📜

๕. สฬายตนวคฺโค

๑. อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา

๓๘๓. เอวํเม สุตนฺติ อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตํ. ตตฺถ พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตคิลาโน มรณเสยฺยํ อุปคโต. อามนฺเตสีติ คหปติสฺส กิร ยาว ปาทา วหึสุ, ตาว ทิวเส สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา พุทฺธุปฏฺานํ อขณฺฑํ อกาสิ. ยตฺตกฺจสฺส สตฺถุ อุปฏฺานํ อโหสิ, ตตฺตกํเยว มหาเถรานํ. โส อชฺช คมนปาทสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา อนุฏฺานเสยฺยํ อุปคโต สาสนํ เปเสตุกาโม อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ. เตนุปสงฺกมีติ ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา สูริยตฺถงฺคมนเวลาย อุปสงฺกมิ.

๓๘๔. ปฏิกฺกมนฺตีติ โอสกฺกนฺติ, ตนุกา ภวนฺติ. อภิกฺกมนฺตีติ อภิวฑฺฒนฺติ โอตฺถรนฺติ, พลวติโย โหนฺติ.

อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ โน ปฏิกฺกโมติ ยสฺมิฺหิ สมเย มารณนฺติกา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อุปริวาเต ชลิตคฺคิ วิย โหติ, ยาว อุสฺมา น ปริยาทิยติ, ตาว มหตาปิ อุปกฺกเมน น สกฺกา วูปสเมตุํ, อุสฺมาย ปน ปริยาทินฺนาย วูปสมฺมติ.

๓๘๕. อถายสฺมา สาริปุตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มหาเสฏฺิสฺส เวทนา มารณนฺติกา, น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, อวเสสา กถา นิรตฺถกา, ธมฺมกถมสฺส กเถสฺสามี’’ติ. อถ นํ ตํ กเถนฺโต ตสฺมาติหาติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา จกฺขุํ ตีหิ คาเหหิ คณฺหนฺโต อุปฺปนฺนํ มารณนฺติกํ เวทนํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, ตสฺมา. น จกฺขุํ อุปาทิยิสฺสามีติ จกฺขุํ ตีหิ คาเหหิ น คณฺหิสฺสามิ. น จ เม จกฺขุนิสฺสิตํ วิฺาณนฺติ วิฺาณฺจาปิ เม จกฺขุนิสฺสิตํ น ภวิสฺสติ. น รูปนฺติ เหฏฺา อายตนรูปํ กถิตํ, อิมสฺมึ าเน สพฺพมฺปิ กามภวรูปํ กเถนฺโต เอวมาห.

๓๘๖. น อิธโลกนฺติ วสนฏฺานํ วา ฆาสจฺฉาทนํ วา น อุปาทิยิสฺสามีติ อตฺโถ. อิทฺหิ ปจฺจเยสุ อปริตสฺสนตฺถํ กถิตํ. น ปรโลกนฺติ เอตฺถ ปน มนุสฺสโลกํ เปตฺวา เสสา ปรโลกา นาม. อิทํ – ‘‘อสุกเทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อสุกฏฺาเน ภวิสฺสามิ, อิทํ นาม ขาทิสฺสามิ ภุฺชิสฺสามิ นิวาเสสฺสามิ ปารุปิสฺสามี’’ติ เอวรูปาย ปริตสฺสนาย ปหานตฺถํ วุตฺตํ. ตมฺปิ น อุปาทิยิสฺสามิ, น จ เม ตนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ ภวิสฺสตีติ เอวํ ตีหิ คาเหหิ ปริโมเจตฺวา เถโร เทสนํ อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺเปสิ.

๓๘๗. โอลียสีติ อตฺตโน สมฺปตฺตึ ทิสฺวา อารมฺมเณสุ พชฺฌสิ อลฺลียสีติ. อิติ อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘อยมฺปิ นาม คหปติ เอวํ สทฺโธ ปสนฺโน มรณภยสฺส ภายติ, อฺโ โก น ภายิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ตสฺส คาฬฺหํ กตฺวา โอวาทํ เทนฺโต เอวมาห. น จ เม เอวรูปี ธมฺมีกถา สุตปุพฺพาติ อยํ อุปาสโก – ‘‘สตฺถุ สนฺติกาปิ เม เอวรูปี ธมฺมกถา น สุตปุพฺพา’’ติ วทติ, กึ สตฺถา เอวรูปิ สุขุมํ คมฺภีรกถํ น กเถตีติ? โน น กเถติ. เอวํ ปน ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ ฉ พาหิรานิ ฉ วิฺาณกาเย ฉ ผสฺสกาเย ฉ เวทนากาเย ฉ ธาตุโย ปฺจกฺขนฺเธ จตฺตาโร อรูเป อิธโลกฺจ ปรโลกฺจ ทสฺเสตฺวา ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสน อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา กถิตกถา เอเตน น สุตปุพฺพา, ตสฺมา เอวํ วทติ.

อปิจายํ อุปาสโก ทานาธิมุตฺโต ทานาภิรโต พุทฺธานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ตุจฺฉหตฺโถ น คตปุพฺโพ. ปุเรภตฺตํ คจฺฉนฺโต ยาคุขชฺชกาทีนิ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ, ปจฺฉาภตฺตํ สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ. ตสฺมึ อสติ วาลิกํ คาหาเปตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ โอกิราเปติ, ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา เคหํ คโต. โพธิสตฺตคติโก กิเรส อุปาสโก, ตสฺมา ภควา จตุวีสติ สํวจฺฉรานิ อุปาสกสฺส เยภุยฺเยน ทานกถเมว กเถสิ – ‘‘อุปาสก, อิทํ ทานํ นาม โพธิสตฺตานํ คตมคฺโค, มยฺหมฺปิ คตมคฺโค, มยา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทานํ ทินฺนํ, ตฺวํ มยา คตมคฺคเมว อนุคจฺฉสี’’ติ. ธมฺมเสนาปติอาทโย มหาสาวกาปิ อตฺตโน อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล ทานกถเมวสฺส กเถนฺติ. เตเนวาห น โข คหปติ คิหีนํ โอทาตวสนานํ เอวรูปี ธมฺมีกถา ปฏิภาตีติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – คหปติ คิหีนํ นาม เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณทาสีทาสปุตฺตภริยาทีสุ ติพฺโพ อาลโย ติพฺพํ นิกนฺติปริยุฏฺานํ , เตสํ – ‘‘เอตฺถ อาลโย น กาตพฺโพ, นิกนฺติ น กาตพฺพา’’ติ กถา น ปฏิภาติ น รุจฺจตีติ.

เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ตุสิตภวเน กิรสฺส นิพฺพตฺตมตฺตสฺเสว ติคาวุตปฺปมาณํ สุวณฺณกฺขนฺธํ วิย วิชฺโชตมานํ อตฺตภาวํ อุยฺยานวิมานาทิสมฺปตฺติฺจ ทิสฺวา – ‘‘มหตี อยํ มยฺหํ สมฺปตฺติ, กึ นุ โข เม มนุสฺสปเถ กมฺมํ กต’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตีสุ รตเนสุ อธิการํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘ปมาทฏฺานมิทํ เทวตฺตํ นาม, อิมาย หิ เม สมฺปตฺติยา โมทมานสฺส สติสมฺโมโสปิ สิยา, หนฺทาหํ คนฺตฺวา มม เชตวนสฺส เจว ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ตถาคตสฺส จ อริยมคฺคสฺส จ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส จ วณฺณํ กเถตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข อนาถปิณฺฑิโกติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ อิสิสงฺฆนิเสวิตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆนิเสวิตํ. เอวํ ปมคาถาย เชตวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ อริยมคฺคสฺส วณฺณํ กเถนฺโต กมฺมํ วิชฺชา จาติอาทิมาห. ตตฺถ กมฺมนฺติ มคฺคเจตนา. วิชฺชาติ มคฺคปฺา. ธมฺโมติ สมาธิปกฺขิโก ธมฺโม. สีลํ ชีวิตมุตฺตมนฺติ สีเล ปติฏฺิตสฺส ชีวิตํ อุตฺตมนฺติ ทสฺเสติ. อถ วา วิชฺชาติ ทิฏฺิสงฺกปฺโป. ธมฺโมติ วายามสติสมาธโย. สีลนฺติ วาจากมฺมนฺตาชีวา. ชีวิตมุตฺตมนฺติ เอตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตสฺส ชีวิตํ นาม อุตฺตมํ. เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺตีติ เอเตน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา มคฺเคน สุชฺฌนฺติ, น โคตฺตธเนหิ, ตสฺมา. โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน สมาธิปกฺขิยํ ธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ ตสฺมึ อริยมคฺเค วิสุชฺฌติ . อถ วา โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน ปฺจกฺขนฺธธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ เตสุ จตูสุ สจฺเจสุ วิสุชฺฌติ.

อิทานิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถนฺโต สาริปุตฺโต วาติอาทิมาห. ตตฺถ สาริปุตฺโต วาติ อวธารณวจนํ. เอเตหิ ปฺาทีหิ สาริปุตฺโตว เสยฺโยติ วทติ. อุปสเมนาติ กิเลสอุปสเมน. ปารงฺคโตติ นิพฺพานํ คโต. โย โกจิ นิพฺพานํ ปตฺโต ภิกฺขุ, โส เอตาวปรโม สิยา, น เถเรน อุตฺตริตโร นาม อตฺถีติ วทติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

อนาถปิณฺฑิโกวาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ฉนฺโนวาทสุตฺตวณฺณนา

๓๘๙. เอวํเม สุตนฺติ ฉนฺโนวาทสุตฺตํ. ตตฺถ ฉนฺโนติ เอวํนามโก เถโร, น อภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺตตฺเถโร. ปฏิสลฺลานาติ ผลสมาปตฺติโต. คิลานปุจฺฉกาติ คิลานุปฏฺานํ นาม พุทฺธวณฺณิตํ, ตสฺมา เอวมาห. สตฺถนฺติ ชีวิตหารกสตฺถํ. นาวกงฺขามีติ อิจฺฉามิ.

๓๙๐. อนุปวชฺชนฺติ อนุปฺปตฺติกํ อปฺปฏิสนฺธิกํ.

๓๙๑. เอตํ มมาติอาทีนิ ตณฺหามานทิฏฺิคาหวเสน วุตฺตานิ. นิโรธํ ทิสฺวาติ ขยวยํ ตฺวา. เนตํ มม เนโสหมสฺมิ น เมโส อตฺตาติ สมนุปสฺสามีติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ สมนุปสฺสามิ.

๓๙๓. ตสฺมาติ ยสฺมา มารณนฺติกเวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺถํ อาหรามีติ วทติ, ตสฺมา. ปุถุชฺชโน อายสฺมา, เตน อิทมฺปิ มนสิ กโรหีติ ทีเปติ. นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาลํ. นิสฺสิตสฺสาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ นิสฺสิตสฺส. จลิตนฺติ วิปฺผนฺทิตํ โหติ. ปสฺสทฺธีติ กายจิตฺตปสฺสทฺธิ, กิเลสปสฺสทฺธิ นาม โหตีติ อตฺโถ. นตีติ ตณฺหานติ. นติยา อสตีติ ภวตฺถาย อาลยนิกนฺติปริยุฏฺาเนสุ อสติ. อาคติคติ น โหตีติ ปฏิสนฺธิวเสน อาคติ นาม น โหติ, จุติวเสน คมนํ นาม น โหติ. จุตูปปาโตติ จวนวเสน จุติ, อุปปชฺชนวเสน อุปปาโต. เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรนาติ นยิธ โลเก, น ปรโลเก, น อุภยตฺถ โหติ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขกิเลสทุกฺขสฺส อยเมว อนฺโต อยํ ปริจฺเฉโท ปริวฏุมภาโว โหติ. อยเมว หิ เอตฺถ อตฺโถ. เย ปน ‘‘น อุภยมนฺตเรนา’’ติ วจนํ คเหตฺวา อนฺตราภวํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ อุตฺตรํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

๓๙๔. สตฺถํ อาหเรสีติ ชีวิตหารกํ สตฺถํ อาหริ, กณฺนาฬึ ฉินฺทิ. อถสฺส ตสฺมึ ขเณ มรณภยํ โอกฺกมิ, คตินิมิตฺตํ อุปฏฺาสิ. โส อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา สํวิคฺโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ. สมฺมุขาเยว อนุปวชฺชตา พฺยากตาติ กิฺจาปิ อิทํ เถรสฺส ปุถุชฺชนกาเล พฺยากรณํ โหติ, เอเตน ปน พฺยากรเณน อนนฺตรายมสฺส ปรินิพฺพานํ อโหสิ. ตสฺมา ภควา ตเมว พฺยากรณํ คเหตฺวา กเถสิ. อุปวชฺชกุลานีติ อุปสงฺกมิตพฺพกุลานิ. อิมินา เถโร, – ‘‘ภนฺเต, เอวํ อุปฏฺาเกสุ จ อุปฏฺายิกาสุ จ วิชฺชมานาสุ โส ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉติ. อถสฺส ภควา กุเลสุ สํสคฺคาภาวํ ทีเปนฺโต โหนฺติ เหเต สาริปุตฺตาติอาทิมาห. อิมสฺมึ กิร าเน เถรสฺส กุเลสุ อสํสฏฺภาโว ปากโฏ อโหสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ฉนฺโนวาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปุณฺโณวาทสุตฺตวณฺณนา

๓๙๕. เอวํเม สุตนฺติ ปุณฺโณวาทสุตฺตํ. ตตฺถ ปฏิสลฺลานาติ เอกีภาวา. ตํ เจติ ตํ จกฺขุฺเจว รูปฺจ. นนฺทีสมุทยา ทุกฺขสมุทโยติ นนฺทิยา ตณฺหาย สโมธาเนน ปฺจกฺขนฺธทุกฺขสฺส สโมธานํ โหติ. อิติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ทุกฺขํ สมุทโยติ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน วฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสสิ. ทุติยนเย นิโรโธ มคฺโคติ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน วิวฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสสิ. อิมินา จ ตฺวํ ปุณฺณาติ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. เอวํ ตาว วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน เทสนํ อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อิทานิ ปุณฺณตฺเถรํ สตฺตสุ าเนสุ สีหนาทํ นทาเปตุํ อิมินา จ ตฺวนฺติอาทิมาห.

๓๙๖. จณฺฑาติ ทุฏฺา กิพฺพิสา. ผรุสาติ กกฺขฬา. อกฺโกสิสฺสนฺตีติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสิสฺสนฺติ. ปริภาสิสฺสนฺตีติ กึ สมโณ นาม ตฺวํ, อิทฺจ อิทฺจ เต กริสฺสามาติ ตชฺเชสฺสนฺติ. เอวเมตฺถาติ เอวํ มยฺหํ เอตฺถ ภวิสฺสติ.

ทณฺเฑนาติ จตุหตฺเถน ทณฺเฑน วา ฆฏิกมุคฺคเรน วา. สตฺเถนาติ เอกโตธาราทินา. สตฺถหารกํ ปริเยสนฺตีติ ชีวิตหารกํ สตฺถํ ปริเยสนฺติ. อิทํ เถโร ตติยปาราชิกวตฺถุสฺมึ อสุภกถํ สุตฺวา อตฺตภาเวน ชิคุจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ สตฺถหารกปริเยสนํ สนฺธายาห. ทมูปสเมนาติ เอตฺถ ทโมติ อินฺทฺริยสํวราทีนํ เอตํ นามํ. ‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๕; สุ. นิ. ๔๖๗) เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุตฺโต. ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๑) เอตฺถ ปฺา ทโมติ วุตฺโต. ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖; ม. นิ. ๒.๒๒๖) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํ ทโมติ วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต ขนฺติ ทโมติ เวทิตพฺพา. อุปสโมติ ตสฺเสว เววจนํ.

๓๙๗. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณติ โก ปเนส ปุณฺโณ, กสฺมา ปเนตฺถ คนฺตุกาโม อโหสีติ . สุนาปรนฺตวาสิโก เอว เอโส, สาวตฺถิยํ ปน อสปฺปายวิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม อโหสิ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – สุนาปรนฺตรฏฺเ กิร เอกสฺมึ วาณิชกคาเม เอเต ทฺเว ภาตโร. เตสุ กทาจิ เชฏฺโ ปฺจ สกฏสตานิ คเหตฺวา ชนปทํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ อาหรติ, กทาจิ กนิฏฺโ. อิมสฺมึ ปน สมเย กนิฏฺํ ฆเร เปตฺวา เชฏฺภาติโก ปฺจ สกฏสตานิ คเหตฺวา ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนสฺส นาติทูเร สกฏสตฺถํ นิวาเสตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปริชนปริวุโต ผาสุกฏฺาเน นิสีทิ.

เตน จ สมเยน สาวตฺถิวาสิโน ภุตฺตปาตราสา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธปุปฺผาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ เยน ธมฺโม เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปาพฺภารา หุตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ คจฺฉนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘กหํ อิเม คจฺฉนฺติ’’ติ เอกมนุสฺสํ ปุจฺฉิ. กึ ตฺวํ อยฺโย น ชานาสิ, โลเก พุทฺธธมฺมสงฺฆรตนานิ นาม อุปฺปนฺนานิ, อิจฺเจส มหาชโน สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉตีติ. ตสฺส พุทฺโธติ วจนํ ฉวิจมฺมาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. อถ อตฺตโน ปริชนปริวุโต ตาย ปริสาย สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ มธุรสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. อถ ตถาคเตน กาลํ วิทิตฺวา ปริสาย อุยฺโยชิตาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ทุติยทิวเส มณฺฑปํ กาเรตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ภุตฺตปาตราโส อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย ภณฺฑาคาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา, เอตฺตกํ ภณฺฑํ วิสฺสชฺชิตํ, เอตฺตกํ น วิสฺสชฺชิตนฺติ สพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา – ‘‘อิมํ สาปเตยฺยํ มยฺหํ กนิฏฺสฺส เทหี’’ติ สพฺพํ นิยฺยาเตตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานปรายโณ อโหสิ.

