📜
๔. วิภงฺควคฺโค
๑. ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๗๒. เอกา ¶ ¶ รตฺติ เอกรตฺโต, ภทฺโท เอกรตฺโต เอตสฺสาติ ภทฺเทกรตฺตํ, วิปสฺสนํ ปริพฺรูเหนฺโต ปุคฺคโล. เตนาห – ‘‘วิปสฺสนานุโยคสมนฺนาคตตฺตา’’ติ. ตํ อุทฺทิสฺส ปวตฺติยา ปน ภทฺเทกรตฺตสหจรณโต ภทฺเทกรตฺโต. เตนาห ภควา – ‘‘ภทฺเทกรตฺตสฺส โว, ภิกฺขเว, อุทฺเทสฺจ วิภงฺคฺจ เทเสสฺสามี’’ติ. เทเสตพฺพมตฺถํ อุทฺทิสติ เอเตนาติ อุทฺเทโส, สงฺเขปเทสนา เอว. ยสฺมา ปน นิทฺเทสปทานํ ชนนิฏฺาเน ิตตฺตา มาตา วิยาติ มาติกาติ วุจฺจติ, ตสฺมาห ‘‘อุทฺเทสนฺติ มาติก’’นฺติ. อุทฺทิฏฺมตฺถํ วิภชติ เอเตนาติ วิภงฺโค วิตฺถารเทสนา, เตนาห – ‘‘วิตฺถารภาชนิย’’นฺติ ‘‘ยถาอุทฺทิฏฺมตฺถํ วิตฺถารโต ภาเชติ วิภชติ เอเตนา’’ติ กตฺวา.
อุปฺปาทาทิขณตฺตยํ ปตฺวา อติกฺกมํ อติกฺกนฺตํ อตีตํ. ตํ ปน อตฺถโต วิคตํ ขนฺธปฺจกนฺติ อาห ‘‘อตีเต ขนฺธปฺจเก’’ติ. ตณฺหาทิฏฺีหิ นานุคจฺเฉยฺยาติ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ นานุภเวยฺย, นาภินนฺเทยฺยาติ อตฺโถ. ยถา ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา วิปรีตคฺคาหวเสน อตีเตสุ รูปาทีสุ มิจฺฉาอภินิวิสนํ ปรามาโส ทิฏฺาภินนฺทนา; เอวํ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา วิปรีตคฺคาหวเสน อนาคเตสุ รูปาทีสุ มิจฺฉาอภินิวิสนํ ปรามาโส ทิฏฺิ กมฺมสมาทานํ ทิฏฺิปตฺถนาติ ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘ตณฺหาทิฏฺีหิ น ปตฺเถยฺยา’’ติ. ยทตีตนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘อปตฺต’’นฺติ ปทํ สงฺคณฺหาติ. ตมฺปิ หิ การณวจนํ. เตนาห ‘‘ยสฺมา จา’’ติ. ตตฺถายมธิปฺปาโย, ‘‘อตีตํ ตณฺหาทิวเสน นาภินนฺทิตพฺพํ สพฺพโส อวิชฺชมานตฺตา สสวิสาณํ วิย, ตถา อนาคตมฺปิ น ปตฺเถตพฺพ’’นฺติ. ตตฺถ สิยา – อตีตํ นาภินนฺทิตพฺพํ อภินนฺทนาย นิปฺปโยชนตฺตา, อนาคตปตฺถนา ปน สผลาปิ สิยาติ น สพฺพโส ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ? น, ตสฺสาปิ สวิฆาตภาเวน ปฏิกฺขิปิตพฺพโต. เตนาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปหีนนฺติ นิสฺสฏฺสภาวํ. นิรุทฺธนฺติ ¶ ภคฺคํ. อตฺถงฺคตนฺติ วินาสํ. อปฺปตฺตนฺติ สภาวํ อุปฺปาทาทิกํ อสมฺปตฺตํ. อชาตนฺติ น ชาตํ. อนิพฺพตฺตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ.
ยตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมึ ยสฺมึ ขเณ, ยสฺมึ ยสฺมึ วา ธมฺมปฺุเช อุปฺปนฺนํ, ตํ สพฺพมฺปิ อเสเสตฺวา. อรฺาทีสุ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน ¶ อรฺเ วา รุกฺขมูเล วา ปพฺพตกนฺทราทีสุ วาติ านนิยมาภาวา อนุปสฺสนาย สาตจฺจการิตํ ทสฺเสติ. ยมกาทิวเสน ปริพฺรูหิยมานา วิปสฺสนา วิย ปฏิปกฺเขหิ อโกปนิยาว โหตีติ อาห – ‘‘อสํหีรํ อสํกุปฺปนฺติ อิทํ วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนาทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ. คาถายมยมตฺโถ วิปสฺสนาวเสน ยุชฺชตีติ อาห – ‘‘วิปสฺสนา หี’’ติอาทิ. กึ เอตาย ปริยายกถายาติ นิปฺปริยายโตว อสํหีรํ อสํกุปฺปํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถํ ปน นิจฺจสฺส นิพฺพานสฺส อนุพฺรูหนา โหตีติ อาห ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติอาทิ. เอเตน ตทารมฺมณธมฺมา พฺรูหนาย, เตสํ อารมฺมณมฺปิ อตฺถโต อนุพฺรูหิตํ นาม โหติ พหุลํ มนสิกาเรนาติ ทสฺเสติ.
อาทิโต ตาปนํ อาตาปนํ, เตน อารมฺภธาตุมาห. ปริโต ตาปนํ ปริตาปนํ, เตน นิกฺกมธาตุปรกฺกมธาตุโย จาติ. ตสฺส เสนาติ ตสฺส มจฺจุโน สหกรณฏฺเน เสนา วิยาติ เสนา. สงฺคโรติอาทีสุ มิตฺตาการคฺคหเณน สามปโยคมาห. ลฺชคฺคหเณน ลฺชทานํ, เตน ทานปฺปโยคํ. พลราสีติ หตฺถิอสฺสาทิพลกาโย. เตน ทณฺฑเภทานิ วทติ. เภโทปิ หิ พลวโต เอว อิชฺฌติ, สฺวายํ จตุพฺพิโธปิ อุปายโยเคน สมฺปวตฺตียติ. ตตฺถ ตตฺถ จ สงฺคํ อาสตฺตึ อรติ เทตีติ สงฺคโร ปุพฺพภาเค วา สงฺครณวเสน ตสฺส ปฏิชานนวเสน ปวตฺตนโต.
อุฏฺาหกํ อุฏฺานวีริยสมฺปนฺนํ. สปรหิตสีวนลกฺขเณน อสาธุภาวปรมฺมุขภาวคมเนน วา สนฺโต.
๒๗๓. มนฺุรูปวเสเนว เอวํรูโป อโหสีนฺติ อตีตํ อนฺวาคเมติ ตตฺถ นนฺทิยาสมนฺวานยนโต. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. กุสลสุขโสมนสฺสเวทนาวเสนาติ กุสลเวทนาวเสน สุขเวทนาวเสน โสมนสฺสเวทนาวเสนาติ ปจฺเจกํ เวทนาสทฺโท โยเชตพฺโพ. ตณฺหาภินนฺทนาย สติ ทิฏฺาภินนฺทนา สิทฺธา เอวาติ – ‘‘ตณฺหํ สมนฺวาเนติ’’อิจฺเจว วุตฺตํ. หีนรูปาทิ…เป… น มฺติ อมนฺุโปิ สมาโน สมนฺุภาวสฺเสว วเสน มฺนาย ปวตฺตนโต. นานุปวตฺตยติ วิกฺขมฺภนวเสน นนฺทิยา ทูรีกตตฺตา.
๒๗๔. อุฬารสุนฺทรภาวมุเขเนว ¶ ¶ อนาคเตสุปิ รูปาทีสุ ตณฺหาทิฏฺิกปฺปนา ปวตฺตตีติ อาห – ‘‘เอวํรูโป…เป… เวทิตพฺพา’’ติ.
๒๗๕. วตฺตพฺพํ สิยาติ ยถา นนฺทิยา อสมนฺวานยนโชตนํ พฺยติเรกมุเขน ปติฏฺเปตุํ, ‘‘อตีตํ น นฺวาคเมยฺยา’’ติ อุทฺเทสสฺส, ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อตีตํ อนฺวาคเมตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๗๓) วิภงฺโค วุตฺโต, เอวํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โย ธมฺม’’นฺติอาทิกสฺส อุทฺเทสสฺส พฺยติเรกมุเขน วิภงฺเค วุจฺจมาเน วิปสฺสนาปฏิกฺเขปวเสน, ‘‘กถฺจ…เป… วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ ปรมคมฺภีรํ สตฺถุเทสนานยํ อนุปธาเรตฺวา โจทิตํ, ยสฺมา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โย ธมฺม’’นฺติอาทิกสฺส อุทฺเทสสฺส พฺยติเรกมุเขเนว วิปสฺสนาปฏิกฺเขปวเสน, ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเนสู’’ติ วิภงฺคเทสนา สมฺปวตฺตติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสา เอวาติ วิปสฺสนาย เอว. อภาวํ ทสฺเสตุํ สํหีรตีติ มาติกํ อุทฺธริตฺวาติ กเถตุกมฺยตาย มาติกาวเสน ปทุทฺธารํ กตฺวา, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสุตวา สุตวา’’ติ จ อาทินา วิตฺถาโร วุตฺโต. วิปสฺสนาย อภาวโตติ วิปสฺสนาย อภาวิตตาย อวิกฺขมฺภิตตาย ตณฺหาทิฏฺีหิ สปตฺเตหิ วิย ตตฺถ ตตฺถ ปนาย อากฑฺฒียติ, ตตฺถ ตตฺถ วิสเย ตโต เอว อปายสมุทฺทํ สํสารสมุทฺทํ อานียติ. สุกฺกปกฺโข วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๗๖. พหิทฺธา ¶ ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวตฺเตตฺวา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส สมฺมเทว ลยนํ อปฺปนํ ปฏิสลฺลานํ, โย โกจิ สมาปตฺติวิหาโร, อิธ ปน อริยวิหาโร อธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต’’ติอาทิ. ชานนฺโตว ภควา กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๖).
๒๗๘. สาธุการมทาสีติ ¶ สาธุสทฺทํ สาเวสิ. ตํ ปน ปสํสา โหตีติ ปสํสตฺโถ สาธุสทฺโท. เตนาห ‘‘เทสนํ ปสํสนฺโต’’ติ. วิชฺชมาเนหิ วณฺเณหิ คุณวนฺเต อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, เกวลํ คุณสํกิตฺตนวเสน โถมนา ปสํสาติ อยเมเตสํ วิเสโส.
อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๗๙. อุณฺหภาเวน ¶ ตปนโต ตปํ อุทกํ เอตสฺสาติ ตโปทา, รหโท. เตนาห ‘‘ตตฺโตทกสฺส รหทสฺสา’’ติ. สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ, ‘‘เวภารปพฺพตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโต อุทกรหทโต, ตํ รหทํ อุปนิสฺสายาติ อตฺโถ. นาคภวนาคโตปิ หิ โส รหโท ตโต อุปริ มนุสฺสโลเก ชลาสเยน สมฺพทฺโธ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตโปทา นาม นที สนฺทตี’’ติ. เอทิสาติ กุถิตา อุณฺหา, อนฺวตฺถนามวเสน ตโปทาติ จ วุจฺจตีติ อตฺโถ. เปตโลโกติ เปตานํ วสนฏฺานํ ปจฺเจกนิรยํ สนฺธายาห. อิมสฺส ปน อารามสฺสาติ ตโปทารามสฺส. ตโตติ ตโปทาสงฺขาตนทิโต. มหาอุทกรหโทติ มหาอุทกภริตํ ปลฺลลํ.
๒๘๐. สมิทฺโธติ อุฬาโร, ปริปุณฺโณเยวาติ อตฺโถ. อาทิมฺหิ พฺรหฺมจริยมสฺสาติ อาทิพฺรหฺมจริโย, โส เอว อาทิพฺรหฺมจริยโก. เตนาห ‘‘ปุพฺพภาคปฺปฏิปตฺติภูโต’’ติ. ‘‘อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ อทฺธเภทมุเขน สงฺขตธมฺมโพธวจนํ.
๒๘๒. กามํ ขนฺธาทิวเสน วิภชนํ สาธารณํ, ปมทุติยจตุตฺถสุตฺเตสุ ปน ขนฺธวเสน วิภชนํ กตฺวา อิธ ตถา อกตฺวา เอวํ เทสนาย ปนํ ตโต อฺถา อายตนวเสน วิภชนตฺถํ. เอวํ วิภินฺนา หิ สงฺเขปวิตฺถารโต อนวเสสา สมฺมสนุปคา ธมฺมา วิภชิตฺวา ทสฺสิตา โหนฺติ; อยํ กิเรตฺถ ภควโต อชฺฌาสโย เถเรน นยโต คหิโตติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อิมสฺมึ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทฺวาทสายตนวเสเนว มาติกํ เปสีติ โลกิยานิ ทฺวาทสายตนานิ เอว สนฺธาย ¶ มาติกํ เปสิ, ยถา ตีสุ สุตฺเตสุ ขนฺธวเสน วิภตฺตํ, เอวํ ยทิ ภควตา อิธาปิ วิภชนํ อิจฺฉิตํ สิยา, ตถา วิภเชยฺย, ยสฺมา ปน ตถา อวิภชิตฺวาว คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ, ตสฺมา ทฺวาทสายตนวเสเนเวตฺถ วิภชนํ ภควตา จ อธิปฺเปตนฺติ นยคฺคาเห ตฺวา เถโร วิภชิ. เตนาห – ‘‘นยํ ปฏิลภิตฺวา เอวมาหา’’ติ. ภาริยํ กตนฺติ ทุกฺกรํ กตํ. อปเท ปทํ ทสฺสิตํ อากาเส ปทํ กตํ สาธารณสฺส อตฺถสฺส วิสิฏฺวิสยตาย ทสฺสิตตฺตา. นิกนฺติวิฺาณนฺติ นิกนฺติตณฺหาย สมฺปยุตฺตํ วิฺาณํ, ‘‘ฉนฺทราคปฺปฏิพทฺธํ โหตี’’ติ วจนโต. มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ มโนทฺวาริกชวนานํ ทฺวารภูตํ.
๒๘๓. ปตฺถนาวเสน เปสีติ ปตฺถนาวเสน จิตฺตํ ปวตฺเตสิ.
มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา
สมตฺตา.
๔. โลมสกกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๘๖. ฆนนิจิตโลโม ¶ โลมโส, อยํ ปน อปฺปตาย โลมสโกติ อาห – ‘‘อีสกโลมสาการตายา’’ติ, โลมสโก องฺคิโก โลมสกกงฺคิโย, ปโม ก-กาโร อปฺปตฺโถ, ทุติยํ ปน ปทวฑฺฒนเมว. รตฺตกมฺพลสิลายนฺติ รตฺตกมฺพลวณฺณสิลายํ. โอรุยฺหาติ อากาสโต โอตริตฺวา. ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ทินฺนลาภสกฺการสฺส อสาทิยนโต มนุสฺสปเถ น วสนฺติ.
ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหีติ นิสฺสกฺกวจนโต อาคนฺตฺวาติ อธิปฺปาโย. สนฺนิปติตาหิ เทวตาหีติ กรณวจนํ. ปฺาปโยคมนฺทตาย ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺตานํ เทวานํ าณสฺส ติกฺขวิสทภาวาปาทเนน สมุตฺเตเชตุํ สํเวคชนนตฺถํ…เป… อภาสิ. ตตฺราติ ตสฺมึ เทวสนฺนิปาเต, ติสฺสํ วา เทสนายํ. เทวตฺตสฺสาติ เทวภาวสฺส, ทิพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺโถ. ภทฺเทกรตฺตสฺส สุตฺตสฺส เอตาติ ภทฺเทกรตฺติยา.
สวนมุเขน พฺยฺชนโส อตฺถโส จ อุปธารณํ อุคฺคณฺหนนฺติ อาห – ‘‘ตุณฺหีภูโต นิสีทิตฺวา สุณนฺโต อุคฺคณฺหาติ นามา’’ติ. วาจุคฺคตกรณํ ปริยาปุณนนฺติ อาห – ‘‘วาจาย สชฺฌายํ กโรนฺโต ปริยาปุณาติ นามา’’ติ. คนฺถสฺส ปริหณํ ธารณํ, ตํ ปน ปเรสุ ปติฏฺาปนํ ¶ ปากฏํ โหตีติ อาห – ‘‘อฺเสํ วาเจนฺโต ธาเรติ นามา’’ติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
โลมสกกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา
สมตฺตา.
๕. จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๒๘๙. องฺคสุภตายาติ ¶ องฺคานํ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ สุนฺทรภาเวน. ยํ อปจฺจํ กุจฺฉิตํ มุทฺธํ วา, ตตฺถ โลเก มาณวโวหาโร, เยภุยฺเยน สตฺตา ทหรกาเล สุทฺธธาตุกา โหนฺตีติ วุตฺตํ, ‘‘ตรุณกาเล โวหรึสู’’ติ. อธิปติตฺตาติ อิสฺสรภาวโต.
สมาหารนฺติ สนฺนิจยํ. ปณฺฑิโต ฆรมาวเสติ ยสฺมา อปฺปตเรปิ พฺยยมาเน โภคา ขียนฺติ, อปฺปตเรปิ สฺจยมาเน วฑฺฒนฺติ, ตสฺมา วิฺุชาติโก กิฺจิ พฺยยํ อกตฺวา อยเมว อุปฺปาเทนฺโต ฆราวาสํ อนุติฏฺเยฺยาติ โลภาเทสิตมตฺถํ วทติ.
ธนโลเภน…เป… นิพฺพตฺโต. โลภวสิกสฺส หิ คติ นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคถิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ อนุพฺยฺชนสฺสาทคถิตํ วา. ตสฺมึ สมเย กาลงฺกเรยฺย, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕). นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ กโตกาสสฺส กมฺมสฺส ปฏิพาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต.
ปตฺตกฺขนฺธอโธมุขภาวํ สนฺธาย ‘‘โอนาเมตฺวา’’ติ วุตฺตํ. พฺราหฺมณจาริตฺตสฺส ภาวิตตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต’’ติ. ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉีติ สุตเมตํ มยา, ‘‘มยฺหํ ปิตา สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ, เอตํ โภตา โคตเมน วุตฺตนฺติ. กิมิทํ วุตฺตนฺติ อิมํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ.
ตเถว วตฺวาติ ยถา สุนขสฺส วุตฺตํ, ตเถว วตฺวา. อวิสํวาทนตฺถนฺติ, ‘‘โตเทยฺยพฺราหฺมโณ สุนโข ชาโต’’ติ อตฺตโน วจนสฺส อวิสํวาทนตฺถํ, วิสํวาทนาภาวทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. าโตมฺหิ ¶ อิมินาติ อิมินา มม ปุตฺเตน มยฺหํ ปุริมชาติยํ ปิตาติ เอวํ าโต อมฺหีติ ชานิตฺวา. พุทฺธานุภาเวน กิร สุนโข ตถา ทสฺเสติ, น ชาติสฺสรตาย. ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺกรณํ ปน ปุริมชาติสิทฺธวาสนาย. ภวปฏิจฺฉนฺนนฺติ ภวนฺตรภาเวน ปฏิจฺฉนฺนํ. นาม-สทฺโท สมฺภาวเน. ปฏิสนฺธิอนฺตรนฺติ อฺชาติปฏิสนฺธิคฺคหเณน เหฏฺิมชาตํ คตึ. องฺควิชฺชาปาโก กิเรส, เตน อปฺปายุกทีฆายุกตาทิวเสน จุทฺทส ปฺเห อภิสงฺขริ; เอวํ กิรสฺส อโหสิ, ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ อปฺปายุกตาทโย วิเสสา องฺคปจฺจงฺควเสน สลฺลกฺขิยนฺติ. น ¶ โข ปเนตํ ยุตฺตํ ‘องฺคปจฺจงฺคานิ ยาว เตสํ เตสํ การณ’นฺติ; ตสฺมา ภวิตพฺพเมตฺถ อฺเเนว การเณน. สมโณ โคตโม ตํ การณํ วิภชิตฺวา กเถสฺสติ, เอวายํ สพฺพฺูติ นิจฺฉโย เม อปณฺณโก ภวิสฺสตี’’ติ. อปเร ปน ภณนฺติ, ‘‘ติรจฺฉานคตํ มนุสฺสํ วา อาวิสิตฺวา อิจฺฉิตตฺถกสาวนํ นาม มหามนฺตวิชฺชาวเสน โหติ; ตสฺมา น เอตฺตาวตา สมณสฺส โคตมสฺส สพฺพฺุตา สุนิจฺฉิตา โหติ. ยํ นูนาหํ กมฺมผลมสฺส อุทฺทิสฺส ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยํ, ตตฺถ จ เม จิตฺตํ อาราเธนฺโต ปฺหํ พฺยากริสฺสติ. เอวายํ สพฺพฺูติ วินิจฺฉโย เม ภวิสฺสตีติ เต ปฺเห ปุจฺฉตี’’ติ.
