📜
๒. อนุปทวคฺโค
๑. อนุปทสุตฺตวณฺณนา
๙๓. อิทฺธิมาติ ¶ ¶ คุโณ ปากโฏ ปรโตโฆเสน วินา ปาสาทกมฺปนเทวจาริกาทีหิ สยเมว ปกาสภาวโต; ธุตวาทาทิคุณานมฺปิ ตถาภาเว เอเตเนว นเยน เตสํ คุณานํ ปากฏโยคโต จ ปเรสํ นิจฺฉิตภาวโต จ. ปฺวโต คุณาติ ปฺาปเภทปภาวิเต คุณวิเสเส สนฺธาย วทติ. เต หิ เยภุยฺเยน ปเรสํ อวิสยา. เตนาห – ‘‘น สกฺกา อกถิตา ชานิตุ’’นฺติ. วิสภาคา สภาคา นาม อโยนิโสมนสิการพหุเลสุ ปุถุชฺชเนสุ, เต ปน อปฺปหีนราคโทสตาย ปรสฺส วิชฺชมานมฺปิ คุณํ มกฺเขตฺวา อวิชฺชมานํ อวณฺณเมว โฆเสนฺตีติ อาห – ‘‘วิสภาค…เป… กเถนฺตี’’ติ.
ยา อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต ยถาภูตํ ปชานนา, อยํ ธาตุกุสลตา. อายตนกุสลตายปิ เอเสว นโย. อวิชฺชาทีสุ ทฺวาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ โกสลฺลํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา. อิทํ อิมสฺส ผลสฺส านํ การณํ, อิทํ อฏฺานํ อการณนฺติ เอวํ านฺจ านโต, อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานนา, อยํ านาฏฺานกุสลตา. โย ปน อิเมสุ ธาตุอาทีสุ ปริฺาภิสมยาทิวเสน นิสฺสงฺคคติยา ปณฺฑาติ ลทฺธนาเมน าเณน อิโต คโต ปวตฺโต, อยํ ปณฺฑิโต นามาติ อาห – ‘‘อิเมหิ จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโต’’ติ. มหนฺตานํ อตฺถานํ ปริคฺคณฺหนโต มหตี ปฺา เอตสฺสาติ มหาปฺโ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ อาห – ‘‘มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ’’ติ.
นานตฺตนฺติ ยาหิ มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร ‘‘มหาปฺโ’’ติอาทินา กิตฺตียติ, ตาสํ มหาปฺาทีนํ อิทํ นานตฺตํ อยํ เวมตฺตตา. ยสฺส กสฺสจิ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๑๖; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๑๐; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๕๘๔) วิเสสโต อรูปธมฺมสฺส มหตฺตํ นาม กิจฺจสิทฺธิยา เวทิตพฺพนฺติ ตทสฺส กิจฺจสิทฺธิยา ทสฺเสนฺโต, ‘‘มหนฺเต ¶ สีลกฺขนฺเธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เหตุมหนฺตตาย ปจฺจยมหนฺตตาย นิสฺสยมหนฺตตาย ปเภทมหนฺตตาย กิจฺจมหนฺตตาย ¶ ผลมหนฺตตาย อานิสํสมหนฺตตาย จ สีลกฺขนฺธสฺส มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เหตู อโลภาทโย, ปจฺจยา หิโรตฺตปฺปสทฺธาสติวีริยาทโย. นิสฺสยา สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธินิยตตา ตํสมงฺคิโน จ ปุริสวิเสสา. ปเภโท จาริตฺตาทิวิภาโค. กิจฺจํ ตทงฺคาทิวเสน ปฏิปกฺขสฺส วิธมนํ. ผลํ สคฺคสมฺปทา นิพฺพานสมฺปทา จ. อานิสํโส ปิยมนาปตาทิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) จ อาคตนเยน เวทิตพฺโพ. อิมินา นเยน สมาธิกฺขนฺธาทีนมฺปิ มหนฺตตา ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา เวทิตพฺพา, านาฏฺานาทีนํ ปน มหนฺตภาโว มหาวิสยตาย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ านาฏฺานานํ มหาวิสยตา พหุธาตุกสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๒๔ อาทโย) สยเมว อาคมิสฺสติ. วิหารสมาปตฺตีนํ สมาธิกฺขนฺเธ นิทฺธาริตนเยน เวทิตพฺพา, อริยสจฺจานํ สกลสาสนสงฺคหณโต สจฺจวิภงฺเค (วิภ. ๑๘๙ อาทโย) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฏฺ. ๑๘๙ อาทโย) อาคตนเยน. สติปฏฺานาทีนํ วิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๓๕๕ อาทโย) ตํสํวณฺณนาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๕ อาทโย) จ อาคตนเยน. สามฺผลานํ มหโต หิตสฺส มหโต สุขสฺส มหโต อตฺถสฺส มหโต โยคกฺเขมสฺส นิปฺผตฺติภาวโต สนฺตปณีตนิปุณอตกฺกาวจรปณฺฑิตเวทนียภาวโต จ. อภิฺานํ มหาสมฺภารโต มหาวิสยโต มหากิจฺจโต มหานุภาวโต มหานิปฺผตฺติโต จ. นิพฺพานสฺส มทนิมฺมทนาทิมหตฺถสิทฺธิโต มหนฺตตา เวทิตพฺพา.
ปุถุปฺาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – นานาขนฺเธสุ าณํ ปวตฺตตีติ, ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นามา’’ติ, เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. เตสุปิ ‘‘เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ…เป… เอกวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส เอกวิธาทิวเสน อตีตาทิเภทวเสนปิ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตถา ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’’ติ เอวํ อายตนนานตฺตํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ.
นานาธาตูสูติ ¶ ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม. ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’’ติ เอวํ นานาธาตูสุ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตยิทํ ¶ อุปาทิณฺณกธาตุวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปจฺเจกพุทฺธานฺหิ ทฺวินฺนฺจ อคฺคสาวกานํ อุปาทิณฺณกธาตูสุเยว นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตฺจ โข เอกเทสโตว, โน นิปฺปเทสโต, อนุปาทิณฺณกธาตูนํ ปน นานากรณํ น ชานนฺติเยว. สพฺพฺุพุทฺธานํเยว ปน, ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต โหติ, อิมสฺส กณฺโห, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ วฏฺฏํ สุสณฺานํ มฏฺํ ผรุสํ สุคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ อมฺพิลํ กฏุกํ กสาวํ, กณฺฏโก ติขิโณ อติขิโณ อุชุโก กุฏิโล โลหิโต โอทาโต โหตี’’ติ ธาตุนานตฺตํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ.
อตฺเถสูติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ. นานาปฏิจฺจสมุปฺปาเทสูติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต สนฺตานเภทโต จ นานปฺปเภเทสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ. อวิชฺชาทิองฺคานฺหิ ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺิตาติ. เตนาห – สงฺขารปิฏเก ‘‘ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ. นานาสฺุตมนุปลพฺเภสูติ นานาสภาเวสุ นิจฺจสาราทิวิรหโต สฺุสภาเวสุ, ตโต เอว อิตฺถิปุริสอตฺตอตฺตนิยาทิวเสน อนุปลพฺเภสุ สภาเวสุ. ม-กาโร เหตฺถ ปทสนฺธิกโร. นานาอตฺเถสูติ อตฺถปฏิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยุปฺปนฺนาทินานาอตฺเถสุ. ธมฺเมสูติ ธมฺมปฏิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยาทินานาธมฺเมสุ. นิรุตฺตีสูติ เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ นิทฺธารณวจนสงฺขาตาสุ นานานิรุตฺตีสุ. ปฏิภาเนสูติ เอตฺถ อตฺถปฏิสมฺภิทาทีสุ วิสยภูเตสุ, ‘‘อิมานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ (วิภ. ๗๒๕-๗๔๕) ตถา ตถา ปฏิภานโต ปฏิภานานีติ ลทฺธนาเมสุ าเณสุ. ปุถุ นานาสีลกฺขนฺเธสูติอาทีสุ สีลสฺส ปุถุตฺตํ นานตฺตฺจ วุตฺตเมว. อิตเรสํ ปน วุตฺตนยานุสาเรน สุวิฺเยฺยตฺตา ปากฏเมว. ยํ ปน อภินฺนํ เอกเมว นิพฺพานํ, ตตฺถ อุปจารวเสน ปุถุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อาห – ‘‘ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธมฺเม สมติกฺกมฺมา’’ติ. เตนสฺส มทนิมฺมทนาทิปริยาเยน ปุถุตฺตํ ปริทีปิตํ โหติ.
เอวํ ¶ วิสยวเสน ปฺาย มหตฺตํ ปุถุตฺตฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน หาสภาวํ, ปวตฺติอาการวเสน ชวนภาวํ, กิจฺจวเสน ติกฺขาทิภาวฺจ ทสฺเสตุํ, ‘‘กตมา หาสปฺา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หาสพหุโลติ ปีติพหุโล. เสสปทานิ ตสฺเสว เววจนานิ. สีลํ ปริปูเรตีติ หฏฺปหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค หุตฺวา ปีติสหคตาย ปฺาย. ปีติโสมนสฺสสหคตา หิ ปฺา อภิรติวเสน อารมฺมเณ ผุลฺลา วิกสิตา วิย ปวตฺตติ; น อุเปกฺขาสหคตาติ ปาติโมกฺขสีลํ เปตฺวา หาสนียํ ปรํ ติวิธมฺปิ สีลํ ปริปูเรตีติ อตฺโถ. วิสุํ วุตฺตตฺตา ปุน สีลกฺขนฺธมาห. สมาธิกฺขนฺธนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
รูปํ ¶ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ รูปกฺขนฺธํ อนิจฺจนฺติ สีฆํ เวเคน ปวตฺติยา ปฏิปกฺขทูรีภาเวน ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา อินฺเทน วิสฺสฏฺวชิรํ วิย ลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌนฺตี อทนฺธายนฺตี รูปกฺขนฺเธ อนิจฺจลกฺขณํ เวคสา ปฏิวิชฺฌติ, ตสฺมา สา ชวนปฺา นามาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ชวนปฺํ ทสฺเสตฺวา พลววิปสฺสนาวเสน ทสฺเสตุํ, ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ขยฏฺเนาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนโต ขยสภาวตฺตา. ภยฏฺเนาติ ภยานกภาวโต. อสารกฏฺเนาติ อตฺตสารวิรหโต นิจฺจสาราทิวิรหโต จ. ตุลยิตฺวาติ ตุลาภูตาย วิปสฺสนาปฺาย ตุเลตฺวา. ตีรยิตฺวาติ ตาย เอว ตีรณภูตาย ตีเรตฺวา. วิภาวยิตฺวาติ ยาถาวโต ปกาเสตฺวา ปฺจกฺขนฺธํ วิภูตํ กตฺวา. รูปนิโรเธติ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธภูเต นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารวเสน. อิทานิ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาวเสน ชวนปฺํ ทสฺเสตุํ, ปุน ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาวเสนาติ เกจิ.
าณสฺส ติกฺขภาโว นาม สวิเสสํ ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน เวทิตพฺโพติ, ‘‘ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปฺา’’ติ วตฺวา เต ปน กิเลเส วิภาเคน ทสฺเสนฺโต, ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทิมาห. ติกฺขปฺโ หิ ขิปฺปาภิฺโ โหติ, ปฏิปทา จสฺส น จลตีติ อาห – ‘‘เอกสฺมึ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา อธิคตา โหนฺตี’’ติอาทิ.
‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ ยาถาวโต ทสฺสเนน สจฺจสมฺปฏิเวโธ อิชฺฌติ, น อฺถาติ การณมุเขน นิพฺเพธิกปฺํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ ¶ อุพฺเพคพหุโล โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุพฺเพคพหุโลติ วุตฺตนเยน สพฺพสงฺขาเรสุ อภิณฺหํ ปวตฺตสํเวโค. อุตฺตาสพหุโลติ าณุตฺราสวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ พหุโส อุตฺรสฺตมานโส. เตน อาทีนวานุปสฺสนมาห. อุกฺกณฺนพหุโลติ ปน อิมินา นิพฺพิทานุปสฺสนํ อาห – อรติพหุโลติอาทินา ตสฺสา เอว อปราปรุปฺปตฺตึ. พหิมุโขติ สพฺพสงฺขารโต พหิภูตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตาณมุโข, ตถา วา ปวตฺติตวิโมกฺขมุโข. นิพฺพิชฺฌนํ นิพฺเพโธ, โส เอติสฺสา อตฺถิ, นิพฺพิชฺฌตีติ วา นิพฺเพธา, สาว ปฺา นิพฺเพธิกา. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
ปชฺชติ เอเตน วิปสฺสนาทิโกติ ปทํ, สมาปตฺติ, ตสฺมา อนุปทนฺติ อนุสมาปตฺติโยติ อตฺโถ. ปทํ วา สมฺมสนุปคา ธมฺมา วิปสฺสนาย ปวตฺติฏฺานภาวโต. เตนาห ‘‘สมาปตฺติวเสน วา’’ติ ¶ . ฌานงฺควเสน วาติ ฌานงฺควเสนาติ จ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน กมตฺโถ อิธ ปทสทฺโท, ตสฺมา อนุปทํ อนุกฺกเมนาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อนุปฏิปาฏิยา’’ติ. ธมฺมวิปสฺสนนฺติ ตํตํสมาปตฺติจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปสฺสนํ. วิปสฺสตีติ สมาปตฺติโย ฌานมุเขน เต เต ธมฺเม ยาถาวโต ปริคฺคเหตฺวา, ‘‘อิติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา สมฺมสติ. อทฺธมาเสน อรหตฺตํ ปตฺโต อุกฺกํสคตสฺส สาวกานํ สมฺมสนจารสฺส นิปฺปเทเสน ปวตฺติยมานตฺตา, สาวกปารมีาณสฺส จ ตถา ปฏิปาเทตพฺพตฺตา. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺโต; ธมฺมเสนาปติ ปน ตโต จิเรน, เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา โมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ มหาปฺโว, ตสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโรว มหาปฺตโรติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ, ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺมสนํ จรติ เอตฺถาติ สมฺมสนจาโร, วิปสฺสนาภูมิ, ตํ สมฺมสนจารํ. เอกเทสเมวาติ สกอตฺตภาเว สงฺขาเร อนวเสสโต ปริคฺคเหตฺุจ สมฺมสิตฺุจ อสกฺโกนฺตํ อตฺตโน อภินีหารสมุทาคตาณพลานุรูปํ เอกเทสเมว ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสนฺโต. นนุ จ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อนภิชานํ อปริชานํ อวิราชยํ อปฺปชหํ อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖) วจนโต วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกาเมน สพฺพํ ปริฺเยฺยํ ปริชานิตพฺพเมว? สจฺจเมตํ, ตฺจ โข สมฺมสนุปคธมฺมวเสน วุตฺตํ. ตสฺมา สสนฺตานคเต สพฺพธมฺเม ¶ , ปรสนฺตานคเต จ เตสํ สนฺตานวิภาคํ อกตฺวา พหิทฺธาภาวสามฺโต สมฺมสนํ, อยํ สาวกานํ สมฺมสนจาโร. เถโร ปน พหิทฺธาธมฺเมปิ สนฺตานวิภาเคน เกจิ เกจิ อุทฺธริตฺวา สมฺมสิ, ตฺจ โข าเณน ผุฏฺมตฺตํ กตฺวา. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิย เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ. ตตฺถ าเณน นาม ยาวตา เนยฺยํ ปวตฺติตพฺพํ, ตถา อปวตฺตนโต ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย อภาวโต ‘‘เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ วุตฺตํ.
พุทฺธานํ สมฺมสนจาโร ทสสหสฺสิโลกธาตุยํ สตฺตสนฺตานคตา, อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขาราติ วทนฺติ, โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ อปเร. ตถา หิ อทฺธตฺตยวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยํ โอสริตฺวา ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิราณํ ปวตฺตํ. ปจฺเจกพุทฺธานํ สสนฺตานคเตหิ สทฺธึ มชฺฌิมเทสวาสิสตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สมฺมสนจาโรติ วทนฺติ, ชมฺพุทีปวาสิสตฺตสนฺตานคตาติ เกจิ. ธมฺมเสนาปติโนปิ ยถาวุตฺตสาวกานํ วิปสฺสนาภูมิเยว สมฺมสนจาโร. ตตฺถ ปน เถโร สาติสยํ นิรวเสสํ อนุปทธมฺมํ วิปสฺสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสี’’ติ.
ตตฺถ ‘‘สาวกานํ วิปสฺสนาภูมี’’ติ เอตฺถ สุกฺขวิปสฺสกา โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปกติสาวกา ¶ อคฺคสาวกา ปจฺเจกพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ฉสุ ชเนสุ สุกฺขวิปสฺสกานํ ฌานาภิฺาหิ อนธิคตปฺาเนปฺุตฺตา อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปเทโสกฺกมนํ วิปสฺสนากาเล อิจฺฉิกิจฺฉิตธมฺมวิปสฺสนา นตฺถิ. เต ยถาปริคฺคหิตธมฺมมตฺเตเยว ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺติ. โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปน ปกติสาวกา เยน มุเขน วิปสฺสนํ อารภนฺติ; ตโต อฺเน วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ วิปุลาณตฺตา. มหาสาวกา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา ตโต สาติสยํ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ. อคฺคสาวเกสุ ทุติโย อภินีหารสมฺปตฺติยา สมาธานสฺส สาติสยตฺตา วิปสฺสนํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปโม ปน ตโต มหาปฺตาย สาวเกหิ อสาธารณํ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปจฺเจกพุทฺโธ เตหิปิ มหาภินีหารตาย อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ตโตปิ วิตฺถาริกวิปสฺสนํ กโรนฺติ. พุทฺธานํ, สมฺมเทว, ปริปูริตปฺาปารมิปภาวิต-สพฺพฺุตฺาณาธิคมนสฺส อนุรูปายาติ. ยถา ¶ นาม กตวาลเวธปริจเยน สรภงฺคสทิเสน ธนุคฺคเหน ขิตฺโต สโร อนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺขเณเยว ปตติ; น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, เอวํ อนฺตรา อสชฺชมานา อวิรชฺฌมานา วิปสฺสนา สมฺมสนียธมฺเมสุ ยาถาวโต นานานเยหิ ปวตฺตติ. ยํ มหาาณนฺติ วุจฺจติ, ตสฺส ปวตฺติอาการเภโท คณโต วุตฺโตเยว.
เอเตสุ จ สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร ขชฺโชตปภาสทิโส, อภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทีปปภาสทิโส, มหาสาวกานํ โอกฺกาปภาสทิโส, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารกาปภาสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ จนฺทปภาสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ รสฺมิสหสฺสปฏิมณฺฑิตสรทสูริยมณฺฑลสทิโส อุปฏฺาสิ. ตถา สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร อนฺธานํ ยฏฺิโกฏิยา คมนสทิโส, โลกิยาภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทณฺฑกเสตุคมนสทิโส, มหาสาวกานํ ชงฺฆเสตุคมนสทิโส, อคฺคสาวกานํ สกฏเสตุคมนสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ มหาชงฺฆมคฺคคมนสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ มหาสกมคฺคคมนสทิโสติ เวทิตพฺโพ.
อรหตฺตฺจ กิร ปตฺวาติ เอตฺถ กิร-สทฺโท อนุสฺสวลทฺโธยมตฺโถติ ทีเปตุํ วุตฺโต. ปตฺวา อฺาสิ อตฺตโน วิปสฺสนาจารสฺส มหาวิสยตฺตา ติกฺขวิสทสูรภาวสฺส จ สลฺลกฺขเณน. กถํ ปนายํ มหาเถโร ทนฺธํ อรหตฺตํ ปาปุณนฺโต สีฆํ อรหตฺตํ ปตฺตโต ปฺาย อตฺตานํ สาติสยํ กตฺวา อฺาสีติ อาห – ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. มหาชฏนฺติ มหาชาลสาขํ อติวิย สิพฺพิตชาลํ. ยฏฺึ ปน สารํ วา อุชุํ วา น ลภติ เวณุคฺคหเณ อนุจฺจินิตฺวา เวณุสฺส คหิตตฺตา. เอวํสมฺปทนฺติ ยถา เตสุ ปุริเสสุ เอโก เวฬุคฺคหเณ อนุจฺจินิตฺวา เวฬุยฏฺึ คณฺหาติ, เอโก อุจฺจินิตฺวา, เอวํ นิปฺผตฺติกํ. ปธานนฺติ ภาวนานุยฺุชนํ.
