขตนฺติ ¶ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภิสมฺมุขภาเวน สเมจฺจ สมฺภูยฺย กตํ, สฺวสฺส กตภาโว อุปฺปาทเนน เวทิตพฺโพ, น อุปฺปนฺนสฺส ปฏิสงฺขรเณนาติ อาห ‘‘อุปฺปาทิต’’นฺติ. เต จสฺส ปจฺจยา เจตนาปธานาติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ‘‘เจตยิตํ ปกปฺปิต’’นฺติ อตฺถมาห. อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตนฺติ จ ฌานสฺส ปาตุภาวทสฺสนมุเขน วิทฺธํสนภาวํ อุลฺลิงฺเคติ ยฺหิ อหุตฺวา สมฺภวติ, ตํ หุตฺวา ปฏิเวติ. เตนาห ปาฬิยํ ‘อภิสงฺขต’นฺติอาทิ. สมถวิปสฺสนาธมฺเม ิโตติ สมถธมฺเม ิตตฺตา สมาหิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสฺาทโย ปชหนฺโต อนุกฺกเมน ตํ อนุโลมาณํ ปาเปตา หุตฺวา วิปสฺสนาธมฺเม ิโต. สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ รฺชนฏฺเน ราโค, นนฺทนฏฺเน นนฺทีติ. ตตฺถ สุขุมา อเปกฺขา วุตฺตา, ยา ‘‘นิกนฺตี’’ติ วุจฺจติ.
เอวํ สนฺเตติ เอวํ ยถารุตวเสน จ อิมสฺส สุตฺตปทสฺส อตฺเถ คเหตพฺเพ สติ. สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพติ อนาคามิผลํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตทตฺถาย สมถวิปสฺสนาปิ อนิพฺพตฺเตตฺวา เกวลํ ตตฺถ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพ ภวิสฺสติ. กสฺมา? เตสุ สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ ฉนฺทราคมตฺเตน อนาคามินา ลทฺธพฺพสฺส อลทฺธานาคามิผเลน ลทฺธพฺพตฺตา ตถา สติ เตน อนาคามิผลมฺปิ ลทฺธพฺพเมว นาม โหติ. เตนาห – ‘‘อนาคามิผลํ ปฏิวิทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ. สภาวโต รสิตพฺพตฺตา อวิปรีโต อตฺโถ เอว อตฺถรโส. อฺาปิ กาจิ สุคติโยติ วินิปาติเก สนฺธายาห. อฺาปิ กาจิ ทุคฺคติโยติ อสุรกายมาห.
สมถธุรเมว ธุรํ สมถยานิกสฺส วเสน เทสนาย อาคตตฺตา. มหามาลุกฺโยวาเท ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ ปาทกชฺฌานํ กตฺวา ‘‘โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคต’’นฺติอาทินา วิปสฺสนํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ¶ ปาปุณาตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๓) อาคตตฺตา ‘‘มหามาลุกฺโยวาเท วิปสฺสนาว ธุร’’นฺติ อาห. มหาสติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๓ อาทโย; ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย) สพฺพตฺถกเมว ติกฺขตราย วิปสฺสนาย อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนุตฺตรํ กถิต’’นฺติ. กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๓-๑๕๔) อานาปานชฺฌานาทิวเสน สวิเสสํ สมถวิปสฺสนาย อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สมถุตฺตรํ กถิต’’นฺติ.
อปฺปํ ยาจิเตน พหุํ เทนฺเตน อุฬารปุริเสน วิย เอกํ ธมฺมํ ปุจฺฉิเตน ‘‘อยมฺปิ เอกธมฺโม’’ติ ¶ กถิตตฺตา เอกาทสปิ ธมฺมา ปุจฺฉาวเสน เอกธมฺโม นาม ชาโต ปจฺเจกํ วากฺยปริสมาปนาเยน. เอกวีสติ ปพฺพานิ เตหิ โพธิยมานาย ปฏิปทาย เอกรูปตฺตา ปฏิปทาวเสน เอกธมฺโม นาม ชาโตติ. อิธ อิมสฺมึ อฏฺกนาครสุตฺเต. เนวสฺานาสฺายตนธมฺมานํ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตาย ตตฺถ สาวกานํ ทุกฺกรนฺติ น จตุตฺถารุปฺปวเสเนตฺถ เทสนา อาคตาติ จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานํ, เหฏฺิมานํ ติณฺณํ อารุปฺปานฺจ วเสน เอกาทส. ปุจฺฉาวเสนาติ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, เตน…เป… สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘) เอวํ ปวตฺตปุจฺฉาวเสน. อมตุปฺปตฺติยตฺเถนาติ อมตภาวสฺส อุปฺปตฺติเหตุตาย, สพฺพานิปิ กมฺมฏฺานานิ เอกรสมฺปิ อมตาธิคมปฏิปตฺติยาติ อตฺโถ, เอวเมตฺถ อคฺคผลภูมิ อนาคามิผลภูมีติ ทฺเวว ภูมิโย สรูปโต อาคตา, นานนฺตริยตาย ปน เหฏฺิมาปิ ทฺเว ภูมิโย อตฺถโต อาคตา เอวาติ ทฏฺพฺพา.
๒๑. ปฺจ สตานิ อคฺโฆ เอตสฺสาติ ปฺจสตํ. เสสํ อุตฺตานเมว.
อฏฺกนาครสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. เสขสุตฺตวณฺณนา
๒๒. สนฺถาคารนฺติ ¶ อตฺถานุสาสนาคารํ. เตนาห – ‘‘อุยฺโยคกาลาทีสู’’ติอาทิ. อาทิ-สทฺเทน มงฺคลมหาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สนฺถมฺภนฺตีติ วิสฺสมนฺติ, ปริสฺสมํ วิโนเทนฺตีติ อตฺโถ. สหาติ สนฺนิเวสวเสน ¶ เอกชฺฌํ. สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ ตฺถ-การสฺส นฺถ-การํ กตฺวา สนฺถาคารนฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สนฺถรนฺตีติ สมฺมนฺตนวเสน ติฏฺนฺติ.
เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสตีติ พุทฺธวจนสฺส อาคมนสีเสน อริยผลธมฺมานมฺปิ อาคมนํ วุตฺตเมว, ติยามรตฺตึ ตตฺถ วสนฺตานํ ผลสมาปตฺติวฬฺชนํ โหตีติ. ตสฺมิฺจ ภิกฺขุสงฺเฆ กลฺยาณปุถุชฺชนา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา โหนฺตีติ เจ? อริยมคฺคธมฺมานํ ตตฺถ อาคมนํ โหติเยว.
อลฺลโคมเยนาติ อจฺเฉน อลฺลโคมยรเสน. โอปฺุฉาเปตฺวาติ วิลิมฺปิตฺวา. จตุชฺชาติยคนฺเธหีติ ตครกุงฺกุมยวนปุปฺผตมาลปตฺตานิ ปิสิตฺวา กตคนฺเธหิ นานาวณฺเณติ นีลาทิวเสน นานาวณฺเณ, น ภิตฺติวิเสสวเสน. ภิตฺติวิเสสวเสน ปน นานาสณฺานรูปเมว. มหาปิฏฺิกโกชวเกติ หตฺถิปิฏฺีสุ อตฺถริตพฺพตาย มหาปิฏฺิกาติ ลทฺธสมฺเ โกชเวติ วทนฺติ. กุตฺตเก ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ หตฺถตฺถรณา หตฺถิรูปวิจิตฺตา. อสฺสตฺถรกสีหตฺถรกาทโยปิ อสฺสสีหรูปาทิวิจิตฺตา เอว อตฺถรกา, จิตฺตตฺถรกํ นานารูเปหิ เจว นานาวิธมาลากมฺมาทีหิ จ วิจิตฺตํ อตฺถรกํ.
อุปธานนฺติ อปสฺสยนํ อุปทหิตฺวาติ อปสฺสยโยคฺคภาเวน เปตฺวา คนฺเธหิ กตมาลา คนฺธทามํ, ตมาลปตฺตาทีหิ กตํ ปตฺตทามํ. อาทิ-สทฺเทน หิงฺคุลตกฺโกลชาติผลชาติปุปฺผาทีหิ กตทามํ สงฺคณฺหาติ. ปลฺลงฺกากาเรน กตปีํ ปลฺลงฺกปีํ, ตีสุ ปสฺเสสุ, เอกปสฺเส เอว วา สอุปสฺสยํ อปสฺสยปีํ, อนปสฺสยํ มุณฺฑปีํ โยชนาวฏฺเฏติ โยชนปริกฺเขเป.
สํวิธายาติ อนฺตรวาสกสฺส โกณปเทสฺจ อิตรปเทสฺจ สมํ กตฺวา วิธาย. เตนาห – ‘‘กตฺตริยา ปทุมํ กนฺตนฺโต วิยา’’ติ ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺโตติ เอตฺถ จ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปสมฺปทา วิย อากปฺปสมฺปทาปิ ปรมุกฺกํสคตา, ตสฺมา ตทา ภควา เอวํ โสภตีติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุวณฺณปามงฺเคนา’’ติอาทิมาห, ตตฺถ อสเมน พุทฺธเวเสนาติอาทินา ¶ ตทา ภควา พุทฺธานุภาวสฺส นิคุหเณ การณาภาวโต ตตฺถ สนฺนิปติตเทวมนุสฺสนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีนํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน สภาวปกติกิริยาเยว กปิลวตฺถุํ ปาวิสีติ ทสฺเสติ. พุทฺธานํ กายปฺปภา นาม ปกติยา อสีติหตฺถมตฺตเมว ปเทสํ ผรตีติ อาห – ‘‘อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสี’’ติ นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย.
สพฺพปาลิผุลฺโลติ มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคา ผุลฺโล วิกสิโต. ปฏิปาฏิยา ปิตานนฺติอาทิ ปริกปฺปูปมา. ยถา ตํ…เป… อลงฺกตํ อฺโ วิโรจติ, เอวํ วิโรจิตฺถ, สมตึสาย ปารมิตาหิ อภิสงฺขตตฺตา เอวํ วิโรจิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺจวีสติยา นทีนนฺติ คงฺคาทีนํ จนฺทภาคาปริโยสานานํ ปฺจวีสติยา มหานทีนํ. สมฺภิชฺชาติ สมฺเภทํ มิสฺสีภาวํ ปตฺวา มุขทฺวาเรติ สมุทฺทํ ปวิฏฺฏฺาเน.
เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนํ อกฺขีนีติ เจตํ ปริกปฺปนวเสน วุตฺตํ. สหสฺเสนาติ ปทสหสฺเสน, ภาณวารปฺปมาเณน คนฺเถนาติ อตฺโถ.
กมฺปยนฺโต วสุนฺธรนฺติ อตฺตโน คุณวิเสเสหิ ปถวีกมฺปํ อุปฺปาเทนฺโต, เอวํภูโตปิ อเหยนฺโต ปาณานิ. สพฺพทกฺขิณตฺตา พุทฺธานํ ทกฺขิณํ ปมํ ปาทํ อุทฺธรนฺโต. สมํ สมฺผุสเต ภูมึ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย. ยทิปิ ภูมึ สมํ ผุสติ, รชสานุปลิปฺปติ สุขุมตฺตา ฉวิยา. นินฺนฏฺานํ อุนฺนมตีติอาทิ พุทฺธานํ สุปฺปติฏฺิตปาทสงฺขาตสฺส มหาปุริสลกฺขณปฏิลาภสฺส นิสฺสนฺทผลํ. นาติทูเร อุทฺธรตีติ อติทูเร เปตุํ น อุทฺธรติ. นจฺจาสนฺเน จ นิกฺขิปนฺติ อจฺจาสนฺเน จ าเน อนิกฺขิปนฺโต นิยฺยาติ. หาสยนฺโต สเทวเก โลเก โตสยนฺโต. จตูหิ ปาเทหิ จรตีติ จตุจารี.
พุทฺธานุภาวสฺส ปกาสนวเสน คตตฺตา วณฺณกาโล นาม กิเรส. สรีรวณฺเณ วา คุณวณฺเณ วา กถิยมาเน ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อปริมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, พุทฺธคุณสํวณฺณนา ชานนฺตสฺส ยถาธมฺมสํวณฺณนํเยว อนุปวิสตีติ.
ทุกูลจุมฺพฏเกนาติ ¶ คนฺถิตฺวา คหิตทุกูลวตฺเถน, นาควิกฺกนฺตจรโณติ หตฺถินาคสทิสปทนิกฺเขโป. สตปฺุลกฺขโณติ อเนกสตปฺุนิมฺมิตมหาปุริสลกฺขโณ มณิเวโรจโน ยถาติ อติวิย วิโรจมาโน มณิ วิย เวโรจโน นาม เอโก มณิวิเสโสติ เกจิ มหาสาโลวาติ ¶ มหนฺโต สาลรุกฺโข วิย, โกวิฬาราทิมหารุกฺโข วิย วา ปทุโม โกกนโท ยถาติ โกกนทสงฺขาตํ มหาปทุมํ วิย, วิกสมานปทุมํ วิย วา.
อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิยาติอาทิ ตสฺสา ปกิณฺณกกถาย อฺเสํ ทุกฺกรภาวทสฺสนฺเจว สุณนฺตานํ อจฺจนฺตสุขาวหภาวทสฺสนฺจ ปถวีชํ อากฑฺเฒนฺโต วิยาติ นาฬิยนฺตํ โยเชตฺวา มหาปถวิยา เหฏฺิมตเล ปปฺปฏโกชํ อุทฺธํมุขํ กตฺวา อากฑฺเฒนฺโต วิย โยชนิกนฺติ โยชนปฺปมาณํ มธุภณฺฑนฺติ มธุปฏลํ.
มหนฺตนฺติ อุฬารํ. สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตีติ สพฺพเมว ปจฺจยชาตํ อาวาสทายเกน ทินฺนเมว โหติ. ตถาหิ ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นฺหายิตฺวา ปฏิสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปฏิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฏฺาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสโย เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปฏิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส ปน สพฺเพ ปริสฺสยา น โหนฺติ, อชฺฌยนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขํ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต, พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มฺจปีาทีนิ น ปฺายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมฺจปีาทีนิ ปฺายนฺติ, เอตสฺมิมฺปิ จ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อาวาสทานสฺมึ ทินฺเน สพฺพํ ทานํ ทินฺนเมว โหตี’’ติ. ภูมฏฺก…เป… น สกฺกาติ อยมตฺโถ มหาสุทสฺสนวตฺถุนา (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) ทีเปตพฺโพ.
สีตนฺติ ¶ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๕; สํ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๔๓) อชฺฌตฺตธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธอุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํ. อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ. ตสฺส ปน ทวทาหาทีสุ สมฺภโว ทฏฺพฺโพ. ปฏิหนฺตีติ ปฏิพาหติ. ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนานิ น โหนฺติ, เอวํ กโรติ. สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ. วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิเค. คุตฺตเสนาสนฺหิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติ ¶ . สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉนฺเต ทีฆชาติเก. มกเสติ นิทสฺสนเมตํ, ฑํสาทีนํ เอเตเนว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิสิเรติ สีตกาลวเสน สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปนฺเน สิสิรสมฺผสฺเส. วุฏฺิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฏฺิโย ปฏิหนตีติ โยชนา.
วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภฺชนวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จ. ปฏิหฺตีติ ปฏิพาหียติ. เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา ปฏิสลฺลานารามตฺถํ. สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํ. ฌายิตุนฺติ อฏฺตึสารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิชฺฌายิตุํ. วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สพฺพสงฺขาเร สมฺมสิตุํ.
วิหาเรติ ปฏิสฺสเย. การเยติ การาเปยฺย. รมฺเมติ มโนรเม นิวาสสุเข. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม นิวาเสยฺย. เต นิวาเสนฺโต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนฺจ ปานฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปนฺเนสุ กมฺมผลานํ รตนตฺตยคุณานฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
อิทานิ คหฏฺปพฺพชิตานํ อฺมฺูปการตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตา ตสฺสาติ อุปาสกสฺส. ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฏฺฏทุกฺขปนุทนํ ธมฺมํ เทเสนฺติ. ยํ โส ธมฺมํ อิธฺายาติ โส ปุคฺคโล ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมึ สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพายติ.
ปูชาสกฺการวเสเนว ¶ ปมยาโม เขปิโต, ภควโต เทสนาย อปฺปาวเสโส มชฺฌิมยาโม คโตติ ปาฬิยํ ‘‘พหุเทว รตฺติ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยาม’’นฺติ. สนฺทสฺเสสีติ อานิสํสํ ทสฺเสสิ, อาวาสทานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ สุตฺวา ตโต ปรํ, ‘‘มหาราช, อิติปิ สีลํ, อิติปิ สมาธิ, อิติปิ ปฺา’’ติ สีลาทิคุเณ เตสํ สมฺมา ทสฺเสสิ, หตฺเถน คเหตฺวา วิย ปจฺจกฺขโต ปกาเสสิ. สมาทเปสีติ ‘‘เอวํ สีลํ สมาทาตพฺพํ, สีเล ปติฏฺิเตน เอวํ สมาธิ, เอวํ ปฺา ภาเวตพฺพา’’ติ ยถา เต สีลาทิคุเณ อาทิยนฺติ, ตถา คณฺหาเปสิ. สมุตฺเตเชสีติ ยถา สมาทินฺนํ สีลํ สุวิสุทฺธํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวิยมานา ยถา สุฏฺุ วิโสธิตา อุปริวิเสสาวหา โหนฺติ, เอวํ จิตฺตํ สมุตฺเตเชสิ นิสามนวเสน โวทาเปสิ. สมฺปหํเสสีติ ยถานุสิฏฺํ ิตสีลาทิคุเณหิ สมฺปติ ลทฺธคุณานิสํเสหิ ¶ เจว อุปริ ลทฺธพฺพผลวิเสเสหิ จ อุปริจิตฺตํ สมฺมา ปหํเสสิ, ลทฺธสฺสาสวเสน สุฏฺุ โตเสสิ. เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สมุทายวจโนปิ อสีติมหาเถร-สทฺโท ตเทกเทเสปิ นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘อสีติมหาเถเรสุ วิชฺชมาเนสู’’ติ. อานนฺทตฺเถโรปิ หิ อนฺโตคโธ เอวาติ. สากิยมณฺฑเลติ สากิยราชสมูเห.
ปฏิปทาย นิยุตฺตตฺตา ปาฏิปโท. เตนาห – ‘‘ปฏิปนฺนโก’’ติ. สิกฺขนสีลตาทินา เสโข, โอธิโส สมิตปาปตาย สมโณ. เสโข ปาฏิปโท ปฏิปชฺชนปุคฺคลาธิฏฺาเนน ปฏิปทาเทสนํ นิยเมนฺโต ปฏิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมติ นามาติ ‘‘ปฏิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมตฺวา ทสฺเสตี’’ติ. เสขปฺปฏิปทา สาสเน มงฺคลปฏิปทา สมฺมเทว อเสวิตพฺพปริวชฺชเนน เสวิตพฺพสมาทาเนน อุกฺกํสวตฺถูสุ จ ภาวโต อเสขธมฺมปาริปูริยา อาวหตฺตา จ วฑฺฒมานกปฏิปทา. อกิลมนฺตาว สลฺลกฺเขสฺสนฺตีติ อิทํ ตทา เตสํ อเสขภูมิอธิคมาย อโยคฺยตาย วุตฺตํ. อกิลมนฺตาวาติ อิมินา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตสฺสปิ อนธิคตมคฺคสฺาปนา ภาริยาติ ทสฺเสติ. โอสฏาติ อนุปฺปวิฏฺา. สกลํ วินยปิฏกํ กถิตเมว โหติ ตสฺส สีลกถาพาหุลฺลโต เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. ตีหิ ปิฏเกหีติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. เตน ตํตํปิฏกานํ ตสฺสา ตสฺสา สิกฺขาย สาธกตมภาวํ ทสฺเสติ.
