📜

๔. วิภงฺควคฺโค

๑. ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๗๒. เอวํเม สุตนฺติ ภทฺเทกรตฺตสุตฺตํ. ตตฺถ ภทฺเทกรตฺตสฺสาติ วิปสฺสนานุโยคสมนฺนาคตตฺตา ภทฺทกสฺส เอกรตฺตสฺส. อุทฺเทสนฺติ มาติกํ. วิภงฺคนฺติ วิตฺถารภาชนียํ.

อตีตนฺติ อตีเต ปฺจกฺขนฺเธ. นานฺวาคเมยฺยาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ นานุคจฺเฉยฺย. นปฺปฏิกงฺเขติ ตณฺหาทิฏฺีหิ น ปตฺเถยฺย. ยทตีตนฺติ อิทเมตฺถ การณวจนํ. ยสฺมา ยํ อตีตํ, ตํ ปหีนํ นิรุทฺธํ อตฺถงฺคตํ, ตสฺมา ตํ ปุน นานุคจฺเฉยฺย. ยสฺมา จ ยํ อนาคตํ, ตํ อปฺปตฺตํ อชาตํ อนิพฺพตฺตํ, ตสฺมา ตมฺปิ น ปตฺเถยฺย.

ตตฺถ ตตฺถาติ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ ธมฺมํ ยตฺถ ยตฺเถว อุปฺปนฺโน, ตตฺถ ตตฺเถว จ นํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ สตฺตหิ อนุปสฺสนาหิ โย วิปสฺสติ อรฺาทีสุ วา ตตฺถ ตตฺเถว วิปสฺสติ. อสํหีรํอสํกุปฺปนฺติ อิทํ วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วิปสฺสนา หิ ราคาทีหิ น สํหีรติ น สํกุปฺปตีติ อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ อนุพฺรูหเย วฑฺเฒยฺย, ปฏิวิปสฺเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา นิพฺพานํ ราคาทีหิ น สํหีรติ น สํกุปฺปตีติ อสํหีรํ อสํกุปฺปํ. ตํ วิทฺวา ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อนุพฺรูหเย, ปุนปฺปุนํ ตทารมฺมณํ ตํ ตํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปนฺโต วฑฺเฒยฺยาติ อตฺโถ.

ตสฺส ปน อนุพฺรูหนฺตสฺส อตฺถาย – อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปนฺติ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปเนน อาตปฺปนฺติ ลทฺธนามํ วีริยํ อชฺเชว กาตพฺพํ. โก ชฺา มรณํ สุเวติ สฺเว ชีวิตํ วา มรณํ วา โก ชานาติ. อชฺเชว ทานํ วา ทสฺสามิ, สีลํ วา รกฺขิสฺสามิ, อฺตรํ วา ปน กุสลํ กริสฺสามีติ หิ ‘‘อชฺช ตาว ปปฺโจ อตฺถิ, สฺเว วา ปุนทิวเส วา กริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา อชฺเชว กริสฺสามีติ เอวํ วีริยํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. มหาเสเนนาติ อคฺคิวิสสตฺถาทีนิ อเนกานิ มรณการณานิ ตสฺส เสนา, ตาย มหติยา เสนาย วเสน มหาเสเนน เอวรูเปน มจฺจุนา สทฺธึ ‘‘กติปาหํ ตาว อาคเมหิ ยาวาหํ พุทฺธปูชาทึ อตฺตโน อวสฺสยกมฺมํ กโรมี’’ติ . เอวํ มิตฺตสนฺถวาการสงฺขาโต วา, ‘‘อิทํ สตํ วา สหสฺสํ วา คเหตฺวา กติปาหํ อาคเมหี’’ติ เอวํ ลฺชานุปฺปทานสงฺขาโต วา, ‘‘อิมินาหํ พลราสินา ปฏิพาหิสฺสามี’’ติ เอวํ พลราสิสงฺขาโต วา สงฺคโร นตฺถิ. สงฺคโรติ หิ มิตฺตสนฺถวาการลฺชานุปฺปทานพลราสีนํ นามํ, ตสฺมา อยมตฺโถ วุตฺโต.

อตนฺทิตนฺติ อนลสํ อุฏฺาหกํ. เอวํ ปฏิปนฺนตฺตา ภทฺโท เอกรตฺโต อสฺสาติ ภทฺเทกรตฺโต. อิติ ตํ เอวํ ปฏิปนฺนปุคฺคลํ ‘‘ภทฺเทกรตฺโต อย’’นฺติ. ราคาทีนํ สนฺตตาย สนฺโต พุทฺธมุนิ อาจิกฺขติ.

๒๗๓. เอวํรูโปติอาทีสุ กาโฬปิ สมาโน อินฺทนีลมณิวณฺโณ อโหสินฺติ เอวํ มนุฺรูปวเสเนว เอวํรูโป อโหสึ. กุสลสุขโสมนสฺสเวทนาวเสเนว เอวํเวทโน. ตํสมฺปยุตฺตานํเยว สฺาทีนํ วเสน เอวํสฺโ เอวํสงฺขาโร เอวํวิฺาโณ อโหสึ อตีตมทฺธานนฺติ.

ตตฺถ นนฺทึ สมนฺวาเนตีติ เตสุ รูปาทีสุ ตณฺหํ สมนฺวาเนติ อนุปวตฺเตติ. หีนรูปาทิวเสน ปน เอวํรูโป อโหสึ…เป… เอวํวิฺาโณ อโหสินฺติ น มฺติ.

นนฺทึ น สมนฺวาเนตีติ ตณฺหํ วา ตณฺหาสมฺปยุตฺตทิฏฺึ วา นานุปวตฺตยติ.

๒๗๔. เอวํรูโป สิยนฺติอาทีสุปิ ตํมนุฺรูปาทิวเสเนว ตณฺหาทิฏฺิปวตฺตสงฺขาตา นนฺทิสมนฺวานยนาว เวทิตพฺพา.

๒๗๕. กถฺจ, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ สํหีรตีติ อิทํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ. อสํหีรํ อสํกุปฺป’’นฺติ อุทฺเทสสฺส นิทฺเทสตฺถํ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺนํ ธมฺมํ น วิปสฺสตี’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา, ยสฺมา ปน อสํหีราติ จ อสํกุปฺปาติ จ วิปสฺสนา วุตฺตา, ตสฺมา ตสฺสา เอว อภาวฺจ ภาวฺจ ทสฺเสตุํ สํหีรตีติ มาติกํ อุทฺธริตฺวา วิตฺถาโร วุตฺโต. ตตฺถ สํหีรตีติ วิปสฺสนาย อภาวโต ตณฺหาทิฏฺีหิ อากฑฺฒิยติ. น สํหีรตีติ วิปสฺสนาย ภาเวน ตณฺหาทิฏฺีหิ นากฑฺฒิยติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๗๖. เอวํเม สุตนฺติ อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตํ. ตตฺถ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺิโต. โก นุ โข, ภิกฺขเวติ ชานนฺโตว กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉิ.

๒๗๘. สาธุ สาธูติ เถรสฺส สาธุการมทาสิ. สาธุ โข ตฺวนฺติ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ ปริสุทฺเธหิ กถิตตฺตา เทสนํ ปสํสนฺโต อาห. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๗๙. เอวํเม สุตนฺติ มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตํ. ตตฺถ ตโปทาราเมติ ตตฺโตทกสฺส รหทสฺส วเสน เอวํลทฺธนาเม อาราเม. เวภารปพฺพตสฺส กิร เหฏฺา ภูมฏฺกนาคานํ ปฺจโยชนสติกํ นาคภวนํ เทวโลกสทิสํ มณิมเยน ตเลน อารามอุยฺยาเนหิ จ สมนฺนาคตํ, ตตฺถ นาคานํ กีฬนฏฺาเน มหาอุทกรหโท, ตโต ตโปทา นาม นที สนฺทติ กุถิตา อุณฺโหทกา. กสฺมา ปเนสา เอทิสา ชาตา? ราชคหํ กิร ปริวาเรตฺวา มหา เปตโลโก, ตตฺถ ทฺวินฺนํ มหาโลหกุมฺภินิรยานํ อนฺตเรน อยํ ตโปทา อาคจฺฉติ, ตสฺมา สา กุถิตา สนฺทติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยตายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา สนฺทติ, โส ทโห อจฺโฉทโก สีโตทโก สาโตทโก เสโตทโก สุปฺปติตฺโถ รมณีโย ปหูตมจฺฉกจฺฉโป, จกฺกมตฺตานิ จ ปทุมานิ ปุปฺผนฺติ . อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉติ, เตนายํ ตโปทา กุถิตา สนฺทตี’’ติ (ปารา. ๒๓๑). อิมสฺส ปน อารามสฺส อภิสมฺมุขฏฺาเน ตโต มหาอุทกรหโท ชาโต, ตสฺส นามวเสนายํ วิหาโร ตโปทาราโมติ วุจฺจติ.

๒๘๐. สมิทฺธีติ ตสฺส กิร เถรสฺส อตฺตภาโว สมิทฺโธ อภิรูโป ปาสาทิโก, ตสฺมา สมิทฺธิตฺเวว สงฺขํ คโต. อาทิพฺรหฺมจริยโกติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิ ปุพฺพภาคปฺปฏิปตฺติภูโต. อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฏฺายาสนาติ มธุปิณฺฑิกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๙๙ อาทโย) วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.

๒๘๒. อิติ เม จกฺขุนฺติ อิมสฺมึ กิร สุตฺเต ภควา ทฺวาทสายตนวเสเนว มาติกํ เปสิ. เถโรปิ ‘‘ภควตา เหฏฺา ทฺวีสุ, อุปริ จตุตฺเถ จาติ อิเมสุ ตีสุ สุตฺเตสุ ปฺจกฺขนฺธวเสน มาติกา จ วิภงฺโค จ กโต, อิธ ปน ทฺวาทสายตนวเสเนว วิภชนตฺถํ มาติกา ปิตา’’ติ นยํ ปฏิลภิตฺวา เอวมาห. อิมํ ปน นยํ ลภนฺเตน เถเรน ภาริยํ กตํ, อปเท ปทํ ทสฺสิตํ, อากาเส ปทํ กตํ, เตน นํ ภควา อิมเมว สุตฺตํ สนฺธาย – ‘‘เอตทคฺคํ , ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ ยทิทํ มหากจฺจาโน’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๗) เอตทคฺเค เปสิ. เอตฺถ ปน จกฺขูติ จกฺขุปสาโท. รูปาติ จตุสมุฏฺานิกรูปา. อิมินา นเยน เสสายตนานิปิ เวทิตพฺพานิ. วิฺาณนฺติ นิกนฺติวิฺาณํ. ตทภินนฺทตีติ ตํ จกฺขุฺเจว รูปฺจ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินนฺทติ. อนฺวาคเมตีติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนุคจฺฉติ.

อิติ เม มโน อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ ธมฺมาติ เอตฺถ ปน มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ. ธมฺมาติ เตภูมกธมฺมารมฺมณํ.

๒๘๓. ปณิทหตีติ ปตฺถนาวเสน เปสิ. ปณิธานปจฺจยาติ ปตฺถนาฏฺปนการณา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โลมสกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๘๖. เอวํเม สุตนฺติ โลมสกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตํ. ตตฺถ โลมสกงฺคิโยติ องฺคเถโร กิร นาเมส, กายสฺส ปน อีสกโลมสาการตาย โลมสกงฺคิโยติ ปากโฏ ชาโต. จนฺทโนเทวปุตฺโตติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิเรส จนฺทโน นาม อุปาสโก อฑฺโฒ มหทฺธโน ตีณิ รตนานิ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปูเชตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, ปุริมนาเมน จนฺทโน เทวปุตฺโตตฺเวว สงฺขํ คโต. ปณฺฑุกมฺพลสิลายนฺติ รตฺตกมฺพลสิลายํ. ตสฺสา กิร รตฺตกมฺพลสฺเสว ชยสุมนปุปฺผราสิ วิย วณฺโณ, ตสฺมา ‘‘ปณฺฑุกมฺพลสิลา’’ติ วุจฺจติ.

กทา ปน ตตฺถ ภควา วิหาสีติ? โพธิปตฺติโต สตฺตเม สํวจฺฉเร สาวตฺถิยํ อาสาฬฺหีมาสปุณฺณมาย ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา โอรุยฺห กณฺฑมฺพมูเล ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาย มหาชนํ มหาวิทุคฺคโต อุทฺธริตฺวา พุทฺธา นาม ยสฺมา ปาฏิหาริยํ กตฺวา มนุสฺสปเถ น วสนฺติ, ตสฺมา ปสฺสมานสฺเสว ตสฺส ชนสฺส ปทวีกฺกมํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคโต, ตสฺมึ สมเย วิหาสิ.

ตตฺร ภควาติ ตตฺร วิหรนฺโต ภควา เยภุยฺเยน ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ สนฺนิปติตาหิ เทวตาหิ ปริวุโต มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ กเถนฺโต คมฺภีรํ นิปุณํ ติลกฺขณาหตํ รูปารูปปริจฺเฉทกถํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺตานํ เทวานํ สํเวคชนนตฺถํ อนฺตรนฺตรา ภทฺเทกรตฺตสฺส อุทฺเทสฺจ วิภงฺคฺจ อภาสิ. ตตฺรายํ เทวปุตฺโต อุคฺคณฺหนฺโต อิมา คาถา สทฺธึ วิภงฺเคน อุคฺคณฺหิ, เทวตฺตสฺส ปน ปมาทาธิฏฺานตฺตา ทิพฺเพหิ อารมฺมเณหิ นิปฺปีฬิยมาโน อนุปุพฺเพน สุตฺตํ สมฺมุฏฺโ คาถามตฺตเมว ธาเรสิ. เตนาห ‘‘เอวํ โข อหํ ภิกฺขุ ธาเรมิ ภทฺเทกรตฺติโย คาถา’’ติ.

อุคฺคณฺหาหิตฺวนฺติอาทีสุ ตุณฺหีภูโต นิสีทิตฺวา สุณนฺโต อุคฺคณฺหาติ นาม, วาจาย สชฺฌายํ กโรนฺโต ปริยาปุณาติ นาม, อฺเสํ วาเจนฺโต ธาเรติ นาม. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

โลมสกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๒๘๙. เอวํเม สุตนฺติ จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ สุโภติ โส กิร ทสฺสนีโย อโหสิ ปาสาทิโก, เตนสฺส องฺคสุภตาย สุโภตฺเวว นามํ อกํสุ. มาณโวติ ปน ตํ ตรุณกาเล โวหรึสุ, โส มหลฺลกกาเลปิ เตเนว โวหาเรน โวหริยติ. โตเทยฺยปุตฺโตติ โตเทยฺยสฺส นาม ปเสนทิรฺโ ปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต. โส กิร สาวตฺถิยา อวิทูเร ตุทิคาโม นาม อตฺถิ, ตสฺส อธิปติตฺตา โตเทยฺโยติ สงฺขํ คโต. มหาธโน ปน โหติ สตฺตาสีติโกฏิวิภโว ปรมมจฺฉรี, ‘‘ททโต โภคานํ อปริกฺขโย นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ น เทติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘อฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา, วมฺมิกานฺจ สฺจยํ;

มธูนฺจ สมาหารํ, ปณฺฑิโต ฆรมาวเส’’ติ.

เอวํ อทานเมว สิกฺขาเปสิ. ธุรวิหาเร วสโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยาคุอุฬุงฺคมตฺตํ วา ภตฺตกฏจฺฉุมตฺตํ วา อทตฺวา ธนโลเภน กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต. สุโภ ตํ สุนขํ อติวิย ปิยายติ , อตฺตโน ภุฺชนกภตฺตํเยว โภเชติ, อุกฺขิปิตฺวา วรสยเน สยาเปติ. อถ ภควา เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ สุนขํ ทิสฺวา – ‘‘โตเทยฺยพฺราหฺมโณ ธนโลเภน อตฺตโนว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต, อชฺช มยิ สุภสฺส ฆรํ คเต มํ ทิสฺวา สุนโข ภุกฺการํ กริสฺสติ, อถสฺสาหํ เอกํ วจนํ วกฺขามิ, โส ‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’ติ คนฺตฺวา อุทฺธนฏฺาเน นิปชฺชิสฺสติ. ตโตนิทานํ สุภสฺส มยา สทฺธึ เอโก กถาสลฺลาโป ภวิสฺสติ, โส ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺหิสฺสติ, สุนโข ปน กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อิมํ มาณวสฺส สรเณสุ ปติฏฺานภาวํ ตฺวา ภควา ตํ ทิวสํ สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา เอกโกว คามํ ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺเต มาณเว ตํ ฆรํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.

สุนโข ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺการํ กโรนฺโต ภควโต สมีปํ คโต. ตโต นํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘โตเทยฺย ตฺวํ ปุพฺเพปิ มํ โภ โภติ ปริภวิตฺวา สุนโข ชาโต, อิทานิปิ ภุกฺการํ กตฺวา อวีจึ คมิสฺสสี’’ติ. สุนโข ตํ สุตฺวา – ‘‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’’ติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คีวํ โอนาเมตฺวา อุทฺธนนฺตเร ฉาริกายํ นิปนฺโน. มนุสฺสา อุกฺขิปิตฺวา สยเน สยาเปตุํ นาสกฺขึสุ. สุโภ อาคนฺตฺวา – ‘‘เกนายํ สุนโข สยนา โอโรปิโต’’ติ อาห. มนุสฺสา น เกนจีติ วตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. มาณโว สุตฺวา – ‘‘มม ปิตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, โตเทยฺโย นาม สุนโข นตฺถิ. สมโณ ปน โคตโม ปิตรํ สุนขํ กโรติ, ยํกิฺจิ เอส มุขารุฬฺหํ ภาสตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ภควนฺตํ มุสาวาเทน นิคฺคเหตุกาโม วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ.

ภควาปิ ตสฺส ตเถว วตฺวา อวิสํวาทนตฺถํ อาห – ‘‘อตฺถิ ปน เต มาณว ปิตรา อนกฺขาตํ ธน’’นฺติ . อตฺถิ, โภ โคตม, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณมาลา สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาทุกา สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาติ สตสหสฺสฺจ กหาปณนฺติ. คจฺฉ ตํ สุนขํ อปฺโปทกปายาสํ โภชาเปตฺวา สยเน อาโรเปตฺวา อีสกํ นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล ปุจฺฉ, สพฺพํ เต อาจิกฺขิสฺสติ. อถ นํ ชาเนยฺยาสิ ‘‘ปิตา เม เอโส’’ติ. มาณโว – ‘‘สเจ สจฺจํ ภวิสฺสติ, ธนํ ลจฺฉามิ, โน เจ, สมณํ โคตมํ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ทฺวีหิปิ การเณหิ ตุฏฺโ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ. สุนโข – ‘‘าโตมฺหิ อิมินา’’ติ โรทิตฺวา หุํ หุนฺติ กโรนฺโต ธนนิธานฏฺานํ คนฺตฺวา ปาเทน ปถวึ ขณิตฺวา สฺํ อทาสิ, มาณโว ธนํ คเหตฺวา – ‘‘ภวปฏิจฺฉนฺนํ นาม เอวํ สุขุมํ ปฏิสนฺธิอนฺตรํ ปากฏํ สมณสฺส โคตมสฺส, อทฺธา เอส สพฺพฺู’’ติ ภควติ ปสนฺนจิตฺโต จุทฺทส ปฺเห อภิสงฺขริ. องฺควิชฺชาปาโก กิเรส, เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ ธมฺมปณฺณาการํ คเหตฺวา สมณํ โคตมํ ปฺเห ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ทุติยคมเนน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, เตน ปุฏฺปฺเห ปน ภควา เอกปฺปหาเรเนว วิสฺสชฺเชนฺโต กมฺมสฺสกาติอาทิมาห.

ตตฺถ กมฺมํ เอเตสํ สกํ อตฺตโน ภณฺฑกนฺติ กมฺมสฺสกา. กมฺมสฺส ทายาทาติ กมฺมทายาทา, กมฺมํ เอเตสํ ทายชฺชํ ภณฺฑกนฺติ อตฺโถ. กมฺมํ เอเตสํ โยนิ การณนฺติ กมฺมโยนี. กมฺมํ เอเตสํ พนฺธูติ กมฺมพนฺธู, กมฺมาตกาติ อตฺโถ. กมฺมํ เอเตสํ ปฏิสรณํ ปติฏฺาติ กมฺมปฏิสรณา. ยทิทํหีนปฺปณีตตายาติ ยํ อิทํ ‘‘ตฺวํ หีโน ภว, ตฺวํ ปณีโต, ตฺวํ อปฺปายุโก, ตฺวํ ทีฆายุโก…เป… ตฺวํ ทุปฺปฺโ ภว, ตฺวํ ปฺวา’’ติ เอวํ หีนปฺปณีตตาย วิภชนํ, ตํ น อฺโ โกจิ กโรติ, กมฺมเมว เอวํ สตฺเต วิภชตีติ อตฺโถ. น มาณโว กถิตสฺส อตฺถํ สฺชานาสิ, ฆนทุสฺสปฏฺเฏนสฺส มุขํ พนฺธิตฺวา มธุรํ ปุรโต ปิตํ วิย อโหสิ. มานนิสฺสิโต กิเรส ปณฺฑิตมานี, อตฺตนา สมํ น ปสฺสติ. อถสฺส ‘‘กึ สมโณ โคตโม กเถติ, ยมหํ ชานามิ, ตเทว กเถตีติ อยํ มาโน มา อโหสี’’ติ มานภฺชนตฺถํ ภควา ‘‘อาทิโตว ทุปฺปฏิวิชฺฌํ กตฺวา กเถสฺสามิ, ตโต ‘นาหํ โภ โคตม ชานามิ, วิตฺถาเรน เม ปากฏํ กตฺวา กเถถา’ติ มํ ยาจิสฺสติ, อถสฺสาหํ ยาจิตกาเล กเถสฺสามิ, เอวฺจสฺส สาตฺถกํ ภวิสฺสตี’’ติ ทุปฺปฏิวิชฺฌํ กตฺวา กเถสิ.

อิทานิ โส อตฺตโน อปฺปฏิวิทฺธภาวํ ปกาเสนฺโต น โข อหนฺติอาทิมาห.

๒๙๐. สมตฺเตนาติ ปริปุณฺเณน. สมาทินฺเนนาติ คหิเตน ปรามฏฺเน. อปฺปายุกสํวตฺตนิกา เอสา, มาณว, ปฏิปทา ยทิทํ ปาณาติปาตีติ ยํ อิทํ ปาณาติปาตกมฺมํ, เอสา อปฺปายุกสํวตฺตนิกา ปฏิปทาติ.

กถํ ปเนสา อปฺปายุกตํ กโรติ? จตฺตาริ หิ กมฺมานิ อุปปีฬกํ อุปจฺเฉทกํ ชนกํ อุปตฺถมฺภกนฺติ. พลวกมฺเมน หิ นิพฺพตฺตํ ปวตฺเต อุปปีฬกํ อาคนฺตฺวา อตฺถโต เอวํ วทติ นาม – ‘‘สจาหํ ปมตรํ ชาเนยฺยํ, น เต อิธ นิพฺพตฺติตุํ ทเทยฺยํ, จตูสุเยว ตํ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปยฺยํ. โหตุ, ตฺวํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺต, อหํ อุปปีฬกกมฺมํ นาม ตํ ปีเฬตฺวา นิโรชํ นิยูสํ กสฏํ กริสฺสามี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ตํ ตาทิสํ กโรติ. กึ กโรติ? ปริสฺสยํ อุปเนติ, โภเค วินาเสติ.

