📜
๓. สฺุตวคฺโค
๑. จูฬสฺุตสุตฺตํ
๑๗๖. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอกมิทํ, ภนฺเต, สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ นครกํ นาม สกฺยานํ นิคโม. ตตฺถ เม, ภนฺเต, ภควโต สมฺมุขา สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘สฺุตาวิหาเรนาหํ, อานนฺท, เอตรหิ พหุลํ วิหรามี’ติ. กจฺจิ เมตํ, ภนฺเต, สุสฺสุตํ สุคฺคหิตํ สุมนสิกตํ สูปธาริต’’นฺติ? ‘‘ตคฺฆ เต เอตํ, อานนฺท, สุสฺสุตํ สุคฺคหิตํ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ. ปุพฺเพปาหํ [ปุพฺเพจาหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อานนฺท, เอตรหิปิ [เอตรหิ จ (สพฺพตฺถ)] สฺุตาวิหาเรน พหุลํ วิหรามิ. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, อยํ มิคารมาตุปาสาโท สฺุโ หตฺถิควสฺสวฬเวน, สฺุโ ชาตรูปรชเตน, สฺุโ อิตฺถิปุริสสนฺนิปาเตน อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิจฺจ เอกตฺตํ; เอวเมว โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา คามสฺํ, อมนสิกริตฺวา มนุสฺสสฺํ, อรฺสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ ¶ . ตสฺส อรฺสฺาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา คามสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา มนุสฺสสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – อรฺสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ คามสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ มนุสฺสสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – อรฺสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ ¶ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ ¶ อตฺถี’’’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๗๗. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา มนุสฺสสฺํ, อมนสิกริตฺวา อรฺสฺํ, ปถวีสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส ปถวีสฺาย ¶ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, อาสภจมฺมํ สงฺกุสเตน สุวิหตํ วิคตวลิกํ; เอวเมว โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ยํ อิมิสฺสา ปถวิยา อุกฺกูลวิกฺกูลํ นทีวิทุคฺคํ ขาณุกณฺฏกฏฺานํ ปพฺพตวิสมํ ตํ สพฺพํ [สพฺพํ (ก.)] อมนสิกริตฺวา ปถวีสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส ปถวีสฺาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา มนุสฺสสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา อรฺสฺํ ¶ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – ปถวีสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ มนุสฺสสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อรฺสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – ปถวีสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๗๘. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา อรฺสฺํ, อมนสิกริตฺวา ปถวีสฺํ, อากาสานฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส อากาสานฺจายตนสฺาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา อรฺสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา ปถวีสฺํ ¶ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – อากาสานฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อรฺสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ ปถวีสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – อากาสานฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท ¶ , ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๗๙. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา ปถวีสฺํ, อมนสิกริตฺวา อากาสานฺจายตนสฺํ, วิฺาณฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส วิฺาณฺจายตนสฺาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา ปถวีสฺํ ¶ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา อากาสานฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – วิฺาณฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ ปถวีสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อากาสานฺจายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – วิฺาณฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๘๐. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา อากาสานฺจายตนสฺํ, อมนสิกริตฺวา วิฺาณฺจายตนสฺํ, อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส อากิฺจฺายตนสฺาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา อากาสานฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น ¶ สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา วิฺาณฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อากาสานฺจายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ ¶ สฺาคตํ วิฺาณฺจายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๘๑. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา วิฺาณฺจายตนสฺํ, อมนสิกริตฺวา อากิฺจฺายตนสฺํ, เนวสฺานาสฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส เนวสฺานาสฺายตนสฺาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา วิฺาณฺจายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น ¶ สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – เนวสฺานาสฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ วิฺาณฺจายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อากิฺจฺายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ¶ ยทิทํ – เนวสฺานาสฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เอกตฺต’นฺติ ¶ . อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๘๒. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา อากิฺจฺายตนสฺํ, อมนสิกริตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสฺํ, อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส อนิมิตฺเต เจโตสมาธิมฺหิ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา เนวสฺานาสฺายตนสฺํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – อิมเมว กายํ ปฏิจฺจ สฬายตนิกํ ชีวิตปจฺจยา’ติ ¶ . โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อากิฺจฺายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ เนวสฺานาสฺายตนสฺายา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – อิมเมว กายํ ปฏิจฺจ สฬายตนิกํ ชีวิตปจฺจยา’ติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ปริสุทฺธา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๘๓. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ อมนสิกริตฺวา อากิฺจฺายตนสฺํ, อมนสิกริตฺวา เนวสฺานาสฺายตนสฺํ, อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ ¶ ปฏิจฺจ มนสิ กโรติ เอกตฺตํ. ตสฺส อนิมิตฺเต เจโตสมาธิมฺหิ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘อยมฺปิ โข อนิมิตฺโต เจโตสมาธิ อภิสงฺขโต อภิสฺเจตยิโต’. ‘ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เย อสฺสุ ทรถา ¶ กามาสวํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา ภวาสวํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, เย อสฺสุ ทรถา อวิชฺชาสวํ ปฏิจฺจ เตธ น สนฺติ, อตฺถิ เจวายํ ทรถมตฺตา ยทิทํ – อิมเมว กายํ ปฏิจฺจ สฬายตนิกํ ¶ ชีวิตปจฺจยา’ติ. โส ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ กามาสเวนา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ ภวาสเวนา’ติ ปชานาติ, ‘สฺุมิทํ สฺาคตํ อวิชฺชาสเวนา’ติ ปชานาติ, ‘อตฺถิ เจวิทํ อสฺุตํ ยทิทํ – อิมเมว กายํ ปฏิจฺจ สฬายตนิกํ ชีวิตปจฺจยา’ติ. อิติ ยฺหิ โข ตตฺถ น โหติ เตน ตํ สฺุํ สมนุปสฺสติ, ยํ ปน ตตฺถ อวสิฏฺํ โหติ ตํ ‘สนฺตมิทํ อตฺถี’ติ ปชานาติ. เอวมฺปิสฺส เอสา, อานนฺท, ยถาภุจฺจา อวิปลฺลตฺถา ¶ ปริสุทฺธา ปรมานุตฺตรา สฺุตาวกฺกนฺติ ภวติ.
๑๘๔. ‘‘เยปิ หิ เกจิ, อานนฺท, อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา ¶ วา ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหรึสุ, สพฺเพ เต อิมํเยว ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหรึสุ. เยปิ [เย (สี. ปี.)] หิ เกจิ, อานนฺท, อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสนฺติ, สพฺเพ เต อิมํเยว ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสนฺติ. เยปิ [เย (สี. ปี.)] หิ เกจิ, อานนฺท, เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ, สพฺเพ เต อิมํเยว ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. ตสฺมาติห, อานนฺท, ‘ปริสุทฺธํ ปรมานุตฺตรํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามา’ติ [วิหริสฺสามีติ (ปี. ก.)] – เอวฺหิ โว [เต (ก.)], อานนฺท, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
จูฬสฺุตสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. มหาสฺุตสุตฺตํ
๑๘๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาโร เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. เตน โข ปน สมเยน กาฬเขมกสฺส ¶ สกฺกสฺส วิหาเร สมฺพหุลานิ เสนาสนานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. อทฺทสา โข ภควา กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร สมฺพหุลานิ เสนาสนานิ ¶ ปฺตฺตานิ. ทิสฺวาน ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘สมฺพหุลานิ โข กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร เสนาสนานิ ปฺตฺตานิ. สมฺพหุลา นุ โข อิธ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ.
๑๘๖. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานนฺโท สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ฆฏาย สกฺกสฺส วิหาเร จีวรกมฺมํ กโรติ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ฆฏาย สกฺกสฺส วิหาโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺพหุลานิ โข, อานนฺท, กาฬเขมกสฺส ¶ สกฺกสฺส วิหาเร เสนาสนานิ ปฺตฺตานิ. สมฺพหุลา นุ โข เอตฺถ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ? ‘‘สมฺพหุลานิ, ภนฺเต, กาฬเขมกสฺส สกฺกสฺส วิหาเร เสนาสนานิ ปฺตฺตานิ. สมฺพหุลา ภิกฺขู เอตฺถ วิหรนฺติ. จีวรการสมโย โน, ภนฺเต, วตฺตตี’’ติ.
‘‘น โข, อานนฺท, ภิกฺขุ โสภติ สงฺคณิการาโม สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุตฺโต คณาราโม คณรโต คณสมฺมุทิโต. โส วตานนฺท, ภิกฺขุ สงฺคณิการาโม สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุตฺโต คณาราโม คณรโต คณสมฺมุทิโต ยํ ตํ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สมฺโพธิสุขํ [สมฺโพธสุขํ (สี. ปี.), สมฺโพธสุขํ จิตฺเตกคฺคตาสุขํ (ก.) อุปริ อรณวิภงฺคสุตฺเต ปน สมฺโพธิสุขนฺตฺเวว ทิสฺสติ] ตสฺส สุขสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. โย จ โข โส, อานนฺท, ภิกฺขุ เอโก คณสฺมา วูปกฏฺโ วิหรติ ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ ยํ ตํ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สมฺโพธิสุขํ ¶ ตสฺส สุขสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีติ – านเมตํ วิชฺชติ.
‘‘โส วตานนฺท, ภิกฺขุ สงฺคณิการาโม สงฺคณิกรโต สงฺคณิการามตํ อนุยุตฺโต คณาราโม คณรโต คณสมฺมุทิโต สามายิกํ วา กนฺตํ เจโตวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ อสามายิกํ วา อกุปฺปนฺติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. โย จ โข โส, อานนฺท, ภิกฺขุ เอโก คณสฺมา วูปกฏฺโ ¶ วิหรติ ตสฺเสตํ ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ สามายิกํ วา กนฺตํ เจโตวิมุตฺตึ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ อสามายิกํ วา อกุปฺปนฺติ – านเมตํ วิชฺชติ.
‘‘นาหํ, อานนฺท, เอกํ รูปมฺปิ [เอกรูปมฺปิ (สี.)] สมนุปสฺสามิ ยตฺถ รตฺตสฺส ยถาภิรตสฺส รูปสฺส วิปริณามฺถาภาวา น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสูปายาสา.
๑๘๗. ‘‘อยํ ¶ โข ปนานนฺท, วิหาโร ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ ยทิทํ – สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ [วิหรตํ (ก. สี.), วิหรติ (สฺยา. กํ. ก.)]. ตตฺร เจ, อานนฺท, ตถาคตํ อิมินา วิหาเรน วิหรนฺตํ ภวนฺติ [ภควนฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ก.)] อุปสงฺกมิตาโร ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย ราชาโน ราชมหามตฺตา ติตฺถิยา ติตฺถิยสาวกา. ตตฺรานนฺท, ตถาคโต วิเวกนินฺเนเนว จิตฺเตน วิเวกโปเณน วิเวกปพฺภาเรน วูปกฏฺเน เนกฺขมฺมาภิรเตน พฺยนฺตีภูเตน สพฺพโส อาสวฏฺานีเยหิ ธมฺเมหิ อฺทตฺถุ อุยฺโยชนิกปฏิสํยุตฺตํเยว กถํ กตฺตา โหติ. ตสฺมาติหานนฺท, ภิกฺขุ เจปิ อากงฺเขยฺย – ‘อชฺฌตฺตํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, เตนานนฺท, ภิกฺขุนา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปตพฺพํ สนฺนิสาเทตพฺพํ เอโกทิ กาตพฺพํ สมาทหาตพฺพํ.
๑๘๘. ‘‘กถฺจานนฺท, ภิกฺขุ อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปติ สนฺนิสาเทติ เอโกทึ กโรติ [เอโกทิกโรติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สมาทหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปติ สนฺนิสาเทติ เอโกทึ กโรติ สมาทหติ. โส ¶ อชฺฌตฺตํ สฺุตํ มนสิ กโรติ. ตสฺส อชฺฌตฺตํ สฺุตํ มนสิกโรโต สฺุตาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ ¶ . เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อชฺฌตฺตํ ¶ สฺุตํ โข เม มนสิกโรโต อชฺฌตฺตํ สฺุตาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. โส พหิทฺธา สฺุตํ มนสิ กโรติ…เป… โส อชฺฌตฺตพหิทฺธา สฺุตํ มนสิ กโรติ ¶ …เป… โส อาเนฺชํ มนสิ กโรติ. ตสฺส อาเนฺชํ มนสิกโรโต อาเนฺชาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ. เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อาเนฺชํ โข เม มนสิกโรโต อาเนฺชาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
‘‘เตนานนฺท, ภิกฺขุนา ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปตพฺพํ สนฺนิสาเทตพฺพํ เอโกทิ กาตพฺพํ สมาทหาตพฺพํ. โส อชฺฌตฺตํ สฺุตํ มนสิ กโรติ. ตสฺส อชฺฌตฺตํ สฺุตํ มนสิกโรโต อชฺฌตฺตํ สฺุตาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อชฺฌตฺตํ สฺุตํ โข เม มนสิกโรโต อชฺฌตฺตํ สฺุตาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. โส พหิทฺธา สฺุตํ มนสิ กโรติ…เป… โส อชฺฌตฺตพหิทฺธา สฺุตํ มนสิ กโรติ…เป… โส อาเนฺชํ มนสิ กโรติ. ตสฺส อาเนฺชํ มนสิกโรโต อาเนฺชาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อาเนฺชํ โข เม ¶ มนสิกโรโต อาเนฺชาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
๑๘๙. ‘‘ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต จงฺกมาย จิตฺตํ นมติ, โส จงฺกมติ – ‘เอวํ มํ จงฺกมนฺตํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ ¶ . อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต านาย จิตฺตํ นมติ, โส ติฏฺติ – ‘เอวํ มํ ิตํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต นิสชฺชาย จิตฺตํ นมติ, โส นิสีทติ – ‘เอวํ มํ นิสินฺนํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต สยนาย จิตฺตํ นมติ ¶ , โส สยติ – ‘เอวํ มํ สยนฺตํ นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
‘‘ตสฺส ¶ เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต กถาย [ภสฺสาย (สี.), ภาสาย (สฺยา. กํ. ปี.)] จิตฺตํ นมติ, โส – ‘ยายํ กถา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – ราชกถา โจรกถา มหามตฺตกถา เสนากถา ภยกถา ยุทฺธกถา ¶ อนฺนกถา ปานกถา วตฺถกถา สยนกถา มาลากถา คนฺธกถา าติกถา ยานกถา คามกถา นิคมกถา นครกถา ชนปทกถา อิตฺถิกถา สุรากถา วิสิขากถา กุมฺภฏฺานกถา ปุพฺพเปตกถา นานตฺตกถา โลกกฺขายิกา สมุทฺทกฺขายิกา อิติภวาภวกถา อิติ วา อิติ – เอวรูปึ กถํ น กเถสฺสามี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. ยา จ โข อยํ, อานนฺท, กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา [เจโตวิจารณสปฺปายา (สี. สฺยา. กํ.), เจโตวิวรณสปฺปายา (ปี.)] เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถา อิติ – ‘เอวรูปึ กถํ กเถสฺสามี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
‘‘ตสฺส เจ, อานนฺท, ภิกฺขุโน อิมินา วิหาเรน วิหรโต วิตกฺกาย ¶ จิตฺตํ นมติ, โส – ‘เย เต วิตกฺกา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติ, เสยฺยถิทํ – กามวิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก อิติ เอวรูเป วิตกฺเก [เอวรูเปน วิตกฺเกน (สี. สฺยา. กํ. ก.)] น วิตกฺเกสฺสามี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. เย จ โข อิเม, อานนฺท, วิตกฺกา อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยนฺติ ตกฺกรสฺส สมฺมาทุกฺขกฺขยาย, เสยฺยถิทํ – เนกฺขมฺมวิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก อิติ – ‘เอวรูเป วิตกฺเก [เอวรูเปน วิตกฺเกน (ก.)] วิตกฺเกสฺสามี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
๑๙๐. ‘‘ปฺจ ¶ โข อิเม, อานนฺท, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา ¶ สทฺทา… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา ¶ รชนียา – อิเม โข, อานนฺท, ปฺจ กามคุณา ยตฺถ ภิกฺขุนา อภิกฺขณํ สกํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘อตฺถิ นุ โข เม อิเมสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ อฺตรสฺมึ วา อฺตรสฺมึ วา อายตเน อุปฺปชฺชติ เจตโส สมุทาจาโร’ติ? สเจ, อานนฺท, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ปชานาติ – ‘อตฺถิ โข เม อิเมสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ อฺตรสฺมึ วา อฺตรสฺมึ วา อายตเน อุปฺปชฺชติ เจตโส สมุทาจาโร’ติ, เอวํ สนฺตเมตํ [เอวํ สนฺตํ (อฏฺ.)], อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘โย โข อิเมสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค โส เม นปฺปหีโน’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. สเจ ปนานนฺท, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ปชานาติ – ‘นตฺถิ โข เม อิเมสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ อฺตรสฺมึ วา อฺตรสฺมึ วา อายตเน อุปฺปชฺชติ เจตโส สมุทาจาโร’ติ, เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘โย โข อิเมสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค โส เม ปหีโน’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
๑๙๑. ‘‘ปฺจ โข อิเม, อานนฺท, อุปาทานกฺขนฺธา ยตฺถ ภิกฺขุนา อุทยพฺพยานุปสฺสินา วิหาตพฺพํ – ‘อิติ รูปํ อิติ รูปสฺส สมุทโย ¶ อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม, อิติ เวทนา… ¶ อิติ สฺา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิฺาณํ อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ. ตสฺส อิเมสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต โย ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺมิมาโน โส ปหียติ. เอวํ สนฺตเมตํ, อานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘โย โข อิเมสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺมิมาโน โส เม ปหีโน’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. อิเม โข เต, อานนฺท, ธมฺมา เอกนฺตกุสลา กุสลายาติกา [ธมฺมา เอกนฺตกุสลายติกา (สพฺพตฺถ) อฏฺกถาฏีกา โอโลเกตพฺพา] อริยา โลกุตฺตรา อนวกฺกนฺตา ปาปิมตา. ตํ กึ มฺสิ, อานนฺท, กํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อรหติ สาวโก สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํ อปิ ปณุชฺชมาโน’’ติ [อปิ ปนุชฺชมาโนปีติ (ก. สี.), อปิ ปยุชฺชมาโนติ (สฺยา. กํ. ปี.)]? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา ¶ . สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ.