สตฺตสฏฺิ ¶ าณานีติ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๗๓ มาติกา) อาคเตสุ เตสตฺตติยา าเณสุ เปตฺวา ฉ อสาธารณาณานิ สุตมยาณาทีนิ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาาณปริโยสานานิ สตฺตสฏฺิ าณานิ. ตานิ หิ สาวเกหิ ปวิจิตพฺพานิ, น อิตรานิ. โสฬสวิธํ ปฺนฺติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๓๗๙; สํ. นิ. ฏี. ๓.๕.๓๗๙) มหาปฺาทิกา, นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติปฺาติ อิทํ โสฬสวิธํ ปฺํ.
ตตฺราติ ¶ ตสฺส. อิทํ โหตีติ อิทํ ทานิ วุจฺจมานํ อนุปุพฺพสมฺมสนํ โหติ. วิปสฺสนาโกฏฺาสนฺติ วิตกฺกาทิสมฺมสิตพฺพธมฺมวิภาเคน วิภตฺตวิปสฺสนาภาคํ.
๙๔. ปเม ฌาเนติ อุปสิเลเส ภุมฺมํ, ตสฺมา เย ปเม ฌาเน ธมฺมาติ เย ปมชฺฌานสํสฏฺา ธมฺมาติ อตฺโถ. อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ จ สมาปตฺติสหคเต จิตฺตุปฺปาเท สมาปตฺติสมฺํ อาโรเปตฺวา วุตฺตํ. ววตฺถิตาติ กตววตฺถนา นิจฺฉิตา. ปริจฺฉินฺนาติ าเณน ปริจฺฉินฺนา สลกฺขณโต ปริจฺฉิชฺช าตา. โอโลเกนฺโตติ าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต ปสฺสนฺโต. อภินิโรปนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อาโรปนํ. อนุมชฺชนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อนุวิจารณํ. ผรณํ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนํ, วิปฺผาริกภาโว วา. สาตนฺติ สาตมธุรตา. อธิกฺเขโป วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สมาธานํ. ผุสนํ อินฺทฺริยวิสยวิฺาณสฺส ตโต อุปฺปชฺชิตฺวา อารมฺมเณ ผุสนากาเรน วิย ปวตฺติ. เวทยิตํ อารมฺมณานุภวนํ. สฺชานนํ นีลาทิวเสน อารมฺมณสฺส สลฺลกฺขณํ. เจตยิตํ เจตโส พฺยาปาโร. วิชานนํ อารมฺมณูปลทฺธิ. กตฺตุกมฺยตา จิตฺตสฺส อารมฺมเณน อตฺถิกตา. ตสฺมึ อารมฺมเณ อธิมุจฺจนํ, สนฺนิฏฺานํ วา อธิโมกฺโข. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนํ ปคฺคาโห, อธิคฺคโหติ อตฺโถ. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ. สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ สารถิ วิย สกิจฺจปสุเตสุ สมฺปยุตฺเตสุ อชฺฌุเปกฺขนํ มชฺฌตฺตตา. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ อนุนยนํ สํจรณํ อนุนโย. สภาวโตติ ยถาภูตสภาวโต. โสฬสนฺนํ เอว เจตฺถ ธมฺมานํ คหณํ เตสํเยว เถเรน ววตฺถาปิตภาวโต, เต เอวสฺส ตทา อุปฏฺหึสุ, น อิตเรติ วทนฺติ. วีริยสติคฺคหเณน เจตฺถ อินฺทฺริยภาวสามฺโต สทฺธาปฺา; สติคฺคหเณเนว เอกนฺตานวชฺชภาวสามฺโต ปสฺสทฺธิอาทโย ฉ ยุคฬา; อโลภาโทสา จ สงฺคหิตา ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา เตสํ ธมฺมานํ. เถเรน จ ธมฺมา ววตฺถานสามฺโต อารทฺธา. เต น อุปฏฺหึสูติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อปเร.
วิทิตา อุปฺปชฺชนฺตีติ อุปฺปาเทปิ เนสํ เวทนานํ ปชานนํ โหติเยวาติ อตฺโถ. เสสปททฺวเยปิ ¶ เอเสว นโย. ตํ ชานาตีติ ตําโณ, ตสฺส ¶ ภาโว ตําณตา, าณสฺส อตฺตสํเวทนนฺติ อตฺโถ. ตํสมานโยคกฺขมาหิ สมฺปยุตฺตธมฺมา. าณพหุตาติ าณสฺส พหุภาโว, เอกจิตฺตุปฺปาเท อเนกาณตาติ อตฺโถ. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ, ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น สกฺกา ชานิตุํ อารมฺมณกรณสฺส อภาวโต. อสมฺโมหาวโพโธ จ อีทิสสฺส าณสฺส นตฺถิ. เอเกกเมว าณํ อุปฺปชฺชติ ตสฺมึ ขเณ เอกสฺเสว อาวชฺชนสฺส อุปฺปชฺชนโต, น จ อาวชฺชเนน วินา จิตฺตุปฺปตฺติ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, กปฺปา ติฏฺนฺติ เย มรู;
น ตฺเวว เตปิ ชีวนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สํยุตา’’ติ. (มหานิ. ๑๐, ๓๙) จ,
‘‘นตฺถิ จิตฺเต ยุคา คหี’’ติ จ –
วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตตายาติ ยสฺมิฺจ อารมฺมเณ เย ฌานธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เตสํ วตฺถารมฺมณานํ ปเคว าเณน ปริจฺฉิชฺช คหิตตฺตา. ยถา นาม มิคสูกราทีนํ อาสเยปริคฺคหิเต ตตฺร ิตา มิคา วา สูกรา วา ตโต อุฏฺานโตปิ อาคมนโตปิ เนสาทสฺส สุขคฺคหณา โหนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ. เตนาห ‘‘เถเรน หี’’ติอาทิ. เตนาติ วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตภาเวน. อสฺสาติ เถรสฺส. เตสํ ธมฺมานนฺติ ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ. อุปฺปาทํ อาวชฺชนฺตสฺสาติอาทินา อุปฺปาทาทีสุ ยํ ยเทว อารพฺภ าณํ อุปฺปชฺชติ; ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ ตสฺส ตสฺเสว จสฺส ปากฏภาโว ทีปิโต. น หิ อาวชฺชเนน วินา าณํ อุปฺปชฺชติ. อหุตฺวา สมฺโภนฺตีติ ปุพฺเพ อวิชฺชมานา หุตฺวา สมฺภวนฺติ, อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อุทยํ ปสฺสติ เตสํ ธมฺมานํ, ‘‘อหุตฺวา สมฺโภนฺตี’’ติ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิภาวทสฺสนโต. ปุพฺเพ อภาวโพธโก หิ อตฺตลาโภ ธมฺมานํ อุทโย. หุตฺวาติ อุปฺปชฺชิตฺวา. ปฏิเวนฺตีติ ปฏิ ขเณ ขเณ วินสฺสนฺติ. วยํ ปสฺสติ, ‘‘หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ เตสํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขณสมงฺคิภาวทสฺสนโต. วิทฺธํสภาวโพธโก หิ ธมฺมานํ วิชฺชมานโต วโย.
เตสุ ธมฺเมสุ นตฺถิ เอตสฺส อุปโย ราควเสน อุปคมนนฺติ อนุปโย, อนนุโรโธ. หุตฺวา วิหรตีติ โยชนา. ตถา นตฺถิ เอตสฺส อปาโย ปฏิฆวเสน อปคมนนฺติ อนปาโย, อวิโรโธ. ‘‘เอตํ มม, ¶ เอโส เม อตฺถา’’ติ ตสฺส ตณฺหาทิฏฺิอภินิเวสาภาวโต ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ ¶ อนิสฺสิโต. อปฺปฏิพทฺโธติ อนุปยานิสฺสิตภาวโต วิปสฺสนาย ปริพนฺธวเสน ฉนฺทราเคน น ปฏิพทฺโธ น วิพนฺธิโต. วิปฺปมุตฺโตติ ตโต เอว วิกฺขมฺภนวิมุตฺติวเสน กามราคโต วิมุตฺโต. วิสํยุตฺโต วิกฺขมฺภนวเสเนว ปฏิปกฺขธมฺเมหิ วิสํยุตฺโต.
กิเลสมริยาทา เตน กตา ภเวยฺยาติ อนฺโตสมาปตฺติยํ ปวตฺเต โสฬส ธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตมานํ วิปสฺสนาวีถึ ภินฺทิตฺวา สเจ ราคาทโย อุปฺปชฺเชยฺยุํ; ตสฺส วิปสฺสนาวีถิยา กิเลสมริยาทา เตน จิตฺเตน, จิตฺตสมงฺคินา วา กตา ภเวยฺย. เตสูติ เตสุ ธมฺเมสุ. อสฺสาติ เถรสฺส. เอโกปีติ ราคาทีสุ เอโกปีติ จ วทนฺติ. วุตฺตากาเรน เอกจฺจานํ อนาปาถคมเน สติ วิปสฺสนา น เตสุ ธมฺเมสุ นิรนฺตรปฺปวตฺตาติ อารมฺมณมริยาทา ภเวยฺย. วิกฺขมฺภิตปจฺจนีกตฺตาติ วิปสฺสนาย ปฏิปกฺขธมฺมานํ ปเคว วิกฺขมฺภิตตฺตา อิทานิปิ วิกฺขมฺเภตพฺพา กิเลสา นตฺถีติ วุตฺตํ.
อิโตติ ปมชฺฌานโต. อนนฺตโรติ อุปริโม ฌานาทิวิเสโส. ตสฺส ปชานนสฺสาติ, ‘‘อตฺถิ อุตฺตริ นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ ปวตฺตชานนสฺส. พหุลีกรเณนาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทเนน.
สมฺปสาทนฏฺเนาติ กิเลสกาลุสิยาปคมเนน, ตสฺส วิจารกฺโขภวิคเมน วา เจตโส สมฺมเทว ปาสาทิกภาเวน.
วีริยํ สติ อุเปกฺขาติ อาคตฏฺาเน ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา, อทุกฺขมสุขาเวทนาติ เอตฺถ ฌานุเปกฺขาติ, ‘‘สุขฏฺาเน เวทนุเปกฺขาวา’’ติ วุตฺตํ. สุขฏฺาเนติ จ ปมชฺฌานาทีสุ สุขสฺส วุตฺตฏฺาเน. ปสฺสทฺธตฺตาติ สมธุรเจตยิตภาเวน อารมฺมเณ วิสฏวิตฺถตภาวโต โย โส เจตโส อาโภโค วุตฺโต. สามฺผลาทีสุ สติยา ปาริสุทฺธิ, สา ถน อตฺถโต สติวินิมุตฺตา นตฺถีติ อาห ‘‘ปริสุทฺธาสติเยวา’’ติ. ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา, น ฌานุเปกฺขาทโย.
๙๕. อีทิเสสุ าเนสุ สติยา น กทาจิปิ าณวิรโห อตฺถีติ อาห – ‘‘าเณน สมฺปชาโน หุตฺวา’’ติ. ตถา หิ ตติยชฺฌาเน, ‘‘สติมา สุขวิหารี’’ติ เอตฺถ สมฺปชาโนติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ ¶ . น สาวกานํ อนุปทธมฺมวิปสฺสนา โหติ สงฺขาราวเสสสุขุมปฺปวตฺติยา ทุวิฺเยฺยตฺตา วินิพฺภุชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต. เตนาห – ‘‘กลาปวิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต เอวมาหา’’ติ.
๙๖. ปฺาย ¶ จสฺสทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ ทสฺสนสมกาลํ ขียมานา อาสวา, ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ วุตฺตา. สมานกาเลปิ หิ เอทิโส สทฺทปฺปโยโค ทิสฺสติ –
‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗).
‘‘นิหนฺตฺวา ติมิรํ สพฺพํ, อุคฺคเตโช สมุคฺคโต;
เวโรจโน รสฺมิมาลี, โลกจกฺขุปภงฺกโร’’ติ. (ปฏฺา. อนุฏี. ๑.๒๕-๓๔; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๘๐) จ –
เอวมาทีสุ. เหตุอตฺโถ วา อยํ ทิสฺวาสทฺโท อสมานกตฺตุโก ยถา – ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๘๐๒). ทสฺสนเหตุโก หิ อาสวานํ ปริกฺขโย ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเย สติ ปหานาภิสมยสฺส ลพฺภนโต. ยุคนทฺธํ อาหริตฺวาติ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ ฌานธมฺเม สมฺมสนฺโต สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวติ. เอวํ ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สมฺมสนฺโต สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา ยถา เถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต’’ติ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. ทีฆนขสุตฺตเทสนาย (ม. นิ. ๒.๒๐๕-๒๐๖) หิ เถโร อรหตฺตํ ปตฺโต. ตทา จ อนาคามี หุตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชตีติ วจนอวสโร นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต’’ติ. ยทิ เอวํ – ‘‘สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เถเร วิชฺชมาเน ปณฺฑิตคุเณ อนวเสสโต ทสฺเสตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปตุํ. นิโรธสมาปชฺชนํ ปน เถรสฺส อาจิณฺณสมาจิณฺณํ. เตนาห ‘‘นิโรธํ ปน…เป… วทนฺตี’’ติ. เตน ผลสมาปตฺติมฺปิ อนฺตรา สมาปชฺชติเยวาติ ทสฺเสติ.
โวมิสฺสํ ¶ วิวริตุํ ‘‘ตตฺถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘นิโรธํ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ อาหริตฺวา ิตสฺส นิโรธสมาปตฺติ สีสํ นาม โหติ, ตสฺส อาโภควเสน นิโรธสฺส วาโร อาคจฺฉติ. ผลสมาปตฺติ คูฬฺโห โหติ, ‘‘ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภคสฺส อภาวโต. ผลสมาปตฺติ สีสํ โหตีติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ ¶ เวทิตพฺโพ. เอเตน อาโภคปฏิพทฺธเมเตสํ อาคมนนฺติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ชมฺพุทีปวาสิโน เถรา ปนาติอาทิ อฏฺกถารุฬฺหเมว ตํ วจนํ. อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ นิโรธํ สมาปนฺนกาเล. ติสมุฏฺานิกรูปธมฺเมติ อุตุกมฺมาหารวเสน ติสมุฏฺานิกรูปธมฺเม.
๙๗. จิณฺณวสิตนฺติ ปฏิปกฺขทูริภาเวน สุภาวิตวสีภาวํ. นิปฺผตฺตึ ปตฺโตติ อุกฺกํสปรินิปฺผตฺตึ ปตฺโต. อุเร วายามชนิตาย โอรโส. ปภาวิตนฺติ อุปฺปาทิตํ. ธมฺเมนาติ อริยมคฺคธมฺเมน. ตสฺส หิ อธิคเมน อริยาย ชาติยา ชาโต นิพฺพตฺโตติ กตฺวา, ‘‘ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต’’ติ วุจฺจติ. ธมฺมทายสฺสาติ นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมทายสฺส. อาทิยนโตติ คณฺหนโต, สสนฺตาเน อุปฺปาทนโตติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อนุปทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนา
๙๘. ขีณา ¶ ชาตีติ อตฺตโน ชาติกฺขยํ ปฏิชานนฺเตน อรหตฺตํ พฺยากตํ โหติ อรหโต ตทภาวโต. ตถา วุสิตํ พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส เม ปริโยสิโตติ ปฏิชานนฺเตนปิ. กตํ กรณียนฺติ จตูหิ มคฺเคหิ จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิวเสน โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส อตฺตนา นิฏฺาปิตภาวํ ปฏิชานนฺเตนปิ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อายตึ ปุนพฺภวาภาวํ, อายตึ วา ปริฺาทิกรณียาภาวํ ปฏิชานนฺเตนปีติ อาห – ‘‘เอเกนปิ ปเทน อฺา พฺยากตาว โหตี’’ติ. ทฺวิกฺขตฺตุํ พทฺธํ ปน สุพทฺธํ วิยาติ วุตฺตํ. อิธ ปน อฺาพฺยากรณํ จตูหิ ปเทหิ อาคตํ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมว เจตฺถ นตฺถีติ ¶ อธิปฺปาโย. เจตนาย ทิฏฺวาทิตา นาม อริยโวหาโร. สภาโวติ ปกติอตฺโถ หิ อยํ ธมฺมสทฺโท, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๔-๒๗๕) วิย ตสฺมา, อนุธมฺโมติ อริยภาวํ อนุคตา ปกตีติ อตฺโถ. ปรมปฺปิจฺฉตาย อริยา อตฺตโน คุเณ อนาวิกโรนฺตาปิ สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวปเวทนตฺถฺเจว สพฺรหฺมจารีนํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุสฺสาหชนนตฺถฺจ ตาทิสานํ ปรินิพฺพานสมเยเยว อาวิกโรนฺตีติ อธิปฺปาเยนาห – ‘‘ปรินิพฺพุตสฺส…เป… กาตพฺโพ’’ติ.
๙๙. ทุพฺพลนฺติ เผคฺคุ วิย สุเภชฺชนียํ พลวิรหิตํ, อสารนฺติ อตฺโถ. วิราคุตนฺติ ปลุชฺชนสภาวํ. วิคจฺฉนสภาวนฺติ วินาสคมนสภาวํ. อนิจฺจทุกฺขวิปริณามตฺตา อสฺสาสเลสสฺสปิ อภาวโต อสฺสาสวิรหิตํ. อารมฺมณกรณวเสน สมนฺนาคมนวเสน จ ยถารหํ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺตีติ อุปยา, ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อุปาทิยนฺติ ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหนฺตีติ อุปาทานา. อธิติฏฺติ เจตโส อภินนฺทนภูตาติ เจตโส อธิฏฺานํ. ตาหีติ ตณฺหาทิฏฺีหิ. ตนฺติ จิตฺตํ. อภินิวิสตีติ อภิรติวเสน นิวิสติ, อยฺเหตฺถ อตฺโถ – สกฺกายธมฺเมสุ จิตฺตํ อภินิวิสติ ‘‘เอตํ มมํ, เอโส เม อตฺตา’’ติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ เอตาหิ อภินิเวสาหิ, ตถา สกฺกายธมฺเมสุ จิตฺตํ อนุเสติ เอตาหีติ อนุสยา, ตณฺหาทิฏฺิโย. ยทคฺเคน หิ เตภูมกธมฺเมสุ ราคาทโย อนุเสนฺติ, ตทคฺเคน ตํสหคตธมฺมา ตตฺถ อนุเสนฺตีติ ปริยาเยน, ‘‘ตํ อนุเสตี’’ติ วุตฺตํ. ขยา วิราคาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ‘‘ขเยน วิราเคนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวเสน อตฺโถ วุตฺโต. วิราเคนาติ จ อิติสทฺโท อาทิ อตฺโถ ¶ . เตน ‘‘นิโรเธนา’’ติ เอวมาทิกํ คหิตํ โหติ. อฺมฺเววจนาเนว อุปยาทีนํ สมุจฺเฉทสฺเสว โพธนโต.