ตตฺถ ทารกสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย มาตุ อสฺสาโท วา สุขํ วา น โหติ, มาตาปิตูนํ ปีฬาว อุปฺปชฺชติ. เอวํ ปริสฺสยํ อุปเนติ. ทารกสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย เคเห โภคา อุทกํ ปตฺวา โลณํ วิย ราชาทีนํ วเสน นสฺสนฺติ, กุมฺภโทหนเธนุโย ขีรํ น เทนฺติ, สูรตา โคณา จณฺฑา โหนฺติ, กาณา โหนฺติ, ขุชฺชา โหนฺติ, โคมณฺฑเล โรโค ปตติ, ทาสาทโย วจนํ น กโรนฺติ, วาปิตํ สสฺสํ น ชายติ, เคหคตํ เคเห, อรฺคตํ อรฺเ นสฺสติ, อนุปุพฺเพน ฆาสจฺฉาทนมตฺตํ ทุลฺลภํ โหติ, คพฺภปริหาโร น โหติ, วิชาตกาเล มาตุถฺํ ฉิชฺชติ, ทารโก ปริหารํ อลภนฺโต ปีฬิโต นิโรโช นิยูโส กสโฏ โหติ, อิทํ อุปปีฬกกมฺมํ นาม.

ทีฆายุกกมฺเมน ปน นิพฺพตฺตสฺส อุปจฺเฉทกกมฺมํ อาคนฺตฺวา อายุํ ฉินฺทติ. ยถา หิ ปุริโส อฏฺุสภคมนํ กตฺวา สรํ ขิเปยฺย ตมฺโ ธนุโต วิมุตฺตมตฺตํ มุคฺคเรน ปหริตฺวา ตตฺเถว ปาเตยฺย, เอวํ ทีฆายุกกมฺเมน นิพฺพตฺตสฺส อุปจฺเฉทกกมฺมํ อายุํ ฉินฺทติ. กึ กโรติ? โจรานํ อฏวึ ปเวเสติ, วาฬมจฺโฉทกํ โอตาเรติ, อฺตรํ วา ปน สปริสฺสยฏฺานํ อุปเนติ, อิทํ อุปจฺเฉทกกมฺมํ นาม, ‘‘อุปฆาตก’’นฺติปิ เอตสฺเสว นามํ.

ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกํ ปน กมฺมํ ชนกกมฺมํ นาม. อปฺปโภคกุลาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส โภคสมฺปทาทิกรเณน อุปตฺถมฺภกกมฺมํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นาม.

อิเมสุ จตูสุ ปุริมานิ ทฺเว อกุสลาเนว, ชนกํ กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ, อุปตฺถมฺภกํ กุสลเมว. ตตฺถ ปาณาติปาตกมฺมํ อุปจฺเฉทกกมฺเมน อปฺปายุกสํวตฺตนิกํ โหติ. ปาณาติปาตินา วา กตํ กุสลกมฺมํ อุฬารํ น โหติ, ทีฆายุกปฏิสนฺธึ ชเนตุํ น สกฺโกติ. เอวํ ปาณาติปาโต อปฺปายุกสํวตฺตนิโก โหติ. ปฏิสนฺธิเมว วา นิยาเมตฺวา อปฺปายุกํ กโรติ, สนฺนิฏฺานเจตนาย วา นิรเย นิพฺพตฺตติ, ปุพฺพาปรเจตนาหิ วุตฺตนเยน อปฺปายุโก โหติ.

ทีฆายุกสํวตฺตนิกา เอสา มาณว ปฏิปทาติ เอตฺถ ปริตฺตกมฺเมนปิ นิพฺพตฺตํ ปวตฺเต เอตํ ปาณาติปาตา วิรติกมฺมํ อาคนฺตฺวา อตฺถโต เอวํ วทติ นาม – ‘‘สจาหํ ปมตรํ ชาเนยฺยํ, น เต อิธ นิพฺพตฺติตุํ ทเทยฺยํ, เทวโลเกเยว ตํ นิพฺพตฺตาเปยฺยํ. โหตุ, ตฺวํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺติ, อหํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นาม ถมฺภํ เต กริสฺสามี’’ติ อุปตฺถมฺภํ กโรติ. กึ กโรติ? ปริสฺสยํ นาเสติ, โภเค อุปฺปาเทติ.

ตตฺถ ทารกสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย มาตาปิตูนํ สุขเมว สาตเมว โหติ. เยปิ ปกติยา มนุสฺสามนุสฺสปริสฺสยา โหนฺติ, เต สพฺเพ อปคจฺฉนฺติ. เอวํ ปริสฺสยํ นาเสติ. ทารกสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย เคเห โภคานํ ปมาณํ น โหติ, นิธิกุมฺภิโย ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ เคหํ ปวฏฺฏมานา ปวิสนฺติ. มาตาปิตโร ปเรหิ ปิตธนสฺสาปิ สมฺมุขีภาวํ คจฺฉนฺติ. เธนุโย พหุขีรา โหนฺติ, โคณา สุขสีลา โหนฺติ, วปฺปฏฺาเน สสฺสานิ สมฺปชฺชนฺติ. วฑฺฒิยา วา สมฺปยุตฺตํ, ตาวกาลิกํ วา ทินฺนํ ธนํ อโจทิตา สยเมว อาหริตฺวา เทนฺติ, ทาสาทโย สุวจา โหนฺติ, กมฺมนฺตา น ปริหายนฺติ. ทารโก คพฺภโต ปฏฺาย ปริหารํ ลภติ, โกมาริกเวชฺชา สนฺนิหิตาว โหนฺติ. คหปติกุเล ชาโต เสฏฺิฏฺานํ, อมจฺจกุลาทีสุ ชาโต เสนาปติฏฺานาทีนิ ลภติ. เอวํ โภเค อุปฺปาเทติ. โส อปริสฺสโย สโภโค จิรํ ชีวตีติ. เอวํ อปาณาติปาตกมฺมํ ทีฆายุกสํวตฺตนิกํ โหติ.

อปาณาติปาตินา วา กตํ อฺมฺปิ กุสลํ อุฬารํ โหติ, ทีฆายุกปฏิสนฺธึ ชเนตุํ สกฺโกติ, เอวมฺปิ ทีฆายุกสํวตฺตนิกํ โหติ. ปฏิสนฺธิเมว วา นิยาเมตฺวา ทีฆายุกํ กโรติ. สนฺนิฏฺานเจตนาย วา เทวโลเก นิพฺพตฺตติ, ปุพฺพาปรเจตนาหิ วุตฺตนเยน ทีฆายุโก โหติ. อิมินา นเยน สพฺพปฺหวิสฺสชฺชเนสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

วิเหนกมฺมาทีนิปิ หิ ปวตฺเต อาคนฺตฺวา อตฺถโต ตเถว วทมานานิ วิย อุปปีฬเนน นิพฺโภคตํ อาปาเทตฺวา ปฏิชคฺคนํ อลภนฺตสฺส โรคุปฺปาทนาทีหิ วา, วิเหกาทีหิ กตสฺส กุสลสฺส อนุฬารตาย วา, อาทิโตว ปฏิสนฺธินิยามเนน วา, วุตฺตนเยเนว ปุพฺพาปรเจตนาวเสน วา พหฺวาพาธตาทีนิ กโรนฺติ, อปาณาติปาโต วิย จ อวิเหนาทีนิปิ อปฺปาพาธตาทีนีติ.

๒๙๓. เอตฺถ ปน อิสฺสามนโกติ อิสฺสาสมฺปยุตฺตจิตฺโต. อุปทุสฺสตีติ อิสฺสาวเสเนว อุปกฺโกสนฺโต ทุสฺสติ. อิสฺสํ พนฺธตีติ ยวกลาปํ พนฺธนฺโต วิย ยถา น นสฺสติ เอวํ พนฺธิตฺวา วิย เปติ. อปฺเปสกฺโขติ อปฺปปริวาโร, รตฺตึ ขิตฺโต วิย สโร น ปฺายติ, อุจฺฉิฏฺหตฺโถ นิสีทิตฺวา อุทกทายกมฺปิ น ลภติ.

๒๙๔. ทาตา โหตีติ มจฺฉริยวเสน น ทาตา โหติ. เตน กมฺเมนาติ เตน มจฺฉริยกมฺเมน.

๒๙๕. อภิวาเทตพฺพนฺติ อภิวาทนารหํ พุทฺธํ วา ปจฺเจกพุทฺธํ วา อริยสาวกํ วา. ปจฺจุฏฺาตพฺพาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมสฺมึ ปน ปฺหวิสฺสชฺชเน อุปปีฬกอุปตฺถมฺภกกมฺมานิ น คเหตพฺพานิ. น หิ ปวตฺเต นีจกุลินํ วา อุจฺจากุลินํ วา สกฺกา กาตุํ, ปฏิสนฺธิเมว ปน นิยาเมตฺวา นีจกุลิยํ กมฺมํ นีจกุเล นิพฺพตฺเตติ, อุจฺจากุลิยํ กมฺมํ อุจฺจากุเล.

๒๙๖. น ปริปุจฺฉิตา โหตีติ เอตฺถ ปน อปริปุจฺฉเนน นิรเย น นิพฺพตฺตติ. อปริปุจฺฉโก ปน ‘‘อิทํ กาตพฺพํ, อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ น ชานาติ, อชานนฺโต กาตพฺพํ น กโรติ, อกาตพฺพํ กโรติ. เตน นิรเย นิพฺพตฺตติ, อิตโร สคฺเค. อิติ โข, มาณว…เป… ยทิทํ หีนปฺปณีตตายาติ สตฺถา เทสนํ ยถานุสนฺธึ ปาเปสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

สุภสุตฺตนฺติปิ วุจฺจติ.

๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๒๙๘. เอวํเม สุตนฺติ มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ โมฆนฺติ ตุจฺฉํ อผลํ. สจฺจนฺติ ตถํ ภูตํ. อิทฺจ เอเตน น สมฺมุขา สุตํ, อุปาลิสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๕๖) ปน – ‘‘มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา กายกมฺมํ โน ตถา วจีกมฺม’’นฺติ ภควตา วุตฺตํ อตฺถิ, สา กถา ติตฺถิยานํ อนฺตเร ปากฏา ชาตา, ตํ คเหตฺวา เอส วทติ. อตฺถิ จ สา สมาปตฺตีติ อิทํ – ‘‘กถํ นุ โข, โภ, อภิสฺานิโรโธ โหตี’’ติ โปฏฺปาทสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๔๐๖ อาทโย) อุปฺปนฺนํ อภิสฺานิโรธกถํ สนฺธาย วทติ. น กิฺจิ เวทิยตีติ เอกเวทนมฺปิ น เวทิยติ. อตฺถิ จ โขติ เถโร นิโรธสมาปตฺตึ สนฺธาย อนุชานาติ. ปริรกฺขิตพฺพนฺติ ครหโต โมจเนน รกฺขิตพฺพํ. สฺเจตนา อสฺส อตฺถีติ สฺเจตนิกํ, สาภิสนฺธิกํ สฺเจตนิกกมฺมํ กตฺวาติ อตฺโถ. ทุกฺขํ โสติ เถโร ‘‘อกุสลเมว สนฺธาย ปริพฺพาชโก ปุจฺฉตี’’ติ สฺาย เอวํ วทติ.

ทสฺสนมฺปิ โข อหนฺติ ภควา จตุรงฺเคปิ อนฺธกาเร สมนฺตา โยชนฏฺาเน ติลมตฺตมฺปิ สงฺขารํ มํสจกฺขุนาว ปสฺสติ, อยฺจ ปริพฺพาชโก น ทูเร คาวุตมตฺตพฺภนฺตเร วสติ, กสฺมา ภควา เอวมาหาติ? สมาคมทสฺสนํ สนฺธาเยวมาห.

๒๙๙. อุทายีติ ลาลุทายี. ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ สพฺพํ ตํ ทุกฺขเมว. อิติ อิมํ วฏฺฏทุกฺขํ กิเลสทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ สนฺธาย ‘‘สเจ ภาสิตํ ภเวยฺย ภควา’’ติ ปุจฺฉติ.

๓๐๐. อุมฺมงฺคนฺติ ปฺหาอุมฺมงฺคํ. อุมฺมุชฺชมาโนติ สีสํ นีหรมาโน. อโยนิโส อุมฺมุชฺชิสฺสตีติ อนุปาเยน สีสํ นีหริสฺสติ. อิทฺจ ปน ภควา ชานนฺโต เนว ทิพฺพจกฺขุนา น เจโตปริยาเณน น สพฺพฺุตาเณน ชานิ, อธิปฺปาเยเนว ปน อฺาสิ. กเถนฺตสฺส หิ อธิปฺปาโย นาม สุวิชาโน โหติ, กเถตุกาโม คีวํ ปคฺคณฺหาติ, หนุกํ จาเลติ, มุขมสฺส ผนฺทติ, สนฺนิสีทิตุํ น สกฺโกติ. ภควา ตสฺส ตํ อาการํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อุทายี สนฺนิสีทิตุํ น สกฺโกติ, ยํ อภูตํ, ตเทว กเถสฺสตี’’ติ โอโลเกตฺวาว อฺาสิ. อาทึ เยวาติอาทิมฺหิเยว. ติสฺโส เวทนาติ ‘‘กึ โส เวทิยตี’’ติ? ปุจฺฉนฺเตน ‘‘ติสฺโส เวทนา ปุจฺฉามี’’ติ เอวํ ววตฺถเปตฺวาว ติสฺโส เวทนา ปุจฺฉิตา. สุขเวทนิยนฺติ สุขเวทนาย ปจฺจยภูตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

เอตฺถ จ กามาวจรกุสลโต โสมนสฺสสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา จตสฺโส เจตนา, เหฏฺา ติกชฺฌานเจตนาติ เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ สุขเวทนาย ชนนโต สุขเวทนิยํ กมฺมํ นาม. กามาวจรฺเจตฺถ ปฏิสนฺธิยํเยว เอกนฺเตน สุขํ ชเนติ, ปวตฺเต อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ อทุกฺขมสุขมฺปิ.

อกุสลเจตนา ปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ ทุกฺขสฺเสว ชนนโต ทุกฺขเวทนิยํ กมฺมํ นาม. กายทฺวาเร ปวตฺเตเยว เจตํ เอกนฺเตน ทุกฺขํ ชเนติ, อฺตฺถ อทุกฺขมสุขมฺปิ, สา ปน เวทนา อนิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺเตสุเยว อารมฺมเณสุ อุปฺปชฺชนโต ทุกฺขาตฺเวว สงฺขํ คตา.

กามาวจรกุสลโต ปน อุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา จตสฺโส เจตนา, รูปาวจรกุสลโต จตุตฺถชฺฌานเจตนาติ เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ ตติยเวทนาย ชนนโต อทุกฺขมสุขเวทนิยํ กมฺมํ นาม. เอตฺถ จ กามาวจรํ ปฏิสนฺธิยํเยว เอกนฺเตน อทุกฺขมสุขํ ชเนติ, ปวตฺเต อิฏฺารมฺมเณ สุขมฺปิ. อปิจ สุขเวทนิยกมฺมํ ปฏิสนฺธิปวตฺติวเสน วฏฺฏติ, ตถา อทุกฺขมสุขเวทนิยํ, ทุกฺขเวทนิยํ ปวตฺติวเสเนว วฏฺฏติ. เอตสฺส ปน วเสน สพฺพํ ปวตฺติวเสเนว วฏฺฏติ.

เอตสฺส ภควาติ เถโร ตถาคเตน มหากมฺมวิภงฺคกถนตฺถํ อาลโย ทสฺสิโต, ตถาคตํ ยาจิตฺวา มหากมฺมวิภงฺคาณํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปากฏํ กริสฺสามีติ จินฺเตตฺวา อนุสนฺธิกุสลตาย เอวมาห. ตตฺถ มหากมฺมวิภงฺคนฺติ มหากมฺมวิภชนํ. กตเม จตฺตาโร…เป… อิธานนฺท, เอกจฺโจ ปุคฺคโล…เป… นิรยํ อุปปชฺชตีติ อิทํ น มหากมฺมวิภงฺคาณภาชนํ, มหากมฺมวิภงฺคาณภาชนตฺถาย ปน มาติกาฏฺปนํ.

๓๐๑. อิธานนฺท, เอกจฺโจ สมโณ วาติ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. อิทฺหิ ภควา – ‘‘ทิพฺพจกฺขุกา สมณพฺราหฺมณา อิทํ อารมฺมณํ กตฺวา อิมํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา อิทํ ทสฺสนํ คณฺหนฺตี’’ติ ปกาสนตฺถํ อารภิ. ตตฺถ อาตปฺปนฺติอาทีนิ ปฺจปิ วีริยสฺเสว นามานิ. เจโตสมาธินฺติ ทิพฺพจกฺขุสมาธึ. ปสฺสตีติ ‘‘โส สตฺโต กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ โอโลเกนฺโต ปสฺสติ. เย อฺถาติ เย ‘‘ทสนฺนํ กุสลานํ กมฺมปถานํ ปูริตตฺตา นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ าณนฺติ วทติ. อิมินา นเยน สพฺพวาเรสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิทิตนฺติ ปากฏํ. ถามสาติ ทิฏฺิถาเมน. ปรามาสาติ ทิฏฺิปรามาเสน. อภินิวิสฺส โวหรตีติ อธิฏฺหิตฺวา อาทิยิตฺวา โวหรติ.

๓๐๒. ตตฺรานนฺทาติ อิทมฺปิ น มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส ภาชนํ, อถ ขฺวาสฺส มาติกาฏฺปนเมว. เอตฺถ ปน เอเตสํ ทิพฺพจกฺขุกานํ วจเน เอตฺตกา อนุฺาตา, เอตฺตกา อนนุฺาตาติ อิทํ ทสฺสิตํ. ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ จตูสุ สมณพฺราหฺมเณสุ. อิทมสฺสาติ อิทํ วจนํ อสฺส. อฺถาติ อฺเนากาเรน. อิติ อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ วาเท ทฺวีสุ าเนสุ อนุฺาตา, ตีสุ อนนุฺาตาติ เอวํ สพฺพตฺถ อนุฺา นานุฺา เวทิตพฺพา.

๓๐๓. เอวํ ทิพฺพจกฺขุกานํ วจเน อนุฺา จ อนนุฺา จ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มหากมฺมวิภงฺคาณํ วิภชนฺโต ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโลติอาทิมาห.

ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหตีติ ยํ อิมินา ทิพฺพจกฺขุเกน กมฺมํ กโรนฺโต ทิฏฺโ, ตโต ปุพฺเพ กตํ. ปุพฺเพ กเตนปิ หิ นิรเย นิพฺพตฺตติ, ปจฺฉา กเตนปิ นิพฺพตฺตติ, มรณกาเล วา ปน – ‘‘ขนฺโท เสฏฺโ สิโว เสฏฺโ, ปิตามโห เสฏฺโ, อิสฺสราทีหิ วา โลโก วิสฏฺโ’’ติอาทินา มิจฺฉาทสฺสเนนปิ นิพฺพตฺตเตว. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ยํ ตตฺถ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม, ยํ อุปปชฺชเวทนียํ, ตสฺส อุปปชฺชิตฺวา, ยํ อปราปริยเวทนียํ, ตสฺส อปรสฺมึ ปริยาเย วิปากํ ปฏิสํเวเทติ.

อิติ อยํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอกํ กมฺมราสึ เอกฺจ วิปากราสึ อทฺทส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมินา อทิฏฺเ ตโย กมฺมราสี, ทฺเว จ วิปากราสี อทฺทส. อิมินา ปน ทิฏฺเ อทิฏฺเ จ จตฺตาโร กมฺมราสี ตโย จ วิปากราสี อทฺทส. อิมานิ สตฺต านานิ ชานนาณํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ นาม. ทุติยวาเร ทิพฺพจกฺขุเกน กิฺจิ น ทิฏฺํ , ตถาคเตน ปน ตโย กมฺมราสี, ทฺเว จ วิปากราสี ทิฏฺาติ. อิมานิปิ ปฺจ ปจฺจตฺตฏฺานานิ ชานนาณํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ นาม. เสสวารทฺวเยปิ เอเสว นโย.

อภพฺพนฺติ ภูตวิรหิตํ อกุสลํ. อภพฺพาภาสนฺติ อภพฺพํ อาภาสติ อภิภวติ ปฏิพาหตีติ อตฺโถ. พหุกสฺมิฺหิ อกุสลกมฺเม อายูหิเต พลวกมฺมํ ทุพฺพลกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ อิทํ อภพฺพฺเจว อภพฺพาภาสฺจ. กุสลํ ปน อายูหิตฺวา อาสนฺเน อกุสลํ กตํ โหติ, ตํ กุสลสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, อิทํ อภพฺพํ ภพฺพาภาสํ. พหุมฺหิ กุสเล อายูหิเตปิ พลวกมฺมํ ทุพฺพลกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, อิทํ ภพฺพฺเจว ภพฺพาภาสฺจ. อกุสลํ ปน อายูหิตฺวา อาสนฺเน กุสลํ กตํ โหติ, ตํ อกุสลสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, อิทํ ภพฺพํ อภพฺพาภาสํ.

อปิจ อุปฏฺานากาเรนเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ, อภพฺพโต อาภาสติ อุปฏฺาตีติ อภพฺพาภาสํ. ตตฺถ ‘‘ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี’’ติอาทินา นเยน จตฺตาโร ปุคฺคลา วุตฺตา, เตสุ ปมสฺส กมฺมํ อภพฺพํ อภพฺพาภาสํ, ตฺหิ อกุสลตฺตา อภพฺพํ, ตสฺส จ นิรเย นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ นิพฺพตฺติการณภูตํ อกุสลํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ทุติยสฺส กมฺมํ อภพฺพํ ภพฺพาภาสํ, ตฺหิ อกุสลตฺตา อภพฺพํ. ตสฺส ปน สคฺเค นิพฺพตฺตตฺตา อฺติตฺถิยานํ สคฺเค นิพฺพตฺติการณภูตํ กุสลํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. อิตรสฺมิมฺปิ กมฺมทฺวเย เอเสว นโย. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๓๐๔. เอวํเม สุตนฺติ สฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ เวทิตพฺพานีติ สหวิปสฺสเนน มคฺเคน ชานิตพฺพานิ. มโนปวิจาราติ วิตกฺกวิจารา. วิตกฺกุปฺปาทกฺหิ มโน อิธ มโนติ อธิปฺเปตํ, มนสฺส อุปวิจาราติ มโนปวิจารา. สตฺตปทาติ วฏฺฏวิวฏฺฏนิสฺสิตานํ สตฺตานํ ปทา. เอตฺถ หิ อฏฺารส วฏฺฏปทา นาม, อฏฺารส วิวฏฺฏปทา นาม, เตปิ สหวิปสฺสเนน มคฺเคเนว เวทิตพฺพา. โยคฺคาจริยานนฺติ หตฺถิโยคฺคาทิอาจารสิกฺขาปกานํ, ทเมตพฺพทมกานนฺติ อตฺโถ. เสสํ วิภงฺเคเยว อาวิภวิสฺสติ. อยมุทฺเทโสติ อิทํ มาติกาฏฺปนํ.