อถสฺส กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ น อุปฏฺาติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ชนปโท มยฺหํ อสปฺปาโย, ยํนูนาหํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สกฏฺานเมว คจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ ปุพฺพณฺหสมเย ปิณฺฑาย จริตฺวา สายนฺหสมเย ปฏิสลฺลานา วุฏฺหิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สตฺต สีหนาเท นทิตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ…เป… วิหรตี’’ติ.

กตฺถ ปนายํ วิหาสีติ? จตูสุ าเนสุ วิหาสิ, สุนาปรนฺตรฏฺํ ตาว ปวิสิตฺวา อชฺชุหตฺถปพฺพเต นาม ปวิสิตฺวา วาณิชคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ นํ กนิฏฺภาตา สฺชานิตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว วสถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ตตฺเถว วสาเปสิ.

ตโต สมุทฺทคิริวิหารํ นาม อคมาสิ. ตตฺถ อยกนฺตปาสาเณหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตจงฺกโม อตฺถิ, ตํ โกจิ จงฺกมิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ตตฺถ สมุทฺทวีจิโย อาคนฺตฺวา อยกนฺตปาสาเณสุ ปหริตฺวา มหาสทฺทํ กโรนฺติ. เถโรนํ – ‘‘กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตานํ ผาสุวิหาโร โหตู’’ติ สมุทฺทํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา อธิฏฺาสิ.

ตโต มาตุลคิรึ นาม อคมาสิ. ตตฺถ สกุณสงฺโฆ อุสฺสนฺโน, รตฺติฺจ ทิวา จ สทฺโท เอกาพทฺโธว โหติ, เถโร อิมํ านํ อผาสุกนฺติ ตโต มกุลการามวิหารํ นาม คโต. โส วาณิชคามสฺส นาติทูโร นจฺจาสนฺโน คมนาคมนสมฺปนฺโน วิวิตฺโต อปฺปสทฺโท. เถโร อิมํ านํ ผาสุกนฺติ ตตฺถ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมนาทีนิ กาเรตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉิ. เอวํ จตูสุ าเนสุ วิหาสิ.

อเถกทิวสํ ตสฺมึเยว อนฺโตวสฺเส ปฺจ วาณิชสตานิ ปรสมุทฺทํ คจฺฉามาติ นาวาย ภณฺฑํ ปกฺขิปึสุ. นาวาโรหนทิวเส เถรสฺส กนิฏฺภาตา เถรํ โภเชตฺวา เถรสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทานิ คเหตฺวา วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺโต, – ‘‘ภนฺเต, มหาสมุทฺโท นาม อปฺปเมยฺโย อเนกนฺตราโย, อมฺเห อาวชฺเชยฺยาถา’’ติ วตฺวา นาวํ อารุหิ. นาวา อุตฺตมชเวน คจฺฉมานา อฺตรํ ทีปกํ ปาปุณิ. มนุสฺสา ปาตราสํ กริสฺสามาติ ทีปเก โอติณฺณา. ตสฺมึ ทีเป อฺํ กิฺจิ นตฺถิ, จนฺทนวนเมว อโหสิ.

อเถโก วาสิยา รุกฺขํ อาโกเฏตฺวา โลหิตจนฺทนภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘โภ มยํ ลาภตฺถาย ปรสมุทฺทํ คจฺฉาม, อิโต จ อุตฺตริ ลาโภ นาม นตฺถิ, จตุรงฺคุลมตฺตา ฆฏิกา สตสหสฺสํ อคฺฆติ, หาเรตพฺพกยุตฺตํ ภณฺฑํ หาเรตฺวา จนฺทนสฺส ปูเรมา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. จนฺทนวเน อธิวตฺถา อมนุสฺสา กุชฺฌิตฺวา – ‘‘อิเมหิ อมฺหากํ จนฺทนวนํ นาสิตํ, ฆาเตสฺสาม เน’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘อิเธว ฆาติเตสุ สพฺพํ วนํ เอกํ กุณปํ ภวิสฺสติ, สมุทฺทมชฺเฌ เนสํ นาวํ โอสีเทสฺสามา’’ติ อาหํสุ. อถ เตสํ นาวํ อารุยฺห มุหุตฺตํ คตกาเลเยว อุปฺปาทิกํ อุฏฺเปตฺวา สยมฺปิ เต อมนุสฺสา ภยานกานิ รูปานิ ทสฺสยึสุ. ภีตา มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน เทวตา นมสฺสนฺติ. เถรสฺส กนิฏฺโ จูฬปุณฺณกุฏุมฺพิโก – ‘‘มยฺหํ ภาตา อวสฺสโย โหตู’’ติ เถรสฺส นมสฺสมาโน อฏฺาสิ.

เถโรปิ กิร ตสฺมึเยว ขเณ อาวชฺชิตฺวา เตสํ พฺยสนุปฺปตฺตึ ตฺวา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา สมฺมุเข อฏฺาสิ. อมนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา ‘‘อยฺโย ปุณฺณตฺเถโร เอตี’’ติ ปกฺกมึสุ, อุปฺปาทิกํ สนฺนิสีทิ. เถโร มา ภายถาติ เต อสฺสาเสตฺวา ‘‘กหํ คนฺตุกามตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, อมฺหากํ สกฏฺานเมว คจฺฉามาติ. เถโร นาวํ ผเล อกฺกมิตฺวา ‘‘เอเตสํ อิจฺฉิตฏฺานํ คจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ. วาณิชา สกฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุตฺตทารสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เอถ เถรํ สรณํ คจฺฉามา’’ติ ปฺจสตา อตฺตโน ปฺจมาตุคามสเตหิ สทฺธึ ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสุํ. ตโต นาวาย ภณฺฑํ โอตาเรตฺวา เถรสฺส เอกํ โกฏฺาสํ กตฺวา – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ โกฏฺาโส’’ติ อาหํสุ. เถโร – ‘‘มยฺหํ วิสุํ โกฏฺาสกิจฺจํ นตฺถิ, สตฺถา ปน ตุมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. น ทิฏฺปุพฺโพ, ภนฺเตติ. เตน หิ อิมินา สตฺถุ มณฺฑลมาฬํ กโรถ, เอวํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสถาติ. เต สาธุ, ภนฺเตติ เตน จ โกฏฺาเสน อตฺตโน จ โกฏฺาเสหิ มณฺฑลมาฬํ กาตุํ อารภึสุ.

สตฺถาปิ กิร อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ปริโภคํ อกาสิ. อารกฺขมนุสฺสา รตฺตึ โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘มเหสกฺขา เทวตา อตฺถี’’ติ สฺํ กรึสุ. อุปาสกา มณฺฑลมาฬฺจ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เสนาสนานิ นิฏฺเปตฺวา ทานสมฺภารํ สชฺเชตฺวา – ‘‘กตํ, ภนฺเต, อมฺเหหิ อตฺตโน กิจฺจํ, สตฺถารํ ปกฺโกสถา’’ติ เถรสฺส อาโรเจสุํ. เถโร สายนฺหสมเย อิทฺธิยา สาวตฺถึ ปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, วาณิชคามวาสิโน ตุมฺเห ทฏฺุกามา, เตสํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ ภควนฺตํ ยาจิ. ภควา อธิวาเสสิ. เถโร ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา สกฏฺานเมว ปจฺจาคโต.

