📜

๓. ปริพฺพาชกวคฺโค

๑. เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนา

๑๘๕. ตตฺถาติ เอกปุณฺฑรีกสฺิเต ปริพฺพาชการาเม. อนาคตปุพฺโพ โลกิยสมุทาหารวเสน ‘‘จิรสฺสํ โข, ภนฺเต’’ติอาทินา วุจฺจติ, อยํ ปเนตฺถ อาคตปุพฺพตํ อุปาทาย ตถา วุตฺโต. ภควา หิ เกสฺจิ วิมุตฺติชนนตฺถํ, เกสฺจิ อินฺทฺริยปริปากตฺถํ, เกสฺจิ วิเสสาธิคมตฺถํ กทาจิ ติตฺถิยารามํ อุปคจฺฉติ. อนนุฺาย ตฺวาติ อนนุชานิตพฺเพ ตฺวา. อนุชานิตพฺพํ สิยา อนฺาตสฺส เยฺยสฺส อภาวโต. ยาวตกฺหิ เยฺยํ, ตาวตกํ ภควโต าณํ, ยาวตกฺจ ภควโต าณํ ตาวตกํ เยฺยํ. เตเนวาห – ‘‘น ตสฺส อทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ, อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑). สพฺพฺุตฺาเณน หิ ภควา อาวชฺเชตฺวา ปชานาติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อาวชฺชนปฏิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต าณ’’นฺติ (มิ. ป. ๔.๑.๒). ยทิ เอวํ ‘‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺํ นาโค สมาหิโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๓) อิทํ สุตฺตปทํ กถนฺติ? วิกฺเขปาภาวทีปนปทเมตํ, น อนาวชฺชเนนปิ าณานํ ปวตฺติปริทีปนํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วิตฺถารโต วุตฺตเมว.

๑๘๖. ยาวเทวาติ อิทํ ยถารุจิ ปวตฺติ วิย อปราปรุปฺปตฺติปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘สกึ ขีณานํ อาสวานํ ปุน เขเปตพฺพาภาวา’’ติ. ปจฺจุปฺปนฺนชานนคุณนฺติ อิทํ ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ปริภณฺฑาณํ อนาคตํสาณํ อนาทิยิตฺวา วุตฺตํ, ตสฺส ปน วเสน อนาคตํสาณคุณํ ทสฺเสตีติ วตฺตพฺพํ สิยา.

คิหิปริกฺขาเรสูติ วตฺถาภรณาทิธนธฺาทิคิหิปริกฺขาเรสุ. คิหิลิงฺคํ ปน อปฺปมาณํ, ตสฺมา คิหิพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกรา โหนฺติเยว. สติ ปน ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย คิหิลิงฺเค เต น ติฏฺนฺติเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เยปี’’ติอาทิมาห. สุกฺขาเปตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา. อรหตฺตํ ปตฺตทิวเสเยว ปพฺพชนํ วา ปรินิพฺพานํ วาติ อยํ นโย น สพฺพสาธารโณติ อาห ‘‘ภูมเทวตา ปน ติฏฺนฺตี’’ติ. ตตฺถ การณวจนํ ‘‘นิลียโนกาสสฺส อตฺถิตายา’’ติ. อรฺปพฺพตาทิปวิเวกฏฺานํ นิลียโนกาโส. เสสกามภเวติ กามโลเก. ลฬิตชนสฺสาติ อาภรณาลงฺการนจฺจคีตาทิวเสน วิลาสยุตฺตชนสฺส.

โสปีติ ‘‘โส อฺตฺร เอเกนา’’ติ วุตฺโต โสปิ. กรโต น กรียติ ปาปนฺติ เอวํ น กิริยํ ปฏิพาหติ. ยทิ อตฺตานํเยว คเหตฺวา กเถติ, อถ กสฺมา มหาสตฺโต ตทา อาชีวกปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉีติ อาห ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ. ตสฺสปีติ น เกวลํ อฺเสํ เอว ปาสณฺฑานํ, ตสฺสปิ. วีริยํ น หาเปสีติ ตโปชิคุจฺฉวาทํ สมาทิยิตฺวา ิโต วิราคตฺถาย ตํ สมาทิณฺณวตฺตํ น ปริจฺจชิ, สตฺถุสาสนํ น ฉฑฺเฑสิ. เตนาห – ‘‘กิริยวาที หุตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตตี’’ติ.

เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๒. อคฺคิวจฺฉสุตฺตวณฺณนา

๑๘๗. โลกสฺส สสฺสตตาปวตฺติปฏิกฺเขปวเสน ปวตฺโต วาโท อุจฺเฉทวาโท เอว โหตีติ สสฺสตคฺคาหาภาเว อุจฺเฉทคฺคาหภาวโต ปุน ปริพฺพาชเกน ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ วทนฺเตน อุจฺเฉทคฺคาโห ปุจฺฉิโต, ภควตาปิ โส เอว ปฏิกฺขิตฺโตติ อาห ‘‘ทุติเย นาหํ อุจฺเฉททิฏฺิโก’’ติ. อนฺตานนฺติกาทิวเสนาติ เอตฺถ อนฺตานนฺติกคฺคหเณน อนฺตวา โลโก อนนฺตวา โลโกติ อิมํ วาททฺวยมาห. อาทิ-สทฺเทน ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติอาทิวาทจตุกฺกํ สงฺคณฺหาติ, อิตรํ ปน ทฺวยํ สรูเปเนว คหิตนฺติ. ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพติ ‘‘ตติเย นาหํ อนฺตวาทิฏฺิโก, จตุตฺเถ นาหํ อนนฺตวาทิฏฺิโก’’ติ เอวมาทินา ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ อยมฺปิ สสฺสตวาโท, โส จ โข อปรนฺตกปฺปิกวเสน, ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ ปน ปุพฺพนฺตกปฺปิกวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ อยมฺปิ อุจฺเฉทวาโท, โส จ โข สตฺตวเสน, ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ ปน สตฺตสงฺขารวเสนาติ วทนฺติ.

๑๘๙. สปฺปติภยํ อุปฺปชฺชนโต สห ทุกฺเขนาติ สทุกฺขํ. เตนาห ‘‘กิเลสทุกฺเขนา’’ติอาทิ. เตสํเยวาติ กิเลสทุกฺขวิปากทุกฺขานํเยว. สอุปฆาตกนฺติ สพาธํ. สอุปายาสนฺติ สปริสฺสมํ สอุปตาปํ สปีฬํ. สปริฬาหนฺติ สทรถํ.

กิฺจิ ทิฏฺิคตนฺติ อิมา ตาว อฏฺ ทิฏฺิโย มา โหนฺตุ, อตฺถิ ปน, โภ โคตม, ยํ กิฺจิ ทิฏฺิคตํ คหิตํ. น หิ ตาย ทิฏฺิยา วินา กฺจิ สมยํ ปวตฺเตตุํ ยุชฺชตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. อปวิทฺธนฺติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ฉฑฺฑิตํ. ปฺาย ทิฏฺนฺติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ภควตา ปฏิวิทฺธํ. ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สตฺตํ มเถนฺติ สมฺมทฺทนฺตีติ มถิตาติ อาห ‘‘มถิตานนฺติ เตสํเยว เววจน’’นฺติ. กฺจิ ธมฺมนฺติ รูปธมฺมํ อรูปธมฺมํ วา. อนุปาทิยิตฺวาติ อคฺคเหตฺวา.

๑๙๐. น อุเปตีติ สงฺขํ น คจฺฉตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘น ยุชฺชตี’’ติ. อนุชานิตพฺพํ สิยา อนุปาทาวิมุตฺตสฺส กฺจิปิ อุปฺปตฺติยา อภาวโต. ‘‘เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต น อุปปชฺชตี’’ติ กามฺเจตํ สภาวปเวทนํ ปรินิพฺพานํ, เอเก ปน อุจฺเฉทวาทิโน ‘‘มยมฺปิ ‘สตฺโต อายตึ น อุปปชฺชตี’ติ วทาม, สมโณ โคตโมปิ ตถา วทตี’’ติ อุจฺเฉทภาเวเยว ปติฏฺหิสฺสนฺติ, ตสฺมา ภควา ‘‘น อุปปชฺชตีติ โข วจฺฉ น อุเปตี’’ติ อาห. ‘‘อุปปชฺชตี’’ติ ปน วุตฺเต สสฺสตเมว คณฺเหยฺยาติ โยชนา. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. อปฺปติฏฺโติ อุจฺเฉทวาทาทิวเสน ปติฏฺารหิโต. อนาลมฺโพติ เตสํเยว วาทานํ โอลมฺพารมฺมณสฺส อภาเวน อนาลมฺโพ. สุขปเวสนฏฺานนฺติ เตสฺเว วาทานํ สุขปเวสโนกาสํ มา ลภตูติ. อนนุฺาย ตฺวาติ ‘‘น อุปปชฺชตี’’ติอาทินา อนุชานิตพฺพาย ปฏิฺาย านเหตุ. อนุฺมฺปีติ อนุชานิตพฺพมฺปิ ทุติยปฺหํ ปฏิกฺขิปิ. ปริยตฺโต ปน ธมฺโม อตฺถโต ปจฺจยากาโร เอวาติ อาห ‘‘ธมฺโมติ ปจฺจยาการธมฺโม’’ติ. อฺตฺถ ปโยเคนาติ อิมมฺหา นิยฺยานิกสาสนา อฺสฺมึ มิจฺฉาสมเย ปวตฺตปฺปโยเคน, อนิยฺยานิกํ วิวิธํ มิจฺฉาปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺเตนาติ อตฺโถ. ‘‘อฺวาทิยเกนา’’ติปิ ปาโ, ปจฺจยาการโต อฺาการทีปกอาจริยวาทํ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺเตนาติ อตฺโถ.

๑๙๑. อปฺปจฺจโยติ อนุปาทาโน, นิรินฺธโนติ อตฺโถ.

๑๙๒. เยน รูเปนาติ เยน ภูตุปาทาทิเภเทน รูปธมฺเมน. ตํ รูปํ ตปฺปฏิพทฺธสํโยชนปฺปหาเนน ขีณาสว-ตถาคตสฺส ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปนฺนํ. เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘อนุปฺปาทธมฺม’’นฺติอาทิ. อฺเสํ ชานนาย อภาวคุณตาย คุณคมฺภีโร. ‘‘เอตฺตกา คุณา’’ติ ปมาณํ คณฺหิตุํ น สกฺกุเณยฺโย. ‘‘อีทิสา เอตสฺส คุณา’’ติ ปริโยคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุปฺปริโยคาฬฺโหติ. ทุชฺชาโนติ อคาธตาย คมฺภีโร ‘‘เอตฺตกานิ อุทกฬฺหกสตานี’’ติอาทินา ปเมตุํ น สกฺกาติ อปฺปเมยฺโย, ตโต เอว ทุชฺชาโน. เอวเมวานฺติ ยถา มหาสมุทฺโท คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุชฺชาโน, เอวเมว ขีณาสโวปิ คุณวเสน, ตสฺมา อยํ รูปาทึ คเหตฺวา รูปีติอาทิโวหาโร ภเวยฺย, ปรินิพฺพุตสฺส ปน ตทภาวา ตถา ปฺาเปตุํ น สกฺกา, ตโต ตํ อารพฺภ อุปปชฺชตีติอาทิ น ยุชฺเชยฺย. ยถา ปน วิชฺชมาโน เอว ชาตเวโท พฺยตฺเตน ปุริเสน นียมาโน ปุรตฺถิมาทิทิสํ คโตติ วุจฺเจยฺย, น นิพฺพุโต, เอวํ ขีณาสโวปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมวา’’ติอาทิมาห.

อนิจฺจตาติ เอตฺถ อนิจฺจตาคหณํ อสารนิทสฺสนํ. เตน ยถา โส สาลรุกฺโข สาขาปลาสาทิอสาราปคเมน สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต, เอวมยํ ธมฺมวินโย สาสวสงฺขาตอสารวิคเมน โลกุตฺตรธมฺมสาเร ปติฏฺิโตติ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อคฺคิวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๓. มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนา

๑๙๓. สห กถา เอตสฺส อตฺถีติ สหกถี, ‘‘มยํ ปุจฺฉาวเสน ตุมฺเห วิสฺสชฺชนวเสนา’’ติ เอวํ สหปวตฺตกโถติ อตฺโถ. เอตสฺเสว กถิตานิ, ตตฺถ ปเม วิชฺชาตฺตยํ เทสิตํ, ทุติเย อคฺคินา ทสฺสิตนฺติ เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตํ อคฺคิวจฺฉสุตฺตนฺติ นามํ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. สีฆํ ลทฺธึ น วิสฺสชฺเชนฺติ, ยสฺมา สงฺขารานํ นิยโตยํ วินาโส อนฺสมุปฺปาโท, เหตุสมุปฺปนฺนาปิ น จิเรน นิชฺฌานํ ขมนฺติ, น ลหุํ. เตนาห ‘‘วสาเตล…เป… สุชฺฌนฺตี’’ติ. ปจฺฉิมคมนํ าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา. ยฏฺึ อาลมฺพิตฺวา อุทกํ ตริตุํ โอตรนฺโต ปุริโส ‘‘ยฏฺึ โอตริตฺวา อุทเก ปตมาโน’’ติ วุตฺโต. กมฺมปถวเสน วิตฺถารเทสนนฺติ สํขิตฺตเทสนํ อุปาทาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘มูลวเสน เจตฺถา’’ติอาทิ. วิตฺถารสทิสาติ กมฺมปถวเสน อิธ เทสิตเทสนาว มูลวเสน เทสิตเทสนํ อุปาทาย วิตฺถารสทิสา. วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถีติ น เกวลํ อยเมว, อถ โข สพฺพาปิ พุทฺธานํ นิปฺปริยาเยน อุชุเกน นิรวเสสโต วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถิ เทสนาาณสฺส มหาวิสยตาย กรณสมฺปตฺติยา จ ตชฺชาย มหานุภาวตฺตา สพฺพฺุตฺาณสฺส. สพฺพฺุตฺาณสมงฺคิตาย หิ อวเสสปฏิสมฺภิทานุภาวิตาย อปริมิตกาลสมฺภตาณสมฺภารสมุทาคตาย กทาจิปิ ปริกฺขยานรหาย อนฺสาธารณาย ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย ปหูตชิวฺหาทิตทนุรูปรูปกายสมฺปตฺติสมฺปทาย วิตฺถาริยมานา ภควโต เทสนา กถํ ปริมิตา ปริจฺฉินฺนา ภเวยฺย, มหาการุณิกตาย ปน ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ตตฺถ ตตฺถ ปริมิตํ ปริจฺฉินฺนํ กตฺวา นิฏฺเปติ. อยฺจ อตฺโถ มหาสีหนาทสุตฺเตน (ม. นิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. สพฺพํ สํขิตฺตเมว อตฺตชฺฌาสยวเสน อกเถตฺวา โพธเนยฺยปุคฺคลชฺฌาสยวเสน เทสนาย นิฏฺาปิตตฺตา. น เจตฺถ ธมฺมสาสนวิโรโธ ปริยายํ อนิสฺสาย ยถาธมฺมํ ธมฺมานํ โพธิตตฺตา สพฺพลหุตฺตา จาติ.

๑๙๔. สตฺต ธมฺมา กามาวจรา สมฺปตฺตสมาทานวิรตีนํ อิธาธิปฺเปตตฺตา.

อนิยเมตฺวาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สาวโก’’ติ วา นิยมํ วิเสเสน อกตฺวา. อตฺตานเมว…เป… เวทิตพฺพํ, ตถา หิ ปริพฺพาชโก ‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม’’ติ อาห.

๑๙๕. สตฺถาวอรหา โหติ ปฏิปตฺติยา ปาริปูริภาวโต. ตสฺมึ พฺยากเตติ ตสฺมึ ‘‘เอกภิกฺขุปิ สาวโก’’ติอาทินา สุฏฺุ ปฺเห กถิเต.

๑๙๖. สมฺปาทโกติ ปฏิปตฺติสมฺปาทโก.

๑๙๗. เสขายวิชฺชายาติ เสขลกฺขณปฺปตฺตาย มคฺคปฺาย สาติสยํ กตฺวา กรณวเสน วุตฺตา, ผลปฺา ปน ตาย ปตฺตพฺพตฺตา กมฺมภาเวน วุตฺตา. เตนาห ‘‘เหฏฺิมผลตฺตยํ ปตฺตพฺพ’’นฺติ. อิมํ ปเนตฺถ อวิปรีตมตฺถํ ปาฬิโต เอว วิฺายมานํ อปฺปฏิวิชฺฌนโต วิตณฺฑวาที ‘‘ยาวตกํ เสเขน ปตฺตพฺพํ, อนุปฺปตฺตํ ตํ มยา’’ติ วจนเลสํ คเหตฺวา ‘‘อรหตฺตมคฺโคปิ อเนน ปตฺโตเยวา’’ติ วทติ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาย คาถาย.

