📜
๒. ภิกฺขุวคฺโค
๑. อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๐๗. อมฺพลฏฺิกายนฺติ ¶ ¶ เอตฺถ อมฺพลฏฺิกา วุจฺจติ สุชาโต ตรุณมฺพรุกฺโข, ตสฺส ปน อวิทูเร กโต ปาสาโท อิธ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘เวฬุวนวิหารสฺสา’’ติอาทิ. ปธานฆรสงฺเขเปติ ภาวนาเคหปฺปกาเร โยคีนํ เคเหติ อตฺโถ. ติขิโณว โหติ, น ตสฺส ติขิณภาโว เกนจิ กาตพฺโพ สภาวสิทฺธตฺตา. เอวเมว อตฺตโน วิมุตฺติปริปาจนกมฺมุนา ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา อยมฺปิ อายสฺมา…เป… ตตฺถ วิหาสิ. ปกติปฺตฺตเมวาติ ปกติยา ปฺตฺตํ พุทฺธานํ อุปคมนโต ปุเรตรเมว จาริตฺตวเสน ปฺตฺตํ.
๑๐๘. อุทกํ อเนน ธียติ, ปียติ วา เอตฺถาติ อุทกาธานํ. อุทกฏฺานนฺติ จ ขุทฺทกภาชนํ. ‘‘โอวาททานตฺถํ อามนฺเตสี’’ติ วตฺวา ตํ ปนสฺส โอวาททานํ น อิเธว, อถ โข พหูสุ าเนสุ พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺติตนฺติ ตานิ ตานิ สงฺเขปโต ทสฺเสตฺวา อิธ สํวณฺณนตฺถํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตนฺติ อิมินา สพฺเพสํ พุทฺธานํ สาสเน กุมารปฺหา นาม โหตีติ ทสฺเสติ. เอเกกโต ปฏฺาย ยาว ทสกา ปวตฺตา ทส ปุจฺฉา เอตสฺสาติ ทสปุจฺฉํ, เอเกกโต ปฏฺาย ยาว ทสกา เอกุตฺตรวเสน ปวตฺตํ วิสฺสชฺชนตฺถาย ปฺจปณฺณสวิสฺสชฺชนํ สามเณรปฺหนฺติ สมฺพนฺโธ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถโชติกายํ ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๔.กุมารปฺหวณฺณนา) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อนาทีนวทสฺสิตาย อภิณฺหํ มุสา สมุทาจรณโต ‘‘ปิยมุสาวาทา’’ติ วุตฺตํ, อุทกาวเสสฉฑฺฑนอุทกาธานนิกุชฺชนอุกฺกุชฺชนทสฺสนสฺิตา จตสฺโส อุทกาธานูปมาโย สพฺพสฺส ยุทฺธกมฺมสฺส อกรณกรณวเสน ทสฺสิตา ทฺเว หตฺถิอุปมาโย.
ตตฺถ ¶ ราหุลสุตฺตนฺติ สุตฺตนิปาเต อาคตํ ราหุลสุตฺตํ (สุ. นิ. ๓๓๗ อาทโย). อภิณฺโหวาทวเสน วุตฺตนฺติ อิมินา อนฺตรนฺตรา ตํ สุตฺตํ กเถตฺวา ภควา เถรํ โอวทตีติ ทสฺเสติ. อิทฺจ ปนาติ อิทํ ยถาวุตฺตํ ภควโต ตํตํกาลานุรูปํ อตฺตโน โอวาททานํ สนฺธาย. พีชนฺติ อณฺฑํ. ปสฺสสิ นูติ ¶ นุ-สทฺโท อนุชานเน, นนุ ปสฺสสีติ อตฺโถ. สจฺจธมฺมํ ลงฺฆิตฺวา ิตสฺส กิฺจิปิ อกตฺตพฺพํ นาม ปาปํ นตฺถีติ อาห – ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท สํวรรหิตสฺส โอปมฺมทสฺสนตฺถํ วุตฺตา’’ติ. ตถา หิ –
‘‘เอกํ ธมฺมมตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;
วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปมการิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๗๖);
อุรุฬฺหวาติ อุรุฬฺโห หุตฺวา อุสฺสิโต. โส ปน ทมวเสน อภิรุยฺห วฑฺฒิโต อาโรหนโยคฺโย จ โหตีติ อาห ‘‘อภิวฑฺฒิโต อาโรหสมฺปนฺโน’’ติ. อาคตาคเตติ อตฺตโน โยคฺยปเทสํ อาคตาคเต. ปฏิเสนาย ผลกโกฏฺกมุณฺฑปาการาทโยติ ปฏิเสนาย อตฺตโน อารกฺขตฺถาย ปิเต ผลกโกฏฺเก เจว อุทฺธจฺฉทปาการาทิเก จ. เอตํ ปเทสนฺติ เอตํ ปรเสนาปเทสํ. เอตฺตเกนาติ โอโลกนมตฺเตน. ตสฺส โอโลกนาการทสฺสเนเนว. สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ เสนานีกํ ทฺเวธา ภิชฺชติ, ตีรปาติกํ มทฺทิตํ หุตฺวา ปทาตา หุตฺวา ทฺเวธา หุตฺวา ปลายนฺติ. กณฺเณหิ ปหริตฺวาติ ปเคว สรานํ อาคมนสทฺทํ อุปธาเรตฺวา ยถา เวโค น โหติ, เอวํ สมุฏฺาเปตฺวา เตหิ ปหริตฺวา ปาตนํ. ปฏิหตฺถิปฏิอสฺสาติอาทินา ปจฺเจกํ ปติ-สทฺโท โยเชตพฺโพติ. ทีฆาสิลฏฺิยาติ ทีฆลตาย อสิลฏฺิยา.
กรเณติ กมฺมกรเณ. มฺติ หตฺถาโรโห. อยมุคฺครนฺติ ตาทิเส กาเล คหิตมุคฺครํ. โอโลเกตฺวาติ าณจกฺขุนา ทิสฺวา, อภิณฺหํ สมฺปชฺํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.
๑๐๙. สสกฺกนฺติ ปสฺสิตุํ ยุตฺตํ กตฺวา อุสฺสาหํ ชเนตฺวา น กรณียํ, ตาทิสํ นิยมโต อกตฺตพฺพํ โหตีติ อาห ‘‘เอกํเสเนว น กาตพฺพ’’นฺติ. ปฏิสํหเรยฺยาสีติ กรณโต สงฺโกจํ อาปชฺเชยฺยาสิ. ยถาภูโต อสนฺโต นิวตฺโต อกโรนฺโต นาม โหตีติ อาห ‘‘นิวตฺเตยฺยาสิ มา กเรยฺยาสี’’ติ. อนุปเทยฺยาสีติ อนุพลปฺปทายี ภเวยฺยาสิ. เตนาห ‘‘อุปตฺถมฺเภยฺยาสี’’ติ. ตํ ปน อนุพลปฺปทานํ อุปตฺถมฺภนํ ปุนปฺปุนํ กรณเมวาติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ กเรยฺยาสี’’ติ ¶ . สิกฺขมาโนติ ตํเยว อธิสีลสิกฺขํ ตนฺนิสฺสยฺจ สิกฺขาทฺวยํ สิกฺขนฺโต สมฺปาเทนฺโต.
๑๑๑. กิตฺตเก ¶ ปน าเนติ กิตฺตเก าเน ปวตฺตานิ. อวิทูเร เอว ปวตฺตานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกสฺมึ ปุเรภตฺเตเยว โสเธตพฺพานี’’ติ อาห. เอวฺหิ ตานิ สุโสธิตานิ โหนฺติ สุปริสุทฺธานิ. ปเรสํ อปฺปิยํ ครุํ คารยฺหํ, ยถาวุตฺตฏฺานโต ปน อฺํ วา กมฺมฏฺานมนสิกาเรเนว กายกมฺมาทีนิ ปริโสธิตานิ โหนฺตีติ น คหิตํ. ปฏิฆํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺเทน อสมเปกฺขเณ โมหสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
๑๑๒. วุตฺตนเยน กายกมฺมาทิปริโสธนํ นาม อิเธว, น อิโต พหิทฺธาติ อาห ‘‘พุทฺธา…เป… สาวกา วา’’ติ. เต หิ อตฺถโต สมณพฺราหฺมณา วาติ. ตสฺมาติ ยสฺมา สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อารุฬฺหมคฺโค, ราหุล, มยา ตุยฺหํ อาจิกฺขิโต, ตสฺมา. เตน อนุสิกฺขนฺเตน ตยา เอวํ สิกฺขิตพฺพนฺติ โอวาทํ อทาสิ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา
สมตฺตา.
๒. มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๑๓. อิริยาปถานุพนฺธเนนาติ ¶ อิริยาปถคมนานุพนฺธเนน, น ปฏิปตฺติคมนานุพนฺธเนน. อฺเมว หิ พุทฺธานํ ปฏิปตฺติคมนํ อฺํ สาวกานํ. วิลาสิตคมเนนาติ – ‘‘ทูเร ปาทํ น อุทฺธรติ, น อจฺจาสนฺเน ปาทํ นิกฺขิปติ, นาติสีฆํ คจฺฉติ นาติสณิก’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๔๓; อุทา. อฏฺ. ๗๖; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๘๕) วุตฺเตน สภาวสีเลน พุทฺธานํ จาตุริยคมเนน. ตเทว หิ สนฺธาย ‘‘ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺโต’’ติ วุตฺตํ. ปทานุปทิโกติ ราหุลตฺเถรสฺสปิ ลกฺขณปาริปูริยา ตาทิสเมว คมนนฺติ ยตฺตกํ ปเทสํ อนฺตรํ อทตฺวา ภควโต ปิฏฺิโต คนฺตุํ อารทฺโธ, สพฺพตฺถ ตเมว คมนปทานุปทํ คจฺฉตีติ ปทานุปทิโก.
วณฺณนาภูมิ ¶ จายํ ตตฺถ ภควนฺตํ เถรฺจ อเนกรูปาหิ อุปมาหิ วณฺเณนฺโต ‘‘ตตฺถ ภควา’’ติอาทิมาห. นิกฺขนฺตคชโปตโก วิย วิโรจิตฺถาติ ปทํ อาเนตฺวา โยชนา. เอวํ ตํ เกสรสีโห วิยาติอาทีสุปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. ตารกราชา นาม จนฺโท. ทฺวินฺนํ จนฺทมณฺฑลานนฺติอาทิ ปริกปฺปวจนํ, พุทฺธาเวณิกสนฺตกํ วิย พุทฺธานํ อากปฺปโสภา อโหสิ, อโห สิรีสมฺปตฺตีติ โยชนา.
อาทิยมานาติ คณฺหนฺติ. ‘‘ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ น อชฺชุเปกฺขิตพฺโพ. อิทํ น กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเตติ อิทํ ปาณอติปาตนํ น กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเต อิทํ ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุนา วา วิเหนํ น กตฺตพฺพํ, อิทํ ปาณินา ทณฺฑกทานฺจ อนฺตมโส กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น กตฺตพฺพเมวาติ นยสเตนปิ นยสหสฺเสนปิ ปฏิวิชฺฌติ, ตถา อิธ ตาว สมฺมชฺชนํ กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเตปิ ตตฺถ ปริภณฺฑกรณํ วิหารงฺคณสมฺมชฺชนํ กจวรฉฑฺฑนํ วาลิกาสมกิรณนฺติ เอวมาทินา นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌติ. เตนาห – ‘‘อิทํ กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย’’ติ. ปริภาสนฺติ ตชฺชนํ. ลภามีติ ปจฺจาสีสติ.
สพฺพเมตนฺติ สพฺพํ เอตํ มยิ ลพฺภมานํ สิกฺขากามตํ. อภิฺายาติ ชานิตฺวา. สหาโยติ รฏฺปาลตฺเถรํ สนฺธายาห. โส หิ ภควตา สทฺธาปพฺพชิตภาเว เอตทคฺเค ปิโต. ธมฺมารกฺโขติ ¶ สตฺถุ สทฺธมฺมรตนานุปาลโก ธมฺมภณฺฑาคาริโก. เปตฺติโยติ จูฬปิตา. สพฺพํ เม ชินสาสนนฺติ สพฺพมฺปิ พุทฺธสาสนํ มยฺหเมว.
ฉนฺทราคํ ตฺวาติ ฉนฺทราคํ มม จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ตฺวา. อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเลติ วิหารปริยนฺเต อฺตรสฺมึ รุกฺขมูลฏฺาเน อนุจฺฉวิเก.
