📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
อุปริปณฺณาส-ฏีกา
๑. เทวทหวคฺโค
๑. เทวทหสุตฺตวณฺณนา
๑. ทิพฺพนฺติ ¶ ¶ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, ลฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ; อิสฺสริยฏฺานาทิสกฺการทานคฺคหณํ ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปฺุานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชเตนฺติ วาติ เทวา วุจฺจนฺติ ราชาโน. ตถา หิ เต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รฺชยนฺตา สยํ ยถาวุตฺเตหิ วิเสเสหิ ราชนฺติ ทิพฺพนฺติ โสภนฺตีติ จ, ‘‘ราชาโน’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ นิคมเทเส. สาติ โปกฺขรณี. ตนฺติ ตํ, ‘‘เทวทห’’นฺติ ลทฺธนามํ โปกฺขรณึ อุปาทาย, ตสฺส อทูรภวตฺตาติ เกจิ. สพฺพํ สุขาทิเภทํ เวทยิตํ. ปุพฺเพติ ปุริมชาติยํ. กตกมฺมปจฺจยาติ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยภาวโต ชาตํ กมฺมํ ปฏิจฺจ. เตน สพฺพาปิ เวทนา กมฺมผลภูตา เอว อนุภวิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อิมินา’’ติอาทิ. อนิยเมตฺวา วุตฺตนฺติ, ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน’’ติ เอวํ อิเม นามาติ อวิเสเสตฺวา วุตฺตมตฺถํ. นิยเมตฺวาติ, ‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, นิคณฺา’’ติ เอวํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสติ.
กลิสาสนนฺติ ¶ ปราชยํ. กลีติ หิ อนตฺโถ วุจฺจติ, กลีติ สสติ วิปฺผรตีติ กลิสาสนํ, ปราชโย. กลีติ วา โกธมานาทิกิเลสชาติ, ตาย ปน อยุตฺตวาทิตา กลิสาสนํ. ตํ อาโรเปตุกาโม วิภาเวตุกาโม ¶ . เย กมฺมํ กตํ อกตํ วาติ น ชานนฺติ, เต กถํ ตํ เอทิสนฺติ ชานิสฺสนฺติ. เย จ กมฺมํ ปเภทโต น ชานนฺติ, เต กถํ ตสฺส วิปากํ ชานิสฺสนฺติ; วิปากปริโยสิตภาวํ ชานิสฺสนฺติ, เย จ ปาปสฺส กมฺมสฺส ปฏิปกฺขเมว น ชานนฺติ; เต กถํ ตสฺส ปหานํ กุสลกมฺมสฺส จ สมฺปาทนวิธึ ชานิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อุตฺตริ ปุจฺฉายปิ เอเสว นโย’’ติ อาห.
๒. กิฺจาปิ จูฬทุกฺขกฺขนฺเธปิ, (ม. นิ. ๑.๑๘๐) ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ อิมินา เตสํ นิคณฺานํ อชานนภาโว เอว อุชุกํ ปกาสิโต เหฏฺา เทสนาย ตถา ปวตฺตตฺตา. ตถา หิ อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๐) วุตฺตํ – ‘‘เอวํ สนฺเตติ ตุมฺหากํ เอวํ อชานนภาเว สตี’’ติ, ตถาปิ ตตฺถ อุปริเทสนาย สมฺพทฺโธ เอวมตฺโถ วุจฺจมาโน ยุชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺเสตุํ อิธ, ‘‘มหานิคณฺสฺส วจเน สจฺเจ สนฺเตติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. เอตฺตกสฺส านสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส ปฺจปริมาณสฺส การณสฺส.
๓. อเนกวารํ วิสรฺชนํ อิธ คาฬฺหาปเลปนํ, น สาฏกสฺส วิย ลิตฺตตาติ อาห – ‘‘พหลูป…เป… ลิตฺเตน วิยา’’ติ. วุตฺตเมว, น ปุน วตฺตพฺพํ, ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
อิเมสํ นิคณฺานํ ตาทิสสฺส เตสํ อภาวโต, ‘‘ชานนกาโล สิยา’’ติ ปริกปฺปวเสน วทติ. เตน เอวํ ชานิตุํ เตหิ สกฺกา สิยา, เตสฺจ ทสฺสนํ สจฺจํ สิยา. ยสฺมา เตสํ ทสฺสนํ อสจฺจํ, ตสฺมา เต น ชานึสูติ ทสฺเสติ. จตูสุ กาเลสูติ วณมุขสฺส ปริกนฺตนกาโล, สลฺลสฺส เอสนกาโล, อพฺพุหนกาโล, วณมุเข อคทงฺคารโอทหนกาโลติ อิเมสุ จตูสุ กาเลสุ. สุทฺธนฺเตติ สุทฺธโกฏฺาเส, ทุกฺขสฺส อนวเสสโต นิชฺชีรณฏฺเน นิทฺทุกฺขภาเวติ อตฺโถ. เอกาย อุปมายาติ, ‘‘สลฺเลน วิทฺธสฺส หิ วิทฺธกาเล เวทนาย ปากฏกาโล วิยา’’ติ อิมาย เอกาย อุปมาย. ตโย อตฺถาติ ปุพฺเพ อหุวมฺหา วา โน วา, ปาปกมฺมํ อกริมฺหา วา โน วา, เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกริมฺหาติ อิเม ตโย อตฺถา. จตูหิ อุปมาหีติ วณมุขปริกนฺตนาทีหิ จตูหิ อุปมาหิ. เอโก อตฺโถติ, ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณ’’นฺติอาทินา ¶ วุตฺโต เอโก อตฺโถ. โส หิ ทุกฺขนิชฺชีรณภาวสามฺา เอโก อตฺโถติ วุตฺโต.
๔. อิเม ¶ ปน นิคณฺา. อาสงฺกาย วิทฺโธสฺมีติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา. ปจฺจาหริตุนฺติ ปจฺจาวตฺติตุํ, ปริหริตุนฺติ อตฺโถ.
๕. อตีตวาทํ สทฺทหนฺตานนฺติ, ‘‘อตฺถิ โข, โภ, นิคณฺา ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ เอวํ อตีตํสํ อารพฺภ ปวตฺตํ มหานิคณฺสฺส วาทํ สทฺทหนฺตานํ. ภูตตฺตาติ ยถาภูตตฺตา กึ อวิปรีตเมว อตฺถํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาติ ปุจฺฉติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สห ธมฺเมนาติ สหธมฺโม, โส เอว สหธมฺมิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). ‘‘ธมฺโม’’ติ เอตฺถ การณํ อธิปฺเปตนฺติ อาห – ‘‘สเหตุกํ สการณ’’นฺติ. ปฏิหรติ ปฏิวตฺเตตีติ ปฏิหาโร, วาโท เอว ปฏิหาโร วาทปฏิหาโร; ตํ, อุตฺตรนฺติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘ปจฺจาคมนกวาท’’นฺติ, โจทนํ ปริวตฺเตตฺวา ปฏิปากติกกรณนฺติ อตฺโถ. เตสนฺติ อิทํ อาวุตฺติวเสน คเหตพฺพํ, ‘‘เตสํ สทฺธาเฉทกวาทํ นาม เตสํ ทสฺเสตี’’ติ.
๖. อวิชฺชา อฺาณา สมฺโมหาติ ปริยายวจนเมตํ. อวิชฺชาติ วา อวิชฺชาย กรณภูตาย. อฺาเณนาติ อชานเนน. สมฺโมเหนาติ สมฺมุยฺหเนน มหามุฬฺหตาย. สามํเยว โอปกฺกมิกา เอตรหิ อตฺตโน อุปกฺกมเหตุ ทุกฺขเวทนํ เวทิยมานํ – ‘‘ยํกิฺจายํ…เป… ปุพฺเพกตเหตู’’ติ วิปรีตโต สทฺทหถ. ปุพฺเพกตเหตุวาทสฺิตํ วิปลฺลาสคฺคาหํ คณฺหถ.
๗. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต, ตตฺถ เวทิตพฺพํ ผลํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. เตนาห – ‘‘อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากทายก’’นฺติ. ปโยเคนาติ กายิเกน ปโยเคน วา วาจสิเกน วา ปโยเคน. ปธาเนนาติ ปทหเนน เจตสิเกน อุสฺสาหเนน. อาสนฺเน ภวนฺตเร วิปาเจตุํ น สกฺกา, ปเคว ทูเรติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพตฺตกภาวโต สุขเวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนียํ. สา ปน วิปากเวทนาภาวโต เอกนฺตโต อิฏฺารมฺมณา เอว โหตีติ อาห ‘‘อิฏฺารมฺมณวิปากทายก’’นฺติ. วิปรีตนฺติ ¶ อนิฏฺารมฺมณวิปากทายกํ. นิปฺผนฺเนติ สทฺธึ อฺเน กมฺเมน นิพฺพตฺเต. สมฺปรายเวทนียสฺสาติ อุปปชฺชเวทนียสฺส อปราปริยเวทนียสฺส. เอวํ สนฺเตปีติ กามํ ปริปกฺกเวทนียนฺติ ทิฏฺธมฺมเวทนียเมว วุจฺจติ, ตถาปิ อตฺเถตฺถ อติสโย ทิฏฺธมฺมวิเสสภาวโต ปริปกฺกเวทนียสฺสาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อยเมตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมึ ทิวเส กตํ, ตโต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร.
ตตฺราติ ตสฺมึ ปริปกฺกเวทนียกมฺมสฺส สตฺตทิวสพฺภนฺตเร วิปากทาเน. เอกวารํ กสิตฺวา นิสีทิ ฉาตชฺฌตฺโต หุตฺวา. อาคจฺฉนฺตี อาห – ‘‘อุสฺสูเร ภตฺตํ อาหรียิตฺถา’’ติ โทมนสฺสํ ¶ อนุปฺปาเทตฺวา ยถา กตปฺุํ อนุโมทติ. วิชฺโชตมานํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข อิทมฺปิ ตปฺปกาโร, มม จิตฺตวิกปฺปมตฺตํ, อุทาหุ สุวณฺณเมวา’’ติ วีมํสนฺโต ยฏฺิยา ปหริตฺวา.
วาฬยกฺขสฺจรณตฺตา ราชคหูปจารสฺส นคเร สหสฺสภณฺฑิกํ จาเรสุํ. อุปฺปนฺนราโค จูฬาย ฑํสิ. รฺโ อาจิกฺขิตฺวาติ ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาจิกฺขิตฺวา. มลฺลิกาย วตฺถุ ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.มลฺลิกาเทวีวตฺถุ) อาคเตน นเยน กเถตพฺพํ.
มรณสนฺติเกปิ กตํ, ปเคว ตโต ปุเรตรํ อตีตตฺตภาเวสุ จ กตํ. อิธ นิพฺพตฺติตวิปาโกติ วุตฺโต อวสฺสํภาวิภาวโต. สมฺปรายเวทนียเมว ภวนฺตเร วิปากทายกภาวโต. อิธ นิพฺพตฺติตคุโณตฺเวว วุตฺโต, น อิธ นิพฺพตฺติตวิปาโกติ วิมุตฺติภาวโต. ปริปกฺกเวทนียนฺติ เวทิตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตปริปกฺกเวทนียลกฺขณานติวตฺตนโต. สพฺพลหุํ ผลทายิกาติ เอเตน ผลุปฺปาทนสมตฺถตาโยเคน กมฺมสฺส ปริปกฺกเวทนียตาติ ทสฺเสติ.
จตุปฺปฺจกฺขนฺธผลตาย สฺาภวูปคํ กมฺมํ พหุเวทนียนฺติ วุตฺตํ. เอกขนฺธผลตฺตา อสฺาภวูปคํ กมฺมํ อปฺปเวทนียํ. เกจิ ปน, ‘‘อรูปาวจรกมฺมํ พหุกาลํ เวทิตพฺพผลตฺตา พหุเวทนียํ, อิตรํ อปฺปเวทนียํ. รูปารูปาวจรกมฺมํ วา พหุเวทนียํ, ปริตฺตกมฺมํ อปฺปเวทนีย’’นฺติ วทนฺติ. สวิปากํ กมฺมนฺติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปากุปฺปาทนสมตฺถํ, น อารทฺธวิปากเมว. อวิปากํ กมฺมนฺติ ปจฺจยเวกลฺเลน วิปจฺจิตุํ อสมตฺถํ อโหสิกมฺมาทิเภทํ.
๘. ทิฏฺธมฺมเวทนียาทีนนฺติ ¶ ทิฏฺธมฺมเวทนียาทีนํ ทสนฺนํ กมฺมานํ อุปกฺกเมน กมฺมานํ อฺาถาภาวสฺส อนาปาทนียตฺตา ยถาสภาเวเนว กมฺมานิ ติฏฺนฺติ. ตตฺถ นิคณฺานํ อุปกฺกโม นิปฺปโยชโนติ อาห ‘‘อผโล’’ติ. นิคณฺานํ ปทหนสฺส มิจฺฉาวายามสฺส นิปฺผลภาวปฺปเวทโน ปธานจฺเฉทกวาโท. ปเรหิ วุตฺตการเณหีติ เยหิ การเณหิ นิคณฺานํ วาเทสุ โทสํ ทสฺเสนฺติ. เตหิ ปเรหิ วุตฺตการเณหิ. น หิ ลกฺขณยุตฺเตน เหตุนา วินา ปรวาเทสุ โทสํ ทสฺเสตุํ สกฺกา. เตนาห ‘‘สการณา หุตฺวา’’ติ. นิคณฺานํ วาทา จ อนุวาทา จาติ นิคณฺเหิ วุจฺจมานา สกสกสมยปฺปเวทิกา วาทาเจว สาวเกหิ วุจฺจมานา เตสํ อนุวาทา จ. วิฺูหิ ครหิตพฺพํ การณํ อาคจฺฉนฺตีติ, ‘‘อยเมตฺถ โทโส’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วิฺูหิ ปณฺฑิเตหิ ครหารหํ การณํ อุปคจฺฉนฺติ, ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺสตฺโถติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ ¶ , ‘‘วุตฺตนเยน ปเรหิ วุตฺเตน การเณน สการณา หุตฺวา โทสทสฺสนวเสน นิคณฺานํ วาทา อนุปฺปตฺตา, ตโต เอว ตํ วาทํ อปฺปสาทนียภาวทสฺสเนน โสเสนฺตา เหตุสมฺปตฺติโวหารสุกฺขเนน มิลาเปนฺตา ทุกฺกฏกมฺมการิโนติอาทโย ทส คารยฺหาปเทสา อุปคจฺฉนฺตี’’ติ.
๙. สงฺคติภาวเหตูติ ตตฺถ ตตฺถ ยทิจฺฉาย สมุฏฺิตสงฺคตินิมิตฺตํ. สา ปน สงฺคติ นิยติลกฺขณาติ อาห ‘‘นิยติภาวการณา’’ติ. อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตอเภชฺชมณิ วิย หิ ปฏินิยตตา นิยติปวตฺตีติ. ฉฬภิชาติเหตูติ กณฺหาภิชาติ นีลาภิชาติ โลหิตาภิชาติ หลิทฺทาภิชาติ สุกฺกาภิชาติ ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อิมาสุ อภิชาตีสุ ชาตินิมิตฺตํ. ปาปสงฺคติกาติ นิหีนสงฺคติกา.
๑๐. อนทฺธภูตนฺติ เอตฺถ อธิ-สทฺเทน สมานตฺโถ อทฺธ-สทฺโทติ อาห – ‘‘อนทฺธภูตนฺติ อนธิภูต’’นฺติ. ยถา อาปายิโก อตฺตภาโว มหตา ทุกฺเขน อภิภุยฺยติ, น ตถา อยนฺติ อาห – ‘‘ทุกฺเขน อนธิภูโต นาม มนุสฺสตฺตภาโว วุจฺจตี’’ติ. ‘‘อเจลโก โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๙๔) วุตฺตาย นานปฺปการาย ทุกฺกรการิกาย กิลมเถน. ยทิ เอวํ ¶ กถํ ธุตงฺคธราติ อาห ‘‘เย ปนา’’ติอาทิ. นิยฺยานิกสาสนสฺมิฺหิ วีริยนฺติ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปวตฺติยมานํ วีริยํ สรีรํ เขทนฺตมฺปิ สมฺมาวายาโม นาม โหติ ายารทฺธภาวโต.
เถโรติ เอตฺถ อาคตมหารกฺขิตตฺเถโร. ติสฺโส สมฺปตฺติโย มนุสฺสเทวนิพฺพานสมฺปตฺติโย, สีลสมาธิปฺาสมฺปตฺติโย วา. ขุรคฺเคเยวาติ ขุเร สีสคฺเค เอว, ขุเร สีสคฺคโต อปนีเต เอวาติ อธิปฺปาโย. อยนฺติ, ‘‘อิสฺสรกุเล นิพฺพตฺโต’’ติอาทินา วุตฺโต. น สพฺเพ เอว สกฺการปุพฺพกํ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตีติ อาห ‘‘โย ทาสิกุจฺฉิย’’นฺติอาทิ. รชตมุทฺทิกนฺติ รชตมยํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. โครกปิยงฺคุมตฺเตนปีติ กปิตฺถฉลฺลิกงฺคุปุปฺผคนฺธมตฺเตนปิ.
ธมฺเมน าเยน อาคตสุขํ ธมฺมสุขนฺติ อาห – ‘‘สงฺฆโต วา…เป… ปจฺจยสุข’’นฺติ. อมุจฺฉิโตติ อนชฺฌาปนฺโน. อิทานิ ตํ อนชฺฌาปนฺนตํ ตสฺส จ ผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมิกํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมสฺสาติ สมุทยสฺส. โส หิ ปฺจกฺขนฺธสฺส ทุกฺขสฺส การณภูตตฺตา อาสนฺโน ปจฺจกฺโข กตฺวา วุตฺโต. เตนาห ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิ. สงฺขารนฺติ ยถารทฺธาย สาติสยํ กรณโต สงฺขารนฺติ ลทฺธนามํ พลววีริยํ อุสฺโสฬฺหึ. ปทหโตติ ปยฺุชนฺตสฺส ปวตฺเตนฺตสฺส. มคฺเคน วิราโค โหตีติ อริยมคฺเคน ทุกฺขนิทานสฺส วิรชฺชนา ¶ โหติ. เตนาห ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติ. อิมินา สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา กถิตา อกสิเรเนว สีฆตรํ มคฺคปชานตาย โพธิตตฺตา. มชฺฌตฺตตากาโรติ วีริยูเปกฺขมาห. สงฺขารํ ตตฺถ ปทหตีติ ปธานสงฺขารํ ตตฺถ ทุกฺขนิทานสฺส วิรชฺชนนิมิตฺตํ วิรชฺชนตฺถํ ปทหติ. กถํ? มคฺคปฺปธาเนน จตุกิจฺจปฺปธาเน อริยมคฺเค วายาเมน ปทหติ วายมติ. อชฺฌุเปกฺขโตติ วีริยสฺส อนจฺจารทฺธนาติสิถิลตาย วีริยสมตาโยชเน พฺยาปารากรเณน อชฺฌุเปกฺขโต. เตนาห ‘‘อุเปกฺขํ ภาเวนฺตสฺสา’’ติ. อุเปกฺขาภาวนา จ นาเมตฺถ ตถาปวตฺตา อริยมคฺคภาวนา เอวาติ อาห – ‘‘มคฺคภาวนาย ภาเวตี’’ติ.
เอตฺถ จ เอวํ ปาฬิยา ปทโยชนา เวทิตพฺพา, – ‘‘โส เอวํ ปชานาติ. กถํ? สงฺขารํ เม ปทหโต สงฺขารปทหนา อิมสฺส ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหติ ¶ , อชฺฌุเปกฺขโต เม อุเปกฺขนา อิมสฺส ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหตี’’ติ. ปฏิปชฺชมานสฺส จายํ ปุพฺพภาควีมํสสฺสาติ คเหตพฺพํ. ตตฺถ สงฺขารปฺปธานาติ สมฺมสนปเทน สุเขเนว ขิปฺปตรํ ภาวนาอุสฺสุกฺกาปนวีริยํ ทสฺสิตนฺติ สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา ทสฺสิตา. อชฺฌุเปกฺขโตติ เอตฺถ กสฺสจิ นาติทฬฺหํ กตฺวา ปวตฺติตวีริเยนปิ ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหติ วิปสฺสนมนุยฺุชตีติ ทสฺสิตํ. อุภยตฺถาปิ จตุตฺถีเยว ปฏิปทา วิภาวิตาติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ, ‘‘ยสฺส หิ ขฺวาสฺส…เป… อุเปกฺขํ ตตฺถ ภาเวตี’’ติ วาเรหิ ตาสํเยว ปฏิปทานํ วเสน เตสํ ปุคฺคลานํ ปฏิปตฺติ ทสฺสิตา. วฏฺฏทุกฺขนิทานสฺส ปริชิณฺณํ อิเมหิ วาเรหิ ทุกฺขกฺขโย วิภาวิโต.
๑๑. พทฺธจิตฺโตติ สมฺพทฺธจิตฺโต. พหลจฺฉนฺโทติ พหลตณฺหาฉนฺโท. อติจริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา. นฏสตฺถวิธินา นจฺจนกา นฏา, นจฺจกา อิตเร. โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘อีทิสํ นาม อิตฺถึ ปริจฺจชิ’’นฺติ. ฉิชฺชาติ ทฺวิธา โหตุ. ภิชฺชาติ ภิชฺชตุ. ‘‘ฉิชฺช วา ภิชฺชวา’’ติ ปททฺวเยนปิ วินาสเมว วทติ. ตฺวาติ ปุพฺพภาคาเณน ชานิตฺวา. ตทุภยนฺติ สงฺขารปทหนอุเปกฺขาภาวนํ.
๑๒. เปเสนฺตสฺสาติ วายมนฺตสฺส. ตํ สนฺธายาติ ทุกฺขาย ปฏิปทาย นิยฺยานตํ สนฺธาย.
อุสุกาโร วิย โยคี เตชนสฺส วิย จิตฺตสฺส อุชุกรณโต. โคมุตฺตวงฺกํ, จนฺทเลขากุฏิลํ, นงฺคลโกฏิชิมฺหํ จิตฺตํ. อลาตา วิย วีริยํ อาตาปน-ปริตาปนโต. กฺจิกเตลํ ¶ วิย สทฺธา สิเนหนโต. นมนทณฺฑโก วิย โลกุตฺตรมคฺโค นิพฺพานารมฺมเณ จิตฺตสฺส นามนโต. โลกุตฺตรมคฺเคน จิตฺตสฺส อุชุกรณํ ภาวนาภิสมยโต ทฏฺพฺพํ. อนฺตทฺวยวชฺชิตา มชฺฌิมา ปฏิปตฺตีติ กตฺวา กิเลสคณวิชฺฌนํ ปหานาภิสมโย. อิตรา ปน ปฏิปทา ทนฺธาภิฺาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อิมาสุ ทฺวีสุ ยถาวุตฺตาสุ ขิปฺปาภิฺาสุ กถิตาสุ, อิตราปิ กถิตาว โหนฺติ ลกฺขณหารนเยน ปฏิปทาสามฺโต. สหาคมนียาปิ วา ปฏิปทา กถิตาว, ‘‘น เหว อนทฺธภูตํ อตฺถาน’’นฺติอาทินา ปุพฺพภาคปฏิปทาย กถิตตฺตา. ‘‘อาคมนียปฏิปทา ปน น กถิตา’’ติ ¶ อิทํ สวิเสสํ อชฺฌุเปกฺขสฺส อกถิตตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิกฺขมนเทสนนฺติ นิกฺขมนุปายํ เทสนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เทวทหสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. ปฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนา
๒๑. เอเกติ ¶ เอตฺถ เอก-สทฺโท อฺตฺโถ, น คณนาทิอตฺโถติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกจฺเจ’’ติ อาห. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘สนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เตน เตสํ ทิฏฺิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิจฺฉินฺนตา; ตโต จ เนสํ มิจฺฉาคหณโต สิถิลกรณวิเวจเนหิ อตฺตโน เทสนาย กิจฺจการิตา อวิตถตา จ ทีปิตา โหติ. ปรมตฺถสมณพฺราหฺมเณสุ อปรนฺตกปฺปิกตาย เลโสปิ นตฺถีติ อาห ‘‘ปริพฺพชุปคตภาเวนา’’ติอาทิ. สสฺสตาทิวเสน อปรนฺตํ กปฺเปนฺตีติ อปรนฺตกปฺปิโน, เต เอว อปรนฺตกปฺปิกา. ยสฺมา เตหิ อปรนฺตํ ปุริมตรสิทฺเธหิ ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ กปฺเปตฺวา อาเสวนพลวตาย จ วิกปฺเปตฺวา อปรภาคสิทฺเธหิ อภินิเวสภูเตหิ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาเหหิ คณฺหนฺติ อภินิวิสนฺติ ปรามสนฺติ; ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อปรนฺตํ กปฺเปตฺวา วิกปฺเปตฺวา คณฺหนฺตี’’ติ. ตณฺหุปาทานวเสน กปฺปนคหณานิ เวทิตพฺพานิ. ตณฺหาปจฺจยา หิ อุปาทานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ มหานิทฺเทเส อุทฺทานโต สงฺเขปโต. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ ตณฺหาย ทิฏฺิยา จ วเสน. ทิฏฺฏิยา วา อุปนิสฺสยภูตาย สหชาตาย อภินนฺทนกาย จ ตณฺหาย สสฺสตาทิอากาเรน อภินิวิสนฺตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส จ วเสน. อนาคตธมฺมวิสยาย อธิปฺเปตตฺตา อนาคตกาลวาจโก อิธ อปร-สทฺโท. รูปาทิขนฺธวินิมุตฺตสฺส กปฺปนวตฺถุโน อภาวา อนฺต-สทฺโท ภาควาจโกติ อาห – ‘‘อนาคตํ ขนฺธโกฏฺาส’’นฺติ. กปฺเปตฺวาติ จ ตสฺมึ อปรนฺเต ตณฺหาย นาภินิเวสานํ สมตฺตนํ ปรินิฏฺาปนมาห. ิตาติ ตสฺสา ลทฺธิยา อวิชหนํ.