กิเลสานิ ปหาย ปฺจาติ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนสงฺขาเต สํกิเลเส ปหาย ปชหิตฺวา, ปหานเหตุ วา. ปริปุณฺณเสโขติ สพฺพโส วฑฺฒิตเสขธมฺโม. อปริหานธมฺโมติ อปริหานสภาโว. น หิ ยสฺส ผาติคเตหิ สีลาทิธมฺเมหิ ปริหานิ อตฺถิ, สมาธิมฺหิ ปริปูรการิตาย เจโตวสิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘สมาหิตินฺทฺริโย’’ติ. อปริหานธมฺมตฺตาว ิตตฺโต.

อนาคามินา หิ อเสขภาวาวหา ธมฺมา ปริปูเรตพฺพา, น เสขภาวาวหาติ โส เอกนฺตปริปุณฺเณ เสโข วุตฺโต. เอตํ น พุทฺธวจนนฺติ ‘‘มคฺโค พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ เอตํ วจนํ น พุทฺธวจนํ อนนฺตเรกนฺตวิปากทานโต, พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตเน ปโยชนาภาวโต จ โลกุตฺตรกุสลสฺส, ‘‘สมาธิมานนฺตริกฺมาหุ (ขุ. ปา. ๖.๕; สุ. นิ. ๒๒๘), น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๑๙) เอวมาทีนิ สุตฺตปทานิ เอตสฺสตฺถสาธกานิ. โอรมฺภาคิยสํโยชนปฺปหาเนน เสกฺขธมฺมปริปูริภาวสฺส วุตฺตตาย อตฺโถ ตว วจเนน วิรุชฺฌตีติ. อสฺส อายสฺมโต วจฺฉสฺส.

๑๙๘. อภิฺา วา การณนฺติ ยฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิฺา การณํ. อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิฺา, เอวํ สติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ การณํ. อวสาเน ฉฏฺาภิฺาย ปน อรหตฺตํ. เอตฺถ จ ยสฺมา ปมสุตฺเต อาสวกฺขโย อธิปฺเปโต, อาสวา ขีณา เอว, น ปุน เขเปตพฺพา, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘ยาวเทวา’’ติ น วุตฺตํ. อิธ ผลสมาปตฺติ อธิปฺเปตา, สา จ ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชียติ, ตสฺมา ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํ. ตโต เอว หิ ‘‘อรหตฺตํ วา การณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕; ๓.๓๐๗) อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺเปตฺวา อภิฺา นิพฺพตฺเตนฺตสฺส การณํ, ตยิทํ สพฺพสาธารณํ น โหตีติ สาธารณวเสน นํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วา’’ติ อาห.

๒๐๐. ปริจรนฺติ นาม วิปฺปกตพฺรหฺมจริยวาสตฺตา. ปริจิณฺโณ โหติ สาวเกน นาม สตฺถุ ธมฺเม กตฺตพฺพา ปริจริยา สมฺมเทว นิฏฺาปิตตฺตา. เตนาห ‘‘อิติ…เป… เถโร เอวมาหา’’ติ. เตสํ คุณานนฺติ เตสํ อเสกฺขคุณานํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๔. ทีฆนขสุตฺตวณฺณนา

๒๐๑. ขนนํ ขตํ, สูกรสฺส ขตํ เอตฺถ อตฺถีติ สูกรขตา, สูกรสฺส วา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปมํ ขตํ อุปาทาย สูกรขตา, ตาย. เอวํนามเกติ เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามเก. ปํสุโธเตติ โธตปํสุเก. โอตริตฺวา อภิรุหิตพฺพนฺติ ปกติภูมิโต อเนเกหิ โสปานผลเกหิ โอตริตฺวา ปุน เลณทฺวารํ กติปเยหิ อภิรุหิตพฺพํ.

ิตโกวาติ มาตุลสฺส ิตตฺตา ตตฺถ สคารวสปติสฺสวเสน ิตโกว. กิฺจาปิ สพฺพ-สทฺโท อวิเสสโต อนวเสสปริยาทายโก, วตฺถุอธิปฺปายานุโรธี ปน สทฺทปฺปโยโคติ ตมตฺถํ สนฺธาย ปริพฺพาชโก ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ อาห. ยา โลเก มนุสฺสอุปปตฺติโยติอาทิกา อุปปตฺติโย, ตา อนตฺถสมุทาคตา ตตฺถ ตตฺเถว สตฺตานํ อุจฺฉิชฺชนโต, ตสฺมา สมยวาทีหิ วุจฺจมานา สพฺพา อายตึ อุปฺปชฺชนอุปปตฺติ น โหติ. ชลพุพฺพุฬกา วิย หิ อิเม สตฺตา ตตฺถ ตตฺถ สมเย อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฺติ, เตสํ ตตฺถ ปฏิสนฺธิ นตฺถีติ อสฺส อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิโย’’ติอาทิ. อสฺส อธิปฺปายํ มุฺจิตฺวาติ เยนาธิปฺปาเยน ปริพฺพาชโก ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ อาห, ตํ ตสฺส อธิปฺปายํ ชานนฺโตปิ อชานนฺโต วิย หุตฺวา ตสฺส อกฺขเร ตาว โทสํ ทสฺเสนฺโตติ ปเทสสพฺพํ สนฺธาย เตน วุตฺตํ, สพฺพสพฺพวิสยํ กตฺวา ตตฺถ โทสํ คณฺหนฺโต. ยถา โลเก เกนจิ ‘‘สพฺพํ วุตฺตํ, ตํ มุสา’’ติ วุตฺเต ตสฺส วจนสฺส สพฺพนฺโตคธตฺตา มุสาภาโว อาปชฺเชยฺย, เอวํ อิมสฺสปิ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ วทโต ตถา ปวตฺตา ทิฏฺิปิ นกฺขมตีติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘เอสาปิ เต ทิฏฺิ นกฺขมตี’’ติ. ยถา ปน เกนจิ ‘‘สพฺพํ วุตฺตํ มุสา’’ติ วุตฺเต อธิปฺปายานุโรธินี สทฺทปฺปวตฺติ, ตสฺส วจนํ มุฺจิตฺวา ตทฺเสเมว มุสาภาโว ายาคโต, เอวมิธาปิ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ วจนโต ยสฺสา ทิฏฺิยา วเสน ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ เตน วุตฺตํ, ตํ ทิฏฺึ มุฺจิตฺวา ตทฺเมว ยถาธิปฺเปตํ สพฺพํ นกฺขมตีติ อยมตฺโถ ายาคโต, ภควา ปน วาทีวโร สุขุมาย อาณิยา ถูลํ อาณึ นีหรนฺโต วิย อุปาเยน ตสฺส ทิฏฺิคตํ นีหริตุํ ตสฺส อธิปฺปาเยน อวตฺวา สทฺทวเสน ตาว ลพฺภมานํ โทสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาปิ โข เต’’ติอาทิมาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสฺส อธิปฺปายํ มุฺจิตฺวา อกฺขเร ตาว โทสํ ทสฺเสนฺโต’’ติ.

ปริพฺพาชโก ปน ยํ สนฺธาย ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ มยา วุตฺตํ, ‘‘อยํ โส’’ติ ยถาวุตฺตโทสปริหรณตฺถํ ตสฺมึ อตฺเถ วุจฺจมาเน เอส โทโส สพฺโพ น โหติ, เอวมฺปิ สมโณ โคตโม มม วาเท โทสเมว อาโรเปยฺยาติ อตฺตโน อชฺฌาสยํ นิคุหิตฺวา ยถาวุตฺตโทสํ ปริหริตุกาโม ‘‘เอสา เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตมฺปสฺส ตาทิสเมวาติ ยํ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ คหิตํ วตฺถุ, ตมฺปิ ตาทิสเมว ภเวยฺยาติ. อยฺจ สพฺพนฺโตคธทิฏฺิ มยฺหมฺปิ ทิฏฺิวตฺถุ, ตํ เม ขเมยฺยวาติ. ยสฺมา ปน ‘‘เอสาปิ ทิฏฺิ ตุยฺหํ นกฺขมตี’’ติ ยาปิ ทิฏฺิ วุตฺตา ภวตา โคตเมน, สาปิ มยฺหํ นกฺขมติ, ตสฺมา สพฺพํ เม นกฺขมเตวาติ ปริพฺพาชกสฺส อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘ตํ ปริหรามีติ สฺาย วทตี’’ติ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘ตสฺมาปิ อุจฺเฉททิฏฺิ มยฺหํ นกฺขมตี’’ติ. ‘‘เอสา เม ทิฏฺี’’ติ ยา ิติภูตา ทิฏฺิ, ตาย ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ ปเนตฺถ สพฺพคฺคหเณน คหิตตฺตา อาห – ‘‘อตฺถโต ปนสฺส เอสา ทิฏฺิ น เม ขมตีติ อาปชฺชตี’’ติ. อยํ โทโสติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยสฺส ปนา’’ติอาทิ. เอสาติ ทิฏฺิ. รุจิตนฺติ ทิฏฺิทสฺสเนน อภินิวิสิตฺวา โรเจตฺวา คหิตํ. เตน หิ ทิฏฺิอกฺขเมน อรุจิเตน ภวิตพฺพนฺติ สติ ทิฏฺิยา อกฺขมภาเว ตโต ตาย คหิตาย ขเมยฺย รุจฺเจยฺย ยถา, เอวํ สพฺพสฺส อกฺขมภาเวติ อปรภาเค สพฺพํ ขมติ รุจฺจตีติ อาปชฺชติ. น ปเนส ตํ สมฺปฏิจฺฉตีติ เอส ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ เอวํ วทนฺโต อุจฺเฉทวาที ตํ วุตฺตนเยน สพฺพสฺส ขมนํ รุจฺจนํ น สมฺปฏิจฺฉติ. าเยน วุตฺตมตฺถํ กถํ น สมฺปฏิจฺฉตีติ อาห ‘‘เกวลํ ตสฺสาปิ อุจฺเฉททิฏฺิยา อุจฺเฉทเมว คณฺหาตี’’ติ. สพฺเพสฺหิ ธมฺมานํ อายตึ อุปฺปาทํ อรุจฺจิตฺวา ตํ สนฺธาย อยํ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ วทติ, อุจฺเฉททิฏฺิเกสุ จ อุจฺฉินฺเนสุ กุโต อุจฺเฉททิฏฺิสภาโวติ.

เตนาติ เตน การเณน, ยสฺมา อิเธกจฺเจ สตฺตา อีทิสํ ทิฏฺึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. ปชหนเกน วา จิตฺเตน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปชหนเกหิ อปฺปชหนเก นิทฺธาเรตุํ ภควา ‘‘อโต…เป… พหุตรา’’ติ อโวจาติ อาห – ‘‘ปชหนเกสุ นิสฺสกฺก’’นฺติ ยถา ‘‘ปฺจสีเลหิ ปภาวนา ปฺวนฺตตรา’’ติ. ‘‘พหู’’ติ วตฺวา น เกวลํ พหู, อถ โข อติวิย พหูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหุตรา’’ติ อาห. ‘‘พหู หี’’ติ นยิทํ นิสฺสกฺกวจนํ, อถ โข ปจฺจตฺตวจนํ. กถํ หิ-สทฺโทติ อาห ‘‘หิ-กาโร นิปาตมตฺต’’นฺติ. อนิสฺสกฺกวจนํ ตาว ตสฺส ปชหนกานํ พหุภาวโต เตปิ ปรโต ‘‘พหุตรา’’ติ วุจฺจียนฺติ. มูลทสฺสนนฺติ เย ตาทิสํ ทสฺสนํ ปมํ อุปาทิยนฺติ, ตชฺชาติกเมว ปจฺฉา คหิตทสฺสนํ. วิชาติยฺหิ ปมํ คหิตทสฺสนํ อปฺปหาย วิชาติยสฺส คหณํ น สมฺภวติ วิรุทฺธสฺส อภินิเวสสฺส สห อนวฏฺานโต . อวิรุทฺธํ ปน มูลทสฺสนํ อวิสฺสชฺชิตฺวา วิสยาทิเภทภินฺนํ อปรทสฺสนํ คเหตุํ ลพฺภติ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ.

ตตฺถ กิฺจาปิ เอกจฺจสสฺสตวาโท สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสานํ วเสน ยถากฺกมํ สสฺสตุจฺเฉทคฺคาหนชาติโก, อุจฺเฉทคฺคาเหน ปน สสฺสตาภินิเวสสฺส ตํคาเหน จ อสสฺสตาภินิเวสสฺส วิรุชฺฌนโต อุภยตฺถปิ ‘‘เอกจฺจสสฺสตํ วา คเหตุํ น สกฺกา’’ติ วุตฺตํ, ตถา ‘‘สสฺสตํ วา อุจฺเฉทํ วา น สกฺกา คเหตุ’’นฺติ จ. มูลสสฺสตฺหิ ปมํ คหิตํ. อายตเนสุปิ โยเชตพฺพนฺติ ปมํ จกฺขายตนํ สสฺสตนฺติ คเหตฺวา อปรภาเค น เกวลํ จกฺขายตนเมว สสฺสตํ, โสตายตนมฺปิ สสฺสตํ, ฆานายตนาทิปิ สสฺสตนฺติ คณฺหาตีติอาทินา โยเชตพฺพํ. อายตเนสุปีติ ปิ-สทฺเทน ธาตูนํ อินฺทฺริยานมฺปิ คาโห ทฏฺพฺโพ. อิทํ สนฺธายาติ ‘‘มูเล สสฺสต’’นฺติอาทินา วุตฺตปมคฺคาหสฺส สมานชาติยํ อปรคฺคาหํ สนฺธาย.

ทุติยวาเร ปมวาเร วุตฺตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาทีนวํ ทิสฺวาติ ‘‘ยทิ รูปํ สสฺสตํ สิยา, นยิทํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย. ยสฺมา จ โข อิทํ รูปํ อสสฺสตํ, ตสฺมา อภิณฺหปฏิปีฬนฏฺเน อุทยวยวนฺตตาย รูปํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, สสฺสตาภินิเวโส มิจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ สสฺสตวาเท อาทีนวํ โทสํ ทิสฺวา. โอฬาริกนฺติ ตสฺมา ปฏิปีฬนฏฺเน อยาถาวคฺคาหตาย รูปํ น สณฺหํ โอฬาริกเมว. เวทนาทีนมฺปิ อนิจฺจาทิภาวทสฺสนํ รูปเวทนาอาทีนํ สมานโยคกฺขมตฺตา. วิสฺสชฺเชตีติ ปชหติ.

ติสฺโส ลทฺธิโยติ สสฺสตุจฺเฉทเอกจฺจสสฺสตทิฏฺิโย. ยสฺมา สสฺสตทิฏฺิกา วฏฺเฏ รชฺชนสฺส อาสนฺนา. ตถา หิ เต โอลียนฺตีติ วุจฺจนฺติ, ภวาภวทิฏฺีนํ วเสน อิเมสํ สตฺตานํ สํสารโต สีสุกฺขิปนํ นตฺถีติ เอตาว ติสฺโส วิเสสโต คเหตพฺพา.

อิธโลกํ ปรโลกฺจ อตฺถีติ ชานาตีติ เอตฺตาวตา สสฺสตทสฺสนสฺส อปฺปสาวชฺชตาการณมาห, วฏฺฏํ อสฺสาเทติ, อภินนฺทตีติ อิมินา ทนฺธวิราคตาย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อิธโลกํ ปรโลกฺจ อตฺถีติ ชานาตีติ อิมินา ตาสุ ตาสุ คตีสุ สตฺตานํ สํสรณํ ปฏิกฺขิปตีติ ทสฺเสติ, สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ อตฺถีติ ชานาตีติ อิมินา กมฺมผลํ. กุสลํ น กโรตีติ อิมินา กมฺมํ, อกุสลํ กโรนฺโต น ภายตีติ อิมินา ปุฺาปุฺานิ สภาวโต ชายนฺตีติ ทสฺเสติ. วฏฺฏํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ ตนฺนินฺนภาวโต . สีฆํ ลทฺธึ ชหิตุํ น สกฺโกติ วฏฺฏุปจฺเฉทสฺส อรุจฺจนโต. อุจฺเฉทวาที หิ ตสฺมึ ภเว อุจฺเฉทํ มฺติ. ตโต ปรํ อิธโลกํ ปรโลกฺจ อตฺถีติ ชานาติ สุกตทุกฺกฏานํ ผลํ อตฺถีติ ชานาติ กมฺมผลวาทีภาวโต. เยภุยฺเยน หิ อุจฺเฉทวาที สภาวนิยติยทิจฺฉาภินิเวเสสุ อฺตฺราภินิเวโส โหติ. สีฆํ ทสฺสนํ ปชหติ วฏฺฏาภิรติยา อภาวโต. ปารมิโย ปูเรตุํ สกฺโกนฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา, โลกโวหารมตฺเตเนว โส สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายตีติ โยชนา. อสกฺโกนฺโตติ พุทฺโธ โหตุํ อสกฺโกนฺโต. อภินีหารํกตฺวา อคฺคสาวกาทิภาวสฺส อภินีหารํ สมฺปาเทตฺวา. สาวโก หุตฺวาติ อคฺคสาวโก มหาสาวโก หุตฺวา, ตตฺถาปิ เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต วา สุกฺขวิปสฺสโก เอว วา พุทฺธสาวโก หุตฺวา ปรินิพฺพายติ. สพฺพมิทํ อุจฺเฉทวาทิโน กลฺยาณมิตฺตนิสฺสเยน สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเน ขิปฺปวิราคตาทสฺสนตฺถํ อาคตํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.