ตทาติ อคฺคสาวเกหิ ปสาทาปนกาเล. อฺกมฺมฏฺานานิ จงฺกมนอิริยาปเถปิ ปิฏฺิปสารณกาเลปิ สมิชฺฌนฺติ, น เอวมิทนฺติ อาห – ‘‘อิทมสฺส เอติสฺสา นิสชฺชาย กมฺมฏฺานํ อนุจฺฉวิก’’นฺติ. อานาปานสฺสตินฺติ อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ.
สมสีสี โหตีติ สเจ สมสีสี หุตฺวา น ปรินิพฺพายติ. ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ โน เจ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ. ขิปฺปาภิฺโติ ขิปฺปํ ลหุํเยว ปตฺตพฺพฉฬภิฺโ.
ปริปุณฺณาติ ¶ โสฬสสุ อากาเรสุ กสฺสจิปิ อตาปเนน สพฺพโส ปุณฺณา. สุภาวิตาติ สมถภาวนาย วิปสฺสนาภาวนาย จ อนุปุพฺพสมฺปาทเนน สุภาวิตา. คณนาวิธานานุปุพฺพิยา อาเสวิตตฺตา อนุปุพฺพํ ปริจิตา.
โอมานํ วาติ อวชานนํ อฺุาตนฺติ เอวํวิธํ มานํ วา. อติมานํ วาติ ‘‘กึ อิเมหิ, มเมว อานุภาเวน ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ อติมานํ วา กุโต ชเนสฺสตีติ.
๑๑๔. วิสงฺขริตฺวาติ วิสํยุตฺเต กตฺวา, ยถา สงฺคากาเรน คหณํ น คจฺฉติ, เอวํ วินิภฺุชิตฺวาติ อตฺโถ. มหาภูตานิ ตาว วิตฺถาเรตุ, สมฺมสนูปคตฺตา, อสมฺมสนูปคํ อากาสธาตุํ อถ กสฺมา วิตฺถาเรสีติ อาห ‘‘อุปาทารูปทสฺสนตฺถ’’นฺติ. อาโปธาตุ สุขุมรูปํ. อิตราสุ โอฬาริกสุขุมตาปิ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อุปาทารูปทสฺสนตฺถ’’นฺติ. เหฏฺา จตฺตาริ มหาภูตาเนว กถิตานิ, น อุปาทารูปนฺติ ตสฺส ปเนตฺถ ลกฺขณหารนเยน อากาสทสฺสเนน ทสฺสิตตา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘อิมินา มุเขน ตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ. น เกวลํ อุปาทารูปคฺคหณทสฺสนตฺถเมว อากาสธาตุ วิตฺถาริตา, อถ โข ปริคฺคหสุขตายปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปริจฺฉินฺทิตพฺพสฺส รูปสฺส นิรวเสสปริยาทานตฺถํ ‘‘อชฺฌตฺติเกนา’’ติ วิเสสนมาห. อากาเสนาติ อากาสธาตุยา คหิตาย. ปริจฺฉินฺนรูปนฺติ ตาย ปริจฺฉินฺทิตกลาปคตมฺปิ ปากฏํ โหติ วิภูตํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.
อิทานิ ¶ วุตฺตเมวตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ คาถาย ทสฺเสติ. ตสฺสาติ อุปาทายรูปสฺส. เอวํ อาวิภาวตฺถนฺติ เอวํ ปริจฺฉินฺนตาย อากาสสฺส วเสน วิภูตภาวตฺถํ. ตนฺติ อากาสธาตุํ.
๑๑๘. อากาสภาวํ คตนฺติ จตูหิ มหาภูเตหิ อสมฺผุฏฺานํ เตสํ ปริจฺเฉทกภาเวน อากาสนฺติ คเหตพฺพตํ คตํ, อากาสเมว วา อากาสคตํ ยถา ‘‘ทิฏฺิคตํ (ธ. ส. ๓๘๑; มหานิ. ๑๒), อตฺถงฺคต’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) จ. อาทินฺนนฺติ อิมนฺติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อาทินฺนํ. เตนาห ‘‘คหิตํ ปรามฏฺ’’นฺติ. อฺตฺถ กมฺมชํ ‘‘อุปาทินฺน’’นฺติ วุจฺจติ, น ตถา อิธาติ อาห ‘‘สรีรฏฺกนฺติ อตฺโถ’’ติ. ปถวีธาตุอาทีสุ ¶ วุตฺตนเยเนวาติ มหาหตฺถิปโทปเม (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย) วุตฺตนยทสฺสนํ สนฺธาย วทติ.
๑๑๙. ตาทิภาโว นาม นิฏฺิตกิจฺจสฺส โหติ, อยฺจ วิปสฺสนํ อนุยฺุชติ, อถ กิมตฺถํ ตาทิภาวตา วุตฺตาติ? ปถวีสมตาทิลกฺขณาจิกฺขณาหิ วิปสฺสนาย สุขปฺปวตฺติอตฺถํ. เตนาห ‘‘อิฏฺานิฏฺเสู’’ติอาทิ. คเหตฺวาติ กุสลปฺปวตฺติยา โอกาสทานวเสน ปริคฺคเหตฺวา. น ปติฏฺิโตติ น นิสฺสิโต น ลคฺโค.
๑๒๐. พฺรหฺมวิหารภาวนา อสุภภาวนา อานาปานสฺสติภาวนา จ อุปจารํ วา อปฺปนํ วา ปาเปนฺโต วิปสฺสนาย ปาทกภาวาย อนิจฺจาทิสฺาย วิปสฺสนาภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตาธิคมาย โหตีติ ‘‘เมตฺตาทิภาวนาย ปน โหตี’’ติ วุตฺตํ. ยตฺถ กตฺถจิ สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ จ ปฏิหฺนกิเลโสติ อาฆาตภาวเมว วทติ ายภาวโต อฺเสมฺปิ. อสฺมิมาโนติ รูปาทิเก ปจฺเจกํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ เอวํ ปวตฺตมาโน.
๑๒๑. อิทํ กมฺมฏฺานนฺติ เอตฺถ คณนาทิวเสน อาเสวิยมานา อสฺสาสปสฺสาสา โยคกมฺมสฺส ปติฏฺานตาย กมฺมฏฺานํ. ตตฺถ ปน ตถาปวตฺโต มนสิกาโร ภาวนา. เอตฺถ จ ตสฺเสว เถรสฺส ภควตา พหูนํ กมฺมฏฺานานํ เทสิตตฺตา จริตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานานิ สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ สปฺปายานีติ อยมตฺโถ สิทฺโธ, อติสปฺปายวเสน ปน กมฺมฏฺาเนสุ วิภาคกถา กถิตาติ เวทิตพฺพา.
มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๒. เอวํ ¶ ปิตานีติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตานิ ทิฏฺิคตานิ อนิยฺยานิกตาย น พฺยากาตพฺพานิ น กเถตพฺพานิ, เอวํ ปนียปกฺเข ปิตานิ เจว นิยฺยานิกสาสเน ฉฑฺฑนียตาย ปฏิกฺขิตฺตานิ จ, อปิเจตฺถ อตฺถโต ปฏิกฺเขโป เอว พฺยากาตพฺพโต. ยถา เอโก ¶ กมฺมกิเลสวเสน อิตฺถตฺตํ อาคโต, ตถา อปโรปิ อปโรปีติ สตฺโต ตถาคโต วุจฺจตีติ อาห – ‘‘ตถาคโตติ สตฺโต’’ติ. ตํ อพฺยากรณํ มยฺหํ น รุจฺจตีติ ยทิ สสฺสโต โลโก, สสฺสโต โลโกติ, อสสฺสโต โลโก, อสสฺสโต โลโกติ ชานามาติ พฺยากาตพฺพเมว, ยํ ปน อุภยถา อพฺยากรณํ, ตํ เม จิตฺตํ น อาราเธติ อชานนเหตุกตฺตา อพฺยากรณสฺส. เตนาห – ‘‘อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ, ยทิทํ น ชานามิ น ปสฺสามี’’ติ. สสฺสโตติอาทีสุ สสฺสโตติ สพฺพกาลิโก, นิจฺโจ ธุโว อวิปริณามธมฺโมติ อตฺโถ. โส หิ ทิฏฺิคติเกหิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปตพฺพิปากา, สยํ วา ตพฺพิปากากราทิภาเวน อวิยุตฺเตหิ โลกียตีติ โลโกติ อธิปฺเปโต. เอเตน จตฺตาโรปิ สสฺสตวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อสสฺสโตติ น สสฺสโต, อนิจฺโจ อทฺธุโว เภทนธมฺโมติ อตฺโถ, อสสฺสโตติ จ สสฺสตภาวปฏิกฺเขเปน อุจฺเฉโท ทีปิโตติ สตฺตปิ อุจฺเฉทวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อนฺตวาติ ปริวฏุโม ปริจฺฉินฺนปริมาโณ, อสพฺพคโตติ อตฺโถ. เตน ‘‘สรีรปริมาโณ, องฺคุฏฺปริมาโณ, ยวปริมาโณ ปรมาณุปริมาโณ อตฺตา’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๕๔; ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗) เอวมาทิวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ.
ตถาคโต ปรํ มรณาติ ตถาคโต ชีโว อตฺตา มรณโต อิมสฺส กายสฺส เภทโต ปรํ อุทฺธํ โหติ อตฺถิ สํวิชฺชตีติ อตฺโถ. เอเตน สสฺสตภาวมุเขน โสฬส สฺีวาทา, อฏฺ อสฺีวาทา, อฏฺ จ เนวสฺีนาสฺีวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. น โหตีติ นตฺถิ น อุปลพฺภติ. เอเตน อุจฺเฉทวาโท ทสฺสิโต โหติ. อปิจ โหติ จ น จ โหตีติ อตฺถิ นตฺถิ จาติ. เอเตน เอกจฺจสสฺสตวาโท ทสฺสิโต. เนว โหติ น น โหตีติ ปน อิมินา อมราวิกฺเขปวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ. ภควตา ปน อนิยฺยานิกตฺตา อนตฺถสํหิตานิ อิมานิ ทสฺสนานีติ ตานิ น พฺยากตานิ, ตํ อพฺยากรณํ สนฺธายาห อยํ เถโร ‘‘ตํ เม น รุจฺจตี’’ติ. สิกฺขํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ยถาสมาทินฺนสิกฺขํ ปหาย.
๑๒๕. ตฺวํ ¶ เนว ¶ ยาจโกติ อหํ ภนฺเต ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามีติอาทินา. น ยาจิตโกติ ตฺวํ มาลุกฺยปุตฺต มยิ พฺรหฺมจริยํ จราติอาทินา.
๑๒๖. ปรเสนาย ิเตน ปุริเสน. พหลเลปเนนาติ พหลวิเลปเนน. มหาสุปิยาทิ สพฺโพ มุทุหิทโก เวณุวิเสโส สณฺโห. มรุวาติ มกจิ. ขีรปณฺณิโนติ ขีรปณฺณิยา, ยสฺสา ฉินฺทนมตฺเต ปณฺเณ ขีรํ ปคฺฆรติ. คจฺฉนฺติ คจฺฉโต ชาตํ สยํชาตคุมฺพโต คหิตนฺติ อธิปฺปาโย. สิถิลหนุ นาม ทตฺตา กณฺโณ ปตงฺโค. เอตาย ทิฏฺิยา สติ น โหตีติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ เอตาย ทิฏฺิยา สติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, ตํ ปหาย เอว ปตฺตพฺพโต.
๑๒๗. อตฺเถว ชาตีติอาทินา เอตา ทิฏฺิโย ปจฺเจกมฺปิ สํสารปริพฺรูหนา กฏสิวฑฺฒนา นิพฺพานวิพนฺธนาติ ทสฺเสติ.