๑๙๒. ‘‘น โข, อานนฺท, อรหติ สาวโก สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํ, ยทิทํ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ ตสฺส เหตุ [เวยฺยากรณสฺส เหตุ (ก.)]. ตํ กิสฺส เหตุ? ทีฆรตฺตสฺส [ทีฆรตฺตํ + อสฺสาติ ปทจฺเฉโท] หิ เต, อานนฺท, ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. ยา จ โข อยํ, อานนฺท, กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมา อภิฺาย สมฺโพธาย ¶ นิพฺพานาย สํวตฺตติ, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ¶ ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถา – เอวรูปิยา โข, อานนฺท, กถาย เหตุ อรหติ สาวโก สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํ อปิ ปณุชฺชมาโน.
‘‘เอวํ สนฺเต โข, อานนฺท, อาจริยูปทฺทโว โหติ, เอวํ สนฺเต อนฺเตวาสูปทฺทโว โหติ, เอวํ สนฺเต พฺรหฺมจารูปทฺทโว โหติ.
๑๙๓. ‘‘กถฺจานนฺท, อาจริยูปทฺทโว โหติ? อิธานนฺท, เอกจฺโจ สตฺถา วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ ¶ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. ตสฺส ตถาวูปกฏฺสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ [อนฺวาวฏฺฏนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. โส อนฺวาวตฺตนฺเตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ มุจฺฉํ นิกามยติ [มุจฺฉติ กามยติ (สี. ปี.) อฏฺกถายํ ปน น ตถา ทิสฺสติ], เคธํ อาปชฺชติ, อาวตฺตติ พาหุลฺลาย. อยํ วุจฺจตานนฺท, อุปทฺทโว [อุปทฺทุโต (สี. ปี.)] อาจริโย. อาจริยูปทฺทเวน อวธึสุ นํ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา [โปโนภวิกา (สี. ปี.)] สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, อานนฺท, อาจริยูปทฺทโว โหติ.
๑๙๔. ‘‘กถฺจานนฺท, อนฺเตวาสูปทฺทโว โหติ? ตสฺเสว โข ปนานนฺท, สตฺถุ สาวโก ตสฺส สตฺถุ วิเวกมนุพฺรูหยมาโน วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ ¶ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. ตสฺส ตถาวูปกฏฺสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. โส อนฺวาวตฺตนฺเตสุ ¶ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ มุจฺฉํ นิกามยติ, เคธํ อาปชฺชติ, อาวตฺตติ พาหุลฺลาย. อยํ วุจฺจตานนฺท, อุปทฺทโว อนฺเตวาสี. อนฺเตวาสูปทฺทเวน อวธึสุ นํ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, อานนฺท, อนฺเตวาสูปทฺทโว โหติ.
๑๙๕. ‘‘กถฺจานนฺท, พฺรหฺมจารูปทฺทโว โหติ? อิธานนฺท, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ ¶ พุทฺโธ ภควา. โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. ตสฺส ตถาวูปกฏฺสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. โส อนฺวาวตฺตนฺเตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ น มุจฺฉํ นิกามยติ, น เคธํ อาปชฺชติ, น อาวตฺตติ ¶ พาหุลฺลาย. ตสฺเสว โข ปนานนฺท, สตฺถุ สาวโก ตสฺส สตฺถุ วิเวกมนุพฺรูหยมาโน วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. ตสฺส ตถาวูปกฏฺสฺส วิหรโต อนฺวาวตฺตนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. โส อนฺวาวตฺตนฺเตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ มุจฺฉํ นิกามยติ, เคธํ ¶ อาปชฺชติ, อาวตฺตติ พาหุลฺลาย. อยํ วุจฺจตานนฺท, อุปทฺทโว พฺรหฺมจารี. พฺรหฺมจารูปทฺทเวน อวธึสุ นํ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, อานนฺท, พฺรหฺมจารูปทฺทโว โหติ.
‘‘ตตฺรานนฺท, โย เจวายํ อาจริยูปทฺทโว, โย จ อนฺเตวาสูปทฺทโว อยํ เตหิ พฺรหฺมจารูปทฺทโว ทุกฺขวิปากตโร เจว กฏุกวิปากตโร จ, อปิ จ วินิปาตาย สํวตฺตติ.
๑๙๖. ‘‘ตสฺมาติห มํ, อานนฺท, มิตฺตวตาย สมุทาจรถ, มา สปตฺตวตาย. ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย.
‘‘กถฺจานนฺท ¶ , สตฺถารํ สาวกา สปตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน มิตฺตวตาย? อิธานนฺท, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติ. ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อฺา จิตฺตํ ¶ อุปฏฺเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. เอวํ โข, อานนฺท, สตฺถารํ สาวกา สปตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน มิตฺตวตาย.
‘‘กถฺจานนฺท, สตฺถารํ สาวกา มิตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน สปตฺตวตาย? อิธานนฺท, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย – ‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’ติ. ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ, อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, น ¶ จ โวกฺกม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. เอวํ โข, อานนฺท, สตฺถารํ สาวกา มิตฺตวตาย สมุทาจรนฺติ, โน สปตฺตวตาย.
‘‘ตสฺมาติห ¶ มํ, อานนฺท, มิตฺตวตาย สมุทาจรถ, มา สปตฺตวตาย. ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. น โว อหํ, อานนฺท, ตถา ปรกฺกมิสฺสามิ ยถา กุมฺภกาโร อามเก อามกมตฺเต. นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ; ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิ [ปวยฺห ปวยฺห (สี. ปี.), ปคฺคยฺห ปคฺคยฺห อานนฺท วกฺขามิ (ก.)]. โย สาโร โส สฺสตี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มหาสฺุตสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตํ
๑๙๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานํ อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นาม ตถาคโต ¶ อตีเต พุทฺเธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปฺเจ ฉินฺนวฏุเม ปริยาทินฺนวฏฺเฏ สพฺพทุกฺขวีติวตฺเต ชานิสฺสติ [อนุสฺสริสฺสติ ชานิสฺสติ (ก.)] – ‘เอวํชจฺจา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํนามา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํโคตฺตา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํสีลา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํปฺา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํวิหารี เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปิ, ‘เอวํวิมุตฺตา เต ภควนฺโต อเหสุํ’ อิติปี’’ติ! เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อานนฺโท เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยา เจว, อาวุโส, ตถาคตา อจฺฉริยธมฺมสมนฺนาคตา จ; อพฺภุตา เจว, อาวุโส, ตถาคตา อพฺภุตธมฺมสมนฺนาคตา จา’’ติ. อยฺจ ¶ หิทํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา โหติ.
๑๙๘. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ ¶ . นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานํ อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นาม ตถาคโต อตีเต พุทฺเธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปฺเจ ฉินฺนวฏุเม ปริยาทินฺนวฏฺเฏ สพฺพทุกฺขวีติวตฺเต ชานิสฺสติ – เอวํชจฺจา เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา… เอวํโคตฺตา… เอวํสีลา… เอวํธมฺมา.. เอวํปฺา… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺตา เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปี’ติ! เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อมฺเห เอตทโวจ – ‘อจฺฉริยา เจว, อาวุโส, ตถาคตา อจฺฉริยธมฺมสมนฺนาคตา จ, อพฺภุตา ¶ เจว, อาวุโส, ตถาคตา อพฺภุตธมฺมสมนฺนาคตา จา’ติ. อยํ โข โน, ภนฺเต, อนฺตรากถา วิปฺปกตา; อถ ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ.
๑๙๙. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตสฺมาติห ตํ, อานนฺท, ภิยฺโยโสมตฺตาย ปฏิภนฺตุ ตถาคตสฺส อจฺฉริยา อพฺภุตธมฺมา’’ติ [อพฺภุตา ธมฺมาติ (?)].
‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘สโต สมฺปชาโน, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต, สโต สมฺปชาโน โพธิสตฺโต ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชิ อิทํปาหํ ¶ , ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘สโต สมฺปชาโน, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิเต กาเย อฏฺาสี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต, สโต สมฺปชาโน โพธิสตฺโต ตุสิเต กาเย อฏฺาสิ อิทํปาหํ [อิทํปหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๐. ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยาวตายุกํ, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิเต กาเย อฏฺาสี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต, ยาวตายุกํ โพธิสตฺโต ตุสิเต กาเย อฏฺาสิ อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘สโต สมฺปชาโน, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิตา, กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต ¶ , สโต สมฺปชาโน โพธิสตฺโต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิ อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๑. ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ, อถ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ. ยาปิ ตา โลกนฺตริกา อฆา อสํวุตา อนฺธการา อนฺธการติมิสา, ยตฺถปิเม จนฺทิมสูริยา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา ¶ อาภาย นานุโภนฺติ ¶ ตตฺถปิ อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ. เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ เตโนภาเสน อฺมฺํ สฺชานนฺติ – อฺเปิ กิร, โภ, สนฺติ สตฺตา อิธูปปนฺนาติ. อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ ¶ อปฺปมาโณ จ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาว’นฺติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๒. ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ, จตฺตาโร เทวปุตฺตา จตุทฺทิสํ อารกฺขาย อุปคจฺฉนฺติ – มา นํ โพธิสตฺตํ วา โพธิสตฺตมาตรํ วา มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา โกจิ วา วิเหเสี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๓. ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ, ปกติยา สีลวตี โพธิสตฺตมาตา โหติ วิรตา ปาณาติปาตา วิรตา อทินฺนาทานา วิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา วิรตา มุสาวาทา วิรตา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา ¶ , อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ, น โพธิสตฺตมาตุ ปุริเสสุ มานสํ อุปฺปชฺชติ กามคุณูปสํหิตํ, อนติกฺกมนียา จ โพธิสตฺตมาตา โหติ เกนจิ ปุริเสน รตฺตจิตฺเตนา’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ, ลาภินี โพธิสตฺตมาตา โหติ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ. สา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๔. ‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ, น โพธิสตฺตมาตุ โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปชฺชติ; สุขินี โพธิสตฺตมาตา โหติ อกิลนฺตกายา; โพธิสตฺตฺจ โพธิสตฺตมาตา ติโรกุจฺฉิคตํ ¶ ปสฺสติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคํ อหีนินฺทฺริยํ. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต. ตตฺราสฺส สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วา. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส หตฺเถ กริตฺวา ปจฺจเวกฺเขยฺย – อยํ โข มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต, ตตฺริทํ สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วาติ. เอวเมว โข, อานนฺท, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ ¶ , น โพธิสตฺตมาตุ โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปชฺชติ; สุขินี โพธิสตฺตมาตา โหติ อกิลนฺตกายา; โพธิสตฺตฺจ โพธิสตฺตมาตา ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคํ อหีนินฺทฺริย’นฺติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๕. ‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘สตฺตาหชาเต, อานนฺท, โพธิสตฺเต โพธิสตฺตมาตา กาลํ กโรติ, ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชตี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยถา โข ปนานนฺท, อฺา อิตฺถิกา นว วา ทส วา มาเส คพฺภํ กุจฺฉินา ปริหริตฺวา วิชายนฺติ, น เหวํ โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายติ. ทเสว มาสานิ โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉินา ปริหริตฺวา วิชายตี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยถา โข ปนานนฺท, อฺา อิตฺถิกา นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติ, น เหวํ โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายติ. ิตาว โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายตี’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา ¶ , อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, เทวา นํ ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ ปจฺฉา มนุสฺสา’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๖. ‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อปฺปตฺโตว โพธิสตฺโต ปถวึ โหติ, จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตา ปฏิคฺคเหตฺวา มาตุ ปุรโต เปนฺติ – อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ; มเหสกฺโข เต ปุตฺโต อุปฺปนฺโน’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, วิสโทว นิกฺขมติ อมกฺขิโต อุเทน [อุทฺเทน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อมกฺขิโต เสมฺเหน อมกฺขิโต รุหิเรน อมกฺขิโต เกนจิ ¶ อสุจินา สุทฺโธ วิสโท [วิสุทฺโธ (สฺยา.)]. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มณิรตนํ กาสิเก วตฺเถ นิกฺขิตฺตํ เนว มณิรตนํ กาสิกํ วตฺถํ มกฺเขติ นาปิ กาสิกํ วตฺถํ มณิรตนํ มกฺเขติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อุภินฺนํ สุทฺธตฺตา. เอวเมว โข, อานนฺท, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, วิสโทว นิกฺขมติ อมกฺขิโต อุเทน อมกฺขิโต เสมฺเหน อมกฺขิโต รุหิเรน อมกฺขิโต เกนจิ อสุจินา สุทฺโธ วิสโท’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, ทฺเว อุทกสฺส ธารา อนฺตลิกฺขา ปาตุภวนฺติ – เอกา สีตสฺส, เอกา อุณฺหสฺส; เยน โพธิสตฺตสฺส อุทกกิจฺจํ กโรนฺติ มาตุ จา’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
๒๐๗. ‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ, เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน, สพฺพา จ ทิสา วิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสติ – อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส. อยมนฺติมา ชาติ ¶ , นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’ติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมิ.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ยทา, อานนฺท, โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อถ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ. ยาปิ ตา โลกนฺตริกา อฆา อสํวุตา อนฺธการา อนฺธการติมิสา ยตฺถปิเม จนฺทิมสูริยา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา อาภาย นานุโภนฺติ ตตฺถปิ ¶ อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ. เยปิ ตตฺถ ¶ สตฺตา อุปปนฺนา เตปิ เตโนภาเสน อฺมฺํ สฺชานนฺติ – อฺเปิ กิร, โภ, สนฺติ สตฺตา อิธูปปนฺนาติ. อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ, อปฺปมาโณ จ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาว’นฺติ. ยมฺปิ, ภนฺเต…เป… อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมี’’ติ.
๒๐๘. ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิทมฺปิ ตถาคตสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรหิ. อิธานนฺท, ตถาคตสฺส วิทิตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ; วิทิตา สฺา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ; วิทิตา วิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. อิทมฺปิ โข, ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรหี’’ติ. ‘‘ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควโต วิทิตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ; วิทิตา สฺา… วิทิตา วิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. อิทํปาหํ, ภนฺเต, ภควโต อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมี’’ติ.
