📜

๑. เทวตาสํยุตฺตํ

๑. นฬวคฺโค

๑. โอฆตรณสุตฺตวณฺณนา

ตตฺถ สํยุตฺตาคโม นาม สคาถาวคฺโค, นิทานวคฺโค, ขนฺธกวคฺโค, สฬายตนวคฺโค, มหาวคฺโคติ ปฺจวคฺโค โหติ. สุตฺตโต –

‘‘สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จ;

ทฺวาสฏฺิ เจว สุตฺตานิ, เอโส สํยุตฺตสงฺคโห’’.

ภาณวารโต ภาณวารสตํ โหติ. ตสฺส วคฺเคสุ สคาถาวคฺโค อาทิ, สุตฺเตสุ โอฆตรณสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปเนสา ปมมหาสงฺคีติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย อาทิมฺหิ วิตฺถาริตา, ตสฺมา สา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.

. ยํ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ, ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. สาวตฺถิยํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.

อตฺถโต ปน เอวํสทฺโท ตาว อุปมูปเทส-สมฺปหํสน-ครหณ-วจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิ-อเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส – ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอวมาทีสุ อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ , เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร . ‘‘เอหิ ตฺวํ มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’ติ’’อาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ วา โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.

ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณํ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนา ปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ? สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.

นิทสฺสนตฺเถน – ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต – ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ นิทสฺเสติ.

อวธารณตฺเถน – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๐-๒๒๓) เอวํ ภควตา – ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกามตํ ชเนติ – ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.

เมสทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส – ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู ’’ ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.

สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมน-วิสฺสุต-กิลินฺนอุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส – ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนากิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ – ‘‘เอวํ มยา สุตํ, โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ – ‘‘เอวํ มม สุตํ, โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.

เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺส โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.

ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุต’’นฺติ.

ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส . เอวนฺติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุวิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.

อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ‘‘มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุต’’นฺติ.

ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ. ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ.

เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา . ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.

อปโร นโย – เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ, อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปุฺตํ สาเธติ, สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปุฺสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปนิสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.

อปโร นโย – ยสฺมา ‘‘เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ, โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปุฺสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ, ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ, ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต, โยนิโส มนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส, อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.

อปโร นโย – เอวนฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ. เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโส มนสิการทีปกวจนํ ภาสมาโน – ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภาสมาโน – ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.

เอวํเม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.

อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต – ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทตีติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;

เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.

เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –

‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;

ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.

ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ – ‘ภทฺทาลิ, นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต , ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.

‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;

อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉร-อุตุ-มาสฑฺฒมาส-รตฺติ-ทิว-ปุพฺพณฺห-มชฺฌนฺหิก-สายนฺห-ปมมชฺฌิมปจฺฉิมยาม-มุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.

ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยสฺมึ ยสฺมึ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.

เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย สุปฺปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา. เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฏิปตฺติสมโย , สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.

กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.

วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุฺจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.

อิธ ปน อฺสฺมึ จ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ.

เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;

อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.

โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ภควาติ ครุ. ครุํ หิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ‘‘ภควา’’ติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –

‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;

ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒);

อปิจ –

‘‘ภคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –

อิมิสฺสา คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔) พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.

เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ. เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ. เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.

สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสชฺชาสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ , เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.

เชตวเนติ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วเน. ตฺหิ เตน โรปิตํ สํวฑฺฒิตํ ปริปาลิตํ อโหสิ, ตสฺมา ‘‘เชตวน’’นฺติ สงฺขํ คตํ. ตสฺมึ เชตวเน. อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติตตฺตา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ สงฺขํ คเต อาราเม. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถาย สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔) วุตฺโต.

ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘‘เชตวเน’’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ.

นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคายํ จรนฺติ, ยมุนายํ จรนฺตี’’ติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.

อฺตรา เทวตาติ นามโคตฺตวเสน อปากฏา เอกา เทวตาติ อตฺโถ. ‘‘อภิชานาติ โน, ภนฺเต, ภควา อหุ าตฺตรสฺส มเหสกฺขสฺส ยกฺขสฺส สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ภาสิตา’’ติ เอตฺถ ปน อภิฺาโต สกฺโกปิ เทวราชา ‘‘อฺตโร’’ติ วุตฺโต. ‘‘เทวตา’’ติ จ อิทํ เทวานมฺปิ เทวธีตานมฺปิ สาธารณวจนํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ เทโว อธิปฺเปโต, โส จ โข รูปาวจรานํ เทวานํ อฺตโร.

อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺต-สทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภานุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ . ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม , จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๐; จูฬว. ๓๘๓) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.

‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –

เอวมาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑๕) อพฺภานุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา, ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถายํ เทวปุตฺโต มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคโตติ เวทิตพฺโพ. นิยาโม หิ กิเรส เทวตานํ ยทิทํ พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเรเยว อาคจฺฉนฺติ.

อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อิธ อภิกฺกนฺต-สทฺโท อภิรูเป, วณฺณ-สทฺโท ปน ฉวิถุติ-กุลวคฺค-การณ-สณฺานปฺปมาณ-รูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยา. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๖๐๒) ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยา ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณา อภิรูปจฺฉวิ, อิฏฺวณฺณา มนาปวณฺณาติ วุตฺตํ โหติ. เทวตา หิ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉมานา ปกติวณฺณํ ปกติอิทฺธึ ชหิตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ กตฺวา อติเรกวณฺณํ อติเรกอิทฺธึ มาเปตฺวา นฏสมชฺชาทีนิ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา วิย อภิสงฺขเตน กาเยน อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ กามาวจรา อนภิสงฺขเตนปิ อาคนฺตุํ สกฺโกนฺติ, รูปาวจรา ปน น สกฺโกนฺติ. เตสฺหิ อติสุขุโม อตฺตภาโว, น เตน อิริยาปถกปฺปนํ โหติ. ตสฺมา อยํ เทวปุตฺโต อภิสงฺขเตเนว อาคโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกนฺตวณฺณา’’ติ.

เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺโท อนวเสส-เยภุยฺยาพฺยามิสฺสานติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑) อนวเสสตฺถมตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียโภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต, ภนฺเต, อนุรุทฺธสฺส พาหิโย นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค อตฺโถ. อิธ ปนสฺส อนวเสสตฺโถ อธิปฺเปโต.

กปฺป-สทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหน-โวหาร-กาล-ปฺตฺติ-เฉทน-วิกปฺป-เลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (วิ. ว. ๑๐๙๔, ๑๑๐๑) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อาตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาวตฺโถ อธิปฺเปโต. ตสฺมา เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ ‘‘อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวน’’นฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

โอภาเสตฺวาติ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฏฺิตาย อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.

เยนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ตสฺมา ‘‘ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ.

อิทานิ เยนตฺเถน โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อุปฏฺานํ อาคตา, ตํ ปุจฺฉิตุกามา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชุลึ สิรสิ ปติฏฺเปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส – ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา ิตา เอกมนฺตํ ิตา โหติ, ตถา อฏฺาสีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ านํ กปฺเปสิ. ปณฺฑิตา หิ เทวมนุสฺสา ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ ติฏฺนฺติ, อยฺจ เทโว เตสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.

กถํ ิโต ปน เอกมนฺตํ ิโต โหตีติ? ฉ านโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ , อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ, อติปจฺฉาติ. อติทูเร ิโต หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน ิโต สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต ิโต สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส ิโต อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา ิโต สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา ิโต สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ เอเต ฉ านโทเส วชฺเชตฺวา อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ อฏฺาสี’’ติ.

เอตทโวจาติ เอตํ อโวจ. กถํ นูติ การณปุจฺฉา. ภควโต หิ ติณฺโณฆภาโว ทสสหสฺสิโลกธาตุยา ปากโฏ, เตนิมิสฺสา เทวตาย ตตฺถ กงฺขา นตฺถิ, อิมินา ปน การเณน ‘‘ติณฺโณ’’ติ น ชานาติ, เตน สา ตํ การณํ ปุจฺฉมานา เอวมาห.

มาริสาติ เทวตานํ ปิยสมุทาจารวจนเมตํ. นิทฺทุกฺขาติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ เอวํ ‘‘ยทา โข เต, มาริส, สงฺกุนา สงฺกุ หทเย สมาคจฺเฉยฺย, อถ นํ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ ‘วสฺสสหสฺสํ เม นิรเย ปจฺจมานสฺสา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๑๒) อิทํ วิรุชฺฌติ. น หิ เนรยิกสตฺโต นิทฺทุกฺโข นาม โหติ. กิฺจาปิ น นิทฺทุกฺโข, รุฬฺหีสทฺเทน ปน เอวํ วุจฺจติ. ปุพฺเพ กิร ปมกปฺปิกานํ นิทฺทุกฺขานํ สุขสมปฺปิตานํ เอส โวหาโร, อปรภาเค ทุกฺขํ โหตุ วา มา วา, รุฬฺหีสทฺเทน อยํ โวหาโร วุจฺจเตว นิปฺปทุมาปิ นิรุทกาปิ วา โปกฺขรณี โปกฺขรณี วิย.

โอฆมตรีติ เอตฺถ จตฺตาโร โอฆา, กาโมโฆ ภโวโฆ ทิฏฺโโฆ อวิชฺโชโฆติ. ตตฺถ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค กาโมโฆ นาม. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ จ ภโวโฆ นาม. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ทิฏฺโโฆ นาม. จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ อวิชฺโชโฆ นาม. ตตฺถ กาโมโฆ อฏฺสุ โลภสหคเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชติ, ภโวโฆ จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺโโฆ จตูสุ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชติ, อวิชฺโชโฆ สพฺพากุสเลสุ อุปฺปชฺชติ.

สพฺโพปิ เจส อวหนนฏฺเน ราสฏฺเน จ โอโฆติ เวทิตพฺโพ. อวหนนฏฺเนาติ อโธคมนฏฺเน. อยฺหิ อตฺตโน วสํ คเต สตฺเต อโธ คเมติ, นิรยาทิเภทาย ทุคฺคติยํเยว นิพฺพตฺเตติ, อุปริภาวํ วา นิพฺพานํ คนฺตุํ อเทนฺโต อโธ ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ จ คเมตีติปิ อตฺโถ. ราสฏฺเนาติ มหนฺตฏฺเน. มหา เหโส กิเลสราสิ อวีจิโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคา ปตฺถโฏ, ยทิทํ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค นาม. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอวมยํ ราสฏฺเนาปิ โอโฆติ เวทิตพฺโพ. อตรีติ อิมํ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ เกน นุ ตฺวํ, มาริส, การเณน ติณฺโณติ ปุจฺฉติ.

อถสฺสา ภควา ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อปฺปติฏฺํ ขฺวาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปติฏฺนฺติ อปฺปติฏฺหนฺโต. อนายูหนฺติ อนายูหนฺโต, อวายมนฺโตติ อตฺโถ. อิติ ภควา คูฬฺหํ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา ปฺหํ กเถสิ. เทวตาปิ นํ สุตฺวา ‘‘พาหิรกํ ตาว โอฆํ ตรนฺตา นาม าตพฺพฏฺาเน ติฏฺนฺตา ตริตพฺพฏฺาเน อายูหนฺตา ตรนฺติ, อยํ ปน อวีจิโต ยาว ภวคฺคา ปตฺถฏํ กิเลโสฆํ กิเลสราสึ อปฺปติฏฺหนฺโต อนายูหนฺโต อตรินฺติ อาห. กึ นุ โข เอตํ? กถํ นุ โข เอต’’นฺติ? วิมตึ ปกฺขนฺตา ปฺหสฺส อตฺถํ น อฺาสิ.

กึ ปน ภควตา ยถา สตฺตา น ชานนฺติ, เอวํ กถนตฺถาย ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตา ปฏิวิทฺธาติ? น เอตทตฺถาย ปฏิวิทฺธา. ทฺเว ปน ภควโต เทสนา นิคฺคหมุเขน จ อนุคฺคหมุเขน จ. ตตฺถ เย ปณฺฑิตมานิโน โหนฺติ อฺาเตปิ าตสฺิโน ปฺจสตา พฺราหฺมณปพฺพชิตา วิย, เตสํ มานนิคฺคหตฺถํ ยถา น ชานนฺติ, เอวํ มูลปริยายาทิสทิสํ ธมฺมํ เทเสติ. อยํ นิคฺคหมุเขน เทสนา. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ, ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร, โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖). เย ปน อุชุกา สิกฺขากามา, เตสํ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา อากงฺเขยฺยสุตฺตาทิสทิสํ ธมฺมํ เทเสติ, ‘‘อภิรม, ติสฺส, อภิรม, ติสฺส, อหโมวาเทน อหมนุคฺคเหน อหมนุสาสนิยา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) จ เน สมสฺสาเสติ. อยํ อนุคฺคหมุเขน เทสนา.

อยํ ปน เทวปุตฺโต มานตฺถทฺโธ ปณฺฑิตมานี, เอวํ กิรสฺส อโหสิ – อหํ โอฆํ ชานามิ, ตถาคตสฺส โอฆติณฺณภาวํ ชานามิ, ‘‘อิมินา ปน การเณน ติณฺโณ’’ติ เอตฺตกมตฺตํ น ชานามิ. อิติ มยฺหํ าตเมว พหุ, อปฺปํ อฺาตํ, ตมหํ กถิตมตฺตเมว ชานิสฺสามิ. กิฺหิ นาม ตํ ภควา วเทยฺย, ยสฺสาหํ อตฺถํ น ชาเนยฺยนฺติ. อถ สตฺถา ‘‘อยํ กิลิฏฺวตฺถํ วิย รงฺคชาตํ อภพฺโพ อิมํ มานํ อปฺปหาย เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ, มานนิคฺคหํ ตาวสฺส กตฺวา ปุน นีจจิตฺเตน ปุจฺฉนฺตสฺส ปกาเสสฺสามี’’ติ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา ปฺหํ กเถสิ. โสปิ นิหตมาโน อโหสิ, สา จสฺส นิหตมานตา อุตฺตริปฺหปุจฺฉเนเนว เวทิตพฺพา. ตสฺส ปน ปฺหปุจฺฉนสฺส อยมตฺโถ – กถํ ปน ตฺวํ, มาริส, อปฺปติฏฺํ อนายูหํ โอฆมตริ, ยถาหํ ชานามิ, เอวํ เม กเถหีติ.

อถสฺส ภควา กเถนฺโต ยทาสฺวาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยทา สฺวาหนฺติ ยสฺมึ กาเล อหํ. สุกาโร นิปาตมตฺตํ. ยถา จ เอตฺถ, เอวํ สพฺพปเทสุ. สํสีทามีติ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา อตรนฺโต ตตฺเถว โอสีทามิ. นิพฺพุยฺหามีติ าตุํ อสกฺโกนฺโต อติวตฺตามิ. อิติ าเน จ วายาเม จ โทสํ ทิสฺวา อติฏฺนฺโต อวายมนฺโต โอฆมตรินฺติ เอวํ ภควตา ปฺโห กถิโต. เทวตายปิ ปฏิวิทฺโธ, น ปน ปากโฏ, ตสฺส ปากฏีกรณตฺถํ สตฺต ทุกา ทสฺสิตา. กิเลสวเสน หิ สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อภิสงฺขารวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. ตณฺหาทิฏฺีหิ วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อวเสสกิเลสานฺเจว อภิสงฺขารานฺจ วเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. ตณฺหาวเสน วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, ทิฏฺิวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. สสฺสตทิฏฺิยา วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อุจฺเฉททิฏฺิยา อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. โอลียนาภินิเวสา หิ ภวทิฏฺิ, อติธาวนาภินิเวสา วิภวทิฏฺิ . ลีนวเสน วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อุทฺธจฺจวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. ตถา กามสุขลฺลิกานุโยควเสน สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อตฺตกิลมถานุโยควเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. สพฺพากุสลาภิสงฺขารวเสน สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, สพฺพโลกิยกุสลาภิสงฺขารวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, จุนฺท, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อโธภาคงฺคมนียา, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อุปริภาคงฺคมนียา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๖).

อิมํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ สุตฺวาว เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ตุฏฺา ปสนฺนา อตฺตโน ตุฏฺิฺจ ปสาทฺจ ปกาสยนฺตี จิรสฺสํ วตาติ คาถมาห. ตตฺถ จิรสฺสนฺติ จิรสฺส กาลสฺส อจฺจเยนาติ อตฺโถ. อยํ กิร เทวตา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ตสฺส ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย อนฺตรา อฺํ พุทฺธํ น ทิฏฺปุพฺพา, ตสฺมา อชฺช ภควนฺตํ ทิสฺวา เอวมาห. กึ ปนิมาย เทวตาย อิโต ปุพฺเพ สตฺถา น ทิฏฺปุพฺโพติ. ทิฏฺปุพฺโพ วา โหตุ อทิฏฺปุพฺโพ วา, ทสฺสนํ อุปาทาย เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. พฺราหฺมณนฺติ พาหิตปาปํ ขีณาสวพฺราหฺมณํ. ปรินิพฺพุตนฺติ กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตํ. โลเกติ สตฺตโลเก. วิสตฺติกนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อาสตฺตวิสตฺตตาทีหิ การเณหิ วิสตฺติกา วุจฺจติ ตณฺหา, ตํ วิสตฺติกํ อปฺปติฏฺมานํ อนายูหมานํ ติณฺณํ นิตฺติณฺณํ อุตฺติณฺณํ จิรสฺสํ วต ขีณาสวพฺราหฺมณํ ปสฺสามีติ อตฺโถ.

สมนุฺโ สตฺถา อโหสีติ ตสฺสา เทวตาย วจนํ จิตฺเตเนว สมนุโมทิ, เอกชฺฌาสโย อโหสิ. อนฺตรธายีติ อภิสงฺขตกายํ ชหิตฺวา อตฺตโน ปกติอุปาทิณฺณกกายสฺมึเยว ตฺวา ลทฺธาสา ลทฺธปติฏฺา หุตฺวา ทสพลํ คนฺเธหิ จ มาเลหิ จ ปูเชตฺวา อตฺตโน ภวนํเยว อคมาสีติ.

โอฆตรณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. นิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา

. อิทานิ ทุติยสุตฺตโต ปฏฺาย ปมมาคตฺจ อุตฺตานตฺถฺจ ปหาย ยํ ยํ อนุตฺตานํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. ชานาสิ โนติ ชานาสิ นุ. นิโมกฺขนฺติอาทีนิ มคฺคาทีนํ นามานิ . มคฺเคน หิ สตฺตา กิเลสพนฺธนโต นิมุจฺจนฺติ, ตสฺมา มคฺโค สตฺตานํ นิโมกฺโขติ วุตฺโต. ผลกฺขเณ ปน เต กิเลสพนฺธนโต ปมุตฺตา, ตสฺมา ผลํ สตฺตานํ ปโมกฺโขติ วุตฺตํ. นิพฺพานํ ปตฺวา สตฺตานํ สพฺพทุกฺขํ วิวิจฺจติ, ตสฺมา นิพฺพานํ วิเวโกติ วุตฺตํ. สพฺพานิ วา เอตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. นิพฺพานฺหิ ปตฺวา สตฺตา สพฺพทุกฺขโต นิมุจฺจนฺติ ปมุจฺจนฺติ วิวิจฺจนฺติ, ตสฺมา ตเทว ‘‘นิโมกฺโข ปโมกฺโข วิเวโก’’ติ วุตฺตํ. ชานามิ ขฺวาหนฺติ ชานามิ โข อหํ. อวธารณตฺโถ โขกาโร . อหํ ชานามิเยว. สตฺตานํ นิโมกฺขาทิชานนตฺถเมว หิ มยา สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธนฺติ สีหนาทํ นทติ. พุทฺธสีหนาทํ นาม กิร เอตํ สุตฺตํ.