๓๐๕. จกฺขายตนาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตานิ. จกฺขุวิฺาณนฺติ กุสลากุสลวิปากโต ทฺเว จกฺขุวิฺาณานิ. เสสปสาทวิฺาเณสุปิ เอเสว นโย. อิมานิ ปน ทส เปตฺวา เสสํ อิธ มโนวิฺาณํ นาม.

จกฺขุสมฺผสฺโสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผสฺโส. จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตสมฺผสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

จกฺขุนารูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวา. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. โสมนสฺสฏฺานิยนฺติ โสมนสฺสสฺส อารมฺมณวเสน การณภูตํ. อุปวิจรตีติ ตตฺถ วิจารปวตฺตเนน อุปวิจรติ, วิตกฺโก ตํสมฺปยุตฺโต จาติ อิมินา นเยน อฏฺารส วิตกฺกวิจารสงฺขาตา มโนปวิจารา เวทิตพฺพา. ฉ โสมนสฺสูปวิจาราติ เอตฺถ ปน โสมนสฺเสน สทฺธึ อุปวิจรนฺตีติ โสมนสฺสูปวิจารา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.

๓๐๖. เคหสิตานีติ กามคุณนิสฺสิตานิ. เนกฺขมฺมสิตานีติ วิปสฺสนานิสฺสิตานิ. อิฏฺานนฺติ ปริเยสิตานํ. กนฺตานนฺติ กามิตานํ. มโนรมานนฺติ มโน เอเตสุ รมตีติ มโนรมานิ, เตสํ มโนรมานํ. โลกามิสปฏิสํยุตฺตานนฺติ ตณฺหาปฏิสํยุตฺตานํ. อตีตนฺติ ปฏิลทฺธํ . ปจฺจุปฺปนฺนํ ตาว อารพฺภ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชตุ, อตีเต กถํ อุปฺปชฺชตีติ. อตีเตปิ – ‘‘ยถาหํ เอตรหิ อิฏฺารมฺมณํ อนุภวามิ, เอวํ ปุพฺเพปิ อนุภวิ’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ.

อนิจฺจตนฺติ อนิจฺจาการํ. วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ปกติวิชหเนน วิปริณามํ, วิคจฺฉเนน วิราคํ, นิรุชฺฌเนน นิโรธํ. สมฺมปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาย. อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺสนฺติ อิทํ รฺโ วิย อตฺตโน สิริสมฺปตฺตึ โอโลเกนฺตสฺส วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นิสินฺนสฺส สงฺขารานํ เภทํ ปสฺสโต สงฺขารคตมฺหิ ติกฺเข สูเร วิปสฺสนาาเณ วหนฺเต อุปฺปนฺนโสมนสฺสํ ‘‘เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สุฺาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.

ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตนฺตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔);

อิมานีติ อิมานิ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นิสินฺนสฺส อุปฺปนฺนานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ.

๓๐๗. อตีตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนํ ตาว ปตฺเถตฺวา อลภนฺตสฺส โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตุ, อตีเต กถํ อุปฺปชฺชตีติ. อตีเตปิ ‘‘ยถาหํ เอตรหิ อิฏฺารมฺมณํ ปตฺเถตฺวา น ลภามิ, เอวํ ปุพฺเพปิ ปตฺเถตฺวา น ลภิ’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ.

อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสูติ อนุตฺตรวิโมกฺโข นาม อรหตฺตํ, อรหตฺเต ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อายตนนฺติ อรหตฺตายตนํ. ปิหํ อุปฏฺาปยโตติ ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺส. ตํ ปเนตํ ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, อิติ ปตฺถนามูลกตฺตา ‘‘ปิหํ อุปฏฺาปยโต’’ติ วุตฺตํ. อิมานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โทมนสฺสานีติ อิมานิ เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อรหตฺเต ปิหํ ปฏฺเปตฺวา ตทธิคมาย อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ อุปฏฺเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ อสกฺโกนฺตสฺส – ‘‘อิมมฺปิ ปกฺขํ อิมมฺปิ มาสํ อิมมฺปิ สํวจฺฉรํ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อนุโสจโต คามนฺตปพฺภารวาสิมหาสีวตฺเถรสฺส วิย อสฺสุธาราปวตฺตนวเสน อุปฺปนฺนโทมนสฺสานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสานีติ เวทิตพฺพานิ. วตฺถุ ปน สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย สกฺกปฺหวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๖๑) วิตฺถาริตํ, อิจฺฉนฺเตน ตโต คเหตพฺพํ.

๓๐๘. อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขาติ เอตฺถ อุเปกฺขา นาม อฺาณุเปขา. อโนธิชินสฺสาติ กิเลโสธึ ชินิตฺวา ิตตฺตา ขีณาสโว โอธิชิโน นาม, ตสฺมา อขีณาสวสฺสาติ อตฺโถ. อวิปากชินสฺสาติ เอตฺถปิ อายตึ วิปากํ ชินิตฺวา ิตตฺตา ขีณาสโวว วิปากชิโน นาม, ตสฺมา อขีณาสวสฺเสวาติ อตฺโถ. อนาทีนวทสฺสาวิโนติอาทีนวโต อุปทฺทวโต อปสฺสนฺตสฺส. อิมา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขาติ อิมา เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต คุฬปิณฺฑเก นิลีนมกฺขิกา วิย รูปาทีนิ อนติวตฺตมานา ตตฺถ ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อุปฺปนฺนา อุเปกฺขา ฉ เคหสิตา อุเปกฺขาติ เวทิตพฺพา.

รูปํ สา อติวตฺตตีติ รูปํ สา อนติกฺกมติ, ตตฺถ นิกนฺติวเสน น ติฏฺติ. อิมา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขาติ อิมา เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต อิฏฺเ อรชฺชนฺตสฺส, อนิฏฺเ อทุสฺสนฺตสฺส, อสมเปกฺขเน อสมฺมุยฺหนฺตสฺส, อุปฺปนฺนวิปสฺสนา-าณสมฺปยุตฺตา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขาติ เวทิตพฺพา.

๓๐๙. ตตฺร อิทํ นิสฺสาย อิทํ ปชหถาติ เตสุ ฉตฺตึสสตฺตปเทสุ อฏฺารส นิสฺสาย อฏฺารส ปชหถาติ อตฺโถ. เตเนว – ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานี’’ติอาทิมาห. นิสฺสาย อาคมฺมาติ ปวตฺตนวเสน นิสฺสาย เจว อาคมฺม จ. เอวเมเตสํ สมติกฺกโมโหตีติ เอวํ เนกฺขมฺมสิตานํ ปวตฺตเนน เคหสิตานิ อติกฺกนฺตานิ นาม โหนฺติ.

เอวํ สริกฺขเกเนว สริกฺขกํ ชหาเปตฺวา อิทานิ พลวตา ทุพฺพลํ ชหาเปนฺโต – ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานี’’ติอาทิมาห. เอวํ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺเสหิ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสานิ , เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขาหิ จ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺสานิ ชหาเปนฺเตน พลวตา ทุพฺพลปฺปหานํ กถิตํ.

เอตฺถ ปน ตฺวา อุเปกฺขากถา เวทิตพฺพา – อฏฺสุ หิ สมาปตฺตีสุ ปมาทีนิ จ ตีณิ ฌานานิ, สุทฺธสงฺขาเร จ ปาทเก กตฺวา วิปสฺสนํ อารทฺธานํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตา วา โหติ อุเปกฺขาสหคตา วา, วุฏฺานคามินี ปน โสมนสฺสสหคตาว. จตุตฺถชฺฌานาทีนิ ปาทกานิ กตฺวา วิปสฺสนํ อารทฺธานํ ปฺจนฺนํ ปุพฺพภาควิปสฺสนา ปุริมสทิสาว. วุฏฺานคามินี ปน อุเปกฺขาสหคตา โหติ. อิทํ สนฺธาย – ‘‘ยา ฉ เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา, ตา นิสฺสาย ตา อาคมฺม, ยานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ โสมนสฺสานิ, ตานิ ปชหถา’’ติ วุตฺตํ. น เกวลฺจ เอวํปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อยํ วิปสฺสนาย เวทนาวิเสโสว โหติ, อริยมคฺเคปิ ปน ฌานงฺคโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานมฺปิ วิเสโส โหติ.

โก ปเนตํ วิเสสํ นิยเมติ? เกจิ ตาว เถรา วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ นิยเมตีติ วทนฺติ, เกจิ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตีติ วทนฺติ, เกจิ ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตีติ วทนฺติ. เตสมฺปิ วาเท อยเมว ปุพฺพภาเค วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา นิยเมตีติ เวทิตพฺพา. วินิจฺฉยกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมคฺเค สงฺขารุเปกฺขานิทฺเทเส วุตฺตาว.

๓๑๐. นานตฺตาติ นานา พหู อเนกปฺปการา. นานตฺตสิตาติ นานารมฺมณนิสฺสิตา. เอกตฺตาติ เอกา. เอกตฺตสิตาติ เอการมฺมณนิสฺสิตา. กตมา ปนายํ อุเปกฺขาติ? เหฏฺา ตาว อฺาณุเปกฺขา วุตฺตา, อุปริ ฉฬงฺคุเปกฺขา วกฺขติ, อิธ สมถอุเปกฺขา, วิปสฺสนุเปกฺขาติ ทฺเว อุเปกฺขา คหิตา.

ตตฺถ ยสฺมา อฺาว รูเปสุ อุเปกฺขา, อฺาว สทฺทาทีสุ, น หิ ยา รูเป อุเปกฺขา, สา สทฺทาทีสุ โหติ. รูเป อุเปกฺขา จ รูปเมว อารมฺมณํ กโรติ , น สทฺทาทโย. รูเป อุเปกฺขาภาวฺจ อฺา สมถอุเปกฺขา ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ, อฺา อาโปกสิณาทีนิ. ตสฺมา นานตฺตํ นานตฺตสิตํ วิภชนฺโต อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา รูเปสูติอาทิมาห . ยสฺมา ปน ทฺเว วา ตีณิ วา อากาสานฺจายตนานิ วา วิฺาณฺจายตนาทีนิ วา นตฺถิ, ตสฺมา เอกตฺตํ เอกตฺตสิตํ วิภชนฺโต อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา อากาสานฺจายตนนิสฺสิตาติอาทิมาห.

ตตฺถ อากาสานฺจายตนอุเปกฺขา สมฺปยุตฺตวเสน อากาสานฺจายตนนิสฺสิตา, อากาสานฺจายตนขนฺเธ วิปสฺสนฺตสฺส วิปสฺสนุเปกฺขา อารมฺมณวเสน อากาสานฺจายตนนิสฺสิตา. เสสาสุปิ เอเสว นโย.

ตํ ปชหถาติ เอตฺถ อรูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขาย รูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขํ ปชหาเปติ, อรูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขาย รูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขํ.

อตมฺมยตนฺติ เอตฺถ ตมฺมยตา นาม ตณฺหา, ตสฺสา ปริยาทานโต วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา อตมฺมยตาติ วุจฺจติ. ตํ ปชหถาติ อิธ วุฏฺานคามินีวิปสฺสนาย อรูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขฺจ วิปสฺสนุเปกฺขฺจ ปชหาเปติ.

๓๑๑. ยทริโยติ เย สติปฏฺาเน อริโย สมฺมาสมฺพุทฺโธ เสวติ. ตตฺถ ตีสุ าเนสุ สตึ ปฏฺเปนฺโต สติปฏฺาเน เสวตีติ เวทิตพฺโพ. น สุสฺสูสนฺตีติ สทฺทหิตฺวา โสตุํ น อิจฺฉนฺติ. น อฺาติ ชานนตฺถาย จิตฺตํ น อุปฏฺเปนฺติ. โวกฺกมฺมาติ อติกฺกมิตฺวา. สตฺถุ สาสนาติ สตฺถุ โอวาทํ คเหตพฺพํ ปูเรตพฺพํ น มฺนฺตีติ อตฺโถ. น จ อตฺตมโนติ น สกมโน. เอตฺถ จ เคหสิตโทมนสฺสวเสน อปฺปตีโต โหตีติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ, อปฺปฏิปนฺนเกสุ ปน อตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺตํ. อนวสฺสุโตติ ปฏิฆอวสฺสเวน อนวสฺสุโต. สโต สมฺปชาโนติ สติยา จ าเณน จ สมนฺนาคโต . อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก. อตฺตมโนติ อิธาปิ เคหสิตโสมนสฺสวเสน อุปฺปิลาวิโตติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ, ปฏิปนฺนเกสุ ปน อนตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺตํ. อนวสฺสุโตติ ราคาวสฺสเวน อนวสฺสุโต.

๓๑๒. สาริโตติ ทมิโต. เอกเมว ทิสํ ธาวตีติ อนิวตฺติตฺวา ธาวนฺโต เอกํเยว ทิสํ ธาวติ, นิวตฺติตฺวา ปน อปรํ ธาวิตุํ สกฺโกติ. อฏฺทิสา วิธาวตีติ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน กาเยน อนิวตฺติตฺวาว วิโมกฺขวเสน เอกปฺปหาเรเนว อฏฺ ทิสา วิธาวติ, ปุรตฺถาภิมุโข วา ทกฺขิณาทีสุ อฺตรทิสาภิมุโข วา นิสีทิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย สมาปชฺชติเยวาติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๓๑๓. เอวํเม สุตนฺติ อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺเทสวิภงฺคนฺติ อุทฺเทสฺจ วิภงฺคฺจ, มาติกฺจ วิภชนฺจาติ อตฺโถ. อุปปริกฺเขยฺยาติ ตุเลยฺย ตีเรยฺย ปริคฺคณฺเหยฺย ปริจฺฉินฺเทยฺย. พหิทฺธาติ พหิทฺธาอารมฺมเณสุ. อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ นิกนฺติวเสน อารมฺมเณ ติฏฺมานํ วิกฺขิตฺตํ วิสฏํ นาม โหติ, ตํ ปฏิเสเธนฺโต เอวมาห. อชฺฌตฺตํ อสณฺิตนฺติ โคจรชฺฌตฺเต นิกนฺติวเสน อสณฺิตํ. อนุปาทาย น ปริตสฺเสยฺยาติ อนุปาทิยิตฺวา อคฺคเหตฺวา ตํ วิฺาณํ น ปริตสฺเสยฺย. ยถา วิฺาณํ พหิทฺธา อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺิตํ อนุปาทาย น ปริตสฺเสยฺย, เอวํ ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโวติ ชาติชรามรณสฺส เจว อวเสสสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติ น โหตีติ อตฺโถ.

๓๑๖. รูปนิมิตฺตานุสารีติ รูปนิมิตฺตํ อนุสฺสรติ อนุธาวตีติ รูปนิมิตฺตานุสารี.

๓๑๘. เอวํ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺตํ อสณฺิตนฺติ นิกนฺติวเสน อสณฺิตํ. นิกนฺติวเสน หิ อติฏฺมานํ หานภาคิยํ น โหติ, วิเสสภาคิยเมว โหติ.

๓๒๐. อนุปาทา ปริตสฺสนาติ สตฺถารา ขนฺธิยวคฺเค ‘‘อุปาทาปริตสฺสนฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อนุปาทาอปริตสฺสนฺจา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗) เอวํ คเหตฺวา ปริตสฺสนา, อคฺคเหตฺวาว อปริตสฺสนา จ กถิตา, ตํ มหาเถโร อุปาทาปริตสฺสนเมว อนุปาทาปริตสฺสนนฺติ กตฺวา ทสฺเสนฺโต เอวมาห. กถํ ปเนสา อนุปาทาปริตสฺสนา โหตีติ. อุปาทาตพฺพสฺส อภาวโต. ยทิ หิ โกจิ สงฺขาโร นิจฺโจ วา ธุโว วา อตฺตา วา อตฺตนิโย วาติ คเหตพฺพยุตฺตโก อภวิสฺส, อยํ ปริตสฺสนา อุปาทาปริตสฺสนาว อสฺส. ยสฺมา ปน เอวํ อุปาทาตพฺโพ สงฺขาโร นาม นตฺถิ, ตสฺมา รูปํ อตฺตาติอาทินา นเยน รูปาทโย อุปาทินฺนาปิ อนุปาทินฺนาว โหนฺติ. เอวเมสา ทิฏฺิวเสน อุปาทาปริตสฺสนาปิ สมานา อตฺถโต อนุปาทาปริตสฺสนาเยว นาม โหตีติ เวทิตพฺพา.

อฺถา โหตีติ ปริวตฺตติ ปกติชหเนน นสฺสติ, รูปวิปริณามานุปริวตฺตีติ ‘‘มม รูปํ วิปริณต’’นฺติ วา, ‘‘ยํ อหุ, ตํ วต เม นตฺถี’’ติ วา อาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๒) นเยน กมฺมวิฺาณํ รูปสฺส เภทานุปริวตฺติ โหติ. วิปริณามานุปริวตฺตชาติ วิปริณามสฺส อนุปริวตฺตนโต วิปริณามารมฺมณจิตฺตโต ชาตา. ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทาติ ตณฺหาปริตสฺสนา จ อกุสลธมฺมสมุปฺปาทา จ. จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตีติ กุสลจิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา คเหตฺวา เขเปตฺวา ติฏฺนฺติ. อุตฺตาสวาติ ภยตาเสนปิ สอุตฺตาโส ตณฺหาตาเสนปิ สอุตฺตาโส. วิฆาตวาติ สวิฆาโต สทุกฺโข. อเปกฺขวาติ สาลโย สสิเนโห. เอวํ โข, อาวุโส, อนุปาทา ปริตสฺสนา โหตีติ เอวํ มณิกรณฺฑกสฺาย ตุจฺฉกรณฺฑกํ คเหตฺวา ตสฺมึ นฏฺเ ปจฺฉา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตสฺส วิย ปจฺฉา อคฺคเหตฺวา ปริตสฺสนา โหติ.

๓๒๑. จ รูปวิปริณามานุปริวตฺตีติ ขีณาสวสฺส กมฺมวิฺาณเมว นตฺถิ, ตสฺมา รูปเภทานุปริวตฺติ น โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๓๒๓. เอวํเม สุตนฺติ อรณวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ เนวุสฺสาเทยฺย น อปสาเทยฺยาติ เคหสิตวเสน กฺจิ ปุคฺคลํ เนว อุกฺขิเปยฺย น อวกฺขิเปยฺย. ธมฺมเมว เทเสยฺยาติ สภาวเมว กเถยฺย. สุขวินิจฺฉยนฺติ วินิจฺฉิตสุขํ. รโห วาทนฺติ ปรมฺมุขา อวณฺณํ, ปิสุณวาจนฺติ อตฺโถ. สมฺมุขา น ขีณนฺติ สมฺมุขาปิ ขีณํ อากิณฺณํ สํกิลิฏฺํ วาจํ น ภเณยฺย. นาภินิเวเสยฺยาติ น อธิฏฺหิตฺวา อาทาย โวหเรยฺย. สมฺนฺติ โลกสมฺํ โลกปณฺณตฺตึ. นาติธาเวยฺยาติ นาติกฺกเมยฺย.

๓๒๔. กามปฏิสนฺธิสุขิโนติ กามปฏิสนฺธินา กามูปสํหิเตน สุเขน สุขิตสฺส. สทุกฺโขติ วิปากทุกฺเขน สํกิเลสทุกฺเขนปิ สทุกฺโข. สอุปฆาโตติ วิปากูปฆาตกิเลสูปฆาเตเหว สอุปฆาโต. ตถา สปริฬาโห. มิจฺฉาปฏิปทาติ อยาถาวปฏิปทา อกุสลปฏิปทา.

๓๒๖. อิตฺเถเก อปสาเทตีติ เอวํ เคหสิตวเสน เอกจฺเจ ปุคฺคเล อปสาเทติ. อุสฺสาทเนปิ เอเสว นโย. ภวสํโยชนนฺติ ภวพนฺธนํ, ตณฺหาเยตํ นามํ.

สุภูติตฺเถโร กิร อิมํ จตุกฺกํ นิสฺสาย เอตทคฺเค ปิโต. ภควโต หิ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ปุคฺคลานํ อุสฺสาทนาอปสาทนา ปฺายนฺติ, ตถา สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ. สุภูติตฺเถรสฺส ปน ธมฺมเทสนาย ‘‘อยํ ปุคฺคโล อปฺปฏิปนฺนโก อนาราธโก’’ติ วา, ‘‘อยํ สีลวา คุณวา ลชฺชิเปสโล อาจารสมฺปนฺโน’’ติ วา นตฺถิ, ธมฺมเทสนาย ปนสฺส ‘‘อยํ มิจฺฉาปฏิปทา, อยํ สมฺมาปฏิปทา’’ตฺเวว ปฺายติ. ตสฺมา ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ อาห.

๓๒๙. กาลฺูอสฺสาติ อสมฺปตฺเต จ อติกฺกนฺเต จ กาเล อกเถตฺวา ‘‘อิทานิ วุจฺจมานํ มหาชโน คณฺหิสฺสตี’’ติ ยุตฺตปตฺตกาลํ ตฺวาว ปรมฺมุขา อวณฺณํ ภาเสยฺย. ขีณวาเทปิ เอเสว นโย.

๓๓๐. อุปหฺตีติ ฆาติยติ. สโรปิ อุปหฺตีติ สทฺโทปิ ภิชฺชติ. อาตุรียตีติ อาตุโร โหติ เคลฺปฺปตฺโต สาพาโธ. อวิสฺสฏฺนฺติ วิสฺสฏฺํ อปลิพุทฺธํ น โหติ.

๓๓๑. ตเทวาติ ตํเยว ภาชนํ. อภินิวิสฺส โวหรตีติ ปตฺตนฺติ สฺชานนชนปทํ คนฺตฺวา ‘‘ปตฺตํ อาหรถ โธวถา’’ติ สุตฺวา ‘‘อนฺธพาลปุถุชฺชโน, นยิทํ ปตฺตํ, ปาติ นเมสา, เอวํ วทาหี’’ติ อภินิวิสฺส โวหรติ. เอวํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํ. อติสาโรติ อติธาวนํ.

๓๓๒. ตถา ตถา โวหรติ อปรามสนฺติ อมฺหากํ ชนปเท ภาชนํ ปาตีติ วุจฺจติ, อิเม ปน นํ ปตฺตนฺติ วทนฺตีติ ตโต ปฏฺาย ชนปทโวหารํ มุฺจิตฺวา ปตฺตํ ปตฺตนฺเตว อปรามสนฺโต โวหรติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

๓๓๓. อิทานิ มริยาทภาชนียํ กโรนฺโต ตตฺร, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สรโณติ สรโช สกิเลโส. อรโณติ อรโช นิกฺกิเลโส. สุภูติ จ ปน, ภิกฺขเวติ อยํ เถโร ทฺวีสุ าเนสุ เอตทคฺคํ อารุฬฺโห ‘‘อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูติ, ทกฺขิเณยฺยานํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๒).