อิทมโวจ อายสฺมา อานนฺโท. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ; อตฺตมนา จ เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
อจฺฉริยอพฺภุตสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. พากุลสุตฺตํ
๒๐๙. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา พากุโล [พกฺกุโล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อเจลกสฺสโป อายสฺมโต ¶ พากุลสฺส ปุราณคิหิสหาโย เยนายสฺมา ¶ พากุโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา พากุเลน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อเจลกสฺสโป อายสฺมนฺตํ พากุลํ เอตทโวจ –
‘‘กีวจิรํ ปพฺพชิโตสิ, อาวุโส พากุลา’’ติ? ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺสา’’ติ. ‘‘อิเมหิ ปน เต, อาวุโส พากุล, อสีติยา วสฺเสหิ กติกฺขตฺตุํ เมถุโน ธมฺโม ปฏิเสวิโต’’ติ? ‘‘น โข มํ, อาวุโส กสฺสป, เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘อิเมหิ ปน เต, อาวุโส พากุล, อสีติยา วสฺเสหิ กติกฺขตฺตุํ เมถุโน ธมฺโม ปฏิเสวิโต’ติ. เอวฺจ โข มํ, อาวุโส กสฺสป, ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘อิเมหิ ปน เต, อาวุโส พากุล, อสีติยา วสฺเสหิ กติกฺขตฺตุํ กามสฺา อุปฺปนฺนปุพฺพา’’’ติ? ( ) [(อิเมหิ ปน เต อาวุโส พกฺกุล อสีติโย วสฺเสหิ กติกฺขตฺตุํ กามสฺา อุปฺปนฺนปุพฺพาติ.) (สี. ปี.)]
๒๑๐. ‘‘อสีติ เม, อาวุโส ¶ , วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ กามสฺํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ. ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ นาภิชานาติ กามสฺํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ พฺยาปาทสฺํ…เป… วิหึสาสฺํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ. ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ นาภิชานาติ วิหึสาสฺํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ กามวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ. ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ นาภิชานาติ กามวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
‘‘อสีติ ¶ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… วิหึสาวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ. ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ ¶ นาภิชานาติ วิหึสาวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
๒๑๑. ‘‘อสีติ ¶ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ คหปติจีวรํ สาทิตา. ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ นาภิชานาติ คหปติจีวรํ สาทิตา, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ สตฺเถน จีวรํ ฉินฺทิตา. ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ นาภิชานาติ สตฺเถน จีวรํ ฉินฺทิตา…เป… ธาเรม.
‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ สูจิยา จีวรํ สิพฺพิตา…เป… นาภิชานามิ รชเนน จีวรํ รชิตา… นาภิชานามิ กถิเน [กิเน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จีวรํ สิพฺพิตา… นาภิชานามิ สพฺรหฺมจารีนํ จีวรกมฺเม วิจาริตา [สพฺรหฺมจารี จีวรกมฺเม พฺยาปาริตา (สี. ปี.)] … นาภิชานามิ นิมนฺตนํ สาทิตา… นาภิชานามิ เอวรูปํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ ¶ – ‘อโห วต มํ โกจิ นิมนฺเตยฺยา’ติ… นาภิชานามิ อนฺตรฆเร นิสีทิตา… นาภิชานามิ อนฺตรฆเร ภฺุชิตา… นาภิชานามิ มาตุคามสฺส อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตํ คเหตา… นาภิชานามิ มาตุคามสฺส ธมฺมํ เทสิตา อนฺตมโส จตุปฺปทมฺปิ คาถํ… นาภิชานามิ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตา… นาภิชานามิ ภิกฺขุนิยา ธมฺมํ เทสิตา… นาภิชานามิ สิกฺขมานาย ธมฺมํ เทสิตา… นาภิชานามิ สามเณริยา ธมฺมํ เทสิตา… นาภิชานามิ ปพฺพาเชตา… นาภิชานามิ อุปสมฺปาเทตา… นาภิชานามิ นิสฺสยํ ทาตา… นาภิชานามิ สามเณรํ อุปฏฺาเปตา… นาภิชานามิ ชนฺตาฆเร นฺหายิตา… นาภิชานามิ จุณฺเณน นฺหายิตา… นาภิชานามิ สพฺรหฺมจารีคตฺตปริกมฺเม ¶ วิจาริตา [พฺยาปาริตา (สี. ปี.)] … นาภิชานามิ อาพาธํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ… นาภิชานามิ เภสชฺชํ อุปหริตา, อนฺตมโส หริตกิขณฺฑมฺปิ… นาภิชานามิ อปสฺเสนกํ อปสฺสยิตา… นาภิชานามิ เสยฺยํ กปฺเปตา. ยํปายสฺมา…เป… ธาเรม.
‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ คามนฺตเสนาสเน วสฺสํ อุปคนฺตา ¶ . ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วสฺเสหิ ¶ นาภิชานาติ คามนฺตเสนาสเน วสฺสํ อุปคนฺตา, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
‘‘สตฺตาหเมว โข ¶ อหํ, อาวุโส, สรโณ รฏฺปิณฺฑํ ภฺุชึ; อถ อฏฺมิยํ อฺา อุทปาทิ. ยํปายสฺมา พากุโล สตฺตาหเมว สรโณ รฏฺปิณฺฑํ ภฺุชิ; อถ อฏฺมิยํ อฺา อุทปาทิ อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม.
๒๑๒. ‘‘ลเภยฺยาหํ, อาวุโส พากุล, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ. อลตฺถ โข อเจลกสฺสโป อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน ปนายสฺมา กสฺสโป เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา กสฺสโป อรหตํ อโหสิ.
อถ โข อายสฺมา พากุโล อปเรน สมเยน อวาปุรณํ [อปาปุรณํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อาทาย วิหาเรน วิหารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต. อชฺช เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘ยํปายสฺมา พากุโล อวาปุรณํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต; อชฺช เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’ติ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม’’.
อายสฺมา ¶ ¶ พากุโล มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนโกว ปรินิพฺพายิ. ‘‘ยํปายสฺมา พากุโล มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนโกว ปรินิพฺพายิ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมา’’ติ.
พากุลสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. ทนฺตภูมิสุตฺตํ
๒๑๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อจิรวโต สมณุทฺเทโส อรฺกุฏิกายํ วิหรติ. อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน อจิรวโต สมณุทฺเทโส เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อจิรวเตน สมณุทฺเทเสน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ –
‘‘สุตํ เมตํ, โภ อคฺคิเวสฺสน – ‘อิธ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคต’นฺติ. ‘เอวเมตํ, ราชกุมาร, เอวเมตํ, ราชกุมาร. อิธ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคต’นฺติ. ‘สาธุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสตู’ติ. ‘น โข เต อหํ, ราชกุมาร, สกฺโกมิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสตุํ. อหฺจ หิ เต, ราชกุมาร, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ตฺวฺจ เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น อาชาเนยฺยาสิ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติ. ‘เทเสตุ ¶ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ. อปฺเปวนามาหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ¶ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺย’นฺติ. ‘เทเสยฺยํ โข เต อหํ, ราชกุมาร, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ. สเจ เม ตฺวํ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ เม ตฺวํ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาสิ, ยถาสเก ติฏฺเยฺยาสิ, น มํ ตตฺถ อุตฺตรึ ปฏิปุจฺเฉยฺยาสี’ติ. ‘เทเสตุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ. สเจ อหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามิ [อาชาเนยฺยามิ (ก.)], อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ อหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามิ, ยถาสเก ติฏฺิสฺสามิ [ติฏฺเยฺยามิ (ก.)], นาหํ ตตฺถ ภวนฺตํ อคฺคิเวสฺสนํ อุตฺตรึ ปฏิปุจฺฉิสฺสามี’’’ติ.
๒๑๔. อถ ¶ โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสสิ. เอวํ วุตฺเต, ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘อฏฺานเมตํ, โภ อคฺคิเวสฺสน, อนวกาโส ยํ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคต’’นฺติ. อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตสฺส สมณุทฺเทสสฺส อฏฺานตฺจ อนวกาสตฺจ ปเวเทตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
อถ โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส อจิรปกฺกนฺเต ชยเสเน ราชกุมาเร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส ยาวตโก อโหสิ ชยเสเนน ราชกุมาเรน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, ภควา อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กุเตตฺถ, อคฺคิเวสฺสน, ลพฺภา. ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน าตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย ¶ อุสฺสุโก [อุสฺสุกฺโก (สพฺพตฺถ)] สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี’’ติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
๒๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, อคฺคิเวสฺสน, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, เย เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน าตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ¶ ปริภฺุชนฺโต ¶ กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี’’ติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
๒๑๖. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , อคฺคิเวสฺสน, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหาปพฺพโต. ตเมนํ ทฺเว สหายกา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน เยน โส ปพฺพโต เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา เอโก สหายโก เหฏฺา ปพฺพตปาเท ติฏฺเยฺย, เอโก สหายโก อุปริปพฺพตํ อาโรเหยฺย. ตเมนํ เหฏฺา ปพฺพตปาเท ิโต สหายโก อุปริปพฺพเต ิตํ สหายกํ เอวํ เวทยฺย – ‘ยํ, สมฺม, กึ ตฺวํ ปสฺสสิ อุปริปพฺพเต ิโต’ติ? โส เอวํ วเทยฺย – ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’’’นฺติ.
‘‘โส เอวํ วเทยฺย – ‘อฏฺานํ โข เอตํ, สมฺม ¶ , อนวกาโส ยํ ตฺวํ อุปริปพฺพเต ิโต ปสฺเสยฺยาสิ อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’นฺติ. ตเมนํ อุปริปพฺพเต ิโต สหายโก เหฏฺิมปพฺพตปาทํ โอโรหิตฺวา ตํ สหายกํ พาหายํ คเหตฺวา อุปริปพฺพตํ อาโรเปตฺวา มุหุตฺตํ อสฺสาเสตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยํ, สมฺม, กึ ตฺวํ ปสฺสสิ อุปริปพฺพเต ิโต’ติ? โส เอวํ วเทยฺย – ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’’’นฺติ ¶ .
‘‘โส เอวํ วเทยฺย – ‘อิทาเนว โข เต, สมฺม, ภาสิตํ – มยํ เอวํ อาชานาม – อฏฺานํ โข เอตํ สมฺม, อนวกาโส ยํ ตฺวํ อุปริปพฺพเต ิโต ปสฺเสยฺยาสิ อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’นฺติ. อิทาเนว จ ปน เต ภาสิตํ มยํ เอวํ อาชานาม – ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยก’นฺติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘ตถา หิ ปนาหํ, สมฺม, อิมินา มหตา ปพฺพเตน อาวุโต [อาวโฏ (สี. อฏฺ. ปี.), อาวุโฏ (สฺยา. กํ. ก.)] ทฏฺเยฺยํ นาทฺทส’’’นฺติ.
‘‘อโต ¶ มหนฺตตเรน, อคฺคิเวสฺสน, อวิชฺชาขนฺเธน ชยเสโน ราชกุมาโร อาวุโต นิวุโต [นิวุโฏ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] โอผุโฏ [โอวุโต (สี.), โอวุโฏ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปริโยนทฺโธ. โส วต ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน าตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ ¶ . สเจ โข ตํ, อคฺคิเวสฺสน, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา ทฺเว อุปมา ปฏิภาเยยฺยุํ [ปฏิภาเสยฺยุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อนจฺฉริยํ เต ชยเสโน ราชกุมาโร ปสีเทยฺย, ปสนฺโน จ เต ปสนฺนาการํ กเรยฺยา’’ติ. ‘‘กุโต ปน มํ, ภนฺเต, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา ทฺเว อุปมา ปฏิภายิสฺสนฺติ [ปฏิภาสิสฺสนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา, เสยฺยถาปิ ¶ ภควนฺต’’นฺติ?
๒๑๗. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , อคฺคิเวสฺสน, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต นาควนิกํ อามนฺเตติ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม นาควนิก, รฺโ นาคํ อภิรุหิตฺวา นาควนํ ปวิสิตฺวา อารฺกํ นาคํ อติปสฺสิตฺวา รฺโ นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธาหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อคฺคิเวสฺสน, นาควนิโก รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา รฺโ นาคํ อภิรุหิตฺวา นาควนํ ปวิสิตฺวา อารฺกํ นาคํ อติปสฺสิตฺวา รฺโ นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ. ตเมนํ รฺโ นาโค อพฺโภกาสํ นีหรติ. เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, อารฺโก นาโค อพฺโภกาสํ คโต โหติ. เอตฺถเคธา [เอตเคธา (สี. ปี.)] หิ, อคฺคิเวสฺสน, อารฺกา นาคา ยทิทํ – นาควนํ. ตเมนํ นาควนิโก รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส อาโรเจสิ – ‘อพฺโภกาสคโต โข [โข เต (สฺยา. กํ. ก.)], เทว, อารฺโก นาโค’ติ. อถ โข อคฺคิเวสฺสน, ตเมนํ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต หตฺถิทมกํ อามนฺเตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม หตฺถิทมก, อารฺกํ นาคํ ทมยาหิ อารฺกานฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารฺกานฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารฺกานฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนายา’’’ติ [สมาทาปนายาติ (?)].
‘‘‘เอวํ ¶ , เทวา’ติ โข, อคฺคิเวสฺสน, หตฺถิทมโก รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มหนฺตํ ถมฺภํ ปถวิยํ นิขณิตฺวา อารฺกสฺส นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ อารฺกานฺเจว ¶ สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารฺกานฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารฺกานฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนาย. ตเมนํ หตฺถิทมโก ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปาหิ วาจาหิ สมุทาจรติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารฺโก นาโค หตฺถิทมกสฺส ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ¶ ตถารูปาหิ วาจาหิ สมุทาจริยมาโน สุสฺสูสติ, โสตํ โอทหติ, อฺา จิตฺตํ อุปฏฺาเปติ; ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ ติณฆาโสทกํ อนุปฺปเวจฺฉติ.
‘‘ยโต ¶ โข, อคฺคิเวสฺสน, อารฺโก นาโค หตฺถิทมกสฺส ติณฆาโสทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตตฺร หตฺถิทมกสฺส เอวํ โหติ – ‘ชีวิสฺสติ โข [นุ โข (สี. ก.)] ทานิ อารฺโก [รฺโ (สี. ปี.)] นาโค’ติ. ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ – ‘อาทิย, โภ, นิกฺขิป, โภ’ติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารฺโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อาทานนิกฺเขเป วจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ – ‘อภิกฺกม, โภ, ปฏิกฺกม, โภ’ติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารฺโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อภิกฺกมปฏิกฺกมวจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ – ‘อุฏฺห, โภ, นิสีท, โภ’ติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารฺโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อุฏฺานนิสชฺชาย ¶ วจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ อาเนฺชํ นาม การณํ กาเรติ, มหนฺตสฺส ผลกํ โสณฺฑาย อุปนิพนฺธติ, โตมรหตฺโถ จ ปุริโส อุปริคีวาย นิสินฺโน โหติ, สมนฺตโต จ โตมรหตฺถา ปุริสา ปริวาเรตฺวา ิตา โหนฺติ, หตฺถิทมโก จ ทีฆโตมรยฏฺึ คเหตฺวา ปุรโต ิโต โหติ. โส อาเนฺชํ การณํ การิยมาโน เนว ปุริเม ปาเท โจเปติ น ปจฺฉิเม ปาเท โจเปติ, น ปุริมกายํ โจเปติ น ปจฺฉิมกายํ โจเปติ, น สีสํ โจเปติ, น กณฺเณ โจเปติ, น ทนฺเต โจเปติ ¶ , น นงฺคุฏฺํ โจเปติ, น โสณฺฑํ โจเปติ. โส โหติ อารฺโก นาโค ขโม สตฺติปฺปหารานํ อสิปฺปหารานํ อุสุปฺปหารานํ สรปตฺตปฺปหารานํ [ปรสตฺถปฺปหารานํ (สี.), ปรสตฺตุปฺปหารานํ (สฺยา. กํ. ปี.)] เภริปณววํสสงฺขฑิณฺฑิมนินฺนาทสทฺทานํ [เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทานํ (ปี.)] สพฺพวงฺกโทสนิหิตนินฺนีตกสาโว ราชารโห ราชโภคฺโค รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ.
