📜
๓. สฺุตวคฺโค
๑. จูฬสฺุตสุตฺตวณฺณนา
๑๗๖. กาลปริจฺเฉทํ ¶ ¶ กตฺวาติ สมาปชฺชนฺเตหิ นาม กาลปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. เถโร ปน ภควโต วตฺตกรณตฺถํ กาลปริจฺเฉทํ กโรติ, ‘‘เอตฺตเก กาเล วีติวตฺเต อิทํ นาม ภควโต กาตพฺพ’’นฺติ. โส ตตฺถกํเยว สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา’’ติ. สฺุตาผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวาติ เอเตน อิตเร, ‘‘น โสตาปนฺนสกทาคามี ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ วาทํ ปฏิเสเธติ. สฺุโตติ อตฺตสฺุโต จ นิจฺจสฺุโต จ สงฺขารา อุปฏฺหึสุ. เสกฺขานฺหิ สฺุตาปฏิเวโธ ปาเทสิโก สุภสุขสฺานํ อปฺปหีนตฺตา, ตสฺมา โส เถโร สฺุตากถํ โสตุกาโม ชาโต. ธุเรน ธุรํ ปหรนฺเตน วิยาติ รถธุเรน รถธุรํ ปหรนฺเตน วิย กตฺวา อุชุกเมว สฺุตา…เป… วตฺถุํ น สกฺกาติ โยชนา. เอกํ ปทนฺติ เอกํ สฺุตาปทํ.
ปุพฺเพปาหนฺติอาทินา ภควา ปมโพธิยมฺปิ อตฺตโน สฺุตาวิหารพาหุลฺลํ ปกาเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมโพธิยมฺปี’’ติ อาห. เอโกติอาทิ เถรสฺส สฺุตากถาย ภาชนภาวทสฺสนตฺถํ. โสตุนฺติ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โสตุมฺปิ. อุคฺคเหตุมฺปิติ ยถาภูตํ ธมฺมํ ธารณปริปุจฺฉาปริจยวเสน หทเยน อุคฺคหิตํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย อวินฏฺเ กาตุมฺปิ. กเถตุมฺปีติ วิตฺถาเรน ปเรสํ ทสฺเสตุมฺปิ สกฺกา. ตตฺถาติ มิคารมาตุปาสาเท. กฏฺรูปโปตฺถกรูปจิตฺตรูปวเสน กตาติ ถมฺภาทีสุ อุตฺติริตฺวา กตานํ กฏฺรูปานํ, นิยฺยูหาทีสุ ปฏิมาวเสน รจิตานํ โปตฺถกรูปานํ, สิตฺติปสฺเส จิตฺตกมฺมวเสน วิรจิตานํ จิตฺตรูปานฺจ กตา นิฏฺปิตา. เวสฺสวณมนฺธาตาทีนนฺติ ปฏิมารูเปน กตานํ เวสฺสวณมนฺธาตุสกฺกาทีนํ. จิตฺตกมฺมวเสนาติ อารามาทิจิตฺตกมฺมวเสน. สณฺิตมฺปีติ อวยวภาเวน สณฺิตํ หุตฺวา ิตมฺปิ. ชิณฺณปฏิสงฺขรณตฺถนฺติ ชิณฺณานํ นิยฺยูหกูฏาคารปาสาทาวยวานํ อภิสงฺขรณตฺถาย ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ¶ รหสฺสสฺาเณน ปิตํ. ‘‘ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ ตสฺมึ ¶ ตสฺมึ กิจฺเจ วินิยฺุชนวเสน ปริภฺุชิตพฺพสฺส. เอตํ วุตฺตนฺติ, ‘‘อยํ มิคารมาตุปาสาโท สฺุโ’’ติอาทิกํ วุตฺตํ.
นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ รตฺติฺจ ทิวา จ. เอกภาวํ เอกํ อสฺุตนฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, เอกตฺตํ เอโก อสฺุโตติ อตฺโถ. คาโมติ ปวตฺตนวเสนาติ เคหสนฺนิเวสวีถิจจฺจรสิงฺฆาฏกาทิเก อุปาทาย คาโมติ โลกุปฺปตฺติวเสน. กิเลสวเสนาติ ตตฺถ อนุนยปฏิฆวเสน. เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘ปวตฺตวเสน วา กิเลสวเสน วา อุปฺปนฺนํ มนุสฺสสฺ’’นฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. เอตฺถ จ ยถา คามคฺคหเณน ฆราทิสฺา สงฺคหิตา, เอวํ มนุสฺสคฺคหเณน อิตฺถิปุริสาทิสฺา สงฺคหิตา. ยสฺมา รุกฺขาทิเก ปฏิจฺจ อรฺสฺา ตตฺถ ปพฺพตวนสณฺฑาทโย อนฺโตคธา, ตสฺมา ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ ตํ วิภาคํ อคฺคเหตฺวา เอกํ อรฺํเยว ปฏิจฺจ อรฺสฺํ มนสิ กโรติ. โอตรตีติ อนุปฺปวิสติ. อธิมุจฺจตีติ นิจฺฉิโนติ. ปวตฺตทรถาติ ตถารูปาย ปสฺสทฺธิยา อภาวโต โอฬาริกธมฺมปฺปวตฺติสิทฺธา ทรถา. กิเลสทรถาติ อนุนยปฏิฆสมฺภวา กิเลสทรถา. ทุติยปเทติ ‘‘เย อสฺสุ ทรถา มนุสฺสสฺํ ปฏิจฺจา’’ติ อิมสฺมึ ปเท. มนสิการสนฺตตาย, – ‘‘นายํ ปุพฺเพ วิย โอฬาริกา, ธมฺมปฺปวตฺตี’’ติ สงฺขารทสฺสนทรถานํ สุขุมตา สลฺลหุกตา จ จริตตฺถาติ อาห ‘‘ปวตฺตทรถมตฺตา อตฺถี’’ติ.
ยํ กิเลสทรถชาตํ, ตํ อิมิสฺสา ทรถสฺาย น โหตีติ โยชนา. ปวตฺตทรถมตฺตํ อวสิฏฺํ โหติ, วิชฺชมานเมว อตฺถิ อิทนฺติ ปชานาตีติ โยชนา. สฺุตา นิพฺพตฺตีติ สฺุตนฺติ ปวตฺติ. สฺุตา สหจริตฺหิ สฺุํ, อิธ สฺุตาติ วุตฺตา.
๑๗๗. อสฺสาติ ภควโต เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน จิตฺตปฺปวตฺติ อโหสิ. อจฺจนฺตสฺุตนฺติ ‘‘ปรมานุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ อรหตฺตํ เทเสสฺสามีติ. อรฺสฺาย วิเสสานธิคมนโตติ, ‘‘อรฺํ อรฺ’’นฺติ มนสิกาเรน ฌานาทิวิเสสสฺส อธิคมาภาวโต, ‘‘ปถวี’’ติ มนสิกาเรน วิเสสาธิคมนโต. อิทานิ ตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ วปิเต สาลิอาทโย สมฺปชฺชนฺติ. ธุวเสวนนฺติ นิยตเสวนํ ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ. ปฏิจฺจาติ เอตฺถ ‘‘สมฺภูต’’นฺติ วจนเสโส อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘ปฏิจฺจ สมฺภูต’’นฺติ. ปถวึ ปฏิจฺจ สมฺภูตา หิ สฺาติ.
ปถวีกสิเณ ¶ โส ปถวีสฺี โหติ, น ปกติปถวิยํ. ตสฺสาติ ปถวีกสิณสฺส. เตหีติ ¶ คณฺฑาทีหิ. สุฏฺุ วิหตนฺติ ยถา วลีนํ เลโสปิ น โหติ, เอวํ สมฺมเทว อาโกฏิตํ. นทีตฬากาทีนํ ตีรปฺปเทโส อุทกสฺส อากรฏฺเน กูลํ, อุนฺนตภาวโต อุคฺคตํ กูลํ วิยาติ อุกฺกูลํ, ภูมิยา อุจฺจฏฺานํ. วิคตํ กูลนฺติ วิกฺกูลํ, นีจฏฺานํ. เตนาห ‘‘อุจฺจนีจ’’นฺติ. เอกํ สฺนฺติ เอกํ ปถวีติสฺํเยว.
๑๘๒. สติปิ สงฺขารนิมิตฺตวิรเห ยาทิสานํ นิมิตฺตานํ อภาเวน ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตานิ ทสฺเสตุํ, ‘‘นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิโต’’ติ วุตฺตํ. จตุมหาภูติกํ จตุมหาภูตนิสฺสิตํ. สฬายตนปฏิสํยุตฺตํ จกฺขายตนาทิสฬายตนสหิตํ.
๑๘๓. วิปสฺสนาย ปฏิวิปสฺสนนฺติ ธมฺมานฺจ ปุน วิปสฺสนํ. อิธาติ อตฺตโน ปจฺจกฺขภูตยถาธิคตมคฺคผลํ วทตีติ อาห – ‘‘อริยมคฺเค เจว อริยผเล จา’’ติ. อุปาทิเสสทรถทสฺสนตฺถนฺติ สพฺพโส กิเลสุปธิยา ปหีนาย ขนฺโธปธิ อวิสิฏฺา, ตปฺปจฺจยา ทรถา อุปาทิเสสทรถา, ตํ ทสฺสนตฺถํ. ยสฺมา วิสยโต คามสฺา โอฬาริกา, มนุสฺสสฺา สุขุมา, ตสฺมา มนุสฺสสฺาย คามสฺํ นิวตฺเตตฺวา. ยสฺมา ปน มนุสฺสสฺาปิ สภาควตฺถุปริคฺคหโต โอฬาริกา, สภาควตฺถุโต อรฺสฺา สุขุมา, ตสฺมา อรฺสฺาย มนุสฺสสฺํ นิวตฺเตตฺวา. ปถวีสฺาทินิวตฺตเน การณํ เหฏฺา สุตฺตนฺตเรสุ จ วุตฺตเมว. อนุปุพฺเพนาติ มคฺคปฺปฏิปาฏิยา. นิจฺจสาราทีนํ สพฺพโส อวตฺถุตาย อจฺจนฺตเมว สฺุตฺตา อจฺจนฺตสฺุตา.
๑๘๔. สฺุตผลสมาปตฺตินฺติ สฺุตวิโมกฺขสฺส ผลภูตตฺตา, สฺุตานุปสฺสนาย วเสน สมาปชฺชิตพฺพตฺตา จ สฺุตผลสมาปตฺตินฺติ ลทฺธนามํ อรหตฺตผลสมาปตฺตึ. ยสฺมา อตีเต ปจฺเจกสมฺพุทฺธา อเหสุํ, อนาคเต ภวิสฺสนฺติ, อิทานิ ปน พุทฺธสาสนสฺส ธรมานตฺตา ปจฺเจกพุทฺธา น วตฺตนฺติ, ตสฺมา ปจฺเจกพุทฺธคฺคหณํ อกตฺวา, ‘‘เอตรหิปิ พุทฺธพุทฺธสาวกสงฺขาตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น หิ พุทฺธสาสเน ธรนฺเต ปจฺเจกพุทฺธา ภวนฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬสฺุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. มหาสฺุตสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. ฉวิวณฺเณน ¶ ¶ โส กาโฬ, น นาเมน. ปลาลสนฺถาโรติ อาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน โกจฺฉจิมิลิกากฏสาราทีนํ คหณํ. คณภิกฺขูนนฺติ คณพนฺธนวเสน ภิกฺขูนํ.
ยทิ สํสโย นาม นตฺถิ, ‘‘สมฺพหุลา นุ โข’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห ‘‘วิตกฺกปุพฺพภาคา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิตกฺโก ปุพฺพภาโค เอติสฺสาติ วิตกฺกปุพฺพภาคา, ปุจฺฉา. สา ‘‘สมฺพหุลา โน เอตฺถ ภิกฺขูวิหรนฺตี’’ติ วจนํ, วิตกฺโก ปน ‘‘สมฺพหุลา นุ โข อิธ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ อิมินา อากาเรน ตทา ภควโต อุปฺปนฺโน จิตฺตสงฺกปฺโป, ตสฺส ปริวิตกฺกสฺส ตพฺภาวโชตโนยํ นุ-กาโร วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘วิตกฺกปุพฺพภาเค จายํ นุ-กาโร นิปาตมตฺโต’’ติ. กิฺจาปิ คจฺฉนฺโต ทิสฺวา, ‘‘สมฺพหุลา โน เอตฺถ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ ปุจฺฉาวเสน ภควตา วุตฺโต, อถ โข ‘‘น โข, อานนฺท, ภิกฺขุ โสภติ สงฺคณิการาโม’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๑๘๕) อุปริเทสนาวเสน มตฺถกํ คจฺฉนฺเต อวินิจฺฉิโต นาม น โหติ, อถ โข วิสุํ วินิจฺฉิโต เอว โหติ, ทิสฺวา นิจฺฉินิตฺวาว กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ตถา ปุจฺฉติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ (ปารา. ๑๖). เตนาห ‘‘อิโต กิรา’’ติอาทิ.
ยถา นทีโอติณฺณํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปกฺขนฺทติ, เอวํ สตฺตา ธาตุโส สํสนฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘คณวาโส นทีโอติณฺณอุทกสทิโส’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ – ‘‘นิรยติรจฺฉานโยนี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุรุวินฺทาทินฺหานียจุณฺณานิ สณฺหสุขุมภาวโต นาฬิยํ ปกฺขิตฺตานิ นิรนฺตราเนว ติฏฺนฺตีติ อาห – ‘‘จุณฺณภริตา นาฬิ วิยา’’ติ. สตฺตปณฺณาส กุลสตสหสฺสานีติ สตฺตสตสหสฺสาธิกานิ ปฺาส กุลานํเยว สตสหสฺสานิ, มนุสฺสานํ ปน วเสน สตฺต โกฏิโย ตทา ตตฺถ วสึสุ.
ตโต จินฺเตสิ, กถํ? กามฺจายํ โลกปกติ, มยฺหํ ปน สาสเน อยุตฺโตว โสติ อาห – ‘‘มยา’’ติอาทิ. ธมฺมนฺติ สภาวสิทฺธํ. สํเวโคติ สโหตฺตปฺปาณํ วุจฺจติ. น โข ปเนตํ สกฺกา คิลานุปฏฺานโอวาทานุสาสนิอาทิวเสน สมาคมสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. คณเภทนนฺติ คณสงฺคณิกาย วิเวจนํ.
๑๘๖. กตปริภณฺฑนฺติ ¶ ¶ ปุพฺเพ กตสํวิธานสฺส จีวรสฺส วุตฺตากาเรน ปฏิสงฺขรณํ. โนติ อมฺหากํ. อนตฺตมโนติ อนาราธิตจิตฺโต.
สกคเณน สหภาวโต สงฺคณิกาติ อาห ‘‘สกปริสสโมธาน’’นฺติ. คโณติ ปน อิธ ชนสมูโหติ วุตฺตํ ‘‘นานาชนสโมธาน’’นฺติ. โสภติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานโต. กามโต นิกฺขมตีติ นิกฺขโม, เอวํ นิกฺขมวเสน อุปฺปนฺนํ สุขํ. คณสงฺคณิกากิเลสสงฺคณิกาหิ ปวิวิตฺติ ปวิเวโก. ปวิเวกวเสน อุปฺปนฺนํ สุขํ. ราคาทีนํ อุปสมาวหํ สุขํ อุปสมสุขํ. มคฺคสมฺโพธาวหํ สุขํ สมฺโพธิสุขํ. นิกาเมตพฺพสฺส, นิกามํ วา ลาภี นิกามลาภี. นิทุกฺขํ สุเขเนว ลภตีติ อทุกฺขลาภี. กสิรํ วุจฺจติ อปฺปกนฺติ อาห – ‘‘อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี’’ติ.
สามายิกนฺติ สมเย กิเลสวิมุจฺจนํ อจฺจนฺตเมวาติ สามายิกํ ม-กาเร อ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา. เตนาห – ‘‘อปฺปิตปฺปิตสมเย กิเลเสหิ วิมุตฺต’’นฺติ. กนฺตนฺติ องฺคสนฺตตาย อารมฺมณสนฺตตาย จ กมนียํ มโนรมฺมํ. อสามายิกํ อจฺจนฺตวิมุตฺตํ.
เอตฺตาวตาติอาทินา สงฺคณิการามสฺส วิเสสาธิคมสฺส อนฺตรายิกภาวํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สห นิทสฺสเนน ทสฺเสติ. ตตฺถ สา ทุวิธา อนฺตรายิกตา โวทานธมฺมานํ อนุปฺปตฺติเหตุกา, สํกิเลสธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุกา จ.
เต ปมํ ‘‘สงฺคณิการาโม’’ติอาทินา วิภาเวตฺวา อิตรํ วิภาเวตุํ, ‘‘อิทานิ โทสุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ นฺหารฺุจ ปฏิจฺจ จมฺมฺจ ปฏิจฺจ มํสฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) วิย อิธ รูปสทฺโท กรชกายปริยาโยติ ‘‘รูปนฺติ สรีร’’นฺติ อาห. ‘‘นาหํ, อานนฺท…เป… โทมนสฺสุปายาสา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขจิตฺตานํ อารทฺธวิปสฺสกานมฺปิ อสปฺปายวชฺชนสปฺปายเสวนวเสน กายสฺส ปริหรณํ โหตีติ? สจฺจํ, ตํ ปน โย กลฺลสรีรํ นิสฺสาย ธมฺมสาธนาย อนุยฺุชิตุกาโม โหติ, ตสฺเสว ธมฺมสาธนตาวเสน. ธมฺมสาธนภาวฺหิ อเปกฺขิตฺวา อสปฺปายํ วชฺเชตฺวา สปฺปายวเสน โปเสตฺวา สุฏฺุตรํ หุตฺวา ¶ อนุยฺุชนโต กายสฺส ปริหรณํ, น โส กาเย อภิรโต นาม โหติ ปจฺจเวกฺขณายตฺตตฺตา อเปกฺขาย วิโนทิตพฺโพ ตาทิโสติ. อุปาลิคหปติโนติ เอตฺถาปิ ‘‘ทสพลสาวกตฺตุปคมนสงฺขาเตนา’’ติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ.