ปิฏฺิวาโต ¶ อุปฺปชฺชติ อุปาทินฺนกสรีรสฺส ตถารูปตฺตา สงฺขารานฺจ อนิจฺจตาย ทุกฺขานุพนฺธตฺตา. อการณํ วา เอตนฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตเมว อธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘ปโหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภฺุชิตุกาโม อโหสิ สกฺยราชูนํ อชฺฌาสยวเสน. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา นิปชฺชีตี’’ติ. ยทิ เอวํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายตี’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห ‘‘อุปาทินฺนกสรีรฺจ นามา’’ติอาทิ.
๒๓. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน…เป… สมฺปนฺโน’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๑๑) สมนฺนาคตตฺโถ สมฺปนฺน-สทฺโท, อิธ ปน ปาริปูริอตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริปุณฺณสีโลติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โย ปน สมฺปนฺนสีโลเยว, โส ปริปุณฺณสีโล. ปริสุทฺธฺหิ สีลํ ‘‘ปริปุณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ, น สพลํ กมฺมาสํ วา. สุนฺทรธมฺเมหีติ โสภนธมฺเมหิ. ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา ตสฺส โสภนภาวโต. เตหิ สปฺปุริสภาวสาธนโต สปฺปุริสานํ ธมฺเมหิ.
๒๔. อิมินา ¶ เอตฺตเกน าเนนาติ ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก’’ติ อารภิตฺวา ยาว ‘‘อกสิรลาภี’’ติ ปทํ อิมินา เอตฺตเกน อุทฺเทสปเทน มาติกํ เปตฺวา. ปฏิปาฏิยาติ อุทฺเทสปฏิปาฏิยา. เอวมาหาติ ‘‘เอวํ กถฺจ, มหานามา’’ติอาทินา อิทานิ วุจฺจมาเนน ทสฺสิตากาเรน อาห.
๒๕. หิรียตีติ ลชฺชียติ ปีฬียติ. ยสฺมา หิรี ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา, ตสฺมา ‘‘ชิคุจฺฉตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โอตฺตปฺปตีติ อุตฺตปฺปติ. ปาปุตฺราสลกฺขณฺหิ โอตฺตปฺปํ. ปคฺคหิตวีริโยติ สงฺโกจํ อนาปนฺนวีริโย. เตนาห ‘‘อโนสกฺกิตมานโส’’ติ. ปหานตฺถายาติ สมุจฺฉินฺทนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทา นาม อธิคโม เอวาติ อาห ‘‘ปฏิลาภตฺถายา’’ติ. สติเนปกฺเกนาติ สติยา เนปกฺเกน ติกฺขวิสทสูรภาเวน. อฏฺกถายํ ปน เนปกฺกํ นาม ปฺาติ อธิปฺปาเยน ‘‘สติยา จ นิปกภาเวน จา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, เอวํ สติ อฺโ นิทฺทิฏฺโ นาม โหติ. สติมาติ จ อิมินาว วิเสสา สติ คหิตา, ปรโต ‘‘จิรกตมฺปิ ¶ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา’’ติ สติกิจฺจเมว นิทฺทิฏฺํ, น ปฺากิจฺจํ, ตสฺมา สติเนปกฺเกนาติ สติยา เนปกฺกภาเวนาติ สกฺกา วิฺาตุํ. เตเนว หิ ปจฺจยวิเสสวเสน อฺธมฺมนิรเปกฺโข สติยา พลวภาโว. ตถา หิ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ อชฺฌยนสมฺมสนานิ สมฺภวนฺติ.
เจติยงฺคณวตฺตาทีติ อาทิ-สทฺเทน โพธิยงฺคณวตฺตาทีนิ สงฺคณฺหาติ. อสีติมหาวตฺตปฏิปตฺติปูรณนฺติ เอตฺถ อสีติวตฺตปฏิปตฺติปูรณํ มหาวตฺตปฏิปตฺติปูรณนฺติ วตฺตปฏิปตฺติปูรณ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ มหาวตฺตานิ (วิภ. มูลฏี. ๔๐๖) นาม วตฺตขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) วุตฺตานิ อาคนฺตุกวตฺตํ อาวาสิกํ คมิกํ อนุโมทนํ ภตฺตคฺคํ ปิณฺฑจาริกํ อารฺิกํ เสนาสนํ ชนฺตาฆรํ วจฺจกุฏิ อุปชฺฌายํ สทฺธิวิหาริกํ อาจริยํ อนฺเตวาสิกวตฺตนฺติ จุทฺทส. ตโต อฺานิ ปน กทาจิ ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเล ปาริวาสิกาทิกาเล จ จริตพฺพานิ อสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ น จริตพฺพานิ, ตสฺมา มหาวตฺเตสุ, อคฺคหิตานิ. ตตฺถ ‘‘ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปฺเปสฺสามี’’ติ อารภิตฺวา ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ…เป… น ฉมายํ จงฺกมนฺเต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๑) วุตฺตานิ ปกภตฺเต จริตพฺพวตฺตาวสานานิ ฉสฏฺิ, ตโต ปรํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิกวุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา สทฺธึ มูลายปฏิกสฺสนารเหน มานตฺตารเหน มานตฺตจาริเกน อพฺภานารเหน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺตพฺพ’’นฺติอาทีนิ (จูฬว. ๘๒) ปกตตฺเต จริตพฺเพหิ อนฺตฺตา วิสุํ วิสุํ อคเณตฺวา ปาริวาสิกวุฑฺฒตราทีสุ ปุคฺคลนฺตเรสุ ¶ จริตพฺพตฺตา เตสํ วเสน สมฺปิณฺเฑตฺวา เอเกกํ กตฺวา คณิตพฺพานิ ปฺจาติ เอกสตฺตติวตฺตานิ, อุกฺเขปนิยกมฺมกตวตฺเตสุ วตฺตปฺาปนวเสน วุตฺตํ – ‘‘น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ…เป… นฺหาเน ปิฏฺิปริกมฺมํ สาทิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๕๑) อิทํ อภิวาทนาทีนํ อสาทิยนํ เอกํ, ‘‘น ปกตตฺโต ภิกฺขุ สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตพฺโพ’’ติอาทีนิ จ ทสาติ เอวเมตานิ ทฺวาสีติ. เอเตสฺเวว ปน กานิจิ ตชฺชนียกมฺมาทิวตฺตานิ กานิจิ ปาริวาสิกาทิวตฺตานีติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทฺวาสีติ, เอวํ อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนุปคํ น โหตีติ อิธ ‘‘อสีติ’’จฺเจว วุตฺตํ. อฺตฺถ ปน อฏฺกถาปเทเส ‘‘ทฺวาสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วุจฺจติ.
สกฺกจฺจํ ¶ อุทฺทิสนํ สกฺกจฺจํ อุทฺทิสาปนนฺติ ปจฺเจกํ สกฺกจฺจํ-สทฺโท โยเชตพฺโพ. อุทฺทิสนํ อุทฺเทสคฺคหณํ. ธมฺโมสารณํ ธมฺมสฺส อุจฺจารณํ. ธมฺมเทสนา –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ เทเสยฺย, มชฺเฌ ฌานํ วิปสฺสนํ;
ปริโยสาเน จ นิพฺพานํ, เอสา กถิกสณฺิตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๔๖) –
เอวํ กถิตลกฺขณา ธมฺมกถา. อุปคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส ยสฺส กสฺสจิ คหฏฺสฺส ปพฺพชิตสฺส วา ตงฺขณานุรูปา ธมฺมี กถา อุปนิสินฺนกถา. ภตฺตานุโมทนกถา อนุโมทนิยา. สริตาติ เอตฺถ น เกวลํ จิรกตจิรภาสิตานํ สรณมนุสฺสรณมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อถ โข ตถาปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ปริคฺคหมุเขน ปวตฺตวิปสฺสนาจาเร สติสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมึ กาเยน จิรกเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สกิมฺปิ สรเณนาติ เอกวารํ สรเณน. ปุนปฺปุนํ สรเณนาติ อนุ อนุ สรเณน. สติสมฺโพชฺฌงฺคมฺปิ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสคฺคปริณามิฺจ กตฺวา สรนฺโต ตตฺถ ตตฺถ ชวนวาเร สรณชวนวาเร ปริตฺตชวนวเสน อนุสฺสริตาติ เวทิตพฺพา.
คติอตฺถา ธาตุสทฺทา พุทฺธิอตฺถา โหนฺตีติ อาห – ‘‘อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถายา’’ติ. มิสฺสกนเยนายํ เทสนา อาคตาติ อาห – ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน จ สมุจฺเฉทวเสน จา’’ติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺาย เจวา’’ติอาทิ. วิปสฺสนาปฺาย นิพฺเพธิกปริยายโต. สา จ โข ปเทสิกาติ นิปฺปเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคปฺาย ปฏิลาภสํวตฺตนโต จา’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขกฺขยคามินิภาเวปิ เอเสว นโย. สมฺมาติ ยาถาวโต. อกุปฺปธมฺมตาย ¶ หิ มคฺคปฺา เขปิตเขปนาย น ปุน กิจฺจํ อตฺถีติ อุปาเยน าเยน ยา ปวตฺติ สา เอวาติ อาห – ‘‘เหตุนา นเยนา’’ติ.
๒๖. อธิกํ เจโต อภิเจโต, มหคฺคตจิตฺตํ, ตสฺส ปน อธิกตา กามจฺฉนฺทาทิปฏิปกฺขวิคเมน วิสิฏฺภาวปฺปตฺติ, ตนฺนิสฺสิตานิ อาภิเจตสิกานิ. เตนาห ‘‘อภิจิตฺตํ เสฏฺจิตฺตํ สิตาน’’นฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ผาสุวิหารภูตานํ. เตหิ ¶ ปน สมงฺคิตกฺขเณ ยสฺมา วิเวกชํ ปีติสุขํ สมาธิชํ ปีติสุขํ อปีติชํ สติปาริสุทฺธิาณสุขฺจ ปฏิลภติ วินฺทติ, ตสฺมา อาห – ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ สุขปฏิลาภเหตูน’’นฺติ. อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตาติ อิมินา เตสุ ฌาเนสุ สมาปชฺชนวสีภาวมาห, ‘‘นิกามลาภี’’ติ ปน วจนโต อาวชฺชนาธิฏฺานา ปจฺจเวกฺขณวสิโย จ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพา. นิทุกฺขลาภีติ อิมินา เตสํ ฌานานํ สุขปฏิปทาขิปฺปาภิฺตํ ทสฺเสติ, วิปุลลาภีติ อิมินา ปคุณตํ ตปฺปมาณทสฺสิตภาวทีปนโต. เตนาห ‘‘ปคุณภาเวนา’’ติอาทิ. สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ สมาปชฺชนวสีภาวตาย สาธิตตฺตา. สมาธิปาริปนฺถิกธมฺเมติ วสีภาวสฺส ปจฺจนีกธมฺเม. ฌานาธิคมสฺส ปน ปจฺจนีกธมฺมา ปเคว วิกฺขมฺภิตา, อฺถา ฌานาธิคโม เอว น สิยา. อกิลมนฺโต วิกฺขมฺเภตุํ น สกฺโกตีติ กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ วิโสเธติ, กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทาทีนํ อฺเสํ สมาธิปาริปนฺถิกานํ ทูรสมุสฺสารณํ อิธ วิกฺขมฺภนํ วิโสธนนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๗. วิปสฺสนาหิตาย อุปรูปริวิเสสาวหตฺตา วฑฺฒมานาย ปุพฺพภาคสีลาทิปฏิปทาย. สา เอว ปุพฺพภาคปฏิปทา ยถาภาวิตตาย อวสฺสํ ภาวินํ วิเสสํ ปริคฺคหิตตฺตา อณฺฑํ วิยาติ อณฺฑํ, กิเลเสหิ อทูสิตตาย อปูติ อณฺฑํ เอตสฺสาติ อปุจฺจณฺโฑ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ิตปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อปุจฺจณฺฑตา. วิปสฺสนาทิาณปฺปเภทายาติ ปุพฺเพนิวาสาณาทิาณปเภทาย. ตตฺถาติ เจโตขิลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๘๕) ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, เอวํ อุสฺโสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทายา’’ติ อาคตตฺตา อุสฺโสฬฺหิปนฺนรเสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตภาโวติ เอวํ ยํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อาคตํ, ตํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อิธ อิมสฺมึ เสขสุตฺเต โยเชตฺวา เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
๒๘. มหคฺคตาทิภาเวน เหฏฺิมานํ ฌานานํ อนุรูปมฺปิ อตฺตโน วิเสเสน เต อุตฺตริตฺวา อติกฺกมิตฺวาน ิตนฺติ อนุตฺตรํ, เตนาห – ‘‘ปมาทิชฺฌาเนหิ อสทิสํ อุตฺตม’’นฺติ. ทุติยาทีสุปิ ¶ อภินิพฺภิทาสุ. ปุพฺเพนิวาสาณํ อุปฺปชฺชมานํ ยถา อตฺตโน วิสยปฏิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมนฺตเมว ¶ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อตฺตโน วิสเย กฺจิ วิเสสํ กโรนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ อาห – ‘‘ปุพฺเพนิวาสาเณน ปมํ ชายตี’’ติ, เสสาณทฺวเยปิ เอเสว นโย.
๒๙. จรณสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘จรณํ นาม โหตีติ อตฺโถ’’ติ. เตนาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ อคตปุพฺพทิสาคมเน เตสํ สาธกตมภาวโต.
อฏฺ าณานีติ อิธ อาคตานิ จ อนาคตานิ จ อมฺพฏฺสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๔ อาทโย) อาคตานิ คเหตฺวา วทติ. วินิวิชฺฌิตฺวาติ ปุพฺเพนิวาสปฏิจฺฉาทกาทิกิเลสตมํ ภินฺทิตฺวา ปทาเลตฺวา.
๓๐. สนงฺกุมาเรนาติ สนนฺตนกุมาเรน. ตเทว หิ ตสฺส สนนฺตนกุมารตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จิรกาลโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตํ. โส อตฺตภาโวติ เยน อตฺตภาเวน มนุสฺสปเถ ฌานํ นิพฺพตฺเตสิ, โส กุมารตฺตภาโว, ตสฺมา พฺรหฺมภูโตปิ ตาทิเสน กุมารตฺตภาเวน จรติ.
ชนิตสฺมึ-สทฺโท เอว อิ-การสฺส เอ-การํ กตฺวา ‘‘ชเนตสฺมิ’’นฺติ วุตฺโต, ชนิตสฺมินฺติ จ ชนสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ชนิตสฺมินฺติ สามฺคฺคหเณปิ ยตฺถ จตุวณฺณสมฺา, ตตฺเถว มนุสฺสโลเก. ขตฺติโย เสฏฺโติ โลกสมฺาปิ มนุสฺสโลเกเยว, น เทวกาเย พฺรหฺมกาเย วาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสรนฺตีติ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติ ปติ ปติ อตฺตโน โคตฺตํ อนุสรนฺติ ปฏิชานนฺติ วาติ อตฺโถ.
เอตฺตาวตาติ ‘‘สาธุ สาธุ อานนฺทา’’ติ เอตฺตเกน สาธุการทาเนน. ชินภาสิตํ นาม ชาตนฺติอาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา เถรภาสิตํ พุทฺธภาสิตเมว นาม ชาตํ. ‘‘กิมฺปนิทํ สุตฺตํ สตฺถุเทสนานุวิธานโต ชินภาสิตํ, อุทาหุ สาธุการทานมตฺเตนา’’ติ เอวรูปา โจทนา อิธ อโนกาสา เถรสฺส เทสนาย ภควโต เทสนานุวิธานเหตุกตฺตา สาธุการทานสฺสาติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. โปตลิยสุตฺตวณฺณนา
๓๑. องฺคา ¶ นาม ¶ ชนปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิวเสน องฺคาตฺเวว วุจฺจตีติ อาห ‘‘องฺคาเยว โส ชนปโท’’ติ. มหิยา ปนสฺส อุตฺตเรน ยา อาโปติ มหิยา นทิยา ยา อาโป ตสฺส ชนปทสฺส อุตฺตเรน โหนฺติ. ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท อุตฺตราโปติ วุจฺจติ. สา ปน มหี กตฺถจิ กตฺถจิ ภิชฺชิตฺวา คตาติ อาห ‘‘กตรมหิยา อุตฺตเรน ยา อาโป’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺสา มหิยา อาคมนโต ปฏฺาย อยํ อาวิภาวกถา. ยสฺมา (อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๙) โลกิยา ชมฺพุทีโป หิมวา ตตฺถ ปติฏฺิตสมุทฺททหปพฺพตนทิโยติ เอเตสุ ยํ ยํ น มนุสฺสโคจรํ, ตตฺถ สยํ สมฺมูฬฺหา อฺเปิ สมฺโมหยนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺโมหวิธมนตฺถํ ‘‘อยํ กิร ชมฺพุทีโป’’ติอาทิมารทฺธํ. ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ อายามโต จ วิตฺถารโต จาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ตทุปโภคิสตฺตานํ ปฺุกฺขเยน.
สุนฺทรทสฺสนํ กูฏนฺติ สุทสฺสนกูฏํ, ยํ โลเก ‘‘เหมกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. มูลคนฺโธ กาฬานุสาริยาทิ. สารคนฺโธ จนฺทนาทิ. เผคฺคุคนฺโธ สลลาทิ. ตจคนฺโธ ลวงฺคาทิ. ปปฏิกคนฺโธ กพิตฺถาทิ. รสคนฺโธ สชฺชาทิ, ปตฺตคนฺโธ ตมาลหิริเวราทิ. ปุปฺผคนฺโธ นาคกุงฺกุมาทิ. ผลคนฺโธ ชาติผลาทิ. คนฺธคนฺโธ สพฺเพสํ คนฺธานํ คนฺโธ. ยสฺส หิ รุกฺขสฺส สพฺเพสมฺปิ มูลาทีนํ คนฺโธ อตฺถิ, โส อิธ คนฺโธ นาม. ตสฺส คนฺธสฺส คนฺโธ คนฺธคนฺโธ. สพฺพานิ ปุถุลโต ปฺาสโยชนานิ, อายามโต ปน อุพฺเพธโต วิย ทฺวิโยชนสตาเนวาติ วทนฺติ.
มโนหรสิลาตลานีติ โอตรณตฺถาย มนฺุโสปานสิลาตลานิ. สุปฏิยตฺตานีติ ตทุปโภคิสตฺตานํ สาธารณกมฺมานุภาเวน สุฏฺุ ปฏิยตฺตานิ สุปฺปวตฺติตานิ โหนฺติ. มจฺฉกจฺฉปาทโย อุทกํ มลินํ กโรนฺติ, ตทภาวโต ผลิกสทิสนิมฺมลุทกานิ. ติริยโต ทีฆํ อุคฺคตกูฏนฺติ ‘‘ติรจฺฉานปพฺพต’’นฺติ อาห.
อาปณานิ ¶ เอว โวหารสฺส มุขภูตานีติ อาห ‘‘อาปณมุขสหสฺสานี’’ติ. วิภตฺตานีติ ¶ ววตฺถิตานิ อฺมฺาสมฺภินฺนานิ. วสนฏฺานนฺติ อตฺตโน ยถาผาสุกํ วสิตพฺพฏฺานํ. อาสติ เอตฺถาติ อาสนํ, นิสีทิตพฺพฏฺานานิ.
อสารุปฺปํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนกสฺส ฉาทนโต ฉนฺนํ อนุจฺฉวิกํ, ตเทว อชฺฌาสยสมฺปตฺตึ ปติรูเปติ ปกาเสตีติ ปติรูปํ. เตนาห ‘‘นปฺปติรูป’’นฺติ. การณเววจนานีติ าปกการณเววจนานิ. าปกฺหิ การณํ อธิปฺเปตํ. อตฺถํ อากโรติ ปกาเสตีติ อากาโร, ตเมว ลีนํ คุฬฺหํ อตฺถํ คเมตีติ ลิงฺคํ, โส เตน นิมียตีติ นิมิตฺตนฺติ วุจฺจติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ทีฆทสวตฺถ…เป… นิมิตฺตาติ วุตฺตา’’ติ อาห. เตติ อาการาทโย. ตถา หิ ปน เมติอาทินา โปตลิโย คหปติ ‘‘ปริพฺพาชกนิยาเมน อหํ ชีวามิ, ตสฺมา คหปติ น โหมีติ วทติ. โอวทนฺโตติ อนุสาสนฺโต. อุปวทนฺโตติ ปริภาสนฺโต.