๒๑๘. ‘‘เอวเมว ¶ โข, อคฺคิเวสฺสน, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ ¶ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ.
‘‘โส ¶ อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวโก อพฺโภกาสคโต โหติ. เอตฺถเคธา หิ, อคฺคิเวสฺสน, เทวมนุสฺสา ยทิทํ – ปฺจ กามคุณา. ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตรึ วิเนติ – ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลวา โหหิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหราหิ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขสฺสุ สิกฺขาปเทสู’’’ติ.
‘‘ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวโก สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ¶ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตรึ วิเนติ – ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหหิ, จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา มา นิมิตฺตคฺคาหี…เป… (ยถา คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตนฺเต, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพานิ.) ¶
๒๑๙. ‘‘โส ¶ อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย ¶ เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. เวทนาสุ…เป… จิตฺเต…เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, หตฺถิทมโก มหนฺตํ ถมฺภํ ปถวิยํ นิขณิตฺวา อารฺกสฺส นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ อารฺกานฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารฺกานฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารฺกานฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนาย; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวกสฺส อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา เจตโส อุปนิพนฺธนา โหนฺติ เคหสิตานฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย เคหสิตานฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย เคหสิตานฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย ายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย.
๒๒๐. ‘‘ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตรึ วิเนติ – ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, กาเย กายานุปสฺสี วิหราหิ ¶ , มา จ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสิ. เวทนาสุ… จิตฺเต… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ, มา จ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสี’’’ติ.
‘‘โส วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
๒๒๑. ‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส ¶ เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.
‘‘โส โหติ ภิกฺขุ ขโม สีตสฺส อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานํ ¶ ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ ¶ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ สพฺพราคโทสโมหนิหิตนินฺนีตกสาโว อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
๒๒๒. ‘‘มหลฺลโก เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รฺโ นาโค อทนฺโต อวินีโต กาลงฺกโรติ, ‘อทนฺตมรณํ [อทนฺตํ มรณํ (ก.)] มหลฺลโก รฺโ นาโค กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รฺโ นาโค. ทหโร เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รฺโ นาโค อทนฺโต อวินีโต กาลงฺกโรติ ¶ , ‘อทนฺตมรณํ ทหโร รฺโ นาโค กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เถโร เจปิ ภิกฺขุ อขีณาสโว กาลงฺกโรติ, ‘อทนฺตมรณํ เถโร ภิกฺขุ กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ. นโว เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ อขีณาสโว กาลงฺกโรติ, ‘อทนฺตมรณํ นโว ภิกฺขุ กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘มหลฺลโก ¶ เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รฺโ นาโค สุทนฺโต สุวินีโต กาลงฺกโรติ, ‘ทนฺตมรณํ มหลฺลโก รฺโ นาโค กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รฺโ นาโค… ทหโร เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รฺโ นาโค สุทนฺโต สุวินีโต กาลงฺกโรติ, ‘ทนฺตมรณํ ทหโร รฺโ นาโค กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เถโร เจปิ ภิกฺขุ ขีณาสโว กาลงฺกโรติ, ‘ทนฺตมรณํ เถโร ภิกฺขุ กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ. นโว เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ขีณาสโว กาลงฺกโรติ, ‘ทนฺตมรณํ นโว ภิกฺขุ กาลงฺกโต’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อจิรวโต สมณุทฺเทโส ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ทนฺตภูมิสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. ภูมิชสุตฺตํ
๒๒๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อายสฺมา ภูมิโช ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร เยนายสฺมา ภูมิโช เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา ภูมิเชน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชยเสโน ราชกุมาโร อายสฺมนฺตํ ภูมิชํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺติ, โภ ภูมิช, เอเก สมณพฺราหฺมณา ¶ เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา [จรติ, อภพฺโพ (สี. ปี.) เอวมุปริปิ เอกวจเนเนว ทิสฺสติ] ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ [อาสฺจ อนาสฺจ เจปิ (อฏฺ.)] กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมายา’ติ. อิธ โภโต ภูมิชสฺส สตฺถา กึวาที [กึวาที กึทิฏฺี (สฺยา. กํ. ก.)] กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘น โข เมตํ, ราชกุมาร, ภควโต สมฺมุขา สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ภควา เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘อาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย ¶ ; อนาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. อาสฺเจปิ กริตฺวา โยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย ¶ ; อนาสฺเจปิ กริตฺวา โยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา โยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา โยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมายา’ติ. น โข เม ตํ, ราชกุมาร, ภควโต สมฺมุขา สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ภควา เอวํ พฺยากเรยฺยา’’ติ. ‘‘สเจ โข โภโต ภูมิชสฺส สตฺถา เอวํวาที [เอวํวาที เอวํทิฏฺี (สฺยา. กํ. ก.)] เอวมกฺขายี, อทฺธา โภโต ภูมิชสฺส สตฺถา สพฺเพสํเยว ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ มุทฺธานํ [พุทฺธานํ (ก.) มุทฺธานนฺติมุทฺธํ, มตฺถกนฺติ อตฺโถ] มฺเ อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ ¶ . อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร อายสฺมนฺตํ ภูมิชํ สเกเนว ถาลิปาเกน ปริวิสิ.
๒๒๔. อถ โข อายสฺมา ภูมิโช ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ภูมิโช ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ปฺตฺเต ¶ อาสเน นิสีทึ. อถ โข, ภนฺเต, ชยเสโน ราชกุมาโร เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, ภนฺเต, ชยเสโน ราชกุมาโร มํ เอตทโวจ – ‘สนฺติ, โภ ภูมิช, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ ¶ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมายา’ติ. ‘อิธ โภโต ภูมิชสฺส สตฺถา กึวาที กิมกฺขายี’ติ? เอวํ วุตฺเต อหํ, ภนฺเต, ชยเสนํ ราชกุมารํ เอตทโวจํ – ‘น โข เม ตํ, ราชกุมาร, ภควโต สมฺมุขา สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ภควา เอวํ พฺยากเรยฺย – อาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. อาสฺเจปิ กริตฺวา โยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา โยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมายาติ. น โข เม ตํ, ราชกุมาร, ภควโต สมฺมุขา สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ภควา เอวํ พฺยากเรยฺยา’ติ. ‘สเจ โภโต ภูมิชสฺส สตฺถา เอวํวาที เอวมกฺขายี, อทฺธา โภโต ภูมิชสฺส สตฺถา สพฺเพสํเยว ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ มุทฺธานํ มฺเ อาหจฺจ ติฏฺตี’ติ. ‘กจฺจาหํ, ภนฺเต, เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว ภควโต โหมิ, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขามิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรมิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’’ติ?
‘‘ตคฺฆ ¶ ¶ ตฺวํ, ภูมิช, เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม โหสิ, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรสิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉติ. เย หิ เกจิ, ภูมิช, สมณา วา พฺราหฺมณา วา มิจฺฉาทิฏฺิโน มิจฺฉาสงฺกปฺปา มิจฺฉาวาจา ¶ มิจฺฉากมฺมนฺตา มิจฺฉาอาชีวา มิจฺฉาวายามา มิจฺฉาสตี มิจฺฉาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ ¶ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
๒๒๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส เตลตฺถิโก เตลคเวสี เตลปริเยสนํ จรมาโน วาลิกํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย. อาสฺเจปิ กริตฺวา วาลิกํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย, อภพฺโพ เตลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา วาลิกํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย, อภพฺโพ เตลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา วาลิกํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย, อภพฺโพ เตลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา วาลิกํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย, อภพฺโพ เตลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, เตลสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา มิจฺฉาทิฏฺิโน มิจฺฉาสงฺกปฺปา มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมนฺตา มิจฺฉาอาชีวา มิจฺฉาวายามา มิจฺฉาสตี มิจฺฉาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ ¶ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภูมิช, ปุริโส ขีรตฺถิโก ขีรคเวสี ขีรปริเยสนํ จรมาโน คาวึ ตรุณวจฺฉํ วิสาณโต อาวิฺเฉยฺย ¶ [อาวิฺเชยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อาสฺเจปิ กริตฺวา คาวึ ตรุณวจฺฉํ วิสาณโต อาวิฺเฉยฺย, อภพฺโพ ขีรสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ ¶ นานาสฺเจปิ กริตฺวา คาวึ ตรุณวจฺฉํ วิสาณโต อาวิฺเฉยฺย, อภพฺโพ ขีรสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, ขีรสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา มิจฺฉาทิฏฺิโน…เป… มิจฺฉาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
๒๒๖. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส นวนีตตฺถิโก นวนีตคเวสี นวนีตปริเยสนํ จรมาโน อุทกํ กลเส อาสิฺจิตฺวา มตฺเถน [มนฺเถน (สี.), มตฺเตน (ก.)] อาวิฺเฉยฺย. อาสฺเจปิ กริตฺวา อุทกํ กลเส อาสิฺจิตฺวา มตฺเถน อาวิฺเฉยฺย, อภพฺโพ นวนีตสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา อุทกํ กลเส อาสิฺจิตฺวา มตฺเถน อาวิฺเฉยฺย, อภพฺโพ นวนีตสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, นวนีตสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา มิจฺฉาทิฏฺิโน…เป… มิจฺฉาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ¶ ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส อคฺคิตฺถิโก [อคฺคตฺถิโก (สี.)] อคฺคิคเวสี อคฺคิปริเยสนํ จรมาโน อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุตฺตรารณึ ¶ อาทาย อภิมนฺเถยฺย [อภิมตฺเถยฺย (สฺยา. กํ. ปี. ก.)]. อาสฺเจปิ กริตฺวา อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถยฺย, อภพฺโพ อคฺคิสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถยฺย, อภพฺโพ อคฺคิสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, อคฺคิสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ¶ มิจฺฉาทิฏฺิโน…เป… มิจฺฉาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา ¶ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป…อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อโยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย. เย หิ เกจิ, ภูมิช, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมฺมาทิฏฺิโน สมฺมาสงฺกปฺปา สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺตา สมฺมาอาชีวา สมฺมาวายามา สมฺมาสตี สมฺมาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ ¶ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
๒๒๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส เตลตฺถิโก เตลคเวสี เตลปริเยสนํ จรมาโน ติลปิฏฺํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย. อาสฺเจปิ กริตฺวา ติลปิฏฺํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย, ภพฺโพ เตลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา ติลปิฏฺํ โทณิยา อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ ปีเฬยฺย, ภพฺโพ เตลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, เตลสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมฺมาทิฏฺิโน…เป… สมฺมาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ¶ ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส ขีรตฺถิโก ขีรคเวสี ขีรปริเยสนํ จรมาโน ¶ คาวึ ตรุณวจฺฉํ ถนโต อาวิฺเฉยฺย. อาสฺเจปิ กริตฺวา คาวึ ตรุณวจฺฉํ ถนโต อาวิฺเฉยฺย, ภพฺโพ ขีรสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา คาวึ ตรุณวจฺฉํ ถนโต อาวิฺเฉยฺย, ภพฺโพ ขีรสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, ขีรสฺส ¶ อธิคมาย. เอวเมว ¶ โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมฺมาทิฏฺิโน…เป… สมฺมาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา…เป… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
๒๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส นวนีตตฺถิโก นวนีตคเวสี นวนีตปริเยสนํ จรมาโน ทธึ กลเส อาสิฺจิตฺวา มตฺเถน อาวิฺเฉยฺย. อาสฺเจปิ กริตฺวา ทธึ กลเส อาสิฺจิตฺวา มตฺเถน อาวิฺเฉยฺย, ภพฺโพ นวนีตสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา ทธึ กลเส อาสิฺจิตฺวา มตฺเถน อาวิฺเฉยฺย, ภพฺโพ นวนีตสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, นวนีตสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมฺมาทิฏฺิโน…เป… สมฺมาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา… อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา ¶ … เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภูมิช, ปุริโส อคฺคิตฺถิโก อคฺคิคเวสี อคฺคิปริเยสนํ จรมาโน สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถยฺย; ( ) [(ภพฺโพ อคฺคิสฺส อธิคมาย) (สพฺพตฺถ)] อาสฺเจปิ กริตฺวา… อนาสฺเจปิ ¶ กริตฺวา.. อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา… เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา สุกฺข กฏฺํ โกฬาปํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถยฺย, ภพฺโพ อคฺคิสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, อคฺคิสฺส อธิคมาย. เอวเมว โข, ภูมิช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมฺมาทิฏฺิโน…เป… สมฺมาสมาธิโน เต อาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; อาสฺจ อนาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย; เนวาสํ นานาสฺเจปิ กริตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย. ตํ กิสฺส เหตุ? โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมาย.
‘‘สเจ ¶ ¶ โข ตํ, ภูมิช, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา จตสฺโส อุปมา ปฏิภาเยยฺยุํ อนจฺฉริยํ เต ชยเสโน ราชกุมาโร ปสีเทยฺย, ปสนฺโน จ เต ปสนฺนาการํ กเรยฺยา’’ติ. ‘‘กุโต ปน มํ, ภนฺเต, ชยเสนสฺส ¶ ราชกุมารสฺส อิมา จตสฺโส อุปมา ปฏิภายิสฺสนฺติ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา, เสยฺยถาปิ ภควนฺต’’นฺติ?
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา ภูมิโช ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ภูมิชสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. อนุรุทฺธสุตฺตํ
๒๒๙. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยนายสฺมา อนุรุทฺโธ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ¶ ปาเท สิรสา วนฺทาหิ [วนฺทาหิ, เอวฺจ วเทหิ (สี. ปี.)] – ‘ปฺจกงฺโค, ภนฺเต, ถปติ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ; เอวฺจ วเทหิ [เอวฺจ วเทติ (สี. ปี.)] – ‘อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส สฺวาตนาย อตฺตจตุตฺโถ ภตฺตํ; เยน จ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปเควตรํ อาคจฺเฉยฺย; ปฺจกงฺโค, ภนฺเต, ถปติ [ปฺจกงฺโค ถปติ (สี. ปี.)] พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย ราชกรณีเยนา’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส ปุริโส ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา อนุรุทฺโธ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘ปฺจกงฺโค, ภนฺเต, ถปติ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วเทติ – ‘อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส สฺวาตนาย อตฺตจตุตฺโถ ภตฺตํ; เยน จ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปเควตรํ อาคจฺเฉยฺย; ปฺจกงฺโค, ภนฺเต, ถปติ พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย ราชกรณีเยนา’’’ติ. อธิวาเสสิ โข ¶ อายสฺมา อนุรุทฺโธ ตุณฺหีภาเวน.
๒๓๐. อถ ¶ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ –
‘‘อิธ มํ, ภนฺเต, เถรา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘อปฺปมาณํ, คหปติ, เจโตวิมุตฺตึ ¶ ภาเวหี’ติ [อปฺปมาณา คหปติ เจโตวิมุตฺติ ภาเวตพฺพาติ (ก.)]. เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – ‘มหคฺคตํ, คหปติ, เจโตวิมุตฺตึ ภาเวหี’ติ. ยา จายํ, ภนฺเต, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ยา จ มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ – อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา ¶ จ, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, คหปติ, ตํ เยเวตฺถ ปฏิภาตุ. อปณฺณกนฺเต อิโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ยา จายํ อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ยา จ มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ อิเม ธมฺมา เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’’นฺติ. ‘‘ยา จายํ, คหปติ, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ยา จ มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จ ¶ . ตทมินาเปตํ, คหปติ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จ’’.
‘‘กตมา จ, คหปติ, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ? อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, คหปติ, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ.
๒๓๑. ‘‘กตมา ¶ จ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ? อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ รุกฺขมูลํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยมฺปิ [อยํ (สฺยา. กํ. ก.)] วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามกฺเขตฺตํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิธ ปน, คหปติ ¶ , ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว ¶ วา ตีณิ วา คามกฺเขตฺตานิ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ¶ ตีณิ วา มหารชฺชานิ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ. อิมินา โข เอตํ, คหปติ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จ.