ธมฺมเสนาปติ กิร วตฺถุํ โสเธติ, สุภูติตฺเถโร ทกฺขิณํ โสเธติ. ตถา หิ ธมฺมเสนาปติ ปิณฺฑาย จรนฺโต เคหทฺวาเร ิโต ยาว ภิกฺขํ อาหรนฺติ, ตาว ปุพฺพภาเค ปริจฺฉินฺทิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชติ, นิโรธา วุฏฺาย เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ. สุภูติตฺเถโร จ ตเถว เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชติ, เมตฺตาฌานา วุฏฺาย เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ. เอวํ ปน กาตุํ สกฺกาติ. อาม สกฺกา, เนว อจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มหาภิฺปฺปตฺตา สาวกา เอวํ กเรยฺยุํ. อิมสฺมิมฺปิ หิ ตมฺพปณฺณิทีเป โปราณกราชกาเล ปิงฺคลพุทฺธรกฺขิตตฺเถโร นาม อุตฺตรคามํ นิสฺสาย วิหาสิ. ตตฺถ สตฺต กุลสตานิ โหนฺติ, เอกมฺปิ ตํ กุลทฺวารํ นตฺถิ, ยตฺถ เถโร สมาปตฺตึ น สมาปชฺชิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ธาตุวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๓๔๒. เอวํเม สุตนฺติ ธาตุวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ จาริกนฺติ ตุริตคมนจาริกํ. สเจ เต ภคฺคว อครูติ สเจ ตุยฺหํ ภาริยํ อผาสุกํ กิฺจิ นตฺถิ. สเจ โส อนุชานาตีติ ภคฺควสฺส กิร เอตทโหสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม นานาอชฺฌาสยา, เอโก คณาภิรโต โหติ, เอโก เอกาภิรโต. สเจ โส เอกาภิรโต ภวิสฺสติ, ‘อาวุโส, มา ปาวิสิ, มยา สาลา ลทฺธา’ติ วกฺขติ. สเจ อยํ เอกาภิรโต ภวิสฺสติ, ‘อาวุโส, นิกฺขม, มยา สาลา ลทฺธา’ติ วกฺขติ. เอวํ สนฺเต อหํ อุภินฺนํ วิวาทกาเรตา นาม ภวิสฺสามิ, ทินฺนํ นาม ทินฺนเมว วฏฺฏติ, กตํ กตเมวา’’ติ. ตสฺมา เอวมาห.

กุลปุตฺโตติ ชาติกุลปุตฺโตปิ อาจารกุลปุตฺโตปิ. วาสูปคโตติ วาสํ อุปคโต. กุโต อาคนฺตฺวาติ? ตกฺกสีลนครโต.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – มชฺฌิมปฺปเทเส กิร ราชคหนคเร พิมฺพิสาเร รชฺชํ กาเรนฺเต ปจฺจนฺเต ตกฺกสีลนคเร ปุกฺกุสาติ ราชา รชฺชํ กาเรสิ. อถ ตกฺกสีลโต ภณฺฑํ คเหตฺวา วาณิชา ราชคหํ อาคตา ปณฺณาการํ คเหตฺวา ราชานํ อทฺทสํสุ. ราชา เต วนฺทิตฺวา ิเต ‘‘กตฺถวาสิโน ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ตกฺกสีลวาสิโน เทวาติ. อถ เน ราชา ชนปทสฺส เขมสุภิกฺขตาทีนิ นครสฺส จ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โก นาม ตุมฺหากํ ราชา’’ติ ปุจฺฉิ. ปุกฺกุสาติ นาม เทวาติ. ธมฺมิโกติ? อาม เทว ธมฺมิโก. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ สงฺคณฺหาติ, โลกสฺส มาตาปิติฏฺาเน ิโต, องฺเค นิปนฺนทารกํ วิย ชนํ โตเสตีติ. กตรสฺมึ วเย วตฺตตีติ? อถสฺส วยํ อาจิกฺขึสุ. วเยสุปิ พิมฺพิสาเรน สมวโย ชาโต. อถ เต ราชา อาห – ‘‘ตาตา ตุมฺหากํ ราชา ธมฺมิโก, วเยน จ เม สมาโน, สกฺกุเณยฺยาถ ตุมฺหากํ ราชานํ มม มิตฺตํ กาตุ’’นฺติ. สกฺโกม เทวาติ. ราชา เตสํ สุงฺกํ วิสฺสชฺเชตฺวา เคหฺจ ทาเปตฺวา – ‘‘คจฺฉถ ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา คมนกาเล มํ ทิสฺวา คจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตถา กตฺวา คมนกาเล ราชานํ อทฺทสํสุ. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺหากํ ราชานํ มม วจเนน ปุนปฺปุนํ อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘ราชา ตุมฺเหหิ สทฺธึ มิตฺตภาวํ อิจฺฉตี’ติ วทถา’’ติ อาห.

เต สาธูติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คนฺตฺวา ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ภุตฺตปาตราสา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทึสุ. ราชา ‘‘กหํ ภเณ ตุมฺเห เอตฺตเก อิเม ทิวเส น ทิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. เต สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ราชา – ‘‘สาธุ, ตาตา, ตุมฺเห นิสฺสาย มยา มชฺฌิมปฺปเทเส ราชา มิตฺโต ลทฺโธ’’ติ อตฺตมโน อโหสิ. อปรภาเค ราชคหวาสิโนปิ วาณิชา ตกฺกสีลํ อคมํสุ. เต ปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคเต ปุกฺกุสาติ ราชา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชคหโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายสฺส นครโต อาคตา ตุมฺเห’’ติ. อาม เทวาติ. อาโรคฺยํ เม สหายสฺสาติ อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช ปฏฺาย เย มยฺหํ สหายสฺส นครโต ชงฺฆสตฺเถน วา สกฏสตฺเถน วา วาณิชา อาคจฺฉนฺติ, สพฺเพสํ มม วิสยํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย วสนเคหานิ, ราชโกฏฺาคารโต นิวาปฺจ เทนฺตุ, สุงฺกํ วิสฺสชฺเชนฺตุ, กิฺจิ อุปทฺทวํ มา กโรนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. พิมฺพิสาโรปิ อตฺตโน นคเร ตเถว เภรึ จราเปสิ.

อถ พิมฺพิสาโร ปุกฺกุสาติสฺส ปณฺณํ ปหิณิ – ‘‘ปจฺจนฺตเทเส นาม มณิมุตฺตาทีนิ รตนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ยํ มยฺหํ สหายสฺส รชฺเช ทสฺสนียํ วา สวนียํ วา รตนํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ เม มา มจฺฉรายตู’’ติ. ปุกฺกุสาติปิ – ‘‘มชฺฌิมเทโส นาม มหาชนปโท, ยํ ตตฺถ เอวรูปํ รตนํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ เม สหาโย มา มจฺฉรายตู’’ติ ปฏิปณฺณํ ปหิณิ. เอวํ เต คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อฺมฺํ อทิสฺวาปิ ทฬฺหมิตฺตา อเหสุํ.

เอวํ เตสํ กติกํ กตฺวา วสนฺตานํ ปมตรํ ปุกฺกุสาติสฺส ปณฺณากาโร อุปฺปชฺชิ. ราชา กิร อฏฺ ปฺจวณฺเณ อนคฺฆกมฺพเล ลภิ. โส – ‘‘อติสุนฺทรา อิเม กมฺพลา, อหํ สหายสฺส เปสิสฺสามี’’ติ ลาขาคุฬมตฺเต อฏฺ สารกรณฺฑเก ลิขาเปตฺวา เตสุ เต กมฺพเล ปกฺขิปิตฺวา ลาขาย วฏฺฏาเปตฺวา เสตวตฺเถน เวเตฺวา สมุคฺเค ปกฺขิปิตฺวา วตฺเถน เวเตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายสฺส เทถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ. สาสนฺจ อทาสิ – ‘‘อยํ ปณฺณากาโร นครมชฺเฌ อมจฺจาทิปริวุเตน ทฏฺพฺโพ’’ติ. เต คนฺตฺวา พิมฺพิสารสฺส อทํสุ.

โส สาสนํ สุตฺวา อมจฺจาทโย สนฺนิปตนฺตูติ เภรึ จราเปตฺวา นครมชฺเฌ อมจฺจาทิปริวุโต เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน ปลฺลงฺกวเร นิสินฺโน ลฺฉนํ ภินฺทิตฺวา วตฺถํ อปเนตฺวา สมุคฺคํ วิวริตฺวา อนฺโต ภณฺฑิกํ มุฺจิตฺวา ลาขาคุเฬ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ สหาโย ปุกฺกุสาติ ‘ชุตวิตฺตโก เม สหาโย’ติ มฺมาโน มฺเ อิมํ ปณฺณาการํ ปหิณี’’ติ เอกํ คุฬํ คเหตฺวา หตฺเถน วฏฺเฏตฺวา ตุลยนฺโตว อนฺโต ทุสฺสภณฺฑิกํ อตฺถีติ อฺาสิ. อถ นํ ปลฺลงฺกปาเท ปหริตฺวา ตาวเทว ลาขา ปริปติ, โส นเขน กรณฺฑกํ วิวริตฺวา อนฺโต กมฺพลรตนํ ทิสฺวา อิตเรปิ วิวราเปสิ, สพฺเพปิ กมฺพลา อเหสุํ. อถ เน ปตฺถราเปสิ, เต วณฺณสมฺปนฺนา ผสฺสสมฺปนฺนา ทีฆโต โสฬสหตฺถา ติริยํ อฏฺหตฺถา อเหสุํ. มหาชโน ทิสฺวา องฺคุลิโย โปเสิ, เจลุกฺเขปํ อกาสิ, – ‘‘อมฺหากํ รฺโ อทิฏฺสหาโย ปุกฺกุสาติ อทิสฺวาว เอวรูปํ ปณฺณาการํ เปเสสิ, ยุตฺตํ เอวรูปํ มิตฺตํ กาตุ’’นฺติ อตฺตมโน อโหสิ. ราชา เอกเมกํ กมฺพลํ อคฺฆาเปสิ, สพฺเพ อนคฺฆา อเหสุํ. เตสุ จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เปเสสิ, จตฺตาโร อตฺตโน ฆเร อกาสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘ปจฺฉา เปเสนฺเตน ปมํ เปสิตปณฺณาการโต อติเรกํ เปเสตุํ วฏฺฏติ, สหาเยน จ เม อนคฺโฆ ปณฺณากาโร เปสิโต, กึ นุ โข เปเสมี’’ติ?

กึ ปน ราชคเห ตโต อธิกํ รตนํ นตฺถีติ? โน นตฺถิ, มหาปุฺโ ราชา, อปิจ โข ปนสฺส โสตาปนฺนกาลโต ปฏฺาย เปตฺวา ตีณิ รตนานิ อฺํ รตนํ โสมนสฺสํ ชเนตุํ สมตฺถํ นาม นตฺถิ . โส รตนํ วิจินิตุํ อารทฺโธ – รตนํ นาม สวิฺาณกํ อวิฺาณกนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ อวิฺาณกํ สุวณฺณรชตาทิ, สวิฺาณกํ อินฺทฺริยพทฺธํ. อวิฺาณกํ สวิฺาณกสฺเสว อลงฺการาทิวเสน ปริโภคํ โหติ, อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ รตเนสุ สวิฺาณกํ เสฏฺํ. สวิฺาณกมฺปิ ทุวิธํ ติรจฺฉานรตนํ มนุสฺสรตนนฺติ. ตตฺถ ติรจฺฉานรตนํ หตฺถิอสฺสรตนํ, ตมฺปิ มนุสฺสานํ อุปโภคตฺถเมว นิพฺพตฺตติ , อิติ อิเมสุปิ ทฺวีสุ มนุสฺสรตนํ เสฏฺํ. มนุสฺสรตนมฺปิ ทุวิธํ อิตฺถิรตนํ ปุริสรตนนฺติ. ตตฺถ จกฺกวตฺติโน รฺโ อุปฺปนฺนํ อิตฺถิรตนมฺปิ ปุริสสฺเสว อุปโภคํ. อิติ อิเมสุปิ ทฺวีสุ ปุริสรตนเมว เสฏฺํ.

ปุริสรตนมฺปิ ทุวิธํ อคาริยรตนํ อนคาริยรตนฺจ. ตตฺถ อคาริยรตเนสุปิ จกฺกวตฺติราชา อชฺช ปพฺพชิตสามเณรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทติ, อิติ อิเมสุปิ ทฺวีสุ อนคาริยรตนเมว เสฏฺํ. อนคาริยรตนมฺปิ ทุวิธํ เสกฺขรตนฺจ อเสกฺขรตนฺจ. ตตฺถ สตสหสฺสมฺปิ เสกฺขานํ อเสกฺขสฺส ปเทสํ น ปาปุณาติ, อิติ อิเมสุปิ ทฺวีสุ อเสกฺขรตนเมว เสฏฺํ. ตมฺปิ ทุวิธํ พุทฺธรตนํ สาวกรตนนฺติ. ตตฺถ สตสหสฺสมฺปิ สาวกรตนานํ พุทฺธรตนสฺส ปเทสํ น ปาปุณาติ, อิติ อิเมสุปิ ทฺวีสู พุทฺธรตนเมว เสฏฺํ.

พุทฺธรตนมฺปิ ทุวิธํ ปจฺเจกพุทฺธรตนํ สพฺพฺุพุทฺธรตนนฺติ. ตตฺถ สตสหสฺสมฺปิ ปจฺเจกพุทฺธานํ สพฺพฺุพุทฺธสฺส ปเทสํ น ปาปุณาติ, อิติ อิเมสุปิ ทฺวีสุ สพฺพฺุพุทฺธรตนํเยว เสฏฺํ. สเทวกสฺมิฺหิ โลเก พุทฺธรตนสมํ รตนํ นาม นตฺถิ. ตสฺมา อสทิสเมว รตนํ มยฺหํ สหายสฺส เปเสสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ตกฺกสีลวาสิโน ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา ตุมฺหากํ ชนปเท พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆติ อิมานิ ตีณิ รตนานิ ทิสฺสนฺตี’’ติ. โฆโสปิ โส มหาราช ตาว ตตฺถ นตฺถิ, ทสฺสนํ ปน กุโตติ.

‘‘สุนฺทรํ ตาตา’’ติ ราชา ตุฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘สกฺกา ภเวยฺย ชนสงฺคหตฺถาย มยฺหํ สหายสฺส วสนฏฺานํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เปเสตุํ, พุทฺธา ปน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ น อรุณํ อุฏฺเปนฺติ. ตสฺมา สตฺถารา คนฺตุํ น สกฺกา. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวเก เปเสตุํ สกฺกา ภเวยฺย. มยา ปน ‘เถรา ปจฺจนฺเต วสนฺตี’ติ สุตฺวาปิ มนุสฺเส เปเสตฺวา เต อตฺตโน สมีปํ อาณาเปตฺวา อุปฏฺาตุเมว ยุตฺตํ. ตสฺมา น เถเรหิปิ สกฺกา คนฺตุํ. เยน ปนากาเรน สาสเน เปสิเต สตฺถา จ มหาสาวกา จ คตา วิย โหนฺติ, เตนากาเรน สาสนํ ปหิณิสฺสามี’’ติ. จินฺเตตฺวา จตุรตนายามํ วิทตฺถิมตฺตปุถุลํ นาติตนุํ นาติพหลํ สุวณฺณปฏฺฏํ การาเปตฺวา ‘‘ตตฺถ อชฺช อกฺขรานิ ลิขิสฺสามี’’ติ. ปาโตว สีสํ นฺหายิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย ภุตฺตปาตราโส อปนีตคนฺธมาลาภรโณ สุวณฺณสรเกน ชาติหิงฺคุลิกํ อาทาย เหฏฺโต ปฏฺาย ทฺวารานิ ปิทหนฺโต ปาสาทมารุยฺห ปุพฺพทิสามุขํ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา อากาสตเล นิสีทิตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ อกฺขรานิ ลิขนฺโต – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปนฺโน อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’’ติ. พุทฺธคุเณ ตาว เอกเทเสน ลิขิ.

ตโต ‘‘เอวํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวนโต จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ , เอวํ โลกวิวรณํ อโหสิ, มาตุกุจฺฉิยํ วสมาเน อิทํ นาม อโหสิ, อคารมชฺเฌ วสมาเน อิทํ นาม อโหสิ, เอวํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต เอวํ มหาปธานํ ปทหิ. เอวํ ทุกฺกรการิกํ กตฺวา มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิ, สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส เอวํ โลกวิวรณํ อโหสิ. สเทวเก โลเก อฺํ เอวรูปํ รตนํ นาม นตฺถีติ.

ยํกิฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา,

สคฺเคสุ วา ยํ รตนํ ปณีตํ;

น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตน,

อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ;

เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) –

เอวํ เอกเทเสน พุทฺธคุเณปิ ลิขิตฺวา ทุติยํ ธมฺมรตนํ โถเมนฺโต – ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม…เป… ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ. ‘‘สตฺถารา เทสิตธมฺโม นาม เอวรูโป จ เอวรูโป จา’’ติ สตฺตตึส โพธิปกฺขิเย เอกเทเสน ลิขิตฺวา –

‘‘ยํ พุทฺธเสฏฺโ ปริวณฺณยี สุจึ,

สมาธิมานนฺตริกฺมาหุ;

สมาธินา เตน สโม น วิชฺชติ,

อิทมฺปิ ธมฺเม รตนํ ปณีตํ;

เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๕; สุ. นิ. ๒๒๘) –

เอวํ เอกเทเสน ธมฺมคุเณ ลิขิตฺวา ตติยํ สงฺฆรตนํ โถเมนฺโต – ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ…เป… ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ‘‘กุลปุตฺตา นาม สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา เอวํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เกจิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย ปพฺพชนฺติ, เกจิ อุปรชฺชํ, เกจิ เสนาปติฏฺานาทีนิ ปหาย ปพฺพชนฺติ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน อิมฺจ ปฏิปตฺตึ ปูเรนฺตี’’ติ จูฬสีลมชฺฌิมสีลมหาสีลาทีนิ เอกเทเสน ลิขิตฺวา ฉทฺวารสํวรํ สติสมฺปชฺํ จตุปจฺจยสนฺโตสํ นววิธํ เสนาสนํ, นีวรณปฺปหานํ ปริกมฺมํ ฌานาภิฺา อฏฺตึส กมฺมฏฺานานิ ยาว อาสวกฺขยา เอกเทเสน ลิขิ, โสฬสวิธํ อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ วิตฺถาเรเนว ลิขิตฺวา ‘‘สตฺถุ สาวกสงฺโฆ นาม เอวรูเปหิ จ คุเณหิ สมนฺนาคโต.

เย ปุคฺคลา อฏฺสตํ ปสฏฺา,

จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ;

เต ทกฺขิเณยฺยา สุคตสฺส สาวกา,

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ;

อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ ปณีตํ,

เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๖; สุ. นิ. ๒๒๙) –

เอวํ เอกเทเสน สงฺฆคุเณ ลิขิตฺวา – ‘‘ภควโต สาสนํ สฺวากฺขาตํ นิยฺยานิกํ, สเจ มยฺหํ สหาโย สกฺโกติ, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชตู’’ติ ลิขิตฺวา สุวณฺณปฏฺฏํ สํหริตฺวา สุขุมกมฺพเลน เวเตฺวา สารสมุคฺเค ปกฺขิปิตฺวา ตํ สมุคฺคํ สุวณฺณมเย, สุวณฺณมยํ, รชตมเย รชตมยํ มณิมเย, มณิมยํ ปวาฬมเย, ปวาฬมยํ โลหิตงฺกมเย, โลหิตงฺกมยํ มสารคลฺลมเย, มสารคลฺลมยํ ผลิกมเย, ผลิกมยํ ทนฺตมเย, ทนฺตมยํ สพฺพรตนมเย, สพฺพรตนมยํ กิลฺชมเย, กิลฺชมยํ สมุคฺคํ สารกรณฺฑเก เปสิ.

ปุน สารกรณฺฑกํ สุวณฺณกรณฺฑเกติ ปุริมนเยเนว หริตฺวา สพฺพรตนมยํ กรณฺฑกํ กิลฺชมเย กรณฺฑเก เปสิ. ตโต กิลฺชมยํ กรณฺฑกํ สารมยเปฬายาติ ปุน วุตฺตนเยเนว หริตฺวา สพฺพรตนมยํ เปฬํ กิลฺชมยเปฬาย เปตฺวา พหิ วตฺเถน เวเตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘มม อาณาปวตฺติฏฺาเน มคฺคํ อลงฺการาเปถ มคฺโค อฏฺุสภวิตฺถโต โหตุ, จตุอุสภฏฺานํ โสธิตมตฺตกเมว โหตุ, มชฺเฌ จตุอุสภํ ราชานุภาเวน ปฏิยาเทถา’’ติ. ตโต มงฺคลหตฺถึ อลงฺการาเปตฺวา ตสฺส อุปริ ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา นครวีถิโย สิตฺตสมฺมฏฺา สมุสฺสิตทฺธชปฏากา กทลิปุณฺณฆฏคนฺธธูมปุปฺผาทีหิ สุปฺปฏิมณฺฑิตา กาเรตฺวา ‘‘อตฺตโน อตฺตโน วิสยปฺปเทเส เอวรูปํ ปูชํ กาเรนฺตู’’ติ อนฺตรโภคิกานํ ชวนทูเต เปเสตฺวา สยํ สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา – ‘‘สพฺพตาฬาวจรสมฺมิสฺสพลกายปริวุโต ปณฺณาการํ เปเสมี’’ติ อตฺตโน วิสยปริยนฺตํ คนฺตฺวา อมจฺจสฺส มุขสาสนํ อทาสิ – ‘‘ตาต มยฺหํ สหาโย ปุกฺกุสาติ อิมํ ปณฺณาการํ ปฏิจฺฉนฺโต โอโรธมชฺเฌ อปฏิจฺฉิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห ปฏิจฺฉตู’’ติ. เอวํ สาสนํ ทตฺวา ปจฺจนฺตเทสํ สตฺถา คจฺฉตีติ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. อนฺตรโภคิกา เตเนว นิยาเมน มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา ปณฺณาการํ นยึสุ.

ปุกฺกุสาติปิ อตฺตโน รชฺชสีมโต ปฏฺาย เตเนว นิยาเมน มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา นครํ อลงฺการาเปตฺวา ปณฺณาการสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ. ปณฺณากาโร ตกฺกสีลํ ปาปุณนฺโต อุโปสถทิวเส ปาปุณิ, ปณฺณาการํ คเหตฺวา คตอมจฺโจปิ รฺโ วุตฺตสาสนํ อาโรเจสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ปณฺณากาเรน สทฺธึ อาคตานํ กตฺตพฺพกิจฺจํ วิจาเรตฺวา ปณฺณาการํ อาทาย ปาสาทํ อารุยฺห ‘‘มา อิธ โกจิ ปวิสตู’’ติ ทฺวาเร อารกฺขํ กาเรตฺวา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ปณฺณาการํ อุจฺจาสเน เปตฺวา สยํ นีจาสเน นิสินฺโน ลฺฉนํ ภินฺทิตฺวา นิวาสนํ อปเนตฺวา กิลฺชเปฬโต ปฏฺาย อนุปุพฺเพน วิวรนฺโต สารมยํ สมุคฺคํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มหาปริหาโร นายํ อฺสฺส รตนสฺส ภวิสฺสติ, อทฺธา มชฺฌิมเทเส โสตพฺพยุตฺตกํ รตนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. อถ ตํ สมุคฺคํ วิวริตฺวา ราชลฺฉนํ ภินฺทิตฺวา สุขุมกมฺพลํ อุภโต วิยูหิตฺวา สุวณฺณปฏฺฏํ อทฺทส.