๓๒. เคธภูโต โลโภติ คิชฺฌนสภาโว โลโภ. อคิชฺฌนลกฺขโณ น โลโภ, อนินฺทาภูตํ อฆฏฺฏนนฺติ นินฺทาย ปฏิปกฺขภูตํ ปเรสํ อฆฏฺฏนํ. นินฺทาฆฏฺฏนาติ นินฺทาวเสน ปเรสํ ฆฏฺฏนา อกฺโกสนา. พฺยวหารโวหาโรปีติ กยวิกฺกยลกฺขโณ สพฺโยหาโรปิ ทานคฺคหณํ โวหาโร. ‘‘ทตฺโต ติสฺโส’’ ติอาทินา โวหรณํ ปฺาปนนฺติ ปฺตฺติ โวหาโร. ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส โวหรณํ กถนํ โพธนนฺติ วจนํ โวหาโร. ยาถาวโต อยาถาวโต จ โวหรติ เอเตนาติ โวหาโร, เจตนา. อยมิธาธิปฺเปโตติ อยํ เจตนาลกฺขโณ โวหาโร อิธ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต, โส จ โข สาวชฺโชว สมุจฺเฉทสฺส อิจฺฉิตตฺตา. อิทานิ จตุพฺพิธสฺสปิ โวหารสฺส อิธ สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คิหีติ เจตนา นตฺถีติ อหํ คิหีติ เจตนาปวตฺติ นตฺถิ. คิหีติ วจนํ นตฺถีติ คิหีติ อตฺตโน ปเรสฺจ วจนปฺปวตฺติ นตฺถิ. คิหีติ ปณฺณตฺติ นตฺถีติ คิหีติ สมฺา นตฺถิ. คิหีติ พฺยวหาโร นตฺถีติ สมุทาจาโร นตฺถิ.
๓๓. ปาณาติปาโตว สํโยชนํ. กสฺมา? พนฺธนภาเวน ปวตฺตนโต นิสฺสริตุํ อปฺปทานโต. ปาณาติปาตสฺส อตฺถิตาย โส ปุคฺคโล ¶ ‘‘ปาณาติปาตี’’ติ วุจฺจตีติ อาห – ‘‘ปาณาติปาตสฺส…เป… โหตี’’ติ. ยฺหิ ยสฺส อตฺถิ, เตน โส อปทิสฺสตีติ. พหุตายาติ อจกฺขุกาทิเภเทน พหุภาวโต. ปาณาติปาตสฺส ปฏิปกฺโข อปาณาติปาโต. โส ปน อตฺถโต กายทฺวาริโก สีลสํวโรติ อาห ‘‘กายิกสีลสํวเรนา’’ติ. อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยาติอาทิ ปาณาติปาเต อาทีนวทสฺสนํ. อาทีนวทสฺสิโน หิ ตโต โอรมณํ. เทสนาวเสนาติ ¶ อฺตฺถ สุตฺเต อภิธมฺเม จ ทสสุ สํโยชเนสุ ปฺจสุ นีวรเณสุ เทสนาวเสน อปริยาปนฺนมฺปิ สํโยชนนฺติปิ นีวรณนฺติปิ อิธ วุตฺตํ. กสฺมา? ตทตฺถสมฺภวโต. เตนาห – ‘‘วฏฺฏพนฺธนฏฺเน หิตปฺปฏิจฺฉาทนฏฺเน จา’’ติ, ปาณาติปาโต หิ อปาณาติปาตปจฺจยํ หิตํ ปฏิจฺฉาเทนฺโตว อุปฺปชฺชตีติ. เอโก อวิชฺชาสโวติ อิทํ สหชาตวเสน วุตฺตํ, อุปนิสฺสยวเสน ปน อิตเรสมฺปิ อาสวานํ ยถารหํ สมฺภโว เวทิตพฺโพ. ปาณาติปาตี หิ ปุคฺคโล ‘‘ตปฺปจฺจยํ อตฺถํ กริสฺสามี’’ติ กาเม ปตฺเถติ. ทิฏฺึ คณฺหาติ, ภววิเสสํ ปจฺจาสีสติ. ตตฺถ อุปฺปนฺนํ วิหนติ พาธตีติ วิฆาโต, ทุกฺขํ, ปริฬาหนํ อนตฺถุปฺปาทวเสน อุปตาปนํ ปริฬาโห, อยเมเตสํ วิเสโส. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ วาเรสุ. อิมินา อุปาเยนาติ อติเทเสน ปน ปริคฺคหิโต อตฺโถ ปรโต อาคมิสฺสตีติ.
๓๔-๔๐. อิมสฺมึ ปเทติ เอเตน สตฺตสุปิ วาเรสุ ตถา อาคตํ ปทํ สามฺโต คหิตํ. เตนาห ‘‘อิมินา’’ติอาทิ. โรสนํ กายิกํ วาจสิกฺจาติ ตปฺปฏิปกฺโข อโรโสปิ ตถา ทุวิโธติ อาห ‘‘กายิกวาจสิกสํวเรนา’’ติ. ยถา อภิชฺฌา โลโภ, อนภิชฺฌา อโลโภ, เอวํ อโกธูปายาโส อพฺยาปาโท, สํวเร สุขนฺติ สํวโรติ ทฏฺพฺโพ, อนติโลโภ ปน สติสํวเร, อนติมาโน าณสํวเร สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. อิเมสุ ปน ปเทสุ เอวํ สพฺพวาเรสุ โยชนา กาตพฺพาติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ อาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาติ เอตฺถ วุตฺตสฺสปิ เอกชฺฌํ วุจฺจมานตฺตา ‘‘ปุน อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย’’ติ วุตฺตํ. อสมฺโมหตฺถํ อารมฺมณสฺส. ปุริเมสุ ตาว จตูสุ วาเรสุ วิรมิตุํ น สกฺโกมีติ วตฺตพฺพํ. ‘‘อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยา’’ติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ ‘‘น สกฺโกมี’’ติ, ‘‘อนุวิชฺชาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุ’’นฺติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ ‘‘น สกฺโกตี’’ติ ¶ วตฺตพฺพํ, อิมินา นเยน ปจฺฉิเมสุปิ จตูสุ ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพา. อติมาเน ภวาสวอวิชฺชาสวาติ วุตฺตํ มาเนน สห ทิฏฺิยา อนุปฺปชฺชนโต, อติมาโน ปน กามราเคนปิ อุปฺปชฺชเตวาติ ‘‘อติมาเน กามาสวอวิชฺชาสวา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, สฺวายํ นโย วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺโยติ น ทสฺสิโต. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ กถิตํ อาทิโต จตูหิ ฉฏฺเน วาติ ปฺจหิ วาเรหิ, เสเสหิ ตีหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสงฺขาปหานํ, สพฺเพหิปิ ปน ภิกฺขุภาเว ิตสฺส คิหิโวหารสมุจฺเฉโท กถิโต. ตตฺถ สพฺพตฺถ วตฺตํ ‘‘อิทฺจิทฺจ มยฺหํ กาตุํ นปฺปติรูป’’นฺติ ปฏิสงฺขานวเสน อกรณํ ปชหนฺจ ปฏิสงฺขาปหานํ.
กามาทีนวกถาวณฺณนา
๔๒. อุปสุมฺเภยฺยาติ ¶ เอตฺถ อุป-สทฺโท สมีปตฺโถ, สุมฺภนํ วิกฺเขปนํ. เตเนว ตเมนนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห – ‘‘ตสฺส สมีเป ขิเปยฺยา’’ติ, ตสฺส กุกฺกุรสฺส สมีเป อฏฺิกงฺกลํ ขิเปยฺยาติ อตฺโถ. นิมฺมํสตฺตา กงฺกลนฺติ วุจฺจตีติ อิมินา วิคตมํสาย อฏฺิกงฺกลิกาย อุรฏฺิมฺหิ วา ปิฏฺิกณฺฏเก วา สีสฏฺิมฺหิ วา กงฺกล-สทฺโท นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ. สุนิกฺกนฺตนฺติ นิลฺลิขิตํ กตฺวาว นิพฺพิเสสํ ลิขิตํ.
เอกตฺตุปฏฺานสฺส อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺติยา เอกตฺตา. เตนาห ‘‘จตุตฺถฌานุเปกฺขา’’ติ. ยสฺมา ปนสฺส อารมฺมณมฺปิ เอกสภาวเมว, ตสฺมา อาห ‘‘สา หี’’ติอาทิ. โลกามิสสงฺขาตาติ อปริฺาตวตฺถุนา โลเกน อามสิตพฺพโต, โลเก วา อามิโสติ สงฺขํ คตาย วเสน กามคุณานํ กามภาโว จ อามิสภาโว จ, โส เอว นิปฺปริยายโต อามิสนฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. กามคุณามิสาติ กามคุเณ ฉนฺทราคา. คหณฏฺเน ภุสํ อาทานฏฺเน.
๔๓. ฑยนํ อากาเสน คมนนฺติ อาห ‘‘อุปฺปติตฺวา คจฺเฉยฺยา’’ติ. คิชฺฌาทีนํ วาสิผรสุ น โหตีติ อาห – ‘‘มุขตุณฺฑเกน ฑสนฺตา ตจฺเฉยฺยุ’’นฺติ. วิสฺสชฺเชยฺยุนฺติ เอตฺถ ‘‘วิสฺสชฺชน’’นฺติ อากฑฺฒนํ อธิปฺเปตํ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ, อากฑฺฒนฺจ อนุพนฺธิตฺวา ปาตนนฺติ อาห ‘‘มํสเปสึ นเขหิ กฑฺฒิตฺวา ปาเตยฺยุ’’นฺติ.
๔๗. ปุริสสฺส ¶ อาโรหนโยคฺยํ โปริเสยฺยํ.
๔๘. สมฺปนฺนํ สุนฺทรํ ผลมสฺสาติ สมฺปนฺนผลํ. ผลูปปนฺนนฺติ ผเลหิ อุเปตนฺติ อาห ‘‘พหุผล’’นฺติ.
๕๐. สุวิทูรวิทูเรติ อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทโต สุฏฺุ วิทูรภูเต เอว วิทูเร อหํ ิโต. กสฺสจิ นาม อตฺถสฺสปิ อชานนโต น อาชานนฺตีติ อนาชานียาติ กตฺตุสาธนมสฺส ทสฺเสนฺโต อชานนเกติ อชานนฺตโภชนสีเสน เตสํ ทาตพฺพปจฺจเย วทติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โปตลิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. ชีวกสุตฺตวณฺณนา
๕๑. กุมาเรน ¶ ภโต โปสาปิโตติ กุมารภโต, กุมารภโต เอว โกมารภจฺโจ ยถา ‘‘ภิสกฺกเมว เภสชฺช’’นฺติ.
อารภนฺตีติ เอตฺถ อารภ-สทฺโท กามํ กามายูหนยฺุฏฺาปนอาปตฺติอาปชฺชนวิฺาปนาทีสุปิ อาคโต, อิธ ปน หึสเน อิจฺฉิตพฺโพติ อาห – ‘‘อารภนฺตีติ ฆาเตนฺตี’’ติ. อุทฺทิสิตฺวา กตนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๒; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๙๔) อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา มารณวเสน กตํ นิพฺพตฺติตํ. ปฏิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สทฺโท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโกติ อาห – ‘‘อตฺตานํ ปฏิจฺจ กต’’นฺติ. นิมิตฺตกมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิย. นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺส, น กรณการาปนวเสน. ปฏิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฏิจฺจกมฺมํ ยถา ‘‘พุทฺธํ เอตสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ’’ติ. เตสนฺติ นิคณฺานํ. อฺเปิ พฺราหฺมณาทโย ตํลทฺธิกา อตฺเถว.
การณนฺติ เอตฺถ ยุตฺติ อธิปฺเปตา, สา เอว จ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ‘‘ธมฺโม’’ติ วุตฺตาติ อาห – ‘‘การณํ นาม ติโกฏิปริสุทฺธมจฺฉมํสปริโภโค’’ติ. อนุการณํ นาม มหาชนสฺส ตถา พฺยากรณํ ยุตฺติยา ธมฺมสฺส อนุรูปภาวโต มํสํ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อนฺุาตํ ตเถว กถนนฺติ กตฺวา. ตนฺติ ‘‘ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภฺุชตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ ปริภฺุชนํ เนว การณํ โหติ ¶ สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต สติ จ อยุตฺติยํ อธมฺโมติ กตฺวา. ตถา พฺยากรณนฺติ ‘‘ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภฺุชตี’’ติ กถนํ ยุตฺติยา ธมฺมสฺส อนนุรูปภาวโต น อนุการณํ โหติ. ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวาติ ปเร ติตฺถิยา ‘ชาน’นฺติอาทินา ธมฺมํ กเถนฺติ วทนฺติ, เตน การณภูเตน สการโณ หุตฺวา. เตหิ ตถา วตฺตพฺโพ เอว หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา อนุวาโท วา ‘‘มํสํ ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ ปวตฺตา ตุมฺหากํ กถา วา ปรโต ปเรหิ ตถา ปวตฺติตา ตสฺสา อนุกถา วา. วิฺูหิ ครหิตพฺพการณนฺติ ติตฺถิยา ตาว ติฏฺนฺตุ, ตโต อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ ครหิตพฺพการณํ. โกจิ น อาคจฺฉตีติ ครหิตพฺพตํ น อาปชฺชตีติ อตฺโถ. อภิภวิตฺวา อาจิกฺขนฺตีติ อภิภุยฺย มทฺทิตฺวา กเถนฺติ, อภิภูเตน อกฺโกสนฺตีติ อตฺโถ.
๕๒. การเณหีติ ¶ ปริโภคจิตฺตสฺส อวิสุทฺธตาเหตูหิ. ภิกฺขู อุทฺทิสฺสกตํ ทิฏฺํ. ตาทิสมํสฺหิ ปริโภคานารหตฺตา จิตฺตอวิสุทฺธิยา การณํ จิตฺตสํกิเลสาวหโต. อิทานิ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตทุภยวิมุตฺตปริสงฺกิตนฺติ ‘‘ทิฏฺํ สุต’’นฺติ อิมํ อุภยํ อนิสฺสาย – ‘‘กึ นุ โข อิมํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส วธิตฺวา สมฺปาทิต’’นฺติ เกวลเมว ปริสงฺกิตํ. สพฺพสงฺคาหโกติ สพฺเพสํ ติณฺณํ ปริสงฺกิตานํ สงฺคณฺหนโก.
มงฺคลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อาหุนปาหุนาทิกํ สงฺคณฺหาติ. นิพฺเพมติกา โหนฺตีติ สพฺเพน สพฺพํ ปริสงฺกิตาภาวมาห. อิตเรสนฺติ อชานนฺตานํ วฏฺฏติ, ชานโต เอเวตฺถ อาปตฺติ โหติ. เตเยวาติ เย อุทฺทิสฺส กตํ, เตเยว.
อุทฺทิสฺสกตมํสปริโภคโต อกปฺปิยมํสปริโภคสฺส วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมสฺมึ สจิตฺตกา อาปตฺติ, อิตรสฺมึ อจิตฺตกา. เตนาห – ‘‘อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภุตฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวา’’ติ. ปริโภคนฺติ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ วทามีติ อตฺโถ.
๕๓. ตาทิสสฺสาติ ติโกฏิปริสุทฺธสฺส มจฺฉมํสสฺส ปริโภเค. เมตฺตาวิหาริโนปีติ อปิ-สทฺเทน อเมตฺตาวิหาริโนปิ. เมตฺตาวิหาริโน ปริโภเค สิขาปฺปตฺตา อนวชฺชตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขู’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. อนิยเมตฺวาติ อวิเสเสตฺวา สามฺโต. ยสฺมา ภควตา – ‘‘ยโต โข, วจฺฉ, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหตี’’ติอาทินา มหาวจฺฉโคตฺตสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๙๔) อตฺตา อนิยเมตฺวา วุตฺโต. ตถา หิ วจฺฉโคตฺโต – ‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม, อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกภิกฺขุปิ สาวโก อาสวานํ ขยา…เป… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อาห, ‘‘อิธ, ภารทฺวาช, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติอาทินา จงฺกีสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๔๓๐) อตฺตา อนิยเมตฺวา วุตฺโต. ตถา หิ ตตฺถ ปรโต – ‘‘ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย, น โส ธมฺโม สุเทสนีโย ลุทฺเทนา’’ติอาทินา เทสนา อาคตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควตา หิ มหาวจฺฉโคตฺตสุตฺเต, จงฺกีสุตฺเต อิมสฺมึ สุตฺเตติ ตีสุ าเนสุ อตฺตานํเยว สนฺธาย เทสนา กตา’’ติ. มํสูปเสจโนว อธิปฺเปโต มจฺฉมํสสหิตสฺส อาหารสฺส ปริโภคภาวโต มจฺฉมํสสฺส จ อิธ อธิปฺเปตตฺตา.
อคถิโต ¶ อปฺปฏิพทฺโธ. ตณฺหามุจฺฉนายาติ ตณฺหายนวเสน มุจฺฉาปตฺติยา. อนชฺโฌปนฺโน ตณฺหาย อภิภวิตฺวา น อชฺโฌตฺถโฏ, คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา น สณฺิโตติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘สพฺพํ อาลุมฺปิตฺวา’’ติอาทิ. อิธ อาทีนโว อาหารสฺส ปฏิกูลภาโวติ อาห ‘‘เอกรตฺติวาเสนา’’ติอาทิ. อยมตฺโถ อาหารปริโภโคติ อตฺถสํโยชนปริจฺเฉทิกา ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๘๒; ม. นิ. ๑.๒๓; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐) ปวตฺตา อาหารปฏิพทฺธฉนฺทราคนิสฺสรณภูตา ปฺา อสฺส อตฺถีติ นิสฺสรณปฺโ. อิทมตฺถนฺติ เอตมตฺถาย. เอวํ สนฺเตติ ‘‘พฺรหฺมาติ จ เมตฺตาวิหาริโน สมฺา’’ติ อวตฺวา เย ธมฺมา เมตฺตาวิหารสฺส ปฏิปกฺขภูตา, ตตฺถ สาวเสสํ ปหาสิ พฺรหฺมา, อนวเสสํ ปหาสิ ภควาติ สเจ เต อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ, เอวํ สนฺเต ตว อิทํ ยถาวุตฺตวจนํ อนุชานามิ, น เมตฺตาวิหาริตาสามฺมตฺตโตติ อตฺโถ.
๕๕. ‘‘ปาฏิเยกฺโก ¶ อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา วิสุํ อนุสนฺธิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺมึ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวารํ ถเกตีติ มจฺฉมํสปริโภคานฺุาย อฺเสํ วจนทฺวารํ ปิทหติ, โจทนาปถํ นิรุนฺธติ. กถํ สตฺตานุทฺทยํ ทสฺเสติ? สตฺตานุทฺทยมุเขน พาหิรกานํ มจฺฉมํสปริโภคปฏิกฺเขโป ตยิทํ มิจฺฉา, ติโกฏิปริสุทฺธสฺเสว มจฺฉมํสสฺส ปริโภโค ภควตา อนฺุาโต. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘ตีหิ โข อหํ, ชีวก, าเนหิ มํสํ ปริโภคนฺติ วทามี’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๕๒). วินเยปิ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) วุตฺตํ – ‘‘ติโกฏิปริสุทฺธํ, เทวทตฺต, มจฺฉมํสํ มยา อนฺุาต’’นฺติ. ติโกฏิปริสุทฺธฺจ ภฺุชนฺตานํ สตฺเตสุ อนุทฺทยา นิจฺจลา. ‘‘สตฺตานุทฺทยํ ทสฺเสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘สเจ หี’’ติอาทิมาห.