๒๓๒. ‘‘จตสฺโส โข อิมา คหปติ, ภวูปปตฺติโย. กตมา จตสฺโส? อิธ, คหปติ, เอกจฺโจ ‘ปริตฺตาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริตฺตาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อิธ ปน, คหปติ, เอกจฺโจ ‘อปฺปมาณาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปฺปมาณาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อิธ ปน, คหปติ, เอกจฺโจ ‘สํกิลิฏฺาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สํกิลิฏฺาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อิธ ปน, คหปติ, เอกจฺโจ ‘ปริสุทฺธาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา ¶ วิหรติ. โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริสุทฺธาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อิมา โข, คหปติ, จตสฺโส ภวูปปตฺติโย.
‘‘โหติ โข โส, คหปติ, สมโย, ยา ตา เทวตา เอกชฺฌํ สนฺนิปตนฺติ, ตาสํ เอกชฺฌํ สนฺนิปติตานํ วณฺณนานตฺตฺหิ โข ปฺายติ โน จ อาภานานตฺตํ ¶ . เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส สมฺพหุลานิ เตลปฺปทีปานิ เอกํ ฆรํ ปเวเสยฺย. เตสํ เอกํ ฆรํ ปเวสิตานํ อจฺจินานตฺตฺหิ โข ปฺาเยถ, โน จ อาภานานตฺตํ; เอวเมว โข, คหปติ, โหติ โข โส สมโย, ยา ตา เทวตา เอกชฺฌํ สนฺนิปตนฺติ ¶ ตาสํ เอกชฺฌํ สนฺนิปติตานํ วณฺณนานตฺตฺหิ โข ปฺายติ, โน จ อาภานานตฺตํ.
‘‘โหติ โข โส, คหปติ, สมโย, ยา ตา เทวตา ตโต วิปกฺกมนฺติ, ตาสํ ตโต วิปกฺกมนฺตีนํ วณฺณนานตฺตฺเจว ปฺายติ อาภานานตฺตฺจ. เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส ตานิ สมฺพหุลานิ เตลปฺปทีปานิ ตมฺหา ฆรา นีหเรยฺย. เตสํ ตโต นีหตานํ [นีหรนฺตานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อจฺจินานตฺตฺเจว ปฺาเยถ อาภานานตฺตฺจ; เอวเมว โข, คหปติ, โหติ โข โส สมโย, ยา ¶ ตา เทวตา ตโต วิปกฺกมนฺติ, ตาสํ ตโต วิปกฺกมนฺตีนํ วณฺณนานตฺตฺเจว ปฺายติ อาภานานตฺตฺจ.
‘‘น โข, คหปติ, ตาสํ เทวตานํ เอวํ โหติ – ‘อิทํ อมฺหากํ นิจฺจนฺติ ¶ วา ธุวนฺติ วา สสฺสต’นฺติ วา, อปิ จ ยตฺถ ยตฺเถว ตา [ยา (ก.)] เทวตา อภินิวิสนฺติ ตตฺถ ตตฺเถว ตา เทวตา อภิรมนฺติ. เสยฺยถาปิ, คหปติ, มกฺขิกานํ กาเชน วา ปิฏเกน วา หรียมานานํ น เอวํ โหติ – ‘อิทํ อมฺหากํ นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา สสฺสต’นฺติ วา, อปิ จ ยตฺถ ยตฺเถว ตา [ยา (ก.)] มกฺขิกา อภินิวิสนฺติ ตตฺถ ตตฺเถว ตา มกฺขิกา อภิรมนฺติ; เอวเมว โข, คหปติ, ตาสํ เทวตานํ น เอวํ โหติ – ‘อิทํ อมฺหากํ นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา สสฺสต’นฺติ วา, อปิ จ ยตฺถ ยตฺเถว ตา เทวตา อภินิวิสนฺติ ตตฺถ ตตฺเถว ตา เทวตา อภิรมนฺตี’’ติ.
๒๓๓. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน [กจฺจายโน (สี.)] อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภนฺเต อนุรุทฺธ! อตฺถิ จ เม เอตฺถ อุตฺตรึ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ. ยา ตา, ภนฺเต, เทวตา อาภา สพฺพา ตา ปริตฺตาภา อุทาหุ สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติ? ‘‘ตทงฺเคน โข, อาวุโส กจฺจาน, สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริตฺตาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต อนุรุทฺธ, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ ¶ สนฺเตตฺถ ¶ เอกจฺจา เทวตา ปริตฺตาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติ?
‘‘เตน หาวุโส กจฺจาน, ตํเยเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, อาวุโส กจฺจาน ¶ , ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ รุกฺขมูลํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ [โยปายํ (ก.)] ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามกฺเขตฺตํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามกฺเขตฺตํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามกฺเขตฺตํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา คามกฺเขตฺตานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา คามกฺเขตฺตานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ ¶ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา คามกฺเขตฺตานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา ¶ วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา ¶ มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา ทฺเว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ ยาวตา สมุทฺทปริยนฺตํ ¶ ปถวึ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘อยํ โข, อาวุโส กจฺจาน, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริตฺตาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติ.
๒๓๔. ‘‘สาธุ, ภนฺเต อนุรุทฺธ! อตฺถิ จ เม เอตฺถ อุตฺตรึ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ. ยาวตา [ยา ตา (ก.)], ภนฺเต, เทวตา อาภา สพฺพา ตา สํกิลิฏฺาภา อุทาหุ สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติ? ‘‘ตทงฺเคน ¶ โข, อาวุโส กจฺจาน, สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา สํกิลิฏฺาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, อนุรุทฺธ, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา สํกิลิฏฺาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติ?
‘‘เตน ¶ , หาวุโส กจฺจาน, อุปมํ เต กริสฺสามิ. อุปมายปิเธกจฺเจ [อุปมายมิเธกจฺเจ (ก.)] วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส กจฺจาน, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อปริสุทฺธํ วฏฺฏิปิ อปริสุทฺธา. โส เตลสฺสปิ อปริสุทฺธตฺตา วฏฺฏิยาปิ อปริสุทฺธตฺตา อนฺธนฺธํ วิย ฌายติ; เอวเมว โข, อาวุโส กจฺจาน, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ‘สํกิลิฏฺาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, ตสฺส กายทุฏฺุลฺลมฺปิ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺธํ โหติ, ถินมิทฺธมฺปิ น สุสมูหตํ โหติ ¶ , อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ น สุปฺปฏิวินีตํ โหติ. โส กายทุฏฺุลฺลสฺสปิ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา ถินมิทฺธสฺสปิ น สุสมูหตตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺสปิ น สุปฺปฏิวินีตตฺตา อนฺธนฺธํ วิย ฌายติ. โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สํกิลิฏฺาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส กจฺจาน, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ ปริสุทฺธํ วฏฺฏิปิ ปริสุทฺธา. โส เตลสฺสปิ ปริสุทฺธตฺตา วฏฺฏิยาปิ ปริสุทฺธตฺตา น อนฺธนฺธํ วิย ฌายติ; เอวเมว โข, อาวุโส กจฺจาน, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ‘ปริสุทฺธาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ. ตสฺส กายทุฏฺุลฺลมฺปิ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺธํ โหติ, ถินมิทฺธมฺปิ สุสมูหตํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ ¶ สุปฺปฏิวินีตํ โหติ. โส กายทุฏฺุลฺลสฺสปิ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา ถินมิทฺธสฺสปิ สุสมูหตตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺสปิ สุปฺปฏิวินีตตฺตา น อนฺธนฺธํ วิย ฌายติ. โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริสุทฺธาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อยํ ¶ โข, อาวุโส กจฺจาน, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สนฺเตตฺถ เอกจฺจา เทวตา สํกิลิฏฺาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติ.
๒๓๕. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภนฺเต อนุรุทฺธ! น, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ เอวมาห – ‘เอวํ เม สุต’นฺติ วา ‘เอวํ อรหติ ภวิตุ’นฺติ วา; อถ จ ปน, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ ‘เอวมฺปิ ตา เทวตา ¶ , อิติปิ ตา เทวตา’ตฺเวว ภาสติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘อทฺธา อายสฺมตา อนุรุทฺเธน ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ สนฺนิวุตฺถปุพฺพฺเจว สลฺลปิตปุพฺพฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา’’’ติ. ‘‘อทฺธา โข อยํ, อาวุโส กจฺจาน, อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตา, อปิ จ เต อหํ พฺยากริสฺสามิ – ‘ทีฆรตฺตํ โข เม, อาวุโส ¶ กจฺจาน, ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ สนฺนิวุตฺถปุพฺพฺเจว สลฺลปิตปุพฺพฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา’’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน ปฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ – ‘‘ลาภา เต, คหปติ, สุลทฺธํ เต, คหปติ, ยํ ตฺวฺเจว ตํ กงฺขาธมฺมํ ปหาสิ [ปชหสิ (ก.)], มยฺจิมํ [ยมฺปิมํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธมฺมปริยายํ อลตฺถมฺหา สวนายา’’ติ.
อนุรุทฺธสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. อุปกฺกิเลสสุตฺตํ
๒๓๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. เตน โข ปน สมเยน โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ภควา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต! ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ; มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข โส ¶ ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต! ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ; มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ. ตติยมฺปิ ¶ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาท’’นฺติ. ตติยมฺปิ โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ; มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โกสมฺพึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปุถุสทฺโท ¶ สมชโน, น พาโล โกจิ มฺถ;
สงฺฆสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ, นาฺํ ภิยฺโย อมฺรุํ.
‘‘ปริมุฏฺา ปณฺฑิตาภาสา, วาจาโคจรภาณิโน;
ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ, เยน นีตา น ตํ วิทู.
‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.
‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย ¶ จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติ.
‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;
อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน.
‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;
เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา.
‘‘อฏฺิจฺฉินฺนา ปาณหรา, ควสฺสธนหาริโน;
รฏฺํ วิลุมฺปมานานํ, เตสมฺปิ โหติ สงฺคติ;
กสฺมา ตุมฺหากํ โน สิยา.
‘‘สเจ ¶ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,
จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน ¶ เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,
เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.
‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย, นตฺถิ พาเล สหายตา;
เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,
อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.
๒๓๘. อถ ¶ โข ภควา ิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เยน พาลกโลณการคาโม [พาลกโลณกคาโม (ก.), ตถา วินเยปิ] เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน ¶ อายสฺมา ภคุ พาลกโลณการคาเม วิหรติ. อทฺทสา โข อายสฺมา ภคุ ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อาสนํ ปฺเปสิ อุทกฺจ ปาทานํ โธวนํ [อุทกฺจ ปาทานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิ. อายสฺมาปิ โข ภคุ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภคุํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขุ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมสี’’ติ? ‘‘ขมนียํ ภควา, ยาปนียํ ภควา, น จาหํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ภคุํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา เยน ปาจีนวํสทาโย เตนุปสงฺกมิ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย [ภทฺทิโย (ม. นิ. ๒.๑๖๖ นฬกปาเน] อายสฺมา จ กิมิโล [กิมฺพิโล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปาจีนวํสทาเย วิหรนฺติ. อทฺทสา โข ทายปาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, มหาสมณ, เอตํ ทายํ ปาวิสิ. สนฺเตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา ¶ อตฺตกามรูปา วิหรนฺติ. มา เตสํ อผาสุมกาสี’’ติ. อสฺโสสิ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทายปาลสฺส ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานสฺส. สุตฺวาน ทายปาลํ เอตทโวจ – ‘‘มา, อาวุโส ทายปาล, ภควนฺตํ วาเรสิ. สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ.
๒๓๙. อถ ¶ ¶ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา จ นนฺทิโย เยนายสฺมา จ กิมิโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตฺจ กิมิลํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เอโก ภควโต ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปฺเปสิ, เอโก ปาโททกํ อุปฏฺเปสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิ. เตปิ โข อายสฺมนฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ โว, อนุรุทฺธา, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ? ‘‘ขมนียํ ¶ ภควา, ยาปนียํ ภควา, น จ มยํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต ¶ เม โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ. ตสฺส, มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิ. นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา, เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺต’’นฺติ.
อายสฺมาปิ โข นนฺทิโย…เป… อายสฺมาปิ โข กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหมฺปิ โข, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ ¶ สทฺธึ วิหรามี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ ¶ อาวิ เจว รโห จ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิ. นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา, เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ. เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา ¶ อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา’’ติ.
๒๔๐. ‘‘สาธุ, สาธุ, อนุรุทฺธา! กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ ¶ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ โย ปมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ, โส อาสนานิ ปฺเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, อวกฺการปาตึ อุปฏฺาเปติ. โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ – สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ, ภฺุชติ; โน เจ อากงฺขติ, อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑติ อปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติ – โส อาสนานิ ปฏิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฏิสาเมติ, อวกฺการปาตึ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติ. โย ปสฺสติ ปานียฆฏํ วา ปริโภชนียฆฏํ วา วจฺจฆฏํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฏฺาเปติ. สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺาเปม [อุปฏฺเปติ (สี.)], น ตฺเวว มยํ, ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทาม. ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทาม. เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติ.
๒๔๑. ‘‘สาธุ, สาธุ, อนุรุทฺธา! อตฺถิ ปน โว, อนุรุทฺธา, เอวํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส ¶ อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘อิธ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา โอภาสฺเจว สฺชานาม ทสฺสนฺจ รูปานํ. โส โข ปน โน โอภาโส นจิรสฺเสว อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ; ตฺจ นิมิตฺตํ นปฺปฏิวิชฺฌามา’’ติ.
‘‘ตํ ¶ ¶ โข ปน โว, อนุรุทฺธา, นิมิตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ. อหมฺปิ สุทํ, อนุรุทฺธา, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน โอภาสฺเจว สฺชานามิ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โส โข ปน เม โอภาโส นจิรสฺเสว ¶ อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’นฺติ? ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘วิจิกิจฺฉา โข เม อุทปาทิ, วิจิกิจฺฉาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’’ติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสฺเจว สฺชานามิ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โส โข ปน เม โอภาโส นจิรสฺเสว อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’นฺติ? ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘อมนสิกาโร โข เม อุทปาทิ, อมนสิการาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส ¶ อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ น อมนสิกาโร’’’ติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘ถินมิทฺธํ โข เม อุทปาทิ, ถินมิทฺธาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ น อมนสิกาโร น ถินมิทฺธ’’’นฺติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘ฉมฺภิตตฺตํ โข เม อุทปาทิ, ฉมฺภิตตฺตาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน, ตสฺส อุภโตปสฺเส วฏฺฏกา [วธกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุปฺปเตยฺยุํ, ตสฺส ตโตนิทานํ ฉมฺภิตตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, ฉมฺภิตตฺตํ อุทปาทิ, ฉมฺภิตตฺตาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ ¶ จุเต โอภาโส ¶ อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ¶ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ น อมนสิกาโร น ถินมิทฺธํ น ฉมฺภิตตฺต’’’นฺติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘อุปฺปิลํ [อุพฺพิลฺลํ (สี. ปี.), อุพฺพิลํ (สฺยา. กํ.)] โข เม อุทปาทิ, อุปฺปิลาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ ¶ . เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส เอกํ นิธิมุขํ คเวสนฺโต สกิเทว ปฺจนิธิมุขานิ อธิคจฺเฉยฺย, ตสฺส ตโตนิทานํ อุปฺปิลํ อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, อุปฺปิลํ อุทปาทิ, อุปฺปิลาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิล’’’นฺติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘ทุฏฺุลฺลํ โข เม อุทปาทิ, ทุฏฺุลฺลาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺุลฺล’’’นฺติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘อจฺจารทฺธวีริยํ โข เม อุทปาทิ, อจฺจารทฺธวีริยาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส อุโภหิ หตฺเถหิ วฏฺฏกํ คาฬฺหํ คณฺเหยฺย, โส ตตฺเถว ปตเมยฺย [มตเมยฺย (พหูสุ) ป + ตํ + เอยฺย = ปตเมยฺย-อิติ ปทวิภาโค]; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, อจฺจารทฺธวีริยํ อุทปาทิ, อจฺจารทฺธวีริยาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ¶ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริย’’’นฺติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘อติลีนวีริยํ โข เม อุทปาทิ ¶ , อติลีนวีริยาธิกรณฺจ ปน เม ¶ สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ ¶ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส วฏฺฏกํ สิถิลํ คณฺเหยฺย, โส ตสฺส หตฺถโต อุปฺปเตยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, อติลีนวีริยํ อุทปาทิ, อติลีนวีริยาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริย’’’นฺติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘อภิชปฺปา โข เม อุทปาทิ, อภิชปฺปาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยํ, น อภิชปฺปา’’’ติ.