โส ตํ ปสาเรตฺวา – ‘‘มนาปานิ วต อกฺขรานิ สมสีสานิ สมปนฺตีนิ จตุรสฺสานี’’ติอาทิโต ปฏฺาย วาเจตุํ อารภิ. ตสฺส – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ พุทฺธคุเณ วาเจนฺตสฺส พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, นวนวุติโลมกูปสหสฺสานิ อุทฺธคฺคโลมานิ อเหสุํ. อตฺตโน ิตภาวํ วา นิสินฺนภาวํ วา น ชานาติ. อถสฺส – ‘‘กปฺปโกฏิสตสหสฺเสหิปิ เอตํ ทุลฺลภสาสนํ สหายํ นิสฺสาย โสตุํ ลภามี’’ติ ภิยฺโย พลวปีติ อุทปาทิ. โส หิ อุปริ วาเจตุํ อสกฺโกนฺโต ยาว ปีติเวคปสฺสทฺธิยา นิสีทิตฺวา ปรโต – ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติ ธมฺมคุเณ อารภิ. ตตฺราปิสฺส ตเถว อโหสิ. โส ปุน ยาว ปีติเวคปสฺสทฺธิยา นิสีทิตฺวา ปรโต ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติ สงฺฆคุเณ อารภิ . ตตฺราปิสฺส ตเถว อโหสิ. อถ สพฺพปริยนฺเต อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ วาเจตฺวา จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ นิพฺพตฺเตสิ, โส ฌานสุเขเนว วีตินาเมสิ. อฺโ โกจิ ทฏฺุํ น ลภติ, เอโกว จูฬุปฏฺาโก ปวิสติ. เอวํ อทฺธมาสมตฺตํ วีตินาเมสิ.

นาครา ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา อุกฺกุฏฺึ อกํสุ ‘‘ปณฺณาการํ ปฏิจฺฉิตทิวสโต ปฏฺาย พลทสฺสนํ วา นาฏกทสฺสนํ วา นตฺถิ, วินิจฺฉยทานํ นตฺถิ, ราชา สหาเยน ปหิตํ ปณฺณาการํ ยสฺสิจฺฉติ ตสฺส ทสฺเสตุ, ราชาโน นาม เอกจฺจสฺส ปณฺณาการวเสนปิ วฺเจตฺวา รชฺชํ อตฺตโน กาตุํ วายมนฺติ. กึ นาม อมฺหากํ ราชา กโรตี’’ติ? ราชา อุกฺกุฏฺิสทฺทํ สุตฺวา – ‘‘รชฺชํ นุ โข ธาเรมิ, อุทาหุ สตฺถาร’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘รชฺชการิตอตฺตภาโว นาม เนว คณเกน, น คณกมหามตฺเตน คเณตุํ สกฺโก. สตฺถุสาสนํ ธาเรสฺสามี’’ติ สยเน ปิตํ อสึ คเหตฺวา เกเส ฉินฺทิตฺวา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา – ‘‘เอตํ คเหตฺวา รชฺชํ กาเรถา’’ติ สทฺธึ จูฬามณินา เกสกลาปํ ปริสมชฺเฌ ปาเตสิ, มหาชโน ตํ อุกฺขิปิตฺวา – ‘‘สหายกสนฺติกา ลทฺธปณฺณาการา นาม ราชาโน ตุมฺหาทิสา โหนฺติ เทวา’’ติ เอกปฺปหาเรเนว วิรวิ. รฺโปิ ทฺวงฺคุลมตฺตํ เกสมสฺสุ อโหสิ. โพธิสตฺตสฺส ปพฺพชฺชาสทิสเมว กิร ชาตํ.

ตโต จูฬุปฏฺากํ เปเสตฺวา อนฺตราปณา ทฺเว กาสายวตฺถานิ มตฺติกาปตฺตฺจ อาหราเปตฺวา – ‘‘เย โลเก อรหนฺโต, เต อุทฺทิสฺส มยฺหํ ปพฺพชฺชา’’ติ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ วามอํสกูเฏ กตฺวา กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา – ‘‘โสภติ นุ โข เม ปพฺพชฺชา โน วา’’ติ มหาตเล กติปยวาเร อปราปรํ จงฺกมิตฺวา – ‘‘โสภติ เม ปพฺพชฺชา’’ติ ทฺวารํ วิวริตฺวา ปาสาทา โอตริ. โอตรนฺตํ ปน นํ ตีสุ ทฺวาเรสุ ิตนาฏกาทีนิ ทิสฺวาปิ น สฺชานึสุ. ‘‘เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ อมฺหากํ รฺโ ธมฺมกถํ กเถตุํ อาคโต’’ติ กิร จินฺตยึสุ. อุปริปาสาทํ ปน อารุยฺห รฺโ ิตนิสินฺนฏฺานานิ ทิสฺวา ราชา คโตติ ตฺวา สมุทฺทมชฺเฌ โอสีทมานาย นาวาย ชโน วิย เอกปฺปหาเรเนว วิรวึสุ. กุลปุตฺตํ ภูมิตลํ โอติณฺณมตฺตํ อฏฺารสเสนิโย สพฺเพ นาครา พลกายา จ ปริวาเรตฺวา มหาวิรวํ วิรวึสุ. อมจฺจาปิ ตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เทว มชฺฌิมเทสราชาโน นาม พหุมายา, สาสนํ เปเสตฺวา พุทฺธรตนํ นาม โลเก อุปฺปนฺนํ วา โน วาติ ตฺวา คมิสฺสถ , นิวตฺตถ เทวา’’ติ. สทฺทหามหํ มยฺหํ สหายกสฺส, ตสฺส มยา สทฺธึ ทฺเวชฺฌวจนํ นาม นตฺถิ, ติฏฺถ ตุมฺเหติ. เต อนุคจฺฉนฺติเยว.

กุลปุตฺโต กตฺตรทณฺเฑน เลขํ กตฺวา – ‘‘อิทํ รชฺชํ กสฺสา’’ติ อาห? ตุมฺหากํ เทวาติ. โย อิมํ เลขํ อนฺตรํ กโรติ, ราชาณาย กาเรตพฺโพติ. มหาชนกชาตเก โพธิสตฺเตน กตเลขํ สีวลิเทวี อนฺตรํ กาตุํ อวิสหนฺตี วิวตฺตมานา อคมาสิ. ตสฺสา คตมคฺเคน มหาชโน อคมาสิ. ตํ ปน เลขํ มหาชโน อนฺตรํ กาตุํ น วิสหิ, เลขํ อุสฺสีสกํ กตฺวา วิวตฺตมานา วิรวึสุ. กุลปุตฺโต ‘‘อยํ เม คตฏฺาเน ทนฺตกฏฺํ วา มุโขทกํ วา ทสฺสตี’’ติ อนฺตมโส เอกเจฏกมฺปิ อคฺคเหตฺวา ปกฺกามิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘มม สตฺถา จ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา เอกโกว ปพฺพชิโต’’ติ เอกโกว อคมาสิ. ‘‘สตฺถุ ลชฺชามี’’ติ จ – ‘‘สตฺถา กิร เม ปพฺพชิตฺวา ยานํ นารุฬฺโห’’ติ จ อนฺตมโส เอกปฏลิกมฺปิ อุปาหนํ นารุหิ, ปณฺณจฺฉตฺตกมฺปิ น ธาเรสิ. มหาชโน รุกฺขปาการฏฺฏาลกาทีนิ อารุยฺห เอส อมฺหากํ ราชา คจฺฉตีติ โอโลเกสิ. กุลปุตฺโต – ‘‘ทูรํ คนฺตพฺพํ, น สกฺกา เอเกน มคฺโค นิตฺถริตุ’’นฺติ เอกํ สตฺถวาหํ อนุพนฺธิ. สุขุมาลสฺส กุลปุตฺตสฺส กินตตฺตาย ปถวิยา คฉนฺตสฺส ปาทตเลสุ โผฏา อุฏฺหิตฺวา ภิชฺชนฺติ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ. สตฺถวาเห ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา นิสินฺเน กุลปุตฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทติ. นิสินฺนฏฺาเน ปาทปริกมฺมํ วา ปิฏฺิปริกมฺมํ วา กตฺตา นาม นตฺถิ, กุลปุตฺโต อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา มคฺคทรถกิลมถปริฬาหํ วิกฺขมฺเภตฺวา ฌานรติยา วีตินาเมติ.

ปุนทิวเส อุฏฺิเต อรุเณ สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปุน สตฺถวาหํ อนุพนฺธติ. ปาตราสกาเล กุลปุตฺตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ขาทนียํ โภชนียํ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา เทนฺติ. ตํ อุตฺตณฺฑุลมฺปิ โหติ กิลินฺนมฺปิ สมสกฺขรมฺปิ อโลณาติโลณมฺปิ, กุลปุตฺโต ปวิสนฏฺานํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อมตํ วิย ปริภุฺชิตฺวา เอเตน นิยาเมน อฏฺหิ อูนกานิ ทฺเว โยชนสตานิ คโต. เชตวนทฺวารโกฏฺกสฺส ปน สมีเปน คจฺฉนฺโตปิ – ‘‘กหํ สตฺถา วสตี’’ติ นาปุจฺฉิ. กสฺมา? สตฺถุคารเวน เจว รฺโ เปสิตสาสนวเสน จ. รฺโ หิ – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ สตฺถารํ ราชคเห อุปฺปนฺนํ วิย กตฺวา สาสนํ เปสิตํ, ตสฺมา นํ อปุจฺฉิตฺวาว ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺตํ มคฺคํ อติกฺกนฺโต. โส สูริยตฺถงฺคมนเวลาย ราชคหํ ปตฺวา สตฺถา กหํ วสตีติ ปุจฺฉิ. กุโต นุ, ภนฺเต, อาคโตติ? อิโต อุตฺตรโตติ. สตฺถา ตุยฺหํ อาคตมคฺเค อิโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺเต สาวตฺถิ นาม อตฺถิ, ตตฺถ วสตีติ. กุลปุตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ อกาโล น สกฺกา คนฺตุํ, อชฺช อิเธว วสิตฺวา สฺเว สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ. ตโต – ‘‘วิกาเล สมฺปตฺตปพฺพชิตา กหํ วสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. อิมาย กุมฺภการสาลาย, ภนฺเตติ. อถ โส ตํ กุมฺภการํ ยาจิตฺวา ตตฺถ วาสตฺถาย ปวิสิตฺวา นิสีทิ.

ภควาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ปุกฺกุสาตึ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ กุลปุตฺโต สหาเยน เปสิตํ สาสนมตฺตกํ วาเจตฺวา อติเรกติโยชนสติกํ มหารชฺชํ ปหาย มํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตฺวา อฏฺหิ อูนกานิ ทฺเว โยชนสตานิ อติกฺกมฺม ราชคหํ ปาปุณิสฺสติ, มยิ อคจฺฉนฺเต ปน ตีณิ สามฺผลานิ อปฺปฏิวิชฺฌิตฺวา เอกรตฺติวาเสน อนาถกาลกิริยํ กริสฺสติ, มยิ ปน คเต ตีณิ สามฺผลานิ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ. ชนสงฺคหตฺถาเยว ปน มยา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูริตา, กริสฺสามิ ตสฺส สงฺคห’’นฺติ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา มุหุตฺตํ อตฺตทรถกิลมถํ ปฏิปสฺสมฺเภตฺวา – ‘‘กุลปุตฺโต มยิ คารเวน ทุกฺกรํ อกาสิ, อติเรกโยชนสตํ รชฺชํ ปหาย อนฺตมโส มุขโธวนทายกมฺปิ เจฏกํ อคฺคเหตฺวา เอกโกว นิกฺขนฺโต’’ติ สาริปุตฺตมหาโมคฺคลฺลานาทีสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สยเมว อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา เอกโกว นิกฺขนฺโต. คจฺฉนฺโต จ เนว อากาเส อุปฺปติ, น ปถวึ สํขิปิ, – ‘‘กุลปุตฺโต มม ลชฺชมาโน หตฺถิอสฺสรถสุวณฺณสิวิกาทีสุ เอกยาเนปิ อนิสีทิตฺวา อนฺตมโส เอกปฏลิกํ อุปาหนมฺปิ อนารุยฺห ปณฺณจฺฉตฺตกมฺปิ อคฺคเหตฺวา นิกฺขนฺโต, มยาปิ ปทสาว คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปน จินฺเตตฺวา ปทสาว อคมาสิ.

โส อสีติ อนุพฺยฺชนานิ พฺยามปฺปภา พาตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานีติ อิมํ พุทฺธสิรึ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วลาหกปฏิจฺฉนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย อฺตรภิกฺขุเวเสน คจฺฉนฺโต เอกปจฺฉาภตฺเตเนว ปฺจจตฺตาลีส โยชนานิ อติกฺกมฺม สูริยตฺถงฺคมลีเวลาย กุลปุตฺเต ปวิฏฺมตฺเตเยว ตํ กุมฺภการสาลํ ปาปุณิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน, ปุกฺกุสาติ, นาม กุลปุตฺโต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส สทฺธาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส ตสฺมึ กุมฺภการาเวสเน ปมํ วาสูปคโต โหตี’’ติ.

เอวํ คนฺตฺวาปิ ปน ภควา – ‘‘อหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปสยฺห กุมฺภการสาลํ อปวิสิตฺวา ทฺวาเร ิโตว กุลปุตฺตํ โอกาสํ กาเรนฺโต สเจ เต ภิกฺขูติอาทิมาห. อุรุนฺทนฺติ วิวิตฺตํ อสมฺพาธํ. วิหรตายสฺมา ยถาสุขนฺติ เยน เยน อิริยาปเถน ผาสุ โหติ, เตน เตน ยถาสุขํ อายสฺมา วิหรตูติ โอกาสํ อกาสิ. อติเรกติโยชนสตฺหิ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต กุลปุตฺโต ปรสฺส ฉฑฺฑิตปติตํ กุมฺภการสาลํ กึ อฺสฺส สพฺรหฺมจาริโน มจฺฉรายิสฺสติ. เอกจฺเจ ปน โมฆปุริสา สาสเน ปพฺพชิตฺวา อาวาสมจฺฉริยาทีหิ อภิภูตา อตฺตโน วสนฏฺาเน มยฺหํ กุฏิ มยฺหํ ปริเวณนฺติ อฺเสํ อวาสาย ปรกฺกมนฺติ. นิสีทีติ อจฺจนฺตสุขุมาโล โลกนาโถ เทววิมานสทิสํ คนฺธกุฏึ ปหาย ตตฺถ ตตฺถ วิปฺปกิณฺณฉาริกาย ภินฺนภาชนติณปลาสกุกฺกุฏสูกรวจฺจาทิสํกิลิฏฺาย สงฺการฏฺานสทิสาย กุมฺภการสาลาย ติณสนฺถารํ สนฺถริตฺวา ปํสุกูลจีวรํ ปฺเปตฺวา เทววิมานสทิสํ ทิพฺพคนฺธสุคนฺธํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา นิสีทนฺโต วิย นิสีทิ.

อิติ ภควาปิ อสมฺภินฺนมหาสมฺมตวํเส อุปฺปนฺโน, กุลปุตฺโตปิ ขตฺติยคพฺเภ วฑฺฒิโต. ภควาปิ อภินีหารสมฺปนฺโน, กุลปุตฺโตปิ อภินีหารสมฺปนฺโน. ภควาปิ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต, กุลปุตฺโตปิ. ภควาปิ สุวณฺณวณฺโณ, กุลปุตฺโตปิ. ภควาปิ สมาปตฺติลาภี, กุลปุตฺโตปิ. อิติ ทฺเวปิ ขตฺติยา ทฺเวปิ อภินีหารสมฺปนฺนา ทฺเวปิ ราชปพฺพชิตา ทฺเวปิ สุวณฺณวณฺณา ทฺเวปิ สมาปตฺติลาภิโน กุมฺภการสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนาติ เตหิ กุมฺภการสาลา อติวิย โสภติ, ทฺวีหิ สีหาทีหิ ปวิฏฺคุหาทีหิ อาหริตฺวา ทีเปตพฺพํ. เตสุ ปน ทฺวีสุ ภควา – ‘‘สุขุมาโล อหํ ปรมสุขุมาโล เอกปจฺฉาภตฺเตน ปฺจจตฺตาลีส โยชนานิ อาคโต, มุหุตฺตํ ตาว สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา มคฺคทรถํ ปฏิปสฺสมฺเภมี’’ติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา นิสีทนฺโตว ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. กุลปุตฺโตปิ – ‘‘ทฺวานวุติโยชนสตํ อาคโตมฺหิ, มุหุตฺตํ ตาว นิปชฺชิตฺวา มคฺคทรถํ วิโนเทมี’’ติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา นิสีทมาโนว อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ. อิทํ สนฺธาย อถ โข ภควา พหุเทว รตฺตินฺติอาทิ วุตฺตํ.

นนุ จ ภควา กุลปุตฺตสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ อาคโต, กสฺมา น เทเสสีติ? กุลปุตฺตสฺส มคฺคทรโถ อปฺปฏิปสฺสทฺโธ, น สกฺขิสฺสติ ธมฺมเทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ, โส ตาวสฺส ปฏิปสฺสมฺภตูติ น เทเสสิ. อปเร – ‘‘ราชคหํ นาม อากิณฺณมนุสฺสํ อวิวิตฺตํ ทสหิ สทฺเทหิ, โส สทฺโท ทิยฑฺฒยามมตฺเตน สนฺนิสีทติ, ตํ อาคเมนฺโต น เทเสสี’’ติ วทนฺติ. ตํ อการณํ, พฺรหฺมโลกปฺปมาณมฺปิ หิ สทฺทํ ภควา อตฺตโน อานุภาเวน วูปสเมตุํ สกฺโกติ, มคฺคทรถวูปสมํ อาคเมนฺโตเยว ปน น เทเสสิ.

ตตฺถ พหุเทว รตฺตินฺติ ทิยฑฺฒยามมตฺตํ. เอตทโหสีติ ภควา ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาย สุวณฺณวิมาเน มณิสีหปฺชรํ วิวรนฺโต วิย ปฺจปสาทปฺปฏิมณฺฑิตานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, อถสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจปาทกุกฺกุจฺจสีสกมฺปนวิรหิตํ สุนิขาตอินฺทขีลํ วิย นิจฺจลํ อวิพฺภนฺตํ สุวณฺณปฏิมํ วิย นิสินฺนํ กุลปุตฺตํ ทิสฺวา เอตํ – ‘‘ปาสาทิกํ โข’’ติอาทิ อโหสิ. ตตฺถ ปาสาทิกนฺติ ปสาทาวหํ. ภาวนปุํสกํ ปเนตํ, ปาสาทิเกน อิริยาปเถน อิริยติ. ยถา อิริยโต อิริยาปโถ ปาสาทิโก โหติ, เอวํ อิริยตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. จตูสุ หิ อิริยาปเถสุ ตโย อิริยาปถา น โสภนฺติ. คจฺฉนฺตสฺส หิ ภิกฺขุโน หตฺถา จลนฺติ, ปาทา จลนฺติ, สีสํ จลติ, ิตสฺส กาโย ถทฺโธ โหติ, นิปนฺนสฺสาปิ อิริยาปโถ อมนาโป โหติ, ปจฺฉาภตฺเต ปน ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา จมฺมขณฺฑํ ปฺเปตฺวา สุโธตหตฺถปาทสฺส จตุสนฺธิกปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิปนฺนสฺเสว อิริยาปโถ โสภติ. อยฺจ กุลปุตฺโต ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ อปฺเปตฺวา นิสีทิ. อิติสฺส อิริยาปเถเนว ปสนฺโน ภควา – ‘‘ปาสาทิกํ โข’’ติ ปริวิตกฺเกสิ.

ยํนูนาหํ ปุจฺเฉยฺยนฺติ กสฺมา ปุจฺฉติ? กึ ภควา อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตภาวํ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ, อปุจฺฉิเต ปน กถา น ปติฏฺาติ, อปติฏฺิตาย กถาย กถา น สฺชายตีติ กถาปติฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉิ.

ทิสฺวาจ ปน ชาเนยฺยาสีติ ตถาคตํ พุทฺธสิริยา วิโรจนฺตํ อยํ พุทฺโธติ สพฺเพ ชานนฺติ. อนจฺฉริยเมตํ ชานนํ, พุทฺธสิรึ ปน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฺตรปิณฺฑปาติกเวเสน จรนฺโต ทุชฺชาโน โหติ. อิจฺจายสฺมา, ปุกฺกุสาติ, ‘‘น ชาเนยฺย’’นฺติ สภาวเมว กเถติ. ตถา หิ นํ เอกกุมฺภการสาลาย นิสินฺนมฺปิ น ชานาติ.

เอตทโหสีติ มคฺคทรถสฺส วูปสมภาวํ ตฺวา อโหสิ. เอวมาวุโสติ กุลปุตฺโต สหาเยน เปสิตํ สาสนมตฺตํ วาเจตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชมาโน – ‘‘ทสพลสฺส มธุรธมฺมเทสนํ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ. ปพฺพชิโต, ปพฺพชิตฺวา เอตฺตกํ อทฺธานํ อาคจฺฉนฺโต – ‘‘ธมฺมํ เต ภิกฺขุ เทเสสฺสามี’’ติ ปทมตฺตสฺส วตฺตารํ นาลตฺถ, โส ‘‘ธมฺมํ เต ภิกฺขุ เทเสสฺสามี’’ติ วุตฺตํ กึ สกฺกจฺจํ น สุณิสฺสติ. ปิปาสิตโสณฺโฑ วิย หิ ปิปาสิตหตฺถี วิย จายํ, ตสฺมา สกฺกจฺจํ สวนํ ปฏิชานนฺโต ‘‘เอวมาวุโส’’ติ อาห.

๓๔๓. ฉธาตุโร อยนฺติ ภควา กุลปุตฺตสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทํ อกเถตฺวา อาทิโตว อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตํ อจฺจนฺตสุฺตํ วิปสฺสนาลกฺขณเมว อาจิกฺขิตุํ อารทฺโธ. ยสฺส หิ ปุพฺพภาคปฏิปทา อปริสุทฺธา โหติ, ตสฺส ปมเมว สีลสํวรํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตํ โภชเน มตฺตฺุตํ ชาคริยานุโยคํ สตฺต สทฺธมฺเม จตฺตาริ ฌานานีติ อิมํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ อาจิกฺขติ. ยสฺส ปเนสา ปริสุทฺธา, ตสฺส ตํ อกเถตฺวา อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตํ วิปสฺสนเมว อาจิกฺขติ. กุลปุตฺตสฺส จ ปุพฺพภาคปฏิปทา ปริสุทฺธา. ตถา หิ อเนน สาสนํ วาเจตฺวา ปาสาทวรคเตเนว อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺติตํ, ยทสฺส ทฺวานวุติโยชนสภํ อาคจฺฉนฺตสฺส ยานกิจฺจํ สาเธสิ, สามเณรสีลมฺปิสฺส ปริปุณฺณํ. ตสฺมา ปุพฺพภาคปฏิปทํ อกเถตฺวา อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตํ อจฺจนฺตสุฺตํ วิปสฺสนาลกฺขณเมวสฺส อาจิกฺขิตุํ อารทฺโธ.