ปเมน การเณนาติ เทสนาวเสนปิ ปโยควเสนปิ ปเมน ปรูปฆาตเหตุนา. กฑฺฒิโต โส ปาโณ. คเลน ปเวเธนฺเตนาติ โยตฺตคเลน กรเณน อสยฺหมาเนน. พหุปฺุเมว โหติ อาสาทนาเปกฺขาย อภาวโต, หิตชฺฌาสยตฺตา วาติ อธิปฺปาโย. เอสาหํ, ภนฺเตติอาทิ กสฺมา วุตฺตํ, สรณคมนวเสเนว คหิตสรโณติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อย’’นฺติอาทิ. โอคาหนฺโตติอาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา สุตฺตํ อนุสฺสรนฺโต อตฺถํ อุปธาเรนฺโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ชีวกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ปาวารํ ¶ ปารุปตีติ ปาวาริโก, อิทํ ตสฺส กุลสมุทาคตํ นามํ, โส ปน มหทฺธโน มหาโภโค นคเร เสฏฺิฏฺาเน ิโต. เตนาห ‘‘ทุสฺสปาวาริกเสฏฺิโน’’ติ. ทีฆตฺตา ทีฆตมตฺตา. โส กิร ปมาณโต อุปวจฺฉยโต ทิยฑฺฒรตนํ อติกฺกมฺม ิโต. เอวํลทฺธนาโมติ ‘‘ทีฆตปสฺสี’’ติ ลทฺธสมฺโ. พาหิรายตเนติ ติตฺถิยสมเย ปิณฺฑปาโตติ โวหาโร นตฺถิ, ตสฺมา สาสนโวหาเรน ‘‘ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต’’ติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
ทสฺเสตีติ ¶ เทเสติ. เปตีติ อฺมฺสงฺกรโต ววตฺถเปติ. กิริยายาติ กรเณน. ปวตฺติยาติ ปวตฺตเนน. ทณฺฑานิ ปฺเปตีติ เอตฺถ กสฺมา ภควตา อาทิโตว ตถา น ปุจฺฉิตนฺติ? ยสฺมา สา ตสฺมึ อตฺเถ สภาวนิรุตฺติ น โหติ, สาสเน โลเก สมยนฺตเรสุ จ ตาทิโส สมุทาจาโร นตฺถิ, เกวลํ ปน ตสฺเสว นิคณฺสฺสายํ โกฏฺาลกสทิโส สมุทาจาโรติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมานิ ปฺเปติ’’ อิจฺเจวาห. อจิตฺตกนฺติ จิตฺตรหิตํ, จิตฺเตน อสมุฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. กถํ ปน ตทุภยสฺส จิตฺเตน วินา สมฺภโวติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนมาห ‘‘ยถา กิรา’’ติอาทิ. ปฏิวิภตฺตานนฺติ อตฺถโต ภินฺนานํ. ปฏิวิสิฏฺานนฺติ วิเสสนปทวเสน สทฺทโตปิ ภินฺนานํ. วจนํ ปติฏฺเปตุกาโมติ ทีฆตปสฺสิโน ยถาวุตฺตวจนํ ปติฏฺเปตุกาโม. ตสฺมิฺหิ ปติฏฺาปิเต เตนปฺปสงฺเคน อาคโต, อุปาลิ คหปติ ตสฺมึ ปเทเส ธมฺมํ ทิสฺวา สาสเน อภิปฺปสีทิสฺสติ.
กถา เอว อุปริ วาทาโรปนสฺส วตฺถุภาวโต กถาวตฺถุ. กถายํ ปติฏฺเปสีติ กถาวตฺถุสฺมึ, ตทตฺเถ วา ปติฏฺเปสิ. ยถา ตํ วาทาโรปนภเยน น อวชานาติ, เอวํ ตสฺสํ กถายํ, ตสฺมึ วา อตฺเถ ทีฆตปสฺสึ ยาวตติยํ วาเท ปติฏฺเปสิ. วาทนฺติ โทสํ.
๕๗. อิทานิ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมมฺปิ คเหตฺวา กายกมฺมาทิวเสน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ กายกมฺมํ นามาติอาทิ ‘‘กมฺมสฺส กิริยายา’’ติ ปาฬิยํ อกุสลกมฺมสฺส อธิคตตฺตา วุตฺตํ, ปุพฺเพ ปน อฏฺกามาวจรกุสลเจตนาติอาทิ สาวชฺชํ อนวชฺชฺจ สามฺโต เอกชฺฌํ กตฺวา ทสฺสิตํ. กสฺมา ปเนตฺถ เจตนา น คหิตาติ อาห ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต กมฺมํ ธุร’’นฺติ. กายกมฺมาทิเภทํ กมฺมเมว ¶ ธุรํ เชฏฺกํ ปุพฺพงฺคมํ, น เจตนามตฺตเมว. เอวมาคเตปีติ กมฺมานีติ เอวํ นาเมน อาคเตปิ เจตนา ธุรํ, ตตฺถ เจตนํ เชฏฺกํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. กถํ ปน ตตฺถ กมฺมนฺติ วา กมฺมานีติ วา อาคเต เตสํ เจตนาย ธุรภาโวติ อาห ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ…เป… ลภตี’’ติ. ตตฺถ ยตฺถ กตฺถจีติ ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ทฺวาเร. สา วุตฺตาวาติ สา เจตนา วุตฺตาว, ยา กายสงฺขาราทิปริยาเยน (ยสฺส กสฺสจิ กมฺมสฺส กายทฺวาราทีสุ ปวตฺตาปนเจตนา) สมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ¶ ตทคฺเคน โลกิยาปิ โลกุตฺตราปิ กมฺมเมว, อภิชฺฌาทโย ปน เจตนาปกฺขิกาติ ทฏฺพฺพํ.
มหนฺตนฺติ กฏุกผลํ. น กิลมติ สปฺปาฏิหาริยตฺตา ปฏิฺาย. อิทานิ เตสํ สปฺปาฏิหาริยตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ อกุสลํ ปตฺวา กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มหนฺตนฺติ วทนฺโต น กิลมติ, อถ กสฺมา ภควา อิธ อกุสลํ มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชํ กเถสีติ อาห ‘‘อิมสฺมึ ปน าเน’’ติอาทิ. ยาวตติยํ ปติฏฺาปนมตฺเตน คตมคฺคํ ปฏิปชฺชนฺโต. เตนาห ‘‘กิฺจิ อตฺถนิปฺผตฺตึ อปสฺสนฺโตปี’’ติ.
๕๘. นิวาสฏฺานภูโต พาลโก เอติสฺสา อตฺถีติ พาลกินี. สตฺถุปฏิฺาตตาย นิคณฺานํ มหาติ สมฺภาวิตตฺตา มหานิคณฺโ.
๖๐. อาวฏฺเฏติ ปุริมาการโต นิวตฺเตติ อตฺตโน วเส วตฺเตติ เอตายาติ อาวฏฺฏนี, มายา. เตนาห ‘‘อาวฏฺเฏตฺวา คหณมาย’’นฺติ. สตฺถุปฏิฺานํ พุทฺธทสฺสเน จิตฺตเมว น อุปฺปชฺชติ, อยเมตฺถ ธมฺมตา. สเจ ปน โส ตํ ปฏิฺํ อปฺปหาย พุทฺธานํ สมฺมุขีภาวํ อุปคจฺเฉยฺย, สตฺตธา มุทฺธา ผเลยฺย, ตสฺมา ภควา ‘‘มา อยํ พาโล วินสฺสี’’ติอาทิโตว ยถา สมฺมุขีภาวํ น ลภติ, ตถา กโรติ. สฺวายมตฺโถ ปาถิกปุตฺตสมาคเมน ทีเปตพฺโพ. ทสฺสนสมฺปตฺตินิยามมาห ‘‘ตถาคตํ หี’’ติอาทิ. อาคมา นุ โข อิธ ตุมฺหากํ สนฺติกํ.
๖๑. วจีสจฺเจ ปติฏฺหิตฺวาติ ยถาปฏิฺาตาย ปฏิฺาย ตฺวา.
๖๒. สีโตทเก อมตา ปาณา ปานกาเล ปน มรนฺติ, เตปิ เตน สีโตทกปริโภเคน มาริตา โหนฺติ, ตสฺมา ตปสฺสินา นาม สพฺเพน สพฺพํ สีโตทกํ น ปริภฺุชิตพฺพนฺติ เตสํ ลทฺธิ. ปากติกํ วา อุทกํ สตฺโตติ ปุราตนานํ นิคณฺานํ ลทฺธิ. เตนาห ‘‘สตฺตสฺาย สีโตทกํ ปฏิกฺขิปนฺตี’’ติ. เตสํ ตํ อธุนาตนนิคณฺานํ วาเทน วิรุชฺฌติ. เต หิ ปถวีอาทินวปทตฺถโต ¶ อฺเมว ชีวิตํ ปฏิชานนฺติ. จิตฺเตน สีโตทกํ ปาตุกาโม ปริภฺุชิตุกาโม โหติ โรเค ตฺวาปิ สตฺตานํ จิตฺตสฺส ตถา น วิตตตา. เตนาห – ‘‘เตนสฺส มโนทณฺโฑ ตตฺเถว ภิชฺชตี’’ติ. เตนาติ สีโตทกํ ปาตุํ ปริภฺุชิตฺุจ อิจฺฉเนน. อสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส นิคณฺสฺส. ตตฺเถวาติ ตถาจิตฺตุปฺปาทเน เอว. ภิชฺชติ สํวรสฺส วิโกปิตตฺตา. ตถาภูโต โส นิคณฺโ สีโตทกํ ¶ เจ ลเภยฺย, กติปยํ กาลํ ชีเวยฺย, อลาเภน ปน ปริสุสฺสมานกณฺโฏฺตาลุชิวฺหาอาทิโก สพฺพโส ปริทาหาภิภูโต มเรยฺย. เตนาห – ‘‘สีโตทกํ อลภมาโน กาลํ กเรยฺยา’’ติ. กสฺมา? ยสฺมา สีโตทกํ ปิวาย สนฺนิสฺสิตจิตฺตสฺส มรณํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มโนทณฺโฑ ปน ภินฺโนปิ จุติมฺปิ อากฑฺฒตี’’ติ. ยสฺมา ปน ตถาภูตจิตฺตสฺส นิคณฺสฺส มโนสตฺเตสุ นาม เทเวสุ อุปปตฺติ โหตีติ ติตฺถิยานํ ลทฺธิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มโนทณฺโฑ ปน ภินฺโนปิ ปฏิสนฺธิมฺปิ อากฑฺฒตี’’ติ. อิตีติ เอวํ ‘‘อิธาสฺส นิคณฺโ’’ติอาทิอากาเรน. นนฺติ อุปาลึ คหปตึ. มหนฺโตติ วทาเปสิ ‘‘มโนปฏิพทฺโธ กาลงฺกโรตี’’ติ วทนฺโตติ อธิปฺปาโย.
อุปาสกสฺสาติ อุปาลิสฺส คหปติสฺส. มุจฺฉาวเสนาติอาทินา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ มโนทณฺฑสฺส มหนฺตตํ วิภาเวติ. จิตฺตสนฺตติปฺปวตฺติมตฺเตเนวาติ วินา กายทณฺเฑน วจีทณฺเฑน จ เกวลํ จิตฺตสนฺตติปฺปวตฺติมตฺเตน. ภิชฺชิตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน อภิชฺชิตฺวาปิ. อนิยฺยานิกาติ อปฺปาฏิหีรา, อยุตฺตาติ อตฺโถ. สลฺลกฺเขสิ อุปาสโกติ วิภตฺตึ วิปริณาเมตฺวา โยชนา. ปฺหปฏิภานานีติ าตุํ อิจฺฉิเต อตฺเถ อุปฺปชฺชนกปฏิภานานิ.
‘‘มโนปฏิพทฺโธ กาลํ กโรตี’’ติ วทนฺเตน อตฺถโต มโนทณฺฑสฺส ตทุตฺตรภาโว ปฏิฺาโต โหตีติ อาห ‘‘อิทานิ มโนทณฺโฑ มหนฺโตติ อิทํ วจน’’นฺติ. ตถา เจว วุตฺตํ – ‘‘มโนทณฺโฑว พลวา มหนฺโตติ วทาเปสี’’ติ.
๖๓. ปาณาติปาตาทิโต ยมนํ ยาโม, จตุพฺพิโธ ยาโม จตุยาโม, จตุยามสงฺขาเตน สํวเรน สํวุโต จาตุยามสํวรสํวุโต. อฏฺกถายํ ปน ยาม-สทฺโท โกฏฺาสปริยาโยติ ‘‘อิมินา จตุโกฏฺาเสนา’’ติ วุตฺตํ. ปิยชาติกํ รูปาทิอารมฺมณํ ราควเสน พาเลหิ ภาวนียตฺตา ‘‘ภาวิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ภาวิตนฺติ ปฺจ กามคุณา’’ติ.
โย สพฺพํ ปาปํ อาสวฺจ วาเรตีติ สพฺพวารี, ตสฺส นวสุ ปทตฺเถสุ สตฺตโม ปทตฺโถ, เตน สพฺพวารินา ปาปํ วาริตฺวา ิโตติ สพฺพวาริวาริโต ¶ . เตนาห ‘‘สพฺเพน ปาปวารเณน วาริตปาโป’’ติ. ¶ ตโต เอว สพฺพสฺส วาริตพฺพสฺส อาสวสฺส ธุนนโต สพฺพวาริธุโต. วาริตพฺพสฺส นิวารณวเสน สพฺพวาริโน ผุโฏ ผุสิโตติ สพฺพวาริผุโฏ. สงฺฆาตนฺติ สหสา หนนํ, อสฺเจตนิกวธนฺติ อตฺโถ. กตรสฺมึ โกฏฺาเสติ ตีสุ ทณฺฑโกฏฺาเสสุ กตรโกฏฺาเส.
๖๔. ขลิยติ สมาทิยตีติ ขลํ, ราสีติ อาห – ‘‘เอกํ มํสขลนฺติ เอกํ มํสราสิ’’นฺติ. วิชฺชาธรอิทฺธิยา อิทฺธิมา. สา ปน อิทฺธิ ยสฺมา อานุภาวสมฺปนฺนสฺเสว อิชฺฌติ, น ยสฺส กสฺสจิ. ตสฺมา อาห ‘‘อานุภาวสมฺปนฺโน’’ติ. วิชฺชานุภาววเสเนว อานุภาวสมฺปนฺโน. จิตฺเต วสีภาวปฺปตฺโต อานุภาวาย เอว วิชฺชาย ปคุณภาวาปาทเนน. เอเตน วสีภาวํ โลกิยสมฺาวเสน ภควา อุปาลึ คหปตึ ปฺเปตุกาโม เอวมาห. โลกิกา หิ ‘‘ภาวนามยอิทฺธิยา อิทฺธิมา เจโตวสีภาวปฺปตฺโต ปรูปฆาตํ กโรตี’’ติ มฺนฺติ. ตถา หิ เต อิสโย ปเรสํ สํวณฺเณนฺติ, อิสีนํ อานุภาวํ กิตฺเตนฺติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสตีติ.
๖๕. อรฺเมว หุตฺวาติ สพฺพโส อรฺเมว หุตฺวา. อรฺภาเวน อรฺํ ชาตํ, น นามมตฺเตน. อิสีนํ อตฺถายาติ อิสีนํ อาสาทนตฺถาย.
โคธาวรีตีรโต นาติทูเร. อุสูยมาโนติ ‘‘น มํ เอส ชโน ปริวาเรตี’’ติ อุสูยํ กโรนฺโต. กิลิฏฺโ วตาติ ปงฺกทนฺตรชสิรตาทีหิ กิลิฏฺสรีโร. อนฺชิตมณฺฑิโตติ อนฺชิตกฺขิโก สพฺเพน, สพฺพํ อมณฺฑิโต จ. ตสฺมึ กาเล ‘‘กาลสฺเสว อกฺขีนํ อฺชนํ มงฺคล’’นฺติ มนุสฺสานํ ลทฺธิ, ตสฺมา อนฺชนํ วิสุํ คหิตํ.
ราชา ตสฺส วจนํ คเหตฺวาติ ‘‘เวเทสุ อีทิสํ อาคตํ ภวิสฺสตีติ เอวํ, ภนฺเต’’ติ ราชา ตสฺส ปุโรหิตสฺส วจนํ คเหตฺวา. อุสุมชาตหทโยติ อุตฺตตฺตหทโย. นาสิกานํ อปฺปโหนฺเต มุเขน อสฺสสนฺโต.
วิชิตชเยหิ อาคนฺตฺวา นกฺขตฺตยุตฺตํ อาคเมนฺเตหิ นิสีทิตพฺพฏฺานํ ชยขนฺธาวารฏฺานํ. อุทกวุฏฺิปาตนาทิ ตสฺมึ ปาปกมฺเม อสมงฺคิภูตานมฺปิ สมนฺุตาย ¶ อนฺโตกรณตฺถํ กตํ. กตภณฺฑวุฏฺีติ อาภรณวสฺสํ. มหาชโน สมนฺุโ ชาโตติ โยชนา. มาตุโปสกราโมติ มาตริ สมฺมาปฏิปนฺโน ราโม นาม เอโก ปุริโส. อสมงฺคิภูตานนฺติ อสมนฺุานํ.
อวกิริยาติ ¶ อสุสฺสูสตํ ปฏิจฺจ. ผุลิงฺคานีติ อคฺคิกณานิ. ปตนฺติ กาเยติ กาเย อิโต จิโต นิปตนฺติ. เอเต กิร นิรยํ วิวริตฺวา มหาชนสฺส ทสฺเสนฺติ.
ยถาผาสุกฏฺานนฺติ มยํ กฺจิปิ เทสํ อุทฺทิสฺส น คจฺฉาม, ยตฺถ ปน วสนฺตสฺส ปพฺพชิตสฺส ผาสุ โหติ, ตํ ยถาผาสุกฏฺานํ คจฺฉามาติ อธิปฺปาโย. สงฺฆาติ สํหตา. คณาติ ตํตํเสณิภาเวน คณิตพฺพตาย คณา. คณีภูตาติ เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ราสิภูตา. อทินฺนาทานนฺติอาทีสุปิ นิรเย ปจฺจิตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคตสฺส วิปากาวเสเสนาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ.
ปคฺคณฺหิสฺสามีติ สมฺภาวนํ อุปฺปาเทสฺสามิ. เนสํ กตฺตพฺพนฺติ จินฺเตสีติ โยชนา. กึ จินฺเตสิ? อาฆาตํ อุปฺปาเทตฺวา อนตฺถกรณูปายํ. เตนาห ‘‘โส ธมฺมกถาปริโยสาเน’’ติอาทิ. นาคพลปิจฺฉิลฺลาทีนนฺติ นาคพลสาสปองฺโกลเตลกณิการนิยฺยาสาทีนํ จิกฺขลฺลานํ. วิเหยึสุ นิรยาทิกถาหิ ฆฏฺเฏนฺตา. ฉทฺวารารมฺมเณติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ ทฺวารานํ อารมฺมณภูเต รูปาทิวิสเย.
นว วุฏฺิโยติ อุทกวุฏฺิ สุมนปุปฺผวุฏฺิ มาสกวุฏฺิ กหาปณวุฏฺิ อาภรณวุฏฺิ อาวุธวุฏฺิ องฺคารวุฏฺิ ปาสาณวุฏฺิ วาลิกาวุฏฺีติ อิมา นว วุฏฺิโย. อวฺจยีติ สกฺการํ กโรนฺโต วิย หุตฺวา อสกฺการํ กโรนฺโต อนตฺถจรเณน วฺจยิ. อทูสเกติ อนปราเธ.
‘‘ทิฏฺมงฺคลิกา พฺราหฺมณกฺา’’ติ ชาตกฏฺกถาทีสุ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๕.มาตงฺคชาตกวณฺณนา) อาคตํ, อิธ ปน ‘‘เสฏฺิธีตา’’ติ. วาเรยฺยตฺถายาติ อาวาหตฺถาย, อสฺสาติ เปสิตปุคฺคลสฺส. ตาทิเสน นีจกุลสํวตฺตนิเยน กมฺมุนา ลทฺโธกาเสน จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺโต.