ภควาปิ อานนฺทเถรํ อามนฺเตสิ , – ‘‘อานนฺท, สฺเว สุนาปรนฺเต วาณิชคาเม ปิณฺฑาย จริสฺสาม, ตฺวํ เอกูนปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ สลากํ เทหี’’ติ. เถโร สาธุ, ภนฺเตติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา นภจาริกา ภิกฺขู สลากํ คณฺหนฺตูติ อาห. ตํทิวสํ กุณฺฑธานตฺเถโร ปมํ สลากํ อคฺคเหสิ. วาณิชคามวาสิโนปิ ‘‘สฺเว กิร สตฺถา อาคมิสฺสตี’’ติ คามมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา ทานคฺคํ สชฺชยึสุ. ภควา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิ. สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหํ อโหสิ. โส กึ อิทนฺติ อาวชฺเชตฺวา สตฺถุ สุนาปรนฺตคมนํ ทิสฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต อชฺช ภควา ติมตฺตานิ โยชนสตานิ ปิณฺฑาจารํ กริสฺสติ, ปฺจ กูฏาคารสตานิ มาเปตฺวา เชตวนทฺวารโกฏฺมตฺถเก คมนสชฺชานิ กตฺวา เปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ภควโต กูฏาคารํ จตุมุขํ อโหสิ, ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ทฺวิมุขานิ, เสสานิ เอกมุขานิ. สตฺถา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ปฏิปาฏิยา ปิตกูฏาคาเรสุ ธุรกูฏาคารํ ปาวิสิ. ทฺเว อคฺคสาวเก อาทึ กตฺวา เอกูนปฺจภิกฺขุสตานิปิ กูฏาคารํ คนฺตฺวา นิสินฺนา อเหสุํ. เอกํ ตุจฺฉกูฏาคารํ อโหสิ, ปฺจปิ กูฏาคารสตานิ อากาเส อุปฺปตึสุ.

สตฺถา สจฺจพนฺธปพฺพตํ นาม ปตฺวา กูฏาคารํ อากาเส เปสิ. ตสฺมึ ปพฺพเต สจฺจพนฺโธ นาม มิจฺฉาทิฏฺิกตาปโส มหาชนํ มิจฺฉาทิฏฺึ อุคฺคณฺหาเปนฺโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา วสติ. อพฺภนฺตเร จสฺส อนฺโตจาฏิยํ ปทีโป วิย อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย ชลติ. ตํ ทิสฺวา ธมฺมมสฺส กเถสฺสามีติ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตาปโส เทสนาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ, มคฺเคเนวาสฺส อภิฺา อาคตา. เอหิภิกฺขุ หุตฺวา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธโร หุตฺวา กูฏาคารํ ปาวิสิ.

ภควา กูฏาคารคเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วาณิชคามํ คนฺตฺวา กูฏาคารานิ อทิสฺสมานานิ กตฺวา วาณิชคามํ ปาวิสิ. วาณิชา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สตฺถารํ มกุลการามํ นยึสุ. สตฺถา มณฺฑลมาฬํ ปาวิสิ. มหาชโน ยาว สตฺถา ภตฺตทรถํ ปฏิปสฺสมฺเภติ, ตาว ปาตราสํ กตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทาย พหุํ คนฺธฺจ ปุปฺผฺจ อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย อารามํ ปจฺจาคมาสิ. สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺโข ชาโต, มหนฺตํ พุทฺธโกลาหลํ อโหสิ.

สตฺถา มหาชนสฺส สงฺคหตฺถํ กติปาหํ ตตฺเถว วสิ, อรุณํ ปน มหาคนฺธกุฏิยํเยว อุฏฺเปสิ. ตตฺถ กติปาหํ วสิตฺวา วาณิชคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ‘‘ตฺวํ อิเธว วสาหี’’ติ ปุณฺณตฺเถรํ นิวตฺเตตฺวา อนฺตเร นมฺมทานที นาม อตฺถิ, ตสฺสา ตีรํ อคมาสิ. นมฺมทานาคราชา สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา นาคภวนํ ปเวเสตฺวา ติณฺณํ รตนานํ สกฺการํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ กเถตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิ. โส – ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ปริจริตพฺพํ เทถา’’ติ ยาจิ, ภควา นมฺมทานทีตีเร ปทเจติยํ ทสฺเสสิ. ตํ วีจีสุ อาคตาสุ ปิธียติ, คตาสุ วิวรียติ, มหาสกฺการปฺปตฺตํ อโหสิ. สตฺถา ตโต นิกฺขมฺม สจฺจพนฺธปพฺพตํ คนฺตฺวา สจฺจพนฺธํ อาห – ‘‘ตยา มหาชโน อปายมคฺเค โอตาริโต, ตฺวํ อิเธว วสิตฺวา เอเตสํ ลทฺธึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา นิพฺพานมคฺเค ปติฏฺาเปหี’’ติ. โสปิ ปริจริตพฺพํ ยาจิ. สตฺถา ฆนปิฏฺิปาสาเณ อลฺลมตฺติกปิณฺฑมฺหิ ลฺฉนํ วิย ปทเจติยํ ทสฺเสสิ, ตโต เชตวนเมว คโต. เอตมตฺถํ สนฺธาย เตเนวนฺตรวสฺเสนาติอาทิ วุตฺตํ.

ปรินิพฺพายีติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. มหาชโน เถรสฺส สตฺต ทิวสานิ สรีรปูชํ กตฺวา พหูนิ คนฺธกฏฺานิ สโมธาเนตฺวา สรีรํ ฌาเปตฺวา ธาตุโย อาทาย เจติยํ อกาสิ. สมฺพหุลา ภิกฺขูติ เถรสฺส อาฬาหเน ิตภิกฺขู. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ปุณฺโณวาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา

๓๙๘. เอวํเม สุตนฺติ นนฺทโกวาทสุตฺตํ. ตตฺถ เตน โข ปน สมเยนาติ ภควา มหาปชาปติยา ยาจิโต ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุยฺโยเชตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา – ‘‘เถรา ภิกฺขู วาเรน ภิกฺขุนิโย โอวทนฺตู’’ติ สงฺฆสฺส ภารํ อกาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปริยาเยนาติ วาเรน. น อิจฺฉตีติ อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต ทูรํ คามํ วา คนฺตฺวา สูจิกมฺมาทีนิ วา อารภิตฺวา ‘‘อยํ นามสฺส ปปฺโจ’’ติ วทาเปสิ. อิมํ ปน ปริยาเยน โอวาทํ ภควา นนฺทกตฺเถรสฺเสว การณา อกาสิ. กสฺมา? อิมาสฺหิ ภิกฺขุนีนํ เถรํ ทิสฺวา จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ ปสีทติ. เตน ตา ตสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตุกามา, ธมฺมกถํ โสตุกามา. ตสฺมา ภควา – ‘‘นนฺทโก อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต โอวาทํ ทสฺสติ, ธมฺมกถํ กเถสฺสตี’’ติ วาเรน โอวาทํ อกาสิ. เถโร ปน อตฺตโน วารํ น กโรติ, กสฺมาติ เจ? ตา กิร ภิกฺขุนิโย ปุพฺเพ เถรสฺส ชมฺพุทีเป รชฺชํ กาเรนฺตสฺส โอโรธา อเหสุํ. เถโร ปุพฺเพนิวาสาเณน ตํ การณํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มํ อิมสฺส ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสินฺนํ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ธมฺมํ กถยมานํ ทิสฺวา อฺโ ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ภิกฺขุ อิมํ การณํ โอโลเกตฺวา ‘อายสฺมา นนฺทโก ยาวชฺชทิวสา โอโรเธ น วิสฺสชฺเชติ, โสภตายมายสฺมา โอโรธปริวุโต’ติ วตฺตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ. เอตมตฺถํ สมฺปสฺสมาโน เถโร อตฺตโน วารํ น กโรติ. อิมาสฺจ กิร ภิกฺขุนีนํ เถรสฺเสว เทสนา สปฺปายา ภวิสฺสตีติ ตฺวา อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อามนฺเตสิ.

ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ปุพฺเพ ตสฺส โอโรธภาวชานนตฺถํ อิทํ วตฺถุํ – ปุพฺเพ กิร พาราณสิยํ ปฺจ ทาสสตานิ ปฺจ ทาสิสตานิ จาติ ชงฺฆสหสฺสํ เอกโตว กมฺมํ กตฺวา เอกสฺมึ าเน วสิ. อยํ นนฺทกตฺเถโร ตสฺมึ กาเล เชฏฺกทาโส โหติ , โคตมี เชฏฺกทาสี. สา เชฏฺกทาสสฺส ปาทปริจาริกา อโหสิ ปณฺฑิตา พฺยตฺตา. ชงฺฆสหสฺสมฺปิ ปุฺกมฺมํ กโรนฺตํ เอกโต กโรติ. อถ วสฺสูปนายิกสมเย ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธา นนฺทมูลกปพฺภารโต อิสิปตเน โอตริตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา อิสิปตนเมว คนฺตฺวา – ‘‘วสฺสูปนายิกกุฏิยา อตฺถาย หตฺถกมฺมํ ยาจิสฺสามา’’ติ จีวรํ ปารุปิตฺวา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสิตฺวา เสฏฺิสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺํสุ. เชฏฺกทาสี กุฏํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี ปจฺเจกพุทฺเธ นครํ ปวิสนฺเต อทฺทส. เสฏฺิ เตสํ อาคตการณํ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ โอกาโส นตฺถิ, คจฺฉนฺตู’’ติ อาห.