๒๐๒. กฺชิเยเนวาติ อารนาเฬน. กฺชิยสทิเสน อุจฺเฉททสฺสเนน. ปูริโตติ ปริปุณฺณชฺฌาสโย. โสติ ปริพฺพาชโก. อปฺปหายาติ อภินฺทิตฺวา. วิคฺคโหติ กลโห อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ อฺมฺํ วิรุทฺธคฺคาโหติ กตฺวา. วิวาทนฺติ วิรุทฺธวาทํ. วิฆาตนฺติ วิโรธเหตุกํ จิตฺตวิฆาตํ. วิเหสนฺติ วิคฺคหวิวาทนิมิตฺตํ กายิกํ เจตสิกฺจ กิลมถํ. อาทีนวํ ทิสฺวาติ เอตาสํ ทิฏฺีนํ เอวรูโป อาทีนโว, อนิยฺยานิกภาวตาย ปน สมฺปติ อายติฺจ มหาทีนโวติ เอวํ อาทีนวํ ทิสฺวา.

๒๐๕. ‘‘เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๑; สํ. นิ. ๓.๘) กายํ อนฺเวตีติ กายนฺวโย, โสเยว, ตสฺส วา สมูโห กายนฺวยตา, กายปฏิพทฺโธ กิเลโส. เตนาห ‘‘กายํ…เป… อตฺโถ’’ติ.

อสมฺมิสฺสภาวนฺติ อสงฺกรโต ววตฺถิตภาวํ. เตน ตาสํ ยถาสกํ ปจฺจยานํ อุปฺปชฺชิตฺวา วิคมํ ทสฺเสติ. เอวฺหิ ตาสํ กทาจิปิ สงฺกโร นตฺถิ. เตนาห ‘‘ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ’’ติอาทิ. สรูปํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อฺา เวทนา’’ติ อนิยเมน วุตฺตตฺตา ตเมว วิคมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุปฺปนฺนาว โหนฺติ อนฺตรหิตา วา’’ติ อาห. สรูปโต นิยเมตฺวา วุจฺจมาเน กาจิ อนุปฺปนฺนา วา โหติ, กาจิ อนฺตรหิตา วาติ. จุณฺณวิจุณฺณภาวทสฺสนตฺถนฺติ ขเณ ขเณ ภิชฺชมานภาวทสฺสนตฺถํ.

น เกนจิสํวทตีติ เกนจิ ปุคฺคเลน สทฺธึ ทิฏฺิราควเสน สํกิลิฏฺจิตฺโต น วทติ. เตนาห ‘‘สสฺสตํ คเหตฺวา’’ติอาทิ. น วิวทตีติ วิรุทฺธภาโว หุตฺวา น วิวทติ. ปริวตฺเตตฺวาติ อุจฺเฉทํ คเหตฺวา เอกจฺจสสฺสตํ คเหตฺวา เอวํ วุตฺตนเยน ตโยปิ วาทา ปริวตฺเตตฺวา โยเชตพฺพา . เตน โวหรตีติ เตน โลกโวหาเรน โลกสมฺํ อนติธาวนฺโต สตฺโต ปุริโส ปุคฺคโลติอาทินา โวหรติ, น ปน อิโต พาหิรกา วิย อภินิวิสติ. เตนาห ‘‘อปรามสนฺโต’’ติ. กฺจิ ธมฺมนฺติ รูปาทีสุ เอกํ ธมฺมมฺปิ. ปรามาสคฺคาเหน อคฺคณฺหนฺโตติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา, ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา จ ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสิตฺวา คหเณน อคฺคณฺหนฺโต.

กตาวีติ กตกิจฺโจ. โส วเทยฺยาติ ขีณาสโว ภิกฺขุ อหงฺการมมงฺกาเรสุ สพฺพโส สมุจฺฉินฺเนสุปิ อหํ วทามีติ วเทยฺย. ตตฺถ อหนฺติ นิยกชฺฌตฺตสนฺตาเน. มมนฺติ ตสฺส สนฺตกภูเต วตฺถุสฺมึ โลกนิรุฬฺเห. สมฺนฺติ ตตฺถ สุกุสลตาย โลเก สมฺา กุสโล วิทิตฺวา. โวหารมตฺเตนาติ เกวลํ ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา มหาโพธิปารมิโย ปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต สาวโก หุตฺวา เทสโวหารมตฺเตน น อปฺปหีนตณฺโห วิย อนฺธปุถุชฺชโน อภินิเวสนวเสน.

๒๐๖. สสฺสตาทีสูติ สสฺสตาภินิเวสาทีสุ. เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. สสฺสตํ อภิฺายาติ สสฺสตทิฏฺึ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต นิสฺสรณโต อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ปหานนฺติ อจฺจนฺตปฺปหานํ สมุจฺเฉทํ. รูปสฺส ปหานนฺติ รูปสฺส ตปฺปฏิพทฺธสฺโชนปฺปหาเนน ปหานํ. อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุทฺเธหิ อาสเวหิ อคฺคเหตฺวาว จิตฺตํ วิมุจฺจิ. ‘‘อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ เอตฺถ กิฺจิปิ อคฺคเหตฺวา อเสเสตฺวา. โสฬส ปฺาติ มหาปฺาทิกา โสฬส ปฺา. จตุรงฺคสมนฺนาคโตติ ปุณฺณอุโปสถทิวสตา, เกนจิ อนามนฺติตเมว อเนกสตานํเยว อเนกสหสฺสานํ วา ภิกฺขูนํ สนฺนิปติตตา, สพฺเพสํ เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปนฺนตา, ฉฬภิฺตา จาติ. เตนาห ‘‘ตตฺริมานิ องฺคานี’’ติอาทิ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

ทีฆนขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๕. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา

๒๐๗. ทฺเวมาคณฺฑิยาติ ทฺเว มาคณฺฑิยนามกา. เทวคพฺภสทิสนฺติ เทวานํ วสนโอวรกสทิสํ. เอตํ วุตฺตนฺติ ‘‘ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารเก’’ติ เอตํ วุตฺตํ. น เกวลํ ตํ ทิวสเมวาติ ยํ ทิวสํ มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ติณสนฺถารกํ ปฺตฺตํ, น เกวลํ ตํ ทิวสเมว ภควา เยนฺตโร วนสณฺโฑ, เตนุปสงฺกมีติ โยชนา. คามูปจาเรติ คามสมีเป. สฺาณํ กตฺวาติ สฺาณํ กตฺวา วิย. น หิ ภควโต ตสฺส สฺาณกรเณ ปโยชนํ อตฺถิ.

สมณเสยฺยานุรูปนฺติ สมณสฺส อนุจฺฉวิกา เสยฺยา. ปาสํสตฺโถ หิ อยํ รูป-สทฺโท. เตนาห ‘‘อิมํ ติณสนฺถารก’’นฺติอาทิ. อนากิณฺโณติ วิลุฬิโต อฆฏฺฏิโต. หตฺถปาทสีเสหิ ตตฺถ ตตฺถ ปหเฏน น จลิโต อภินฺโน, อจลิตตฺตา เอว อภินฺนํ อตฺถรณํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปฺตฺโต วิยาติ อยํ เฉเกน จิตฺตกาเรน จินฺเตตฺวา ตุลิกาย ปริจฺฉินฺนเลขาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ลิขิตา จิตฺตกตเสยฺยา วิย. ภูนํ วุจฺจติ วฑฺฒิตํ, ตํ หนฺตีติ ภูนหุโน. เตนาห ‘‘หตวฑฺฒิโน’’ติ. ตํ ปนายํ จกฺขาทีสุ สํวรวิธานํ วฑฺฒิหนนํ มฺติ. เตนาห ‘‘มริยาทการกสฺสา’’ติ. พฺรูเหตพฺพนฺติ อุฬารวิสยูปหาเรน วฑฺเฒตพฺพํ ปีเณตพฺพํ. ตํ ปน อนนุภูตานุภวเนน โหตีติ อาห ‘‘อทิฏฺํ ทกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อนุภูตํ ปน อปณีตํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺํ สมติกฺกมิตพฺพ’’นฺติ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที กิเรส ปริพฺพาชโก, ตสฺมา เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ วฑฺฒึ ปฺเปติ. ยสฺมา ยํ ฉนฺนมฺปิ จกฺขาทีนํ ยถาสกํ วิสยคฺคหณํ ปฏิกฺขิปนฺโต โลกสฺส อวฑฺฒิตํ วินาสเมว ปฺเปติ, ตสฺมา โส สยมฺปิ วฑฺฒิหโต หตวฑฺฒิโต.

สํกิเลสโต อารกตฺตา อริโย นิยฺยานิกธมฺมภาวโต าโย ธมฺโม. วชฺชเลสสฺสปิ อภาวโต กุสโล. เตนาห ‘‘ปริสุทฺเธ การณธมฺเม อนวชฺเช’’ติ. อุคฺคตสฺสาติ อุจฺจกุลีนตาทินา อุฬารสฺส. มุเข อารกฺขํ เปตฺวาติ มุเขน สํยโต หุตฺวา. อมฺพชมฺพูอาทีนิ คเหตฺวา วิย อปูรยมาโนติ อมฺพชมฺพูอาทีนิ อฺมฺวิสทิสานิ วิย ปูรณกถานเยน ยํ กิฺจิ อกเถตฺวา. เตนาห ‘‘มยา กถิตนิยาเมนา’’ติ.

๒๐๘. ผลสมาปตฺติยาวุฏฺิโตติ ทิวาวิหารโต วุฏฺิโตติ อตฺโถ. ทิวาวิหาโรปิ หิ ‘‘ปฏิสลฺลาน’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาที’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๘). ภควา หิ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺานุตฺตรกาลํ เตสํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ทิวาวิหารโต วุฏฺาย ตตฺถ คโต. สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปาณํ, ตํ นิพฺพินฺทนวเสนปิ โหติ, สํเวคนิสฺสิตํ สนฺธายาห ‘‘ปีติสํเวเคน สํวิคฺโค’’ติ. โส ปน ยสฺมา ปุริมาวตฺถาย จลนํ โหติ จิตฺตสฺส, ตสฺมา อาห ‘‘จลิโต กมฺปิโต’’ติ. ติขิณโสเตน ปุริเสนาติ ภควนฺตํ สนฺธายาห.

๒๐๙. ธมฺมเทสนํ อารภิ ยถา วิเนยฺยทมนกุสโล วสนฏฺานฏฺเนาติ อิทํ อารมิตพฺพภาวสฺส ภาวลกฺขณวจนํ. อารมติ เอตฺถาติ อาราโม, รูปํ อาราโม เอตสฺสาติ รูปารามํ, ตโต เอว ตนฺนินฺนภาเวน รูเป รตนฺติ รูปรตํ, เตน สมฺโม ทุปฺปตฺติยา รูเปน สมฺมุทิตนฺติ รูปสมฺมุทิตํ, ตเทตํ ตทภิหตชวนกิจฺจํ ตตฺถ อาโรเปตฺวา วุตฺตํ. ทนฺตนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ทนฺตํ ทมิตํ. นิพฺพิเสวนนฺติ วิคตวิสุกายิกํ. คุตฺตนฺติ สติยา คุตฺตํ. รกฺขิตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. สํวุตนฺติ อปนีตํ ปเวสนิวารเณน. เตนาห ‘‘ปิหิต’’นฺติ.

๒๑๐. อุปฺปชฺชนปริฬาหนฺติ อุปฺปชฺชนกิเลสปริฬาหํ. กึ วจนํ วตฺตพฺพํ อสฺสาติ รูปารมฺมณํ อนุภวิตฺวา สมุทยาทิปหานํ ปริคฺคณฺหิตฺวา ปรินิพฺพินฺทิตฺวา วิรชฺชิตฺวา โย วิมุตฺโต, ตตฺถ กึ วุทฺธิหตปริยาโย อวสฺสํ ลภติ น ลภตีติ ปุจฺฉติ. ปริพฺพาชโก ตาทิเส สารพทฺธวิมุตฺติเก วุทฺธิหโตติ น วเทยฺยาติ อาห ‘‘น กิฺจิ, โภ, โคตมา’’ติ.

๒๑๑. เตติ ตยา, อยเมว วา ปาโ. วสฺสํ วาโส วสฺสํ อุตฺตรปทโลเปน, วสฺสิตุํ อรหตีติ วสฺสิโก, วสฺสกาเล นิวาสานุจฺฉวิโกติ อตฺโถ.

นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจติ คิมฺหิโก วิย อุจฺโจ, เหมนฺติโก วิย นีโจ น โหติ, อถ โข ตทุภยเวมชฺฌลกฺขณตาย นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจ. นาติตนูนีติ เหมนฺติกสฺส วิย น ขุทฺทกานิ. นาติพหูนีติ คิมฺหิกสฺส วิย น อติพหูนิ. มิสฺสกาเนวาติ เหมนฺติกคิมฺหิเกสุ วุตฺตลกฺขณโวมิสฺสกานิ. อุณฺหปเวสนตฺถายาติ นิยูเหสุ ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตฺจ ปติตสูริโยภาสวเสน อุณฺหสฺส อพฺภนฺตรปเวสนตฺถาย. ภิตฺตินิยูหานิ นีหรียนฺตีติ ทกฺขิณปสฺเส ภิตฺตีสุ นิยูหานิ นีหริตฺวา กรียนฺติ. วิปุลชาลานีติ ปุถุลฉิทฺทานิ. อุทกยนฺตานีติ อุทกวาหกยนฺตานิ.

นีลุปฺปลคจฺฉเก กตฺวาติ วิกสิเตหิ นีลุปฺปเลหิ คจฺฉเก นฬินิเก กตฺวา. คนฺธกลลนฺติ คนฺธมิสฺสกกทฺทมํ. ยมกภิตฺตีติ ยุคฬภิตฺติ, ตสฺสา อนฺตเร นาฬิ, ยโต อุทกํ อภิรุหติ. โลหนาฬินฺติ โลหมยยนฺตนาฬึ. ชาลนฺติ ตมฺพโลหมยํ ชาลํ. เหฏฺา ยนฺตํ ปริวตฺเตนฺตีติ เหฏฺาภาเค อุทกยนฺตํ คเมนฺติ. อุทกผุสิเต เตเมนฺเต วิวณฺณตา มาโหสีติ นีลปฏํ นิวาเสติ. ทิวากาเลติ ทิวสเวลาย. อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหรามีติ เอเตน อตฺตโน ผลสมาปตฺติวิหาโร ภควตา ทสฺสิโตติ อาห – ‘‘ตาย รติยา รมมาโนติ อิทํ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติรตึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ.

๒๑๒. มหาจ เนสํ ปปฺโจติ เนสํ ราชูนํ มหาปปฺโจ ราชิทฺธิวเสน สพฺพทา สมฺปตฺติวิสโย จ, อนุภวิตุํ น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย. มนฺเต คเวสนฺตา วิจรนฺติ, น โภคสุขํ. คณนา นาม อจฺฉินฺนคณนา, น วิคณคณนา น ปณคณนา. อาวฏฺโฏติ ยถาธิคเต ทิพฺเพ กาเม ปหาย กามเหตุ อาวฏฺโฏ นิวตฺโต ปริวตฺติโต ภเวยฺย. เอวํ มานุสกา กามาติ ยถา โกจิ กุสคฺเคน อุทกํ คเหตฺวา มหาสมุทฺเท อุทกํ มิเนยฺย. ตตฺถ มหาสมุทฺเท อุทกเมว มหนฺตํ วิปุลํ ปณีตฺจ, เอวํ ทิพฺพานํ กามานํ สมีเป อุปนิธาย มานุสกา กามา อปฺปมตฺตกา โอรมตฺตกา นิหีนา, ทิพฺพาว กามา มหนฺตา วิปุลา อุฬารา ปณีตา. สมธิคยฺหาติ สมฺมา อธิคมนวเสน นิคฺคยฺห ทิพฺพมฺปิ สุขํ หีนํ กตฺวา ติฏฺติ.