จมฺมเคเหติ ¶ จมฺเมน ฉาทิเต เคเห. มาตงฺโคตฺเววสฺส นามํ อโหสิ ชาติสมุทาคตํ. ตนฺติ ฆณฺฏํ. วาเทนฺโต ตาลเนน สทฺทํ กโรนฺโต. มหาปถํ ปฏิปชฺชิ ทิฏฺมงฺคลิกาย เคหทฺวารสมีเปน.
ตสฺสา เวยฺยาวจฺจกรา เจว อุปฏฺากมนุสฺสา ปฏิพทฺธา จ สุราโสณฺฑาทโย ชาณุกปฺปราทีหิ สุโกฏฺฏิตํ โกฏฺฏิตภาเวน มุจฺฉํ อาปนฺนตฺตา มโตติ สฺาย ฉฑฺเฑสุํ.
อถ โพธิสตฺโต ¶ อายุอวเสสสฺส อตฺถิตาย มนฺทมนฺเท วาเต วายนฺเต จิเรน สฺํ ปฏิลภติ. เตนาห ‘‘มหาปุริโส’’ติอาทิ. เคหงฺคเณติ เคหสฺส มหาทฺวารโต พหิ วิวฏงฺคเณ. ปติโตติ ปาตํ กตฺวา อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺตึ อนฺตรํ กตฺวา อนุปฺปเวเสน นิปนฺโน. ทิฏฺมงฺคลิกายาติ ทิฏฺมงฺคลิกาการเณน.
ยสนฺติ วิภวํ กิตฺติสทฺทฺจ. จนฺทนฺติ จนฺทมณฺฑลํ, จนฺทวิมานนฺติ อตฺโถ. อุจฺฉิฏฺเคเหติ ปเรหิ ปริภุตฺตเคเห. มณฺฑเปติ นครมชฺเฌ มหามณฺฑเป.
ขีรมณิมูลนฺติ ขีรมูลํ, ปาเทสุ พทฺธมณิมูลฺจ. ยาวตา วาจุคฺคตา ปริยตฺตีติ ยตฺตโก มนุสฺสวจีทฺวารโต อุคฺคโต นิกฺขนฺโต ปวตฺโต, ยํกิฺจิ วจีมยนฺติ อตฺโถ. อากาสงฺคเณติ วิวฏงฺคเณ.
ทุมฺมวาสีติ ธูโม ธูสโร, อนฺชิตามณฺฑิโตติ อธิปฺปาโย. โอตลฺลโกติ นิหีนชฺฌาสโย, อปฺปานุภาโวติ อตฺโถ. ปฏิมฺุจ กณฺเติ ยาว คลวาฏกา ปารุปิตฺวา. โก เร ตุวนฺติ อเร โก นาม ตฺวํ.
ปกตนฺติ ปฏิยตฺตํ นานปฺปการโต อภิสงฺขตํ. อุตฺติฏฺปิณฺฑนฺติ อนฺตรฆรํ อุปคมฺม ตฺวา ลทฺธพฺพปิณฺฑํ, ภิกฺขาหารนฺติ อตฺโถ. ลภตนฺติ ลจฺฉตุ. สปาโกติ มหาสตฺโต ชาติวเสน ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกโรติ.
อตฺถตฺถิตํ สทฺทหโตติ สมฺปรายิกสฺส อตฺถสฺส อตฺถิภาวํ สทฺทหนฺตสฺส. อเปหีติ อปคจฺฉ. เอตฺโตติ อิมสฺมา านา. ชมฺมาติ ลามก.
อนูปเขตฺเตติ ¶ อชงฺคเล อุทกสมฺปนฺเน เขตฺเต ผลวิเสสํ ปจฺจาสีสนฺตา. เอตาย สทฺธาย ททาหิ ทานนฺติ นินฺนํ ถลฺจ ปูเรนฺโต เมโฆ วิย คุณวนฺเต นิคฺคุเณ จ ทานํ เทหิ, เอวํ เทนฺโต จ อปฺเปว อาราธเย ทกฺขิเณยฺเยติ. ทกฺขิเณยฺเยติ สีลาทิคุณสมนฺนาคเต.
ตานีติ เต พฺราหฺมณา. เวณุปทเรนาติ เวฬุวิลีเวน.
คิรึ นเขน ¶ ขณสีติ ปพฺพตํ อตฺตโน นเขน ขณนฺโต วิย อโหสิ. อโยติ กาลโลหํ. ปทหสีติ อภิภวสิ, อตฺตโน สรีเรน อภิภวนฺโต วิย อโหสิ.
อาเวธิตนฺติ จลิตํ วิปริวตฺเตตฺวา ิตํ. ปิฏฺิโตติ ปิฏฺิปสฺเสน. พาหุํ ปสาเรติ อกมฺมเนยฺยนฺติ อกมฺมกฺขมํ พาหุทฺวยํ ถทฺธํ สุกฺขทณฺฑกํ วิย เกวลํ ปสาเรติ, น สมิฺเชติ, เสตานิ อกฺขีนิ ปริวตฺตเนน กณฺหมณฺฑลสฺส อทิสฺสนโต.
ชีวิตนฺติ ชีวนํ.
เวหายสนฺติ อากาเส. ปถทฺธุโนติ ปถภูตทฺธุโน วิย.
สฺมฺปิ น กโรตีติ ‘‘อิเม กุลปฺปสุตา’’ติ สฺามตฺตมฺปิ น กโรติ. ทนฺตกฏฺกุจฺฉิฏฺกนฺติ ขาทิตทนฺตกฏฺตฺตา วุตฺตํ. เอตสฺเสว อุปริ ปติสฺสติ อปฺปทุฏฺปโทสภาวโต, มหาสตฺตสฺส ตทา อุกฺกํสคตเขตฺตภาวโต. อิทฺธิวิสโย นาม อจินฺเตยฺโย, ตสฺมา กถํ สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ นาทาสีติ น จินฺเตตพฺพํ. อรุณุคฺคํ น ปฺายตีติ ตสฺมึ ปเทเส อรุณปภา น ปฺายติ, อนฺธกาโร เอว โหติ.
ยกฺขาวฏฺโฏ นุ โข อยํ กาลวิปริยาโย. มหาปฺนฺติ มหนฺตานํ ปฺานํ อธิฏฺานภูตํ. ชนปทสฺส มุขํ ปสฺสถาติ อิมสฺส ชนปทวาสิโน ชนสฺส อุปทฺทเวน มงฺกุภูตํ มุขํ ปสฺสถ.
เอตสฺส กถา เอตสฺเสว อุปริ ปติสฺสตีติ ยาหิ เตน ปารมิตาปริภาวนสมิทฺธาหิ นานาสมาปตฺติวิหารปริปูริตาหิ สีลทิฏฺิสมฺปทาหิ สุสงฺขตสนฺตาเน มหากรุณาธิวาเส มหาสตฺเต อริยูปวาทกมฺมอภิสปสงฺขาตา ผรุสวาจา ปวตฺติตา, สา อภิสปิ ตสฺส เขตฺตวิเสสภาวโต ตสฺส จ อชฺฌาสยผรุสตาย ทิฏฺธมฺมเวทนิยกมฺมํ หุตฺวา ¶ สเจ โส มหาสตฺตํ น ขมาเปติ, สตฺตเม ทิวเส วิปจฺจนสภาวํ ชาตํ, ขมาปิเต ปน มหาสตฺเต ปโยคสมฺปตฺติ ปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปชฺชติ อโหสิกมฺมภาวโต. อยฺหิ อริยูปวาทปาปสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนิยสฺส ธมฺมตา, เตน วุตฺตํ ‘เอตสฺส กถา เอตสฺเสว อุปริ ปติสฺสตี’ติอาทิ. มหาสตฺโต ปน ตํ ตสฺส อุปริ ปติตุํ น อทาสิ, อุปาเยน โมเจสิ. เตน วุตฺตํ จริยาปิฏเก (จริยา. ๒.๖๔) –
‘‘ยํ โส ¶ ตทา มํ อภิสปิ, กุปิโต ทุฏฺมานโส;
ตสฺเสว มตฺถเก นิปติ, โยเคน ตํ ปโมจยิ’’นฺติ.
ยฺหิ ตตฺถ สตฺตเม ทิวเส โพธิสตฺเตน สูริยุคฺคมนนิวารณํ กตํ, อยเมตฺถ โยโคติ อธิปฺเปโต. โยเคน หิ อุพฺพฬฺหา สราชิกา ปริสา นครวาสิโน เนคมา เจว ชานปทา จ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ ตาปสํ อาเนตฺวา ขมาเปสุํ. โส จ โพธิสตฺตสฺส คุเณ ชานิตฺวา ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทสิ. ยํ ปนสฺส มตฺถเก มตฺติกาปิณฺฑสฺส ปนํ, ตสฺส จ สตฺตธา ผาลนํ กตํ, ตํ มนุสฺสานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ. อฺถา หิ – ‘‘อิเม ปพฺพชิตา สมานา จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺติ, น ปน จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺตาเปนฺตี’’ติ มหาสตฺตมฺปิ เตน สทิสํ กตฺวา คณฺเหยฺยุํ, ตทสฺส เตสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ. เตนาห ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ.
โลหกูฏวสฺสนฺติ อยคุฬวสฺสํ. ตทา หิ รตนมตฺตานิ ทิยฑฺฒรตนมตฺตานิปิ ติขิณํสานิ อยคุฬมณฺฑลานิ อิโต จิโต จ นิปตนฺตา มนุสฺสานํ สรีรานิ ขณฺฑขณฺฑกานิ อกํสุ. กลลวสฺสนฺติ ตนุกกทฺทมปฏลกทฺทมํ. อุปหจฺจาติ อาฆาเฏตฺวา. ตเทว มชฺฌารฺํ.
๖๗. อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิจฺจกรณํ. การเณหิ ทฺวีหิ อนิยฺยานิกสาสเน ิตานํ อตฺตโน สาวกตฺตํ อุปคเต ปคฺคหนิคฺคหานิ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๖๙. อนุปุพฺพึ กถนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๒) อนุปุพฺพิยา อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํ, กา ปน สา? ทานาทิกถา. ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโตว กถิตา ¶ . ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคหณวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคยสสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา. ตฺจ สีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ, อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตจริยเภทภินฺเนหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา โภคภวสมฺปตฺติโยติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถา. สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ สพฺพทา อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค, มคฺคฺจ กเถนฺเตน ¶ ตทธิคมูปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว. หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส. สพฺพโส กิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
สุขานํ นิทานนฺติ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานํ นิพฺพานสฺหิตานฺจาติ สพฺเพสมฺปิ สุขานํ การณํ. ยฺหิ กิฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานนิทานนฺติ ปากโฏ อยมตฺโถ. ยํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว. สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชสิริสฺสริยสตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชาทิคตา ทิพฺพา สมฺปตฺติโย, ยา วา ปนฺาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ มูลการณํ. โภคานนฺติ ภฺุชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภโค’’นฺติ ลทฺธนามานํ มนาปิยรูปาทีนํ, ตนฺนิสฺสยานํ วา อุปโภคสุขานํ, ปติฏฺา นิจฺจลาธิฏฺานตาย. วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺส. ตาณนฺติ รกฺขา ตโต ปริปาลนโต. เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาติยมานสฺส โอลียนปเทโส. คตีติ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปรายณนฺติ ปฏิสรณํ. อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทนฺโต นิสฺสโย. อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํ.
รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ ¶ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ, มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานโต. มหาปถวิสทิสํ คตคตฏฺาเน ปติฏฺาสมฺภวโต. ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฏฺโต ติฏฺโต จ อุปตฺถมฺโภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปปตฺติยา ิติยา จ ปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘อาลมฺพนฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิส’’นฺติ. ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเนาติ ทุคฺคติทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน. สมสฺสาสนฏฺเนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฏิสตฺตุปทฺทวโต สมฺมเทว อสฺสาสนฏฺเน. ภยปริตฺตาณฏฺเนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนฏฺเน. มจฺเฉรมลาทีหีติ มจฺเฉรโลภโทสอิสฺสามิจฺฉาทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิ จิตฺตมเลหิ. อนุปลิตฺตฏฺเนาติ อนุปกฺกิลิฏฺตาย. เตสนฺติ มจฺเฉรมลาทีนํ. เอเตสํ เอว ทุราสทฏฺเน. อสนฺตาสนฏฺเนาติ อสนฺตาสเหตุภาเวน. โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ น กุโตจิ สนฺตสติ, ปเคว อายตึ. พลวนฺตฏฺเนาติ มหาพลวตาย. ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายตึ ปน กายพลาทีหิ. อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเนาติ ‘‘วุฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวน. วิปตฺติโต สมฺปตฺติยา นยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ.
อิทานิ ¶ มหาโพธิจริยภาเวนปิ ทานคุณํ ทสฺเสตุํ ทานํ นาเมตนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺตานํ นิยฺยาเทนฺเตนาติ เอเตน ทานผลํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตา มหาปุริสา อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา โก นาม วิฺุชาติโก พาหิเร วตฺถุมฺหิ สงฺคํ กเรยฺยาติ โอวาทํ เทติ. อิทานิ ยา โลกิยา โลกุตฺตรา จ อุกฺกํสคตา สมฺปตฺติโย, ตา สพฺพา ทานโตเยว ปวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทานฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย จ ปรหิตาย จาติ ทสฺเสตุํ สา ตาสํ ปรโต วุตฺตา. เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาวกปารมีาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตาสุปิ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺตรุกฺกฏฺตมเมว ทสฺเสตุํ กเมน าณตฺตยํ วุตฺตํ. เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฏฺา วุตฺโตเยว. เอเตเนว ตสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทานฺจ นาม หิตชฺฌาสเยน, ปูชาวเสน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก ปุริสปุคฺคโล ปเรสํ สนฺตกํ หริสฺสตีติ ¶ อฏฺานเมตนฺติ อาห – ‘‘ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตี’’ติ. สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ โสภาวิเสสาวหตฺตา สีลสฺส. สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕; มิ. ป. ๔.๑.๑) คาถา – ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) ชาตกคาถาโย จ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา, สีลฺหิ สตฺตานํ อาภรณฺเจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนฺจ ทสฺสนียภาวาวหฺจ. เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิ.
อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ อิทํ มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ สมาทานสีลํ สนฺธายาห. เตนาห สกฺโก เทวราชา –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕; ๒.๒๒.๔๒๙; ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖);
อิฏฺโติ สุโข. กนฺโตติ กมนีโย. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. ตํ ปน ตสฺส อิฏฺาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โทโสติ อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิฺูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ ¶ . อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺเตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา. ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. ลามกภาโวติ อเสฏฺเหิ เสวิตพฺโพ, เสฏฺเหิ น เสวิตพฺโพ นิหีนภาโว. สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาธกตา อุปตาปตา จ.
เนกฺขมฺเม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิจ – ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทสฺายา’’ติอาทินา (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖; ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖) นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํเส ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ. กลฺลจิตฺตนฺติ เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทโย จิตฺตสฺส โรคภูตา ¶ , ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อาห ‘‘อโรคจิตฺต’’นฺติ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ. ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ เสสปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน อุปาลิสฺส สํกิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคนิปฺผาทนฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุ เอว. รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ติสฺสํ เอว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปฺตา สุขปฏิปทาขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ. ติณฺณํ มคฺคานนฺติ เหฏฺิมานํ ติณฺณํ มคฺคานํ. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนนฺติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตํ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิวิชฺฌนฺตนฺติ อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ. เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ.
ตตฺริทํ ¶ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพีกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเก เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกาภเรหิ กาฬกปเทเส สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ. เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ.
ทิฏฺธมฺโมติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ¶ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาหนฺตํ นาม โหติ. เตนาห – ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา ติณฺณวิจิกิจฺฉา. วิคตกถํกโถติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, กึ นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต. อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา น ตสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย.
๗๒. เตน หิ สมฺมาติ โทวาริเกน สทฺธึ สลฺลปติเยว, ‘‘เอตฺเถวา’’ติ เตน วุตฺตวจนํ สุตฺวาปิ ตสฺส อตฺถํ อสลฺลกฺเขนฺโต. กสฺมา? ปริเทวตาย. เตนาห ‘‘พลวโสเกน อภิภูโต’’ติ.
๗๓. เตเนวาติ เยน อุตฺตราสงฺเคน อาสนํ สมฺมชฺชติ, เตเนว อุทเร ปริกฺขิปนฺโต ‘‘มาหํ สตฺถารํ มม สรีเรน ผุสิ’’นฺติ อนฺตรํ กโรนฺโต อุตฺตราสงฺเคน ตํ อุทเร ปริกฺขิปนฺโต ปริคฺคเหตฺวา. ‘‘ทตฺตปฺตฺต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) วิย ทตฺต-สทฺโท เอตฺถ พาลปริยาโยติ ¶ อาห ‘‘ชโฬสิ ชาโต’’ติ. อุปฏฺากสฺส อฺถาภาเวนาติ ปุพฺเพ อตฺตโน อุปฏฺากสฺส อิทานิ อนุปฏฺากภาเวน.
๗๕. อวิฺาณกํ ทารุสาขาทิมยํ. พหลพหลํ ปีตาวเลปนํ รงฺคชาตนฺติ อติวิย พหลํ ปีตวณฺณมฺชิฏฺอาทิอวเลปนรชนํ. ฆฏฺเฏตฺวา อุปฺปาทิตจฺฉวึ, ยา รงฺคํ ปิวติ. นิลฺโลมตนฺติ ปุนปฺปุนํ อนุลิมฺปเนน. ขณฺฑขณฺฑิตนฺติ ขณฺฑขณฺฑิตภาวํ. รงฺคกฺขโม รชนิโย. เตนาห ‘‘ราคมตฺตํ ชเนตี’’ติ. อนุโยคนฺติ โจทนํ. วีมํสนฺติ วิจารณํ. ถุเส โกฏฺเฏตฺวา ตณฺฑุลปริเยสนํ ¶ วิย กทลิยํ สารปริเยสนํ วิย จ นิคณฺวาเท สารวีมํสนํ. ตโต เอว จ ตํ วีมํสนฺโต ริตฺตโก ตุจฺฉโกว โหตีติ. สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ จตุสจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ, ตฺจ วีมํสิยมานํ วิฺูนํ ปีติโสมนสฺสเมว ชเนติ, อตปฺปกฺจ อเสจนาภาเวนาติ อาห ‘‘จตุสจฺจกถา หี’’ติอาทิ. ยถา ยถาติ ยทิ ขนฺธมุเขน ยทิ ธาตายตนาทีสุ อฺตรมุเขน พุทฺธวจนํ โอคาหิสฺสติ, ตถา ตถา คมฺภีราณานํเยว โคจรภาวโต คมฺภีรเมว โหติ. โย เจตฺถ ปณฺฑิโต นิปุโณ กตปรปฺปวาโท ปณิธาย สพฺพถาเมน โจทนํ อารมฺภติ ตสฺส โจทนา เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเลตุํ น สกฺโกติ. ปุน สุจิรมฺปิ กาลํ วิจาเรนฺเตสุปิ วิมทฺทกฺขมโต, เอวํ ตถาคตวาโท สฺวาขฺยาตภาวโตติ อาห ‘‘อนุโยคกฺขโม วิมชฺชนกฺขโม จา’’ติ.