ตตฺถ ฉธาตุโรติ ธาตุโย วิชฺชมานา, ปุริโส อวิชฺชมาโน. ภควา หิ กตฺถจิ วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ อวิชฺชมาเนน วิชฺชมานํ, กตฺถจิ วิชฺชมาเนน วิชฺชมานํ, กตฺถจิ อวิชฺชมาเนน อวิชฺชมานนฺติ สพฺพาสเว วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อิธ ปน วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. สเจ หิ ภควา ปุริโสติ ปณฺณตฺตึ วิสฺสชฺเชตฺวา ธาตุโย อิจฺเจว วตฺวา จิตฺตํ อุปฏฺาเปยฺย, กุลปุตฺโต สนฺเทหํ กเรยฺย, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺย, เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น สกฺกุเณยฺย. ตสฺมา ตถาคโต อนุปุพฺเพน ปุริโสติ ปณฺณตฺตึ ปหาย ‘‘สตฺโตติ วา ปุริโสติ วา ปุคฺคโลติ วา ปณฺณตฺติมตฺตเมว, ปรมตฺถโต สตฺโต นาม นตฺถิ, ธาตุมตฺเตเยว จิตฺตํ ปาเปตฺวา ตีณิ ผลานิ ปฏิวิชฺฌาเปสฺสามี’’ติ อนงฺคณสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) วุตฺตภาสนฺตรกุสโล ตาย ตาย ภาสาย สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปนฺโต อาจริโย วิย เอวมาห.

ตตฺถ ฉ ธาตุโย อสฺสาติ ฉธาตุโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตฺวํ ปุริโสติ สฺชานาสิ, โส ฉธาตุโก, น เจตฺถ ปรมตฺถโต ปุริโส อตฺถิ, ปุริโสติ ปน ปณฺณตฺติมตฺตเมวาติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. จตุราธิฏฺาโนติ เอตฺถ อธิฏฺานํ วุจฺจติ ปติฏฺา, จตุปติฏฺาโนติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สฺวายํ ภิกฺขุ ปุริโส ฉธาตุโร ฉผสฺสายตโน อฏฺารสมโนปวิจาโร, โส เอตฺโตว วิวฏฺฏิตฺวา อุตฺตมสิทฺธิภูตํ อรหตฺตํ คณฺหมาโน อิเมสุ จตูสุ าเนสุ ปติฏฺาย คณฺหาตีติ จตุราธิฏฺาโนติ. ยตฺถ ิตนฺติ เยสุ อธิฏฺาเนสุ ปติฏฺิตํ. มฺสฺส วา นปฺปวตฺตนฺตีติ มฺสฺส วา มานสฺส วา นปฺปวตฺตนฺติ. มุนิ สนฺโตติ วุจฺจตีติ ขีณาสวมุนิ อุปสนฺโต นิพฺพุโตติ วุจฺจติ. ปฺํ นปฺปมชฺเชยฺยาติ อรหตฺตผลปฺาย ปฏิวิชฺฌนตฺถํ อาทิโตว สมาธิวิปสฺสนาปฺํ นปฺปมชฺเชยฺย. สจฺจมนุรกฺเขยฺยาติ ปรมตฺถสจฺจสฺส นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยตฺถํ อาทิโตว วจีสจฺจํ รกฺเขยฺย. จาคมนุพฺรูเหยฺยาติ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสปริจฺจาคกรณตฺถํ อาทิโตว กิเลสปริจฺจาคํ พฺรูเหยฺย. สนฺติเมว โส สิกฺเขยฺยาติ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสวูปสมนตฺถํ อาทิโตว กิเลสวูปสมนํ สิกฺเขยฺย. อิติ ปฺาธิฏฺานาทีนํ อธิคมตฺถาย อิมานิ สมถวิปสฺสนาปฺาทีนิ ปุพฺพภาคาธิฏฺานานิ วุตฺตานิ.

๓๔๕. ผสฺสายตนนฺติ ผสฺสสฺส อายตนํ, อากโรติ อตฺโถ. ปฺาธิฏฺานนฺติอาทีนิ ปุพฺเพ วุตฺตานํ อรหตฺตผลปฺาทีนํ วเสน เวทิตพฺพานิ.

๓๔๘. อิทานิ นิกฺขิตฺตมาติกาวเสน ‘‘ยตฺถ ิตํ มฺสฺส วา นปฺปวตฺตนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, อรหตฺเต ปน ปตฺเต ปุน ‘‘ปฺํ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติอาทีหิ กิจฺจํ นตฺถิ. อิติ ภควา มาติกํ อุปฺปฏิปาฏิธาตุกํ เปตฺวาปิ ยถาธมฺมวเสเนว วิภงฺคํ วิภชนฺโต ปฺํ นปฺปมชฺเชยฺยาติอาทิมาห. ตตฺถ โก ปฺํ ปมชฺชติ, โก นปฺปมชฺชติ? โย ตาว อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทิวเสน เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ปพฺพชฺชานุรูเปน จิตฺตุปฺปาทํ เปตุํ น สกฺโกติ, อยํ ปฺํ ปมชฺชติ นาม. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา สีเล ปติฏฺาย พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายํ ธุตงฺคํ สมาทาย จิตฺตรุจิตํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิวิตฺตํ เสนาสนํ นิสฺสาย กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺตึ ปตฺวา อชฺเชว อรหตฺตนฺติ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา วิจรติ, อยํ ปฺํ นปฺปมชฺชติ นาม. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต ธาตุกมฺมฏฺานวเสน เอส ปฺาย อปฺปมาโท วุตฺโต. ธาตุกมฺมฏฺาเน ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา หตฺถิปโทปมสุตฺตาทีสุ วุตฺตเมว.

๓๕๔. อถาปรํวิฺาณํเยว อวสิสฺสตีติ อยมฺเปตฺถ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. เหฏฺโต หิ รูปกมฺมฏฺานํ กถิตํ, อิทานิ อรูปกมฺมฏฺานํ เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา ทสฺเสตุํ อยํ เทสนา อารทฺธา. ยํ วา ปเนตํ อิมสฺส ภิกฺขุโน ปถวีธาตุอาทีสุ อาคมนิยวิปสฺสนาวเสน กมฺมการกวิฺาณํ, ตํ วิฺาณธาตุวเสน ภาเชตฺวา ทสฺเสนฺโตปิ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ อวสิสฺสตีติ กิมตฺถาย อวสิสฺสติ? สตฺถุ กถนตฺถาย กุลปุตฺตสฺส จ ปฏิวิชฺฌนตฺถาย อวสิสฺสติ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. ปริโยทาตนฺติ ปภสฺสรํ. สุขนฺติปิ วิชานาตีติ สุขเวทนํ เวทยมาโน สุขเวทนํ เวทยามีติ ปชานาติ. เสสปททฺวเยสุปิ เอเสว นโย. สเจ ปนายํ เวทนากถา เหฏฺา น กถิตา ภเวยฺย, อิธ ตฺวา กเถตุํ วฏฺเฏยฺย. สติปฏฺาเน ปเนสา กถิตาวาติ ตตฺถ กถิตนเยเนว เวทิตพฺพา. สุขเวทนิยนฺติ เอวมาทิ ปจฺจยวเสน อุทยตฺถงฺคมนทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ สุขเวทนิยนฺติ สุขเวทนาย ปจฺจยภูตํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

๓๖๐. อุเปกฺขาเยว อวสิสฺสตีติ เอตฺตาวตา หิ ยถา นาม เฉเกน มณิการาจริเยน วชิรสูจิยา วิชฺฌิตฺวา จมฺมขณฺเฑ ปาเตตฺวา ปาเตตฺวา ทินฺนมุตฺตํ อนฺเตวาสิโก คเหตฺวา คเหตฺวา สุตฺตคตํ กโรนฺโต มุตฺโตลมฺพกมุตฺตชาลาทีนิ กโรติ, เอวเมว ภควตา กเถตฺวา กเถตฺวา ทินฺนํ กมฺมฏฺานํ อยํ กุลปุตฺโต มนสิกโรนฺโต มนสิกโรนฺโต ปคุณํ อกาสีติ รูปกมฺมฏฺานมฺปิสฺส อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ ปคุณํ ชาตํ, อถ ภควา ‘‘อถาปรํ อุเปกฺขาเยว อวสิสฺสตี’’ติ อาห.

กิมตฺถํ ปน อวสิสฺสตีติ? สตฺถุ กถนตฺถํ. กุลปุตฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนตฺถนฺติปิ วทนฺติ , ตํ น คเหตพฺพํ. กุลปุตฺเตน หิ สหายสฺส สาสนํ วาเจตฺวา ปาสาทตเล ิเตเนว อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺติตํ, ยทสฺส เอตฺตกํ มคฺคํ อาคจฺฉนฺตสฺส ยานกิจฺจํ สาเธติ. สตฺถุ กถนตฺถํเยว อวสิสฺสติ. อิมสฺมิฺหิ าเน สตฺถา กุลปุตฺตสฺส รูปาวจรชฺฌาเน วณฺณํ กเถสิ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ ‘‘ภิกฺขุ ปคุณํ ตว อิทํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาน’’นฺติ. ปริสุทฺธาติอาทิ ตสฺสาเยว อุเปกฺขาย วณฺณภณนํ. อุกฺกํ พนฺเธยฺยาติ องฺคารกปลฺลํ สชฺเชยฺย. อาลิมฺเปยฺยาติ ตตฺถ องฺคาเร ปกฺขิปิตฺวา อคฺคึ ทตฺวา นาฬิกาย ธเมนฺโต อคฺคึ ชาเลยฺย. อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺยาติ องฺคาเร วิยูหิตฺวา องฺคารมตฺถเก วา เปยฺย, ตตฺตเก วา ปกฺขิเปยฺย. นีหฏนฺติ นีหฏโทสํ. นินฺนีตกสาวนฺติ อปนีตกสาวํ. เอวเมว โขติ ยถา ตํ สุวณฺณํ อิจฺฉิติจฺฉิตาย ปิฬนฺธนวิกติยา สํวตฺตติ, เอวเมว อยํ ตาว จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขา วิปสฺสนา อภิฺา นิโรโธ ภโวกฺกนฺตีติ อิเมสุ ยํ อิจฺฉติ, ตสฺสตฺถาย โหตีติ วณฺณํ กเถสิ.

กสฺมา ปน ภควา อิมสฺมึ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน นิกนฺติปริยาทานตฺถํ อวณฺณํ อกเถตฺวา วณฺณํ กเถสีติ. กุลปุตฺตสฺส หิ จตุตฺถชฺฌาเน นิกนฺติปริยุฏฺานํ พลวํ. สเจ อวณฺณํ กเถยฺย, – ‘‘มยฺหํ ปพฺพชิตฺวา ทฺวานวุติโยชนสตํ อาคจฺฉนฺตสฺส อิมํ จตุตฺถชฺฌานํ ยานกิจฺจํ สาเธสิ, อหํ เอตฺตกํ มคฺคํ อาคจฺฉนฺโต ฌานสุเขน ฌานรติยา อาคโต, เอวรูปสฺส นาม ปณีตธมฺมสฺส อวณฺณํ กเถติ, ชานํ นุ โข กเถติ อชาน’’นฺติ กุลปุตฺโต สํสยํ สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา ภควา วณฺณํ กเถสิ.

๓๖๑. ตทนุธมฺมนฺติ เอตฺถ อรูปาวจรชฺฌานํ ธมฺโม นาม, ตํ อนุคตตฺตา รูปาวจรชฺฌานํ อนุธมฺโมติ วุตฺตํ. วิปากชฺฌานํ วา ธมฺโม, กุสลชฺฌานํ อนุธมฺโม. ตทุปาทานาติ ตคฺคหณา. จิรํ ทีฆมทฺธานนฺติ วีสติกปฺปสหสฺสานิ. วิปากวเสน เหตํ วุตฺตํ. อิโต อุตฺตริมฺปิ เอเสว นโย.

๓๖๒. เอวํ จตูหิ วาเรหิ อรูปาวจรชฺฌานสฺส วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ ตสฺเสว อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต โส เอวํ ปชานาตีติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺขตเมตนฺติ กิฺจาปิ เอตฺถ วีสติกปฺปสหสฺสานิ อายุ อตฺถิ, เอตํ ปน สงฺขตํ ปกปฺปิตํ อายูหิตํ, กโรนฺเตน กรียติ, อนิจฺจํ อธุวํ อสสฺสตํ ตาวกาลิกํ, จวนปริเภทนวิทฺธํสนธมฺมํ, ชาติยา อนุคตํ, ชราย อนุสฏํ, มรเณน อพฺภาหตํ, ทุกฺเข ปติฏฺิตํ, อตาณํ อเลณํ อสรณํ อสรณีภูตนฺติ. วิฺาณฺจายตนาทีสุปิ เอเสว นโย.

อิทานิ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ คณฺหนฺโต โส เนว ตํ อภิสงฺขโรตีติอาทิมาห. ยถา หิ เฉโก ภิสกฺโก วิสวิการํ ทิสฺวา วมนํ กาเรตฺวา วิสํ านโต จาเวตฺวา อุปริ อาโรเปตฺวา ขนฺธํ วา สีสํ วา คเหตุํ อทตฺวา วิสํ โอตาเรตฺวา ปถวิยํ ปาเตยฺย, เอวเมว ภควา กุลปุตฺตสฺส อรูปาวจรชฺฌาเน วณฺณํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา กุลปุตฺโต รูปาวจรชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทาย อรูปาวจรชฺฌาเน ปตฺถนํ เปสิ.

ภควา ตํ ตฺวา ตํ อสมฺปตฺตสฺส อปฺปฏิลทฺธสฺเสว ภิกฺขุโน ‘‘อตฺเถสา อากาสานฺจายตนาทีสุ สมฺปตฺติ นาม. เตสฺหิ ปมพฺรหฺมโลเก วีสติกปฺปสหสฺสานิ อายุ, ทุติเย จตฺตาลีสํ, ตติเย สฏฺิ, จตุตฺเถ จตุราสีติ กปฺปสหสฺสานิ อายุ. ตํ ปน อนิจฺจํ อธุวํ อสสฺสตํ ตาวกาลิกํ, จวนปริเภทนวิทฺธํสนธมฺมํ, ชาติยา อนุคตํ, ชราย อนุสฏํ, มรเณน อพฺภาหตํ, ทุกฺเข ปติฏฺิตํ, อตาณํ อเลณํ อสรณํ อสรณีภูตํ, เอตฺตกํ กาลํ ตตฺถ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวาปิ ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา ปุน จตูสุ อปาเยสุ ปติตพฺพ’’นฺติ สพฺพเมตํ อาทีนวํ เอกปเทเนว ‘‘สงฺขตเมต’’นฺติ กเถสิ. กุลปุตฺโต ตํ สุตฺวา อรูปาวจรชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทิยิ, ภควา ตสฺส รูปาวจรารูปาวจเรสุ นิกนฺติยา ปริยาทินฺนภาวํ ตฺวา อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหนฺโต ‘‘โส เนว ตํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทิมาห.

ยถา วา ปเนโก มหาโยโธ เอกํ ราชานํ อาราเธตฺวา สตสหสฺสุฏฺานกํ คามวรํ ลเภยฺย, ปุน ราชา ตสฺสานุภาวํ สริตฺวา – ‘‘มหานุภาโว โยโธ, อปฺปกํ เตน ลทฺธ’’นฺติ – ‘‘นายํ ตาต คาโม ตุยฺหํ อนุจฺฉวิโก, อฺํ จตุสตสหสฺสุฏฺานกํ คณฺหาหี’’ติ ทเทยฺย โส สาธุ เทวาติ ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิตรํ คามํ คณฺเหยฺย. ราชา อสมฺปตฺตเมว จ นํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘กึ เต เตน, อหิวาตโรโค เอตฺถ อุปฺปชฺชติ? อสุกสฺมึ ปน าเน มหนฺตํ นครํ อตฺถิ, ตตฺถ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหี’’ติ ปหิเณยฺย, โส ตถา กเรยฺย.

ตตฺถ ราชา วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ ทฏฺพฺโพ, มหาโยโธ วิย ปุกฺกุสาติ กุลปุตฺโต, ปมลทฺธคาโม วิย อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ, ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิตรํ คามํ คณฺหาหีติ วุตฺตกาโล วิย อานาปานจตุตฺถชฺฌาเน นิกนฺติปริยาทานํ กตฺวา อารุปฺปกถนํ, ตํ คามํ อสมฺปตฺตเมว ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ เต เตน, อหิวาตโรโค เอตฺถ อุปฺปชฺชติ? อสุกสฺมึ าเน นครํ อตฺถิ, ตตฺถ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหี’’ติ วุตฺตกาโล วิย อรูเป สงฺขตเมตนฺติ อาทีนวกถเนน อปฺปตฺตาสุเยว ตาสุ สมาปตฺตีสุ ปตฺถนํ นิวตฺถาเปตฺวา อุปริ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนาคหณํ.

ตตฺถ เนว อภิสงฺขโรตีติ นายูหติ น ราสึ กโรติ. น อภิสฺเจตยตีติ น กปฺเปติ. ภวาย วา วิภวาย วาติ วุทฺธิยา วา ปริหานิยา วา, สสฺสตุจฺเฉทวเสนปิ โยเชตพฺพํ. น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ โลเก รูปาทีสุ กิฺจิ เอกธมฺมมฺปิ ตณฺหาย น คณฺหาติ, น ปรามสติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ ภควา อตฺตโน พุทฺธวิสเย ตฺวา เทสนาย อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหิ. กุลปุตฺโต ปน อตฺตโน ยโถปนิสฺสเยน ตีณิ สามฺผลานิ ปฏิวิชฺฌิ. ยถา นาม ราชา สุวณฺณภาชเนน นานารสโภชนํ ภุฺชนฺโต อตฺตโน ปมาเณน ปิณฺฑํ วฏฺเฏตฺวา องฺเก นิสินฺเนน ราชกุมาเรน ปิณฺฑมฺหิ อาลเย ทสฺสิเต ตํ ปิณฺฑํ อุปนาเมยฺย, กุมาโร อตฺตโน มุขปฺปมาเณเนว กพฬํ กเรยฺย, เสสํ ราชา สยํ วา ภุฺเชยฺย, ปาติยํ วา ปกฺขิเปยฺย, เอวํ ธมฺมราชา ตถาคโต อตฺตโน ปมาเณน อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหนฺโต เทสนํ เทเสสิ, กุลปุตฺโต อตฺตโน ยโถปนิสฺสเยน ตีณิ สามฺผลานิ ปฏิวิชฺฌิ.

อิโต ปุพฺเพ ปนสฺส ขนฺธา ธาตุโย อายตนานีติ เอวรูปํ อจฺจนฺตสุฺตํ ติลกฺขณาหตํ กถํ กเถนฺตสฺส เนว กงฺขา, น วิมติ, นาปิ – ‘‘เอวํ กิร ตํ, เอวํ เม อาจริเยน วุตฺต’’นฺติ อิติ กิร น ทนฺธายิตตฺตํ น วิตฺถายิตตฺตํ อตฺถิ . เอกจฺเจสุ จ กิร าเนสุ พุทฺธา อฺาตกเวเสน วิจรนฺติ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ นุ โข เอโสติ อหุเทว สํสโย, อหุ วิมติ. ยโต อเนน อนาคามิผลํ ปฏิวิทฺธํ, อถ อยํ เม สตฺถาติ นิฏฺํ คโต. ยทิ เอวํ กสฺมา อจฺจยํ น เทเสสีติ. โอกาสาภาวโต. ภควา หิ ยถานิกฺขิตฺตาย มาติกาย อจฺฉินฺนธารํ กตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย เทสนํ เทเสสิเยว.

๓๖๓. โสติ อรหา. อนชฺโฌสิตาติ คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา คเหตุํ น ยุตฺถาติ ปชานาติ. อนภินนฺทิตาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินนฺทิตุํ น ยุตฺตาติ ปชานาติ.

๓๖๔. วิสํยุตฺโต นํ เวเทตีติ สเจ หิสฺส สุขเวทนํ อารพฺภ ราคานุสโย, ทุกฺขเวทนํ อารพฺภ ปฏิฆานุสโย, อิตรํ อารพฺภ อวิชฺชานุสโย อุปฺปชฺเชยฺย, สํยุตฺโต เวทิเยยฺย นาม. อนุปฺปชฺชนโต ปน วิสํยุตฺโต นํ เวเทติ นิสฺสโฏ วิปฺปมุตฺโต. กายปริยนฺติกนฺติ กายโกฏิกํ. ยาว กายปวตฺตา อุปฺปชฺชิตฺวา ตโต ปรํ อนุปฺปชฺชนเวทนนฺติ อตฺโถ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อนภินนฺทิตานิ สีตีภวิสฺสนฺตีติ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ กิเลสานํ วิเสวนสฺส นตฺถิตาย อนภินนฺทิตานิ หุตฺวา อิธ ทฺวาทสสุเยว อายตเนสุ นิรุชฺฌิสฺสนฺติ. กิเลสา หิ นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธาปิ ยตฺถ นตฺถิ, ตตฺถ นิรุทฺธาติ วุจฺจนฺติ. สฺวายมตฺโถ – ‘‘เอตฺเถสา ตณฺหา นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ สมุทยปฺเหน ทีเปตพฺโพ. ตสฺมา ภควา นิพฺพานํ อาคมฺม สีติภูตานิปิ อิเธว สีตีภวิสฺสนฺตีติ อาห. นนุ จ อิธ เวทยิตานิ วุตฺตานิ, น กิเลสาติ. เวทยิตานิปิ กิเลสาภาเวเนว สีตีภวนฺติ. อิตรถา เนสํ สีติภาโว นาม นตฺถีติ สุวุตฺตเมตํ.

๓๖๕. เอวเมวโขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ยถา หิ เอโก ปุริโส เตลปทีปสฺส ฌายโต เตเล ขีเณ เตลํ อาสิฺจติ, วฏฺฏิยา ขีณาย วฏฺฏึ ปกฺขิปติ, เอวํ ทีปสิขาย อนุปจฺเฉโทว โหติ, เอวเมว ปุถุชฺชโน เอกสฺมึ ภเว ิโต กุสลากุสลํ กโรติ, โส เตน สุคติยฺจ อปาเยสุ จ นิพฺพตฺตติเยว, เอวํ เวทนานํ อนุปจฺเฉโทว โหติ. ยถา ปเนโก ทีปสิขาย อุกฺกณฺิโต – ‘‘อิมํ ปุริสํ อาคมฺม ทีปสิขา น อุปจฺฉิชฺชตี’’ติ นิลีโน ตสฺส ปุริสสฺส สีสํ ฉินฺเทยฺย, เอวํ วฏฺฏิยา จ เตลสฺส จ อนุปหารา ทีปสิขา อนาหารา นิพฺพายติ, เอวเมว วฏฺเฏ อุกฺกณฺิโต โยคาวจโร อรหตฺตมคฺเคน กุสลากุสลํ สมุจฺฉินฺทติ, ตสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน กายสฺส เภทา ปุน เวทยิตานิ น อุปฺปชฺชนฺตีติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา อาทิมฺหิ สมาธิวิปสฺสนาปฺาหิ อรหตฺตผลปฺา อุตฺตริตรา, ตสฺมา. เอวํ สมนฺนาคโตติ อิมินา อุตฺตเมน อรหตฺตผลปฺาธิฏฺาเนน สมนฺนาคโต. สพฺพทุกฺขกฺขเยาณํ นาม อรหตฺตมคฺเค าณํ, อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อรหตฺตผเล าณํ อธิปฺเปตํ. เตเนวาห ตสฺส สา วิมุตฺติ สจฺเจ ิตา อกุปฺปา โหตีติ.