อนุคตาติ อารมฺมณกรณวเสน อนุ อนุ คตา อปรนฺเต ปวตฺตา. อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา. วิสโย หิ ตสฺสา ทิฏฺิยา อปรนฺโต. วิสยภาวโต ¶ เอว หิ โส ตสฺสา อาคมนฏฺานํ อารมฺมณปจฺจโย จาติ วุตฺตํ ‘‘อาคมฺม ปฏิจฺจา’’ติ. อธิวจนปทานีติ ปฺตฺติปทานิ, ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิสทฺโท วิย วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺติยา อธิวจนํ ปฺตฺติ. อถ วา อธิ-สทฺโท อุปริภาเว, วุจฺจตีติ วจนํ, อุปริ วจนํ อธิวจนํ, อุปาทานภูตรูปาทีนํ อุปริ ปฺาปิยมานา อุปาทาปฺตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ปฺตฺติทีปกปทานีติ อตฺโถ. ปฺตฺติมตฺตฺเหตํ วุจฺจติ, ยทิทํ, ‘‘อตฺตา โลโก’’ติ จ, น รูปเวทนาทโย วิย ปรมตฺโถ. อธิกวุตฺติตาย วา อธิมุตฺติโยติ ทิฏฺิโย วุจฺจนฺติ. อธิกฺหิ สภาวธมฺเมสุ สสฺสตาทึ ปกติอาทึ ทฺรพฺยาทึ ชีวาทึ กายาทิฺจ อภูตมตฺถํ อชฺฌาโรเปตฺวา ¶ ทิฏฺิโย ปวตฺตนฺตีติ. อภิวทนฺตีติ, ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา วทนฺติ, ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิวทนฺติ. อภิวทนกิริยาย อชฺชาปิ อวิจฺเฉทภาวทสฺสนตฺถํ วตฺตมานกาลวจนํ.
สฺา เอตสฺส อตฺถีติ สฺีติ อาห ‘‘สฺาสมงฺคี’’ติ. นตฺถิ เอตสฺส โรโค ภงฺโคติ อโรโคติ อโรคสทฺทสฺส นิจฺจปริยายตา เวทิตพฺพา. โรครหิตตาสีเสน วา นิพฺพิการตาย นิจฺจตํ ปฏิชานาติ ทิฏฺิคติโกติ อาห ‘‘อโรโคติ นิจฺโจ’’ติ. อิมินาติ, ‘‘สฺี อตฺตา อโรโค ปรํ มรณา’’ติ อิมินา วจเนน. โสฬส สฺีวาทาติ – รูปีจตุกฺกํ, อรูปีจตุกฺกํ, อนฺตวาจตุกฺกํ, เอกนฺตสุขีจตุกฺกนฺติ – อิเมสํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬส สฺีวาทา กถิตา. อิเมสุเยว ปุริมานํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกานํ วเสน อฏฺ สฺีวาทา อฏฺ จ เนวสฺีนาสฺีวาทา เวทิตพฺพา. สตฺต อุจฺเฉทวาทาติ มนุสฺสตฺตภาเว กามาวจรเทวตฺตภาเว รูปาวจรเทวตฺตภาเว จตุพฺพิธารุปฺปตฺตภาเว จวิตฺวา สตฺตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน สตฺต อุจฺเฉทวาทา กถิตา. อสโต วินาสาสมฺภวโต อตฺถิภาวนิพนฺธโน อุจฺเฉทวาโทติ วุตฺตํ ‘‘สโตติ วิชฺชมานสฺสา’’ติ. ยาวายํ อตฺตา น อุจฺฉิชฺชติ, ตาว วิชฺชติ เอวาติ คหณโต นิรุทยวินาโส อิธ อุจฺเฉโทติ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุปจฺเฉท’’นฺติ. วิเสเสน นาโส วินาโส, อภาโว, โส ปน มํสจกฺขุ-ปฺาจกฺขุ-ทสฺสนปถาติกฺกโมวาติ อาห ‘‘อทสฺสน’’นฺติ. อทสฺสเน ¶ หิ นาส-สทฺโท โลเก นิรุฬฺโห. ภววิคมนฺติ สภาวาปคมนํ โย หิ นิรุทยวินาสวเสน อุจฺฉิชฺชติ, น โส อตฺตโน สภาเวเนว ติฏฺติ.
ปฺจ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ ปฺจกามคุณสุขมนุโภควเสน จตุพฺพิธรูปชฺฌานสุขปริโภควเสน จ ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติปฺาปนวาทา. ทิฏฺธมฺโมติ ทสฺสนภูเตน าเณน อุปลทฺธธมฺโม. ตตฺถ โย อนินฺทฺริยวิสโย, โสปิ สุปากฏภาเวน อินฺทฺริยวิสโย วิย โหตีติ อาห – ‘‘ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจตี’’ติ. เตเนว จ, ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธอตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. สฺีติ อาทิวเสน ตีหากาเรหิ สนฺตนฺติ สฺี อสฺี เนวสฺีนาสฺีติ อิเมหิ อากาเรหิ วิชฺชมานํ, สทา อุปลพฺภมานํ สสฺสตนฺติ อตฺโถ. สฺี อตฺตาติอาทีนิ ตีณิ ทสฺสนานิ. สนฺตอตฺถวเสน เอกนฺติ สสฺสตสฺส อตฺตโน วเสน เอกํ ทสฺสนํ. อิตรานิ ทฺเวติ อุจฺเฉทวาท-ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทสฺิตานิ ทฺเว ทสฺสนานิ. ตีณิ หุตฺวา ปฺจ โหนฺตีติ อิทํ, ‘‘สนฺตอตฺถวเสน เอก’’นฺติ สงฺคหวเสน วุตฺตสฺส สฺีติ อาทิวิภาควเสน วุตฺตตฺตา สุวิฺเยฺยนฺติ อฏฺกถายํ น อุทฺธฏํ.
๒๒. รูปีํ ¶ วาติ เอตฺถ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗) ยทิ รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปีติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. เอวํ สติ รูปวินิมุตฺเตน อตฺตนา ภวิตพฺพํ สฺาย วิย รูปสฺสปิ อตฺตนิยตฺตา. น หิ สฺี อตฺตาติ เอตฺถ สฺา อตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ สุมงฺคลวิลาสินิยํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗๖-๗๗) ‘‘ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส สฺาติ คเหตฺวาติ วุตฺต’’นฺติ. เอวํ สนฺเต, ‘‘กสิณรูปํ อตฺตาติ คณฺหาตี’’ติ อิทํ กถนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ – ‘‘รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ, อถ โข ‘‘รุปฺปนสีโล รูปี’’ติ. รุปฺปนฺเจตฺถ รูปสริกฺขตาย กสิณรูปสฺส วฑฺฒิตาวฑฺฒิตกาลวเสน วิเสสาปตฺติ, สา จ นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ปริตฺตวิปุลตาทิวิเสสสพฺภาวโต. ยทิ เอวํ อิมสฺส วาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห น ยุชฺชตีติ? โน น ยุชฺชติ กายเภทโต อุทฺธํ อตฺตโน นิพฺพิการตาย เตน อธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อโรโค ปรํ มรณา’’ติ. อถ วา ‘‘รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ วุจฺจมาเนปิ น โทโส. กปฺปนาสิทฺเธนปิ หิ เภเทน สามินิทฺเทสทสฺสนโต ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ ¶ . รุปฺปนํ วา รุปฺปนสภาโว รูปํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ รูปี, อตฺตา ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๑ ทุกมาติกา) วิย. เอวฺจ กตฺวา รูปสภาวตฺตา อตฺตโน ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ วจนํ ายาคตเมวาติ ‘‘กสิณรูปํ อตฺตาติ คณฺหาตี’’ติ วุตฺตํ. อรูปินฺติ เอตฺตาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถารหํ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. สนฺตสุขุมํ มฺุจิตฺวา ตพฺพิปรีตสฺส คหเณ การณํ นตฺถีติ ลาภี, ‘‘กสิณรูปํ อตฺตา’’ติ คณฺหาตีติ ลาภิตกฺกิโน เปตฺวา, เสสตกฺกี ลาภิคฺคหเณเนว คหิตา. อนุสฺสุติตกฺกิโกปิ สุทฺธตกฺกิโกปิ วา นิรงฺกุสตฺตา ตกฺกนสฺส กสิณรูปมฺปิ อตฺตาติ กทาจิปิ คณฺเหยฺยาติ วุตฺตํ – ‘‘อุโภปิ รูปานิ คณฺหาติเยวา’’ติ. สุทฺธตกฺกิกสฺส อุภยคฺคหณํ น กตํ, ตสฺมา สาสงฺกวจนํ.
กสิณุคฺฆาฏิมากาส-ปมารุปฺปวิฺาณ-นตฺถิภาวอากิฺจฺายตนานิ อรูปสมาปตฺตินิมิตฺตํ. เปตฺวา สฺากฺขนฺธนฺติ อิทํ สฺาย อตฺตนิยตํ หทเย กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘รูปึ วา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน ปน อตฺเถ วุจฺจมาเน สฺากฺขนฺธํ พหิทฺธา อกตฺวา ‘‘อรูปธมฺเม’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ สิยา. มิสฺสกคฺคาหวเสนาติ รูปารูปสมาปตฺตีนํ นิมิตฺตานิ เอกชฺฌํ กตฺวา, ‘‘เอโก อตฺตา’’ติ, ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส, ‘‘สฺา’’ติ คหณวเสน. อยฺหิ ทิฏฺิคติโก รูปารูปสมาปตฺติลาภิตาย ตํนิมิตฺตํ รูปภาเวน อรูปภาเวน จ คเหตฺวา อุปติฏฺติ, ตสฺมา, ‘‘รูปี อรูปี จา’’ติ อภินิเวสํ ชเนติ อชฺฌตฺตวาทิโน วิย ตกฺกมตฺเตเนว วา รูปารูปธมฺเม มิสฺสกวเสน คเหตฺวา, ‘‘รูปี จ อรูปีจ อตฺตา โหตี’’ติ. ตกฺกคาเหเนวาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตธมฺมา วิย จ อจฺจนฺตสุขุมภาวปตฺติยา สกิจฺจสาธนาสมตฺถตาย ¶ ถมฺภกุฏฺฏหตฺถปาทานํ สงฺฆาโต วิย เนว รูปี, รูปสภาวานติวตฺตนโต น อรูปีติ เอวํ ปวตฺตตกฺกคาเหน. ลาภิวเสนปิ วา อนฺตานนฺติกจตุตฺถวาเท วกฺขมานนเยน อฺมฺปฏิปกฺขวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ตตฺถ เทสกาลเภทวเสน ตติยจตุตฺถวาทา อิจฺฉิตา; อิธ กาลวตฺถุ เภทวเสนาติ อยเมว วิเสโส. กาลเภทวเสน เจตฺถ ตติยวาทสฺส ปวตฺติ รูปารูปนิมิตฺตานํ สห อนุปฏฺานโต; จตุตฺถวาทสฺส ปน วตฺถุเภทวเสน ¶ ปวตฺติ รูปารูปธมฺมานํ สมูหโต, ‘‘เอโก อตฺตา’’ติ ตกฺกวเสนาติ ตตฺถ วกฺขมานนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
ยทิปิ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ทิฏฺิคติกสฺส วเสน สมาปตฺติเภเทน สฺานานตฺตสมฺภวโต ทุติยทิฏฺิปิ สมาปนฺนกวเสน ลพฺภติ; ตถาปิ สมาปตฺติยํ เอกรูเปเนว สฺาย อุปฏฺานโต, ‘‘ปมทิฏฺิ สมาปนฺนกวาเรน กถิตา’’ติ อาห. เตเนเวตฺถ สมาปนฺนกคฺคหณํ กตํ. เอกสมาปตฺติลาภิโน เอว วา วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมาปตฺติ เภเทน สฺาเภทสมฺภเวปิ พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณ สฺานานตฺเตน โอฬาริเกน นานตฺตสฺีติ, ‘‘ทุติยทิฏฺิ อสมาปนฺนกวาเรนา’’ติ อาห. อวฑฺฒิตกสิณวเสน ปริตฺตสฺิตํ, วฑฺฒิตกสิณวเสน อปฺปมาณสฺิตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตติยทิฏฺิ สุปฺปมตฺเตน วา สราวมตฺเตน วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘องฺคุฏฺปฺปมาโณ วา อตฺตา ยวปฺปมาโณ, อณุมตฺโต วา อตฺตา’’ติอาทิทสฺสนวเสน (อุทา. อฏฺ. ๕๔; ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗) ปริตฺโต สฺีติ ปริตฺตสฺี. กปิลกณาทาทโย (วิภ. อนุฏี. ๑๘๙) วิย อตฺตโน สพฺพคตภาวปฏิชานนวเสน อปฺปมาโณ สฺีติ อปฺปมาณสฺีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตนฺติ, ‘‘รูปึ วา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตอตฺตวาทํ. เอเกสนฺติ เอกจฺจานํ. อุปาติวตฺตตนฺติ อติกฺกมนฺตานํ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. วิฺาณกสิณเมเก อภิวทนฺตีติ โยชนา. เตนาห – ‘‘สฺํ…เป… อภิวทนฺตี’’ติ. ตตฺถ ‘‘สฺํ เปตฺวา เสสานิ ตีณี’’ติ อิทํ สฺาย จตุกฺกมฺปิ ปริปุณฺณเมว คเหตฺวา, อปเร อฏฺกนฺติ วทนฺติ. ตทุภยนฺติ ตํ สฺาอฏฺกนฺติ วุตฺตํ อุภยํ. ปรโต อาวิ ภวิสฺสตีติ, ‘‘จตสฺโส รูปสฺี’’ติอาทินา อุปริ ปกาเสสฺสติ. วกฺขติ หิ – ‘‘โกฏฺาสโต อฏฺ, อตฺถโต ปน สตฺต สฺา โหนฺตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๒). เอตฺถาติ, ‘‘เอตํ วา ปนา’’ติ เอตสฺมึ วากฺเย. สมติกฺกมิตุํ สกฺโกนฺติ ตตฺถ อาทีนวทสฺสเนน ตทุทฺธํ อานิสํสทสฺสเนน จ พฺรูหิตสทฺธาทิ คุณตฺตา, วิปริยาเยน อสกฺกุณนํ เวทิตพฺพํ. เย สกฺโกนฺติ, เตว คหิตา เตสํเยว วเสน วกฺขมานสฺส วิเสสสฺส วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา. สกฺโกนฺตานฺจ เนสํ อุปาติวตฺตนํ ¶ อตฺตโน าณพลานุรูปนฺติ อิมมตฺถํ อุปมาย ทสฺเสตุํ, ‘‘เตสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปฺปมาณนฺติ อปฺปมาณารมฺมโณ ¶ , อปฺปมาณารมฺมณตา จสฺส อาคมนวเสน เวทิตพฺพา อนนฺตารมฺมณโต วา. น หิ อารมฺมเณ อนนฺตนฺติ ปรมานนฺตสฺส ปมาณํ วา คณฺหาติ. สุขทุกฺเขหิ อนิฺชนโต รูปวิราคภาวนาวิเสสตาย จ อาเนฺชํ ปตฺวา ติฏฺติ, อยํ โน อตฺตาติ อภิวทนฺตา ติฏฺนฺติ. วิฺาณกสิณเมเกติ วิฺาณฺจายตนํ เอเก ทิฏฺิคติกา อตฺตาติ วทนฺติ. เตนาห – ‘‘วิฺาณฺจายตนํ ตาว ทสฺเสตุ’’นฺติ. ตสฺส ปน อารมฺมณภูตํ กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตวิฺาณนฺติ อปเร. ตฺหิ กสิณํ มนสิการวเสน, ‘‘วิฺาณกสิณ’’นฺติ, วิฺาณฺจ ตํ อารมฺมณฏฺเน อายตนฺจาติ, ‘‘วิฺาณฺจายตน’’นฺติ จ วุจฺจติ. อากิฺจฺายตนเมเกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ตยิทนฺติ ย-กาโร ปทสนฺธิกโรติ อาห ‘‘ตํ อิท’’นฺติ. ทิฏฺิคตนฺติ ยถา วุตฺตํ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตํ ทิฏฺึ. ทิฏฺิเยว หิ ทิฏฺิคตํ ‘‘มุตฺตคตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑), สงฺขารคต’’นฺติอาทีสุ (มหานิ. ๔๑) วิย. คนฺตพฺพาภาวโต วา ทิฏฺิยา คตมตฺตํ ทิฏฺิคตํ, ทิฏฺิยา คหณมตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิปกาโร วา ทิฏฺิคตํ. โลกิยา หิ วิธยุตฺตคตปการสทฺเท สมานตฺเถ อิจฺฉนฺติ. ทิฏฺิปจฺจโย ทิฏฺิการณํ, อวิชฺชาทิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อวิชฺชาปิ หิ ทิฏฺิฏฺานํ อุปนิสฺสยาทิภาวโต. ยถาห – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๐๐๗). ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๑๘-๑๒๔). สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐; มหานิ. ๑๐๙). วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑). อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ตสฺเสวํ มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ เม อตฺตาติ ตสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙). ทิฏฺารมฺมณนฺติ ทิฏฺิอารมฺมณภูตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. เตนาห – ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐). รูปเวทนาทิวินิมุตฺตสฺส ทิฏฺิยา อารมฺมณสฺส อภาวโต อนาทิยิตฺวา อิทเมว ¶ ทสฺเสติ – ‘‘อิมินา ปจฺจเยน อิทํ นาม ทสฺสนํ คหิต’’นฺติ. อิมินา ปจฺจเยนาติ วา เอตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อารมฺมณมฺปิ คหิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
ตเทวาติ ทิฏฺิคตฺเจว ทิฏฺิปจฺจยฺจ. รูปสฺานนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เอวํ-สทฺโท ปการตฺโถ, ‘‘ยทิ รูปสฺาน’’นฺติอาทินา ปกาเรน วุตฺตสฺานนฺติ อตฺโถ. นิรุปกฺกิเลสา ¶ นีวรณาทิ อุปกฺกิเลสวิมุตฺติโต. อุตฺตมา ปณีตภาวปฺปตฺติโต, ตโต เอว เสฏฺา, เสฏฺตฺตา เอว อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตริยา. อกฺขายตีติ อุปฏฺาติ. อากิฺจฺายตนสฺาย วิสุํ วุจฺจมานตฺตา จตุตฺถารุปฺปสฺาย จ อิมสฺมึ สฺีวาเท อโนตรณโต, ‘‘ยทิ อารุปฺปสฺานนฺติ อิมินา อากาสานฺจายตน-วิฺาณฺจายตนสฺา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อิตเรหิ ปน ทฺวีหีติ, ‘‘ยทิ เอกตฺตสฺานํ, ยทิ นานตฺตสฺาน’’นฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ. สมาปนฺนกวาโร จ ตถา อิธ กถิโตติ อธิปฺปาโย. โกฏฺาสโต อฏฺ สฺา จตุกฺกทฺวยสงฺคหโต. เอกตฺตสฺีปทํ เปตฺวา อตฺถโต ปน สตฺต สฺา โหนฺติ อคฺคหิตคฺคหเณนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘สมาปนฺนก…เป… สงฺคหิโตเยวา’’ติ.
สฺาคตนฺติ สฺาวเสน คตํ, สฺาสงฺคหํ คตํ วา. ตสฺส ปน อทิฏฺิคตสฺสปิ อุปลพฺภมานตฺตา, ‘‘สทฺธึ ทิฏฺิคเตนา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตนฺติ สห การณภูเตหิ ปจฺจเยหิ เตเนว สห การณภาเวน สมาคนฺตฺวา นิพฺพตฺติตํ; ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ. สงฺขตตฺตา โอฬาริกํ อุปฺปาทวยฺถตฺตสพฺภาวโต. ยสฺส หิ อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ, ตํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวโต ปสฺสนฺตสฺส ปากฏภูตวิการํ โอฬาริกํ สิยา. น เจตฺถ มคฺคผลธมฺมา นิทสฺเสตพฺพา เตสํ ตถา อนนุปสฺสิตพฺพโต; เตสมฺปิ สงฺขตภาเวน อิตเรหิ สมานโยคกฺขมตาย ทุนฺนิวารยภาวโต. ตถา หิ ‘‘อเสสวิราคนิโรธา’’ติ (อุทา. ๓) วจนโต มคฺคสฺสปิ นิสฺสรณภาเวน ‘‘อตฺถิ โข ปน สงฺขารานํ นิโรโธ’’ติ นิพฺพานเมเวตฺถ ปฏิโยคภาเวน อุทฺธฏํ ‘‘นิรุชฺฌนฺติ เอตฺถา’’ติ กตฺวา. นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ นาม อตฺถีติ เอตฺถ, – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ ¶ อภูตํ อสงฺขต’’นฺติ สุตฺตปทํ (อุทา. ๗๓) อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ. นิพฺพานทสฺสีติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานทสฺสี, ตโต เอว อิตราภิสมยตฺถสิทฺธิยา ตํ สงฺขตํ อติกฺกนฺโต.