๑๐๐. ปติฏฺาติ เอตฺถ เสสภูตตฺตยํ อุปาทารูปฺจาติ ปติฏฺานา, นิชฺชีวฏฺเน ธาตุจาติ ปติฏฺานธาตุ. นฺหานียจุณฺณํ พาหิรอุทกํ วิย เสสภูตตฺตยํ อาพนฺธตีติ อาพนฺธนํ. ปจนียภตฺตํ พาหิรเตโช วิย เสสภูตตฺตยํ ปริปาเจตีติ ปริปาจนํ. พาหิรวาโต วิย เสสภูตตฺตยํ วิตฺถมฺเภตีติ วิตฺถมฺภนํ. ธาตุสทฺทตฺโถ วุตฺโตเยว. อสมฺผุฏฺธาตูติ ¶ อสมฺผุสิตภาโว เตสํ วิปริมฏฺตาภาวโต. วิชานนํ อารมฺมณูปลทฺธิ. อหํ อตฺตาติ อหํ, ‘‘รูปธมฺโม เม อตฺตา’’ติ อตฺตโกฏฺาเสน อตฺตภาเวน น อุปคมึ น คณฺหึ. นิสฺสิตนิสฺสิตาปิ นิสฺสิตา เอว นามาติ อาห ‘‘ปถวีธาตุนิสฺสิตาวา’’ติ. อตฺตนา วา ปน ตนฺนิสฺสิตาติ ‘‘เอเกน ปริยาเยนา’’ติ. อุปาทารุปมฺปิ กามํ นิสฺสิตมฺปิ โหติ. ตถาปิ ตํ นิสฺสิตํ โหติเยวาติ ตํ น อุทฺธฏํ. ปริจฺเฉทกรตฺตา ปริจฺเฉทากาสสฺส ‘‘อวินิพฺโภควเสนา’’ติ วุตฺตํ. เตน จ ตถา ปริจฺฉินฺนตฺตา สพฺพมฺปิ ภูตุปาทารูปํ อากาสธาตุนิสฺสิตํ นาม. ตํ นิสฺสาย ปวตฺติยา อุปาทารูปํ วิย ภูตรูปานิ, อรูปกฺขนฺธา วิย จ วตฺถุรูปานิ, ‘‘ตํนิสฺสิตรูปวตฺถุกา อรูปกฺขนฺธา’’ติ วุตฺตนเยน อากาสธาตุนิสฺสิตจกฺขาทิรูปธมฺมวตฺถุกา เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา อากาสธาตุนิสฺสิตา นามาติ อิมมตฺถํ ตถา-สทฺเทน อุปสํหรติ. อิธาปีติ อากาสธาตุนิสฺสิตปเทปิ, น ปถวีธาตุนิสฺสิตปทาทีสุ เอว. รูปารูปนฺติ สพฺพมฺปิ รูปารูปํ คหิตเมว โหติ, อคฺคหิตํ นตฺถิ. สหชาตา…เป… นิสฺสิตนฺติ อิทํ นิปฺปริยายสิทฺธํ นิสฺสยตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตนเยน ปริยายสิทฺเธ นิสฺสยตฺเต คยฺหมาเน – ‘‘ปจฺฉาชาตปจฺจโยติ ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑) วจนโต สพฺพํ จตุสมุฏฺานิกรูปํ, ‘‘วิฺาณธาตุนิสฺสิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ตถา อนนฺตรวิฺาณธาตุปจฺจยา ปวตฺตนโต, ‘‘วิฺาณธาตุนิสฺสิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ.
๑๐๑. รุปฺปติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปนฺติ อยมตฺโถ จกฺขุทฺวาเร อาปาถคเต รูปายตเน นิปฺปริยายโต ลพฺภติ, น อาปาถมนาคเต. จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺพภาโว ปน อาปาถมนาคเตปิ ตสฺมึ ลพฺภเตว ตํสภาวานติวตฺถนโต. รูปายตนํ ทฺวิธา วิภชิตฺวา. เถโร ปน อาปาถํ อนาคตสฺสาปิ รูปายตนสฺส รูปภาวํ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุนฺติ ทฺวิธากรณํ นานุชานนฺโต ฉนฺโนวาทํ นิทสฺเสติ, ‘‘อุปริ ฉนฺโนวาเท กินฺติ กริสฺสถา’’ติ. ตตฺถ หิ ‘‘จกฺขุํ, อาวุโส ฉนฺน, จกฺขุวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺเพ ¶ ธมฺเม’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙๑) อาคตํ, น เจตฺถ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคตเมว รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺพปเทน คหิตํ, น อาปาถํ อนาคตนฺติ สกฺกา วิฺาตุํ ¶ อวิเสเสเนว รูปายตเนน ตณฺหามานทิฏฺิคาหาภาวสฺส โชติตตฺตา. เตนาห ‘‘น ยิทํ ลพฺภตี’’ติ. รูปเมวาติ รูปายตนเมว. ยทิ เอวํ ‘‘จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺเพสุ ธมฺเมสู’’ติ ปทํ กถํ เนตพฺพนฺติ อาห – ‘‘จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตา ปนา’’ติอาทิ. จกฺขุวิฺาเณน สทฺธึ วิฺาตพฺเพสูติ เยน มโนวิฺาเณน จกฺขุวิฺาณํ อนิจฺจนฺติอาทินา จกฺขุวิฺาเณน สทฺธึ เตน วิฺาตพฺเพสุ ตํสมฺปยุตฺตธมฺเมสูติ อตฺโถ. ตณฺหาฉนฺโทติ ตสฺสนสภาโว ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตา ฉนฺโทเยวาติ ตณฺหาฉนฺโท. รชฺชนวเสนาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาตํ จิตฺตสฺส อนุรฺชนวเสน. อภินนฺทนวเสนาติ อารมฺมเณ อภิรมิตฺวา นนฺทนวเสน. สปฺปีติกตณฺหา หิ นนฺทีติ วุจฺจติ. ตณฺหายนวเสน ตณฺหา.
๑๐๒. อหงฺกาโรติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๑, ๑๒๓๙; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖; สํ. นิ. ๔.๑๐๘; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘) อหํกรณํ. เยน หิ มมํ กโรติ, เอตํ มมงฺกาโร. สฺเววาติ ‘‘อหงฺกาโร’’ติ วุตฺตมาโน. เอวํ จตุตฺถชฺฌาเน นิทฺทิฏฺเ สพฺพาสุ โลกิยาภิฺาสุ วุจฺจมานาสุ เหฏฺา วิชฺชาทฺวยํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน, ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ทิพฺพจกฺขฺุจ อวตฺวา กสฺมา วุตฺต’’นฺติ อาห? อิตโร อิธ สพฺพวาเรสุปิ โลกุตฺตรธมฺมปุจฺฉา อธิกตา ตสฺมา ‘‘โส เอวํ สมาหิเต’’ติอาทินา ตติยา วิชฺชา กถิตาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขู โลกิยธมฺมํ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิมาห. เอกวิสฺสชฺชิตสุตฺตํ นาเมตํ ตติยวิชฺชาย เอว อาคตตฺตา. อริยธมฺมวเสนปิสฺส สมฺา อตฺเถวาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ฉพฺพิโสธนนฺติปิสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา เตสุ ธมฺเมสุ เภทํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิสุทฺธาติ ตสฺสา โจทนาย โสธนวเสน วิโสธิตา. เอกเมว กตฺวาติ เอกวารวเสเนว ปาฬิยํ เอกชฺฌํ อาคตตฺตา เอกเมว โกฏฺาสํ กตฺวา. ยทิ เอวํ กถํ วา ฉพฺพิโสธนตาติ อาห – ‘‘จตูหิ อาหาเรหิ สทฺธิ’’นฺติ กถํ ปเนตฺถ จตฺตาโร อาหารา คเหตพฺพาติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘สาธูติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริ ปฺโห ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ เหฏฺา อาคเตน นเยน อาหารวาโร อาหริตฺวา วตฺตพฺโพติ. ‘‘พหิทฺธา สพฺพนิมิตฺเตสู’’ติ เอตฺถ อาหารานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา อาหารา อตฺถโต อาคตา เอวาติ อฺเ. อปเร ปน รูปกฺขนฺธคฺคหเณน กพฬีกาโร อาหาโร ¶ , สงฺขารกฺขนฺธคฺคหเณน ผสฺสาหาโร, มโนสฺเจตนาหารคฺคหเณน วิฺาณาหาโร สรูปโตปิ คหิโตติ วทนฺติ.
‘‘ฉพฺพิโสธน’’นฺติ อิมสฺส สุตฺตสฺส สมฺาย อนฺวตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อายติมฺปิ ตาทิเสน พฺยากรเณน ¶ ภิกฺขูนํ ปฏิปตฺติมฺปิ ทสฺสนตฺถํ, ‘‘อิเม ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. วินยนิทฺเทสปริยาเยนาติ วินยนิทฺเทเส อาคเตน การเณน. วินเย วา อาคตนิทฺเทสานุกฺกเมน.
อธิคนฺตพฺพโต อธิคโม, ฌานาทิอธิคมปุจฺฉา. เตนาห – ‘‘ฌานวิโมกฺขาทีสู’’ติอาทิ. อุปายปุจฺฉาติ อธิคโมปายปุจฺฉา. กินฺตีติ เกน ปกาเรน วิธินาติ อตฺโถ.
กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภีติ อิทํ ปน ปุพฺเพ ‘‘กึ เต อธิคต’’นฺติ อนิทฺธาริตเภทา ฌานาทิวิเสสา ปุจฺฉิตาติ อิทานิ เตสํ นิทฺธาเรตฺวา ปุจฺฉนาการทสฺสนํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ยถาวุตฺเตหิ อากาเรหิ อธิคมพฺยากรณํ โสเธตพฺพํ, ตสฺมา. เอตฺตาวตาวาติ เอตฺตเกน พฺยากรณมตฺเตเนว น สกฺกาโร กาตพฺโพ. พฺยากรณฺหิ เอกจฺจสฺส อยาถาวโตปิ โหติ, ยถา นาม ชาตรูปปติรูปํ ชาตรูปํ วิย ขายตีติ ชาตรูปํ นิฆํสนตาปนเฉทเนหิ โสเธตพฺพํ เอวเมวํ อิเมสุ อิทาเนว วุตฺเตสุ ฉสุ าเนสุ ปกฺขิปิตฺวา โสธนตฺถํ วตฺตพฺโพ วิโมกฺขาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิ-สมาปตฺติ-าณทสฺสน-มคฺคภาวนา-ผลสจฺฉิกิริยา สงฺคณฺหาติ.
ปากโฏ โหติ อธิคตวิเสสสฺส สติสมฺโมสาภาวโต. เสสปุจฺฉาสุปิ ‘‘ปากโฏ โหตี’’ติ ปเท เอเสว นโย. อุคฺคหปริปุจฺฉากุสลาติ สชฺฌายมคฺคสํวณฺณนาสุ นิปุณา. ยาย ปฏิปทาย ยสฺส อริยมคฺโค อาคจฺฉติ, สา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติ อาคมนปฏิปทา. โสเธตพฺพาติ สุทฺธา อุทาหุ อสุทฺธาติ วิจารณวเสน โสเธตพฺพา. น สุชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ ปมาทปฏิปตฺติภาวโต. อปเนตพฺโพ อตฺตโน ปฏิฺาย. ‘‘สุชฺฌตี’’ติ วตฺวา สุชฺฌนาการํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทีฆรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฺายตีติ เอตฺถ ‘‘ยที’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ยทิ โส ภิกฺขุ ตาย ปฏิปทาย ยทิ ปฺายตีติ สมฺพนฺโธ. ขีณาสวปฏิปตฺติสทิสา ปฏิปทา โหติ ทีฆรตฺตํ วิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตา.
นทิยา ¶ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทนฏฺานํ นทีมุขทฺวารํ. มทฺทมาโนติ พทรสาฬวํ สรสํ ปตฺเต ปกฺขิตฺโต หุตฺวา มทฺทมาโน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. สปฺปุริสธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๐๕. สปฺปุริสธมฺมนฺติ ¶ สปฺปุริสภาวกรํ ธมฺมํ. โส ปน ยสฺมา สปฺปุริสานํ ปเวณิโก ธมฺโม โหติ. ตสฺมา อาห – ‘‘สปฺปุริสานํ ธมฺม’’นฺติ, เอส นโย อสปฺปุริสธมฺมนฺติ เอตฺถาปิ. เอวํ ปธานํ อนุฏฺาตพฺพฺจ สปฺปุริสธมฺมํ อาทึ กตฺวา มาติกํ เปตฺวา อยถานุปุพฺพิยา นิทฺทิสนฺโต ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธมฺโม’’ติอาทิมาห. ตถา ปน นิทฺทิสนฺโต อุทาหรณปุพฺพกํ เหตุํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน อิจฺฉิตพฺพปริจฺจาคปุพฺพกํ คเหตพฺพคฺคหณํ นาม ายปฏิปตฺติ, ตสฺมา สปฺปุริสธมฺมา สมฺปาเทตพฺพาติ ทีเปนฺโต สตฺถา อยถานุปุพฺพิยา นิทฺธารียตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ตถา อฺตฺถาปิ ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. เอตเทว หิ กุลทฺวยํ ‘‘อุจฺจกุล’’นฺติ วุจฺจติ นิปฺปริยายโต. ตถาหิ อนฺติมภวิกา โพธิสตฺตา ตตฺเถว ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. โสติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ. อนฺตรํ กริตฺวาติ ตํ การณํ กตฺวา. ปฏิปทา หิ วิฺูนํ ปูชาย การณํ, น อุจฺจกุลีนตา. มหากุลาติ วิปุลกุลา อุปาทิโตทิตกุลสมฺปวตฺติกาติ อตฺโถ.
๑๐๖. ยสสทฺโท ปริวารวาจโก. ยสสฺสีติ จ สาติสยปริวารวนฺตตา วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปริวารสมฺปนฺโน’’ติ. อาธิปเตยฺยาภาวโต ปเรสํ อุปรินตฺติ เอเตสํ อีโส อีสนํ อิสฺสริยนฺติ อกฺขาตพฺพาติ อปฺเปสกฺขา. เตนาห ‘‘อปฺปปริวารา’’ติ. อภาวตฺโถ หิ อิธ อปฺป-สทฺโท.
๑๐๗. นเวว ธุตงฺคานิ อาคตานีติ เอตฺถ ยถา อุกฺกฏฺปํสุกูลิกสฺส เตจีวริกตา สุกรา. เอวํ อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติกสฺส สปทานจาริกตา สุกรา. เอกาสนิกสฺส จ ปตฺตปิณฺฑิกขลุปจฺฉาภตฺติกตา สุกรา เอวาติ – ‘‘ปํสุกูลิโก โหตี’’ติอาทิวจเนเนว ปาฬิยา อนาคตานมฺปิ อาคตภาโว เวทิตพฺโพ ปริหรณสุกรตาย เตสมฺปิ สมาทานสมฺภวโต. เตนาห ‘‘เตรส โหนฺตี’’ติ.
๑๐๘. กามตณฺหาทิกาย ¶ ¶ ตาย ตณฺหาย นิพฺพตฺตาติ ตมฺมยา, ปุถุชฺชนา, ปกติภาวูปคมเนน เตสํ ภาโว ตมฺมยตา, ตปฺปฏิกฺเขปโต อตมฺมยตา, นิตฺตณฺหตา. ตํเยว การณํ กตฺวาติ ปมชฺฌาเนปิ ตณฺหาปหานํเยว การณํ กตฺวา. จิตฺเต อุปฺปาเทตฺวาติ อตมฺมยตาปริยาเยน วุตฺเต ตณฺหาย ปฏิปกฺขธมฺเม สมฺปาเทตฺวา. น มฺตีติ มฺนานํ อริยมคฺเคน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตา กิสฺมิฺจิ โอกาเส กามภวาทิเก เกนจิ วตฺถุนา หตฺถิอสฺสเขตฺตวตฺถาทินา ปตฺตจีวรวิหารปริเวณาทินา จ ปุคฺคลํ น มฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สปฺปุริสธมฺมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา
๑๐๙. อฺมฺนฺติ ¶ อฺํ อฺํ. เตนาห ‘‘อฺํ เสวิตพฺพ’’นฺติอาทิ. สตฺตหิ ปเทหีติ สตฺตหิ วากฺเยหิ. ปชฺชติ เอเตน ยถาธิปฺเปโต อตฺโถติ ปทํ, วากฺยํ. สาริปุตฺตตฺเถรสฺส โอกาสกรณํ ธมฺมทายาเท (ม. นิ. ๑.๓๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
๑๑๓. ทิฏฺิเยว ปจฺจยวเสน ปฏิลทฺธตาย ทิฏฺิปฏิลาโภ. สฺาปฏิลาเภปิ เอเสว นโย. มิจฺฉาทิฏฺิสมฺมาทิฏฺิโย…เป… น คหิตา กมฺมปถปฺปตฺตานํ เตสํ มโนสมาจารภาเวน คหิตตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา ทิฏฺิ จิตฺตุปฺปาทวาเร น คหิตาติ? กามํ มิจฺฉาทิฏฺิยา อวยวิภาโว ลพฺภติ, ตถาปิ จิตฺตุปฺปาทกฺขเณ โลกิยโลกุตฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ กมฺมปถโกฏฺาโส น อุทฺธโฏ.
๑๑๕. กามสฺาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ยถา พฺยาปาทวิหึสาสฺา สงฺคหิตา, เอวํ อนภิชฺฌาอพฺยาปาทอวิหึสาสฺา สงฺคหิตา ปเมน อาทิสทฺเทน ‘‘อนภิชฺฌาสหคตาย สฺายา’’ติอาทิปาสฺส สงฺคหิตตฺตา.
๑๑๗. ติ กามภวาทีนํ อปริโยสานาย ปริโยสานํ อิจฺฉโตปิ ตาทิสสฺส ภวานํ อปริโยสานเมว โหติ ¶ . จตฺตาโร โหนฺติ ปุคฺคลวเสน. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชโนปิ หี’’ติอาทิ. อกุสลา ธมฺมา วฑฺฒนฺตีติ เตสํ ปหานาย อปฺปฏิปชฺชมานสฺสาติ อธิปฺปาโย, ตโต เอว กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ. เตนสฺส กิเลสทุกฺเขน วิปากทุกฺเขน จ สทุกฺขเมว อตฺตภาวํ อภินิพฺพตฺเตติ. โอรมฺภาคิยสํโยชนานิ ปหาย สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺตนารโห อนาคามี กถํ…เป… อภิวฑฺฒนฺตีติ อาห ‘‘อนาคามีปี’’ติอาทิ. สทุกฺขเมว อตฺตภาวํ อภินิพฺพตฺเตติ, ยาย ลพฺภมานอกุสลาภิวุทฺธึ กุสลปริหานิฺจ คเหตฺวา อนาคามิโนปิ สพฺยาพชฺฌอตฺตภาวาภินิพฺพตฺตนํ วุตฺตํ. เอวํ ยถาลพฺภมานํ อกุสลปริหานึ กุสลาภิวุทฺธิฺจ คเหตฺวา ปุถุชฺชนสฺสปิ อนฺติมภวิกสฺส อพฺยาพชฺฌอตฺตภาวาภินิพฺพตฺตนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชโนปี’’ติอาทิ. อกุสลเมว หายติ,น กุสลํ ตสฺส พุทฺธิปกฺเข ิตตฺตา. ตตฺถาปิ วิปสฺสนเมว คพฺภํ คณฺหาเปติ, น วฏฺฏคพฺภํ อนฺติมภวิกตาย วิวฏฺฏูปนิสฺสิตตฺตา อชฺฌาสยสฺส, าณสฺส จ ปากคมนโต.
๑๑๙. เอกจฺจสฺสาติ ¶ สามิวจนํ ‘‘อภินนฺทตี’’ติอาทีสุ ปจฺจตฺตวเสน ปริณาเมตพฺพํ, ตถา ‘‘นิพฺพินฺทตี’’ติอาทีสุปิ. อุคฺคณฺหิตฺวาปีติ ปิ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ภควโต ภาสิตสฺส อตฺถํ อชานนฺตา ตาว ทีฆรตฺตํ หิตสุขโต ปริพาหิรา โหนฺตุ ชานนฺตานมฺปิ สพฺเพสํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหตีติ อเนกํสิกตํ โจเทนฺโต ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิมาห. อิตโร สพฺเพสมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติเยวาติ, ‘‘อปฺปฏิสนฺธิกา’’ติอาทินา อเนกํสิกตํ ปริหรติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. พหุธาตุกสุตฺตวณฺณนา
๑๒๔. ภยนฺติ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๑) จิตฺตสํสปฺปตาติ อาห ‘‘จิตฺตุตฺราโส’’ติ. อุปทฺทโวติ อนฺตราโย. ตสฺส ปน วิกฺเขปการณตฺตา วุตฺตํ ‘‘อเนกคฺคตากาโร’’ติ. อุปสคฺโคติ อุปสชฺชนํ. ตโต อปฺปตีการวิฆาตาปตฺติ ¶ ยสฺมา ปตีการาภาเวน วิหฺมานสฺส กิฺจิ กาตุํ อสมตฺถสฺส โอสีทนการณํ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนากาโร’’ติ. วฺเจตฺวา อาคนฺตุํ ยถาวุตฺเต ทิวเส อนาคจฺฉนฺเตสุ. พหิ อนิกฺขมนตฺถาย ทฺวาเร อคฺคึ ทตฺวา.