นนฺทีภวปริกฺขยาติ นนฺทีมูลกสฺส กมฺมภวสฺส ปริกฺขเยน. นนฺทิยา จ ภวสฺส จาติปิ วฏฺฏติ. ตตฺถ หิ ปุริมนเย นนฺทีภเวน ติวิธกมฺมาภิสงฺขารวเสน สงฺขารกฺขนฺโธ คหิโต, สฺาวิฺาเณหิ ตํสมฺปยุตฺตา จ ทฺเว ขนฺธา. เตหิ ปน ตีหิ ขนฺเธหิ สมฺปยุตฺตา เวทนา เตสํ คหเณน คหิตาวาติ อนุปาทิณฺณกานํ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ อปฺปวตฺติวเสน สอุปาทิเสสํ นิพฺพานํ กถิตํ โหติ. เวทนานํ นิโรธา อุปสมาติ อุปาทิณฺณกเวทนานํ นิโรเธน จ อุปสเมน จ. ตตฺถ เวทนาคหเณน ตํสมฺปยุตฺตา ตโย ขนฺธา คหิตาว โหนฺติ, เตสํ วตฺถารมฺมณวเสน รูปกฺขนฺโธปิ. เอวํ อิเมสํ อุปาทิณฺณกานํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติวเสน อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ กถิตํ โหติ. ทุติยนเย ปน นนฺทิคฺคหเณน สงฺขารกฺขนฺโธ คหิโต, ภวคฺคหเณน อุปปตฺติภวสงฺขาโต รูปกฺขนฺโธ, สฺาทีหิ สรูเปเนว ตโย ขนฺธา. เอวํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติวเสน นิพฺพานํ กถิตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. อิมเมว จ นยํ จตุนิกายิกภณฺฑิกตฺเถโร โรเจติ. อิติ นิพฺพานวเสเนว ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสีติ.

นิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุปนียสุตฺตวณฺณนา

. ตติเย อุปนียตีติ ปริกฺขียติ นิรุชฺฌติ, อุปคจฺฉติ วา, อนุปุพฺเพน มรณํ อุเปตีติ อตฺโถ. ยถา วา โคปาเลน โคคโณ นียติ, เอวํ ชราย มรณสนฺติกํ อุปนียตีติ อตฺโถ. ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. อปฺปนฺติ ปริตฺตํ โถกํ. ตสฺส ทฺวีหากาเรหิ ปริตฺตตา เวทิตพฺพา สรสปริตฺตตาย จ ขณปริตฺตตาย จ. สรสปริตฺตตายปิ หิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; สํ. นิ. ๒.๑๔๓) วจนโต ปริตฺตํ. ขณปริตฺตตายปิ. ปรมตฺถโต หิ อติปริตฺโต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโณ เอกจิตฺตปฺปวตฺติมตฺโตเยว . ยถา นาม รถจกฺกํ ปวตฺตมานมฺปิ เอเกเนว เนมิปฺปเทเสน ปวตฺตติ, ติฏฺมานมฺปิ เอเกเนว ติฏฺติ, เอวเมวํ เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตํ, ตสฺมึ จิตฺเต นิรุทฺธมตฺเต สตฺโต นิรุทฺโธติ วุจฺจติ. ยถาห – อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ, อนาคเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิสฺสติ น ชีวติ น ชีวิตฺถ, ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺตกฺขเณ ชีวติ น ชีวิตฺถ น ชีวิสฺสติ.

‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;

เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.

‘‘เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;

สพฺเพปิ สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา.

‘‘อนิพฺพตฺเตน น ชาโต, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ;

จิตฺตภงฺคา มโต โลโก, ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา’’ติ. (มหานิ. ๑๐);

ชรูปนีตสฺสาติ ชรํ อุปคตสฺส, ชราย วา มรณสนฺติกํ อุปนีตสฺส. น สนฺติ ตาณาติ ตาณํ เลณํ สรณํ ภวิตุํ สมตฺถา นาม เกจิ นตฺถิ. เอตํ ภยนฺติ เอตํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส มรณูปคมนํ, อายุปริตฺตตา, ชรูปนีตสฺส ตาณาภาโวติ ติวิธํ ภยํ ภยวตฺถุ ภยการณนฺติ อตฺโถ. ปุฺานิ กยิราถ สุขาวหานีติ วิฺู ปุริโส สุขาวหานิ สุขทายกานิ ปุฺานิ กเรยฺย. อิติ เทวตา รูปาวจรชฺฌานํ สนฺธาย ปุพฺพเจตนํ อปรเจตนํ มุฺจเจตนฺจ คเหตฺวา พหุวจนวเสน ‘‘ปุฺานี’’ติ อาห. ฌานสฺสาทํ ฌานนิกนฺตึ ฌานสุขฺจ คเหตฺวา ‘‘สุขาวหานี’’ติ อาห. ตสฺสา กิร เทวตาย สยํ ทีฆายุกฏฺาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตตฺตา เหฏฺา กามาวจรเทเวสุ ปริตฺตายุกฏฺาเน จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ถุลฺลผุสิตเก วุฏฺิปาตสทิเส สตฺเต ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘อโหวติเม สตฺตา ฌานํ ภาเวตฺวา อปริหีนชฺฌานา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก เอกกปฺป-ทฺเวกปฺป-จตุกปฺป-อฏฺกปฺป-โสฬสกปฺป-ทฺวตฺตึสกปฺป-จตุสฏฺิกปฺปปฺปมาณํ อทฺธานํ ติฏฺเยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวมาห.

อถ ภควา – ‘‘อยํ เทวตา อนิยฺยานิกํ วฏฺฏกถํ กเถตี’’ติ วิวฏฺฏมสฺสา ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ โลกามิสนฺติ ทฺเว โลกามิสา ปริยาเยน จ นิปฺปริยาเยน จ. ปริยาเยน เตภูมกวฏฺฏํ โลกามิสํ, นิปฺปริยาเยน จตฺตาโร ปจฺจยา. อิธ ปริยายโลกามิสํ อธิปฺเปตํ. นิปฺปริยายโลกามิสมฺปิ วฏฺฏติเยว. สนฺติเปกฺโขติ นิพฺพานสงฺขาตํ อจฺจนฺตสนฺตึ เปกฺขนฺโต อิจฺฉนฺโต ปตฺถยนฺโตติ.

อุปนียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อจฺเจนฺติสุตฺตวณฺณนา

. จตุตฺเถ อจฺเจนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. กาลาติ ปุเรภตฺตาทโย กาลา. ตรยนฺติ รตฺติโยติ รตฺติโย อติกฺกมมานา ปุคฺคลํ มรณูปคมนาย ตรยนฺติ สีฆํ สีฆํ คมยนฺติ. วโยคุณาติ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวยานํ คุณา, ราสโยติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) เอตฺถ หิ ปฏลฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสฏฺโ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติ เอตฺถ โกฏฺาสฏฺโ. ‘‘กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ ราสฏฺโ. ‘‘ปฺจ กามคุณา’’ติ เอตฺถ พนฺธนฏฺโ. อิธ ปน ราสฏฺโ คุณฏฺโ. ตสฺมา วโยคุณาติ วโยราสโย เวทิตพฺพา. อนุปุพฺพํชหนฺตีติ อนุปฏิปาฏิยา ปุคฺคลํ ชหนฺติ. มชฺฌิมวเย ิตํ หิ ปมวโย ชหติ, ปจฺฉิมวเย ิตํ ทฺเว ปมมชฺฌิมา ชหนฺติ, มรณกฺขเณ ปน ตโยปิ วยา ชหนฺเตว. เอตํ ภยนฺติ เอตํ กาลานํ อติกฺกมนํ, รตฺติทิวานํ ตริตภาโว, วโยคุณานํ ชหนภาโวติ ติวิธํ ภยํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

อจฺเจนฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กติฉินฺทสุตฺตวณฺณนา

. ปฺจเม กติ ฉินฺเทติ ฉินฺทนฺโต กติ ฉินฺเทยฺย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ‘‘ฉินฺเท ชเห’’ติ อตฺถโต เอกํ. คาถาพนฺธสฺส ปน มฏฺภาวตฺถํ อยํ เทวตา สทฺทปุนรุตฺตึ วชฺชยนฺตี เอวมาห. กติ สงฺคาติโคติ กติ สงฺเค อติคโต, อติกฺกนฺโตติ อตฺโถ. สงฺคาติโกติปิ ปาโ, อยเมว อตฺโถ. ปฺจ ฉินฺเทติ ฉินฺทนฺโต ปฺจ โอรมฺภาคิยสํโยชนานิ ฉินฺเทยฺย. ปฺจ ชเหติ ชหนฺโต ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ชเหยฺย. อิธาปิ ฉินฺทนฺจ ชหนฺจ อตฺถโต เอกเมว, ภควา ปน เทวตาย อาโรปิตวจนานุรูเปเนว เอวมาห. อถ วา ปาเทสุ พทฺธปาสสกุโณ วิย ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เหฏฺา อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติ, ตานิ อนาคามิมคฺเคน ฉินฺเทยฺยาติ วทติ. หตฺเถหิ คหิตรุกฺขสาขา วิย ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อุปริ อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติ, ตานิ อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺยาติ วทติ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ เอเตสํ สํโยชนานํ ฉินฺทนตฺถาย เจว ปหานตฺถาย จ อุตฺตริ อติเรกํ วิเสสํ ภาเวนฺโต สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ ภาเวยฺยาติ อตฺโถ. ปฺจ สงฺคาติโคติ ราคสงฺโค โทสสงฺโค โมหสงฺโค มานสงฺโค ทิฏฺิสงฺโคติ อิเม ปฺจ สงฺเค อติกฺกนฺโต. โอฆติณฺโณติ วุจฺจตีติ จตุโรฆติณฺโณติ กถียติ. อิมาย ปน คาถาย ปฺจินฺทฺริยานิ โลกิยโลกุตฺตรานิ กถิตานีติ.

กติฉินฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ชาครสุตฺตวณฺณนา

. ฉฏฺเ ชาครตนฺติ ชาครนฺตานํ. ปฺจ ชาครตนฺติ วิสฺสชฺชนคาถายํ ปน สทฺธาทีสุ ปฺจสุ อินฺทฺริเยสุ ชาครนฺเตสุ ปฺจ นีวรณา สุตฺตา นาม. กสฺมา? ยสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโล ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺโน วา ิโต วา อรุณํ อุฏฺเปนฺโตปิ ปมาทตาย อกุสลสมงฺคิตาย สุตฺโต นาม โหติ. เอวํ สุตฺเตสุ ปฺจสุ นีวรเณสุ ปฺจินฺทฺริยานิ ชาครานิ นาม. กสฺมา ? ยสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโล ยตฺถ กตฺถจิ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ อปฺปมาทตาย กุสลสมงฺคิตาย ชาคโร นาม โหติ. ปฺจหิ ปน นีวรเณเหว กิเลสรชํ อาทิยติ คณฺหาติ ปรามสติ. ปุริมา หิ กามจฺฉนฺทาทโย ปจฺฉิมานํ ปจฺจยา โหนฺตีติ ปฺจหิ อินฺทฺริเยหิ ปริสุชฺฌตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิธาปิ ปฺจินฺทฺริยานิ โลกิยโลกุตฺตราเนว กถิตานีติ.

ชาครสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อปฺปฏิวิทิตสุตฺตวณฺณนา

. สตฺตเม ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. อปฺปฏิวิทิตาติ าเณน อปฺปฏิวิทฺธา. ปรวาเทสูติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวาเทสุ. เต หิ อิโต ปเรสํ ติตฺถิยานํ วาทตฺตา ปรวาทา นาม. นียเรติ อตฺตโน ธมฺมตายปิ คจฺฉนฺติ, ปเรนปิ นียนฺติ. ตตฺถ สยเมว สสฺสตาทีนิ คณฺหนฺตา คจฺฉนฺติ นาม, ปรสฺส วจเนน ตานิ คณฺหนฺตา นียนฺติ นาม. กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุนฺติ เตสํ ปุคฺคลานํ ปพุชฺฌิตุํ อยํ กาโล. โลกสฺมิฺหิ พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม เทสิยติ, สงฺโฆ สุปฺปฏิปนฺโน, ปฏิปทา ภทฺทิกา, อิเม จ ปน มหาชนา วฏฺเฏ สุตฺตา นปฺปพุชฺฌนฺตีติ เทวตา อาห. สมฺพุทฺธาติ สมฺมา เหตุนา การเณน พุทฺธา. จตฺตาโร หิ พุทฺธา – สพฺพฺุพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ, จตุสจฺจพุทฺโธ, สุตพุทฺโธติ. ตตฺถ สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺโต สพฺพฺุพุทฺโธ นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สยมฺภุตํ ปตฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ นาม. อวเสสา ขีณาสวา จตุสจฺจพุทฺธา นาม. พหุสฺสุโต สุตพุทฺโธ นาม. อิมสฺมึ อตฺเถ ตโยปิ ปุริมา วฏฺฏนฺติ. สมฺมทฺาติ สมฺมา เหตุนา การเณน ชานิตฺวา. จรนฺติ วิสเม สมนฺติ วิสเม วา โลกสนฺนิวาเส วิสเม วา สตฺตนิกาเย วิสเม วา กิเลสชาเต สมํ จรนฺตีติ.

อปฺปฏิวิทิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สุสมฺมุฏฺสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺเม สุสมฺมุฏฺาติ ปฺาย อปฺปฏิวิทฺธภาเวเนว สุนฏฺา. ยถา หิ ทฺเว เขตฺตานิ กสิตฺวา, เอกํ วปิตฺวา, พหุธฺํ อธิคตสฺส อวาปิตเขตฺตโต อลทฺธํ สนฺธาย ‘‘พหุํ เม ธฺํ นฏฺ’’นฺติ วทนฺโต อลทฺธเมว ‘‘นฏฺ’’นฺติ วทติ, เอวมิธาปิ อปฺปฏิวิทิตาว สุสมฺมุฏฺา นาม. อสมฺมุฏฺาติ ปฺาย ปฏิวิทฺธภาเวเนว อนฏฺา. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

สุสมฺมุฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. มานกามสุตฺตวณฺณนา

. นวเม มานกามสฺสาติ มานํ กาเมนฺตสฺส อิจฺฉนฺตสฺส. ทโมติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส สมาธิปกฺขิโก ทโม นตฺถีติ วทติ. ‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๕) เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุตฺโต. ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๑) เอตฺถ ปฺา. ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๕) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํ. ‘‘สกฺขิสฺสสิ โข ตฺวํ, ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมน สมนฺนาคโต สุนาปรนฺตสฺมึ ชนปเท วิหริตุ’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๘๘; ม. นิ. ๓.๓๙๖) เอตฺถ อธิวาสนขนฺติ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต ทโมติ สมาธิปกฺขิกธมฺมานํ เอตํ นามํ. เตเนวาห – ‘‘น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺสา’’ติ. ตตฺถ โมนนฺติ จตุมคฺคาณํ, ตฺหิ มุนาตีติ โมนํ, จตุสจฺจธมฺเม ชานาตีติ อตฺโถ. มจฺจุเธยฺยสฺสาติ เตภูมกวฏฺฏสฺส. ตฺหิ มจฺจุโน ปติฏฺานฏฺเน มจฺจุเธยฺยนฺติ วุจฺจติ. ปารนฺติ ตสฺเสว ปารํ นิพฺพานํ. ตเรยฺยาติ ปฏิวิชฺเฌยฺย ปาปุเณยฺย วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก อรฺเ วิหรนฺโต ปมตฺโต ปุคฺคโล มจฺจุเธยฺยสฺส ปารํ น ตเรยฺย น ปฏิวิชฺเฌยฺย น ปาปุเณยฺยาติ.

มานํ ปหายาติ อรหตฺตมคฺเคน นววิธมานํ ปชหิตฺวา. สุสมาหิตตฺโตติ อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สุฏฺุ สมาหิตตฺโต. สุเจตโสติ าณสมฺปยุตฺตตาย สุนฺทรจิตฺโต. าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน หิ สุเจตโสติ น วุจฺจติ, ตสฺมา าณสมฺปยุตฺเตน สุเจตโส หุตฺวาติ อตฺโถ. สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโตติ สพฺเพสุ ขนฺธายตนาทีสุ วิปฺปมุตฺโต หุตฺวา. ตเรยฺยาติ เอตฺถ เตภูมกวฏฺฏํ สมติกฺกมนฺโต นิพฺพานํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ตรตีติ ปฏิเวธตรณํ นาม วุตฺตํ. อิติ อิมาย คาถาย ติสฺโส สิกฺขา กถิตา โหนฺติ. กถํ – มาโน นามายํ สีลเภทโน, ตสฺมา ‘‘มานํ ปหายา’’ติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา กถิตา โหติ. ‘‘สุสมาหิตตฺโต’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา. ‘‘สุเจตโส’’ติ เอตฺถ จิตฺเตน ปฺา ทสฺสิตา, ตสฺมา อิมินา อธิปฺาสิกฺขา กถิตา. อธิสีลฺจ นาม สีเล สติ โหติ, อธิจิตฺตํ จิตฺเต สติ, อธิปฺา ปฺาย สติ. ตสฺมา สีลํ นาม ปฺจปิ ทสปิ สีลานิ, ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ นามาติ เวทิตพฺพํ. อฏฺ สมาปตฺติโย จิตฺตํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ อธิจิตฺตํ. กมฺมสฺสกตาณํ ปฺา, วิปสฺสนา อธิปฺา. อนุปฺปนฺเนปิ หิ พุทฺธุปฺปาเท ปวตฺตตีติ ปฺจสีลํ ทสสีลํ สีลเมว, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตีติ อธิสีลํ. จิตฺตปฺาสุปิ เอเสว นโย. อปิจ นิพฺพานํ ปตฺถยนฺเตน สมาทินฺนํ ปฺจสีลมฺปิ ทสสีลมฺปิ อธิสีลเมว. สมาปนฺนา อฏฺ สมาปตฺติโยปิ อธิจิตฺตเมว. สพฺพมฺปิ วา โลกิยสีลํ สีลเมว, โลกุตฺตรํ อธิสีลํ. จิตฺตปฺาสุปิ เอเสว นโยติ. อิติ อิมาย คาถาย สโมธาเนตฺวา ติสฺโส สิกฺขา สกลสาสนํ กถิตํ โหตีติ.

มานกามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อรฺสุตฺตวณฺณนา

๑๐. ทสเม สนฺตานนฺติ สนฺตกิเลสานํ, ปณฺฑิตานํ วา. ‘‘สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ (ชา. ๒.๒๑.๔๑๓), ทูเร สนฺโต ปกาสนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๓๐๔) หิ ปณฺฑิตาปิ สนฺโตติ วุตฺตา. พฺรหฺมจารินนฺติ เสฏฺจารีนํ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺตานํ. เกน วณฺโณ ปสีทตีติ เกน การเณน ฉวิวณฺโณ ปสีทตีติ ปุจฺฉติ. กสฺมา ปเนสา เอวํ ปุจฺฉติ? เอสา กิร วนสณฺฑวาสิกา ภุมฺมเทวตา อารฺเก ภิกฺขู ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเต อรฺํ ปวิสิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺเน ปสฺสติ. เตสฺจ เอวํ นิสินฺนานํ พลวจิตฺเตกคฺคตา อุปฺปชฺชติ. ตโต วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ โอกฺกมติ, จิตฺตํ ปสีทติ. จิตฺเต ปสนฺเน โลหิตํ ปสีทติ, จิตฺตสมุฏฺานานิ อุปาทารูปานิ ปริสุทฺธานิ โหนฺติ, วณฺฏา ปมุตฺตตาลผลสฺส วิย มุขสฺส วณฺโณ โหติ. ตํ ทิสฺวา เทวตา จินฺเตสิ – ‘‘สรีรวณฺโณ นามายํ ปณีตานิ รสสมฺปนฺนานิ โภชนานิ สุขสมฺผสฺสานิ นิวาสนปาปุรณสยนานิ อุตุสุเข เตภูมิกาทิเภเท จ ปาสาเท มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ จ ลภนฺตานํ ปสีทติ, อิเม ปน ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกภตฺตํ ภุฺชนฺติ, วิรฬมฺจเก วา ผลเก วา สิลาย วา สยนานิ กปฺเปนฺติ, รุกฺขมูลาทีสุ วา อพฺโภกาเส วา วสนฺติ, เกน นุ โข การเณน เอเตสํ วณฺโณ ปสีทตี’’ติ. ตสฺมา ปุจฺฉิ.