ภณฺฑกนฺติ สาปเตยฺยํ, สนฺตกนฺติ อตฺโถ. กมฺมุนา ทาตพฺพํ อาทิยนฺตีติ กมฺมทายาทา, อตฺตนา กตูปจิตกมฺมผลภาคีติ อตฺโถ. ตํ ปน กมฺมทายชฺชํ การโณปจาเรน วทนฺโต, ‘‘กมฺมํ เอเตสํ ทายชฺชํ ภณฺฑกนฺติ อตฺโถ’’ติ อาห – ยถา ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๘๐). ยวติ ผลํ สภาวโต ภินฺนมฺปิ อภินฺนํ วิย มิสฺสิตํ โหติ, เอเตนาติ โยนีติ อาห – ‘‘กมฺมํ เอเตสํ โยนิ การณ’’นฺติ. มมตฺตวเสน พชฺฌติ สํพชฺฌตีติ พนฺธุ, าติ สาโลหิโต จ. กมฺมํ ปน เอกนฺตสมฺพนฺธเมวาติ อาห – ‘‘กมฺมํ เอเตสํ พนฺธู’’ติ. ปติฏฺาติ อวสฺสโย. กมฺมสทิโส หิ สตฺตานํ อวสฺสโย นตฺถิ, อฺโ โกจิ อิสฺสโร พฺรหฺมา วา น กโรติ ตาทิสํ กตฺตุํ สชฺชิตุํ อสมตฺถภาวโต. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. กมฺมเมวาติ กสฺมา อวธาริตํ, นนุ กิเลสาปิ สตฺตานํ หีนปณีตภาวการณํ, น เกวลนฺติ ¶ ? สจฺจเมตํ, กิเลสปโยเคน วิปากวฏฺฏํ นิพฺพตฺตํ กมฺมปวตฺติตเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘กถิตสฺส อตฺถํ น สฺชานาสี’’ติ สงฺเขปโต วตฺวา นนุ ภควา มหาการุณิโก ปเรสํ าปนตฺถเมว ธมฺมํ เทเสตีติ อาห – ‘‘มานนิสฺสิโต กิเรสา’’ติอาทิ.
๒๙๐. สมตฺเตนาติ ปริยตฺเตน, ยถา ตํ ผลํ ทาตุํ สมตฺถํ โหติ, เอวํ กเตน, อุปจิเตนาติ อตฺโถ. ตาทิสํ ปน อตฺตโน กิจฺเจ อนูนํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ปริปุณฺเณนา’’ติ. สมาทินฺเนนาติ เอตฺถ สมาทานํ นาม ตณฺหาทิฏฺีหิ คหณํ ปรามสนนฺติ อาห – ‘‘คหิเตน ปรามฏฺเนา’’ติ. ปฏิปชฺชติ เอตาย สุคติทุคฺคตีติ ปฏิปทา, กมฺมํ. ตถา หิ ตํ ‘‘กมฺมปโถ’’ติ วุจฺจติ.
เอสาติ ปฏิปทา. ทุพฺพลํ อุปฆาตกเมว สิยาติ อุปปีฬกสฺส วิสยํ ทสฺเสตุํ, ‘‘พลวกมฺเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พลวกมฺเมนาติ ปฺุกมฺเมน. วทติ นามาติ วทนฺโต วิย โหติ ¶ . นิพฺพตฺตาเปยฺยนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุปปีฬกสภาวํ กมฺมํ ชนกสภาวํ น โหตีติ? สพฺพเมตํ ปริกปฺปนวจนํ, ยถา มนุสฺสา ปจฺจตฺถิกํ ปฏิปกฺขํ กิฺจิ กาตุํ อสมตฺถาปิ เกจิ อาลมฺพนวเสน สมตฺถา วิย อตฺตานํ ทสฺเสนฺติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ เกจิ. อปเร ปน ภณนฺติ – ยสฺสิทํ กมฺมสฺสวิปากํ ปีเฬติ, สเจ ตสฺมึ อโนกาเส เอว สยํ วิปจฺจิตุํ โอกาสํ ลเภยฺย, อปาเยสุ เอว ตํสมงฺคิปุคฺคลํ นิพฺพตฺตาเปยฺย, ยสฺมา ตํ กมฺมํ พลวํ หุตฺวา อวเสสปจฺจยสมวาเยน วิปจฺจิตุํ อารทฺธํ, ตสฺมา อิตรํ ตสฺส วิปากํ วิพาเธนฺตํ อุปปีฬกํ นาม ชาตํ. เอตทตฺถเมว เจตฺถ ‘‘พลวกมฺเมน นิพฺพตฺต’’นฺติ พลวคฺคหณํ กตํ. กิจฺจวเสน หิ เนสํ กมฺมานํ เอตา สมฺา, ยทิทํ อุปปีฬกํ อุปจฺเฉทกํ ชนกํ อุปตฺถมฺภกนฺติ, น กุสลานิ วิย อุปตฺถมฺภานิ โหนฺติ นิพฺพตฺตตฺถาย. ปีเฬตฺวาติ วิเหเตฺวา ปฏิฆาฏนาทิวเสน อุจฺฉุเตลยนฺตาทโย วิย อุจฺฉุติลาทิเก วิพาเธตฺวา. นิโรชนฺติ นิตฺเตชํ. นิยูสนฺติ นิรสํ. กสฏนฺติ นิสฺสารํ. ปริสฺสยนฺติ อุปทฺทวํ.
อิทานิ ปริสฺสยสฺส อุปนยนาการํ ทสฺเสนฺเตน ตตฺถ, ‘‘ทารกสฺสา’’ติอาทึ วตฺวา โภคานํ วินาสนาการํ ทสฺเสตุํ, ปุน ‘‘ทารกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุมฺภโทหนาติ กุมฺภปูรขีรา. โคมณฺฑเลติ โคยูเถ.
อฏฺุสภคมนํ ¶ กตฺวาติ อฏฺอุสภปฺปมาณํ ปเทสํ ปจฺจตฺถิกํ อุทฺทิสฺส ธนุคฺคโห อนุยายึ กตฺวา. ตนฺติ สรํ. อฺโติ ปจฺจตฺถิโก. ตตฺเถว ปาเตยฺย อจฺจาสนฺนํ กตฺวา สรสฺส ขิตฺตตฺตา. วาฬมจฺโฉทกนฺติ มกราทิวาฬมจฺฉวนฺตํ อุทกํ.
ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกํ กมฺมํ ชนกกมฺมํ นาม ปริปุณฺณวิปากทายิภาวโต, น ปวตฺติวิปากมตฺตนิพฺพตฺตกํ. โภคสมฺปทาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาโรคฺยสมฺปทาทิ-ปริวารสมฺปทาทีนิ คณฺหาติ. น ทีฆายุกตาทีนิ หิ อปฺปายุกตาสํวตฺตนิเกน กมฺมุนา นิพฺพตฺตานิ; อฺํ ทีฆายุกตากรเณน อุปตฺถมฺเภตุํ สกฺโกติ; น อติทุพฺพณฺณํ อปฺเปสกฺขํ นีจกุลีนํ ทุปฺปฺํ วา วณฺณวนฺตตาทิวเสน. ตถา หิ วกฺขติ, ‘‘อิมสฺมึ ปน ปฺหวิสฺสชฺชเน’’ติอาทิ, ตํ ปน นิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปุริมานีติ อุปปีฬโกปจฺเฉทกานิ. อุปปีฬกุปฆาตา นาม กุสลวิปากปฏิพาหกาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทฺเว อกุสลาเนวา’’ติ วุตฺตํ. อุปตฺถมฺภกํ กุสลเมวาติ เอตฺถ ยถา ชนกํ อุภยสภาวํ, เอวํ อิตเรสมฺปิ อุภยสภาวตาย วุจฺจมานาย น โกจิ วิโรโธ. เทวทตฺตาทีนฺหิ นาคาทีนํ ¶ อิโต อนุปฺปวจฺฉิตานํ เปตาทีนฺจ นรกาทีสุ อกุสลกมฺมวิปากสฺส อุปตฺถมฺภนุปปีฬนุปฆาตนานิ น น สมฺภวนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ยา เหฏฺา พหูสุ อานนฺตริเยสุ เอเกน คหิตปฏิสนฺธิกสฺส อิตเรสํ ตสฺส อนุพลปฺปทายิตา วุตฺตา, สาปิ สมตฺถิตา โหติ. ยสฺมิฺหิ กมฺเม กเต ชนกนิพฺพตฺตํ กุสลผลํ วา อกุสลผลํ วา พฺยาธิธาตุสมตาทินิมิตฺตํ วิพาธียติ, ตมุปตฺถมฺภกํ. ยสฺมึ ปน กเต ชาติสมตฺถสฺส ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺติยฺจ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธาวิจฺเฉทปจฺจยานุปฺปตฺติยา อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกสามตฺถิยานุรูปํ ปริวุตฺติจิรตรปพนฺธา โหติ, เอตํ อุปตฺถมฺภกํ. ตถา ยสฺมึ กเต ชนกนิพฺพตฺตํ กุสลผลํ อกุสลผลํ วา พฺยาธิธาตุสมตาทินิมิตฺตํ วิพาธียติ, ตํ อุปปีฬกํ. ยสฺมึ ปน กเต ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลํ วิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกนฺติ อยเมตฺถ สาโร.
ตตฺถาติ ¶ เตสุ กมฺเมสุ. อุปจฺเฉทกกมฺเมนาติ อายุโน อุปฆาตกกมฺเมน. สฺวายมุปฆาตกภาโว ทฺวิธา อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาณาติปาตินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น สกฺโกติ ปาณาติปาตกมฺมุนา สนฺตานสฺส ตถาภิสงฺขตตฺตา. ยสฺมิฺหิ สนฺตาเน นิพฺพตฺตํ, ตสฺส เตน อภิสงฺขตตา อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพา ตตฺเถว ตสฺส วิปากสฺส วินิพนฺธนโต. เอเตน กุสลสฺส กมฺมสฺส อายูหนกฺขเณเยว ปาณาติปาโต ตาทิสํ สามตฺถิยุปฆาตํ กโรตีติ ทสฺเสติ, ตโต กมฺมํ อปฺปผลํ โหติ. ‘‘ทีฆายุกา’’ติอาทินา อุปฆาตสามตฺถิเยน เขตฺเต อุปฺปนฺนสสฺสํ วิย อุปปตฺตินิยามกา ธมฺมาติ ทสฺเสติ. อุปปตฺติ นิยตวิเสเส วิปจฺจิตุํ โอกาเส กโรนฺเต เอว กุสลกมฺเม อากฑฺฒิยมานปฏิสนฺธิกํ ปาณาติปาตกมฺมํ อปฺปายุกตฺถาย นิยเมตีติ อาห – ‘‘ปฏิสนฺธิเมว วา นิยาเมตฺวา อปฺปายุกํ กโรตี’’ติ. ปาณาติปาตเจตนาย อจฺจนฺตกฏุกวิปากตฺตา สนฺนิฏฺานเจตนาย นิรเย นิพฺพตฺตติ ตสฺสา อตฺถสฺส ขีณาภาวโต; อิตเร ปน น ตถา ภาริยาติ อาห – ‘‘ปุพฺพา…เป… โหตี’’ติ. อิธ ปน ยํ เหฏฺา วุตฺตสทิสํ, ตํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
มนุสฺสามนุสฺสปริสฺสยาติ มานุสกา อมานุสกา จ อุปทฺทวา. ปุรโตติ ปุพฺพทฺวารโต. ปจฺฉโตติ ปจฺฉิมวตฺถุโต. ปวฏฺฏมานาติ ปริชนสฺส, เทวตานํ วา เทเสน ปวฏฺฏมานา. ปเรหีติ ปุราตเนหิ ปเรหิ. สมฺมุขีภาวนฺติ สามิภาววเสน ปจฺจกฺขตฺตํ. อาหริตฺวา เทนฺติ อิณายิกา. กมฺมนฺตาติ วณิชฺชาทิกมฺมานิ. อปาณาติปาตกมฺมนฺติ ปาณาติปาตสฺส ปฏิปกฺขภูตํ กมฺมํ; ปาณาติปาตา วิรติวเสน ปวตฺติตกมฺมนฺติ อตฺโถ. ทีฆายุกสํวตฺตนิกํ โหติ วิปากสฺส กมฺมสริกฺขภาวโต ¶ . อิมินา นเยนาติ อิมินา อปฺปายุกทีฆายุกสํวตฺตนิเกสุ กมฺเมสุ ยถาวุตฺเตน ตํ สํวตฺตนิกวิภาวนนเยน.
วิเหนกมฺมาทีนิปีติ ปิ-สทฺเทน โกธอิสฺสามนกมจฺเฉรถทฺธอวิทฺทสุภาววเสน ปวตฺติตกมฺมานิ สงฺคณฺหาติ. ตเถวาติ ยถา ปาณาติปาตกมฺมํ อตฺถโต เอวํ วทติ นามาติ วุตฺตํ, ตเถว วทมานานิ วิย. ‘‘ยํ ยเทวาติปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ (ขุ. ปา. ๘.๑๐) วจนโต ยถา สพฺพกุสลํ สพฺพาสํ สมฺปตฺตีนํ อุปนิสฺสโย, เอวํ สพฺพํ อกุสลํ สพฺพาสํ วิปตฺตีนํ อุปนิสฺสโยติ, ‘‘อุปปีฬเนน นิพฺโภคตํ อาปาเทตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . ตถา หิ ปาณาติปาตกมฺมวเสนปิ อยํ นโย ทสฺสิโต. อวิเหนาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อกฺโกธน-อนิสฺสามน-ทาน-อนติมาน-วิทฺทสุภาเวน ปวตฺตกมฺมานิ สงฺคณฺหาติ.
๒๙๓. อิสฺสา มโน เอตสฺสาติ อิสฺสามนโกติ อาห ‘‘อิสฺสาสมฺปยุตฺตจิตฺโต’’ติ. อุปกฺโกสนฺโตติ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺโต. อิสฺสํ พนฺธตีติ อิสฺสํ อนุพนฺธติ อิสฺสาสหิตเมว จิตฺตํ อนุปวตฺเตติ. อปฺเปสกฺโขติ อปฺปานุภาโว อปฺปฺาโต. เตนาห ‘‘น ปฺายตี’’ติ. สา ปนสฺส อปฺปานุภาวตา ปริวาราภาเวน ปากฏา โหตีติ อาห ‘‘อปฺปปริวาโร’’ติ.
๒๙๔. มจฺฉริยวเสน น ทาตา โหตีติ สพฺพโส เทยฺยธมฺมสฺส อภาเวน น ทาตา น โหติ. อมจฺฉรี หิ ปุคฺคโล สติ เทยฺยธมฺเม ยถารหํ เทติเยว.
๒๙๕. อภิวาเทตพฺพํ เขตฺตวเสน มตฺถกปฺปตฺตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘พุทฺธํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺเปิ มาตุปิตุเชฏฺภาตราทโย อภิวาทนาทิอรหา สนฺติ, เตสุ ถทฺธาทิวเสน กรณํ นีจกุลสํวตฺตนิกเมว. น หิ ปวตฺเต สกฺกา กาตุนฺติ สมฺพนฺโธ. เตน ปวตฺติวิปากทายิโน กมฺมสฺส วิสโย เอโสติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิเมว ปนา’’ติอาทิ.
๒๙๖. อปริปุจฺฉเนนาติ อปริปุจฺฉามตฺเตน นิรเย น นิพฺพตฺตติ; อปริปุจฺฉาเหตุ ปน กตฺตพฺพากรณาทีหิ สิยา นิรยนิพฺพตฺตีติ ปาฬิยํ, ‘‘น ปริปุจฺฉิตา โหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อปริปุจฺฉโก ปนา’’ติอาทิมาห. ยถานุสนฺธึ ปาเปสีติ เทสนํ ยถานุสนฺธินิฏฺานํ ปาเปสิ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๒๙๘. กมฺมสฺส ¶ โมฆภาโว นาม ผเลน ตุจฺฉตา ผลาภาโวติ อาห – ‘‘โมฆนฺติ ตุจฺฉํ อผล’’นฺติ. ตถํ ภูตนฺติ สจฺจสทฺทสฺส อตฺถมาห. ปริพฺพาชโก ¶ ปน ‘‘สจฺจ’’นฺติ อิมินา ตเมว สผลนฺติ วทติ. สผลฺหิ กมฺมํ สตฺถุ อภิมตมโนกมฺมนฺติ อธิปฺปาโย. อิทฺจ ‘‘โมฆํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจนํ. ตํ คเหตฺวาติ ปรมฺปราย คเหตฺวา. เอสาติ โปตลิปุตฺโต ปริพฺพาชโก. อภิสฺานิโรธกถํ สนฺธาย วทติ. สาปิ หิ ติตฺถิยานํ อนฺตเร ปากฏา ชาตาติ. เถโรติ สมิทฺธิตฺเถโร. ยถา ภควตา วุตฺตํ, ตโต จ อฺถาว โทสาโรปนภเยน คเหตฺวา ตโต ภควนฺตํ เถโร รกฺขตีติ อธิปฺปาเยน ปริพฺพาชโก, ‘‘ปริรกฺขิตพฺพํ มฺิสฺสตี’’ติ อโวจาติ อาห – ‘‘ปริรกฺขิตพฺพนฺติ ครหโต โมจเนน รกฺขิตพฺพ’’นฺติ. สฺเจตนา อสฺส อตฺถีติ สฺเจตนิกํ. กมฺมนฺติ สฺเจตนิกสฺสปิ กมฺมสฺส อตฺตโน สมเย อิจฺฉิตตฺตา ปริพฺพาชเกน วุตฺตํ.
สงฺขตสงฺขารตาย รูปเมว ‘‘ติลมตฺตมฺปิ สงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘มํสจกฺขุนาว ปสฺสตี’’ติ. สมาคมทสฺสนํ สนฺธายาติ กตฺถจิปิ ตสฺส ทสฺสนํ สนฺธาย, น ปริฺาทสฺสนํ. เตนาห ภควา – ‘‘กุโต ปเนวรูปํ กถาสลฺลาป’’นฺติ.
๒๙๙. วฏฺฏทุกฺขนฺติ สํสารทุกฺขํ. กิเลสทุกฺขนฺติ กิเลสสมฺภวราคปริฬาหทุกฺขํ. สงฺขารทุกฺขนฺติ ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขนฺติ เอวํ วุตฺตทุกฺขํ. สเจ ภาสิตํ ภเวยฺยาติ อิมํ อีทิสํ ทุกฺขํ สนฺธาย อายสฺมตา สมิทฺธินา ภาสิตํ สิยา นุ ภควา, อวิภชิตฺวา พฺยากรณํ ยุตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย.
๓๐๐. อุมฺมงฺคนฺติ อุมฺมุชฺชนํ, กถามุฬฺเหน อนฺตรา อฺาณวิสยปฺหา อุมฺมงฺคํ. เตนาห – ‘‘ปฺหาอุมฺมงฺค’’นฺติ เนว ทิพฺพจกฺขุนาติ กสฺมา วุตฺตํ. น หิ ตํ อโยนิโส อุมฺมุชฺชนํ ทิพฺพจกฺขุวิสยนฺติ? กามฺเจตํ น ทิพฺพจกฺขุวิสยํ, ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑาวิสยํ ปน สิยาติ ตถา วุตฺตํ. อธิปฺปาเยเนวาติ อุทายิตฺเถรสฺส อธิปฺปาเยเนว คยฺหมาเนน ตํ อโยนิโย อุมฺมุชฺชนํ อฺาสิ. สนฺนิสีทิตุํ ปุพฺเพ นิสินฺนากาเรน สนฺนิสีทิตุํ น สกฺโกติ. สมิทฺธิตฺเถเรน อนภิสงฺขตสฺเสว อตฺถสฺส กถิตตฺตา, ‘‘ยํ อภูตํ, ตเทว กเถสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ¶ ‘‘อโยนิโส อุมฺมุชฺชิสฺสตี’’ติ. ติสฺโส เวทนา ปุจฺฉิตา, ‘‘กึ โส เวทิยตี’’ติ อวิภาเคน เวทิยมานสฺส ชาติตตฺตา. สุขาย เวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนิยํ. เตนาห ¶ – ‘‘สุขเวทนาย ปจฺจยภูต’’นฺติ. เสเสสูติ, ‘‘ทุกฺขเวทนิย’’นฺติอาทีสุ.
เหฏฺา ติกชฺฌานเจตนาติ เอตฺถ, ‘‘กุสลโต’’ติ อธิการโต รูปาวจรกุสลโต เหฏฺา ติกชฺฌานเจตนาติ อตฺโถ. เอตฺถาติ เอเตสุ กามาวจรรูปาวจรสุขเวทนิยกมฺเมสุ. อทุกฺขมสุขมฺปีติ ปิ-สทฺเทน อิฏฺารมฺมเณ สุขมฺปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ.
ยทิ กายทฺวาเร ปวตฺตโต อฺตฺถ อทุกฺขมสุขํ ชเนติ, อถ กสฺมา, ‘‘ทุกฺขสฺเสว ชนนโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘สา ปน เวทนา’’ติอาทิ.
จตุตฺถชฺฌานเจตนาติ เอตฺถ อรูปาวจรกุสลเจตนาติปิ วตฺตพฺพํ. ยถา หิ ‘‘กาเยน วาจาย มนสา’’ติ เอตฺถ ยถาลาภคฺคหณวเสน มนสา สุขเวทนิยํ อทุกฺขมสุขเวทนิยนฺติ อยมตฺโถ อรูปาวจรกุสเลปิ ลพฺภตีติ สุขมฺปิ ชเนติ อุกฺกฏฺสฺส าณสมฺปยุตฺตกุสลสฺส โสฬสวิปากจิตฺตนิพฺพตฺตนโต, อยฺจ นโย เหฏฺา, ‘‘อทุกฺขมสุขมฺปี’’ติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺโพ. ปุพฺเพ ปริยายโต ทุกฺขเวทนา วุตฺตา, สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ อิทานิ นิปฺปริยายโต ปุน ทสฺเสตุํ, ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน เอตฺถ ทุกฺขเวทนิยํ ปวตฺติวเสเนว วฏฺฏตีติ. เอตสฺสาติ ทุกฺขเวทนิยสฺส ปวตฺติวเสเนว ยุชฺชมานตฺตา เอตสฺส วเสน สพฺพํ สุขเวทนิยํ อทุกฺขมสุขเวทนิยฺจ ปวตฺติวเสเนว วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อาลโยติ อภิรุจิ. มหากมฺมวิภงฺคาณนฺติ มหติ กมฺมวิภชเน าณํ, มหนฺตํ วา กมฺมวิภชนาณํ. ภาชนํ นาม นิทฺเทโส, อยํ ปน อุทฺเทโสติ กตฺวา อาห – ‘‘กตเม จตฺตาโร…เป… มาติกาฏฺปน’’นฺติ.