นเฬหีติ นฬจฺฉนฺนสงฺเขเปน อุปริ ฉาเทตฺวา เตหิเยว ทารุกจฺฉทนนิยาเมน ปริโตปิ ฉาทิตา. เอเสว นโยติ อิมินา ติเณหิ ฉนฺนตํ, เสสสมฺภารานํ รุกฺขมยตฺจ อติทิสติ. วิธวาปุตฺเตติ อทนฺตภาโวปลกฺขณํ. เต หิ นิปฺปิติกา อวินีตา อสํยตา อกิจฺจการิโน โหนฺติ.
มตฺถกํ อปาเปตฺวาว นิฏฺาปิตาติ กสฺมา ภควา เอวมกาสีติ? อานนฺทตฺเถรสฺส ปุจฺฉาโกสลฺลทีปนตฺถเมว, ตตฺถ นิสินฺนานํ สนฺนิปติตภิกฺขูนํ เทสนาย ชานนตฺถฺจ. เต กิร สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ อชานนฺตา อนฺธการํ ปวิฏฺา วิย ิตา. ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน ปริคฺคยฺห ชานิสฺสนฺตีติ.
๑๒๕. รูปปริคฺคโหว กถิโต, น อฺํ กิฺจีติ อตฺโถ. อิทานิ ตโต สจฺจานิ นิทฺธาเรตฺวา จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สพฺพาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจกฺขนฺธา โหนฺตีติ อทฺเธกาทส ธาตุโย รูปกฺขนฺโธ, อทฺธฏฺมา ธาตุโย ยถารหํ เวทนาทโย จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ เอวํ อฏฺารส ธาตุโย ปฺจกฺขนฺธา โหนฺติ. ปฺจปิ ขนฺธา ตณฺหาวชฺชา ทุกฺขสจฺจํ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. นิโรธปชานนาติ ปฺาสีเสน มคฺคกิจฺจมาห. สมฺมาทิฏฺิปมุโข หิ อริยมคฺโค. มตฺถกํ ปาเปตฺวา กถิตํ โหติ สมฺมสนสฺส ภูมิยา นิปฺผตฺติยา จ กถิตตฺตา. ชานาติ ปสฺสตีติ อิมินา าณทสฺสนํ กถิตํ ตํ ปน โลกิยํ โลกุตฺตรนฺติ ทุวิธนฺติ ตทุภยมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘สห วิปสฺสนาย มคฺโค วุตฺโต’’ติ.
เอตฺตาวตาปิ โขติ ปิ-สทฺทคฺคหเณน อฺเน ปริยาเยน สตฺถา ธาตุโกสลฺลํ เทเสตุกาโมติ เถโร ¶ , ‘‘สิยา ปน, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉตีติ ภควา ปถวีธาตุอาทิวเสนปิ ธาตุโกสลฺลํ วิภาเวติ. ตตฺถ ปถวีธาตุอาทิสทฺเทน เทสนาการณํ วิภาเวนฺโต, ‘‘ปถวีธาตุ…เป… วุตฺตา’’ติ อาห. ตาปิ หิ อาทิโต ฉ ธาตุโย. ‘‘วิฺาณธาตุโต ¶ นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา’’ติ วตฺวา กถํ รูปธาตุโย นีหรียนฺตีติ โจทนํ สนฺธาย ตํ นยํ ทสฺเสตุํ, ‘‘วิฺาณธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ กายวิฺาณธาตุยา อารมฺมณํ โผฏฺพฺพธาตุปถวีธาตุ อาทิวเสน เทสนารุฬเมว, กายธาตุ ปน นีหริตพฺพาติ เอกํสเมว นีหรณวิธึ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อาห. ปุริมปจฺฉิมวเสน มโนธาตูติ ปจฺฉิมภาควเสน กิริยามโนธาตุ คเหตพฺพา ตสฺสานุรูปภาวโต. นนุ เจตฺถ มโนธาตุ นามายํ มโนวิฺาณธาตุยา อสํสฏฺา, วิสุํเยว เจสา ธาตูติ? สจฺจเมตํ อฏฺารสธาตุเทสนาย, จิตฺตวิภตฺตินิทฺเทเส ฉวิฺาณกายเทสนายํ ปน สา มโนวิฺาณกายสงฺคหิตาวาติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๑๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อถ วา ปุริมปจฺฉิมวเสนาติ ปุเรจรานุจรวเสน. มโนธาตูติ วิปากมโนธาตุ คเหตพฺพา ปุเรจรณโต, ปรโต อุปฺปชฺชนกิริยามโนวิฺาณธาตุยา อนนฺตรํ มโนธาตุยา, กิริยามโนธาตุยา อนนฺตรํ มโนวิฺาณธาตุยา อนุปฺปชฺชนโต จ.
ธมฺมานํ ยาวเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีววิภาวนตฺถาย สตฺถุ ธาตุเทสนาติ อฺเสุ สภาวธารณาทิอตฺเถสุ ลพฺภมาเนสุปิ อยเมตฺถ อตฺโถ ปธาโนติ อาห – ‘‘เอสนโย สพฺพตฺถา’’ติ. สปฺปฏิปกฺขวเสนาติ สปฺปฏิภาควเสน สุขํ ทุกฺเขน สปฺปฏิภาคํ, ทุกฺขํ สุเขน, เอวํ โสมนสฺสโทมนสฺสาติ. ยถา สุขาทีนํเยว สมุทาจาโร วิภูโต, น อุเปกฺขาย, เอวํ ราคาทีนํเยว สมุทาจาโร วิภูโต, น โมหสฺส, เตน วุตฺตํ ‘‘อวิภูตภาเวนา’’ติ. กายวิฺาณธาตุ ปริคฺคหิตาว โหติ ตทวินาภาวโต. เสสาสุ โสมนสฺสธาตุอาทีสุ, ปริคฺคหิตาว โหติ อวินาภาวโต เอว. น หิ โสมนสฺสาทโย มโนธาตุยา วินา วตฺตนฺติ. อุเปกฺขาธาตุโต นีหริตฺวาติ เอตฺถ จกฺขุวิฺาณธาตุอาทโย จตสฺโส วิฺาณธาตุโย ตาสํ วตฺถารมฺมณภูตา จกฺขุธาตุอาทโย จาติ อฏฺ รูปธาตุโย, มโนธาตุ, อุเปกฺขาสหคตา มโนวิฺาณธาตุ, อุเปกฺขาสหคตา เอว ธมฺมธาตูติ เอวํ ปนฺนรส ธาตุโย อุเปกฺขาธาตุโต นีหริตพฺพา. โสมนสฺสธาตุอาทโย ปน จตสฺโส ธาตุโย ธมฺมธาตุอนฺโตคธา ¶ , เอวํ สุขธาตุโต กายวิฺาณธาตุยา ตสฺสา วตฺถารมฺมณภูตานํ กายธาตุโผฏฺพฺพธาตูนฺจ นีหรณา เหฏฺา ทสฺสิตนยาติ, ‘‘อุเปกฺขาธาตุโต นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
กามวิตกฺกาทโย อิธ กามธาตุอาทิปริยาเยน วุตฺตาติ ‘‘กามธาตุอาทีนํ ทฺเวธาวิตกฺเก กามวิตกฺกาทีสุ ¶ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ อาห. ตตฺถ หิ ‘‘กามวิตกฺโกติ กามปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, พฺยาปาทวิตกฺโกติ พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโกติ วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโก, โส ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก, โส เมตฺตาปุพฺพภาคโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก, โส กรุณาย ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อยํ ปนตฺโถ อภิธมฺเม วิตฺถารโต อาคโต เอวาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อภิธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามธาตุโต นีหริตฺวาติ เอตฺถ กามคฺคหเณน คหิตา รูปธาตุอาทโย ฉ, ตํวิสยา สตฺตวิฺาณธาตุโย, ตตฺถ ปฺจนฺนํ วิฺาณธาตูนํ จกฺขุธาตุอาทโย ปฺจาติ อฏฺารส. เนกฺขมฺมธาตุอาทโย ปน ธมฺมธาตุอนฺโตคธา เอว.
กามตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา กามธาตูติ อาห – ‘‘ปฺจ กามาวจรกฺขนฺธา กามธาตู’’ติ. ตถา รูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา รูปธาตุ, อรูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา อรูปธาตูติ อาห – ‘‘จตฺตาโร อรูปาวจรกฺขนฺธา’’ติอาทิ. กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลเปน, เอวํ รูปารูปตณฺหา รูปารูปํ. อารมฺมณกรณวเสน ตา ยตฺถ อวจรนฺติ, เต กามาวจราทโยติ เอวํ กามาวจรกฺขนฺธาทีนํ กามตณฺหาทิภาโว เวทิตพฺโพ. อาทินา นเยนาติ เอเตน ‘‘อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อนฺโตกริตฺวา เอตฺถาวจรา’’ติอาทิปาฬึ (วิภ. ๑๐๒๐) สงฺคณฺหาติ. เอตฺถาวจราติ อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสาย กามตณฺหาย วิสยภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตโทกาสตา จ ตณฺหาย ตนฺนินฺนตฺตา เวทิตพฺพา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ปริปุณฺณอฏฺารสธาตุกตฺตา กามาวจรธมฺมานํ ‘‘กามธาตุโต นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา’’ติ ¶ วุตฺตํ. มโนวิฺาณธาตุธมฺมธาตุ เอกเทสมตฺตเมว หิ รูปารูปาวจรธมฺมาติ.
สมาคนฺตฺวาติ สหิตา หุตฺวา. ยตฺตกฺหิ ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ผลสฺส การณํ, ตตฺถ ตนฺนิพฺพตฺตเน สมาคตา วิย โหติ เวกลฺเล ตทนิพฺพตฺตนโต. สงฺขตธาตุโต นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา อสงฺขตาย ธาตุยา ธมฺมธาตุเอกเทสภาวโต.
๑๒๖. เอวํ ปวตฺตมานา มยํ อตฺตาติ คหณํ คมิสฺสามาติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา, เตสุ ภวา ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติ อชฺฌตฺติกานิ. ตโต พหิภูตานิ พาหิรานิ. อายตนกถา ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๐, ๕๗๐, ๕๗๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ น วิตฺถาริตา.
๑๒๗. อวิชฺชมานํ ¶ านํ อฏฺานํ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๒๖๘; วิภ. มูลฏี. ๘๐๙), นตฺถิ านนฺติ วา อฏฺานํ. อนวกาโสติ เอตฺถ เอเสว นโย. ตทตฺถนิคมนเมว หิ ‘‘เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ วจนนฺติ. เตนาห ‘‘อุภเยนปี’’ติอาทิ. ยนฺติ การเณ ปจฺจตฺตวจนํ, เหตุอตฺโถ จ การณตฺโถติ อาห – ‘‘ยนฺติ เยน การเณนา’’ติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน เอตฺถ ทิฏฺิสมฺปตฺติ เวทิตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน’’ติ. กุโต ปนายมตฺโถ ลพฺภตีติ? ลิงฺคโต. ลิงฺคฺเหตํ, ยทิทํ นิจฺจโต อุปคมนปฏิกฺเขโป. จตุภูมเกสูติ อิทํ จตุตฺถภูมกสงฺขารานํ อริยสาวกสฺส วิสยภาวูปคมนโต วุตฺตํ; น ปน เต อารพฺภ นิจฺจโต อุปคมนสพฺภาวโต. วกฺขติ จ ‘‘จตุตฺถภูมกสงฺขารา ปนา’’ติอาทินา. อภิสงฺขตสงฺขารอภิสงฺขรณกสงฺขารานํ สปฺปเทสตฺตา นิปฺปเทสสงฺขารคฺคหณตฺถํ ‘‘สงฺขตสงฺขาเรสู’’ติ วุตฺตํ. โลกุตฺตรสงฺขารานํ ปน นิวตฺตเน การณํ สยเมว วกฺขติ. เอตํ การณํ นตฺถิ เสตุฆาตตฺตา. เตชุสฺสทตฺตาติ สํกิเลสวิธมนเตชสฺส อธิกภาวโต. ตถา หิ เต คมฺภีรภาเวน ทุทฺทสา. อกุสลานํ อารมฺมณํ น โหนฺตีติ อิทํ ปกรณวเสน วุตฺตํ. อปฺปหีนวิปลฺลาสานํ สตฺตานํ กุสลธมฺมานมฺปิ เต อารมฺมณํ น โหนฺติ.
อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาโส จ อิธ สุขโต อุปคมนสฺส านนฺติ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เอกนฺต…เป… วุตฺต’’นฺติ. อตฺตทิฏฺิวเสนาติ ปธานทิฏฺิมาห ¶ . ทิฏฺิยา นิพฺพานสฺส อวิสยภาโว เหฏฺา วุตฺโต เอวาติ ‘‘กสิณาทิปณฺณตฺติสงฺคหตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริจฺเฉโทติ สงฺขารานํ ปริจฺเฉโท สงฺขารานํ ปริจฺฉิชฺชคหณํ. สฺวายํ เยสํ นิจฺจาทิโต อุปคมนํ ภวติ เตสํเยว วเสน กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพวาเรสู’’ติอาทิมาห. สพฺพวาเรสูติ นิจฺจาทิสพฺพวาเรสุ. ปุถุชฺชโน หีติ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ยํ ยํ สงฺขารํ นิจฺจาทิวเสน ปุถุชฺชนกาเล อุปคจฺฉติ, ตํ ตํ อริยมคฺคาธิคเมน อนิจฺจาทิวเสน คณฺหนฺโต ยาถาวโต ชานนฺโต ตํ คาหํ ตํ ทิฏฺึ วินิเวเติ วิสฺสชฺเชติ. ตสฺมา ยตฺถ คาโห ตตฺถ วิสฺสชฺชนาติ จตุตฺถภูมกสงฺขารา อิธ สงฺขารคฺคหเณน น คยฺหตีติ อตฺโถ.
๑๒๘. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตาปิตุสมฺา, ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโต นิปฺปริยายสิทฺธํ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ชนิกา ว มาตา ชนโก ปิตา’’ติ วุตฺตํ. ตถา อานนฺตริยกมฺมสฺส อธิปฺเปตตฺตา ‘‘มนุสฺสภูโตว ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อฏฺานเมต’’นฺติอาทินา มาตุอาทีนํเยว ชีวิตา โวโรปเน อริยสาวกสฺส อภพฺพภาวทสฺสนโต ตทฺํ อริยสาวโก ชีวิตา โวโรเปตีติ อิทํ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติ มฺมาโน วทติ – ‘‘กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ ¶ ? ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ วจนโต, ‘‘เอตมฺปิ อฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจปิ หี’’ติอาทิ. พลทีปนตฺถนฺติ สทฺธาทิพลสมนฺนาคมทีปนตฺถํ. อริยมคฺเคนาคตสทฺธาทิพลวเสน หิ อริยสาวโก ตาทิสํ สาวชฺชํ น กโรติ.
ปฺจหิ การเณหีติ อิทํ อตฺถนิปฺผาทกานิ เตสํ ปุพฺพภาคิยานิ จ การณานิ การณภาวสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปน สพฺเพสํ ปฺจนฺนํ สหโยคกฺขมโต. อากาเรหีติ การเณหิ. อนุสฺสาวเนนาติ อนุรูปํ สาวเนน. เภทสฺส อนุรูปํ ยถา เภโท โหติ, เอวํ ภินฺทิตพฺพานํ ภิกฺขูนํ อตฺตโน วจนสฺส สาวเนน วิฺาปเนน. เตนาห ‘‘นนุ ตุมฺเห’’ติอาทิ. กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวาติ เอเตน ¶ ‘‘ปากฏํ กตฺวา เภทกรวตฺถุทีปนํ โวหาโร, ตตฺถ อตฺตโน นิจฺฉิตมตฺถํ รหสฺสวเสน วิฺาปนํ อนุสฺสาวน’’นฺติ ทสฺเสติ.
กมฺมเมว อุทฺเทโส วา ปมาณนฺติ เตหิ สงฺฆเภทสิทฺธิโต วุตฺตํ, อิตเร ปน เตสํ ปุพฺพภาคภูตา. เตนาห ‘‘โวหารา’’ติอาทิ. ตตฺถาติ โวหาเร. จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ, อนนฺตรปฺปโยชนานิ จาติ อานนฺตริยานิ, ตานิ เอว ‘‘อานนฺตริยกมฺมานี’’ติ วุตฺตานิ.
กมฺมโตติ ‘‘เอวํ อานนฺตริยกมฺมํ โหติ, เอวํ อนนฺตริยกมฺมสทิส’’นฺติ เอวํ กมฺมวิภาคโต. ทฺวารโตติ กายาทิทฺวารโต. กปฺปฏฺิติยโตติ ‘‘อิทํ กปฺปฏฺิติกวิปากํ, อิทํ น กปฺปฏฺิติกวิปาก’’นฺติ เอวํ กปฺปฏฺิติยวิภาคโต. ปากาติ ‘‘อิทเมตฺถ วิปจฺจติ, อิทํ น วิปจฺจตี’’ติ วิปจฺจนวิภาคโต. สาธารณาทีหีติ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารณาสาธารณโต, อาทิ-สทฺเทน เวทนาทิวิภาคโต จ.
ยสฺมา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว จ กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ, ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิพฺพตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘มนุสฺสภูตสฺเสวา’’ติ. ปากติกมนุสฺสานมฺปิ จ กุสลธมฺมานํ วิเสสปฺปตฺติ วิมานวตฺถุอฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๓) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ยถา วุตฺโต จ อตฺโถ สมานชาติยสฺส วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติยสฺสาติ วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา’’ติ. ลิงฺเค ปริวตฺเต จ โส เอว เอกกมฺมนิพฺพตฺโต ภวงฺคปฺปพนฺโธ, ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺโธ จ, น อฺโติ อาห ‘‘อปิ ปริวตฺตลิงฺค’’นฺติ. อรหนฺเตปิ ¶ เอเสว นโย. ตสฺส วิปากนฺติอาทิ กมฺมสฺส อานนฺตริยภาวสมตฺถนํ, จตุโกฏิกฺเจตฺถ สมฺภวติ. ตตฺถ ปมา โกฏิ ทสฺสิตา, อิตราสุ วิสงฺเกตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิปิ ตตฺถ วิสงฺเกโต, กมฺมํ ปน ครุตรํ อานนฺตริยสทิสํ ภายิตพฺพนฺติ อาห – ‘‘อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺตี’’ติ. อยํ ปฺโหติ าปนิจฺฉานิพฺพตฺตา กถา.
อานนฺตริยํ ผุสติ มรณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. สพฺพตฺถ ¶ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ ปน ตทารมฺมณํ ชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยนานนฺตริยภาเว ปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ. สงฺคามจตุกฺกํ สมฺปตฺตวเสน โยเชตพฺพํ.
เตเนวาติ เตเนว ปโยเคน. อรหนฺตฆาโต โหติเยว อรหโต มาริตตฺตา. ปุถุชฺชนสฺเสว ทินฺนํ โหตีติ ยสฺมา ยถา วธกจิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณมฺปิ ปพนฺธวิจฺเฉทวเสน จ ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตติ, น เอวํ จาคเจตนา, สา หิ จชิตพฺพวตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา จชนมตฺตเมว โหติ, อฺสนฺตกภาวกรณฺจ ตสฺส จชนํ, ตสฺมา ยสฺส ตํ สนฺตกํ กตํ. ตสฺเสว ทินฺนํ โหตีติ.
โลหิตํ สโม สรตีติ อภิฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ. มหนฺตตรนฺติ ครุตรํ. สรีรปฏิชคฺคเน วิยาติ สตฺถุรูปกายปฏิชคฺคเน วิย.
อสนฺนิปติเตติ อิทํ สามคฺคิยทีปนํ. เภโท จ โหตีติ สงฺฆสฺส เภโท โหติ. วฏฺฏตีติ สฺายาติ อีทิสกรณํ สงฺฆสฺส เภทาย น โหตีติ สฺาย. นวโต อูนปริสายํ กโรนฺตสฺส ตถาติ โยเชตพฺพํ, ตถาติ อิมินา ‘‘น อานนฺตริยกมฺมนฺติ’’ อิมํ อากฑฺฒติ, น ปน ‘‘เภโท โหตี’’ติ อิทํ. เหฏฺิมนฺเตน หิ นวนฺนเมว วเสน สงฺฆเภโท. ธมฺมวาทิโน อนวชฺชา ยถาธมฺมํ อวฏฺานโต. สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาโค สงฺฆราชิ.