๒๓. อฏฺสุ อสฺีวาเทสูติ อิทํ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๗๘-๘๐) อาคตนเยน วุตฺตเมว หิ สนฺธาย เหฏฺา, ‘‘สฺีติ อิมินา อฏฺ อสฺีวาทา กถิตา’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน จตฺตาโร วาทา เอว อุทฺธฏา. เตนาห ‘‘อสฺี’’ติอาทิ. เอส นโย ปรโต ‘‘อฏฺสุ เนวสฺีนาสฺีวาเทสู’’ติ เอตฺถาปิ. สฺาย สติ ตาย เวทนาคาหสพฺภาวโต ‘‘อาพาธนฏฺเน สฺา โรโค’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขตาสูลโยคโต กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกปภิชฺชนโต จ สฺา คณฺโฑ; สฺวายมตฺโถ โทสทุฏฺตาย เอว โหตีติ อาห – ‘‘สโทสฏฺเน คณฺโฑ’’ติ. ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุรุทฺธรณโต จ สฺา สลฺลํ; สฺวายมตฺโถ ¶ อตฺตภาวํ อนุปวิสิตฺวา อวฏฺาเนนาติ อาห ‘‘อนุปวิฏฺฏฺเน สลฺล’’นฺติ. ปฏิสนฺธิคฺคหเณ วิฺาณํ กุโตจิ อาคตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฏิสนฺธิวเสน อาคติ’’นฺติ. คตินฺติ ปวตฺตึ. สา ปน ตาสุ ตาสุ คตีสุ วุตฺติ โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘จุติวเสน คติ’’นฺติ; วฑฺฒนวเสน ฆนปพนฺธวเสนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อปราปร’’นฺติ. อปราปรฺหิ ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ วิฺาณํ นนฺทูปเสจนํ; อิตรํ ขนฺธตฺตยํ วา นิสฺสาย อภิวุทฺธึ ปติฏฺํ มหนฺตฺจ ปาปุณาตีติ. ปวฑฺฒวเสน วา คตึ, นิกฺเขปวเสน จุตึ, ตโต อปราปรฺจ รูปปวตฺตนวเสน อุปปตฺตึ, อินฺทฺริยปริปากวเสน วุฑฺฒึ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตภาเวน วิรุฬฺหึ; ตสฺส กมฺมสฺส ผลนิพฺพตฺติยา เวปุลฺลนฺติ โยเชตพฺพํ.
กามฺจาติอาทินา ‘‘อฺตฺร รูปา’’ติอาทิกา โจทนา ลกฺขณวเสน วุตฺตาติ ทสฺเสตฺวา อยฺจ นโย โจทนาย อวิสิฏฺวิสยตาย สิยา; วิสิฏฺวิสยา ปนายํ โจทนาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อยํ ปน ปฺโห’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺตเก ขนฺเธติ ยถาวุตฺเต รูปเวทนาทิเก จตฺตาโร ขนฺเธ. อฺตฺร รูปาติ อิมินา ยตฺถ กตฺถจิ รูเปน วินา วิฺาณสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ ทีปิตํ โหติ. ภววิเสสโจทนาย สภาวโต ¶ เอว วิฺาเณน วินา รูปสฺสปิ ปวตฺติ นตฺถีติ ทีปิตํ โหตีติ อาห – ‘‘อรูปภเวปิ รูปํ, อสฺาภเว จ วิฺาณํ อตฺถี’’ติ. นิโรธสมาปนฺนสฺสาติ สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺสปิ วิฺาณํ อตฺถิ. พฺยฺชนจฺฉายาย เจ อตฺถํ ปฏิพาหสีติ ยทิ สทฺทตฺถเมว คเหตฺวา อธิปฺปายํ น คณฺหสิ เนยฺยตฺถํ สุตฺตนฺติ. เอตฺถ จ อสฺภเว นิพฺพตฺตสตฺตวเสน ปมวาโท; สฺํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ เอตฺถ วุตฺตนเยน สฺํเยว อตฺตาติ คเหตฺวา ตสฺส กิฺจนภาเวน ิตาย อฺาย สฺาย อภาวโต อสฺีติ ปวตฺโต ทุติยวาโท; ตถา สฺาย สห รูปธมฺเม สพฺเพ เอว วา รูปารูปธมฺเม อตฺตาติ คเหตฺวา ปวตฺโต ตติยวาโท; ตกฺกคฺคาหวเสเนว ปวตฺโต จตุตฺถวาโท. เตสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เนวสฺีนาสฺีวาเทปิ อสฺภเว นิพฺพตฺตสฺส สตฺตสฺส จุติปฏิสนฺธีสุ; สพฺพตฺถ วา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถาย สุขุมาย สฺาย อตฺถิภาวปฏิชานนวเสน ปมวาโท; อสฺีวาเท วุตฺตนเยน สุขุมาย สฺาย วเสน สฺชานนสภาวตาปฏิชานนวเสน จ ทุติยวาทาทโย ปวตฺตาติ. เอวเมตฺถ เอเตสํ วาทานํ สพฺภาโว เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๒๔. ยตฺถ น สฺา, ตตฺถ าณสฺส สมฺภโว เอว นตฺถีติ อาห – ‘‘อสฺา สมฺโมโห’’ติ, อสฺภาโว นาม สมฺโมหปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. ยถา นิยฺยนฺตีติ นิยฺยานิยาติ พหุลํ วจนโต กตฺตุสาธโน นิยฺยานิยสทฺโท, เอวํ อิธ วิฺาตพฺพสทฺโทติ อาห – ‘‘วิชานาตีติ ¶ วิฺาตพฺพ’’นฺติ, วิชานนํ วิฺาณนฺติ อตฺโถ. เตน ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺพมตฺเตนาติ ทิฏฺสุตมุตวิฺาณปฺปมาเณนาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตนาห – ‘‘ปฺจทฺวาริกสฺาปวตฺติมตฺเตนา’’ติ, นิพฺพิกปฺปภาวโต ปฺจทฺวาริกสฺาปวตฺติสเมน ภาวนาภินีหาเรนาติ อตฺโถ. โอฬาริกสงฺขารปฺปวตฺติมตฺเตนาติ โอฬาริกานํ สงฺขารานํ ปวตฺติยา. โอฬาริกสงฺขาราติ เจตฺถ อากิฺจฺายตนปริโยสานา สมาปตฺติธมฺมา อธิปฺเปตา. อุปสมฺปทนฺติ เย สฺาย, อสฺิภาเว จ โทสํ ทิสฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ วณฺเณนฺตาปิ รูปชฺฌานปฏิลาภมตฺเตน ตสฺส สมฺปาทนํ ปฏิลาภํ อธิคมํ ปฺเปนฺติ, เตสํ ตสฺส พฺยสนํ อกฺขายติ อนุปายภาวโต. เตนาห ‘‘วินาโส’’ติอาทิ. วุฏฺานนฺติ สทิสสมาปชฺชนปุพฺพกํ ปริวุฏฺานํ. สมาปตฺติ เอว เตสํ นตฺถิ อนธิคตตฺตา. โอฬาริกสงฺขารปฺปวตฺติยา อนฺตมโส อากิฺจฺายตนสงฺขารปฺปวตฺติยาปิ ปตฺตพฺพนฺติ น อกฺขายติ ¶ เตปิ สมติกฺกมิตฺวา ปตฺตพฺพโต. สงฺขารานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อวเสสาติ อิโต ปรํ สุขุมภาโว นาม นตฺถีติ สุขุมภาวาปตฺติยา อวเสสา. เตนาห – ‘‘ภาวนาวเสน สพฺพสุขุมภาวํ ปตฺตา สงฺขารา’’ติ. เอตนฺติ เนวสฺานาสฺายตนํ, ปตฺตพฺพํ นาม โหติ ตาทิสสงฺขารปฺปตฺติยํ ตพฺโพหารโต. สงฺขตํ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา.
๒๕. ‘‘เย เต สมณพฺราหฺมณา สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕) วกฺขมานตฺตา สพุทฺธิยํ วิปริวตฺตมาเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา, ‘‘ตตฺรา’’ติ ภควตา วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ตตฺราติ สตฺตสุ อุจฺเฉทวาเทสุ ภุมฺม’’นฺติ. อุทฺธํ สรนฺติ อุทฺธํ คตํ สรนฺตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุทฺธํ วุจฺจตี’’ติอาทิ. สรนฺตาติ ยตฺถ ปตฺเถนฺติ น ลภนฺติ, ตํ ชานนฺตา. อาสตฺตินฺติ อาสีสนํ. เปจฺจาติ ปรโลเก. วาณิชูปมา วิยาติ ภวปริยาปนฺนผลวิเสสาเปกฺขาย ปฏิปชฺชนโต. สกฺกายสฺส ภยาติ สนฺโต กาโยติ สกฺกาโย, ปรมตฺถโต วิชฺชมาโน ธมฺมสมูโหติ กตฺวา อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ, ตโต ภายเนน. มา ขียิ มา ปริกฺขยํ อคมาสิ. มา โอสีทิ มา เหฏฺา ภสฺสิ. อพฺภนฺติ อากาสํ มา อุนฺทฺริยิ มา ภิชฺชิตฺวา ปติ. คทฺทุเลน พทฺโธ คทฺทุลพทฺโธ. ทฬฺหถมฺโภ วิย ขีโล วิย จ สกฺกาโย ทุมฺโมจนียโต. สา วิย ทิฏฺิคติโก ตสฺส อนุปริวตฺตนโต. ทณฺฑโก วิย ทิฏฺิ เฉทนกรณาย อสมตฺถภาวกรณโต. รชฺชุ วิย ตณฺหา พนฺธนโต จ, อารมฺมณกรณวเสน สมนฺนาคมนวเสน จ สมฺพทฺธภาวโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺิทณฺฑเก ปเวสิตาย ตณฺหารชฺชุยา’’ติ.
๒๖. ภควา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน (จตุจตฺตารีส อปรนฺตกปฺปิกวาทา ตตฺถ ตตฺถ อนฺโตคธาติ) อุทฺเทสวเสน ปฺเจว สงฺคเหตฺวา ยถุทฺเทสํ นิคเมนฺโต, ‘‘อิมาเนว ¶ ปฺจายตนานี’’ติ ¶ อาห. ตตฺถ ทุกฺขสฺส นิมิตฺตภาวโต ทิฏฺิคตานํ การณฏฺเน อายตนตฺโถติ วุตฺตํ – ‘‘อิมาเนว ปฺจ การณานี’’ติ. สฺีอาทิวเสน ตีณิ อุจฺเฉทวาโทติ จตฺตาริ ภาชิตานิ. อิตรํ ปน ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ กุหึ ปวิฏฺํ? สรูปโต อภาชิตตฺตา ยถาภาชิเตสุ วาเทสุ กตฺถ อนฺโตคธนฺติ ปุจฺฉติ. อุทฺเทเส ปน สรูปโต คหิตเมว, ‘‘ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ วา ปเนเก อภิวทนฺตี’’ติ. อิตโร เอกตฺตสฺีวาเท นานตฺตสฺีวาเท อนฺโตคธนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกตฺต…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห ยถาสุขฺเจตํ วุตฺตํ. ปโม หิ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาโท นานตฺตสฺีวาเท อนฺโตคโธ, อิตเร จตฺตาโร เอกตฺตสฺีวาเท.
๒๗. อตีตโกฏฺาสสงฺขาตนฺติ อตีตํ ขนฺธโกฏฺาสสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ. ปุพฺเพ นิวุตฺถธมฺมวิสยา กปฺปนา อิธาธิปฺเปตา, ตสฺมา อตีตกาลวาจโก อิธ ปุพฺพสทฺโท, รูปาทิขนฺธวินิมุตฺตฺจ กปฺปนาวตฺถุ นตฺถิ, อนฺตสทฺโท จ โกฏฺาสวาจโก. เตน วุตฺตํ ‘‘อตีตโกฏฺาสสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา’’ติ. ‘‘กปฺเปตฺวา’’ติ จ ตสฺมึ ปุพฺพนฺเต ตณฺหายนาภินิวิสานํ สมตฺถนํ ปรินิฏฺาปนํ วทติ. เสสมฺปีติ ‘‘ปุพฺพนฺตานุทิฏฺี’’ติ เอวมาทิกํ. ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘อปรนฺตานุทิฏฺิโน’’ติอาทีสุ วุตฺตปฺปการํ. เอเกกสฺมิฺจ อตฺตาติ อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ กตฺวา, โลโกติ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปานิ ตพฺพิปากา จาติ กตฺวา, ตํ ตํ คหณวิเสสํ อุปาทาย ปฺาปนํ โหตีติ อาห – ‘‘รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา’’ติ. สพฺพทาภาเวน สสฺสโต. อมโร นิจฺโจ ธุโวติ ตสฺเสว เววจนานิ. มรณาภาเวน อมโร, อุปฺปาทาภาเวน สพฺพกาลํ วตฺตนโต นิจฺโจ, ถิรฏฺเน วิการาภาเวน ธุโว, ยถาหาติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ นิทฺเทสปฏิสมฺภิทาปาฬีหิ วิภาเวติ. อยฺจ อตฺโถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐-๑๓๑) อิมิสฺสา ปฺจวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน วุตฺโต. ‘‘รูปวนฺต’’นฺติอาทิกาย (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐-๑๓๑) ปน ปฺจทสวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร ขนฺเธ, ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺํ – ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภติ, ตถา เอกํ ขนฺธํ, ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺเ ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอเสว นโยติ อิมินา ยถา ‘‘รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ ¶ จ โลโกติ จ คเหตฺวา สสฺสโต…เป… ธุโว’’ติ อตฺโถ วุตฺโต; เอวํ อสสฺสโต อนิจฺโจ อธุโว อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ น โหติ ปรํ มรณา; นิจฺโจ จ อนิจฺโจ จ เนวนิจฺโจ นานิจฺโจติ เอวมาทิมตฺถํ อติทิสติ.
จตฺตาโร สสฺสตวาทาติ ลาภีวเสน ตโย, ตกฺกีวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร. ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ¶ ติตฺถิโย มนฺทปฺโ อเนกชาติสตสหสฺสมตฺตํ อนุสฺสรติ, มชฺฌิมปฺโ ทส สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, ติกฺขปฺโ จตฺตารีส สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, น ตโต ปรํ. โส เอวํ อนุสฺสรนฺโต อตฺตา จ โลโก จาติ อภิวทติ. ตกฺกี ปน ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ อภิวทติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลาภีวเสน ตโย, ตกฺกีวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติ. เอเตเนว จ อธิจฺจสมุปฺปตฺติกวาโท วิย สสฺสตวาโท กสฺมา ทุวิเธน น วิภตฺโตติ เจ? ปฏิกฺขิตฺตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ จ, ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วาเท อยมยุตฺตตาวิภาวนา – ยทิ หิ ปเรน ปริกปฺปิโต อตฺตา, โลโก วา สสฺสโต สิยา, ตสฺส นิพฺพิการตาย ปุริมรูปาวิชหนโต กสฺสจิ วิเสสาธานสฺส กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อหิตโต นิวตฺตนตฺถํ หิเต จ ปฏิปตฺติอตฺถํ อุปเทโส เอว นิปฺปโยชโน สิยา สสฺสตวาทิโน. กถํ วา โส อุปเทโส ปวตฺตียติ วิการาภาวโต; เอวฺจ อตฺตโน อชฏากาสสฺส วิย ทานาทิกิริยา หึสาทิกิริยา จ น สมฺภวติ; ตถา สุขสฺส ทุกฺขสฺส จ อนุภวนนิพนฺโธ เอว สสฺสตวาทิโน น ยุชฺชติ กมฺมพทฺธาภาวโต, ชาติอาทีนํ อสมฺภวโต กุโต วิโมกฺโข. อถ ปน ธมฺมมตฺตํ ตสฺส อุปฺปชฺชติ เจว วินสฺสติ จ, ยสฺส วเสนายํ กิริยาทิโวหาโรติ วเทยฺย. เอวมฺปิ ปุริมรูปาวิชหเนน อวฏฺิตสฺส อตฺตโน ธมฺมมตฺตนฺติ น สกฺกา สมฺภาเวตุํ; เต วา ปนสฺส ธมฺมา อวตฺถาภูตา ตโต อฺเ วา สิยุํ อนฺเ วา, ยทิ อฺเ, น ตาหิ ตสฺส อุปฺปนฺนาหิปิ โกจิ วิเสโส อตฺถิ. โย หิ กโรติ ปฏิสํเวเทติ จวติ อุปปชฺชติ จาติ อิจฺฉิตํ. ตสฺมา ตทวตฺโถ เอว ยถาวุตฺตโทโส, กิฺจ ธมฺมกปฺปนาปิ นิรตฺถกา สิยา. อถ อนฺเ, อุปฺปาทวินาสวนฺตีหิ อวตฺถาหิ ¶ อนฺสฺส อตฺตโน ตาสํ วิย อุปฺปาทวินาสสมฺภวาปตฺติโต กุโต นิจฺจตาวกาโส. ตาสมฺปิ วา อตฺตโน วิย นิจฺจตาติ พนฺธนวิโมกฺขานํ อสมฺภโว เอวาติ น ยุชฺชติ เอว สสฺสตวาโท; น เจตฺถ โกจิ วาที ธมฺมานํ สสฺสตภาเว ปริสุทฺธํ ยุตฺตึ วตฺตุํ สมตฺโถ อตฺถิ; ยุตฺติรหิตฺจ วจนํ น ปณฺฑิตานํ จิตฺตมาราเธตีติ วิฺูหิ ฉฑฺฑิโต เอวายํ สสฺสตวาโทติ.
สตฺต อุจฺเฉทวาทาติ เอตฺถ เต สรูปมตฺตโต เหฏฺา ทสฺสิตา เอว, ตตฺถ ทฺเว ชนา อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหนฺติ ลาภี จ อลาภี จ. ตตฺถ ลาภี นาม ทิพฺพจกฺขุาณลาภี ทิพฺเพน จกฺขุนา อรหโต จุตึ ทิสฺวา อุปปตฺตึ อปสฺสนฺโต. โย วา ปุถุชฺชนานมฺปิ จุติมตฺตเมว ทฏฺุํ สกฺโกติ, ปุพฺพโยคาภาเวน ปริกมฺมากรเณน วา อุปปาตํ ทฏฺุํ น สกฺโกติ. โส ‘‘ตตฺถ ตตฺเถว ¶ อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. อลาภี – ‘‘โก ปรโลกํ ชานาติ, เอตฺตโก ชีววิสโย, ยาว อินฺทฺริยโคจโร’’ติ อตฺตโน ธีตุยา หตฺถคฺคณฺหนกราชา วิย กามสุขคิทฺธตาย วา, ‘‘ยถา รุกฺขปณฺณานิ รุกฺขโต ปติตานิ น ปฏิสนฺธิยนฺติ, เอวํ สพฺเพปิ สตฺตา อปฺปฏิสนฺธิกมรณเมว คจฺฉนฺติ, ชลพุพฺพุฬกูปมา สตฺตา’’ติ ตกฺกมตฺตวเสน วา อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. ตตฺถ ยํ เหฏฺา วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสตฺตภาเว กามาวจรเทวตฺตภาเว รูปาวจรเทวตฺตภาเว จตุพฺพิธอรูปตฺตภาเว จวิตฺวา สตฺตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน สตฺต อุจฺเฉทวาทา กถิตา’’ติ. ตตฺถ ยุตฺตํ ตาว ปุริเมสุ ตีสุ วาเทสุ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ; ปฺจโวการภวปริยาปนฺนํ อตฺตภาวํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา เตสํ วาทานํ, น ยุตฺตํ จตุโวการภวปริยาปนฺนํ อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺเตสุ จตุตฺถาทีสุ จตูสุ วาเทสุ, ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ. น หิ อรูปีนํ กาโย อตฺถีติ? สจฺจเมตํ, รูปภเว ปวตฺตโวหาเรเนว ทิฏฺิคติโก อรูปภเวปิ กายโวหารมาโรเปตฺวา อาห ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ. ยถา ทิฏฺิคติเกหิ ทิฏฺิโย ปฺตฺตา, ตเถว ภควา ทสฺเสสีติ. อรูปกายภาวโต วา ผสฺสาทิธมฺมสมูหภูเต อรูปตฺตภาเว กายนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถาห – ‘‘กามาวจรเทวตฺตภาวาทินิรวเสสวิภวปติฏฺาปกานํ ทุติยวาทาทีนํ ยุตฺโต อปรนฺตกปฺปิกภาโว อนาคตทฺธวิสยตฺตา เตสํ ¶ วาทานํ; น ปน ทิฏฺิคติก-ปจฺจกฺขภูต-มนุสฺสตฺตภาว-สมุจฺเฉทปติฏฺาปกสฺส ปมวาทสฺส ปจฺจุปฺปนฺนวิสยตฺตา’’ติ. ยทิ เอวํ ยถา หิ ทุติยาทิวาทานํ, ปุริมปุริมวาทสงฺคหิตสฺเสว อตฺตโน อุตฺตรุตฺตรภโวปปตฺติยา สมุจฺเฉทนโต ยุชฺชติ อปรนฺตกปฺปิกตา, ตถา จ ‘‘โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ อนาคตสฺเสว มนุสฺสตฺตภาวสมุจฺเฉทสฺส อธิปฺเปตตฺตา ปมวาทสฺสปิ อปรนฺตกปฺปิกตา ยุชฺชติ. เอวํ สพฺพสฺสปิ ปุพฺพนฺตโต อาคตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน อิธ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ เทสนา คตา. เอเต อุจฺเฉทวาทา เหฏฺา อปรนฺตกปฺปิเกสุ เทสนา คตา. เอเต อุจฺเฉทวาทา เหฏฺา อปรนฺตกปฺปิเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชติ, น ตโต อุทฺธํ ปวตฺติ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ชลพุพฺพุฬกูปมา หิ สตฺตาติ ตสฺส ลทฺธิ.
อิธาติ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ. อิเธว มนุสฺสตฺตภาวาทิเก อุจฺฉิชฺชติ วินฏฺวินาสวเสน. เอวํ อนาคเต อนุปฺปตฺติทสฺสนปรานํ อุจฺเฉทวาทานํ อปรนฺตกปฺปิเกสุ คหณํ; ปุพฺพนฺตโต ปน อาคตสฺส อตฺตโน อิเธว อุจฺเฉททสฺสนปรานํ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ คหณํ. อิโต ปรํ น คจฺฉตีติ ปน อิทํ อตฺถโต อาปนฺนสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนํ. สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ จ เอกจฺจสสฺสตนฺติ ปวตฺโต เอกจฺจสสฺสตวาโท ¶ . โส ปน พฺรหฺมกายิก-ขิฑฺฑาปโทสิก-มโนปโทสิกตฺตภาวโต จวิตฺวา อิธาคตานํ ตกฺกิโน จ อุปฺปชฺชนวเสน จตุพฺพิโธติ อาห ‘‘จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา’’ติ. ‘‘สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา’’ติ อิทํ เตหิ สสฺสตภาเวน คยฺหมานานํ ธมฺมานํ ยถาสภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น ปเนกจฺจสสฺสติกมตทสฺสนวเสน. ตสฺส หิ สสฺสตาภิมตํ อสงฺขตเมวาติ ลทฺธิ. ตถา หิ วุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๙) พฺรหฺมชาเล – ‘‘จิตฺตนฺติ วา มโนติ วา วิฺาณนฺติ วา อยํ อตฺตา นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสตี’’ติ. น หิ ยสฺส ภาวสฺส ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตภาวํ ปฏิชานาติ; ตสฺเสว นิจฺจธุวาทิภาโว อนุมฺมตฺตเกน น สกฺกา ปฏิฺาตุํ. เอเตน, ‘‘อุปฺปาทวยธุวตายุตฺตภาวา สิยา นิจฺจา, สิยา อนิจฺจา, สิยา น วตฺตพฺพา’’ติอาทินา ปวตฺตสฺส สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา วิภาวิตา โหติ.