อถ เต นครา นิกฺขมนฺเต เชฏฺกทาสี กุฏํ คเหตฺวา ปวิสนฺตี ทิสฺวา กุฏํ โอตาเรตฺวา วนฺทิตฺวา โอนมิตฺวา มุขํ ปิธาย – ‘‘อยฺยา นครํ ปวิฏฺมตฺตาว นิกฺขนฺตา, กึ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิ. วสฺสูปนายิกกุฏิยา หตฺถกมฺมํ ยาจิตุํ อาคมิมฺหาติ. ลทฺธํ, ภนฺเตติ. น ลทฺธํ อุปาสิเกติ? กึ ปเนสา กุฏิ อิสฺสเรเหว กาตพฺพา, ทุคฺคเตหิปิ สกฺกา กาตุนฺติ. เยน เกนจิ สกฺกาติ? สาธุ, ภนฺเต, มยํ กริสฺสาม. สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถาติ นิมนฺเตตฺวา อุทกํ เนตฺวา ปุน กุฏํ คเหตฺวา อาคมฺม ติตฺถมคฺเค ตฺวา อาคตา อวเสสทาสิโย ‘‘เอตฺเถว โหถา’’ติ วตฺวา สพฺพาสํ อาคตกาเล อาห – ‘‘อมฺม กึ นิจฺจเมว ปรสฺส ทาสกมฺมํ กริสฺสถ, อุทาหุ ทาสภาวโต มุจฺจิตุํ อิจฺฉถา’’ติ? อชฺเชว มุจฺจิตุมิจฺฉาม อยฺเยติ. ยทิ เอวํ มยา ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธา หตฺถกมฺมํ อลภนฺตา สฺวาตนาย นิมนฺติตา, ตุมฺหากํ สามิเกหิ เอกทิวสํ หตฺถกมฺมํ ทาเปถาติ. ตา สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สายํ อฏวิโต อาคตกาเล สามิกานํ อาโรเจสุํ. เต สาธูติ เชฏฺกทาสสฺส เคหทฺวาเร สนฺนิปตึสุ.

อถ เน เชฏฺกทาสี สฺเว ตาตา ปจฺเจกพุทฺธานํ หตฺถกมฺมํ เทถาติ อานิสํสํ อาจิกฺขิตฺวา เยปิ น กาตุกามา, เต คาฬฺเหน โอวาเทน ตชฺเชตฺวา ปฏิจฺฉาเปสิ. สา ปุนทิวเส ปจฺเจกพุทฺธานํ ภตฺตํ ทตฺวา สพฺเพสํ ทาสปุตฺตานํ สฺํ อทาสิ. เต ตาวเทว อรฺํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา สตํ สตํ หุตฺวา เอเกกกุฏึ เอเกกจงฺกมนาทิปริวารํ กตฺวา มฺจปีปานียปริโภชนียภาชนาทีนิ เปตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ เตมาสํ ตตฺถ วสนตฺถาย ปฏิฺํ กาเรตฺวา วารภิกฺขํ ปฏฺเปสุํ. โย อตฺตโน วารทิวเส น สกฺโกติ. ตสฺส เชฏฺกทาสี สกเคหโต อาหริตฺวา เทติ. เอวํ เตมาสํ ชคฺคิตฺวา เชฏฺกทาสี เอเกกํ ทาสํ เอเกกํ สาฏกํ วิสฺสชฺชาเปสิ. ปฺจ ถูลสาฏกสตานิ อเหสุํ. ตานิ ปริวตฺตาเปตฺวา ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ติจีวรานิ กตฺวา อทาสิ. ปจฺเจกพุทฺธา ยถาผาสุกํ อคมํสุ. ตมฺปิ ชงฺฆสหสฺสํ เอกโต กุสลํ กตฺวา กายสฺส เภทา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตานิ ปฺจ มาตุคามสตานิ กาเลน กาลํ เตสํ ปฺจนฺนํ ปุริสสตานํ เคเห โหนฺติ, กาเลน กาลํ สพฺพาปิ เชฏฺกทาสปุตฺตสฺเสว เคเห โหนฺติ. อถ เอกสฺมึ กาเล เชฏฺกทาสปุตฺโต เทวโลกโต จวิตฺวา ราชกุเล นิพฺพตฺโต. ตาปิ ปฺจสตา เทวกฺา มหาโภคกุเลสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺส รชฺเช ิตสฺส เคหํ อคมํสุ. เอเตน นิยาเมน สํสรนฺติโย อมฺหากํ ภควโต กาเล โกลิยนคเร เทวทหนคเร จ ขตฺติยกุเลสุ นิพฺพตฺตา.

นนฺทกตฺเถโรปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, เชฏฺกทาสิธีตา วยํ อาคมฺม สุทฺโธทนมหาราชสฺส อคฺคมเหสิฏฺาเน ิตา, อิตราปิ เตสํ เตสํ ราชปุตฺตานํเยว ฆรํ คตา. ตาสํ สามิกา ปฺจสตา ราชกุมารา อุทกจุมฺพฏกลเห สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตา, ราชธีตโร เตสํ อุกฺกณฺนตฺถํ สาสนํ เปเสสุํ. เต อุกฺกณฺิเต ภควา กุณาลทหํ เนตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺเปตฺวา มหาสมยทิวเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. ตาปิ ปฺจสตา ราชธีตโร นิกฺขมิตฺวา มหาปชาปติยา สนฺติเก ปพฺพชึสุ. อยมายสฺมา นนฺทโก เอตฺตาว ตา ภิกฺขุนิโยติ เอวเมตํ วตฺถุ ทีเปตพฺพํ.

ราชการาโมติ ปเสนทินา การิโต นครสฺส ทกฺขิณทิสาภาเค ถูปารามสทิเส าเน วิหาโร.

๓๙๙. สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺนฺติ เหตุนา การเณน วิปสฺสนาปฺาย ยาถาวสรสโต ทิฏฺํ.

๔๐๑. ตชฺชํ ตชฺชนฺติ ตํสภาวํ ตํสภาวํ, อตฺถโต ปน ตํ ตํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ ตา ตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๔๐๒. ปเควสฺส ฉายาติ มูลาทีนิ นิสฺสาย นิพฺพตฺตา ฉายา ปมตรํเยว อนิจฺจา.

๔๑๓. อนุปหจฺจาติ อนุปหนิตฺวา. ตตฺถ มํสํ ปิณฺฑํ ปิณฺฑํ กตฺวา จมฺมํ อลฺลิยาเปนฺโต มํสกายํ อุปหนติ นาม. จมฺมํ พทฺธํ พทฺธํ กตฺวา มํเส อลฺลิยาเปนฺโต มํสกายํ อุปหนติ นาม. เอวํ อกตฺวา. วิลิมํสํ นฺหารุพนฺธนนฺติ สพฺพจมฺเม ลคฺควิลีปนมํสเมว. อนฺตรากิเลสสํโยชนพนฺธนนฺติ สพฺพํ อนฺตรกิเลสเมว สนฺธาย วุตฺตํ.

๔๑๔. สตฺต โข ปนิเมติ กสฺมา อาหาติ? ยา หิ เอสา ปฺา กิเลเส ฉินฺทตีติ วุตฺตา, สา น เอกิกาว อตฺตโน ธมฺมตาย ฉินฺทิตุํ สกฺโกติ. ยถา ปน กุารี น อตฺตโน ธมฺมตาย เฉชฺชํ ฉินฺทติ, ปุริสสฺส ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺเจว ฉินฺทติ, เอวํ น วินา ฉหิ โพชฺฌงฺเคหิ ปฺา กิเลเส ฉินฺทิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา เอวมาห. เตน หีติ เยน การเณน ตยา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ฉ พาหิรานิ , ฉ วิฺาณกาเย, ทีโปปมํ, รุกฺโขปมํ, คาวูปมฺจ ทสฺเสตฺวา สตฺตหิ โพชฺฌงฺเคหิ อาสวกฺขเยน เทสนา นิฏฺปิตา, เตน การเณน ตฺวํ สฺเวปิ ตา ภิกฺขุนิโย เตเนว โอวาเทน โอวเทยฺยาสีติ.

๔๑๕. สา โสตาปนฺนาติ ยา สา คุเณหิ สพฺพปจฺฉิมิกา, สา โสตาปนฺนา. เสสา ปน สกทาคามิอนาคามินิโย จ ขีณาสวา จ. ยทิ เอวํ กถํ ปริปุณฺณสงฺกปฺปาติ. อชฺฌาสยปาริปูริยา. ยสฺสา หิ ภิกฺขุนิยา เอวมโหสิ – ‘‘กทา นุ โข อหํ อยฺยสฺส นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี ตสฺมึเยว อาสเน โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกเรยฺย’’นฺติ, สา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากาสิ. ยสฺสา อโหสิ ‘‘สกทาคามิผลํ อนาคามิผลํ อรหตฺต’’นฺติ, สา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตนาห ภควา ‘‘อตฺตมนา เจว ปริปุณฺณสงฺกปฺปา จา’’ติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา

๔๑๖. เอวํเม สุตนฺติ ราหุโลวาทสุตฺตํ. ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนียาติ วิมุตฺตึ ปริปาเจนฺตีติ วิมุตฺติปริปาจนียา. ธมฺมาติ ปนฺนรส ธมฺมา. เต สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิสุทฺธิการณวเสน เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. มุฏฺสฺสตี ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ . อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. อิติ อิเม ปฺจ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต ปฺจ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต ปฺจ สุตฺตนฺตกฺขนฺเธ ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๕).