กายทฺวารเมว ปูเรนฺติ กายกมฺมภาเวเนว ลกฺขิตพฺพโต.
‘‘สณฺหนฺเต หิ…เป… มุจฺจตี’’ติ อิทํ กปฺปฏฺกถาย น สเมติ. ตถา หิ กปฺปฏฺกถายํ (กถา. อฏฺ. ๖๕๔-๖๕๗) วุตฺตํ – ‘‘อาปายิโกติ อิทํ สุตฺตํ ยํ โส เอกํ กปฺปํ ¶ อสีติภาเค กตฺวา ตโต เอกภาคมตฺตํ กาลํ ติฏฺเยฺย, ตํ อายุกปฺปํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. กปฺปวินาเสเยวาติ ปน อายุกปฺปวินาเสเยวาติ อตฺเถ สติ นตฺถิ วิโรโธ. เอตฺถ จ สณฺหนฺเตติ อิทมฺปิ ‘‘สฺเวววินสฺสิสฺสตี’’ติ วิย อภูตปริกปฺปวเสน วุตฺตํ. เอกทิวสเมว นิรเย ปจฺจติ ตโต ปรํ กปฺปาภาเว อายุกปฺปสฺสปิ อภาวโตติ อวิโรธโต ¶ อตฺถโยชนา ทฏฺพฺพา. เสสานีติ สงฺฆเภทโต อฺานิ อานนฺตริยกมฺมานิ.
อโหสิกมฺมํ…เป… สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เอวํ สติ กถํ เนสํ อานนฺตริยตา จุติอนนฺตรํ วิปากทานาภาวโต. อถ สติ ผลทาเน จุติอนนฺตโร เอว เอเตสํ ผลกาโล, น อฺโติ ผลกาลนิยเมน นิยตตา นิจฺฉิตา, น ผลทานนิยเมน, เอวมฺปิ นิยตผลกาลานํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ ทิฏฺธมฺมเวทนียานฺจ นิยตตา อาปชฺเชยฺย. ตสฺมา วิปากธมฺมธมฺมานํ ปจฺจยนฺตรวิกลตาทีหิ อวิปจฺจมานานมฺปิ อตฺตโน สภาเวน วิปากธมฺมตา วิย พลวตา อานนฺตริเยน วิปาเก ทินฺเน อวิปจฺจมานานมฺปิ อานนฺตริยานํ ผลทาเน นิยตสภาวา อานนฺตริยสภาวา จ ปวตฺตีติ อตฺตโน สภาเวน ผลทานนิยเมเนว นิยตตา อานนฺตริยตา จ เวทิตพฺพา. อวสฺสฺจ อานนฺตริยสภาวา ตโต เอว นิยตสภาวา จ เตสํ ปวตฺตีติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ อฺสฺส พลวโต อานนฺตริยสฺส อภาเว จุติอนนฺตรํ เอกนฺเตน ผลทานโต.
นนุ เอวํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ อฺสฺมึ วิปากทายเก อสติ จุติอนนฺตรเมกนฺเตน ผลทานโต นิยตสภาวา อนนฺตริยสภาวา จ ปวตฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. อสมานชาติเกน เจโตปณิธิวเสน อุปฆาตเกน จ นิวตฺเตตพฺพวิปากตฺตา อนนฺตเร เอกนฺตผลทายกตฺตาภาวา. น ปน อานนฺตริยกานํ ปมชฺฌานาทีนํ ทุติยชฺฌานาทีนิ วิย อสมานชาติกํ ผลนิวตฺตกํ อตฺถิ สพฺพานนฺตริยานํ อวีจิผลตฺตา. น จ เหฏฺูปปตฺตึ อิจฺฉโต สีลวโต เจโตปณิธิ วิย อุปรูปปตฺติชนกกมฺมผลํ อานนฺตริยผลํ นิวตฺเตตุํ สมตฺโถ เจโตปณิธิ อตฺถิ อนิจฺฉนฺตสฺเสว อวีจิปาตนโต, น จ อานนฺตริโยปฆาตกํ กิฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, ตสฺมา เตสํเยว อนนฺตเร เอกนฺตวิปากชนกสภาวา ปวตฺตีติ. อเนกานิ จ อานนฺตริยานิ กตานิ เอกนฺเตเนว วิปาเก นิยตสภาวตฺตา อุปรตาวิปจฺจนสภาวาสงฺกตฺตา นิจฺฉิตานิ สภาวโต นิยตาเนว. เตสุ ปน สมานสภาเวสุ เอเกน วิปาเก ทินฺเน อิตรานิ อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา น ทุติยํ ตติยํ วา ปฏิสนฺธึ กโรนฺติ. น สมตฺถตาวิฆาตตฺตาติ นตฺถิ เตสํ อานนฺตริยกตา นิวตฺติ; ครุตรภาโว ปน เตสุ ลพฺภเตวาติ สงฺฆเภทสฺส ¶ สิยา ¶ ครุตรภาโวติ, ‘‘เยน…เป… วิปจฺจตี’’ติ อาห. เอกสฺส ปน อฺานิ อุปตฺถมฺภกานิ โหนฺตีติ ทฏฺพฺพานิ. ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจตีติ วจเนน อิตเรสํ ปวตฺติวิปากทายิตา อนฺุาตา วิย ทิสฺสติ. โน วา ตถา สีลวตีติ ยถา ปิตา สีลวา, ตถา สีลวตี โน วา โหตีติ โยชนา. สเจ มาตา สีลวตี, มาตุฆาโต ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจตีติ โยชนา.
ปกตตฺโตติ อนุกฺขิตฺโต. สมานสํวาสโกติ อปาราชิโก. สมานสีมายนฺติ เอกสีมายํ.
สตฺถุกิจฺจํ กาตุํ อสมตฺโถติ ยํ สตฺถารา กาตพฺพกิจฺจํ อนุสาสนาทิ, ตํ กาตุํ อสมตฺโถติ ภควนฺตํ ปจฺจกฺขาย. อฺํ ติตฺถกรนฺติ อฺํ สตฺถารํ.
๑๒๙. อภิชาติอาทิสุ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๒๗๗) ปกปฺปเนน เทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สมานโยคกฺเขมํ ทสสหสฺสปริมาณํ านํ ชาติเขตฺตํ, สรเสเนว อาณาปวตฺติฏฺานํ อาณาเขตฺตํ, วิสยภูตํ านํ วิสยเขตฺตํ. ทสสหสฺสี โลกธาตูติ อิมาย โลกธาตุยา สทฺธึ อิมํ โลกธาตุํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ. ตตฺตกานํเยว ชาติเขตฺตภาโว ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิ. ‘‘สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ ตตฺตกํ เอว ชาติเขตฺตํ ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย’’ติ จ วทนฺติ. มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนกาลาทีนํ ฉนฺนํ เอว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนสฺส ลพฺภมานโต. อาณาเขตฺตํ นาม ยํ เอกชฺฌํ สํวฏฺฏติ จ วิวฏฺฏติ จ. อาณา วตฺตติ อาณาย ตนฺนิวาสีนํ เทวตานํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉเนน, ตฺจ โข เกวลํ พุทฺธานํ อานุภาเวเนว, น อธิปฺปายวเสน, อธิปฺปายวเสน ปน ‘‘ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต ตโต ปรมฺปิ อาณา ปวตฺเตยฺย.
น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถีติ, ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติอาทึ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๔.๕.๑๑) อิมิสฺสํ โลกธาตุยํ ตฺวา วทนฺเตน ภควตา, ‘‘กึ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ อฺเ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ¶ ภควตา สมสมา สมฺโพธิยนฺติ, เอวํ ปุฏฺโ อหํ, ภนฺเต, โนติ วเทยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑), วตฺวา ตสฺส การณํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ อิมํ สุตฺตํ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; มิ. ป. ๕.๑.๑) ทสฺเสนฺเตน ¶ ธมฺมเสนาปตินา จ พุทฺธเขตฺตภูตํ อิมํ โลกธาตุํ เปตฺวา อฺตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาโย.
เอกโตติ สห, เอกสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. โส ปน กาโล กถํ ปริจฺฉินฺโนติ จริมภเว ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ยาว ธาตุปรินิพฺพานาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. นิสินฺนกาลโต ปฏฺายาติ ปฏิโลมกฺกเมน วทติ. ปรินิพฺพานโต ปฏฺายาติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย. เอตฺถนฺตเรติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณํ ธาตุปรินิพฺพานนฺติ เอเตสํ อนฺตเร.
อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น นิวาริตา, ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตีณิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติอนฺตรธาเนน หิ สาสนสฺส โอสกฺกิตตฺตา อปรสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ ลทฺธาวสรา โหติ. ปฏิปทาติ ปฏิเวธาวหา ปุพฺพภาคปฏิปทา. ‘‘ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ โพธิสตฺตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ ตยิทํ หีนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิยฺยานิกธมฺมสฺส ิติฺหิ ทสฺเสนฺโต อนิยฺยานิกธมฺมํ นิทสฺเสติ.
มาติกาย อนฺตรหิตายาติ, ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทินยปฺปตฺตา สิกฺขาปทปาฬิ มาติกา, ตาย อนฺตรหิตาย นิทานุทฺเทสสงฺขาเต ปาติโมกฺขุทฺเทเส ปพฺพชฺชายุปสมฺปทากมฺเมสุ จ สาสนํ ติฏฺตีติ อตฺโถ. อถ วา ปาติโมกฺเข ธรนฺเตเยว ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ, เอวํ สติ ตทุภยํ ปาติโมกฺเข อนฺโตคธํ ตทุภยาภาเว ปาติโมกฺขาภาวโต, ตสฺมา ตยิทํ ตยํ สาสนสฺส ิติเหตูติ อาห – ‘‘ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ิตาสุ สาสนํ ติฏฺตี’’ติ. ยสฺมา วา อุปสมฺปทาธีนํ ปาติโมกฺขํ, อุปสมฺปทา จ ปพฺพชฺชาธีนา, ตสฺมา ปาติโมกฺเข สิทฺเธ, สิทฺธาสุ ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ จ สาสนํ ติฏฺติ. ปจฺฉิมปฏิเวธโต หิ ปรํ ปฏิเวธสาสนํ, ปจฺฉิมสีลโต จ ปรํ ปฏิปตฺติสาสนํ วินฏฺํ นาม โหติ. โอสกฺกิตํ นามาติ ปจฺฉิมกปฏิเวธสีลเภททฺวยํ เอกโต กตฺวา ตโต ปรํ วินฏฺํ นาม โหตีติ อตฺโถ.
เตน ¶ กามํ ‘‘สาสนฏฺิติยา ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, ปริยตฺติ ปน ปฏิปตฺติเหตุกาติ ปฏิปตฺติยา อสติ อปฺปติฏฺา โหติ, ตสฺมา ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ สาสโนสกฺกนสฺส วิเสสการณนฺติ ทสฺเสตฺวา ตยิทํ สาสโนสกฺกนํ ธาตุปรินิพฺพาโนสานนฺติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตีณิ ปรินิพฺพานานี’’ติ วุตฺตํ.
การฺุนฺติ ¶ ปริเทวนการฺุํ. ชมฺพุทีเป ทีปนฺตเรสุ เทวนาคพฺรหฺมโลเกสุ จ วิปฺปกิริตฺวา ิตานํ ธาตูนํ มหาโพธิปลฺลงฺเก เอกชฺฌํ สนฺนิปตนํ, รสฺมิวิสฺสชฺชนํ, ตตฺถ เตโชธาตุยา อุฏฺานํ, เอกชาลีภาโว จาติ สพฺพเมตํ สตฺถุ อธิฏฺานวเสเนว เวทิตพฺพํ.
อนจฺฉริยตฺตาติ ทฺวีสุปิ อุปฺปชฺชมาเนสุ อจฺฉริยตฺตาภาวโทสโตติ อตฺโถ. พุทฺธา นาม มชฺเฌ ภินฺนํ สุวณฺณํ วิย เอกสทิสาติ เตสํ เทสนาปิ เอกรสา เอวาติ อาห – ‘‘เทสนาย จ วิเสสาภาวโต’’ติ. เอเตนปิ อนจฺฉริยตฺตเมว สาเธติ. วิวาทภาวโตติ เอเตน วิวาทาภาวตฺถํ ทฺเว เอกโต น อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถาติ มิลินฺทปฺเห. เอกํ พุทฺธํ ธาเรตีติ เอกพุทฺธธารณี. เอเตน เอวํ สภาวา เอเต พุทฺธคุณา, เยน ทุติยพุทฺธคุเณ ธาเรตุํ อสมตฺถา อยํ โลกธาตูติ ทสฺเสติ. ปจฺจยวิเสสนิปฺผนฺนานฺหิ คุณธมฺมานํ ภาริโย วิเสโส น สกฺกา ธาเรตุนฺติ, ‘‘น ธาเรยฺยา’’ติ วตฺวา ตเมว อธารณํ ปริยายนฺตเรนปิ ปกาเสนฺโต ‘‘จเลยฺยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จเลยฺยาติ ปริปฺผนฺเทยฺย. กมฺเปยฺยาติ ปเวเธยฺย. นเมยฺยาติ เอกปสฺเสน นเมยฺย. โอนเมยฺยาติ โอสีเทยฺย. วินเมยฺยาติ วิวิธํ อิโตจิโต จ นเมยฺย. วิกิเรยฺยาติ วาเตน ถุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิเรยฺย. วิธเมยฺยาติ วินสฺเสยฺย. วิทฺธํเสยฺยาติ สพฺพโส วิทฺธสฺตา ภเวยฺย. ตถาภูตา จ กตฺถจิ น ติฏฺเยฺยาติ อาห ‘‘น านมุปคจฺเฉยฺยา’’ติ.
อิทานิ ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ยถา, มหาราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมุปาทิกาติ สมํ อุทฺธํ ปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมุปาทิกา, อุทกสฺส อุปริ สมํ คามินีติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ สณฺาเนน. ปมาเณนาติ อาโรเหน ¶ . กิสถูเลนาติ กิสถูลภาเวน, ปริณาเหนาติ อตฺโถ.
ฉาเทนฺตนฺติ โรเจนฺตํ รุจึ อุปฺปาเทนฺตํ. ตนฺทีกโตติ เตน โภชเนน ตนฺทีภูโต. อโนนมิตทณฺฑชาโตติ ยาวทตฺถํ โภชเนน โอนมิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อโนนมิตทณฺโฑ วิย ชาโต. สกึ ภุตฺโต วเมยฺยาติ เอกมฺปิ อาโลปํ อชฺโฌหริตฺวา วเมยฺยาติ อตฺโถ.
อติธมฺมภาเรน ปถวี จลตีติ ธมฺเมน นาม ปถวี ติฏฺเยฺย. สา กึ เตเนว จลติ วินสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. ปุน เถโร ‘‘รตนํ นาม โลเก กุฏุมฺพํ สนฺธาเรนฺตํ อภิมตฺจ โลเกน อตฺตโน ครุสภาวตาย สกฏภงฺคสฺส การณํ อติภารภูตํ ทิฏฺํ. เอวํธมฺโม ¶ จ หิตสุขวิเสเสหิ ตํสมงฺคินํ ธาเรนฺโต อภิมโต จ วิฺูนํ คมฺภีรปฺปเมยฺยภาเวน ครุสภาวตฺตา อติภารภูโต ปถวีจลนสฺส การณํ โหตี’’ติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อิธ, มหาราช, ทฺเว สกฏา’’ติอาทิมาห. เอเตเนว ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทิกาเล ปถวีกมฺปนการณํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกสกฏโต รตนนฺติ เอกสฺมา, เอกสฺส วา สกฏสฺส รตนํ, ตสฺมา สกฏโต คเหตฺวาติ อตฺโถ.
โอสาริตนฺติ อุจฺจาริตํ, วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อคฺโคติ สพฺพสตฺเตหิ อคฺโค.
สภาวปกตีติ สภาวภูตา อกิตฺติมา ปกติ. การณมหนฺตตายาติ มหนฺเตหิ พุทฺธการกธมฺเมหิ ปารมิตาสงฺขาเตหิ การเณหิ พุทฺธคุณานํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ โหติ. ปถวิอาทีนิ มหนฺตานิ วตฺถูนิ, มหนฺตา จ สกฺกภาวาทโย อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอเกกา เอว, สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ มหนฺโต อตฺตโน วิสเย เอโกว, โก จ ตสฺส วิสโย? พุทฺธภูมิ, ยาวตกํ วา เยฺยํ. เอวํ ‘‘อากาโส วิย อนนฺตวิสโย ภควา เอโกว โหตี’’ติ วทนฺโต ปรจกฺกวาเฬสุ ทุติยสฺส พุทฺธสฺส อภาวํ ทสฺเสติ.
อิมินาว ¶ ปเทนาติ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ อิมินา เอว ปเทน. ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ คหิตานิ ชาติเขตฺตตฺตา. เอกจกฺกวาเฬเนวาติ อิมินา เอกจกฺกวาเฬเนว. ยถา – ‘‘อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺเต อิมสฺมิมฺปิ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเปเยว, ตตฺถปิ มชฺฌิมปเทเส เอวาติ ปริจฺฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ; เอวํ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ ชาติเขตฺเต อธิปฺเปเตปิ อิมินาว จกฺกวาเฬน ปริจฺฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ.
วิวาทูปจฺเฉทโตติ วิวาทูปจฺเฉทการณา. ทฺวีสุ อุปฺปนฺเนสุ โย วิวาโท ภเวยฺย, ตสฺส อนุปฺปาโทเยเวตฺถ วิวาทุปจฺเฉโท. เอกสฺมึ ทีเปติอาทินา ทีปนฺตเรปิ เอกชฺฌํ น อุปฺปชฺชนฺติ, ปเคว เอกทีเปติ ทสฺเสติ. โส ปริหาเยถาติ จกฺกวาฬสฺส ปเทเส เอว วตฺติตพฺพตฺตา ปริหาเยยฺย.
๑๓๐. มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสภาโว ตสฺเสว ปพฺพชฺชาทิคุณสมฺปตฺติอาทีนํ โยคฺคภาวโต. ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโว. เหตูติ มโนวจีปณิธานปุพฺพิกา เหตุสมฺปทา. สตฺถารทสฺสนนฺติ สตฺถุสมฺมุขีภาโว. ปพฺพชฺชาติ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ, ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชฺชา. คุณสมฺปตฺตีติ อภิฺาทิคุณสมฺปทา. อธิกาโรติ พุทฺธํ อุทฺทิสฺส อธิโก สกฺกาโร. ฉนฺทตาติ ¶ สมฺมาสมฺโพธึ อุทฺทิสฺส สาติสโย กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท. อฏฺธมฺมสโมธานาติ เอเตสํ อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ สมาโยเคน. อภินีหาโรติ กายปณิธานํ. สมิชฺฌตีติ นิปฺผชฺชตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกวณฺณนาย (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
สพฺพาการปริปูรเมวาติ ปริปุณฺณลกฺขณตาย สตฺตุสฺสทาทีหิ สพฺพากาเรหิ สมฺปนฺนเมว. น หิ อิตฺถิยา โกโสหิตวตฺถคุยฺหตา สมฺภวติ, ทุติยปกติ จ นาม ปมปกติโต นิหีนา เอว. เตเนวาห อนนฺตรวาเร ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.
อิธ ปุริสสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตนโตติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก ปุริสภูตสฺส ตตฺถ พฺรหฺมโลเก พฺรหฺมตฺตภาเวน นิพฺพตฺตนโต. เตน อสติปิ ปุริสลิงฺเค ปุริสาการา พฺรหฺมาโน โหนฺตีติ ทสฺเสติ. ตํเยว หิ ปุริสาการํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยํ ปุริโส พฺรหฺมตฺตํ กเรยฺยา’’ติ. เตเนวาห ‘‘สมาเนปี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ อิตฺถิโย พฺรหฺมโลเก น อุปฺปชฺชนฺตีติ อาห ‘‘พฺรหฺมตฺต’’นฺติอาทิ.