อถสฺสา ภควา การณํ กเถนฺโต ทุติยํ คาถํ อาห. ตตฺถ อตีตนฺติ อตีเต อสุโก นาม ราชา ธมฺมิโก อโหสิ, โส อมฺหากํ ปณีเต ปจฺจเย อทาสิ. อาจริยุปชฺฌายา ลาภิโน อเหสุํ. อถ มยํ เอวรูปานิ โภชนานิ ภุฺชิมฺหา, จีวรานิ ปารุปิมฺหาติ เอวํ เอกจฺเจ ปจฺจยพาหุลฺลิกา วิย อิเม ภิกฺขู อตีตํ นานุโสจนฺติ. นปฺปชปฺปนฺติ นาคตนฺติ อนาคเต ธมฺมิโก ราชา ภวิสฺสติ, ผีตา ชนปทา ภวิสฺสนฺติ, พหูนิ สปฺปินวนีตาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, ‘‘ขาทถ ภุฺชถา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วตฺตาโร ภวิสฺสนฺติ, ตทา มยํ เอวรูปานิ โภชนานิ ภุฺชิสฺสาม, จีวรานิ ปารุปิสฺสามาติ เอวํ อนาคตํ น ปตฺเถนฺติ. ปจฺจุปฺปนฺเนนาติ เยน เกนจิ ตงฺขเณ ลทฺเธน ยาเปนฺติ. เตนาติ เตน ติวิเธนาปิ การเณน.

เอวํ วณฺณสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว วณฺณสฺส วินาสํ ทสฺเสนฺโต อนนฺตรํ คาถมาห. ตตฺถ อนาคตปฺปชปฺปายาติ อนาคตสฺส ปตฺถนาย. เอเตนาติ เอเตน การณทฺวเยน. นโฬว หริโต ลุโตติ ยถา หริโต นโฬ ลายิตฺวา อุณฺหปาสาเณ ปกฺขิตฺโต สุสฺสติ, เอวํ สุสฺสนฺตีติ.

อรฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา. นฬวคฺโค ปโม.

๒. นนฺทนวคฺโค

๑. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา

๑๑. นนฺทนวคฺคสฺส ปเม ตตฺราติ ตสฺมึ อาราเม. โขติ พฺยฺชนสิลิฏฺตาวเสน นิปาตมตฺตํ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ปริสเชฏฺเก ภิกฺขู ชานาเปสิ. ภิกฺขโวติ เตสํ อามนฺตนาการทีปนํ. ภทนฺเตติ ปติวจนทานํ. เต ภิกฺขูติ เย ตตฺถ สมฺมุขีภูตา ธมฺมปฏิคฺคาหกา ภิกฺขู. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต วจนํ ปติอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสูติ อตฺโถ. เอตทโวจาติ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘ภูตปุพฺพ’’นฺติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ ตาวตึสกายิกาติ ตาวตึสกาเย นิพฺพตฺตา. ตาวตึสกาโย นาม ทุติยเทวโลโก วุจฺจติ. มเฆน มาณเวน สทฺธึ มจลคาเม กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺเน เตตฺตึส เทวปุตฺเต อุปาทาย กิร ตสฺส เทวโลกสฺส อยํ ปณฺณตฺติ ชาตาติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉ กามาวจรเทวโลกา อตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวตึสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๙), ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพา. เอวฺหิ นิทฺโทสํ ปทํ โหติ.

นนฺทเน วเนติ เอตฺถ ตํ วนํ ปวิฏฺเ ปวิฏฺเ นนฺทยติ โตเสตีติ นนฺทนํ. ปฺจสุ หิ มรณนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘สมฺปตฺตึ ปหาย จวิสฺสามา’’ติ ปริเทวมานา เทวตา สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘มา ปริเทวิตฺถ, อภิชฺชนธมฺมา นาม สงฺขารา นตฺถี’’ติ โอวทิตฺวา ตตฺถ ปเวสาเปติ. ตาสํ อฺาหิ เทวตาหิ พาหาสุ คเหตฺวา ปเวสิตานมฺปิ ตสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวาว มรณโสโก วูปสมฺมติ, ปีติปาโมชฺชเมว อุปฺปชฺชติ. อถ ตสฺมึ กีฬมานา เอว อุณฺหสนฺตตฺโต หิมปิณฺโฑ วิย วิลียนฺติ, วาตาปหตทีปสิขา วิย วิชฺฌายนฺตีติ เอวํ ยํกิฺจิ อนฺโต ปวิฏฺํ นนฺทยติ โตเสติเยวาติ นนฺทนํ, ตสฺมึ นนฺทเน. อจฺฉราสงฺฆปริวุตาติ อจฺฉราติ เทวธีตานํ นามํ, ตาสํ สมูเหน ปริวุตา.

ทิพฺเพหีติ เทวโลเก นิพฺพตฺเตหิ. ปฺจหิ กามคุเณหีติ มนาปิยรูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพสงฺขาเตหิ ปฺจหิ กามพนฺธเนหิ กามโกฏฺาเสหิ วา . สมปฺปิตาติ อุเปตา. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. ปริจารยมานาติ รมมานา, เตสุ เตสุ วา รูปาทีสุ อินฺทฺริยานิ สฺจารยมานา. ตายํ เวลายนฺติ ตสฺมึ ปริจารณกาเล. โส ปนสฺส เทวปุตฺตสฺส อธุนา อภินิพฺพตฺตกาโล เวทิตพฺโพ. ตสฺส หิ ปฏิสนฺธิกฺขเณเยว รตฺตสุวณฺณกฺขนฺโธ วิย วิโรจยมาโน ติคาวุตปฺปมาโณ อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ. โส ทิพฺพวตฺถนิวตฺโถ ทิพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต ทิพฺพมาลาวิเลปนธโร ทิพฺเพหิ จนฺทนจุณฺเณหิ สมํ วิกิริยมาโน ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ โอวุโต นิวุโต ปริโยนทฺโธ โลภาภิภูโต หุตฺวา โลภนิสฺสรณํ นิพฺพานํ อปสฺสนฺโต อาสภึ วาจํ ภาสนฺโต วิย มหาสทฺเทน ‘‘น เต สุขํ ปชานนฺตี’’ติ อิมํ คาถํ คายมาโน นนฺทนวเน วิจริ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสี’’ติ.

เย น ปสฺสนฺติ นนฺทนนฺติ เย ตตฺร ปฺจกามคุณานุภวนวเสน นนฺทนวนํ น ปสฺสนฺติ. นรเทวานนฺติ เทวนรานํ, เทวปุริสานนฺติ อตฺโถ. ติทสานนฺติ ติกฺขตฺตุํ ทสนฺนํ. ยสสฺสินนฺติ ปริวารสงฺขาเตน ยเสน สมฺปนฺนานํ.

อฺตรา เทวตาติ เอกา อริยสาวิกา เทวตา. ปจฺจภาสีติ ‘‘อยํ พาลเทวตา อิมํ สมฺปตฺตึ นิจฺจํ อจลํ มฺติ, นาสฺสา เฉทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมตํ ชานาตี’’ติ อธิปฺปายํ วิวฏฺเฏตฺวา ทสฺเสนฺตี ‘‘น ตฺวํ พาเล’’ติ อิมาย คาถาย ปติอภาสิ. ยถา อรหตํ วโจติ ยถา อรหนฺตานํ วจนํ, ตถา ตฺวํ น ชานาสีติ. เอวํ ตสฺสา อธิปฺปายํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทานิ อรหนฺตานํ วจนํ ทสฺเสนฺตี อนิจฺจาติอาทิมาห. ตตฺถ อนิจฺจา วต สงฺขาราติ สพฺเพ เตภูมกสงฺขารา หุตฺวา อภาวตฺเถน อนิจฺจา. อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ อุปฺปาทวยสภาวา. อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺตีติ อิทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. ยสฺมา วา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ. อุปฺปาทวยคฺคหเณน เจตฺถ ตทนนฺตรา เวมชฺฌฏฺานํ คหิตเมว โหติ. เตสํ วูปสโม สุโขติ เตสํ สงฺขารานํ วูปสมสงฺขาตํ นิพฺพานเมว สุขํ. อิทํ อรหตํ วโจติ.

นนฺทนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย นนฺทตีติ ตุสฺสติ อตฺตมโน โหติ. ปุตฺติมาติ พหุปุตฺโต. ตสฺส หิ เอกจฺเจ ปุตฺตา กสิกมฺมํ กตฺวา ธฺสฺส โกฏฺเ ปูเรนฺติ, เอกจฺเจ วณิชฺชํ กตฺวา หิรฺสุวณฺณํ อาหรนฺติ, เอกจฺเจ ราชานํ อุปฏฺหิตฺวา ยานวาหนคามนิคมาทีนิ ลภนฺติ. อถ เตสํ อานุภาวสงฺขาตํ สิรึ อนุภวมานา มาตา วา ปิตา วา นนฺทติ. ฉณทิวสาทีสุ วา มณฺฑิตปสาธิเต ปุตฺเต สมฺปตฺตึ อนุภวมาเน ทิสฺวา นนฺทตีติ, ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ อาห. โคหิ ตเถวาติ ยถา ปุตฺติมา ปุตฺเตหิ, ตถา โคสามิโกปิ สมฺปนฺนํ โคมณฺฑลํ ทิสฺวา คาโว นิสฺสาย โครสสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน โคหิ นนฺทติ. อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนาติ, เอตฺถ อุปธีติ จตฺตาโร อุปธี – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติ. กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต ‘‘อุปธิยติ เอตฺถ สุข’’นฺติ อิมินา วจนตฺเถน อุปธีติ วุจฺจติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโตติ. อิธ ปน กามูปธิ อธิปฺเปโต. ปฺจ หิ กามคุณา เตภูมิกาทิปาสาท-อุฬารสยน-วตฺถาลงฺการ-นาฏกปริวาราทิวเสน ปจฺจุปฏฺิตา ปีติโสมนสฺสํ อุปสํหรมานา นรํ นนฺทยนฺติ. ตสฺมา ยถา ปุตฺตา จ คาโว จ, เอวํ อิเมปิ อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนาติ เวทิตพฺพา. น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธีติ โย กามคุณสมฺปตฺติรหิโต ทลิทฺโท ทุลฺลภฆาสจฺฉาทโน , น หิ โส นนฺทติ. เอวรูโป มนุสฺสเปโต จ มนุสฺสเนรยิโก จ กึ นนฺทิสฺสติ ภควาติ อาห.

อิทํ สุตฺวา สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวตา โสกวตฺถุเมว นนฺทวตฺถุํ กโรติ, โสกวตฺถุภาวมสฺสา ทีเปสฺสามี’’ติ ผเลน ผลํ ปาเตนฺโต วิย ตาเยว อุปมาย ตสฺสา วาทํ ภินฺทนฺโต ตเมว คาถํ ปริวตฺเตตฺวา โสจตีติ อาห. ตตฺถ โสจติ ปุตฺเตหีติ วิเทสคมนาทิวเสน ปุตฺเตสุ นฏฺเสุปิ นสฺสนฺเตสุปิ อิทานิ นสฺสิสฺสนฺตีติ นาสสงฺกีปิ โสจติ, ตถา มเตสุปิ มรนฺเตสุปิ โจเรหิ ราชปุริเสหิ คหิเตสุ วา ปจฺจตฺถิกานํ หตฺถํ อุปคเตสุ วา มรณสงฺกีปิ หุตฺวา โสจติ. รุกฺขปพฺพตาทีหิ ปติตฺวา หตฺถปาทาทีนํ เภทวเสน ภินฺเนสุปิ ภิชฺชนฺเตสุปิ เภทสงฺกีปิ หุตฺวา โสจติ. ยถา จ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคสามิโกปิ ตเถว นวหากาเรหิ โคหิ โสจติ. อุปธี หิ นรสฺส โสจนาติ ยถา จ ปุตฺตคาโว, เอวํ ปฺจ กามคุโณปธีปิ –

‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;

เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตี’’ติ. (สุ. นิ. ๗๗๓) –

วุตฺตนเยน นรํ โสจนฺติ. ตสฺมา นรสฺส โสจนา โสกวตฺถุกเมวาติ เวทิตพฺพา. น หิ โส โสจติ, โย นิรูปธีติ ยสฺส ปน จตุพฺพิธาเปเต อุปธิโย นตฺถิ, โส นิรุปธิ มหาขีณาสโว กึ โสจิสฺสติ, น โสจติ เทวเตติ.

นนฺทติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นตฺถิปุตฺตสมสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมนฺติ วิรูเปปิ หิ อตฺตโน ปุตฺตเก สุวณฺณพิมฺพกํ วิย มฺนฺติ, มาลาคุเฬ วิย สีสาทีสุ กตฺวา ปริหรมานา เตหิ โอหทิตาปิ โอมุตฺติกาปิ คนฺธวิเลปนปติตา วิย โสมนสฺสํ อาปชฺชนฺติ. เตนาห – ‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปม’’นฺติ . ปุตฺตเปมสมํ เปมํ นาม นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. โคสมิตํ ธนนฺติ โคหิ สมํ โคธนสมํ โคธนสทิสํ อฺํ ธนํ นาม นตฺถิ ภควาติ อาห. สูริยสมา อาภาติ สูริยาภาย สมา อฺา อาภา นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. สมุทฺทปรมาติ เย เกจิ อฺเ สรา นาม, สพฺเพ เต สมุทฺทปรมา, สมุทฺโท เตสํ อุตฺตโม, สมุทฺทสทิสํ อฺํ อุทกนิธานํ นาม นตฺถิ, ภควาติ.

ยสฺมา ปน อตฺตเปเมน สมํ เปมํ นาม นตฺถิ. มาตาปิตาทโย หิ ฉฑฺเฑตฺวาปิ ปุตฺตธีตาทโย จ อโปเสตฺวาปิ สตฺตา อตฺตานเมว โปเสนฺติ. ธฺเน จ สมํ ธนํ นาม นตฺถิ. (ยทา หิ สตฺตา ทุพฺภิกฺขา โหนฺติ), ตถารูเป หิ กาเล หิรฺสุวณฺณาทีนิ โคมหึสาทีนิปิ ธฺคฺคหณตฺถํ ธฺสามิกานเมว สนฺติกํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. ปฺาย จ สมา อาภา นาม นตฺถิ. สูริยาทโย หิ เอกเทสํเยว โอภาสนฺติ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว จ ตมํ วิโนเทนฺติ. ปฺา ปน ทสสหสฺสิมฺปิ โลกธาตุํ เอกปฺปชฺโชตํ กาตุํ สกฺโกติ, อตีตํสาทิปฏิจฺฉาทกฺจ ตมํ วิธมติ. เมฆวุฏฺิยา จ สโม สโร นาม นตฺถิ. นทีวาปิ โหตุ ตลากาทีนิ วา, วุฏฺิสโม สโร นาม นตฺถิ. เมฆวุฏฺิยา หิ ปจฺฉินฺนาย มหาสมุทฺโท องฺคุลิปพฺพเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ น โหติ, วุฏฺิยา ปน ปวตฺตมานาย ยาว อาภสฺสรภวนาปิ เอโกทกํ โหติ. ตสฺมา ภควา เทวตาย ปฏิคาถํ วทนฺโต นตฺถิ อตฺตสมํ เปมนฺติอาทิมาหาติ.

นตฺถิปุตฺตสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ ขตฺติโย ทฺวิปทนฺติ ทฺวิปทานํ ราชา เสฏฺโ. โกมารีติ กุมาริกาเล คหิตา. อยํ เสสภริยานํ เสฏฺาติ วทติ. ปุพฺพโชติ ปมํ ชาโต กาโณ วาปิ โหตุ กุณิอาทีนํ วา อฺตโร, โย ปมํ ชาโต, อยเมว ปุตฺโต อิมิสฺสา เทวตาย วาเท เสฏฺโ นาม โหติ. ยสฺมา ปน ทฺวิปทาทีนํ พุทฺธาทโย เสฏฺา, ตสฺมา ภควา ปฏิคาถํ อาห. ตตฺถ กิฺจาปิ ภควา สพฺเพสํเยว อปทาทิเภทานํ สตฺตานํ เสฏฺโ, อุปฺปชฺชมาโน ปเนส สพฺพสตฺตเสฏฺโ ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทํ เสฏฺโติ อาห. ทฺวิปเทสุ อุปฺปนฺนสฺส จสฺส สพฺพสตฺตเสฏฺภาโว อปฺปฏิหโตว โหติ. อาชานีโยติ หตฺถี วา โหตุ อสฺสาทีสุ อฺตโร วา, โย การณํ ชานาติ, อยํ อาชานีโยว จตุปฺปทานํ เสฏฺโติ อตฺโถ. กูฏกณฺณรฺโ คุฬวณฺณอสฺโส วิย. ราชา กิร ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เจติยปพฺพตํ คมิสฺสามีติ กลมฺพนทีตีรํ สมฺปตฺโต, อสฺโส ตีเร ตฺวา อุทกํ โอตริตุํ น อิจฺฉติ , ราชา อสฺสาจริยํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อโห วต ตยา อสฺโส สิกฺขาปิโต อุทกํ โอตริตุํ น อิจฺฉตี’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘สุสิกฺขาปิโต เทว อสฺโส, เอตสฺส หิ จิตฺตํ – ‘สจาหํ อุทกํ โอตริสฺสามิ, วาลํ เตมิสฺสติ, วาเล ตินฺเต รฺโ องฺเค อุทกํ ปาเตยฺยา’ติ, เอวํ ตุมฺหากํ สรีเร อุทกปาตนภเยน น โอตรติ, วาลํ คณฺหาเปถา’’ติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ. อสฺโส เวเคน โอตริตฺวา ปารํ คโต. สุสฺสูสาติ สุสฺสูสมานา. กุมาริกาเล วา คหิตา โหตุ ปจฺฉา วา, สุรูปา วา วิรูปา วา, ยา สามิกํ สุสฺสูสติ ปริจรติ โตเสติ, สา ภริยานํ เสฏฺา. อสฺสโวติ อาสุณมาโน. เชฏฺโ วา หิ โหตุ กนิฏฺโ วา, โย มาตาปิตูนํ วจนํ สุณาติ, สมฺปฏิจฺฉติ, โอวาทปฏิกโร โหติ, อยํ ปุตฺตานํ เสฏฺโ, อฺเหิ สนฺธิจฺเฉทกาทิโจเรหิ ปุตฺเตหิ โก อตฺโถ เทวเตติ.

ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สณมานสุตฺตวณฺณนา

๑๕. ปฺจเม ิเต มชฺฌนฺหิเกติ ิตมชฺฌนฺหิเก. สนฺนิสีเวสูติ ยถา ผาสุกฏฺานํ อุปคนฺตฺวา สนฺนิสินฺเนสุ วิสฺสมมาเนสุ. ิตมชฺฌนฺหิกกาโล นาเมส สพฺพสตฺตานํ อิริยาปถทุพฺพลฺยกาโล. อิธ ปน ปกฺขีนํเยว วเสน ทสฺสิโต. สณเตวาติ สณติ วิย มหาวิรวํ วิย มุจฺจติ. สณมานเมว เจตฺถ ‘‘สณเตวา’’ติ วุตฺตํ. ตปฺปฏิภาคํ นาเมตํ. นิทาฆสมยสฺมิฺหิ ิตมชฺฌนฺหิกกาเล จตุปฺปทคเณสุ เจว ปกฺขีคเณสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ วาตปูริตานํ สุสิรรุกฺขานฺเจว ฉิทฺทเวณุปพฺพานฺจ ขนฺเธน ขนฺธํ สาขาย สาขํ สงฺฆฏฺฏยนฺตานํ ปาทปานฺจ อรฺมชฺเฌ มหาสทฺโท อุปฺปชฺชติ . ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ตํ ภยํ ปฏิภาติ มนฺติ ตํ เอวรูเป กาเล มหาอรฺสฺส สณมานํ มยฺหํ ภยํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ทนฺธปฺา กิเรสา เทวตา ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน นิสชฺชผาสุกํ กถาผาสุกํ ทุติยกํ อลภนฺตี เอวมาห. ยสฺมา ปน ตาทิเส กาเล ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตสฺส วิวิตฺเต อรฺายตเน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน อนปฺปกํ สุขํ อุปฺปชฺชติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘สุฺาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๗๓) จ,

‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;

อตีว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส วสโต วเน’’ติ. (เถรคา. ๕๓๗) จ;

ตสฺมา ภควา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ สา รติ ปฏิภาติ มนฺติ ยา เอวรูเป กาเล เอกกสฺส นิสชฺชา นาม, สา รติ มยฺหํ อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.

สณมานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นิทฺทาตนฺทีสุตฺตวณฺณนา

๑๖. ฉฏฺเ นิทฺทาติ, ‘‘อภิชานามหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) เอวรูปาย อพฺยากตนิทฺทาย ปุพฺพภาคาปรภาเคสุ เสขปุถุชฺชนานํ สสงฺขาริกอกุสเล จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ถินมิทฺธํ. ตนฺทีติ อติจฺฉาตาติสีตาทิกาเลสุ อุปฺปนฺนํ อาคนฺตุกํ อาลสิยํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมา ตนฺที? ยา ตนฺที ตนฺทิยนา ตนฺทิมนตา อาลสฺยํ อาลสฺยายนา อาลสฺยายิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ตนฺที’’ติ (วิภ. ๘๕๗). วิชมฺภิตาติ กายวิชมฺภนา. อรตีติ อกุสลปกฺขา อุกฺกณฺิตตา. ภตฺตสมฺมโทติ ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตกิลมโถ. วิตฺถาโร ปน เตสํ – ‘‘ตตฺถ กตมา วิชมฺภิตา? ยา กายสฺส ชมฺภนา วิชมฺภนา’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม อาคโตว. เอเตนาติ เอเตน นิทฺทาทินา อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺโ นิวาริตปาตุภาโว. นปฺปกาสตีติ น โชตติ, น ปาตุภวตีติ อตฺโถ. อริยมคฺโคติ โลกุตฺตรมคฺโค. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. ปาณินนฺติ สตฺตานํ. วีริเยนาติ มคฺคสหชาตวีริเยน. นํ ปณาเมตฺวาติ เอตํ กิเลสชาตํ นีหริตฺวา. อริยมคฺโคติ โลกิยโลกุตฺตรมคฺโค. อิติ มคฺเคเนว อุปกฺกิเลเส นีหริตฺวา มคฺคสฺส วิสุทฺธิ วุตฺตาติ.

นิทฺทาตนฺทีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ทุกฺกรสุตฺตวณฺณนา

๑๗. สตฺตเม ทุตฺติติกฺขนฺติ ทุกฺขมํ ทุอธิวาสิยํ. อพฺยตฺเตนาติ พาเลน. สามฺนฺติ สมณธมฺโม. อิมินา เทวตา อิทํ ทสฺเสติ – ยํ ปณฺฑิตา กุลปุตฺตา ทสปิ วสฺสานิ วีสติปิ สฏฺิปิ วสฺสานิ ทนฺเต อภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจปิ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตฺวาปิ เอกาสนํ เอกภตฺตํ ปฏิเสวมานา อาปาณโกฏิกํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา สามฺํ กโรนฺติ. ตํ ภควา พาโล อพฺยตฺโต กาตุํ น สกฺโกตีติ. พหู หิ ตตฺถ สมฺพาธาติ ตสฺมึ สามฺสงฺขาเต อริยมคฺเค พหู สมฺพาธา มคฺคาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส ปุพฺพภาเค พหู ปริสฺสยาติ ทสฺเสติ.

จิตฺตฺเจ น นิวารเยติ ยทิ อโยนิโส อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ น นิวาเรยฺย, กติ อหานิ สามฺํ จเรยฺย? เอกทิวสมฺปิ น จเรยฺย. จิตฺตวสิโก หิ สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺโกติ. ปเท ปเทติ อารมฺมเณ อารมฺมเณ. อารมฺมณฺหิ อิธ ปทนฺติ อธิปฺเปตํ. ยสฺมึ ยสฺมึ หิ อารมฺมเณ กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺถ พาโล วิสีทติ นาม. อิริยาปถปทมฺปิ วฏฺฏติ. คมนาทีสุ หิ ยตฺถ ยตฺถ กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺเถว วิสีทติ นาม. สงฺกปฺปานนฺติ กามสงฺกปฺปาทีนํ.

กุมฺโม วาติ กจฺฉโป วิย. องฺคานีติ คีวปฺจมานิ องฺคานิ. สโมทหนฺติ สโมทหนฺโต, สโมทหิตฺวา วา. มโนวิตกฺเกติ มนมฺหิ อุปฺปนฺนวิตกฺเก. เอตฺตาวตา อิทํ ทสฺเสติ – ยถา กุมฺโม โสณฺฑิปฺจมานิ องฺคานิ สเก กปาเล สโมทหนฺโต สิงฺคาลสฺส โอตารํ น เทติ, สโมทหิตฺวา จสฺส อปฺปสยฺหตํ อาปชฺชติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ มนมฺหิ อุปฺปนฺนวิตกฺเก สเก อารมฺมณกปาเล สโมทหํ มารสฺส โอตารํ น เทติ, สโมทหิตฺวา จสฺส อปฺปสยฺหตํ อาปชฺชตีติ. อนิสฺสิโตติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต หุตฺวา. อเหยาโนติ อวิหึสมาโน. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสนิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. นูปวเทยฺย กฺจีติ ยํกิฺจิ ปุคฺคลํ อาจารวิปตฺติอาทีสุ ยาย กายจิ มงฺกุํ กาตุกาโม หุตฺวา น วเทยฺย, ‘‘กาเลน วกฺขามิ โน อกาเลนา’’ติอาทโย ปน ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺเปตฺวา อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตน จิตฺเตน การุฺตํ ปฏิจฺจ วเทยฺยาติ.

ทุกฺกรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. หิรีสุตฺตวณฺณนา

๑๘. อฏฺเม หิรีนิเสโธติ หิริยา อกุสเล ธมฺเม นิเสเธตีติ หิรีนิเสโธ. โกจิ โลกสฺมึวิชฺชตีติ โกจิ เอวรูโป วิชฺชตีติ ปุจฺฉติ. โย นินฺทํ อปโพธตีติ โย ครหํ อปหรนฺโต พุชฺฌติ. อสฺโส ภทฺโร กสามิวาติ ยถา ภทฺโร อสฺสาชานีโย กสํ อปหรนฺโต พุชฺฌติ, ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺฌนฺโต วิย กสาย อตฺตนิ นิปาตํ น เทติ, เอวเมว โย ภิกฺขุ ภูตสฺส ทสอกฺโกสวตฺถุโน อตฺตนิ นิปาตํ อททนฺโต นินฺทํ อปโพธติ อปหรนฺโต พุชฺฌติ, เอวรูโป โกจิ ขีณาสโว วิชฺชตีติ ปุจฺฉติ. อภูตกฺโกเสน ปน ปริมุตฺโต นาม นตฺถิ. ตนุยาติ ตนุกา, หิริยา อกุสเล ธมฺเม นิเสเธตฺวา จรนฺตา ขีณาสวา นาม อปฺปกาติ อตฺโถ. สทา สตาติ นิจฺจกาลํ สติเวปุลฺเลน สมนฺนาคตา. อนฺตํ ทุกฺขสฺส ปปฺปุยฺยาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส โกฏึ อนฺตภูตํ นิพฺพานํ ปาปุณิตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

หิรีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กุฏิกาสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม กจฺจิ เต กุฏิกาติ อยํ เทวตา ทส มาเส อนฺโตวสนฏฺานฏฺเน มาตรํ กุฏิกํ กตฺวา, ยถา สกุณา ทิวสํ โคจรปสุตา รตฺตึ กุลาวกํ อลฺลียนฺติ, เอวเมวํ สตฺตา ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวาปิ มาตุคามสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ, อาลยวเสน ภริยํ กุลาวกํ กตฺวา. กุลปเวณึ สนฺตานกฏฺเน ปุตฺเต สนฺตานเก กตฺวา, ตณฺหํ พนฺธนํ กตฺวา, คาถาพนฺธเนน อิเม ปฺเห สโมธาเนตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ, ภควาปิสฺสา วิสฺสชฺเชนฺโต ตคฺฆาติอาทิมาห. ตตฺถ ตคฺฆาติ เอกํสวจเน นิปาโต. นตฺถีติ ปหาย ปพฺพชิตตฺตา วฏฺฏสฺมึ วา ปุน มาตุกุจฺฉิวาสสฺส ทารภรณสฺส ปุตฺตนิพฺพตฺติยา วา อภาวโต นตฺถิ.

เทวตา ‘‘มยา สนฺนาหํ พนฺธิตฺวา คุฬฺหา ปฺหา ปุจฺฉิตา, อยฺจ สมโณ ปุจฺฉิตมตฺเตเยว วิสฺสชฺเชสิ, ชานํ นุ โข เม อชฺฌาสยํ กเถสิ, อุทาหุ อชานํ ยํ วา ตํ วา มุขารุฬฺหํ กเถสี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน กินฺตาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ กินฺตาหนฺติ กึ เต อหํ. อถสฺสา ภควา อาจิกฺขนฺโต มาตรนฺติอาทิมาห. สาหุ เตติ คาถาย อนุโมทิตฺวา สมฺปหํสิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อตฺตโน เทวฏฺานเมว คตาติ.

กุฏิกาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม ตโปทาราเมติ ตโปทสฺส ตตฺโตทกสฺส รหทสฺส วเสน เอวํ ลทฺธนาเม อาราเม. เวภารปพฺพตสฺส กิร เหฏฺา ภุมฺมฏฺกนาคานํ ปฺจโยชนสติกํ นาคภวนํ เทวโลกสทิสํ มณิมเยน ตเลน อารามุยฺยาเนหิ จ สมนฺนาคตํ. ตตฺถ นาคานํ กีฬนฏฺาเน มหาอุทกรหโท, ตโต ตโปทา นาม นที สนฺทติ กุถิตา อุณฺโหทกา. กสฺมา ปเนสา เอทิสา? ราชคหํ กิร ปริวาเรตฺวา มหาเปตโลโก ติฏฺติ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ มหาโลหกุมฺภินิรยานํ อนฺตเรน อยํ ตโปทา อาคจฺฉติ, ตสฺมา กุถิตา สนฺทติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ยตายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา สนฺทติ, โส ทโห อจฺโฉทโก สีโตทโก สาโตทโก เสโตทโก สุปฺปติตฺโถ รมณีโย ปหูตมจฺฉกจฺฉโป, จกฺกมตฺตานิ จ ปทุมานิ ปุปฺผนฺติ. อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉติ, เตนายํ ตโปทา กุถิตา สนฺทตี’’ติ (ปารา. ๒๓๑).

อิมสฺส ปน อารามสฺส อภิมุขฏฺาเน ตโต มหาอุทกรหโท ชาโต, ตสฺส วเสนายํ วิหาโร ‘‘ตโปทาราโม’’ติ วุจฺจติ.

สมิทฺธีติ ตสฺส กิร เถรสฺส อตฺตภาโว สมิทฺโธ อภิรูโป ปาสาทิโก, ตสฺมา ‘‘สมิทฺธี’’ตฺเวว สงฺขํ คโต. คตฺตานิ ปริสิฺจิตุนฺติ ปธานิกตฺเถโร เอส, พลวปจฺจูเส อุฏฺายาสนา สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา พหิ สฏฺิหตฺถมตฺเต มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมิตฺวา ‘‘เสทคหิเตหิ คตฺเตหิ ปริภุฺชมานํ เสนาสนํ กิลิสฺสตี’’ติ มฺมาโน คตฺตานิ ปริสิฺจนตฺถํ สรีรโธวนตฺถํ อุปสงฺกมิ. เอกจีวโร อฏฺาสีติ นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ หตฺเถน คเหตฺวา อฏฺาสิ.

คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนติ คตฺตานิ ปุพฺพสทิสานิ โวทกานิ กุรุมาโน. อลฺลสรีเร ปารุตํ หิ จีวรํ กิลิสฺสติ ทุคฺคนฺธํ โหติ, น เจตํ วตฺตํ. เถโร ปน วตฺตสมฺปนฺโน, ตสฺมา วตฺเต ิโตว นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อฏฺาสิ. ตตฺถ อิทํ นฺหานวตฺตํ – อุทกติตฺถํ คนฺตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ จีวรานิ นิกฺขิปิตฺวา เวเคน ิตเกเนว น โอตริตพฺพํ, สพฺพทิสา ปน โอโลเกตฺวา วิวิตฺตภาวํ ตฺวา ขาณุคุมฺพลตาทีนิ ววตฺถเปตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุกฺกาสิตฺวา อวกุชฺช ิเตน อุตฺตราสงฺคจีวรํ อปเนตฺวา ปสาเรตพฺพํ, กายพนฺธนํ โมเจตฺวา จีวรปิฏฺเเยว เปตพฺพํ. สเจ อุทกสาฏิกา นตฺถิ, อุทกนฺเต อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา นิวาสนํ โมเจตฺวา สเจ สินฺนฏฺานํ อตฺถิ, ปสาเรตพฺพํ. โน เจ อตฺถิ, สํหริตฺวา เปตพฺพํ. อุทกํ โอตรนฺเตน สณิกํ นาภิปฺปมาณมตฺตํ โอตริตฺวา วีจึ อนุฏฺาเปนฺเตน สทฺทํ อกโรนฺเตน นิวตฺติตฺวา อาคตทิสาภิมุเขน นิมุชฺชิตพฺพํ, เอวํ จีวรํ รกฺขิตํ โหติ. อุมฺมุชฺชนฺเตนปิ สทฺทํ อกโรนฺเตน สณิกํ อุมฺมุชฺชิตฺวา นฺหานปริโยสาเน อุทกนฺเต อุกฺกุฏิเกน นิสีทิตฺวา นิวาสนํ ปริกฺขิปิตฺวา อุฏฺาย สุปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ อปารุปิตฺวาว าตพฺพนฺติ.

เถโรปิ ตถา นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา วิคจฺฉมานอุทกํ กายํ โอโลกยมาโน อฏฺาสิ. ตสฺส ปกติยาปิ ปาสาทิกสฺส ปจฺจูสสมเย สมฺมา ปริณตาหารสฺส อุณฺโหทเกน นฺหาตสฺส อติวิย มุขวณฺโณ วิโรจิ, พนฺธนา ปวุตฺตตาลผลํ วิย ปภาสมฺปนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย ตงฺขณวิกสิตปทุมํ วิย มุขํ สสฺสิริกํ อโหสิ, สรีรวณฺโณปิ วิปฺปสีทิ. ตสฺมึ สมเย วนสณฺเฑ อธิวตฺถา ภุมฺมเทวตา ปาสาทิกํ ภิกฺขุํ โอโลกยมานา สมนํ นิคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺตี กามปริฬาหาภิภูตา หุตฺวา, ‘‘เถรํ ปโลเภสฺสามี’’ติ อตฺตภาวํ อุฬาเรน อลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา สหสฺสวฏฺฏิปทีปํ ปชฺชลมานา วิย จนฺทํ อุฏฺาปยมานา วิย สกลารามํ เอโกภาสํ กตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อวนฺทิตฺวาว เวหาเส ิตา คาถํ อภาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อฺตรา เทวตา…เป… อชฺฌภาสี’’ติ.

อภุตฺวาติ ปฺจ กามคุเณ อปริภุฺชิตฺวา. ภิกฺขสีติ ปิณฺฑาย จรสิ. มา ตํ กาโล อุปจฺจคาติ เอตฺถ กาโล นาม ปฺจกามคุณปฏิเสวนกฺขโม ทหรโยพฺพนกาโล. ชราชิณฺเณน หิ โอภคฺเคน ทณฺฑปรายเณน ปเวธมาเนน กาสสาสาภิภูเตน น สกฺกา กาเม ปริภุฺชิตุํ. อิติ อิมํ กาลํ สนฺธาย เทวตา ‘‘มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ อาห. ตตฺถ มา อุปจฺจคาติ มา อติกฺกมิ.

กาลํ โวหํ น ชานามีติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. กาลํ น ชานามีติ มรณกาลํ สนฺธาย วทติ. สตฺตานฺหิ –

‘‘ชีวิตํ พฺยาธิ กาโล จ, เทหนิกฺเขปนํ คติ;

ปฺเจเต ชีวโลกสฺมึ, อนิมิตฺตา น นายเร’’.

ตตฺถ ชีวิตํ ตาว ‘‘เอตฺตกเมว, น อิโต ปร’’นฺติ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตํ. กลลกาเลปิ หิ สตฺตา มรนฺติ, อพฺพุท-เปสิ-ฆน-อฑฺฒมาส-เอกมาส-ทฺเวมาส-เตมาส-จตุมาสปฺจมาส…เป… ทสมาสกาเลปิ, กุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสมเยปิ, ตโต ปรํ วสฺสสตสฺส อนฺโตปิ พหิปิ มรนฺติเยว. พฺยาธิปิ ‘‘อิมินาว พฺยาธินา สตฺตา มรนฺติ, น อฺเนา’’ติ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺโต. จกฺขุโรเคนปิ หิ สตฺตา มรนฺติ โสตโรคาทีนํ อฺตเรนปิ. กาโลปิ, ‘‘อิมสฺมึ เยว กาเล มริตพฺพํ, น อฺสฺมิ’’นฺติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺโต. ปุพฺพณฺเหปิ หิ สตฺตา มรนฺติ มชฺฌนฺหิกาทีนํ อฺตรสฺมิมฺปิ. เทหนิกฺเขปนมฺปิ, ‘‘อิเธว มียมานานํ เทเหน ปติตพฺพํ, น อฺตฺถา’’ติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตํ. อนฺโตคาเม ชาตานฺหิ พหิคาเมปิ อตฺตภาโว ปตติ, พหิคาเมปิ ชาตานํ อนฺโตคาเมปิ. ตถา ถลชานํ ชเล, ชลชานํ ถเลติ อเนกปฺปการโต วิตฺถาเรตพฺพํ. คติปิ, ‘‘อิโต จุเตน อิธ นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตา. เทวโลกโต หิ จุตา มนุสฺเสสุปิ นิพฺพตฺตนฺติ , มนุสฺสโลกโต จุตา เทวโลกาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตนฺตีติ เอวํ ยนฺเต ยุตฺตโคโณ วิย คติปฺจเก โลโก สมฺปริวตฺตติ. ตสฺเสวํ สมฺปริวตฺตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม กาเล มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมํ มรณสฺส กาลํ โวหํ น ชานามิ.

ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสตีติ อยํ กาโล มยฺหํ ปฏิจฺฉนฺโน อวิภูโต น ปฺายติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อยํ กาโล ปฏิจฺฉนฺโน น ปฺายติ, ตสฺมา ปฺจ กามคุเณ อภุตฺวาว ภิกฺขามิ. มา มํ กาโล อุปจฺจคาติ เอตฺถ สมณธมฺมกรณกาลํ สนฺธาย ‘‘กาโล’’ติ อาห. อยฺหิ สมณธมฺโม นาม ปจฺฉิเม กาเล ติสฺโส วโยสีมา อติกฺกนฺเตน โอภคฺเคน ทณฺฑปรายเณน ปเวธมาเนน กาสสาสาภิภูเตน น สกฺกา กาตุํ. ตทา หิ น สกฺกา โหติ อิจฺฉิติจฺฉิตํ พุทฺธวจนํ วา คณฺหิตุํ, ธุตงฺคํ วา ปริภุฺชิตุํ, อรฺวาสํ วา วสิตุํ, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปตฺตึ วา สมาปชฺชิตุํ, ปทภาณ-สรภฺธมฺมกถา-อนุโมทนาทีนิ วา กาตุํ, ตรุณโยพฺพนกาเล ปเนตํ สพฺพํ สกฺกา กาตุนฺติ อยํ สมณธมฺมกรณสฺส กาโล มา มํ อุปจฺจคา, ยาว มํ นาติกฺกมติ, ตาว กาเม อภุตฺวาว สมณธมฺมํ กโรมีติ อาห.

ปถวิยํปติฏฺหิตฺวาติ สา กิร เทวตา – ‘‘อยํ ภิกฺขุ สมณธมฺมกรณสฺส กาลํ นาม กเถติ, อกาลํ นาม กเถติ, สเหตุกํ กเถติ สานิสํส’’นฺติ เอตฺตาวตาว เถเร ลชฺชํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มฺมานา คารวชาตา อากาสา โอรุยฺห ปถวิยํ อฏฺาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ปถวิยํ ิตา, เยน ปนตฺเถน อาคตา, ปุนปิ ตเมว คเหตฺวา ทหโร ตฺวนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุสูติ ตรุโณ. กาฬเกโสติ สุฏฺุ กาฬเกโส. ภทฺเรนาติ ภทฺทเกน. เอกจฺโจ หิ ทหโรปิ สมาโน กาโณ วา โหติ กุณิอาทีนํ วา อฺตโร, โส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม น โหติ. โย ปน อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สพฺพสมฺปตฺติสมฺปนฺโน, ยํ ยเทว อลงฺการปริหารํ อิจฺฉติ, เตน เตน อลงฺกโต เทวปุตฺโต วิย จรติ, อยํ ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติ. เถโร จ อุตฺตมรูปสมฺปนฺโน, เตน นํ เอวมาห.

อนิกฺกีฬิตาวีกาเมสูติ กาเมสุ อกีฬิตกีโฬ อภุตฺตาวี, อกตกามกีโฬติ อตฺโถ. มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวาติ เยภุยฺเยน หิ ตา อทิฏฺสจฺจา อวีตราคา อปรจิตฺตวิทูนิโย เทวตา ภิกฺขู ทสปิ วสฺสานิ วีสติมฺปิ…เป… สฏฺิมฺปิ วสฺสานิ ปริสุทฺธํ อขณฺฑํ พฺรหฺมจริยํ จรมาเน ทิสฺวา – ‘‘อิเม ภิกฺขู มานุสเก ปฺจ กามคุเณ ปหาย ทิพฺเพ กาเม ปตฺถยนฺตา สมณธมฺมํ กโรนฺตี’’ติ สฺํ อุปฺปาเทนฺติ, อยมฺปิ ตตฺเถว อุปฺปาเทสิ. ตสฺมา มานุสเก กาเม สนฺทิฏฺิเก, ทิพฺเพ จ กาลิเก กตฺวา เอวมาห.

น โข อหํ, อาวุโสติ, อาวุโส, อหํ สนฺทิฏฺิเก กาเม หิตฺวา กาลิเก กาเม น อนุธาวามิ น ปตฺเถมิ น ปิเหมิ. กลิกฺจ โข อหํ, อาวุโสติ อหํ โข, อาวุโส, กาลิกํ กามํ หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ โลกุตฺตรธมฺมํ อนุธาวามิ. อิติ เถโร จิตฺตานนฺตรํ อลทฺธพฺพตาย ทิพฺเพปิ มานุสเกปิ ปฺจ กามคุเณ กาลิกาติ อกาสิ, จิตฺตานนฺตรํ ลทฺธพฺพตาย โลกุตฺตรธมฺมํ สนฺทิฏฺิกนฺติ. ปฺจกามคุเณสุ สโมหิเตสุปิ สมฺปนฺนกามสฺสาปิ กามิโน จิตฺตานนฺตรํ อิจฺฉิติจฺฉิตารมฺมณานุภวนํ น สมฺปชฺชติ. จกฺขุทฺวาเร อิฏฺารมฺมณํ อนุภวิตุกาเมน หิ จิตฺตการโปตฺถการรูปการาทโย ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อิทํ นาม สชฺเชถา’’ติ วตฺตพฺพํ โหติ. เอตฺถนฺตเร อเนกโกฏิสตสหสฺสานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ. อถ ปจฺฉา ตํ อารมฺมณํ สมฺปาปุณาติ . เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. โสตาปตฺติมคฺคานนฺตรํ ปน โสตาปตฺติผลเมว อุปฺปชฺชติ, อนฺตรา อฺสฺส จิตฺตสฺส วาโร นตฺถิ. เสสผเลสุปิ เอเสว นโยติ.

โส ตเมวตฺถํ คเหตฺวา กาลิกา หิ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ กาลิกาติ วุตฺตนเยน สโมหิตสมฺปตฺตินาปิ กาลนฺตเร ปตฺตพฺพา. พหุทุกฺขาติ ปฺจ กามคุเณ นิสฺสาย ปตฺตพฺพทุกฺขสฺส พหุตาย พหุทุกฺขา. ตํวตฺถุกสฺเสว อุปายาสสฺส พหุตาย พหุปายาสา. อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโยติ ปฺจ กามคุเณ นิสฺสาย ลทฺธพฺพสุขโต อาทีนโว ภิยฺโย, ทุกฺขเมว พหุตรนฺติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโมติ อยํ โลกุตฺตรธมฺโม เยน เยน อธิคโต โหติ, เตน เตน ปรสทฺธาย คนฺตพฺพตํ หิตฺวา ปจฺจเวกฺขณาเณน สยํ ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิโก. อตฺตโน ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส กาโลติ อกาโล, อกาโลเยว อกาลิโก. โย เอตฺถ อริยมคฺคธมฺโม, โส อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรเมว ผลํ เทตีติ อตฺโถ. ‘‘เอหิ ปสฺส อิมํ ธมฺม’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ เอหิปสฺสวิธึ อรหตีติ เอหิปสฺสิโก. อาทิตฺตํ เจลํ วา สีสํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ภาวนาวเสน อตฺตโน จิตฺเต อุปนยํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก. สพฺเพหิ อุคฺฆฏิตฺูอาทีหิ วิฺูหิ ‘‘ภาวิโต เม มคฺโค, อธิคตํ ผลํ, สจฺฉิกโต นิโรโธ’’ติ อตฺตนิ อตฺตนิ เวทิตพฺโพติ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) ธมฺมานุสฺสติวณฺณนายํ วุตฺโต.

อิทานิ สา เทวตา อนฺโธ วิย รูปวิเสสํ เถเรน กถิตสฺส อตฺเถ อชานนฺตี กถฺจ ภิกฺขูติอาทิมาห. ตตฺถ กถฺจาติปทสฺส ‘‘กถฺจ ภิกฺขุ กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา, กถํ พหุทุกฺขา, กถํ พหุปายาสา’’ติ? เอวํ สพฺพปเทหิ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.

นโวติ อปริปุณฺณปฺจวสฺโส หิ ภิกฺขุ นโว นาม โหติ, ปฺจวสฺสโต ปฏฺาย มชฺฌิโม, ทสวสฺสโต ปฏฺาย เถโร. อปโร นโย – อปริปุณฺณทสวสฺโส นโว, ทสวสฺสโต ปฏฺาย มชฺฌิโม, วีสติวสฺสโต ปฏฺาย เถโร. เตสํ อหํ นโวติ วทติ.

นโวปิ เอกจฺโจ สตฺตฏฺวสฺสกาเล ปพฺพชิตฺวา ทฺวาทสเตรสวสฺสานิ สามเณรภาเวเนว อติกฺกนฺโต จิรปพฺพชิโต โหติ, อหํ ปน อจิรปพฺพชิโตติ วทติ. อิมํ ธมฺมวินยนฺติ อิมํ ธมฺมฺจ วินยฺจ. อุภยมฺเปตํ สาสนสฺเสว นามํ. ธมฺเมน เหตฺถ ทฺเว ปิฏกานิ วุตฺตานิ, วินเยน วินยปิฏกํ, อิติ ตีหิ ปิฏเกหิ ปกาสิตํ ปฏิปตฺตึ อธุนา อาคโตมฺหีติ วทติ.

มเหสกฺขาหีติ มหาปริวาราหิ. เอเกกสฺส หิ เทวรฺโ โกฏิสตมฺปิ โกฏิสหสฺสมฺปิ ปริวาโร โหติ, เต อตฺตานํ มหนฺเต าเน เปตฺวา ตถาคตํ ปสฺสนฺติ. ตตฺถ อมฺหาทิสานํ อปฺเปสกฺขานํ มาตุคามชาติกานํ กุโต โอกาโสติ ทสฺเสติ.

มยมฺปิอาคจฺเฉยฺยามาติ อิทํ สา เทวตา ‘‘สเจปิ จกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา ปริสา นิสินฺนา โหติ, มหติยา พุทฺธวีถิยา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ ลภตี’’ติ ตฺวา อาห. ปุจฺฉ ภิกฺขุ, ปุจฺฉ ภิกฺขูติ ถิรกรณวเสน อาเมฑิตํ กตํ.

อกฺเขยฺยสฺิโนติ เอตฺถ ‘‘เทโว, มนุสฺโส, คหฏฺโ, ปพฺพชิโต, สตฺโต, ปุคฺคโล, ติสฺโส, ผุสฺโส’’ติอาทินา นเยน อกฺเขยฺยโต สพฺเพสํ อกฺขานานํ สพฺพาสํ กถานํ วตฺถุภูตโต ปฺจกฺขนฺธา ‘‘อกฺเขยฺยา’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘สตฺโต นโร โปโส ปุคฺคโล อิตฺถี ปุริโส’’ติ เอวํ สฺา เอเตสํ อตฺถีติ สฺิโน, อกฺเขยฺเยสฺเวว สฺิโนติ อกฺเขยฺยสฺิโน, ปฺจสุ ขนฺเธสุ สตฺตปุคฺคลาทิสฺิโนติ อตฺโถ. อกฺเขยฺยสฺมึ ปติฏฺิตาติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อฏฺหากาเรหิ ปติฏฺิตา. รตฺโต หิ ราควเสน ปติฏฺิโต โหติ, ทุฏฺโ โทสวเสน, มูฬฺโห โมหวเสน, ปรามฏฺโ ทิฏฺิวเสน, ถามคโต อนุสยวเสน, วินิพทฺโธ มานวเสน, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉาวเสน, วิกฺเขปคโต อุทฺธจฺจวเสน ปติฏฺิโต โหติ. อกฺเขยฺยํ อปริฺายาติ ปฺจกฺขนฺเธ ตีหิ ปริฺาหิ อปริชานิตฺวา. โยคมายนฺติ มจฺจุโนติ มจฺจุโน โยคํ ปโยคํ ปกฺเขปํ อุปกฺเขปํ อุปกฺกมํ อพฺภนฺตรํ อาคจฺฉนฺติ, มรณวสํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอวมิมาย คาถาย กาลิกา กามา กถิตา.

ปริฺายาติ าตปริฺา, ตีรณปริฺา, ปหานปริฺาติ อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. ตตฺถ กตมา าตปริฺา? ปฺจกฺขนฺเธ ปริชานาติ – ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ, อยํ เวทนากฺขนฺโธ, อยํ สฺากฺขนฺโธ, อยํ สงฺขารกฺขนฺโธ, อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ, อิมานิ เตสํ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานี’’ติ, อยํ าตปริฺา. กตมา ตีรณปริฺา? เอวํ าตํ กตฺวา ปฺจกฺขนฺเธ ตีเรติ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโตติ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ. อยํ ตีรณปริฺา. กตมา ปหานปริฺา? เอวํ ตีรยิตฺวา อคฺคมคฺเคน ปฺจสุ ขนฺเธสุ ฉนฺทราคํ ปชหติ. อยํ ปหานปริฺา.

อกฺขาตารํ น มฺตีติ เอวํ ตีหิ ปริฺาหิ ปฺจกฺขนฺเธ ปริชานิตฺวา ขีณาสโว ภิกฺขุ อกฺขาตารํ ปุคฺคลํ น มฺติ. อกฺขาตารนฺติ กมฺมวเสน การณํ เวทิตพฺพํ, อกฺขาตพฺพํ กเถตพฺพํ ปุคฺคลํ น มฺติ, น ปสฺสตีติ อตฺโถ . กินฺติ อกฺขาตพฺพนฺติ? ‘‘ติสฺโส’’ติ วา ‘‘ผุสฺโส’’ติ วา เอวํ เยน เกนจิ นาเมน วา โคตฺเตน วา ปกาเสตพฺพํ. ตฺหิ ตสฺส น โหตีติ ตํ ตสฺส ขีณาสวสฺส น โหติ. เยน นํ วชฺชาติ เยน นํ ‘‘ราเคน รตฺโต’’ติ วา ‘‘โทเสน ทุฏฺโ’’ติ วา ‘‘โมเหน มูฬฺโห’’ติ วาติ โกจิ วเทยฺย, ตํ การณํ ตสฺส ขีณาสวสฺส นตฺถิ.

สเจ วิชานาสิ วเทหีติ สเจ เอวรูปํ ขีณาสวํ ชานาสิ, ‘‘ชานามี’’ติ วเทหิ. โน เจ ชานาสิ, อถ ‘‘น ชานามี’’ติ วเทหิ. ยกฺขาติ เทวตํ อาลปนฺโต อาห. อิติ อิมาย คาถาย สนฺทิฏฺิโก นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม กถิโต. สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต.

โย มฺตีติ โย อตฺตานํ ‘‘อหํ สโม’’ติ วา ‘‘วิเสสี’’ติ วา ‘‘นิหีโน’’ติ วา มฺติ. เอเตน ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทโย ตโย มานา คหิตาว. เตสุ คหิเตสุ นว มานา คหิตาว โหนฺติ. โส วิวเทถ เตนาติ โส ปุคฺคโล เตเนว มาเนน เยน เกนจิ ปุคฺคเลน สทฺธึ – ‘‘เกน มํ ตฺวํ ปาปุณาสิ, กึ ชาติยา ปาปุณาสิ, อุทาหุ โคตฺเตน, กุลปเทเสน, วณฺณโปกฺขรตาย, พาหุสจฺเจน, ธุตคุเณนา’’ติ เอวํ วิวเทยฺย. อิติ อิมายปิ อุปฑฺฒคาถาย กาลิกา กามา กถิตา.

ตีสุ วิธาสูติ ตีสุ มาเนสุ. ‘‘เอกวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๔) หิ โกฏฺาโส ‘‘วิโธ’’ติ วุตฺโต. ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) อากาโร. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิธา. กตมา ติสฺโส ? เสยฺโยหมสฺมีติ วิธา, สทิโสหมสฺมีติ วิธา, หีโนหมสฺมีติ วิธา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๖๒) มาโน ‘‘วิธา’’ติ วุตฺโต. อิธาปิ มาโนว. เตน วุตฺตํ ‘‘ตีสุ วิธาสูติ ตีสุ มาเนสู’’ติ. อวิกมฺปมาโนติ โส ปุคฺคโล เอเตสุ สงฺเขปโต ตีสุ , วิตฺถารโต นวสุ มาเนสุ น กมฺปติ, น จลติ. สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหตีติ ตสฺส ปหีนมานสฺส ขีณาสวสฺส ‘‘อหํ สทิโส’’ติ วา ‘‘เสยฺโย’’ติ วา ‘‘หีโน’’ติ วา น โหตีติ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมปทํ วุตฺตนยเมว. อิติ อิมายปิ อุปฑฺฒคาถาย นววิโธ สนฺทิฏฺิโก โลกุตฺตรธมฺโม กถิโต.

ปหาสิสงฺขนฺติ, ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๑๒๐, ๒๓๙) ปฺา ‘‘สงฺขา’’ติ อาคตา. ‘‘อตฺถิ เต โกจิ คณโก วา มุทฺทิโก วา สงฺขายโก วา, โย ปโหติ คงฺคาย วาลุกํ คเณตุ’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๑๐) เอตฺถ คณนา. ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๘๐) โกฏฺาโส. ‘‘ยา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมฺา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) เอตฺถ ปณฺณตฺติ ‘‘สงฺขา’’ติ อาคตา. อิธาปิ อยเมว อธิปฺเปตา. ปหาสิ สงฺขนฺติ ปทสฺส หิ อยเมวตฺโถ – รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโห อิติ อิมํ ปณฺณตฺตึ ขีณาสโว ปหาสิ ชหิ ปชหีติ.

น วิมานมชฺฌคาติ นวเภทํ ติวิธมานํ น อุปคโต. นิวาสฏฺเน วา มาตุกุจฺฉิ ‘‘วิมาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ อายตึ ปฏิสนฺธิวเสน น อุปคจฺฉีติปิ อตฺโถ. อนาคตตฺเถ อตีตวจนํ. อจฺเฉจฺฉีติ ฉินฺทิ. ฉินฺนคนฺถนฺติ จตฺตาโร คนฺเถ ฉินฺทิตฺวา ิตํ. อนีฆนฺติ นิทฺทุกฺขํ. นิราสนฺติ นิตฺตณฺหํ. ปริเยสมานาติ โอโลกยมานา. นาชฺฌคมุนฺติ น อธิคจฺฉนฺติ น วินฺทนฺติ น ปสฺสนฺติ. วตฺตมานตฺเถ อตีตวจนํ. อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลเก วา ปรโลเก วา. สพฺพนิเวสเนสูติ ตโย ภวา, จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว สตฺตาวาสา, อิติ อิเมสุปิ สพฺเพสุ สตฺตนิเวสเนสุ เอวรูปํ ขีณาสวํ กายสฺส เภทา อุปฺปชฺชมานํ วา อุปฺปนฺนํ วา น ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิมาย คาถาย สนฺทิฏฺิกํ โลกุตฺตรธมฺมเมว กเถสิ.

อิมฺจ คาถํ สุตฺวา สาปิ เทวตา อตฺถํ สลฺลกฺเขสิ, เตเนว การเณน อิมสฺส ขฺวาหํ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ปาปํ น กยิราติ คาถาย ทสกุสลกมฺมปถวเสนปิ กเถตุํ วฏฺฏติ อฏฺงฺคิกมคฺควเสนปิ. ทสกุสลกมฺมปถวเสน ตาว วจสาติ จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ คหิตํ. มนสาติ ติวิธํ มโนสุจริตํ คหิตํ. กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเกติ ติวิธํ กายสุจริตํ คหิตํ. อิเม ตาว ทสกุสลกมฺมปถธมฺมา โหนฺติ. กาเม ปหายาติ อิมินา ปน กามสุขลฺลิกานุโยโค ปฏิกฺขิตฺโต. สติมา สมฺปชาโนติ อิมินา ทสกุสลกมฺมปถการณํ สติสมฺปชฺํ คหิตํ. ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิตนฺติ อิมินา อตฺตกิลมถานุโยโค ปฏิสิทฺโธ. อิติ เทวตา ‘‘อุโภ อนฺเต วิวชฺเชตฺวา การเณหิ สติสมฺปชฺเหิ สทฺธึ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเม ตุมฺเหหิ กถิเต อาชานามิ ภควา’’ติ วทติ.