ตตฺถายํ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๘) อยุตฺตตาวิภาวนา – ยทิ, ‘‘เยน สภาเวน โย ธมฺโม อตฺถีติ วุจฺจติ, เตเนว สภาเวน โส ธมฺโม นตฺถี’’ติอาทินา วุจฺเจยฺย, สิยา อเนกนฺตวาโท; อถ อฺเน, สิยา น อเนกนฺตวาโท; น เจตฺถ เทสนฺตราทิสมฺพทฺธภาโว ยุตฺโต วตฺตุํ ตสฺส สพฺพโลกสิทฺธตฺตา วิวาทาภาวโต. เย ปน วทนฺติ – ‘‘ยถา สุวณฺณฆเฏ มกุเฏ กเต ฆฏภาโว นสฺสติ, มกุฏภาโว อุปฺปชฺชติ, สุวณฺณภาโว ติฏฺติเยว, เอวํ สพฺพภาวานํ โกจิ ธมฺโม นสฺสติ, โกจิ อุปฺปชฺชติ, สภาโว ปน ติฏฺตี’’ติ. เต วตฺตพฺพา – กึ ตํ สุวณฺณํ, ยํ ฆเฏ มกุเฏ จ อวฏฺิตํ? ยทิ รูปาทิ, โส สทฺโท วิย อนิจฺโจ, อถ รูปาทิสมูโห, สมูโห นาม สมฺมุติมตฺตํ. ตสฺส โวหารมตฺตสฺส อตฺถิตา นตฺถิตา นิจฺจตา วา น วตฺตพฺพา. ตสฺส ปรมตฺถสภาเวน อนุปลพฺภนโตติ อเนกนฺตวาโท น สิยา. ธมฺมา จ ธมฺมิโต อฺเ วา สิยุํ อนฺเ วา. ยทิ อฺเ, น เตสํ อนิจฺจตาย ธมฺมี อนิจฺโจ อฺตฺตา. น หิ รูปา จกฺขุวิฺาณํ อฺตฺตา, น จ รูเป จกฺขุวิฺาณสทฺโท โหติ; กิฺจ ธมฺมกปฺปนาปิ นิรตฺถิกา สิยา ธมฺมิโน นิจฺจานิจฺจตาย อสิชฺฌนโต อถ อนฺเ; อุปฺปาทวินาสวนฺเตหิ อนฺสฺส ธมฺมิโน เตสํ วิย อุปฺปาทวินาสสพฺภาวโต กุโต นิจฺจตาวกาโส, เตสมฺปิ วา ธมฺมิโน วิย นิจฺจตาปตฺติ สิยา. อปิจ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพรูโป อตฺตา จ โลโก จ ปรมตฺถโต วิชฺชมานตาปฏิชานนโต ยถา นิจฺจาทีนํ อฺตรํ รูปํ, ยถา วา ทีปาทโย. น หิ ทีปาทีนํ อุทยพฺพยสภาวานํ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพสภาวตา สกฺกา วตฺตุํ ชีวสฺส นิจฺจาทีสุ อฺตรํ รูปํ วิยาติ เอวํ สตฺตภงฺคสฺส วิย เสสภงฺคานมฺปิ อสมฺภโวเยวาติ สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา เวทิตพฺพาติ.
เอตฺถ ¶ จ, ‘‘อิสฺสโร นิจฺโจ, อฺเ สตฺตา อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สตฺเตกจฺจสสฺสตวาทา; เสยฺยถาปิ อิสฺสรวาทาทโย. ‘‘ปรมาณโว นิจฺจา ธุวา, ทฺวิอณุกาทโย อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สงฺขาเรกจฺจสสฺสตวาทา; เสยฺยถาปิ กณาทวาทาทโย. นนุ จ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ ¶ อสสฺสตา’’ติ; เอตสฺมึ วาเท จกฺขาทีนํ อสสฺสตตาสนฺนิฏฺานํ ยถาสภาวาวโพโธ เอว, ตยิทํ กถํ มิจฺฉาทสฺสนนฺติ, โก เอวมาห – ‘‘จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ มิจฺฉาทสฺสน’’นฺติ? อสสฺสเตสุเยว ปน เกสฺจิ ธมฺมานํ สสฺสตภาวาภินิเวโส อิธ มิจฺฉาทสฺสนํ; เตน ปน เอกวาเร ปวตฺตมาเนน จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวาวโพโธ วิทูสิโต สํสฏฺภาวโต; วิสสํสฏฺโ วิย สปฺปิมณฺโฑ สกิจฺจการณาสมตฺตตาย สมฺมาทสฺสนปกฺเข เปตพฺพตํ นารหติ. อถ วา อสสฺสตภาเวน นิจฺฉิตาปิ จกฺขุอาทโย สมาโรปิตชีวสภาวา เอว ทิฏฺิคติ เกหิ คยฺหนฺตีติ ตทวโพธสฺส มิจฺฉาทสฺสนภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ. ตถา หิ วุตฺตํ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๔๙) – ‘‘จกฺขุนฺติ วา…เป… กาโยติ วา อยํ เม อตฺตา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา อสงฺขตาย สงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน ยถากฺกมํ เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา; เอกจฺเจ อสสฺสตาติ เอวํ ปวตฺโต วิภชฺชวาโทปิ เอกจฺจสสฺสตวาโท อาปชฺชตีติ เอวํปการา โจทนา อโนกาสา โหติ อวิปรีตธมฺมสภาวสมฺปฏิปตฺติภาวโต.
น มรตีติ อมรา. กา สา? ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๖๒) นเยน ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ จ วาจา จ, อมราย ทิฏฺิยา วาจาย วิวิโธ เขโปติ อมราวิกฺเขโป. โส เอตสฺส อตฺถีติ อมราวิกฺเขโป. อถ วา อมราติ เอกา มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนนิมฺมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คาหํ น คจฺฉติ; เอวเมวํ อยมฺปิ วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ นาคจฺฉตีติ อมราวิกฺเขโป, โส เอว อมราวิกฺเขปิโก. สฺวายํ วาโท มุสาวาทอนุโยคฉนฺทราคโมหเหตุกตาย จตุธา ปวตฺโตติ อาห – ‘‘จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา วุตฺตา’’ติ. นนุ เจตฺถ (ที. นิ. ฏี. ๑.๖๕-๖๖) จตุพฺพิโธปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทิเก ธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน, ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ ปุจฺฉาย วิกฺเขปนมตฺตํ อาปชฺชตีติ ตสฺส กถํ ทิฏฺิคติกภาโว. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตมตฺถํ อชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตาติ? น เหวํ ปุจฺฉาวิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา อิจฺฉิตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวเสน. สสฺสตวเสน มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว หิ มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ ¶ จ, ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุํ อสมตฺถตาย มุสาวาทาทิภเยน จ วิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ. ตถา หิสฺส ¶ วาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห วุตฺโต. อถ วา ปฺุปาปานํ, ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน, อสทฺทหเนน จ, ‘‘ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณํเยว ยุตฺตํ สุนฺทรฺจา’’ติ, ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยเวกา เอสา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพา. ตถา เจว วุตฺตํ – ‘‘ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑). กถํ ปนสฺสา สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห? อุจฺเฉทวเสน อนภินิเวสโต. ‘‘นตฺถิ โกจิ ธมฺมานํ ยถาภูตเวที วิวาทพหุลตฺตา โลกสฺส; ‘เอวเมว’นฺติ ปน สทฺทนฺตเรน ธมฺเม นิชฺฌานนา อนาทิกาลิกา โลเก’’ติ คาหวเสน สสฺสตเลโสเปตฺถ ลพฺภติเยว.
อมติ คจฺฉติ เอตฺถ สภาโว โอสานนฺติ อนฺโต, มริยาโท, โส เอตสฺส อตฺถีติ อนฺตวา. เตนาห ‘‘สปริยนฺโต’’ติ. อวฑฺฒิตกสิณสฺส ปุคฺคลสฺส เอวํ โหตีติ โยชนา. ทุติยวาโท ‘‘อนนฺตวา โลโก’’ติ วาโท. ตติยวาโท ‘‘อนฺตวา จ อนนฺตวา จา’’ติ วาโท. จตุตฺถวาโท ‘‘เนวนฺตวา นานนฺตวา’’ติ วาโท. เอเต เอว จตฺตาโร วาทิโน สนฺธาย พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๕๓) – ‘‘อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปฺเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ (ที. นิ. ฏี. ๑.๕๓) ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณํ วาทีนํ อนฺตตฺตฺจ อนนฺตตฺตฺจ อนฺตานนฺตตฺตฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา อนฺตานนฺติกตฺตํ. ปจฺฉิมสฺส ปน ตทุภยปฏิเสธวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถมนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฏิเสธวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอว. ยสฺมา ปฏิเสธวาโทปิ อนฺตานนฺตวิสโย เอว ตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา. อปเร อาหุ – ‘‘ยถา ตติยวาเท สมฺเภทวเสน เอตสฺเสว อนฺตวนฺตตา อนนฺตตา จ สมฺภวติ, เอวํ ตกฺกีวาเทปิ กาลเภทวเสน อุภยสมฺภวโต อฺมฺปฏิเสเธน อุภยฺเว วุจฺจติ. กถํ? อนฺตวนฺตตาปฏิเสเธน หิ อนนฺตตา วุจฺจติ, อนนฺตตาปฏิเสเธน จ อนฺตวนฺตตา, อนฺตานนฺตานฺจ ตติยวาทภาโว กาลเภทสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ ยสฺมา อยํ โลกสฺิโต อตฺตา ฌายีหิ อธิคตวิเสเสหิ อนนฺโต กทาจิ สกฺขิ ทิฏฺโ อนุสุยฺยติ; ตสฺมา เนวนฺตวา. ยสฺมา ปน เตหิ ¶ เอว กทาจิ อนฺตวา สกฺขิ ทิฏฺโ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา น ปน อนนฺตวา’’ติ. ยถา จ อนุสฺสุติตกฺกีวเสน, เอวํ ชาติสฺสรตกฺกิอาทีนฺจ วเสน ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. อยฺหิ ตกฺกิโก อวฑฺฒิตภาวปุพฺพกตฺตา ปฏิภาคนิมิตฺตานํ วฑฺฒิตภาวสฺส วฑฺฒิตกาลวเสน อปจฺจกฺขการิตาย อนุสฺสวาทิมตฺเต ตฺวา – ‘‘เนวนฺตวา’’ติ ปฏิกฺขิปติ, อวฑฺฒิตกาลวเสน ปน ‘‘นานนฺโต’’ติ. น ปน อนฺตวนฺตตานนฺตตานํ อจฺจนฺตมภาเวน ยถา ตํ ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ, อวสฺสฺจ เอตํ เอวํ วิฺาตพฺพํ, อฺถา วิกฺเขปปกฺขํเยว ภเชยฺย จตุตฺถวาโท. น หิ อนฺตวนฺตตานนฺตตาตทุภยวินิมุตฺโต อตฺตโน ¶ ปกาโร อตฺถิ, ตกฺกีวาที จ ยุตฺติมคฺคโก, กาลเภทวเสน จ ตทุภยมฺปิ เอกสฺมึ น น ยุชฺชตีติ. อนนฺตรจตุกฺกนฺติ เอกตฺตสฺีติ อาคตสฺีจตุกฺกํ.
เอกนฺตสุขีติ เอกนฺเตเนว สุขี. ตํ ปนสฺส สุขํ ทุกฺเขน อโวมิสฺสํ โหตีติ อาห ‘‘นิรนฺตรสุขี’’ติ. เอกนฺตสุขเมวาติ อิทํ สุขพหุลตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตีตาสุ สตฺตสุ ชาตีสูติ อิทํ ตโต ปรํ ชาติสฺสราเณน อนุสฺสริตุํ น สกฺกาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตาทิสเมวาติ สุขสมงฺคิเมว อตฺตภาวํ. ‘‘เอวํ สุขสมงฺคี’’ติ ตํ อนุสฺสรนฺตสฺส ชาติสฺสรสฺส อตีตชาติยมฺปิ อิธ วิย ทุกฺขผุฏฺสฺส ตํ อนุสฺสรนฺตสฺส.
สพฺเพสมฺปีติ ลาภีนํ ตกฺกีนมฺปิ. ตถาติ อิมินา ‘‘สพฺเพสมฺปี’’ติ อิทํ ปทํ อากฑฺฒติ. กามาวจรํ นาม อทุกฺขมสุขํ อนุฬารํ อวิภูตนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานวเสนา’’ติ. จตุตฺถชฺฌานํ การณภูตํ เอตสฺส อตฺถิ, เตน วา นิพฺพตฺตนฺติ จตุตฺถชฺฌานิกํ. มชฺฌตฺตสฺสาติ มชฺฌตฺตภูตสฺส มชฺฌตฺตเวทนาพหุลสฺส. มชฺฌตฺตภูตฏฺานเมว อตฺตโน มชฺฌตฺตตาปตฺตเมว ภูตปุพฺพํ อนุสฺสรนฺตสฺส. เอกจฺจสสฺสติกาติ เอกจฺจสสฺสตวาทิโน วุตฺตา. ปุคฺคลาธิฏฺาเนน หิ เอกจฺจสสฺสติกา. เอส นโย เสเสสุปิ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาโท สสฺสตวาทสมุทฺทิฏฺโติ กตฺวา ‘‘ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา’’ติ จ วุตฺตํ.
๒๘. ทิฏฺุทฺธารนฺติ ยถาวุตฺตานํ ทิฏฺีนํ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนวเสน ปทุทฺธรณํ. ปจฺจตฺตํเยว าณนฺติ อปรปฺปจฺจยํ อตฺตนิเยว าณํ. ตํ ปน อตฺตปจฺจกฺขํ ¶ โหตีติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขาณ’’นฺติ. สุวณฺณสฺส วิย โทสาปคเมน อุปกฺกิเลสวิคเมน าณสฺส วิสุทฺธนฺติ อาห ‘‘ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลส’’นฺติ. กิเลสนฺธการวิคมโต สปฺปภาสมุชฺชลเมว โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘ปริโยทาตนฺติ ปภสฺสร’’นฺติ พาหิรสมยสฺมิมฺปิ โหนฺติ ฌานสฺส สมิชฺฌนโต. มยมิทํ ชานามาติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ จ มิจฺฉาคาหวเสน อฺาณภาคเมว ปริพฺรูเหตฺวา ตโต เอว ยถาคหิตํ คาหํ สนฺธาย – ‘‘มยมิทํ อตฺถํ ตตฺถ ชานามา’’ติ เอวํ ตตฺถ มิจฺฉาคาเห อวิชฺชมานํ าณโกฏฺาสํ โอตาเรนฺติเยว อนุปฺปเวเสนฺติเยว. น ตํ าณํ, มิจฺฉาทสฺสนํ นาเมตํ, กึ ปน ตํ มิจฺฉาทสฺสนํ นาม? สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติอาทินา มิจฺฉาภินิเวสภาวโต. เตนาห ‘‘ตทปิ…เป… อตฺโถ’’ติ. ยํ ตํ ทิฏฺิยา อุปนิสฺสยภูตํ าณํ, ตํ สนฺธายาห – ‘‘ชานนมตฺตลกฺขณตฺตา าณภาคมตฺตเมวา’’ติ. าณมฺปิ หิ ทิฏฺิยา อุปนิสฺสโย โหติเยว ลาภิโน อิตรสฺส จ ตถา ตถา มิจฺฉาภินิเวสโต. อนุปาติวตฺตนโต อนติกฺกมนโต. อสาธารณโต น อุปาติวตฺตนฺติ เอเตนาติ ¶ อนุปาติวตฺตนํ, ตโต. อุปาทานปจฺจยโตติ อุปาทานสฺส ปจฺจยภาวโต. เอเตน ผลูปจาเรเนว อุปาทานมาห. ยทิ พฺรหฺมชาเล อาคตา สพฺพาปิ ทิฏฺิโย อิธ กถิตา โหนฺติ, เอวํ สนฺเต อิทํ สุตฺตํ พฺรหฺมชาลสุตฺเตน เอกสทิสนฺติ อาห – ‘‘พฺรหฺมชาเล ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อฺตฺร รูปํ อฺตฺร เวทนา สกฺกายํเยว อนุปริธาวนฺตี’’ติ วจนโต อิธ สกฺกายทิฏฺิ อาคตา. พฺรหฺมชาลํ กถิตเมว โหติ ตตฺถ อาคตานํ ทฺวาสฏฺิยาปิ ทิฏฺีนํ อิธาคตตฺตา. สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวโส อตฺตาภินิเวสปุพฺพโก, ‘‘อตฺตา สสฺสโต อตฺตา อุจฺเฉโท’’ติ ปวตฺตนโต.
๓๐. ทฺวาสฏฺิ…เป… ทสฺเสตุนฺติ กถํ ปนายมตฺโถ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ’’ติอาทิปาฬิยา ทสฺสิโต โหตีติ? อปฺปหีนสกฺกายทิฏฺิกสฺส ปุพฺพนฺตาปรนฺตทิฏฺิอุปาทิยนโชตนโต. ปริจฺจาเคนาติ วิกฺขมฺภเนน. จตุตฺถชฺฌานนิโรธา ตติยชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอตฺถ น ปริหีนจตุตฺถชฺฌานสฺส ตติยชฺฌานํ ภวติ, ตติยชฺฌานา วุฏฺิตสฺส ปน จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺิตสฺส จ ตติยํ ปฏิโลมนเยน สมฺภวติ. เตนาห ‘‘อยํ ¶ ปเนตฺถา’’ติอาทิ. เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพนฺติ ‘‘ปวิเวกา ปีติ นิรุชฺฌตี’’ติ อิทํ, ‘‘นิรามิสสุขสฺสนิโรธา’’ติ เอตฺถ วิย วุฏฺานนิโรธวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อตฺโถ. หีนชฺฌานปริยาทานกโทมนสฺสนฺติ นีวรณสหคตโทมนสฺสมาห. ตฺหิ ฌานปริยาทานกรํ. กมฺมนียภาโวติ สมาปตฺตึ ปตฺโต วิย สมาปตฺติสมาปชฺชนภาเว กมฺมกฺขมภาโว. โสมนสฺสวิธุรตฺตา โทมนสฺสํ วิยาติ โทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ. ‘‘อุปฺปชฺชติ ปวิเวกา ปีตี’’ติ ปุน วุตฺตา ปีติ ฌานทฺวยปีติ. ยํ านํ ฉายา ชหตีติ ยํ ปเทสํ อาตเปน อภิภุยฺยมานํ ฉายา ชหติ. ตตฺถ อาตเป ฉายาติ ปเทเสน อาตปสฺิตานํ ภูตสงฺขตานํ ปหานฏฺานมาห. เตนาห ‘‘ยสฺมึ าเน’’ติอาทิ.
๓๑. นิรามิสํ สุขนฺติ ตติยชฺฌานสุขํ ทูรสมุสฺสาริตกามามิสตฺตา.
๓๒. อทุกฺขมสุขนฺติ จตุตฺถชฺฌานเวทนํ, น ยํ กิฺจิ อุเปกฺขาเวทนํ.
๓๓. นิคฺคหโณติ มมํการภาเวน กิฺจิปิ อคณฺหนฺโต. นิพฺพานสฺส สปฺปายนฺติ นิพฺพานาธิคมสฺส, นิพฺพานสฺเสว วา อวิโลมวเสน เอกนฺติกุปายตาย สปฺปายํ. เตนาห ‘‘อุปการภูต’’นฺติ. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ. เอตนฺติ เอตํ ยถาวุตฺตสมถภาวนาย กิเลสานํ วิกฺขมฺภนํ. สพฺพตฺถ นิกนฺติยา อสุกฺขาปิตตฺตา กถํ นิพฺพานสฺส อุปการปฏิปทา นาม ชาตํ? น ชายเต วาตฺยธิปฺปาโย. สพฺพตฺถาติ ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิอาทิเก สพฺพสฺมึ. อคฺคณฺหนวเสนาติ ¶ ตณฺหาคาเหน อคฺคหณวเสน. ยตฺถ หิ ตณฺหาคาโห วิโมจิโต, ตตฺถ ทิฏฺิมานคฺคาหา สุกฺขา วิย โหนฺติ ตเทกฏฺภาวโต. ตาทิสสฺส นิพฺพานคามินี ปฏิปทา เอว อาสนฺเน, น ทูเร. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปการปฏิปทา นาม ชาต’’นฺติ. ตาทิสสฺส จ สนฺโตหมสฺมีติอาทิกา สมนุปสฺสนา อธิมานปกฺเข ติฏฺตีติ อาห – ‘‘อภิวทตีติ อภิมาเนน อุปวทตี’’ติ. อิทเมว อุปาทิยตีติ นิยมาภาวโต ‘‘อฏฺารสวิธมฺปี’’ติ วุตฺตํ. เสสปเทปิ เอเสว นโย. ทิฏฺุปาทาเน สติ เสสอุปาทานสมฺภโว อวุตฺตสิทฺโธติ ตเทว อุทฺธฏํ.
เส อายตเน เวทิตพฺเพติ นิโรธสฺส การณํ นิพฺพานํ เวทิตพฺพํ. ทฺวินฺนํ อายตนานนฺติ จกฺขายตนาทีนํ ทฺวินฺนํ อายตนานํ. ปฏิกฺเขเปน นิพฺพานํ ทสฺสิตํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน.
น ¶ คาธตีติ น ปติฏฺาติ. อโตติ อสฺมา นิพฺพานา. สราติ ตณฺหา. สงฺขารปฏิกฺเขเปนาติ สงฺขาเรกเทสภูตานํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ ปฏิกฺเขเปน.
วิฺาณนฺติ วิสิฏฺเน าเณน ชานิตพฺพํ. ตโต เอว อนิทสฺสนํ อจกฺขุวิฺเยฺยํ อนินฺทฺริยโคจรํ. อนนฺตนฺติ อนฺตรหิตํ, นิจฺจนฺติ อตฺโถ. สพฺพโต ปภนฺติ กิเลสนฺธการาภาวโต จ สมนฺตโต ปภสฺสรํ. ‘‘สพฺพโต ปป’’นฺติ วา ปาโ, สพฺพโต ปตติตฺถนฺติ อตฺโถ. จตฺตารีสกมฺมฏฺานสงฺขาเตหิ ติตฺเถหิ โอตริตฺวา อนุปวิสิตพฺพํ อมตสรนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุปาทา กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจนฺติ เอตฺถาติ อนุปาทาวิโมกฺโข, นิพฺพานํ. อนุปาทา วิมุจฺจติ เอเตนาติ อนุปาทาวิโมกฺโข, อคฺคมคฺโค. อนุปาทาวิโมกฺขนฺติกตาย ปน อรหตฺตผลํ อนุปาทาวิโมกฺโขติ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. กินฺติสุตฺตวณฺณนา
๓๔. ภโวติ ¶ ปริตฺโต. อภโวติ มหนฺโต. วุทฺธิอตฺโถ หิ อยํ อ-กาโร, ‘‘สํวราสํวโร, ผลาผล’’นฺติอาทีสุ วิย, ตสฺมา ภวาภวเหตูติ ขุทฺทกสฺส มหนฺตสฺส วา ภวสฺส เหตุ, ตํ ปจฺจาสีสมาโนติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว สุขํ เวทิสฺสามี’’ติอาทิ.
๓๕. โลกุตฺตรโพธิปกฺขิยธมฺเม อุทฺทิสฺส ปุถุชฺชนานํ วิวาโท สมฺภวตีติ อาห – ‘‘โลกิยโลกุตฺตราว กถิตา’’ติ. โลกิยาปิ หิ โพธิปกฺขิยธมฺมา โลกุตฺตรธมฺมาธิคมสฺส อาสนฺนการณตฺตา วิเสสการณนฺติ ยาว อฺเหิ โลกิยธมฺเมหิ อภิวิสิฏฺโติ กตฺวา, ‘‘อิเมสุ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเมสู’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. อตฺถโต นานํ โหตีติ อตฺถโต เภโท โหติ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สมธิคตตฺตา. น หิ กายาทโย ภาเวตพฺพา, สติเยว ปน ภาเวตพฺพาติ. พฺยฺชนโต นานํ เภทํ. อิมินาปิ การเณนาติ อิมายปิ ยุตฺติยา. อิทานิ ตํ ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อตฺถฺจ พฺยฺชนฺจา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สมาเนตฺวาติ สุตฺตนฺตรโต สมาเนตฺวา, สุตฺตนฺตรปเทหิ จ สมาเนตฺวา. อฺถาติ อฺโต, ภูตโต อปคตํ กตฺวาติ อตฺโถ. มิจฺฉา โรปิตภาโวติ อยาถาวโต ปิตภาโว. อตฺถฺจ พฺยฺชนฺจ วิฺาปนการณเมวาติ อวิปรีตตฺถสฺส สทฺทสฺส จ พุชฺฌนเหตุตาย.