๒๑๓. อาโรคฺยเหตุกํ สุขํ อสฺส อตฺถีติ สุขี, ตํ ปนสฺส โรควิคมโตวาติ อาห ‘‘ปมํ ทุกฺขิโต ปจฺฉา สุขิโต’’ติ. เสรี นาม อตฺตาธีนวุตฺตีติ อาห ‘‘เสรี เอกโก ภเวยฺยา’’ติ. อตฺตโน วโส สยํวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ สยํวสี. องฺคารกปลฺลํ วิย กามวตฺถุปริฬาหเหตุโต. ตจฺเฉตฺวาติ ฆฏฺเฏตฺวา, กณฺฑูยิตฺวาติ อตฺโถ.

๒๑๔. เยน กาโย มธุรกชาโต โหติ, ตํ กิร กุฏฺํ ฉวึ วินาเสติ, จมฺมํ ฉิทฺทชาตํ วิย โหติ. เตเนวาห ‘‘อุปหตกายปฺปสาโท’’ติ. ปจฺจลตฺถาติ ปฏิลภิ. อวิชฺชาภิภูตตาย วิโรธิปจฺจยสมาโยเคน ปฺินฺทฺริยสฺส อุปหตตฺตา. อายตึ ทุกฺขผลตาย เอตรหิ จ กิเลสทุกฺขพหุลตาย กามานํ ทุกฺขสมฺผสฺสตา, ตทุภยสํยุตฺเตสุ เตสุ จ ตํ อสลฺลกฺขิตฺวา เอกนฺตสุขาภินิเวโส วิปรีตสฺาย, น เกวลาย สุขเวทนาย สุขาติ ปวตฺตสฺี.

๒๑๕. ตานีติ กุฏฺสรีเร วณมุขานิ. อสุจีนีติ อสุภานิ. ทุคฺคนฺธานีติ วิสฺสคนฺธานิ. ปูตีนีติ กุณปภูตานิ. อิทานีติ เอตรหิ. นเขหิ วิปฺปตจฺฉนอคฺคิปริตาปเนหิ อตินิปฺปีฬนกาเล ปาณกา…เป… ปคฺฆรนฺติ, เตน เวทนา ตนุกา โหติ. เอวนฺติ วุตฺตนเยน เวทนาย ตนุกภาวโต.

อาโรคฺยภาเว ธนลาภาทิลาภุปฺปตฺติโต, อสติ จ อาโรคฺเย ลาภสฺส นิรตฺถกภาวโต, ทิฏฺธมฺมิกาทิสพฺพสมฺปตฺตีนํ ลาภสฺส นิมิตฺตภาวโต จ อาโรคฺยปรมา ลาภา. นิพฺพาเน สุขุปฺปตฺติโต, อสติ จ นิพฺพานาธิคเม ตาทิสสฺส สุขสฺส อนุปลพฺภนโต, สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตฺตา จ สพฺพโส จ สํสารทุกฺขาภาวโต, อธิคเต จ ตสฺมึ สกลวฏฺฏทุกฺขาภาวโต จ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ. ปุพฺพภาคมคฺคานนฺติ กายานุปสฺสนาทิเภทภินฺนานํ อริยมคฺคสฺส ปุพฺพภาคิยานํ มคฺคานํ. เตสฺจ อมตคามิตา นาม ตนฺนินฺนตาวเสเนว สจฺฉิกิริยาวเสนาติ อาห ‘‘ปุพฺพภาคคมเนเนว อมตคามิน’’นฺติ. อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค เขโม สพฺพปริสฺสยสมุคฺฆาตเนน อนุปทฺทุตตฺตา, ตํสมงฺคีนํ สพฺพโส อนุปทฺทุตตฺตา ตํสมงฺคีนํ สพฺพโส อนุปทฺทวเหตุโต จ. ลทฺธิวเสน คหิตาติ สสฺสตวาทาทีหิ เกวลํ เตสํ ลทฺธิวเสน ตถา คหิตา. เขมอมตคามินนฺติ อิมินา หิ ‘‘เขมํอมตคามิน’’นฺติ วิภตฺติอโลเปน นิทฺเทโส, อตฺโถ ปน วิภตฺติโลเปน ทฏฺพฺโพติ ทสฺเสติ.

๒๑๖. อโนมชฺชตีติ อนุ อนุ โอมชฺชติ. อปราปรํ หตฺถํ เหฏฺา โอตาเรนฺโต มชฺชติ.

๒๑๗. เฉกนฺติ ฆนภาเวน วีตํ. ฆนมฏฺภาเวน สุนฺทรํ โหตีติ อาห ‘‘สมฺปนฺน’’นฺติ. สาธูหิ ปรมปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺเหิ ลาโต คหิโตติ สาหุฬิ. สงฺการโจฬกํ นิจฺจกาฬกํ.

๒๑๘. ตตฺถ ตตฺถ รุชนฏฺเน วิพาธนฏฺเน โรโคว ภูโต. วิปสฺสนาาเณนปิ สิขาปฺปตฺเตน อาโรคฺยํ เอกเทเสน ปสฺสติ, นิพฺพานฺจ วฏฺฏปฏิปกฺขโตติ อาห ‘‘วิปสฺสนาาณฺเจวา’’ติ.

๒๑๙. อนฺตราติ ปมุปฺปตฺติ ชรามรณานํ เวมชฺเฌ. อุปหโตติ ปิตฺตเสมฺหาทิโทเสหิ ทูสิตภาเวน กถิโต. ปิตฺตาทิโทเส ปน เภสชฺชเสวนาย นิวตฺเตนฺโต อุปหตํ ปฏิปากติกํ กโรนฺโต จกฺขูนิ อุปฺปาเทติ นาม. วินฏฺานีติ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปนฺนานิ.

๒๒๐. ปุพฺเพ วุตฺเต สาหุฬิยจีเร. วฏฺเฏ อนุคตจิตฺเตนาติ อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ อนาทีนวทสฺสิตาย อนุคามิจิตฺเตน.

๒๒๑. ธมฺมสฺสาติ นิพฺพานสฺส. อนุธมฺมนฺติ อนุรูปํ นิยฺยานธมฺมํ. เตนาห ‘‘อนุจฺฉวิกํ ปฏิปท’’นฺติ. ปฺจกฺขนฺเธติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ทสฺเสติ. ‘‘ทีฆรตฺตํ วต, โภ’’ติอาทินา ปาฬิยํ วิวฏฺฏํ ทสฺสิตํ. เตนาห ‘‘อุปาทานนิโรธาติ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๖. สนฺทกสุตฺตวณฺณนา

๒๒๓. เทเวน วสฺเสน กโต โสพฺโภ เทวกตโสพฺโภ. เตนาห ‘‘วสฺโส…เป… รหโท’’ติ. คุหาติ ปํสุคุหา ปาสาณคุหา มิสฺสกคุหาติ ติสฺโส คุหา. ตตฺถ ปํสุคุหา อุทกมุตฺตฏฺาเน อโหสิ นินฺนฏฺานํ ปน อุทเกน อชฺโฌตฺถตํ. อุมงฺคํ กตฺวาติ เหฏฺา สุทุคฺคํ กตฺวา. อนมตคฺคิยํปจฺจเวกฺขิตฺวาติ ‘‘น โข โส สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อนาวุฏฺปุพฺโพ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๐) อิทฺจ ตฬากํ มยา วุตฺถปุพฺพํ ภวิสฺสติ, ตมฺปิ านํ โส จ อตฺตภาโว อปฺตฺติกภาวํ คโตติ เอวํ อนมตคฺคิยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตาทิสํ านํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. อิมินา นเยน สมุทฺทปพฺพตทสฺสนาทีสุปิ ปจฺจเวกฺขณาวิธิ เวทิตพฺโพ.

อุจฺจํ นทมานายาติ อุจฺจํ กตฺวา สทฺทํ กโรนฺติยา กามสฺสาทภวสฺสาทาทิวตฺถุนฺติ ‘‘อยฺจ อยฺจ กาโม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, อสุโก ภโว อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, เอวมยํ โลโก ปิเยหิ ปิยตโร’’ติ เอวํ กามสฺสาทภวสฺสาทโลกสฺสาทาทิสงฺขาตํ วตฺถุํ. ทุคฺคติโต สํสารโต จ นิยฺยาติ เอเตนาติ นิยฺยานํ, สคฺคมคฺโค โมกฺขมคฺโค จ, ตํ นิยฺยานํ อรหติ, นิยฺยาเน วา นิยุตฺตาติ นิยฺยานิกา, นิยฺยานํ วา ผลํ เอติสฺสา อตฺถีติ นิยฺยานิกา, วจีทุจฺจริตาทิสํกิเลสโต นิยฺยาตีติ วา นิยฺยานียา, อี-การสฺส รสฺสตฺตํ ย-การสฺส จ ก-การํ กตฺวา นิยฺยานิกา, เจตนาย สทฺธึ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิ. ตปฺปฏิปกฺขโต อนิยฺยานิกา, ตสฺสา ภาโว อนิยฺยานิกตฺตํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกตฺตา. ติรจฺฉานภูตาติ ติโรกรณภูตา. เคหสฺสิตกถาติ กามปฏิสํยุตฺตกถา. กมฺมฏฺานภาเวติ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตจตุสจฺจกมฺมฏฺานภาเว. สห อตฺเถนาติ สาตฺถกํ, หิตปฏิสํยุตฺตนฺติ อตฺโถ. วิสิขาติ ฆรสนฺนิเวโส, วิสิขาคหเณน จ ตนฺนิวาสิโน คหิตา ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ (สารตฺถ. ฏี. ๑.อาจริยปรมฺปรกถาวณฺณนา) วิย. เตเนวาห ‘‘สูรา สมตฺถา’’ติ ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ จ. กุมฺภฏฺานปฺปเทเสน กุมฺภทาสิโย วุตฺตาติ อาห ‘‘กุมฺภทาสิกถา วา’’ติ.

๒๒๘. โวหาโร วิย เตสํ ตถา โวหารมตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมจริยวาเส’’ติ. อกตาติ สเมน, วิสเมน วา เกนจิ เหตุนา น กตา น วิหิตา. กตวิโธ กรณวิธิ นตฺถิ เอเตสนฺติ อกฏวิธา. ปททฺวเยนปิ โลเก เกนจิ เหตุปจฺจเยน เนสํ อนิพฺพตฺตตํ ทสฺเสติ. อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตาติ กสฺสจิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส เทวสฺส, อิสฺสราทิโน วา อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตา. อนิมฺมาตาติ กสฺสจิ อนิมฺมาปิตา. รูปาทิชนกภาวนฺติ รูปสทฺทาทีนํ ปจฺจยภาวํ, รูปาทโยปิ ปถวิยาทีหิ อปฺปฏิพทฺธวุตฺติกาติ ตสฺส อธิปฺปาโย. ยถา ปพฺพตกูฏํ เกนจิ อนิพฺพตฺติตํ กสฺสจิ จ อนิพฺพตฺตนกํ, เอวเมเตปีติ อาห ‘‘ปพฺพตกูฏา วิย ิตาติ กูฏฏฺา’’ติ. ยมิทํ พีชโต องฺกุราทิ ชายตีติ วุจฺจติ, ตํ วิชฺชมานเมว ตโต นิกฺขมติ นาวิชฺชมานํ, อฺถา อฺโตปิ อฺสฺส อุปลทฺธิ สิยาติ อธิปฺปาโย. เอวํ ิตาติ เอวํ นิพฺพิการา ิตา. อุภเยนปีติ อตฺถทฺวเยนปีติ วทนฺติ. ‘‘กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา’’ติ ปททฺวเยนปิ. เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ. ิตตฺตาติ นิพฺพิการาภาเวน ิตตฺตา. น จลนฺตีติ วิการํ นาปชฺชนฺติ. วิการาภาวโต หิ เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ เอสิกฏฺายิฏฺิตตา. อนิฺชนฺจ อตฺถโต ปกติยา อวฏฺานเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น วิปริณาเมนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา อวิปริณามธมฺมตฺตา เอว เต อฺมฺํ น พฺยาพาเธนฺติ. สติ หิ วิการํ อาปาเทตพฺพตาย พฺยาพาธกตาปิ สิยา, ตถา อนุคฺคเหตพฺพตาย อนุคฺคาหกตาติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘นาล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

ปถวี เอว กาเยกเทสตฺตา ปถวีกาโย. หนฺตุํ วา ฆาเตตุํ วา สมตฺโถ นาม นตฺถิ ชีวสตฺตมานํ กายานํ นิจฺจตาย นิพฺพิการภาวโต, เอเตเนว เนสมหนฺตพฺพตา อฆาเตตพฺพตา อตฺถโต วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺนํตฺเวว กายาน’’นฺติอาทิ. โสตุํ วา สาเวตุํ วา สมตฺโถ นาม นตฺถีติ ปจฺเจกํ เนสํ สวเนสุ อสมตฺถตฺตา ตเทกเทสาทีสุปิ อสมตฺถตํ ทีเปติ. ยทิ โกจิ หนฺตา นตฺถิ, กถํ สตฺถปฺปหาโรติ อาห ‘‘ยถา มุคฺคราสิอาทีสู’’ติอาทิ. เกวลํ สฺามตฺตเมว โหติ, หนนฆาตนาทิ ปน ปรมตฺถโต นตฺเถว กายานํ อวิโกปนียภาวโตติ อธิปฺปาโย. เกวลํ ตกฺกมตฺเตน นิรตฺถกํ ทิฏฺึ ทีเปตีติ เอเตน ยสฺมา ตกฺกิกา นิรงฺกุสตาย ปริกปฺปนสฺส ยํ กิฺจิ อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สารโต มฺมานา ตเถว อภินิวิสฺส ตกฺกทิฏฺิคฺคาหํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ทิฏฺิวตฺถุสฺมึ วิฺูหิ วิจารณา กตฺตพฺพาติ ทสฺเสติ. เกจีติ สารสมาสาจริยา. ปฺจินฺทฺริยวเสนาติ ปฺจรูปินฺทฺริยวเสน. กมฺมนฺติ ลทฺธิ กมฺมภาเวน สุปากฏตฺตา. อวงฺกกถาตารณาทิกา ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา. เอกสฺมึ กปฺเปติ เอกสฺมึ มหากปฺเป.

ปุริสภูมิโยติ ปธานปุคฺคเลน นิทฺเทโส, อิตฺถีนมฺเปตา ภูมิโย อิจฺฉนฺเตว. ภิกฺขุ จ ปนฺนโกติอาทิ เตสํ ปาฬิเยว. ตตฺถ ปนฺนโกติ ภิกฺขาย วิจรณโกติ วทนฺติ, เตสํ วา ปฏิปตฺตึ ปฏิปนฺนโก. ชิโนติ ชิณฺโณ, ชราวเสน นิหีนธาตุโกติ วทนฺติ, อตฺตโน วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขํ ชินิตฺวา ิโต. โส กิร ตถาภูโต กสฺสจิปิ ธมฺมํ น กเถติ, เตนาห ‘‘น กิฺจิ อาหา’’ติ. อลาภินฺติ ‘‘โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๙๔) นเยน วุตฺตอลาภเหตุสมาโยเคน อลาภึ. ตโต เอว ชิฆจฺฉาทุพฺพลปเรตตาย สยนปรายณํ สมณํ ปนฺนภูมีติ วทติ.

อาชีววุตฺติสตานีติ สตฺตานํ อาชีวภูตานิ ชีวิกาวุตฺติสตานิ. ปสุคฺคหเณน เอฬกชาติ คหิตา, มิคคฺคหเณน รุรุควยาทิสพฺพมิคชาติ. พหู เทวาติ จาตุมหาราชิกาทิพฺรหฺมกายิกาทิวเสน เนสํ อนฺตรเภทวเสน พหู เทวา. ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เอกจฺโจ อนฺตรเภโท ‘‘มหาสมยสุตฺเตน’’ (ที. นิ. ๒.๓๓๑ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. มานุสาปิ อนนฺตาติ ทีปเทสกุลวํสาชีวาทิวิภาควเสน มานุสาปิ อนนฺตเภทา. ปิสาจา เอว เปสาจา, เต อปรเปตาทโย มหนฺตา เวทิตพฺพา.

ฉทฺทนฺตทหมนฺทากินิโย กุฬีรมุจลินฺทนาเมน วทติ. คณฺิกาติ ปพฺพคณฺิกา. ปณฺฑิโตปิ…เป… อุทฺธํ น คจฺฉติ, กสฺมา? สตฺตานํ สํสรณกาลสฺส นิยตภาวโต.