๑๓๑. กายทุจฺจริตสฺสาติอาทิปาฬิยา กมฺมนิยาโม นาม กถิโต. สมฺชนํ สมงฺโค, โส เอตสฺส อตฺถีติ สมงฺคี, สมนฺนาคโต. สมฺชนสีโล วา สมงฺคี. ปุพฺพภาเค อายูหนสมงฺคิตา, สนฺนิฏฺาปกเจตนาวเสน เจตนาสมงฺคิตา. เจตนาสนฺตติวเสน วา อายูหนสมงฺคิตา, ตํตํเจตนาขณวเสน เจตนาสมงฺคิตา. กตูปจิตสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส กมฺมสฺส วเสน กมฺมสมงฺคิตา, กมฺเม ปน วิปจฺจิตุํ อารทฺเธ วิปากปฺปวตฺติวเสน วิปากสมงฺคิตา. กมฺมาทีนํ อุปฏฺานกาลวเสน อุปฏฺานสมงฺคิตา. กุสลากุสลกมฺมายูหนกฺขเณติ กุสลกมฺมสฺส จ อกุสลกมฺมสฺส จ สมีหนกฺขเณ. ตถาติ อิมินา กุสลากุสลกมฺมปทํ อากฑฺฒติ. ยถา กตํ กมฺมํ ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ อุปจิตํ. วิปาการหนฺติ ทุติยภวาทีสุ วิปจฺจนารหํ. อุปฺปชฺชมานานํ อุปปตฺตินิมิตฺตํ อุปฏฺาตีติ โยชนา. จลตีติ ปริวตฺตติ. เอเกน หิ กมฺมุนา ตชฺเช นิมิตฺเต อุปฏฺาปิเต ปจฺจยวิเสสวเสน ตโต อฺเน กมฺมุนา อฺสฺส นิมิตฺตสฺส อุปฏฺานํ ปริวตฺตนํ.
สุนขชีวิโกติ สุนเขหิ ชีวนสีโล. ตลสนฺถรณปูชนฺติ ภูมิตลสฺส ปุปฺเผหิ สนฺตรณปูชํ. อายูหนเจตนากมฺมสมงฺคิตาวเสนาติ กายทุจฺจริตสฺส อปราปรํ อายูหเนน สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ¶ ตสฺเสว ปกปฺปเน กมฺมกฺขยกราเณน อเขปิตตฺตา ยถูปจิตกมฺมุนา จ สมงฺคิภาวสฺส วเสน.
๑๓๒. เอวํ สสฺสิริกนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน อเนกธาตุวิภชนาทินา นานานยวิจิตฺตตาย ปรมนิปุณคมฺภีรตาย จ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ สโสภํ กตฺวา.
นํ ธาเรหีติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ. ธาตุอาทิวเสน ปริวฏฺฏียนฺติ อตฺถา เอเตหีติ ปริวฏฺฏา, เทสนาเภทา. จตฺตาโร ปริวฏฺฏา เอตสฺส, เอตสฺมึ วาติ จตุปริวฏฺโฏ, ธมฺมปริยาโย. ธมฺโม จ โส ปริยตฺติภาวโต ยถาวุตฺเตนตฺเถน อาทาโสติ ธมฺมาทาโส. อุปฏฺานฏฺเน ยถาธมฺมานํ อาทาโสติปิ ธมฺมาทาโส. ยถา หิ อาทาเสน ¶ สตฺตานํ มุเข มลโทสหรณํ, เอวํ อิมินาปิ สุตฺเตน โยคีนํ มุเข มลโทสหรณํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิมินา สุตฺเตน กิเลเส มทฺทิตฺวา สมถาธิคเมน โยคิโน ชยปฺปตฺตา; ตสฺมา อมตปุรปฺปเวสเน อุคฺโฆสนมหาเภริตาย จ อมตทุนฺทุภิ. อิธ วุตฺตนฺติ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺตํ. อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติ อนุตฺตรภาวโต กิเลสสงฺคามวิชโย, ‘‘วิเชติ เอเตนา’’ติ กตฺวา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พหุธาตุกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อิสิคิลิสุตฺตวณฺณนา
๑๓๓. สมฺายติ ¶ เอตายาติ สมฺา, นามนฺติ อตฺโถ. อยมยํ นามาติ ปฺาเปนฺติ เอตาย, ตถาปฺาปนมตฺตนฺติ วา ปฺตฺติ, นามเมว. เตนาห ‘‘ปุริมปทสฺเสว เววจน’’นฺติ. เสเสสุปีติ ‘‘ปณฺฑวสฺส ปพฺพตสฺสา’’ติอาทีสุ ตีสุ วาเรสุปิ.
สมุฏฺานํ ตาว สุตฺตสฺส กเถตฺวา อตฺถสํวณฺณนํ กาตุํ ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปพฺพเตหิ อตฺโถติ น ภควโต ปพฺพเตหิ กถิเตหิ อตฺโถ อตฺถิ. อิสิคิลิภาโวติ อิสิคิลินามตา. อิตีติ อิมินา การเณน, อิมํ อฏฺุปฺปตฺตึ อเวกฺขนฺโตติ อตฺโถ.
เจติยคพฺเภติ เจติยฆเร เจติยสฺส อพฺภนฺตเร. ยมกมหาทฺวารนฺติ ยมกกวาฏยุตฺตํ มหนฺตํ ทฺวารํ. ทฺเวธา กตฺวาติ ปพฺพตสฺส อพฺภนฺตเร มณฺฑปสงฺเขเปน เลณํ นิมฺมินิตฺวา ทฺเวธา กตฺวา ตทา เต ตตฺถ วสึสุ.
วสิตกาลฺจ กเถนฺโต เตสํ มาตุยา ยาว ตติยภวโต ปฏฺาย สมุทาคมํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อตีเต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปตฺเถสีติ ตสฺสา กิร เขตฺตกุฏิยา วีหโย ภชฺชนฺติยา ตตฺถ มหากรฺชปุปฺผปฺปมาณา มหนฺตา มโนหรา ปฺจสตมตฺตา ลาชา ชายึสุ. สา ตา คเหตฺวา มหนฺเต ปทุมินิปตฺเต เปสิ. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ตสฺสา อนุคฺคหตฺถํ อวิทูเร เขตฺตปาฬิยา คจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ¶ ปสนฺนมานสา สุปุปฺผิตํ มหนฺตํ เอกํ ปทุมํ คเหตฺวา ตตฺถ ลาเช ปกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘อิมสฺส, ภนฺเต, ปฺุสฺส อานุภาเวน อานุภาวสมฺปนฺเน ปฺจสตปุตฺเต ลเภยฺย’’นฺติ ปฺจ ปุตฺตสตานิ ปตฺเถสิ. ตสฺมึเยว ขเณติ ยทา สา ยถาวุตฺตํ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ; ตสฺมึเยว ขเณ ปฺจสตา มิคลุทฺทกา สมฺภตสมฺภารา ปริปกฺกปจฺเจกโพธิาณา ตสฺเสว ปจฺเจกพุทฺธสฺส มธุรมํสํ ทตฺวา, ‘‘เอติสฺสา ปุตฺตา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถยึสุ. อตีตาสุ อเนกชาตีสุ ตสฺสา ปุตฺตภาเวน อาคตตฺตา ตถา เตสํ อโหสีติ วทนฺติ. ปาทุทฺธาเรติ ปาทุทฺธาเร ปาทุทฺธาเร. ปาทุทฺธารสีเสน เจตฺถ นิกฺขิปนํ อาห.
คพฺภมลํ นิสฺสายาติ พหิ นิกฺขนฺตํ คพฺภมลํ นิสฺสยํ กตฺวา สํเสทชภาเวน นิพฺพตฺตา ¶ . โอปปาติกภาเวนาติ เกจิ. ขยวยํ ปฏฺเปตฺวาติ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา. วิปสฺสนาติ อนิจฺจานุปสฺสนาปุพฺพิกา สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนปุพฺพิกา จ, สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส อนิจฺจลกฺขเณ ทิฏฺเ, ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ เสสลกฺขณานิ สุวิฺเยฺยาเนว โหนฺติ. ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺตยึสูติ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ ปจฺเจกโพธิปารมิตาย ปรินิปฺผนฺนตฺตา าณสฺส ปริปากตฺตา วุตฺตนเยน สยเมว วิปสฺสนํ ปวตฺเตตฺวา มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ อธิคจฺฉึสุ. สพฺเพปิ เต ตํเยว คาถํ อภาสึสูติ อาห – ‘‘อยํ เตสํ พฺยากรณคาถา อโหสี’’ติ.
สโรรุหนฺติ สรสิ ชาตํ. ปทุมปลาสปตฺตชนฺติ ขุทฺทกมหนฺเตหิ กมลทเลหิ สหชาตํ. ขุทฺทกมหนฺตกมลทลสงฺขาตานิ วา ปทุมปลาสปตฺตานิ เอตฺถ สนฺตีติ ปทุมปลาสปตฺตํ, ปทุมคจฺฉํ. ตตฺถ ชาตนฺติ ปทุมปลาสปตฺตชํ. สุปุปฺผิตนฺติ สุฏฺุ ปุปฺผิตํ สมฺมา วิกสิตํ. ภมรคณานุจิณฺณนฺติ ภมรคเณหิ อนุกุลฺเจว อนุปริพฺภมิตฺจ. อนิจฺจตายุปคตนฺติ ขเณ ขเณ วณฺณเภทาทิวเสน อนิจฺจตาย อุปคตํ. วิทิตฺวาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา. เอโก จเรติ ตสฺมา อฺโปิ มาทิโส โหตุกาโม เอวํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.
๑๓๕. สติสารสีลสาราทิสมนฺนาคมเนน ¶ สตฺเตสุ สารภูตา. สพฺพโส วฏฺฏทุกฺขสฺส วิคตตฺตา นิทฺทุกฺขา. สมุจฺฉินฺนตณฺหตาย นิตฺตณฺหา. มานจฺฉิโทติ ถุติวจนํ.
เอเตสํ เอกนามกาเยวาติ เอเตสํ อาคตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปาฬิยํ อนาคตา อฺเ ปจฺเจกพุทฺธา สมานนามกา เอว. วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏีกรณตฺถํ ‘‘อิเมสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิสุํ วิสุํ อวตฺวาติ ปจฺเจกํ สรูปโต อวตฺวา. อฺเ จาติ อสาธารณตฺตา อาห. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิสิคิลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนา
๑๓๖. โทเสหิ ¶ อารกาติ อริยํ. เตนาห ‘‘นิทฺโทส’’นฺติ. สา ปน นิทฺโทสตา โลกุตฺตรภาเวน สวิเสสาติ อาห ‘‘โลกุตฺตร’’นฺติ. สมฺมา สุนฺทโร ปสตฺโถ นิยฺยานิโก สมาธิ สมฺมาสมาธีติ อาห – ‘‘สมฺมาสมาธินฺติ มคฺคสมาธิ’’นฺติ. อุปนิสีทติ เอตฺถ ผลํ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตายาติ อุปนิสํ, การณนฺติ อาห – ‘‘สอุปนิสนฺติ สปฺปจฺจย’’นฺติ. ปริกโรติ ปริวาเรตีติ ปริกฺขาโรติ อาห – ‘‘สปริกฺขารนฺติ สปริวาร’’นฺติ.
ปริวาริตาติ สหชาตาทิปจฺจยภาเวน ปริวารนฺเตหิ วิย อุปคตา. ปุเรจาริกาติ วุฏฺานคามินิภาวนา สหชาตาทิปจฺจยวเสน ปจฺจยตฺตา ปุรสฺสรา. เตนาห – ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ จา’’ติ. อิทานิ ตานิ กิจฺจโต ทสฺเสตุํ, ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปริวีมํสคฺคหณํ ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตุปฺปาเท วีมํสาธิปเตยฺเยน ปวตฺติยา สมฺมาทิฏฺิยา ปุพฺพงฺคมภาวทสฺสนตฺถํ. เตนสฺส มคฺคสมาธิสฺส นานาขณิกํ ปุพฺพงฺคมภาวํ ทสฺเสติ. วีมํสนปริโยสาเนติ ตถาปวตฺตอนุโลมาณสฺส โอสาเน. ภูมิลทฺธํ วฏฺฏํ สมุคฺฆาฏยมานาติ อตฺตโน สนฺตาเน ทีฆรตฺตํ อนุสยิตํ กิเลสวฏฺฏํ สมุจฺฉินฺทนฺติ. วูปสมยมานาติ ตสฺเสว เววจนํ. วูปสมยมานาติ วา ตโต เอว อวสิฏฺมฺปิ วฏฺฏํ อปฺปวตฺติกรณวเสน วูปสเมนฺติ. เตเนวาห – ‘‘มคฺคสมฺมาทิฏฺิ…เป… อุปฺปชฺชตี’’ติ. สาติ สมฺมาทิฏฺิ. ทุวิธาปีติ ¶ ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิ. อิธ อธิปฺเปตา วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย กิจฺจสฺส ทสฺสิตตฺตา.
ลกฺขเณ ปฏิวิชฺฌมาเน ลกฺขณิโก ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ โหตีติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ…เป… อารมฺมณโต ปชานาตี’’ติ. วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิยมฺปิ เอเสว นโย. กิจฺจโตติ ภาวนากิจฺจโต. สมฺมาทิฏฺิยํ ตทธิคตอสมฺโมหตาย อสมฺโมหโต ปชานาติ. กิจฺจโตติ ปฏิเวธกิจฺจโต. ตํ ปน สพฺพถา อสมฺมุยฺหนเมวาติ อาห ‘‘อสมฺโมหโต’’ติ. เอวํ ปชานนาติ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺีติ ยาถาวโต อวโพโธ. อสฺสาติ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส.
ทฺวายนฺติ -กาโร ทีฆํ กตฺวา วุตฺโต. เตนาห ‘‘ทฺวยํ วทามี’’ติ. ทฺเว อวยวา เอตสฺสาติ ทฺวยํ. เตนาห ‘‘ทุวิธโกฏฺาสํ วทามี’’ติ. ปฺุสฺส เอโก ภาโค โส เอว ปฺุภาคิโก ¶ , ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘ปฺุภาคิยา’’ติ วุตฺตํ. อุปธิสงฺขาตสฺสาติ ขนฺธปพนฺธสงฺขาตสฺส.
อมตทฺวารนฺติ อริยมคฺคํ. ปฺเปตีติ นิยฺยานาทิปการโต ปฺเปติ. เตนาห ‘‘วิภชิตฺวา ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ สมฺโมหสฺส วิทฺธํสเนน อสมฺโมหโต ทสฺเสติ. ตสฺมึ อตฺเถติ อมตทฺวารปฺาปเน อตฺเถ. โพชฺฌงฺคปฺปตฺตาติ โพชฺฌงฺคภาวปฺปตฺตา. มคฺคภาเวน นิยฺยานภาเวน ปวตฺติยา มคฺคปฺาย อฏฺนฺนมฺปิ สาธารณตฺตา สมุทายสฺส จ อวยโว องฺคนฺติ กตฺวา เสสธมฺเม องฺคิกภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยมคฺคสฺส องฺค’’นฺติ อาห. โส ภิกฺขูติ มิจฺฉาทิฏฺึ ‘‘มิจฺฉาทิฏฺี’’ติ สมฺมาทิฏฺึ ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ ชานนฺโต ภิกฺขุ. ปชหนตฺถายาติ สมุจฺเฉทวเสน ปชหนาย. ปฏิลาภตฺถายาติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา อธิคมาย. กุสลวายาโมติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺโตว โกสลฺลสมฺภูโต วายาโม. สรตีติ สโต, ตํ ปนสฺส สรณํ สติสมงฺคิตายาติ อาห ‘‘สติยา สมนฺนาคโต’’ติ. กามฺเจตฺถ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺึ ยถาภูตา สมฺมาวายามสติโย สหชาตา จ ปุเรชาตา จ หุตฺวา ปริวาเรนฺติ, ‘‘อิติยิเม ตโย ธมฺมา สมฺมาทิฏฺึ อนุปริธาวนฺติ อนุปริวตฺตนฺตี’’ติ ปน วจนโต, ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทินา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา เอว เสสธมฺมานํ ยถารหํ สหจรณภาเวน ปริวารณํ โยชิตํ. สมฺมาสงฺกปฺปาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวานํ คหณํ อิตเรสํ ปริวารภาเวน คหิตตฺตา ¶ . น หิ สกฺกา เต เอว ปริวาเร ปริวารวนฺเต จ กตฺวา วตฺตุํ สงฺกรโต สมฺโมหชนนโต จ. ตโยติ สมฺมาทิฏฺิวายามสติโย สหชาตปริวาราว โหนฺติ มคฺคกฺขณิกานํ เตสํ อธิปฺเปตตฺตา วิปสฺสนาขณวิรตีนํ อสมฺภวโต.
๑๓๗. ตกฺกนวเสน โลกสิทฺเธนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอวฺเจวฺจ ภวิตพฺพ’’นฺติ วิวิธํ ตกฺกนํ กูเป วิย อุทกสฺส อารมฺมณสฺส อากฑฺฒนํ วิตกฺกนํ วิตกฺโก. สงฺกปฺปนวเสนาติ ตํ ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กปฺปนวเสน. ตกฺกนํ กปฺปนนฺติ จ อตํสหชาตานเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เอกคฺโคติ อิมินา สมาธินา ลทฺธุปการสฺเสว วิตกฺกสฺส อปฺปนาปริยาโย โหตีติ ทสฺเสติ. วิเสเสน วา อปฺปนา วิตกฺกสฺส วเสน จิตฺตํ อารมฺมณํ อภิโรเปติ, วิตกฺเก อสติ กถนฺติ อาห ‘‘วิตกฺเก ปนา’’ติอาทิ. อตฺตโนเยว ธมฺมตาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อภิรุหตีติ, เอเตน อารมฺมณธมฺมานํ คหณํ นาม สภาวสิทฺธํ, น ธมฺมนฺตรมเปกฺขติ, วิตกฺโก ปน ปวตฺตมาโน อารมฺมณาภินิโรปนวเสเนว ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. เอวํ สนฺเตปิ สภาวาวิตกฺกจิตฺตุปฺปาทโต สวิตกฺกจิตฺตุปฺปาทสฺส อารมฺมณคฺคหณวิเสโส วิตกฺเกน ชาโตติ กตฺวา วิตกฺโก จิตฺตสฺส อารมฺมณคฺคหเณ วิเสสปจฺจโยติ ปากโฏยมตฺโถ. อปเร ปน ภณนฺติ ¶ – ยถา โกจิ ราชวลฺลภํ, ตํสมฺพนฺธีนํ มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ วิตกฺกสฺส อารมฺมณาภินิโรปนสภาวตฺตา, อฺเสํ ธมฺมานฺจ อวิตกฺกสภาวโต. เตนาห ภควา – ‘‘เจตโส อภินิโรปนา’’ติ (ธ. ส. ๗).
ยทิ เอวํ กถํ อวิตกฺกจิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหตีติ? วิตกฺกพเลเนว. ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสงฺโก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตกฺเกน วินาปิ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ปริจเยนาติ จ สนฺตาเน ปวตฺตวิตกฺกภาวนาสงฺขาเตน ปริจเยน. วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิรุหนํ จิรปริจิตํ; เตน ตํ กทาจิ วิตกฺเกน วินาปิ ตตฺถ ปวตฺตเตว; ยถา าณสหคตํ จิตฺตํ สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ ¶ าณรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ; ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
วาจํ สงฺขโรตีติ วาจํ อุปฺปาเทติ, วจีโฆสุปฺปตฺติยา วิเสสปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ. โลกิยวิตกฺโก ทฺวตฺตึสจิตฺตสหคโต วาจํ สงฺขโรติ วจีวิฺตฺติชนนโต. วจีสงฺขาโรตฺเวว ปนสฺส นามํ โหติ รุฬฺหิโต, ตํสมตฺถตานิโรธโต วา สมฺภวโต ปน สงฺขาโรติ. ‘‘โลกุตฺตรสมฺมาสงฺกปฺปํ ปริวาเรนฺตี’’ติ วตฺวา ติวิเธ สมฺมาสงฺกปฺเป กทาจิ กตมํ ปริวาเรนฺตีติ? โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ. นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺติ นานาสมนฺนาหารเหตุกตฺตา, ปุพฺพภาเคเยว จ เต อุปฺปชฺชนฺตีติ. ตีณิ นามานิ ลภติ ติวิธสฺสปิ ปฏิปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน สาติสยํ ติณฺณมฺปิ กิจฺจกรณโต. เอส นโย สมฺมาวาจาทีสุปิ.