อปเรปิ ปนฺนรส ธมฺมา วิมุตฺติปริปาจนียา – สทฺธาทีนิ ปฺจิมานิ อินฺทฺริยานิ, อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺาติ, อิมา ปฺจ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, เมฆิยตฺเถรสฺส กถิตา กลฺยาณมิตฺตตาทโย ปฺจธมฺมาติ. กาย ปน เวลาย ภควโต เอตทโหสีติ. ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺตสฺส.

๔๑๙. อเนกานํ เทวตาสหสฺสานนฺติ อายสฺมตา ราหุเลน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล ปาลิตนาคราชกาเล ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺเตน สทฺธึ ปตฺถนํ ปฏฺปิตเทวตาเยว. ตาสุ ปน กาจิ ภูมฏฺกา เทวตา, กาจิ อนฺตลิกฺขกา, กาจิ จาตุมหาราชิกา, กาจิ เทวโลเก, กาจิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตา. อิมสฺมึ ปน ทิวเส สพฺพา เอกฏฺาเน อนฺธวนสฺมึเยว สนฺนิปติตา. ธมฺมจกฺขุนฺติ อุปาลิโอวาท- (ม. นิ. ๒.๖๙) ทีฆนขสุตฺเตสุ (ม. นิ. ๒.๒๐๖) ปมมคฺโค ธมฺมจกฺขุนฺติ วุตฺโต, พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๙๕) ตีณิ ผลานิ, อิมสฺมึ สุตฺเต จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ จ ผลานิ ธมฺมจกฺขุนฺติ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ หิ กาจิ เทวตา โสตาปนฺนา อเหสุํ, กาจิ สกทาคามี, อนาคามี, ขีณาสวา. ตาสฺจ ปน เทวตานํ เอตฺตกาติ คณนวเสน ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉฉกฺกสุตฺตวณฺณนา

๔๒๐. เอวํเม สุตนฺติ ฉฉกฺกสุตฺตํ. ตตฺถ อาทิกลฺยาณนฺติอาทิมฺหิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ นิทฺโทสํ กตฺวา เทเสสฺสามิ. มชฺฌปริโยสาเนสุปิ เอเสว นโย. อิติ ภควา อริยวํสํ นวหิ, มหาสติปฏฺานํ สตฺตหิ, มหาอสฺสปุรํ สตฺตหิเยว ปเทหิ โถเมสิ. อิทํ ปน สุตฺตํ นวหิ ปเทหิ โถเมสิ.

เวทิตพฺพานีติ สหวิปสฺสเนน มคฺเคน ชานิตพฺพานิ. มนายตเนน เตภูมกจิตฺตเมว กถิตํ, ธมฺมายตเนน พหิทฺธา เตภูมกธมฺมา จ, มโนวิฺาเณน เปตฺวา ทฺเว ปฺจวิฺาณานิ เสสํ พาวีสติวิธํ โลกิยวิปากจิตฺตํ. ผสฺสเวทนา ยถาวุตฺตวิปากวิฺาณสมฺปยุตฺตาว. ตณฺหาติ วิปากเวทนาปจฺจยา ชวนกฺขเณ อุปฺปนฺนตณฺหา.

๔๒๒. จกฺขุ อตฺตาติ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. เหฏฺา กถิตานฺหิ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ อนตฺตภาวทสฺสนตฺถํ อยํ เทสนา อารทฺธา. ตตฺถ น อุปปชฺชตีติ น ยุชฺชติ. เวตีติ วิคจฺฉติ นิรุชฺฌติ.

๔๒๔. อยํ โข ปน, ภิกฺขเวติ อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. อยฺหิ เทสนา ติณฺณํ คาหานํ วเสน วฏฺฏํ ทสฺเสตุํ อารทฺธา. ทุกฺขํ สมุทโยติ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน วฏฺฏํ ทสฺเสตุนฺติปิ วทนฺติเยว. เอตํ มมาติอาทีสุ ตณฺหามานทิฏฺิคาหาว เวทิตพฺพา. สมนุปสฺสตีติ คาหตฺตยวเสน ปสฺสติ.

เอวํ วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ติณฺณํ คาหานํ ปฏิปกฺขวเสน, นิโรโธ มคฺโคติ อิเมสํ วา ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ อยํ โข ปนาติอาทิมาห. เนตํ มมาติอาทีนิ ตณฺหาทีนํ ปฏิเสธวจนานิ. สมนุปสฺสตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ ปสฺสติ.

๔๒๕. เอวํ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ติณฺณํ อนุสยานํ วเสน ปุน วฏฺฏํ ทสฺเสตุํ จกฺขุฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อภินนฺทตีติอาทีนิ ตณฺหาทิฏฺิวเสเนว วุตฺตานิ. อนุเสตีติ อปฺปหีโน โหติ. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขกิเลสทุกฺขสฺส.

๔๒๖. เอวํ ติณฺณํ อนุสยานํ วเสน วฏฺฏํ กเถตฺวา อิทานิ เตสํ ปฏิกฺเขปวเสน วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ปุน จกฺขุฺจาติอาทิมาห. อวิชฺชํ ปหายาติ วฏฺฏมูลิกํ อวิชฺชํ ปชหิตฺวา. วิชฺชนฺติ อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา.

๔๒๗. านเมตํ วิชฺชตีติ เอตฺตเกเนว กถามคฺเคน วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน เทสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปุน ตเทว สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต เอวํ ปสฺสํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนนฺติ เอตฺถ อนจฺฉริยเมตํ, ยํ สยเมว ตถาคเต เทเสนฺเต สฏฺิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา. อิมฺหิ สุตฺตํ ธมฺมเสนาปติมฺหิ กเถนฺเตปิ สฏฺิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา, มหาโมคฺคลฺลาเน กเถนฺเตปิ, อสีติมหาเถเรสุ กเถนฺเตสุปิ ปตฺตา เอว. เอตมฺปิ อนจฺฉริยํ. มหาภิฺปฺปตฺตา หิ เต สาวกา.

อปรภาเค ปน ตมฺพปณฺณิทีเป มาเลยฺยเทวตฺเถโร นาม เหฏฺา โลหปาสาเท อิทํ สุตฺตํ กเถสิ. ตทาปิ สฏฺิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา. ยถา จ โลหปาสาเท, เอวํ เถโร มหามณฺฑเปปิ อิทํ สุตฺตํ กเถสิ. มหาวิหารา นิกฺขมิตฺวา เจติยปพฺพตํ คโต, ตตฺถาปิ กเถสิ. ตโต สากิยวํสวิหาเร, กูฏาลิวิหาเร, อนฺตรโสพฺเภ, มุตฺตงฺคเณ, วาตกปพฺพเต, ปาจินฆรเก, ทีฆวาปิยํ, โลกนฺทเร, โนมณฺฑลตเล กเถสิ. เตสุปิ าเนสุ สฏฺิ สฏฺิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา. ตโต นิกฺขมิตฺวา ปน เถโร จิตฺตลปพฺพตํ คโต. ตทา จ จิตฺตลปพฺพตวิหาเร อติเรกสฏฺิวสฺโส มหาเถโร, โปกฺขรณิยํ กุรุวกติตฺถํ นาม ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ อตฺถิ, ตตฺถ เถโร นฺหายิสฺสามีติ โอติณฺโณ. เทวตฺเถโร ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา นฺหาเปมิ, ภนฺเตติ อาห. เถโร ปฏิสนฺถาเรเนว – ‘‘มาเลยฺยเทโว นาม อตฺถีติ วทนฺติ, โส อยํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตฺวํ เทโวติ อาห. อาม, ภนฺเตติ. สฏฺิวสฺสทฺธานํ เม, อาวุโส, โกจิ สรีรํ หตฺเถน ผุสิตุํ นาม น ลภิ, ตฺวํ ปน นฺหาเปหีติ อุตฺตริตฺวา ตีเร นิสีทิ.