๑๒๘. ตสฺมาติหาติ อิทํ อฏฺาเน อุทฺธฏํ, าเนเยว ปน ‘‘วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมสฺส ปรโต กตฺวา สํวณฺเณตพฺพํ. อตฺตโน ผเลน อรณียโต อนุคนฺตพฺพโต การณมฺปิ ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘การณนิสฺสิต’’นฺติ. เตนาห ‘‘พฺรหฺมจริยสฺส อาทิมตฺตมฺปี’’ติ. ปุพฺพปทฏฺานนฺติ ปมารมฺโภ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๙. โอรํ ¶ วุจฺจติ กามธาตุ, ตตฺถ ปวตฺติยา สํวตฺตนโต โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ, เหฏฺิมมคฺควชฺฌตาย โอรมฺภาเค เหฏฺาโกฏฺาเส ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. เตนาห ‘‘เหฏฺาโกฏฺาสิกานี’’ติอาทิ. กมฺมุนา หิ วฏฺเฏน จ ทุกฺขํ สํโยเชนฺตีติ สํโยชนานิ, โอรมฺภาคิยสฺิตานิ สํโยชนานิ ยสฺส อปฺปหีนานิ, ตสฺเสว วฏฺฏทุกฺขํ. ยสฺส ปน ตานิ ปหีนานิ, ตสฺส ตํ นตฺถีติ. อปฺปหีนตาย อนุเสตีติ อริยมคฺเคน อสมุจฺฉินฺนตาย การณลาเภ ¶ สติ อุปฺปชฺชติ, อปฺปหีนภาเวน อนุเสติ. อนุสยมาโน สํโยชนํ นาม โหตีติ อนุสยตฺตํ ผริตฺวา ปวตฺตมาโน ปาปธมฺโม ยถาวุตฺเตนตฺเถน สํโยชนํ นาม โหติ. เอเตน ยทิ ปน อนุสยโต สํโยชนํ ปวตฺตํ, ตถาปิ เย เต กามราคาทโย ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตเยว พนฺธนฏฺเน สํโยชนานีติ ทสฺเสติ.
เอวํ สนฺเตปีติ ยเทว โอรมฺภาคิยสํโยชนํ ภควตา ปุจฺฉิตํ, ตเทว เถเรนปิ วิสฺสชฺชิตํ, ตถาปิ อยํ ลทฺธิ สนฺนิสฺสยา. ตตฺถ โทสาโรปนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส วาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมุทาจารกฺขเณเยวาติ ปวตฺติกฺขเณ เอว. น หิ สพฺเพ วตฺตมานา กิเลสา สํโยชนตฺถํ ผรนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตนาติ เตน การเณน, ตถาลทฺธิกตฺตาติ อตฺโถ. จินฺเตสิ ‘‘ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ โยชนา. อตฺตโน ธมฺมตาเยวาติ อชฺฌตฺตาสเยเนว. วิสํวาทิตาติ สตฺถุ จิตฺตสฺส อนาราธเนน วิเวจิตา. เอวมกาสิ เอวํ ธมฺมํ เทสาเปสิ.
๑๓๐. สกฺกายทิฏฺิปริยุฏฺิเตนาติ ปริยุฏฺานสมตฺถสกฺกายทิฏฺิเกน. ตถาภูตฺจ จิตฺตํ ตาย ทิฏฺิยา วิคยฺหิตํ อชฺโฌตฺถฏฺจ นาม โหตีติ อาห ‘‘คหิเตน อภิภูเตนา’’ติ. ทิฏฺินิสฺสรณํ นาม ทสฺสนมคฺโค เตน สมุจฺฉินฺทิตพฺพโต, โส ปน นิพฺพานํ อาคมฺม ตํ สมุจฺฉินฺทติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺินิสฺสรณํ นิพฺพาน’’นฺติ. อวิโนทิตา อนีหฏาติ ปททฺวเยนปิ สมุจฺเฉทวเสน อปฺปหีนตฺตํเยว วทติ. อฺํ สํโยชนํ อฺโ อนุสโยติ วทนฺติ, สหภาโว นาม อฺเน โหติ. น หิ ตเทว เตน สหาติ วุจฺจตีติ เตสํ อธิปฺปาโย. อฺเนาติ อตฺถโต อฺเน. อวตฺถามตฺตโต ยทิปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นตฺถิ, อวยโว ปน สมุทาโย น โหตีติ โส สมุทายโต อฺโ เอวาติ สกฺกา วตฺตุนฺติ ยถาวุตฺตสฺส ปริหารสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ อาสงฺกิตฺวา ปกฺขนฺตรํ อาสลฺลิตํ ‘‘อถาปิ สิยา’’ติอาทินา. ปกฺขนฺตเรหิ ปริหารา ¶ โหนฺตีติ ยถาวุตฺตาเยนปิ อฺโ ปุริโส อถาปิ สิยา, อยํ ปเนตฺถ อฺโ โทโสติ อาห ‘‘ยทิ ตเทวา’’ติอาทิ. อถาปิ สิยา ตุยฺหํ ยทิ ปริวิตกฺโก อีทิโส ยทิ ตเทว สํโยชนนฺติอาทิ. อิมมตฺถํ สนฺธายาติ ปรมตฺถโต โส เอว ¶ กิเลโส สํโยชนมนุสโย จ, พนฺธนตฺถอปฺปหีนตฺถานํ ปน อตฺเถว เภโทติ อิมมตฺถํ สนฺธาย.
๑๓๒. ตจจฺเฉโท วิย สมาปตฺติ กิเลสานํ สมาปตฺติวิกฺขมฺภนสฺส สารจฺเฉทสฺส อนุสยสฺส ทูรภาวโต. เผคฺคุจฺเฉโท วิย วิปสฺสนา ตสฺส อาสนฺนภาวโต. เอวรูปา ปุคฺคลาติ อภาวิตสทฺธาทิพลตาย ทุพฺพลนามกายา ปุคฺคลา, เยสํ สกฺกายนิโรธาย…เป… นาธิมุจฺจติ. เอวํ ทฏฺพฺพาติ ยถา โส ทุพฺพลโก ปุริโส, เอวํ ทฏฺพฺโพ โส ปุริโส คงฺคาปารํ วิย สกฺกายปารํ คนฺตุํ อสมตฺถตฺตา. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺขสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๑๓๓. อุปธิวิเวเกนาติ อิมินา อุปธิวิเวกาติ กรเณ นิสฺสกฺกนนฺติ ทสฺเสติ, อุปธิวิเวกาติ วา เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนสฺส อุปธิวิเวเกนาติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน ปฺจกามคุณวิเวโก กถิโต. กามคุณาปิ หิ อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธีติ วุจฺจนฺตีติ. ถินมิทฺธปจฺจยา กายวิชมฺภิตาทิเภทํ กายาลสิยํ. ตตฺถาติ อนฺโตสมาปตฺติยํ สมาปตฺติอพฺภนฺตเร ชาตํ. ตํ ปน สมาปตฺติปริยาปนฺนมฺปิ อปริยาปนฺนมฺปีติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺโตสมาปตฺติกฺขเณเยวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รูปาทโย ธมฺเมติ รูปเวทนาทิเก ปฺจกฺขนฺธธมฺเม. น นิจฺจโตติ อิมินา นิจฺจปฏิกฺเขปโต เตสํ อนิจฺจตมาห. ตโต เอว อุทยวยนฺตโต วิปริณามโต ตาวกาลิกโต จ เต อนิจฺจาติ โชติตํ โหติ. ยฺหิ นิจฺจํ น โหติ, ตํ อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนํ ชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณตํ อิตฺตรขณเมว จ โหติ. น สุขโตติ อิมินา สุขปฏิกฺเขปโต เตสํ ทุกฺขตมาห, อโต เอว อภิณฺหํ ปฏิปีฬนโต ทุกฺขวตฺถุโต จ เต ทุกฺขาติ โชติตํ โหติ. อุทยพฺพยวนฺตตาย หิ เต อภิณฺหํ ปฏิปีฬนโต นิรนฺตรทุกฺขตาย ทุกฺขสฺเสว จ อธิฏฺานภูตาติ. ปจฺจยยาปนียตาย โรคมูลตาย จ โรคโต. ทุกฺขตาสูลโยคิตาย กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกภิชฺชนโต จ คณฺฑโต. ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ อวทฺธิอาวหโต อฆวตฺถุโต จ อเสรีภาวโต อาพาธปทฏฺานตาย จ อาพาธโต. อวสวตฺตนโต อวิเธยฺยตาย ปรโต ¶ . พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนียตาย ปโลกโต. สามีนิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรหโต สฺุโต. อตฺตปฏิกฺเขปฏฺเน อนตฺตโต, รูปาทิธมฺมาปิ น เอตฺถ อตฺตา โหนฺตีติ อนตฺตา, เอวํ อยมฺปิ น อตฺตา โหตีติ อนตฺตา. เตน ¶ อพฺยาปารโต นิรีหโต ตุจฺฉโต อนตฺตาติ ทีปิตํ โหติ. ลกฺขณตฺตยเมว อวโพธตฺถํ เอกาทสหิ ปเทหิ วิภชิตฺวา คหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ สมาปตฺตีนํ สหชาตตาย สมาปตฺตีนํ อพฺภนฺตเร. จิตฺตํ ปฏิสํหรตีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคาทิอุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน วิปสฺสนาจิตฺตํ ปฏิสํหรติ. เตนาห ‘‘โมเจตี’’ติ. สวนวเสนาติ ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติอาทินา สวนวเสน. ถุติวเสนาติ ตเถว โถมนาวเสน คุณโต สํกิตฺตนวเสน. ปริยตฺติวเสนาติ ตสฺส ธมฺมสฺส ปริยาปุณนวเสน. ปฺตฺติวเสนาติ ตทตฺถสฺส ปฺาปนวเสน. อารมฺมณกรณวเสเนว อุปสํหรติ มคฺคจิตฺตํ. เอตํ สนฺตนฺติอาทิ ปน อวธารณนิวตฺติตตฺถทสฺสนํ. ยถา วิปสฺสนา ‘‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีต’’นฺติอาทินา อสงฺขตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรติ, เอวํ มคฺโค นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมนฺโต ตตฺถ ลพฺภมาเน สพฺเพ วิเสเส อสมฺโมหโต ปฏิวิชานนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ อุปสํหรติ. เตนาห ‘‘อิมินา ปน อากาเรนา’’ติอาทิ. โส ตตฺถ ิโตติ โส อทนฺธวิปสฺสโน โยคี ตตฺถ ตาย อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยารมฺมณาย วิปสฺสนาย ิโต. สพฺพโสติ ตสฺส มคฺคสฺส อธิคมาย นิพฺพตฺติตสมถวิปสฺสนาสุ. อสกฺโกนฺโต อนาคามี โหตีติ เหฏฺิมมคฺควหาสุ เอว สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราคํ ปหาย อคฺคมคฺควหาสุ ตาสุ นิกนฺตึ ปริยาทาตุํ อสกฺโกนฺโต อนาคามิตายเมว สณฺาติ.
สมติกฺกนฺตตฺตาติ สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จาติ สพฺพถาปิ รูปสฺส อติกฺกนฺตตฺตา. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. อเนนาติ โยคินา. ตํ อติกฺกมฺมาติ อิทํ โย วา ปมํ ปฺจโวการภวปริยาปนฺเน ธมฺเม สมฺมเทว สมฺมสิตฺวา เต วิวชฺเชตฺวา ตโต อรูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อรูปธมฺเม สมฺมสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ อรูปํ สมฺมสตี’’ติ.
สมถวเสน ¶ คจฺฉโตติ สมถปฺปธานํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ อนุยฺุชนฺตสฺส. จิตฺเตกคฺคตา ธุรํ โหตีติ ตสฺส วิปสฺสนาภาวนาย ตถา ปุพฺเพ ปวตฺตตฺตา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา สมาธิปฺปธานา โหติ, มคฺเคปิ จิตฺเตกคฺคตา ธุรํ โหติ, สมาธินฺทฺริยํ ปุพฺพงฺคมํ พลวํ โหติ. โส เจโตวิมุตฺโต นามาติ โส อริโย เจโตวิมุตฺโต นาม โหติ. วิปสฺสนาวเสน คจฺฉโตติ ‘‘สมถวเสน คจฺฉโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺจ ปุคฺคลวิภาโค สุตฺตนฺตนเยน อิธาภิหิโต ปริยาโย นาม, อภิธมฺมนเยน ปรโต กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนายํ ทสฺสยิสฺสาม. อยํ สภาวธมฺโมเยวาติ ปุพฺพภาคปฏิปทา สมถปฺปธานา เจ สมาธิ ธุรํ, วิปสฺสนาปธานา เจ ปฺา ธุรนฺติ อยํ ธมฺมสภาโวเยว, เอตฺถ กิฺจิ น อาสงฺกิตพฺพํ.
อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ¶ อินฺทฺริยเวมตฺตตา. เตนาห ‘‘อินฺทฺริยนานตฺตํ วทามี’’ติ. อินฺทฺริยนานตฺตตา การณนฺติ อิทํ ทสฺเสติ – อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนาภินิเวโส วิย สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จ ยํ ปุพฺพภาคคมนํ, ตํ อปฺปมาณํ ตํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ, ยสฺส สมาธิ ธุรํ ปุพฺพงฺคมํ พลวํ โหติ, โส อริโย เจโตวิมุตฺติ นาม โหติ. ยสฺส ปฺา ธุรํ ปุพฺพงฺคมํ พลวํ โหติ โส อริโย ปฺาวิมุตฺโต นาม โหติ. อิทานิ ตมตฺถํ พุทฺธิวิสิฏฺเน นิทสฺสเนน ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา’’ติอาทิมาห, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. ภทฺทาลิสุตฺตวณฺณนา
๑๓๔. อสิยตีติ ¶ อสนํ, ภฺุชนํ โภชนํ, อสนสฺส โภชนํ อสนโภชนํ, อาหารปริโภโค, เอกสฺมึ กาเล อสนโภชนํ เอกาสนโภชนํ. โส ปน กาโล สพฺพพุทฺธานํ สพฺพปจฺเจกพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณวเสน ปุพฺพณฺโห เอว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘เอกสฺมึ ปุเรภตฺเต อสนโภชน’’นฺติ. วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจนฺติ ‘‘อยุตฺตํ วต มยา กตํ, โย อตฺตโน สรีรปกตึ อชานนฺโต เอกาสนโภชนํ ภฺุชิ, เยน เม อิทํ สรีรํ กิสํ ชาตํ พฺรหฺมจริยานุคฺคโห นาโหสี’’ติ เอวํ ¶ วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจํ ภเวยฺย. เอตํ สนฺธาย สตฺถา อาห, น ภทฺทาลิเมว ตาทิสํ กิริยํ อนุชานนฺโต. อิตรถาติ ยทิ เอกํเยว ภตฺตํ ทฺวิธา กตฺวา ตโต เอกสฺส ภาคสฺส ภฺุชนํ เอกเทสภฺุชนํ อธิปฺเปตํ. โก สกฺโกตีติ โก เอวํ ยาเปตุํ สกฺโกติ. อตีตชาติปริจโยปิ นาม อิเมสํ สตฺตานํเยว อนุพนฺธตีติ อาห ‘‘อตีเต’’ติอาทิ. วิรวนฺตสฺเสวาติ อนาทเร สามิวจนํ. ตํ มทฺทิตฺวาติ ‘‘อยํ สิกฺขา สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน อาจิณฺณํ, อยฺจ ภิกฺขุ อิมํ สิกฺขเตวา’’ติ วตฺวา ตํ ภทฺทาลึ ตสฺส วา อนุสฺสาหปเวทนํ อภิภวิตฺวา. ภิกฺขาจารคมนตฺถํ น วิตกฺกมาฬกํ อคมาสิ, วิหารจาริกํ จรนฺโต ตสฺส วสนฏฺานํ ภควา คจฺฉติ.
๑๓๕. ทูสยนฺติ ครหนฺติ เอเตนาติ โทโส, อปราโธ, โส เอว กุจฺฉิตภาเวน โทสโก. ครหาย ปวตฺติฏฺานโต โอกาโส. เตนาห – ‘‘เอตํ โอกาสํ เอตํ อปราธ’’นฺติ. ทุกฺกรตรนฺติ ปติการวเสน อติสเยน ทุกฺกรํ. อปราโธ หิ น ขมาเปนฺตํ ยถาปจฺจยํ วิตฺถาริโต หุตฺวา ทุปฺปติกาโร โหติ. เตนาห ‘‘วสฺสฺหี’’ติอาทิ.
อลคฺคิตฺวาติ อิมมฺปิ นาม อปนีตํ อกาสีติ เอวํ อวิเนตฺวา, ตํ ตํ ตสฺส หิตปฏิปตฺตึ นิวารณํ กตฺวาติ อตฺโถ. ายปฏิปตฺตึ อติจฺจ เอติ ปวตฺตตีติ อจฺจโย, อปราโธ, ปุริเสน มทฺทิตฺวา ปวตฺติโต อปราโธ อตฺถโต ปุริสํ อติจฺจ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติ. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ อาห ‘‘เอกํ การณ’’นฺติ. ยํ ปเนตฺถ ภทฺทาลิตฺเถรสฺส อปริปูรการิตาย ภิกฺขุอาทีนํ ชานนํ, ตมฺปิ การณํ กตฺวา ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, น อุสฺสหามี’’ติอาทินา วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
๑๓๖. เอกจิตฺตกฺขณิกาติ ¶ ปมมคฺคจิตฺตกฺขเณน เอกจิตฺตกฺขณิกา. เอวํ อาณาเปตุํ น ยุตฺตนฺติ สงฺกมตฺถาย อาณาเปตุํ น ยุตฺตํ ปโยชนาภาวโต. อนาจิณฺณฺเจตํ พุทฺธานํ, ยทิทํ ปทสา อกฺกมนํ. ตถา หิ –
‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;
มา นํ กลลํ อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๓);
สุเมธปณฺฑิเตน ¶ ปจฺจาสีสิตํ น กตํ. ยถาห –
‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๖๐);
ภควตา อาณตฺเต สติ เตสมฺปิ เอวํ กาตุํ น ยุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอเตสํ ปฏิพาหิตุํ ยุตฺตนฺติ อิทํ อฏฺานปริกปฺปนวเสเนว วุตฺตํ. น หิ พุทฺธานํ กาตุํ อารทฺธํ นาม กิจฺจํ เกหิจิ ปฏิพาหิตุํ ยุตฺตํ นาม อตฺถิ ปฏิพาหิตุํเยว อกรณโต. สมฺมตฺตนิยามสฺส อโนกฺกนฺตตฺตา วุตฺตํ ‘‘พาหิรโก’’ติ.
๑๓๗. น กมฺมฏฺานํ อลฺลียตีติ จิตฺตํ กมฺมฏฺานํ น โอตรติ.
๑๔๐. ปุนปฺปุนํ กาเรนฺตีติ ทณฺฑกมฺมปณามนาทิการณํ ปุนปฺปุนํ กาเรนฺติ. สมฺมาวตฺตมฺหิ น วตฺตตีติ ตสฺสา ตสฺสา อาปตฺติยา วุฏฺานตฺถํ ภควตา ปฺตฺตสมฺมาวตฺตมฺหิ น วตฺตติ. อนุโลมวตฺเต น วตฺตตีติ เยน เยน วตฺเตน สงฺโฆ อนุโลมิโก โหติ, ตสฺมึ ตสฺมึ อนุโลมวตฺเต น วตฺตติ วิโลมเมว คณฺหาติ, ปฏิโลเมน โหติ. นิตฺถารณกวตฺตมฺหีติ เยน วตฺเตน สงฺโฆ อนุโลมิโก โหติ, สาปตฺติกภาวโต นิตฺถิณฺโณ โหติ, ตมฺหิ นิตฺถารณวตฺตสฺมึ น วตฺตติ. เตนาห ‘‘อาปตฺตี’’ติอาทิ. ทุพฺพจกรเณติ ทุพฺพจสฺส ภิกฺขุโน กรเณ.
๑๔๔. ยาเปตีติ วตฺตติ, สาสเน ติฏฺตีติ อตฺโถ. อภิฺาปตฺตาติ ‘‘อสุโก อสุโก จ เถโร สีลวา กลฺยาณธมฺโม พหุสฺสุโต’’ติอาทินา อภิฺาตภาวํ ปตฺตา อธิคตอภิฺาตา.
๑๔๕. สตฺเตสุ หายมาเนสูติ กิเลสพหุลตาย ปฏิปชฺชนกสตฺเตสุ ปริหายนฺเตสุ ปฏิปเถสุ ¶ ชายมาเนสุ. อนฺตรธายติ นาม ตทาธารตาย. ทิฏฺธมฺมิกา ปรูปวาทาทโย. สมฺปรายิกา อปายทุกฺขวิเสสา. อาสวนฺติ เตน เตน ปจฺจเยน ปวตฺตนฺตีติ อาสวา. เนสนฺติ ปรูปวาทาทิอาสวานํ. เตติ วีติกฺกมธมฺมา.
อกาลํ ทสฺเสตฺวาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อกาลํ ทสฺเสตฺวา. อุปฺปตฺตินฺติ อาสวฏฺานิยานํ ธมฺมานมุปฺปตฺตึ. สิกฺขาปทปฺตฺติยา กาลํ, ตาว ¶ เสนาสนานิ ปโหนฺติ, เตน อาวาสมจฺฉริยาทิเหตุนา สาสเน เอกจฺเจ อาสวฏฺานิยา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ. อิมินา นเยนาติ อิมินา ปน เหตุนา ปทโสธมฺมสิกฺขาปทานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ยสนฺติ กิตฺติสทฺทํ ปริวารฺจ. สาคตตฺเถรสฺส นาคทมนกิตฺติยสาทิวเสน สุราปานสงฺขาโต อาสวฏฺานิโย ธมฺโม อุปฺปชฺชิ.
รเสน รสํ สํสนฺเทตฺวาติ อุปาทินฺนกผสฺสรเสน อนุปาทินฺนกผสฺสรสํ สํสนฺเทตฺวา.
๑๔๖. น โข, ภทฺทาลิ, เอเสว เหตุ, อถ โข อฺมฺปิ อตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. เตน ธมฺมสฺส สกฺกจฺจสวเน เถรํ นิโยเชติ.
๑๔๗. วิเสวนาจารนฺติ อทนฺตกิริยํ. ปรินิพฺพายตีติ วูปสมฺมติ. ตตฺถ อทนฺตกิริยํ ปหาย ทนฺโต โหติ. ยุคสฺสาติ รถธุรสฺส.
อนุกฺกเมติ อนุรูปปริคเม. ตทวตฺถานุรูปํ ปาทานํ อุกฺขิปเน นิกฺขิปเน จ. เตนาห ‘‘จตฺตาโร ปาเท’’ติอาทิ. รชฺชุพนฺธนวิธาเนนาติ ปาทโต ภูมิยา โมจนวิธาเนน. เอวํ กรณตฺถนฺติ ยถา อสฺเส นิสินฺนสฺเสว ภูมึ คเหตุํ สกฺกา, เอวํ จตฺตาโร ปาเท ตถา กตฺวา อตฺตโน นิจฺจลภาวกรณตฺถํ. มณฺฑเลติ มณฺฑลธาวิกายํ. ปถวีกมเนติ ปถวึ ผุฏฺมตฺเตน คมเน. เตนาห ‘‘อคฺคคฺคขุเรหี’’ติ. โอกฺกนฺตกรณสฺมินฺติ โอกฺกนฺเตตฺวา ปรเสนาสมฺมทฺทน โอกฺกนฺตกรเณ. เอกสฺมึ าเนติ จตูสุ ปาเทสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกสฺมึ าเน คมนํ โจเทนฺตีติ อตฺโถ, โส ปเนตฺถ สีฆตโร อธิปฺเปโต. ทวตฺเตติ มริยาทาโกปเนหิ นานปฺปโยชเน, ปรเสนาย ปวตฺตมหานาทปหรเณหิ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยุทฺธกาลสฺมิ’’นฺติอาทิ.
รฺา ชานิตพฺพคุเณติ ยถา ราชา อสฺสสฺส คุเณ ชานาติ, เอวํ เตน ชานิตพฺพคุณการณํ ¶ กาเรติ. อสฺสราชวํเสติ ทุสฺสหํ ทุกฺขํ ปตฺวาปิ ยถา อยํ ราชวํสานุรูปกิริยํ น ชหิสฺสติ, เอวํ สิกฺขาปเน. สิกฺขาปนเมว หิ สนฺธาย สพฺพตฺถ ‘‘การณํ กาเรตี’’ติ วุตฺตํ ตสฺส กรณการาปนปริยายตฺตา.