๑๘๗. มหากรุณาวเสน ¶ ปริวุตาย ปริสาย มชฺเฌ นิสินฺโนปิ เอกนฺตวิเวกชฺฌาสยตฺตา เอกโกว. เอเตน สตฺถุโน ปวิวิตฺตสฺส ปวิเวกตฺเตน วิวิตฺตตํ ทสฺเสติ. รูปารูปปฏิภาคนิมิตฺเตหิ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘รูปาทีนํ สงฺขตนิมิตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อติวิย สนฺตตรปณีตตมภาเวน วิเสสโต สิโนติ พนฺธตีติ วิสโย, โส เอว สสนฺตติปริยาปนฺนตาย อชฺฌตฺตํ. กึ ปน ตนฺติ อาห – ‘‘สฺุตนฺติ สฺุตผลสมาปตฺติ’’นฺติ. อุปธิวิเวกตาย อสงฺขตา ธาตุ อิธ วิเวโกติ อธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘วิเวกนินฺเนนา’’ติอาทิ. ภงฺคมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวา อาสวฏฺานิยานฺจ ธมฺมานํ ตตฺถ วิคตตฺตา เตสํ วเสน วิคตนฺเตน, เอวํภูตํ เตสํ พฺยนฺติภาวํ ปตฺตนฺติ ปาฬิยํ ‘‘พฺยนฺติภูเตนา’’ติ วุตฺตํ. อุยฺโยชนํ วิสฺสชฺชนํ, ตํ เอตสฺส อตฺถิ, อุยฺโยเชติ วิสฺสชฺเชตีติ วา อุยฺโยชนิกํ. ยสฺมา น สพฺพกถา อุยฺโยชนวเสเนว ปวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุยฺโยชนิกปฏิสํยุตฺต’’นฺติ.
เตลปากํ คณฺหนฺโต วิยาติ ยถา เตลปาโก นาม ปริจฺฉินฺนกาโล น อติกฺกมิตพฺโพ, เอวํ อตฺตโน สมาปตฺติกาลํ อนติกฺกมิตฺวา. ยถา หิ กุสโล เวชฺโช เตลํ ปจนฺโต ตํ ตํ เตลกิจฺจํ จินฺเตตฺวา ยทิ วา ปตฺถินฺนปาโก, ยทิ วา มชฺฌิมปาโก, ยทิ วา ขรปาโก อิจฺฉิตพฺโพ, ตสฺส กาลํ อุปธาเรตฺวา ปจติ, เอวํ ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต เวเนยฺยานํ าณปริปากํ อุปธาเรตฺวา ตํ ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชนฺโต จ วิเวกนินฺเนเนว จิตฺเตน อุยฺโยเชติ. ทฺเว ปฺจวิฺาณานิปิ ตทภินีหตมโนวิฺาณวเสน นิพฺพานนินฺนาเนว. พุทฺธานฺหิ สงฺขารานํ สุฏฺุ ปริฺาตตาย ปณีตานมฺปิ รูปาทีนํ อาปาถคมเน ปเคว อิตเรสํ ปฏิกูลตาว สุปากฏา หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตสฺมา ฆมฺมาภิตตฺตสฺส วิย สีตชลฏฺานนินฺนตา นิพฺพานนินฺนเมว จิตฺตํ โหติ, ตสฺส อติวิย สนฺตปณีตภาวโต.
๑๘๘. อชฺฌตฺตเมวาติ ¶ อิธ ฌานารมฺมณํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘โคจรชฺฌตฺตเมวา’’ติ. อิธ นิยกชฺฌตฺตํ สฺุตํ. อปคุณปาทกชฺฌานฺหิ เอตฺถ ‘‘นิยกชฺฌตฺต’’นฺติ อธิปฺเปตํ วิปสฺสนาวิเสสสฺส อธิปฺเปตตฺตา, นิยกชฺฌตฺตํ นิชฺชีวนิสฺสตฺตตํ, อนตฺตตนฺติ อตฺโถ. อสมฺปชฺชนภาวชานเนนาติ อิทานิ เม กมฺมฏฺานํ วีถิปฏิปนฺนํ น โหติ, อุปฺปถเมว ปวตฺตตีติ ชานเนน.
กสฺมา ปเนตฺถ ภควตา วิปสฺสนาย เอว ปาทเก ฌาเน อวตฺวา ปาทกชฺฌานํ คหิตนฺติ อาห – ‘‘อปฺปคุณปาทกชฺฌานโต’’ติอาทิ. น ปกฺขนฺทติ สมฺมา น สมาหิตตฺตา. โส ปน ‘‘อชฺฌตฺตธมฺมา ¶ มยฺหํ นิชฺชฏา นิคุมฺพา หุตฺวา น อุปฏฺหนฺติ, หนฺทาหํ พหิทฺธาธมฺเม มนสิ กเรยฺยํ เอกจฺเจสุ สงฺขาเรสุ อุปฏฺิเตสุ อิตเรปิ อุปฏฺเหยฺยุเมวา’’ติ ปรสฺส…เป… มนสิ กโรติ. ปาทกชฺฌานวเสน วิย สมฺมสิตชฺฌานวเสนปิ อุภโตภาควิมุตฺโต โหติเยวาติ อาห – ‘‘อรูปสมาปตฺติยํ นุ โข กถนฺติ อาเนฺชํ มนสิ กโรตี’’ติ. น เม จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มยฺหํ วิปสฺสนาจิตฺตํ วีถิปฏิปนฺนํ หุตฺวา น วหตีติ. ปาทกชฺฌานเมวาติ วิปสฺสนาย ปาทกภูตเมว ฌานํ. ปุนปฺปุนํ มนสิ กาตพฺพนฺติ ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชิตพฺพํ วิปสฺสนาย ติกฺขวิสทตาปาทนาย. อวหนฺเต นิปุณาภาเวน เฉทนกิริยาย อปฺปวตฺตนฺเต. สมาปชฺชิตฺวา วิปสฺสนาย ติกฺขกมฺมกรณํ สมถวิปสฺสนาวิหาเรนาติ อาห – ‘‘กมฺมฏฺาเน มนสิกาโร วหตี’’ติ.
๑๘๙. สมฺปชฺชติ เมติ วีถิปฏิปตฺติยา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสาภาวโต สมฺปชฺชติ เม กมฺมฏฺานนฺติ ชานเนน. อิริยาปถํ อหาเปตฺวาติ ยถา ปริสฺสโม นาคจฺฉติ, เอวํ อตฺตโน พลานุรูปํ ตสฺส กาลํ เนตฺวา ปมาณเมว ปวตฺตเนน อิริยาปถํ อโหเปตฺวา. สพฺพวาเรสูติ านนิสชฺชาสยนวาเรสุ. กถาวาเรสุ ปน วิเสสํ ตตฺถ ตตฺถ วทนฺติ. อิทํ วุตฺตนฺติ อิทํ, ‘‘อิมินา วิหาเรนา’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ.
๑๙๐. กามวิตกฺกาทโย โอฬาริกกามราคพฺยาปาทสภาคาติ อาห – ‘‘วิตกฺกปหาเนน ทฺเว มคฺเค กเถตฺวา’’ติ. กามคุเณสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. กิสฺมิฺจิเทว กิเลสุปฺปตฺติการเณติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส กิเลสุปฺปตฺติการณํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺถา สพฺเพปิ ปฺจ กามคุณา กิเลสุปฺปตฺติการณเมว. สมุทาจรตีติ สมุทาจาโรติ อาห ‘‘สมุทาจรณโต’’ติ. โส ปน ยสฺมา จิตฺตสฺส, น สตฺตสฺส, ตสฺมา วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘เจตโส’’ติ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร เอ-การสฺส จ อกาโร กโตติ อาห ‘‘เอวํ สนฺเต เอตนฺติ.
๑๙๑. อนุสโยติ มานานุสโย ภวราคานุสโย อวิชฺชานุสโยติ ติวิโธปิ อนุสโย ปหียติ อรหตฺตมคฺเคน. วุตฺตนเยเนวาติ, ‘‘ตโต มคฺคานนฺตรํ ผลํ, ผลโต วุฏฺาย ปจฺจเวกฺขมาโน ปหีนภาวํ ชานาติ, ตสฺส ชานเนน สมฺปชาโน โหตี’’ติ วุตฺตนเยน.
กุสลโต อายาตีติ อายโต, โส เอเตสนฺติ กุสลายติกา. เตนาห ‘‘กุสลโต อาคตา’’ติ. ตํ ปน เนสํ กุสลายติกตฺตํ อุปนิสฺสยวเสน โหติ สหชาตวเสนปีติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ยสฺมา ¶ ปน ยถาวุตฺตธมฺเมสุ เกจิ โลกิยา, เกจิ โลกุตฺตรา; อถ กสฺมา วิเสเสน ‘‘โลกุตฺตรา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘โลเก อุตฺตรา วิสิฏฺา’’ติ. เตน โลกิยธมฺเมสุ อุตฺตมภาเวน ฌานาทโย โลกุตฺตรา วุตฺตา, น โลกสฺส อุตฺตรณโตติ ทสฺเสติ. ยํ กิฺจิ มหคฺคตจิตฺตํ มารสฺส อวิสโย อกามาวจรตฺตา, ปเคว ตํ วิปสฺสนาย ปาทกภูตํ สุวิกฺขาลิตมลนฺติ อาห – ‘‘ชานิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. เอโก อานิสํโส อตฺถิ ภาวนานุโยคสฺส สปฺปายธมฺมกถาปฏิลาโภ.
๑๙๒. เอตทตฺถนฺติ เกวลสฺส สุตสฺส อตฺถาย. สปฺปายาสปฺปายวเสนาติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ สปฺปายวเสน ทสกถาวตฺถูนิ อาคตานีติ? สจฺจเมตํ, อสปฺปายกถาวชฺชนปุพฺพิกาย สปฺปาย กถาย วเสน อาคตตฺตา ‘‘สปฺปายาสปฺปายวเสน อาคตานี’’ติ วุตฺตํ. สุตปริยตฺติวเสนาติ สรูเปน ตตฺถ อนาคตานิปิ ทสกถาวตฺถูนิ สุตฺตเคยฺยาทิอนฺโตคธตฺตา, ‘‘สุตปริยตฺติวเสน อาคตานี’’ติ วุตฺตํ. ปริปูรณวเสน สรูปโต อาคตตฺตา อิมสฺมึ าเน ตฺวา กเถตพฺพานิ. อตฺโถติ สามฺตฺโถ.
๑๙๓. อนุอาวตฺตนฺตีติ ¶ อนุอนุ อภิมุขา หุตฺวา วตฺตนฺติ, ปยิรุปาสนาทิวเสน อนุกูลยนฺติ. มุจฺฉนตณฺหนฺติ ปจฺจเยสุ มุจฺฉนาการํ. ตณฺหาย ปตฺถนา นาม เตนากาเรน ปวตฺตีติ อาห – ‘‘ปตฺเถติ ปวตฺเตตี’’ติ. กิเลสูปทฺทเวนาติ กิเลสสงฺขาเตน อุปทฺทเวน. กิเลสา หิ สตฺตานํ มหานตฺถกรณโต ‘‘อุปทฺทโว’’ติ วุจฺจนฺติ. อตฺตโน อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺเนน กิเลสูปทฺทเวน อนฺเตวาสิโน, อุปทฺทโว อนฺเตวาสูปทฺทโว, พฺรหฺมจริยสฺส อุปทฺทโว พฺรหฺมจารุปทฺทโวติ อิมมตฺถํ ‘‘เสสุปทฺทเวสุปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ. คุณมรณํ กถิตํ, น ชีวิตมรณํ.
อปฺปลาภาติ อปฺปมตฺตกลาภี วิเสสานํ. เอวํ วุตฺโตติ ยถาวุตฺตพฺรหฺมจารุปทฺทโว ทุกฺขวิปากตโร เจว กฏุกวิปากตโร จาติ เอวํ วุตฺโต. อาจริยนฺเตวาสิกูปทฺทโว หิ พาหิรกสมยวเสน วุตฺโต, พฺรหฺมจารุปทฺทโว ปน สาสนวเสน. ทุรกฺขาเต หิ ธมฺมวินเย ทุปฺปฏิปตฺติ น มหาสาวชฺชา มิจฺฉาภินิเวสสฺส สิถิลวายามภาวโต; สฺวาขฺยาเต ปน ธมฺมวินเย ทุปฺปฏิปตฺติ มหาสาวชฺชา มหโต อตฺถสฺส พาหิรภาวกรณโต. เตนาห ‘‘สาสเน ปนา’’ติอาทิ.
๑๙๖. ตสฺมาติ อิทํ ปุพฺพปราเปกฺขํ ปุริมสฺส จ อตฺถสฺส การณภาเวน ปจฺจามสนนฺติ อาห ¶ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. มิตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ มิตฺตวา, ตสฺส ภาโว มิตฺตวตา, ตาย. มิตฺตวเสน ปฏิปชฺชนนฺติ อาห ‘‘มิตฺตปฏิปตฺติยา’’ติ. สปตฺตวตายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺตมฺปีติ อิมินา ปเคว อิตรํ วีติกฺกมนฺโตติ ทสฺเสติ. สาวเกสุ หิตปรกฺกมนํ โอวาทานุสาสนีหิ ปฏิปชฺชนนฺติ อาห – ‘‘ตถา น ปฏิปชฺชิสฺสามี’’ติ. อามกมตฺตนฺติ กุลาลภาชนํ วุจฺจติ. นาหํ ตุมฺเหสุ ตถา ปฏิปชฺชิสฺสามีติ กุมฺภกาโร วิย อามกภาชเนสุ อหํ ตุมฺเหสุ เกวลํ ชานาเปนฺโต น ปฏิปชฺชิสฺสามิ. นิคฺคณฺหิตฺวาติ นีหริตฺวา. โลกิยคุณาปิ อิธ สาโรตฺเวว อธิปฺเปตา โลกุตฺตรคุณานํ อธิฏฺานภาวโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาสฺุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนา
๑๙๗. วิภตฺติปติรูปกา ¶ ¶ จ นิปาตา โหนฺตีติ ยถารหํ ตํตํวิภตฺติอตฺถทีปกา, อิธ ปจฺจตฺตวจโน ยตฺรสทฺโท, หิสทฺโท เหตุอตฺโถ, นามสทฺโท อจฺฉริยตฺโถ, ปทตฺตยสฺส ปน อจฺฉริยตฺถนิทฺทิฏฺตาย ‘‘อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต’’ติ วุตฺตํ. เอกํสโต ปเนตํ ปทตฺตยํ. ตถา หิ วกฺขติ, ‘‘ยตฺราติ นิปาตวเสน อนาคตวจน’’นฺติ. ปปฺจสทฺโท เหฏฺา วุตฺโต. ฉินฺนวฏุเมติ อิมินา สพฺพกิเลสวฏฺฏสฺส อกุสลกมฺมวฏฺฏสฺส จ ฉินฺนตฺตา วิปากวฏฺฏสฺส จ อุปริ วกฺขมานตฺตา อาห – ‘‘วฏุมนฺติ กุสลากุสลกมฺมวฏฺฏํ วุจฺจตี’’ติ. นิปาตวเสน ยตฺรสทฺทโยเคน. อนาคตวจนนฺติ อิทํ อนาคตวจนสทิสตฺตา วุตฺตํ. อนาคตตฺถวาจี หิ อนาคตวจนํ, อตฺโถ เจตฺถ อตีโตติ. อนุสฺสรีติ อิทํ อนุสฺสริตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘น อนุสฺสริสฺสตี’’ติ สทฺทปโยคสฺส อตีตวิสยตฺตา. ยทา ปน เตหิ ภิกฺขูหิ ยา กถา ปวตฺติตา, ตโต ปจฺฉาปิ ภควโต เตสํ พุทฺธานํ อนุสฺสรณํ โหติเยว.
ขตฺติยชจฺจาติอาทิกาลโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนาย ขตฺติยชาติยา อุทิโตทิตาย. พฺรหฺมชจฺจาติ พฺราหฺมณชจฺจา. เอวํโคตฺเตปิ เอเสว นโย. โลกิยโลกุตฺตรสีเลนาติ ปารมิตาสมฺภูเตน พุทฺธาเวณิกตฺตา อนฺสาธารเณน โลกิเยน โลกุตฺตเรน จ สีเลน. เอวํสีลาติ อนวเสสสีลานํ วิสุํ ปจฺจเวกฺขณกรเณน เอวํสีลาติ อนุสฺสริสฺสติ. เอส นโย เสเสสุ. ยถา วิชฺชาภาคิยา วิชฺชาสมฺปยุตฺตธมฺมา, เอวํ สมาธิปกฺขา สมาธิสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ สติวีริยาทโยติ อาห – ‘‘เหฏฺา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตวา’’ติ. ตสฺมา สมาธิปกฺขธมฺมวินิมุตฺโต เอว อิธ วิหาโร อธิปฺเปโตติ วุตฺตํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิ.
ยถา วา อฏฺสมาปตฺติวิปสฺสนามคฺคผลสงฺคหิตา โลกิยโลกุตฺตรา สมาธิปฺา ‘‘เอวํธมฺมา เอวํปฺา’’ติ ปเทหิ เหฏฺา คหิตาปิ ยถาสกํ ปฏิปกฺขโต มุจฺจนสฺส ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย ‘‘เอวํวิมุตฺตา’’ติ เอตฺถ ปุน คหิตา, ตถา ‘‘เอวํธมฺมา’’ติ เอตฺถ คหิตาปิ สมาธิปกฺขธมฺมา ทิพฺพพฺรหฺมอาเนฺชอริยวิหารสงฺขาตํ อตฺตโน ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย, ‘‘เอวํวิหารี’’ติ เอตฺถ ปุน คหิตาติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ. ผลธมฺมานํ ปวตฺติกาเลปิ ¶ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ น ตํอานุภาวชาตา, อถ โข อริยมคฺเคน กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาติ ¶ อาห – ‘‘มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฏิปสฺสทฺธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ. โย ยํ ปชหติ, โส ปหายโก ปหาตพฺพโต วิมุตฺโตติ วุจฺจติ วิสํสฏฺภาวโตติ ปหานวิภาเคน วุจฺจมาเน อปหายกสฺส นิพฺพานสฺส กถํ วิมุตฺตตา? วิสํสฏฺาภาวโต เอว. ตฺหิ ปกติยาว สพฺพโส กิเลเสหิ วิสํสฏฺํ วินิสฺสฏํ สุวิทูรวิทูเร ิตํ, ตสฺมาสฺส ตโต นิสฺสฏตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺติ นิสฺสรณปหานนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘นิพฺพาน’’นฺติอาทิ.