๓๗. อิธ ธมฺมวินยฏฺาเน สติเยว สติปฏฺานนฺติ คหิตา, อตฺถโต สเมติ นาม ยาถาวโต อตฺถสฺส คหิตตฺตา. อสภาวนิรุตฺติภาวโต พฺยฺชนโต นานตฺตนฺติ ตํ ลิงฺคเภเทน วจนเภเทน จ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สติปฏฺาโนติ วา สติปฏฺานาติ วา มิจฺฉา โรเปถา’’ติ อาห. อปฺปมตฺตกนฺติ อณุมตฺตํ สลฺลหุกํ, น ครุตรํ อธนิตํ กตฺวา วตฺตพฺพมฺปิ ธนิตํ โฆสวนฺตํ กตฺวา โรปิเต วุตฺตโทสาภาวโตติ เตนาห – ‘‘นิพฺพุตึ ปตฺตุํ สกฺกา โหตี’’ติ.
พฺยฺชนสฺส มิจฺฉาโรปนํ น วิเสสนฺตรายกรํ โหตีติ าปนตฺถํ, จตุสุ มคฺเคสุ ปฺหํ กเถตฺวาว ปรินิพฺพุโต. สุตฺตนฺตพฺยฺชนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปนา’’ติ.
๓๘. อถ จตุตฺถวาเร วิวาโท กสฺมา ชาโต? ยาวตา เนสํ วจนํ อตฺถโต เจว สเมติ พฺยฺชนโต จาติ อธิปฺปาโย. สฺาย วิวาโทติ กิฺจาปิ สเมติ อตฺถโต เจว พฺยฺชนโต ¶ จ, สฺา ปน เนสํ อวิสุทฺธา, ตาย สฺาย วเสน วิวาโท ชาโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อห’’นฺติอาทิมาห. อหํ สติปฏฺานนฺติ วทามิ, อยํ สติปฏฺาโนติ วทตีติ เอวํ เตสํ าณํ โหตีติ อิมมตฺถํ, ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ.
๓๙. น โจทนตฺถาย เวคายิตพฺพนฺติ สีฆํ สีฆํ น โจทนา กาตพฺพาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอกจฺโจ โกธนภาเวน เอวํ ปฏิปฺผริ, ตสฺมา. อนาทานทิฏฺีติ อาทิยิตฺวา อนภินิวิสนโต อนาทานทิฏฺี อทฬฺหคฺคาหี. ปกฺขิปนฺโต วิยาติ คิลิตฺวา ปกฺขิปนฺโต วิย.
อุปฆาโตติ จิตฺตปฺปฆาโต ผรสุปฆาโต วิย. วณฆฏฺฏิตสฺส วิยาติ วเณ ฆฏฺฏิตสฺส วิย ทุกฺขุปฺปตฺติ จิตฺตทุกฺขุปฺปตฺติ. ทฺเว วาเร วตฺวาปิ วิสชฺเชตีติ สุปฺปฏินิสฺสคฺคี เอวํ ปเคว โจทิตมตฺเต วิสฺสชฺเชติ เจติ อธิปฺปาโย ¶ . กถนวเสน จ กายจิตฺตกิลมโถ. เอวรูโปติ สหสา อวิสฺสชฺเชนฺเตน โจทกสฺส วิเหสาวาโท หุตฺวาปิ อกฺโกธนาทิสภาโว.
อุเปกฺขาติ สเกน กมฺเมน ปฺายิสฺสตีติ ตสฺมึ ปุคฺคเล อชฺฌุเปกฺขณา. อุเปกฺขํ อติมฺติ นาม ตสฺส อนาจารสฺส อนชฺฌุเปกฺขณโต.
๔๐. วจนสฺจาโรติ เปสฺุวเสน อฺถาวจนุปสํหาโร. ทิฏฺิปฬาโสติ ยุคคฺคาหวเสน ลทฺธิ. สา ปน จิตฺตสฺส อนาราธนิยภาโว สตฺถุจิตฺตสฺส อนาราธกภาโว. กลโหติ อธิกรณุปฺปาทวเสน ปวตฺโต วิคฺคโห ภณฺฑนสฺส ปุพฺพภาโค.
เยน การเณนาติ เยน ธมฺเมน สตฺถุสาสเนน. ตเมว หิ สนฺธาย วทติ – ‘‘ธมฺโมติ สารณียธมฺโม อธิปฺเปโต’’ติ. เอตฺถาติ ‘‘ธมฺมสฺส จานุธมฺม’’นฺติ เอตฺถ. ธมฺโมติ สมฺพุทฺธสฺส ตสฺส ตถา ปวตฺตํ พฺยากรณํ ยถา วิวาทาปนฺนา สฺตฺตึ คจฺฉนฺติ. เตนาห – ‘‘เตสํ ภิกฺขูนํ สฺตฺติกรณ’’นฺติ. ตเทว พฺยากรณํ อนุธมฺโมติ ภิกฺขุนา วุจฺจมาโน อนุปวตฺโต ธมฺโม. เตนาห – ‘‘ตเทว พฺยากโรติ นามา’’ติ. โกจีติ โย โกจิ. สหธมฺมิโก สการโณ. อฺตฺโถ อยํ กึ สทฺโทติ อาห ‘‘อฺโ’’ติ. อสฺสาติ วุตฺตนเยน ปฏิปนฺนภิกฺขุโน, ตสฺส ปฏิปตฺติ น เกนจิ ครหณียา โหตีติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมว.
กินฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. สามคามสุตฺตวณฺณนา
๔๑. ทฺเวธิกชาตาติ ¶ ชาตทฺเวธิกา สฺชาตเภทา. ทฺเวชฺฌชาตาติ ทุวิธภาวํ ปตฺตา. ภณฺฑนฺติ ปริภาสนฺติ เอเตนาติ ภณฺฑนํ, วิรุทฺธจิตฺตตา. ตนฺติ ภณฺฑนํ. ธมฺมวินยนฺติ ปาวจนํ. วิตุชฺชนฺตา มุขสตฺตีหิ. สหิตํ เมติ มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ อตฺถยุตฺตํ. เตนาห ¶ ‘‘อตฺถสํหิต’’นฺติ. อธิจิณฺณนฺติ อาจิณฺณํ. วิปราวตฺตนฺติ วิโรธทสฺสนวเสน ปราวตฺติตํ, ปราวตฺตํ ทูสิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘จิรกาลวเสน…เป… นิวตฺต’’นฺติ. ปริเยสมาโน จร, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาหีติ อตฺโถ. สเจ สกฺโกสิ, อิทานิเมว มยา เวิตโทสํ นิพฺเพเหิ. มรณเมวาติ อฺมฺฆาตวเสน มรณเมว.
นาฏปุตฺตสฺส อิเมติ นาฏปุตฺติยา. เต ปน ตสฺส สิสฺสาติ อาห ‘‘อนฺเตวาสิเกสู’’ติ. ปุริมปฏิปตฺติโต ปฏินิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตํ รูปํ สภาโว เอเตสนฺติ ปฏิวานรูปา. เตนาห ‘‘นิวตฺตนสภาวา’’ติ. กถนํ อตฺถสฺส อาจิกฺขนํ. ปเวทนํ ตสฺส เหตุทาหรณานิ อาหริตฺวา โพธนํ. น อุปสมาย สํวตฺตตีติ อนุปสมสํวตฺตนํ, ตเทว อนุปสมสํวตฺตนิกํ, ตสฺมึ. สมุสฺสิตํ หุตฺวา ปติฏฺาเหตุภาวโต ถูปํ ปติฏฺาติ อาห – ‘‘ภินฺนถูเปติ ภินฺนปติฏฺเ’’ติ. ถูโปติ วา ธมฺมสฺส นิยฺยานภาโว เวทิตพฺโพ, อฺธมฺเม อภิภุยฺย สมุสฺสิตฏฺเน. โส นิคณฺสฺส สมเย เกหิจิ อภินฺนสมฺมโตปิ ภินฺโน วินฏฺโเยว สพฺเพน สพฺพํ อภาวโตติ ภินฺนถูโป. โส เอว นิยฺยานภาโว วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกามานํ ปฏิสรณํ, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ อปฺปฏิสรโณ, ตสฺมึ ภินฺนถูเป อปฺปฏิสรเณติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาจริยปฺปมาณนฺติ อาจริยมุฏฺิ หุตฺวา ปมาณภูตํ. นานานีหาเรนาติ นานากาเรน. ‘‘วิวาโท น อุปฺปชฺชี’’ติ วตฺวา ตสฺส อนุปฺปตฺติการณํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สตฺถา หิ…เป… อวิวาทการณํ กตฺวาว ปรินิพฺพายี’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปติฏฺา จ อวสฺสโย จ, ‘‘อยํ ธมฺโม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’’นฺติ วินิจฺฉยเน มหาปเทสา, ปฺหพฺยากรณานิ จ, ยสฺมา เตสุ ปติฏฺาย เต อวสฺสาย ธมฺมวินยธรา จ นิจฺฉยํ คจฺฉนฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตมหาปเทสโต วินเย เกนจิ ปุจฺฉิโต อตฺโถ จตุนฺนํ ปฺหพฺยากรณานํ วเสน สุวินิจฺฉิตรูโป, ตสฺมา ธมฺมวินโย อิธ สตฺถุ กิจฺจํ กาตุํ สกฺโกตีติ อาห – ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ, ตสฺมา อุฬาราย เทสนาย ภาชนนฺติ อธิปฺปาโย.
๔๒. ปฏิปวิฏฺํ ¶ กตฺวา อาหริตพฺพโต, สจฺจํ การิตพฺพโต ปาภตํ มูลนฺติ อาห – ‘‘กถาปาภต’’นฺติ, ธมฺมกถาย มูลการณนฺติ อตฺโถ. เยสํ ¶ วเสน วิวาโท อุปฺปนฺโน, เตเยว อธมฺมวาทิโน, เตสํ ตาว โส อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตตุ, ตโต อฺเสํ เทวมนุสฺสานํ กถนฺติ, โจทนา ปรมฺปราย สํกิเลสวตฺถุภาวโตติ ปริหาโร. เตนาห – ‘‘โกสมฺพกกฺขนฺธเก วิยา’’ติอาทิ.
๔๓. อภิฺา เทสิตาติ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ชานิตฺวา โพธิตา. ปติสฺสยมานรูปาติ อปทิสฺส ปติสฺสยมานา ครุกวเสน นิสฺสยมานสภาวา. เตนาห – ‘‘อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’ติ, ครุตรํ นิสฺสยํ กตฺวา วิหรนฺตีติ อตฺโถ. ปริวาเร ปฺตฺตานีติ, ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา’’ติ, เอวํ นิทฺธาเรตฺวา ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๓๓๖) อาสงฺกรวเสน ปิตานิ. ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๒, ๔๓) วิภงฺคปาวเสเนว หิ ตานิ ภควตา ปฺตฺตานิ. ตานิ เปตฺวา เสสานิ สพฺพสิกฺขาปทานิ อธิปาติโมกฺขํ นามาติ, อิทํ โคพลีพทฺทาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ เตสมฺปิ อธิปาติโมกฺขภาวโต.
ตตฺรายํ นโยติ ตสฺมึ สุปฺปชหนาย อปฺปมตฺตกภาเว อยํ วกฺขมาโน. ตานีติ ปณีตโภชนานิ. โย โกจีติ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา. ทุกฺกฏวตฺถุกนฺติ ยํ กิฺจิ ทุกฺกฏาปตฺติวตฺถุกํ. เตนาติ สุปฺปชหนภาเวน มูลาปตฺติวีติกฺกมสฺส อณุมตฺตตาย.
ปุพฺพภาคมคฺคนฺติ โลกิยมคฺคํ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปุพฺพภาคมคฺคํ นิสฺสาย วิวาทุปฺปาเท. โอภาสาณนฺติ โอภาสสฺส อุปฺปตฺติเหตุภูตํ าณํ. ตตฺถ ปน โส มคฺคสฺิภาเวน มคฺโค จ จตุพฺพิโธติ สุตตฺตา, ‘‘ปฏฺมมคฺโค นามา’’ติอาทิมาห. เอวนฺติ เอวํ อสนฺทิทฺธํ อปริสงฺกิตํ ปริจฺจตฺตํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตุํ น สกฺโกติ.
เจติยํ น ทิฏฺนฺติ ตสฺส กตํ ถูปํ วทติ. นินฺทิเย ปุถุชฺชนภาเว ิตํ ปาสํสํ อริยภาวํ อาโรเปตฺวา ตํ มิจฺฉาลทฺธึ อภินิวิสฺส ปคฺคยฺห โวหรณโต สคฺโคปิ มคฺโคปิ วาริโตเยวาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย ¶ นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทตี’’ติ. (สุ. นิ. ๖๖๓; สํ. นิ. ๑.๑๘๐-๑๘๑; อ. นิ. ๔.๓; เนตฺติ. ๙๒);
‘‘ขเณเนว ¶ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺถกมฺมฏฺานกถํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ หิ อิมินา ตตฺถ โกหฺมฺปิ ทิสฺสติ; อิตเรสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อุปฺปาเฏตฺวาติ อุทฺธริตฺวา. ‘‘อถ เต ภิกฺขู’’ติอาทิ เสสํ นาม. ‘‘อมตํ เต ปริภฺุชนฺติ, เย กายคตาสตึ ปริภฺุชนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๖๐๐) วจนํ ทุคฺคหิตํ คณฺหาเปตฺวา, ‘‘เอตฺตาวตา โว อมตํ ปริภุตฺตํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห.
๔๔. เอวนฺติ อาการลกฺขณเมตํ, น อาการนิยมนํ. เตน อิมินาว การเณน จ โย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ครุสฺมึ ครูติ ปวตฺตํ จิตฺตํ ครุวิสยตฺตา ตํสหจริตตฺตา ครุ, ตสฺส ภาโว คารวํ, ครุกรณํ, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ อคารโว. เตนาห ‘‘คารววิรหิโต’’ติ. ครุสฺส คารววเสน ปติสฺสยนํ ปติสฺโสติ วุจฺจติ นีจวุตฺติตา, ตปฺปฏิปกฺขโต อปฺปติสฺโสติ อาห – ‘‘อปฺปติสฺสโย อนีจวุตฺตี’’ติ. เอตฺถ ยถายํ ปุคฺคโล สตฺถริ อคารโว นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตีสุกาเลสุ อุปฏฺานํ น ยาตีติอาทิ สมุทายกิตฺตนอนวเสสทสฺสนํ, อวยวโต ปน อคารวสิทฺธิ ยถา ตํ สามฺโต สิกฺขาปทสมาทานํ ตพฺพิเสโส เภโท. เอส นโย เสเสสุปิ.
สกฺกจฺจํ น คจฺฉตีติ อาทรวเสน น คจฺฉติ. สงฺเฆ กโตเยว โหติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา ตสฺส, ยถา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ เอเกน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคหิตํ สงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติ. อปริปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโว. เตนาห ภควา – ‘‘สิกฺขาย น ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๕). อตฺตโน ปริสาย อุปฺปนฺนํ วิวาทมูลํ วิเสสโต อตฺตนา วูปสเมตพฺพโต อตฺตโน จ อนตฺถาวหโต ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺตฺเวว วุตฺตํ. เอส นโย พหิทฺธาติ เอตฺถาปิ.
๔๖. ฉานานีติ ฉมูลานิ. ยถา สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตฺตุภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาปีติ อาห – ‘‘วูปสมนตฺถาย…เป… อธิกรณานี’’ติ. เตน อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ อาห. สมถา วา สมนวเสน อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ, วิวาทาทโย.
วิวาโท ¶ ¶ อุปฺปนฺนมตฺโตว หุตฺวา ปรโต กกฺขฬตฺถาย สํวตฺตนโต ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย ปมํ อุปฺปนฺโน วิวาทานุสาเรน มูลกํ วิย อนุพนฺธโรโค ตเมว ตทฺํ วา วตฺถุํ กตฺวา ปวฑฺฒนฺโต วิวาทาธิกรณํ ปตฺวา อุปริ วฑฺฒติ นาม, อนุวาทาปตฺติกิจฺจาธิกรณํ ปตฺวา วิวาทสฺส จ วฑฺฒนํ ปากฏเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘จตฺตาริ อธิกรณานิ ปตฺวา อุปริ วฑฺฒนฺโต โส วิวาโท’’ติ. อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๓๓๑) อุฏฺิตานํ อุฏฺิตานํ. สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํ.
อฏฺารสหิ วตฺถูหีติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘ยทิ เม พฺยาธี ทาเหยฺยุํ. ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๙-๔๒; กงฺขา. อภิ. ฏี. อธิกรณสมถวณฺณนา), ตสฺมา เตสุ อฺตเรน วิวทนฺตา, ‘‘อฏฺารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. อุปวทนาติ อกฺโกโส. โจทนาติ อนุโยโค.
อธิกรณสฺส สมฺมุขาว วินยนโต สมฺมุขาวินโย. สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย เยภุยฺยสิกกมฺมสฺส กรณํ เยภุยฺยสิกา. การกสงฺฆสฺส สามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, น ยถา ตถา การกปุคฺคลานํ สมฺมุขตามตฺตํ. ภูตตาติ ตจฺฉตา. สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺม-สทฺโท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙) วิย. วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา, เตสํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ. สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโต.
นนฺติ วิวาทาธิกรณํ. ‘‘น ฉนฺทาคตึ คจฺฉตี’’ติอาทินา (ปริ. ๓๘๓) วุตฺตํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ. คุฬฺหกาทีสุ อลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย คุฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตพฺโพ; ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฏโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโก. ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, สา เยภุยฺยสิกาติ อาห – ‘‘ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายา’’ติอาทิ.
เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํ, ปฏิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสติ. น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกาตพฺพํ, ตสฺมึ. อชฺฌาจาเร วีติกฺกเมสติ. ปฏิจรโตติ ¶ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส. ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส กาตพฺพกมฺมํ ตสฺสปาปิยสิกํ.
สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฏิฺาย, ตถารูปาย ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโต ¶ . เอตฺถาติ อาปตฺติเทสนายํ. ปฏิฺาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณกิริยา, ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ, ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฏิฺาตกรณํ.
ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ จตูหิ ติหิ เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน ยถานุรูปํ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สุตฺเต, เอตสฺมึ วา สมถวิจาเร. วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉเย นยมตฺตํ. เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิ.
๔๗. สงฺเขปโตว วุตฺโต, น สมถกฺขนฺธเก วิย วิตฺถารโต. ตถาติ อิมินา ‘‘ธมฺมา’’ติ ปทํ อากฑฺฒติ, เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เอวมาทินา อิมินา ปกาเรนาติ วาติ วุตฺตํ โหติ. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ เอกนฺตานวชฺชภาวโต นตฺถิ อธมฺมภาโว, ภควโต เทสิตาการํ หาเปตฺวา วฑฺเฒตฺวา วา กถนํ ยถาธมฺมํ อกตนฺติ กตฺวา อธมฺมภาโวติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ตโย สติปฏฺานา’’ติอาทิ.
นิยฺยานิกนฺติ สปาฏิหีรํ อปฺปฏิวานํ หุตฺวา ปวตฺตติ. ตเถวาติ อิมินา ‘‘เอวํ อมฺหาก’’นฺติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อากฑฺฒติ. ภูเตน…เป… กาตพฺพกมฺมํ ธมฺโม นาม ยถาธมฺมํ กรณโต, วุตฺตวิปริยายโต อิโต ปรํ อธมฺโม. อยํ วินโย นาม ราคาทีนํ สํวรณโต ปหานโต ปฏิสงฺขานโต จ. อยํ อวินโย นาม ราคาทีนํ อวินยนโต. อยํ วินโย นาม ยถาวินยกรณโต, วุตฺตวิปริยาเยน อิตโร อวินโย. วตฺถุสมฺปตฺติอาทินา เอว สพฺเพสํ วินยกมฺมานํ อกุปฺปตาติ อาห – ‘‘วตฺถุสมฺปตฺติ…เป… อยํ วินโย นามา’’ติ, ตปฺปฏิปกฺขโต อวินโย เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘วตฺถุวิปตฺตี’’ติอาทิ.
สมฺมาปฏิปตฺติยา นยนฏฺเน ยถาวุตฺโต ธมฺโม เอว เนตฺติ, ตโต เอว สตฺตสฺส วิย รชฺชุ อสิถิลปวตฺติเหตุตาย ธมฺมรชฺชูติ อตฺโถ วุตฺโต. สุตฺตนฺตปริยาเยน ตาว ทส กุสลกมฺมปถา ธมฺโมติ เอวํ วุตฺตา. สา เอว วา โหตุ ธมฺมเนตฺติ, โย อิธ อิมิสฺสา วณฺณนาย, ‘‘ฉตฺตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติอาทินา ธมฺเมน จ วินเยน จ วุตฺโต, โส เอว ¶ วา ธมฺมเนตฺติ โหตูติ อาเนตฺวา โยชนา. ตาย ธมฺมเนตฺติยา สเมติ ตาย ยถาวุตฺตาย ธมฺมเนตฺติยา สํสนฺทติ, เอกลกฺขณเมว โหตีติ อตฺโถ. เอวํ วิวาทวตฺถุภูโต ธมฺโม เจ ‘‘ธมฺโม’’ติ, อธมฺโม เจ ‘‘อธมฺโม’’ติ, วินโย เจ ‘‘วินโย’’ติ, อวินโย เจ ‘‘อวินโย’’ติ นิจฺฉินนฺเตน เอกจฺจานํ วิวาทาธิกรณเมว ทสฺสิตํ ตสฺส วูปสมธมฺมานํ อปริโยสาปิตตฺตา.
๔๘. ตํ ปเนตนฺติ ¶ วิวาทาธิกรณํ ปจฺจามสติ. วาเร อตฺถสํวณฺณนาวเสน ปตฺเตปิ. ทฺวีหีติ ยสฺมึ อาวาเส วิวาทาธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ วาสีหิ ทฺวีหิปิ ภิกฺขูหิ อติเรกตรา.
๔๙. ขนฺธสามนฺตนฺติ อาปตฺติกฺขนฺธภาเวน สมีปํ. อาปตฺติสามนฺตํ นาม ปุพฺพภาคา อาปชฺชิตพฺพอาปตฺติ. เมถุนราควเสน กายสํสคฺเค ทุกฺกฏสฺส วตฺถูติ อาห – ‘‘ปมปาราชิกสฺส ปุพฺพภาเค ทุกฺกฏ’’นฺติ. เสสานํ ติณฺณํ ปาราชิกานํ ปุพฺพภาเค ถุลฺลจฺจยเมว.
๕๐. ปริกฺกมิตฺวา อุปกฺกมิตฺวา. อาปตฺตาธิกรณํ ทสฺสิตํ ตตฺเถว วิเสสโต ปฏิฺาย กาเรตพฺพตาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา.
๕๒. กมฺมสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ น สมโถติ อธิปฺปาโย. นนุ จายํ สมถาธิกาโรติ? สจฺจํ, สมถสฺส ปน การเณ ทสฺสิเต สมโถ ทสฺสิโตว โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวรูปสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๕๓. อิทํ กมฺมนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตกมฺมํ. ติณวตฺถารกสทิสตฺตาติ ตํสทิสตาย ตพฺโพหาโรติ ทสฺเสติ ยถา – ‘‘เอส พฺรหฺมทตฺโต’’ติ. อาการมตฺตเมว ติณวตฺถารกกมฺมํ นาม, น ปน ตสฺส สพฺพโส กรณวิธานํ. เตนาห ‘‘ขนฺธเก’’ติอาทิ. คิหีนํ หีเนน ขุํสนวมฺภนํ ยถา ‘‘ติลสํคุฬิกา นตฺถี’’ติ. ธมฺมิกปฏิสฺสเวสุ วิสํวาทนวเสน อาปนฺนา อาปตฺติ. อสฺสาติ กิจฺจาธิกรณสฺส. สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม สงฺฆสมฺมุขตาทินาว วูปสมนโต.