ยถา ¶ อุตฺตมชโว โหตีติ ชวทสฺสนฏฺาเน ยถา หโย อุตฺตมชวํ น หาเปสิ, เอวํ สิกฺขาเปติ. อุตฺตมหยภาเว, ยถา อุตฺตมหโย โหตีติ กมฺมกรณกาเล อตฺตโน อุตฺตมสภาวํ อนิคุหิตฺวา อวชฺเชตฺวา ยถา อตฺถสิทฺธิ โหติ, เอวํ ปรมชเวน สิกฺขาเปติ. ยถา กิริยา วินา ทพฺพมฺปิ วินา กิริยํ น ภวติ, เอวํ ทฏฺพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปกติยา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺราติ ตสฺมึ ปกติยา อุตฺตมหยสฺเสว อุตฺตมหยการณารหตฺตา อุตฺตมชวปฏิปชฺชเน. มาสขาทกโฆฏกานนฺติ มาสํ ขาทิตฺวา ยถา ตถา วิคุณขลุงฺคกานํ. วลฺชกทณฺฑนฺติ รฺา คเหตพฺพสุวณฺณทณฺฑํ. ธาตุปตฺถทฺโธติ อตฺตนาว สมุปฺปาทิตธาตุยา อุปตฺถมฺภิโต หุตฺวา.
อุตฺตเม สาขลฺเยติ ปรมสขิลภาเว สขิลวาจาย เอว ทเมตพฺพตาย. เตนาห ‘‘มุทุวาจาย หี’’ติอาทิ.
อรหตฺตผลสมฺมาทิฏฺิยาติ ผลสมาปตฺติกาเล ปวตฺตสมฺมาาณํ. สมฺมาาณํ ปุพฺเพ วุตฺตสมฺมาทิฏฺิเยวาติ ปน อิทํ ผลสมฺมาทิฏฺิภาวสามฺเน วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ ‘‘อเสกฺเขนา’’ติ วิเสสิตตฺตา. ตมฺปิ อเสกฺขาณนฺติ เจ? เอวมฺปิ นิปฺปริยาย เสกฺขคฺคหเณ ปริยายเสกฺขคฺคหณํ น ยุตฺตเมว, กิจฺจเภเทน วา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกา เอว หิ สา ปฺา นิพฺพานสฺส ปจฺจกฺขกิริยาย สมฺมาทสฺสนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ วุตฺตา, สมฺมาชานนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาาณ’’นฺติ. อฺาตาวินฺทฺริยวเสน วา สมฺมาทิฏฺิ, ปฺินฺทฺริยวเสน สมฺมาาณนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มคฺคผลาวหาย เทสนาย สงฺเขปโตว อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อุคฺฆฏิตฺุปุคฺคลสฺส วเสนา’’ติ.
ภทฺทาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. ลฏุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา
๑๔๘. มหาอุทายิตฺเถโรติ ¶ กาฬุทายิลาฬุทายิตฺเถเรหิ อฺโ มหาเทหตาย มหาอุทายีติ สาสเน ปฺาโต เถโร. อปหริ อปหรติ อปหริสฺสตีติ อปหตฺตา. เตกาลิโก หิ อยํ ¶ สทฺโท. อุปหตฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อปหารโกติ อปเนตา. อุปหารโกติ อุปเนตา.
๑๔๙. ยนฺติ ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, เตน จ อนนฺตรนิทฺทิฏฺสมโย ปจฺจามฏฺโติ อาห ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ. น ภควนฺตํ ปฏิจฺจาติ น ภควนฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา.
กมฺมนิปฺผนฺนตฺถนฺติ อตฺตนา อายาจิยมานกมฺมสิทฺธิอตฺถํ. ภวตีติ ภู, น ภูติ อภู, ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘‘อภุ’’นฺติ อาห. อาตุ มาตูติ เอตฺถ ยถา –
‘‘องฺคา องฺคา สมฺภวสิ, หทยา อธิชายเส;
อตฺตา เอว ปุตฺต นามาสิ, ส ชีว สรโทสต’’นฺติ. –
อาทีสุ ปุตฺโต ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ กุลวเสน สนฺตาเน ปวตฺตนโต. เอวํ ปิตาปิ ‘‘ปุตฺตสฺส อตฺตา’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา ‘‘ภิกฺขุสฺส อตฺตา มาตา’’ติ วตฺถุกามา ภยวเสน ‘‘อาตุ มาตู’’ติ อาห. เตนาห ‘‘อาตูติ ปิตา’’ติอาทิ.
๑๕๐. เอวเมวนฺติ อิทํ ครหตฺถโชตนนิปาตปทนฺติ วุตฺตํ ‘‘ครหนฺโต อาหา’’ติ. ตถา หิ นํ วาจกสทฺเทเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา’’ติ อาห. อาหํสูติ เตสํ ตถา วจนสฺส อวิจฺเฉเทน ปวตฺติทีปนนฺติ อาห ‘‘วทนฺตี’’ติ. กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺสาติ ปหาตพฺพวตฺถุํ อวมฺมาเนหิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘กึ ปนา’’ติ. เหตุมฺหิ โชเตตพฺเพ เจตํ สามิวจนํ ยถา ‘‘อนุสฺสวสฺส เหตุ, อชฺเฌนสฺส เหตู’’ติ. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺตกสฺส เหตู’’ติ. นนุ อปสฺสนฺเตน วิย อสุณนฺเตน วิย ภวิตพฺพนฺติ? สตฺถารา นาม อปฺปมตฺตเกสุ โทเสสุ อปสฺสนฺเตน วิย จ อสุณนฺเตน วิย จ ภวิตพฺพนฺติ เตสํ อธิปฺปาเยน วิวรณํ. เตสุ จาติ สิกฺขากาเมสุ จ. อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตสนฺติ เย ‘‘โมฆปุริสา’’ติ วุตฺตา ปุคฺคลา, เตสํ. คเล พทฺธํ มหากฏฺนฺติ คเล โอลมฺเพตฺวา พทฺธํ รุกฺขทณฺฑมาห. ¶ ปูติลตายาติ คโลจิยา. ปาราชิกวตฺถุ วิย ทุปฺปชหํ โหตีติ ฉนฺทกปฺปหานวเสน ตํ ปชหิตุํ น สกฺโกติ.
๑๕๑. อนุสฺสุกฺกาติ ¶ ตสฺส ปหาตพฺพสฺส ปหาเน อุสฺสุกฺกรหิตา. อปจฺจาสีสนปกฺเขติ ตาย ปรทตฺตวุตฺติตาย กสฺสจิ ปจฺจยสฺส กุโตจิ อปจฺจาสีสกปกฺเข ิตา หุตฺวา สุปฺปชหํ โหติ, น ตสฺส ปหาเน ภาริยํ อตฺถิ.
๑๕๒. ทลิทฺโท ทุคฺคโต. อสฺสโกติ อสาปเตยฺโย. เคหยฏฺิโยติ เคหฉทนสฺส อาธารา, ตา อุชุกํ ติริยํ เปตพฺพทณฺฑา. สมนฺตโต ภิตฺติปาเทสุ เปตพฺพทณฺฑา มณฺฑลา. กากาติทายินฺติ อิโต จิโต กาเกหิ อติปาตวเสน อุฑฺเฑตพฺพํ. เตนาห ‘‘ยตฺถ กิฺจิเทวา’’ติอาทิ. สูรกากาติ กากานํ อุฑฺเฑปนาการมาห. นปรมรูปนฺติ หีนรูปํ. วิลีวมฺจโกติ ตาลเวตฺตกาทีหิ วีตมฺจโก. สา ปนสฺส สนฺตานานํ ฉินฺนภินฺนตาย โอลุคฺควิลุคฺคตา, ตถา สติ สา วิสมรูปา โหตีติ อาห ‘‘โอณตา’’ติอาทิ. โส ปุคฺคโล ลูขโภชี โหตีติ อาห ‘‘ธฺํ นาม กุทฺรูสโก’’ติ. สมกาลํ วปิตพฺพตาย สมวาปกํ, ยถาอุตุ วปิตพฺพพีชํ. ชายิกาติ กุจฺฉิตา ภริยา, สพฺพตฺถ ครหายํ ก-สทฺโท. โส วตาหํ ปพฺพเชยฺยนฺติ โสหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพเชยฺยํ, โยหํ ปุริโส นาม อสฺสํ วตาติ ปพฺพชฺชาวเสน อตฺตโน ปุริสํ โพเธยฺย. ตํสภาเว ิตสฺส โพธา น ตุ ทุกฺกรา, สา ขโฏปิกา. สา กุมฺภี. เมณฺฑกเสฏฺิโน อฑฺฒเตฬสานิ โกฏฺาคารสตานิ วิย.
๑๕๓. สุวณฺณนิกฺขสตานนฺติ อเนเกสํ สุวณฺณนิกฺขสตานํ. จโยติ สนฺตาเนหิ นิจโย อวีจิ นิจฺจปฺปพนฺธนิจโย. เตนาห ‘‘สนฺตานโต กตสนฺนิจโย’’ติ.
๑๕๔. เหฏฺา กิฺจาปิ อปฺปชหนกา ปมํ ทสฺสิตา, ปชหนกา ปธานา, เตสฺจ วเสเนตฺถ ปุคฺคลจตุกฺกํ ทสฺสิตํ. เต ตฺเจว ปชหนฺตีติ ปชหนกา ปมํ คหิตา. ราสิวเสนาติ ‘‘อิธุทายิ เอกจฺโจ ปุคฺคโล’’ติอาทินา จตุกฺเก อาคตวิภาคํ อนามสิตฺวา ‘‘เต เต’’ติ ปจุรวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น ปาฏิเยกฺกํ วิภตฺตา’’ติ. อวิภาเคน คหิตวตฺถูสุ วิภาคโต คหณํ โลกสิทฺธเมตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ปชหนกปุคฺคลาติ ‘‘เต ตฺเจว ปชหนฺตี’’ติ เอวํ ปชหนกปุคฺคลา เอว.
อุปธิอนุธาวนกาติ อุปธีสุ อนุอนุธาวนกา อุปธิโย อารพฺภ ปวตฺตนกา. วิตกฺกาเยวาติ ¶ กามสงฺกปฺปาทิวิตกฺกาเยว. อินฺทฺริยนานตฺตตาติ วิมุตฺติปริปาจกานํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ. ตสฺส หิ วเสเนว เต จตฺตาโร ปุคฺคลา ชาตา. อคฺคมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ยาว น ตํ มคฺเคน สมุคฺฆาเตนฺติ, ตาว นปฺปชหนฺติ นาม. อิติ เหฏฺิมา ตโยปิ อริยา อปฺปหีนสฺส กิเลสสฺส วเสน ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ วุตฺตา, ปเคว ปุถุชฺชนา. วุตฺตนเยน ปน วิปสฺสนํ มคฺเคน ฆเฏนฺตา เต จตฺตาโร ชนา อคฺคมคฺคกฺขเณ ปชหนฺติ นาม. เต เอว ตตฺถ สีฆการิโน ขิปฺปํ ปชหนฺติ นาม, เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.
สํเวคํ กตฺวา อคฺคึ อกฺกนฺตปุริโส วิย. มคฺเคนาติ อนุกฺกมาคเตน อคฺคมคฺเคน. มหาหตฺถิปโทปเมติ มหาหตฺถิปโทปมสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย). ตตฺถ หิ ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๒) เอตฺถ อติติกฺขนาติติกฺข-นาติมนฺทอติมนฺท-ปุคฺคลวเสน อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๐๒) ตโย วารา อุทฺธฏา, ตตฺถ มชฺฌิมวเสเนว ปฺโห กถิโต. อินฺทฺริยภาวเนติ อินฺทฺริยภาวนาสุตฺเต, ตตฺถาปิ มชฺฌิมนเยเนว ปฺโห กถิโต. เตนาห ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ.
ตนฺติ ‘‘อุปธี’’ติ วุตฺตํ ขนฺธปฺจกํ. ทุกฺขสฺส มูลนฺติ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส การณํ. นิคฺคหโณติ นิรุปาทาโน. เตนาห ‘‘นิตฺตณฺโห’’ติ.
๑๕๕. เย ปชหนฺตีติ ‘‘เต ตฺเจว ปชหนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตปุคฺคลา. เต อิเม นาม เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺตีติ เย เต ปุถุชฺชนา ลาภิโน จ ปฺจ กามคุเณ เอตฺตเก ตํตํฌานาทิวตฺถุเก จ ตํตํมคฺควชฺฌตาย ปริจฺฉินฺนตฺตา เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺติ. เย นปฺปชหนฺตีติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสุจิสุขํ กายาสุจิสนฺนิสฺสิตตฺตา. อนริเยหีติ อปริสุทฺเธหิ. ปฏิลาภโต ภายิตพฺพํ กิเลสทุกฺขคติกตฺตา. วิปากโต ภายิตพฺพํ อปายทุกฺขคติกตฺตา. คณโตปิ กิเลสโตปิ วิวิตฺตสุขนฺติ คณสงฺคณิกโต จ กิเลสสงฺคณิกโต ¶ จ วิวิตฺตสุขํ. ราคาทิวูปสมตฺถายาติ ราคาทิวูปสมาวหํ สุขํ. น ภายิตพฺพํ สมฺปติ อายติฺจ เอกนฺตหิตภาวโต.