‘‘โส ¶ โข อหํ, อนุรุทฺธา…เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘นานตฺตสฺา โข เม อุทปาทิ, นานตฺตสฺาธิกรณฺจ ปน เม สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยํ, น อภิชปฺปา, น นานตฺตสฺา’’’ติ.
‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสฺเจว สฺชานามิ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โส โข ปน เม โอภาโส นจิรสฺเสว อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปาน’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ โข เม รูปานํ อุทปาทิ, อตินิชฺฌายิตตฺตาธิกรณฺจ ปน เม รูปานํ สมาธิ จวิ. สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนฺจ รูปานํ. โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยํ, น อภิชปฺปา, น นานตฺตสฺา, น อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปาน’’’นฺติ.
๒๔๒. ‘‘โส ¶ ¶ โข อหํ, อนุรุทฺธา, ‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ ¶ – อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อมนสิกาโร จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อมนสิการํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘ทุฏฺุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ทุฏฺุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อภิชปฺปา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อภิชปฺปํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘นานตฺตสฺา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา นานตฺตสฺํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส ¶ อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ.
๒๔๓. ‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสฺหิ โข สฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ; รูปานิ หิ โข ปสฺสามิ, น จ โอภาสํ สฺชานามิ – ‘เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ [ทิวสํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ’ [รตฺติทิวํ (ก.)]. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ยฺวาหํ โอภาสฺหิ โข สฺชานามิ น จ รูปานิ ปสฺสามิ; รูปานิ หิ โข [โข ตสฺมึ สมเย (สี. ก.)] ปสฺสามิ น จ โอภาสํ สฺชานามิ – เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิว’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ ¶ – ‘ยสฺมิฺหิ โข อหํ สมเย รูปนิมิตฺตํ อมนสิกริตฺวา โอภาสนิมิตฺตํ มนสิ กโรมิ, โอภาสฺหิ โข ตสฺมึ สมเย สฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ. ยสฺมึ ปนาหํ สมเย โอภาสนิมิตฺตํ อมนสิกริตฺวา รูปนิมิตฺตํ มนสิ กโรมิ, รูปานิ หิ โข ตสฺมึ สมเย ปสฺสามิ น จ โอภาสํ สฺชานามิ – เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิว’’’นฺติ.
‘‘โส ¶ โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ปริตฺตฺเจว โอภาสํ สฺชานามิ, ปริตฺตานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ; อปฺปมาณฺเจว โอภาสํ สฺชานามิ, อปฺปมาณานิ ¶ จ รูปานิ ปสฺสามิ – เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ยฺวาหํ ปริตฺตฺเจว โอภาสํ สฺชานามิ, ปริตฺตานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ ¶ ; อปฺปมาณฺเจว โอภาสํ สฺชานามิ, อปฺปมาณานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ – เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิว’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘ยสฺมึ โข เม สมเย ปริตฺโต สมาธิ โหติ, ปริตฺตํ เม ตสฺมึ สมเย จกฺขุ โหติ. โสหํ ปริตฺเตน จกฺขุนา ปริตฺตฺเจว โอภาสํ สฺชานามิ, ปริตฺตานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ. ยสฺมึ ปน เม สมเย อปฺปมาโณ สมาธิ โหติ, อปฺปมาณํ เม ตสฺมึ สมเย จกฺขุ โหติ. โสหํ อปฺปมาเณน จกฺขุนา อปฺปมาณฺเจว โอภาสํ สฺชานามิ, อปฺปมาณานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ – เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิว’’’นฺติ.
๒๔๔. ยโต โข เม ¶ , อนุรุทฺธา, ‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อมนสิกาโร จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อมนสิกาโร จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘ทุฏฺุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ทุฏฺุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อภิชปฺปา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อภิชปฺปา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘นานตฺตสฺา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา นานตฺตสฺา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส ¶ อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ¶ อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ.
๒๔๕. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ – ‘เย โข เม จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต เม ปหีนา. หนฺท, ทานาหํ ติวิเธน สมาธึ ภาเวมี’ติ [ภาเวสินฺติ (สี. สฺยา. กํ.)]. โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, สวิตกฺกมฺปิ สวิจารํ สมาธึ ภาเวสึ [ภาเวมิ (ก.)], อวิตกฺกมฺปิ วิจารมตฺตํ สมาธึ ภาเวสึ, อวิตกฺกมฺปิ อวิจารํ สมาธึ ภาเวสึ, สปฺปีติกมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ, นิปฺปีติกมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ, สาตสหคตมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ, อุเปกฺขาสหคตมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ. ยโต โข เม, อนุรุทฺธา, สวิตกฺโกปิ สวิจาโร สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, อวิตกฺโกปิ วิจารมตฺโต สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, อวิตกฺโกปิ อวิจาโร สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, สปฺปีติโกปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, นิปฺปีติโกปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, สาตสหคโตปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, อุเปกฺขาสหคโตปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม เจโตวิมุตฺติ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
อุปกฺกิเลสสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตํ
๒๔๖. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฏกมฺมการี จ. โน เจตํ [โน เจทํ (สํ. นิ. ๓.๒๗-๒๘)], ภิกฺขเว, พาโล ¶ ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ อภวิสฺส ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฏกมฺมการี จ เกน นํ [น เตน นํ (ก.), น นํ (?)] ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ – ‘พาโล อยํ ภวํ อสปฺปุริโส’ติ? ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฏกมฺมการี จ ตสฺมา นํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ – ‘พาโล อยํ ภวํ อสปฺปุริโส’ติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล ติวิธํ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. สเจ, ภิกฺขเว, พาโล สภายํ วา นิสินฺโน โหติ, รถิกาย [รถิยาย (พหูสุ)] วา นิสินฺโน โหติ, สิงฺฆาฏเก วา นิสินฺโน โหติ; ตตฺร เจ ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มนฺเตติ. สเจ, ภิกฺขเว, พาโล ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ ¶ – ‘ยํ โข ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มนฺเตติ, สํวิชฺชนฺเตว เต [สํวิชฺชนฺเต เต จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธมฺมา มยิ, อหฺจ เตสุ ธมฺเมสุ สนฺทิสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, พาโล ปมํ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
๒๔๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, พาโล ปสฺสติ ราชาโน โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺเต – กสาหิปิ ตาเฬนฺเต ¶ เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺเต อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺเต หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺเต ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺเต นาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺเต สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺเต ราหุมุขมฺปิ กโรนฺเต โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺเต หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺเต เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺเต เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺเต พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺเต กหาปณิกมฺปิ กโรนฺเต ¶ ขาราปตจฺฉิกมฺปิ [ขาราปฏิจฺฉกมฺปิ (ก.)] กโรนฺเต ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต ปลาลปีกมฺปิ [ปลาลปิฏฺกมฺปิ (ปี.)] กโรนฺเต ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺเต สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺเต ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺเต อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺเต. ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ – ‘ยถารูปานํ โข ปาปกานํ กมฺมานํ เหตุ ราชาโน โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ…เป… อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ; สํวิชฺชนฺเตว เต ธมฺมา มยิ, อหฺจ เตสุ ธมฺเมสุ สนฺทิสฺสามิ. มํ เจปิ ราชาโน [สเจ มมฺปิ (ก.)] ชาเนยฺยุํ, มมฺปิ ราชาโน คเหตฺวา ¶ วิวิธา ¶ กมฺมการณา กาเรยฺยุํ – กสาหิปิ ตาเฬยฺยุํ…เป… ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสยฺยุํ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺเทยฺยุ’นฺติ. อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, พาโล ทุติยํ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
๒๔๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, พาลํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ [ฉมาย (สี. ปี.)] วา เสมานํ, ยานิสฺส ปุพฺเพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยา โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, พาลํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ, ยานิสฺส ปุพฺเพ ปาปกานิ ¶ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ – ‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตาณํ; กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิสํ. ยาวตา, โภ, อกตกลฺยาณานํ อกตกุสลานํ อกตภีรุตฺตาณานํ กตปาปานํ กตลุทฺทานํ กตกิพฺพิสานํ คติ ตํ คตึ เปจฺจ คจฺฉามี’ติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, พาโล ตติยํ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
‘‘ส ¶ โข โส, ภิกฺขเว, พาโล กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อนิฏฺํ เอกนฺตํ อกนฺตํ เอกนฺตํ อมนาป’นฺติ, นิรยเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อนิฏฺํ เอกนฺตํ ¶ อกนฺตํ เอกนฺตํ อมนาป’นฺติ. ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อุปมาปิ [อุปมาหิปิ (สี.)] น สุกรา ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติ.
๒๔๙. เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสยฺยุํ – ‘อยํ โข, เทว, โจโร อาคุจารี, อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติ. ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ, โภ, อิมํ ปุริสํ ปุพฺพณฺหสมยํ สตฺติสเตน หนถา’ติ ¶ . ตเมนํ ปุพฺพณฺหสมยํ สตฺติสเตน หเนยฺยุํ. อถ ราชา มชฺฌนฺหิกสมยํ [มชฺฌนฺติกสมยํ (สี. สฺยา. กํ. ก.), มชฺฌนฺติกํ สมยํ (ปี.)] เอวํ วเทยฺย – ‘อมฺโภ, กถํ โส ปุริโส’ติ? ‘‘‘ตเถว, เทว, ชีวตี’ติ. ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ, โภ, ตํ ปุริสํ มชฺฌนฺหิกสมยํ สตฺติสเตน หนถา’ติ. ตเมนํ มชฺฌนฺหิกสมยํ สตฺติสเตน หเนยฺยุํ. อถ ราชา สายนฺหสมยํ เอวํ วเทยฺย – ‘อมฺโภ, กถํ โส ปุริโส’ติ? ‘ตเถว, เทว, ชีวตี’ติ. ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ, โภ, ตํ ปุริสํ สายนฺหสมยํ สตฺติสเตน หนถา’ติ. ตเมนํ สายนฺหสมยํ ¶ สตฺติสเตน หเนยฺยุํ. ตํ กึ มฺถ ¶ , ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส ตีหิ สตฺติสเตหิ หฺมาโน ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทิเยถา’’ติ? ‘‘เอกิสฺสาปิ, ภนฺเต, สตฺติยา หฺมาโน โส ปุริโส ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทิเยถ, โก ปน วาโท ตีหิ สตฺติสเตหี’’ติ?
๒๕๐. อถ โข ภควา ปริตฺตํ ปาณิมตฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตโม นุ โข มหนฺตตโร – โย จายํ มยา ปริตฺโต ปาณิมตฺโต ปาสาโณ คหิโต, โย จ หิมวา ปพฺพตราชา’’ติ? ‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ, ภนฺเต, ภควตา ปริตฺโต ปาณิมตฺโต ปาสาโณ คหิโต, หิมวนฺตํ ปพฺพตราชานํ อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ, อุปนิธมฺปิ [อุปนิธิมฺปิ (สี. ปี.)] น อุเปติ’’. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ โส ปุริโส ตีหิ สตฺติสเตหิ หฺมาโน ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ ตํ นิรยกสฺส ทุกฺขสฺส อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ, อุปนิธมฺปิ น อุเปติ’’.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปฺจวิธพนฺธนํ นาม กมฺมการณํ กโรนฺติ – ตตฺตํ อโยขิลํ [อโยขีลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] หตฺเถ คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติเย หตฺเถ คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ปาเท คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติเย ปาเท คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ มชฺเฌ อุรสฺมึ คเมนฺติ. โส ตตฺถ ¶ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ [พฺยนฺติโหติ (ปี. ก.)]. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ¶ สํเวเสตฺวา กุารีหิ [กุธารีหิ (ก.)] ตจฺฉนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา…เป… พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา วาสีหิ ตจฺฉนฺติ. โส ¶ ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา…เป… พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา รเถ โยเชตฺวา อาทิตฺตาย ปถวิยา สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย [สฺโชติภูตาย (สฺยา. กํ. ปี.)] สาเรนฺติปิ ปจฺจาสาเรนฺติปิ ¶ . โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา…เป… พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหนฺตํ องฺคารปพฺพตํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาโรเปนฺติปิ โอโรเปนฺติปิ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิปนฺติ อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย. โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจติ. โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺฉติ, สกิมฺปิ อโธ คจฺฉติ, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺฉติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา [นิรยปาลา ปุนปฺปุนํ (ก.)] มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ. โส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรโย –
‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;
อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ ¶ สพฺพทา’’.
‘‘อเนกปริยาเยนปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, นิรยกถํ กเถยฺยํ; ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว ทุกฺขา นิรยา.
๒๕๑. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา ติณภกฺขา. เต อลฺลานิปิ ติณานิ สุกฺขานิปิ ติณานิ ทนฺตุลฺเลหกํ ขาทนฺติ. กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา ติณภกฺขา? หตฺถี อสฺสา โคณา คทฺรภา อชา มิคา, เย วา ปนฺเปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ¶ ปาณา ติณภกฺขา. ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา ติณภกฺขา.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขา. เต ทูรโตว คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ธาวนฺติ – ‘เอตฺถ ภฺุชิสฺสาม, เอตฺถ ภฺุชิสฺสามา’ติ. เสยฺยถาปิ ¶ นาม พฺราหฺมณา อาหุติคนฺเธน ธาวนฺติ – ‘เอตฺถ ภฺุชิสฺสาม, เอตฺถ ภฺุชิสฺสามา’ติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, สนฺติ ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขา, เต ทูรโตว คูถคนฺธํ ¶ ฆายิตฺวา ธาวนฺติ – ‘เอตฺถ ภฺุชิสฺสาม, เอตฺถ ภฺุชิสฺสามา’ติ. กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขา? กุกฺกุฏา สูกรา โสณา สิงฺคาลา, เย วา ปนฺเปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขา. ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ ¶ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา คูถภกฺขา.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ [ชิยฺยนฺติ (ก.)] อนฺธกาเร มียนฺติ [มิยฺยนฺติ (ก.)]. กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ อนฺธกาเร มียนฺติ? กีฏา ปุฬวา [ปฏงฺคา (สฺยา. กํ. ก.)] คณฺฑุปฺปาทา, เย วา ปนฺเปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ อนฺธกาเร มียนฺติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ รสาโท, อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ อนฺธกาเร มียนฺติ.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อุทกสฺมึ ชายนฺติ อุทกสฺมึ ชียนฺติ อุทกสฺมึ มียนฺติ. กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อุทกสฺมึ ชายนฺติ อุทกสฺมึ ชียนฺติ อุทกสฺมึ มียนฺติ? มจฺฉา กจฺฉปา สุสุมารา, เย วา ปนฺเปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา อุทกสฺมึ ชายนฺติ อุทกสฺมึ ชียนฺติ อุทกสฺมึ มียนฺติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา อุทกสฺมึ ชายนฺติ อุทกสฺมึ ชียนฺติ อุทกสฺมึ มียนฺติ.
‘‘สนฺติ ¶ , ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อสุจิสฺมึ ชายนฺติ อสุจิสฺมึ ¶ ชียนฺติ อสุจิสฺมึ มียนฺติ. กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อสุจิสฺมึ ชายนฺติ อสุจิสฺมึ ชียนฺติ อสุจิสฺมึ มียนฺติ? เย เต, ภิกฺขเว, สตฺตา ปูติมจฺเฉ วา ชายนฺติ ปูติมจฺเฉ วา ชียนฺติ ปูติมจฺเฉ วา มียนฺติ ปูติกุณเป วา…เป… ปูติกุมฺมาเส วา… จนฺทนิกาย วา… โอลิคลฺเล ¶ วา ชายนฺติ, (เย วา ปนฺเปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา อสุจิสฺมึ ชายนฺติ อสุจิสฺมึ ชียนฺติ อสุจิสฺมึ มียนฺติ.) [( ) นตฺถิ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ] ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล ¶ อิธ ปุพฺเพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา อสุจิสฺมึ ชายนฺติ อสุจิสฺมึ ชียนฺติ อสุจิสฺมึ มียนฺติ.