๕๔. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยวจนโต โกสมฺพิยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๙๒) โสตาปตฺติมคฺคสมฺมาทิฏฺิ กถิตา, อิธ ปน ‘‘ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ’’จฺเจว ¶ วุตฺตตฺตา, ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต โสตาปตฺติผลสมฺมาทิฏฺิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ปาปกมฺมสฺส อปฺปตา มหนฺตตา สาวชฺชภาวสฺส มุทุติกฺขภาเวน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อณุนฺติ อปฺปสาวชฺชํ. ถูลนฺติ มหาสาวชฺช’’นฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สามคามสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนา
๕๕. เหฏฺิมมคฺเคหิ ¶ าตมริยาทาย ปชานนโต อฺา, มคฺคปฺา. ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลปฺา, ตํสหคตา สมฺมาสงฺกปฺปาทโย จ ‘‘อฺา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อฺาติ อรหตฺต’’นฺติ. จตูหิ ปเทหิ กถิตา, ‘‘ปริจิณฺณา เม ภควา’’ติอาทีสุ วิย น เอกปเทเนว. ‘‘โลกุตฺตโร ธมฺโม อธิคโต มยา’’ติ มฺนามตฺตํ อธิมาโนติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อปฺปตฺเต ปตฺตสฺิโน’’ติอาทิมาห.
๕๖. อิทํ านนฺติ อิทํ โอภาสาทิสมฺมุติเหตุภูตํ อุฬารตรํ อุทยพฺพยาณํ. อุฬารตรภาเวน หิ ตํ มคฺคผลปฺาย ปจฺจโย หุตฺวา ยาถาวโต ทุพฺพิฺเยฺยตาย วิปสฺสกํ วิสํวาเทติ. เตนาห ‘‘อวิภูตํ อนฺธการ’’นฺติ. อิมํ ปฺหนฺติ อิมํ สุตฺตํ คมฺภีรํ โลกุตฺตรปฏิสํยุตฺตํ อตฺตนา าตุํ อิจฺฉิตํ อตฺถํ. อุคฺคเหตฺวาติ เกวลํ ปิฏกสมฺปาทนวเสเนว อุคฺคณฺหิตฺวา. เตนาห ‘‘อชานิตฺวา’’ติ. วิเสวมานาติ กิเลสวิเส อวมาเนนฺตา, สาสนสฺส วา อนุปการวิรูปปจฺจเย เสวมานา. เอวมสฺสาติ เอวํ วุตฺตนเยน เตสํ กรณเหตุ อสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน ปวตฺตสฺส. อฺถาภาโว อเทเสตุกามตา โหติ. ตนฺติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สนฺธาย. เอตนฺติ ‘‘ตสฺสปิ โหติ อฺถตฺต’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ.
๕๘. กิเลเสหิ อามสียตีติ อามิสํ, โลเกปริยาปนฺนํ อามิสนฺติ อิธ ปฺจ กามคุณา อธิปฺเปตาติ เตสุ วฏฺฏามิสภาเวปิ ลภิเต กามามิสภาโว สิทฺโธติ อาห – ‘‘วฏฺฏามิสกามามิสโลกามิสภูเตสู’’ติ. กามคุณา หิ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนโต วฏฺฏามิสํ, กาเมตพฺพโต กามตณฺหาย อามสิตพฺพโต กามามิสํ, เยภูยฺยโต สตฺตโลกสฺส อามิสภาวโต ¶ โลกามิสํ. กามคุณสภาคาติ กามคุณานุโลมา กามคุณปฏิสํยุตฺตา. อาเนฺชสมาปตฺติปฏิสํยุตฺตายาติ กิเลสิฺชนรหิตตาย อิธ อาเนฺชาติ อธิปฺเปตาหิ เหฏฺิมาหิ อรูปสมาปตฺตีหิ ปฏิสํยุตฺตาย. เอวรูโปติ โลกามิสภูเตสุ ปจฺจเยสุ อธิมุตฺโต ตนฺนินฺโน ตคฺครุโก ตปฺปพฺภาโร. เอตฺตาวตาติ เอวํ สทฺธานํ มนุสฺสานํ ทสฺสเนน เตสํ ปวตฺติตาสเยน จ. สีสํ นิกฺขนฺตํ โหตีติ ลาภาสาย สีสํ พหิ นิกฺขนฺตํ วิย โหติ. อุทรํ ผลิตนฺติ อติพหุภณฺฑํ ปกฺขิปิยมานํ ปสิพฺพกํ วิย ลทฺธพฺพสฺส อติปหูตภาเวน อุทรํ ผีตํ โหติ.
๕๙. ยถา ¶ ปุริมา ทฺเว อรูปสมาปตฺติโย อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ อนิฺชนโต ‘‘อนิฺชา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อิตราปิ. ตํ ปวุตฺตนฺติ โลกามิสสํโยชนํ วิคตํ.
๖๐. นิฆํสนฺติ ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปริจฺเฉทนฺติ อตฺโถ. สิเลเสนาติ จมฺมการสิเลสาทิสิเลเสน, วชิรเลปสิเลเส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตํ ภินฺนนฺติ อาเนฺชสํโยชนํ ภินฺนํ วิธมิตํ สมติกฺกนฺตํ ตาสุ สมาปตฺตีสุ อเปกฺขาภาวโต. อชฺฌาสเยน อสมฺพทฺธตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ทฺเวธาภินฺนา เสลา วิย โหตี’’ติ. เตนาห – ‘‘ตํ สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ น อุปฺปชฺชตี’’ติ.
๖๑. วนฺตนฺติ ฉฑฺฑิตํ, วิสฺสฏฺนฺติ อตฺโถ.
๖๒. อุปริสมาปตฺติลาภิโนติ เอตฺถ อุปริสมาปตฺตีติ อรหตฺตผลสมาปตฺติ อธิปฺเปตา, อรหโต จ มคฺคาธิคเมเนว อนาคามิผลสมาปตฺติ, เสกฺขานํ วิสยา เหฏฺิมา ผลสมาปตฺติโย ปฏิปฺปสฺสทฺธา. โลกิยา ปน นิกนฺติปฺปหาเนน ปฏินิสฺสฏฺาติ อาห – ‘‘เหฏฺา…เป… น อุปฺปชฺชตี’’ติ.
๖๓. ‘‘ปฺจ โข อิเม, สุนกฺขตฺต, กามคุณา’’ติอาทินา อารทฺธเทสนา, ‘‘สมฺมา นิพฺพานาธิมุตฺโต ปุริสปุคฺคโล’’ติ อรหตฺตกิตฺตเนน นิฏฺาปิตาติ ตโต ปรํ, ‘‘านํ โข ปนา’’ติอาทิกา เทสนา, ‘‘ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธี’’ติ ¶ วุตฺตา. เตนาห ‘‘เหฏฺา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา ขีณาสวสฺส สมาปตฺติลาภิโนติ โยชนา, เอวํ วา ขีณาสวสฺส สุกฺขวิปสฺสกสฺสาติ โยเชตพฺพา. ปฏิกฺขิตฺตํ อฏฺกถายํ. ตสฺส ปฏิกฺเขปสฺส การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมาปตฺติลาภิโน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา สุกฺขวิปสฺสโก อธิมานิโก สมาปตฺติลาภิโน สมานโยคกฺขโม อปฺปตฺเต ปตฺตสฺิตาย เภทาภาวโต, เอวํ สุกฺขวิปสฺสโก ขีณาสโว สมานโยคกฺขโม ขีณาสวภาเวน วิเสสาภาวโต, ตสฺมา ‘‘สมาปตฺติลาภิมฺหิ กถิเต อิตโรปิ กถิโตว โหตี’’ติ วุตฺตํ. ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนนฺติ สมาปตฺติลาภิโน อธิมานิกสฺส ขีณาสวสฺส จ. เตเนวาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺส ตาวา’’ติอาทิ.
ยทคฺเคนาติ เยน ภาเคน. ยทิปิ ขีณาสวสฺส อสปฺปายารมฺมณํ กิเลสานํ อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย น โหติ เตสํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตา. สนฺตวิหารปริปนฺโถ ปน สิยา วิสภาคโตติ วุตฺตํ – ‘‘ขีณาสวสฺสปิ อสปฺปายเมวา’’ติ. เตนาห – ‘‘วิสํ นาม…เป… วิสเมวา’’ติ. เอเตน ¶ ‘‘ยถา วิสชานนํ อปฺปมาณํ, วิการุปฺปาทนโต ปน ตํ ปริหริตพฺพํ, เอวํ ปริฺาตมฺปิ วตฺตุ อตฺถวิเสสาภาเวน เอกรูปเมวาติ ตํ ปริหริตพฺพเมวา’’ติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. น หิ อสํวุเตน ภวิตพฺพํ อสารุปฺปภาวโต. ยุตฺตปยุตฺเตเนวาติ สภาคารมฺมณสฺส อาโลกนาทีสุ ยุตฺเตเนว ภวิตุํ วฏฺฏติ.
๖๔. ยตฺถ สยํ นิปตติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สนฺตานสฺส วิปฺปสนฺนวเสน รุปฺปนโต, วิสสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส มูลภาวโต จ ‘‘อวิชฺชาสงฺขาโต วิสโทโส’’ติ วุตฺตํ. รุปฺปตีติ กตฺตพฺพาทิมุจฺฉาปาทเนน วิการํ อุปฺปาเทติ. อนุทฺธํเสยฺยาติ วิพาเธยฺย. ราโค หิ อุปฺปชฺชมาโนว กุสลจิตฺตปฺปวตฺติยา โอกาสํ อเทนฺโต ตํ วิพาธติ; ตถาภูโต สทฺธาสิเนหสฺส สมถวิปสฺสนาภิวุฑฺฒิยา วมเนน จ ตํ วิโสเสติ มิลาเปติ. เตนาห ‘‘โสเสยฺย มิลาเปยฺยา’’ติ. สคหณเสสนฺติ คเหตพฺพวิสํ สาวเสสํ กตฺวาติ อตฺโถ. น อลํ น สมตฺถนฺติ อนลํ. สูกปริยาโย ปาฬิยํ วุตฺโต สุก-สทฺโทติ อาห – ‘‘วีหิสุกาทิ จ สูก’’นฺติ.
สอุปาทานสลฺลุทฺธาโร ¶ วิย อปฺปหีโน อวิชฺชาวิสโทโส ทฏฺพฺโพ มหานตฺถุปฺปาทนโต. อสปฺปาย…เป… อสํวุตกาโล ทฏฺพฺโพ อตฺตภาวสฺส อปริหรณภาวโต. มรณํ วิย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตนํ อธิสีลสงฺขาตสฺส อายุโน อเปตตฺตา. มรณมตฺตํ ทุกฺขํ วิย อาปตฺติยา อาปชฺชนํ ยถาวุตฺตสฺส อายุโน อุปปีฬนกภาวโต. อิมินาว นเยน โอปมฺมสํสนฺทนนฺติ เอตฺถ อนุปาทิเสสสลฺลุทฺธาโร วิย ปหีโน อวิชฺชาวิสโทโส; สปฺปาย…เป… สุสํวุตกาโล, ตทุภเยน วเณ ปุถุตฺตํ น คเต มรณาภาโว วิย สิกฺขาย อปจฺจกฺขานํ, มรณมตฺตทุกฺขาภาโว วิย อฺตราย สํกิลิฏฺาย อาปตฺติยา อนาปชฺชนนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา.
๖๕. สติยาติ เอตฺถ ยสฺมา ‘‘อริยายา’’ติ น วิเสสิตนฺติ อาห – ‘‘สติ ปฺาคติกา’’ติอาทิ. ปฺา เจตฺถ โลกิยา อธิปฺเปตา, น โลกุตฺตราติ อาห – ‘‘ปริสุทฺธาย วิปสฺสนาปฺายา’’ติ.
ขีณาสวสฺส พลนฺติ อุฬารตเมสุ ทิพฺพสทิเสสุปิ อารมฺมเณสุ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อนุปนมนเหตุภูตํ สุสํวุตการิสงฺขาตํ ขีณาสวพลํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สํวุตการี’’ติ วุตฺตํ, อุกฺกํสคตสติเวปุลฺลตฺตา ยถา อสํวรสฺส อสํวโร โหติ, เอวํ สติสมฺปชฺพเลน จกฺขาทิทฺวารานิ ¶ สํวริตฺวา ทสฺสนาทิกิจฺจการี. เอวํ ชานิตฺวาติ ‘‘อุปธิ ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา. อุปธียติ ทุกฺขํ เอเตหีติ อุปธี, กิเลสาติ อาห – ‘‘กิเลสุปธิปหานา นิรุปธี’’ติ. ตโต เอว อุปาทียติ ทุกฺขํ เอเตหีติ กิเลสา ‘‘อุปาทานา’’ติปิ วุจฺจนฺตีติ อาห – ‘‘นิรุปาทาโนติ อตฺโถ’’ติ. อุปธี สมฺมเทว ขียนฺติ เอตฺตาติ อุปธิสงฺขโย, นิพฺพานนฺติ อาห – ‘‘อุปธีนํ สงฺขยภูเต นิพฺพาเน’’ติ. อารมฺมณโตติ อารมฺมณํ กตฺวา ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา วิมุตฺโต. กามุปธิสฺมึ กายํ อุปสํหริสฺสตีติ ‘‘กาเมเสวิสฺสามี’’ติ ตตฺถ กายํ อุปนาเมสฺสติ; กายูปสํหาโร ตาว ติฏฺตุ, ตถา จิตฺตํ วา อุปฺปาเทสฺสตีติ เอตํ การณํ นตฺถีติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อาเนฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ขณปภงฺคุตาย ¶ ¶ น นิจฺจา น ธุวาติ อนิจฺจา. ตโต เอว ปณฺฑิเตหิ น อิจฺจา น อุปคนฺตพฺพาติปิ อนิจฺจา. โส จายํ อนิจฺจตฺโถ อุทยวยปริจฺฉินฺนตาย เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา’’ติ อาห; อุปฺปชฺชิตฺวา วินสฺสนโตติ อตฺโถ. อยฺจ อนิจฺจตา วกฺขมานา จ ตุจฺฉาทิตา ทฺวินฺนมฺปิ กามานํ สาธารโณติ อาห – ‘‘วตฺถุกามาปิ กิเลสกามาปี’’ติ. ริตฺตา วิวิตฺตา, เตสํ นิจฺจสาราทีนํ อตฺตนิ อภาวโต เตหิ วิสุํภูตา. ยถา ปน สพฺพโส สภาวรหิตมากาสํ ‘‘ตุจฺฉํ ริตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, น เอวเมเต. เอเต ปน เกวลํ นิจฺจสาราทิวิรหโต เอว ตุจฺฉา ริตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ปนา’’ติอาทิมาห. ‘‘น หิ ตุจฺฉมุฏฺิ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ โลกสมฺาวเสน วุตฺตํ, โลกสมฺา โลกิยกถา น ลงฺฆิตพฺพา.
มุสาติ อิตฺตรปจฺจุปฏฺานตาย น ทิสฺสตีติ อาห ‘‘มุสาติ นาสนกา’’ติ. วิสํวาทนฏฺเน วา มุสา. เอเต หิ อสุภาทิสภาวาปิ พาลานํ สุภาทิภาเวน อุปฏฺหนฺตา สุภาทิคฺคหณสฺส ปจฺจกฺขภาเวน สตฺเต วิสํวาเทนฺติ. นสฺสนสภาวาติ ขณภงฺคตฺตา อิตฺตรปจฺจุปฏฺานตาย ทิสฺสมานา วิยปิ หุตฺวา อปฺายนกปกติกา. เตนาห ‘‘เขตฺตํ วิยา’’ติอาทิ. ธมฺมสทฺโท เจตฺถ ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๘) วิย ปกติปริยาโย, ตถา สภาวสทฺโท จาติ ทฏฺพฺพํ. โมสธมฺมาติ โมสนปกติกา, กุสลภณฺฑหรณสภาวาติ อตฺโถ. มายากตนฺติ มายาย กตํ อุทกาทิมณิอาทิอากาเรน มายาทินา อุปฏฺาปิตํ; มายากตํ วิย มายากตํ อฺสภาวา หุตฺวา อตถา อุปฏฺหนโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. จกฺขุปเถ เอว กตวิชฺชาย, น ตโต ปรนฺติ วุตฺตํ – ‘‘ทสฺสนูปจาเร ิตสฺเสว ตถา ปฺายตี’’ติ. ตยิทํ สมฺพรวิชฺชาวเสน วุตฺตํ.
เอวํ ตาวกาลิกภาเวน กามานํ มายากตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตโต อฺเนปิ ปกาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจาทิสภาวานํ กามานํ นิจฺจาทิสภาวทสฺสนํ วิปลฺลาสสหคตตาย เวทิตพฺพํ. พาลานํ ลาปนโตติ อปริฺาตวตฺถุกานํ อนฺธพาลานํ ปุคฺคลานํ วิปลฺลาสเหตุโต. มนุสฺสโลเก ตฺวา ¶ มนุสฺสานํ วา วเสน ภควตา ภาสิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺธมฺมิกา กามาติ มานุสกา ปฺจ กามคุณา’’ติ ¶ . ตโต เอว จ ‘‘สมฺปรายิกาติ เต เปตฺวา อวเสสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมา ปจฺจกฺขสภาวา อารมฺมณภูตา เอตาสํ อตฺถีติ ทิฏฺธมฺมิกา. สมฺปรายิเก กาเม อารพฺภ อุปฺปนฺนสฺา สมฺปรายิกา. เต สเมจฺจ ธียติ เอตฺถ อาณาติ เธยฺยํ, อาณาปวตฺติฏฺานํ. มารสฺส เธยฺยนฺติ มารเธยฺยํ ตสฺส อิสฺสริยปวตฺตนตฺตา. เตนาห ‘‘เยหี’’ติอาทิ. คหิตนฺติ วิสยวิสยีภาเวน คหิตํ, อารมฺมณวเสน อารมฺมณกรณวเสน จ คหิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อารมฺมณกรณวเสน คหณํ นาม ‘‘อิทํ มยฺห’’นฺติ อวิภาเคน ปริคฺคหกรณํ; อารมฺมณวเสน ปน คหณํ ภาคโส อารมฺมณานุภวนนฺติ วทนฺติ. อุภยสฺสปิ ปน ตณฺหาราควเสน คหณํ สนฺธาย, ‘‘อุภยเมตํ คหิต’’นฺติ วุตฺตํ. มาโรติ กิเลสมาโร. ยทคฺเคน กิเลสมาโร, ตทคฺเคน เทวปุตฺตมาโรปิ เต อตฺตโน วสํ วตฺเตติ. ตํ สนฺธายาติ ธมฺมมุเขน ปุคฺคลคฺคหณํ สนฺธาย.
อปฺปหีนวิปลฺลาสา หิ ปุคฺคลา กามาธิมุตฺตา มารสฺส อิสฺสริยวตฺตนฏฺานตาย ‘‘มารเธยฺย’’นฺติ วุตฺตา, ตถา มารสฺส นิวาปโคจรปริยาเยหิปิ เต เอวํ วุตฺตาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ยถา โจฬสฺสา’’ติอาทิมาห. นิวปตีติ นิวาโป, โส เอว พีชนฺติ นิวาปพีชํ. เตติ กามคุณา. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปเทเส.
มนสิ ภวาติ มานสาติ อาห ‘‘จิตฺตสมฺภูตา’’ติ. เต ปน อวิชฺชาทโย ปาฬิยํ อาคตา. เอวฺหิ โลหิตสนฺนิสฺสโย ปุพฺโพ วิย อนุโรธูปนิสฺสโย วิโรโธติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘มมายิเต วตฺถุสฺมิ’’นฺติอาทิมาห. เตธาติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺส’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) วิย. กามโลกนฺติ กามคุณสงฺขาตํ สงฺขารโลกํ, ยตฺถ วา โลเก กามคุณวนฺตํ โลกํ. จิตฺเตน อธิฏฺหิตฺวาติ ฌานารมฺมณํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ ภาวนาจิตฺเตน อุปฺปาเทตฺวา. ปริตฺตํ นาม วิกฺขมฺภนอสมตฺถตฺตา กิเลเสหิ ปริโต ขณฺฑิตํ วิย โหติ. ตสฺส ปฏิกฺเขเปนาติ ปริตฺตภาวปฏิกฺเขเปน. ปมาณนฺติปิ กามาวจรเมว ¶ ปาปกานํ ปมาณกรณธมฺมานํ วิกฺขมฺภนวเสน อปฺปชหนโต. ตปฺปฏิกฺเขปวเสน อปฺปมาณํ นาม มหคฺคตนฺติ อาห – ‘‘รูปาวจรํ อรูปาวจร’’นฺติ. สมุจฺเฉทวเสน กิเลสานํ อปฺปหาเนน มหคฺคตชฺฌานมฺปิ สุภาวิตํ นาม น โหติ, ปเคว ปริตฺตชฺฌานนฺติ อาห – ‘‘สุภาวิตนฺติ…เป… โลกุตฺตรสฺเสเวตํ นาม’’นฺติ. เอตสฺส วเสนาติ ‘‘สุภาวิต’’นฺติ ปทสฺส วเสน.
ตเมว ปฏิปทนฺติ ตเมว อภิชฺฌาทิปหานาวหํ ฌานปฏิปทํ. อรหตฺเต ตสฺส อุปายภูตาย ¶ วิปสฺสนาย วา จตุตฺถชฺฌาเน ตสฺส อุปายภูเต อุปจาเร วา สติ จิตฺตํ ปสนฺนเมว โหตีติ อาห – ‘‘อรหตฺตํ วา…เป… อุปจารํ วา’’ติ. อธิโมกฺขสมฺปสาโทติ ‘‘อชฺเชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วา วิปสฺสนาย วีถิปฏิปนฺนตฺตา; ‘‘อชฺเชว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ วา อุปจารสมาธินา จิตฺตสฺส สมาหิตตฺตา อธิมุจฺจนภูโต สมฺปสาโท. ปฏิลาภสมฺปสาโทติ อรหตฺตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วา อธิคมสงฺขาโต สมฺปสาโท. ปฏิลาโภปิ หิ กิเลสกาลุสิยาภิภวนโต จิตฺตสฺส สุปฺปสนฺนภาวาวหตฺตา ‘‘สมฺปสาโท’’ติ วุตฺโต. ปจฺจยาติ นามรูปปจฺจยา อวิชฺชาทโย. สพฺพถาติ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโตติ สพฺพปฺปกาเรน. อาสาติ อธิมุจฺจนวเสน อาสีสนา. เตนาห – ‘‘อาสา สนฺติฏฺติ, อธิโมกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ.
ปาทกนฺติ ปทฏฺานํ. กิเลสา สนฺนิสีทนฺตีติ นีวรณสหคตา เอว กิเลสา วิกฺขมฺภนวเสน วูปสมนฺติ. สตีติ อุปจารชฺฌานาวหา สติ สนฺติฏฺติ. สงฺขารคตนฺติ ภาวนาย สมตาย ปวตฺตมานตฺตา, อิเม ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย เอกรสา หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ, ภาวนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนํ สงฺขารคตํ วิภูตํ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. จิตฺตุปฺปาโทติ ภาวนาจิตฺตุปฺปาโท. เลปปิณฺเฑติ สิเลสปิณฺเฑ ลคฺคมาโน วิย อปฺปิโต วิย โหติ. อุปจาเรน สมาธิยติ อุปจารชฺฌาเนน สมาธิยติ. อยนฺติ อยํ ทุวิโธปิ อธิมุจฺจนากาโร อธิโมกฺขสมฺปสาโท นาม. ตสฺมึ สมฺปสาเท สตีติ เอตสฺมึ วิปสฺสนาลกฺขเณ, อุปจารชฺฌาเน วา อธิโมกฺขสมฺปสาเท สติ. โย ปน อรหตฺตํ วา ปฏิลภติ จตุตฺถชฺฌานํ วา, ตสฺส จิตฺตํ วิปฺปสนฺนํ โหติเยว, อยํ นิปฺปริยายโต ปฏิลาภสมฺปสาโท, เอวํ สนฺเตปิ อิธามิปฺเปตเมว ทสฺเสตุํ ¶ , ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนา หีติอาทิ วุตฺตสฺส สมตฺถนํ. ตตฺถ ปฺายาติ อรหตฺตปฺาย. อธิมุจฺจนสฺสาติ สทฺทหนํ อุสฺสุกฺกาปชฺชนสฺส. อุปจารนฺติ อุปจารชฺฌานํ. อาเนฺชสมาปตฺติยา อธิมุจฺจนสฺส การณนฺติ โยชนา.