๑๕๖. อิฺชิตสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘อิฺชน’’นฺติอาทิ. อิฺชติ เตนาติ อิฺชิตํ, ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส โขภกรํ โอฬาริกํ ฌานงฺคํ. จตุตฺถชฺฌานํ อนิฺชนํ สนฺนิสินฺนาภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖; ปารา. ๑๒-๑๓).
อลํ-สทฺโท ¶ ยุตฺตตฺโถปิ โหติ – ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิมุจฺจิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓), ตสฺมา อนลํ อนุสงฺคํ กาตุํ อยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อกตฺตพฺพอาลยนฺติ วทามี’’ติ. สนฺนิฏฺานนฺติ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อลํ เอตฺตาวตาติ อุสฺสาหปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สนฺนิฏฺานํ น กาตพฺพนฺติ โยชนา. อุทฺธมฺภาคิยสฺิตํ อณุํ วา โอรมฺภาคิยสฺิตํ ถูลํ วา, รูปราโคติ เอวรูปํ อณุํ วา กามาสโว ปฏิฆนฺติ เอวรูปํ ถูลํ วา, มุทุนา ปวตฺติอาการวิเสเสน อปฺปสาวชฺชํ, กมฺมพนฺธนฏฺเน วา อปฺปสาวชฺชํ, ตพฺพิปริยายโต มหาสาวชฺชํ เวทิตพฺพํ. นาติติกฺขปฺสฺส วเสน เทสนาย ปวตฺตตฺตา ‘‘เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสนา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพโส หิ ปริยาทินฺนนิกนฺติกสฺส อริยปุคฺคลสฺส วเสน สฺาเวทยิตนิโรธสฺส อาคตตฺตา ‘‘อรหตฺตนิกูเฏเนว นิฏฺาปิตา’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
ลฏุกิโกปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา
๑๕๗. ยถาอุปนิสฺสเยนาติ ¶ โย โย อุปนิสฺสโย ยถาอุปนิสฺสโย, เตน ยถาอุปนิสฺสเยน สมฺมาปโยเคน. ปติฏฺหิสฺสนฺติ สาสเน ปติฏฺํ ปฏิลภิสฺสนฺติ. วสนฏฺานานีติ วสฺสคฺคาทิวเสน วสนฏฺานานิ. สณฺาปยมานาติ สุวิภตฺตภาเวน เปนฺตา.
อวินิพฺโภคสทฺทนฺติ วินิภฺุชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสทฺทํ. วจีโฆโสปิ หิ พหูหิ เอกจฺจํ ปวตฺติโต านโต จ ทูรตโร เกวลํ มหานิคฺโฆโส ¶ เอว หุตฺวา โสตปถมาคจฺฉติ. มจฺฉวิโลเปติ มจฺเฉ วิลุมฺปิตฺวา วิย คหเณ, มจฺฉานํ วา นยเน.
๑๕๘. ววสฺสคฺคตฺเถติ นิจฺฉยตฺเถ, อิทํ ตาว อมฺเหหิ วุจฺจมานวจนํ เอกนฺตโสตพฺพํ, ปจฺฉา ตุมฺเหหิ กาตพฺพํ กโรถาติ อธิปฺปาโย. วจนปริหาโรติ เตหิ สกฺยราชูหิ วุตฺตวจนสฺส ปริหาโร. เลสกปฺปนฺติ กปฺปิยเลสํ. ธุรวหาติ ธุรวาหิโน, โธรยฺหาติ อตฺโถ. ปาทมูลนฺติ อุปจารํ วทติ. วิคจฺฉิสฺสตีติ หายิสฺสติ. ปฏิปฺผริโตติ น ภควโต สมฺมุขาว, สกฺยราชูนํ ปุรโตปิ วิปฺผริโตว โหติ.
๑๕๙. อภินนฺทตูติ อภิมุโข หุตฺวา ปโมทตุ. อภิวทตูติ อภิรูปวเสน วทตุ. ปสาทฺถตฺตนฺติ อปฺปสาทสฺส วิปริณาโม หีนายาวตฺตนสงฺขาตํ ปริวตฺตนํ, เตนาห ‘‘วิพฺภมนฺตานํ. วิปริณามฺถตฺต’’นฺติ. การณูปจาเรน สสฺเสสุ พีชปริยาโยติ อาห ‘‘พีชานํ ตรุณานนฺติ ตรุณสสฺสาน’’นฺติ. ตรุณภาเวเนว ตสฺส ภาวิโน ผลสฺส อภาเวน วิปริณาโม.
๑๖๐. กตฺตพฺพสฺส สรเสเนว กรณํ จิตฺตรุจิยํ, น ตถา ปรสฺส อุสฺสาทเนนาติ อาห – ‘‘ปกฺโกสิยมานานํ คมนํ นาม น ผาสุก’’นฺติ. มยมฺปิ ภควา วิย ทิฏฺธมฺมสุขวิหาเรเนว วิหริสฺสามาติ ทีเปติ ปกติยา วิเวกชฺฌาสยภาวโต วิรทฺโธ อาคตสฺส ภารสฺส อวหนโตเยว. เตนาห ‘‘อตฺตโน ภารภาวํ น อฺาสี’’ติ.
๑๖๑. กสฺมา ¶ อารภีติ? สปฺปายโต. ปฺจสตา หิ ภิกฺขู อภินวา, ตสฺมา เตสํ โอวาททานตฺถํ ภควา อิมํ เทสนํ อารภีติ.
๑๖๒. โกธุปายาสสฺสาติ เอตฺถ กุชฺฌนฏฺเน โกโธ, สฺเวว จิตฺตสฺส กายสฺส จ อติปฺปมทฺทนมถนุปฺปาทเนหิ ทฬฺหํ อายาสฏฺเน อุปายาโส. อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อนยพฺยสนปาปเนน โกธุปายาสสฺส อูมิสทิสตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘โกธุปายาเส’’ติอาทิ.
๑๖๓. โอทริกตฺเตน ขาทิโตติ โอทริกภาเวน อามิสเคเธน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกากปฺปเนน นาสิตสีลาทิคุณตาย ขาทิตธมฺมสรีโร.
๑๖๔. ปฺจกามคุณาวฏฺเฏ ¶ นิมุชฺชิตฺวาติ เอตฺถ กามราคาภิภูเต สตฺเต อิโต จ เอตฺโต, เอตฺโต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อาวฏฺเฏ อตฺตานํ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขมฺเม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, เอวํ อาวฏฺเฏตฺวา พฺยสนาปาทเนน กามคุณานํ อาวฏฺฏสทิสตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ.
๑๖๕. ราคานุทฺธํสิเตนาติ ราเคน อนุทฺธํสิเตน. จณฺฑมจฺฉํ อาคมฺมาติ สุสุกาทิจณฺฑมจฺฉํ อาคมฺม. มาตุคามํ อาคมฺมาติ มาตุคาโม หิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อธีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาวภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา ธีรชาติยมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ ปโลภนวเสน อนวเสสํ อตฺตโน อุปการธมฺเม สีลาทิเก สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรนฺโต อนยพฺยสนํ ปาเปติ. เตนาห – ‘‘มาตุคามํ อาคมฺม อุปฺปนฺนกามราโค วิพฺภมตี’’ติ.
ภยํ นาม ยตฺถ ภายิตพฺพวตฺถุ, ตตฺถ โอตรนฺตสฺเสว โหติ, น อโนตรนฺตสฺส, ตํ โอตริตฺวา ภยํ วิโนเทตฺวา ตตฺถ กิจฺจํ สาเธตพฺพํ, อิตรถา จตฺถสิทฺธิ น โหตีติ อิมมตฺถํ อุปโมปมิตพฺพสรูปวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทกํ นิสฺสาย อานิสํโส ปิปาสวินยนํ สรีรสุทฺธิ ปริฬาหูปสโม กายอุตุคฺคาหาปนนฺติ เอวมาทิ. สาสนํ นิสฺสาย อานิสํโส ปน สงฺเขปโต วฏฺฏทุกฺขูปสโม, วิตฺถารโต ปน สีลานิสํสาทิวเสน อเนกวิโธ, โส วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติ ตานิ ภยานิ อภิภุยฺย ปวตฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย. อิมานิ อภายิตฺวาติ อิมานิ โกธูปายาสาทิภยานิ ¶ อภิภุยฺย ปวตฺติตฺวา อภายิตฺวา. โกธูปายาสาทโย หิ ภายติ เอตสฺมาติ ภยนฺติ วุตฺตา. เถโรติ มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร. กามํ ปหานาภิสมยกาโล เอว สจฺฉิกิริยาภิสมโย, สมฺมาทิฏฺิยา ปน สํกิเลสโวทานธมฺเมสุ กิจฺจํ อสํกิณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ สมานกาลิกมฺปิ อสมานกาลิกํ วิย วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวา นิพฺพานปารํ ทฏฺุํ น สกฺโกตี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จาตุมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. นฬกปานสุตฺตวณฺณนา
๑๖๖. ยตฺถ ¶ ¶ โพธิสตฺตปมุโข วานโร นฬเกน ปานียํ ปิวิ, สา โปกฺขรณี, ตสฺสามนฺโต ภูมิปฺปเทโส, ตตฺถ นิวิฏฺคาโม จ ‘‘นฬกปาน’’นฺเตว ปฺายิตฺถ, อิธ ปน คาโม อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘นฬกปาเนติ เอวํนามเก คาเม’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ อาคมนโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพ กิรา’’ติ อารทฺธํ. ปฺวาติ อิติกตฺตพฺพตาย ปฺาย ปฺวา.
ถูลทีฆพหุลภาเวน มหตีหิ ทาิกาหิ สมนฺนาคตตฺตา มหาทาิโก. ‘‘อุทกรกฺขโส อห’’นฺติ วตฺวา วานรานํ กฺจิ อมฺุจิตฺวา ‘‘สพฺเพ ตุมฺเห มม หตฺถคตา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตุมฺเห ปน สพฺเพ ขาทิสฺสามี’’ติ อาห. ธมิ…เป… ปิวึสูติ โพธิสตฺเตน คหิตนโฬ อนวเสโส อพฺภนฺตเร สพฺพสนฺธีนํ นิพฺพาเธน เอกจฺฉิทฺโท อโหสิ. เนว มํ ตฺวํ วธิสฺสสีติ อุทกรกฺขส ตฺวํ วธิตุกาโมปิ มม ปุริสถาเมน น วธิสฺสสิ.
เอวํ ปน วตฺวา มหาสตฺโต ‘‘อยํ ปาโป เอตฺถ ปานียํ ปิวนฺเต อฺเปิ สตฺเต มา พาธยิตฺถา’’ติ กรุณายมาโน ‘‘เอตฺถ ชายนฺตา นฬา สพฺเพ อปพฺพพนฺธา เอกจฺฉิทฺทาว โหนฺตู’’ติ อธิฏฺาย คโต. เตนาห ‘‘ตโต ปฏฺายา’’ติอาทิ.
๑๖๗. อนุรุทฺธปฺปมุขา ภิกฺขู ภควตา ‘‘กจฺจิ ตุมฺเห อนุรุทฺธา’’ติ ปุจฺฉิตาติ เถโร ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต’’ติ อาห.
สเจ ปพฺพชติ, ชีวิตํ ลภิสฺสติ, โน อฺถาติ รฺา ปพฺพชฺชาย อภินีตาติ ราชาภินีตา. โจราภินีตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โจรานํ มูลํ ฉินฺทนฺโต ‘‘กณฺฏกโสธนํ กริสฺสามี’’ติ. อาชีวิกายาติ อาชีเวน ชีวิตวุตฺติยา. อิเมสุ ปน อนุรุทฺธตฺเถราทีสุ.