๗๖. วิสยปริฺาเณน ทหติ ปฏิปกฺเข โสเธตีติ ธีโร, สฺวายมสฺส ธีรภาโว สพฺพโส สมฺโมหวิทฺธํสนตายาติ อาห – ‘‘ยา ปฺา…เป… เตน สมนฺนาคตสฺสา’’ติ. ปภินฺนขีลสฺสาติ สมุจฺฉินฺนสพฺพเจโตขีลสฺส, กิเลสมจฺจุมารวิชเยเนว อภิสงฺขารขนฺธมารา ชิตาว โหนฺตีติ เตสํ ทฺวินฺนํ อิธ อคฺคหณํ. อีฆ-สทฺโท ทุกฺขปริยาโยติ อาห ‘‘นิทฺทุกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ สอุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา กิเลเสน นิทฺทุกฺขตา, อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา วิปากทุกฺเขน นิทฺทุกฺขตา. รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนาทิวเสน วิวิธํ อีสนโต วีสํ, วีสเมว เวสํ, ราคาทีติ อาห – ‘‘เวสนฺตรสฺสาติ ราคาทิวีสํ ตริตฺวา วิตริตฺวา ิตสฺสา’’ติ.
ตุสิตสฺสาติ กรุณายนวเสน ตุสิยา อิตสฺส สํวตฺตสฺส. เอวํ สติ ‘‘มุทิตสฺสา’’ติ อิทํ ปุนรุตฺตเมว โหติ. มนุชสฺสาติ ปมาย ชาติยา ภควา มนุสฺสชาติโย หุตฺวา วุตฺตานํ วกฺขมานานฺจ วเสน สเทวกํ อภิภวิตฺวา ิโต อจฺฉริโย ภควาติ ทสฺเสติ. สเทวกํ โลกํ สํสารโต นิพฺพานสุขํ นรติ เนติ ปาเปตีติ นโร, นายโกติ อตฺโถ, ตสฺส นรสฺส, เตนาห ¶ ‘‘ปุนรุตฺต’’นฺติ. ‘‘มนุชสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘นรสฺสา’’ติ ปุนรุตฺตํ ปทํ. อตฺถวเสน อฺถา วุจฺจมาเน เอเกกคาถาย ทสคุณา นปฺปโหนฺติ, น ปูเรนฺตีติ อตฺโถ.
วิเนตีติ วินโย, วินโย เอว เวเนยิโกติ อาห ‘‘สตฺตานํ วินายกสฺสา’’ติ. วิฺูนํ รุจึ ราติ, อีเรตีติ วา รุจิโร, สฺวายมสฺส รุจิรภาโว ¶ กุสลตายาติ อาห ‘‘สุจิธมฺมสฺสา’’ติ. ปภาสกสฺสาติ าณาโลเกน ปภสฺสรภาวกรสฺส. นิสฺสงฺคสฺสาติ อฏฺสุปิ ปริสาสุ, สเทเว วา สพฺพสฺมึ โลเก อคฺคณฺหาปนปริจฺจาเคน นิสฺสฏสฺส. คมฺภีรคุณสฺสาติ ปเรสํ าเณน อปฺปติฏฺภาวา คมฺภีรคุณสฺส. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๘). อริยาย วา ตุณฺหีภาเวน โมนปฺปตฺตสฺส. ธมฺเม ิตสฺสาติ ธมฺมกาเย สุปฺปติฏฺิตสฺส. สํวุตตฺตสฺสาติ อรกฺขิยกายสมาจาราทิตาย สํวุตสภาวสฺส.
อาคุํ น กโรตีติอาทีหิ จตูหิ การเณหิ, ปนฺตเสนาสนสฺสาติ วิวิตฺตเสนาสนสฺส. ปฏิมนฺตนปฺายาติ สพฺพปรปฺปวาทานํ วิปราวตฺตมนฺตนปฺาย. โมนํ วุจฺจติ าณํ สพฺพโต กิเลสานํ นิธุนนโต.
อิสิสตฺตมสฺสาติ สพฺพอิสีสุ เชฏฺสฺส สาธุตมสฺส. เสฏฺปฺปตฺตสฺสาติ เสฏฺํ อุตฺตมํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺตสฺส. อกฺขราทีนีติ อกฺขรปทพฺยฺชนาการ-นิรุตฺตินิทฺเทส-สํกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชนุตฺตานีกรณานีติ พฺยฺชนตฺถปทานิ. สโมธาเนตฺวา วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ปกาสนโต กถนโต ปทกสฺส. ปุริ-สทฺโท ‘‘ปุพฺเพ’’ติ อิมินา สมานตฺโถติ อาห – ‘‘ปุรินฺททสฺสาติ สพฺพปมํ ธมฺมทานทายกสฺสา’’ติ. ภควา อสยฺหํ สหิตุํ สมตฺโถติ อาห ‘‘สมตฺถสฺสา’’ติ. เตนาห – ‘‘ตถาคตํ พุทฺธมสยฺหสาหิน’’นฺติ (อิติวุ. ๓๘). เต ปตฺตสฺสาติ เต คุเณ อนวเสสโต ปตฺตสฺส. วิตฺถาเรตฺวา สํกิเลสโวทานธมฺมํ พฺยากโรตีติ พฺยากรโณ, พฺยากรโณ เอว เวยฺยากรโณ. ตนฺติปทนฺติ ตนฺตึ อาโรเปตฺวา ปิตํ ปทํ.
ตณฺหาพนฺธเนน สพฺเพน วา กิเลสพนฺธเนน อพทฺธสฺส. มหาปฺายาติ มหานุภาวาย ปฺาย, มหาวิสยาย วา ปฺาย. สพฺพา หิ ภควโต ปฺา มหานุภาวา, ยถาสกํ วิสเย มหาวิสยา จ เอกาทิวเสน อนวเสสโต มหาวิสยา นาม สพฺพฺุตาว. อานุภาวทสฺสนฏฺเนาติ อจฺฉริยาจินฺเตยฺยาปริเมยฺยสฺส อตฺตโน อานุภาวสฺส โลกสฺส ทสฺสนฏฺเน ¶ . ยกฺขสฺสาติ วา โลเกน ปูชนียสฺส ¶ . อยํ อุปาสโก ขุชฺชุตฺตรา วิย อุปาสิกา เสขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโตติ อาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปฏิสมฺภิทา อาคตา’’ติ. กิเลสปฺปหานวณฺณํ กเถนฺโตติ กิเลสปฺปหานํ วิสยํ นิมิตฺตํ กตฺวา วณฺณํ กเถนฺโต.
๗๗. สมฺปิณฺฑิตาติ สนฺนิจิตา, คนฺถิตาติ อตฺโถ. อิเม สตฺตาติ ยํ ยเทว ปริพฺภมนฺตา สตฺตา. อตฺตโนว จินฺตยนฺตีติ อวีตตณฺหตาย สกํเยว ปโยชนํ จินฺเตนฺติ. ตถา หิ มเต าตเก อนุโสจนฺตาปิ เตหิ สาเธตพฺพสฺส อตฺตโน ปโยชนสฺเสว วเสน อนุโสจนฺติ. อุณฺหํ อโหสีติ พลวตา จิตฺตสฺส สนฺตาเปน สนฺตตฺตํ อพฺภนฺตรํ หทยฏฺานํ ขทิรงฺคารสนฺตาปิตํ วิย อุณฺหํ อโหสิ. เตนาห ‘‘โลหิตํ วิลียิตฺถา’’ติ. ปตฺตมตฺตนฺติ เอกปตฺตปูรมตฺตํ. อภิสมยสาธิกาย จตุสจฺจเทสนาย สงฺเขเปเนว เทสิตตฺตา อาห – ‘อุคฺฆฏิตฺุปุคฺคลสฺส วเสน ธมฺมเทสนา ปรินิฏฺิตา’’ติ.
อุปาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา
๗๘. โกลิเยสูติ ¶ พหุวจนวเสนายํ ปาฬิ อาคตา. เอวํนามเก ชนปเทติ อตฺถวจนํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. น นิยมิโตติ ‘‘อสุกมฺหิ นาม วิหาเร’’ติ น นิยเมตฺวา วุตฺโต. เสนาสเนเยวาติ อาวาเสเยว, น รุกฺขมูลาทิเก. เวสกิริยา ฆาสคฺคหณาทินา สมาทาตพฺพฏฺเน โควตํ, ตสฺมึ นิยุตฺโต โควติโก. เตนาห ‘‘สมาทินฺนโควโต’’ติ. ยํ สนฺธายาหุ เวทเวทิโน – ‘‘คจฺฉํ ภกฺเขติ, ติฏฺํ มุตฺเตติ, อุปาหา อุทกํ ธูเปติ, ติณานิ ฉินฺทตี’’ติอาทิ. อยํ อเจโลติ อเจลกปพฺพชฺชาวเสน อเจโล, ปุริโม ปน โควติโก กุกฺกุรวติโกติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ปลิกุณฺิตฺวาติ อุโภ หตฺเถ อุโภ ปาเท จ สมิฺชิตฺวา. ‘‘อุกฺกุฏิโก หุตฺวา’’ติปิ วทนฺติ. คมนํ นิปฺผชฺชนํ คตีติ อาห – ‘‘กา ¶ คตีติ กา นิปฺผตฺตี’’ติ. นิปฺผตฺติปริโยสานา หิ วิปากธมฺมปฺปวตฺติ. กตูปจิตกมฺมวเสน อภิสมฺปเรติ เอตฺถาติ อภิสมฺปราโย, ปรโลโก. ตตฺถสฺส จ นิปฺผตฺตึ ปุจฺฉตีติ อาห – ‘‘อภิสมฺปรายมฺหิ กตฺถ นิพฺพตฺตี’’ติ. กุกฺกุรวตสมาทานนฺติ กุกฺกุรภาวสมาทานํ, ‘‘อชฺช ปฏฺาย อหํ กุกฺกุโร’’ติ กุกฺกุรภาวาธิฏฺานํ.
๗๙. ปริปุณฺณนฺติ ยตฺตกา กุกฺกุรวิการา, เตหิ ปริปุณฺณํ. เตนาห ‘‘อนูน’’นฺติ. อพฺโพกิณฺณนฺติ เตหิ อโวมิสฺสํ. กุกฺกุราจารนฺติ กุกฺกุรานํ คมนากาโรติอาทิอาจาเรน กุกฺกุรภาวาธิฏฺานจิตฺตมาห. ตถา ตถา อากปฺเปตพฺพโต อากปฺโป, ปวตฺติอากาโร. โส ปเนตฺถ คมนาทิโกติ อาห ‘‘กุกฺกุรานํ คมนากาโร’’ติอาทิ. อาจาเรนาติ กุกฺกุรสีลาจาเรน. วตสมาทาเนนาติ กุกฺกุรวตาธิฏฺาเนน. กุกฺกุรจริยาทิเยว ทุกฺกรตปจรณํ. เตน คติวิปริเยสากาเรน ปวตฺตา ลทฺธิ. อสฺส กุกฺกุรวติกสฺส อฺา คติ นตฺถีติ อิตรคตึ ปฏิกฺขิปติ, อิตราสํ ปน สมฺภโว เอว นตฺถีติ. นิปชฺชมานนฺติ วตสีลาทีนํ สํโคปนวเสน สิชฺฌมานํ. ยถา สกมฺมกธาตุสทฺทา อตฺถวิเสสวเสน อกมฺมกา โหนฺติ ‘‘วิพุทฺโธ ปุริโส วิพุทฺโธ กมลสณฺโฑ’’ติ, เอวํ อตฺถวิเสสวเสน อกมฺมกาปิ สกมฺมกา โหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ปริเทวามิ น อนุตฺถุนามี’’ติอาทิมาห. อนุตฺถุนสทฺโท จ สกมฺมกวเสน ปยุชฺชติ ‘‘ปุราณานิ อนุตฺถุน’’นฺติอาทีสุ. อยฺเจตฺถ ปโยโคติ อิมินา คาถายฺจ อนุตฺถุนนโรทนํ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสติ.
๘๐. วุตฺตนเยเนวาติ ¶ อิมินา โควตนฺติ โควตสมาทานํ. โคสีลนฺติ ควาจารํ. โคจิตฺตนฺติ ‘‘อชฺช ปฏฺาย โคหิ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. คฺวากปฺเป ปน วตฺตพฺพํ อวสิฏฺํ ‘‘กุกฺกุรากปฺเป วุตฺตสทิสเมวา’’ติ อิมินาว อติทิฏฺํ, วิสิฏฺฺจ ยถา ปน ตตฺถาติอาทินา วุตฺตเมว. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ กุกฺกุรวตาทีสุ วุตฺตนยเมว.
๘๑. เอกจฺจกมฺมกิริยาวเสนาติ เอกจฺจสฺส อกุสลกมฺมสฺส กุสลกมฺมสฺส กรณปฺปสงฺเคน. อิเมสนฺติ โควติกกุกฺกุรวติกานํ. กิริยาติ โควตภาวนาทิวเสน ปวตฺตา กิริยา. ปากฏา ภวิสฺสตีติ ‘‘อิมสฺมึ กมฺมจตุกฺเก อิทํ นาม กมฺมํ ภชตี’’ติ ปากฏา ภวิสฺสติ.
กาฬกนฺติ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๓๒) มลีนํ, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ กมฺมปถสมฺปตฺตเมว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ทสอกุสลกมฺมปถ’’นฺติ. กณฺหนฺติ กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหํ. เตนาห ‘‘กณฺหวิปาก’’นฺติ. อปายูปปตฺติ มนุสฺเสสุ จ โทภคฺคิยํ กณฺหวิปาโก, ยถา ตมภาโว วุตฺโต, เอกตฺตนิทฺเทเสน ปน ‘‘อปาเย นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อตฺโถ. สุกฺกนฺติ โอทาตํ, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณนฺติ อตฺโถ, สุกฺกาภิชาติเหตุโต วา สุกฺกํ. เตนาห ‘‘สุกฺกวิปาก’’นฺติ. สคฺคูปปตฺติ มนุสฺสโลเก โสภคฺคิยฺจ สุกฺกวิปาโก, ยถา จ โชติภาโว วุตฺโต, เอกตฺตนิทฺเทเสน ปน ‘‘สคฺเค นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อตฺโถ, โวมิสฺสกกมฺมนฺติ กาเลน กณฺหํ, กาเลน สุกฺกนฺติ เอวํ มิสฺสกวเสน กตกมฺมํ. ‘‘สุขทุกฺขวิปาก’’นฺติ วตฺวา สุขทุกฺขานํ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มิสฺสกกมฺมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กมฺมสฺส กณฺหสุกฺกสมฺา กณฺหสุกฺกาภิชาติเหตุตายาติ, อปจฺจยคามิตาย ตทุภยวินิมุตฺตสฺส กมฺมกฺขยกรกมฺมสฺส อิธ สุกฺกปริยาโยปิ น อิจฺฉิโตติ อาห – ‘‘อุภย…เป… อสุกฺกนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ตตฺถ อุภยวิปากสฺสาติ ยถาธิคตสฺส วิปากสฺส. สมฺปตฺติภวปริยาปนฺโน หิ วิปาโก อิธ ‘‘สุกฺกวิปาโก’’ติ อธิปฺเปโต, น อจฺจนฺตปริสุทฺโธ.
สทุกฺขนฺติ อตฺตนา อุปฺปาเทตพฺเพน ทุกฺเขน สทุกฺขํ, ทุกฺขสํวตฺตนิกนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต เจตนา ธุรํ, อุปาลิสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๕๖) กมฺม’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อิธ สาธยติ วิชานนตฺถํ. อภิสงฺขริตฺวาติ อายูหิตฺวา. ตํ ปน ปจฺจยสมวายสิทฺธิโต สํกฑฺฒนํ ปิณฺฑนํ วิย โหตีติ อาห – ‘‘สงฺกฑฺฒิตฺวา, ปิณฺฑํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ, สทุกฺขํ โลกนฺติ ¶ อปายโลกมาห. วิปากผสฺสาติ ผสฺสสีเสน ตตฺถ วิปากปวตฺตมาห. ภูตกมฺมโตติ นิพฺพตฺตกมฺมโต อตฺตนา กตูปจิตกมฺมโต. ยถาภูตนฺติ ยาทิสํ. กมฺมสภาควเสนาติ กมฺมสริกฺขกวเสน. อุปปตฺติ โหตีติ อปทาทิเภทา อุปปตฺติ. กมฺเมน วิย วุตฺตาติ ยํ กโรติ, เตน อุปปชฺชตีติ เอกกมฺเมเนว ชายมานา วิย วุตฺตา อปทาทิเภทา. อุปปตฺติ จ นาม วิปาเกน โหติ วิปาเก สมฺภวนฺเต เอกํเสน เต อุปปตฺติวิเสสา สมฺภวนฺติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘เตน อุปปชฺชตี’’ติ อุปปตฺติกมฺมเหตุกา วุตฺตาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. เยน กมฺมวิปาเกน นิพฺพตฺโตติ ¶ เยน กมฺมวิปาเกน วิปจฺจมาเนน อยํ สตฺโต นิพฺพตฺโตติ วุจฺจติ. ตํกมฺมวิปากผสฺสาติ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส วิปากภูตา ผสฺสา. กมฺเมน ทาตพฺพํ ทายํ ตพฺพิปากํ อาทิยนฺตีติ กมฺมทายาทา, ผสฺสา. กมฺมสฺส ทายชฺชตา กมฺมผลสฺส ทายชฺชํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กมฺมทายชฺชา’’ติ. เตนาห ‘‘กมฺมเมว เนสํ ทายชฺชํ สนฺตก’’นฺติ.
ติสฺโส จ เหฏฺิมชฺฌานเจตนาติ อิทํ อพฺยาพชฺฌเวทนํ เวทิยนเอกนฺตสุขุปฺปตฺติยา เหตุภาวสาธนํ. ยทิ เอวํ ยถาวุตฺตา ฌานเจตนา ตาว โหตุ เอกนฺตสุขุปฺปตฺติเหตุภาวโต. กามาวจรา กินฺตีติ กามาวจรา ปน กุสลเจตนา ตํสภาวาภาวโต กินฺติ เกน ปกาเรน อพฺยาพชฺฌมโนสงฺขาโร นาม ชาโตติ โจเทติ, อิตโร ปน น สพฺพา กามาวจรกุสลเจตนา ตถา คหิตา, อถ โข เอกจฺจา ฌานเจตนานุกูลาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสิณสชฺชนกาเล กสิณาเสวนกาเล ลพฺภนฺตี’’ติ อาห. ตตฺถ กสิณาเสวนเจตนา คเหตพฺพา, สา อุปจารชฺฌานสฺส สาธิกา. เตน กามาวจรเจตนา ปมชฺฌานเจตนาย ฆฏิตาติ กสิณสชฺชนเจตนาปิ กทาจิ ตาทิสา โหตีติ คหิตา. ปริกมฺมาทิวเสน หิ ปวตฺตา ภาวนามยา กามาวจรกุสลเจตนา ปมชฺฌานสฺส อาสนฺนตาย วุตฺตา. จตุตฺถชฺฌานเจตนา ตติยชฺฌานเจตนาย ฆฏิตาติ อิทํ เอกตฺตกายเอกตฺตสฺีสตฺตาวาสวตาย ตํสริกฺขกา อุเปกฺขาปิ อีทิเสสุ าเนสุ สุขสริกฺขตา, เอวํ สนฺตสภาวตา าณสหิตตา จ. เกจิ ปน จตุตฺถชฺฌานเจตนานุคุณาติ นิทสฺเสนฺตา กสิณสชฺชนกาเล กสิณชฺฌานกาเล กสิณาเสวนกาเล ลพฺภตีติ ตติยชฺฌานเจตนาย อาสนฺนฆฏิตตา วุตฺตาติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, วุตฺตนเยเนว ตาสํ ฆฏิตตา เวทิตพฺพา. อุภยมิสฺสกวเสนาติ อุภเยสํ กุสลากุสลสงฺขารานํ สุขทุกฺขานฺจ มิสฺสกภาววเสน. เวมานิกเปตานนฺติ อิทํ พาหุลฺลโต วุตฺตํ, อิตเรสมฺปิ วินิปาติกานํ กาเลน ทุกฺขํ โหติเยว.