๑๙๙. อิเม ตถาคตสฺส อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมา, น สาวกวิสยา, มม ปน เทสนา ตยา สุตา เอวาติ เต เถรสฺเสว ภารํ กโรนฺโต, ‘‘ตํ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปฏิภนฺตู’’ติ อาห. สโต สมฺปชาโนติ เอตฺถ กาลเภทวเสน ลพฺภมานมฺปิ สมฺปชานภาวํ อนามสิตฺวา คติวิภาเคน ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทฺเว สมฺปชฺานี’’ติอาทิ วุตฺตํ – อฏฺ วเร คณฺหนฺโตติ เอตฺถ กถํ วรํ เทวตา เทติ, ปรสฺส ทียมานฺจ ตํ กถํ ปรสฺส สมิชฺฌตีติ? กมฺมพเลเนว. ยทิ หิ ตํ กมฺมํ กโตกาสํ ยสฺส ตทปเทเสน ผลํ วิปจฺจติ, เอวํ เทวตาย ตสฺส วรํ ทินฺนํ, อิตเรน จ ลทฺธนฺติ โวหาโร โหตีติ. อปิจ ปรสฺส ปตฺถิตวรานิ นาม วิปจฺจมานสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยภูโต ปโยควิเสโสติ ทฏฺพฺพํ. ตานิ วิปจฺจเน เอกนฺติกานิปิ อปฺเปสกฺขา เทวตา – ‘‘อยมสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสติ, โน’’ติ น ชานนฺติ, สกฺโก ปน ปฺวา ตานิ เอกจฺจํ ชานาติเยว. เตน วุตฺตํ – ‘‘สกฺเกน ปสีทิตฺวา ทินฺเน อฏฺ วเร คณฺหนฺโต’’ติอาทิ.
ปมชวนวาเรติ อุปฺปนฺนสฺส สพฺพปมชวนวาเร. โส หิ ปฏิสนฺธิยา อาสนฺนภาวโต อวิสโท โหติ, เทวภาเว นิกนฺติวเสน อุปฺปชฺชนโต น ชานาติ. อฺาหิ เทวตาหิ อสาธารณชานนํ โหติ ทุติยชวนวารโต ปฏฺาย ปวตฺตนโต.
อฺเปิ เทวาติอาทินา โพธิสตฺตสฺส ตตฺถ สมฺปชฺเเนว ิตภาวํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวติ. อาหารูปจฺเฉเทน กาลงฺกโรนฺตีติ อิทํ ขิฑฺฑาปโทสิกวเสน วุตฺตํ. อิตเรสมฺปิ ทิพฺพโภเคหิ มุจฺฉิตตํ อชฺฌาปนฺนานํ ติฏฺนฺตานํ สมฺปชฺาภาโว โหติเยว. กึ ตถารูปํ อารมฺมณํ ¶ นตฺถีติ ยถารูปํ อุฬารํ ปณีตฺจ อารมฺมณํ ปฏิจฺจ เต เทวา สํมุจฺฉิตา อาหารูปจฺเฉทมฺปิ กโรนฺติ, กึ ตถารูปํ อุฬารํ ปณีตฺจ อารมฺมณํ โพธิสตฺตสฺส นตฺถีติ โพธิสตฺตสฺส สมฺปชฺานุภาวํ วิภาเวตุํ โจทนํ สมุฏฺาเปติ? โพธิสตฺโต หิ ยตฺถ ยตฺถ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ตตฺถ อฺเ สตฺเต ทสหิ วิเสเสหิ อธิคฺคณฺหาติ, ปเคว ตตฺถ เทวภูโต, ตถาปิ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ อยเมตฺถ อจฺฉริยธมฺโม วุตฺโต.
๒๐๐. สมฺปตฺติภเว ¶ ทีฆายุกตา นาม ปฺาพเลน โหติ, โพธิสตฺโต จ มหาปฺโ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ ภเว เตน ทีฆายุเกน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน, ‘‘เสสตฺตภาเวสุ กึ ยาวตายุกํ น ติฏฺตี’’ติ โจเทติ. อิตโร ‘‘อาม น ติฏฺตี’’ติ ปฏิชานิตฺวา, ‘‘อฺทา หี’’ติอาทินา ตตฺถ การณมาห. ‘‘อิธ น ภวิสฺสามี’’ติ อธิมุจฺจนวเสน กาลกิริยา อธิมุตฺติกาลกิริยา. ปารมิธมฺมานฺหิ อุกฺกํสปฺปตฺติยา ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตภาเว อภิฺาสมาปตฺตีหิ สนฺตานสฺส วิเสสิตตฺตา อตฺตสิเนหสฺส ตนุภาเวน สตฺเตสุ จ มหากรุณาย อุฬารภาเวน อธิฏฺานสฺส ติกฺขวิสทภาวาปตฺติยา โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายา สมิชฺฌนฺติ, จิตฺเต วิย กมฺเมสุ จ เตสํ วสิภาโว, ตสฺมา ยตฺถุปปนฺนานํ ปารมิโย สมฺมเทว ปริพฺรูเหนฺติ, วุตฺตนเยน กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปปชฺชนฺติ. ตถา หิ อยํ มหาสตฺโต อิมสฺมึเยว กปฺเป นานาชาตีสุ อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต อปฺปกเมว กาลํ ตตฺถ ตฺวา ตโต จวิตฺวา อิธ นิพฺพตฺโต. เตนาห – ‘‘อยํ กาลกิริยา อฺเสํ น โหตี’’ติ. สพฺพปารมีนํ ปูริตตฺตาติ อิมินา ปโยชนาภาวโต ตตฺถ ตฺวา อธิมุตฺติกาลกิริยา นาม น โหตีติ ทสฺเสติ. อปิจ จริมภเว จตุมหานิธิสมุฏฺานปุพฺพิกาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา นิพฺพตฺติ วิย พุทฺธภูตสฺส อสทิสทานาทิวเสน อนฺสาธารณลาภุปฺปตฺติ วิย จ อิโต ปรํ มหาปุริสสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติอนุภวนํ นาม นตฺถีติ ยาวตายุกฏฺานํ อุสฺสาหชาตสฺส ปฺุสมฺภารสฺส วเสนาติ ทฏฺพฺพํ. อยฺเหตฺถ ธมฺมตา.
มนุสฺสคณนาวเสน, น เทวคณนาวเสน. ปุพฺพนิมิตฺตานีติ จุติยา ปุพฺพนิมิตฺตานิ. อมิลายิตฺวาติ เอตฺถ อมิลาตคฺคหเณเนว ตาสํ มาลานํ วณฺณสมฺปทาปิ คนฺธสมฺปทาปิ โสภาสมฺปทาปิ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. พาหิรพฺภนฺตรานํ ¶ รโชชลฺลานํ เลสสฺสปิ อภาวโต เทวานํ สรีรคตานิ วตฺถานิ สพฺพกาลํ ปริสุทฺธปภสฺสราเนว หุตฺวา ติฏฺนฺตีติ อาห ‘‘วตฺเถสุปิ เอเสว นโย’’ติ. เนว สีตํ น อุณฺหนฺติ ยสฺส สีตสฺส ปตีการวเสน อธิกํ เสวิยมานํ อุณฺหํ, สยเมว วา ขรตรํ หุตฺวา อธิภวนฺตํ สรีเร เสทํ อุปฺปาเทยฺย, ตาทิสํ เนว สีตํ น อุณฺหํ โหติ. ตสฺมึ กาเลติ ยถาวุตฺเต มรณาสนฺนกาเล. พินฺทุพินฺทุวเสนาติ มุตฺตคุฬิกา วิย พินฺทุ พินฺทุ หุตฺวา เสทา มุจฺจนฺติ. ทนฺตานํ ขณฺฑิตภาโว ขณฺฑิจฺจํ. เกสานํ ปลิตภาโว ปาลิจฺจํ. อาทิ-สทฺเทน วลิตฺตจตํ สงฺคณฺหาติ. กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ, น ปน ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทีหีติ อธิปฺปาโย. อุกฺกณฺิตาติ อนภิรติ, สา นตฺถิ อุปรูปริ อุฬารุฬารานเมว โภคานํ วิเสสโต รุจิชนกานํ อุปติฏฺนโต.
ปณฺฑิตา เอวาติ พุทฺธิสมฺปนฺนา เอว เทวตา. ยถา เทวตา ‘‘สมฺปติ ชาตา กีทิเสน ปฺุกมฺเมน ¶ อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมินา นาม ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ ชานนฺติ, เอวํ อตีตภเว อตฺตนา กตํ เอกจฺจํ อฺมฺปิ ปฺุํ ชานนฺติเยว มหาปฺุาติ อาห – ‘‘เย มหาปฺุา’’ติอาทิ.
น ปฺายนฺติ จิรตรกาลตฺตา ปรมายุโน. อนิยฺยานิกนฺติ น นิยฺยานาวหํ สตฺตานํ อภาชนภาวโต. สตฺตา น ปรมายุโน โหนฺติ นาม ปาปุสฺสนฺนตายาติ อาห – ‘‘ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺตี’’ติ. เอตฺถาห – ‘‘กสฺมา สมฺพุทฺธา มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวพฺรหฺมโลเกสู’’ติ. เทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อโนกาสภาวโต ตถา อนจฺฉริยภาวโต. อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ิตานํ น ปากฏา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ. เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโตว โลโก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต, ตถา สติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ อิสฺสรกุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสชฺเชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลปวตฺตนโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติ. ‘‘พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว ¶ นโย. สตฺตานํ ตาทิสคาหวิโมจนตฺถฺหิ พุทฺธา ภควนฺโต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ; น เทวสุคติยํ, มนุสฺสสุคติยํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ โอปปาติกา น โหนฺติ, สติ จ โอปปาติกูปปตฺติยํ วุตฺตโทสานติวตฺตนโต. ธมฺมเวเนยฺยานํ อตฺถาย ธมฺมตนฺติยา ปนสฺส วิย ธาตุเวเนยฺยานํ อตฺถาย ธาตูนํ ปนสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา จ. น หิ โอปปาติกานํ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ สรีรธาตุโย ติฏฺนฺติ, ตสฺมา น โอปปาติกา โหนฺติ, จริมภเว จ มหาโพธิสตฺตา, มนุสฺสภาวสฺส ปากฏกรณาย ทารปริคฺคหมฺปิ กโรนฺตา ยาว ปุตฺตมุขทสฺสนา อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺติ. ปริปากคตสีลเนกฺขมฺมปฺาทิปารมิกาปิ น อภินิกฺขมนฺติ, กึ วา เอตาย การณจินฺตาย? สพฺพพุทฺเธหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณา, ยทิทํ มนุสฺสภูตานํเยว อภิสมฺพุชฺฌนา, น เทวภูตานนฺติ อยเมตฺถ ธมฺมตา. ตถา หิ ตทตฺโถ มหาภินีหาโรปิ มนุสฺสภูตานํเยว อิชฺฌติ, น อิตเรสํ.
กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เสสทีเปสูติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา พุทฺธานุภาวสหิตา อจลฏฺานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ; ‘‘ตถา อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฏฺานานํ ตตฺเถว ลพฺภมานโต’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร สาวกปารมีนํ สมฺภรณํ ปริปาจนฺจ พุทฺธเขตฺตภูเต อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเปเยว ¶ อิชฺฌติ, น อฺตฺถ. เวเนยฺยานํ วินยนตฺโถ จ พุทฺธุปฺปาโทติ อคฺคสาวกาทิเวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย เอกสฺมึ ชมฺพุทีเปเยว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุ. อยฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ตตฺเถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อฺมฺุปนิสฺสยโต อปราปรํ วตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสตี’’ติ. อิมินา นเยน เทสนิยเมปิ การณํ วตฺตพฺพํ.
อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ พฺราหฺมณานมฺปิ ปูชนียภาวโต. ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตีติ กุลํ ปสฺสิ ปิตุวเสน กุลสฺส นิทฺทิสิตพฺพโต ¶ . ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานีติ ปสฺสิ เตน อตฺตโน อนฺตรายาภาวํ อฺาสิ, ตสฺสา จ ตุสิตภเว ทิพฺพสมฺปตฺติปจฺจนุภวนํ.
ตา เทวตาติ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬเทวตา. กถํ ปน ตา โพธิสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ ภาวินฺจ สมฺพุทฺธภาวํ ชานนฺตีติ? มเหสกฺขานํ เทวตานํ วเสน, เยภุยฺเยน จ ตา เทวตา อภิสมยภาคิโน. ตถา หิ ภควโต จ ธมฺมทานสํวิภาเค อเนกวารํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิเทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ.
จวามีติ ปชานาติ จุติอาสนฺนชวเนหิ าณสหิเตหิ จุติยา อุปฏฺิตภาวสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. จุติจิตฺตํ น ชานาติ จุติจิตฺตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโต. ตถา หิ ตํ จุตูปปาตาณสฺสปิ อวิสโย เอว. ปฏิสนฺธิจิตฺเตปิ เอเสว นโย. อาวชฺชนปริยาโยติ อาวชฺชนกฺกโม. ยสฺมา เอกวารํ อาวชฺชิตมตฺเตน อารมฺมณํ นิจฺฉินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ตเมวารมฺมณํ ทุติยํ ตติยฺจ อาวชฺชิตฺวา นิจฺฉียติ, อาวชฺชนสีเสน เจตฺถ ชวนวาโร คหิโต. เตนาห – ‘‘ทุติยตติยจิตฺตวาเรเยว ชานิสฺสตี’’ติ. จุติยา ปุเรตรํ กติปยจิตฺตวารโต ปฏฺาย มรณํ เม อาสนฺนนฺติ ชานนโต, ‘‘จุติกฺขเณปิ จวามีติ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิยา ปน อปุพฺพภาวโต ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ. นิกนฺติยา อุปฺปตฺติโต ปรโต อสุกสฺมึ าเน มยา ปฏิสนฺธิ คหิตาติ ปชานาติ, ทุติยชวนโต ปฏฺาย ชานาตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตสฺมึ กาเลติ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล. ทสสหสฺสี กมฺปตีติ เอตฺถ กมฺปนการณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรตาย พหุลํ โสมนสฺสิกาว โหนฺตีติ เตสํ ปมมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณํ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗; ธ. ส. ๔๙๘; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๙๙) วุตฺตํ. มหาสีวตฺเถโร ปน ¶ ยทิปิ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรา, วิเวกชฺฌาสยา ปน วิสงฺขารนินฺนา สพฺพสงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขณพหุลาติ ปฺจเมน มหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณมาห.
ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺายาติ ปุณฺณมาย ปุเร สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย, สุกฺกปกฺเข นวมิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. สตฺตเม ทิวเสติ ¶ อาสาฬฺหีปุณฺณมาย. อิทํ สุปินนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาการํ สุปินํ. เนสํ เทวิโยติ มหาราชูนํ เทวิโย.
โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสตีติ เอตฺตกเมว เต พฺราหฺมณา อตฺตโน สุปินสตฺถนเยน กเถสุํ. สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสตีติอาทิ ปน เทวตาวิคฺคเหน ภาวินมตฺถํ ยาถาวโต ปเวเทสุํ.
คพฺภาวกฺกนฺติโยติ เอตฺถ คพฺโภ วุจฺจติ มาตุกุจฺฉิ, ตตฺถ อุปฺปตฺติ อวกฺกนฺติ, ตาว คพฺภาวกฺกนฺติ, ยาว น นิกฺขมติ. ิตกาว นิกฺขมนฺติ ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย.
๒๐๑. วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเน วิย โวหรียตีติ โอกฺกมตีติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘โอกฺกนฺโต โหตีติ อตฺโถ’’ติ. เอวํ โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนสฺส สมฺปชานนา โหติ. น โอกฺกมมาเน ปฏิสนฺธิกฺขณสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา. ตถา จ วุตฺตํ – ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาตี’’ติ. ทสสหสฺสจกฺกวาฬปตฺถรเณน วา อปฺปมาโณ. อติวิย สมุชฺชลภาเวน อุฬาโร. เทวานุภาวนฺติ เทวานํ ปภานุภาวํ. เทวานฺหิ ปภํโส โอภาโส อธิภวติ, น เตสํ อาธิปจฺจํ. เตนาห ‘‘เทวาน’’นฺติอาทิ.
รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หฺตีติ อฆา, อพาธา. เตนาห ‘‘นิจฺจวิวฏา’’ติ. อสํวุตาติ เหฏฺา อุปริ จ เกน จิ น ปิหิตา. เตนาห ‘‘เหฏฺาปิ อปฺปติฏฺา’’ติ. ตตฺถ ปิ-สทฺเทน ยถา เหฏฺา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปฺปติฏฺาติ ทสฺเสติ. อนฺธกาโร เอตฺถ อตฺถีติ อนฺธการา. จกฺขุวิฺาณํ น ชายติ อาโลกสฺสาภาวโต, น จกฺขุโน. ตถา หิ ‘‘เตน โอภาเสน อฺมฺํ สฺชานนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชมฺพุทีเป ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายติ, อปรโคยานวาสีนํ ¶ อุคฺคมนวเสน, เอวํ เสสทีเปสุปีติ อาห – ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปฺายนฺตี’’ติ. อิโต อฺถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรเนว ปฺายตีติ. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินา นเยน ทฏฺพฺพํ. ปภาย นปฺปโหนฺตีติ ¶ อตฺตโน ปภาย โอภาสิตุํ น อภิสมฺภุณนฺติ. ยุคนฺธรปพฺพตมตฺถกปฺปมาเณ อากาเส วิจรณโต, ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺเฌน จรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
วาวฏาติ ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตา. วิปริวตฺติตฺวาติ วิวฏฺฏิตฺวา. ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา ิตฏฺานโต มุจฺจิตฺวา, องฺคปจฺจงฺคจฺเฉทนวเสน วา ฉิชฺชิตฺวา. อจฺจนฺตขาเรติ อาตปสนฺตาปาภาเวน อติสีตภาวํ สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยา. น หิ ตํ กปฺปสณฺานอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฏฺํ ปถวีสนฺธารกํ กปฺปวินาสกอุทกํ วิย ขารํ ภวิตุมรหติ. ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺย. เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ ปกติอุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก’’ติ. สมนฺตโตติ สพฺพภาคโต ฉปฺปการมฺปิ.
๒๐๒. จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสนาติ เวสฺสวณาทิจตุมหาราชภาวสามฺเน.
๒๐๓. สภาเวเนวาติ ปรสฺส สนฺติเก คหเณน วินา อตฺตโน สภาเวเนว สยเมว อธิฏฺหิตฺวา สีลสมฺปนฺนา.
มนุสฺเสสูติ อิทํ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา นาม มนุสฺสปุริเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน เทเวสูปิ ตาทิสํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชเตว. ยถา โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวน โพธิสตฺตสฺส มาตุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ ตสฺส อานุภาเวเนว สา เกนจิ ปุริเสน อนติกฺกมนียาติ อาห – ‘‘ปาทา น วหนฺติ, ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺตี’’ติ.