วิเวกนฺติ ปุพฺพกาลิกกิริยปฺปธานํ ‘‘อพฺยาปชฺชํ อุเปต’’นฺติอาทีสุ วิยาติ อาห – ‘‘วิวิจฺจา’’ติ, วิวิจฺจิตฺวา วิวิตฺโต หุตฺวา วินา หุตฺวาติ อตฺโถ. ปพฺพชิตกิจฺจนฺติ ปพฺพชิตสฺส สารุปฺปกิจฺจํ. สมณกิจฺจนฺติ สมณภาวกรณกิจฺจํ. ยทคฺเคน หิ ปพฺพชิตกิจฺจํ ¶ กาตุํ น สกฺโกติ ตทคฺเคน สมณภาวกรมฺปิ กิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘โส เยวา’’ติอาทิ.
๑๖๘. อปฺปฏิสนฺธิเก ¶ ตาว พฺยากโรนฺโต ปวตฺตีสุ านํ อตีโตติ กตฺวา อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ นาม ตตฺถ ปฏิสนฺธิยา อภาวกิตฺตนโต. มหนฺตตุฏฺิโนติ วิปุลปโมทา.
๑๖๙. อิมสฺสาติ ‘‘อสฺสา’’ติ ปทสฺส อตฺถวจนํ. อิมสฺส ิตสฺส อายสฺมโต สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสุโต วาติ โยชนา. สมาธิปกฺขิกา ธมฺมา ธมฺมาติ อธิปฺเปตา, สมาธิ ปน เอวํวิหารีติ เอตฺถ วิหารสทฺเทน คหิโต. เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ ปน วิมุตฺติสทฺเทน ผลวิมุตฺติ คหิตา. จรโตปีติ สมถวิปสฺสนาจาเรน จรโตปิ วิหรนฺตสฺสปิ. อุปาสกอุปาสิกาาเนสุ ลพฺภมานมฺปิ อรหตฺตํ อปฺปกภาวโต ปาฬิยํ อนุทฺธฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นฬกปานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. โคลิยานิสุตฺตวณฺณนา
๑๗๓. ปทสมาจาโรติ ¶ ตํตํปจฺจยเภททสฺสนาย วิคตตฺตา ปกาเรหิ ทลิทฺทสมาจาโร สิถิลสมาจาโรติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ตาทิโส สมาจาโร ถิโร ทฬฺโห นาม น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทุพฺพลสมาจาโร’’ติ. ‘‘สาขสมาจาโร’’ติ วา ปาโ, ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนฏฺเน สาขาสทิสสีโลติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โอฬาริกาจาโร’’ติ. ปจฺจเยสุ สาเปกฺโขติ ปจฺจเยสุ สาเปกฺขตาย เอว หิสฺส โอฬาริกาจารตา เวทิตพฺพา. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺโส, ปติสฺสวจนภูตํ ตํสภาคฺจ ยํ กิฺจิ คารวนฺติ อตฺโถ. สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺเสน, สปฺปติสฺสเวน โอวาทสมฺปฏิจฺฉเนน. ปติสฺสียตีติ วา ปติสฺโส, ครุกาตพฺโพ, เตน สห ปติสฺเสนาติ สพฺพํ ปุพฺเพ วิย. เตนาห ‘‘สเชฏฺเกนา’’ติ. เสริวิหาโร นาม อตฺตปฺปธานวาโส. เตนาห ‘‘นิรงฺกุสวิหาเรนา’’ติ.
อนุปขชฺชาติ อนุปกฑฺฒิตฺวา. ครุฏฺานิยานํ อนฺตรํ อนาปุจฺฉา อนุปวิสิตฺวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ โย’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อาภิสมาจาริกนฺติ ¶ อภิสมาจาเร ภวํ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘วตฺตปฏิปตฺติมตฺตมฺปี’’ติ. นาติกาลสฺเสว สงฺฆสฺส ปุรโต ปวิสิตพฺพํ, น ปจฺฉา ปฏิกฺกมิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน อติกาเล จ คามปฺปเวโส อติทิวา ปฏิกฺกมนฺจ นิวาริตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น อติปาโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุทฺธจฺจปกติโกติ วิพฺภนฺตจิตฺโต. อวจาปลฺเยนาติ ทฬฺหวาตาปหตปลฺลวสทิเสน โลลภาเวน.
ปฺวตาติ อิมินา ภิกฺขุสารุปฺเปสุ อิติกตฺตพฺเพสุ อุปายปฺา อธิปฺเปตา, น สุตมยปฺา. อภิธมฺเม อภิวินเย โยโคติ อิมินา ภาวนาปฺาอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม โยโค ปกาสิโต. โยโคติ จ ปริจโย อุคฺคณฺหวเสน.
อารุปฺปาติ อิมินา จตสฺโสปิ อรูปสมาปตฺติโย คหิตา, ตา ปน จตูหิ รูปสมาปตฺตีหิ วินา น สมฺปชฺชนฺตีติ อาห – ‘‘อารุปฺปาติ เอตฺตาวตา อฏฺปิ สมาปตฺติโย วุตฺตา โหนฺตี’’ติ. กสิเณติ ทสวิเธ กสิเณ. เอกํ ปริกมฺมกมฺมฏฺานนฺติ ยํ กิฺจิ เอกภาวนา ¶ ปริกมฺมทีปนํ ขนฺธกมฺมฏฺานํ. เตนาห ‘‘ปคุณํ กตฺวา’’ติ. กสิณปริกมฺมํ ปน ตคฺคหเณเนว คหิตํ โหติ, โลกิยา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา เหฏฺา คหิตาติ อาห ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมติ อิมินา สพฺเพปิ โลกุตฺตรธมฺเม ทสฺเสตี’’ติ. เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสนาติ ชานิตฺวา วิตฺถาเรตฺวา าตพฺพปุคฺคลสฺส วเสนาติ.
โคลิยานิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนา
๑๗๔. ปฺจ ¶ อานิสํเสติ อปฺปาพาธตาทิเก ปฺจ คุเณ. ตตฺถ อกฺขิโรคกุจฺฉิโรคาทีนํ อภาโว อปฺปาพาธตา. สรีเร เตสํ กุปฺปนทุกฺขสฺส อภาโว อปฺปาตงฺกํ. สรีรสฺส อุฏฺานสุขตา ลหุฏฺานํ. พลํ นาม กายพลํ. ผาสุวิหาโร อิริยาปถสุขตา. อนุปกฺขนฺทานีติ ทุจฺจชนวเสน สตฺตานํ อนุปวิฏฺานิ. สฺชานิสฺสถาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ตสฺมา อิติ เอวํ อานิสํสนฺติ อตฺโถ.
๑๗๕. อาวาเส นิยุตฺตาติ อาวาสิกา ตสฺส อนติวตฺตนโต. เตนาห ‘‘นิพทฺธวาสิโน’’ติ, นิยตวาสิโนติ อตฺโถ. ตนฺนิพนฺธาติ ¶ นิพนฺธํ วุจฺจติ พฺยาปาโร, ตตฺถ พนฺธา ปสุตา อุสฺสุกาติ ตนฺนิพนฺธา. กถํ เต ตตฺถ นิพนฺธาติ อาห ‘‘อกตํ เสนาสน’’นฺติอาทิ. อุปฺปชฺชนเกน กาเลน ปตฺตพฺพํ กาลิกํ โส ปน กาโล อนาคโต เอว โหตีติ อาห ‘‘อนาคเต กาเล ปตฺตพฺพ’’นฺติ.
๑๗๘. เอตฺตกา เวทนา เสวิตพฺพาติ อฏฺารสปิ เนกฺขมฺมนิสฺสิตา เวทนา เสวิตพฺพา, เคหสฺสิตา น เสวิตฺพฺพา.
๑๘๑. ตํ กตํ โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา. อนุโลมิกานีติ อุตุสุขภาเวน อนุรูปานิ. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานสปฺปายานี’’ติ. สมานํ กุรุมานาติ โอมตฺตตํ อธิมตฺตตฺจ ปหาย สมกิจฺจตํ สมฺปาเทนฺตา.
๑๘๒. เต ทฺเว โหนฺตีติ เต อาทิโต วุตฺตา ทฺเว.
อุภโต (อ. นิ. ฏี. ๓.๗.๑๔) อุภยถา อุโภหิ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต เอกเทสสรูเปกเสสนเยน. ตถา หิ วุตฺตํ อภิธมฺมฏฺกถายํ (ปุ. ป. อฏฺ. ๒๔) ‘‘ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ. ตตฺถ เกจิ ตาว เถรา – ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ¶ วทนฺติ. อฺเ เถรา – ‘‘อยํ อุภโตภาควิมุตฺโต รูปโต มุจฺจิตฺวา นามํ นิสฺสาย ิโต ปุน ตโต มุจฺจนโต นามนิสฺสิตโก’’ติ วตฺวา ตสฺส จ สาธกํ –
‘‘อจฺจิ ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา, (อุปสิวาติ ภควา,)
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;
เอวํ มุนิ นามกายา วิมุตฺโต,
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๘๐; จูฬนิ. อุปสีวมาณวปุจฺฉา ๑๑; อุปสีวมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๓) –
อิมํ สุตฺตปทํ วตฺวา ‘‘นามกายโต จ รูปกายโต จ สุวิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ วทนฺติ. สุตฺเต หิ อากิฺจฺายตนลาภิโน อุปสิวพฺราหฺมณสฺส ภควตา นามกายา วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโตติ อกฺขาโตติ. อปเร ปน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน ¶ เอกวารํ วิมุตฺโต, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺโตติ เอวํ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ ปมวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต. ทุติยวาเท อุภโตภาคโต วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต. ตติยวาเท ปน ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. กิเลเสหิ วิมุตฺโต กิเลสา วา วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉเทหิ กายทฺวยโต วิมุตฺตา อสฺสาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘ทฺวีหิ ภาเคหี’’ติอาทิ.
โสติ อุภโตภาควิมุตฺโต. กามฺเจตฺถ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ อรูปาวจรชฺฌานํ วิย ทุวงฺคิกํ อาเนฺชปฺปตฺตนฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน ปทฏฺานํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม น โหติ รูปกายโต อวิมุตฺตตฺตา. ตฺหิ กิเลสกายโตว วิมุตฺตํ, น รูปกายโต, ตสฺมา ตโต วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต น โหตีติ อาห – ‘‘จตุนฺนํ อรูป…เป… ปฺจวิโธ โหตี’’ติ. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก นิโรธสมาปตฺติอนฺเต อฏฺ วิโมกฺเข วตฺวา – ‘‘ยโต จ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ยทิปิ มหานิทาเน (ที. นิ. ๒.๑๒๙-๑๓๐) วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺวเสน วุตฺตนฺติ อิธ สพฺพอุภโตภาควิมุตฺตสงฺคหณตฺถํ ‘‘ปฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปาฬิ ปเนตฺถ…เป… อภิธมฺเม อฏฺวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตา’’ติ อาห. อิธาปิ หิ กีฏาคิริสุตฺเต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล…เป… อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ¶ อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา, เสฏฺโ จ วุตฺโต วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโต. ยถาวุตฺเตสุ หิ ปฺจสุ ปุริมา จตฺตาโร นิโรธํ น สมาปชฺชนฺตีติ ปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตา นาม. อฏฺสมาปตฺติลาภี อนาคามี ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตติ นิปฺปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺโ นาม.
กตโม จ ปุคฺคโลติอาทีสุ กตโมติ ปุจฺฉาวจนํ, ปุคฺคโลติ อสาธารณโต ปุจฺฉิตพฺพวจนํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. เอกจฺโจติ เอโก ¶ . อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ อฏฺ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฏิลภิตฺวา วิหรติ. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปฺาย สงฺขารคตํ, มคฺคปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปฺาวิมุตฺโตติ วิเสสโต ปฺาย เอว วิมุตฺโต, น ตสฺสา ปติฏฺานภูเตน อฏฺวิโมกฺขสงฺขาเตน สาติสเยน สมาธินาติ ปฺาวิมุตฺโต. โย อริโย อนธิคตอฏฺวิโมกฺเขน สพฺพโส อาสเวหิ วิมุตฺโต, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. อธิคเตปิ หิ รูปชฺฌานวิโมกฺเข น โส สาติสยสมาธินิสฺสิโตติ น ตสฺส วเสน อุภโตภาควิมุตฺโต โหตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อรูปชฺฌาเนสุ ปน เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ. เตน หิ อฏฺวิโมกฺเขกเทเสน ตํนามทานสมตฺเถน อฏฺวิโมกฺขลาภีตฺเวว วุจฺจติ. สมุทาเย หิ ปวตฺโต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘สตฺติสโย’’ติ. ปาฬีติ อภิธมฺมปาฬิ. เอตฺถาติ เอติสฺสํ ปฺาวิมุตฺติกถายํ. อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขปวเสเนวาติ อวธารเณน อิธาปิ ปฏิกฺเขปวเสเนว อาคตภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตี’’ติ.
ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกโรติ สจฺฉิกาตพฺโพปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ. ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒) วิย. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต, นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ ‘‘กายสกฺขี’’ติ วุจฺจติ, น ตุ ‘‘วิมุตฺโต’’ติ เอกจฺจานํ อาสวานํ ¶ อปริกฺขีณตฺตา. เตนาห ¶ – ‘‘ฌานผสฺสํ ปมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตี’’ติ. อยํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา กายสกฺขิภาวํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฏฺาย อคฺคมคฺคปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน อุภโตภาควิมุตฺโต วิย ปฺจวิโธ นาม โหติ. เตน วุตฺตํ อภิธมฺมฏีกายํ ‘‘กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย’’ติ.
ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทิฏฺตฺตา ปตฺโต’’ติปิ ปาโ. เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา, สุโข นิโรโธติ าตํ โหตี’’ติ. ตตฺถ ปฺายาติ มคฺคปฺาย. ปมผลฏฺโต ยาว อคฺคมคฺคฏฺา, ตาว ทิฏฺิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘โสปิ กายสกฺขิ วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติ. ยถา ปน ปฺาวิมุตฺโต ปฺจวิโธ วุตฺโต, เอวํ อยมฺปิ สุกฺขวิปสฺสโก, จตูหิ รูปชฺฌาเนหิ วุฏฺาย ทิฏฺิปฺปตฺตภาวปฺปตฺตา จตฺตาโร จาติ ปฺจวิโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ. สทฺธาวิมุตฺเตปิ เอเสว นโย. อิทํ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขนฺติ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ เปตฺวา ตณฺหํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ยาถาวโต ปชานาติ. ยสฺมา ปน ตณฺหา ทุกฺขํ ชเนติ นิพฺพตฺเตติ, ตโต ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ, ตสฺมา นํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขํ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อริโย ปน อฏฺงฺคิโก มคฺโค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอตฺตาวตา นานกฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํ. อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺสตฺโถ อาคมิสฺสติ.
สทฺธาย วิมุตฺโตติ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาโว ทีปิโต โหติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘โสตาปตฺติผล’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยน. สทฺทหนฺตสฺสาติ ‘‘เอกํสโต อยํ ปฏิปทา กิเลสกฺขยํ อาวหติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตตฺตา’’ติ เอวํ สทฺทหนฺตสฺส. ยสฺมา ปนสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ ¶ นิจฺจสฺาปหานวเสน ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ปสฺสโต ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจกฺขตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สทฺทหนฺตสฺส วิยา’’ติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. เอตฺถ จ ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาติ วจเนน อาคมนียปฏิปทานานตฺเตน สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตานํ ปฺานานตฺตํ โหตีติ ทสฺสิตํ. อภิธมฺมฏฺกถายมฺปิ (ปุ. ป. อฏฺ. ๒๘) ‘‘เนสํ กิเลสปฺปหาเน ¶ นานตฺตํ นตฺถิ, ปฺาย นานตฺตํ อตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา – ‘‘อาคมนียนานตฺเตเนว สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ สนฺนิฏฺานํ กต’’นฺติ วุตฺตํ.
ปฺาสงฺขาตํ ธมฺมํ อธิมตฺตตาย ปุพฺพงฺคมํ หุตฺวา ปวตฺตํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารี. เตนาห ‘‘ธมฺโม’’ติอาทิ. สทฺธํ อนุสฺสรติ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตีติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติทิสติ. ปฺํ วาเหตีติ ปฺาวาหี, ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวตี’’ติ. สทฺธาวาหินฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถาติ อุภโตภาควิมุตฺตาทีสุ อาคมนโต ปฏฺาย วตฺตพฺพกถา. เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ อุภโตภาควิมุตฺตาทีนํ. อิธาติ อิมสฺมึ กีฏาคิริสุตฺเต. นนุ จ อฏฺสมาปตฺติลาภิวเสน อุภโตภาควิมุตฺโต กายสกฺขีอาทโย จ อภิธมฺเม อาคตา, กถมิธ อรูปชฺฌานลาภีวเสเนว อุทฺธฏาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.
ผุสิตฺวา ปตฺวา. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปฺาย ปสฺสียนฺติ, ทสฺสนการณา ปฺาย ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปฺาย ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา. ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยา โหตีติ. ตถาคเตน ปเวทิตาติ โพธิมณฺเฑ นิสีทิตฺวา ตถาคเตน ปฏิวิทฺธา วิทิตา ปจฺฉา ปเรสํ ปากฏีกตา. ‘‘จตุสจฺจธมฺมา’’ติ วตฺวา ตทนฺโตคธตฺตา สีลาทีนํ ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อตฺเถนาติ อวิปฺปฏิสาราทิปโยชเนน ตสฺมึ ตสฺมึ ปีติอาทิเกน อตฺเถน. การเณนาติ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทินา การเณน ตสฺมึ ตสฺมึ สมาธิอาทิปทฏฺานตาย สีลาทิ ¶ การเณ. จิณฺณจริตตฺตาติ สทฺธาจิณฺณภาเวน สมฺโพธาวหภาเว. ตตฺถ ตตฺถ วิจริตา วิเสเสน จริตา, เตสุ เตน ปฺา สุฏฺุ จราปิตาติ อตฺโถ. ปติฏฺิตา โหติ มคฺเคน อาคตตฺตา. มตฺตาย ปริตฺตปฺปมาเณน. โอโลกนํ ขมนฺติ, ปฺาย คเหตพฺพตํ อุเปนฺติ.
ตโยติ กายสกฺขิทิฏฺิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตา. ยถาิโตว ปาฬิอตฺโถ, น ตตฺถ กิฺจิ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพํ อตฺถีติ สุตฺตนฺตปริยาเยน อวุตฺตํ วทติ. ตสฺส มคฺคสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ยํ กาตพฺพํ, ตสฺส อธิคตตฺตา. อุปริ ปน ติณฺณํ มคฺคานํ อตฺถาย เสวมานา อนุโลมเสนาสนํ, ภชมานา กลฺยาณมิตฺเต, สมนฺนานยมานา อินฺทฺริยานิ อนุปุพฺเพน ภาวนามคฺคปฺปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ มคฺคสฺส อเนกจิตฺตกฺขณิกตายาติ อยเมตฺถ สุตฺตปเทเส ปาฬิยา อตฺโถ.
อิมเมว ¶ ปาฬึ คเหตฺวาติ ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี’’ติ มคฺคฏฺเ ปุคฺคเล วตฺวา ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา เตสํ วเสน อนุโลมเสนาสนเสวนาทีนํ วุตฺตตฺตา อิมเมว ยถาวุตฺตํ ปาฬิปเทสํ คเหตฺวา ‘‘โลกุตฺตรธมฺโม พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ วทติ. โส วตฺตพฺโพติ โส วิตณฺฑวาที เอวํ วตฺตพฺโพ. ยทิ มคฺคฏฺปุคฺคเล วตฺวา อนุโลมิกเสนาสนเสวนาทิ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ มคฺคสมงฺคิโน เอว หุตฺวา เต ตถา ปฏิปชฺชนฺติ, เอวํ สนฺเต เสนาสนปฏิสํยุตฺตรูปาทิวิปสฺสนคฺคหณสฺมึ ตว มเตน มคฺคสมงฺคิโน เอว อาปชฺเชยฺยุํ, น เจตํ เอวํ โหติ, ตสฺมา สุตฺตํ เม ลทฺธนฺติ ยํ กิฺจิ มา กเถหีติ วาเรตพฺโพ. เตนาห ‘‘ยทิ อฺเน จิตฺเตนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวํ สนฺเตติ นานาจิตฺเตเนว เสนาสนปฏิเสวนาทิเก สติ. ตตฺถ ปาฬิยํ ยทิ โลกุตฺตรธมฺมสมงฺคิโน เอว ปฺจวิฺาณสมงฺคิกาเลปิ โลกุตฺตรสมงฺคิตํ สเจ สมฺปฏิจฺฉสิ, สตฺถารา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌสิ สุตฺตวิโรธทีปนโต. เตนาห ‘‘สตฺถารา หี’’ติอาทิ. ธมฺมวิจารณา นาม ตุยฺหํ อวิสโย, ตสฺมา ยาคุํ ปิวาหีติ อุยฺโยเชตพฺโพ.
๑๘๓. อาทิเกเนวาติ ปเมเนว. อนุปุพฺพสิกฺขาติ อนุปุพฺเพเนว ปวตฺตสิกฺขาย. เตนาห ‘‘กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจน’’นฺติ. สทฺธา ชาตา เอตสฺสาติ สทฺธาชาโต, อคฺยาหิตาติปกฺเขเปน ชาต-สทฺทสฺส ปจฺฉาวจนํ ¶ . เอวเมตนฺติ อธิมุจฺจนํ โอกปฺปนิยสทฺธา. สนฺติเก นิสีทติ อุปฏฺานวเสน. สาธุกํ กตฺวา ธาเรตีติ ยถาสุตํ ธมฺมํ วาจุคฺคตกรณวเสน ตํ ปคุณํ กตฺวา สารวเสน ธาเรติ. ฉนฺโท ชายตีติ ธมฺเมสุ นิชฺฌานกฺขเมสุ อิเม ธมฺเม ภาวนาปฺาย ปจฺจกฺขโต อุสฺสามีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท ชายติ. อุสฺสหตีติ ฉนฺโท อุปฺปาทมตฺเต อฏฺตฺวา ตโต ภาวนารมฺภวเสน อุสฺสหติ. ตุลยติติ สมฺมสนวเสน สงฺขาเร. ตีรณวิปสฺสนาย ตุลยนฺโตติ ตีรณปริฺาย ชานิตฺวา อุปริ ปหานปริฺาย วเสน ปริตุลยนฺโต ปฏิชานนฺโต. มคฺคปธานํ ปทหตีติ มคฺคลกฺขณํ ปธานิกํ มคฺคํ ปทหติ. เปสิตจิตฺโตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺโต. นามกาเยนาติ มคฺคปฺปฏิปาฏิยา ตํตํมคฺคสมฺปยุตฺตนามกาเยน. น ปน กิฺจิ อาหาติ ทูรตาย สมานํ น กิฺจิ วจนํ ภควา อาห เต ทฬฺหตรํ นิคฺคณฺหิตุํ.
๑๘๔. ปเณน โวหาเรน พฺยากรณํ ปณวิยา, ปณวิยา อภาเวน โอปณวิยา, น อุเปตีติ น ยุชฺชติ. ตนฺติ อิทํ อิธ อธิปฺเปตํ ปโณ ปณวิยํ ทสฺเสตุํ. ตยิทํ สพฺพํ ภควา ‘‘มยํ โข, อาวุโส, สายฺเจว ภฺุชามา’’ติ อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ วุตฺตํ สิกฺขาย อวตฺตนภาวทีปนวจนํ สนฺธาย วทติ.
อุกฺขิปิตฺวาติ ¶ สีเสน คเหตฺวา วิย สมาทาย. อนุธมฺโมติ อนุรูโป สภาโว, สาวกภาวสฺส อนุจฺฉวิกา ปฏิปตฺติ. โรหนียนฺติ วิรุฬฺหิภาวํ. สินิยฺหติ เอตฺถ, เอเตน วาติ สิเนโห, การณํ. ตํ เอตฺถ อตฺถีติ สิเนหวนฺตํ, ปาทกนฺติ อตฺโถ. ตโจ เอกํ องฺคนฺติ ตโจ วีรปกฺขภาเว เอกมงฺคํ. ปธานํ อนุยฺุชนฺตสฺส หิ ตเจ ปลุชฺชมาเนปิ ตํนิมิตฺตํ อโวสานํ อนาปชฺชนกสฺเสว วีริยสฺส เอกํ องฺคํ เอกํ การณํ. เอวํ เสเสสุ วตฺตพฺพํ. เตนาห – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น วุฏฺหิสฺสามีติ เอวํ ปฏิปชฺชตี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ ภิกฺขุวคฺควณฺณนา.