อปริปกฺกํ สํสรณนิมิตฺตํ สีลาทินา ปริปาเจติ นาม สีฆํเยว วิสุทฺธิปฺปตฺติยา. ปริปกฺกํ ผุสฺส ผุสฺส ปตฺวา ปตฺวา ปริปกฺกภาวาปาทเนน พฺยนฺตึ กโรติ นาม. สุตฺตคุเฬติ สุตฺตวฏฺฏิยํ. นิพฺเพิยมานเมว ปเลตีติ อุปมาย สตฺตานํ สํสาโร อนุกฺกเมน ขียเตว, น ตสฺส วทฺธีติ ทสฺเสติ ปริจฺฉินฺนรูปตฺตา.

๒๒๙. นิยติวาเท ปกฺขิปนฺโตติ สพฺพฺุตํ ปฏิชานิตฺวาปิ ปเทสฺุตาย อสมฺปายมาโน ตตฺถ อตฺตโน อฺาณกิริยํ ปริหริตุํ อสกฺโกนฺโต จ ‘‘เอวเมสา นิยตี’’ติ นิยติวาเท ปกฺขิปนฺโต.

๒๓๐. ธมฺมกถาย อปสฺสยภูโต อนุสฺสโว เอตสฺส อตฺถีติ อนุสฺสวี, เตเนวสฺส อปสฺสยวาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุสฺสวนิสฺสิโต’’ติ อาห. สวนํ สจฺจโตติ ยํ กิฺจิ อนุสฺสวํ, ตํ สวนํ สจฺจนฺติ คเหตฺวา ิโต. ปิฏกสมฺปทายาติ คนฺถสมฺปาทเนน, ตาทิสํ คนฺถํ ปคุณํ วาจุคฺคตํ กตฺวา ตํ นิสฺสาย ธมฺมํ กเถติ. เตนาห ‘‘วคฺคปณฺณาสกายา’’ติอาทิ.

๒๓๒. มนฺทปฺโติ ปริตฺตปฺโ. โมมูโหติ สมฺมุยฺหโก. ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา วิวิโธ นานปฺปกาโร เขโป วาจาย ปรวาทานํ ขีปนํ วาจาวิกฺเขโป, ตํ วาจาวิกฺเขปํ, น มรติ น ปจฺฉิชฺชติ ยถาวุตฺโต วาทวิกฺเขโป เอตายาติ อมรา, ตตฺถ ปวตฺตา ทิฏฺิ อมราวิกฺเขโป, ตํ อมราวิกฺเขปํ. อปริยนฺตวิกฺเขปนฺติ ‘‘เอวมฺปิ เม โน’’ติอาทินา ปุจฺฉิตสฺส อปริโยสาปนวเสน วิกฺเขปํ. อิโต จิโต จ สนฺธาวติ เอกสฺมึ สภาเว อนวฏฺานโต. คาหํ น อุปคจฺฉตีติ มิจฺฉาคาหตาย อุตฺตรวิธานาย ปุริมปกฺขํ เปตฺวา คาหํ น อุปคจฺฉติ. อมราสทิสาย อมราย วิกฺเขโปติ อมราวิกฺเขโป.

อิทํ กุสลนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. อมราวิกฺเขปิโก ยถา กุสเล, เอวํ อฺสฺมึ ยํ กิฺจิ เกนจิ ปุจฺฉิตํ อตฺถํ อตฺตโน อรุจฺจนตาย ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ วิกฺเขปฺเว อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทิ ตตฺถ ตตฺถ ปุจฺฉิตาการปฏิเสธนวเสน วิกฺขิปนาการทสฺสนํ. นนุ เจตฺถ วิกฺเขปวาทิโน วิกฺเขปปกฺขสฺส อนนุชานนํ วิกฺเขปปกฺเข อวฏฺานํ ยุตฺตนฺติ? น, ตตฺถาปิ ตสฺส สมฺมูฬฺหสฺส ปฏิกฺเขปวเสเนว วิกฺเขปวาทสฺส ปวตฺตนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘โน’’ติ. ตถา หิ สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต รฺา อชาตสตฺตุนา สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ ปรโลกตฺติกาทีนํ ปฏิเสธนมุเขน วิกฺเขปํ พฺยากาสิ.

เอตฺถาห – ‘‘นนุ จายํ สพฺโพปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทโย ธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน ปุจฺฉาย วิกฺเขปมตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส กถํ ทิฏฺิคตภาโว. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตมตฺถํ อชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – น เหว โข ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวสวเสน. สสฺสตาภินิเวเสน มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว หิ ปุคฺคโล มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย มุสาวาทภเยน จ วิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ. อถ วา ปุฺปาปานํ ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน อสทฺทหเนน จ ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณํเยว สุนฺทรนฺติ ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยว สา เอกา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพา, อินฺทฺริยพทฺธโต จ ตติยฏฺานภาเว ทสฺสิโต.

๒๓๔. สนฺนิธิการกํกาเมติ เอตฺถ อนินฺทฺริยพทฺธานิ อธิปฺเปตานีติ ติลตณฺฑุลาทิคฺคหณํ, ตสฺส โลกสฺส อปฺปสาทปริหารตฺถํ กทาจิ ตณฺฑุลนาฬิอาทิสงฺคหณกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ติลตณฺฑุลาทโย ปฺายนฺตี’’ติ.

๒๓๖. อาชีวกา มตา นามาติ อิเม อาชีวกา สพฺพโส สมฺมาปฏิปตฺติรหิตา มิจฺฉา เอว จ ปฏิปชฺชมานา อธิสีลสงฺขาตสฺส สีลชีวิตสฺส อภาเวน มตา นาม. ปุตฺตมตาติ มตปุตฺตา. สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยวาโส อตฺถีติ สมณํ เอว โคตมํ ปริสุทฺโธ สุปริปุณฺโณ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาวโห พฺรหฺมจริยวาโส อตฺถิ. เอเตเนตฺถ ธมฺมสุธมฺมตาทิทีปเนน พุทฺธสุพุทฺธตฺจ ทีเปติ, อฺตฺถ นตฺถีติ อิมินา พาหิรเกสุ ตสฺส อภาวํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

สนฺทกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๗. มหาสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนา

๒๓๗. อภิฺาตาติ เอทิโส เอทิโส จาติ อภิลกฺขณวเสน าตา. อปฺปสทฺทสฺส วินีโต, อปฺปสทฺทตาย มนฺทภาณิตาย วินีโตติ จ อปฺปสทฺทวินีโตติ วุจฺจมาเน อฺเน วินีตภาโว ทีปิโต โหติ, ภควา ปน สยมฺภุาเณน สยเมว วินีโต. ตสฺมา ปาฬิยํ ‘‘อปฺปสทฺทวินีโต’’ติ น วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น หิ ภควา อฺเน วินีโต’’ติ.

๒๓๘. หิยฺโยทิวสํอุปาทาย ตโต อาสนฺนานิ กติปยานิ ทิวสานิ ปุริมานิ นาม โหนฺติ, ปุริมานีติ จ ปุพฺพกานิ, อตีตานีติ อตฺโถ. ตโต ปรนฺติ ยถา วุตฺตอตีตทิวสโต อนนฺตรํ ปรํ ปุริมตรํ อติสเยน ปุริมตฺตา. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปวตฺติโต ยถากฺกมํ ปุริมปุริมตรภาโว, เอวํ สนฺเตปิ ยเทตฺถ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ, ตโต ปภุติ ยํ ยํ โอรํ, ตํ ตํ ปรํ, ยํ ยํ ปรํ, ตํ ตํ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. กุตูหลยุตฺตา สาลา กุตูหลสาลา ยถา ‘‘อาชฺรโถ’’ติ. อิเม ทสฺสนาทโย.

อยถาภูตคุเณหีติ อยถาภูตํ มิจฺฉาทีปิตอตฺถมตฺเตเนว อุคฺโฆสิตคุเณหิ สมุคฺคโต โฆสิโต. ตรนฺติ อติกฺกมนฺติ เอเตนาติ ติตฺถํ, อคฺคมคฺโค. ทิฏฺิคติกมคฺโค ปน อยถาภูโตปิ เตสํ ตถา วิตรณํ อุปาทาย ติตฺถนฺติ โวหรียตีติ ตํ กโรนฺตา ติตฺถกรา. โอสรตีติ ปวิสติ.

๒๓๙. สหิตนฺติ ปุพฺพาปราวิรุทฺธํ. น กิฺจิ ชาตนฺติ ปฏิฺาโทสเหตุโทสอุทาหรณโทสทุฏฺโทสตาย น กิฺจิ ชาตํ. เตนาห ‘‘อาโรปิโต เต วาโท’’ติ. วทนฺติ เตน ปริภาสนฺตีติ วาโท โทโส. สภาวกฺโกเสนาติ สภาวโต ปวตฺตโกฏฺาเสน.

๒๔๐. ปีเฬยฺยาติ มธุภณฺเฑน สห ภาชเน ปีเฬตฺวา ทเทยฺย. สพฺรหฺมจารีหิ สมฺปโยเชตฺวาติ สหธมฺมิเกหิ วิเหนปโยคํ กตฺวา, เตนาห ‘‘วิวาทํ กตฺวา’’ติ.

๒๔๑. อิตรีตเรนาติ ปณีตโต อิตเรน. เตนาห ‘‘ลามกลามเกนา’’ติ.

๒๔๒. ภตฺตโกสเกนาติ โกสกภตฺเตน, ขุทฺทกสราวภตฺตเกนาติ อตฺโถ. เพลุวมตฺตภตฺตาหาราติ พิลฺลปมาณภตฺตโภชนา. โอฏฺวฏฺฏิยาติ มุขวฏฺฏิยา. สพฺพากาเรเนวาติ สพฺพปฺปกาเรเนว. อนปฺปาหาโรติ น วตฺตพฺโพ กทาจิ อปฺปาหาโรติ กตฺวา. ตตฺถ อติวิย อฺเหิ อวิสยฺหํ อปฺปาหารตํ ภควโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปธานภูมิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มยาติ นิสฺสกฺกวจนํ. วิเสสตราติ เตน ธมฺเมน วิเสสวนฺตตรา.

วตสมาทานวเสเนว ปํสุกูลํ ธาเรนฺตีติ ปํสุกูลิกาติ อาห – ‘‘สมาทินฺนปํสุกูลิกงฺคา’’ติ, สทฺทตฺโถ ปน ‘‘วิสุทฺธิมคฺเค’’ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. ปิณฺฑปาติกา สปทานจาริโนติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ตตฺถ สตฺเถน ฉินฺทิตตฺตา สตฺถลูขานิ. ยํ ยํ สปฺปายํ, ตสฺเสว คหณํ อุจฺจินนฺติ อาห ‘‘อุจฺจินิตฺวา…เป… ถิรฏฺานเมว คเหตฺวา’’ติ. อลาพุโลมสานีติ อลาพุโลมานิ วิย สุขุมตรานิ จีวรสุตฺตํสูนิ เอเตสํ สนฺตีติ อลาพุโลมสานิ. ปาติตสาณปํสุกูลนฺติ กเฬวเรน สทฺธึ ฉฑฺฑิตสาณมยํ ปํสุกูลํ, ยํ ตุมฺพมตฺเต ปุฬเว โอธุนิตฺวา สตฺถา คณฺหิ.

‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙) วุตฺตํ มธุกรภิกฺขาจารวตํ ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) วจนโต ภิกฺขูนํ ปกติภูตํ วตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุฺฉาสเก วเต รตา’’ติ. วต-สทฺโท เจตฺถ ปกติวตสงฺขาตํ สกวตํ วทติ. เตนาห ‘‘อุฺฉาจริยสงฺขาเต ภิกฺขูนํ ปกติวเต’’ติ. อุจฺจนีจฆรทฺวารฏฺายิโนติ มหนฺตขุทฺทกเคหานํ พหิทฺวารโกฏฺกฏฺายิโน. กพรมิสฺสกํ ภตฺตํ สํหริตฺวาติ กณาชกมิสฺสกํ ภตฺตํ สมฺปิณฺฑิตฺวา. อุมฺมารโต ปฏฺายาติ ฆรุมฺมารโต ปฏฺาย.

จีวรานุคฺคหตฺถนฺติ จีวรานุรกฺขณตฺถํ. เอตฺถ จ ยสฺมา พุทฺธา นาม สเทวเก โลเก อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ, สา จสฺส ปุฺกฺเขตฺตตา ปรมุกฺกํสคตา, ตสฺมา สตฺตานํ ตาทิสํ อุปการํ อาจิกฺขิตฺวา เต จ อนุคฺคณฺหนฺตา คหปติจีวรํ สาทิยนฺติ, จตุปจฺจยสนฺโตเส ปน เน ปรมุกฺกํสคตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ.

๒๔๔. สปฺปจฺจยนฺติ สเหตุกํ สการณํ หุตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. โจทโก ปน อธิปฺปายํ อชานนฺโต ‘‘กึ ปนา’’ติอาทิมาห. อิตโร ‘‘โน น เทเสตี’’ติอาทินา อธิปฺปายํ วิวรติ. นิทานนฺติ เจตฺถ าปกํ อุปฺปตฺติการณํ อธิปฺเปตํ, ตฺจ ตสฺส ตสฺส อนุปฺปตฺติยุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏิปกฺขหรณโต ‘‘สปฺปาฏิหาริย’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปุริมสฺเสเวตํเววจน’’นฺติ. ราคาทีนํ วา ปฏิหรณํ ปฏิหาริยํ, ตเทว ปาฏิหาริยํ, สห ปาฏิหาริเยนาติ สปฺปาฏิหาริยํ. ราคาทิปฏิเสธวเสเนว หิ สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ.

๒๔๕. ตสฺสตสฺส ปฺหสฺสาติ ยํ ยํ ปฺหํ ปโร อภิสงฺขริตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ปฺหสฺส. อุปริ อาคมนวาทปถนฺติ วิสฺสชฺชเน กเต ตโต อุปริ อาคจฺฉนกํ วาทมคฺคํ. วิเสเสตฺวา วทนฺโตติ วตฺตติ, ‘‘โภ โคตม, วตฺตุมรหตี’’ติ อตฺตโน วาทเภทนตฺถํ อาหตํ การณํ อตฺตโน มารณตฺถํ อาวุธํ นิทสฺเสนฺโต วิย วิเสเสตฺวา วทนฺโต ปหารเกน วจเนน. อนฺตรนฺตเรติ มยา วุจฺจมานกถาปพนฺธสฺส อนฺตรนฺตเร. ทเทยฺย วเทยฺย. เอวรูเปสุ าเนสูติ ปรวาทีหิ สทฺธึ วาทปฏิวาทฏฺาเนสุ. เต นิคฺคเหตุํ มยา เทสิตํ สุตฺตปทํ อาเนตฺวา มมเยว อนุสาสนึ โอวาทํ ปจฺจาสีสนฺติ.

๒๔๖. สมฺปาเทมีติ มโนรถํ สมฺปาเทมิ. ปริปูเรมีติ อชฺฌาสยํ ปริปูเรมิ. อธิสีเลติ อธิเก อุตฺตมสีเล. สาวกสีลโต จ ปจฺเจกพุทฺธสีลโต จ พุทฺธานํ สีลํ อธิกํ อุกฺกฏฺํ ปรมุกฺกํสโต อนฺสาธารณภาวโต. เตนาห ‘‘พุทฺธสีลํ นาม กถิต’’นฺติ. านุปฺปตฺติกปฺาติ ตตฺถ ตตฺถ านโส อุปฺปนฺนปฺา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อวเสสา ปฺาติ อิธ ปาฬิยํ อาคตา อนาคตา จ ยถาวุตฺตาณทฺวยวินิมุตฺตา ปฺา.

๒๔๗. วิเสสาธิคมานนฺติ สติปฏฺานาทีนํ อธิคนฺธพฺพวิเสสานํ. อภิฺา นาม ฉ อภิฺา, ตาสุ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ฉฬภิฺารหโตว อคฺคมคฺคปฺา อิธ อภิฺาติ อธิปฺเปตา, ตสฺส โวสานํ ปริโยสานํ ปารมี ปรมุกฺกํสาติ อวกํสาติ จ อคฺคผลํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อภิฺา…เป… อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ.