ปุพฺเพ ‘‘กามคุณูปสํหิตํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุน ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’’ติ วุตฺตํ, กถมิทํ อฺมฺํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ปุพฺเพ’’ติอาทิ. วตฺถุปฏิกฺเขโปติ อพฺรหฺมจริยวตฺถุปฏิเสโธ. เตนาห ‘‘ปุริสาธิปฺปายวเสนา’’ติ. อารมฺมณปฏิลาโภติ รูปาทิปฺจกามคุณารมฺมณสฺเสว ปฏิลาโภ.
๒๐๔. กิลมโถติ ¶ เขโท. กายสฺส หิ ครุภาวกินภาวาทโยปิ ตสฺสา ตทา น โหนฺติ เอว. ‘‘ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, กทา ¶ ปฏฺาย ปสฺสตีติ อาห – ‘‘กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทิ. ทสฺสเน ปโยชนํ สยเมว วทติ, ตสฺส อภาวโต กลลาทิกาเล น ปสฺสติ. ปุตฺเตนาติ ทหเรน มนฺเทน อุตฺตานเสยฺยเกน. ยํ ตํ มาตูติอาทิ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ. จกฺกวตฺติคพฺภโตปิ หิ สวิเสสํ โพธิสตฺตคพฺโภ ปริหารํ ลภติ ปฺุสมฺภารสฺส สาติสยตฺตา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา อติวิย สปฺปายาหาราจารา จ หุตฺวา สกฺกจฺจํ ปริหรติ. ปุรตฺถาภิมุโขติ มาตุ ปุรตฺถาภิมุโข. อิทานิ ติโรกุจฺฉิคตสฺส ทิสฺสมานตาย อพฺภนฺตรํ พาหิรฺจ การณํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปุพฺเพ กตกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อสฺสาติ เทวิยา. วตฺถุนฺติ กุจฺฉึ. ผลิกอพฺภปฏลาทิโน วิย โพธิสตฺตมาตุกุจฺฉิตจสฺส ปฏลภาเวน อาโลกสฺส วิพนฺธาภาวโต ยถา โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉิคตํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ, กิเมวํ โพธิสตฺโตปิ มาตรํ อฺฺจ ปุรโต รูปคตํ ปสฺสติ, โนติ อาห, ‘‘โพธิสตฺโต ปนา’’ติอาทิ. กสฺมา ปน สติ จกฺขุมฺหิ อาโลเก จ น ปสฺสตีติ อาห – ‘‘น หิ อนฺโตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. อสฺสาสปสฺสาสา วิย หิ ตตฺถ จกฺขุวิฺาณมฺปิ น อุปฺปชฺชติ ตชฺชาสมนฺนาหารสฺสาภาวโต.
๒๐๕. ยถา อฺา อิตฺถิโย วิชาตปจฺจยา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตาปิ หุตฺวา มรนฺติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ; เกวลํ อายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรติ, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. โพธิสตฺเตน วสิตฏฺานํ หีติอาทินา ตตฺถ การณมาห. อปเนตฺวาติ อคฺคมเหสิฏฺานโต นีหริตฺวา. อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกตีติ สมฺมา คพฺภปริหารํ นานุยฺุชติ, เตน คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. วตฺถุวิสทํ โหตีติ คพฺภาสโย ปริสุทฺโธ โหติ. มาตุ มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส โพธิสตฺตสฺส คพฺโภกฺกมนมฺปิ ตสฺสา อายุปริมาณวิโลกเนเนว สงฺคหิตํ วโยวเสน อุปฺปชฺชนกวิการสฺส ปริวชฺชนโต, อิตฺถิสภาเวน อุปฺปชฺชนกวิกาโร ปน โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวเนว วูปสมฺมติ.
สตฺตมาสชาโตติ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต สตฺตเม มาเส ชาโต. โส สีตุณฺหกฺขโม น โหติ อติวิย สุขุมาลตาย. อฏฺมาสชาโต กามํ สตฺตมาสชาตโต พุทฺธิอวยโว, เอกจฺเจ ปน จมฺมปเทสา ¶ พุทฺธึ ปาปุณนฺตา ฆฏฺฏนํ น สหนฺติ, เตน โส น ชีวติ. สตฺตมาสชาตสฺส ปน น ตาว เต ชาตาติ วทนฺติ.
ิตาว หุตฺวาติ นิทฺทุกฺขตาย ิตา เอว หุตฺวา. ทุกฺขสฺส หิ พลวภาวโต ตํ ทุกฺขํ อสหมานา ¶ อฺา อิตฺถิโย นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติ. อุปวิชฺาติ อุปคตวิชายนกาลา. สกลนครวาสิโนติ กปิลวตฺถุํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ เทวทหาทีสุ ฉสุ นคเรสุ วสนฺตา.
เทวา นํ ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ โลกนาถํ มหาปุริสํ มยเมว ปมํ ปฏิคฺคณฺหามาติ สฺชาตคารวพหุมานา อตฺตโน ปีตึ ปเวเทนฺตา ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อาทิโต ปฏิคฺคณฺหนฺติ. สูติเวสนฺติ สูติชคฺคนธาติเวสํ. เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. มจฺฉกฺขิสทิสํ ฉวิวเสน.
๒๐๖. อชินปฺปเวณิยาติ อชินจมฺเมหิ สิพฺเพตฺวา กตปเวณิยา. มหาเตโชติ มหานุภาโว. มหายโสติ มหาปริวาโร วิปุลกิตฺติโฆโส จ.
ภคฺควิภคฺคาติ สมฺพาธฏฺานโต นิกฺขมเนน วิภาวิตตฺตา ภคฺคา วิภคฺคา วิย จ หุตฺวา. เตน เนสํ อวิสทภาวเมว ทสฺเสติ. อลคฺโค หุตฺวาติ คพฺภาสเย โยนิปเทเส จ กตฺถจิ อลคฺโค อสตฺโต หุตฺวา. อุทเกนาติ คพฺภาสยคเตน อุทเกน อมกฺขิโต นิกฺขมติ สมฺมกฺขิตสฺส ตาทิสสฺส อุทกเสมฺหาทิกสฺเสว ตตฺถ อภาวโต. โพธิสตฺตสฺส หิ ปฺุานุภาเวน ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ตํ านํ วิสุทฺธํ ปรมสุคนฺธคนฺธกุฏิ วิย จนฺทนคนฺธํ วายนฺตํ ติฏฺติ. อุทกวฏฺฏิโยติ อุทกกฺขนฺธา.
๒๐๗. มุหุตฺตชาโตติ มุหุตฺเตน ชาโต หุตฺวา มุหุตฺตมตฺโตว. อนุธาริยมาเนติ อนุกูลวเสน นียมาเน. อาคตาเนวาติ ตํ านํ อุปคตานิ เอว.
อเนกสาขนฺติ รตนมยาเนกสตปติฏฺานหีรกํ. สหสฺสมณฺฑลนฺติ เตสํ อุปริ ปติฏฺิตํ อเนกสหสฺสมณฺฑลหีรกํ. มรูติ เทวา.
น ¶ โข ปเนวํ ทฏฺพฺพนฺติ สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตา. เตนาห ‘‘มหาสตฺโต หี’’ติอาทิ. เอกงฺคณานีติ วิวฏภาเวน วิหารงฺคณปริเวณงฺคณานิ วิย เอกงฺคณสทิสานิ อเหสุํ. สทิโสปิ นตฺถีติ ตุมฺหากํ อิทํ วิโลกนํ วิสิฏฺเ ปสฺสิตุํ อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโรติ อาหํสุ. สพฺพปโมติ สพฺพปฺปธาโน. ปธานปริยาโย หิ อิธ ปมสทฺโท. เตนาห ‘‘อิตรานี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ มเหสกฺขา ตาว เทวา ¶ ตถา วทนฺติ, อิตเร ปน กถนฺติ? มหาสตฺตสฺส อานุภาวทสฺสเนเนว. มเหสกฺขานฺหิ เทวานํ มหาสตฺตสฺส อานุภาโว วิย เตน สทิสานมฺปิ อานุภาโว ปจฺจกฺโข อโหสิ. อิตเร ปน เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหนฺตา อนุมินนฺตา ตถา อาหํสุ.
ชาตมตฺตสฺเสว โพธิสตฺตสฺส านาทีนิ เยสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภูตานีติ เต นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต, ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปติฏฺานํ จตุอิทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อิทฺธิปาทวเสน โลกุตฺตรธมฺเมสุ สุปฺปติฏฺิตภาวสมิชฺฌนโต. อุตฺตราภิมุขภาโว โลกสฺส อุตฺตรณวเสน คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. สตฺตปทคมนํ สตฺตโพชฺฌงฺคาทิคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วิสุทฺธฉตฺตธารณํ สุวิสุทฺธวิมุตฺติฉตฺตธารณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปฺจราชกกุธภณฺฑานิ ปฺจวิธวิมุตฺติคุณปริวารตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, อนาวฏทิสานุวิโลกนํ อนาวฏาณตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, ‘‘อคฺโคหมสฺมี’’ติอาทิวจนํ อปฺปฏิวตฺติยธมฺมจกฺกปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ; อยมนฺติมา ชาตีติ อายตึ ชาติยา อภาวกิตฺตนา อนุปาทิ…เป… ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ; ตสฺส ตสฺส อนาคเต ลทฺธพฺพวิเสสสฺส ตํ ตํ นิมิตฺตํ อพฺยภิจารีนิมิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น อาคโตติ อิมสฺมึ สุตฺเต อฺตฺถ จ วกฺขมานาย อนุปุพฺพิยา อนาคตตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อาหริตฺวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต อฏฺกถาสุ จ อาคตนเยน อาหริตฺวา ทีเปตพฺโพ.
ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปีติ ปน อิทํ สติปิ อิธ ปาฬิยํ อาคตตฺเต วกฺขมานานมจฺฉริยานํ มูลภูตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, เอวํ อฺมฺปีทิสํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺติ พทฺธา วีณา, จมฺมพทฺธา เภริโยติ ปฺจงฺคิกตูริยสฺส นิทสฺสนมตฺตํ, จ-สทฺเทน วา อิตเรสมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ภิชฺชึสูติ ปาเทสุ พทฺธฏฺาเนสุเยว ¶ ภิชฺชึสุ. วิคจฺฉึสูติ วูปสมึสุ. สกเตโชภาสิตานีติ อติวิย สมุชฺชลาย อตฺตโน ปภาย โอภาสิตานิ อเหสุํ. น ปวตฺตีติ น สนฺที. วาโต น วายีติ ขโร วาโต น วายิ, มุทุสุโข ปน สตฺตานํ สุขาวโห วายิ. ปถวีคตา อเหสุํ อุจฺจฏฺาเน าตุํ อวิสหนฺตา. อุตุสมฺปนฺโนติ อนุณฺหาสีตตาสงฺขาเตน อุตุนา สมฺปนฺโน. วามหตฺถํ อุเร เปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณินา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณํ อปฺโผฏนํ. มุเขน อุสฺเสฬนํ สทฺทมฺุจนํ เสฬนํ. เอกทฺธชมาลา อโหสีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน วิจิตฺตปุปฺผสุคนฺธปุปฺผวสฺสเทวา วสฺสึสุ, สูริเย ทิพฺพมาเน เอว ตารกา โอภาสึสุ, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกํ ปถวิโต อุพฺภิชฺชิ, พิลาสยา ทริสยา ติรจฺฉานา อาสยโต นิกฺขมึสุ; ราคโทสโมหาปิ ตนุ ภวึสุ, ปถวิยํ รโช วูปสมิ, อนิฏฺคนฺโธ วิคจฺฉิ, ทิพฺพคนฺโธ วายิ, รูปิโน เทวา สรูเปเนว มนุสฺสานํ อาปาถมคมํสุ ¶ , สตฺตานํ จุตุปปาตา นาเหสุนฺติ อิเมสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยานิ มหาภินีหารสมเย อุปฺปนฺนานิ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ, ตานิ อนวเสสานิ ตทา อเหสุนฺติ.
ตตฺราปีติ เตสุปิ ปถวิกมฺปาทีสุ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาโว เวทิตพฺโพ, น เกวลํ สมฺปติชาตสฺส านาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโย. สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพสฺส เยฺยสฺส ติตฺถกรมตสฺส จ จาลนโต. เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว อิมสฺมึเยว เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต, เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฏิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปมํ เทวตานํ ปฏิคฺคหณํ ทิพฺพวิหารปฏิลาภสฺส, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฏิคฺคหณํ ตตฺเถว านสฺส นิจฺจลสภาวโต อาเนฺชวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. วีณานํ สยํ วชฺชนํ ปรูปเทเสน วินา สยเมว อนุปุพฺพวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เภรีนํ วชฺชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตาย ปริสาย ปเวทนสมตฺถสฺส ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส อมตทุนฺทุภิโฆสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท มานวินิพนฺธเฉทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ; สุปฏฺฏนสมฺปาปุณนํ อตฺถาทิ อนุรูปํ อตฺถาทีสุ าณสฺส เภทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
นิพฺพานรเสนาติ กิเลสานํ นิพฺพายนรเสน. เอกรสภาวสฺสาติ สาสนสฺส สพฺพตฺถ เอกรสภาวสฺส. วาตสฺส อวายนํ กิสฺส ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตภินฺทนสฺสา’’ติ. อากาสาทิอปฺปติฏฺวิสมจฺจลฏฺานํ ปหาย ¶ สกุณานํ ปถวีคมนํ ตาทิสํ มิจฺฉาคาหํ ปหาย สตฺตานํ ปาเณหิ รตนตฺตยสรณคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เทวตานํ อปฺโผฏนาทีหิ กีฬนํ ปโมทนุปฺปตฺติอุทานสฺส ภววนฺตคมเนน ธมฺมสภาวโพธเนน จ ปโมทวิภาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ธมฺมเวควสฺสนสฺสาติ เทสนาาณเวเคน ธมฺมามตสฺส วสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. กายคตาสติวเสน ลทฺธชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคผลสุขานุภโว กายคตาสติอมตปฏิลาโภ, ตสฺส ปน กายสฺสปิ อตปฺปกสุขาวหตฺตา ขุทาปิปาสาปีฬนาภาโว ปุพฺพนิมิตฺตํ วุตฺโต. อริยทฺธชมาลามาลิตายาติ สเทวกสฺส โลกสฺส อริยมคฺคโพชฺฌงฺคธชมาลาหิ มาลิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อนุทฺธฏํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถาติ ‘‘สมฺปติชาโต’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมึ าเน. วิสฺสชฺชิโตว, ตสฺมา อมฺเหหิ อิธ อปุพฺพํ วตฺตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทา ปถวิยํ คจฺฉนฺโตปิ มหาสตฺโต อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย มหาชนสฺส อุปฏฺาสีติ อยเมตฺถ นิยติ ธมฺมนิยาโม โพธิสตฺตานํ ธมฺมตาติ อิทํ นิยติวาทวเสน กถนํ. ‘‘ปุพฺเพ ปุริมชาตีสุ ตาทิสสฺส ปฺุสมฺภารกมฺมสฺส กตตฺตา ¶ อุปจิตตฺตา มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสี’’ติ อิทํ ปุพฺเพกตกมฺมวาทวเสน กถนํ. อิเมสํ สตฺตานํ อุปริ อีสนสีลตาย ยถาสกํ กมฺมเมว อิสฺสโร นาม, ตสฺส นิมฺมานํ อตฺตโน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ, มหาปุริโสปิ สเทวกํ โลกํ อภิภวิตุํ สมตฺเถน อุฬาเรน ปฺุกมฺมุนา นิพฺพตฺติโต เตน อิสฺสเรน นิมฺมิโต นาม, ตสฺส จายํ นิมฺมานวิเสโส, ยทิทํ มหานุภาวตา. ยาย มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อิทํ อิสฺสรนิมฺมานวาทวเสน กถนํ. เอวํ ตํ ตํ พหุํ วตฺวา กึ อิมาย ปริยายกถายาติ อวสาเน อุชุกเมว เอวํ พฺยากาสิ. สมฺปติชาโต ปถวิยํ กถํ ปทสา คจฺฉติ, เอวํมหานุภาโว อากาเสน มฺเ คจฺฉตีติ ปริกปฺปนสฺส วเสน อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. สีฆตรํ ปน สตฺตปทวีติหาเรน คตตฺตา ทิสฺสมานรูโปปิ มหาชนสฺส อทิสฺสมาโน วิย อโหสิ. อเจลกภาโว ขุทฺทกสรีรตา จ ตาทิสสฺส อิริยาปถสฺส อนนุจฺฉวิกาติ กมฺมานุภาวสฺชนิตปาฏิหาริยวเสน อลงฺการปฏิยตฺโต วิย; โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย จ มหาชนสฺส อุปฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ; พุทฺธภาวานุจฺฉวิกสฺส ¶ โพธิสตฺตานุภาวสฺส ยาถาวโต ปเวทิตตฺตา พุทฺเธน วิย…เป… อตฺตมนา อโหสิ.
ปากฏา หุตฺวาติ วิภูตา หุตฺวา. พุทฺธานํ เย เย สงฺขาเร ววตฺถเปตุกามา, เต เต อุปฺปาทกฺขเณปิ สพฺพโส สุปฺปฏิวิทิตา สุปากฏา หตฺถตเล อามลกํ วิย สุฏฺุ วิภูตา เอว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. อโนกาสคเตติ ปริคฺคหสฺส อโนกาสกาเล ปวตฺเต. นิปฺปเทเสติ นิรวเสเส. โอกาสปฺปตฺเตติ านคมนาทิกาเล อุปฺปนฺเน, เต หิ สมฺมสนสฺส โยคฺยกาเล อุปฺปตฺติยา โอกาสปฺปตฺตาติ อธิปฺปาโย. สตฺตทิวสพฺภนฺตเรติ อิทํ พุทฺธานํ ปากติกสมฺมสนวเสน วุตฺตํ, อากงฺขนฺตา ปน เต ยทา กทาจิ อุปฺปนฺนสงฺขาเร สมฺมสนฺติเยว. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. พากุลสุตฺตวณฺณนา
๒๐๙. ยถา ¶ ‘‘ทฺวตฺตึสา’’ติ วตฺตพฺเพ ทฺวิ-สทฺทสฺส พา-อาเทสํ กตฺวา พาตฺตึสาติ วุจฺจติ, เอวํ เอตฺถ พา-การาเทสํ กตฺวา พากุโลติ สมฺา อโหสิ, สายํ ตสฺส อนฺวตฺถสฺาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สีสํ นฺหาเปตฺวาติ มงฺคลตฺถํ มหาคงฺคาย สีสํ นฺหาเปตฺวา. นิมุชฺชนวเสนาติ ชณฺณุปมาเณ อุทเก โถกํเยว นิมุชฺชนวเสน. ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตา มรณภยตชฺชิตา. ปหริยมานา มรนฺติ, น ชาเลน พนฺธิตมตฺเตน. ทารกสฺส เตเชนาติ ทารกสฺส ปฺุเตเชน. นีหฏมตฺโตว มโต, ตสฺส มรณตฺถํ อุปกฺกโม น กโต, เยน อุปกฺกเมน ทารกสฺส พาโธ สิยา. ตนฺติ มจฺฉํ. สกลเมวาติ ปริปุณฺณาวยวเมว.