เถโร สพฺพมฺปิ หตฺถปาทาทิปริกมฺมํ กตฺวา มหาเถรํ นฺหาเปสิ. ตํ ทิวสฺจ ธมฺมสฺสวนทิวโส โหติ. อถ มหาเถโร – ‘‘เทว อมฺหากํ ธมฺมทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. เถโร สาธุ, ภนฺเตติ สมฺปฏิจฺฉิ. อตฺถงฺคเต สูริเย ธมฺมสฺสวนํ โฆเสสุํ. อติกฺกนฺตสฏฺิวสฺสาว สฏฺิ มหาเถรา ธมฺมสฺสวนตฺถํ อคมํสุ. เทวตฺเถโร สรภาณาวสาเน อิมํ สุตฺตํ อารภิ, สุตฺตนฺตปริโยสาเน จ สฏฺิ มหาเถรา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตโต ติสฺสมหาวิหารํ คนฺตฺวา กเถสิ, ตสฺมิมฺปิ สฏฺิ เถรา. ตโต นาคมหาวิหาเร กาฬกจฺฉคาเม กเถสิ, ตสฺมิมฺปิ สฏฺิ เถรา. ตโต กลฺยาณึ คนฺตฺวา ตตฺถ จาตุทฺทเส เหฏฺาปาสาเท กเถสิ, ตสฺมิมฺปิ สฏฺิ เถรา. อุโปสถทิวเส อุปริปาสาเท กเถสิ, ตสฺมิมฺปิ สฏฺิ เถราติ เอวํ เทวตฺเถเรเยว อิทํ สุตฺตํ กเถนฺเต สฏฺิฏฺาเนสุ สฏฺิ สฏฺิ ชนา อรหตฺตํ ปตฺตา.

อมฺพิลกาฬกวิหาเร ปน ติปิฏกจูฬนาคตฺเถเร อิมํ สุตฺตํ กเถนฺเต มนุสฺสปริสา คาวุตํ อโหสิ, เทวปริสา โยชนิกา. สุตฺตปริโยสาเน สหสฺสภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา, เทเวสุ ปน ตโต ตโต เอเกโกว ปุถุชฺชโน อโหสีติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ฉฉกฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มหาสฬายตนิกสุตฺตวณฺณนา

๔๒๘. เอวํเม สุตนฺติ มหาสฬายตนิกสุตฺตํ. ตตฺถ มหาสฬายตนิกนฺติ มหนฺตานํ ฉนฺนํ อายตนานํ โชตกํ ธมฺมปริยายํ.

๔๒๙. อชานนฺติ สหวิปสฺสเนน มคฺเคน อชานนฺโต. อุปจยํ คจฺฉนฺตีติ วุฑฺฒึ คจฺฉนฺติ, วสิภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. กายิกาติ ปฺจทฺวาริกทรถา. เจตสิกาติ มโนทฺวาริกทรถา. สนฺตาปาทีสุปิ เอเสว นโย.

๔๓๐. กายสุขนฺติ ปฺจทฺวาริกสุขํ. เจโตสุขนฺติ มโนทฺวาริกสุขํ. เอตฺถ จ ปฺจทฺวาริกชวเนน สมาปชฺชนํ วา วุฏฺานํ วา นตฺถิ, อุปฺปนฺนมตฺตกเมว โหติ. มโนทฺวาริเกน สพฺพํ โหติ. อยฺจ มคฺควุฏฺานสฺส ปจฺจยภูตา พลววิปสฺสนา, สาปิ มโนทฺวาริเกเนว โหติ.

๔๓๑. ตถาภูตสฺสาติ กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตเจโตสุขสมงฺคีภูตสฺส. ปุพฺเพว โข ปนสฺสาติ อสฺส ภิกฺขุโน วาจากมฺมนฺตาชีวา ปุพฺพสุทฺธิกา นาม อาทิโต ปฏฺาย ปริสุทฺธาว โหนฺติ. ทิฏฺิสงฺกปฺปวายามสติสมาธิสงฺขาตานิ ปน ปฺจงฺคานิ สพฺพตฺถกการาปกงฺคานิ นาม. เอวํ โลกุตฺตรมคฺโค อฏฺงฺคิโก วา สตฺตงฺคิโก วา โหติ.

วิตณฺฑวาที ปน ‘‘ยา ยถาภูตสฺส ทิฏฺี’’ติ อิมเมว สุตฺตปเทสํ คเหตฺวา ‘‘โลกุตฺตรมคฺโค ปฺจงฺคิโก’’ติ วทติ. โส – ‘‘เอวมสฺสายํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉตี’’ติ อิมินา อนนฺตรวจเนเนว ปฏิเสธิตพฺโพ. อุตฺตริ จ เอวํ สฺาเปตพฺโพ – โลกุตฺตรมคฺโค ปฺจงฺคิโก นาม นตฺถิ, อิมานิ ปน ปฺจ สพฺพตฺถกการาปกงฺคานิ มคฺคกฺขเณ วิรติวเสน ปูเรนฺติ. ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตวิรตีสุ หิ มิจฺฉาวาจํ ปชหติ, สมฺมาวาจํ ภาเวติ, เอวํ สมฺมาวาจํ ภาเวนฺตสฺส อิมานิ ปฺจงฺคิกานิ น วินา, สเหว วิรติยา ปูเรนฺติ. สมฺมากมฺมนฺตาชีเวสุปิ เอเสว นโย. อิติ วจีกมฺมาทีนิ อาทิโต ปฏฺาย ปริสุทฺธาเนว วฏฺฏนฺติ. อิมานิ ปน ปฺจ สพฺพตฺถกการาปกงฺคานิ วิรติวเสน ปริปูเรนฺตีติ ปฺจงฺคิโก มคฺโค นาม นตฺถิ. สุภทฺทสุตฺเตปิ (ที. นิ. ๒.๒๑๔) เจตํ วุตฺตํ – ‘‘ยสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ. อฺเสุ จ อเนเกสุ สุตฺตสเตสุ อฏฺงฺคิโกว มคฺโค อาคโตติ.

๔๓๓. จตฺตาโรปิ สติปฏฺานาติ มคฺคสมฺปยุตฺตาว จตฺตาโร สติปฏฺานา. สมฺมปฺปธานาทีสุปิ เอเสว นโย. ยุคนนฺธาติ เอกกฺขณิกยุคนนฺธา. เอเตหิ อฺสฺมึ ขเณ สมาปตฺติ, อฺสฺมึ วิปสฺสนาติ. เอวํ นานาขณิกาปิ โหนฺติ, อริยมคฺเค ปน เอกกฺขณิกา.

วิชฺชา จ วิมุตฺติ จาติ อรหตฺตมคฺควิชฺชา จ ผลวิมุตฺติ จ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

มหาสฬายตนิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. นครวินฺเทยฺยสุตฺตวณฺณนา

๔๓๕. เอวํเม สุตนฺติ นครวินฺเทยฺยสุตฺตํ. ตตฺถ สมวิสมํ จรนฺตีติ กาเลน สมํ จรนฺติ, กาเลน วิสมํ. สมจริยมฺปิ เหตนฺติ สมจริยมฺปิ หิ เอตํ.

๔๓๗. เก อาการาติ กานิ การณานิ? เก อนฺวยาติ กา อนุพุทฺธิโย? นตฺถิ โข ปน ตตฺถาติ กสฺมา อาห, นนุ อรฺเ หริตติณจมฺปกวนาทิวเสน อติมนุฺา รูปาทโย ปฺจ กามคุณา อตฺถีติ? โน นตฺถิ. น ปเนตํ วนสณฺเฑน กถิตํ, อิตฺถิรูปาทีนิ ปน สนฺธาเยตํ กถิตํ. ตานิ หิ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกรูปมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิรูปํ. อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑) วิตฺถาเรตพฺพํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

นครวินฺเทยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิสุตฺตวณฺณนา

๔๓๘. เอวํเม สุตนฺติ ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิสุตฺตํ. ตตฺถ ปฏิสลฺลานาติ ผลสมาปตฺติโต.

วิปฺปสนฺนานีติ โอกาสวเสเนตํ วุตฺตํ. ผลสมาปตฺติโต หิ วุฏฺิตสฺส ปฺจหิ ปสาเทหิ ปติฏฺิโตกาโส วิปฺปสนฺโน โหติ, ฉวิวณฺโณ ปริสุทฺโธ. ตสฺมา เอวมาห. สุฺตวิหาเรนาติ สุฺตผลสมาปตฺติวิหาเรน. มหาปุริสวิหาโรติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตมหาสาวกานํ มหาปุริสานํ วิหาโร. เยน จาหํ มคฺเคนาติอาทีสุ วิหารโต ปฏฺาย ยาว คามสฺส อินฺทขีลา เอส ปวิฏฺมคฺโค นาม, อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา เคหปฏิปาฏิยา จริตฺวา ยาว นครทฺวาเรน นิกฺขมนา เอส จริตพฺพปเทโส นาม, พหิ อินฺทขีลโต ปฏฺาย ยาว วิหารา เอส ปฏิกฺกนฺตมคฺโค นาม. ปฏิฆํ วาปิ เจตโสติ จิตฺเต ปฏิหฺนกิเลสชาตํ กิฺจิ อตฺถิ นตฺถีติ. อโหรตฺตานุสิกฺขินาติ ทิวสฺจ รตฺติฺจ อนุสิกฺขนฺเตน.