๑๓๘. วิรมติ เอตายาติ เวรมณี วิรติ วุจฺจติ. สา มุสาวาทโต วิรมณสฺส การณภาวโต เจตนาปิ เวรสฺส มณนโต วินาสนโต วิรติปีติ อาห – ‘‘วิรติปิ เจตนาปิ วฏฺฏตี’’ติ. อารกา รมตีติ สมุจฺฉินฺเนหิ ทูรโต สมุสฺสาเรติ. วินา เตหิ รมตีติ อจฺจนฺตเมว เตหิ วินา ภวติ. ตโต ตโตติ ทิฏฺเ อทิฏฺวาทาทิโต มุสาวาทา. วิเสสโต อนุปฺปตฺติธมฺมตฺตา ปฏินิวตฺตา หุตฺวา.
๑๔๐. ติวิเธน กุหนวตฺถุนาติ ปจฺจยปฏิเสวน-สามนฺตชปฺปน-อิริยาปถปวตฺตนสงฺขาเตน ปาปิจฺฉตา นิพฺพตฺเตน ติวิเธน กุหนวตฺถุนา. เอตาย กุหนาย กรณภูตาย ปจฺจยุปฺปาทนตฺถํ นิมิตฺตํ ¶ สีลํ เอเตสนฺติ โยชนา. อตฺตวิสยลาภเหตุ อกฺโกสนขุํสนวมฺภนาทิวเสน ปิสนํ ฆฏฺฏนํ วิเหนํ นิปฺเปโส. อิโต ลทฺธํ อฺสฺส, ตโต ลทฺธํ ปรสฺส ทตฺวา เอวํ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสตีติ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสนา. ปาฬิยํ อาคโต กุหนาทิวเสน มิจฺฉาอาชีโว. โก ปน โสติ อาห ‘‘อาชีวเหตู’’ติอาทิ. ตาสํเยวาติ อวธารณํ, ‘‘อาชีโว กุปฺปมาโน กายวจีทฺวาเรสุ เอว กุปฺปตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํ.
๑๔๑. สมฺมา ¶ ปสตฺถา โสภนา นิยฺยานิกา ทิฏฺิ เอตสฺสาติ สมฺมาทิฏฺิ, ปุคฺคโล. ตสฺส ปน ยสฺมา สมฺมาทิฏฺิ สจฺจาภิสมยสฺส นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย อวสฺสโย, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘มคฺคสมฺมาทิฏฺิยํ ิตสฺสา’’ติ. ปโหติ ภวติ ตาย สเหว อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ. ปจฺจเวกฺขณาณํ ยาถาวโต ชานนฏฺเน สมฺมาาณนฺติ อิธาธิปฺเปตํ, ตฺจ โข มคฺคสมาธิมฺหิ ิเต เอว โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ อาห – ‘‘มคฺคสมฺมาสมาธิมฺหิ…เป… สมฺมาาณํ ปโหตี’’ติอาทิ. อิมินา กึ ทสฺเสตีติ? ยถา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยํ ิโต ปุคฺคโล, ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ วุตฺโต, เอวํ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาเณ ิโต, ‘‘สมฺมาาโณ’’ติ วุตฺโต, ตสฺส จ มคฺคผลสมฺมาสมาธิปวตฺติยา ปโหติ สมฺมาาณสฺส สมฺมาวิมุตฺติยา ปโหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ผลสมาธิ ตาว ปวตฺตตุ, มคฺคสมาธิ ปน กถนฺติ? ตมฺปิ อกุปฺปภาวตาย อจฺจนฺตสมาธิภาวโต กิจฺจนิปฺผตฺติยา ปวตฺตเตวาติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เปตฺวา อฏฺผลงฺคานีติ ผลภูตานิ สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ, ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทินา วิสุํ คหิตตฺตา เปตฺวา. สมฺมาาณํ ปจฺจเวกฺขณํ กตฺวาติ ปจฺจเวกฺขณาณํ สมฺมาาณํ กตฺวา. ผลํ กาตุนฺติ ผลธมฺมสหจริตตาย วิปากสภาวตาย จ ‘‘ผล’’นฺติ ลทฺธนาเม ผลสมฺปยุตฺตธมฺเม สมฺมาวิมุตฺตึ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตถา จ วุตฺตํ สลฺเลขสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๓) ‘‘ผลสมฺปยุตฺตานิ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ เปตฺวา เสสธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติ.
๑๔๒. นิชฺชิณฺณาติ นิชฺชีริตา, วิทฺธสฺตา วินาสิตาติ อตฺโถ. ผลํ กถิตนฺติ ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ นิชฺชิณฺณา โหตี’’ติ อิมินา วาเรน สามฺผลํ กถิตนฺติ วทนฺติ, นิชฺชีรณํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนนฺติ อธิปฺปาโย. นิชฺชีรณํ ปน สมุจฺฉินฺทนนฺติ กตฺวา, มชฺฌิมภาณกา…เป… มคฺโค กถิโตติ วทนฺติ. ทสฺสนฏฺเนาติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน จตุนฺนํ สจฺจานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน. วิทิตกรณฏฺเนาติ ปจฺจกฺเขน ยถาทิฏฺานํ มคฺคผลานํ ปากฏกรณฏฺเน. ตทธิมุตฺตฏฺเนาติ ตสฺมึ ยถาสจฺฉิกเต นิพฺพาเน อธิมุจฺจนภาเวน.
กุสลปกฺขาติ ¶ อนวชฺชโกฏฺาสา. มหาวิปากทาเนนาติ มหโต วิปุลสฺส โลกุตฺตรสฺส สุขวิปากสฺส เจว กายิกาทิทุกฺขวิปากสฺส จ ทาเนน.
ยถา ¶ มหาวิปากสฺส ทาเนน มหาจตฺตารีสกํ, ตถา พหุตายปิ มหาจตฺตารีสโกติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อิมสฺมิฺจ ปน สุตฺเต ปฺจ สมฺมาทิฏฺิโย กถิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหุอตฺโถปิ หิ มหา-สทฺโท โหติ ‘‘มหาชโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๖๕). เอตฺถ จ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา วตฺถุเภเทน ทส มิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา กถิตา, วตฺถุเภเทเนว, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา ทส สมฺมาทิฏฺิธมฺมาติ วีสติ โหติ. ยถา ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส, ภิกฺขเว, สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทินา มคฺควเสน ทส สมฺมตฺตธมฺมา, ตปฺปฏิปกฺขภูตา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิสฺส มิจฺฉาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทินา อตฺถโต ทส มิจฺฉตฺตธมฺมาติ วีสติ, ตถา ผลวเสน เตสุ เอวํ วีสติ. กถํ วาเรปิ สมฺมาทิฏฺิอาทโย ทสาติ วีสติ? เอวเมเต ทฺเว จตฺตารีสกานิ ปุริเมน สทฺธึ ตโย จตฺตารีสกา วิภาวิตาติ เวทิตพฺพา.
๑๔๓. ปสํสิยสฺส อุชุวิปจฺจนีกํ นินฺทิยํ ปสํสนฺโตปิ อตฺถโต ปสํสิยํ นินฺทนฺโต นาม โหติ. ปสํสิยสฺส คุณปริธํสนมุเขเนว หิ นินฺทิยสฺส ปสํสาย ปวตฺตนโตติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺินามายํ โสภนาติ วทนฺโตปิ สมฺมาทิฏฺึ ครหติ นามา’’ติอาทิ. เอวมาทีติ อาทิสทฺเทน ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๗) เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ; ตสฺมา เอวํวาทิโนติ เอวํ เหตุ ปฏิกฺเขปวาทิโนติ อตฺโถ. โอกฺกนฺตนิยามาติ โอคาฬฺหมิจฺฉตฺตนิยามา. เอวรูปํ ลทฺธึ คเหตฺวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอทิโส หิ ‘‘พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺโฉ’’ติอาทิ วุตฺตสทิโส.
อตฺตโน นินฺทาภเยนาติ ‘‘สมฺมาทิฏฺิฺจ นาเมเต ครหนฺตี’’อาทินา อุปริ ปเรหิ วตฺตพฺพนินฺทาภเยน. ฆฏฺฏนภเยนาติ ตถา ปเรสํ อาสาทนาภเยน. สหธมฺเมน ปเรน อตฺตโน อุปริ กาตพฺพนิคฺคโห อุปารมฺโภ, ครหโต ปริตฺตาโส อุปารมฺภภยํ, ตํ ปน อตฺถโต อุปวาทภยํ โหตีติ อาห ‘‘อุปวาทภเยนา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนา
๑๔๔. ปุพฺเพนาติ ¶ ¶ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. ‘‘อปรํ วิเสส’’นฺติ วุตฺตตฺตา วิเสสวิสโย จ ปุพฺพสทฺโทติ อาห – ‘‘สีลปริปูรณาทิโต ปุพฺพวิเสสโต’’ติ.
๑๔๕. อารทฺโธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา อาราธิโต. ยทตฺถาย สาสเน ปพฺพชฺชา, วิเสสาปตฺติ จ, ตเทเวตฺถ อปฺปตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ, ตํ ฌานวิปสฺสนานิมิตฺตนฺติ อาห – ‘‘อปฺปตฺตสฺส อรหตฺตสฺสา’’ติ. โกมุทีติ กุมุทวตี. ตทา กิร กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ. เตนาห – ‘‘กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที’’ติ. กุมุทานํ สมูโห, กุมุทานิ เอว วา โกมุทา, เต เอตฺถ อตฺถีติ โกมุทีติ. ปวารณสงฺคหนฺติ มหาปวารณํ อกตฺวา อาคมนียสงฺคหณํ.
อารทฺธวิปสฺสกสฺสาติ อารภิตวิปสฺสนสฺส, วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตฺวา วิปสฺสิสฺส. ภิกฺขู อิธ โอสริสฺสนฺติ วุตฺถวสฺสา ปวาริตปวารณา ‘‘ภควนฺตํ วนฺทิสฺสาม, กมฺมฏฺานํ โสเธสฺสาม, ยถาลทฺธํ วิเสสฺจ ปเวทิสฺสามา’’ติ อชฺฌาสเยน. อิเม ภิกฺขูติ อิเม ตรุณสมถวิปสฺสนา ภิกฺขู. วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ เสนาสนสปฺปายาทิอลาเภน. อปลิพุทฺธนฺติ อฺเหิ อนุปทฺทุตํ. เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺติ อนฺโตวสฺสภาวโต. เอกสฺส ทินฺโนปิ สพฺเพสํ ทินฺโนเยว โหติ, ตสฺมา สุตสุตฏฺาเนเยว เอกมาสํ วสิตฺวา โอสรึสุ.
๑๔๖. อลนฺติ ยุตฺตํ, โอปายิกนฺติ อตฺโถ, ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิย. ปุฏพทฺธํ ปริหริตฺวา อสิตํ ปุโฏสํ อ-การสฺส โอ-การํ กตฺวา. เตนาห ‘‘ปาเถยฺย’’นฺติ.
๑๔๗. วิปสฺสนา กถิตาติ อนิจฺจสฺามุเขเนว วิปสฺสนาภาวนา กถิตา. น หิ เกวลาย อนิจฺจานุปสฺสนาย วิปสฺสนากิจฺจํ สมิชฺฌติ. พหู ภิกฺขู เต จ วิตฺถารรุจิกาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
๑๔๙. สพฺพตฺถาติ ¶ สพฺพวาเรสุ. ‘‘ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว, เวทนานุปสฺสี’’ติอาทีสุปิ ปีติปฏิสํเวทิตาทิวเสเนว ¶ เวทนานุปสฺสนาย วุตฺตตฺตา, ‘‘สุขเวทนํ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ อาห. สติปฏฺานภาวนามนสิการตาย วุตฺตํ – ‘‘สาธุกํ มนสิการ’’นฺติ. สฺานาเมน ปฺา วุตฺตา เตสํ ปโยคตฺตา. มนสิการนาเมน เวทนา วุตฺตา, ภาวนาย ปริจิตตฺตา อารมฺมณสฺส มนสิการนฺติ กตฺวา. วิตกฺกวิจาเร เปตฺวาติ วุตฺตํ วจีสงฺขารตฺตา เตสํ.
เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ มนสิการปริยาปนฺนตาย ‘‘มนสิกาโร’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สนฺเต เวทนานุปสฺสนาภาโว น ยุชฺชติ, อสฺสาสปสฺสาสา หิสฺส อารมฺมณํ. วตฺถุนฺติ สุขาทีนํ เวทนานํ ปวตฺติฏฺานภูตํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทิยติ, เวทนาย เอกนฺตภาวทสฺสเนน ตสฺส เวทนานุปสฺสนาภาโว ยุชฺชติ เอวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. เอตสฺส อนุโยคสฺส.
ทฺวีหากาเรหีติ เย สนฺธาย วุตฺตํ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘อารมฺมณโต อสมฺโมหโต จา’’ติ อาห. สปฺปีติเก ทฺเว ฌาเนติ ปีติสหคตานิ ปมทุติยชฺฌานานิ ปฏิปาฏิยา สมาปชฺชติ. สมาปตฺติกฺขเณติ สมาปชฺชนกฺขเณ. ฌานปฏิลาเภนาติ ฌาเนน สมงฺคีภาเวน. อารมฺมณโต อารมฺมณมุเขน ตทารมฺมณฌานปริยาปนฺนา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ อารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. ยถา นาม สปฺปปริเยสนํ จรนฺเตน ตสฺส อาสเย ปฏิสํวิทิเต โสปิ ปฏิสํวิทิโตว โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา; เอวํ ปีติยา อาสยภูเต อารมฺมเณ ปฏิสํวิทิเต สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตา. วิปสฺสนากฺขเณติ วิปสฺสนาปฺาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปฺาย วิเสสโต ทสฺสนกฺขเณ. ลกฺขณปฏิเวธาติ ปีติยา สลกฺขณสฺส สามฺลกฺขณสฺส จ ปฏิวิชฺฌเนน. ยฺหิ ปีติยา วิเสสโต สามฺโต จ ลกฺขณํ, ตสฺมึ วิทิเต สา ยาถาวโต วิทิตา โหติ. เตนาห – ‘‘อสมฺโมหโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตี’’ติ.
อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ, ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆสฺส อสฺสาสสฺส อารมฺมณภูตสฺส วเสน. จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิกฺเขปํ ปชานโตติ ฌานปริยาปนฺนํ อวิกฺเขโปติ ลทฺธนามํ ¶ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ ตํสมฺปยุตฺตาย ปฺาย ปชานโต. ยเถว หิ อารมฺมณมุเขน ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ อารมฺมณมุเขน ปฏิสํวิทิตา เอว โหนฺติ. สติ อุปฏฺิตา โหตีติ ทีฆํ อสฺสาสวเสน ฌานสมฺปยุตฺตา สติ ตสฺมึ อารมฺมเณ อุปฏฺิเต อารมฺมณมุเขน ฌาเนปิ อุปฏฺิตา เอว นาม โหติ. ตาย สติยาติ เอวํ อุปฏฺิตาย ตาย สติยา ยถาวุตฺเตน เตน าเณน สุปฺปฏิวิทิตตฺตา ¶ อารมฺมณสฺส ตสฺส วเสน ตทารมฺมณา สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ. อวเสสปทานิปีติ ‘‘ทีฆํ ปสฺสาสวเสนา’’ติอาทิปทานิปิ.
เอวํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค วุตฺตมตฺถํ อิมสฺมึ สุตฺเต โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘อิตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาปิ โยคินา มนสิกาเรน ปฏิลภิตพฺพโต ปฏิลาโภติ วุตฺตํ – ‘‘ฌานสมฺปยุตฺเต เวทนาสงฺขาตมนสิการปฏิลาเภนา’’ติ.
อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตนฺติ อสฺสาสปสฺสาเส นิสฺสาย ปฏิลทฺธปฏิภาคนิมิตฺตํ อารมฺมณํ กิฺจาปิ กโรติ; สติฺจ สมฺปชฺฺจ อุปฏฺเปตฺวา ปวตฺตนโต อารมฺมณมุเขน ตทารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสีเยว นาเมส โหติ. เอวํ จิตฺตานุปสฺสนาปิ สติสมฺปชฺพเลเนว โหตีติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ปชหติ เอเตน, สยํ วา ปชหตีติ ปหานํ, าณํ. โทมนสฺสวเสน พฺยาปาทนีวรณํ ทสฺสิตํ ตเทกฏฺภาวโต. ตสฺสาติ นีวรณปพฺพสฺส. ปหานกราณนฺติ ปชหนาณํ. วิปสฺสนาปรมฺปรนฺติ ปฏิปาฏิยา วิปสฺสนมาห. สมถปฏิปนฺนนฺติ มชฺฌิมสมถนิมิตฺตํ ปฏิปนฺนจิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ. เอกโต อุปฏฺานนฺติ ปฏิปกฺขวิคเมน เอกภาเวน อุปฏฺานํ. สหชาตานํ อชฺฌุเปกฺขนา โหตีติ ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาปารสฺส อนาปชฺชิตตฺตา อารมฺมณานํ อชฺฌุเปกฺขนา, ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหติ อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ, เอวํ วุตฺตอชฺฌุเปกฺขนา ปวตฺตาติ ปฏิปนฺนา. เกวลํ นีวรณาทิธมฺเมติ นีวรณาทิธมฺเม เอว ปหีเน ทิสฺวา, อถ โข เตสํ ปชหนาณมฺปิ ยาถาวโต ปฺาย ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขิตา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ธมฺมาปิ โข, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐).
๑๕๐. อนิจฺจาทิวเสน ¶ ปวิจินตีติ อนิจฺจาทิปฺปกาเรหิ วิจินติ ปสฺสติ. นิรามิสาติ กิเลสามิสรหิตา. กายิกเจตสิกทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยาติ กายจิตฺตานํ สาธุภาวูปคมเนน วิกฺขมฺภิตตฺตา. สหชาตธมฺมานํ เอกสภาเวน ปวตฺติยา สหชาตอชฺฌุเปกฺขนาย อชฺฌุเปกฺขิตา โหติ.
ตสฺมึ กาเย ปวตฺตา กายารมฺมณา สติ, ปุพฺพภาคิโย สติสมฺโพชฺฌงฺโค. เอส นโย เสเสสุปิ. โสมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทวเสน เจตํ โอกฺกมนํ โอลิยนํ โกสชฺชํ, ตโต อติวตฺตนํ อติธาวนํ อุทฺธจฺจํ, ตทุภยวิธุรา โพชฺฌงฺคุเปกฺขาภูตา อโนสกฺกนอนติวตฺตนสงฺขาตา มชฺฌตฺตาการตา. อิทานิ ยเถว หีติอาทินา ตเมว มชฺฌตฺตาการํ ¶ อุปมาย วิภาเวติ. ตุทนํ วา ปโตเทน. อากฑฺฒนํ วา รสฺมินา. นตฺถิ น กาตพฺพํ อตฺถิ. เอกจิตฺตกฺขณิกาติ เอเกกสฺมึ จิตฺเต วิปสฺสนาวเสน สห อุปฺปชฺชนกา. นานารสลกฺขณาติ นานากิจฺจา เจว นานาสภาวา จ.