๓๐๑. ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ ยถาอุทฺทิฏฺสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส อภาชนภาวโต, ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธีสุ จ อนนฺโตคธตฺตา. เตนาห ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิ. อิทํ อารมฺมณํ กตฺวาติ อิธ, ‘‘ปาณาติปาตึ อทินฺนาทายิ’’นฺติอาทินา ปุคฺคลาธิฏฺาเนน วุตฺตํ กมฺมวิภงฺคํ อารพฺภ. อิมํ ปจฺจยํ ลภิตฺวาติ ตสฺเสว เววจนํ. อิทํ ทสฺสนํ คณฺหนฺตีติ อิทํ, ‘‘อตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, นตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานี’’ติ จ อาทีนิ หตฺถิทสฺสกอนฺธาวิย ทิฏฺมตฺเต เอว ตฺวา อจิตฺตกทสฺสนฺจ คณฺหนฺติ. วีริยํ กิเลสานํ อาตาปนวเสน ¶ อาตปฺปํ, ตเทว ปทหวเสน ปธานํ, ¶ ปุนปฺปุนํ ยฺุชนวเสน อนุโยโค, ตถา ภาวนาย นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สมฺมา โยนิโส มนสิ กโรติ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโรติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาเยน, ‘‘ปฺจปิ วีริยสฺเสว นามานี’’ติ อาห. อปฺปมาโท วา สติยา อวิปฺปวาโส. ยสฺมึ มนสิกาเร สติ ตสฺส ทิพฺพจกฺขุาณํ อิชฺฌติ, อยเมตฺถ สมฺมามนสิกาโรติ เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เจโตสมาธินฺติ ทิพฺพจกฺขุาณสหคตํ จิตฺตสมาธึ. เตนาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุสมาธิ’’นฺติ. อฺถาติ อกุสลกมฺมกรณโต อฺถา, ตํ ปน กุสลกมฺมกรณํ โหตีติ อาห – ‘‘เย ทสฺสนฺนํ กุสลานํ กมฺมปถานํ ปูริตตฺตา’’ติ ทิฏฺิถาเมนาติ ทิฏฺิวเสน ทิฏฺิพเลน. ทิฏฺิปรามาเสนาติ ทิฏฺิวเสน ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรามาเสน. อธิฏฺหิตฺวาติ, ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ อธิฏฺาย อภินิวิสิตฺวา. อาทิยิตฺวาติ ทฬฺหคฺคาหํ คเหตฺวา. โวหรตีติ อตฺตโน คหิตคฺคหณํ ปเรสํ ทีเปนฺโต โวหรติ.
๓๐๒. ตตฺรานนฺทาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. อิทมฺปีติ อิทํ วจนํ. ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติ เอวมาทิวจนมฺปีติ อตฺโถ. น มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส ภาชนํ ตสฺส อนิทฺเทสภาวโต. อสฺสาติ มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส มาติกาฏฺปนเมว ทิพฺพจกฺขุกานํ สมณพฺราหฺมณานํ วเสน อนฺุาตพฺพสฺส จ ทสฺสนวเสน อุทฺเทสภาวโต. เตนาห ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถ ปนาติ ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติอาทิปาเ. เอเตสํ ทิพฺพจกฺขุกานนฺติ เอเตสํ เหฏฺา จตูสุปิ วาเรสุ อาคตานํ ทิพฺพจกฺขุกานํ. เอตฺตกาติ เอกจฺจิยา สจฺจคิรา. อนฺุาตาติ อนุชานิตา. อนนฺุาตาติ ปฏิกฺเขปิตา. อิธ อนนฺุาตมุเขน ทีปิตํ อนนฺุาตภาวมตฺตํ. ตตฺรานนฺทาติอาทิเก ตตฺราติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เตสุ จตูสุ สมณพฺราหฺมเณสู’’ติ อาห. อิทํ วจนํ ‘‘อตฺถิ กิร, โภ…เป… วิปาโก’’ติ อิทํ เอวํ วุตฺตํ. อสฺสาติ ตถาวาทิโน สมณพฺราหฺมณสฺส. อฺเนากาเรนาติ ‘‘โย กิร, โภ’’ติอาทินา วุตฺตการณโต อฺเน การเณน. ทฺวีสุ าเนสูติ ‘‘อตฺถิ กิร, โภ…เป… วิปาโก’’ติ จ, ‘‘อปายํ…เป… นิรยํ อุปปนฺน’’นฺติ จ อิเมสุ ¶ ทฺวีสุ ปาปเทเสสุ. อนฺุาตา ตทตฺถสฺส อตฺถิภาวโต. ตีสุ าเนสูติ ‘‘โย กิร, โภ…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ’’, ‘‘ยมฺปิ โส…เป… เต สฺชานนฺติ’’, ‘‘ยมฺปิ โส ยเทว…เป… โมฆมฺ’’นฺติ อิเมสุ ตีสุ ปาปเทเสสุ. อนนฺุาตา ตทตฺถสฺสาเนกนฺติกตฺตา มิจฺฉาภินิเวสโต จ. เตนาห ภควา – ‘‘อฺถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณ’’นฺติ. ยถา เต อปฺปหีนวิปลฺลาสา ปเทสาณสมณพฺราหฺมณา กมฺมวิภงฺคํ สฺชานนฺติ, ตโต อฺถาว สพฺพโส ปหีนวิปลฺลาสสฺส ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ โหตีติ อตฺโถ.
๓๐๓. อิมินา ¶ ทิพฺพจกฺขุเกน ยํ กมฺมํ กโรนฺโต ทิฏฺโ, ตโต ปุพฺเพติ โยชนา. ตโตติ ตโต กริยมานกมฺมโต ปุพฺเพ. ขนฺโทติ กุมาโร. สิโวติ อิสฺสโร. ปิตามโหติ พฺรหฺมา. อิสฺสราทีหีติ อิสฺสรพฺรหฺมปชาปติอาทีหิ. วิสฏฺโติ นิมฺมิโต. มิจฺฉาทสฺสเนนาติ มิจฺฉาทสฺสนวเสน. ยนฺติ ยํ กมฺมํ. ตตฺถาติ เตสุ ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตกมฺเมสุ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ปฏิสํเวเทตีติ โยชนา. อุปปชฺชิตฺวาติ ทุติยภเว นิพฺพตฺติตฺวา. อปรสฺมึ ปริยาเยติ อฺสฺมึ ยตฺถ กตฺถจิ ภเว.
เอกํ กมฺมราสินฺติ ปาณาติปาตาทิเภเทน เอกํ กมฺมสมุทายํ. เอกํ วิปากราสินฺติ ตสฺเสว องฺเคน เอกํ วิปากสมุทายํ. อิมินาติ ยถาวุตฺเตน ทิพฺพจกฺขุเกน สมเณน พฺราหฺมเณน วา อทิฏฺา. ตโยติ ‘‘ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหตี’’ติอาทินา วุตฺตา ตโย. ทฺเว วิปากราสีติ ทิฏฺธมฺมเวทนิโย อปราปริยายเวทนิโยติ ทฺเว วิปากราสี. อุปปชฺชเวทนิยํ ปน เตน ทิฏฺํ, ตสฺมา ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺโ เอโก, อทิฏฺา ตโยติ ทิฏฺเ จ อทิฏฺเ จ จตฺตาโร กมฺมราสี, ตถา ทิฏฺโ เอโก, อทิฏฺา ทฺเวติ ตโย วิปากราสี. อิมานิ สตฺต านานีติ ยถาวุตฺตานิ สตฺต าณสฺส ปวตฺตนฏฺานานิ. ‘‘อิมสฺส นาม กมฺมสฺส อิทํ ผลํ นิพฺพตฺต’’นฺติ กมฺมสฺส, ผลสฺส วา อทิฏฺตฺตา, ‘‘ทุติยวาเร ทิพฺพจกฺขุเกน กิฺจิ น ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. ปมํ วุตฺตนเยน ตโย กมฺมราสี เวทิตพฺพา, อิธ ทิพฺพจกฺขุเกน ทิฏฺสฺส อภาวโต, ‘‘ปจฺจตฺตฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ.
ภวติ วฑฺฒติ เอเตนาติ ภพฺพํ, วฑฺฒินิมิตฺตํ. น ภพฺพํ อภพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวิรหิต’’นฺติ. อตฺตโน ผเล ภาสนํ ทิพฺพนํ อาภาสนนฺติ อาห – ‘‘อาภาสติ อภิภวติ ปฏิพาหตี’’ติ. พลวกมฺมนฺติ มหาสาวชฺชํ กมฺมํ ครุสมาเสวิตาทิเภทํ. อาสนฺเนติ มรเณ, อภิณฺหํ อุปฏฺาเนน วา ¶ ตสฺส มรณจิตฺตสฺส อาสนฺเน. พลวกมฺมนฺติ ครุสมาเสวิตตาทิวเสน พลวํ กุสลกมฺมํ. ทุพฺพลกมฺมสฺสาติ อตฺตโน ทุพฺพลสฺส. อาสนฺเน กุสลํ กตนฺติ อิธาปิ อาสนฺนตา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อุปฏฺานากาเรนาติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล กมฺมสฺส อุปฏฺานากาเรน. ตสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส. นิพฺพตฺติการณภูตํ หุตฺวา อุปฏฺาติ อกุสลนฺติ โยชนา. ติตฺถิยา กมฺมนฺตรวิปากนฺตเรสุ อกุสลตาย ยํ กิฺจิ กมฺมํ ยสฺส กสฺสจิ วิปากสฺส การณํ กตฺวา คณฺหนฺติ หตฺถิทสฺสกอนฺธาทโย วิย ทิฏฺมตฺตาภินิเวสิโนติ, ‘‘อฺติตฺถิยา…เป… อุปฏฺาตี’’ติ วุตฺตํ. อิตรสฺมินฺติ ภพฺพฺเจว ภพฺพาภาสฺจ, ภพฺพํ อภพฺพาภาสนฺติ อิมสฺมึ ทฺวเย ¶ . เอเสว นโย ปมทุติยปุคฺคลวเสน ปุริมานํ ทฺวินฺนํ กมฺมานํ โยชนานโย วุตฺโต อุปฏฺานาการวเสน. อยเมว ตติยจตุตฺถปุคฺคลวเสน ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ กมฺมานํ โยชนานโย. ตติยสฺส หิ กมฺมสฺส กุสลตฺตา ตสฺส จ สคฺเค นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ การณภูตํ กุสลํ หุตฺวา อุปฏฺาติ; ตถา จตุตฺถสฺสปิ กมฺมสฺส กุสลตฺตา, ตสฺส ปน นิรเย นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ นิพฺพตฺติการณภูตํ อฺติตฺถิยานํ อกุสลํ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๐๔. เวทิตพฺพานีติ ¶ เอตฺถ ยถา วิทิตานิ ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ วฏฺฏทุกฺขสมติกฺกมาย โหนฺติ, ตถา เวทนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห – ‘‘สหวิปสฺสเนน มคฺเคน ชานิตพฺพานี’’ติ. ตตฺถ วิปสฺสนาย อารมฺมณโต มคฺเคน อสมฺโมหโต ชานนํ ทฏฺพฺพํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. มโน สวิเสสํ อุปวิจรติ อารมฺมเณ ปวตฺตติ เอเตหีติ มโนปวิจารา, วิตกฺกวิจารา. อารมฺมเณ หิ อภินิโรปนานุมชฺชเนหิ วิตกฺกวิจาเรหิ สห จิตฺตํ ปวตฺตติ, น ตพฺพิรหิตํ. เตนาห ‘‘วิตกฺกวิจารา’’ติอาทิ. สตฺตา ปชฺชนฺติ เอเตหิ ยถารหํ วฏฺฏํ วิวฏฺฏฺจาติ สตฺตปทา ¶ , เคหนิสฺสิตา วฏฺฏปทา. โยคฺคานํ ทมนอาจริยา โยคฺคาจริยา. เตนาห ‘‘ทเมตพฺพทมกาน’’นฺติ. เสสนฺติ วุตฺตาวเสสํ เอกสตฺตติวิธวิฺาณํ สผสฺสรูปกสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา.
๓๐๕. อิธาติ อิมิสฺสํ ฉวิฺาณกายเทสนายํ. มโนธาตุตฺตยวินิมุตฺตเมว มโนวิฺาณธาตูติ เวทิตพฺพํ.
จกฺขุมฺหิ สมฺผสฺโสติ จกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน สมฺผสฺโส. เตนาห – ‘‘จกฺขุวิาณสมฺปยุตฺตสมฺผสฺสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
ยถา เกวเลน วิฺาเณน รูปทสฺสนํ น โหติ, เอวํ เกวเลน จกฺขุปสาเทนปีติ วุตฺตํ ‘‘จกฺขุวิฺาเณนา’’ติ. เตน ปาฬิยํ จกฺขุนาติ นิสฺสยมุเขน นิสฺสิตกิจฺจํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวน. ‘‘อุปวิจรติ’’จฺเจว กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตตฺถ วิตกฺกพฺยาปาโรปิ อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิ. โส ปเนตฺถ ตคฺคติโกติ อาห – ‘‘วิตกฺโก ตํสมฺปยุตฺโต จา’’ติ. สมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ อุปวิจรณํ วิตกฺกวิจารานํเยเวตฺถ กิจฺจนฺติ ‘‘วิตกฺกวิจารสงฺขาตา มโนปวิจารา’’ติ วุตฺตํ. โสมนสฺสยุตฺโต อุปวิจาโร โสมนสฺสูปวิจาโร ยถา ‘‘อาชฺรโถ’’ติ อาห ‘‘โสมนสฺเสน สทฺธิ’’นฺติอาทิ.
๓๐๖. อุปวิจารานํ อุปสฺสยฏฺเน เคหํ วิยาติ เคหํ, รูปาทโยติ อาห – ‘‘เคหสฺสิตานีติ กามคุณนิสฺสิตานี’’ติ. นิจฺจสฺาทินิกฺขมนโต เนกฺขมฺมํ วิปสฺสนาติ, ‘‘เนกฺขมฺมสฺสิตานีติ ¶ วิปสฺสนานิสฺสิตานี’’ติ วุตฺตํ. อิฏฺานนฺติ กสิวณิชฺชาทิวเสน ปริยิฏฺานนฺติ อาห ‘‘ปริเยสิตาน’’นฺติ. ปิยภาโว ปน กนฺตสทฺเทเนว กถิโตติ กามิตพฺพานํ มโน รเมตีติ มโนรมานํ. โลเกน อามสียตีติ โลกามิสํ, ตณฺหา. ตาย คเหตพฺพตาย อิฏฺภาวาปาทเนน ปฏิสงฺขตตาย จ ปฏิสํยุตฺตานํ. อตีเต กตํ อุปฺปชฺชติ อารมฺมณิกอนุภวนสฺส อสมฺภวโตติ อธิปฺปาโย. เอทิสํ อนุสฺสรณํ ทิฏฺคฺคหณานุสฺสเรน จ โหตีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยถาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อนิจฺจาการนฺติ หุตฺวา อภาวาการํ. วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณาเมตพฺพฺเจว, ตโต เอว ปโลกิตํ ภงฺคฺจ. อฏฺกถายํ ปน ยสฺมา อุปฺปนฺนํ รูปํ เตเนวากาเรน น ติฏฺติ ¶ , อถ โข อุปฺปาทาวตฺถาสงฺขาตํ ปกตึ วิชหติ, วิชหิตฺจ ชราวตฺถาย ตโต วิคจฺฉติ, วิคจฺฉนฺตฺจ ภงฺคุปฺปตฺติยา นิรุชฺฌตีติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปกติวิชหเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ ‘‘ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต’’ติ วุตฺตํ, อนุโพธาณํ ปน อธิปฺเปตํ วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย วเสนาติ ‘‘วิปสฺสนาปฺายา’’ติ วุตฺตํ อุปวิจารนิทฺเทสภาวโต. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘ฉสุทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต’’ติอาทิ. สงฺขารานํ เภทํ ปสฺสโตติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวํ วีถิปฏิปนฺเนน วิปสฺสนาาเณน ปสฺสโต. เตนาห ‘‘สงฺขารคตมฺหิ ติกฺเข’’ติอาทิ. ตตฺถ สงฺขาคตมฺหีติ สงฺขารคเต วิสยภูเต. ติกฺเขติ ภาวนาพเลน อินฺทฺริยานฺจ สมตาย ติพฺเพ. สูเรติ ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, เตสฺจ อภิภวนสมตฺถตาย วิสเท ปฏุภูเต ปวตฺตนฺเต.
กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน วูปสนฺตตาย สนฺตจิตฺตสฺส, สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภิกฺขุโน, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสนฺนิสฺสิตตฺตา อมานุสี รตีติ วิเวกรติ เนกฺขมฺมรติ. ยโต ยโตติ ยถา ยถา นยวิปสฺสนาทีสุ เยน เยน สมฺมสนากาเรนาติ อตฺโถ. ขนฺธานํ อุทยพฺพยนฺติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธานํ อุปฺปาทฺจ ภงฺคฺจ. อมตนฺตํ วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ วิฺูนํ อารทฺธวิปสฺสนานํ ตํ ปีติปาโมชฺชํ อมตาธิคมเหตุตาย อมตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเตติ รูปาทิวเสน ฉพฺพิเธ อิฏฺารมฺมเณ ยถารหํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อาปาถคเต. วิสเย เจตํ ภุมฺมวจนํ.
๓๐๗. ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ. อนุตฺตรวิโมกฺโข นาม อรหตฺตํ อิธ อธิปฺเปตํ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน. กถํ ปน ตตฺถ ปิหํ อุปฏฺเปติ, น หิ อธิคตํ อรหตฺตํ อารมฺมณํ โหติ, น ¶ จ ตํ อารพฺภ ปิหา ปวตฺตตีติ? โก วา เอวมาห – ‘‘อรหตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปิหํ อุปฏฺเปตี’’ติ. อนุสฺสุติลทฺธํ ปน ปริกปฺปสิทฺธํ อรหตฺตํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนํ เปติ, ตตฺถ จิตฺตํ ปณิทหติ. เตนาห ภควา – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ. อายตนนฺติ อรหตฺตเมว ฉฬงฺคสมนฺนาคมาทิการณภาวโต, มนายตนธมฺมายตนภาวโต จ ตถา วุตฺตํ, ตํ ปเนตํ โทมนสฺสํ ¶ ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ ปตฺถนาย สหาวตฺตนโต. น หิ โลภโทสานํ สห วุตฺติ อตฺถิ. ปตฺถนามูลกตฺตาติ อิมินา อุปฏฺาปยโต ปทสฺส เหตุอตฺถโชตกตมาห. เอวนฺติ ‘‘กุทาสฺสุนามา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรน. อุสฺสุกฺกาเปตุนฺติ ยถา มคฺเคน ฆเฏติ, เอวํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ.
๓๐๘. อฺาณุเปกฺขาติ อฺาณสหิตา อุเปกฺขา อสมเปกฺขนปวตฺตา. เตน เตน มคฺโคธินา ตสฺส ตสฺส อปายคมนียกิเลโสธิสฺส อนวเสสโต ชิตตฺตา ขีณาสโว นิปฺปริยายโต โอธิชิโน นาม; ตทภาวโต ปุถุชฺชโน นิปฺปริยายโตว อโนธิชิโน นาม; เสโข ปน สิยา ปริยายโต โอธิชิโนติ. ตมฺปิ นิวตฺเตนฺโต, ‘‘อขีณาสวสฺสาติ อตฺโถ’’ติ อาห. อายตึ วิปากํ ชินิตฺวาติ อปฺปวตฺติกรณวเสน สพฺพโส อายตึ วิปากํ ชินิตฺวา ิตตฺตา ขีณาสโวว นิปฺปริยายโต วิปากชิโน นาม; ตทภาวโต ปุถุชฺชโน นิปฺปริยายโต อวิปากชิโน นาม; เสโข ปน สิยา ปริยายโต วิปากชิโนติ. ตมฺปิ นิวตฺเตนฺโต ‘‘อขีณาสวสฺเสวาติ อตฺโถ’’ติ อาห. อปสฺสนฺตสฺส รูปนฺติ ปาฬิโต ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปาฬิยํ ปุพฺเพ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วจนํ อนฺธปุถุชฺชนสฺสายํ อุเปกฺขา, น กลฺยาณปุถุชฺชนสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ. เคหสฺสิตา อุเปกฺขา หิ ยํ กิฺจิ อารมฺมณวตฺถุํ อเปกฺขสฺเสว, น นิรเปกฺขสฺสาติ อิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต วา อารมฺมเณ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต’’ติ. อฺาเณน ปน ตตฺถ อชฺฌุเปกฺขนาการปฺปตฺติ โหติ. เตนาห ‘‘คุฬปิณฺฑเก’’ติอาทิ.
อิฏฺเ อรชฺชนฺตสฺส อนิฏฺเ อทุสฺสนฺตสฺสาติ อิทํ เยภุยฺเยน สตฺตานํ อิฏฺเ รชฺชนํ, อนิฏฺเ ทุสฺสนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. อโยนิโยมนสิกาโร หิ ตํตํอารมฺมณวเสน น กตฺถจิปิ ชวนนิยมํ กโรตีติ วุตฺตวิปรีเตปิ อารมฺมเณ รชฺชนทุสฺสนํ สมฺภวติ, ตถาปิสฺส รชฺชนทุสฺสนํ อตฺถโต ปฏิกฺขิตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อสมเปกฺขเนติ อสมํ อยุตฺตทสฺสเน อโยนิโส สมฺโมหปุพฺพกํ อารมฺมณสฺส คหเณ.