เอตรหิ วาติ อิทานิเมว. อาเนฺชํ วาติ จตุตฺถชฺฌานํ วา. สมาปชฺชตีติ อธิคจฺฉติ. อิทํ หีติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติ. อรหตฺตสจฺฉิกิริยา นาม อคฺคมคฺคภาวนาย สติ อตฺถโต อาปนฺนา โหติ, อคฺคมคฺคปฺา เอว ตทตฺถํ อธิมุจฺจิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อถ วา’’ติ วิกปฺปนฺตรมาห. ตตฺถ ยถา นาม ปาสาทสฺส อตฺถาย สมานีตทพฺพสมฺภาราวยเว อปฺปโหนฺเต กูฏาคารํ กาตุํ น ปโหนฺติเยว, เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ตํ อนภิสมฺภุณนฺโต อาเนฺชํ วา สมาปชฺชตี’’ติ อาห. จตุสจฺจํ ¶ วา สจฺฉิกโรติ เหฏฺิมมคฺคาธิคมนวเสน อาเนฺชํ วา สมาปชฺชติ อุภยสฺสปิ เหตุปริคฺคหิตตฺตา.
ตตฺราติ ตสฺมึ ‘‘ปฺาย วา อธิมุจฺจติ, อาเนฺชํ วา สมาปชฺชตี’’ติ ยถาวุตฺเต วิเสสาธิคเม อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน โยชนานโย. เอวํ โหตีติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน จิตฺตาภินีหาโร โหติ. กิจฺจนฺติ ปพฺพชิตกิจฺจํ. ตโตติ อรหตฺตาธิคมนโต. โอสกฺกิตมานโสติ สํกุจิตจิตฺโต. อนฺตรา น ติฏฺตีติ อสมาหิตภูมิยํ น ติฏฺติ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา ตสฺส ปุริสสฺส วนมหึสํ คเหตุํ อุสฺสาหวโต โอสกฺกนฺตสฺส สสโคธาทิคฺคหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, เอวํ อิมสฺสปิ ภิกฺขุโน อรหตฺตํ คเหตุํ อุสฺสาหวโต ตโต โอสกฺกิตฺวา จตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ. เอเสว นโยติ ยถาวุตฺตํ อุปมํ อุปมาสํสนฺทนฺจ มคฺคภาวนาโยชนายํ จตุสจฺจสจฺฉิกิริยาโยชนายฺจ อติทิสติ.
เหตุอตฺถโชตโน ยนฺติ นิปาโต, กรเณ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. ตสฺส สํวตฺตนํ อรหติ, ตํ วา ปโยชนํ เอตสฺสาติ ตํสํวตฺตนิกํ. วิฺาณนฺติ วิปากวิฺาณํ. อาเนฺชสภาวํ อุปคจฺฉตีติ อาเนฺชูปคํ. ยถา กุสลํ อาเนฺชสภาวํ, เอวํ ตํ วิปากวิฺาณมฺปิ อาเนฺชสภาวํ อุปคตํ อสฺส ภเวยฺย. เตนาห – ‘‘กาทิสเมว ภเวยฺยาติ อตฺโถ’’ติ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. กุสลวิฺาณนฺติ ¶ วิปากวิฺาณมฺปิ ตํ กุสลํ วิย วทนฺติ. ตนฺนามกเมวาติ กุสลํ วิย อาเนฺชนามกเมว สิยา. เอตฺถ จ ปุริมวิกปฺเป ‘‘อาเนฺชูปค’’นฺติ ตํสทิสตา วุตฺตา, ทุติยวิกปฺเป ตโต เอว ตํสมฺตา. โส ปนายมตฺโถติ อาเนฺชสทิสตาย วิปากกาเลปิ ตํนามกเมว อสฺสาติ ยถาวุตฺโต อตฺโถ. อิมินา นเยนาติ อิมินา วุตฺตนเยน. เอตฺถ หิ อาเนฺชาภิสงฺขารเหตุวิปากวิฺาณํ ‘‘อาเนฺชูปคํ โหติ วิฺาณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตํนามกเมว กตฺวา ทีปิตํ. อรหตฺตสฺสาปีติ อปิสทฺเทน อคฺคมคฺคภาวนายปิ เหฏฺิมมคฺคภาวนายปีติ อตฺโถ สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ. สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตาติ ‘‘วิปุเลน มหคฺคเตน เจตสา วิหเรยฺย’’นฺติ สมถนยํ ทสฺเสตฺวา เทสนา กถิตา.
๖๗. อยฺหิ ภิกฺขูติ ยํ อุทฺทิสฺส อยํ ทุติยาเนฺชสปฺปายเทสนาย ภิกฺขุ วุตฺโต. ปฺวนฺตตโรติ วตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ กมฺมฏฺานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสตี’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺิมสฺส หิ ‘‘เย จ ทิฏฺธมฺมิกา กามา’’ติอาทินา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพาเนว รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวโส ¶ กโต, อิมสฺส ปน ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา สกลรูปธมฺมวเสน. ภควา หิ กมฺมฏฺานํ กเถนฺโต กมฺมฏฺานิกสฺส ภิกฺขุโน การณพลานุรูปเมว ปมํ ภาวนาภินิเวสํ ทสฺเสติ; โส ปจฺฉา าเณ วิปุลํ คจฺฉนฺเต อนวเสสโต ธมฺมํ ปริคฺคณฺหาติ. รูปปฏิพาหเนนาติ รูปวิราคภาวนาย สพฺพโส สมติกฺกเมน. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ ตติยาเนฺชาทีสุ.
ปฺวนฺตตโรติ ปฺุตฺตโร. ติณฺณมฺปิ กมฺมฏฺานํ เอกโต กตฺวาติ กามคุณา สพฺพรูปธมฺมา กามสฺาติ เอวํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ กมฺมฏฺานวเสน ติธา วุตฺเต สมฺมสนูปคธมฺเม เอกโต กตฺวา, ‘‘สพฺพเมตํ อนิจฺจ’’นฺติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา, สมฺมสติ ยถา – ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔, ๗, ๘; ติสฺสเมตฺเตยฺยมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๐, ๑๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐). เตนาห – ‘‘อุภยเมตํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิ. กามรูปสฺาวเสน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเภทโต อฏฺ เอเกกโกฏฺาสาติ เอวํ กตํ อุภยนฺติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ทิฏฺธมฺมิก…เป… วเสน สงฺขิปิตฺวา อุภยนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ ตณฺหาภินนฺทนาวเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติ, ทิฏฺาภินนฺทนาวเสน ¶ ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ เอวํ อภินนฺทิตุํ. เอเสว นโยติ อิมินา ตณฺหาทิฏฺิวเสน ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินนฺทิตุํ อชฺโฌสาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา าตุนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. กามปฏิพาหเนนาติ อิทํ อาคมนปฏิปทาทสฺสนตฺถํ, วณฺณภณนตฺถฺจ วุตฺตํ. รูปปฏิพาหนํ หิสฺส อาสนฺนํ, ตโตปิ อากาสานฺจายตนสมติกฺกโม, ตํสมติกฺกเมน สเหว สพฺเพ ตา วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา ‘‘อุภยเมตํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิวจนโต.
๖๘. อิธ อตฺตโน จาติ อากิฺจฺายตนกมฺมฏฺานํ สนฺธายาห. นิรุชฺฌนฺติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคนิโรเธน, สมาปชฺชนกฺขเณ ปน อนุปฺปาทเนนปิ. เตนาห ‘‘อากิฺจฺายตนํ ปตฺวา’’ติ. อตปฺปกฏฺเนาติ อุฬารตรภาเวน ฌานสมาปตฺติยา อติตฺติกรภาเวน. ตเมว ปฏิปทนฺติ อากิฺจฺายตนภาวนมาห. สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตา ตติยารุปฺปกมฺมฏฺานสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘ยตฺเถตา’’ติอาทินา.
อิธ อตฺตโนติ ทฺวิโกฏิกสฺุตามนสิการสงฺขาตํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ. เหฏฺา วุตฺตปฏิปทนฺติ อนนฺตรํ วุตฺตอากิฺจฺายตนกมฺมฏฺานํ. สติ สมถภาวนายํ สฺุตามนสิการสฺส ¶ อิธ สาติสยตฺตา วุตฺตํ. ‘‘ทุติยากิฺจฺายตเน วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา’’ติ.
๗๐. ตติยากิฺจฺายตเน อตฺตโนติ จตุโกฏิกสฺุตามนสิการสงฺขาตํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สฺุตานุปสฺสนาธิกาเร. กฺวจีติ กตฺถจิ าเน, กาเล, ธมฺเม วา. อถ วา กฺวจีติ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา วา. อตฺตโน อตฺตานนฺติ สกตฺตานํ. ‘‘อยํ โข, โภ พฺรหฺมา…เป… วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๒) ปรปริกปฺปิตํ อตฺตานฺจ กสฺสจิ กิฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปรสฺสาติ ‘‘ปรา ปชา’’ติ ‘‘ปโร ปุริโส’’ติ จ เอวํ คหิตสฺส. น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สทฺโท อฏฺานปยุตฺโตติ อาห ‘‘มมสทฺทํ ตาว เปตฺวา’’ติ. ปรสฺส จาติ อตฺตโต อฺสฺส, ‘‘ปโร ปุริโส นาม อตฺถิ มมตฺถาย สชิโต, ตสฺส วเสน มยฺหํ สพฺพํ ¶ อิชฺฌตี’’ติ เอวํ เอกจฺจทิฏฺิคติกปริกปฺปิตวเสน ปรํ อตฺตานํ, ตฺจ อตฺตโน กิฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘น จ กฺวจนี’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ นาหํ กฺวจนีติ สกอตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ. น กสฺสจิ กิฺจนตสฺมินฺติ สกอตฺตโน เอว กสฺสจิ อนตฺตนิยตํ ปสฺสติ. น จ, มมาติ เอตํ ทฺวยํ ยถาสงฺขฺยํ สมฺพนฺธิตพฺพํ, อตฺถีติ ปจฺเจกํ. ‘‘น จ กฺวจนิ ปรสฺส อตฺตา อตฺถี’’ติ ปรสฺส อตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ, ‘‘ตสฺส ปรสฺส อตฺตโน มม กิสฺมิฺจิ กิฺจนตา น จตฺถี’’ติ ปรสฺส อตฺตโน อนตฺตนิยตํ ปสฺสติ. เอวํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ ขนฺธานํ อตฺตตฺตนิยสฺุตา สุทฺธสงฺขารปฺุชตา จตุโกฏิกสฺุตาปริคฺคณฺหเนน ทิฏฺา โหติ. เหฏฺา วุตฺตปฏิปทนฺติ อิธาปิ อากิฺจฺายตนกมฺมฏฺานเมว วทติ. วิปสฺสนาวเสเนว โอสกฺกนา กถิตา จตุโกฏิกสฺุตาทสฺสนวิเสสภาวโต, ตปฺปธานตฺตา จสฺส มนสิการสฺส.
อิธ อตฺตโนติ เนวสฺานาสฺายตนกมฺมฏฺานมาห. สพฺพสฺาติ รูปสฺา ปฏิฆสฺา นานตฺตสฺา เหฏฺิมา ติสฺโส อรูปสฺาติ เอวํ สพฺพสฺา อนวเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา วุตฺตา’’ติ ปน วิเสสิตตฺตา อิมสฺมึ อาคตา จตุตฺถชฺฌานสฺาทโย อปิ สฺาติ อปเร. ตนฺติ สมฺมุติมตฺตํ กามสฺาปฏิพาหนวเสเนว เตสํ นานตฺตสฺาทินิโรธสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตา เนวสฺานาสฺายตนภาวนาย สมถกมฺมฏฺานภาวโต.
๗๑. ปุพฺเพ ปฺจวิธํ กมฺมวฏฺฏนฺติ ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา อายูหนา สงฺขารา นิกนฺติตณฺหา ¶ อุปคมนํ อุปาทานํ เจตนา ภโวติ เอวมาคโต สปริกฺขาโร กมฺมปฺปพนฺโธ. น อายูหิตํ อสฺสาติ น เจติตํ ปกปฺปิตํ ภเวยฺย. เอตรหิ เอวํ ปฺจวิธํ วิปากวฏฺฏนฺติ วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนาสงฺขาโต ปจฺจุปฺปนฺโน วิปากปฺปพนฺโธ นปฺปวตฺเตยฺย การณสฺส อนิปฺผนฺนตฺตา. สเจ อายูหิตํ น ภวิสฺสตีติ ยทิ เจติตํ ปกปฺปิตํ น สิยา. ยํ อตฺถีติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานกํ. เตนาห ‘‘ภูต’’นฺติ. ตฺหิ ปจฺจยนิพฺพตฺตตาย ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปชหามีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ตโต เอว อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน ปชหามิ ปริจฺจชามิ.
ปรินิพฺพายีติ ¶ สห ปริกปฺปเนน อตีตตฺเถติ อาห ‘‘ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติ. ปรินิพฺพาเยยฺย นุ โขติ วา ปาโ, โส เอวตฺโถ. น กิฺจิ กถิตนฺติ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน าณุตฺตรสฺเสว วิสยภาวโต สรูปโต น กิฺจิ กถิตํ, นเยน ปนสฺส วิเสสํ าเปตุกามตฺตา. ภควโต กิร เอตทโหสิ – ‘‘อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน อานนฺโท อนุสนฺธิกุสลตาย เนวสฺานาสฺายตนํ ปาทกํ กตฺวา ิตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสนฺธึ อรหตฺตฺจ สนฺธาย ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อิมินา ปุจฺฉานุสนฺธินา ตมตฺถํ เทเสสฺสามี’’ติ. โอสกฺกนาย จ อิธาธิปฺเปตตฺตา ภินฺนรสเทสนา โหตีติ ปุจฺฉานุสนฺธิ ปุจฺฉิตา. ตสฺมิฺหิ อสติ อนุสนฺธิเภทภินฺเนสา เทสนา, น จ พุทฺธาจิณฺณา ภินฺนรสเทสนาติ. วิปสฺสนานิสฺสิตนฺติ ตนฺนิสฺสิตํ. ตสฺส ภิกฺขุโน. อุปาทิยติ เอเตนาติ จ อุปาทานํ. น ปรินิพฺพายติ ปหาตพฺพสฺส อปฺปชหนโต. เตนาห ภควา – ‘‘ธมฺมาปิ โข, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐). อุปาทานเสฏฺนฺติ อิทํ เนวสฺานาสฺายตนภวสฺส สพฺพภวคฺคตาทสฺสนปรํ, น ปน อริยภวคฺคสฺส อุปาทานเสฏฺตาปฏิเสธปรํ.
๗๓. นิสฺสายาติ ภวปริยาปนฺนํ นาม ธมฺมํ นิสฺสาย ตปฺปริยาปนฺนํ นาม นิสฺสาย โอฆนิตฺถรณา ภควตา อกฺขาตา; อโห อจฺฉริยเมตํ, อโห อพฺภุตเมตนฺติ.
นวสุปิ าเนสุ สมถยานิกสฺเสว วเสน เทสนาย อาคตตฺตา, อิธ จ กสฺสจิปิ ปาทกชฺฌานสฺส อนามฏฺตฺตา วุตฺตํ – ‘‘อริยสาวโกติ สุกฺขวิปสฺสโก อริยสาวโก’’ติ. นวนฺนมฺปิ กมฺมฏฺานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสตีติ อิทํ ฌานธมฺเมปิ อนุสฺสวลทฺเธ คเหตฺวา สมฺมสนํ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ; เตภูมกสงฺขารคตํ อิธ วุตฺตนฺติ อนวเสสโต ปริคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา สกฺกาโย’’ติ.
เอตํ ¶ อมตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺติยา เอตํ อรหตฺตํ อมตรสํ. เตนาห – ‘‘เอตํ อมตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีต’’นฺติ. ‘‘อนุปาทาย กิฺจิปิ อคฺคเหตฺวา จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ วุตฺตตฺตาปิ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมกฺโข นิพฺพานํ อฺตฺถ สุตฺเต วุจฺจติ.
ติณฺณํ ¶ ภิกฺขูนนฺติ อภินิเวสเภเทน ติวิธานํ. ปาทกํ กตฺวา ิตสฺส โอสกฺกนาย อภาเว การณํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สโมธาเนตฺวาติ สมฺมเทว โอทหิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อสงฺกรโต ววตฺถเปตฺวา. สุกถิตํ นาม โหติ กเถตพฺพสฺส อนวเสเสตฺวา กถิตตฺตา.
อาเนฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๗๔. ยถา ¶ เหฏฺิมโสปานผลกํ โอโรหนฺตสฺส ปจฺฉิมํ นาม โหติ, เอวํ อาโรหนฺตสฺส ปมํ นาม โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวราติ ยาว ปมโสปานผลกา’’ติ. วตฺถุํ โสเธตฺวาติ วตฺถุวิชฺชาจริเยน วุตฺตวิธินา ปาสาทวตฺถุโน โสธนวิธึ กตฺวา. เอตฺถาติ ปาสาทกรเณ. สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลคฺคสฺส อํสุโกฏิเวธโก วาลเวธิ นาม. านสมฺปาทนนฺติ เวสาขมณฺฑลาทีนํ สมฺปาทนํ. มุฏฺิกรณาทีหีติ อุสุมุฏฺิกรณชิยาคาหชิยาวิชฺฌาทีหิ. เอวํ คณาเปมาติ เอกํ นาม เอกเมว, ทฺเว ทุกา จตฺตาริ, ตีณิ ติกานิ นว, จตฺตาริ จตุกฺกานิ โสฬสาติอาทินา เอวํ คณนํ สิกฺขาเปม.
๗๕. เกราฏิกา โหนฺตีติ สมยสฺส อนุปกฺกิลิฏฺกรณมายาสาเยฺเยน สมนฺนาคตา โหนฺติ. ตํ ทมนํ ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมติ, อยมสฺส ชาติโทสาภาโว.
๗๖. สติสมฺปชฺาหิ สมงฺคิภาวตฺถายาติ สตตวิหาริภาวสาธเนหิ สติสมฺปชฺเหิ สมนฺนาคมตฺถาย. นนุ จ ขีณาสวา สติเวปุลฺลปฺปตฺตา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺตา จ, กถํ ตสฺส สติสมฺปชฺํ ปโยคสาธนียํ ปวตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺเว หี’’ติอาทิ. สตตวิหารีติ สตตํ สมาปตฺติวิหาริพหุลา, ตสฺมา เต อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ. วุตฺตวิปริยาเยน โนสตตวิหาริโน ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อนาจิณฺณภาวโต.
ตํ วิตกฺเกนฺโตติ ‘‘สามเณรสฺส เสนาสนํ นตฺถิ, อรฺฺจ สีหาทีหิ สปริสฺสยํ, กึ นุ โข ตสฺส ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วิตกฺเกนฺโต. เอวรูโปติ ¶ เอทิโส ยถาวุตฺตสามเณรสทิโส ขีณาสโว. อิเม ธมฺเมติ อิมสฺมึ สุตฺเต อาคเต สีลาทิธมฺเม. อาวชฺชิตฺวาวาติ อตฺตโน ปริสุทฺธสีลตาทิอาวชฺชนเหตุ เอว สมาปชฺชิตุํ สกฺขิสฺสติ.
๗๘. ‘‘เยเม, โภ โคตมา’’ติ วจนสฺส สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตถาคเต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวนฺติ ‘‘เยเม, โภ โคตมา’’ติอาทิอากาเรหิ วตฺตุมารทฺโธ.
อชฺชธมฺเมสูติ ¶ อปุราตนธมฺเมสุ. ตกฺกนมตฺตานิ หิ เตหิ กปฺเปตฺวา สยํปฏิภานํ วิรจิตานิ. ปุราตนตาย ปริปุณฺณตาย เอกนฺตนิยฺยานิกตาย จ ปรโม อุตฺตโม. เตนาห – ‘‘เตสุ…เป… อุตฺตโมติ อตฺโถ’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๗๙. กมฺมํเยว ¶ กมฺมนฺโต, โส เอตฺถ อตฺถีติ กมฺมกรณฏฺานํ ‘‘กมฺมนฺโต’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘กมฺมนฺตฏฺาน’’นฺติ. เตหิ ธมฺเมหีติ พุทฺธคุเณหิ. เต ปน สพฺพฺุตฺาณปฺปมุขาติ กตฺวา อาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณธมฺเมหี’’ติ. สพฺเพน สพฺพนฺติ สพฺพปฺปกาเรน อนวเสสํ, เอตฺตโก คุณานํ ปการเภโท, เตสุ กิฺจิปิ ปการํ อนวเสเสตฺวา. สพฺพโกฏฺาเสหิ สพฺพนฺติ ยตฺตกา คุณภาคา, เตหิ สพฺเพหิ อนวเสสํ นิสฺเสสเมว กตฺวา. โยปิ อโหสีติ โยปิ โกสมฺพิวาสีนํ ภิกฺขูนํ วเสน โกสมฺพิยํ กลโห อโหสิ. โสปิ ตตฺเถว อุปฺปนฺนฏฺาเนเยว อุปฺปนฺนมตฺโต วูปสมิโต. ปรินิพฺพุตกาเล ปนสฺสาติ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพุตกาเล ปน. ภิยฺโยโสมตฺตาย ภิกฺขู สมคฺคา ชาตา, กถฺจ สํเวโค ชาโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺสฏฺี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาติสยํ อภิณฺหฺจ อุปสมปฺปตฺติยา อติวิย อุปสนฺตุปสนฺตา. อนุสํยายมาโนติ อนุ อนุ สมฺมเทว ชานนฺโต วิจาเรนฺโต โวสาสมาโน. ‘‘อนุสฺายมาโน’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ ย-การสฺส -การํ กตฺวา นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อนุวิจรมาโน’’ติ.
๘๐. เหฏฺิมปุจฺฉเมวาติ ¶ โคปกโมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตปุจฺฉเมว. โส หิ ‘‘เตหิ ธมฺเมหี’’ติอาทินา, ‘‘อตฺถิ โกจิ ตุมฺหากํ สาสนสฺส สารภูโต ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิ. อยฺจ ตเมว ‘‘ปฏิสรโณ’’ติ ปริยาเยน ปุจฺฉิ. อปฺปฏิสรเณติ ยํ ตุมฺเห ภิกฺขุํ ปฏิโพเธยฺยาถ, ตาทิสสฺส อภาเวน อปฺปฏิสรเณ. ตถาคเตน ปเวทิโต ธมฺโม ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ธมฺมปฏิสรณา. เตนาห ‘‘ธมฺโม อวสฺสโย’’ติ.
๘๑. อาคจฺฉตีติ วาจุคฺคตภาเวน อาคจฺฉติ. วตฺถุวีติกฺกมสงฺขาเต ครุครุตรลหุลหุตราทิเภเท อชฺฌาจาเร อาปตฺติสมฺาติ อาห – ‘‘อาปตฺติ…เป… อาณาติกฺกมนเมวา’’ติ. ยถาธมฺมนฺติ ธมฺมานุรูปํ. ยถาสิฏฺนฺติ ยถานุสิฏฺํ. ธมฺโม โนติ เอตฺถ โน-สทฺโท อวธารเณ ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนา’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วิย. เตเนวาห ‘‘ธมฺโมว กาเรตี’’ติ.
๘๓. ‘‘ยถา ตํ ตุมฺหาทิเสหิ รกฺขเกหิ โคปเกหี’’ติ เอวํ ปสนฺนเวเสน อตฺตานํ อุกฺกํสาเปตุกาโม ¶ . อริยูปวาทปาปํ ขมาปเน สติ อนฺตรายาย น โหตีติ อาห – ‘‘อิจฺเจตํ กุสล’’นฺติ. โคนงฺคลมกฺกโฏติ โคนงฺคุฏฺมกฺกโฏ.