อฏฺงฺคิกมคฺควเสน ปน อยํ นโย – ตสฺมึ กิร าเน มหตี ธมฺมเทสนา อโหสิ. เทสนาปริโยสาเน เทวตา ยถาาเน ิตาว เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตนา อธิคตํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ทสฺเสนฺตี เอวมาห. ตตฺถ วจสาติ สมฺมาวาจา คหิตา, มโน ปน องฺคํ น โหตีติ มนสาติ มคฺคสมฺปยุตฺตกํ จิตฺตํ คหิตํ. กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเกติ สมฺมากมฺมนฺโต คหิโต, อาชีโว ปน วาจากมฺมนฺตปกฺขิกตฺตา คหิโตว โหติ. สติมาติ อิมินา วายามสติสมาธโย คหิตา. สมฺปชาโนติปเทน สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปา. กาเม ปหาย, ทุกฺขํ น เสเวถาติปททฺวเยน อนฺตทฺวยวชฺชนํ. อิติ อิเม ทฺเว อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ตุมฺเหหิ กถิตํ, อาชานามิ ภควาติ วตฺวา ตถาคตํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.

สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นนฺทนวคฺโค ทุติโย.

๓. สตฺติวคฺโค

๑. สตฺติสุตฺตวณฺณนา

๒๑. สตฺติวคฺคสฺส ปเม สตฺติยาติ เทสนาสีสเมตํ. เอกโตขาราทินา สตฺเถนาติ อตฺโถ. โอมฏฺโติ ปหโต. จตฺตาโร หิ ปหารา โอมฏฺโ อุมฺมฏฺโ มฏฺโ วิมฏฺโติ. ตตฺถ อุปริ ตฺวา อโธมุขํ ทินฺนปหาโร โอมฏฺโ นาม; เหฏฺา ตฺวา อุทฺธํมุขํ ทินฺโน อุมฺมฏฺโ นาม; อคฺคฬสูจิ วิย วินิวิชฺฌิตฺวา คโต มฏฺโ นาม; เสโส สพฺโพปิ วิมฏฺโ นาม. อิมสฺมึ ปน าเน โอมฏฺโ คหิโต. โส หิ สพฺพทารุโณ ทุรุทฺธรสลฺโล ทุตฺติกิจฺโฉ อนฺโตโทโส อนฺโตปุพฺพโลหิโตว โหติ , ปุพฺพโลหิตํ อนิกฺขมิตฺวา วณมุขํ ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ. ปุพฺพโลหิตํ นิหริตุกาเมหิ มฺเจน สทฺธึ พนฺธิตฺวา อโธสิโร กาตพฺโพ โหติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุณาติ. ปริพฺพเชติ วิหเรยฺย.

อิมาย คาถาย กึ กเถติ? ยถา สตฺติยา โอมฏฺโ ปุริโส สลฺลุพฺพหน-วณติกิจฺฉนานํ อตฺถาย วีริยํ อารภติ, ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ. ยถา จ ฑยฺหมาโน มตฺถเก อาทิตฺตสีโส ตสฺส นิพฺพาปนตฺถาย วีริยํ อารภติ, ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ, เอวเมว ภิกฺขุ กามราคํ ปหานาย สโต อปฺปมตฺโต หุตฺวา วิหเรยฺย ภควาติ กเถสิ.

อถ ภควา จินฺเตสิ – อิมาย เทวตาย อุปมา ตาว ทฬฺหํ กตฺวา อานีตา, อตฺถํ ปน ปริตฺตกํ คเหตฺวา ิตา, ปุนปฺปุนํ กเถนฺตีปิ เหสา กามราคสฺส วิกฺขมฺภนปหานเมว กเถยฺย. ยาว จ กามราโค มคฺเคน น สมุคฺฆาฏิยติ, ตาว อนุพทฺโธว โหติ. อิติ ตเมว โอปมฺมํ คเหตฺวา ปมมคฺควเสน เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา เทเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ ปุริมานุสาเรเนว เวทิตพฺโพติ. ปมํ.

๒. ผุสติสุตฺตวณฺณนา

๒๒. ทุติเย นาผุสนฺตํ ผุสตีติ กมฺมํ อผุสนฺตํ วิปาโก น ผุสติ, กมฺมเมว วา อผุสนฺตํ กมฺมํ น ผุสติ. กมฺมฺหิ นากโรโต กริยติ. ผุสนฺตฺจ ตโตผุเสติ กมฺมํ ผุสนฺตํ วิปาโก ผุสติ, กมฺมเมว วา ผุสติ. กมฺมฺหิ กโรโต กริยติ. ตสฺมา ผุสนฺตํ ผุสติ, อปฺปทุฏฺปโทสินนฺติ ยสฺมา น อผุสนฺตํ ผุสติ, ผุสนฺตฺจ ผุสติ, อยํ กมฺมวิปากานํ ธมฺมตา, ตสฺมา โย ‘‘อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺสา’’ติ เอวํ วุตฺโต อปฺปทุฏฺปโทสี ปุคฺคโล, ตํ ปุคฺคลํ กมฺมํ ผุสนฺตเมว กมฺมํ ผุสติ, วิปาโก วา ผุสติ. โส หิ ปรสฺส อุปฆาตํ กาตุํ สกฺโกติ วา มา วา, อตฺตา ปนาเนน จตูสุ อปาเยสุ ปิโต นาม โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ. ทุติยํ.

๓. ชฏาสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย อนฺโตชฏาติ คาถายํ ชฏาติ ตณฺหาย ชาลินิยา อธิวจนํ. สา หิ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เหฏฺุปริยวเสน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสิพฺพนฏฺเน เวฬุคุมฺพาทีนํ สาขาชาลสงฺขาตา ชฏา วิยาติ ชฏา. สา ปเนสา สกปริกฺขารปรปริกฺขาเรสุ สกอตฺตภาว-ปรอตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกายตน-พาหิรายตเนสุ จ อุปฺปชฺชนโต อนฺโตชฏา พหิชฏาติ วุจฺจติ. ตาย เอวํ อุปฺปชฺชมานาย ชฏาย ชฏิตา ปชา. ยถา นาม เวฬุชฏาทีหิ เวฬุอาทโย, เอวํ ตาย ตณฺหาชฏาย สพฺพาปิ อยํ สตฺตนิกายสงฺขาตา ปชา ชฏิตา วินทฺธา, สํสิพฺพิตาติ อตฺโถ. ยสฺมา จ เอวํ ชฏิตา, ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามีติ ตสฺมา ตํ ปุจฺฉามิ. โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. โก อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ อิมํ เอวํ เตธาตุกํ ชเฏตฺวา ิตํ ชฏํ โก วิชเฏยฺย, วิชเฏตุํ โก สมตฺโถติ ปุจฺฉติ.

อถสฺส ภควา ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต สีเล ปติฏฺายาติอาทิมาห. ตตฺถ สีเล ปติฏฺายาติ จตุปาริสุทฺธิสีเล ตฺวา. เอตฺถ จ ภควา ชฏาวิชฏนํ ปุจฺฉิโต สีลํ อารภนฺโต น ‘‘อฺํ ปุฏฺโ อฺํ กเถตี’’ติ เวทิตพฺโพ. ชฏาวิชฏกสฺส หิ ปติฏฺาทสฺสนตฺถเมตฺถ สีลํ กถิตํ.

นโรติ สตฺโต. สปฺโติ กมฺมชติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย ปฺวา. จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยนฺติ สมาธิฺเจว วิปสฺสนฺจ ภาวยมาโน. จิตฺตสีเสน เหตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย กถิตา, ปฺานาเมน วิปสฺสนา. อาตาปีติ วีริยวา. วีริยฺหิ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเน ‘‘อาตาโป’’ติ วุจฺจติ, ตทสฺส อตฺถีติ อาตาปี. นิปโกติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อิมินา ปเทน ปาริหาริยปฺํ ทสฺเสติ. ปาริหาริยปฺา นาม ‘‘อยํ กาโล อุทฺเทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉายา’’ติอาทินา นเยน สพฺพตฺถ การาปิตา ปริหริตพฺพปฺา. อิมสฺมิฺหิ ปฺหาพฺยากรเณ ติกฺขตฺตุํ ปฺา อาคตา. ตตฺถ ปมา ชาติปฺา, ทุติยา วิปสฺสนาปฺา, ตติยา สพฺพกิจฺจปริณายิกา ปาริหาริยปฺา.

โสอิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ โส อิเมหิ สีลาทีหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ. ยถา นาม ปุริโส ปถวิยํ ปติฏฺาย สุนิสิตํ สตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา มหนฺตํ เวฬุคุมฺพํ วิชเฏยฺย, เอวเมวํ สีเล ปติฏฺาย สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ วิปสฺสนาปฺาสตฺถํ วีริยพลปคฺคหิเตน ปาริหาริยปฺาหตฺเถน อุกฺขิปิตฺวา สพฺพมฺปิ ตํ อตฺตโน สนฺตาเน ปติตํ ตณฺหาชฏํ วิชเฏยฺย สฺฉินฺเทยฺย สมฺปทาเลยฺยาติ.

เอตฺตาวตา เสขภูมึ กเถตฺวา อิทานิ ชฏํ วิชเฏตฺวา ิตํ มหาขีณาสวํ ทสฺเสนฺโต เยสนฺติอาทิมาห. เอวํ ชฏํ วิชเฏตฺวา ิตํ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา ปุน ชฏาย วิชฏโนกาสํ ทสฺเสนฺโต ยตฺถ นามฺจาติอาทิมาห. ตตฺถ นามนฺติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา. ปฏิฆํ รูปสฺา จาติ เอตฺถ ปฏิฆสฺาวเสน กามภโว คหิโต, รูปสฺาวเสน รูปภโว. เตสุ ทฺวีสุ คหิเตสุ อรูปภโว คหิโตว โหติ ภวสงฺเขเปนาติ. เอตฺเถสา ฉิชฺชเต ชฏาติ เอตฺถ เตภูมกวฏฺฏสฺส ปริยาทิยนฏฺาเน เอสา ชฏา ฉิชฺชติ, นิพฺพานํ อาคมฺม ฉิชฺชติ นิรุชฺฌตีติ อยํ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. ตติยํ.

๔. มโนนิวารณสุตฺตวณฺณนา

๒๔. จตุตฺเถ ยโต ยโตติ ปาปโต วา กลฺยาณโต วา. อยํ กิร เทวตา ‘‘ยํกิฺจิ กุสลาทิเภทํ โลกิยํ วา โลกุตฺตรํ วา มโน, ตํ นิวาเรตพฺพเมว, น อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ เอวํลทฺธิกา . ส สพฺพโตติ โส สพฺพโต. อถ ภควา – ‘‘อยํ เทวตา อนิยฺยานิกกถํ กเถติ, มโน นาม นิวาเรตพฺพมฺปิ อตฺถิ ภาเวตพฺพมฺปิ, วิภชิตฺวา นมสฺสา ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยคาถํ อาห. ตตฺถ น มโน สํยตตฺตมาคตนฺติ, ยํ วุตฺตํ ‘‘น สพฺพโต มโน นิวารเย’’ติ, กตรํ ตํ มโน, ยํ ตํ สพฺพโต น นิวาเรตพฺพนฺติ เจ. มโน สํยตตฺตํ อาคตํ, ยํ มโน ยตฺถ สํยตภาวํ อาคตํ, ‘‘ทานํ ทสฺสามิ, สีลํ รกฺขิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อุปฺปนฺนํ, เอตํ มโน น นิวาเรตพฺพํ, อฺทตฺถุ พฺรูเหตพฺพํ วฑฺเฒตพฺพํ. ยโต ยโต จ ปาปกนฺติ ยโต ยโต อกุสลํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ตโต จ ตํ นิวาเรตพฺพนฺติ. จตุตฺถํ.

๕. อรหนฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๕. ปฺจเม กตาวีติ จตูหิ มคฺเคหิ กตกิจฺโจ. อหํ วทามีติ อยํ เทวตา วนสณฺฑวาสินี, สา อารฺกานํ ภิกฺขูนํ ‘‘อหํ ภุฺชามิ, อหํ นิสีทามิ, มม ปตฺโต, มม จีวร’’นฺติอาทิกถาโวหารํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิเม ภิกฺขู ‘ขีณาสวา’ติ มฺามิ, ขีณาสวานฺจ นาม เอวรูปา อตฺตุปลทฺธินิสฺสิตกถา โหติ, น โหติ นุ โข’’ติ ชานนตฺถํ เอวํ ปุจฺฉติ.

สามฺนฺติ โลกนิรุตฺตึ โลกโวหารํ. กุสโลติ ขนฺธาทีสุ กุสโล. โวหารมตฺเตนาติ อุปลทฺธินิสฺสิตกถํ หิตฺวา โวหารเภทํ อกโรนฺโต ‘‘อหํ, มมา’’ติ วเทยฺย. ‘‘ขนฺธา ภุฺชนฺติ, ขนฺธา นิสีทนฺติ, ขนฺธานํ ปตฺโต, ขนฺธานํ จีวร’’นฺติ หิ วุตฺเต โวหารเภโท โหติ, น โกจิ ชานาติ. ตสฺมา เอวํ อวตฺวา โลกโวหาเรน โวหรตีติ.

อถ เทวตา – ‘‘ยทิ ทิฏฺิยา วเสน น วทติ, มานวเสน นุ โข วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน โย โหตีติ ปุจฺฉิ. ตตฺถ มานํ นุ โขติ โส ภิกฺขุ มานํ อุปคนฺตฺวา มานวเสน วเทยฺย นุ โขติ. อถ ภควา – ‘‘อยํ เทวตา ขีณาสวํ สมานํ วิย กโรตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ขีณาสวสฺส นววิโธปิ มาโน ปหีโน’’ติ ทสฺเสนฺโต ปฏิคาถํ อาห. ตตฺถ วิธูปิตาติ วิธมิตา. มานคนฺถสฺสาติ มานา จ คนฺถา จ อสฺส. มฺตนฺติ มฺนํ. ติวิธมฺปิ ตณฺหา-ทิฏฺิ-มาน-มฺนํ โส วีติวตฺโต, อติกฺกนฺโตติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ. ปฺจมํ.

๖. ปชฺโชตสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ ปุฏฺุนฺติ ปุจฺฉิตุํ. กถํ ชาเนมูติ กถํ ชาเนยฺยาม. ทิวารตฺตินฺติ ทิวา จ รตฺติฺจ. ตตฺถ ตตฺถาติ ยตฺถ ยตฺเถว ปชฺชลิโต โหติ, ตตฺถ ตตฺถ. เอสา อาภาติ เอสา พุทฺธาภา. กตมา ปน สาติ? าณาโลโก วา โหตุ ปีติอาโลโก วา ปสาทาโลโก วา ธมฺมกถาอาโลโก วา, สพฺโพปิ พุทฺธานํ ปาตุภาวา อุปฺปนฺโน อาโลโก พุทฺธาภา นาม. อยํ อนุตฺตรา สพฺพเสฏฺา อสทิสาติ. ฉฏฺํ.

๗. สรสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม กุโต สรา นิวตฺตนฺตีติ อิเม สํสารสรา กุโต นิวตฺตนฺติ, กึ อาคมฺม นปฺปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. น คาธตีติ น ปติฏฺาติ. อโตติ อโต นิพฺพานโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ. สตฺตมํ.

๘. มหทฺธนสุตฺตวณฺณนา

๒๘. อฏฺเม นิธานคตํ มุตฺตสาราทิ มหนฺตํ ธนเมเตสนฺติ มหทฺธนา. สุวณฺณรชตภาชนาทิ มหาโภโค เอเตสนฺติ มหาโภคา. อฺมฺาภิคิชฺฌนฺตีติ อฺมฺํ อภิคิชฺฌนฺติ ปตฺเถนฺติ ปิเหนฺติ. อนลงฺกตาติ อติตฺตา อปริยตฺตชาตา. อุสฺสุกฺกชาเตสูติ นานากิจฺจชาเตสุ อนุปฺปนฺนานํ รูปาทีนํ อุปฺปาทนตฺถาย อุปฺปนฺนานํ อนุภวนตฺถาย อุสฺสุกฺเกสุ. ภวโสตานุสารีสูติ วฏฺฏโสตํ อนุสรนฺเตสุ. อนุสฺสุกาติ อวาวฏา. อคารนฺติ มาตุคาเมน สทฺธึ เคหํ. วิราชิยาติ วิราเชตฺวา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. อฏฺมํ.

๙. จตุจกฺกสุตฺตวณฺณนา

๒๙. นวเม จตุจกฺกนฺติ จตุอิริยาปถํ. อิริยาปโถ หิ อิธ จกฺกนฺติ อธิปฺเปโต. นวทฺวารนฺติ นวหิ วณมุเขหิ นวทฺวารํ. ปุณฺณนฺติ อสุจิปูรํ. โลเภน สํยุตนฺติ ตณฺหาย สํยุตฺตํ. กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตีติ เอตสฺส เอวรูปสฺส สรีรสฺส กถํ นิคฺคมนํ ภวิสฺสติ, กถํ มุตฺติ ปริมุตฺติ สมติกฺกโม ภวิสฺสตีติ ปุจฺฉติ. นทฺธินฺติ อุปนาหํ, ปุพฺพกาเล โกโธ, อปรกาเล อุปนาโหติ เอวํ ปวตฺตํ พลวโกธนฺติ อตฺโถ. วรตฺตนฺติ ‘‘เฉตฺวา นทฺธิ วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกม’’นฺติ คาถาย (ธ. ป. ๓๙๘; สุ. นิ. ๖๒๗) ตณฺหา วรตฺตา, ทิฏฺิ สนฺทานํ นาม ชาตํ. อิธ ปน ปาฬินิทฺทิฏฺเ กิเลเส เปตฺวา อวเสสา ‘‘วรตฺตา’’ติ เวทิตพฺพา, อิติ กิเลสวรตฺตฺจ เฉตฺวาติ อตฺโถ. อิจฺฉา โลภนฺติ เอโกเยว ธมฺโม อิจฺฉนฏฺเน อิจฺฉา, ลุพฺภนฏฺเน โลโภติ วุตฺโต. ปมุปฺปตฺติกา วา ทุพฺพลา อิจฺฉา, อปราปรุปฺปตฺติโก พลวา โลโภ. อลทฺธปตฺถนา วา อิจฺฉา, ปฏิลทฺธวตฺถุมฺหิ โลโภ. สมูลํ ตณฺหนฺติ อวิชฺชามูเลน สมูลกํ ตณฺหํ. อพฺพุยฺหาติ อคฺคมคฺเคน อุปฺปาเฏตฺวา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. นวมํ.

๑๐. เอณิชงฺฆสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม เอณิชงฺฆนฺติ เอณิมิคสฺส วิย สุวฏฺฏิตชงฺฆํ. กิสนฺติ อถูลํ สมสรีรํ. อถ วา อาตเปน มิลาตํ มาลาคนฺธวิเลปเนหิ อนุปพฺรูหิตสรีรนฺติปิ อตฺโถ. วีรนฺติ วีริยวนฺตํ. อปฺปาหารนฺติ โภชเน มตฺตฺุตาย มิตาหารํ, วิกาลโภชนปฏิกฺเขปวเสน วา ปริตฺตาหารํ. อโลลุปนฺติ จตูสุ ปจฺจเยสุ โลลุปฺปวิรหิตํ. รสตณฺหาปฏิกฺเขโป วา เอส. สีหํเวกจรํ นาคนฺติ เอกจรํ สีหํ วิย, เอกจรํ นาคํ วิย. คณวาสิโน หิ ปมตฺตา โหนฺติ, เอกจรา อปฺปมตฺตา, ตสฺมา เอกจราว คหิตาติ. ปเวทิตาติ ปกาสิตา กถิตา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นามรูเป. ปฺจกามคุณวเสน หิ รูปํ คหิตํ, มเนน นามํ, อุภเยหิ ปน อวินิภุตฺตธมฺเม คเหตฺวา ปฺจกฺขนฺธาทิวเสนเปตฺถ ภุมฺมํ โยเชตพฺพนฺติ. ทสมํ.