ตสฺส ¶ ปหานายาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนาย. ยา เจตนาติ ยา อปจยคามินิเจตนา. กมฺมํ ปตฺวาติ สุขกมฺมนฺติ วุจฺจมาเน มคฺคเจตนาย อฺโ ปณฺฑรตโร ธมฺโม นาม นตฺถิ ¶ อจฺจนฺตปาริสุทฺธิภาวโต. อกณฺหา อสุกฺกาติ อาคตาติ เอตฺถ สุกฺกภาวปฏิกฺเขปการณํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. เตนาห ‘‘อิทํ ปน กมฺมจตุกฺกํ ปตฺวา’’ติอาทิ.
๘๒. อนิยฺยานิกปกฺเขติ อเจฬกปพฺพชฺชาย กุกฺกุรวเต จ. โยเคติ ายธมฺมปฏิปตฺติยนฺติ อตฺโถ. โยเนนาติ โย ติตฺถิยปริวาโส เตน ภควตา ปฺตฺโต. ยํ ติตฺถิยปริวาสํ สมาทิยิตฺวาติ อยเมตฺถ โยชนา. ฆํสิตฺวา สุวณฺณํ วิย นิฆํโสปฺปเล. โกฏฺเฏตฺวา หตฺเถน วิย กุลาลภาชนํ.
วูปกฏฺโติ วิวิตฺโต เอกีภูโต. เปสิตตฺโตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตตฺโต. กามํ ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ…เป… วิหาสีติ อิมินาว อรหตฺตนิกูเฏน เทสนา นิฏฺาปิตา โหติ, อายสฺมโต ปน เสนิยสฺส ปฏิปตฺติกิตฺตนปรเมตํ อุชุกํ อาปนฺนอรหตฺตภาวทีปนํ, ยทิทํ ‘‘อฺตโร โข ปนา’’ติอาทิวจนนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตนิกูเฏเนวา’’ติ. อรหตฺตาธิคโมเยว ตสฺส เตสํ อพฺภนฺตรตา. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมว.
กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา
๘๓. ชาติยา ¶ อสมาโน นิหีนาจริโย ปรทตฺตูปชีวิกาย มาตุยา กุจฺฉิยํ ชาโต ปาทสิกปุตฺโต. นินฺทาวเสน วทติ เอเตนาติ วาโท อคุโณติ อาห – ‘‘วาทํ อาโรเปหีติ โทสํ อาโรเปหี’’ติ. นิพฺพตฺตวเสน นิรยํ อรหติ, นิรยสํวตฺตนิเยน วา กมฺเมน นิรเย นิยุตฺโต เนรยิโก. อาปายิโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อวีจิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ อายุกปฺปสฺิตํ อนฺตรกปฺปํ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. นิรยูปปตฺติปริหรณวเสน ติกิจฺฉิตุํ สกฺกุเณยฺโยติ เตกิจฺโฉ, น เตกิจฺโฉ อเตกิจฺโฉ. ทฺเว อนฺเต โมเจตฺวาติ ผรุสํ วา อปฺปิยํ วา กปฺเปยฺยาติ ทฺเว โกฏฺาเส มฺุจิตฺวา ¶ เต อนามสิตฺวา ปุจฺฉิตํ อตฺถํ ตโต พหิ กโรนฺโต อุคฺคิลติ นาม. ตํ ปน เอวํ กาตุํ น สกฺโกตีติ อาห – ‘‘อุคฺคิลิตุํ พหิ นีหริตุํ น สกฺขิตี’’ติ. เอวเมวายํ ปุจฺฉา น คเหตพฺพา, อยเมตฺถ โทโสติ ตํ อปุจฺฉํ กโรนฺโต อปนยนฺโต โอคิลติ นาม, ตถา ปน อสกฺโกนฺโต ปติฏฺาเปนฺโต น โอคิลติ นาม, ภควา ปน ตมตฺถํ โอกาสมฺปิ อกโรนฺโต อุภยถาปิ อสกฺขีติ เวทิตพฺโพ. กถํ? ภควา หิ ‘‘น ขฺเวตฺถ ราชกุมาร เอกํเสนา’’ติ วทนฺโต นิคณฺสฺส อธิปฺปายํ วิปริวตฺเตติ, อุโภ อนฺเต โมเจตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ, เอวํ ตาว อุคฺคิลิตุํ อสกฺขิ. ‘‘น ตตฺร ราชกุมาร เอกํเสนา’’ติ วทนฺโต เอว จ ‘‘นายํ ปุจฺฉา เอวํ อวิภาเคน ปุจฺฉิตพฺพา, วิภชิตฺวา ปน ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉาย โทสํ ทีเปนฺโต ตํ หาเรนฺโต โอคิลิตุมฺปิ สกฺขตีติ.
อุฏฺาตุํ น สกฺขิสฺสติ จิตฺตสฺส อฺถา ปวตฺติยา. อภโย ทฺเว มคฺเค กตปริจโย เฉโก นิปุโณ วาทสีโล จ หุตฺวา วิจรติ. เตนาห – ‘‘โส วาทชฺฌาสยตาย ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ อาหา’’ติ.
๘๕. เอวรูปนฺติ ยา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา ทุรุตฺตวาจา, เอวรูปา วาจา, น ปน ผรุสวาจา. ผรุสวาจาย หิ เสตุฆาโต ตถาคตานํ. เจตนาผรุสตาย หิ ผรุสวาจา อิจฺฉิตา, น ปเรสํ อปฺปิยตามตฺเตน. นฏฺา นิคณฺา โอคิลิกาทิสมฺมตสฺส ปฺหสฺส เอกวจเนน วิทฺธํสิตตฺตา.
๘๖. ทารกสฺส องฺเก นิสีทนสฺส การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เลสวาทิโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เลสวาทิโนติ ¶ ฉลวาทิโน, วาทมคฺเค วา อปริปุณฺณตาย เลสมตฺเตเนว วาทสีลา. โอสฏสงฺคาโมติ อเนกวารํ ปรวาทมทฺทนวเสน โอติณฺณวาทสงฺคาโม. วิชฺฌิตฺวาติ นเขน วิชฺฌิตฺวา. อิมเมวาติ ยฺวายํ ทารโก อตฺตโน วาทภงฺคปริหรณตฺถํ อิมินา องฺเก นิสีทาปิโต, อิมเมว อสฺส ทารกํ อุปมํ นิสฺสยํ กตฺวา วาทํ ภินฺทิสฺสามิ. ‘‘อสฺส วาทํ อปฺปฏิตตาย อุปมาย ภฺชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา.
อปเนยฺยํ ¶ อสฺส อหนฺติ อสฺส ทารกสฺส มุขโต อหํ ตํ อปเนยฺยํ. อภูตตฺโถว อภูตํ อุตฺตรปทโลเปนาติ อาห ‘‘อภูตนฺติ อภูตตฺถ’’นฺติ. อตจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนนฺติ อาห ‘‘อตจฺฉนฺติ น ตจฺฉ’’นฺติ. อภูตนฺติ วา อสนฺตํ อวิชฺชมานํ. อตจฺฉนฺติ อตถาการํ. อนตฺถสํหิตนฺติ ทิฏฺธมฺมิเกน, สมฺปรายิเกน วา อนตฺเถน สํหิตํ, อนตฺเถ วา สํหิตํ, น อตฺโถติ วา อนตฺโถ, อตฺถสฺส ปฏิปกฺโข สภาโว, เตน สํหิตนฺติ อนตฺถสํหิตํ, ปิสุณวาจํ สมฺผปฺปลาปฺจาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วจีทุจฺจริตสฺส คหิตตา ทฏฺพฺพา.
ทุปฺปยุตฺโตติ ทุปฺปฏิปนฺโน. น ตํ ตถาคโต ภาสติ อภูตตาทิโทสทุฏฺตฺตา. ตมฺปิ ตถาคโต น ภาสติ ภูตตฺเถปิ อนตฺถสํหิตตาทิโทสทุฏฺตฺตา.
านํ การณํ เอติสฺสา อตฺถีติ านิยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา, น านิยาติ อฏฺานิยา, นิกฺการณา อยุตฺติยุตฺตา, สา เอว กถาติ อฏฺานิยกถา. อตฺตปจฺจกฺขกถํ กเถมาติ อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปวตฺติยมานํ ฉลกถํ กเถม.
คามิกมหลฺลโก ‘‘อิเม มํ วฺเจตุกามา, อหเมว ทานิ อิเม วฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอวํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาห. ‘‘น มยํ ทาสา’’ติปิ วตฺตุํ นาสกฺขึสุ ปุพฺเพ ตถากติกาย กตตฺตา.
ตติยํ ตติยเมวาติ ทฺวีสุปิ ปกฺเขสุ ตติยํ ตติยเมว วาจํ. ภาสิตพฺพกาลํ อนติกฺกมิตฺวาติ ยสฺส ยทา ยถา ภาสิตพฺพํ, ตสฺส ตทา ตเถว จ ภาสนโต ภาสิตพฺพํ การณํ ภาสิตพฺพกาลฺจ อนติกฺกมิตฺวาว ภาสติ.
๘๗. านุปฺปตฺติกาเณนาติ ¶ าเน เอว อุปฺปชฺชนกาเณน. ตสฺมึ ตสฺมึ การเณ ตสฺส ตํ ตํ อวตฺถาย อุปฺปชฺชนกาเณน, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโวติ ธมฺมสภาโว. ธมฺเม สภาวธมฺเม อนวเสเส วา ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, สพฺพฺุตา. เตนาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. สุปฺปฏิวิทฺธนฺติ สพฺพํ เยฺยธมฺมํ สุฏฺุ ปฏิวิชฺฌนวเสน, สุฏฺุ ปฏิวิทฺธนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘หตฺถคตํ ภควโต’’ติ. เนยฺยปุคฺคลวเสน ปรินิฏฺิตาติ กถาปริวิภาเคน อยเมว ¶ เทสนา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตํ ปจฺจกฺขาสีติ.
อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. พหุเวทนิยสุตฺตวณฺณนา
๘๘. ปฺจกงฺโคติ ¶ วฑฺฒกีกิจฺจสาธเน วาสิอาทิปฺจกํ องฺคํ สํธนํ เอตสฺมินฺติ ปฺจกงฺโค. ถมฺภาทิวตฺถูนํ ถปนฏฺเน ถปติ. ปณฺฑิตอุทายิตฺเถโร, น กาฬุทายี เถโร.
๘๙. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ วตฺเตตีติ ปริยาโย, การณํ. เวทนาสนฺนิสฺสิโต จ กายิกเจตสิกภาโว การณํ. เตนาห – ‘‘กายิกเจตสิกวเสน ทฺเว เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ ปสาทกายสนฺนิสฺสิตา กายิกา, เจโตสนฺนิสฺสิตา เจตสิกา. สุขาทิวเสน ติสฺโสติ เอตฺถ สุขนทุกฺขนุเปกฺขนานิ สุขาทิเวทนาย การณํ. ตานิ หิ ปวตฺตินิมิตฺตานิ กตฺวา ตตฺถ สุขาทิสทฺทปฺปวตฺติ, อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ การณํ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพํ. อุปวิจารวเสนาติ อารมฺมณํ อุเปจฺจ สวิเสสปวตฺติวเสน. ยสฺมิฺหิ อารมฺมเณ โสมนสฺสเวทนา ปวตฺตติ, อารมฺมณตาย ตํ อุปคนฺตฺวา อิตรเวทนาหิ วิสิฏฺตาย สวิเสสํ ตตฺถ ปวตฺติ. เตนาห ‘‘โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรตี’’ติ. เอส นโย เสสเวทนาสุ เคหสฺสิตานีติ เคหนิสฺสิตานิ.
๙๐. ปริยาเยนาติ ‘‘อิทเมตฺถ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ วุตฺตฏฺานํ สนฺธาย วทติ. ตํ ทสฺเสนฺโตติ กามฺเจตฺถ สุตฺเต – ‘‘ทฺเวปานนฺท, เวทนา วุตฺตา’’ติ ทฺเว อาทึ กตฺวา เวทนา ทสฺสิตา, เอกาปิ ปน ทสฺสิตา เอวาติ ทสฺเสนฺโต. อุปตฺถมฺเภตุนฺติ เอกาปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, เอวํ สติ ทฺเวปิ วตฺตพฺพาติ เอวํ ตสฺส วาทํ อุปตฺถมฺเภตุํ. กถํ ปน เอกา เวทนา วุตฺตาติ? ยํ กิฺจิ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, อิทเมตฺถ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามีติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ (อิติวุ. อฏฺ. ๕๒ อาทโย) ปรมตฺถทีปนิยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
กถํ ¶ ปเนตฺถ รูปาวจรจตุตฺเถ อรูเปสุ สฺาเวทยิตนิโรเธ สุขํ อุทฺธตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. สนฺตฏฺเนาติ ปฏิปกฺขธมฺมานํ วูปสนฺตภาเวน. ปณีตฏฺเนาติ ภาวนาวิเสสวิสิฏฺเน อตปฺปกภาเวเนว เสฏฺภาเวน จ, ปจฺจยวิเสเสน ปธานภาวํ นีตนฺติปิ ปณีตํ. เวทยิตสุขํ นาม เวทนาภูตํ สุขนฺติ กตฺวา. อเวทยิตสุขํ นาม ยาวตา นิทฺทุกฺขตา, ตาวตา สุขนฺติ วุจฺจตีติ.อถ วา นิโรโธ สุฏฺุ ขาทติ ขนติ กายิกเจตสิกาพาธนฺติ ¶ วตฺตพฺพตํ อรหติ สตฺตาหมฺปิ ตตฺถ ทุกฺขสฺส นิรุชฺฌนโต. เตนาห ‘‘นิทฺทุกฺขภาวสงฺขาเตน สุขฏฺเนา’’ติ.
๙๑. ยสฺมึ ยสฺมึ ภเว, จิตฺตุปฺปาเท, อวตฺถาย วา นิทฺทุกฺขภาโว, ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขตา อนุปลพฺภเนน ทุกฺขวิวิตฺตํ, ตํ สุขสฺมึเยว ปฺเปติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พหุเวทนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา
๙๓. นานาวิธาติ ¶ นานาวิธทิฏฺิกา สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชามตฺเตน สมณา, ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา จ. ทสฺสนนฺติ ทิฏฺิ. คหิตนฺติ อภินิวิสฺส คหิตํ. อิติ เต อตฺตโน ทสฺสนํ คเหตุกามา ปุจฺฉนฺติ. วินา ทสฺสเนน โลโก น นิยฺยาตีติ วิโมกฺขภาวนาย เอเกน ทสฺสเนน วินา โลโก สํสารทุกฺขโต น นิคจฺฉติ. เอกทิฏฺิยมฺปิ ปติฏฺาตุํ นาสกฺขึสุ สทฺธาการาภาวโต. ตถา หิ เต อิมาย เทสนาย สรเณสุ ปติฏฺหึสุ. ยสฺมา อวิปรีเต สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺนสทฺธา ‘‘อาการวตี’’ติ อธิปฺเปตา, ตสฺมา โย โลเก อวิปรีตธมฺมเทสนา, อยเมเวสาติ ปวตฺตา มคฺคสาธนคตาย สทฺธาย การณภาวโต ตนฺนิสฺสยา สทฺธา, สา อาการวตีติ วุตฺตา. อวตฺถุสฺมิฺหิ สทฺธา อยุตฺตการณตาย น อาการวตี. อาการวตีติ เอตฺถ วตี-สทฺโท น เกวลํ อตฺถิตามตฺตทีปโก, อถ โข อติสยตฺถทีปโก ปาสํสตฺถทีปโก วา ทฏฺพฺโพ. เตน อาการวตีติ สทฺเธยฺยวตฺถุวเสน อติสยการณวตีติ วา ปาสํสการณวตีติ วา ¶ อยเมตฺถ อตฺโถ. อปณฺณโกติ เอตฺถ ยถา กฺจิ อตฺถํ สาเธตุํ อารทฺธสฺส ปโยโค วิรทฺโธ, ตตฺถ อการโก วิย โหติ ปุนปิ อารภิตพฺพตาย. อวิรทฺโธ ปน อตฺถสฺส สาธนโต อปณฺณโก, เอวํ อยมฺปิ ธมฺโม อภิภวิตฺวา ปวตฺตนโต เอกํสโต ‘‘อปณฺณโก’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘อวิรทฺโธ อทฺเวชฺฌคามี เอกํสคาหิโก’’ติ.
๙๔. ตพฺพิปจฺจนีกภูตาติ ตสฺสา มิจฺฉาทิฏฺิยา ปจฺจนีกภูตา.
๙๕. เนสนฺติ กุสลานํ ธมฺมานํ. อกุสลโต นิกฺขนฺตภาเวติ อสํกิลิฏฺภาเว. อานิสํโสติ สุทฺธวิปากตา. วิสุทฺธิปกฺโขติ วิสุทฺธิภาโว ปริโยทาตตา. อภูตธมฺมสฺส ทิฏฺิภาวสฺส สฺาปนา อาจิกฺขนา อภูตธมฺมสฺาปนา. สาวชฺเชสุ ปรมวชฺเช มิจฺฉาทสฺสเน ปคฺคหณนฺติ กุโต สุสีลฺยสฺส ปคฺคโหติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทสฺสนํ คณฺหนฺตสฺเสว สุสีลฺยํ ปหีนํ โหตี’’ติ. มิจฺฉาทิฏฺิอาทโยติ เอตฺถ มิจฺฉาสงฺกปฺโป ปรโลกาภาวจินฺตา, มิจฺฉาวาจา ปรโลกาภาววาทภูโต มุสาวาโท, อริยานํ ปจฺจนีกตาทโย. อปราปรํ อุปฺปชฺชนวเสนาติ ปุนปฺปุนํ จิตฺเต อุปฺปชฺชนวเสน. ปาปกา อกุสลา ธมฺมาติ ปจฺจเวกฺขณสฺาปนาทิกาเล อุปฺปชฺชนกา ตถาปวตฺตา อกุสลขนฺธา.
กลิคฺคโหติ ¶ อนตฺถปริคฺคโห. โส ปน ยสฺมา ทิฏฺเว ธมฺเม อภิสมฺปรายฺจ ปราชโย โหตีติ อาห ‘‘ปราชยคฺคาโห’’ติ. ทุสฺสมตฺโตติ เอตฺถ ทุ-สทฺโท ‘‘สมาทินฺโน’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺโพติ อาห ‘‘ทุปฺปรามฏฺโ’’ติ. ยถา ทุปฺปรามฏฺโ โหติ, เอวํ สมาทินฺโน ทุสฺสมตฺโต ทุสมาทินฺโน วุตฺโต. สกวาทเมว ผริตฺวาติ อตฺตโน นตฺถิกวาทเมว ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗; ๓.๒๗-๒๘) อวธาเรนฺโต อฺสฺส โอกาสอทานวเสน ผริตฺวา. เตนาห ‘‘อธิมุจฺจิตฺวา’’ติ. ‘‘สมฺพุทฺโธ’’ติอาทิ อธิมุจฺจนาการทสฺสนํ. ริฺจตีติ วิเวเจติ อปเนติ. เตนาห ‘‘วชฺเชตี’’ติ.
๙๖. กฏคฺคโหติ กตํ สพฺพโส สิทฺธิเมว กตฺวา คหณํ. โส ปน ชยลาโภ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ชยคฺคาโห’’ติ. สุคฺคหิโตติ สุฏฺุกรณวเสน คหิโต. สุปรามฏฺโติ สุฏฺุ ปราปรํ อาเสวนวเสน อามฏฺโ ¶ . อุภเยนปิ ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตภาวํ ทสฺเสติ, โสตฺถิภาวาวหตฺตฺจ สคฺคุปปตฺติสํวตฺตนโต ปาปสภาวปหานโต จ.
๙๗. สหตฺถา กโรนฺตสฺสาติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖; สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๒๑๑) สหตฺเถเนว กโรนฺตสฺส. นิสฺสคฺคิยถาวราทโยปิ อิธ สหตฺถกรเณเนว สงฺคหิตา. ปจนํ ทหนํ วิพาธนนฺติ อาห ‘‘ทณฺเฑน ปีเฬนฺตสฺสา’’ติ. โสกํ สยํ กโรนฺตสฺสาติ ปรสฺส โสกการณํ สยํ กโรนฺตสฺส, โสกํ วา อุปฺปาเทนฺตสฺส. ปเรหิ อตฺตโน วจนกเรหิ. สยมฺปิ ผนฺทโตติ ปรสฺส วิพาธนปโยเคน สยมฺปิ ผนฺทโต. อติปาตยโตติ ปทํ สุทฺธกตฺตุอตฺเถ เหตุกตฺตุอตฺเถ จ วตฺตตีติ อาห ‘‘หนนฺตสฺสปิ หนาเปนฺตสฺสาปี’’ติ.