น เกลายตีติ น มมายติ กิสฺมิฺจิ น มฺติ. ทารกสฺส ปฺุเตเชน ปิฏฺิโต ผาเลนฺตี. ทารกํ ลภตีติ อุคฺโฆสนวเสน เภรึ จราเปตฺวา. ปวตฺตึ อาจิกฺขิ, อตฺตโน ปุตฺตภาวํ กเถสิ. กุจฺฉิยา ธาริตตฺตา อมาตา กาตุํ น สกฺกา ชนนีภาวโต. มจฺฉํ คณฺหนฺตาปีติ มจฺฉํ กิณิตฺวา คณฺหนฺตาปิ. ตถา คณฺหนฺตา จ ตปฺปริยาปนฺนํ สพฺพํ คณฺหาติ นามาติ ¶ อาห – ‘‘วกฺกยกนาทีนิ พหิ กตฺวา คณฺหนฺตา นาม นตฺถี’’ติ. อยมฺปิ อมาตา กาตุํ น สกฺกา สามิกภาวโต. ทารโก อุภินฺนมฺปิ กุลานํ ทายาโท โหตุ ทฺวินฺนํ ปุตฺตภาวโต.
อสีติเมติ ชาติยา อสีติเม วสฺเส. ปพฺพชฺชามตฺเตน กิเลสานํ อสมุจฺฉิชฺชนโต วีติกฺกมิตุํ กามสฺา อุปฺปนฺนปุพฺพาติ ปุจฺฉา ปน ปุจฺฉิตพฺพา. เตนาห – ‘‘เอวฺจ โข มํ, อาวุโส กสฺสป, ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ.
๒๑๐. นิยเมตฺวาติ ตํ ตํวาเร เสสวาเรน นิยเมตฺวา. กมฺมปถเภทโกติ กมฺมปถวิเสสกโร. ตตฺถ กามวิตกฺโก ยถา กายวจีทฺวาเรสุ โจปนปฺปตฺโต กมฺมปถปฺปตฺโต นาม โหติ; มโนทฺวาเร ปรภณฺฑสฺส อตฺตโน ปริณามนวเสน ปวตฺตอภิชฺฌาสหคโต; เอวํ กามสฺาติ, ตถา พฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกสฺาติ เถโร, ‘‘อุภยมฺเปตํ กมฺมปถเภทกเมวา’’ติ อาห. กมฺมปถํ อปฺปตฺตํ สฺํ สนฺธาย, ‘‘สฺา อุปฺปนฺนมตฺตาวา’’ติ วุจฺจมาเน วิตกฺกิตมฺปิ สมานํ กมฺมปถํ อปฺปตฺตเมว, อุภยสฺส ปน วเสน สุตฺตปทํ ปวตฺตนฺติ เถรสฺส อธิปฺปาโย.
๒๑๑. อายูหนกมฺมนฺติ ¶ อตฺตนา อายูหิตพฺพกมฺมํ. โลมกิลิฏฺานีติ กิลิฏฺโลมานิ, กิลิฏฺํสูนีติ อตฺโถ. กิเมวํ โภเคสุ ปรนิมฺมิตภเว วสวตฺติเทวานํ วิย สพฺพโส อายูหนกมฺเมน วินา อฺสฺสปิ ปพฺพชิตสฺส ปจฺจยลาโภ ทิฏฺปุพฺโพ สุตปุพฺโพติ อาห ‘‘อนจฺฉริยฺเจต’’นฺติ. กุลูปกเถรานเมตํ กมฺมํ, เถโร ปน กทาจิปิ กุลูปโก นาโหสิ.
คทฺทุหนมตฺตนฺติ โคทุหนมตฺตกาลํ. อิธ ปน สกโล โคทุหโน อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘คาวึ…เป… กาลมตฺตมฺปี’’ติ อาห. นิพนฺธีติ นิพทฺธทาตพฺพํ กตฺวา เปสิ.
สกิเลสปุคฺคลสฺส อเสริภาวกรเณน รเณน สทิสตาย รโณ, สํกิเลโส. อฺา อุทปาทีติ ปนาห, ตสฺมา อรหตฺตํ น ปฏิฺาตนฺติ ทสฺเสติ. นนุ ตถา วจนํ ปฏิชานนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ.
๒๑๒. อวาปุรติ ¶ ทฺวารํ เอเตนาติ อวาปุรณํ. ปมสงฺคหโต ปจฺฉา เทสิตตฺตา ทุติยสงฺคเห สงฺคิตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พากุลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. ทนฺตภูมิสุตฺตวณฺณนา
๒๑๓. ผุเสยฺยาติ ¶ าณผุสนา นาม อธิปฺเปตา, ตสฺมา ลเภยฺยาติ อธิคจฺเฉยฺย. เอวํ ปฏิปนฺโนติ, ‘‘อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต’’ติ วุตฺตปฺปกาเรน ปฏิปนฺโน. อชานนโกฏฺาเสเยวาติ อวธารเณน อตฺตนิ กตํ โทสาโรปนํ นิวตฺเตติ.
๒๑๔. อปฺปนาอุปจารนฺติ อปฺปนฺเจว อุปจารฺจ ปาเปตฺวา กเถสีติ อตฺถํ วทนฺติ, อปฺปนาสหิโต ปน อุปจาโร อปฺปนาอุปจาโร, ตํ ปาเปตฺวา กเถสีติ อตฺโถ.
นิกฺขมตีติ นิกฺขโม, อวคฺคาหกามโต นิกฺขมนํ นิกฺขโม เอว เนกฺขมฺโม, ปมชฺฌานาทิ. สติ กิเลสกาเม อตฺตโน อุปหารํ อุปจาเรตฺวา อสฺสาเทตฺวา ปริภฺุชติ นามาติ อาห – ‘‘ทุวิเธปิ กาเม ปริภฺุชมาโน’’ติ. ทุวิเธปีติ หีนปณีตาทิวเสน ทุวิเธ.
๒๑๕. กูฏาการนฺติ คาฬฺหสาเยฺยํ อปฺปติรูเป าเน ขนฺธคตปาตนาทิ. ทนฺตคมนนฺติ ทนฺเตหิ นิพฺพิเสวเนหิ คนฺธพฺพคตึ. ปตฺตพฺพํ ภูมินฺติ สมฺมากิริยาย ลทฺธพฺพสมฺปตฺตึ.
๒๑๖. พฺยติหรณวเสน ลงฺฆกํ วิลงฺฆกํ, อฺมฺหตฺถคฺคหณํ. เตนาห – ‘‘หตฺเถน หตฺถํ คเหตฺวา’’ติ.
๒๑๗. คเหตุํ สมตฺโถติ คณิการหตฺถินีหิ อุปลาเปตฺวา อรฺหตฺถึ วจนวเสน คเหตุํ สมตฺโถ. อติปสฺสิตฺวา อติฏฺานวเสน ปสฺสิตฺวา. เอตฺถเคธาติ เอตสฺมึ อรฺเ นาควเน ปวตฺตเคธา. สุขายตีติ สุขํ อยติ ปวตฺเตติ, ‘‘สุขํ หรตี’’ติ วา ปาโ. ฑิณฺฑิโม อานโก. นิหิตสพฺพวงฺกโทโสติ อปคตสพฺพสาเยฺยโทโส. อปนีตกสาโวติ อเปตสารมฺภกสาโว.
๒๑๙. ปฺจกามคุณนิสฺสิตสีลานนฺติ ¶ อกุสลานํ. เคหสฺสิตสีลานนฺติ วา วฏฺฏสนฺนิสฺสิตสีลานํ.
๒๒๒. เอส ¶ นโย สพฺพตฺถาติ, ‘‘มชฺฌิโม, ทหโร’’ติ อาคเตสุ อุปมาวาเรสุ, ‘‘เถโร’’ติอาทินา อาคเตสุ อุปเมยฺยวาเรสูติ ปฺจสุ สํกิเลสปกฺขิเยสุ วาเรสุ เอส ยถาวุตฺโตว นโยติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ทนฺตภูมิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. ภูมิชสุตฺตวณฺณนา
๒๒๓. อาสฺเจปิ ¶ กริตฺวาติ, ‘‘อิมินาหํ พฺรหฺมจริเยน เทโว วา ภเวยฺยํ เทวฺตโร วา, ทุกฺขโต วา มุจฺเจยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา เจปิ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย ตณฺหาย พฺรหฺมจริยสฺส วิทูสิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อนาสฺเจปิ กริตฺวาติ วุตฺตนเยน ปตฺถนํ อกตฺวา. อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย อนิยมิตภาวโต. ปณิธานวเสน หิ ปฺุผลํ นิยตํ นาม โหติ, ตทภาวโต กตํ ปฺุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. ตติยปกฺเข อุภยฏฺาเนหิ วุตฺตํ, จตุตฺถปกฺโข สมฺมาวตาโร อิติ จตุโกฏิโก ปฺโห ชาลวเสน อาหโฏ, ตตฺถ อาสา นาม ปตฺถนา, มิจฺฉาคาหสฺมึ สติ น วิปจฺจติ, สมฺมาคาหสฺมึ สติ วิปจฺจติ, อุภยถาปิ อุภยาเปกฺขานาม, โย มิจฺฉตฺตธมฺเม ปุรกฺขตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรติ, ตสฺส ยถาธิปฺปายผลํ สมิชฺฌตีติ น วตฺตพฺพํ อโยนิโส พฺรหฺมจริยสฺส จิณฺณตฺตา; โย ปน สมฺมตฺตํ ปุรกฺขตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรติ, ตสฺส ยถาธิปฺปายํ พฺรหฺมจริยผลํ น สมิชฺฌตีติ น วตฺตพฺพํ โยนิโส พฺรหฺมจริยสฺส จิณฺณตฺตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘อาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติอาทิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ภูมิชสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา
๒๓๐. อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ¶ เอวมาหํสูติ วุตฺตํ อุปสงฺกมนการณํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ตสฺส อุปาสกสฺส อผาสุกกาโล อโหสี’’ติ อาห. อวิราธิตนฺติ อวิรชฺฌนกํ. ยทิ วา เต ธมฺมา นานตฺถา, ยทิ วา เอกตฺถา, ยํ ตตฺถ อวิรชฺฌนกํ, ตํ ตํเยว ปฏิภาตูติ โยชนา. ฌานเมวาติ อปฺปมาณชฺฌานเมว, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน วุตฺตตฺตา จิตฺเตกคฺคตาเยว เอวํ วุจฺจตีติ อุปาสกสฺส อธิปฺปาโย.
๒๓๑. ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา ‘‘รุกฺขมูล’’นฺติ วุจฺจตีติ เอวํ วุตฺตํ เอกรุกฺขมูลปฺปมาณฏฺานํ. กสิณนิมิตฺเตน โอตฺถริตฺวาติ กสิณารมฺมณํ ฌานํ สมาปชฺชนฺโต ตสฺมึ กสิณ…เป… วิหรตีติ วุตฺโต. อาโภโค นตฺถิ ฌานกฺขเณ. กามํ สมาปตฺติกฺขเณ อาโภโค นตฺถิ ตโต ปน ปุพฺเพ วา สิยา โส อาโภโค, ตมฺปิ สนฺธาย มหคฺคตนฺติ เกจิ. อิทานิ ตาสํ เจโตวิมุตฺตีนํ สติปิ เกนจิ วิเสเสน อเภเท วิสยาทิโต ลพฺภมานเภทํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิมิตฺตํ น วฑฺฒติ วฑฺเฒตพฺพสฺส นิมิตฺตสฺเสว อภาวโต. ปถวีกสิณาทีนํ วิย อากาสภาวนาย อุคฺฆาฏนํ น ชายติ. ตานิ ฌานานีติ พฺรหฺมวิหารชฺฌานานิ. จุทฺทสวิเธน ปริทมนาภาวโต อภิฺานํ ปาทกานิ น โหนฺติ. นิมิตฺตุคฺฆาฏสฺเสว อภาวโต อรูปชฺฌานานํ อนธิฏฺานตาย นิโรธสฺส ปาทกานิ น โหนฺตีติ. กมฺมวฏฺฏภาเวน กิเลสวฏฺฏวิปากวฏฺฏานํ ติณฺณํ วฏฺฏานํ ปจฺจยภาโว วฏฺฏปาทกตา. อุปปชฺชนวเสเนว ตํ ตํ ภวํ โอกฺกมติ เอเตหีติ ภโวกฺกมนานิ. ทุติยนยสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุคฺฆาฏนสฺส ลพฺภนโต อรูปชฺฌาโนปริ สมติกฺกโม โหตีติ อยเมว วิเสโส. เอวนฺติ ยถาวุตฺเตน นิมิตฺตาวฑฺฒนนิมิตฺตวฑฺฒนาทิปฺปกาเรน. นานตฺถาติ นานาสภาวา. เอวนฺติ อปฺปมาณมหคฺคตสทฺทวจนียตาย นานาพฺยฺชนา. กามฺเจตฺถ อปฺปมาณสมาปตฺติโตปิ นีหริตฺวา วกฺขมานภวูปปตฺติการณํ ทสฺเสตุํ สกฺกา, อฏฺกถายํ ปน กสิณฌานโตว นีหริตฺวา โยชนา กตาติ ตถา วุตฺตํ. อถ วา มหคฺคตคหเณเนตฺถ อปฺปมาณาติ วุตฺตพฺรหฺมวิหารานมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ ตสฺสา สมฺาย อุภเยสมฺปิ สาธารณภาวโต.
๒๓๒. เอวํ ¶ วุตฺโตติ อสติปิ ตถารูเป อาโภเค ‘‘ปริตฺตาภาติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรตี’’ติ ¶ วุตฺโต. อปฺปมาณํ กตฺวา กสิณํ วฑฺเฒนฺตสฺส กสิณวฑฺฒนวเสน พหุลีการสมฺภวโต สิยา ฌานสฺส พลวตรตา, ตทภาเว จ ทุพฺพลตา, อาจิณฺณวสิตาย ปน ปจฺจนีกธมฺมานํ สมฺมา อปริโสธเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ปฺจหากาเรหิ ฌานสฺส อปฺปคุณตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สุปฺปมตฺเต วา’’ติอาทิมาห. ฌานสฺส อปฺปานุภาวตาย เอว ตนฺนิมิตฺตา ปภาปิ อปฺปตรา อปริสุทฺธาว โหตีติ อาห – ‘‘วณฺโณ…เป… สํกิลิฏฺโ จา’’ติ. ทุติยนโย วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ กสิณสฺส ปริตฺตภาเวน วณฺณสฺส ปริตฺตตา, ปริตฺตารมฺมณาย อนุรูปตาย วา นิมิตฺตํ ปภามณฺฑลกมฺปิ ปริตฺตเมว สิยาติ อธิปฺปาโย. วิปุลปริกมฺมนฺติ วิปุลภาเวน ปริกมฺมํ. เสสํ ตติยจตุตฺถนเยสุ วตฺตพฺพํ ปมทุติยนเยสุ วุตฺตสทิสเมว.
วณฺณนานตฺตนฺติ ยทิ ปีตํ ยทิ โลหิตํ ยทิ วา โอทาตนฺติ สรีรวณฺณนานตฺตํ. อาภานานตฺตนฺติ ปริตฺตวิปุลตาวเสน ปภาย นานตฺตํ. อจฺจินานตฺตนฺติ เตโชธาตุสฺส ทีฆาทิวเสน เวมตฺตตา. อภินิวิสนฺตีติ อภิรติวเสน นิวิสนฺติ นิสีทนฺติ ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘วสนฺตี’’ติ.
๒๓๔. อาภนฺติ ทิพฺพนฺตีติ อาภาติ อาห ‘‘อาภาสมฺปนฺนา’’ติ. ตทงฺเคนาติ วา ตสฺสา ปริตฺตตาย อปฺปมาณตาย จ อาภาการณํ, ตํ ปน อตฺถโต ภวูปปตฺติการณเมวาติ อาห – ‘‘ตสฺสา ภวูปปตฺติยา องฺเคนา’’ติ. กายาลสิยภาโว ตนฺทีอาทีนํ เหตุภูตา กายสฺส วิตฺถายิตตา.
๒๓๕. ปารมิโยติ มหาสาวกสํวตฺตนิกา สาวกปารมิโย ปูเรนฺโต. พฺรหฺมโลเกติ พฺรหฺมตฺตภาเว, พฺรหฺมโลเก วา อุปฺปตฺตึ ปฏิลภิ, วุตฺตมฺปิ เจตํ เถรคาถาสุ. อโวกิณฺณนฺติ อฺเหิ อสมฺมิสฺสนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพ สฺจริตนฺติ อตีตภเวสุ ชาติวเสน สฺจรณํ มม, สฺจริตนฺติ ตํ มมสฺสาติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อุปกฺกิเลสสุตฺตวณฺณนา
๒๓๖. ตสฺมาติ ¶ ¶ อตฺถกามตฺตา เอวมาห, น ภควโต วจนํ อนาทิยนฺโต. เย ปน ตทา สตฺถุวจนํ น คณฺหึสุ, เต กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหีภูตา มงฺกุภูตา อฏฺํสุ, ตสฺมา อุภเยสมฺปิ สตฺถริ อคารวปฏิปตฺติ นาโหสิ.
เยนปิ ชเนน น ทิฏฺโติ เยน อุภยชเนน อฺวิหิตตาย กุฑฺฑกวาฏาทิอนฺตริกตาย วา น ทิฏฺโ. ทมนตฺถนฺติ เตหิ อุปาสเกหิ นิมฺมทภาวํ อาปาทิตานํ เตสํ ภิกฺขูนํ ทมนตฺถํ. ปยึสูติ โย อิเมสํ ภิกฺขูนํ เทติ, ตสฺส สตํ ทณฺโฑติ, สหสฺสนฺติ จ วทนฺติ.