สตฺติวคฺโค ตติโย.

๔. สตุลฺลปกายิกวคฺโค

๑. สพฺภิสุตฺตวณฺณนา

๓๑. สตุลฺลปกายิกวคฺคสฺส ปเม สตุลฺลปกายิกาติ สตํ ธมฺมํ สมาทานวเสน อุลฺลเปตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตาติ สตุลฺลปกายิกา. ตตฺริทํ วตฺถุ – สมฺพหุลา กิร สมุทฺทวาณิชา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ. เตสํ ขิตฺตสรเวเคน คจฺฉนฺติยา นาวาย สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมชฺเฌ มหนฺตํ อุปฺปาติกํ ปาตุภูตํ, มหาอูมิโย อุฏฺหิตฺวา นาวํ อุทกสฺส ปูเรนฺติ. นาวาย นิมุชฺชมานาย มหาชโน อตฺตโน อตฺตโน เทวตานํ นามานิ คเหตฺวา อายาจนาทีนิ กโรนฺโต ปริเทวิ. เตสํ มชฺเฌ เอโก ปุริโส – ‘‘อตฺถิ นุ โข เม เอวรูเป ภเย ปติฏฺา’’ติ อาวชฺเชนฺโต อตฺตโน ปริสุทฺธานิ สรณานิ เจว สีลานิ จ ทิสฺวา โยคี วิย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. ตเมนํ อิตเร สภยการณํ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ กเถสิ – ‘‘อมฺโภ อหํ นาวํ อภิรูหนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา สรณานิ เจว สีลานิ จ อคฺคเหสึ, เตน เม ภยํ นตฺถี’’ติ. กึ ปน สามิ เอตานิ อฺเสมฺปิ วตฺตนฺตีติ? อาม วตฺตนฺตีติ เตน หิ อมฺหากมฺปิ เทถาติ. โส เต มนุสฺเส สตํ สตํ กตฺวา สตฺต โกฏฺาเส อกาสิ, ตโต ปฺจสีลานิ อทาสิ. เตสุ ปมํ ชงฺฆสตํ โคปฺผกมตฺเต อุทเก ิตํ อคฺคเหสิ, ทุติยํ ชาณุมตฺเต, ตติยํ กฏิมตฺเต, จตุตฺถํ นาภิมตฺเต, ปฺจมํ ถนมตฺเต, ฉฏฺํ คลปฺปมาเณ, สตฺตมํ มุเขน โลโณทเก ปวิสนฺเต อคฺคเหสิ. โส เตสํ สีลานิ ทตฺวา – ‘‘อฺํ ตุมฺหากํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สีลเมว อาวชฺเชถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตานิ สตฺตปิ ชงฺฆสตานิ ตตฺถ กาลํ กตฺวา อาสนฺนกาเล คหิตสีลํ นิสฺสาย ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตึสุ, เตสํ ฆฏาวเสเนว วิมานานิ นิพฺพตฺตึสุ. สพฺเพสํ มชฺเฌ อาจริยสฺส โยชนสติกํ สุวณฺณวิมานํ นิพฺพตฺติ, อวเสนานิ ตสฺส ปริวารานิ หุตฺวา สพฺพเหฏฺิมํ ทฺวาทสโยชนิกํ อโหสิ. เต นิพฺพตฺตกฺขเณเยว กมฺมํ อาวชฺเชนฺตา อาจริยํ นิสฺสาย สมฺปตฺติลาภํ ตฺวา, ‘‘คจฺฉาม ตาว, ทสพลสฺส สนฺติเก อมฺหากํ อาจริยสฺส วณฺณํ กเถยฺยามา’’ติ มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, ตา เทวตา อาจริยสฺส วณฺณภณนตฺถํ เอเกกํ คาถํ อภาสึสุ.

ตตฺถ สพฺภิเรวาติ ปณฺฑิเตหิ, สปฺปุริเสหิ เอว. ร-กาโร ปทสนฺธิกโร. สมาเสถาติ สห นิสีเทยฺย. เทสนาสีสเมว เจตํ, สพฺพอิริยาปเถ สพฺภิเรว สห กุพฺเพยฺยาติ อตฺโถ. กุพฺเพถาติ กเรยฺย. สนฺถวนฺติ มิตฺตสนฺถวํ. ตณฺหาสนฺถโว ปน น เกนจิ สทฺธึ กาตพฺโพ, มิตฺตสนฺถโว พุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวเกหิ สห กาตพฺโพ. อิทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สตนฺติ พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสานํ. สทฺธมฺมนฺติ ปฺจสีลทสสีลจตุสติปฏฺานาทิเภทํ สทฺธมฺมํ, อิธ ปน ปฺจสีลํ อธิปฺเปตํ. เสยฺโย โหตีติ วฑฺฒิ โหติ. น ปาปิโยติ ลามกํ กิฺจิ น โหติ. นาฺโตติ วาลิกาทีหิ เตลาทีนิ วิย อฺโต อนฺธพาลโต ปฺา นาม น ลพฺภติ, ติลาทีหิ ปน เตลาทีนิ วิย สตํ ธมฺมํ ตฺวา ปณฺฑิตเมว เสวนฺโต ภชนฺโต ลภตีติ. โสกมชฺเฌติ โสกวตฺถูนํ โสกานุคตานํ วา สตฺตานํ มชฺฌคโต น โสจติ พนฺธุลมลฺลเสนาปติสฺส อุปาสิกา วิย, ปฺจนฺนํ โจรสตานํ มชฺเฌ ธมฺมเสนาปติสฺส สทฺธิวิหาริโก สํกิจฺจสามเณโร วิย จ.

าติมชฺเฌ วิโรจตีติ าติคณมชฺเฌ สํกิจฺจเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อธิมุตฺตกสามเณโร วิย โสภติ. โส กิร เถรสฺส ภาคิเนยฺโย โหติ, อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สามเณร, มหลฺลโกสิ ชาโต, คจฺฉ, วสฺสานิ ปุจฺฉิตฺวา เอหิ, อุปสมฺปาเทสฺสามิ ต’’นฺติ. โส ‘‘สาธู’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โจรอฏวิยา โอรภาเค ภคินิคามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริ, ตํ ภคินี ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา โภเชสิ. โส กตภตฺตกิจฺโจ วสฺสานิ ปุจฺฉิ. สา ‘‘อหํ น ชานามิ, มาตา เม ชานาตี’’ติ อาห. อถ โส ‘‘ติฏฺถ ตุมฺเห, อหํ มาตุสนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อฏวึ โอติณฺโณ. ตเมนํ ทูรโตว โจรปุริโส ทิสฺวา โจรานํ อาโรเจสิ. โจรา ‘‘สามเณโร กิเรโก อฏวึ โอติณฺโณ, คจฺฉถ นํ อาเนถา’’ติ อาณาเปตฺวา เอกจฺเจ ‘‘มาเรม น’’นฺติ อาหํสุ, เอกจฺเจ วิสฺสชฺเชมาติ. สามเณโร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เสโข สกรณีโย, อิเมหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสามี’’ติ โจรเชฏฺกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุปมํ เต, อาวุโส, กริสฺสามี’’ติ อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘อหุ อตีตมทฺธานํ, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;

เจโต กูฏานิ โอฑฺเฑตฺวา, สสกํ อวธี ตทา.

‘‘สสกฺจ มตํ ทิสฺวา, อุพฺพิคฺคา มิคปกฺขิโน;

เอกรตฺตึ อปกฺกามุํ, ‘อกิจฺจํ วตฺตเต อิธ’.

‘‘ตเถว สมณํ หนฺตฺวา, อธิมุตฺตํ อกิฺจนํ;

อทฺธิกา นาคมิสฺสนฺติ, ธนชานิ ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘สจฺจํ โข สมโณ อาห, อธิมุตฺโต อกิฺจโน;

อทฺธิกา นาคมิสฺสนฺติ, ธนชานิ ภวิสฺสติ.

‘‘สเจ ปฏิปเถ ทิสฺวา, นาโรเจสฺสสิ กสฺสจิ;

ตว สจฺจมนุรกฺขนฺโต, คจฺฉ ภนฺเต ยถาสุข’’นฺติ.

โส เตหิ โจเรหิ วิสฺสชฺชิโต คจฺฉนฺโต าตโยปิ ทิสฺวา เตสมฺปิ น อาโรเจสิ. อถ เต อนุปฺปตฺเต โจรา คเหตฺวา วิเหยึสุ, อุรํ ปหริตฺวา ปริเทวมานฺจสฺส มาตรํ โจรา เอตทโวจุํ –

‘‘กึ เต โหติ อธิมุตฺโต, อุทเร วสิโก อสิ;

ปุฏฺา เม อมฺม อกฺขาหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

‘‘อธิมุตฺตสฺส อหํ มาตา, อยฺจ ชนโก ปิตา;

ภคินี ภาตโร จาปิ, สพฺเพว อิธ าตโย.

‘‘อกิจฺจการี อธิมุตฺโต, ยํ ทิสฺวา น นิวารเย;

เอตํ โข วตฺตํ สมณานํ, อริยานํ ธมฺมชีวินํ.

‘‘สจฺจวาที อธิมุตฺโต, ยํ ทิสฺวา น นิวารเย;

อธิมุตฺตสฺส สุจิณฺเณน, สจฺจวาทิสฺส ภิกฺขุโน;

สพฺเพว อภยํ ปตฺตา, โสตฺถึ คจฺฉนฺตุ าตโย’’ติ.

เอวํ เต โจเรหิ วิสฺสชฺชิตา คนฺตฺวา อธิมุตฺตํ อาหํสุ –

‘‘ตว ตาต สุจิณฺเณน, สจฺจวาทิสฺส ภิกฺขุโน;

สพฺเพว อภยํ ปตฺตา, โสตฺถึ ปจฺจาคมมฺหเส’’ติ.

เตปิ ปฺจสตา โจรา ปสาทํ อาปชฺชิตฺวา อธิมุตฺตสฺส สามเณรสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. โส เต อาทาย อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมํ อตฺตนา อุปสมฺปนฺโน ปจฺฉา เต ปฺจสเต อตฺตโน อนฺเตวาสิเก กตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. เต อธิมุตฺตเถรสฺส โอวาเท ิตา สพฺเพ อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อิมมตฺถํ คเหตฺวา เทวตา ‘‘สตํ สทฺธมฺมมฺาย าติมชฺเฌ วิโรจตี’’ติ อาห.

สาตตนฺติ สตตํ สุขํ วา จิรํ ติฏฺนฺตีติ วทติ. สพฺพาสํ โวติ สพฺพาสํ ตุมฺหากํ. ปริยาเยนาติ การเณน. สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ, น เกวลํ เสยฺโยว โหติ, น จ เกวลํ ปฺํ ลภติ, โสกมชฺเฌ น โสจติ, าติมชฺเฌ วิโรจติ, สุคติยํ นิพฺพตฺตติ, จิรํ สุขํ ติฏฺติ, สกลสฺมา ปน วฏฺฏทุกฺขาปิ มุจฺจตีติ. ปมํ.

๒. มจฺฉริสุตฺตวณฺณนา

๓๒. ทุติเย มจฺเฉรา จ ปมาทา จาติ อตฺตสมฺปตฺตินิคูหนลกฺขเณน มจฺเฉเรน เจว สติวิปฺปวาสลกฺขเณน ปมาเทน จ. เอกจฺโจ หิ ‘อิทํ เม เทนฺตสฺส ปริกฺขยํ คมิสฺสติ, มยฺหํ วา ฆรมานุสกานํ วา น ภวิสฺสตี’’ติ มจฺฉริเยน ทานํ น เทติ. เอกจฺโจ ขิฑฺฑาทิปสุตตฺตา ‘ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ. เอวํ ทานํ น ทียตีติ เอวเมตํ ยสทายกํ สิรีทายกํ สมฺปตฺติทายกํ สุขทายกํ ทานํ นาม น ทียตีติอาทินา การณํ กเถสิ. ปุฺํ อากงฺขมาเนนาติ ปุพฺพเจตนาทิเภทํ ปุฺํ อิจฺฉมาเนน. เทยฺยํ โหติ วิชานตาติ อตฺถิ ทานสฺส ผลนฺติ ชานนฺเตน ทาตพฺพเมวาติ วทติ.

ตเมว พาลํ ผุสตีติ ตํเยว พาลํ อิธโลกปรโลเกสุ ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ ผุสติ อนุพนฺธติ น วิชหติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตเมว ผุสติ, ตสฺมา. วิเนยฺย มจฺเฉรนฺติ มจฺเฉรมลํ วิเนตฺวา. ทชฺชา ทานํ มลาภิภูติ มลาภิภู หุตฺวา ตํ มจฺเฉรมลํ อภิภวิตฺวา ทานํ ทเทยฺย.

เต มเตสุ น มียนฺตีติ อทานสีลตาย มรเณน มเตสุ น มียนฺติ. ยถา หิ มโต สมฺปริวาเรตฺวา ปิเต พหุมฺหิปิ อนฺนปานาทิมฺหิ ‘‘อิทํ อิมสฺส โหตุ, อิทํ อิมสฺสา’’ติ อุฏฺหิตฺวา สํวิภาคํ น กโรติ, เอวํ อทานสีโลปีติ มตกสฺส จ อทานสีลสฺส จ โภคา สมสมา นาม โหนฺติ. เตน ทานสีลา เอวรูเปสุ มเตสุ น มียนฺตีติ อตฺโถ. ปนฺถานํว สห วชํ, อปฺปสฺมึ เย ปเวจฺฉนฺตีติ ยถา อทฺธานํ กนฺตารมคฺคํ สห วชนฺตา ปถิกา สห วชนฺตานํ ปถิกานํ อปฺปสฺมึ ปาเถยฺเย สํวิภาคํ กตฺวา ปเวจฺฉนฺติ ททนฺติเยว, เอวเมวํ เย ปน อนมตคฺคํ สํสารกนฺตารํ สห วชนฺตา สห วชนฺตานํ อปฺปสฺมิมฺปิ เทยฺยธมฺเม สํวิภาคํ กตฺวา ททนฺติเยว, เต มเตสุ น มียนฺติ.

เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส โปราณโก ธมฺโม, สนนฺตนานํ วา ปณฺฑิตานํ เอส ธมฺโมติ. อปฺปสฺเมเกติ อปฺปสฺมึ เทยฺยธมฺเม เอเก. ปเวจฺฉนฺตีติ ททนฺติ. พหุเนเก น ทิจฺฉเรติ พหุนาปิ โภเคน สมนฺนาคตา เอกจฺเจ น ททนฺติ. สหสฺเสน สมํ มิตาติ สหสฺเสน สทฺธึ มิตา, สหสฺส ทานสทิสา โหติ.

ทุรนฺวโยติ ทุรนุคมโน, ทุปฺปูโรติ อตฺโถ. ธมฺมํ จเรติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ จรติ. โยปิ สมุฺชกฺจเรติ โย อปิ ขลมณฺฑลาทิโสธนปลาลโปนาทิวเสน สมุฺชกฺจรติ. ทารฺจ โปสนฺติ ทารฺจ โปสนฺโต. ททํ อปฺปกสฺมินฺติ อปฺปกสฺมึ ปณฺณสากมตฺตสฺมิมฺปิ สํวิภาคํ กตฺวา ททนฺโตว โส ธมฺมํ จรติ. สตํ สหสฺสานนฺติ สหสฺสํ สหสฺสํ กตฺวา คณิตานํ ปุริสานํ สตํ, สตสหสฺสนฺติ อตฺโถ. สหสฺสยาคินนฺติ ภิกฺขุสหสฺสสฺส วา ยาโค กหาปณสหสฺเสน วา นิพฺพตฺติโต ยาโคปิ สหสฺสยาโค. โส เอเตสํ อตฺถีติ สหสฺสยาคิโน, เตสํ สหสฺสยาคินํ. เอเตน ทสนฺนํ วา ภิกฺขุโกฏีนํ ทสนฺนํ วา กหาปณโกฏีนํ ปิณฺฑปาโต ทสฺสิโต โหติ. เย เอตฺตกํ ททนฺติ, เต กลมฺปิ นคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺสาติ อาห. ยฺวายํ สมุฺชกํ จรนฺโตปิ ธมฺมํ จรติ, ทารํ โปเสนฺโตปิ, อปฺปกสฺมึ ททนฺโตปิ, ตถาวิธสฺส เอเต สหสฺสยาคิโน กลมฺปิ นคฺฆนฺติ. ยํ เตน ทลิทฺเทน เอกปฏิวีสกมตฺตมฺปิ สลากภตฺตมตฺตมฺปิ วา ทินฺนํ, ตสฺส ทานสฺส สพฺเพสมฺปิ เตสํ ทานํ กลํ นคฺฆตีติ. กลํ นาม โสฬสภาโคปิ สตภาโคปิ สหสฺสภาโคปิ. อิธ สตภาโค คหิโต. ยํ เตน ทานํ ทินฺนํ, ตสฺมึ สตธา วิภตฺเต อิตเรสํ ทสโกฏิสหสฺสทานํ ตโต เอกโกฏฺาสมฺปิ นคฺฆตีติ อาห.

เอวํ ตถาคเต ทานสฺส อคฺฆํ กโรนฺเต สมีเป ิตา เทวตา จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ ภควา มหนฺตํ ทานํ ปาเทน ปวฏฺเฏตฺวา รตนสติเก วิย นรเก ปกฺขิปนฺโต อิทํ เอวํ ปริตฺตกํ ทานํ จนฺทมณฺฑเล ปหรนฺโต วิย อุกฺขิปติ, กถํ นุ โข เอตํ มหปฺผลตร’’นฺติ ชานนตฺถํ คาถาย อชฺฌภาสิ. ตตฺถ เกนาติ เกน การเณน. มหคฺคโตติ มหตฺตํ คโต, วิปุลสฺเสตํ เววจนํ. สเมน ทินฺนสฺสาติ สเมน ทินฺนสฺส ทานสฺส. อถสฺสา ภควา ทานํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ททนฺติ เหเกติอาทิมาห. ตตฺถ วิสเม นิวิฏฺาติ วิสเม กายวจีมโนกมฺเม ปติฏฺิตา หุตฺวา. เฉตฺวาติ โปเถตฺวา. วธิตฺวาติ มาเรตฺวา. โสจยิตฺวาติ ปรํ โสกสมปฺปิตํ กตฺวา. อสฺสุมุขาติ อสฺสุมุขสมฺมิสฺสา. ปรํ โรทาเปตฺวา ทินฺนทานฺหิ อสฺสุมุขทานนฺติ วุจฺจติ. สทณฺฑาติ ทณฺเฑน ตชฺเชตฺวา ปหริตฺวา ทินฺนทกฺขิณา สทณฺฑาติ วุจฺจติ. เอวนฺติ นาหํ สมฺมาสมฺพุทฺธตาย มหาทานํ คเหตฺวา อปฺปผลํ นาม กาตุํ สกฺโกมิ ปริตฺตกทานํ วา มหปฺผลํ นาม. อิทํ ปน มหาทานํ อตฺตโน อุปฺปตฺติยา อปริสุทฺธตาย เอวํ อปฺปผลํ นาม โหติ, อิตรํ ปริตฺตทานํ อตฺตโน อุปฺปตฺติยา ปริสุทฺธตาย เอวํ มหปฺผลํ นามาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต เอวนฺติอาทิมาหาติ. ทุติยํ.