๓๖๖. เอตฺถ หิ วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ, สจฺจนฺติ ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํ. อิติ อกุปฺปารมฺมณกรเณน อกุปฺปาติ วุตฺตา. มุสาติ วิตถํ. โมสธมฺมนฺติ นสฺสนสภาวํ. ตํ สจฺจนฺติ ตํ อวิตถํ สภาโว. อโมสธมฺมนฺติ อนสฺสนสภาวํ.

ตสฺมาติ ยสฺมา อาทิโต สมถวิปสฺสนาวเสน วจีสจฺจโต ทุกฺขสจฺจสมุทยสจฺเจหิ จ ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานเมว อุตฺตริตรํ, ตสฺมา. เอวํ สมนฺนาคโตติ อิมินา อุตฺตเมน ปรมตฺถสจฺจาธิฏฺาเนน สมนฺนาคโต.

๓๖๗. ปุพฺเพติ ปุถุชฺชนกาเล. อุปธีโหนฺตีติ ขนฺธูปธิ กิเลสูปธิ อภิสงฺขารูปธิ ปฺจกามคุณูปธีติ อิเม อุปธโย โหนฺติ. สมตฺตา สมาทินฺนาติ ปริปูรา คหิตา ปรมฏฺา. ตสฺมาติ ยสฺมา อาทิโต สมถวิปสฺสนาวเสน กิเลสปริจฺจาคโต, โสตาปตฺติมคฺคาทีหิ จ กิเลสปริจฺจาคโต อรหตฺตมคฺเคเนว กิเลสปริจฺจาโค อุตฺตริตโร, ตสฺมา. เอวํ สมนฺนาคโตติ อิมินา อุตฺตเมน จาคาธิฏฺาเนน สมนฺนาคโต.

๓๖๘. อาฆาโตติอาทีสุ อาฆาตกรณวเสน อาฆาโต, พฺยาปชฺชนวเสน พฺยาปาโท, สมฺปทุสฺสนวเสน สมฺปโทโสติ ตีหิ ปเทหิ โทสากุสลมูลเมว วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อาทิโต สมถวิปสฺสนาวเสน กิเลสวูปสมโต, โสตาปตฺติมคฺคาทีหิ กิเลสวูปสมโต จ อรหตฺตมคฺเคเนว กิเลสวูปสโม อุตฺตริตโร, ตสฺมา. เอวํ สมนฺนาคโตติ อิมินา อุตฺตเมน อุปสมาธิฏฺาเนน สมนฺนาคโต.

๓๖๙. มฺิตเมตนฺติ ตณฺหามฺิตํ มานมฺิตํ ทิฏฺิมฺิตนฺติ ติวิธมฺปิ วฏฺฏติ. อยมหมสฺมีติ เอตฺถ ปน อยมหนฺติ เอกํ ตณฺหามฺิตเมว วฏฺฏติ. โรโคติอาทีสุ อาพาธฏฺเน โรโค, อนฺโตโทสฏฺเน คณฺโฑ, อนุปวิฏฺฏฺเน สลฺลํ. มุนิ สนฺโตติ วุจฺจตีติ ขีณาสวมุนิ สนฺโต นิพฺพุโตติ วุจฺจติ. ยตฺถ ิตนฺติ ยสฺมึ าเน ิตํ. สํขิตฺเตนาติ พุทฺธานํ กิร สพฺพาปิ ธมฺมเทสนา สํขิตฺตาว, วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถิ, สมนฺตปฏฺานกถาปิ สํขิตฺตาเยว. อิติ ภควา เทสนํ ยถานุสนฺธึ ปาเปสิ. อุคฺฆาฏิตฺูติอาทีสุ ปน จตูสุ ปุคฺคเลสุ ปุกฺกุสาติ กุลปุตฺโต วิปฺจิตฺู, อิติ วิปฺจิตฺุวเสน ภควา อิมํ ธาตุวิภงฺคสุตฺตํ กเถสิ.

๓๗๐. น โข เม, ภนฺเต, ปริปุณฺณํ ปตฺตจีวรนฺติ กสฺมา กุลปุตฺตสฺส อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ น นิพฺพตฺตนฺติ. ปุพฺเพ อฏฺนฺนํ ปริกฺขารานํ อทินฺนตฺตา. กุลปุตฺโต หิ ทินฺนทาโน กตาภินีหาโร, น ทินฺนตฺตาติ น วตฺตพฺพํ. อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ ปน ปจฺฉิมภวิกานํเยว นิพฺพตฺตติ, อยฺจ ปุนปฏิสนฺธิโก, ตสฺมา น นิพฺพตฺตนฺติ. อถ ภควา สยํ ปริเยสิตฺวา กสฺมา น อุปสมฺปาเทสีติ. โอกาสาภาวโต. กุลปุตฺตสฺส อายุ ปริกฺขีณํ, สุทฺธาวาสิโก อนาคามี มหาพฺรหฺมา กุมฺภการสาลํ อาคนฺตฺวา นิสินฺโน วิย อโหสิ. ตสฺมา สยํ น ปริเยสิ.

ปตฺตจีวรปริเยสนํ ปกฺกามีติ กาย เวลาย ปกฺกามิ? อุฏฺิเต อรุเณ. ภควโต กิร ธมฺมเทสนาปรินิฏฺานฺจ อรุณุฏฺานฺจ รสฺมิวิสฺสชฺชนฺจ เอกกฺขเณ อโหสิ. ภควา กิร เทสนํ นิฏฺเปตฺวาว ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺชิ, สกลกุมฺภการนิเวสนํ เอกปชฺโชตํ อโหสิ, ฉพฺพณฺณรสฺมิโย ชาลชาลา ปุฺชปุฺชา หุตฺวา วิธาวนฺติโย สพฺพทิสาภาเค สุวณฺณปฏปริโยนทฺเธ วิย จ นานาวณฺณกุสุมรตนวิสรสมุชฺชเล วิย จ อกํสุ. ภควา ‘‘นครวาสิโน มํ ปสฺสนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ. นครวาสิโน ภควนฺตํ ทิสฺวาว ‘‘สตฺถา กิร อาคโต, กุมฺภการสาลาย กิร นิสินฺโน’’ติ อฺมฺสฺส อาโรเจตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ.

ราชา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กาย เวลาย อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. หิยฺโย สูริยตฺถงฺคมนเวลาย มหาราชาติ. เกน กมฺเมน ภควาติ? ตุมฺหากํ สหาโย ปุกฺกุสาติ ราชา ตุมฺเหหิ ปหิตํ สาสนํ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา มํ อุทฺทิสฺส อาคจฺฉนฺโต สาวตฺถึ อติกฺกมฺม ปฺจจตฺตาลีส โยชนานิ อาคนฺตฺวา อิมํ กุมฺภการสาลํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ, อหํ ตสฺส สงฺคหตฺถํ อาคนฺตฺวา ธมฺมกถํ กเถสึ, กุลปุตฺโต ตีณิ ผลานิ ปฏิวิชฺฌิ มหาราชาติ. อิทานิ กหํ, ภนฺเตติ? อุปสมฺปทํ ยาจิตฺวา อปริปุณฺณปตฺตจีวรตาย ปตฺตจีวรปริเยสนตฺถํ คโต มหาราชาติ. ราชา กุลปุตฺตสฺส คตทิสาภาเคน อคมาสิ. ภควาปิ อากาเสนาคนฺตฺวา เชตวนคนฺธกุฏิมฺหิเยว ปาตุรโหสิ.

กุลปุตฺโตปิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสมาโน เนว พิมฺพิสารรฺโ น ตกฺกสีลกานํ ชงฺฆวาณิชานํ สนฺติกํ อคมาสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘น โข เม กุกฺกุฏสฺส วิย ตตฺถ ตตฺถ มนาปามนาปเมว วิจินิตฺวา ปตฺตจีวรํ ปริเยสิตุํ ยุตฺตํ, มหนฺตํ นครํ วชฺชิตฺวา อุทกติตฺถสุสานสงฺการฏฺานอนฺตรวีถีสุ ปริเยสิสฺสามี’’ติ อนฺตรวีถิยํ สงฺการกูเฏสุ ตาว ปิโลติกํ ปริเยสิตุํ อารทฺโธ.

ชีวิตา โวโรเปสีติ เอตสฺมึ สงฺการกูเฏ ปิโลติกํ โอโลเกนฺตํ วิพฺภนฺตา ตรุณวจฺฉา คาวี อุปธาวิตฺวา สิงฺเคน วิชฺฌิตฺวา ฆาเตสิ. ฉาตกชฺฌตฺโต กุลปุตฺโต อากาเสเยว อายุกฺขยํ ปตฺวา ปติโต. สงฺการฏฺาเน อโธมุขฏฺปิตา สุวณฺณปฏิมา วิย อโหสิ, กาลงฺกโต จ ปน อวิหาพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ, นิพฺพตฺตมตฺโตว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อวิหาพฺรหฺมโลเก กิร นิพฺพตฺตมตฺตาว สตฺต ชนา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;

ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติกํ.

เก จ เต อตรุํ ปงฺกํ, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ;

เก หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุํ.

อุปโก ปลคณฺโฑ จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;

ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สิงฺคิโย;

เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๕๐, ๑๐๕);

พิมฺพิสาโรปิ ‘‘มยฺหํ สหาโย มยา เปสิตสาสนมตฺตํ วาเจตฺวา หตฺถคตํ รชฺชํ ปหาย เอตฺตกํ อทฺธานํ อาคโต, ทุกฺกรํ กตํ กุลปุตฺเตน, ปพฺพชิตสกฺกาเรน ตํ สกฺกริสฺสามี’’ติ ‘‘ปริเยสถ เม สหายก’’นฺติ ตตฺถ ตตฺถ เปเสสิ. เปสิตา ตํ อทฺทสํสุ สงฺการฏฺาเน ปติตํ, ทิสฺวา อาคมฺม รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา คนฺตฺวา กุลปุตฺตํ ทิสฺวา – ‘‘น วต, โภ, ลภิมฺหา สหายกสฺส สกฺการํ กาตุํ, อนาโถ เม ชาโต สหายโก’’ติ. ปริเทวิตฺวา กุลปุตฺตํ มฺจเกน คณฺหาเปตฺวา ยุตฺโตกาเส เปตฺวา อนุปสมฺปนฺนสฺส สกฺการํ กาตุํ ชานนาภาเวน นฺหาปกกปฺปกาทโย ปกฺโกสาเปตฺวา กุลปุตฺตํ สีสํ นฺหาเปตฺวา สุทฺธวตฺถานิ นิวาสาเปตฺวา ราชเวเสน อลงฺการาเปตฺวา โสวณฺณสิวิกํ อาโรเปตฺวา สพฺพตาฬาวจรคนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต นครา นีหริตฺวา พหูหิ คนฺธกฏฺเหิ มหาจิตกํ กาเรตฺวา กุลปุตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย อาทาย เจติยํ ปติฏฺเปสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ธาตุวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๓๗๑. เอวํเม สุตนฺติ สจฺจวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ อาจิกฺขนาติ อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ นาม…เป… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ นามาติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อปิเจตฺถ ปฺาปนา นาม ทุกฺขสจฺจาทีนํ ปนา. อาสนํ เปนฺโต หิ อาสนํ ปฺเปตีติ วุจฺจติ. ปฏฺปนาติ ปฺาปนา. วิวรณาติ วิวฏกรณา. วิภชนาติ วิภาคกิริยา. อุตฺตานีกมฺมนฺติ ปากฏภาวกรณํ.

อนุคฺคาหกาติ อามิสสงฺคเหน ธมฺมสงฺคเหนาติ ทฺวีหิปิ สงฺคเหหิ อนุคฺคาหกา. ชเนตาติ ชนิกา มาตา. อาปาเทตาติ โปเสตา. โปสิกมาตา วิย โมคฺคลฺลาโนติ ทีเปติ. ชนิกมาตา หิ นว วา ทส วา มาเส โลณมฺพิลาทีนิ ปริหรมานา กุจฺฉิยา ทารกํ ธาเรตฺวา กุจฺฉิโต นิกฺขนฺตํ โปสิกมาตรํ ธาตึ ปฏิจฺฉาเปติ. สา ขีรนวนีตาทีหิ ทารกํ โปเสตฺวา วฑฺเฒติ, โส วุทฺธิมาคมฺม ยถาสุขํ วิจรติ. เอวเมว สาริปุตฺโต อตฺตโน วา ปเรสํ วา สนฺติเก ปพฺพชิเต ทฺวีหิ สงฺคเหหิ สงฺคณฺหนฺโต คิลาเน ปฏิชคฺคนฺโต กมฺมฏฺาเน โยเชตฺวา โสตาปนฺนภาวํ ตฺวา อปายภเยหิ วุฏฺิตกาลโต ปฏฺาย – ‘‘อิทานิ ปจฺจตฺตปุริสกาเรน อุปริมคฺเค นิพฺพตฺเตสฺสนฺตี’’ติ เตสุ อนเปกฺโข หุตฺวา อฺเ นเว นเว โอวทติ. มหาโมคฺคลฺลาโนปิ อตฺตโน วา ปเรสํ วา สนฺติเก ปพฺพชิเต ตเถว สงฺคณฺหิตฺวา กมฺมฏฺาเน โยเชตฺวา เหฏฺา ตีณิ ผลานิ ปตฺเตสุปิ อนเปกฺขตํ น อาปชฺชติ. กสฺมา? เอวํ กิรสฺส โหติ – วุตฺตํ ภควตา – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหติ…เป… อปฺปมตฺตกมฺปิ มุตฺตํ… เขโฬ… ปุพฺโพ… โลหิตํ ทุคฺคนฺธํ โหติ, เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกมฺปิ ภวํ น วณฺเณมิ อนฺตมโส อจฺฉราสงฺฆตมตฺตมฺปี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๒๐-๓๒๑). ตสฺมา ยาว อรหตฺตํ น ปาปุณนฺติ, ตาว เตสุ อนเปกฺขตํ อนาปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺเตสุเยว อาปชฺชตีติ. เตนาห ภควา – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ชเนตา เอวํ สาริปุตฺโต. เสยฺยถาปิ ชาตสฺส อาปาเทตา, เอวํ โมคฺคลฺลาโน. สาริปุตฺโต, ภิกฺขเว, โสตาปตฺติผเล วิเนติ, โมคฺคลฺลาโน อุตฺตมตฺเถ’’ติ. ปโหตีติ สกฺโกติ.

ทุกฺเขาณนฺติ สวนสมฺมสนปฏิเวธาณํ, ตถา ทุกฺขสมุทเย. ทุกฺขนิโรเธ สวนปฏิเวธาณนฺติ วฏฺฏติ, ตถา ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย. เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีสุ กามปจฺจนีกฏฺเน, กามโต นิสฺสฏภาเวน วา, กามํ สมฺมสนฺตสฺส อุปฺปนฺโนติ วา, กามปทฆาตํ กามวูปสมํ กโรนฺโต อุปฺปนฺโนติ วา, กามวิวิตฺตนฺเต อุปฺปนฺโนติ วา เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. สพฺเพปิ เจเต ปุพฺพภาเค นานาจิตฺเตสุ, มคฺคกฺขเณ เอกจิตฺเต ลพฺภนฺติ. ตตฺร หิ มิจฺฉาสงฺกปฺปเจตนาย สมุคฺฆาตโก เอโกว สงฺกปฺโป ลพฺภติ, น นานา ลพฺภติ . สมฺมาวาจาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานาจิตฺเตสุ, วุตฺตนเยเนว มคฺคกฺขเณ เอกจิตฺเต ลพฺภนฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน สจฺจกถา วิสุทฺธิมคฺเค จ สมฺมาทิฏฺิสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๘๙ อาทโย) จ วุตฺตาเยวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

๓๗๖. เอวํเม สุตนฺติ ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ มหาปชาปติ โคตมีติ โคตมีติ โคตฺตํ. นามกรณทิวเส ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา – ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรฺโ อคฺคมเหสี ภวิสฺสติ. สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตีติ อุภยถาปิ มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. อถสฺสา มหาปชาปตีติ นามํ อกํสุ. อิธ ปน โคตฺเตน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา มหาปชาปติโคตมีติ วุตฺตํ. นวนฺติ อหตํ. สามํ วายิตนฺติ น สหตฺเถเนว วายิตํ, เอกทิวสํ ปน ธาติคณปริวุตา สิปฺปิกานํ วายนฏฺานํ อาคนฺตฺวา เวมโกฏึ คเหตฺวา วายนาการํ อกาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

กทา ปน โคตมิยา ภควโต ทุสฺสยุคํ ทาตุํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ. อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปมคมเนน กปิลปุรํ อาคตกาเล. ตทา หิ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ สตฺถารํ คเหตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา สกํ นิเวสนํ ปเวเสสิ, อถ ภควโต รูปโสภคฺคํ ทิสฺวา มหาปชาปติโคตมี จินฺเตสิ – ‘‘โสภติ วต เม ปุตฺตสฺส อตฺตภาโว’’ติ. อถสฺสา พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘มม ปุตฺตสฺส เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ วสนฺตสฺส อนฺตมโส โมจผลมตฺตมฺปิ มยา ทินฺนกเมว อโหสิ, อิทานิปิสฺส จีวรสาฏกํ ทสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ โข ปน ราชเคเห พหูนิ มหคฺฆานิ วตฺถานิ อตฺถิ, ตานิ มํ น โตเสนฺติ, สหตฺถา กตเมว มํ โตเสติ, สหตฺถา กตฺวา ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ.

อถนฺตราปณา กปฺปาสํ อาหราเปตฺวา สหตฺเถเนว ปิสิตฺวา โปเถตฺวา สุขุมสุตฺตํ กนฺติตฺวา อนฺโตวตฺถุสฺมึเยว สาลํ การาเปตฺวา สิปฺปิเก ปกฺโกสาเปตฺวา สิปฺปิกานํ อตฺตโน ปริโภคขาทนียโภชนียเมว ทตฺวา วายาเปสิ, กาลานุกาลฺจ ธาติคณปริวุตา คนฺตฺวา เวมโกฏึ อคฺคเหสิ. นิฏฺิตกาเล สิปฺปิกานํ มหาสกฺการํ กตฺวา ทุสฺสยุคํ คนฺธสมุคฺเค ปกฺขิปิตฺวา วาสํ คาหาเปตฺวา – ‘‘มยฺหํ ปุตฺตสฺส จีวรสาฏกํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ . ราชา มคฺคํ ปฏิยาทาเปสิ, วีถิโย สมฺมชฺชิตฺวา ปุณฺณฆเฏ เปตฺวา ธชปฏากา อุสฺสาเปตฺวา ราชฆรทฺวารโต ปฏฺาย ยาว นิคฺโรธารามา มคฺคํ ปฏิยาทาเปตฺวา ปุปฺผาภิกิณฺณํ อกํสุ. มหาปชาปติปิ สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา ธาติคณปริวุตา สมุคฺคํ สีเส เปตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา อิทํ เม, ภนฺเต, นวํ ทุสฺสยุคนฺติอาทิมาห.

ทุติยมฺปิ โขติ ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ปโหมหํ, ภนฺเต, ทุสฺสโกฏฺาคารโต ภิกฺขุสตสฺสาปิ ภิกฺขุสหสฺสสฺสาปิ ภิกฺขุสตสหสฺสสฺสาปิ จีวรทุสฺสานิ ทาตุํ, อิทํ ปน เม ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส สามํ กนฺตํ สามํ วายิตํ, ตํ เม, ภนฺเต, ภควา ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ นิมนฺตยมานา อาห. เอวํ ยาวตติยํ ยาจิ, ภควาปิ ปฏิกฺขิปิเยว.

กสฺมา ปน ภควา อตฺตโน ทิยฺยมานํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาเปตีติ? มาตริ อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อิมิสฺสา มํ อารพฺภ ปุพฺพเจตนา มุฺจเจตนา ปรเจตนาติ ติสฺโส เจตนา อุปฺปนฺนา, ภิกฺขุสงฺฆมฺปิสฺสา อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺตุ, เอวมสฺสา ฉ เจตนา เอกโต หุตฺวา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ. วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘‘สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ. โส วตฺตพฺโพ – ‘‘กึ ตฺวํ สตฺถุ ทินฺนโต สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลตรํ วทสี’’ติ อาม วทามีติ. สุตฺตํ อาหราติ. สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จาติ. กึ ปนสฺส สุตฺตสฺส อยเมว อตฺโถติ ? อาม อยเมวาติ. ยทิ เอวํ ‘‘เตน หานนฺท, วิฆาสาทานํ ปูวํ เทหี’’ติ จ (ปาจิ. ๒๖๙) ‘‘เตน หิ ตฺว, กจฺจาน, วิฆาสาทานํ คุฬํ เทหี’’ติ (มหาว. ๒๘๔) จ วจนโต วิฆาสาทานํ ทินฺนํ มหปฺผลตรฺจ ภเวยฺย. เอวมฺปิ หิ ‘‘สตฺถา อตฺตโน ทิยฺยมานํ ทาเปตี’’ติ. ราชราชมหามตฺตาทโยปิ อตฺตโน อาคตํ ปณฺณาการํ หตฺถิโคปกาทีนํ ทาเปนฺติ, เต ราชาทีหิ มหนฺตตรา ภเวยฺยุํ. ตสฺมา มา เอวํ คณฺห –

‘‘นยิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน,

พุทฺเธน เสฏฺโ สทิโส วา วิชฺชติ;

ยมาหุเนยฺยานมคฺคตํ คโต,

ปุฺตฺถิกานํ วิปุลผเลสิน’’นฺติ. –

วจนโต หิ สตฺถารา อุตฺตริตโร ทกฺขิเณยฺโย นาม นตฺถิ. เอวมสฺสา ฉ เจตนา เอกโต หุตฺวา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสนฺตีติ สนฺธาย ยาวตติยํ ปฏิพาหิตฺวา สงฺฆสฺส ทาเปสิ.

ปจฺฉิมาย ชนตาย สงฺเฆ จิตฺตีการชนนตฺถํ จาปิ เอวมาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ น จิรฏฺิติโก, มยฺหํ ปน สาสนํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปติฏฺหิสฺสติ, ปจฺฉิมา ชนตา สงฺเฆ จิตฺตีการํ ชเนตู’’ติ ยาวตติยํ ปฏิพาหิตฺวา สงฺฆสฺส ทาเปสิ. เอวฺหิ สติ – ‘‘สตฺถา อตฺตโน ทิยฺยมานมฺปิ สงฺฆสฺส ทาเปสิ, สงฺโฆ นาม ทกฺขิเณยฺโย’’ติ ปจฺฉิมา ชนตา สงฺเฆ จิตฺตีการํ อุปฺปาเทตฺวา จตฺตาโร ปจฺจเย ทาตพฺเพ มฺิสฺสติ, สงฺโฆ จตูหิ ปจฺจเยหิ อกิลมนฺโต พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสติ. เอวํ มม สาสนํ ปฺจ วสฺสสหสฺสานิ สฺสตีติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, ภควา’’ติ วจนโตปิ เจตํ เวทิตพฺพํ ‘‘สตฺถารา อุตฺตริตโร ทกฺขิเณยฺโย นาม นตฺถี’’ติ. น หิ อานนฺทตฺเถรสฺส มหาปชาปติยา อาฆาโต วา เวรํ วา อตฺถิ. น เถโร – ‘‘ตสฺสา ทกฺขิณา มา มหปฺผลา อโหสี’’ติ อิจฺฉติ. ปณฺฑิโต หิ เถโร พหุสฺสุโต เสกฺขปฏิสมฺภิทาปตฺโต , โส สตฺถุ ทินฺนสฺส มหปฺผลภาเว สมฺปสฺสมาโนว ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, ภควาติ คหณตฺถํ ยาจิ.