อุปายปธาเนติ อริยผลาธิคมนสฺส อุปายภูเต ปธาเน. ‘‘อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทาทิอตฺถา’’ติ คหิตา ตเถว โหนฺติ, ตํ อตฺถํ สาเธนฺติเยวาติ เอตสฺส อตฺถสฺส ทีปโก สมฺมา-สทฺโทติ ยถาอธิปฺเปตตฺถสฺส อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทาทิโน อุปายภูเต, ปธานอุปายภูเตติ อตฺโถ. สมฺมา-สทฺทสฺส วา โยนิโส อตฺถทีปกตํ สนฺธาย ‘‘โยนิโส ปธาเน’’ติ วุตฺตํ. ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทํ อุปฺปาเทติ ปวตฺเตติ วา. วายมตีติ ปโยคปรกฺกมํ กโรติ. วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ กโรติ. จิตฺตํ อุกฺขิปตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน โกสชฺชปกฺขโต จิตฺตํ อุกฺขิปติ. ปทหตีติ สมฺมปฺปธานภูตํ วีริยํ ปวตฺเตติ. ปฏิปาฏิยา ปเนตานิ จตฺตาริ ปทานิ อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิ. ‘‘ปทหตี’’ติ วา อิมินา อาเสวนาทีหิ สทฺธึ สิขาปตฺตํ อุสฺโสฬฺหิวีริยํ โยเชตพฺพํ. วฑฺฒิยา ปริปูรณตฺถนฺติ ยาวตา ภาวนาปาริปูริยา ปริปูรณตฺถํ. ยา ิตีติ ยา กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิปกฺขวิคเมน อวฏฺิติ. โส อสมฺโมโสติ โส อวินาโส. ยํ เวปุลฺลนฺติ โย สพฺพโส วิปุลภาโว มหนฺตตา. ภาวนาปาริปูรีติ ภาวนาย ปริปูริตา. อตฺโถติปิ เวทิตพฺพํ ปุริมปจฺฉิมปทานํ สมานตฺถภาวโต.

ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตาตํตํวิเสสาธิคมสฺส ปฏิปทาวิภาวนาย อารทฺธตฺตา. อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปชฺชเนน อนตฺถาวหตา นาม นตฺถีติ วุตฺตํ – ‘‘อุปฺปชฺชมานา’’ติ วจนํ อุปฺปนฺนานํ ราสนฺตรภาเวน คหิตตฺตา. ตถา กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปชฺชเนนาติ วุตฺตํ – อนุปฺปชฺชมานาติ วจนํ อุปฺปนฺนานํ ราสนฺตรภาเวน คหิตตฺตา. นิรุชฺฌมานาติ ปฏิปกฺขสมาโยเคน วินสฺสมานา, น ขณนิโรธวเสน นิรุชฺฌมานา.

โลภาทโย เวทิตพฺพา, เย อารทฺธวิปสฺสกานํ อุปฺปชฺชนารหา. สกึ อุปฺปชฺชิตฺวาติ สภาวกถนมตฺตเมตํ. เอกวารเมว หิ มคฺโค อุปฺปชฺชติ. นิรุชฺฌมาโนติ สรเสเนว นิรุชฺฌมาโน. น หิ ตสฺส ปฏิปกฺขสมาโยโค นาม อตฺถิ. ผลสฺสาติ อนนฺตรกาเลว อุปฺปชฺชนกผลสฺส. ปจฺจยํ ทตฺวาว นิรุชฺฌตีติ อิมินา มคฺโค สมฺปติ อายติฺจ เอกนฺเตเนว อตฺถาวโหติ ทสฺเสติ. ปุริมสฺมิมฺปีติ ‘‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา อนุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’’นฺติ เอตสฺมึ ตติยวาเรปิ. ‘‘สมถวิปสฺสนา คเหตพฺพา’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถายํ, ตํ ปน มคฺคสฺส อนุปฺปนฺนตาย สพฺภาวโต, อนุปฺปชฺชมาเน จ ตสฺมึ วฏฺฏานตฺถสพฺภาวโตติ มคฺคสฺสปิ สาธารณภาวโต น ยุตฺตนฺติ ปฏิกฺขิปติ. ยทิ สมถวิปสฺสนานมฺปิ อนุปฺปตฺติ อนตฺถาวหา, มคฺคสฺส อนุปฺปตฺติยา วตฺตพฺพํ นตฺถีติ.

มหนฺตํ, คารวํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆคารเวน ยถารุจิ วนฺทิตุํ น ลภามี’’ติ สงฺเฆน สห น นิกฺขมิ. เอตฺตกํ ธาตูนํ นิธานํ นาม อฺตฺร นตฺถิ, มหาธาตุนิธานโต หิ นีหริตฺวา กติปยา ธาตุโย ตตฺถ ตตฺถ เจติเย อุปนีตา, อิธ ปน รามคามถูเป วินฏฺเ นาคภวนํ ปวิฏฺา โทณมตฺตา ธาตุโย อุปนีตา. อติมนฺทานิ โนติ นนุ อติวิย มนฺทานิ.

สํวิชฺชิตฺวาติ ‘‘กถฺหิ นาม มาทิโส อีทิสํ อนตฺถํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ สํเวคํ ชเนตฺวา. อีทิสํ นาม มาทิสํ อารพฺภ วตฺตพฺพนฺติ กึ วทตีติ ตํ วจนํ อนาทิยนฺโต.

สนฺตสมาปตฺติโต อฺํ สนฺถมฺภนการณํ พลวํ นตฺถีติ ตโต ปริหีโน สมฺมาปฏิปตฺติยํ ปติฏฺา กถํ ภวิสฺสตีติ อาห ‘‘สนฺตาย…เป… น สกฺโกตี’’ติ. น หิ มหารชฺชุยา ฉินฺนาย สุตฺตตนฺตู สนฺถมฺเภตุํ สกฺโกนฺตีติ. สมเถ ทสฺเสตฺวา เตน สมานคติกา อิมสฺมึ วิสเย วิปสฺสนาปีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘เอวํ อุปฺปนฺนา สมถวิปสฺสนา…เป… สํวตฺตนฺตี’’ติ.

กาสาวนฺติ กาสาววตฺถํ. กจฺฉํ ปีเฬตฺวา นิวตฺถนฺติ ปจฺฉิมํ โอวฏฺฏิกํ ปีเฬนฺโต วิย ทฬฺหํ กตฺวา นิวตฺถํ อทฺทสํสูติ โยชนา.

วุตฺตนเยนาติ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๓๙๔) ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติอาทินา วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพกเนกฺขมฺมปฏิปตฺติยา ฉนฺทราคํ วิกฺขมฺภยโต สมุจฺฉินฺทนฺตสฺส จ ‘‘อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว น อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา เหฏฺา สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕ อาทโย; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕ อาทโย) วุตฺตนเยน. อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธวิปาโกติ ตทารมฺมณมาห. อนุภวิตฺวา ภวิตฺวา จ วิคตํ ภูตวิคตํ. อนุภูตภูตา หิ ภูตตาสามฺเน ภูต-สทฺเทน วุตฺตา. สามฺเมว หิ อุปสคฺเคน วิเสสียตีติ. อนุภูตสทฺโท จ กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโต อนุภวกวาจโก ทฏฺพฺโพ. วิปาโก อารมฺมเณ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺโธ ภุตฺวาวิคโตติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, วิกปฺปคาหวเสน ราคาทีหิ ตพฺพิปกฺเขหิ จ อกุสลํ กุสลฺจ กมฺมํ อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา วิคตนฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ยถาวุตฺโต ปน วิปาโก เกวลํ อารมฺมณรสานุภวนวเสเนว ปวตฺตตีติ อนุภวิตฺวา วิคตตฺตา นิปฺปริยาเยเนว วุตฺโต, ตสฺส จ ตถา วุตฺตตฺตา กมฺมํ ภวิตฺวา วิคตปริยาเยน, ยํ ‘‘อุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา’’ติ เอตฺถ ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา ตํสทิสานํ ปหานํ, วุทฺธิ จ วุตฺตา. วิปจฺจิตุํ โอกาสกรณวเสน อุปฺปติตํ อตีตกมฺมฺจ ตโต อุปฺปชฺชิตุํ อารทฺโธ อนาคโต วิปาโก จ ‘‘โอกาสกตุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺโต. ยํ อุปฺปนฺนสทฺเทน วินาปิ วิฺายมานํ อุปฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สฺเจตนิกาน’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๒๑๗, ๒๑๙) วุตฺตํ.

เตสูติ วิปสฺสนาย ภูมิภูเตสุ ขนฺเธสุ. อนุสยิตกิเลสาติ อนุสยวเสน ปวตฺตา อปฺปหีนา มคฺเคน ปหาตพฺพา กิเลสา อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘อตีตา…เป… น วตฺตพฺพา’’ติ. เตสฺหิ อมฺพรุกฺโขปมาย วตฺตมานาทิตา น วตฺตพฺพา มคฺเคน ปหาตพฺพานํ ตาทิสสฺส วิภาคสฺส อนุปฺปชฺชนโต. อปฺปหีนาว โหนฺตีติ อิมินา อปฺปหีนฏฺเน อนุสยฏฺโติ ทสฺเสติ. อิทํภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามาติ อิทํ เตสุ ขนฺเธสุ อุปฺปตฺติรหกิเลสชาตํ ตาย เอว อุปฺปตฺติรหตาย ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม, เตภูมกภูมิลทฺธา นาม โหตีติ อตฺโถ. ตาสุ ตาสุ ภูมีสูติ มนุสฺสเทวาทิอตฺตภาวสงฺขาเตสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. ตสฺมึ ตสฺมึ สนฺตาเน อนุปฺปตฺติอนาปาทิตตาย อสมุคฺฆาติตา. เอตฺถ จ ลทฺธภูมิกํ ภูมิลทฺธนฺติ วุตฺตํ อคฺคิอาหิโต วิย.

โอกาสกตุปฺปนฺน-สทฺเทปิ จ โอกาโส กโต เอเตนาติ โอกาโส กโต เอตสฺสาติ จ อตฺถทฺวเยปิ กต-สทฺทสฺส ปรนิปาโต ทฏฺพฺโพ. อาหตขีรรุกฺโข วิย นิมิตฺตคฺคาหวเสน อธิคฺคหิตํ อารมฺมณํ, อนาหตขีรรุกฺโข วิย อวิกฺขมฺภิตตาย อนฺโตคธกิเลสํ อารมฺมณํ. นิมิตฺตคฺคาหกาวิกฺขมฺภิตกิเลสา วา ปุคฺคลา อาหตานาหตขีรรุกฺขสทิสา. ปุริมนเยเนวาติ อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺเน วิย ‘‘อิมสฺมึ นาม าเน นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อสมุคฺฆาติตตฺตา’’ติ โยเชตฺวา วิตฺถาเรตพฺพํ.

วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค. ตตฺถ จ มคฺเคน ปหีนกิเลสานเมว ติธา นวตฺตพฺพตํ อปากฏํ สุปากฏํ กาตุํ อชาตผลรุกฺโข อุปมาภาเวน อาคโต. อตีตาทีนํ อปฺปหีนตา ทสฺสนตฺถมฺปิ ‘‘ชาตผลรุกฺเขน ทีเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อจฺฉินฺเน รุกฺเข นิพฺพตฺตารหานิ ผลานิ ฉินฺเน อนุปฺปชฺชมานานิ น กทาจิ สสภาวานิ อเหสุํ โหนฺติ ภวิสฺสนฺติ จาติ ตานิ อตีตาทิภาเวน น วตฺตพฺพานิ, เอวํ มคฺเคน ปหีนกิเลสา จ ทฏฺพฺพา. ยถา เฉเท อสติ ผลานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สติ จ นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ เฉทสฺส สาตฺถกตา, เอวํ มคฺคภาวนาย จ สาตฺถกตา โยเชตพฺพา.

เตปิ ปชหติเยว กิเลสปฺปหาเนเนว เตสมฺปิ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนโต. อภิสงฺขารวิฺาณสฺสาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส. อุปาทินฺนอนุปาทินฺนโตติ อุปาทินฺนขนฺธโต เจว กิเลสโต จ. อุปปตฺติวเสน วุฏฺานํ ทสฺเสตุมาห – ‘‘ภววเสน ปนา’’ติอาทิ. เย โสตาปนฺนสฺส สตฺต ภวา อปฺปหีนา, ตโต ปฺจ เปตฺวา อิตเร ทฺเว ‘‘สุคติภเวกเทสา’’ติ อธิปฺเปตา. สุคติกามภวโตติ สุคติภเวกเทสภูตกามภวโต. อรหตฺตมคฺโค รูปารูปภวโต วุฏฺาติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนสมุคฺฆาตภาวโต. ยทิ อรหตฺตมคฺโค เอว อริยมคฺโค สิยา, โส เอว สพฺพกิเลเส ปชเหยฺย, สพฺพภเวหิปิ วุฏฺเหยฺย. ยสฺมา ปน โอธิโสว กิเลสา ปหียนฺติ, ตสฺมา เหฏฺิมเหฏฺิมมคฺเคหิ ปหีนาวเสเส กิเลเส โส ปชหติ, อิติ อิมํ สามตฺถิยํ สนฺธาย ‘‘สพฺพภเวหิ วุฏฺาติเยวาติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ โส เอว ‘‘วชิรูปโม’’ติ วุตฺโต.

โหตุ ตาว วุตฺตนเยน อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนสทิสานํ ปหานาย อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนาย มคฺคภาวนา, อถ มคฺคกฺขเณ กถํ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนานฺจ ิติยา ภาวนา โหติ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา ตสฺสาติ โจเทติ, อิตโร ‘‘มคฺคปฺปวตฺติยาเยวา’’ติ ปริหารมาห. มคฺโค หิ กามฺเจกจิตฺตกฺขณิโก, ตถารูโป ปนสฺส ปวตฺติวิเสโส, ยํ อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา สาติสยํ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ สวิเสสํ ปาริปูรึ ปาปุณนฺติ. เตนาห ‘‘มคฺโค หี’’ติอาทิ. กิฺจาปิ อริยมคฺโค วตฺตมานกฺขเณ อนุปฺปนฺโน นาม น โหติ, อนุปฺปนฺนปุพฺพตํ อุปาทาย อุปจารวเสน ตถา วุจฺจตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนาคตปุพฺพํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยเมวาติ อยํ มคฺคสฺส ยถาปจฺจยปวตฺติ เอว ิติ นามาติ, มคฺคสมงฺคี ปุคฺคโล มคฺคมฺปิ ภาเวนฺโต เอว ตสฺส ิติยา ภาเวตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.

อุปสมมานํ คจฺฉตีติ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส อุปสเมนฺตํ วตฺตติ. ปุพฺพภาคินฺทฺริยานิ เอว วา อธิปฺเปตานิ. เตเนวาห ‘‘กิเลสูปสมตฺถํ วา คจฺฉตี’’ติ.

๒๔๘. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒๙; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๖๖) อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนฏฺเน, เตนาห ‘‘สุฏฺุ มุจฺจนฏฺโ’’ติ. เอเตน สติปิ สพฺพสฺสปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฏิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโต. ภวติ หิ สมานชาติยุตฺโตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส. ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส, ตถา ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาย เอว อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺเนปิ วิโมกฺโข. เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิ. อยํ ปนตฺโถติ อยํ อธิมุจฺจนตฺโถ ปจฺฉิมวิโมกฺเข นิโรเธ นตฺถิ. เกวโล วิมุตฺตตฺโถ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติ.

รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺํ รูปํ โหติ. เยน วิสิฏฺเน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุจฺเจยฺย รูปี-สทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปนิมิตฺตํ ฌานมิว ปรมตฺถโต รูปีภาวสาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทีนิ รูปานี’’ติ.

อนฺโตอปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถีติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน อธิมุตฺติ สิยาติ ทสฺเสติ. เอวฺเหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา อนวกาสา โหติ. ยสฺมา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุตฺติ สิยา, ตสฺมา อฏฺกถายํ ตถา ตติโย วิโมกฺโข สํวณฺณิโต. ยสฺมา ปน เมตฺตาทิวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สตฺเต อปฺปฏิกูลโต ทหติ, เต สุภโต อธิมุจฺจิตฺวาว ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) พฺรหฺมวิหารภาวนา ‘‘สุภวิโมกฺโข’’ติ วุตฺตา, ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.

สพฺพโสติ อนวเสสโต. น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสิฏฺโติ. วิสฺสฏฺตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺเน กาเล นิโรธิตตฺตา. อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต, อริยผลปริโยสานตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จ.

๒๔๙. อภิภวตีติ อภิภุ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๓; อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๖๑-๖๕) ปริกมฺมํ, าณํ วา. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อารมฺมณาภิภวนโต อภิภุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต จาติปิ สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ อภิภายตนํ. เตนาห ‘‘อภิภวนการณานี’’ติอาทิ. ตานีติ อภิภายตนสฺิตานิ ฌานานิ. สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี, น อปฺปนาวเสน. น หิ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ. ตํ ปน อชฺฌตฺต ปริกมฺมวเสน ลทฺธํ กสิณนิมิตฺตํ อสุวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธา ปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํ.