๘๔. อยํ อุกฺกํสาเปตุํ อิจฺฉิตํ ยถารทฺธมตฺถํ วิสํวาเทติ อวณฺณิตมฺปิ วณฺณิตํ กตฺวา กเถนฺโต; อิมสฺส วจนสฺส ปฏิกฺเขเปน อิมินา ทาตพฺพปิณฺฑปาตสฺส อนฺตราโย มา โหตูติ เอวํ ปิณฺฑปาตํ รกฺขิตุํ น โข ปน สกฺกาติ โยชนา. อิทนฺติ ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, โส ภควา’’ติอาทิเทสนํ. อพฺภนฺตรํ กริตฺวาติ นิพฺพานนฺโตคธํ กตฺวา, อนฺตรํ วา ตสฺส นิชฺฌานสฺส การณํ กตฺวา. กามราควเสน หิ ตํ นิชฺฌานํ โหตีติ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺตปเทเส. สพฺพสงฺคาหิกชฺฌานนฺติ โลกิยโลกุตฺตรสฺส อนฺตราโย มา โหตูติ เอวํ กตฺวาปิ รูปาวจรสฺส มคฺคฌานสฺส ผลฌานสฺสาติ สพฺพสฺสปิ สงฺคณฺหนวเสน เทสิตตฺตา สพฺพสงฺคาหกชฺฌานํ นาม กถิตํ.
ยํ โน มยนฺติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ. ตํ โนติ เอตฺถ ปน โนติ อมฺหากนฺติ อตฺโถ. อุสูยติ ราชกิจฺจปสุตตาธีนตาย เอกตฺถาภินิเวสภาวโต ¶ . มนฺทปฺตาย วสฺสการคตอิสฺสาภิภูตจิตฺตตาย ปริปุณฺณํ กตฺวา วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อนุปธาเรนฺโต อาห – ‘‘เอกเทสเมว กเถสี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา
๘๕. ตสฺมึ ¶ อหูติ ตสฺมึ อหนีติ อาห ‘‘ตสฺมึ ทิวเส’’ติ. อนสเนนาติ สพฺพโส อาหารสฺส อภฺุชเนน สาสนิกสีเลน พาหิรกอนสเนน อุเปตา หุตฺวาติ โยชนา. วา-สทฺเทน ขีรปานมธุสายนาทิวิธึ สงฺคณฺหาติ. อุเปจฺจ วสิตพฺพโต อุโปสโถ, ปาติโมกฺขุทฺเทโส. อุเปเตน สมนฺนาคเตน หุตฺวา วสิตพฺพโต สนฺตาเน วาเสตพฺพโต อุโปสโถ, สีลํ. อนสนาทิธมฺมาทึ วา อุเปจฺจ วสนํ อุปวาโส อุโปสโถ. ตถารูเป หตฺถิชาติวิเสเส อุโปสโถติ สมฺามตฺตนฺติ อาห – ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชาติอาทีสุ ปฺตฺตี’’ติ. วุตฺตนเยน อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, ทิวโส. โส ปเนส อุโปสโถ. มาสปุณฺณตายาติ มาสสฺส ปูริตภาเวน. สมฺปุณฺณาติ สพฺพโส ปุณฺณา. ตาย หิ รตฺติยา วเสน มาโส อนวเสสโต ปุณฺโณ โหติ. มาสทฺธมาสาทิเภทํ กาลํ มาติ มินนฺโต วิย โหตีติ จ ‘‘มา’’อิติ จนฺโท วุจฺจติ. เอตฺถาติ เอติสฺสา รตฺติยา. ปุณฺโณ ปริปุณฺณกโล ชาโตติ ปุณฺณมา. ตฺหิ จนฺทปาริปูริยา มาสปาริปูริยา เอวมาห. เอเตน ตสฺส อุโปสถภาวํ ทสฺเสติ.
ทิสฺสติ ผลํ สนฺทิสฺสตีติ เทโส, เหตูติ อาห ‘‘เทสนฺติ การณ’’นฺติ. สพฺพํ กเถนฺติ สพฺพํ อตฺตนา ปริคฺคหิตปฺปการํ กเถนฺติ. กเถตุํ น สกฺโกนฺติ อวิสยตฺตา. ปาสาทปริเวเณติ ปาสาทสฺส ปุรโต วิวฏงฺคเณ. เหฏฺา วุตฺตนเยนาติ เสขสุตฺเต (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒) วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ.
๘๖. อิเม นุ โขติ เอตฺถ นูติ สํสยโชตโนติ อาห – ‘‘วิมติปุจฺฉา วิย กถิตา’’ติ. ชานนฺเตนาติอาทิ ปุจฺฉาวตฺตทสฺสนปรํ ทฏฺพฺพํ, น ¶ ปุจฺฉกสฺส สตฺถุ อตฺตโน อชานนภาวทีปนปรํ. ชานาติ หิ ภควา. อชานนฺเตน วิย หุตฺวา ปุจฺฉิเต. ยถาภูตสภาวํ ชานนฺโต วิย ปุจฺฉติ โกหฺเ ตฺวา. เตนาห – ‘‘เถโร เอวรูปํ วจนํ กึ กริสฺสตี’’ติ การณสฺส สุปฺปหีนตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ฉนฺทมูลกาติ ตณฺหาฉนฺทมูลกา. ตณฺหา หิ ทุกฺขสมุทโย. กุสลสฺโ วา ถิรวิสทนิปุณสฺโ วา, กุสลสงฺขาโร วา ติขิณถิรวิสทสงฺขาโร วา; สุวิสุทฺธวิปุโลทารวิฺาโณ ¶ วาติ อิมมตฺถํ ‘‘สฺาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ. กสฺมา ปเนตฺถ อนาคตกาลวเสเนว เทสนา อาคตาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ.
ขนฺธานํ ขนฺธปณฺณตฺตีติ ขนฺธสทฺทาภิเธยฺยานํ รุปฺปนานุภวนสฺชานนาภิสงฺขรวิชานนสภาวานํ อตฺถานํ ‘‘ขนฺโธ’’ติ อยํ สมฺา. กิตฺตเกนาติ กึปริมาเณน อตฺเถน, ราสตฺถภาคตฺถาทีสุ กีทิเสนาติ อธิปฺปาโย.
เหตุเหตูติ เหตุปจฺจยภูโต เหตุ. โย หิ โลภาทีนํ สหชาตธมฺเมสุ มูลฏฺเนุปการกภาโว นิปฺปริยาเยน เหตุตฺโถ; โส ปถวีอาทีสุปิ ปจฺจยภาวมตฺเตน เหตุปริยายทสฺสนโต ทุติเยน เหตุ-สทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺโต ‘‘เหตุเหตู’’ติ. อวิชฺชา ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณปจฺจยตฺตา สาธารณเหตุ, ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปาก’’นฺติ เอตฺถ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ ปจฺจเยสุ อิฏฺานิฏฺวิปากนิยามกตฺตา กมฺมํ ตสฺส ปธานการณนฺติ อาห – ‘‘กุสลากุสลํ อตฺตโน อตฺตโน วิปากทาเน อุตฺตมเหตู’’ติ. ‘‘มหาภูตา เหตู’’ติ อยเมวตฺโถ ‘‘มหาภูตา ปจฺจโย’’ติ อิมินาปิ วุตฺโตติ เหตุสทฺทปจฺจยสทฺทานํ สมานตฺถตฺตา ปจฺจโย เอว เหตุ ปจฺจยเหตุ, โย จ รูปกฺขนฺธสฺส เหตุ, โส เอว ตสฺส ปฺาปนาย ปจฺจโยติ วุตฺโตติ อาห – ‘‘อิธ ปจฺจยเหตุ อธิปฺเปโต’’ติ. ยทคฺเคน ปจฺจยธมฺโม อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทาย ิติยา จ ปจฺจโย, ตทคฺเคน ตสฺส ภาวโต สมฺาโต ปฺาปนายปิ โส ปจฺจโยติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ. ปาฬิยํ อวิภาเคน วุตฺตมตฺถํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ, ‘‘ตตฺถ ปถวีธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺาปนายาติ สเหตุอเหตุกนฺติอาทิอากาเรหิ โพธนาย ¶ . ตํ ปน สพฺโพธนํ าเณน ทสฺสนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ทสฺสนตฺถายา’’ติ.
ผสฺโสติ ผสฺสสมงฺคีภาโว. โส เจตฺถ สกิจฺจนิปฺผาทนสมตฺถสฺส ผสฺสสฺส นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺโต หิ ผสฺโส ตถารูปาย เวทนาย ปจฺจโย โหตีติ. เอตทตฺถเมเวตฺถ ภควตา ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา, ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนาตีตกาลวเสน ทฺวิกาลิโก ผสฺสสทฺโท เวทิตพฺโพ. ผสฺเส สติ เวเทติ ผสฺสปจฺจยา เวทนาอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ยเถว หิ เวทนาย เอวํ สฺาย สงฺขารานมฺปิ ผสฺโส วิเสสปจฺจโย ตสฺมึ อสติ อภาวโต. เจตนาคฺคหเณน อายูหนานุรูปตาย ตปฺปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมา คหิตา. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธภาชนีเย (วิภ. ๒๑, ๒๒) จ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา ¶ เจตนาว นิทฺทิฏฺา. วิฺาณกฺขนฺธสฺสาติ เอตฺถ เอกสฺมึ ภเว อาทิภูตวิฺาณสฺส นามรูปปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปฏิสนฺธิวิฺาเณน ตาวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คพฺภเสยฺยกสฺส สภาวกสฺส รูปปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘อุปริมปริจฺเฉเทนา’’ติ วุตฺตํ สมตึสโต อุปริ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตสฺส รูปานํ อสมฺภวโต. อิทานิ ปวตฺติวิฺาณสฺส นามรูปปจฺจยํ ทฺวารวเสน ทสฺเสตุํ, ‘‘จกฺขุทฺวาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ จ วิฺาณสฺสปิ ผสฺโส ปจฺจโย, กสฺมา ตโย เอว ขนฺธา ผสฺสปจฺจยา วุตฺตาติ? สจฺจเมตํ, ยถา ปน วิฺาณสหิโต ผสฺโส เวทนาทีนํ ปจฺจโย, น เอวํ วิฺาณสฺส. เตนาห ภควา – ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔, ๔๕; ๒.๔.๖๐) ผสฺโส วิย นามรูปํ วิฺาณสฺส วิเสสปจฺจโย ยถา นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณนฺติ. ตสฺมา อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ นามรูปสฺเสว วิฺาณปจฺจยตา วุตฺตา, น ผสฺสสฺส.
๘๗. ยาว สกฺกายทิฏฺิ สมุปฺปชฺชติ, ตาว วฏฺฏสฺส ปริยนฺโต นตฺเถวาติ อปฺปหีนสกฺกายทิฏฺิโก วฏฺเฏ ปริพฺภมตีติ อาห – ‘‘กถํ ปน, ภนฺเตติ วฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต’’ติ. ยถา จ สกฺกายทิฏฺิโชตนา วฏฺฏปุจฺฉา, เอวํ ตพฺเภทนโชตนา วิวฏฺฏปุจฺฉาติ อาห – ‘‘สกฺกายทิฏฺิ น โหตีติ วิวฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต’’ติ.
๘๘. อยํ ¶ รูเป อสฺสาโทติ ยาถาวโต ทสฺสนํ ปริฺาภิสมโย, ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนฺจ รูปนฺติ อาห – ‘‘อิมินา ปริฺาปฏิเวโธ เจว ทุกฺขสจฺจฺจ กถิต’’นฺติ. ‘‘ยํ รูปํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิวจนโต อนิจฺจาทิภาโว ตตฺถ อาทีนโว, โส จสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติตาย ปจฺจโย สมุทยสจฺจนฺติ สมุทยปฺปหาเนน อาทีนวสมติกฺกโมติ อาทีนวคฺคหเณน สิทฺธมตฺถมาห – ‘‘ปหานปฏิเวโธ เจว สมุทยสจฺจฺจา’’ติ. สพฺพสงฺขตนิสฺสรณํ นิพฺพานฺจ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิตพฺพนฺติ อาห – ‘‘อิมินา สจฺฉิกิริยาปฏิเวโธ เจว นิโรธสจฺจฺจา’’ติ. อิเมสุ ตีสุ าเนสูติ ยถาวุตฺเตสุ ทุกฺขาทีสุ ตีสุ อภิสมยฏฺาเนสุ. เย สมฺมาทิฏฺิอาทโย ธมฺมาติ เย อริยมคฺคสฺิตา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ, สตฺต วา ธมฺมา. ภาวนาปฏิเวโธ มคฺคสจฺจนฺติ ภาวนาภิสมยวเสน ปวตฺตํ มคฺคสจฺจํ. เสสปเทสุปีติ, ‘‘อยํ เวทนาย อสฺสาโท’’ติอาทิปเทสุปิ.
๘๙. อิมสฺมินฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขตาย สกอตฺตภาโว คหิโต, ตเทว อชฺฌตฺตา ขนฺธาติ ตปฺปฏิโยคิตาย, ‘‘พหิทฺธาติ ปรสฺส สวิฺาณเก กาเย’’ติ วุตฺตํ. สพฺพนิมิตฺเตสูติ สพฺเพสุ รูปนิมิตฺตาทีสุปิ ¶ . ตานิ ปน อินฺทฺริยพทฺธานิปิ อนินฺทฺริยพทฺธานิปิ ตํสภาวานีติ อาห ‘‘อนินฺทฺริยพทฺธมฺปิ สงฺคณฺหาตี’’ติ. วิฺาณคฺคหเณเนเวตฺถ เวทนาทโยปิ คหิตา อวินาภาวโตติ, ‘‘สวิฺาณเก กาเย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กาโย’’ติ วา ขนฺธสมูโหติ อตฺโถ.
๙๐. อนตฺตนิ ตฺวาติ อตฺตรหิเต อนตฺตสภาเว ขนฺธโกฏฺาเส ตฺวา ตํ อาธารํ กตฺวา กตานิ กมฺมานิ. กตรสฺมึ อตฺตนิ ตฺวาติ กีทิเส อตฺตนิ นิสฺสยวิปากํ ทสฺสนฺติ วิปจฺจิสฺสนฺติ. เอเตน การกเวทกรหิตตฺตา อตฺตปกฺขกมฺมกานิ น ยุชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ, ขนฺธานํ ขณิกตฺตา จ กตนาสอกตพฺภาคมโทโส จ อาปชฺชตีติ.
ตตฺรายํ (อิติวุ. อฏฺ. ๗๔; สารตฺถ. ฏี. ๑.๕) โจทนาโสธนาวิธิ – ปาณาติปาตวเสน ตาว กมฺมปถสมฺพนฺธวิภาวนา, ขเณ ขเณ หิ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ โก หนฺติ, โก วา หฺติ, ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปตฺตา ¶ น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมตฺโถ, นปิ วิโกปนีโย. อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตฺตา กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาตาปฺุํ ปสวติ ยถา มตสรีเร. ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ปหรณปฺปหาราทิโก อตีเตสุ วา สงฺขาเรสุ ภเวยฺย, อนาคเตสุ, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา, ตตฺถ น ตาว อตีตานาคเตสุ สมฺภวติ เตสํ อภาวโต, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปหาราทิปฺปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหกตาย จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค? ขณิกตฺตา วธาธิปฺปายสมกาลภิชฺชนกสฺส กิริยาปริโยสานกาลานวฏฺานโต กสฺส ปาณาติปาตกมฺมพทฺโธติ?
วุจฺจเตยถาวุตฺตวธกเจตนาสหิโต สงฺขารปฺุโช สตฺตสงฺขาโต หนฺติ. เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตํ อปคตอุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มตโวหารปวตฺตินิพนฺธโน ยถาวุตฺตวปฺปโยคกรเณ อุปฺปชฺชนารโห รูปารูปธมฺมสมูโห หฺติ, เกวโล วา จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน. วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย รูปสนฺตาเน ปเรน ปโยชิตชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยควเสน ตนฺนิพฺพตฺติตวิพนฺธกวิสทิรูปุปฺปตฺติยา วิคเต วิจฺเฉโท โหตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว; นาปิ อเหตุโก ปาณาติปาโต, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปฺปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถา อนุปฺปตฺติโต. ขณิกานํ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ ¶ ; น จ กตฺตุรหิโต ปาณาติปาตปฺปโยโค นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ สนฺนิหิตตามตฺเตน อุปการเกสุ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทเน นิยเตสุ การเณสุ กตฺตุโวหารสิทฺธิโต ยถา – ‘‘ปทีโป ปกาเสติ, นิสากโร จนฺทิมา’’ติ. น จ เกวลสฺส วจาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต สนฺตานวเสน อวฏฺิตสฺเสว ปฏิชานนโต; สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานฺจ ¶ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยสิทฺธิ ทิสฺสตีติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมุนา พทฺโธ; ตโต เอว ยสฺมึ สนฺตาเน ปาณาติปาตเจตนา ปวตฺตา; ตตฺเถว สนฺตาเน ปจฺจยนฺตรสมวาเยน ภวนฺตเร นิรยาทีสุ ตสฺสา ผลปฺปวตฺตีติ นตฺเถว กตวินาโส อกตพฺภาคโม จ. อิมินา นเยน อทินฺนาทานาทีนฺจ วเสน ยถารหํ กมฺมปถสมฺพนฺธวิภาวนา เวทิตพฺพาติ.
สพฺโพ ทิฏฺิคฺคาโห ตณฺหาวสคตสฺเสว โหตีติ อาห ‘‘ตณฺหาธิปเตยฺเยนา’’ติ. เตสุ เตสุ ธมฺเมสูติ มยา เทสิยมานทสฺสนธมฺเมสุ. ปกติกมฺมฏฺานนฺติ ตสฺส เถรสฺส สนฺติเก คเหตฺวา ปริหริยมานกมฺมฏฺานํ. อฺํ นวกมฺมฏฺานนฺติ ภควโต เทสนานุสาเรน คหิตํ อฺํ นวํ กมฺมฏฺานํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา
๙๑. ตุณฺหีภูตํ ¶ ตุณฺหีภูตนฺติ อาเมฑิตวจนํ พฺยาปนิจฺฉาวเสน วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ยํ ยํ ทิส’’นฺติอาทิ. อนุวิโลเกตฺวาติ เอตฺถ อนุสทฺโทปิ พฺยาปนิจฺฉายเมวาติ อนุ อนุ วิโลเกตฺวาติ อตฺโถ. เตเนวาห – ‘‘ตโต ตโต วิโลเกตฺวา’’ติ. อสนฺโต นีโจ ปุริโสติ อสปฺปุริโสติ อาห – ‘‘ปาปปุริโส ลามกปุริโส’’ติ. โสติ อสปฺปุริโส. ตนฺติ อสปฺปุริสํ ชานิตุํ น สกฺโกติ อสปฺปุริสธมฺมานํ ยาถาวโต อชานนโต. ปาปธมฺมสมนฺนาคโตติ กายทุจฺจริตาทิอสนฺตุฏฺิตาทิลามกธมฺมสมนฺนาคโต. อสปฺปุริเส ภตฺติ เอตสฺสาติ อสปฺปุริสภตฺติ. เตนาห – ‘‘อสปฺปุริสเสวโน’’ติ. อสปฺปุริสธมฺโม อสปฺปุริโส อุตฺตรปทโลเปน, เตสํ จินฺตนสีโลติ อสปฺปุริสจินฺตี. เตนาห ‘‘อสปฺปุริสจินฺตาย จินฺตโก’’ติ, ทุจฺจินฺติตจินฺตีติ อตฺโถ. อสปฺปุริสมนฺตนนฺติ อสาธุชนวิจารํ อสปฺปุริสวีมํสํ. อสปฺปุริสวาจนฺติ จตุพฺพิธํ ทุพฺภาสิตํ. อสปฺปุริสกมฺมํ นาม ติวิธมฺปิ กายทุจฺจริตํ. อสปฺปุริสทิฏฺิ นาม วิเสสโต ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ, ตาย สมนฺนาคโต อสปฺปุริสทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, อสปฺปุริสทานํ ¶ นาม อสกฺกจฺจทานาทิ. สพฺโพปายมตฺโถ ปาฬิโต เอว วิฺายติ.
‘‘ปาณํ หนิสฺสามี’’ติอาทิกา เจตนา กามํ ปรพฺยาพาธายปิ โหติเยว, ยถา ปน สา อตฺตโน พลวตรทุกฺขตฺถาย โหติ, ตถา น ปรสฺสาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อตฺตโน ทุกฺขตฺถาย จินฺเตติ’’อิจฺเจว วุตฺโต. ยถา อสุโก อสุกนฺติอาทีหิ ปาปโก ปาปวิปาเกกเทสํ พลวํ ครุตรํ วา ปจฺจนุโภนฺโตปิ ยถา ปโร ปจฺจนุโภติ, น ตถา สยนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ปรพฺยาพาธายา’’ติ. คเหตฺวาติ ปาปกิริยาย สหายภาเวน คเหตฺวา.
อสกฺกจฺจนฺติ อนาทรํ กตฺวา. เทยฺยธมฺมสฺส อสกฺกรณํ อปฺปสนฺนากาโร, ปุคฺคลสฺส อสกฺกรณํ อครุกรณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เทยฺยธมฺมํ น สกฺกโรติ นามา’’ติอาทิมาห. อจิตฺตีกตฺวาติ น จิตฺเต กตฺวา, น ปูเชตฺวาติ อตฺโถ. ปูเชนฺโต หิ ปูเชตพฺพวตฺถุํ จิตฺเต เปติ, ตโต น พหิ กโรติ. จิตฺตํ วา อจฺฉริยํ กตฺวา ปฏิปตฺติ จิตฺตีกรณํ, สมฺภาวนกิริยา. ตปฺปฏิกฺเขปโต อจิตฺตีกรณํ, อสมฺภาวนกิริยา. อปวิทฺธนฺติ อุจฺฉิฏฺาทิฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อวขิตฺตกํ. เตนาห – ‘‘ฉฑฺเฑตุกาโม วิยา’’ติอาทิ. โรคํ ปกฺขิปนฺโต ¶ วิยาติ โรคิกสรีรํ โอทนาทีหิ ปมชฺชิตฺวา วมฺมิเก โรคํ ปกฺขิปนฺโต วิย. อทฺธา อิมสฺส ทานสฺส ผลํ มเมว อาคจฺฉตีติ เอวํ ยสฺส ตถา ทิฏฺิ อตฺถิ, โส อาคมนทิฏฺิโก, อยํ ปน น ตาทิโสติ อาห ‘‘อนาคมนทิฏฺิโก’’ติ. เตนาห – ‘‘โน ผลปาฏิกงฺขี หุตฺวา เทตี’’ติ.
กามฺจายํ ยถาวุตฺตปุคฺคโล อสทฺธมฺมาทีหิ ปาปธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, เตหิ ปน สพฺเพหิปิ มิจฺฉาทสฺสนํ มหาสาวชฺชนฺติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา นิรเย อุปปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตปฏิปกฺขนเยนาติ กณฺหปกฺเข วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิปริยาเยน สุกฺกปกฺเข อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘สเทวกํ โลก’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๑) เทวสทฺโท ฉกามาวจรเทเวสุ, เอวมิธาติ อาห ‘‘ฉกามาวจรเทวา’’ติ. ตตฺถ พฺรหฺมานํ วิสุํ คหิตตฺตา กามาวจรเทวคฺคหณนฺติ เจ? อิธ ทานผลสฺส อธิปฺเปตตฺตา กามาวจรเทวคฺคหณํ ¶ , ตตฺถาปิ ฉกามาวจรคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ เทวมหตฺตตาทิวจนโต. ติณฺณํ กุลานํ สมฺปตฺตีติ ขตฺติยมหตฺตาทีนํ ติณฺณํ กุลานํ สมฺปตฺติ, น เกวลํ กุลสมฺปทา เอว อธิปฺเปตา, อถ โข ตตฺถ อายุวณฺณยสโภคอิสฺสริยาทิสมฺปทาปิ อธิปฺเปตาติ ทฏฺพฺพํ อุฬารสฺส ทานมยปฺุสฺส วเสน เตสมฺปิ สมิชฺฌนโต. สุทฺธวฏฺฏวเสเนว กถิตํ สุกฺกปกฺเขปิ สพฺพโส วิวฏฺฏสฺส อนามฏฺตฺตา. สทฺธาทโย หิ โลกิยกุสลสมฺภารา เอเวตฺถ อธิปฺเปตาติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ เทวทหวคฺควณฺณนา.