๓๐๙. ปวตฺตนวเสนาติ อุปฺปาทนวเสน เจว พหุลีกรณวเสน จ. นิสฺสาย เจว อาคมฺม ¶ จาติ อาคมนฏฺานภูเต นิสฺสยปจฺจยภูเต จ ¶ กตฺวา. อติกฺกนฺตานิ นาม โหนฺติ วิกฺขมฺภเนน อุสฺสาเรนฺตา สมุสฺสาเรนฺตา.
โสมนสฺสภาวสามฺํ คเหตฺวา, ‘‘สริกฺขเกเนว สริกฺขกํ ชหาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิธาปิ ปหายกํ นาม ปหาตพฺพโต พลวเมว, สํกิเลสธมฺมานํ พลวภาวโต สาติสยํ ปน พลวภาวํ สนฺธาย ‘‘อิทานิ พลวตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พลวภาวโต โวทานธมฺมานํ อธิคมสฺส อธิปฺเปตตฺตา เหตฺถ เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสานมฺปิ ปหานํ โชติตํ.
อุเปกฺขาย ปหายกภาเวน อธิปฺเปตตฺตา ‘‘อุเปกฺขากถา เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ฌานสฺส อลาภิโน จ ลาภิโน จ ปกิณฺณกสงฺขารสมฺมสนํ สนฺธาย, ‘‘สุทฺธสงฺขาเร จ ปาทเก กตฺวา’’ติ. อุเปกฺขาสหคตาติ ภาวนาย ปคุณภาวํ อาคมฺม กทาจิ อชฺฌุเปกฺขนวเสนปิ หิ สมฺมสนํ โหตีติ. ปาทกชฺฌานวเสน, สมฺมสิตธมฺมวเสน วา อาคมนวิปสฺสนาย พหุลํ โสมนสฺสสหคตภาวโต ‘‘วุฏฺานคามินี ปน วิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาวา’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ. อุเปกฺขาสหคตา โหตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุตฺถชฺฌานาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อรูปชฺฌานานิ สงฺคณฺหาติ. ปุริมสทิสาวาติ ปุริมสทิสา เอว, อุเปกฺขาสหคตา วา โหติ โสมนสฺสสหคตา วาติ อตฺโถ. อิทํ สนฺธายาติ ยํ จตุตฺถชฺฌานาทิปาทกโต เอว อุเปกฺขาสหคตํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ นิสฺสาย โสมนสฺสสหคตาย วิปสฺสนาย ปหานํ, อิทํ สนฺธาย. ปหานนฺติ เจตฺถ สมติกฺกมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.
เอตํ วิเสสํ วิปสฺสนาย อาวชฺชนฏฺานภูตํ. วุฏฺานคามินิยา อาสนฺเน สมาปนฺนชฺฌานวิปสฺสนา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนา, สมฺมสิตธมฺโมติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา. ปุคฺคลชฺฌาสโยติ ปาทกชฺฌานสฺส สมฺมสิตชฺฌานสฺส จ เภเท สติ ปฏิปชฺชนกสฺส ปุคฺคลสฺส, ‘‘อโห วต มยฺหํ ปฺจงฺคิกํ ฌานํ ภเวยฺย จตุรงฺคิก’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ ปวตฺตอชฺฌาสโย. เตสมฺปิ วาเทติ เอตฺถ ปมเถรวาเท. อยเมว…เป… นิยเมติ ตโต ตโต ทุติยาทิปาทกชฺฌานโต อุปฺปนฺนสฺส สงฺขารุเปกฺขาาณสฺส ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ ¶ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตา วิราคภาวนาภาวโต อิตรสฺส จ อตพฺภาวโต. เอเตเนว หิ ปมเถรวาเท อปาทกปมชฺฌานปาทกมคฺคา ปมชฺฌานิกาว โหนฺติ, อิตเร จ ทุติยชฺฌานิกาทิมคฺคา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนานิยเมหิ ตํตํฌานิกาว. เอวํ เสสวาเทสุปิ วิปสฺสนานิยโม ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. เตนาห – ‘‘เตสมฺปิ วาเท อยเมว ปุพฺพภาเค วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาว นิยเมตี’’ติ. วุตฺตาว, ตสฺมา น อิธ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
๓๑๐. นานตฺตาทิ ¶ กามาวจราทิกุสลาทิวิภาคโต นานาวิธา. เตนาห ‘‘อเนกปฺปการา’’ติ. นานตฺตสิตาติ รูปสทฺทาทินานารมฺมณนิสฺสยา. เอกตฺตา เอกสภาวา ชาติภูมิอาทิวิภาคาภาวโต. เอการมฺมณนิสฺสิตาติ เอกปฺปกาเรเนว อารมฺมเณ ปวตฺตา. เหฏฺา อฺาณุเปกฺขา วุตฺตา ‘‘พาลสฺส มุฬฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๘). อุปริ ฉฬงฺคุเปกฺขา วกฺขติ ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๑๑). ทฺเว อุเปกฺขา คหิตา ทฺวินฺนมฺปิ เอกตฺตา, เอกชฺฌํ คเหตพฺพโต, นานตฺตสิตาย อุเปกฺขาย ปกาสิตภาวโต จ.
อฺาณุเปกฺขา อฺา สทฺทาทีสุ ตตฺถ ตตฺเถว วิชฺชมานตฺตา. รูเปสูติ จ อิมินา น เกวลํ รูปายตนวิเสสา เอว คหิตา, อถ โข กสิณรูปานิปีติ อาห – ‘‘รูเป อุเปกฺขาภาวฺจ อฺา’’ติอาทิ. เอกตฺตสิตภาโวปิ อิธ เอกตฺตวิสยสมฺปโยควเสเนว อิจฺฉิโต, น อารมฺมณวเสน จาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. สมฺปยุตฺตวเสนาติ สมฺปโยควเสน. อากาสานฺจายตนํ นิสฺสยตีติ อากาสานฺจายตนนิสฺสิตา, อากาสานฺจายตนขนฺธนิสฺสิตา. เสสาสุปีติ วิฺาณฺจายตนนิสฺสิตาทีสุปิ.
อรูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขายาติ อรูปาวจรธมฺมารมฺมณาย วิปสฺสนุเปกฺขาย. รูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตาย กามรูปารูปเภทาย ตณฺหาย นิพฺพตฺตาติ ตมฺมยา, เตภูมกธมฺมา, เตสํ ภาโว ตมฺมยตา, ตณฺหา ยสฺส คุณสฺส วเสน อตฺเถ สทฺทนิเวโส, ตทภิธานโกติ อาห – ‘‘ตมฺมยตา นาม ตณฺหา’’ติ ¶ . อตมฺมยตา ตมฺมยตาย ปฏิปกฺโขติ กตฺวา. วิปสฺสนุเปกฺขนฺติ, ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตํ สงฺขารวิจินเน มชฺฌตฺตภูตํ อุเปกฺขํ.
๓๑๑. ยทริโยติ เอตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อุปโยคปุถุวจเน จ ย-สทฺโทติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เย สติปฏฺาเน อริโย’’ติ อาห. กามํ ‘‘อริโย’’ติ ปทํ สพฺเพสมฺปิ ปฏิวิทฺธสจฺจานํ สาธารณํ, วกฺขมานสฺส ปน วิเสสสฺส พุทฺธาเวณิกตฺตา, ‘‘อริโย สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วุตฺตํ. น หิ ปจฺเจกพุทฺธาทีนํ อยมานุภาโว อตฺถิ. ตีสุ าเนสูติ น สุสฺสูสนฺตีติ วา, เอกจฺเจ น สุสฺสูสนฺติ เอกจฺเจ สุสฺสูสนฺตีติ วา, สุสฺสูสนฺตีติ วา, ปฏิปนฺนาปฏิปนฺนานํ สาวกานํ ปฏิปตฺติสงฺขาเตสุ ตีสุ สติปฏฺาเนสุ. สตึ ปฏฺเปนฺโตติ ปฏิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตฺตา ตทุภยนิวตฺตตฺตา สพฺพทา สตึ อุปฏฺเปนฺโต. พุทฺธานเมว สา นิจฺจํ อุปฏฺิตสติตา, น อิตเรสํ อาเวณิกธมฺมภาวโต. อาทเรน โสตุมิจฺฉา อิธ สุสฺสูสาติ ตทภาวํ ¶ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สทฺทหิตฺวา โสตุํ น อิจฺฉนฺตี’’ติ อาห. น อฺาติ ‘‘น อฺายา’’ติ วตฺตพฺเพ ยการโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘น ชานนตฺถายา’’ติ. สตฺถุ โอวาทสฺส อนาทิยนเมว โวกฺกมนนฺติ อาห – ‘‘อติกฺกมิตฺวา…เป… มฺนฺตี’’ติ.
เคหสฺสิตโทมนสฺสวเสนาติ อิทํ อิธ ปฏิกฺขิปิตพฺพมตฺตทสฺสนปทํ ทฏฺพฺพํ. เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสสฺสปิ สตฺถุ ปสงฺควเสน ‘‘น เจว อตฺตมโน โหตี’’ติ อตฺตมนปฏิกฺเขเปน อนตฺตมนตา วุตฺตา วิย โหตีติ ตํ ปฏิเสเธนฺโต – ‘‘อปฺปตีโต โหตีติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ. ตสฺส เสตุฆาโต หิ ตถาคตานํ. ยทิ เอวํ กสฺมา อตฺตมนตาปฏิกฺเขโปติ อาห – ‘‘อปฺปฏิปนฺนเกสุ ปน อนตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺต’’นฺติ. ปฏิฆอวสฺสเวนาติ ฉหิ ทฺวาเรหิ ปฏิฆวิสฺสนฺทเนน, ปฏิฆปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ. อุปฺปิลาวิโตติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ อุปฺปิลาวิตตฺตสฺส โพธิมูเล เอว ปหีนตฺตา. ปฏิปนฺนเกสูติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํ, อปฺปฏิปนฺนเกสุปิ ตถาคตสฺส อนตฺตมนตาการณํ นตฺเถว. เอตํ วุตฺตนฺติ เอตํ ‘‘อตฺตมโน เจว โหตี’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ ¶ สาวกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สตฺถุ อนวชฺชาย จิตฺตาราธนาย สมฺภวโต.
๓๑๒. ทมิโตติ นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สิกฺขาปิโต. อิริยาปถปริวตฺตนวเสน อปริวตฺติตฺวา เอกทิสาย เอว สตฺตทิสาวิธาวนสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา สาริตานํ หตฺถิทมฺมาทีนํ เอกทิสาธาวนมฺปิ อนิวตฺตนวเสเนว ยุตฺตนฺติ อาห – ‘‘อนิวตฺติตฺวา ธาวนฺโต เอกํเยว ทิสํ ธาวตี’’ติ. กาเยน อนิวตฺติตฺวาวาติ กาเยน อปริวตฺติตฺวา เอว. วิโมกฺขวเสน อฏฺ ทิสา วิธาวติ, น ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกนีหาเรเนว, เอกสฺมึเยว วา ทิวเส เอกภาเคน. ‘‘ปหาโร’’ติ หิ ทิวสสฺส ตติโย ภาโค วุจฺจติ. วิธาวนฺเจตฺถ ฌานสมาปชฺชนวเสน อกลงฺกมปฺปติสาตํ ชวนจิตฺตปวตฺตนฺติ อาห ‘‘สมาปชฺชติเยวา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๑๓. เทเสตพฺพสฺส ¶ อตฺถสฺส อุทฺทิสนํ อุทฺเทโส, วิภชนํ วิภงฺโคติ อาห – ‘‘มาติกฺจ วิภชนฺจา’’ติ ตุเลยฺยาติอาทีนิ จตฺตาริปิ ปทานิ ปฺาเววจนานิ. อถ วา ตุเลยฺยาติ ตุลนภูตาย ปฺาย ตสฺส ธมฺมสฺส ปคฺคหาทิวิธินา ปริตุเลยฺย. ตีเรยฺยาติ ตีรณภูตาย ปฺาย ตตฺถ าณกิริยาสมาปนวเสน ตีเรยฺย. ปริคฺคณฺเหยฺยาติ ตถาสมาปนฺโน อานิสํเส อสฺสาทอาทีนเว จ วิจิเนยฺย. ปริจฺฉินฺเทยฺยาติ ปริจฺฉินฺทภูเตน าเณน อตฺถํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชาเนยฺย. อารมฺมเณสูติ รูปาทิปุถุตฺตารมฺมเณสุ. นิกนฺติวเสนาติ นิกามนวเสน อเปกฺขาวเสน. ติฏฺมานนฺติ ปวตฺตมานํ. โคจรชฺฌตฺเตติ ฌานารมฺมณภูเต. ตฺหิ ภาวนาจิตฺเตนาภิภุยฺย อวิสฺสชฺชิตฺวา คยฺหมานํ อชฺฌตฺตํ วิย โหตีติ ‘‘โคจรชฺฌตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ภาวนํ อารทฺธสฺส ภิกฺขุโน ยทิ ภาวนารมฺมเณ นิกนฺติ อุปฺปชฺเชยฺย, ตาย นิกนฺติยา อุปริ ภาวนํ วิสฺสชฺเชตฺวา จิตฺตสํโกจวเสน สณฺิตํ นาม, ตทภาเวน อสณฺิตํ นาม โหตีติ, ‘‘อชฺฌตฺตํ อสณฺิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘โคจรชฺฌตฺเต นิกนฺติวเสน อสณฺิต’’นฺติ ¶ อาห. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘นิกนฺติวเสน หิ อติฏฺมานํ หานภาคิยํ น โหติ, วิเสสภาคิยเมว โหตี’’ติ. อคฺคเหตฺวาติ รูปาทีสุ กิฺจิ ตณฺหาทิคฺคาหวเสน อคฺคเหตฺวา. ตถา อคฺคหเณเนว หิ ตณฺหาปริตาสาทิวเสน น ปริตสฺเสยฺย. อวเสสสฺส จ ทุกฺขสฺสาติ โสกาทิทุกฺขสฺส. อวเสสสฺส จ ทุกฺขสฺสาติ วา ชาติชรามรณสีเสน วิปากทุกฺขสฺส คหิตตฺตา กิเลสทุกฺขสฺส เจว สํสารทุกฺขสฺส จาติ อตฺโถ.
๓๑๖. รูปเมว กิเลสุปฺปตฺติยา การณภาวโต รูปนิมิตฺตํ. ราคาทิวเสน ตํ อนุธาวตีติ รูปนิมิตฺตานุสารี.
๓๑๘. นิกนฺติวเสน อสณฺิตนฺติ อเปกฺขาวเสน สณฺิตํ นิกนฺตึ ปหาย ปวตฺตมานํ อุปริ วิเสสาวหโตติ. เตนาห ‘‘นิกนฺติวเสน หี’’ติอาทิ.
๓๒๐. อคฺคเหตฺวา อปริตสฺสนาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ, ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ตณฺหาทิคฺคาหวเสน อุปาทิยิตฺวา ตณฺหาปริตาสาทิวเสน ปริตสฺสนา, วุตฺตวิปริยาเยน อคฺคเหตฺวา อปริตสฺสนา เวทิตพฺพา. กถํ ปเนสา อนุปาทาปริตสฺสนา โหตีติ มหาเถรสฺส อธิปฺปายํ ¶ วิวริตุํ โจทนํ สมุฏฺเปติ? อุปาทาตพฺพสฺส อภาวโตติ ตสฺส อนุปาทาปริตสฺสนาภาเว การณวจนํ. ยทิ หีติอาทิ ตสฺส สมตฺถนํ. อุปาทาปริตสฺสนาว อสฺส ตถา อุปาทาตพฺพสฺส ตเถว อุปาทินฺนตฺตา. เอวนฺติ นิจฺจาทิอากาเรน. อุปาทินฺนาปีติ คหิตปรามฏฺาปิ. อนุปาทินฺนาว โหนฺติ อโยนิโส คหิตตฺตา, วิฺูสุ นิสฺสาย ชานิตพฺพตฺตา จ. ทิฏฺิวเสนาติ มิจฺฉาทิฏฺิยา คหณาการวเสน, ตสฺส ปน อยถาภูตคาหิตาย ปรมตฺถโต จ อภาวโต. อตฺถโตติ ปรมตฺถโต. อนุปาทาปริตสฺสนาเยว นาม โหติ อุปาทาตพฺพาการสฺส อภาเวน ตํ อนุปาทิยิตฺวา เอว ปริตสฺสนาติ กตฺวา.
ปริวตฺตตีติ น ตเทว รูปํ อฺถา ปวตฺตํ ปริวตฺตติ, อถ โข ปกติชหเนน สภาววิคเมน นสฺสติ ภิชฺชติ. วิปริณตนฺติ อฺถตฺตํ คตํ วินฏฺํ. กมฺมวิฺาณนฺติ อภิสงฺขารวิฺาณํ. ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติอาทิ มิจฺฉาคาหวเสน วิฺาณสฺส รูปเภเทน วุตฺตสฺส เภทานุปริวตฺติ โหติ. วิปริณามํ อนุคนฺตฺวา วิปริวตฺตนตํ อารพฺภ ปวตฺตํ วิปริณามานุปริวตฺตํ; ตโต ¶ สมุปฺปนฺนา ปริตสฺสนา วิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนาติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘วิปริณามสฺส…เป… ปริตสฺสนา’’ติ. อกุสลธมฺมสมุปฺปาทา จาติ, ‘‘ยํ อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถี’’ติอาทินา ปวตฺตา อกุสลจิตฺตุปฺปาทธมฺมา. เขเปตฺวาติ ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน อนุปฺปตฺตินิมิตฺตตาย เขเปตฺวา. ภยตาเสนาติ ภายนวเสนปิ จิตฺตุตฺราเสน. ตณฺหาตาเสนาติ ตสฺสเนน. สวิฆาโตติ จิตฺตวิฆาตนวิฆาเตน สวิฆาโต. ตโต เอว เจโตทุกฺเขน สทุกฺโข. มณิกรณฺฑกสฺายาติ ริตฺตกรณฺฑํเยว มณิปริปุณฺณกรณฺโฑติ อุปฺปนฺนสฺาย. อคฺคเหตฺวา ปริตสฺสนาติ คเหตพฺพสฺส อภาเวน คหณมฺปิ อวิชฺชมานปกฺขิยเมวาติ อคฺคเหตฺวา ปริตสฺสนา นาม โหติ.
๓๒๑. กมฺมวิฺาณเมว นตฺถิ สติ กมฺมวิฺาเณ รูปเภทานุปริวตฺติ สิยาติ กมฺมวิฺาณาภาวทสฺสนมุเขน ขีณาสวสฺส สพฺพโส กิเลสาภาวํ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๒๓. เคหสฺสิตวเสนาติ ¶ กิเลสนิสฺสิตวเสน อนุโรธวเสน. เนว อุกฺขิเปยฺยาติ น อนุคฺคณฺเหยฺย. น อวกฺขิเปยฺยาติ เคหสฺสิตวเสน วิโรธวเสน น นิคฺคณฺเหยฺย. อนุโรเธน วินา สมฺปหํสนวเสน ยถาภูตคุณกถนํ เนวุสฺสาทนา วชฺชาภาวโต; ตถา วิโรเธน วินา วิเวจนวเสน ยถาภูตโทสกถนํ น อปสาทนํ. สภาวเมวาติ ยถาภูตสภาวเมว กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส อนาเทสกรณวเสน กเถยฺย, เสยฺยถาปิ อายสฺมา สุภูติตฺเถโร. วินิจฺฉิตสุขนฺติ, ‘‘อชฺฌตฺตํ อนวชฺช’’นฺติอาทินา วิเสสโต วินิจฺฉิตสุขาย โหติ. ปรมฺมุขา อวณฺณนฺติ สฺวายํ รโหวาโท เปสฺุูปสํหารวเสน ปวตฺโต อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปิสุณวาจนฺติ อตฺโถ’’ติ. ขีณาตีติ ขีโณ, โย ภาสติ, ยฺจ อุทฺทิสฺส ภาสติ, ทฺเวปิ หึสติ วิพาธตีติ อตฺโถ, ตํ ขีณวาทํ. สฺวายํ ยสฺมา กิเลเสหิ อากิณฺโณ สํกิลิฏฺโ เอว จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อากิณฺณํ ¶ สํกิลิฏฺํ วาจ’’นฺติ. เตน อวสิฏฺํ ติวิธมฺปิ วจีทุจฺจริตมาห. อธิฏฺหิตฺวาติ, ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อชฺโฌสาย. อาทายาติ ปคฺคยฺห. โวหเรยฺยาติ สมุทาจเรยฺย. โลกสมฺนฺติ โลกสงฺเกตํ.
๓๒๔. อารมฺมณโต สมฺปโยคโต กาเมหิ ปฏิสํหิตตฺตา กามปฏิสนฺธิ, กามสุขํ. เตนาห ‘‘กามูปสํหิเตน สุเขนา’’ติ. สทุกฺโขติ วิปากทุกฺเขน สํกิเลสทุกฺเขน สทุกฺโข. ตถา สปริฬาโหติ วิปากปริฬาเหน เจว กิเลสปริฬาเหน จ สปริฬาโห.
๓๒๖. วฏฺฏโต นิสฺสริตุํ อทตฺวา ตตฺเถว สีทาปนโต มิจฺฉาปฏิปทาภาเวน สตฺเต สํโยเชตีติ สํโยชนํ, วิเสสโต ภวสํโยชนํ ตณฺหาติ อาห ‘‘ตณฺหาเยตํ นาม’’นฺติ. น ตณฺหาเยว มานาทโยปิ สํโยชนตฺตํ สาเธนฺติ นาม สพฺพโส สํโยชนโต สุฏฺุ พนฺธนโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๕-๑๒๖).