๒๓๗. วคฺคภาเวเนว (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺโค ๓.๔๖๔) นานาสทฺโท อสฺสาติ ปุถุสทฺโท. สมชโนติ ภณฺฑเน สมชฺฌาสโย ชโน. พาลลกฺขเณ ิโตปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มฺติ. ภิยฺโย จาติ อตฺตโน พาลภาวสฺส อชานนโตปิ ภิยฺโย จ ภณฺฑนสฺส อุปริ โผโฏ วิย สงฺฆเภทสฺส อตฺตโน การณภาวมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ น มฺิ นฺาสิ.
กลหวเสน ปวตฺตวาจาเยว โคจโร เอเตสนฺติ วาจาโคจรา หุตฺวา. มุขายามนฺติ วิวาทวเสน มุขํ อายเมตฺวา ภาณิโน. น ตํ ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. กลหํ กโรนฺโต จ ตํ น ชานนฺโต นาม นตฺถิ. ยถา ปน น ชานนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ อาห – ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติ. อยํ กลโห นาม อตฺตโน ปเรสฺจ อตฺถชาปนโต อนตฺถุปฺปาทนโต ทิฏฺเว ธมฺเม สมฺปราเย จ สาทีนโว, สโทโสติ อตฺโถ.
อุปนยฺหนฺตีติ อุปนาหวเสน อนุพนฺธนฺติ. โปราโณติ ปุริเมหิ พุทฺธาทีหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณตาย ปุราตโน.
น ชานนฺตีติ อนิจฺจสฺํ น ปจฺจุปฏฺาเปนฺติ.
ตถา ปวตฺตเวรานนฺติ อฏฺิฉินฺนาทิภาวํ นิสฺสาย อุปนยวเสน จิรกาลํ ปวตฺตเวรานํ.
พาลสหายตาย ¶ ¶ อิเม ภิกฺขู กลหปสุตา, ปณฺฑิตสหายานํ ปน อิทํ น สิยาติ ปณฺฑิตสหายสฺส พาลสหายสฺส จ วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตา. สีหพฺยคฺฆาทิเก ปากฏปริสฺสเย ราคโทสาทิเก ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จ อภิภวิตฺวา.
มาตงฺโค อรฺเ มาตงฺครฺเติ สรโลเปน สนฺธิ. มาตงฺคสทฺเทเนว หตฺถิภาวสฺส วุตฺตตฺตา นาควจนํ ตสฺส มหตฺตวิภาวนตฺถนฺติ อาห – ‘‘นาโคติ มหนฺตาธิวจนเมต’’นฺติ. มหนฺตปริยาโยปิ หิ นาค-สทฺโท โหติ ‘‘เอวํ นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๕; มหาว. ๔๖๗).
๒๓๘. กิรสทฺโท อนุสฺสวสูจนตฺโถ นิปาโต. เตน อยเมตฺถ สุติปรมฺปราติ ทสฺเสติ. ภควตา หิ โส อาทีนโว ปเคว ปริฺาโต, น เตน สตฺถา นิพฺพิณฺโณ โหติ; ตสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส เกจิ พุทฺธเวเนยฺยา นาเหสุํ; เตน อฺตฺถ คมนํ เตสํ ภิกฺขูนํ ทมนุปาโยติ ปาลิเลยฺยกํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺโต เอกวิหารึ อายสฺมนฺตํ ภคุํ, สมคฺควาสํ วสนฺเต จ อนุรุทฺธตฺเถราทิเก สมฺปหํเสตุํ อนุรุทฺธตฺเถรสฺส จ. อิมํ อุปกฺกิเลโสวาทํ ทาตุํ ตตฺถ คโต, ตสฺมา กลหการเก กิรสฺสาติ เอตฺถาปิ กิรสทฺทคฺคหเณ เอเสว นโย. วุตฺตนยเมว โคสิงฺคสาลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย).
๒๔๑. ‘‘ยถา กถํ ปนา’’ติ วุตฺตปุจฺฉานํ ปจฺฉิมภาวโต ‘‘อตฺถิ ปน โวติ ปจฺฉิมปุจฺฉายา’’ติ วุตฺตํ, น ปุน ‘‘อตฺถิ ปน โว’’ติ ปวตฺตนสฺส ปุจฺฉนสฺส อตฺถิภาวโต. โส ปน โลกุตฺตรธมฺโม. เถรานนฺติ อนุรุทฺธตฺเถราทีนํ นตฺถิ. ปริกมฺโมภาสํ ปุจฺฉตีติ ทิพฺพจกฺขุาเณ กตาธิการตฺตา ตสฺส อุปฺปาทนตฺถํ ปริกมฺโมภาสํ ปุจฺฉติ. ปริกมฺโมภาสนฺติ ปริกมฺมสมาธินิพฺพตฺตํ โอภาสํ, อุปจารชฺฌานสฺชนิตํ โอภาสนฺติ อตฺโถ. จตุตฺถชฺฌานลาภี หิ ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมตฺถํ โอภาสกสิณํ ภาเวตฺวา อุปจาเร ปิโต สมาธิ ปริกมฺมสมาธิ, ตตฺถ โอภาโส ปริกมฺโมภาโสติ วุตฺโต. ตํ สนฺธายาห – ‘‘โอภาสฺเจว สฺชานามาติ ปริกมฺโมภาสํ สฺชานามา’’ติ. ยตฺตเก หิ าเน ทิพฺพจกฺขุนา รูปคตํ ทฏฺุกาโม, ตตฺตกํ านํ โอภาสกสิณํ ผริตฺวา ิโต. ตํ ¶ โอภาสํ ตตฺถ จ รูปคตํ ทิพฺพจกฺขุาเณน ปสฺสติ, เถรา จ ตถา ปฏิปชฺชึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โอภาสฺเจว สฺชานาม ทสฺสนฺจ รูปาน’’นฺติ. ยสฺมา ปน เตสํ รูปคตํ ปสฺสนฺตานํ ปริกมฺมวาโร อติกฺกมิ, ตโต โอภาโส อนฺตรธายิ, ตสฺมึ อนฺตรหิเต รูปคตมฺปิ น ปฺายติ. ปริกมฺมนฺติ หิ ยถาวุตฺตกสิณารมฺมณํ อุปจารชฺฌานํ, รูปคตํ ปสฺสนฺตานํ กสิโณภาสวเสน รูปคตทสฺสนํ, กสิโณภาโส ¶ จ ปริกมฺมวเสนาติ ตทุภยมฺปิ ปริกมฺมสฺส อปฺปวตฺติยา นาโหสิ, ตยิทํ การณํ อาทิกมฺมิกภาวโต เถรา น มฺึสุ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นปฺปฏิวิชฺฌามา’’ติ.
นิมิตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพนฺติ การณํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสตฺวา สุวิสุทฺธทิพฺพจกฺขุาเณ เถรํ ปติฏฺาเปตุกาโม สตฺถา วทติ. กึ น อาฬุเลสฺสนฺตีติ กึ น พฺยาโมเหสฺสนฺติ, พฺยาโมเหสฺสนฺติ เอวาติ อตฺโถ. วิจิกิจฺฉา อุทปาทีติ ทิพฺพจกฺขุโน ยถาอุปฏฺิเตสุ รูปคเตสุ อปุพฺพตาย, ‘‘อิทํ นุ โข รูปคตํ กึ, อิทํ นุ โข กิ’’นฺติ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนตฺตา วิจิกิจฺฉา สํสโย อุปฺปชฺชิ. สมาธิ จวีติ วิจิกิจฺฉาย อุปฺปนฺนตฺตา ปริกมฺมสมาธิ วิคจฺฉิ. ตโต เอว หิ ปริกมฺโมภาโสปิ อนฺตรธายิ, ทิพฺพจกฺขุนาปิ รูปํ น ปสฺสิ. น มนสิ กริสฺสามีติ มนสิการวเสน เม รูปานิ อุปฏฺหึสุ, รูปานิ ปสฺสโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อิทานิ กิฺจิ น มนสิ กริสฺสามีติ ตุณฺหี อโหสิ ตํ ปน ตุณฺหีภาวปฺปตฺตึ สนฺธายาห ‘‘อมนสิกาโร อุทปาที’’ติ.
ตถาภูตสฺส อมนสิการสฺส อภาวํ อาคมฺม อุปฺปิลํ อุทปาทิ. วีริยํ คาฬฺหํ ปคฺคหิตนฺติ ถินมิทฺธฉมฺภิตตฺตานํ วูปสมนตฺถํ อจฺจารทฺธวีริยํ อโหสิ, เตน จิตฺเต สมาธิทูสิกา เคหสฺสิตา พลวปีติ อุปฺปนฺนา. เตนาห ‘‘อุปฺปิลํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตโตติ สิถิลวีริยตฺตา. ปตเมยฺยาติ อติวิย ขินฺนํ ภเวยฺย. ตํ มมาติ ปตฺถนาอภิภวนียมนสีเสน ชปฺเปตีติ อภิชปฺปา, ตณฺหา. นานตฺตา นานาสภาวา สฺา นานตฺตสฺา. อติวิย อุปริ กตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ อตินิชฺฌายิตตฺตํ.
๒๔๓. ปริกมฺโมภาสเมวาติ ปริกมฺมสมุฏฺิตํ โอภาสเมว. น จ รูปานิ ปสฺสามีติ โอภาสมนสิการปสุตตาย ทิพฺพจกฺขุนา รูปานิ น ปสฺสามิ. วิสยรูปเมวาติ เตน ผริตฺวา ิตฏฺาเนว ทิพฺพจกฺขุโน วิสยภูตํ รูปคตเมว มนสิ กโรมิ.
กสิณรูปานํ ¶ วเสเนตฺถ โอภาสสฺส ปริตฺตตาติ อาห ‘‘ปริตฺตฏฺาเน โอภาส’’นฺติ. ปริตฺตานิ รูปานีติ กติปยานิ, สา จ เนสํ ปริตฺตตา านวเสเนวาติ อาห ‘‘ปริตฺตกฏฺาเน รูปานี’’ติ. ‘‘อปฺปมาณฺเจวา’’ติอาทินา วุตฺโต ทุติยวาโร. โอภาสปริตฺตตํ สนฺธาย ปริกมฺมสมาธิ ‘‘ปริตฺโต’’ติ วุตฺโต ตสฺเสว โอภาสสฺส อปฺปมาณตาย อปฺปมาณสมาธีติ วจนโต. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ ปริตฺตสมาธิโน อุปฺปนฺนสมเย. ทิพฺพจกฺขุปิ ปริตฺตกํ โหติ ปริตฺตรูปคตทสฺสนโต.
๒๔๕. ทุกติกชฺฌานสมาธินฺติ ¶ จตุกฺกนเย ทุกชฺฌานสมาธึ, ปฺจกนเย ติกชฺฌานสมาธินฺติ โยชนา. ทุกชฺฌานสมาธินฺติ จตุกฺกนเย ตติยจตุตฺถวเสน ทุกชฺฌานสมาธึ, ปฺจกนเย จตุตฺถปฺจมวเสน ทุกชฺฌานสมาธึ. ติกจตุกฺกชฺฌานสมาธินฺติ จตุกฺกนเย ติกชฺฌานสมาธึ, ปฺจกนเย จตุกฺกชฺฌานสมาธินฺติ โยชนา.
ติวิธนฺติ สปฺปีติกวเสน ติปฺปการํ สมาธึ. ตทนฺโตคธาติ สปฺปีติกาทิสภาวา. กามํ ภควา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, ปจฺฉิมยาเม ทิพฺพจกฺขุาณํ นิพฺพตฺเตนฺโตปิ อิมานิ าณานิ ภาเวสิเยว. วิปสฺสนาปาทกานิ ปน าณานิ สนฺธาย, ‘‘ปจฺฉิมยาเม’’ติ วุตฺตํ, เตนาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. ปฺจมชฺฌานสฺสาติ ปฺจมชฺฌานิกสฺส วเสน ปมชฺฌานิโก มคฺโค นตฺถิ. โสติ ปฺจกนโย ภควโต โลกิโย อโหสิ. เอตนฺติ เอตํ, ‘‘สวิตกฺกมฺปิ สวิจารํ สมาธึ ภาเวมี’’ติอาทิวจนํ. โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ‘‘โลกิยํ วา โลกุตฺตรเมว วา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
อุปกฺกิเลสสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. เอเตหีติ ¶ ทุจินฺติตาทีหิ. เอเตน ลกฺขณสทฺทสฺส กรณตฺถตมาห. ตาเนวาติ ลกฺขณานิ เอว. ตสฺสาติ พาลสฺส. ‘‘อยํ พาโล’’ติ นิมียติ สฺจานียติ เอเตหีติ พาลนิมิตฺตานิ. อปทานํ วุจฺจติ วิขฺยาตํ กมฺมํ. ทุจินฺติตาทีนิ จ พาเล วิขฺยาตานิ, อวธารณภาเว วา, ตสฺมา พาลสฺส อปทานานีติ พาลาปทานานิ. อภิชฺฌาทีหิ ¶ ทุฏฺํ ทูสิตํ จินฺเตตีติ ทุจินฺติตจินฺตี. โลภาทีหิ ทุฏฺํ ภาสิตํ มุสาวาทาทึ ภาสตีติ ทุพฺภาสิตภาสี. เตสํ เตสํเยว วเสน กตฺตพฺพโต ทุกฺกฏกมฺมํ ปาณาติปาตาทึ กโรตีติ ทุกฺกฏกมฺมการี. เตนาห ‘‘จินฺตยนฺโต’’ติอาทิ. ตานิ อุปนิสฺสาย ชาตนฺติ ตชฺชํ. ตโต เอว เตสํ สารุปฺปํ อนุรูปนฺติ ตสฺสารุปฺปํ. เตนาห ‘‘ตชฺชาติก’’นฺติอาทิ. กจฺฉมานายาติ กถิยมานาย.
๒๔๘. ยสฺมา สตฺตานํ ยถูปจิตานิ กมฺมานิ กโตกาสานิ ตทุปฏฺาปิตานิ กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตานิ มรณสฺส อาสนฺนกาเล จิตฺตสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺตานิ, ตทา โอลมฺพนฺตานิ วิย อภิภวนฺตานิ วิย อชฺโฌตฺถรนฺตานิ วิย อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘โอลมฺพนาทิอากาเรน หิ ตานิ อุปฏฺหนฺตี’’ติ. อุปฏฺานากาโร เอว ตทา จิตฺตสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ อาห – ‘‘ตสฺมึ อุปฏฺานากาเร อาปาถคเต’’ติ.
๒๔๙. น สกฺกาติ น วทตีติ เอเตน ทฺเวปิ ปฏิเสธา ปกติอตฺถาติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหติ. น สุกราติ ปน อิมินา ทุกฺกรภาโว ทีปิโต, ทุกฺกรฺจ ตาว อุปาเยน สกฺกา กาตุนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘น สุกรํ ปนา’’ติอาทิ. เตนาติ วินิวิชฺฌิตฺวา คมเนน อฺมฺํ สํวิชฺฌเนน. อสฺสาติ โจรสฺส. อิโต อุตฺตริปีติ มชฺฌนฺหิกสมยํ สายนฺหสมยฺจ สตฺติสเตน.
๒๕๐. สงฺขมฺปิ น อุเปตีติ อิมินา สงฺขาตพฺพมตฺตํ นตฺถีติ ทีปิตํ โหตีติ อาห – ‘‘คณนามตฺตมฺปิ น คจฺฉตี’’ติ. อุปนิกฺเขปนมตฺตมฺปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กลภาคนฺติ กลานํ สงฺคณนโกฏฺาสํ. เตนาห ‘‘สติมํ กล’’นฺติอาทิ. โอโลกิตมตฺตมฺปีติ อุปนิกฺเขปนวเสน โอโลกนมตฺตกมฺปิ. ตํ กมฺมการณนฺติ ตํ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณํ จตุนฺนมฺปิ ปสฺสานํ วเสน สมฺปริวตฺเตตฺวา กโรนฺติเยว, ปาฬิยํ ปน เอกปสฺสวเสน อาคตา. เคหสฺสาติ ¶ มหโต เคหสฺส. สพฺพโตติ สพฺพาวยวโต. สมฺปชฺชลิเต เอกชาลีภูเต. สุปกฺกุถิตายาติ สุฏฺุ นิปกฺกาย.
วิภตฺโตติ ตตฺถ นิพฺพตฺตกสตฺตานํ สาธารณกมฺมุนา วิภตฺโต วิย นิพฺพตฺโต. อโยปากาเรน ปริโต อตฺโต คหิโตติ อโยปาการปริยตฺโต ปริกฺขิตฺโต.
ยมกโคฬกาติ ¶ ทารกานํ กีฬนยุคฬา. เอวมฺปิ ทุกฺโขติ ยถาวุตฺตอุสฺสทนิรยวเสนปิ โสต-ฆาน-ชิวฺหา-กาย-มโน-โคจรตาวเสนปิ อิมินา อากาเรน ทุกฺโขติ.
๒๕๑. ทนฺเตหิ อุลฺเลหิตฺวาติ อุตฺตรทนฺเตหิ อฺฉิตฺวา. รสวเสน อติตฺโต อสฺสาโท รสาโท. เตนาห ‘‘รสเคเธน ปริภุตฺตรโส’’ติ.
๒๕๒. ทุรูโปติ วิรูโป. ทุทฺทโสติ เตเนว วิรูปภาเวน อนิฏฺทสฺสโน. ลกุณฺโกติ รสฺโส. ปวิฏฺคีโวติ ขนฺธนฺตรํ อนุปวิฏฺคีโว. มโหทโรติ วิปุลกุจฺฉิ. เยภุยฺเยน หิ ลกุณฺฏกา สตฺตา รสฺสคีวา ปุถุลกุจฺฉิกาว โหนฺตีติ ตถา วุตฺตํ. กาโณ นาม จกฺขุวิกโลติ วุตฺตํ – ‘‘เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา’’ติ. กุณีติ หตฺถวิกโล วุจฺจตีติ อาห – ‘‘เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วา’’ติ. วาตาทินา อุปหตกายปกฺโข อิธ ปกฺขหโตติ อธิปฺเปโต, น ปกฺขิหโตติ อาห – ‘‘ปกฺขหโตติ ปีสปฺปี’’ติ. ทุกฺขานุปพนฺธทสฺสนตฺถนฺติ อปราปรชาตีสุ วิปากทุกฺขสฺส อนุปพนฺธวเสน ปวตฺติทสฺสนตฺถํ.