ปุน วิตณฺฑวาที อาห – ‘‘สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ วจนโต สตฺถา สงฺฆปริยาปนฺโน วาติ. โส วตฺตพฺโพ – ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ กติ สรณานิ, กติ อเวจฺจปฺปสาทา’’ติ ชานนฺโต ตีณีติ วกฺขติ, ตโต วตฺตพฺโพ – ตว ลทฺธิยา สตฺถุ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา ทฺเวเยว โหนฺติ. เอวํ สนฺเต จ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปท’’นฺติ (มหาว. ๓๔) เอวํ อนุฺาตา ปพฺพชฺชาปิ อุปสมฺปทาปิ น รุหติ. ตโต ตฺวํ เนว ปพฺพชิโต อสิ, น คิหิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ จ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺเน ภิกฺขู อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ สงฺฆกมฺมานิปิ กโรนฺติ, ตานิ สตฺถุ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา กุปฺปานิ ภเวยฺยุํ, น จ โหนฺติ. ตสฺมา น วตฺตพฺพเมตํ ‘‘สตฺถา สงฺฆปริยาปนฺโน’’ติ.

๓๗๗. อาปาทิกาติ สํวฑฺฒิกา, ตุมฺหากํ หตฺถปาเทสุ หตฺถปาทกิจฺจํ อสาเธนฺเตสุ หตฺเถ จ ปาเท จ วฑฺเฒตฺวา ปฏิชคฺคิกาติ อตฺโถ. โปสิกาติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร นฺหาเปตฺวา โภเชตฺวา ปาเยตฺวา ตุมฺเห โปเสสิ. ถฺํ ปาเยสีติ นนฺทกุมาโร กิร โพธิสตฺตโต กติปาเหเนว ทหโร, ตสฺมึ ชาเต มหาปชาปติ อตฺตโน ปุตฺตํ ธาตีนํ ทตฺวา สยํ โพธิสตฺตสฺส ธาติกิจฺจํ สาธยมานา อตฺตโน ถฺํ ปาเยสิ. ตํ สนฺธาย เถโร เอวมาห. อิติ มหาปชาปติยา พหูปการตํ กเถตฺวา อิทานิ ตถาคตสฺส พหูปการตํ ทสฺเสนฺโต ภควาปิ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ภควนฺตํ, ภนฺเต, อาคมฺมาติ ภควนฺตํ ปฏิจฺจ นิสฺสาย สนฺธาย.

๓๗๘. อถ ภควา ทฺวีสุ อุปกาเรสุ อติเรกตรํ อนุโมทนฺโต เอวเมตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ หานนฺท, ปุคฺคโล ปุคฺคลํ อาคมฺมาติ ยํ อาจริยปุคฺคลํ อนฺเตวาสิกปุคฺคโล อาคมฺม. อิมสฺสานนฺท, ปุคฺคลสฺส อิมินา ปุคฺคเลนาติ อิมสฺส อาจริยปุคฺคลสฺส อิมินา อนฺเตวาสิกปุคฺคเลน. น สุปฺปฏิการํ วทามีติ ปจฺจูปการํ น สุกรํ วทามิ, อภิวาทนาทีสุ อาจริยํ ทิสฺวา อภิวาทนกรณํ อภิวาทนํ นาม. ยสฺมึ วา ทิสาภาเค อาจริโย วสติ, อิริยาปเถ วา กปฺเปนฺโต ตทภิมุโข วนฺทิตฺวา คจฺฉติ, วนฺทิตฺวา นิสีทติ, วนฺทิตฺวา นิปชฺชติ, อาจริยํ ปน ทูรโตว ทิสฺวา ปจฺจุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนกรณํ ปจฺจุฏฺานํ นาม. อาจริยํ ปน ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สีเส เปตฺวา อาจริยํ นมสฺสติ, ยสฺมึ วา ทิสาภาเค โส วสติ, ตทภิมุโขปิ ตเถว นมสฺสติ, คจฺฉนฺโตปิ ิโตปิ นิสินฺโนปิ อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสติเยวาติ อิทํ อฺชลิกมฺมํ นาม. อนุจฺฉวิกกมฺมสฺส ปน กรณํ สามีจิกมฺมํ นาม. จีวราทีสุ จีวรํ เทนฺโต น ยํ วา ตํ วา เทติ, มหคฺฆํ สตมูลิกมฺปิ ปฺจสตมูลิกมฺปิ สหสฺสมูลิกมฺปิ เทติเยว . ปิณฺฑปาตาทีสุปิ เอเสว นโย. กึ พหุนา, จตูหิ ปณีตปจฺจเยหิ จกฺกวาฬนฺตรํ ปูเรตฺวา สิเนรุปพฺพเตน กูฏํ คเหตฺวา เทนฺโตปิ อาจริยสฺส อนุจฺฉวิกํ กิริยํ กาตุํ น สกฺโกติเยว.

๓๗๙. จุทฺทส โข ปนิมาติ กสฺมา อารภิ? อิทํ สุตฺตํ ปาฏิปุคฺคลิกํ ทกฺขิณํ อารพฺภ สมุฏฺิตํ. อานนฺทตฺเถโรปิ ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ปาฏิปุคฺคลิกทกฺขิณํเยว สมาทเปติ, จุทฺทสสุ จ าเนสุ ทินฺนทานํ ปาฏิปุคฺคลิกํ นาม โหตีติ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. อยํ ปมาติ อยํ ทกฺขิณา คุณวเสนปิ ปมา เชฏฺกวเสนปิ. อยฺหิ ปมา อคฺคา เชฏฺิกา, อิมิสฺสา ทกฺขิณาย ปมาณํ นาม นตฺถิ. ทุติยตติยาปิ ปรมทกฺขิณาเยว, เสสา ปรมทกฺขิณภาวํ น ปาปุณนฺติ. พาหิรเก กาเมสุ วีตราเคติ กมฺมวาทิกิริยวาทิมฺหิ โลกิยปฺจาภิฺเ. ปุถุชฺชนสีลวนฺเตติ ปุถุชฺชนสีลวา นาม โคสีลธาตุโก โหติ, อสโ อมายาวี ปรํ อปีเฬตฺวา ธมฺเมน สเมน กสิยา วา วณิชฺชาย วา ชีวิกํ กปฺเปตา. ปุถุชฺชนทุสฺสีเลติ ปุถุชฺชนทุสฺสีลา นาม เกวฏฺฏมจฺฉพนฺธาทโย ปรํ ปีฬาย ชีวิกํ กปฺเปตา.

อิทานิ ปาฏิปุคฺคลิกทกฺขิณาย วิปากํ ปริจฺฉินฺทนฺโต ตตฺรานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ ติรจฺฉานคเตติ ยํ คุณวเสน อุปการวเสน โปสนตฺถํ ทินฺนํ, อิทํ น คหิตํ. ยมฺปิ อาโลปอฑฺฒอาโลปมตฺตํ ทินฺนํ, ตมฺปิ น คหิตํ. ยํ ปน สุนขสูกรกุกฺกุฏกากาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ สมฺปตฺตสฺส ผลํ ปฏิกงฺขิตฺวา ยาวทตฺถํ ทินฺนํ, อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา’’ติ. สตคุณาติ สตานิสํสา. ปาฏิกงฺขิตพฺพาติ อิจฺฉิตพฺพา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยํ ทกฺขิณา อายุสตํ วณฺณสตํ สุขสตํ พลสตํ ปฏิภานสตนฺติ ปฺจ อานิสํสสตานิ เทติ, อตฺตภาวสเต อายุํ เทติ, วณฺณํ, สุขํ, พลํ, ปฏิภานํ เทติ, นิปฺปริตสํ กโรติ. ภวสเตปิ วุตฺเต อยเมว อตฺโถ. อิมินา อุปาเยน สพฺพตฺถ นโย เนตพฺโพ.

โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเนติ เอตฺถ เหฏฺิมโกฏิยา ติสรณํ คโต อุปาสโกปิ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน นาม, ตสฺมึ ทินฺนทานมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺยํ. ปฺจสีเล ปติฏฺิตสฺส ตโต อุตฺตริ มหปฺผลํ, ทสสีเล ปติฏฺิตสฺส ตโต อุตฺตริ, ตทหุปพฺพชิตสฺส สามเณรสฺส ตโต อุตฺตริ, อุปสมฺปนฺนภิกฺขุโน ตโต อุตฺตริ, อุปสมฺปนฺนสฺเสว วตฺตสมฺปนฺนสฺส ตโต อุตฺตริ, วิปสฺสกสฺส ตโต อุตฺตริ, อารทฺธวิปสฺสกสฺส ตโต อุตฺตริ, อุตฺตมโกฏิยา ปน มคฺคสมงฺคี โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน นาม. เอตสฺส ทินฺนทานํ ตโต อุตฺตริ มหปฺผลเมว.

กึ ปน มคฺคสมงฺคิสฺส สกฺกา ทานํ ทาตุนฺติ? อาม สกฺกา. อารทฺธวิปสฺสโก หิ ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, ตสฺส เคหทฺวาเร ิตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ขาทนียโภชนียํ ปกฺขิปนฺติ. ตสฺมึ ขเณ ภิกฺขุโน มคฺควุฏฺานํ โหติ, อิทํ ทานํ มคฺคสมงฺคิโน ทินฺนํ นาม โหติ. อถ วา ปเนส อาสนสาลาย นิสินฺโน โหติ, มนุสฺสา คนฺตฺวา ปตฺเต ขาทนียโภชนียํ เปนฺติ, ตสฺมึ ขเณ ตสฺส มคฺควุฏฺานํ โหติ, อิทมฺปิ ทานํ มคฺคสมงฺคิโน ทินฺนํ นาม. อถ วา ปนสฺส วิหาเร วา อาสนสาลาย วา นิสินฺนสฺส อุปาสกา ปตฺตํ อาทาย อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา ขาทนียโภชนียํ ปกฺขิปนฺติ, ตสฺมึ ขเณ ตสฺส มคฺควุฏฺานํ โหติ, อิทมฺปิ ทานํ มคฺคสมงฺคิโน ทินฺนํ นาม. ตตฺถ โสณฺฑิยํ อุทกสฺส วิย โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเน ทินฺนทานสฺส อสงฺขฺเยยฺยตา เวทิตพฺพา. ตาสุ ตาสุ มหานทีสุ มหาสมุทฺเท จ อุทกสฺส วิย โสตาปนฺนาทีสุ ทินฺนทานสฺส อุตฺตริตรวเสน อสงฺขฺเยยฺยตา เวทิตพฺพา. ปถวิยา ขยมณฺฑลมตฺเต ปเทเส ปํสุํ อาทึ กตฺวา ยาว มหาปถวิยา ปํสุโน อปฺปเมยฺยตายปิ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ.

๓๘๐. สตฺต โข ปนิมาติ กสฺมา อารภิ? ‘‘สงฺเฆ โคตมิ เทหิ, สงฺเฆ เต ทินฺเน อหฺเจว ปูชิโต ภวิสฺสามิ สงฺโฆ จา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตตฺถ สตฺตสุ าเนสุ ทินฺนทานํ สงฺเฆ ทินฺนํ นาม โหตีติ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ พุทฺธปฺปมุเข อุภโตสงฺเฆติ เอกโต ภิกฺขุสงฺโฆ, เอกโต ภิกฺขุนิสงฺโฆ, สตฺถา มชฺเฌ นิสินฺโน โหตีติ อยํ พุทฺธปฺปมุโข อุภโตสงฺโฆ นาม. อยํ ปมาติ อิมาย ทกฺขิณาย สมปฺปมาณา ทกฺขิณา นาม นตฺถิ. ทุติยทกฺขิณาทโย ปน เอตํ ปรมทกฺขิณํ น ปาปุณนฺติ.

กึ ปน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ ทาตุํ สกฺกาติ? สกฺกา. กถํ? อุภโตสงฺฆสฺส หิ ปมุเข สธาตุกํ ปฏิมํ อาสเน เปตฺวา อาธารกํ เปตฺวา ทกฺขิโณทกํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ สตฺถุ ปมํ ทตฺวา อุภโตสงฺฆสฺส ทาตพฺพํ, เอวํ พุทฺธปฺปมุขสฺส อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ ทินฺนํ นาม โหติ. ตตฺถ ยํ สตฺถุ ทินฺนํ, ตํ กึ กาตพฺพนฺติ? โย สตฺถารํ ปฏิชคฺคติ วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ, ตสฺส ทาตพฺพํ. ปิตุสนฺตกฺหิ ปุตฺตสฺส ปาปุณาติ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาตุมฺปิ วฏฺฏติ, สปฺปิเตลานิ ปน คเหตฺวา ทีปา ชลิตพฺพา, สาฏกํ คเหตฺวา ปฏากา อาโรเปตพฺพาติ. ภิกฺขุสงฺเฆติ อปริจฺฉินฺนกมหาภิกฺขุสงฺเฆ. ภิกฺขุนิสงฺเฆปิ เอเสว นโย.

โคตฺรภุโนติ โคตฺตมตฺตกเมว อนุภวมานา, นามมตฺตสมณาติ อตฺโถ. กาสาวกณฺาติ กาสาวกณฺนามกา. เต กิร เอกํ กาสาวขณฺฑํ หตฺเถ วา คีวาย วา พนฺธิตฺวา วิจริสฺสนฺติ . ฆรทฺวารํ ปน เตสํ ปุตฺตภริยา กสิวณิชฺชาทิกมฺมานิ จ ปากติกาเนว ภวิสฺสนฺติ. เตสุ ทุสฺสีเลสุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทสฺสนฺตีติ เอตฺถ ทุสฺสีลสงฺฆนฺติ น วุตฺตํ. สงฺโฆ หิ ทุสฺสีโล นาม นตฺถิ. ทุสฺสีลา ปน อุปาสกา เตสุ ทุสฺสีเลสุ ภิกฺขุสงฺฆํ อุทฺทิสฺส สงฺฆสฺส เทมาติ ทานํ ทสฺสนฺติ. อิติ ภควตา พุทฺธปฺปมุเข สงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาปิ คุณสงฺขาย อสงฺขฺเยยฺยาติ วุตฺตํ. กาสาวกณฺสงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาปิ คุณสงฺขาเยว อสงฺขฺเยยฺยาติ วุตฺตา. สงฺฆคตา ทกฺขิณา หิ สงฺเฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส โหติ, สงฺเฆ ปน จิตฺตีกาโร ทุกฺกโร โหติ.

โย หิ สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ ทสฺสามีติ เทยฺยธมฺมํ ปฏิยาเทตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา, – ‘‘ภนฺเต, สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เอกํ เถรํ เทถา’’ติ วทติ, อถ สงฺฆโต สามเณรํ ลภิตฺวา ‘‘สามเณโร เม ลทฺโธ’’ติ อฺถตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส ทกฺขิณา สงฺฆคตา น โหติ. มหาเถรํ ลภิตฺวาปิ ‘‘มหาเถโร เม ลทฺโธ’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาปิ น โหติเยว. โย ปน สามเณรํ วา อุปสมฺปนฺนํ วา ทหรํ วา เถรํ วา พาลํ วา ปณฺฑิตํ วา ยํกิฺจิ สงฺฆโต ลภิตฺวา นิพฺเพมติโก หุตฺวา สงฺฆสฺส เทมีติ สงฺเฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สกฺโกติ, ตสฺส ทกฺขิณา สงฺฆคตา นาม โหติ. ปรสมุทฺทวาสิโน กิร เอวํ กโรนฺติ.

ตตฺถ หิ เอโก วิหารสามิ กุฏุมฺพิโก ‘‘สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ ทสฺสามี’’ติ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ เทถาติ ยาจิ. โส เอกํ ทุสฺสีลภิกฺขุํ ลภิตฺวา นิสินฺนฏฺานํ โอปุฺชาเปตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธธูมปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา พุทฺธสฺส นิปจฺจการํ กโรนฺโต วิย สงฺเฆ จิตฺตีกาเรน เทยฺยธมฺมํ อทาสิ. โส ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ วิหารชคฺคนตฺถาย กุทาลกํ เทถาติ ฆรทฺวารํ อาคโต, อุปาสโก นิสินฺโนว กุทาลํ ปาเทน ขิปิตฺวา ‘‘คณฺหา’’ติ อทาสิ. ตเมนํ มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเหหิ ปาโตว เอตสฺส กตสกฺกาโร วตฺตุํ น สกฺกา, อิทานิ อุปจารมตฺตกมฺปิ นตฺถิ, กึ นาเมต’’นฺติ. อุปาสโก – ‘‘สงฺฆสฺส โส อยฺยา จิตฺตีกาโร, น เอตสฺสา’’ติ อาห. กาสาวกณฺสงฺฆสฺส ทินฺนทกฺขิณํ ปน โก โสเธตีติ? สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย อสีติ มหาเถรา โสเธนฺตีติ. อปิจ เถรา จิรปรินิพฺพุตา, เถเร อาทึ กตฺวา ยาวชฺช ธรมานา ขีณาสวา โสเธนฺติเยว.

น ตฺเววาหํ, อานนฺท, เกนจิ ปริยาเยน สงฺฆคตาย ทกฺขิณายาติ เอตฺถ อตฺถิ พุทฺธปฺปมุโข สงฺโฆ, อตฺถิ เอตรหิ สงฺโฆ, อตฺถิ อนาคเต กาสาวกณฺสงฺโฆ. พุทฺธปฺปมุโข สงฺโฆ เอตรหิ สงฺเฆน น อุปเนตพฺโพ, เอตรหิ สงฺโฆ อนาคเต กาสาวกณฺสงฺเฆน สทฺธึ น อุปเนตพฺโพ. เตน เตเนว สมเยน กเถตพฺพํ. สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตสมณปุถุชฺชโน หิ ปาฏิปุคฺคลิโก โสตาปนฺโน, สงฺเฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส ปุถุชฺชนสมเณ ทินฺนํ มหปฺผลตรํ. อุทฺทิสิตฺวา คหิโต โสตาปนฺโน ปาฏิปุคฺคลิโก สกทาคามีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สงฺเฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส หิ ขีณาสเว ทินฺนทานโต อุทฺทิสิตฺวา คหิเต ทุสฺสีเลปิ ทินฺนํ มหปฺผลตรเมว . ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สีลวโต โข, มหาราช, ทินฺนํ มหปฺผลํ, โน ตถา ทุสฺสีเล’’ติ, ตํ อิมํ นยํ ปหาย ‘‘จตสฺโส โข อิมานนฺท, ทกฺขิณา วิสุทฺธิโย’’ติ อิมสฺมึ จตุกฺเก ทฏฺพฺพํ.

๓๘๑. ทายกโต วิสุชฺฌตีติ มหปฺผลภาเวน วิสุชฺฌติ, มหปฺผลา โหตีติ อตฺโถ. กลฺยาณธมฺโมติ สุจิธมฺโม, น ปาปธมฺโม. ทายกโต วิสุชฺฌตีติ เจตฺถ เวสฺสนฺตรมหาราชา กเถตพฺโพ. โส หิ ชูชกพฺราหฺมณสฺส ทารเก ทตฺวา ปถวึ กมฺเปสิ.

ปฏิคฺคาหกโตวิสุชฺฌตีติ เอตฺถ กลฺยาณีนทีมุขทฺวารวาสิเกวฏฺโฏ กเถตพฺโพ. โส กิร ทีฆโสมตฺเถรสฺส ติกฺขตฺตุมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา มรณมฺเจ นิปนฺโน ‘‘อยฺยสฺส มํ ทีฆโสมตฺเถรสฺส ทินฺนปิณฺฑปาโต อุทฺธรตี’’ติ อาห.

เนว ทายกโตติ เอตฺถ วฑฺฒมานวาสิลุทฺทโก กเถตพฺโพ. โส กิร เปตทกฺขิณํ เทนฺโต เอกสฺส ทุสฺสีลสฺเสว ตโย วาเร อทาสิ, ตติยวาเร ‘‘อมนุสฺโส ทุสฺสีโล มํ วิลุมฺปตี’’ติ วิรวิ, เอกสฺส สีลวนฺตภิกฺขุโน ทตฺวา ปาปิตกาเลเยวสฺส ปาปุณิ.

ทายกโต เจว วิสุชฺฌตีติ เอตฺถ อสทิสทานํ กเถตพฺพํ.

สา ทกฺขิณา ทายกโต วิสุชฺฌตีติ เอตฺถ ยถา นาม เฉโก กสฺสโก อสารมฺปิ เขตฺตํ ลภิตฺวา สมเย กสิตฺวา ปํสุํ อปเนตฺวา สารพีชานิ ปติฏฺเปตฺวา รตฺตินฺทิวํ อารกฺเข ปมาทํ อนาปชฺชนฺโต อฺสฺส สารเขตฺตโต อธิกตรํ ธฺํ ลภติ, เอวํ สีลวา ทุสฺสีลสฺส ทตฺวาปิ ผลํ มหนฺตํ อธิคจฺฉตีติ. อิมินา อุปาเยน สพฺพปเทสุ วิสุชฺฌนํ เวทิตพฺพํ.

วีตราโค วีตราเคสูติ เอตฺถ วีตราโค นาม อนาคามี, อรหา ปน เอกนฺตวีตราโคว, ตสฺมา อรหตา อรหโต ทินฺนทานเมว อคฺคํ. กสฺมา? ภวาลยสฺส ภวปตฺถนาย อภาวโต. นนุ ขีณาสโว ทานผลํ น สทฺทหตีติ? ทานผลํ สทฺทหนฺตา ขีณาสวสทิสา น โหนฺติ. ขีณาสเวน กตกมฺมํ ปน นิจฺฉนฺทราคตฺตา กุสลํ วา อกุสลํ วา น โหติ, กิริยฏฺาเน ติฏฺติ, เตเนวสฺส ทานํ อคฺคํ โหตีติ วทนฺติ.

กึ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ, อุทาหุ สาริปุตฺตตฺเถเรน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทินฺนนฺติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ วทนฺติ. สมฺมาสมฺพุทฺธฺหิ เปตฺวา อฺโ ทานสฺส วิปากํ ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ทานฺหิ จตูหิ สมฺปทาหิ ทาตุํ สกฺโกนฺตสฺส ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ. ตตฺริมา สมฺปทา – เทยฺยธมฺมสฺส ธมฺเมน สเมน ปรํ อปีเฬตฺวา อุปฺปนฺนตา, ปุพฺพเจตนาทิวเสน เจตนาย มหตฺตตา, ขีณาสวภาเวน คุณาติเรกตา, ตํทิวสํ นิโรธโต วุฏฺิตภาเวน วตฺถุสมฺปนฺนตาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.