๑๕๒. วุตฺตตฺถาเนว สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒๗) อานาปานารมฺมณา อปราปรํ ปวตฺตสติโย อารมฺมณสีเสน ตทารมฺมณา ธมฺมา คหิตา, ตา ปเนกสนฺตาเน โลกิยจิตฺตสมฺปยุตฺตาติ โลกิยา, ตา วฑฺฒมานา โลกิยํ จตุพฺพิธมฺปิ สติปฏฺานํ ปริปูเรนฺติ. วิชฺชาวิมุตฺติผลนิพฺพานนฺติ วิมุตฺตีนํ ผลภูตํ เตหิเยว เวทิตพฺพํ กิเลสนิพฺพานํ, อมตมหานิพฺพานเมว วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อธิคเมน อธิคนฺตพฺพตาย ตถา วุตฺตํ. ปริปูรณฺจสฺส อารมฺมณํ กตฺวา อมตสฺสานุภวนเมว. อิธ สุตฺเต โลกิยาปิ โพชฺฌงฺคา กถิตา โลกุตฺตราปีติ เอตฺตกํ คเหตฺวา, ‘‘อิติ โลกิยสฺส อาคตฏฺาเน โลกิยํ กถิต’’นฺติ จ อตฺถวณฺณนาวเสน อฏฺกถายํ กถิตํ. เถโรติ มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร. อฺตฺถ เอวํ โหตีติ อฺสฺมึ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺถ โวมิสฺสกนเยน อาคตสุตฺเต เอวํ โลกิยํ อาคตํ, อิธ โลกุตฺตรํ อาคตนฺติ กเถตพฺพํ โหติ. โลกุตฺตรํ อุปริ อาคตนฺติ วิชฺชาวิมุตฺตึ ปริปูเรนฺตีติ เอวํ โลกุตฺตรํ อุปริ เทสนายํ อาคตํ; ตสฺมา โลกิยา เอว โพชฺฌงฺคา วิชฺชาวิมุตฺติ ปริปูริกา กเถตพฺพา ¶ โลกุตฺตรานํ โพชฺฌงฺคานํ วิชฺชาคหเณน คหิตตฺตา, ตสฺมา เถเรน วุตฺโตเยเวตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. กายคตาสติสุตฺตวณฺณนา
๑๕๓-๔. ตปฺปฏิสรณานํ ¶ กามาวจรสตฺตานํ ปฏิสรณฏฺเน เคหา กามคุณา, เคเห สิตา อารพฺภ ปวตฺติยา อลฺลีนาติ เคหสฺสิตา. สรนฺตีติ เวคสา ปวตฺตนฺติ. เวเคน หิ ปวตฺติ ธาวตีติ วุจฺจติ. สงฺกปฺปาติ เย เกจิ มิจฺฉาสงฺกปฺปา, พฺยาปาทวิหึสาสงฺกปฺปาทโยปิ กามคุณสิตา เอวาติ. โคจรชฺฌตฺตสฺมึเยวาติ ปริคฺคหิเต กมฺมฏฺาเน เอว วตฺตนฺติ. ตฺหิ ธมฺมวเสน อุปฏฺิตาย ภาวนาย โคจรภาวโต ‘‘โคจรชฺฌตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อสฺสาสปสฺสาสกาเย คตา ปวตฺตาติ กายคตา, ตํ กายคตาสตึ. สติสีเสน ตํสหคเต ภาวนาธมฺเม วทติ อสฺสาสปสฺสาสกายาทิเก ตํตํโกฏฺาเส สมถวตฺถุภาเวน ปริคฺคเหตฺวา สติยา ปริคฺคหิตตฺตา; ตถาปริคฺคหิเต วา เต อารพฺภ อนิจฺจาทิมนสิการวเสน ปวตฺตา กายารมฺมณา สตี สติภาเวน วตฺวา เอกชฺฌํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กายปริคฺคาหิก’’นฺติอาทิมาห.
สติปฏฺาเนติ มหาสติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๘; ม. นิ. ๑.๑๑๑), จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนา กถิตา, จุณฺณกชาตานิ อฏฺิกานิ ปริโยสานํ กตฺวา กายานุปสฺสนา นิทฺทิฏฺา, อิธ ปน เกสาทีสุ วณฺณกสิณวเสน นิพฺพตฺติตานํ จตุนฺนํ ฌานานํ วเสน อุปริเทสนาย วฑฺฒิตตฺตา อฏฺารสวิเธน กายคตาสติภาวนา.
๑๕๖. ตสฺส ภิกฺขุโนติ โย กายคตาสติภาวนาย วสีภูโต, ตสฺส ภิกฺขุโน. สมฺปโยควเสน วิชฺชํ ภชนฺตีติ สหชาต-อฺมฺ-นิสฺสย-สมฺปยุตฺต-อตฺถิ-อวิคตปจฺจยวเสน วิชฺชํ ภชนฺติ, ตาย สห เอกีภาวมิว คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. วิชฺชาภาเค วิชฺชาโกฏฺาเส ¶ วตฺตนฺตีติ วิชฺชาสภาคตาย ตเทกเทเส วิชฺชาโกฏฺาเส วตฺตนฺติ. ตาหิ สมฺปยุตฺตธมฺมา ผสฺสาทโย. นนุ เจตฺถ วิชฺชานํ วิชฺชาภาคิยตา น สมฺภวตีติ? โน น สมฺภวติ. ยาย หิ วิชฺชาย วิชฺชาสมฺปยุตฺตานํ วิชฺชาภาคิยตา, สา ตํนิมิตฺตาย วิชฺชาย อุปจรียตีติ. เอกา วิชฺชา วิชฺชา, เสสา วิชฺชาภาคิยาติ อฏฺสุ วิชฺชาสุ เอกํ ‘‘วิชฺชา’’ติ คเหตฺวา อิตรา ตสฺสา ภาคตาย ‘‘วิชฺชาภาคิยา’’ติ เวทิตพฺพา. สทฺธึ ปวตฺตนสภาวาสุ อยเมว วิชฺชาติ วตฺตพฺพาติ นิยมสฺส อภาวโต วิชฺชาภาโค วิย วิชฺชาภาคิยาปิ ปวตฺตติ เอวาติ วตฺตพฺพํ. อาโปผรณนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตภูเตน อาโปกสิเณน สพฺพโส มหาสมุทฺทผรณํ อาโปผรณํ นาม. ทิพฺพจกฺขุาณสฺส กิจฺจํ ผรณนฺติ กตฺวา, ทิพฺพจกฺขุอตฺถํ วา อาโลกผรณํ ¶ ทิพฺพจกฺขุผรณนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุภยสฺมิมฺปิ ปกฺเข สมุทฺทงฺคมานํ กุนฺนทีนํ สมุทฺทนฺโตคธตฺตา เตสํ เจตสา ผุฏตา เวทิตพฺพา. กุนฺนทิคฺคหณฺเจตฺถ กฺจิเมว กาลํ สนฺทิตฺวา ตาสํ อุทกสฺส สมุทฺทปริยาปนฺนภาวูปคมนตฺตา, น พหิ มหานทิโย วิย ปริตฺตกาลฏฺิติกาติ.
โอตารนฺติ กิเลสุปฺปตฺติยา อวสรํ, ตํ ปน วิวรํ ฉิทฺทนฺติ จ วุตฺตํ. อารมฺมณนฺติ กิเลสุปฺปตฺติยา โอลมฺพนํ. ยาว ปริโยสานาติ มตฺติกาปฺุชสฺส ยาว ปริโยสานา.
๑๕๘. อภิฺายาติ อิทฺธิวิธาทิอภิฺาย. สจฺฉิกาตพฺพสฺสาติ ปจฺจกฺขโต กาตพฺพสฺส อธิฏฺานวิกุพฺพนาทิธมฺมสฺส. อภิฺาว การณนฺติ อาห – ‘‘สจฺฉิกิริยาเปกฺขาย, อภิฺาการณสฺส ปน สิทฺธิยา ปากฏา’’ติ. มริยาทพทฺธาติ อุทกมาติกามุเข กตา.
ยุตฺตยานํ วิย กตาย อิจฺฉิติจฺฉิเต กาเล สุเขน ปจฺจเวกฺขิตพฺพตฺตา. ปติฏฺากตายาติ สมฺปตฺตีนํ ปติฏฺาภาวํ ปาปิตาย. อนุปฺปวตฺติตายาติ ภาวนาพหุลีกาเรหิ อนุปฺปวตฺติตาย. ปริจยกตายาติ อาเสวนทฬฺหตาย สุจิรํ ปริจยาย. สุสมฺปคฺคหิตายาติ สพฺพโส อุกฺกํสํ ปาปิตาย. สุสมารทฺธายาติ อติวิย สมฺมเทว นิพฺพตฺติกตาย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
กายคตาสติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา
๑๖๐. สงฺขารุปปตฺตินฺติ ¶ ¶ วิปากกฺขนฺธสฺิตานํ สงฺขารานํ อุปฺปตฺตึ, นิพฺพตฺตินฺติ อตฺโถ. ยสฺมา อวธารณํ เอตสฺมึ ปเท อิจฺฉิตพฺพนฺติ, ‘‘สงฺขารานํเยว อุปปตฺติ’’นฺติ วตฺวา เตน นิวตฺติตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘น สตฺตสฺสา’’ติ อาห. เตน สตฺโต ชีโว อุปฺปชฺชตีติ มิจฺฉาวาทํ ปฏิกฺขิปติ. เอวํ อุปฺปชฺชนกธมฺมวเสน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปฺปตฺติชนกธมฺมวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปฺุาภิสงฺขาเรน วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กาเมสุ ปฺุาภิสงฺขาเรนปิ อุปปตฺติ โหติ, สา ปน อิมสฺมึ สุตฺเต คหิตาติ. ปฺุาภิสงฺขาเรน วาติ วา-สทฺโท อวุตฺตตฺถาเปกฺขณวิกปฺปตฺโถ, อวุตฺตตฺถาเปกฺขาย ปน น อาคโต ‘‘อาเนฺชาภิสงฺขาเรนา’’ติ. อถ วา อุปปตฺติ อาคตา, เอวํ กิจฺจํ อาคตํ, อาเนฺชาภิสงฺขาโร ปเนตฺถ สรูเปน อนาคโตปิ ปฺุาภิสงฺขารคฺคหเณเนว คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ปฺุาเนฺชาภิสงฺขาเรนา’’ติ ปนฺติ. ภวูปคกฺขนฺธานนฺติ สุคติภวูปคานํ อุปาทานกฺขนฺธานํ.
๑๖๑. โลกิกา วฏฺฏนฺติ กมฺมวฏฺฏสฺส คหณโต. ภวูปปตฺติเหตุภูตา โอกปฺปนียสทฺธา จตุปาริสุทฺธิสีลํ ตาทิสํ พุทฺธวจนพาหุสจฺจํ อามิสปริจฺจาโค กมฺมสฺสกตาาณํ กมฺมผลทิฏฺิ จ อิเม สทฺธาทโย เวทิตพฺพา. เปตีติ ปณิทหนวเสน เปติ. ปณิทหตีติ หิ อยเมตฺถ อตฺโถ. ปติฏฺาเปตีติ ตตฺถ สุปฺปติฏฺิตํ กตฺวา เปติ. สหปตฺถนายาติ, ‘‘อโห วตาหํ…เป… อุปปชฺเชยฺย’’นฺติ เอวํ ปวตฺตปตฺถนาย สห. สทฺธาทโยวาติ ยถาวุตฺตา สทฺธาทโย เอว ปฺจ ธมฺมา อุปปตฺติยา สงฺขรณฏฺเน สงฺขารา, ตสฺมา เอว อฺเหิ วิสิฏฺภวูปหรณฏฺเน วิหารา นามาติ. ตสฺมึ าเนติ ตสฺมึ อุปปตฺติฏฺาเน.
ปฺจธมฺมาว ตํสมงฺคีปุคฺคโล อุปปตฺตึ มคฺคติ คเวสติ เอเตนาติ มคฺโค. ปฏิปชฺชติ เอตายาติ ปฏิปทา. เจตนา ปเนตฺถ สุทฺธสงฺขารตาย สทฺธาทิคฺคหเณเนว คหิตา, ตสฺมา อวธารณํ กตํ. อุปปตฺติปกปฺปนวเสเนว ปวตฺติยา ปตฺถนาคหเณเนว ตสฺสา คหณนฺติ เกจิ. จิตฺตกรยุตฺตคตินิพฺพตฺตนธมฺมวเสน อวธารณสฺส กตตฺตา. เจตนา หิ นาม กมฺมํ, ตสฺสา อุปปตฺตินิพฺพตฺตเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตสฺสา ปน กิจฺจกรณา สทฺธาทโย ปตฺถนา จาติ อิเม ธมฺมา สหการิโน ภวูปปตฺติยา นิยามกา โหนฺตีติ ตตฺรูปปตฺติยา ปวตฺตนฺตีติ เตสํ มคฺคาทิภาโว วุตฺโต. เตนาห ¶ ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ. เตน สทฺธา ปตฺถนา จาติ อุภเย ธมฺมา สหิตา ¶ หุตฺวา กมฺมํ วิเสเสนฺตา คตึ นิยเมนฺตีติ ทสฺเสติ, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ อนิยตํ เกวลสฺส กมฺมสฺส วเสนาติ อธิปฺปาโย. กามฺเจตฺถ ‘‘กมฺมํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กมฺมายูหนโต ปน ปเคว ปตฺถนํ เปตุมฺปิ วฏฺฏติเยว. กมฺมํ กตฺวาติ เจตฺถ ‘‘ตาเปตฺวา ภฺุชติ, ภุตฺวา สยตี’’ติอาทีสุ วิย น กาลนิยโม, กมฺมํ กตฺวา ยทา กทาจิ ปตฺถนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ จ อิทํ จาริตฺตทสฺสนํ วิย วุตฺตํ. ยถา หิ ภวปตฺถนา ยาว มคฺเคน น สมุจฺฉิชฺชติ, ตาว อนุปฺปนฺนาภินวกตูปจิตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจโย โหติเยว. ปุน ตถา วิเสสปจฺจโย, ยถา นิยเมตฺวา อุปฺปาทิตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺส ปฺจ ธมฺมา อตฺถิ, น ปตฺถนา ตสฺส คติ อนิพทฺธา’’ติ.
๑๖๕. สพฺพโสวาติ ‘‘อิทํ กาฬกํ สามํ เสตํ หริตํ มณฺฑลํ อปริมณฺฑลํ จตุรํสํ ปริปุณฺณํ ขุทฺทกํ มหนฺต’’นฺติอาทินา สพฺพโสว ปากฏํ โหติ.
๑๖๗. สุนฺทโรติ กาฬกาทิโทสรหิตตาย โสภโน. อากรสมฺปนฺโน สมฺปนฺนอากรุปฺปตฺติยา. โธวนาทีหีติ โธวนตาปนมชฺชนาทีหิ.
๑๖๘. โลกธาตูนํ สตสหสฺสํ อตฺตโน วเส วตฺตนโต สตสหสฺโส. ตสฺส ปน ตตฺถ โอภาสกรณํ ปากฏนฺติ อาห ‘‘อาโลกผรณพฺรหฺมา’’ติ. อยเมว นโย เหฏฺา ‘‘สหสฺโส พฺรหฺมา’’ติอาทีสุปิ. นิกฺเขน กตนฺติ นิกฺขปริมาเณน ชมฺโพนเทน กตํ. นิกฺขํ ปน วีสติสุวณฺณนฺติ เกจิ. ปฺจวีสติสุวณฺณนฺติ อปเร. สุวณฺณํ นาม จตุธรณนฺติ วทนฺติ. ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ น โหติ ปริตฺตภาวโต. อติเรเกนาติ ปฺจสุวณฺณอติเรเกน นิกฺขปฺปมาณํ อสมฺปตฺเตน. วณฺณวนฺตํ ปน น โหติ อวิปุลตาย อุฬารํ หุตฺวา อนุปฏฺานโต. อวณฺณวนฺตตาย เอว ผรุสธาตุกํ ขายติ. ตาสูติ ตาสุ ภูมีสุ, ยตฺถ สาขา วฑฺฒิตฺวา ิตา. เตติ สุวณฺณงฺกุรา. ปจิตฺวาติ ตาเปตฺวา. สมฺปหฏฺนฺติ สมุชฺชลีกตนฺติ อาห – ‘‘โธตฆฏฺฏิตปมชฺชิต’’นฺติ, ตมฺพมตฺติกเลปํ กตฺวา โธตฺเจว ปาสาณาทินา ฆฏฺฏิตฺจ เอฬกโลมาทินา ปมชฺชิตฺจาติ อตฺโถ.
เอตเทวาติ ¶ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เอตฺถ อาโลกผรณเมว. อถ วา ยํ ทิพฺพจกฺขุผรณํ, อาโลกผรณมฺปิ เอตเทว. ยตฺตกฺหิ านํ โยคี กสิณาโลเกน ผรติ; ตตฺตกํ านํ ทิพฺพจกฺขุาณํ ผุสตีติ ทิพฺพจกฺขุผรเณ ทสฺสิเต อาโลกผรณํ ทสฺสิตเมวาติ อตฺโถ. สพฺพตฺถาติ สพฺพสฺมึ ‘‘ผริตฺวา’’ติ อาคตฏฺาเน. อวินาเสนฺเตนาติ อสมฺภินฺเนน.
กสิณผรณํ ¶ วิยาติ กสิโณภาเสน ผรณํ วิย ทิสฺสติ อุปฏฺาติ, มณิปภาผรณสฺส วิย พฺรหฺมโลเก ธาตุผรณสฺส ทสฺสิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สรีรปภา ปน นิกฺขปภาสทิสาติ, ‘‘นิกฺโขปมฺเม สรีรผรณํ วิย ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อฏฺกถา นาม นตฺถีติ ปาฬิปทสฺส อตฺถวณฺณนาย นาม นิจฺฉิตาย ภวิตพฺพํ, อวินิจฺฉิตาย ปน นตฺถิ วิยาติ อกถนํ นาม อฏฺกถาย อนาจิณฺณนฺติ ตสฺส วาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. ยถา หิ วตฺตพฺพํ, ตถา อวตฺวา ‘‘วิยา’’ติ วจนํ กิมตฺถิยนฺติ อธิปฺปาโย. พุทฺธานํ พฺยามปฺปภา พฺยามปฺปเทเส สพฺพกาลํ อธิฏฺาติ วิย ตสฺส พฺรหฺมุโน สรีรผรณํ สรีราภาย ปตฺถรณํ สพฺพกาลิกํ. จตฺตาริมานิ อิตรานิ ผรณานิ อวินาเสตฺวา อฺมฺมภินฺทิตฺวา กเถตพฺพํ. ผรณปทสฺเสว เววจนํ ‘‘อธิมุจฺจเนเนว ผรณ’’นฺติ. ปตฺถรตีติ ยถาวุตฺตํ ผรณวเสน ปตฺถรติ. ชานาตีติ อธิมุจฺจนวเสน ชานาติ.
๑๖๙. อาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สุเภ สงฺคณฺหาติ. อาภาติ ทุติยชฺฌานภูมิเก เทเว เอกชฺฌํ คเหตฺวา สาธารณโต วุตฺตํ. ตโต สุภาติ ตติยชฺฌานภูมิเก. เตนาห – ‘‘ปาฏิเยกฺกา เทวา นตฺถี’’ติอาทิ. สาธารณโต กตายปิ ปตฺถนาย ฌานงฺคํ ปริตฺตํ ภาวิตฺเจ, ปริตฺตาเภสุ อุปปตฺติ โหติ, มชฺฌิมฺเจ, อปฺปมาณาเภสุ, ปณีตฺเจ, อาภสฺสเรสุ อุปปตฺติ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. สุภาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺโยติ อาห – ‘‘เวหปฺผลาทิวารา ปากฏาเยวา’’ติ.
กามาวจเรสุ นิพฺพตฺตตูติอาทินา สทฺธาทีนํ อชฺฌานวิปสฺสนานํ กถํ ตทธิฏฺานํ โหตีติ อาสงฺกติ. อิตโร สทฺธาทีนํ อชฺฌานสภาวตฺเตปิ ฌานวิปสฺสนานํ อธิฏฺานํ นิสฺสยปจฺจยาทิวเสน สปฺปจฺจยตฺตา พฺรหฺมโลกูปปตฺตึ นิพฺพานฺจ อาวหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อิเม ปฺจ ธมฺมา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สีลนฺติ สมฺภารสีลํ. อนาคามี สมุจฺฉินฺนโอรมฺภาคิยสํโยชโน สมาโน สเจ สพฺพโส อุปปตฺติโย อติกฺกมิตุํ น สกฺโกติ, อริยภูมีสุ เอว นิพฺพตฺตติ ยถูปจิตฌานกมฺมุนาติ อาห – ‘‘อนาคามิ…เป… นิพฺพตฺตตี’’ติ. อุปริมคฺคนฺติ อคฺคมคฺคํ ภาเวตฺวา. อาสวกฺขยนฺติ สพฺพโส อาสวานํ ขยํ ปหานํ ปาปุณาติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ อนุปทวคฺควณฺณนา.