กลียติ ขลียติ อปฺปหียติ สาสนํ เอเตนาติ กลิ, ชุตปราชโย. โส เอว คหสทิสตาย ‘‘กลิคฺคโห’’ติ วุตฺโต. อธิพนฺธนฺติ กุฏุมฺพสฺส อธิวุตฺถสฺส มูลภูตสฺส อตฺตโน พนฺธิตพฺพตํ. เตนาห ‘‘อตฺตนาปิ พนฺธํ นิคจฺเฉยฺยา’’ติ. พาลภูมิยา พาลภาวสฺส มตฺถกปฺปตฺติ นิรยคามิกมฺมการิตาติ ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตติ’’จฺเจว วุตฺตํ. ตคฺคหเณเนว ปน ตโต มุทุมุทุตราทิกมฺมวเสน เสสาปาเยสุ อปราปรนิพฺพตฺตาทิพาลภูมิ วิภาวิตา โหตีติ.
๒๕๓. วุตฺตานุสาเรนาติ ‘‘พาโล อย’’นฺติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถวจนสฺส ‘‘ปณฺฑิโต อย’’นฺติ เอเตหิ ลกฺขียตีติอาทินา อนุสาเรน. มโนสุจริตาทีนํ วเสนาติ จินฺเตนฺโต อนภิชฺฌา-อพฺยาปาท-สมฺมาทสฺสนํ สุจินฺติตเมว จินฺเตตีติอาทินา มโนสุจริตานํ ติณฺณํ สุจริตานํ วเสน โยเชตพฺพานิ.
จกฺกรตนวณฺณนา
๒๕๖. อุโปสถํ ¶ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๒.๒๔๓) วุจฺจติ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ สพฺพทิวเสสุ คหฏฺเหิ รกฺขิตพฺพสีลํ, สมาทานวเสน ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อุโปสถิโก, ตสฺส. เตนาห ‘‘สมาทินฺนอุโปสถงฺคสฺสา’’ติ. ตทาติ ตสฺมึ กาเล, ยสฺมึ ปน กาเล จกฺกวตฺติภาวสํวตฺตนิย-ทาน-สีลาทิ-ปฺุสมฺภารสมุทาคมสมฺปนฺโน ปูริตจกฺกวตฺติวตฺโต กาทีปเทสวิเสสปจฺจาชาติยา เจว กุลรูปโภคาธิปเตยฺยาทิคุณวิเสสสมฺปตฺติยา จ ตทนุรูเป อตฺตภาเว ิโต โหติ, ตสฺมึ กาเล. ตาทิเส หิ กาเล จกฺกวตฺติภาวี ปุริสุตฺตโม ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคโต ราชา ขตฺติโย หุตฺวา มุทฺธาวสิตฺโต วิสุทฺธสีโล อนุโปสถํ สตสหสฺสวิสฺสชฺชนาทินา สมฺมาปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชติ, น ยทา จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ, ตทา เอว. เตนาห – ‘‘ปาโต…เป… ธมฺมตา’’ติ. (ตตฺถ ทโม อินฺทฺริยสํวโร, สํยโม สีลสํวโร.)
วุตฺตปฺปการปฺุกมฺมปจฺจยนฺติ จกฺกวตฺติภาวาวหทานทมสํยมาทิปฺุกมฺมเหตุกํ. นีลมณิสงฺฆาฏสทิสนฺติ อินฺทนีลมณิสฺจยสมานํ. ทิพฺพานุภาวยุตฺตตฺตาติ ทสฺสนียตา มนฺุโฆสตา อากาสคามิตา โอภาสวิสฺสชฺชนา อปฺปฏิฆาตตา รฺโ อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติการณตาติ เอวมาทีหิ ทิพฺพสทิเสหิ อานุภาเวหิ สมนฺนาคตตฺตา. สพฺเพหิ อากาเรหีติ สพฺเพหิ สุนฺทเรหิ อากาเรหิ. ปริปูรนฺติ ปริปุณฺณํ. สา จสฺส ปาริปูริ อิทาเนว วิตฺถารียติ.
ปนาฬีติ ฉิทฺทํ. สุทฺธสินิทฺธทนฺตปนฺติยา นิพฺพิวรายาติ อธิปฺปาโย. นาภิปนาฬิ ปริกฺเขปปฏฺเฏสูติ นาภิปริกฺเขปปฏฺเฏ เจว นาภิยา ปนาฬิปริกฺเขปปฏฺเฏ จ. สุวิภตฺตาวาติ อฺมฺํ อสํกิณฺณตฺตา สุฏฺุ วิภตฺตา. ปริจฺเฉทเลขนฺตเรสุ มณิกา สุวิภตฺตา หุตฺวา ปฺายนฺตีติ วทนฺติ.
ปริจฺเฉทเลขาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน มาลากมฺมาทึ สงฺคณฺหาติ. สุรตฺตาติอาทีสุ สุรตฺตคฺคหเณน มหานามวณฺณตํ ปฏิกฺขิปติ, สุทฺธคฺคหเณน สํกิลิฏฺตํ, สินิทฺธคฺคหเณน ลูขตํ. กามํ ตสฺส จกฺกรตนสฺส เนมิมณฺฑลํ อสนฺธิกํว นิพฺพตฺตํ, สพฺพตฺถกเมว ปน เกวลํ ปวาฬวณฺโณว ¶ น โสภตีติ ปกติจกฺกสฺส สนฺธิยุตฺเตสุ าเนสุ รตฺตชมฺพุนทปริกฺขตํ อโหสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺธีสุ ปนสฺสา’’ติอาทิ.
เนมิมณฺฑลปิฏฺิยนฺติ ¶ เนมิมณฺฑลสฺส ปิฏฺิปเทเส. ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานมนฺตเรติ ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อนฺตรสมีเป ปเทเส. ฉิทฺทมณฺฑลจิตฺโตติ มณฺฑลสณฺานฉิทฺทวิจิตฺโต. สุกุสลสมนฺนาหตสฺสาติ สุฏฺุ กุสเลน สิปฺปินา ปหตสฺส, วาทิตสฺสาติ อตฺโถ. วคฺคูติ มโนรโม รชนีโยติ สุณนฺตานํ ราคุปฺปาทโก. กมนีโยติ กนฺโต. สโมสริตกุสุมทามาติ โอลมฺพิตสุคนฺธกุสุมทามา. เนมิปริกฺเขปสฺสาติ เนมิปริยนฺตปริกฺเขปสฺส. นาภิปนาฬิยา ทฺวินฺนํ ปสฺสานํ วเสน ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ นาภิปนาฬีน’’นฺติ วุตฺตํ. เอกา เอว หิ สา ปนาฬิ. เยหีติ เยหิ ทฺวีหิ สีหมุเขหิ. ปุน เยหีติ มุตฺตากลาเปหิ.
โอธาปยมานนฺติ โสตุํ อวหิตานิ กุรุมานํ. จนฺโท ปุรโต, จกฺกรตนํ ปจฺฉาติ เอวํ ปุพฺพาปริเยน ปุพฺพาปรภาเคน.
อนฺเต ปุรสฺสาติ อนุราธปุเร รฺโ อนฺเตปุรสฺส อุตฺตรสีหปฺชรอาสนฺเน ตทา รฺโ ปาสาเท ตาทิสสฺส อุตฺตรทิสาย สีหปฺชรสฺส ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ. สุเขน สกฺกาติ กิฺจิ อนารุหิตฺวา สรีรฺจ อนุลฺลงฺฆิตฺวา ยถาิเตเนว หตฺเถน ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิตฺวา สุเขน สกฺกา โหติ ปูเชตุํ.
นานาวิราครตนปฺปภาสมุชฺชลนฺติ นานาวิธจิตฺตวณฺณรตโนภาสปภสฺสรํ. อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเตติ. อาคนฺตฺวา ิตฏฺานโต อุปริ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเต.
สนฺนิเวสกฺขโมติ ขนฺธวารสนฺนิเวสโยคฺโย. สุลภาหารูปกรโณติ สุเขเนว ลทฺธพฺพธฺโครสทารุติณาทิโภชนสาธโน. ปรจกฺกนฺติ ปรสฺส รฺโ เสนา, อาณา วา.
อาคตนนฺทโนติ อาคโต หุตฺวา นนฺทิชนโน. อาคตํ วา อาคมนํ, เตน นนฺทตีติ อาคตนนฺทโน. คมเนน โสเจตีติ คมนโสจโน. อุปกปฺเปถาติ อุปรูปริ กปฺเปถ สํวิทหถ, อุปเนถาติ ¶ อตฺโถ. อุปปริกฺขิตฺวาติ เหตุโตปิ สภาวโตปิ ผลโตปิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอาทีนวโตปิ วีมํสิตฺวา.
วิภาเวนฺติ ปฺาย อตฺถํ วิภูตํ กโรนฺตีติ วิภาวิโน, ปฺวนฺโต. อนุยนฺตาติ อนุวตฺตกา. โอคจฺฉมานนฺติ โอสีทนฺตํ. โยชนมตฺตนฺติ วิตฺถารโต โยชนมตฺตํ ปเทสํ. คมฺภีรภาเวน ¶ ปน ยถา ภูมิ ทิสฺสติ, เอวํ โอคจฺฉติ. เตนาห ‘‘มหาสมุทฺทตล’’นฺติอาทิ. อนฺเต จกฺกรตนํ อุทเกน เสนาย อนชฺโฌตฺถรณตฺถํ.
๒๕๗. ปุรตฺถิโม สมุทฺโท ปริยนฺโต อสฺสาติ ปุรตฺถิมสมุทฺทปริยนฺโต, ปุรตฺถิมสมุทฺทํ ปริยนฺตํ กตฺวา. จาตุรนฺตายาติ จาตุสมุทฺทนฺตาย ปุพฺพวิเทหาทิจตุโกฏฺาสนฺตาย.
หตฺถิรตนวณฺณนา
๒๕๘. หริจนฺทนาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน จตุชฺชาติยคนฺธาทึ สงฺคณฺหาติ. อาคมนํ จินฺเตถาติ วทนฺติ จกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปูริตตาย ปริจิตตฺตา. ภูมิผุสนเกหิ วาลธิ, วรงฺคํ หตฺโถติ อิเมหิ จ ตีหิ, จตูหิ ปาเทหิ จาติ สตฺตหิ อวยเวหิ ิตตฺตา สตฺตปติฏฺโ. อิตเรสํ อมจฺจาทีนํ จินฺตยนฺตานํ น อาคจฺฉติ. อปเนตฺวาติ อตฺตโน อานุภาเวน อปเนตฺวา. คนฺธเมว หิ ตสฺส อิตเร หตฺถิโน น สหนฺติ.
อสฺสรตนวณฺณนา
สินฺธวกุลโตติ สินฺธวสฺสาชานียกุลโต.
มณิรตนวณฺณนา
สกฏนาภิสมปฺปมาณนฺติ ปริณาหโต มหาสกฏสฺส นาภิยา สมปฺปมาณํ. อุโภสุ อนฺเตสูติ เหฏฺา อุปริ จาติ ทฺวีสุ อนฺเตสุ. กณฺณิกปริยนฺตโตติ ทฺวินฺนํ กฺจนปทุมานํ กณฺณิกาย ปริยนฺตโต. มุตฺตาชาลเก เปตฺวาติ สุวิสุทฺเธ มุตฺตามเย ชาลเก ปติฏฺเปตฺวา.
อิตฺถิรตนวณฺณนา
‘‘อิตฺถิรตนํ ¶ ปาตุภวตี’’ติ วตฺวา อสฺส ปาตุภวนาการํ ทสฺเสตุํ, ‘‘มทฺทราชกุลโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มทฺทรฏฺํ กิร อภิรูปานํ อิตฺถีนํ อุปฺปตฺติฏฺานํ. สณฺานปาริปูริยาติ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ สุสณฺิตตาย. อวยวปาริปูริยา หิ สมุทายปาริปูริสิทฺธิ. รูปนฺติ สรีรํ. ทสฺสนียาติ สุรูปภาเวน ปสฺสิตพฺพยุตฺตา. โสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปสาเทติ โยนิโส ¶ จินฺเตนฺตานํ กมฺมผลสทฺธาย วเสน. ปสาทาวหตฺตาติ การณวจเนน ยถา ปาสาทิกตาย วณฺณโปกฺขรตาสิทฺธิ วุตฺตา, เอวํ ทสฺสนียตาย ปาสาทิกตาสิทฺธิ, อภิรูปตาย จ ทสฺสนียตาสิทฺธิ วตฺตพฺพาติ นยํ ทสฺเสติ. ปฏิโลมโต วา วณฺณโปกฺขรตาย ปาสาทิกตาสิทฺธิ, ปาสาทิกตาย ทสฺสนียตาสิทฺธิ, ทสฺสนียตาย อภิรูปตาสิทฺธิ โยเชตพฺพา. เอวํ สรีรสมฺปตฺติวเสน อภิรูปตาทิเก ทสฺเสตฺวา อิทานิ สรีเร โทสาภาววเสนปิ เต ทสฺเสตุํ, ‘‘อภิรูปา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา ปมาณยุตฺตา, เอวํ อาโรหปริณาหโยคโต จ ปาสาทิกา นาติทีฆตาทโย. เอวํ มนุสฺสานํ ทิพฺพรูปตาสมฺปตฺติปีติ ‘‘อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณ’’นฺติ วุตฺตํ. กายวิปตฺติยาติ สรีรโทสสฺส. อภาโวติ อจฺจนฺตเมว ทูรีภาโว.
สตวิหตสฺสาติ สตกฺขตฺตุํ วิหตสฺส. สตวิหตสฺสาติ จ อิทํ กปฺปาสปิจุวเสน วุตฺตํ, ตูลปิจุโน ปน วิหนนเมว นตฺถิ. กุงฺกุมตครตุรุกฺขยวนปุปฺผานิ จตุชฺชาติ. ตมาลตครตุรุกฺขยวนปุปฺผานีติ อปเร.
อคฺคิทฑฺฒา วิยาติ อาสนคเตน อคฺคินา ทฑฺฒา วิย. ปมเมวาติ อฺกิจฺจโต ปมเมว, ทสฺสนสมกาลเมวาติ อตฺโถ. ตํ ตํ อตฺตนา รฺโ กาตพฺพกิจฺจํ กึ กโรมีติ ปุจฺฉิตพฺพตาย กึ กรณนฺติ ปฏิสฺสาเวตีติ กิงฺการปฏิสฺสาวินี.
มาตุคาโม นาม เยภุยฺเยน สชาติโก, อิตฺถิรตนสฺส ปน ตํ นตฺถีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘สฺวาสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คุณาติ รูปคุณา เจว อาจารคุณา จ. ปุริมกมฺมานุภาเวนาติ ตสฺสา ปุริมกมฺมานุภาเวน. อิตฺถิรตนสฺส ตพฺภาวสํวตฺตนิยปุริมกมฺมสฺส อานุภาเวน, จกฺกวตฺติโนปิ ปริวารสํวตฺตนิยํ ปฺุกมฺมํ ตาทิสสฺส ผลวิเสสสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยว. เตนาห ‘‘จกฺกวตฺติโน ปฺุํ อุปนิสฺสายา’’ติ. เอเตน เสสรตเนสุปิ ¶ เตสํ วิเสสานํ ตทุปนิสฺสยตา วิภาวิตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ปุพฺเพ เอกเทสวเสน ลพฺภมานปาริปูรี รฺโ จกฺกวตฺติภาวูปคมนโต ปฏฺาย สพฺพาการปาริปูรา ชาตา.
คหปติรตนวณฺณนา
ปกติยาวาติ สภาเวเนว, จกฺกรตนปาตุภาวโต ปุพฺเพปิ.
ปริณายกรตนวณฺณนา
นิสฺสายาติ อุปนิสฺสาย.
๒๖๐. กฏคฺคโห ¶ วุจฺจติ ชยคฺคโห สกานํ ปณานํ กฏภาเวน อตฺถสิทฺธิวเสน สงฺคณฺหนนฺติ กตฺวา. เตนาห ‘‘ชยคฺคาเหนา’’ติ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกปฺปโยเคเนว สตสหสฺสานิ อธิคจฺเฉยฺยาติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา
๒๖๑. ทฺเว ¶ อคาราติอาทีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘สทฺวารา…เป… อนุวิจรนฺเตปี’’ติ เอตมตฺถํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺตกเมว หิ อสฺสปุรสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๓๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๓๒) วิตฺถาริตํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทิ ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๗) ตถา วิตฺถาริตมฺปิ สุตฺตสํวณฺณนา โหตีติ กตฺวา, ‘‘อสฺสปุรสุตฺเต วิตฺถาริตเมวา’’ติ วุตฺตํ.
๒๖๒. นิรยโต ปฏฺาย เทสนํ เทวโลเกน โอสาเปตีติ สํกิเลสธมฺเมหิ สํเวเชตฺวา โวทานธมฺเมหิ นิฏฺาเปนฺโต. ทุติยํ ปน วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ตทิทํ เวเนยฺยชฺฌาสยวิสิฏฺนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ, ‘‘สเจ’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสติ ภควา.