๔๔๐. ปหีนา นุ โข เม ปฺจ กามคุณาติอาทีสุ เอกภิกฺขุสฺส ปจฺจเวกฺขณา นานา, นานาภิกฺขูนํ ปจฺจเวกฺขณา นานาติ. กถํ? เอโก หิ ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา วิวิตฺโตกาเส นิสินฺโน ปจฺจเวกฺขติ ‘‘ปหีนา นุ โข เม ปฺจกามคุณา’’ติ. โส ‘‘อปฺปหีนา’’ติ ตฺวา วีริยํ ปคฺคยฺห อนาคามิมคฺเคน ปฺจกามคุณิกราคํ สมุคฺฆาเฏตฺวา มคฺคานนฺตรํ ผลํ ผลานนฺตรํ มคฺคํ ตโต วุฏฺาย ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ปหีนา’’ติ ปชานาติ. นีวรณาทีสุปิ เอเสว นโย. เอเตสํ ปน อรหตฺตมคฺเคน ปหานาทีนิ โหนฺติ, เอวํ เอกภิกฺขุสฺส นานาปจฺจเวกฺขณา โหติ. เอตาสุ ปน ปจฺจเวกฺขณาสุ อฺโ ภิกฺขุ เอกํ ปจฺจเวกฺขณํ ปจฺจเวกฺขติ, อฺโ เอกนฺติ เอวํ นานาภิกฺขูนํ นานาปจฺจเวกฺขณา โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตวณฺณนา

๔๕๓. เอวํเม สุตนฺติ อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตํ. ตตฺถ คชงฺคลายนฺติ เอวํนามเก นิคเม. สุเวฬุวเนติ สุเวฬุ นาม เอกา รุกฺขชาติ, เตหิ สฺฉนฺโน มหาวนสณฺโฑ, ตตฺถ วิหรติ. จกฺขุนา รูปํ น ปสฺสติ, โสเตน สทฺทํ น สุณาตีติ จกฺขุนา รูปํ น ปสฺสิตพฺพํ, โสเตน สทฺโท น โสตพฺโพติ เอวํ เทเสตีติ อธิปฺปาเยน วทติ.

อฺถา อริยสฺส วินเยติ อิมินา ภควา อตฺตโน สาสเน อสทิสาย อินฺทฺริยภาวนาย กถนตฺถํ อาลยํ อกาสิ. อถายสฺมา อานนฺโท – ‘‘สตฺถา อาลยํ ทสฺเสติ, หนฺทาหํ อิมิสฺสํ ปริสติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อินฺทฺริยภาวนากถํ กาเรมี’’ติ สตฺถารํ ยาจนฺโต เอตสฺสภควาติอาทิมาห. อถสฺส ภควา อินฺทฺริยภาวนํ กเถนฺโต เตน หานนฺทาติอาทิมาห.

๔๕๔. ตถ ยทิทํ อุเปกฺขาติ ยา เอสา วิปสฺสนุเปกฺขา นาม, เอสา สนฺตา เอสา ปณีตา, อตปฺปิกาติ อตฺโถ. อิติ อยํ ภิกฺขุ จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมณมฺปิ อิฏฺเ อารมฺมเณ มนาปํ, อนิฏฺเ อมนาปํ, มชฺฌตฺเต มนาปามนาปฺจ จิตฺตํ, ตสฺส รชฺชิตุํ วา ทุสฺสิตุํ วา มุยฺหิตุํ วา อทตฺวาว ปริคฺคเหตฺวา วิปสฺสนํ มชฺฌตฺเต เปติ. จกฺขุมาติ สมฺปนฺนจกฺขุวิสุทฺธเนตฺโต. จกฺขาพาธิกสฺส หิ อุทฺธํ อุมฺมีลนนิมฺมีลนํ น โหติ, ตสฺมา โส น คหิโต.

๔๕๖. อีสกํโปเณติ รถีสา วิย อุฏฺหิตฺวา ิเต.

๔๖๑. ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺีติอาทีสุ ปฏิกูเล เมตฺตาผรเณน วา ธาตุโส อุปสํหาเรน วา อปฺปฏิกูลสฺี วิหรติ. อปฺปฏิกูเล อสุภผรเณน วา อนิจฺจโต อุปสํหาเรน วา ปฏิกูลสฺี วิหรติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวาติ มชฺฌตฺโต หุตฺวา วิหริตุกาโม กึ กโรตีติ? อิฏฺานิฏฺเสุ อาปาถคเตสุ เนว โสมนสฺสิโก น โทมนสฺสิโก โหติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กถํ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหรติ? อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ เมตฺตาย วา ผรติ, ธาตุโต วา อุปสํหรติ, เอวํ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหรติ. กถํ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี วิหรติ? อิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ อสุภาย วา ผรติ, อนิจฺจโต วา อุปสํหรติ, เอวํ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี วิหรติ. กถํ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหรติ? อนิฏฺสฺมิฺจ อิฏฺสฺมิฺจ วตฺถุสฺมึ เมตฺตาย วา ผรติ, ธาตุโต วา อุปสํหรติ. เอวํ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหรติ. กถํ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหรติ? อิฏฺสฺมิฺจ อนิฏฺสฺมิฺจ วตฺถุสฺมึ อสุภาย วา ผรติ, อนิจฺจโต วา อุปสํหรติ, เอวํ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหรติ . กถํ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน? อิธ ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. เอวํ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ.

อิเมสุ จ ตีสุ นเยสุ ปมนเย มนาปํ อมนาปํ มนาปามนาปนฺติ สํกิเลสํ วฏฺฏติ, นิกฺกิเลสํ วฏฺฏติ. ทุติยนเย สํกิเลสํ, ตติยนเย สํกิเลสนิกฺกิเลสํ วฏฺฏติ. ปุน วุตฺตํ – ‘‘ปมํ สํกิเลสํ วฏฺฏติ, ทุติยํ สํกิเลสมฺปิ นิกฺกิเลสมฺปิ, ตติยํ นิกฺกิเลสเมว วฏฺฏตี’’ติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย

อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปริปณฺณาสฏฺกถา นิฏฺิตา.

โย จายํ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทสิสฺสามี’’ติ อารทฺธตฺตา อาทิกลฺยาโณ, มชฺเฌ ‘‘สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺล’’นฺติ วจนโต มชฺเฌกลฺยาโณ, สนฺนิฏฺาเน ‘‘อริโย ภาวิตินฺทฺริโย’’ติ วจนโต ปริโยสานกลฺยาโณติ ติวิธกลฺยาโณ มชฺฌิมนิกาโย ‘‘มหาวิปสฺสนา นามาย’’นฺติ วุตฺโต, โส วณฺณนาวเสน สมตฺโต โหติ.

นิคมนกถา

เอตฺตาวตา จ –

อายาจิโต สุมตินา เถเรน ภทนฺตพุทฺธมิตฺเตน,

ปุพฺเพ มยูรทูตปฏฺฏนมฺหิ สทฺธึ นิวสนฺเตน.

ปรวาทวิธํสนสฺส มชฺฌิมนิกายเสฏฺสฺส,

ยมหํ ปปฺจสูทนิมฏฺกถํ กาตุมารภึ.

สา หิ มหาอฏฺกถาย สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา,

สตฺตุตฺตรสตมตฺตาย ปาฬิยา ภาณวาเรหิ.

เอกูนสฏฺิมตฺโต วิสุทฺธิมคฺโคปิ ภาณวาเรหิ,

อตฺถปฺปกาสนตฺถาย อาคมานํ กโต ยสฺมา.

ตสฺมา เตน สหา’ยํ คาถาคณนานเยน อฏฺกถา,

สมธิกฉสฏฺิสตมิติ วิฺเยฺยา ภาณวารานํ.

สมธิกฉสฏฺิสตปมาณมิติ ภาณวารโต เอสา,

สมยํ ปกาสยนฺตี มหาวิหาราธิวาสีนํ.

มูลฏฺกถาสารํ อาทาย มยา อิมํ กโรนฺเตน,

ยํ ปฺมุปจิตํ เตน โหตุ โลโก สทา สุขิโตติ.

ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฺปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหนสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุ สาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน มหากวินา ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปริวาเร ฉฬภิฺาทิปฺปเภทคุณปฺปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม สุปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา อยํ ปปฺจสูทนี นาม มชฺฌิมนิกายฏฺกถา –

ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;

ทสฺเสนฺตี กุลปุตฺตานํ, นยํ ทิฏฺิวิสุทฺธิยา.

พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;

โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.

ปปฺจสูทนี นาม

มชฺฌิมนิกายฏฺกถา สพฺพากาเรน นิฏฺิตา.