อิมํ จตุกฺกนฺติ, ‘‘เย กามปฏิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนุยุตฺตา, เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา’’ติ เอวมาคตํ อิมํ จตุกฺกํ นิสฺสาย. ‘‘เอตทคฺเค ปิโต’’ติ, วตฺวา ตํ นิสฺสาย ปิตภาวํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ, ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุสฺสาทนาอปสาทนา ¶ ปฺายนฺติ ตถาคเตน วิเนตพฺพปุคฺคลวเสน ธมฺมเทสนาย ปวตฺเตตพฺพโต. อยํ ปุคฺคโล…เป… อาจารสมฺปนฺโนติ วา นตฺถิ ปเรสํ อนุทฺเทสกวเสน ธมฺมเทสนาย ปวตฺตนโต.
๓๒๙. ปรมฺมุขา อวณฺณนฺติ นินฺทิยสฺส โทสสฺส นินฺทนํ. น หิ กทาจิ นินฺทิโย ปสํสิโย โหติ, ตํ ปน กาลํ ตฺวาว กเถตพฺพนฺติ อาห, ‘‘ยุตฺตปตฺตกาลํ ตฺวาวา’’ติ. ขีณวาเทปิ เอเสว นโย ตสฺส รโหวาเทน สมานโยคกฺขมตฺตา.
๓๓๐. ฆาตียตีติ วธียติ. สทฺโทปิ ภิชฺชติ นสฺสติ, เภโท โหตีติ อตฺโถ. เคลฺปฺปตฺโตติ เขทํ ปริสฺสมํ ปตฺโต. อปลิพุทฺธนฺติ โทเสหิ อนนุปติตํ.
๓๓๑. อภินิวิสฺส ¶ โวหรตีติ เอวเมตํ, น อิโต อฺถาติ ตํ ชนปทนิรุตฺตึ อภินิวิสิตฺวา สมุทาจรติ. อติธาวนนฺติ สมฺํ นาเมตํ โลกสงฺเกตสิทฺธา ปฺตฺตีติ ปฺตฺติมตฺเต อฏฺตฺวา ปรมตฺถโต ถามสา ปรามสฺส โวหรณํ.
๓๓๒. อปรามสนฺโตติ อนภินิวิสนฺโต สมฺามตฺตโตว โวหรติ.
๓๓๓. มริยาทภาชนียนฺติ ยถาวุตฺตสมฺมาปฏิปทาย มิจฺฉาปฏิปทาย จ อฺมฺํ สงฺกรภาววิภาชนํ. รณนฺติ สตฺตา เอเตหิ กนฺทนฺติ อกนฺทนฺตาปิ กนฺทนการณภาวโตติ รณา; ราคโทสโมหา, ทสปิ วา กิเลสา, สพฺเพปิ วา เอกนฺตากุสลา, เตหิ นานปฺปการทุกฺขนิพฺพตฺตเกหิ อภิภูตา สตฺตา กนฺทนฺติ; สห รเณหีติ สรโณ. รณสทฺโท วา ราคาทิเรณูสุ นิรุฬฺโห. เตนาห ‘‘สรโช สกิเลโส’’ติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘สทุกฺโข เอโส ธมฺโม’’ติอาทินา อาคตตฺตา กามสุขานุโยคาทโยปิ ‘‘สรโณ’’ติ วุตฺตาติ ทุกฺขาทีนํ รณภาโว ตนฺนิพฺพตฺตกสภาวานํ อกุสลานํ สรณตา จ เวทิตพฺพา. อรโณติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
วตฺถุํ โสเธตีติ นิโรธสมาปชฺชเนน มหปฺผลภาวกรเณน ทกฺขิเณยฺยวตฺถุภูตํ อตฺตานํ วิโสเธติ; นิโรธสมาปตฺติยา วตฺถุวิโสธนํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ มหากสฺสปตฺเถราทีนํ ทินฺนทกฺขิณาวิสุทฺธิยา ทีเปตพฺพํ. เตนาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. ตเถวาติ อิมินา ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺโต’’ติอาทึ อุปสํหรติ. เมตฺตาภาวนาย มุทุภูตจิตฺตพหุมานปุพฺพกํ เทนฺตีติ ¶ , ‘‘สุภูติตฺเถโร ทกฺขิณํ วิโสเธตี’’ติ วุตฺตํ. เตน ทายกโตปิ ทกฺขิณาวิสุทฺธึ ทสฺเสติ. วตฺถุโสธนํ ปน ปฏิภาคโต. เอวํ ปน กาตุํ สกฺกาติ สาวกานมฺปิ กิเมวํ ลหุวุฏฺานาธิฏฺานํ สาวเกสุ จิณฺณวสีภาโว สมฺภวตีติ ปุจฺฉติ. อิตโร อคฺคสาวกมหาสาวเกสุ กึ วตฺตพฺพํ, ปกติสาวเกสุปิ วสิปฺปตฺเตสุ ลพฺภตีติ เต ทสฺเสนฺโต, ‘‘อาม สกฺกา’’ติอาทิมาห. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. ธาตุวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๔๒. อปริกฺขีณายุกํ ¶ ¶ ปุกฺกุสาติกุลปุตฺตํ อุทฺทิสฺส คมนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตุริตคมนจาริก’’นฺติ. มม วาสุปคมเนน ตว จิตฺตสฺส อผาสุกํ อนิฏฺํ สเจ นตฺถิ. โสติ ปุพฺพุปคโต. ทินฺนํ ทินฺนเมว วฏฺฏตีติ เอกวารํ ทินฺนํ ทินฺนเมว ยุตฺตํ, น ปุน ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กตํ กตเมวาติ สงฺคหตฺถํ กตํ อนุจฺฉวิกกมฺมํ กตเมว, น ตํ ปุน วิปริวตฺเตตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
ปุกฺกุสาติมฺหิ อุภยถาปิ กุลปุตฺตภาโว ปริปุณฺโณ เอวาติ อาห – ‘‘ชาติกุลปุตฺโตปิ อาจารกุลปุตฺโตปี’’ติ. ตตฺราติ ตสฺมึ ตกฺกสีลโต อาคมเน. องฺเก นิปนฺนทารกํ วิย ชนํ โตเสติ ตุฏฺึ ปาเปติ. รตนานิ อุปฺปชฺชนฺติ ปพฺพตสมุทฺทาทิสนฺนิสฺสิตตฺตา ปจฺจนฺตเทสสฺส. ทสฺสนียนฺติ ทสฺสเนเนว สุขาวหํ. เอวรูปนฺติ ทสฺสนียํ สวนียฺจ.
อนคฺฆกมฺพเล มหคฺฆกมฺพเล. สารกรณฺฑเกติ จนฺทนสาราทิสารมยกรณฺฑเก. ลิขาเปตฺวา อุกฺกิราเปตฺวา. ลาขาย วฏฺฏาเปตฺวาติ มุขํ ปิทหิตฺวา ลาขาปริกมฺมํ กาเรตฺวา.
อนฺโต ทุสฺสภณฺฑิกํ อตฺถีติ อฺาสิ นาติครุกภาวโต. อนคฺฆา อเหสุนฺติ วณฺณสมฺปตฺติผสฺสสมฺปตฺติปมาณมหตฺตทุนฺนิมฺมาปิยตาหิ มหคฺฆา อเหสุํ, มหาปฺุโ ราชา ตสฺส อตฺเถวาติ อธิปฺปาโย.
ยทิ เอวํ, ‘‘กินฺนุ โข เปเสมี’’ติ กสฺมา วีมํสํ อาปชฺชีติ อาห – ‘‘อปิจ โข ปนา’’ติอาทิ. โสติ พิมฺพิสาโร ราชา. วิจินิตุํ อารทฺโธ รตนสฺส อเนกวิธตฺตา อุตฺตรุตฺตริฺจ ปณีตตราทิภาวโต. สุวณฺณรชตาทีติ สุวณฺณรชตปวาฬมณิมุตฺตาเวฬุริยาทิ. อินฺทฺริยพทฺธนฺติ จกฺขาทิอินฺทฺริยปฏิพทฺธํ. ปเทสนฺติ คุณวเสน เอกเทสํ น ปาปุณาติ.
สามํ สจฺจานํ อภิสมฺพุทฺธตาสามฺเน, ‘‘พุทฺธรตนมฺปิ ทุวิธ’’นฺติ วุตฺตํ. พุทฺธรตนสมํ รตนํ นาม นตฺถิ, ยสฺมา ปน อิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน พุทฺเธน สทิโส น วิชฺชตีติ. ปมโพธิยํเยว ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘โฆโสปี’’ติอาทิ.
ราชา ¶ ตุฏฺโ จินฺเตสิ, ‘‘ตตฺถ อวิชฺชมานํเยว เปเสตุํ ลทฺธ’’นฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริปุณฺณํ เอกทิวสมฺปิ ตสฺมึ ปเทเส พุทฺธานํ อาวาสปริคฺคโห ¶ นตฺถิ, ตสฺมา. ปุพฺพทิสามุขนฺติ ปุพฺพทิสาภิมุขํ สีหปฺชรํ. เตนสฺส สุวิภูตาโลกตํ ทสฺเสติ.
เอวํ อนฺสาธารณสฺส ภควโต อีทิโส สมุทาคโมติ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอวํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สมฺปนฺนสมุทาคมสฺส ตทนุรูปา อยํ ผลสมฺปทาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตุสิตภวนโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อริยธมฺโม นาม อริยมคฺคปฺปธาโน, อริยมคฺโค จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยสงฺคโห, เต จ อุทฺเทสมตฺเตเนว คหิตาติ อาห – ‘‘สตฺตตึสโพธิปกฺขิเย เอกเทเสน ลิขิตฺวา’’ติ. จูฬสีลาทีนิ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๘-๙) อาคตนเยน เวทิตพฺพานิ. ฉทฺวารสํวรํ สติสมฺปชฺนฺติ มนจฺฉฏฺานํ ทฺวารานํ สํวรณวเสน สตฺตฏฺานิกํ สติสมฺปชฺํ. ทฺวาทสปฺปเภทํ จีวราทิจตุปฺปจฺจยสนฺโตสํ. อรฺรุกฺขมูลาทีนฺจ วิภงฺคํ ภาวนานุกูลํ เสนาสนํ. ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา วุตฺตํ นีวรณปฺปหานํ. ปริกมฺมนฺติ กสิณาทิปริกมฺมํ. ปาฬิยํ อาคตนเยน อฏฺตึส กมฺมฏฺานานิ. วิสุทฺธิปฏิปาฏิยา ยาว อาสวกฺขยา อิมํ ปฏิปตฺตึ เอกเทเสน ลิขิ. โสฬสวิธนฺติ โสฬสวิธภาวนาย ปโยคํ.
กิลฺชมเยติ นานาวิธภิตฺติวิภตฺเต สณฺหสุขุมรตนปริสิพฺพิเต กิลฺชมยสมุคฺเค. พหิ วตฺเถน เวเตฺวาติ ปมํ สุขุมกมฺพเลน เวเตฺวา ปฏิปาฏิยา เตตฺตึสาย สมุคฺเคสุ ปกฺขิปิตฺวา ตโต พหิ สุขุมวตฺเถน เวเตฺวา ฉาเทตฺวา. ติณคจฺฉปหานสมฺมชฺชนาทินา โสธิตมตฺตกเมว โหตุ, กทลิปุณฺณฆฏปนธชปฏากุสฺสาปนาทิอลงฺกรเณน มา นิฏฺาเปถาติ อตฺโถ. ราชานุภาเวน ปฏิยาเทถาติ มม ราชานุรูปํ สชฺเชถ, อลงฺกโรถาติ อตฺโถ. อนฺตรโภคิกานนฺติ อนุยุตฺตราชมหามตฺตานํ. ชวนทูเตติ ขิปฺปํ คจฺฉนฺตกทูตปุริเส. ตาเฬหิ สห อวจรนฺตีติ ตาฬาวจรา.
รฺา ปณฺณาการํ อุทฺทิสฺส กตปูชาสกฺการสฺส อมจฺจโต สุตตฺตา ปณฺณาการํ อุจฺจฏฺาเน เปตฺวา สยํ นีจาสเน นิสินฺโน. นายํ อฺสฺส รตนสฺส ภวิสฺสตีติ อยํ ปริหาโร อฺสฺส มณิมุตฺตาทิเภทสฺส รตนสฺส น ภวิสฺสติ มณิมุตฺตาทีหิ อภิสงฺขตตฺตา. พลวโสมนสฺสํ ¶ อุปฺปชฺชิ จิรตนกาลํ พุทฺธสาสเน ภาวิตภาวนตาย วาสิตวาสนตาย ฆเฏ ทีโป วิย อพฺภนฺตเร เอว สมุชฺชลมานปริปกฺกติเหตุกภาวโต.
ธาเรมีติ ¶ อิจฺฉามิ, คณฺหามีติ อตฺโถ. ทฺเวชฺฌวจนนฺติ ทฺเวฬฺหกภาโว. อนฺตรํ กโรตีติ ทฺวินฺนํ ปาทานํ อนฺตรํ ตํ เลขํ กโรติ, เอเกน ปาเทน อติกฺกมีติ อตฺโถ. ตสฺสา คตมคฺเคนาติ ตาย เทวิยา วิวฏฺฏมานาย นาสิตาย คตมคฺเคน. ตํ ปน เลขนฺติ ปุกฺกุสาตินา กตเลขํ. ปณฺณจฺฉตฺตกนฺติ ตาลปตฺตมุฏฺึ.
สตฺถุคารเวนาติ สตฺถริ อุปฺปนฺนปสาทเปมพหุมานสมฺภเวน. ตทา สตฺถารํเยว มนสิ กตฺวา ตนฺนินฺนภาเวน คจฺฉนฺโต, ‘‘ปุจฺฉิสฺสามี’’ติปิ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสิ, ‘‘เอตฺถ นุ โข สตฺถา วสตี’’ติ ปริวิตกฺกสฺเสว อภาวโต; ราชคหํ ปน ปตฺวา รฺโ เปสิตสาสนวเสน ตตฺถ จ วิหารสฺส พหุภาวโต สตฺถา กหํ วสตีติ ปุจฺฉิ. สตฺถุ เอกกสฺเสว นิกฺขมนํ ปฺจจตฺตาลีส โยชนานิ ปทสา คมนฺจ ธมฺมปูชาวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมปูชาย จ พุทฺธานํ อาจิณฺณภาโว เหฏฺา วิตฺถาริโตเยว. พุทฺธโสภํ ปน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฺาตกเวเสน ตตฺถ คมนํ ตสฺส กุลปุตฺตสฺส วิสฺสตฺถวเสน มคฺคทรถปฏิปสฺสมฺภนตฺถํ. อปฺปฏิปสฺสทฺธมคฺคทรโถ หิ ธมฺมเทสนาย ภาชนํ น โหตีติ. ตถาหิ วกฺขติ, ‘‘นนุ จ ภควา’’ติอาทิ.
อุรุทฺธนฺติ วิสาลนฺติ เกจิ. อติเรกติโยชนสตนฺติอาทินา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ มจฺเฉรวินยเน สพฺรหฺมจารีนํ โอวาททานํ. อจฺจนฺตสุขุมาโลติอาทินา สตฺถุ ธมฺมคารเวน สทฺธึ กุลปุตฺตสฺสปิ ธมฺมคารวํ สํสนฺทติ สเมตีติ ทสฺเสติ. เตน ภควโต กตสฺส ปจฺจุคฺคมนสฺส านคตภาวํ วิภาเวนฺโต อฺเสมฺปิ ภพฺพรูปานํ กุลปุตฺตานํ ยถารหํ สงฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.
พฺรหฺมโลกปฺปมาณนฺติ อุจฺจภาเวน. อานุภาเวนาติ อิทฺธานุภาเวน ยถา โส โสตปถํ น อุปคจฺฉติ, เอวํ วูปสเมตุํ สกฺโกติ. อวิพฺภนฺตนฺติ วิพฺภมรหิตํ นิลฺโลลุปฺปํ. ‘‘ภาวนปุํสกํ ปเนต’’นฺติ วตฺวา ตสฺส วิวรณตฺถํ, ‘‘ปาสาทิเกน อิริยาปเถนา’’ติ วุตฺตํ. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เอตํ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ยถา อิริยโต’’ติอาทิ. อมนาโป ¶ โหติ ปสฺสนฺตานํ. สีหเสยฺยาย นิปนฺนสฺสปิ หิ เอกจฺเจ สรีราวยวา อโธขิตฺตวิกฺขิตฺตา วิย ทิสฺสนฺติ. กฏิยํ ทฺวินฺนํ อูรุสนฺธีนํ ทฺวินฺนฺจ ชาณุสนฺธีนํ วเสน จตุสนฺธิกปลฺลงฺกํ. น ปติฏฺาตีติ นปฺปวตฺตติ, ‘‘กํสิ ตฺว’’นฺติอาทินา อปุจฺฉิเต กถาปวตฺติ เอว น โหติ. อปฺปติฏฺิตาย กถาย น สฺชายตีติ ตถา ปน ปุจฺฉาวเสน กถาย อปฺปวตฺติตาย อุปริ ธมฺมกถา น สฺชายติ น อุปฺปชฺชติ. อิตีติ ตสฺมา. กถาปติฏฺาปนตฺถํ กถาปวตฺตนตฺถํ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ วา ปุจฺฉิ.
สภาวเมว ¶ กเถตีติ อตฺตโน ภควโต อทิฏฺปุพฺพตฺตา ‘‘อทิฏฺปุพฺพกํ กถมหํ ชาเนยฺย’’นฺติ สภาวเมว เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสยเมว กเถติ; น ปน สเทวกสฺส โลกสฺส สุปากฏํ สภาวสิทฺธํ พุทฺธรูปกายสภาวํ. อถ วา สภาวเมว กเถตีติ ‘‘อิทเมว’’นฺติ ชานนฺโตปิ ตทา ภควโต รุจิยา ตถาปวตฺตมานํ รูปกายสภาวเมว กเถติ อปฺปวิกฺขมฺภนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘ตถา หิ น’’นฺติอาทิ, วิปสฺสนาลกฺขณเมว ปฏิปทนฺติ อธิปฺปาโย.
๓๔๓. ‘‘ปุพฺพภาคปฏิปทํ อกเถตฺวา’’ติ วตฺวา ปุพฺพภาคปฏิปทาย อกถเน การณํ ปุพฺพภาคปฏิปทฺจ สรูปโต ทสฺเสตุํ, ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปริสุทฺธายปิ ปุพฺพภาคปฏิปทาย วิปสฺสนา ตถา น กิจฺจการี, ปเคว อวิชฺชมานายาติ, ‘‘ยสฺส หิ…เป… อปริสุทฺธา โหติ’’จฺเจว วุตฺตํ. ปุพฺพภาคปฏิปทา จ นาม สงฺเขปโต ปนฺนรส จรณธมฺมาติ อาห – ‘‘สีลสํวรํ…เป… อิมํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ อาจิกฺขตี’’ติ. ยานกิจฺจํ สาเธติ มคฺคคมเนน อกิลนฺตภาวสาธนตฺตา. จิรกาลํ ปริภาวิตาย ปริปกฺกคตาย เหตุสมฺปทาย อุปฏฺาปิตํ สามเณรสีลมฺปิ ปริปุณฺณํ อขณฺฑาทิภาวปฺปตฺติยา, ยํ ปุพฺพเหตุตฺตา ‘‘สีล’’นฺติ วุจฺจติ.
ธาตุโย ปรมตฺถโต วิชฺชมานา, ปฺตฺติมตฺโถ ปุริโส อวิชฺชมาโน. อถ กสฺมา ภควา อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตํ วิปสฺสนํ กเถนฺโต ‘‘ฉธาตุโร’’ติ อวิชฺชมานปฺปธานํ เทสนํ อารภีติ อาห – ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ. กตฺถจิ ‘‘เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติอาทีสุ วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ. กตฺถจิ – ‘‘อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๑) อวิชฺชมาเนน วิชฺชมานํ ทสฺเสติ. กตฺถจิ ‘‘จกฺขุวิฺาณํ ¶ โสตวิฺาณ’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๒๑) วิชฺชมาเนน วิชฺชมานํ ทสฺเสติ. กตฺถจิ – ‘‘ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกฺาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๗๕) อวิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ. อิธ ปน วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ. ‘‘ฉธาตุโร’’ติ หิ สมาสตฺโถ อวิชฺชมาโน ปุคฺคลวิสยตฺตา, ตสฺส ปทสฺส อวยวตฺโถ ปน อปฺปธานตฺโถ วิชฺชมาโน, โส สทฺทกฺกเมน อปฺปธาโนปิ อตฺถกฺกเมน ปธาโนติ อาห – ‘‘วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. ปุคฺคลาธิฏฺานาเยตฺถ เทสนาย การณํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปฏฺาเปยฺยาติ – ‘‘ธาตุโย’’อิจฺเจว กุลปุตฺตสฺส จิตฺตํ นิเวเสยฺย ตถา สฺชาเนยฺย, เอวํ ธมฺมํ เทเสยฺยาติ อตฺโถ. สนฺเทหํ กเรยฺยาติ อสติ ปุริเส โก กโรติ? โก ปฏิสํเวเทติ, ธาตุโย เอวาติ กึ นุ โข อิทํ, กถํ นุ โข อิทนฺติ สํสยํ อุปฺปาเทยฺย? สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยาติ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร วตฺตมานํ วิย เทสิยมาเน อตฺเถ สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺย ¶ . ตถาภูโต จ เทสนาย อภาชนภูตตฺตา เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น สกฺกุเณยฺย. เอวมาหาติ เอวํ ‘‘ฉธาตุโร’’ติ อาห.