เอกจฺเจ ¶ เถราติ (กถา. อนุฏี. ๘๖๖-๘๖๘; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๖) อนฺธกาทิเก, วิฺาณวาทิโน จ สนฺธาย วทติ. เนรยิเก นิรเย ปาเลนฺติ ตโต นิคฺคนฺตุมปฺปทานวเสน รกฺขนฺตีติ นิรยปาลา. เนรยิกานํ นรกทุกฺเขน ปริโยนทฺธาย อลํ สมตฺถาติ วา นิรยปาลา. ตนฺติ ‘‘นตฺถิ นิรยปาลา’’ติวจนํ. ปฏิเสธิตเมวาติ ‘‘อตฺถิ นิรเย นิรยปาลา, อตฺถิ จ การณิกา’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม (กถา. ๘๖๖) ปฏิเสธิตเมว. ยทิ นิรยปาลา นาม น สิยุํ, กมฺมการณาปิ น ภเวยฺย. สติ หิ การณิเก กมฺมการณาย ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. เอตฺถาห – ‘‘กึ ปเนเต นิรยปาลา เนรยิกา, อุทาหุ อเนรยิกา’’ติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว เนรยิกา, อิเม นิรยสํวตฺตนิเยน กมฺมุนา นิพฺพตฺตาติ สยมฺปิ นิรยทุกฺขํ อนุภเวยฺยุํ, ตถา สติ อฺเสํ เนรยิกานํ ยาตนาย อสมตฺถา สิยุํ, ‘‘อิเม เนรยิกา, อิเม นิรยปาลา’’ติ ววตฺถานฺจ น สิยา, เย จ เย ยาเตนฺติ, เตหิ สมานรูปพลปฺปมาเณหิ อิตเรสํ ภยสนฺตาสา น สิยุํ. อถ อเนรยิกา, เนสํ ตตฺถ กถํ สมฺภโวติ วุจฺจเต – อเนรยิกา นิรยปาลา อนิรยคติสํวตฺตนิยกมฺมนิพฺพตฺติโต. นิรยูปปตฺติสํวตฺตนิยกมฺมโต หิ อฺเเนว กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตนฺติ รกฺขสชาติกตฺตา. ตถา หิ วทนฺติ สพฺพตฺถิวาทิโน –
‘‘โกธนา ¶ กุรูรกมฺมนฺตา, ปาปาภิรุจิโน สทา;
ทุกฺขิเตสุ จ นนฺทนฺติ, ชายนฺติ ยมรกฺขสา’’ติ. (กถา. อนุฏี. ๘๖๖-๘๖๘; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๖);
ตตฺถ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ยาตนาทุกฺขํ ปฏิสํเวเทยฺยุํ, อถ วา อฺมฺํ ยาเตยฺยุ’’นฺติอาทิ, ตยิทํ อสารํ นิรยปาลานํ เนรยิกภาวสฺเสว อภาวโต. ยทิปิ อเนรยิกา นิรยปาลา, อโยมยาย ปน อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย นิรยภูมิยา ปริกฺกมมานา กถํ ทาหทุกฺขํ นานุภวนฺตีติ? กมฺมานุภาวโต. ยถา หิ อิทฺธิมนฺโต เจโตวสิปฺปตฺตา มหาโมคฺคลฺลานาทโย เนรยิเก อนุกมฺปนฺตา อิทฺธิพเลน นิรยภูมึ อุปคตา ทาหทุกฺเขน น พาธียนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
อิทฺธิวิสยสฺส ¶ อจินฺเตยฺยภาวโตติ เจ? อิทมฺปิ ตํสมานํ กมฺมวิปากสฺส อจินฺเตยฺยภาวโต. ตถารูเปน หิ กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตา. ยถา นิรยทุกฺเขน อพาธิตา เอว หุตฺวา เนรยิเก ยาเตนฺติ, น เจตฺตเกน พาหิรวิสยาภาโว ยุชฺชติ อิฏฺานิฏฺตาย ปจฺเจกํ ทฺวารปุริเสสุ วิภตฺตสภาวตฺตา. ตถา หิ เอกจฺจสฺส ทฺวารสฺส ปุริสสฺส จ อิฏฺํ เอกจฺจสฺส อนิฏฺํ, เอกจฺจสฺส จ อนิฏฺํ เอกจฺจสฺส อิฏฺํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ – ‘‘นตฺถิ กมฺมวเสน เตชสา ปรูปตาปน’’นฺติอาทิ, ตทปาหตํ โหติ. ยํ ปน วทนฺติ – ‘‘อเนรยิกานํ เนสํ กถํ ตตฺถ สมฺภโว’’ติ นิรเย เนรยิกานํ ยาตนาสพฺภาวโต. เนรยิกสตฺตยาตนาโยคฺยฺหิ อตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตนฺตํ กมฺมํ ตาทิสนิกนฺติวินามิตํ นิรยฏฺาเนเยว นิพฺพตฺเตติ. เต จ เนรยิเกหิ อธิกตรพลาโรหปริณาหา อติวิย ภยานกทสฺสนา กุรูรตรปโยคา จ โหนฺติ. เอเตเนว ตตฺถ เนรยิกานํ วิพาธกกากสุนขาทีนมฺปิ นิพฺพตฺติ สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ.
กถํ อฺคติเกหิ อฺคติกพาธนนฺติ จ น วตฺตพฺพํ อฺตฺถาปิ ตถา ทสฺสนโต. ยํ ปเนเก วทนฺติ – ‘‘อสตฺตสภาวา เอว นิรยปาลา นิรยสุนขาทโย จา’’ติ ตมฺปิ เตสํ มติมตฺตํ อฺตฺถ ตถา อทสฺสนโต. น หิ กาจิ อตฺถิ ตาทิสี ธมฺมปฺปวตฺติ, ยา อสตฺตสภาวา, สมฺปติสตฺเตหิ อปฺปโยชิตา จ สตฺตกิจฺจํ สาเธนฺตี ทิฏฺปุพฺพา. เปตานํ ปานียนิวารกานํ ทณฺฑาทิหตฺถปุริสานมฺปิ สพฺภาเว, อสตฺตภาเว จ วิเสสการณํ นตฺถิ. สุปิโนปฆาโตปิ อตฺถิ, กิจฺจสมตฺถตา ปน อปฺปมาณํ ทสฺสนาทิมตฺเตนปิ ตทตฺถสิทฺธิโต. ตถา หิ สุปิเน อาหารูปโภคาทินา น อตฺถสิทฺธิ, อิทฺธินิมฺมานรูปํ ปเนตฺถ ลทฺธปริหารํ อิทฺธิวิสยสฺส ¶ อจินฺเตยฺยภาวโต. อิธาปิ กมฺมวิปากสฺส อจินฺเตยฺยภาวโตติ เจ? ตํ น, อสิทฺธตฺตา. เนรยิกานํ กมฺมวิปากโต นิรยปาลาติ อสิทฺธเมตํ, วุตฺตนเยน ปน ปาฬิโต จ เตสํ สตฺตภาโว เอว สิทฺโธติ. สกฺกา หิ วตฺตุํ, ‘‘สตฺตสงฺขาตา นิรยปาลสฺิตา ธมฺมปฺปวตฺติ สาภิสนฺธิกปรูปฆาตี อตฺถิ กิจฺจสพฺภาวโต โอชาหาราทิรกฺขสสนฺตติ ¶ วิยา’’ติ. อภิสนฺธิปุพฺพกตา เจตฺถ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ ตถา ตถา อภิสนฺธิยา ยาตนโต, ตโต เอว น สงฺฆาตปพฺพตาทีหิ อเนกนฺติกตา. เย ปน วทนฺติ – ‘‘ภูตวิเสสา เอว เอเต วณฺณสณฺานาทิวิเสสวนฺโต เภรวาการา ‘นรกปาลา’ติ สมฺํ ลภนฺตี’’ติ. ตทสิทฺธํ อุชุกเมว ปาฬิยํ, – ‘‘อตฺถิ นิรเยสุ นิรยปาลา’’ติ (กถา. ๘๖๖) วาทสฺส ปติฏฺาปิตตฺตา.
อปิจ ยถา อริยวินเย นรกปาลานํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา, ตถา ปฺตฺติมตฺตวาทิโนปิ เตสํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธาว สพฺพโส รูปธมฺมานํ อตฺถิ ภาวสฺเสว อปฺปฏิชานนโต. น หิ ตสฺส ภูตานิ นาม ปรมตฺถโต สนฺติ. ยทิ ปรมตฺถํ คเหตฺวา โวหรติ, อถ กสฺมา จกฺขุรูปาทีนิ ปฏิกฺขิปตีติ? ติฏฺเตสา อนวฏฺิตตกฺกานํ อปฺปหีนสมฺโมหวิปลฺลาสานํ วาทวีมํสา, เอวํ, ‘‘อตฺเถว นิรเย นิรยปาลา’’ติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. สติ จ เนสํ สพฺภาเว, อสติปิ พาหิเร วิสเย นรเก วิย เทสาทินิยโม โหตีติ วาโท น สิชฺฌติ, สติ เอว ปน พาหิเร วิสเย เทสาทินิยโมติ ทฏฺพฺพํ.
เทวทูตสราปนวเสน สตฺเต ยถูปจิเต ปฺุกมฺเม ยเมติ นิยเมตีติ ยโม, ตสฺส ยมสฺส เวมานิกเปตานํ ราชภาวโต รฺโ. เตนาห – ‘‘ยมราชา นาม เวมานิกเปตราชา’’ติ. กมฺมวิปากนฺติ อกุสลกมฺมวิปากํ. เวมานิกเปตาติ กณฺหสุกฺกวเสน มิสฺสกกมฺมํ กตฺวา วินิปาติกเทวตา วิย สุกฺเกน กมฺมุนา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. ตถา หิ เต มคฺคผลภาคิโนปิ โหนฺติ, ปวตฺติยํ ปน กมฺมานุรูปํ กทาจิ ปฺุผลํ, กทาจิ อปฺุผลํ ปจฺจนุภวนฺติ. เยสํ ปน อริยมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตสํ มคฺคาธิคมโต ปฏฺาย ปฺุผลเมว อุปฺปชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ. อปฺุผลํ ปุพฺเพ วิย กฏุกํ น โหติ. มนุสฺสตฺตภาเว ิตานํ มุทุกเมว โหตีติ อปเร. ธมฺมิโก ราชาติ เอตฺถ ตสฺส ธมฺมิกภาโว ธมฺมเทวปุตฺตสฺส วิย อุปฺปตฺตินิยมิตธมฺมวเสเนว เวทิตพฺโพ. ทฺวาเรสูติ อวีจิมหานรกสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ.
ชาติธมฺโมติ กมฺมกิเลสวเสน ชาติปกติโก. เตนาห ‘‘ชาติสภาโว’’ติ. สภาโว จ ¶ นาม เตโชธาตุยา อุณฺหตา วิย น กทาจิปิ วิคจฺฉตีติ อาห ‘‘อปริมุตฺโต ชาติยา’’ติอาทิ.
๒๖๓. อิทานิ ¶ ชาติยา เทวทูตภาวํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘ทหรกุมาโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถโต เอวํ วทติ นามาติ วาจาย อวทนฺโตปิ อตฺถาปตฺติโต เอวํ วทนฺโต วิย โหติ วิฺูนนฺติ อตฺโถ. เอวํ ตุมฺหากมฺปิ ชาติ อาคมิสฺสตีติ เอวํ สํกิลิฏฺเชคุจฺฉอสมตฺถทหราวตฺถา ชาติ ตุมฺหากํ อาคมิสฺสติ. กามฺจายํ อาคตา เอว, สา ปน อตีตานาคตาย อุปริปิ อาคมนาย ปโยโค อิจฺฉิตพฺโพ, อนาคตาย น อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘ชาติ อาคมิสฺสตี’’ติ. เตเนวาห – ‘‘อิติ ตสฺสา…เป… กโรถา’’ติ. เตนาติ เตน การเณน วิฺูนํ เวทวตฺถุภาเวนาติ อตฺโถ.
อูรุพลนฺติ อูรุพลี. เตน ทูเรปิ คมนาคมนลงฺฆนาทิสมตฺถตํ ทสฺเสติ, พาหุพลนฺติ ปน อิมินา หตฺเถหิ กาตพฺพกิจฺจสมตฺถตํ, ชวคฺคหเณน เวคสฺส ปวตฺติสมตฺถตํ. อนฺตรหิตา นฏฺา. เสสํ ปมเทวทูเต วุตฺตนยเมว.
วิวิธํ ทุกฺขํ อาทหตีติ พฺยาธิ, วิเสเสน วา อาธียติ เอเตนาติ พฺยาธิ, เตน พฺยาธินา. อภิหโตติ พาธิโต, อุปทฺทุโตติ อตฺโถ.
๒๖๕. การณา นาม ‘‘หตฺถจฺเฉทาทิเภทา อธิกปีฬา กรียติ เอตายา’’ติ กตฺวา ยาตนา, สา เอว การณิเกหิ กาตพฺพฏฺเน กมฺมนฺติ กมฺมการณา ยาตนากมฺมนฺติ อตฺโถ.
๒๖๖. พหุํ ปาปํ กตนฺติ พหุโส ปาปํ กตํ. เตน ปาปสฺส พหุลีกรณมาห. พหูติ วา มหนฺตํ. มหตฺโถปิ หิ พหุสทฺโท ทิสฺสติ, ‘‘พหุ วต กตํ อสฺสา’’ติอาทีสุ, ครุกนฺติ วุตฺตํ โหติ. โสติ ครุกํ พหุลํ วา ปาปํ กตฺวา ิโต นิรเย นิพฺพตฺตติเยว, น ยมปุริเสหิ ยมสฺส สนฺติกํ นียติ. ปริตฺตนฺติ ปมาณปริตฺตตาย กาลปริตฺตตาย จ ปริตฺตํ, ปุริมสฺมึ ปกฺเข อครุนฺติ อตฺโถ, ทุติยสฺมึ อพหุลนฺติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ, ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กตฺตพฺพเมวาติ ทณฺฑเมว. อนุวิชฺชิตฺวา วีมํสิตฺวา. วินิจฺฉยฏฺานนฺติ อฏฺฏกรณฏฺานํ. ปริตฺตปาปกมฺมาติ ทุพฺพลปาปกมฺมา. เต หิ ปาปกมฺมสฺส ทุพฺพลภาวโต กตูปจิตสฺส จ โอกาสารหกุสลกมฺมสฺส พลวภาวโต อตฺตโน ธมฺมตายปิ สรนฺติ.
อากาสเจติยนฺติ ¶ ¶ คิริสิขเร วิวฏงฺคเณ กตเจติยํ. อคฺคิชาลสทฺทนฺติ ‘‘ปฏปฏา’’ติ ปวตฺตมานํ อคฺคิชาลาย สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘มยา ตทา อากาสเจติเย ปูชิตรตฺตปฏา วิยา’’ติ อตฺตโน ปูชิตปฏํ อนุสฺสริ. ปฺจหิปิ น สรตีติ พลวตา ปาปกมฺเมน พฺยาโมหิโต ปฺจ สฺาณานิ น คณฺหาติ. ตุณฺหี โหติ กมฺมารโห อยนฺติ ตตฺถ ปตีการํ อปสฺสนฺโต.
๒๖๗. อวีจิมหานิรโย อุพฺเพเธนปิ โยชนสตเมวาติ วทนฺติ. นวนวโยชนิกา โหติ ปุถุลโต. มหานิรยสฺส มหนฺตตฺตา ตถาปิ ภิตฺติสตํ โยชนสหสฺสํ โหตีติ อุสฺสทสฺส สพฺพสฺส ปริกฺเขปโต ‘‘ทสโยชนสหสฺสํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๖๘. ฌายตีติ ปฏิปากติกํ โหติ. ตาทิสเมวาติ ปุริมสทิสตฺตา ‘‘อุพฺภตํ สทิสเมว โหตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ. พหุสมฺปตฺโตติ วา พหุฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรตฺถิมทฺวารํ สมฺปตฺโต โหติ.
ฉนฺนํ ชาลานนฺติ จตูหิ ทิสาหิ เหฏฺา อุปริ จ อุพฺภตานํ ฉนฺนํ ชาลานํ. สตฺตานํ นิรนฺตรตา นิรยสํวตฺตนิยกมฺมกตานฺจ พหุภาวโต ชาลานํ ตาว สตฺตานฺจ นิรนฺตรตฺตา อวีจิ โหตุ; ทุกฺขสฺส ปน กถํ นิรนฺตรตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘กายทฺวาเร…เป… เอกํ ทุกฺขสหคต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาวชฺชนํ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ ทฺเว ตทารมฺมณจิตฺตานีติ ฉ อุเปกฺขาสหคตานิ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ ตตฺถ อุเปกฺขาสหคตจิตฺตานิปิ ปวตฺตนฺติ อุเปกฺขาเวทนาปิ ลทฺธาวสรา; ทุกฺขเวทนา ปน พลวตรา นิสิตนิสิเตน ติขิเณน สตฺเถน นิรนฺตรํ สรีรํ ฉินฺทนฺตี วิย ทุกฺขํ อุปเนนฺตี วิย ตา เวทนา อภิภวนฺตี อชฺโฌตฺถรนฺตี อุปฺปชฺชนฺตี นิรนฺตรา วิย โหติ. เตนาห ‘‘อนุทหนพลวตายา’’ติอาทิ. อุเปกฺขาเวทนาติ วา ตตฺถ อติวิย อนิฏฺผลตาย อนิฏฺารมฺมณา อุเปกฺขาเวทนา ทุกฺขาติ วุจฺจติ, ยถา อิฏฺผลพหุตาย อิฏฺารมฺมณา ฌานาทิปริยาปนฺเน จ สุคติภเว จ อุเปกฺขาเวทนา สุขาติ วุจฺจติ, เอวํ ทุกฺขสฺส นิรนฺตรตาย อวีจีติ เวทิตพฺพํ.
๒๖๙. เอโก ¶ ปาโท มหานิรเย โหติ, เอโก คูถนิรเย นิปตติ, กมฺมเวคุกฺขิตฺโต อนฺตรา ปทมาวหติ เสสารมฺภตาย. หตฺถิคีวปฺปมาณา ปริณาเหน. เอกโทณิกนาวาปฺปมาณา อายาเมน.
โปกฺขรปตฺตานีติ ¶ ขุรธาราสทิสานิ ติขิณคฺคานิ อโยสูลมยาเนว ปทุมปตฺตานิ. เหฏฺา ขุรธาราติ เหฏฺาภูมิยํ นิกฺขิตฺตา, เวตฺตลตาโย จ ติขิณธารกณฺฏกา อโยมยา เอว. เตนาห – ‘‘โส ตตฺถ ทุกฺขา’’ติอาทิ. กุสติณานีติ กุสติณชาติตาย ตถา วุตฺตานิ. ขรวาลิกาติ ขรา ติขิณโกฏิกา สิงฺฆาฏกสณฺานา วาลิกา.
๒๗๐. ทนฺเต สมฺผุเสตีติ เหฏฺิมทนฺเต ยถา กิฺจิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น สกฺกา, เอวํ สุผุสิเต กโรติ. ตมฺพโลหปานโต ปฏฺายาติ วุตฺตการณโต ปฏิโลมโตปิ เอวํ กมฺมการณานํ การณมาห. ทุติเยนาติ กุารีหิ ตจฺฉเนน. ตติเยนาติ วาสีหิ ตจฺฉเนน. อวิชหิตเมว สํเวคเหตุตาย โลกสฺส มหโต อตฺถสฺส สํวตฺตนโต.
๒๗๑. หีนกายํ หีนํ วา อตฺตภาวํ อุปคตา. อุปาทาเนติ จตุพฺพิเธปิ อุปาทาเน. ตํ อตฺถโต ตณฺหาทิฏฺิคฺคาโหติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิคหเณ’’ติ. สมฺภวติ ชรามรณํ เอเตนาติ สมฺภโว, อุปาทานนฺติ อาห – ‘‘ชาติยา มรณสฺส จ การณภูเต’’ติ. อนุปาทาติ อนุปาทาย. เตนาห ‘‘อนุปาทิยิตฺวา’’ติ.
สพฺพทุกฺขาติกฺกนฺตา นามาติ สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกนฺตา เอว โหนฺติ จริมจิตฺตนิโรเธน วฏฺฏทุกฺขเลสสฺสปิ อสมฺภวโต.
เทวทูตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ สฺุตวคฺควณฺณนา.