ปริตฺตานีติ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิ. เตนาห ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติ. ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทมภิภายตนํ วุตฺตํ. ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํ. วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปฺสฺเสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ ‘‘าณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติ. อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ เอตฺถ อภิภวนํ สมาปชฺชนฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณวจนเมตํ. โย ‘‘ขิปฺปาภิฺโ’’ติ วุจฺจติ , ตโตปิ าณุตฺตรสฺเสว อภิภายตนภาวนา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิมิตฺเต. อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนา อปฺปนํ เนติ.

เอตฺถ จ เกจิ ‘‘อุปฺปนฺเน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฏฺิมนฺเตน ทฺเว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌาน ปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรฺจ ภวงฺคปริวาเสน อุปจาราเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ ปาริวาสิกปริกมฺเมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา, ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณนฺโต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุตฺโต. ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทนา’’ติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ, อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

น อนฺโตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโต, สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ปน ‘‘อิมินา ปนสฺส ปุพฺพภาโค กถิโต’’ติ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยํ ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ‘‘ฌานสฺายปี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อภิภว…เป… อตฺถี’’ติ.

วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ วิปุลปฺปมาณานีติ อตฺโถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ ตถา วฑฺฒนสฺเสเวตฺถ อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘มหนฺตานี’’ติ.

รูเป สฺา รูปสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, น รูปสฺี อรูปสฺี. สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. รูปสฺาย อนุปฺปาทนเมเวตฺถ อลาภิตา. พหิทฺธาว อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธาวตฺถุสฺมึเยว อุปฺปนฺนํ. อภิธมฺเม ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอวํ จตุนฺนํ อภิภายตนานํ อาคตตฺตา อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต – ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานี’ติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’’ติ โจทนํ กตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ตตฺถ วา หิ อิธ วา พหิทฺธารูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโต วตฺตพฺพานีติ ตตฺราปิ อิธาปิ วุตฺตานิ. ‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี’ติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ.

เอตฺถ จ วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ สพฺพานิ ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา ‘‘อปฺปมาณานี’’ติ ทฏฺพฺพานิ. อตฺถิ หิ เอโส ปริยาโย ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺย ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ. ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนปริยาโยติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติอาทินา ปมทุติยอภิภายตเนสุ ปมวิโมกฺโข, ตติยจตุตฺถาภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต, อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ, สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิ. ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ.

‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ อิทํ อภิธมฺเม กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธารูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ. เตน ยํ อฺเหตุกํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํ, ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาย เอว อภิธมฺเม วจนํ, น ตสฺส อฺํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธารูปานํ วิย อวิภูตตฺตา, เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตพฺโพ, เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถนภาวโต. ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา นีลาทิอภิภายตนานิ น วตฺตพฺพานีติ เจ? น, นีลาทีสุ กตาธิการานํ นีลาทิภาวสฺเสว อภิภวนการณตฺตา. น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ปริตฺตตา ตทปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติ. เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํ จริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ สกลนีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสน. วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสน. นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน. โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสน. อุมาปุปฺผนฺติ อตสิปุปฺผํ. นีลเมว โหติ วณฺณสงฺกราภาวโต. พาราณสิยํ ภวนฺติ พาราณสิยํ สมุฏฺิตํ.

เต ธมฺเมติ เต สติปฏฺานาทิธมฺเม เจว อฏฺวิโมกฺขธมฺเม จ. จิณฺณวสีภาวาเยว ตตฺถ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปริโยสานุตฺตรํ สตํ คตา อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา.

๒๕๐. สกลฏฺเนาติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๓๔๖; อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๒๕) สกลภาเวน, อสุภนิมิตฺตาทีสุ วิย เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสโต คเหตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. ยถา เขตฺตํ สสฺสานํ อุปฺปตฺติฏฺานํ วฑฺฒิฏฺานฺจ, เอวเมว ตํตํสมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ อาห ‘‘เขตฺตฏฺเนา’’ติ. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิทํ อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ โยเชตพฺพํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอว หิ สพฺพตฺถ กสิณํ วฑฺเฒตพฺพํ. เตน เตน การเณนาติ อุปริอาทีสุ เตน เตน กสิเณน. ยถา กินฺติ อาห – ‘‘อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโม’’ติ, ยถา ทิพฺพจกฺขุนา อุทฺธํ เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ, อโธ เจ, อโธ, สมนฺตโต เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ, เอวํ สพฺพกสิณนฺติ อตฺโถ. เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺส. อฺภาวานุปคมนตฺถนฺติ อฺกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, อฺสฺส วา กสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ. น หิ อฺเน ปสาริตกสิณํ ตโต อฺเน ปสาริตกสิณภาวํ อุปคจฺฉติ, เอวมฺปิ เนสํ อฺกสิณสมฺเภทาภาโว เวทิตพฺโพ. น อฺํ ปถวีอาทิ. น หิ อุทเกน ิตฏฺาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิ. อฺกสิณสมฺเภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโร . สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสสกสิเณสุ. เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสผรณํ ปมาณสฺส อคฺคหณโต อปฺปมาณํ. เตเนว หิ เนสํ กสิณสมฺา. ตถา หิ ‘‘ตฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เจตสา ผรนฺโตติ ภาวนาจิตฺเตน อารมฺมณํ กโรนฺโต. ภาวนาจิตฺตฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา สกลเมว มนสิ กโรติ.

กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตํ วิฺาณํ ผรณอปฺปมาณวเสน ‘‘วิฺาณกสิณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ตํ ‘‘วิฺาณ’’นฺติ วุจฺจติ. กสิณวเสนาติ อุคฺฆาฏิตกสิณวเสน กสิณุคฺฆาฏิมากาเส อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา. ยตฺตกฺหิ านํ กสิณํ ปสาริตํ, ตตฺตกํ อากาสภาวนาวเสน อากาสํ โหตีติ. เอวํ ยตฺตกํ านํ อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺิตํ, ตตฺตกํ อากาสเมว หุตฺวา วิฺาณสฺส ปวตฺตนโต อาคมนวเสน วิฺาณกสิเณปิ อุทฺธํอโธติริยตา วุตฺตาติ ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิฺาเณ อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา’’ติ อาห.

๒๕๒. วุตฺโตเยว วมฺมิกสุตฺเต. นิสฺสิตฺจ ฉวตฺถุนิสฺสิตตฺตา วิปสฺสนาาณสฺส. ปฏิพทฺธฺจ เตน วินา อปฺปวตฺตนโต กายสฺิตานํ รูปธมฺมานํ อารมฺมณกรณโต จ. สุฏฺุ ภาติ โอภาสตีติ วา สุโภ. กุรุวินฺทชาติอาทิชาติวิเสโสปิ มณิ อากรปาริสุทฺธิมูลโก เอวาติ อาห ‘‘สุปริสุทฺธอากรสมุฏฺิโต’’ติ. โทสนีหรณวเสน ปริกมฺมนิปฺผตฺตีติ อาห ‘‘สุฏฺุ กตปริกมฺโม อปนีตปาสาณสกฺขโร’’ติ. โธวนเวธนาทีหีติ จตูสุ ปาสาเณสุ โธวเนน เจว กาฬกาทิอปหรณตฺถาย สุตฺเตน อาวุนนตฺถาย จ วิชฺฌเนน. ตาปสณฺหกรณาทีนํ สงฺคโห อาทิ-สทฺเทน. วณฺณสมฺปตฺตินฺติ สุตฺตสฺส วณฺณสมฺปตฺตึ.

มณิ วิย กรชกาโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพโต. อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณํ อนุปวิสิตฺวา ิตตฺตา. จกฺขุมา ปุริโส วิย วิปสฺสนาลาภี ภิกฺขุ สมฺมเทว ตสฺส ทสฺสนโต. ตทารมฺมณานนฺติ รูปธมฺมารมฺมณานํ. ผสฺสปฺจมกจิตฺตเจตสิกคฺคหเณน คหิตธมฺมาปิ วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา เอวาติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ เตสํ วิปสฺสนาาณคติกตฺตา ‘‘อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณ’’นฺติ วจนํ อวิโรธิตํ โหติ.

าณสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ยทิ เอวํ าณสฺส วเสน วตฺตพฺพํ, น ปุคฺคลสฺสาติ อาห ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิ. มคฺคสฺส อนนฺตรํ, ตสฺมา โลกิยาภิฺานํ ปรโต ฉฏฺาภิฺาย ปุรโต วตฺตพฺพํ วิปสฺสนาาณํ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปายํ าณานุปุพฺพฏฺิติ, เอวํ สนฺเตปิ เอตสฺส อนฺตรา วาโร นตฺถีติ ปฺจสุ โลกิยาภิฺาสุ กถิตาสุ อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) วิย ฉฏฺาภิฺา กเถตพฺพาติ เอตสฺส อนภิฺาลกฺขณสฺส วิปสฺสนาาณสฺส ตาสํ อนฺตรา วาโร น โหติ, ตสฺมา ตตฺถ อวสราภาวโต อิเธว รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานานนฺตรเมว ทสฺสิตํ วิปสฺสนาาณํ. ยสฺมา จาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน น เกวลํ ตเทว, อถ โข อิทมฺปิ การณํ วิปสฺสนาาณสฺส อิเธว ทสฺสเนติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ทิพฺเพน จกฺขุนา เภรวรูปํ ปสฺสโตติ เอตฺถ อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ รูปํ นิมฺมินิตฺวา จกฺขุนา ปสฺสโตติ วตฺตพฺพํ, เอวมฺปิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาณวตฺถุกสฺส ภยสนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุจฺจวาลิกวาสีมหานาคตฺเถรสฺส วิย. อิธาปีติ อิมสฺมึ วิปสฺสนาาเณปิ, น สติปฏฺานาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโย.

๒๕๓. มโนมยิทฺธิยํ จิณฺณวสิตาย อภิฺา โวสานปารมิปฺปตฺตตา เวทิตพฺพาติ โยชนา. มเนน นิพฺพตฺตนฺติ อภิฺามเนน นิพฺพตฺติตํ. ตํ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมวาติ สณฺานโตปิ วณฺณโตปิ อวยววิเสสโตปิ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมว. สชาติยํ ิโต, น นาคิทฺธิยา อฺชาติรูโป. สุปริกมฺมกตมตฺติกาทโย วิย อิทฺธิวิธาณํ วิกุพฺพนกิริยาย นิสฺสยภาวโต.

๒๕๕. อปฺปกสิเรเนวาติ อกิจฺเฉเนว.

๒๕๖. มนฺโท อุตฺตานเสยฺยกทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. ยุวาปิ โกจิ อนิจฺฉนโต อมณฺฑนสีโล โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มณฺฑนกชาติโก’’ติ วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยุวาปี’’ติอาทิ. กาฬติลปฺปมาณา พินฺทโว กาฬติลกานิ. นาติกมฺมาสติลปฺปมาณา พินฺทโว ติลกานิ. วงฺกํ นาม ปิยงฺคํ. โยพฺพนปีฬกาทโย มุขทูสิปีฬกา. มุขคโต โทโส มุขโทโส, ลกฺขณวจนฺเจตํ มุเข อโทสสฺสปิ ปากฏภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา . ยถา วา มุเข โทโส, เอวํ มุเข อโทโสปิ มุขโทโส สรโลเปน, มุขโทโส จ มุขโทโส จ มุขโทโสติ เอกเสสนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ปเรสํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ ปากฏํ โหตีติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ.

๒๕๙. ปฏิปทาวเสนาติ ยถารหํ สมถวิปสฺสนามคฺคปฏิปทาวเสน. อฏฺสุ โกฏฺาเสสูติ สติปฏฺานาทีสุ โพธิปกฺขิยธมฺมโกฏฺาเสสุ, วิโมกฺขโกฏฺาเสสุ วาติ อิเมสุ อฏฺสุ โกฏฺาเสสุ. เสเสสูติ วุตฺตาวเสเสสุ อภิภายตนโกฏฺาสาทีสุ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

มหาสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๘. สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๖๐. อุคฺคหิตุนฺติ สิกฺขิตุํ. อุคฺคาเหตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ, ปาโต อตฺตนา ยถาอุคฺคหิตมตฺถํ ตพฺพิภาวนตฺถาย อุจฺจารณวเสน ปเรสํ คาเหตุนฺติ อตฺโถ. สมยนฺติ ทิฏฺึ. สา หิ สํโยชนภาวโต สเมติ สมฺพนฺธา เอติ ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโยติ วุจฺจติ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สูริยสฺส อุคฺคมนโต อตฺถงฺคมา อยํ เอตฺตโก กาโล รตฺตนฺธการวิธมนโต ทิวา นาม, ตสฺส ปน มชฺฌิมปหารสฺิโต กาโล สมุชฺชลิตปภาเตชทหนภาเวน ทิวา นาม. เตนาห ‘‘ทิวสสฺสปิ ทิวาภูเต’’ติ. ปฏิสํหริตฺวาติ นิวตฺเตตฺวา. เอวํ จิตฺตสฺส ปฏิสํหรณํ นาม โคจรกฺเขตฺเต ปนนฺติ อาห ‘‘ฌานรติเสวนวเสน เอกีภาวํ คโต’’ติ. เอเตน กายวิเวกปุพฺพกํ จิตฺตวิเวกมาห. สีลาทิคุณวิเสสโยคโต มนสา สมฺภาวนียา, เต ปน ยสฺมา อตฺตโน สีลาทิคุเณหิ วิฺูนํ มนาปา โหนฺติ (กิเลสอนิคฺคหสฺส ปฺจปสาทายตฺตตฺตา,) ตสฺมา อาห ‘‘มนวฑฺฒนกาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อุนฺนมตีติ อุทคฺคํ โหติ. วฑฺฒตีติ สทฺธาวเสน วฑฺฒติ. เตนาห ภควา – ‘‘อนุสฺสรณมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔; สํ. นิ. ๕.๑๘๔).

๒๖๑. ปฺเปมีติ ปชานนภาเวน าเปมิ ตถา ววตฺถเปมิ. เตนาห ‘‘ทสฺเสมิ เปมี’’ติ. ปริปุณฺณกุสลนฺติ สพฺพโส ปุณฺณกุสลธมฺมํ, อุตฺตมกุสลนฺติ อุตฺตมภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺตกุสลธมฺมํ. อโยชฺฌนฺติ วาทยุทฺเธน อโยธนียํ, วาทยุทฺธํ โหตุ, เตน ปราชโย น โหตีติ ทสฺเสติ, เตนาห ‘‘วาทยุทฺเธนา’’ติอาทิ. สํวรปฺปหานนฺติ ปฺจสุ สํวเรสุ เยน เกนจิ สํวเรน สํวรลกฺขณํ ปหานํ. ปฏิเสวนปฺปหานํ วาติ วา-สทฺเทน ปริวชฺชนปฺปหานาทึ สงฺคณฺหาติ. เสสปเทสูติ ‘‘น ภาสตี’’ติอาทีสุ ปเทสุ. เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘อภาสนมตฺตเมว วทตี’’ติ เอวมาทึ อติทิสติ.

นาภินนฺทีติ น สมฺปฏิจฺฉิ. สาสเน ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ มิจฺฉาชีวสฺส วิวชฺชนํ วณฺณียติ, อยฺจ เอวํ กเถติ, ตสฺมา สาสนสฺส อนุโลมํ วิย วทติ, วทนฺโต จ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ธมฺเม จสฺส อปฺปสาทํ น ทสฺเสติ, ตสฺมา ปสนฺนการมฺปิ วทตีติ มฺมาโน ตสฺส วาทํ น ปฏิเสเธติ.