ยํ ตฺวํ ปุริโสติ สฺชานาสีติ ยํ รูปารูปธมฺมสมูหํ ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ อธิฏฺานวิเสสวิสิฏฺํ – ‘‘ปุริโส สตฺโต อิตฺถี’’ติอาทินา ตฺวํ สฺชานาสิ, โส ฉธาตุโร. สนฺเตสุปิ ฉธาตุวินิมุตฺเตสุ ธาตฺวนฺตเรสุ สุขาวคฺคหณตฺถํ ตถา วุตฺตํ ตคฺคหเณเนว จ เตสํ คเหตพฺพโต, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. เสสปเทสูติ ‘‘ฉผสฺสายตโน’’ติอาทิปเทสุปิ. จตฺตาริ อธิฏฺานานิ จตสฺโส ปติฏฺา เอตสฺสาติ จตุราธิฏฺาโน, อธิติฏฺติ ปติฏฺหติ เอเตนาติ อธิฏฺานํ, เยสุ ปติฏฺาย อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อธิคจฺฉติ, เตสํ ปฺาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. เตนาห ‘‘สฺวายํ ภิกฺขู’’ติอาทิ. เอตฺโตติ วฏฺฏโต. วิวฏฺฏิตฺวาติ วินิวฏฺฏิตฺวา อปสกฺกิตฺวา. เอตฺโตติ วา เอเตหิ ฉธาตุอาทีหิ. เอตฺถ หิ นิวิฏฺสฺส อายตฺตสฺส อุตฺตมาย สิทฺธิยา อสมฺภโวติ. ปติฏฺิตนฺติ อริยมคฺคาธิคมวเสน สุปฺปติฏฺิตํ. เอวฺหิ สพฺพโส ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน ตตฺถ ปติฏฺิโต โหติ. มฺสฺสวา นปฺปวตฺตนฺตีติ ฉหิปิ ทฺวาเรหิ ปวตฺตมานโสตาย มคฺเคน วิโสสิตาย สพฺพโส วิคตาย สพฺพโส วิจฺเฉทปฺปตฺติยา น สนฺทนฺติ. เตนาห ‘‘นปฺปวตฺตนฺตี’’ติ. ยสฺมา มาเน ¶ สพฺพโส สมุจฺฉินฺเน อสมุจฺฉินฺโน อนุปสนฺโต กิเลโส นาม นตฺถิ, ตสฺมา อาห – ‘‘มุนิ สนฺโตติ วุจฺจตี’’ติ ราคคฺคิอาทีนํ นิพฺพาเนน นิพฺพุโต.
ปฺํ นปฺปมชฺเชยฺยาติ, ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๓.๑๕; วิภ. ๕๑๙; มหานิ. ๑๖๑) อปฺปมาทปฺปฏิปตฺติยา สมาธิวิปสฺสนาปฺํ นปฺปมชฺเชยฺย. เอเตน ปุพฺพภาคิยํ สมถวิปสฺสนาภาวนมาห. สจฺจมนุรกฺเขยฺยาติ สจฺจานุรกฺขนาปเทเสน สีลวิโสธนมาห; สจฺเจ ิโต สมาทินฺนสีลํ อวิโกเปตฺวา ปริปูเรนฺโต สมาธิสํวตฺตนิยตํ กโรติ. เตนาห ‘‘วจีสจฺจํ รกฺเขยฺยา’’ติ. กิเลสปริจฺจาคํ พฺรูเหยฺยาติ ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ ปริจฺจชนวิธึ วฑฺเฒยฺย. กิเลสวูปสมนํ สิกฺเขยฺยาติ ยถา เต กิเลสา ตทงฺคาทิวเสน ปริจฺจตฺตา ยถาสมุทาจารปฺปวตฺติยา สนฺตาเน ปริฬาหํ น ชเนนฺติ; เอวํ กิเลสานํ วูปสมนวิธึ สิกฺเขยฺย ปฺาธิฏฺานาทีนนฺติ โลกุตฺตรานํ ปฺาธิฏฺานาทีนํ. อธิคมตฺถายาติ ปฏิลาภตฺถาย.
๓๔๗. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตานนฺติ, ‘‘จตุราธิฏฺาโน, ยตฺถ ิตํ มฺสฺสวา นปฺปวตฺตนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๓) เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตานํ.
๓๔๘. วตฺตพฺพํ ภเวยฺยาติ นิทฺเทสวเสน วตฺตพฺพํ ภเวยฺย. อาทีหีติ เอวมาทีหิ. กิจฺจํ นตฺถิ กิจฺจาภาวโต. อุปฺปฏิปาฏิธาตุกนฺติ อยถานุปุพฺพิกํ. ยถาธมฺมวเสเนวาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ ยถาสภาเวเนว. สปฺปายํ ธุตงฺคนฺติ อตฺตโน กิเลสนิคฺคณฺหนโยคฺคํ ธุตงฺคํ. จิตฺตรุจิตนฺติ อตฺตโน จิตฺตปกติยา อาจริเยหิ วิโรเจตพฺพํ, จริยานุกูลนฺติ อตฺโถ. หตฺถิปโทปมสุตฺตาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน วิสุทฺธิมคฺคธาตุวิภงฺคาทึ สงฺคณฺหาติ.
๓๕๔. อยมฺเปตฺถาติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘อถาปรํ อุเปกฺขาเยว อวสิสฺสตี’’ติ อุปริเทสนํ สมฺปิณฺเฑติ. โสปิ หิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธีติ. นนุ จายํ ยถาอุทฺทิฏฺาย วิฺาณธาตุยา นิทฺเทโสปิ ¶ ภวิสฺสตีติ ยถานุสนฺธินโย วิชฺชตีติ? น, วิฺาณธาตุนิทฺเทสนเยน เทสนาย อปฺปวตฺตตฺตา เตนาห ‘‘เหฏฺโต’’ติอาทิ. ยํ วา ปนาติอาทินา ปน เทสนาย สานุสนฺธิตํ วิภาเวติ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต อนนุสนฺธิกํ เทสนํ เทเสนฺติ. อาคมนียวิปสฺสนาวเสนาติ ยสฺสา ปุพฺเพ ปวตฺตตฺตา อาคมนียฏฺาเน ิตา วิปสฺสนา, ตสฺสา วเสน. กมฺมการกวิฺาณนฺติ ‘‘เนตํ มม เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ เอวํ วิปสฺสนากิจฺจการกํ วิปสฺสนาสหิตํ วิฺาณํ. วิฺาณธาตุวเสนาติ ยถาอุทฺทิฏฺาย วิฺาณธาตุยา ภาชนวเสน. สตฺถุ กถนตฺถายาติ สตฺถารา อุทฺเทสเมว กตฺวา ปิตตฺตา นิทฺเทสวเสน กถนตฺถาย. อกถิตภาโว เอว หิสฺส อวสิฏฺตา กถนตฺถาย ปฏิวิชฺฌนตฺถาย จ. ปฏิปกฺขวิคเมน ตสฺส จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตาติ อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลส’’นฺติ. อุปกฺกิเลสานํ ปน ปหีนภาวโต ปริโยทาตํ. สมุทยวเสน อุทยทสฺสนตฺถฺเจว ปจฺจยนิโรธวเสน อตฺถงฺคมทสฺสนตฺถฺจ. การณภาเวน สุขาย เวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนิยํ. เตนาห ‘‘สุขเวทนาย ปจฺจยภูต’’นฺติ.
๓๖๐. รูปกมฺมฏฺานมฺปิ จตุธาตุววตฺถานวเสน, อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ สุขทุกฺขเวทนามุเขน ปคุณํ ชาตํ.
สตฺถุ กถนตฺถํเยว อวสิสฺสตีติ, ‘‘กุลปุตฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนตฺถ’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ นิเสเธติ, ตสฺมา วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถตุํ, ‘‘อิมสฺมึ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุลปุตฺตสฺส รูปาวจรชฺฌาเนติ กุลปุตฺเตน อธิคตรูปาวจรชฺฌาเน. เตนาห – ‘‘ภิกฺขุ ปคุณํ ตว อิทํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาน’’นฺติ. ยํ กิฺจิ สุวณฺณตาปนโยคฺยํ ¶ องฺคารภาชนํ อิธ ‘‘อุกฺกา’’ติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘องฺคารกปลฺล’’นฺติ. สชฺเชยฺยาติ ยถา ตตฺถ ปกฺขิตฺตสุวณฺณฺจ ตปฺปติ, เอวํ ปฏิยาทิเยยฺย. นีหฏโทสนฺติ วิคตีภูตกาฬกํ. อปนีตกสาวนฺติ อปคตสุขุมกาฬกํ.
อริยมคฺเค ปติฏฺาเปตุกาเมน นาม สพฺพสฺมิมฺปิ โลกิยธมฺเม วิรชฺชนตฺถาย ธมฺโม กเถตพฺโพติ อธิปฺปาเยน, ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา โจทนา กตา. วิเนยฺยทมนกุสเลน ภควตา เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ตาว จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขาย วณฺโณ กถิโตติ ตสฺส ปริหารํ วทนฺโต, ‘‘กุลปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห.
๓๖๑. ตทนุธมฺมนฺติ ¶ ตสฺส อรูปาวจรสฺส กุสลสฺส อนุรูปธมฺมํ, ยาย ปฏิปทาย ตสฺส อธิคโม โหติ, ตสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘รูปาวจรชฺฌาน’’นฺติ. ตคฺคหณาติ ตสฺส คหเณน ตสฺสา ปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชมาเนน. อิโต อุตฺตรินฺติ ‘‘วิฺาณฺจายตน’’นฺติอาทีสุ.
๓๖๒. ตสฺเสวาติ อรูปาวจรชฺฌานสฺส. เอตํ ปน สวิปากํ อรูปาวจรชฺฌานํ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตํ. ปกปฺปิตนฺติ ปจฺจยวเสน สวิหิตํ. อายูหิตนฺติ สมฺปิณฺฑิตํ. กโรนฺเตน กรียตีติ ปฏิปชฺชนเกน ปฏิปชฺชียติ สงฺขรียติ. นิพฺพานํ วิย น นิจฺจํ น สสฺสตํ. อถ โข ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวตาย ตาวกาลิกํ. ตโต เอว จวนาทิสภาวนฺติ สพฺพเมตํ รูปาวจรธมฺเมสุ อาทีนววิภาวนํ. ทุกฺเข ปติฏฺิตนฺติ สงฺขารทุกฺเข ปติฏฺิตํ. อตาณนฺติ จวนสภาวาทิตาย ตาณรหิตํ. อเลณนฺติ ตโต อรกฺขตฺตา ลียนฏฺานรหิตํ. อสรณนฺติ อปฺปฏิสรณํ. อสรณีภูตนฺติ สพฺพกาลมฺปิ อปฺปฏิสรณํ.
สมตฺตปตฺตวิเส ขนฺธาทีสุ คหิเต ทุตฺติกิจฺฉา สิยาติ, ‘‘ขนฺธํ วา สีสํ วา คเหตุํ อทตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวเมวาติ เอตฺถายํ อุปมาสํสนฺทนา – เฉโก ภิสกฺโก วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วิสวิกาโร วิย กิเลสทุกฺขานุพนฺโธ, ภิสกฺกสฺส วิสํ านโต จาเวตฺวา อุปริ อาโรปนํ วิย ภควโต เทสนานุภาเวน กุลปุตฺตสฺส กามภเว นิกนฺตึ ปริยาทาย อรูปชฺฌาเน ภวนํ. ภิสกฺกสฺส วิสํ โอตาเรตฺวา ปถวิยํ ปาตนํ วิย กุลปุตฺตสฺส โอรมฺภาคิยกิเลสทุกฺขาปนยนํ.
อสมฺปตฺตสฺสาติ อรูปาวจรชฺฌานํ อนธิคตสฺส. อปฺปฏิลทฺธสฺเสวาติ ตสฺส เววจนํ. สพฺพเมตนฺติ ¶ ‘‘อนิจฺจํ อธุว’’นฺติอาทินา วิตฺถารโต วุตฺตํ สพฺพเมตํ อาทีนวํ. เอกปเทเนว ‘‘สงฺขตเมต’’นฺติ กเถสิ สงฺขตปเทเนว ตสฺส อตฺถสฺส อนวเสสโต ปริยาทินฺนตฺตา.
นายูหตีติ ภวการณเจตนาวเสน พฺยาปารํ น สมูเหติ น สมฺปิณฺเฑติ. เตนาห – ‘‘น ราสึ กโรตี’’ติ. อภิสงฺขรณํ นาม เจตนาพฺยาปาโรติ อาห – ‘‘น อภิสฺเจตยตี’’ติ. ตํ ปน ผลุปฺปาทนสมตฺถตาย ผเลน กปฺปนนฺติ อาห ‘‘น กปฺเปตี’’ติ. สเจ อภิสงฺขารเจตนา อุฬารา, ผลมหตฺตสงฺขาตาย วุฑฺฒิยา โหติ, อนุฬารา จ อวุฑฺฒิยาติ อาห – ‘‘วุฑฺฒิยา วา ปริหานิยา วา’’ติ. พุทฺธวิสเย ตฺวาติ ภควา ¶ อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตาย สีหสมานวุตฺติตาย จ เทสนํ อุกฺกํสโต สาวเกหิ ปตฺตพฺพํ วิเสสํ อนวเสเสนฺโต ตถา วทติ, น สาวกวิสยํ อติกฺกมิตฺวา อตฺตโน พุทฺธวิสยเมว เทเสนฺโต. เตนาห – ‘‘อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหี’’ติ. ยทิ กุลปุตฺโต อตฺตโน…เป… ปฏิวิชฺฌิ, อถ กสฺมา ภควา เทสนาย อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหีติ อาห ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ.
อิโต ปุพฺเพติ อิโต อนาคามิผลาธิคมโต อุตฺตริ อุปริ. อสฺสาติ กุลปุตฺตสฺส. กเถนฺตสฺส ภควโต ธมฺเม เนว กงฺขา น วิมติ ปมมคฺเคเนว กงฺขาย สมุจฺฉินฺนตฺตา. เอกจฺเจสุ าเนสูติ ตถา วิเนยฺยาเนสุ. ตถา หิ อยมฺปิ กุลปุตฺโต อนาคามิผลํ ปตฺวา ภควนฺตํ สฺชานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยโต อเนนา’’ติอาทิ.
๓๖๓. อนชฺโฌสิตาติ อนชฺโฌสนียาติ อยมตฺโถติ อาห – ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา คเหตุํ น ยุตฺตา’’ติ.
๓๖๔. ราโคว อนุสโย ราคานุสโย, โส จ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารโหติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ วุตฺตํ – ‘‘สุขเวทนํ อารพฺภ ราคานุสโย อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. น ปน ตสฺส อุปฺปาทนํ อตฺถิ ขณตฺตยสมาโยคาสมฺภวโต. เอส นโย เสเสสุปิ. อิตรนฺติ อทุกฺขมสุขเวทนํ. วิสํยุตฺโตติ เกนจิ สฺโชเนน อสํยุตฺตตาย เอว นิยตวิปฺปยุตฺโต. กายสฺส โกฏิ ปรโม อนฺโต เอตสฺสาติ กายโกฏิกํ. ทุติยปเทติ ‘‘ชีวิตปริยนฺติก’’นฺติ อิมสฺมึ ปเท. วิเสวนสฺสาติ อุปาทานสฺส. สีตีภวิสฺสนฺตีติ ปทสฺส ‘‘นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, กถํ ปน เวทยิตานํ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ นิรุชฺฌนํ สีติภาวปฺปตฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห – ‘‘กิเลสา หี’’ติอาทิ. สมุทยปฺเหนาติ มหาสติปฏฺาเน (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓) สมุทยสจฺจนิโรธปฺเหน. นนุ สพฺพโส กิเลสปริฬาหวิคเม สีติภาโว ¶ นาม เวทนานิโรธมตฺเตน อธิปฺเปโต; เตน อิธ เวทยิตานิ วุตฺตานิ, น กิเลสาติ เวทยิตานํ อจฺจนฺตนิโรธสงฺขาโต สีติภาโวปิ กิเลสสมุจฺเฉเทเนวาติ อาห ‘‘เวทยิตานิปี’’ติอาทิ.
๓๖๕. อิทํ ¶ โอปมฺมสํสนฺทนนฺติ เอตฺถ สฺโชนา ทีปสิขา วิย, อธิฏฺานกปลฺลิกา วิย เวทนาย นิสฺสยภูตา จตฺตาโร ขนฺธา, เตลํ วิย กิเลสา, วฏฺฏิ วิย กมฺมวฏฺฏํ, อุปหรณกปุริโส วิย วฏฺฏคามี ปุถุชฺชโน, ตสฺส สีสจฺเฉทกปุริโส วิย อรหตฺตมคฺโค สนฺตานสฺส สมุจฺเฉทกรณโต, อนาหาราย ทีปสิขาย นิพฺพายนํ วิย กมฺมกิเลสานํ อนนฺตรปจฺจยโต อนาหาราย เวทนาย อนุปาทิเสสวเสน นิพฺพายนํ.
อาทิมฺหิ สมาธิวิปสฺสนาปฺาหีติ ปุพฺพภาคปฏิปทาภูตา ตยา ปคุณสมาธิโต อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตวิปสฺสนาปฺาโต จ. อุตฺตริตราติ วิสิฏฺตรา. เอวํ สมนฺนาคโตติ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท อิทํสทฺทตฺถวจโนติ อาห – ‘‘อิมินา อุตฺตเมน อรหตฺตผลปฺาธิฏฺาเนนา’’ติ. สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ เขเปตีติ สพฺพทุกฺขกฺขโย, อคฺคมคฺโค, ตํปริยาปนฺนตาย ตตฺถ าณนฺติ อาห – ‘‘สพฺพทุกฺขกฺขเย าณํ นาม อรหตฺตมคฺเค าณ’’นฺติ. อรหตฺตผเล าณํ อธิปฺเปตํ วุตฺตนเยน สพฺพทุกฺขกฺขเย สนฺเต ตนฺนิมิตฺตํ วา อุปฺปนฺนาณนฺติ กตฺวา. ตสฺสาติ, ‘‘เอวํ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อิมินา ปรเมน ปฺาธิฏฺาเนน สมนฺนาคโต โหตี’’ติ วุตฺตภิกฺขุโน.
๓๖๖. หีติ ยสฺมา. วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ, ตสฺมา สพฺพทุกฺขกฺขเย าณนฺติ อรหตฺตผลาณํ อธิปฺเปตํ. สจฺจนฺติ ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํ, น มคฺคสจฺจํ. กามํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ ปฏิปกฺเขหิ อโกปนียตาย อกุปฺปา, ‘‘สจฺเจ ิตา’’ติ ปน วจนโต, ‘‘อกุปฺปารมฺมณกรเณน อกุปฺปาติ วุตฺตา’’ติ อาห. วิตถนฺติ นฏฺํ, ชราย มรเณน จ วิปริณาเมตพฺพตาย ยาทิสํ อุปฺปาทาวตฺถาย ชาตํ, ตโต อฺาทิสนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ ตํ ชรามรเณหิ ปริมุสิตพฺพรูปตาย ‘‘มุสา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘โมสธมฺมนฺติ นสฺสนสภาว’’นฺติ. ตํ อวิตถนฺติ ตํ วุตฺตนเยน อวิตถํ นาม, ตํ สภาโว สพฺพกาลํ เตเนว ลพฺภนโต. สมถวิปสฺสนาวเสน วจีสจฺจโตติ สมถวิปสฺสนาวเสน ยํ วิสุทฺธิมตฺตํ วจีสจฺจํ, ตโต. ทุกฺขสจฺจสมุทยสจฺเจหิ ตจฺฉวิปลฺลาสภูตสภาเวหิ. อิติ เนสํ ยถาสกํ สภาเวน อวิตถภาเว อโมสธมฺมตาย เตหิปิ อวิตถภาวา ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานเมว อุตฺตริตรํ. ตสฺมาติ นิพฺพานสฺเสว อุตฺตริตรภาวโต.
๓๖๗. อุปธียติ ¶ ¶ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธี, ขนฺธา กามคุณา จ. อุปทหนฺติ ทุกฺขนฺติ อุปธี, กิเลสาภิสงฺขารา. ปริปูรา คหิตา ปรามฏฺาติ ปริยตฺตภาเวน ตณฺหาย คหิตา ทิฏฺิยา ปรามฏฺา. สมถวิปสฺสนาวเสน กิเลสปริจฺจาคโตติ วิกฺขมฺภนวเสน ตทงฺคปฺปหานวเสน จ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต. อุตฺตริตโร วิสิฏฺตรสฺส ปหานปฺปการสฺส อภาวโต.
๓๖๘. อาฆาตกรณวเสนาติ เจตสิกาฆาตสฺส อุปฺปชฺชนวเสน. พฺยาปชฺชนวเสนาติ จิตฺตสฺส วิปตฺติภาววเสน. สมฺปทุสฺสนวเสนาติ สพฺพโส ทุสฺสนวเสน. ตีหิ ปเทหิ ยทิ อรหตฺตมคฺเคน กิเลสานํ ปริจฺจาโค จาคาธิฏฺานํ, อรหตฺตมคฺเคเนว เนสํ วูปสโม อุปสมาธิฏฺานํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถ วิเสเสน ปริจฺจาโค สมฺปชหนํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ จาโค, ตถา ปน ปริจฺจาเคน โย โส เนสํ ตทา วูปสนฺตตาย อภาโว, อยํ อุปสโมติ อยเมเตสํ วิเสโส.