‘‘อเนกปริยาเยนปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานโยนิกถํ กเถยฺยํ; ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว ทุกฺขา ติรจฺฉานโยนิ.
๒๕๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส เอกจฺฉิคฺคลํ ยุคํ มหาสมุทฺเท ปกฺขิเปยฺย. ตเมนํ ปุรตฺถิโม วาโต ปจฺฉิเมน สํหเรยฺย, ปจฺฉิโม วาโต ปุรตฺถิเมน สํหเรยฺย, อุตฺตโร วาโต ทกฺขิเณน สํหเรยฺย, ทกฺขิโณ วาโต อุตฺตเรน สํหเรยฺย. ตตฺราสฺส กาโณ กจฺฉโป, โส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส [วสฺสสตสฺส วสฺสสหสฺสสฺส วสฺสสตสหสฺสสฺส (สี.), วสฺสสตสฺส (สฺยา. กํ. ปี.)] อจฺจเยน สกึ อุมฺมุชฺเชยฺย. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส กาโณ กจฺฉโป อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเล ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยา’’ติ? (‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ] ‘‘ยทิ ปน [ยทิ นูน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], ภนฺเต, กทาจิ กรหจิ ¶ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยนา’’ติ. ‘‘ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขเว, กาโณ กจฺฉโป อมุสฺมึ เอกจฺฉิคฺคเล ยุเค คีวํ ปเวเสยฺย, อโต ทุลฺลภตราหํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสตฺตํ วทามิ สกึ วินิปาตคเตน พาเลน. ตํ กิสฺส เหตุ? น เหตฺถ, ภิกฺขเว, อตฺถิ ธมฺมจริยา สมจริยา กุสลกิริยา ปฺุกิริยา. อฺมฺขาทิกา เอตฺถ, ภิกฺขเว, วตฺตติ ทุพฺพลขาทิกา’’.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล สเจ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยานิ ตานิ นีจกุลานิ – จณฺฑาลกุลํ วา เนสาทกุลํ วา เวนกุลํ [เวณกุลํ (สี. ปี.)] วา รถการกุลํ วา ปุกฺกุสกุลํ วา. ตถารูเป กุเล ปจฺจาชายติ ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก, ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติ. โส จ โหติ ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก ¶ โอโกฏิมโก ¶ พวฺหาพาโธ [พหฺวาพาโธ (ก.)] กาโณ วา กุณี วา ขุชฺโช วา ปกฺขหโต วา น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ¶ ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อกฺขธุตฺโต ปเมเนว กลิคฺคเหน ปุตฺตมฺปิ ชีเยถ, ทารมฺปิ ชีเยถ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ ชีเยถ, อุตฺตริปิ อธิพนฺธํ ¶ [อนุพนฺธํ (สี. ปี.), อทฺธุพนฺธํ (สฺยา. กํ.)] นิคจฺเฉยฺย. อปฺปมตฺตโก โส, ภิกฺขเว, กลิคฺคโห ยํ โส อกฺขธุตฺโต ปเมเนว กลิคฺคเหน ปุตฺตมฺปิ ชีเยถ, ทารมฺปิ ชีเยถ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ ชีเยถ, อุตฺตริปิ อธิพนฺธํ นิคจฺเฉยฺย. อถ โข อยเมว ตโต มหนฺตตโร กลิคฺคโห ยํ โส พาโล กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อยํ, ภิกฺขเว, เกวลา ปริปูรา [เกวลปริปูรา (สี. ปี.) ม. นิ. ๑.๒๔๔ ปาฬิยา สํสนฺเทตพฺพา] พาลภูมี’’ติ.
๒๕๓. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ. โน เจตํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ อภวิสฺส สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ, เกน นํ [น เตน นํ (ก.), น นํ (?)] ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ – ‘ปณฺฑิโต อยํ ภวํ สปฺปุริโส’ติ? ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ ตสฺมา นํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ – ‘ปณฺฑิโต อยํ ภวํ สปฺปุริโส’ติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ติวิธํ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. สเจ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สภายํ วา นิสินฺโน โหติ, รถิกาย วา นิสินฺโน โหติ, สิงฺฆาฏเก วา นิสินฺโน โหติ; ตตฺร เจ ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มนฺเตติ ¶ . สเจ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ปาณาติปาตา ¶ ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ¶ ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ; ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํ โข ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มนฺเตติ; สํวิชฺชนฺเตว เต ธมฺมา มยิ, อหฺจ เตสุ ธมฺเมสุ สนฺทิสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ปมํ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
๒๕๔. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ปสฺสติ ราชาโน โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺเต – กสาหิปิ ตาเฬนฺเต เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺเต อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺเต หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺเต ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺเต นาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺเต สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺเต ราหุมุขมฺปิ กโรนฺเต โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺเต หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺเต เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺเต เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺเต พลิสมํสิกมฺปิ กโรนฺเต กหาปณิกมฺปิ กโรนฺเต ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺเต ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺเต ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺเต สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺเต ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺเต อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺเต. ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยถารูปานํ โข ปาปกานํ กมฺมานํ เหตุ ราชาโน โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ, หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ ¶ , ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พลิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ, น เต ธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺติ, อหฺจ น เตสุ ธมฺเมสุ สนฺทิสฺสามี’ติ. อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ทุติยํ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
๒๕๕. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ, ยานิสฺส ปุพฺเพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยา โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีสมารูฬฺหํ วา มฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุพฺเพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส เอวํ โหติ ¶ – ‘อกตํ วต เม ปาปํ, อกตํ ลุทฺทํ, อกตํ กิพฺพิสํ; กตํ กลฺยาณํ, กตํ กุสลํ, กตํ ภีรุตฺตาณํ. ยาวตา, โภ, อกตปาปานํ อกตลุทฺทานํ อกตกิพฺพิสานํ กตกลฺยาณานํ กตกุสลานํ กตภีรุตฺตาณานํ ¶ คติ ตํ คตึ เปจฺจ คจฺฉามี’ติ. โส น โสจติ, น กิลมติ, น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ตติยํ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต กาเยน สุจริตํ จริตฺวา วาจาย สุจริตํ จริตฺวา มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ¶ ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อิฏฺํ เอกนฺตํ กนฺตํ เอกนฺตํ มนาป’นฺติ, สคฺคเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อิฏฺํ เอกนฺตํ กนฺตํ เอกนฺตํ มนาป’นฺติ. ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อุปมาปิ น สุกรา ยาว สุขา สคฺคา’’ติ.
๒๕๖. เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต จตูหิ จ อิทฺธีหิ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. กตเมหิ สตฺตหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ ¶ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ. ตํ ทิสฺวาน รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เอวํ โหติ [เอตทโหสิ (สฺยา. กํ. ก.)] – ‘สุตํ โข ปน เมตํ ¶ ยสฺส รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ, โส โหติ ราชา จกฺกวตฺตีติ. อสฺสํ นุ โข อหํ ราชา จกฺกวตฺตี’’’ติ?
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต วาเมน หตฺเถน ภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิรติ – ‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’นฺติ. อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปวตฺตติ. อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. ยสฺมึ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฏฺาติ ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุเปติ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. เย โข ปน, ภิกฺขเว ¶ , ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน เต ราชานํ จกฺกวตฺตึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช! สฺวาคตํ เต, มหาราช [สฺวาคตํ มหาราช (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]! สกํ เต, มหาราช! อนุสาส, มหาราชา’ติ ¶ . ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตฺจ ภฺุชถา’ติ. เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน เต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา [อนุยุตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวนฺติ [อเหสุํ (สฺยา. กํ. ก.)].
๒๕๗. ‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ¶ สมุทฺทํ อชฺโฌคาเหตฺวา [อชฺโฌคเหตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปจฺจุตฺตริตฺวา ทกฺขิณํ ทิสํ ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ปจฺฉิมํ ทิสํ ปวตฺตติ… ปจฺฉิมํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อุตฺตรํ ทิสํ ปวตฺตติ อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. ยสฺมึ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฏฺาติ ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุเปติ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย.
‘‘เย โข ปน, ภิกฺขเว, อุตฺตราย ทิสาย ปฏิราชาโน เต ราชานํ จกฺกวตฺตึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช! สฺวาคตํ เต, มหาราช! สกํ เต, มหาราช! อนุสาส, มหาราชา’ติ. ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น ¶ จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ; ยถาภุตฺตฺจ ภฺุชถา’ติ. เย โข ปน, ภิกฺขเว, อุตฺตราย ทิสาย ปฏิราชาโน เต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา ภวนฺติ.
‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ อภิวิชินิตฺวา ตเมว ราชธานึ ปจฺจาคนฺตฺวา รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อนฺเตปุรทฺวาเร อกฺขาหตํ มฺเ ติฏฺติ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อนฺเตปุรทฺวารํ อุปโสภยมานํ. รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ.
๒๕๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส หตฺถิรตนํ ปาตุภวติ – สพฺพเสโต สตฺตปฺปติฏฺโ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสโถ ¶ นาม นาคราชา. ตํ ทิสฺวาน รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จิตฺตํ ปสีทติ – ‘ภทฺทกํ วต, โภ, หตฺถิยานํ, สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’ติ. อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, หตฺถิรตนํ ¶ เสยฺยถาปิ นาม ภทฺโท หตฺถาชานีโย ทีฆรตฺตํ สุปริทนฺโต เอวเมว ทมถํ อุเปติ. ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว หตฺถิรตนํ วีมํสมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ ¶ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ อนุสํยายิตฺวา ตเมว ราชธานึ ปจฺจาคนฺตฺวา ปาตราสมกาสิ. รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ หตฺถิรตนํ ปาตุภวติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อสฺสรตนํ ปาตุภวติ – สพฺพเสโต กาฬสีโส มฺุชเกโส อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม วลาหโก นาม อสฺสราชา. ตํ ทิสฺวาน รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จิตฺตํ ปสีทติ – ‘ภทฺทกํ วต, โภ, อสฺสยานํ, สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’ติ. อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, อสฺสรตนํ เสยฺยถาปิ นาม ภทฺโท อสฺสาชานีโย ทีฆรตฺตํ สุปริทนฺโต เอวเมว ทมถํ อุเปติ. ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว อสฺสรตนํ วีมํสมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ อนุสํยายิตฺวา ตเมว ราชธานึ ปจฺจาคนฺตฺวา ปาตราสมกาสิ. รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ อสฺสรตนํ ปาตุภวติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส มณิรตนํ ปาตุภวติ. โส โหติ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ¶ . ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, มณิรตนสฺส อาภา สมนฺตา โยชนํ ผุฏา โหติ. ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว มณิรตนํ วีมํสมาโน จตุรงฺคินึ ¶ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มณึ ธชคฺคํ อาโรเปตฺวา รตฺตนฺธการติมิสาย ปายาสิ. เย โข ปน, ภิกฺขเว, สมนฺตา คามา อเหสุํ เต เตโนภาเสน กมฺมนฺเต ปโยเชสุํ ‘ทิวา’ติ มฺมานา. รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ มณิรตนํ ปาตุภวติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อิตฺถิรตนํ ปาตุภวติ. สา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา ¶ นาติถูลา นาติกาฬิกา [นาติกาฬี (สี. ปี.)] นาจฺโจทาตา, อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ, อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํ. ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนสฺส เอวรูโป กายสมฺผสฺโส โหติ เสยฺยถาปิ นาม ตูลปิจุโน วา กปฺปาสปิจุโน วา. ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนสฺส สีเต อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุณฺเห สีตานิ คตฺตานิ โหนฺติ. ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนสฺส กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. ตํ โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนํ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปุพฺพุฏฺายินี โหติ ปจฺฉานิปาตินี กึการปฏิสฺสาวินี มนาปจารินี ปิยวาทินี. ตํ โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนํ ราชานํ จกฺกวตฺตึ ¶ มนสาปิ โน อติจรติ, กุโต ปน กาเยน? รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ อิตฺถิรตนํ ¶ ปาตุภวติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส คหปติรตนํ ปาตุภวติ. ตสฺส กมฺมวิปากชํ ทิพฺพจกฺขุ ปาตุภวติ, เยน นิธึ ปสฺสติ สสฺสามิกมฺปิ อสฺสามิกมฺปิ. โส ราชานํ จกฺกวตฺตึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ. อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ [ธเนน กรณียํ (ก.)] กริสฺสามี’ติ. ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว คหปติรตนํ วีมํสมาโน นาวํ อภิรุหิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย นทิยา โสตํ โอคาหิตฺวา [โอคเหตฺวา (สี. ปี.)] คหปติรตนํ เอตทโวจ – ‘อตฺโถ เม, คหปติ, หิรฺสุวณฺเณนา’ติ. ‘เตน หิ, มหาราช, เอกํ ตีรํ นาวา อุเปตู’ติ. ‘อิเธว เม, คหปติ, อตฺโถ หิรฺสุวณฺเณนา’ติ. อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, คหปติรตนํ อุโภหิ หตฺเถหิ อุทเก โอมสิตฺวา ปูรํ หิรฺสุวณฺณสฺส กุมฺภึ อุทฺธริตฺวา ราชานํ จกฺกวตฺตึ เอตทโวจ – ‘อลเมตฺตาวตา, มหาราช! กตเมตฺตาวตา, มหาราช! ปูชิตเมตฺตาวตา, มหาราชา’ติ. ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘อลเมตฺตาวตา, คหปติ! กตเมตฺตาวตา, คหปติ! ปูชิตเมตฺตาวตา, คหปตี’ติ ¶ . รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ คหปติรตนํ ปาตุภวติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปริณายกรตนํ ¶ ปาตุภวติ – ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล ราชานํ จกฺกวตฺตึ อุปยาเปตพฺพํ อุปยาเปตุํ [อุปฏฺเปตพฺพํ อุปฏฺเปตุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปยาเปตพฺพํ อปยาเปตุํ เปตพฺพํ เปตุํ. โส ราชานํ จกฺกวตฺตึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ ¶ , เทว, โหหิ. อหมนุสาสิสฺสามี’ติ. รฺโ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ ปริณายกรตนํ ปาตุภวติ. ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต โหติ.
๒๕๙. ‘‘กตมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต อติวิย อฺเหิ มนุสฺเสหิ. ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย ปมาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ทีฆายุโก โหติ จิรฏฺิติโก อติวิย อฺเหิ ¶ มนุสฺเสหิ. ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย ทุติยาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย อติวิย อฺเหิ มนุสฺเสหิ. ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย ตติยาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิโย โหติ มนาโป. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปิตา ปุตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิโย โหติ มนาโป. รฺโปิ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส พฺราหฺมณคหปติกา ปิยา โหนฺติ มนาปา. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปิตุ ปุตฺตา ปิยา โหนฺติ มนาปา, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, รฺโปิ จกฺกวตฺติสฺส พฺราหฺมณคหปติกา ¶ ปิยา โหนฺติ มนาปา.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี จตุรงฺคินิยา เสนาย อุยฺยานภูมึ นิยฺยาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณคหปติกา ราชานํ จกฺกวตฺตึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘อตรมาโน, เทว, ยาหิ ยถา ตํ มยํ จิรตรํ ปสฺเสยฺยามา’ติ. ราชาปิ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี สารถึ อามนฺเตสิ – ‘อตรมาโน ¶ , สารถิ, เปเสหิ ยถา มํ พฺราหฺมณคหปติกา จิรตรํ ปสฺเสยฺยุ’นฺติ. ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย จตุตฺถาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติ. ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต โหติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โข ราชา จกฺกวตฺตี อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต อิมาหิ จตูหิ จ อิทฺธีหิ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวทิเยถา’’ติ? ‘‘เอกเมเกนปิ, ภนฺเต, รตเนน [เตน รตเนน (สี.)] สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวทิเยถ, โก ปน วาโท สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ จ อิทฺธีหี’’ติ?