๒๖๒. ยถาตสฺส วจนํ, เอวํ สนฺเตติ ยถา ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส วจนํ, เอวํ สมณภาเว สนฺเต ลพฺภมาเน. มยํ ปน เอวํ น วทามาติ เอเตน สมณภาโว นาม เอวํ น โหตีติ ทสฺเสติ. โย หิ ธมฺโม ยาทิโส, ตเถว ตํ พุทฺธา ทีเปนฺติ. วิเสสาณํ น โหตีติ กายวิเสสวิสยาณํ ตสฺส ตทา นตฺถิ, ยโต ปรกาเย อุปกฺกมํ กเรยฺยาติ ทสฺเสติ, ตสฺส ปน ตตฺถ วิเสสาณมฺปิ นตฺเถวาติ. ยสฺมา กายปฏิพทฺธํ กายกมฺมํ, ตสฺมา ตํ นิวตฺเตนฺโต อาห ‘‘อฺตฺร ผนฺทิตมตฺตา’’ติ. กิเลสสหคตจิตฺเตเนวาติ ทุกฺขสมฺผสฺสสฺส อสหนนิมิตฺเตน โทมนสฺสสหคตจิตฺเตเนว. ทุติยวาเรปิ เอเสว นโย. ชิฆจฺฉาปิปาสทุกฺขสฺส อสหนนิมิตฺเตน โทมนสฺเสเนว. วิกูชิตมตฺตาติ เอตฺถ วิรูปํ กูชิตํ วิกูชิตํ ปุพฺเพนิวาสสนฺนิสฺสยํ อุปยํ, ตํ ปเนตฺถ โรทนหสนสมุฏฺาปกจิตฺตสหคตนฺติ โทสสหคตํ โลภสหคตฺจาติ ทฏฺพฺพํ. จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํ. อกุสลจิตฺตํ ปน อตีตารมฺมณํ ปวตฺตตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. สริตฺวาติ ยาว น สติสณฺาปนา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตาว สุปินนฺเต อนุภูตํ วิย ทุกฺขํ สริตฺวา โรทนฺติ. หสนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อยฺจ นโย เย ลทฺธสุขารมฺมณา หุตฺวา คหิตปฏิสนฺธิกา มาตุกุจฺฉิโตปิ สุเขเนว นิกฺขมนฺติ, เตสํ วเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ปายนฺติยาติ อตฺตโน ชนปทเทสรูเปน ปายนฺติยา. อยมฺปีติ อาชีโวปิ มาตุ อฺวิหิตกาเล จ โลกสฺสาทวเสน กิเลสสหคตจิตฺเตเนว โหติ.

๒๖๓. สมธิคยฺหาติ สมฺมา อธิคตภาเวน คเหตฺวา อภิภวิตฺวา วิเสเสตฺวา วิสิฏฺโ หุตฺวา. ขีณาสวํ สนฺธายาติ พฺยติเรกวเสน ขีณาสวํ สนฺธาย. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ขีณาสวมฺปิ โสตาปนฺนกุสลํ ปฺเปติ เสกฺขภูมิยํ ิตตฺตา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

ตีณิ ปทานิ นิสฺสายาติ น กาเยน ปาปกํ กมฺมํ กโรติ, น ปาปกํ วาจํ ภาสติ, น ปาปกํ อาชีวํ อาชีวตีติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ นิสฺสาย กุสลสีลมูลกา จ อกุสลสีลมูลกา จาติ ทฺเว ปมจตุกฺกา ปิตา. เอกํ ปทํ นิสฺสายาติ น ปาปกํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปตีติ อิมํ เอกปทํ นิสฺสาย กุสลสงฺกปฺปมูลกา อกุสลสงฺกปฺปมูลกา จาติ อิเม ทฺเว ปจฺฉิมจตุกฺกา ปิตา.

๒๖๔. วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตจิตฺตทฺวยมฺปิ วฏฺฏติ พลวตา โมเหน สมนฺนาคตตฺตา. ตถา หิ ตานิ ‘‘โมมูหจิตฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ.

กุหินฺติ กึนิมิตฺตํ. กตรํานํ ปาปุณิตฺวาติ กึ การณํ อาคมฺม. เอตฺเถเตติ เอตฺถาติ กายวจีมโนสุจริตภาวนาสาชีวนิปฺผตฺติยํ . สา ปน เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปตฺติผเลน ทีเปตพฺพาติ อาห ‘‘โสตาปตฺติผเล ภุมฺม’’นฺติ. ยสฺมา อาชีวฏฺมกํ อวสิฏฺฺจ สีลํ ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส จ ปาริสุทฺธิปาติโมกฺขาธิคเมน โสตาปตฺติผลปฺปตฺติยา สิทฺโธ โหตีติ อาห – ‘‘ปาติโมกฺข…เป… นิรุชฺฌตี’’ติ. ‘‘สุขสีโล ทุกฺขสีโล’’ติอาทีสุ วิย ปกติอตฺถสีลสทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘อกุสลสีล’’นฺติอาทิ.

๒๖๕. กามาวจรกุสลจิตฺตเมว วุตฺตํ สมฺปตฺตสมาทานวิรติปุพฺพกสฺส สีลสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตนาห – ‘‘เอเตน หิ กุสลสีลํ สมุฏฺาตี’’ติ.

สีลวาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ปาสํสตฺโถว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘สีลสมฺปนฺโน โหตี’’ติ. โย สีลมตฺเต ปติฏฺิโต, น สมาธิปฺาสุ, โส สีลมยธมฺมปูริตตาย สีลมโย. เตนาห ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติอาทิ. ยตฺถาติ ยสฺสํ เจโตวิมุตฺติยํ ปฺาวิมุตฺติยฺจ. ตทุภยฺจ ยสฺมา อรหตฺตผเล สงฺคหิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อรหตฺตผเล ภุมฺม’’นฺติ. อเสสํ นิรุชฺฌติ สุขวิปากภาวสฺส สพฺพโส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต.

๒๖๖. กามปฏิสํยุตฺตา สฺา กามสฺา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อิตรา ทฺเวติ พฺยาปาทวิหึสาสฺา.

อนาคามิผลปมชฺฌานนฺติ อนาคามิผลสหคตํ ปมชฺฌานํ. เอตฺถาติ ยถาวุตฺเต ปมชฺฌาเน. เอตฺถ จ อุชุวิปจฺจนีเกน ปฏิปกฺขปฺปหานํ สาติสยนฺติ ปมชฺฌานคฺคหณํ. เตนาห ‘‘อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ. เนกฺขมฺมสฺานํ กามาวจรจิตฺตสหคตตา ตสฺส สีลสฺส สมุฏฺานตา จ สมฺปยุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.

๒๖๗. กุสลสงฺกปฺปนิโรธทุติยชฺฌานิกอรหตฺตผลอกุสลสงฺกปฺปนิโรธ- ปมชฺฌานิกอนาคามิผลคฺคหเณน สมโณ ทสฺสิโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๙. จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนา

๒๗๑. ปฺโหติ าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ, ตเทว ธมฺมเทสนาย นิมิตฺตภาวโต การณํ. อุปฏฺาตูติ าณสฺส โคจรภาวํ อุปคจฺฉตุ. เยน การเณนาติ เยน ตุยฺหํ อุปฏฺิเตน การเณน ธมฺมเทสนา อุปฏฺเหยฺย, ตํ ปน ปริพฺพาชกสฺส อชฺฌาสยวเสน ตถา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เอเตน หิ…เป… ทีเปตี’’ติ. เอกงฺคณานีติ ปิธานาภาเวน เอกงฺคณสทิสานิ. เตนาห ‘‘ปากฏานี’’ติ.

ชานนฺโตติ อตฺตโน ตถาภาวํ สยํ ชานนฺโต. สกฺกจฺจํ สุสฺสูสตีติ ‘‘ตถาภูตํเยว มํ ตถา อโวจา’’ติ สาทรํ สุสฺสูสติ. ตสฺมาติ ทิพฺพจกฺขุลาภิโน อนาคตํสาณลาภโต. เอวมาหาติ ‘‘โย โข, อุทายิ, ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘โส วา มํ อปรนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยา’’ติ เอวํ อโวจ.

อิตรนฺติ อวสิฏฺํ อิมสฺมึ าเน วตฺตพฺพํ. วุตฺตนยเมวาติ ‘‘โย หิ ลาภี’’ติอาทินา วุตฺตนยเมว. อตีเตติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วิสยภูเต อตฺเถ. อนาคเตติ อนาคตํสาณสฺส วิสยภูเต อนาคเต อตฺเถ.

ปํสุปเทเส นิพฺพตฺตนโต ปํสุสโมกิณฺณสรีรตาย ปํสุปิสาจกํ. เอกํ มูลํ คเหตฺวาติ ทีฆโส เหฏฺิมนฺเตน จตุรงฺคุลํ, อุปริมนฺเตน วิทตฺถิกํ รุกฺขคจฺฉลตาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ เอกํ มูลํ คเหตฺวา อฺชาติกานํ อทิสฺสมานกาโย โหติ. อยํ กิร เนสํ ชาติสิทฺธา ธมฺมตา. ตตฺราติ ตสฺส มูลวเสน อทิสฺสมานกตาย. น ทิสฺสติ าเณน น ปสฺสติ.

๒๗๒. น จ อตฺถํ ทีเปยฺยาติ อธิปฺเปตมตฺถํ สา วาจา สรูปโต น จ ทีเปยฺย, เกวลํ วาจามตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย. ปฏิหริตพฺพฏฺเน ปรสนฺตาเน เนตพฺพฏฺเน ปฏิหาริย-สทฺททฺวาเรน วิฺาตพฺโพ ภาวตฺโถ, โสว ปาฏิหีรโก นิรุตฺตินเยน, นตฺถิ เอตสฺส ปาฏิหีรกนฺติ อปฺปาฏิหีรกตํ, ต-สทฺเทน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ตถา วุตฺตํ, อนิยฺยานํ. เตนาห ‘‘นิรตฺถกํ สมฺปชฺชตี’’ติ. สุภกิณฺหเทวโลเก ขนฺธา วิย โชเตตีติ อิมินา – ‘‘ทิพฺโพ รูปี มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย อตฺตา’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.

๒๗๓. สอุปสคฺคปทสฺส อตฺโถ อุปสคฺเคน วินาปิ วิฺายตีติ อาห ‘‘วิทฺเธติ อุพฺพิทฺเธ’’ติ. สา จสฺส อุพฺพิทฺธตา อุปกฺกิเลสวิคเมน สุจิภาเวน อุปฏฺานนฺติ อาห ‘‘เมฆวิคเมน ทูรีภูเต’’ติ. อินฺทนีลมณิ วิย ทิพฺพติ โชเตตีติ เทโว, อากาโส. ‘‘อฑฺฒรตฺตสมเย’’ติ วตฺตพฺเพ ภุมฺมตฺเถ วิหิตวจนานํ อจฺจนฺตสํโยคาภาวา อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ. ปุณฺณมาสิยฺหิ คคนมชฺฌสฺส ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อนฺเต ิเต อฑฺฒรตฺเต สมโย ภินฺโน นาม โหติ, มชฺเฌ เอว ปน ิโต อภินฺโน นาม. เตนาห ‘‘อภินฺเน อฑฺฒรตฺตสมเย’’ติ.

เย อนุโภนฺตีติ เย เทวา จนฺทิมสูริยานํ อาภา อนุโภนฺติ วินิภุฺชนฺติ วฬฺชนฺติ จ เตหิ เทเวหิ พหู เจว พหุตรา จ จนฺทิมสูริยานํ อาภา อนนุโภนฺโต. เตนาห – ‘‘อตฺตโน สรีโรภาเสเนว อาโลกํ ผริตฺวา วิหรนฺตี’’ติ.

๒๗๔. ปุจฺฉามูฬฺโห ปน ชาโต ‘‘อยํ ปรโม วณฺโณ’’ติ คหิตปทสฺส วิธมเนน. อเจลกปาฬินฺติ ‘‘อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๓๙๔) อเจลกปฏิปตฺติทีปกคนฺถํ, คนฺถสีเสเนว เตน ปกาสิตวาทานิ วทติ. สุราเมรยปานมนุยุตฺตปุคฺคลสฺส สุราปานโต วิรติ ตสฺส กายํ จิตฺตฺจ ตาเปนฺตี สํวตฺตตีติ สุราปานวิรติ (ตโป, โสเยว คุโณ. เตนาห ‘‘สุราปานวิรตีติ อตฺโถ’’ติ).

๒๗๕. เอกนฺตํ อจฺจนฺตเมว สุขํ อสฺสาติ เอกนฺตสุขํ. ปฺจสุ ธมฺเมสูติ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรตี’’ติอาทีสุ ปฺจสุ สีลาจารธมฺเมสุ. น ชานึสูติ สมฺโมเสน อนุปฏฺหนฺติ ตทตฺถํ น พุชฺฌนฺติ. พุทฺธุปฺปาเทน กิร วิหตเตชานิ มหานุภาวานิ มนฺตปทานิ วิย พาหิรกานํ โยคาวจรคนฺเถน สทฺธึ โยคาวจรปฏิปทา นสฺสติ. อุคฺคณฺหึสูติ ‘‘ปฺจ ปุพฺพภาคธมฺเม’’ติอาทิวจนมตฺตํ อุคฺคณฺหึสุ. ตติยชฺฌานโตติ การโณปจาเรน ผลํ วทติ, ผลภูตโต ตติยชฺฌานโต.

๒๗๖. เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส ปฏิลาเภน ปตฺติยา ตตฺถ นิพฺพตฺติ ปฏิลาภสจฺฉิกิริยา. เอกนฺตสุเข โลเก อนภินิพฺพตฺติตฺวา เอว อิทฺธิยา ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส สตฺตโลกสฺส ภาชนโลกสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ ปจฺจกฺขสจฺฉิกิริยา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.

๒๗๗. อุทฺจนิโกติ อุทฺจโน. วิฺฌุปพฺพตปสฺเส คามานํ อนิวิฏฺตฺตา ตึสโยชนมตฺตํ านํ อฏวี นาม, ตตฺถ เสนาสนํ, ตสฺมึ อฏวิเสนาสเน ปธานกมฺมิกานํ ภิกฺขูนํ พหูนํ ตตฺถ นิวาเสน เอกํ ปธานฆรํ อโหสิ.

จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๑๐. เวขนสสุตฺตวณฺณนา

๒๘๐. สห วตฺถุกาเมน กิเลสกาโม ครุ ครุกาตพฺโพ เอตสฺสาติ กามครุ. เตสฺเวว กาเมสุ นินฺนโปณปพฺภารชฺฌาสโยติ กามาธิมุตฺโต. ปพฺพชฺชาปมชฺฌานาทิกํ เนกฺขมฺมํ ครุ ครุกาตพฺพํ เอตสฺสาติ เนกฺขมฺมครุ. ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารชฺฌาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต สฺวายมตฺโถ ยถา เอกจฺเจ คหฏฺเ ลพฺภติ, เอวํ เอกจฺเจ อนคาเรปีติ อาห ‘‘ปพฺพชิโตปี’’ติอาทิ. อยํ ปน เวขนโส ปริพฺพาชโก. โส หิ เวขนสตาปสปพฺพชฺชํ อุปคนฺตฺวา เวขนเสน อิมินา ทิฏฺิมาทาย สมาทิยิตฺวา ิตตฺตา ‘‘เวขนโส’’ติ วุจฺจติ. ยถา โลโก สยํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺโตปิ สมาโน ปจฺจกฺขโต อนุภวิยมานํ สาลากิกํ อคฺคิสนฺตาปํ วิย อนาทิกาลานุคตสมฺมากวจรสนฺตาปํ อาทิตฺตตาย น สลฺลกฺเขติ, สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปน มหากรุณาสมุสฺสาหิตมานเสน ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’นฺติ อาทิตฺตปริยาเย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) เทสิยมาเน สลฺลกฺเขติ, เอวํ อยมฺปิ อนาทิกาลปริภาวิตํ อตฺตอชฺฌาสเย อวฏฺิตํ กามาธิมุตฺตํ สรเสน อนุปธาเรนฺโต สตฺถารา – ‘‘ปฺจ โข อิเม, กจฺจาน, กามคุณา’’ติอาทินา กามคุเณสุ กามสุเข ภาสิยมาเน ‘‘กามาธิมุตฺตํ วต ปพฺพชิตสฺส จิตฺต’’นฺติ อุปธาเรสฺสตีติ อาห – ‘‘อิมาย กถาย กถิยมานาย อตฺตโน กามาธิมุตฺตตํ สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ. กามคฺคสุขนฺติ กาเมตพฺพวตฺถูหิ อคฺคภูตํ สุขํ. สพฺเพ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียฏฺเน กามา, เต ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนสุขโต นิพฺพานสุขเมว อคฺคภูตํ สุขํ. ยถาห – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) – ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕, ๒๑๗; ธ. ป. ๒๐๓) จ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานํ อธิปฺเปต’’นฺติ.

๒๘๑. ปุพฺเพนิวาสาณลาภิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ วุจฺจมานกถา อนุจฺฉวิกา ตทตฺถสฺส ปจฺจกฺขภาวโต, ตทภาวโต เวขนสสฺส อนนุจฺฉวิกาติ อาห ‘‘ยสฺมา…เป… นตฺถี’’ติ. อนาคตกถาย…เป… นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อารกฺขตฺถายาติ เทวตาหิ มนฺตปเทหิ สห ิตา ตตฺถ อารกฺขตฺถาย. อวิชฺชายาติ อิทํ ลกฺขณวจนํ, ตํมูลกตฺตา วา สพฺพกิเลสธมฺมานํ อวิชฺชาว คหิตา. ชานนํ ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณาเณน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

เวขนสสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

นิฏฺิตา จ ปริพฺพาชกวคฺควณฺณนา.