๓๖๙. มฺิตนฺติ มฺนา, ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา กปฺปนาติ อตฺโถ. อวิชฺชาวิพนฺธนตณฺหาคาหาทีนํ สาธารณภาวโต อยมหนฺติ เอตฺถ อหนฺติ ทิฏฺิมฺนาทสฺสนํ, สา ปน ทิฏฺิ มานมฺนาย อตฺตนิยคาหวเสน โหตีติ สฺเวว ‘‘อย’’นฺติ อิมินา คหิโตติ อาห – ‘‘อยมหนฺติ เอกํ ตณฺหามฺิตเมว วฏฺฏตี’’ติ. อาพาธฏฺเนาติ ปฏิปีฬนฏฺเน. มฺนาวเสน หิ สตฺตานํ ตถา โหติ. อนฺโตโทสฏฺเนาติ อพฺภนฺตรทุฏฺภาเวน. มฺนาทูสิตตฺตา หิ สตฺตานํ อตฺตภาโว ทุกฺขตามูลายตฺโต, กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทนิโรธภงฺเคหิ อุทฺธมุทฺธํ ปกฺกปภินฺโน โหตีติ ผลูปจาเรน ‘‘มฺิตํ คณฺโฑ’’ติ วุตฺโต. อนุปวิฏฺฏฺเนาติ อนุปวิสิตฺวา หทยมาหจฺจ อธิฏฺาเนน. มฺิตฺหิ ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุรุทฺธรณโต สลฺลํ. ขีณาสวมุนิ สพฺพโส กิเลสานํ สนฺตตฺตา, ตโต เอว ปริฬาหานํ ปรินิพฺพุตตฺตา วูปสนฺตตฺตา สนฺโต อุปสนฺโต นิพฺพุโตติ วุจฺจติ. ยตฺถ ิตนฺติ ยสฺมึ อเสกฺขภูมิยํ ิตํ. ยทิ ภควา อตฺตโน เทสนาาณานุรูปํ เทสนํ ปวตฺตาเปยฺย, มหาปถวึ ปตฺถรนฺตสฺส วิย, อากาสํ ปสาเรนฺตสฺส วิย, อนนฺตาปริเมยฺยโลกธาตุโย ปฏิจฺจ เตสํ ิตาการํ ¶ อนุปฺปูรํ วิจินนฺตสฺส วิย เทสนา ปริโยสานํ น คจฺเฉยฺย. ยสฺมา ปนสฺส วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปเมว เทสนา ปวตฺติ, น ตโต ปรํ อณุมตฺตมฺปิ วฑฺฒติ. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘สพฺพาปิ ธมฺมเทสนา สํขิตฺตาว, วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถี’’ติ. นนุ สตฺตปกรณเทสนา วิตฺถารกถาติ? น สาปิ วิตฺถารกถาติ อาห – ‘‘สมนฺตปฏฺานกถาปิ สํขิตฺตาเยวา’’ติ. สนฺนิปติตเทวปริสาย อชฺฌาสยานุรูปเมว หิ ตสฺสาปิ ปวตฺติ, น สตฺถุเทสนาาณานุรูปนฺติ. ยถานุสนฺธึ ¶ ปาเปสิ ยถาอุทฺทิฏฺเ อนุปุพฺเพน อนวเสสโต วิภชนวเสน เทสนาย นิฏฺาปิตตฺตา. วิปฺจิตฺู…เป… กเถสิ นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน เทสิตตฺตา.
๓๗๐. อฏฺนฺนํ ปริกฺขารานนฺติ นยิทมนวเสสปริยาทานํ, ลกฺขณวจนํ ปเนตํ, อฺตรสฺสาติ วจนเสโส. ตถา หิ, ‘‘มยฺหํ อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ปตฺตจีวรํ, ปตฺตํ, จีวรเมว วา ทินฺเน จริมภเว อิทฺธิมยปริกฺขาโร นิพฺพตฺตตีติ วทนฺติ. อทินฺนตฺตาติ เกจิวาโท, เตนาห ‘‘กุลปุตฺโต’’ติอาทิ. โอกาสาภาวโตติ อุปสมฺปทาลกฺขณสฺส อสมฺภวโต. เตนาห – ‘‘กุลปุตฺตสฺส อายุปริกฺขีณ’’นฺติ. อุทกติตฺถ…เป… อารทฺโธ ปรมปฺปิจฺฉภาวโต.
วิพฺภนฺตาติ ภนฺตจิตฺตา. สิงฺเคน วิชฺฌิตฺวา ฆาเตสิ ปุริมชาติพทฺธาฆาตตายาติ วทนฺติ.
มานุสํ โยคนฺติ มนุสฺสตฺตภาวํ. อตฺตภาโว หิ ยุชฺชติ กมฺมกิเลเสหีติ ‘‘โยโค’’ติ วุจฺจติ. อุปจฺจคุนฺติ อุปคจฺฉึสุ. อุปโกติอาทิ เตสํ นามานิ.
คนฺธกฏฺเหีติ จนฺทนาครุสฬลเทวทารุอาทีหิ คนฺธทารูหิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ธาตุวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๑. สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๗๑. อาจิกฺขนาติ ¶ ¶ – ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ อาทิโต กถนํ. เทสนาติ ตสฺเสว อตฺถสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ. ปฺาปนาติ ปกาเรหิ าปนา, สา ปน ยสฺมา อิตฺถมิทนฺติ เวเนยฺยานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนา, เตสํ วา สนฺตาเน ปติฏฺาปนา โหติ, ตสฺมา อาห – ‘‘ทุกฺขสจฺจาทีนํ ปนา’’ติ. ปฏฺปนาติ ปติฏฺาปนา. ยสฺมา ปฏฺปิยมานสภาวา เทสนา ภาชนํ อุปคจฺฉนฺตี วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปนา’’ติ, ชานาปนาติ อตฺโถ. วิวฏกรณาติ เทสิยมานสฺส อตฺถสฺส วิวฏภาวกรณํ. วิภาคกิริยาติ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถวิภาคสฺส วิตฺถารกรณํ. ปากฏภาวกรณนฺติ อคมฺภีรภาวาปาทนํ. อปโร นโย – จตุสจฺจสฺิตสฺส อตฺถสฺส ปจฺเจกํ สรูปโต ทสฺสนวเสน อิทนฺติ อาทิโต สิกฺขาปนํ กถนํ อาจิกฺขนา, เอวํ ปรสนฺตาเน ปโพธนวเสน ปวตฺตาปนา เทสนา, เอวํ วิเนยฺยานํ จิตฺตปริโตสชนเนน เตสํ พุทฺธิปริปาจนํ ‘‘ปฺาปนา’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปฺาเปนฺตี จ สา เทสิยมานํ อตฺถํ เวเนยฺยสนฺตาเน ปการโต เปติ ปติฏฺเปตีติ ‘‘ปฏฺปนา’’ติ วุจฺจติ. ปการโต เปนฺตี ปน สํขิตฺตสฺส วิตฺถารโต ปฏิวุตฺตสฺส ปุนาภิธานโต ‘‘วิวรณา’’ติ, ตสฺเสวตฺถสฺส วิภาคกรณโต ‘‘วิภชนา’’ติ, วุตฺตสฺส วิตฺถาเรนาภิธานโต วิภตฺตสฺส เหตุทาหรณทสฺสนโต, ‘‘อุตฺตานีกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘ปากฏภาวกรณ’’นฺติ, เหตูปมาวเสนตฺถสฺส ปากฏภาวกรณโตติ อตฺโถ.
อนุคฺคาหกาติ อนุคฺคณฺหนกามา. สฺวายมนุคฺคโห สงฺคหวตฺถุวเสน ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘อามิสสงฺคเหนา’’ติอาทิ. ชเนตา ชเนตฺตีติ อาห ‘‘ชนิกา มาตา’’ติ. วุทฺธึ ปริสํ อาปาเทตีติ อาปาเทตา. เตนาห ‘‘โปเสตา’’ติ. อิทานิ ทฺวินฺนํ มหาเถรานํ ยถากฺกมํ สพฺรหฺมจารีนํ ภควตา วุตฺเตหิ ชนิกโปสิกมาตุฏฺานิเยหิ สงฺคาหกตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ, ‘‘ชนิกมาตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปรโตโฆเสน วินาปิ อุปริมคฺคาธิคโม โหตีติ ‘‘ปจฺจตฺตปุริสกาเรนา’’ติ วุตฺตํ. ปมมคฺโค เอว หิ สาวกานํ เอกนฺตโต โฆสาเปกฺโขติ. ปตฺเตสุปีติ ปิ-สทฺเทน ปเคว อปฺปตฺเตสูติ ทสฺเสติ. ภวสฺส ¶ อปฺปมตฺตกตา นาม อิตฺตรกาลตายาติ อาห ‘‘อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปี’’ติ. ชเนตาติ ชนโก, เถโร ปน อริยาย ชนยิตา. อาปาเทตาติ วฑฺเฒตา ปริพฺรูเหตา. ปุริมสฺมึ สจฺจทฺวเย สมฺมสนคฺคหณํ โลกิยตฺตา ตสฺส, อิตรสฺมึ ตสฺส อคฺคหณํ โลกุตฺตรตฺตา.
กาเมหิ ¶ นิกฺขนฺโต สงฺกปฺโป เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป. สฺวายมสฺส ตโต นิกฺขมนตฺโถ เตสํ ปฏิปกฺขภาวโต เตหิ วิสํสคฺคโต วิรชฺชนโต สมุจฺฉินฺทนโต สพฺพโส วิวิตฺตภาวโต จ โหตีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘กามปจฺจนีกฏฺเนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กามปทฆาตนฺติ ยถา กาโม ปทํ ปติฏฺํ น ลภติ, เอวํ หนนํ, กามสมุจฺเฉทนฺติ อตฺโถ. กาเมหิ สพฺพโส วิวิตฺตตฺตา กามวิวิตฺโต, อริยมคฺโค, ตสฺส อนฺโต, อริยผลํ, ตสฺมึ กามวิวิตฺตนฺเต. เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘พฺยาปาทปจฺจนีกฏฺเนา’’ติอาทิโยชนํ อติทิสติ. สพฺเพ เจเต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺตีติ โยชนา. ยทิ เอกจิตฺเต ลพฺภนฺติ, กถํ ติวิธมิจฺฉาสงฺกปฺปานํ สมุคฺฆาโตติ อาห ‘‘ตตฺร หี’’ติอาทิ. น นานา ลพฺภตีติ อิมินา ติวิธกิจฺจการิตํ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส ทสฺเสติ. กิจฺจวเสน หิ ตสฺส นามสฺส ลาโภ. สมฺมาวาจาทีนมฺปิ มคฺคกฺขเณ เอกจิตฺเต ลพฺภมานานมฺปิ จตุกิจฺจการิตาย จตุพฺพิธนามาทิตา เวทิตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๒. ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๗๖. มหาปชาปติโคตมีติ ¶ เอตฺถ โคตมีติ ตสฺส โคตมโคตฺตโต อาคตํ นามํ, มหาปชาปติ ปน คุณโต. ตํ วิวริตุํ, ‘‘นามกรณทิวเส ปนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มหตึ อุฬารํ ปชํ ชนนโปสเนหิ ปริรกฺขตีติ มหาปชาปติ. ปริโภควเสน น หฺตีติ อหตํ. สิปฺปิกานนฺติ ตนฺตวายานํ. วายนฏฺานนฺติ วีนฏฺานํ. ตานิ มํ น โตเสนฺติ กายิกสฺส ปฺุสฺส อภาวโต. เตนาห – ‘‘สหตฺถา กตเมว ¶ มํ โตเสตี’’ติ. ปิสิตฺวา นิพฺพตฺตนํ กตฺวา. โปเถตฺวาติ สุขุมภาวาปาทนตฺถํ ธนุเกน เนตฺวา. กาลานุกาลฺจ ธาติคณปริวุตา คนฺตฺวา เวมโกฏึ อคฺคเหสิ เอกทิวสนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ ‘‘เอกทิวสํ ปน…เป… อกาสี’’ติ ปุริมวจเนน ตํ น วิรุชฺเฌยฺย.
ฉ เจตนาติ ฉพฺพิธา เจตนา. น หิ ตา ฉเยว เจตนาติ. สงฺเฆ โคตมิ เทหิ…เป… สงฺโฆ จาติ อิทเมว สุตฺตปทํ. สงฺเฆ โคตมิ เทหีติ สงฺฆสฺส ทานาย นิโยเชสิ, ตสฺมา สงฺโฆว ทกฺขิเณยฺยตโรติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ. ยทิ เอวนฺติอาทินา ตตฺถ พฺยภิจารํ ทสฺเสติ. ราชมหามตฺตาทโยติอาทินา ตตฺถ พฺยติเรกโต นิทสฺสนํ อาห. มหนฺตตรา ภเวยฺยุนฺติ อานุภาวาทินา มหนฺตตรา ภเวยฺยุํ, น จ ตํ อตฺถีติ. ตสฺมาติ ยสฺมา คุณวิสิฏฺเหตุกํ ทกฺขิเณยฺยตํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺตโน ทียมานสฺส ทาปนํ ลภติ, ตสฺมา. มา เอวํ คณฺหาติ สมฺมาสมฺพุทฺธโต สงฺโฆว ทกฺขิเณยฺโย’’ติ มา คณฺห.
ตตฺถ นิจฺฉยสาธกํ สุตฺตปทํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘นยิมสฺมึ โลเก…เป… วิปุลผเลสิน’’นฺติ อาห. สฺวายมตฺโถ รตนสุตฺเต (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖), ‘‘ยํ กิฺจิ วิตฺต’’นฺติ คาถาย, อคฺคปสาทสุตฺตาทีหิ (อิติวุ. ๙๐) จ วิภาเวตพฺโพติ. เตนาห – ‘‘สตฺถารา อุตฺตริตโร ทกฺขิเณยฺโย นาม นตฺถี’’ติ.
โคตมิยา อนฺติมภวิกตาย ทานสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อนุปฺปาทนโต น ตํ ครุตรํ สงฺฆสฺส ปาทาปเน การณนฺติ อาห – ‘‘ปจฺฉิมาย ชนตายา’’ติอาทิ. วจนโตปีติ ตสฺส วตฺถยุคสฺส สตฺถุ เอว ปฏิคฺคหณาย วจนโตปิ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ.
สตฺถา ¶ สงฺฆปริยาปนฺโนว อีทิเส าเน อคฺคผลฏฺตาย อฏฺ-อริยปุคฺคลภาวโต, สเจ ปนสฺส น สยํ สงฺฆปริยาปนฺนตา, กถํ สงฺเฆ ปูชิเต สตฺถา ปูชิโต นาม สิยาติ อธิปฺปาโย. ตีณิ สรณคมนานิ ตโย เอว อคฺคปสาทาติ วกฺขตีติ อธิปฺปาโย. อภิเธยฺยานุรูปานิ หิ ลิงฺควจนานิ. น รุหติ อยาถาวปฏิปตฺติภาวโต, น คิหิเวสคฺคหณาทินา คิหิภาวสฺส ปฏิกฺขิปิตตฺตา. น วตฺตพฺพเมตํ ‘‘สตฺถา สงฺฆปริยาปนฺโน’’ติ สตฺถุภาวโต. สาวกสมูโห หิ สงฺโฆ ¶ . สงฺฆคเณ หิ สตฺถา อุตฺตริตโร อนฺสาธารณคุเณหิ สมนฺนาคตภาวโต มูลรตนภาวโต จ.
๓๗๗. สมฺปติชาตสฺส มหาสตฺตสฺส สตฺตปทวีติหารคมนํ ธมฺมตาวเสน ชาตํ, ปรํ ตทฺทหรสทิสี ปฏิปตฺตีติ อาห – ‘‘หตฺถปาทกิจฺจํ อสาเธนฺเตสู’’ติ.
๓๗๘. ปจฺจูปการํ น สุกรํ วทามิ อนุจฺฉวิกกิริยาย กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. อภิวาเทนฺติ เอเตนาติ อภิวาทนํ. วนฺทมาเนหิ อนฺเตวาสิเกหิ อาจริยํ ‘‘สุขี โหตู’’ติอาทินา อภิวาเทนฺติ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘อภิวาทน’’นฺติ. ตทภิมุโข…เป… วนฺทิตฺวา นิปชฺชติ, เสยฺยถาปิ อายสฺมา สาริปุตฺโต. กาลานุกาลํ อุปฏฺานํ พีชยนปาทสมฺพาหนาทิ อนุจฺฉวิกกมฺมสฺส กรณํ นาม. อนุจฺฉวิกํ กิริยํ กาตุํ น สกฺโกติเยว, ยสฺมา อาจริเยน กตสฺส ธมฺมานุคฺคหสฺส อนฺเตวาสินา กริยมาโน อามิสานุคฺคโห สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปติเยวาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘น สุปฺปติการํ วทามี’’ติ.
๓๗๙. ปาฏิปุคฺคลิกํ ทกฺขิณํ อารพฺภ สมุฏฺิตํ, ‘‘ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหตู’’ติ มหาปชาปติโคตมิยา วจนํ นิมิตฺตํ กตฺวา เทสนาย อุฏฺิตตฺตา. น เกวลฺจ ตสฺสา เอว วจนํ, อถ โข อานนฺทตฺเถโรปิ…เป… สมาทเปสิ, ตสฺมา วิภาคโต จุทฺทสสุ…เป… โหตีติ ทสฺเสตุํ, อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ปติปจฺเจกํ ปุคฺคลํ ทียตีติ ปาฏิปุคฺคลิกํ. ปมสทฺโท ยถา อคฺคตฺโถ, เอวํ เสฏฺปริยาโยปีติ อาห ‘‘เชฏฺกวเสนปี’’ติ. อคฺคา อุตฺตเม เขตฺเต ปวตฺตตฺตา. ทุติยตติยาปิ ปรมทกฺขิณาเยว สพฺพโส สมฺมาวิกฺขมฺภิตราคาทิกิเลสตฺตา. ราคาทโย หิ อทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณํ. เตเนวาห – ‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๓๕๖). ยสฺมา ปน สวาสนํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนกิเลเสหิ ตโต เอว สพฺพโส อปฺปฏิหตาณจาเรหิ อนนฺตาปริเมยฺยคุณคณาธาเรหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ สทิโส สเทวเก โลเก โกจิ ทกฺขิเณยฺโย นตฺถิ. ตสฺมา ‘‘ปรมทกฺขิณาเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ. ยสฺมา ปฺจาภิฺโ อฏฺสมาปตฺติลาภี เอว ¶ โหติ โลกิยาภิฺานํ อฏฺสมาปตฺติอธิฏฺานตฺตา, ตสฺมา ‘‘โลกิยปฺจาภิฺเ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘อฏฺสมาปตฺติลาภิมฺหี’’ติ ตาย อวุตฺตสิทฺธตฺตา. โคสีลธาตุโกติ ¶ โคสีลสภาโว, สีลวตา สทิสสีโลติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อสโ’’ติอาทิ. เตน น อลชฺชิธาตุโก ปกติสิทฺโธ อิธ ปุถุชฺชนสีลวาติ อธิปฺเปโตติ ทสฺเสติ.
ปริจฺฉินฺทนฺโตติ เอตฺตโกติ ปจฺเจกปฺปมาณโต ตโต เอว อฺมฺํ อสงฺกรโตว ปริจฺฉินฺทนฺโต. กถํ ปน อสงฺขฺเยยฺยภาเวน วุจฺจมาโน วิปาโก ปริจฺฉินฺโน โหติ? โสปิ ตสฺส ปริจฺเฉโท เอว อิตเรหิ อสํกิณฺณภาวทีปนโต, เอตทตฺถเมว ปุพฺเพ อสงฺกรคฺคหณํ กตํ. คุณวเสนาติ ลกฺขณสมฺปนฺนาทิคุณวเสน. อุปการวเสนาติ โภครกฺขาทิอุปการวเสน. ยํ โปสนตฺถํ ทินฺนํ, อิทํ น คหิตํ ทานลกฺขณาโยคโต. อนุคฺคหปูชนิจฺฉาวเสน หิ อตฺตโน เทยฺยวตฺถุปริจฺจาโค ทานํ ภยราคลทฺธุกามกุลาทิวเสน สาวชฺชาภาวโต. ตมฺปิ น คหิตํ อยาวทตฺถตาอปริปุณฺณภาเวน ยถาธิปฺเปตผลทานาสมตฺถภาวโต. สมฺปตฺตสฺสาติ สนฺติกาคตสฺส. เตน สมฺปตฺติปโยชเน อนเปกฺขตํ ทสฺเสติ. ผลํ ปฏิกงฺขิตฺวาติ ‘‘อิทํ เม ทานมยํ ปฺุํ อายตึ สุขหิตภาวาย โหตู’’ติอาทินา ผลํ ปจฺจาสีสิตฺวา. เตนสฺส ผลทาเน นมิยตํ ทสฺเสติ, ยาวทตฺถนฺติ อิมินา ปริปุณฺณผลตํ. สตคุณาติ เอตฺถ คุณสทฺโท น ‘‘คุเณน นามํ อุทฺธเรยฺย’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๗๖; เนตฺติ. อฏฺ. ๔.๓๘) วิย สมฺปตฺติอตฺโถ, ‘‘ตทฺทิคุณ’’นฺติอาทีสุ วิย น วฑฺฒนตฺโถ, ‘‘ปฺจ กามคุณา โลเก, มโนฉฏฺา ปเวทิตา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๗๓) วิย น โกฏฺาสตฺโถ, ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓) วิย น อนฺตภาคตฺโถ, อถ โข อานิสํสตฺโถติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สตานิสํสา’’ติ อาห, เต อานิสํเส สรูปโต ทสฺเสตุํ, ‘‘อายุสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สตคุณาติ วา สตวฑฺฒิกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทีนํ อานิสํสานํ อปริตฺตาสํ กโรติ. อถ วา นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทินิมิตฺตํ อปริตฺตาสํ กโรติ. อถ วา นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทีนิ ตโต ¶ อุตฺตริมฺปิ อาหาราทิเหตุ อปริตฺตาสํ กโรติ. อตฺตภาววินิมุตฺตสฺจรณสฺส อภาวา, ‘‘ภวสเตปิ วุตฺเต อยเมวตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ, ‘‘ปุถุชฺชนทุสฺสีเล’’ติอาทีสุ สพฺพวาเรสุ. นโย เนตพฺโพติ, ‘‘อายุสหสฺสํ วณฺณสหสฺส’’นฺติอาทิโก นโย.