๒๖๐. อถ โข ภควา ปริตฺตํ ปาณิมตฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตโม นุ โข มหนฺตตโร – โย จายํ มยา ปริตฺโต ปาณิมตฺโต ปาสาโณ ¶ คหิโต โย จ หิมวา ปพฺพตราชา’’ติ? ‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ, ภนฺเต, ภควตา ปริตฺโต ปาณิมตฺโต ปาสาโณ คหิโต; หิมวนฺตํ ปพฺพตราชานํ อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ; กลภาคมฺปิ น อุเปติ; อุปนิธมฺปิ น อุเปตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ ราชา จกฺกวตฺตี สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต ¶ จตูหิ จ อิทฺธีหิ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ ตํ ทิพฺพสฺส สุขสฺส อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ; กลภาคมฺปิ น อุเปติ; อุปนิธมฺปิ น อุเปติ’’.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สเจ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยานิ ตานิ อุจฺจากุลานิ – ขตฺติยมหาสาลกุลํ วา พฺราหฺมณมหาสาลกุลํ วา คหปติมหาสาลกุลํ วา ตถารูเป กุเล ปจฺจาชายติ อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ปหูตวิตฺตูปกรเณ ปหูตธนธฺเ. โส จ โหติ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย ¶ วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส กาเยน สุจริตํ จรติ, วาจาย สุจริตํ จรติ, มนสา สุจริตํ จรติ. โส กาเยน ¶ สุจริตํ จริตฺวา, วาจาย สุจริตํ จริตฺวา, มนสา สุจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อกฺขธุตฺโต ปเมเนว กฏคฺคเหน มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺเฉยฺย; อปฺปมตฺตโก โส, ภิกฺขเว, กฏคฺคโห ยํ โส อกฺขธุตฺโต ปเมเนว กฏคฺคเหน มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺเฉยฺย. อถ โข อยเมว ตโต มหนฺตตโร กฏคฺคโห ยํ โส ปณฺฑิโต กาเยน สุจริตํ จริตฺวา, วาจาย สุจริตํ จริตฺวา, มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ ¶ โลกํ อุปปชฺชติ. อยํ, ภิกฺขเว, เกวลา ปริปูรา ปณฺฑิตภูมี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
พาลปณฺฑิตสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. เทวทูตสุตฺตํ
๒๖๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทฺเว อคารา สทฺวารา [สนฺธิทฺวารา (ก.)], ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺย มนุสฺเส เคหํ ปวิสนฺเตปิ นิกฺขมนฺเตปิ อนุจงฺกมนฺเตปิ อนุวิจรนฺเตปิ; เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา ¶ สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ ¶ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปนฺนา. อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา ¶ ; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา’’’ติ.
๒๖๒. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา นานาพาหาสุ คเหตฺวา ยมสฺส รฺโ ทสฺเสนฺติ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส อมตฺเตยฺโย อเปตฺเตยฺโย อสามฺโ อพฺราหฺมฺโ, น กุเล เชฏฺาปจายี. อิมสฺส ¶ เทโว ทณฺฑํ ปเณตู’ติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปมํ เทวทูตํ สมนุยฺุชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ปมํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ทหรํ กุมารํ มนฺทํ อุตฺตานเสยฺยกํ สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมาน’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส ¶ น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ ชาติธมฺโม, ชาตึ อนตีโต. หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต, ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ ¶ , ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทวตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี. ปี.)] เนว มาตรา กตํ น ปิตรา กตํ ¶ น ภาตรา กตํ น ภคินิยา กตํ น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ น าติสาโลหิเตหิ กตํ น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ น เทวตาหิ กตํ, ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี. ปี.)] กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.
๒๖๓. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปมํ เทวทูตํ สมนุยฺุชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา ทุติยํ เทวทูตํ สมนุยฺุชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ทุติยํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ( ) [(อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา วสฺสสติกํ วา ชาติยา) (ก. สี. สฺยา. กํ. ปี.) ติกงฺคุตฺตเรปิ] ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ ทณฺฑปรายนํ ปเวธมานํ คจฺฉนฺตํ อาตุรํ คตโยพฺพนํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วิลูนํ ขลิตสิรํ [ขลิตํสิโร (สี.), ขลิตํสิรํ (สฺยา. กํ. ปี.)] วลินํ ติลกาหตคตฺต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ ¶ , ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต ¶ มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ ชราธมฺโม, ชรํ อนตีโต. หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต, ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทวตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ น ปิตรา กตํ น ภาตรา กตํ น ภคินิยา กตํ น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ น าติสาโลหิเตหิ กตํ น ¶ สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ น เทวตาหิ กตํ, ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.
๒๖๔. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ทุติยํ เทวทูตํ สมนุยฺุชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา ตติยํ เทวทูตํ สมนุยฺุชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ¶ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ตติยํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ อฺเหิ วุฏฺาปิยมานํ อฺเหิ สํเวสิยมาน’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ พฺยาธิธมฺโม ¶ , พฺยาธึ อนตีโต. หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต, ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทวตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ น ปิตรา กตํ น ภาตรา กตํ ¶ น ภคินิยา กตํ น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ น าติสาโลหิเตหิ กตํ น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ น เทวตาหิ กตํ, ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.
๒๖๕. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ตติยํ เทวทูตํ สมนุยฺุชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา จตุตฺถํ เทวทูตํ สมนุยฺุชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ จตุตฺถํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ราชาโน โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺเต – กสาหิปิ ตาเฬนฺเต เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺเต อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺเต หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺเต ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺเต กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺเต ¶ นาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺเต พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺเต สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺเต ราหุมุขมฺปิ กโรนฺเต โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺเต หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺเต ¶ เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺเต เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺเต พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺเต กหาปณิกมฺปิ กโรนฺเต ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺเต ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺเต ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺเต ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺเต สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺเต ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺเต อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺเต’ติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – เย กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ กโรนฺติ เต ทิฏฺเว ธมฺเม เอวรูปา วิวิธา กมฺมการณา กรียนฺติ, กิมงฺคํ [กิมงฺค (สี. ปี.)] ปน ปรตฺถ ¶ ! หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต, ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทวตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ น ปิตรา กตํ น ภาตรา กตํ น ภคินิยา กตํ น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ น าติสาโลหิเตหิ กตํ น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ ¶ น เทวตาหิ กตํ, ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.
๒๖๖. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา จตุตฺถํ เทวทูตํ สมนุยฺุชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา ปฺจมํ เทวทูตํ สมนุยฺุชติ ¶ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ปฺจมํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ ¶ , ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ มรณธมฺโม, มรณํ อนตีโต. หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต, ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทวตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ น ปิตรา กตํ น ภาตรา กตํ น ภคินิยา กตํ น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ น าติสาโลหิเตหิ กตํ น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ น เทวตาหิ กตํ, ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.
๒๖๗. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปฺจมํ เทวทูตํ สมนุยฺุชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา ตุณฺหี โหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปฺจวิธพนฺธนํ ¶ นาม กมฺมการณํ กโรนฺติ – ตตฺตํ อโยขิลํ หตฺเถ คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติเย ¶ หตฺเถ คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ปาเท คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติเย ปาเท คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ มชฺเฌอุรสฺมึ ¶ คเมนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา สํเวเสตฺวา กุารีหิ ตจฺฉนฺติ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา วาสีหิ ตจฺฉนฺติ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา รเถ โยเชตฺวา อาทิตฺตาย ปถวิยา สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย สาเรนฺติปิ, ปจฺจาสาเรนฺติปิ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหนฺตํ องฺคารปพฺพตํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาโรเปนฺติปิ โอโรเปนฺติปิ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิปนฺติ อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย. โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจติ. โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺฉติ, สกิมฺปิ อโธ คจฺฉติ, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺฉติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ. โส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรโย –
‘‘จตุกฺกณฺโณ ¶ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;
อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสายุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ ¶ .
๒๖๘. ‘‘ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรยสฺส ปุรตฺถิมาย ภิตฺติยา อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา ปจฺฉิมาย ภิตฺติยา ปฏิหฺติ, ปจฺฉิมาย ภิตฺติยา อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา ปุรตฺถิมาย ภิตฺติยา ¶ ปฏิหฺติ, อุตฺตราย ภิตฺติยา อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาย ภิตฺติยา ปฏิหฺติ, ทกฺขิณาย ภิตฺติยา อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา อุตฺตราย ภิตฺติยา ปฏิหฺติ, เหฏฺา อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา อุปริ ปฏิหฺติ, อุปริโต อจฺจิ อุฏฺหิตฺวา เหฏฺา ปฏิหฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘โหติ ¶ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ตสฺส มหานิรยสฺส ปุรตฺถิมํ ทฺวารํ อปาปุรียติ [อวาปุรียติ (สี.)]. โส ตตฺถ สีเฆน ชเวน ธาวติ. ตสฺส สีเฆน ชเวน ธาวโต ฉวิมฺปิ ฑยฺหติ, จมฺมมฺปิ ฑยฺหติ, มํสมฺปิ ฑยฺหติ, นฺหารุมฺปิ ฑยฺหติ, อฏฺีนิปิ สมฺปธูปายนฺติ, อุพฺภตํ ตาทิสเมว โหติ. ยโต จ โข โส, ภิกฺขเว, พหุสมฺปตฺโต โหติ, อถ ตํ ทฺวารํ ปิธียติ [ปิถียติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ตสฺส มหานิรยสฺส ปจฺฉิมํ ทฺวารํ อปาปุรียติ…เป… อุตฺตรํ ทฺวารํ อปาปุรียติ…เป… ทกฺขิณํ ทฺวารํ อปาปุรียติ ¶ . โส ตตฺถ สีเฆน ชเวน ธาวติ. ตสฺส สีเฆน ชเวน ธาวโต ฉวิมฺปิ ฑยฺหติ, จมฺมมฺปิ ฑยฺหติ, มํสมฺปิ ฑยฺหติ, นฺหารุมฺปิ ฑยฺหติ, อฏฺีนิปิ สมฺปธูปายนฺติ, อุพฺภตํ ตาทิสเมว โหติ. ยโต จ โข โส, ภิกฺขเว, พหุสมฺปตฺโต โหติ, อถ ตํ ทฺวารํ ปิธียติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘โหติ ¶ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ตสฺส มหานิรยสฺส ปุรตฺถิมํ ทฺวารํ อปาปุรียติ. โส ตตฺถ สีเฆน ชเวน ธาวติ. ตสฺส สีเฆน ชเวน ธาวโต ฉวิมฺปิ ฑยฺหติ, จมฺมมฺปิ ฑยฺหติ, มํสมฺปิ ฑยฺหติ, นฺหารุมฺปิ ฑยฺหติ, อฏฺีนิปิ สมฺปธูปายนฺติ, อุพฺภตํ ตาทิสเมว โหติ. โส เตน ทฺวาเรน นิกฺขมติ.
๒๖๙. ‘‘ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรยสฺส สมนนฺตรา ¶ สหิตเมว มหนฺโต คูถนิรโย. โส ตตฺถ ปตติ. ตสฺมึ โข ปน, ภิกฺขเว, คูถนิรเย สูจิมุขา ปาณา ฉวึ ฉินฺทนฺติ, ฉวึ เฉตฺวา จมฺมํ ฉินฺทนฺติ, จมฺมํ เฉตฺวา มํสํ ฉินฺทนฺติ, มํสํ เฉตฺวา นฺหารุํ ฉินฺทนฺติ, นฺหารุํ เฉตฺวา อฏฺึ ฉินฺทนฺติ, อฏฺึ เฉตฺวา อฏฺิมิฺชํ ขาทนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘ตสฺส ¶ โข ปน, ภิกฺขเว, คูถนิรยสฺส สมนนฺตรา สหิตเมว มหนฺโต ¶ กุกฺกุลนิรโย. โส ตตฺถ ปตติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, กุกฺกุลนิรยสฺส สมนนฺตรา สหิตเมว มหนฺตํ สิมฺพลิวนํ อุทฺธํ [อุจฺจํ (สฺยา. กํ.), อุพฺภโต (ก.)] โยชนมุคฺคตํ โสฬสงฺคุลกณฺฏกํ [โสฬสงฺคุลกณฺฑกํ (สี.)] อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ. ตตฺถ อาโรเปนฺติปิ โอโรเปนฺติปิ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, สิมฺพลิวนสฺส สมนนฺตรา สหิตเมว มหนฺตํ อสิปตฺตวนํ. โส ตตฺถ ปวิสติ. ตสฺส วาเตริตานิ ปตฺตานิ ปติตานิ หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อสิปตฺตวนสฺส สมนนฺตรา สหิตเมว มหตี ขาโรทกา นที [ขาโรทิกา นที (สี.)]. โส ตตฺถ ปตติ. โส ตตฺถ อนุโสตมฺปิ วุยฺหติ ¶ , ปฏิโสตมฺปิ วุยฺหติ, อนุโสตปฏิโสตมฺปิ วุยฺหติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
๒๗๐. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา พลิเสน อุทฺธริตฺวา ¶ ถเล ปติฏฺาเปตฺวา ¶ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ ปุริส, กึ อิจฺฉสี’ติ? โส เอวมาห – ‘ชิฆจฺฉิโตสฺมิ, ภนฺเต’ติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ตตฺเตน อโยสงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา อาทิตฺเตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน ตตฺตํ โลหคุฬํ มุเข ปกฺขิปนฺติ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ. โส ตสฺส [ตํ ตสฺส (ก.), ตสฺส (สี. ปี.)] โอฏฺมฺปิ ทหติ [ฑยฺหติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], มุขมฺปิ ทหติ, กณฺมฺปิ ทหติ, อุรมฺปิ [อุทรมฺปิ (สี. สฺยา. กํ.)] ทหติ, อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคา นิกฺขมติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.
‘‘ตเมนํ ¶ , ภิกฺขเว, นิรยปาลา เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ ปุริส, กึ อิจฺฉสี’ติ? โส เอวมาห – ‘ปิปาสิโตสฺมิ, ภนฺเต’ติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ตตฺเตน อโยสงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา อาทิตฺเตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน ตตฺตํ ตมฺพโลหํ มุเข อาสิฺจนฺติ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ. ตํ ตสฺส [เอตฺถ ปน ปาเภโท นตฺถิ] โอฏฺมฺปิ ทหติ, มุขมฺปิ ทหติ, กณฺมฺปิ ทหติ, อุรมฺปิ ทหติ, อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคา นิกฺขมติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ, ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปุน มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ยมสฺส รฺโ เอตทโหสิ – ‘เย กิร ¶ , โภ, โลเก ปาปกานิ อกุสลานิ กมฺมานิ กโรนฺติ เต เอวรูปา วิวิธา กมฺมการณา กรียนฺติ. อโห วตาหํ มนุสฺสตฺตํ ลเภยฺยํ. ตถาคโต จ โลเก อุปฺปชฺเชยฺย อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ตฺจาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาเสยฺยํ. โส จ เม ภควา ธมฺมํ เทเสยฺย. ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ อาชาเนยฺย’นฺติ. ตํ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, นาฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สุตฺวา วทามิ, อปิ จ ยเทว สามํ าตํ สามํ ทิฏฺํ สามํ วิทิตํ ตเทวาหํ วทามี’’ติ.
๒๗๑. อิทมโวจ ¶ ¶ ภควา. อิทํ วตฺวาน [อิทํ วตฺวา (สี. ปี.) เอวมีทิเสสุ าเนสุ] สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘โจทิตา เทวทูเตหิ, เย ปมชฺชนฺติ มาณวา;
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ, หีนกายูปคา นรา.
‘‘เย จ โข เทวทูเตหิ, สนฺโต สปฺปุริสา อิธ;
โจทิตา นปฺปมชฺชนฺติ, อริยธมฺเม กุทาจนํ.
‘‘อุปาทาเน ภยํ ทิสฺวา, ชาติมรณสมฺภเว;
อนุปาทา วิมุจฺจนฺติ, ชาติมรณสงฺขเย.
‘‘เต ¶ เขมปฺปตฺตา สุขิโน, ทิฏฺธมฺมาภินิพฺพุตา;
สพฺพเวรภยาตีตา, สพฺพทุกฺขํ [สพฺพทุกฺขา (ก.)] อุปจฺจคุ’’นฺติ.
เทวทูตสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
สฺุตวคฺโค นิฏฺิโต ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ ¶ –
ทฺวิธาว สฺุตา โหติ, อพฺภุตธมฺมพากุลํ;
อจิรวตภูมิชนาโม, อนุรุทฺธุปกฺกิเลสํ;
พาลปณฺฑิโต เทวทูตฺจ เต ทสาติ.