ฆรสฺส ภิตฺติ อนฺโต พหิ จ สนฺธิตา หุตฺวา ิตา ฆรสนฺธิ. กิฺจิปิ อเสเสตฺวา นิรวเสสเมว โลโปติ นิลฺโลโป. เอกาคาเร นิยุตฺโต วิโลโป เอกาคาริโก. ปริโต สพฺพโส ปนฺเถ หนนํ ปริปนฺโถ. ปาปํ น กรียติ ปุพฺเพ อสโต อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ตสฺมา นตฺถิ ปาปํ. ยทิ เอวํ กถํ สตฺตา ปาปํ ปฏิปชฺชนฺตีติ อาห – ‘‘สตฺตา ปน กโรมาติ เอวํสฺิโน โหนฺตี’’ติ. เอวํ กิรสฺส โหติ ‘‘อิเมสฺหิ สตฺตานํ หึสาทิกิริยา น อตฺตานํ ผุสติ ตสฺส นิจฺจตาย นิพฺพิการตฺตา, สรีรํ ปน อเจตนํ กฏฺกลิงฺครูปมํ, ตสฺมึ วิโกปิเตปิ น กิฺจิ ปาป’’นฺติ. ขุรเนมินาติ นิสิตขุรมยเนมินา. คงฺคาย ทกฺขิณทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรทิสา ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทกฺขิณฺเจ’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ‘‘ทกฺขิณตีเร มนุสฺสา กกฺขฬา’’ติอาทิมาห.
มหายาคนฺติ ¶ มหาวิชิตยฺสทิสํ มหายาคํ. สีลสํยเมนาติ กายิกวาจสิกสํวเรน. สจฺจวจเนนาติ สจฺจวาจาย. ตสฺส วิสุํ วจนํ โลเก ครุตรปฺุสมฺมตภาวโต. ยถา หิ ปาปธมฺเมสุ มุสาวาโท ครุ, เอวํ ปฺุธมฺเมสุ สจฺจวาจา. เตนาห ภควา – ‘‘เอกํ ธมฺมมตีตสฺสา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๑๗๖). วุตฺตนเยเนวาติ กณฺหปกฺเข วุตฺตนเยน. ตตฺถ หิ – ‘‘นตฺถิ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ อาคตํ, อิธ ‘‘อตฺถิ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’’ติ อาคตํ, อยเมว วิเสโส. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ ¶ ‘‘เตสเมตํ ปาฏิกงฺข’’นฺติ เอวมาทึ สนฺธาย วทติ, ตํ เหฏฺา ปุริมวารสทิสํ.
๑๐๐. อุภเยนาติ เหตุปจฺจยปฏิเสธวจเนน. สํกิเลสปจฺจยนฺติ สํสาเร ปริพฺภมเนน กิลินฺนสฺส มลินภาวสฺส การณํ. วุตฺตวิปริยาเยน วิสุทฺธิปจฺจยนฺติ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ. พลนฺติอาทีสุ สตฺตานํ สํกิเลสาวหํ โวทานาวหฺจ อุสฺสาหสงฺขาตํ พลํ วา, สูรวีรภาวสงฺขาตํ วีริยํ วา, ปุริเสน กตฺตพฺโพ ปุริสถาโม วา, โส เอว ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนปฺปตฺติยา ปุริสปรกฺกโม วา นตฺถิ น อุปลพฺภติ.
สตฺวโยคโต, รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย จ สตฺตา. ปาณนโต อสฺสาสปสฺสาสวเสน ปวตฺติยา ปาณา. เต ปน โส เอกินฺทฺริยาทิวเสน วิภชิตฺวา วทตีติ อาห ‘‘เอกินฺทฺริโย’’ติอาทิ. อณฺฑโกสาทีสุ ภวนโต ภูตาติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อณฺฑโกส…เป… วทนฺตี’’ติ. ชีวนโต ปาณํ ธาเรนฺโต วิย วฑฺฒนโต ชีวาติ เอวํ สตฺตปาณภูตชีเวสุ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ. นตฺถิ เอเตสํ สํกิเลสวิสุทฺธีสุ วโสติ อวสา. นตฺถิ เนสํ พลํ วีริยฺจาติ อพลา อวีริยา. นิยตตาติ อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณิ วิย นิยตปวตฺตนตาย คติชาติพนฺธปชหวเสน นิยาโม. ตตฺถ ตตฺถ คมนนฺติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตาสุ ตาสุ คตีสุ อุปคมนํ สมวาเยน สมาคโม. สภาโวเยวาติ ยถา กณฺฏกสฺส ติกฺขตา, กพิฏฺผลานํ ปริมณฺฑลตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตาการตา, เอวํ สพฺพสฺสปิ โลกสฺส เหตุปจฺจเยน วินา ตถา ตถา ปริณาโม, อยํ สภาโวเยว อกิตฺติโมเยว. เตนาห ‘‘เยน หี’’ติอาทิ.
สกุเณ หนตีติ สากุณิโก, ตถา สูกริโก. ลุทฺโทติ อฺโปิ โย โกจิ มาควิโก เนสาโท. ปาปกมฺมปสุตตาย กณฺหาภิชาติ นาม. ภิกฺขูติ สากิยา ภิกฺขู, มจฺฉมํสขาทนโต นีลาภิชาตีติ วทนฺติ. ายลทฺเธปิ ปจฺจเย ภฺุชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคาหิตาย ‘‘ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺตี’’ติ วทนฺติ. เอเก ปพฺพชิตา ¶ , เย สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา. ตถา ¶ หิ เต กณฺฏเก วตฺเตนฺตา วิย โหนฺตีติ กณฺฏกวุตฺติกาติ วุตฺตา. ตฺวา ภฺุชนทานปฏิกฺเขปาทิวตสมาโยเคน ปณฺฑรตรา. อเจลกสาวกาติ อาชีวกสาวเก วทติ. เต กิร อาชีวกลทฺธิยา วิสุทฺธจิตฺตตาย นิคณฺเหิปิ ปณฺฑรตรา. นนฺทาทโย หิ ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา ปตฺตพฺพา, ตสฺมา นนฺทาทโย นิคณฺเหิ อาชีวกสาวเกหิ จ ปณฺฑรตราติ วุตฺตา ‘‘สุกฺกาภิชาตี’’ติ.
อยเมเตสํ ลทฺธีติ สากุณิกาทิภาวูปคมเนน กณฺหาภิชาติอาทีสุ ทุกฺขํ สุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตา อนุกฺกเมน มหากปฺปานํ จุลฺลาสีติสหสฺสานิ เขเปตฺวา อาชีวกภาวูปคมเนน ปรมสุกฺกาภิชาติยํ ตฺวา สํสารโต สุชฺฌนฺตีติ อยํ เตสํ นิยติ อาชีวกานํ ลทฺธิ.
‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ วทนฺโต นตฺถิโก ทานสฺส ผลํ ปฏิกฺขิปตีติ อาห – ‘‘นตฺถิกทิฏฺิ วิปากํ ปฏิพาหตี’’ติ. ตถา เจว เหฏฺา สํวณฺณิตํ ‘‘นตฺถิกทิฏฺิ หิ นตฺถิตมาหา’’ติ. อเหตุกทิฏฺิ อุภยนฺติ กมฺมํ วิปากฺจ อุภยํ. โส หิ ‘‘อเหตู อปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ วทนฺโต กมฺมสฺส วิย วิปากสฺสปิ สํกิเลสวิสุทฺธีนํ ปจฺจยตฺตาภาววจนโต ตทุภยํ ปฏิพาหติ นาม. วิปาโก ปฏิพาหิโต โหติ อสติ กมฺเม วิปากาภาวโต. กมฺมํ ปฏิพาหิตํ โหติ อสติ วิปาเก กมฺมสฺส นิรตฺถกภาวาปตฺติโต. อตฺถโตติ สรูเปน. อุภยปฏิพาหกาติ วิสุํ วิสุํ ตํตํทิฏฺิตา วุตฺตาปิ สพฺเพ เต นตฺถิกาทโย นตฺถิกทิฏฺิอาทิวเสน ปจฺเจกํ ติวิธทิฏฺิกา เอว อุภยปฏิพาหกตฺตา. ‘‘อุภยปฏิพาหกา’’ติ หิ เหตุวจนํ. อเหตุกวาทา จาติอาทิ ปฏิฺาวจนํ. โย หิ วิปากปฏิพาหเนน นตฺถิกทิฏฺิโก, โส อตฺถโต กมฺมปฏิพาหเนน อกิริยทิฏฺิโก, อุภยปฏิพาหเนน อเหตุกทิฏฺิโก จ โหติ. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.
สชฺฌายนฺตีติ ตํ ทิฏฺิทีปกํ คนฺถํ อุคฺคเหตฺวา ปนฺติ. วีมํสนฺตีติ ตสฺส อตฺถํ วิจาเรนฺติ. เตสนฺติอาทิ วีมํสนาการทสฺสนํ. ตสฺมึ อารมฺมเณติ ยถาปริกปฺปิตกมฺมผลาภาวทีปเก ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย ลทฺธิยา อารมฺมเณ. มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺตีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิวเสน ¶ อนุสฺสวูปลทฺเธ อตฺเถ ตทาการปริวิตกฺกเนหิ สวิคฺคเห วิย สรูปโต จิตฺตสฺส ปจฺจุปฏฺิเต จิรกาลปริจเยน ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานกฺขมภาวูปคมเนน นิชฺฌานกฺขนฺติยา ตถา คหิเต ปุนปฺปุนํ ตเถว อาเสวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส มิจฺฉาวิตกฺเกน สมาทิยมานา มิจฺฉาวายามุปตฺถมฺภิตา อตํสภาวํ ‘‘ตํสภาว’’นฺติ คณฺหนฺตี มิจฺฉาสตีติ ลทฺธนามา ตํลทฺธิสหคตา ตณฺหา สนฺติฏฺติ ¶ . จิตฺตํ เอกคฺคํ โหตีติ ยถาวุตฺตวิตกฺกาทิปจฺจยลาเภน ตสฺมึ อารมฺมเณ อวฏฺิตตาย อเนกคฺคํ ปหาย เอกคฺคํ อปฺปิตํ วิย โหติ. มิจฺฉาสมาธิปิ หิ ปจฺจยวิเสเสหิ ลทฺธภาวนาพเลหิ กทาจิ สมาธานปติรูปกิจฺจกโร โหติเยว วาลวิชฺฌนาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ชวนานิ ชวนฺตีติ อเนกกฺขตฺตุํ เตนากาเรน ปุพฺพภาคิเยสุ ชวนวาเรสุ ปวตฺเตสุ สพฺพปจฺฉิเม ชวนวาเร สตฺต ชวนานิ ชวนฺติ. ปมชวเน ปน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสูติ ธมฺมสภาวทสฺสนเมตํ, น ปน ตสฺมึ ขเณ เตสํ สเตกิจฺฉภาวาปาทนํ เกนจิ สกฺกา กาตุํ.
ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ มิจฺฉาทสฺสเนสุ. โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมตีติ ยสฺส เอกสฺมึเยว อภินิเวโส อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส เอกํเยว ทสฺสนํ โอกฺกมติ. ยสฺส ปน ทฺวีสุ, ตีสุปิ วา อภินิเวสนา ปวตฺตา, โส ทฺเว ตีณิ โอกฺกมติ. เอเตน ยา ปุพฺเพ อุภยปฏิพาหนตามุเขน วุตฺตา อตฺถสิทฺธา สพฺพทิฏฺิกตา, สา ปุพฺพภาคิยา. ยา ปน มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกนฺติ ภูตา, สา ยถาสกํ ปจฺจยสมุทาคมสิทฺธิโต ภินฺนารมฺมณานํ วิย วิเสสาธิคมานํ อฺมฺํ เอกชฺฌํ อนุปฺปตฺติยา อสํกิณฺณา เอวาติ ทสฺเสติ. เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปีติอาทินา ติสฺสนฺนมฺปิ ทิฏฺีนํ สมานพลตํ สมานผลตฺจ ทสฺเสติ, ตสฺมา ติสฺโสปิ เจตา เอกสฺส อุปฺปนฺนา อฺมฺํ อพฺโพกิณฺณา เอว, เอกาย วิปาเก ทินฺเน อิตรา อนุพลปฺปทายิกา โหนฺติ. วฏฺฏขาณุ นามาติ อิทํ วจนํ เนยฺยตฺถํ, น นีตตฺถนฺติ ตํ วิวริตฺวา ทสฺเสตุํ กึ ปเนสาติอาทิ วุตฺตํ, อกุสลํ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ, น กุสลํ วิย มหาพลนฺติ อาห – ‘‘เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต’’ติ. อฺถา สมฺมตฺตนิยาโม วิย มิจฺฉตฺตนิยาโมปิ อจฺจนฺติโก สิยา. ยทิ เอวํ วฏฺฏขาณุกโชตนา กถนฺติ อาห ‘‘อาเสวนวเสน ปนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ยถา ‘‘สกึ นิมุคฺโค ¶ นิมุคฺโคว โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๑๕) วุตฺตํ, เอวํ วฏฺฏขาณุกโชตนา. ยาทิเส หิ ปจฺจเย ปฏิจฺจ อยํ ตํตํทสฺสนํ โอกฺกนฺโต ปุน กทาจิ ตปฺปฏิปกฺเข ปจฺจเย ปฏิจฺจ ตโต สีสุกฺขิปนมสฺส น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ สํสารขาณุภาวสฺสปิ ปจฺจโย อกลฺยาณชโน, ตสฺมา. ภูติกาโมติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน อตฺตโน คุเณหิ วฑฺฒิกาโม. ยํ ปเนตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘ยถา จิรกาลภาวนาย ปริปากูปคมลทฺธพลตฺตา อุปนิสฺสยกุสลา อกุสเล สพฺพโส สมุจฺฉินฺทนฺติ, เอวํ อกุสลธมฺมา ตโตปิ จิรกาลภาวนาสมฺภวโต ลทฺธพลา หุตฺวา กทาจิ กุสลธมฺเมปิ สมุจฺฉินฺทนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ทฬฺหมิจฺฉาภินิเวสสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส วฏฺฏขาณุกภาวโชตนาปิ ¶ สมตฺถิตา โหตี’’ติ ยถา ตํ ‘‘วสฺสภฺานํ ทิฏฺี’’ติ, ตํ น, มิจฺฉตฺตนิยตธมฺมานํ จิรกาลภาวนามตฺเตน น ปฏิปกฺขสฺส ปชหนสมตฺถตา, อถ โข ธมฺมตาสิทฺเธน ปจฺจยวิเสสาหิตสามตฺถิเยน อตฺตโน ปหายกสภาเวน ปหายกภาโว ภาวนากุสลานํเยว วุตฺโต, อกุสลานํเยว จ ปหาตพฺพภาโว ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา’’ติอาทินา นเยน, อกุสลานํเยว ทุพฺพลภาโว ‘‘อพลานํ พลียนฺตี’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๗๗๖; มหานิ. ๕) (ยุตฺตินาปิ นามโต วา อธิคมนิโย อาโลโก อาโลกภาวโต พาหิรารเณกา วิย น เจตฺถ ปฏิฺตฺเต ภาเวสตา โสตุโน อาสํกิตพฺพา วิเสสวสฺส สาเธตพฺพโต สามฺสฺส จ โสตุภาเวน อธิปฺเปตตฺตา เวท-สทฺทสฺส โลโป ทีเป สภาเว สาธเน ยถา ตํ สทฺทยภาวสฺส นาปิ วิสุทฺธกอนุมานาทิวิโรธสมฺภาวโต. น หิ สกฺกา อนฺตราโลกสฺส พาหิราโลกสฺส วิย รูปกายํ อุปาทาย รูปตา จกฺขุวิฺเยฺยตฺตาทิเก ปติฏฺาเปตุํ สกฺกาติ วุตฺตํ, นนุปิ อนฺตราโลโก อวิคฺคหตฺตา เวทนา วิยาติ สทฺเธว าณาโลกสฺส อวิชฺชนฺธการา วิย วิธมนิยภาเว สพฺเพสมฺปิ กุสลธมฺมานํ เกนจิปิ อกุสลธมฺเมน สมุจฺฉินฺทนิยตา สิทฺธาว โหติ). วฏฺฏขาณุกโจทนาย ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ ติฏฺเตสา พาลชนวิกตฺถนา.
๑๐๓. ฌานจิตฺตมยาติ ¶ รูปาวจรชฺฌานจิตฺเตน นิพฺพตฺตา. ตถา หิ เตสํ วิเสเสน ฌานมนสา นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘มโนมยา’’ติ วุตฺตา, อวิเสเสน ปน อภิสงฺขารมนสา สพฺเพปิ สตฺตา มโนมยา เอว. สฺามยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อรูปชฺฌานสฺายา’’ติ. อยนฺติ รูปิตาภาวปฏิปชฺชนกปุคฺคโล. อปฺปฏิลทฺธชฺฌาโนติ อนธิคตรูปชฺฌาโน. ตสฺสปีติ ตกฺกิโนปิ. รูปชฺฌาเน กงฺขา นตฺถิ อนุสฺสววเสน ลทฺธวินิจฺฉยตฺตา.
๑๐๔. สาราคายาติ สราคภาวาย. สนฺติเกติ สมีเป, น ถามคตา ทิฏฺินาติทูรตฺตา สราคา, น สมฺปยุตฺตตฺตา. สา หิ น ถามคตา วฏฺฏปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสุ รชฺชตีติ วิฺายตีติ อาห – ‘‘ราควเสน วฏฺเฏ รชฺชนสฺสา’’ติ. สพฺเพปิ สํโยชนา ตณฺหาวเสเนว สมฺภวนฺตีติ อาห – ‘‘ตณฺหาวเสน สํโยชนตฺถายา’’ติ. อารุปฺเป ปนสฺส กงฺขา นตฺถีติ อนุสฺสววเสน ลทฺธนิจฺฉยํ สนฺธาย วุตฺตํ. กามํ ทุคฺคติทุกฺขานํ เอกนฺตสํวตฺตเนน นตฺถิกทิฏฺิอาทีนํ อปณฺณกตา ปากฏา เอว, นิปฺปริยาเยน ปน อนวชฺชสฺส อตฺถสฺส เอกนฺตสาธกํ อปณฺณกนฺติ กตฺวา โจทนา, สาวชฺชสฺสปิ อตฺถสฺส สาธเน เอกํสิกภาวํ คเหตฺวา ปริหาโร. เตนาห ‘‘คหณวเสนา’’ติอาทิ. เตน รุฬฺหีวเสน ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทีนิ อปณฺณกงฺคานิ ชาตานีติ ทสฺเสติ.
๑๐๕. เหฏฺา ¶ ตโย ปุคฺคลาว โหนฺตีติ อตฺตนฺตโป ปรนฺตโปติ อิมสฺมึ จตุกฺเก เหฏฺา ตโย ปุคฺคลา โหนฺติ. ยถาวุตฺตา ปฺจปิ ปุคฺคลา ทุปฺปฏิปนฺนาว, ตโต อตฺถิกวาทาทโย ปฺจปุคฺคลา สมฺมาปฏิปนฺนตาย อิมสฺมึ จตุกฺเก เอโก จตุตฺถปุคฺคโลว โหติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสตุนฺติ อิธ เหฏฺา วุตฺตปุคฺคลปฺจกทฺวยํ อิมสฺมึ จตุกฺเก เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ วิภาเคน ทุปฺปฏิปตฺติสุปฺปฏิปตฺติโย ทสฺเสตุํ ภควา อิมํ เทสนํ อารภีติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อปณฺณกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ คหปติวคฺควณฺณนา.