สาสนาวตรณํ นาม ยาวเทว วฏฺฏทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ, ตฺจ มคฺคปฏิเวธนํ, ตสฺมา นิพฺเพธภาคิยสรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา สีลปริปูรณํ อธิจิตฺตสิกฺขานุโยโค วิปสฺสนาภาวนาติ สพฺพาเปสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปตฺติ เอว โหตีติ อาห – ‘‘ติสรณํ คโต อุปาสโกปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา นิพฺเพธภาคิโย สมาธิ ตาว นาม ปรมฺปราย อริยมคฺคาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโต อุปนิสฺสโย; ตถา นิพฺเพธภาคิยํ ¶ สีลปริปูรณํ อุปสมฺปทา ปพฺพชฺชา อุปาสกสฺส ทสสุ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺานํ อนฺตมโส สรณาทิคมนมฺปิ นิพฺเพธภาคิยํ อริยมคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยวาติ, ‘‘สพฺพาเปสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปตฺตี’’ติ วุตฺตา. ตตฺถ อนฺสาธารณ-วิชฺชาจรณาทิ-อสงฺขฺเยยฺยอปริเมยฺย-คุณ-สมุทยปูริเต ภควติ สทฺธมฺเม อริยสงฺเฆ อุฬารตรพหุมานคารวตํ คโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวาขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ ตปฺปรายณตาทิอาการปฺปตฺโต าณปริโสธิโต ปสาโท สรณคมนนฺติ เตน วตฺถุคเตน ปสาเทน ปริภาวิเต สนฺตาเน กตํ ปฺุกฺเขตฺตสมฺปตฺติยา มหปฺผลํ มหานิสํสเมว โหตีติ อาห – ‘‘ตสฺมึ ทินฺนทานมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺย’’นฺติ. ตยิทํ สรณํ วตฺถุตฺตเย ปสาทภาเวน อชฺฌาสยสมฺปตฺติมตฺตํ, ตาทิสสฺส ปน ปฺจสีลํ อชฺฌาสยสมฺปตฺติอุปถมฺภิโต กายวจีสํยโมติ ตตฺถ ทินฺนํ ตโต อุตฺตริ มหปฺผลนฺติ, ทสสีลํ ปน ปริปุณฺณุโปสถสีลํ, ตตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ, ‘‘ตโต อุตฺตริ มหปฺผล’’นฺติ วุตฺตํ. สามเณรสีลาทีนํ ปน อุตฺตริ วิสิฏฺตราทิภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ทินฺนสฺส วิเสสมหปฺผลตา วุตฺตา.
มคฺคสมงฺคิตา นาม มคฺคจิตฺตกฺขณปริจฺฉินฺนา, ตสฺมิฺจ ขเณ กถํ ทาตุํ ปฏิคฺคเหตฺุจ สมฺภวตีติ โจเทติ ‘‘กึ ปน มคฺคสมงฺคิสฺส สกฺกา ทานํ ทาตุ’’นฺติ. อิตโร ตาทิเส สติ สมเยติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อาม สกฺกา’’ติ ปฏิชานิตฺวา, ‘‘อารทฺธวิปสฺสโก’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติ. ตสฺมึ ขเณติ ตสฺมึ ปกฺขิปนกฺขเณ. ยทิ อฏฺมกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ ¶ ผลโต อสงฺขฺเยยฺยเมว, โก เนสํ วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เตน สติปิ อสงฺขฺเยยฺยภาวสามฺเ อตฺถิ เนสํ อปฺปพหุภาโว สํวฏฺฏฏฺายี อสงฺขฺเยยฺยมหากปฺปาสงฺขฺเยยฺยานํ วิยาติ ทสฺเสติ. มคฺคสมงฺคีนํ เตน เตน โอธินา สํกิเลสธมฺมานํ ปหียมานตฺตา โวทานธมฺมานํ วฑฺฒมานตฺตา อปริโยสิตกิจฺจตฺตา อปริปุณฺณคุณตา, ปริโยสิตกิจฺจตฺตา ผลสมงฺคีนํ ปริปุณฺณคุณตาติ ตํตํมคฺคฏฺเหิ ผลฏฺานํ เขตฺตาติสยตา เวทิตพฺพา. เหฏฺิมเหฏฺิเมหิ ปน มคฺคฏฺเหิ อุปริมานํ มคฺคฏฺานํ ผลฏฺเหิ ผลฏฺานํ อุตฺตริตรตา ปากฏา เอว. ตถา หิ อุปริมานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลตา วุตฺตา.
๓๘๐. กามฺเจตฺถ พุทฺธปฺปมุเข อุภโตสงฺเฆ เกวเล จ ภิกฺขุสงฺเฆ ทานํ อตฺถิ เอว, น ปน พุทฺธปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ, ตํ ปน พุทฺธปฺปมุขอุภโตสงฺเฆเนว สงฺคหิตนฺติ อวิรุทฺธํ. น ปาปุณนฺติ มหปฺผลภาเวน สทิสตมฺปิ, กุโต อธิกตํ.
‘‘ตถาคเต ปรินิพฺพุเต อุภโตสงฺฆสฺส’’ อิจฺเจว วุตฺตตฺตา – ‘‘กึ ปนา’’ติอาทินา โจเทติ ¶ . อิตโร ปรินิพฺพุเต ตถาคเต ตํ อุทฺทิสฺส คนฺธปุปฺผาทิปริจฺจาโค วิย จีวราทิปริจฺจาโคปิ มหปฺผโล โหติเยวาติ กตฺวา ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ, ‘‘อุภโตสงฺฆสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เอตฺตกาเยว, ภิกฺขู อุทฺทิสถา’’ติ เอวํ ปริจฺเฉทสฺส อกรเณน อุปจารสีมาปริยาปนฺนานํ เขตฺตปริยาปนฺนานํ วเสน อปริจฺฉินฺนกมหาภิกฺขุสงฺเฆ.
โคตฺตํ วุจฺจติ สาธารณนามํ, มตฺตสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, ตสฺมา สมณาติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวนฺติ ธาเรนฺตีติ โคตฺรภุโน. เตนาห ‘‘นามมตฺตสมณา’’ติ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต สมณคโณ สงฺโฆ, ตสฺมา สงฺโฆ ทุสฺสีโล นาม นตฺถิ. คุณสงฺขายาติ อานิสํสคณนาย, มหปฺผลตายาติ อตฺโถ. กาสาว…เป… อสงฺขฺเยยฺยาติ วุตฺตา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา. ยถา ปน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ โหติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ, ‘‘สงฺฆคตา ทกฺขิณา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จิตฺตีการนฺติ คารวํ.
สงฺฆโต น ปุคฺคลโต. อฺถตฺตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อิมสฺส มยา ทินฺนํ สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหตี’’ติ เอวํ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา, ‘‘สงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ เทยฺยธมฺมํ ¶ ปฏิยาเทตฺวา สามเณรสฺส นาม ทาตพฺพํ ชาตนฺติ อฺถตฺตํ อาปชฺชติ; ตสฺมา ตสฺส ทกฺขิณา สงฺฆคตา น โหติเยว ปุคฺคลวเสน จิตฺตสฺส ปริณามิตตฺตา. นิพฺเพมติโก หุตฺวาติ ‘‘กึ นุ โข มยา อิมสฺส ทินฺนํ โหติ วา น วา’’ติ วิมตึ อนุปฺปาเทตฺวา, ‘‘โย ปนา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรน กโรติ.
ตตฺถาติอาทินา วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณตฺถํ วตฺถุํ นิทสฺเสติ, ‘‘ปรสมุทฺทวาสิโน’’ติอาทินา. โอปฺุชาเปตฺวา ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา, หริตโคมเยน อุปลิมฺปิตฺวาติ อตฺโถ. กาสาวกณฺสงฺฆสฺสาติ กาสาวกณฺสมูหสฺส. โก โสเธตีติ มหปฺผลภาวกรเณน โก วิโสเธติ. มหปฺผลภาวาปตฺติยา หิ ทกฺขิณา วิสุชฺฌติ นาม. ตตฺถ เยสํ หตฺเถ ทินฺนํ, เตสํ วเสน ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาย วิสุทฺธตฺตา, – ‘‘ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐) จ วุตฺตํ, ตสฺมา กมฺมวเสเนว ทกฺขิณาวิสุทฺธึ ปุจฺฉติ. อิตโร อริยสงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาย นิพฺพิสิฏฺํ กตฺวา วุตฺตตฺตา มตฺถกปฺปตฺตสฺเสว อริยสงฺฆสฺส วเสน ทกฺขิณาวิสุทฺธึ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สาริปุตฺต…เป… โสเธนฺตี’’ติ วตฺวา ปุน, ‘‘เย เกจิ อรหนฺโต โสเธนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. เถรา จิรปรินิพฺพุตาติ อิทํ อชฺชตนานมฺปิ อริยานํ สาวกตํ ทสฺเสนฺเตน มคฺคโสธนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, น อุทฺทิสฺส ปฺุกรเณ สติ อกรณปฺปตฺติยา. เอวฺหิ ‘‘อสีติมหาเถรา โสเธนฺตี’’ติ อิทํ สุวุตฺตํ โหติ, น อฺถา.
‘‘สงฺฆคตาย ¶ ทกฺขิณายา’’ติ กามฺเจตํ สาธารณวจนํ, ตถาปิ ตตฺถ ตตฺถ ปุคฺคลวิเสโส าตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อตฺถิ พุทฺธปฺปมุโข สงฺโฆ’’ติอาทิมาห. น อุปเนตพฺโพ ภควโต กาเล ภิกฺขูนํ อภิฺาปฏิสมฺภิทาคุณวเสน อติวิย อุฬารภาวโต, เอตรหิ ตทภาวโต. เอตรหิ สงฺโฆ…เป… น อุปเนตพฺโพติ เอตฺถ นยานุสาเรน อตฺโถ วตฺตพฺโพ. เตน เตเนว สมเยนาติ ตสฺส ตสฺส กาลสฺส สมฺปตฺติวิปตฺติมุเขน ปฏิปตฺติยา อุฬารตํ อนุฬารตฺจ อุลฺลิงฺเคติ. ยตฺถ หิ ภิกฺขู คุเณหิ สพฺพโส ปริปุณฺณา โหนฺติ, ตสฺมึ สมเย สงฺฆคตา ทกฺขิณา อิตรสฺมึ สมเย ทกฺขิณโต มหปฺผลตราติ ทฏฺพฺพา. สงฺเฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺสาติ สุปฺปฏิปนฺนตาทึ สงฺเฆ อาวชฺชิตฺวา สงฺฆคเตน ¶ ปสาเทน สงฺฆสฺส สมฺมุขา วิย ตสฺมึ ปุคฺคเล จ คารววเสน เทนฺตสฺส ปุถุชฺชนสมเณ ทินฺนํ มหปฺผลตรํ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตตฺตา, ‘‘สงฺฆสฺส เทมี’’ติเยว ทินฺนตฺตา จ.
เอเสว นโยติ อิมินา, ‘‘โสตาปนฺเน ทินฺนํ มหปฺผลตร’’นฺติ เอวมาทึ อติทิสติ. อาทิ-สทฺเทน อุทฺทิสิตฺวา คหิโต สกทาคามี, ปาฏิปุคฺคลิโก อนาคามีติ เอวมาทิ สงฺคหิตํ. มหปฺผลตรเมว. เตนาห ภควา – ‘‘น ตฺเววาหํ, อานนฺท, เกนจิ ปริยาเยน สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย ปาฏิปุคฺคลิกํ ทานํ มหปฺผลตรํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ยทิ ขีณาสเว ทินฺนทานโต สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตทุสฺสีเลปิ ทินฺนทานํ มหปฺผลํ, เอวํ สนฺเต – ‘‘สีลวโต, มหาราช, ทินฺนํ มหปฺผลํ, โน ตถา ทุสฺสีเล’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห – ‘‘ตํ อิมํ นยํ คหายา’’ติอาทิ. สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหณวิธึ ปหาย ทุสฺสีลสฺเสว คหณวเสน วุตฺตํ. อิมสฺมึ จตุกฺเก ทฏฺพฺพนฺติ อิมสฺส ปทสฺส วเสน ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ หิ ‘‘ปฏิคฺคาหกา โหนฺติ ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’’ติ อาคตํ.
๓๘๑. วิสุชฺฌตีติ น กิลิสฺสติ, มหาชุติการี มหาวิปฺผารา โหตีติ อตฺโถ. สุจิธมฺโมติ ราคาทิอสุจิวิธมเนน สุจิสภาโว. น ปาปธมฺโมติ น นิหีนสภาโว ปาปกิริยาย. อกุสลธมฺโม หิ เอกนฺตนิหีโน. ชูชโก สีลวา กลฺยาณธมฺโม น โหติ. ตสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส อตฺตโน ปุตฺตทานํ ทานปารมิยา มตฺถกํ คณฺหนฺตํ มหาปถวีกมฺปนสมตฺถํ ชาตํ, สฺวายํ ทานคุโณ เวสฺสนฺตรมหารฺา กเถตพฺโพติ.
อุทฺธรตีติ พหุลํ กตปาปกมฺมวเสน ลทฺธวินิปาตโต อุทฺธรติ. ตสฺมา นตฺถิ มยฺหํ กิฺจิ จิตฺตสฺส อฺถตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
เปตทกฺขิณนฺติ ¶ เปเต อุทฺทิสฺส ทาตพฺพทกฺขิณํ. ปาปิตกาเลเยวาติ, ‘‘อิทํ ทานํ อสุกสฺส เปตสฺส โหตู’’ติ อุทฺทิสนวเสน ปตฺเต ปาปิตกาเลเยว. อสฺสาติ เปตสฺส. ปาปุณีติ ผลสมาปตฺติยา วเสน ปาปุณิ. อยฺหิ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ธมฺมตา.
ตทา ¶ โกสลรฺโ ปริจฺจาควเสน อติวิย อุฬารชฺฌาสยตํ, พุทฺธปฺปมุขสฺส จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุกฺกํสคตคุณวิสิฏฺตํ สนฺธายาห, ‘‘อสทิสทานํ กเถตพฺพ’’นฺติ.
อสารมฺปิ เขตฺตนฺติ สารหีนํ ทุกฺเขตฺตํ. สมเยติ กสนารเห กาเล. ปํสุํ อปเนตฺวาติ นิสฺสารํ ปํสุํ นีหริตฺวา. สารพีชานีติ สภาวโต อภิสงฺขารโต จ สารภูตานิ พีชานิ. ปติฏฺเปตฺวาติ วปิตฺวา. เอวนฺติ ยถา กสฺสโก อตฺตโน ปโยคสมฺปตฺติยา อสาเรปิ เขตฺเต ผลํ อธิคจฺฉติ. เอวํ สีลวา อตฺตโน ปโยคสมฺปตฺติยา ทุสฺสีลสฺสปิ ทตฺวา ผลํ มหนฺตํ อธิคจฺฉติ. อิมินา อุปาเยนาติ อิมินา ปมปเท วุตฺตนเยน. สพฺพปเทสูติ สพฺพโกฏฺาเสสุ วิสุชฺฌนํ วุตฺตํ, ตติยปเท ปน วิสุชฺฌนํ ปฏิกฺขิตฺตเมว.
๓๘๒. อรหโต ทินฺนทานเมว อคฺคํ ทานเจตนาย เกนจิ อุปกฺกิเลเสน อนุปกฺกิลิฏฺตฺตา, ปฏิคฺคาหกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา. เตนาห – ‘‘ภวาลยสฺส ภวปตฺถนาย อภาวโต’’ติ, ‘‘อุภินฺนมฺปี’’ติ วจนเสโส. ขีณาสโว ทานผลํ น สทฺทหตีติ อิทํ ตสฺส อปฺปหีนกิเลสชนสฺส วิย กมฺมกมฺมผลานํ สทฺทหนากาเรน ปวตฺติ นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ, ยโต อรหา ‘‘อสทฺโธ อกตฺู จ…เป… โปริโส’’ติ (ธ. ป. ๙๗) โถมียติ. อสทฺทหนํ อนุมานปกฺขิกํ, อนุมานฺจ สํสยปุพฺพกํ, นิสฺสนฺทิทฺโธ จ กมฺมกมฺมผเลสุ ปจฺจกฺขภาวํ คโต. ตเมว หิ นิจฺฉิตภาวสิทฺธํ นิสฺสนฺทิทฺธตํ สนฺธาย – ‘‘ทานผลํ สทฺทหนฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เตน กตกมฺมํ กมฺมลกฺขณปฺปตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘ขีณาสเวนา’’ติอาทิ. เตเนวาห – ‘‘นิจฺฉนฺทราคตฺตา’’ติ, เอตฺจ ลกฺขณวจนํ, เกนจิ กิเลเสน อนุปกฺกิลิฏฺตฺตาติ อธิปฺปาโย. อสฺสาติ ขีณาสวสฺส ทานํ.
กึ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติอาทินา ทายกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิ โจทิตา, สาริปุตฺตตฺเถเรนาติอาทินา ปน ปฏิคฺคาหกโตติ วทนฺติ; ตทยุตฺตํ, สาวกสฺส มหปฺผลภาเว สํสยาภาวโต, เหฏฺา นิจฺฉิตตฺตา จ, ตสฺมา อุภเยนปิ ทายกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิ เอว โจทิตา. สา หิ อิธ สาธารณวเสน นิจฺฉิตตฺตา สํสยวตฺถุ. เตนาห ¶ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน…เป… วทนฺตี’’ติ. สมฺมาสมฺพุทฺธํ หีติอาทิ ยถาวุตฺตอตฺถสฺส การณวจนํ. อฺโ ทานสฺส วิปากํ ชานิตุํ ¶ สมตฺโถ นาม นตฺถิ สพฺพโส สตฺตานํ กมฺมวิปากวิภาคชานนาณสฺส อนนฺุาตตฺตา. เตนาห ภควา – ‘‘ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, สตฺตา น ชานนฺติ, ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ ยถาหํ ชานามิ, ตสฺมา อทตฺวา ภฺุชนฺตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๒๖). เอเตน เอตฺถ าณวิโสธนํ นาม กถิตํ, น ทกฺขิณาย วิสุทฺธิ นาม ทายกโต ปฏิคฺคาหกโต จ วเสน โหตีติ; สมฺมาสมฺพุทฺเธน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ทินฺนทานํ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิยา าณสฺส จ อติวิย อุฬารตฺตา มหานุภาวํ นาม สิยา มหาเตชวนฺตฺจ; น มหปฺผลํ เตสํ สนฺตาเน ปริปุณฺณผลสฺส อสมฺภวโต. ยทิ ทินฺนทานํ ปริปุณฺณผลํ น โหติ อุภยวิปากทานาภาวโต, ปวตฺติวิปากทายี ปน โหตีติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ทานํ หี’’ติอาทิมาห.
จตูหีติ สหโยเค กรณวจนํ, จตูหิ สมฺปทาหิ สหคตา สหิตํ กตฺวาติ อตฺโถ. อิมา จตสฺโส สมฺปทา สพฺพสาธารณวเสน วุตฺตา, น ยถาธิคตปุคฺคลวเสน. เตนาห – ‘‘เทยฺยธมฺมสฺส ธมฺเมนา’’ติอาทิ. ตสฺมึเยว อตฺตภาเวติ ยสฺมึ อตฺตภาเว ตํ ทานมยํ ปฺุํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ, เจตนาย มหนฺตตฺตา ทิฏฺธมฺมเวทนียํ หุตฺวา วิปจฺจตีติ อตฺโถ. ปุพฺพเจตนาทิวเสนาติ สนฺนิฏฺาปกชวนวีถิโต ปุพฺพาปรวีถิเจตนาวเสน, อฺถา สนฺนิฏฺาปกวีถิยํเยว ปุพฺพเจตนาทิวเสนาติ วตฺตพฺพํ สิยา. สา หิ เจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียภูตา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ, น อิตรา. มหตฺตตาติ ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน าณสมฺปโยคาทิวเสน เจตนาย อุฬารตา. ขีณาสวภาเวนาติ ยสฺส เทติ, ตสฺส ขีณาสวภาเวน. วตฺถุสมฺปนฺนตาติ เอตฺถ ยถา ปฏิฆสฺา นานตฺตสฺานํ วิคเมน ทิพฺพวิหารานํ วเสน, พฺยาปาทสฺาทีนํ วิคเมน พฺรหฺมวิหารานํ วเสน, สพฺพโส รูปสฺานานตฺตสฺานํ วิคเมน อาเนฺชวิหารานํ วเสน สพฺพโส นิจฺจสฺาทีนํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สพฺพสงฺขารวิมุขตาย อริยวิหารานํ วเสน วตฺถุสมฺปนฺนตา อิจฺฉิตา. ตํตํสมาปตฺติสมาปชฺชเนน สนฺตานสฺส นิโรธสาธนตา ตํ ทิวสํ นิโรธสฺส สาธนตา ¶ นาม. วตฺถุสมฺปนฺนตาติ สพฺพโส นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชเนน วตฺถุสมฺปนฺนตา อิจฺฉิตา; น สพฺพโส อนวเสสสฺานิโรธตายาติ อาห – ‘‘ตํ ทิวสํ นิโรธโต วุฏฺิตภาเวน วตฺถุสมฺปนฺนตา’’ติ. สฺานิโรธสฺส เจตฺถ อจฺจาสนฺนตํ สนฺธาย, ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ วิภงฺควคฺควณฺณนา.