๓. สาธุสุตฺตวณฺณนา

๓๓. ตติเย อุทานํ อุทาเนสีติ อุทาหารํ อุทาหริ. ยถา หิ ยํ เตลํ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ อวเสสโกติ วุจฺจติ. ยฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ โอโฆติ วุจฺจติ, เอวเมวํ ยํ ปีติวจนํ หทยํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อธิกํ หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ นิกฺขมติ, ตํ อุทานนฺติ วุจฺจติ. เอวรูปํ ปีติมยํ วจนํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺโถ. สทฺธายปิ สาหุ ทานนฺติ กมฺมฺจ กมฺมผลฺจ สทฺทหิตฺวาปิ ทินฺนทานํ สาหุ ลทฺธกํ ภทฺทกเมว. อาหูติ กเถนฺติ. กถํ ปเนตํ อุภยํ สมํ นาม โหตีติ? ชีวิตภีรุโก หิ ยุชฺฌิตุํ น สกฺโกติ, ขยภีรุโก ทาตุํ น สกฺโกติ. ‘‘ชีวิตฺจ รกฺขิสฺสามิ ยุชฺฌิสฺสามิ จา’’ติ หิ วทนฺโต น ยุชฺฌติ. ชีวิเต ปน อาลยํ วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘เฉชฺชํ วา โหตุ มรณํ วา, คณฺหิสฺสาเมตํ อิสฺสริย’’นฺติ อุสฺสหนฺโตว ยุชฺฌติ. ‘‘โภเค จ รกฺขิสฺสามิ, ทานฺจ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต น ททาติ. โภเคสุ ปน อาลยํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทสฺสามีติ อุสฺสหนฺโตว เทติ. เอวํ ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมํ โหติ. กิฺจ ภิยฺโย? อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺตีติ ยถา จ ยุทฺเธ อปฺปกาปิ วีรปุริสา พหุเก ภีรุปุริเส ชินนฺติ, เอวํ สทฺธาทิสมฺปนฺโน อปฺปกมฺปิ ทานํ ททนฺโต พหุมจฺเฉรํ มทฺทติ, พหุฺจ ทานวิปากํ อธิคจฺฉติ. เอวมฺปิ ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานํ. เตเนวาห –

‘‘อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ,

เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.

อิมสฺส จ ปนตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ เอกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ จ องฺกุรวตฺถุ จ วิตฺถาเรตพฺพํ.

ธมฺมลทฺธสฺสาติ ธมฺเมน สเมน ลทฺธสฺส โภคสฺส ธมฺมลทฺธสฺส จ ปุคฺคลสฺส. เอตฺถ ปุคฺคโล ลทฺธธมฺโม นาม อธิคตธมฺโม อริยปุคฺคโล. อิติ ยํ ธมฺมลทฺธสฺส โภคสฺส ทานํ ธมฺมลทฺธสฺส อริยปุคฺคลสฺส ทียติ, ตมฺปิ สาธูติ อตฺโถ. โย ธมฺมลทฺธสฺสาติ อิมสฺมิมฺปิ คาถาปเท อยเมว อตฺโถ. อุฏฺานวีริยาธิคตสฺสาติ อุฏฺาเนน จ วีริเยน จ อธิคตสฺส โภคสฺส. เวตรณินฺติ เทสนาสีสมตฺตเมตํ. ยมสฺส ปน เวตรณิมฺปิ สฺชีวกาฬสุตฺตาทโยปิ เอกตึสมหานิรเยปิ สพฺพโสว อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ.

วิเจยฺย ทานนฺติ วิจินิตฺวา ทินฺนทานํ. ตตฺถ ทฺเว วิจินนา ทกฺขิณาวิจินนํ ทกฺขิเณยฺยวิจินนฺจ. เตสุ ลามกลามเก ปจฺจเย อปเนตฺวา ปณีตปณีเต วิจินิตฺวา เตสํ ทานํ ทกฺขิณาวิจินนํ นาม. วิปนฺนสีเล อิโต พหิทฺธา ปฺจนวุติปาสณฺฑเภเท วา ทกฺขิเณยฺเย ปหาย สีลาทิคุณสมฺปนฺนานํ สาสเน ปพฺพชิตานํ ทานํ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ นาม. เอวํ ทฺวีหากาเรหิ วิเจยฺย ทานํ. สุคตปฺปสตฺถนฺติ สุคเตน วณฺณิตํ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ ทสฺเสนฺโต เย ทกฺขิเณยฺยาติอาทิมาห. พีชานิ วุตฺตานิ ยถาติ อิมินา ปน ทกฺขิณาวิจินนํ อาห. อวิปนฺนพีชสทิสา หิ วิจินิตฺวา คหิตา ปณีตปณีตา เทยฺยธมฺมาติ.

ปาเณสุปิ สาธุ สํยโมติ ปาเณสุ สํยตภาโวปิ ภทฺทโก. อยํ เทวตา อิตราหิ กถิตํ ทานานิสํสํ อติกฺกมิตฺวา สีลานิสํสํ กเถตุมารทฺธา. อเหยํ จรนฺติ อวิหึสนฺโต จรมาโน. ปรูปวาทาติ ปรสฺส อุปวาทภเยน. ภยาติ อุปวาทภยา. ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโยติ ทานโต นิพฺพานสงฺขาตํ ธมฺมปทเมว เสยฺโย. ปุพฺเพ จ หิ ปุพฺพตเร จ สนฺโตติ ปุพฺเพ จ กสฺสปพุทฺธาทิกาเล ปุพฺพตเร จ โกณาคมนพุทฺธาทิกาเล, สพฺเพปิ วา เอเต ปุพฺเพ จ ปุพฺพตเร จ สนฺโต นามาติ. ตติยํ.

๔. นสนฺติสุตฺตวณฺณนา

๓๔. จตุตฺเถ กมนียานีติ รูปาทีนิ อิฏฺารมฺมณานิ. อปุนาคมนํ อนาคนฺตา ปุริโส มจฺจุเธยฺยาติ เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตา มจฺจุเธยฺยา อปุนาคมนสงฺขาตํ นิพฺพานํ อนาคนฺตา. นิพฺพานฺหิ สตฺตา น ปุนาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ อปุนาคมนนฺติ วุจฺจติ. ตํ กาเมสุ พทฺโธ จ ปมตฺโต จ อนาคนฺตา นาม โหติ, โส ตํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา เอวมาห. ฉนฺทชนฺติ ตณฺหาฉนฺทโต ชาตํ. อฆนฺติ ปฺจกฺขนฺธทุกฺขํ. ทุติยปทํ ตสฺเสว เววจนํ. ฉนฺทวินยา อฆวินโยติ ตณฺหาวินเยน ปฺจกฺขนฺธวินโย . อฆวินยา ทุกฺขวินโยติ ปฺจกฺขนฺธวินเยน วฏฺฏทุกฺขํ วินีตเมว โหติ. จิตฺรานีติ อารมฺมณจิตฺตานิ. สงฺกปฺปราโคติ สงฺกปฺปิตราโค. เอวเมตฺถ วตฺถุกามํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กิเลสกาโม กาโมติ วุตฺโต. อยํ ปนตฺโถ ปสูรสุตฺเตน (สุ. นิ. ๘๓๐ อาทโย) วิภาเวตพฺโพ. ปสูรปริพฺพาชโก หิ เถเรน ‘‘สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม’’ติ วุตฺเต –

‘‘น เต กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,

สงฺกปฺปราคฺจ วเทสิ กามํ;

สงฺกปฺปยํ อกุสเล วิตกฺเก,

ภิกฺขูปิ เต เหหินฺติ กามโภคี’’ติ. –

อาห. อถ นํ เถโร อโวจ –

‘‘เต เจ กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,

สงฺกปฺปราคํ น วเทสิ กามํ;

ปสฺสนฺโต รูปานิ มโนรมานิ,

สตฺถาปิ เต เหหิติ กามโภคี.

สุณนฺโต สทฺทานิ, ฆายนฺโต คนฺธานิ;

สายนฺโต รสานิ, ผุสนฺโต ผสฺสานิ มโนรมานิ;

สตฺถาปิ เต เหหิติ กามโภคี’’ติ.

อเถตฺถ ธีราติ อถ เอเตสุ อารมฺมเณสุ ปณฺฑิตา ฉนฺทราคํ วินยนฺติ. สํโยชนํ สพฺพนฺติ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ. อกิฺจนนฺติ ราคกิฺจนาทิวิรหิตํ. นานุปตนฺติ ทุกฺขาติ วฏฺฏทุกฺขา ปน ตสฺส อุปริ น ปตนฺติ. อิจฺจายสฺมาโมฆราชาติ, ‘‘ปหาสิ สงฺข’’นฺติ คาถํ สุตฺวา ตสฺสํ ปริสติ อนุสนฺธิกุสโล โมฆราชา นาม เถโร ‘‘อิมิสฺสา คาถาย อตฺโถ น ยถานุสนฺธึ คโต’’ติ จินฺเตตฺวา ยถานุสนฺธึ ฆเฏนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลเก วา ปรโลเก วา. นรุตฺตมํ อตฺถจรํ นรานนฺติ กิฺจาปิ สพฺเพ ขีณาสวา นรุตฺตมา เจว อตฺถจรา จ นรานํ, เถโร ปน ทสพลํ สนฺธาเยวมาห. เย ตํ นมสฺสนฺติ ปสํสิยา เตติ ยทิ ตถาวิมุตฺตํ เทวมนุสฺสา นมสฺสนฺติ, อถ เย ตํ ภควนฺตํ กาเยน วา วาจาย วา อนุปฏิปตฺติยา วา นมสฺสนฺติ, เต กึ ปสํสิยา, อุทาหุ อปสํสิยาติ. ภิกฺขูติ โมฆราชตฺเถรํ อาลปติ. อฺาย ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา. สงฺคาติคา เตปิ ภวนฺตีติ เย ตํ กาเยน วา วาจาย วา อนุปฏิปตฺติยา วา นมสฺสนฺติ. เต จตุสจฺจธมฺมํ อฺาย วิจิกิจฺฉํ ปหาย สงฺคาติคาปิ โหนฺติ, ปสํสิยาปิ โหนฺตีติ. จตุตฺถํ.

๕. อุชฺฌานสฺิสุตฺตวณฺณนา

๓๕. ปฺจเม อุชฺฌานสฺิกาติ อุชฺฌานสฺี เทวโลโก นาม ปาฏิเยกฺโก นตฺถิ, อิมา ปน เทวตา ตถาคตสฺส จตุปจฺจยปริโภคํ นิสฺสาย อุชฺฌายมานา อาคตา. ตาสํ กิร เอวํ อโหสิ – ‘‘สมโณ โคตโม ภิกฺขูนํ ปํสุกูลจีวร-ปิณฺฑิยาโลป-รุกฺขมูลเสนาสนปูติมุตฺตเภสชฺเชหิ สนฺโตสสฺเสว ปริยนฺตการิตํ วณฺเณติ, สยํ ปน ปตฺตุณฺณทุกูล โขมาทีนิ ปณีตจีวรานิ ธาเรติ, ราชารหํ อุตฺตมํ โภชนํ ภุฺชติ, เทววิมานกปฺปาย คนฺธกุฏิยา วรสยเน สยติ, สปฺปินวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ ปฏิเสวติ, ทิวสํ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสติ, วจนมสฺส อฺโต คจฺฉติ, กิริยา อฺโต’’ติ อุชฺฌายมานา อาคมึสุ. เตน ตาสํ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ‘‘อุชฺฌานสฺิกา’’ติ นามํ คหิตํ.

อฺถา สนฺตนฺติ อฺเนากาเรน ภูตํ. นิกจฺจาติ นิกติยา วฺจนาย, วฺเจตฺวาติ อตฺโถ. กิตวสฺเสวาติ กิตโว วุจฺจติ สากุณิโก. โส หิ อคุมฺโพว สมาโน สาขปณฺณาทิปฏิจฺฉาทเนน คุมฺพวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปคเต โมรติตฺติราทโย สกุเณ มาเรตฺวา ทารภรณํ กโรติ. อิติ ตสฺส กิตวสฺส อิมาย วฺจนาย เอวํ วฺเจตฺวา สกุณมํสโภชนํ วิย กุหกสฺสาปิ ปํสุกูเลน อตฺตานํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา กถาเฉกตาย มหาชนํ วฺเจตฺวา ขาทมานสฺส วิจรโต. ภุตฺตํ เถยฺเยน ตสฺส ตนฺติ สพฺโพปิ ตสฺส จตุปจฺจยปริโภโค เถยฺเยน ปริภุตฺโต นาม โหตีติ เทวตา ภควนฺตํ สนฺธาย วทติ. ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาติ อยํ การโก วา อการโก วาติ ปณฺฑิตา ชานนฺติ. อิติ ตา เทวตา ‘‘ตถาคตาปิ มยเมว ปณฺฑิตา’’ติ มฺมานา เอวมาหํสุ.

อถ ภควา นยิทนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยายํ ปฏิปทา ทฬฺหาติ อยํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทา ทฬฺหา ถิรา. ยาย ปฏิปทาย ธีรา ปณฺฑิตา อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายิโน มารพนฺธนา ปมุจฺจนฺติ, ตํ ปฏิปทํ ภาสิตมตฺเตน วา สวนมตฺเตน วา โอกฺกมิตุํ ปฏิปชฺชิตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. น เว ธีรา ปกุพฺพนฺตีติ ธีรา ปณฺฑิตา วิทิตฺวา โลกปริยายํ สงฺขารโลกสฺส อุทยพฺพยํ ตฺวา จตุสจฺจธมฺมฺจ อฺาย กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตา โลเก วิสตฺติกํ ติณฺณา เอวํ น กุพฺพนฺติ, มยํ เอวรูปานิ น กเถมาติ อตฺโถ.

ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวาติ ‘‘อยุตฺตํ อมฺเหหิ กตํ, อการกเมว มยํ การกวาเทน สมุทาจริมฺหา’’ติ ลชฺชมานา มหาพฺรหฺมนิ วิย ภควติ คารวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อคฺคิกฺขนฺธํ วิย ภควนฺตํ ทุราสทํ กตฺวา ปสฺสมานา อากาสโต โอตริตฺวา ภูมิยํ ตฺวาติ อตฺโถ. อจฺจโยติ อปราโธ. โน, ภนฺเต, อจฺจาคมาติ อมฺเห อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต. อาสาเทตพฺพนฺติ ฆฏฺฏยิตพฺพํ. ตา กิร เทวตา ภควนฺตํ กาเยน วาจายาติ ทฺวีหิปิ ฆฏฺฏยึสุ. ตถาคตํ อวนฺทิตฺวา อากาเส ปติฏฺมานา กาเยน ฆฏฺฏยึสุ, กิตโวปมํ อาหริตฺวา นานปฺปการกํ อสพฺภิวาทํ วทมานา วาจาย ฆฏฺฏยึสุ. ตสฺมา อาสาเทตพฺพํ อมฺิมฺหาติ อาหํสุ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ ขมตุ. อายตึ สํวรายาติ อนาคเต สํวรณตฺถาย, ปุน เอวรูปสฺส อปราธสฺส โทสสฺส อกรณตฺถาย.

สิตํปาตฺวากาสีติ อคฺคทนฺเต ทสฺเสนฺโต ปหฏฺาการํ ทสฺเสสิ. กสฺมา? ตา กิร เทวตา น สภาเวน ขมาเปนฺติ, โลกิยมหาชนฺจ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ ตถาคตฺจ เอกสทิสํ กโรนฺติ. อถ ภควา ‘‘ปรโต กถาย อุปฺปนฺนาย พุทฺธพลํ ทีเปตฺวา ปจฺฉา ขมิสฺสามี’’ติ สิตํ ปาตฺวากาสิ. ภิยฺโยโส มตฺตายาติ อติเรกปฺปมาเณน. อิมํ คาถํ อภาสีติ กุปิโต เอส อมฺหากนฺติ มฺมานา อภาสิ.

น ปฏิคณฺหตีติ น ขมติ นาธิวาเสติ. โกปนฺตโรติ อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนโกโป. โทสครูติ โทสํ ครุํ กตฺวา อาทาย วิหรนฺโต. ส เวรํ ปฏิมุฺจตีติ โส เอวรูโป คณฺิกํ ปฏิมุฺจนฺโต วิย ตํ เวรํ อตฺตนิ ปฏิมุฺจติ เปติ, น ปฏินิสฺสชฺชตีติ อตฺโถ. อจฺจโย เจ น วิชฺเชถาติ สเจ อจฺจายิกกมฺมํ น ภเวยฺย. โน จิธาปคตํ สิยาติ ยทิ อปราโธ นาม น ภาเวยฺย. เกนีธ กุสโล สิยาติ ยทิ เวรานิ น สมฺเมยฺยุํ, เกน การเณน กุสโล ภเวยฺย.

กสฺสจฺจยาติ คาถาย กสฺส อติกฺกโม นตฺถิ? กสฺส อปราโธ นตฺถิ? โก สมฺโมหํ นาปชฺชติ? โก นิจฺจเมว ปณฺฑิโต นามาติ อตฺโถ? อิมํ กิร คาถํ ภณาปนตฺถํ ภควโต สิตปาตุกมฺมํ. ตสฺมา อิทานิ เทวตานํ พุทฺธพลํ ทีเปตฺวา ขมิสฺสามีติ ตถาคตสฺส พุทฺธสฺสาติอาทิมาห. ตตฺถ ตถาคตสฺสาติ ตถา อาคโตติ เอวมาทีหิ การเณหิ ตถาคตสฺส. พุทฺธสฺสาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตฺตาทีหิ การเณหิ วิโมกฺขนฺติกปณฺณตฺติวเสน เอวํ ลทฺธนามสฺส. อจฺจยํ เทสยนฺตีนนฺติ ยํ วุตฺตํ ตุมฺเหหิ ‘‘อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ…เป… ส เวรํ ปฏิมุฺจตี’’ติ, ตํ สาธุ วุตฺตํ, อหํ ปน ตํ เวรํ นาภินนฺทามิ น ปตฺถยามีติ อตฺโถ. ปฏิคฺคณฺหามิ โวจฺจยนฺติ ตุมฺหากํ อปราธํ ขมามีติ. ปฺจมํ.

๖. สทฺธาสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ฉฏฺเ สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตีติ ปุริสสฺส เทวโลเก มนุสฺสโลเก เจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส สทฺธา ทุติยา โหติ, สหายกิจฺจํ สาเธติ. โน เจ อสฺสทฺธิยํ อวติฏฺตีติ ยทิ อสฺสทฺธิยํ น ติฏฺติ. ยโสติ ปริวาโร. กิตฺตีติ วณฺณภณนํ. ตตฺวสฺส โหตีติ ตโต อสฺส โหติ. นานุปตนฺติ สงฺคาติ ราคสงฺคาทโย ปฺจ สงฺคา น อนุปตนฺติ. ปมาทมนุยุฺชนฺตีติ เย ปมาทํ กโรนฺติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เต ตํ อนุยุฺชนฺติ นาม. ธนํ เสฏฺํว รกฺขตีติ มุตฺตามณิสาราทิอุตฺตมธนํ วิย รกฺขติ. ฌายนฺโตติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนฺโต. ตตฺถ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม วิปสฺสนามคฺคผลานิ. วิปสฺสนา หิ ตีณิ ลกฺขณานิ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. มคฺโค วิปสฺสนาย อาคตกิจฺจํ สาเธตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. ผลํ ตถลกฺขณํ นิโรธสจฺจํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน กสิณารมฺมณสฺส อุปนิชฺฌายนโต อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ เวทิตพฺพา. ปรมํ นาม อรหตฺตสุขํ อธิปฺเปตนฺติ. ฉฏฺํ.

๗. สมยสุตฺตวณฺณนา

๓๗. สตฺตเม สกฺเกสูติ ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๗) อุทานํ ปฏิจฺจ สกฺกาติ ลทฺธนามานํ ราชกุมารานํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รูฬฺหีสทฺเทน สกฺกาติ วุจฺจติ . ตสฺมึ สกฺเกสุ ชนปเท. มหาวเนติ สยํชาเต อโรปิเม หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺเธ มหติ วเน. สพฺเพเหว อรหนฺเตหีติ อิมํ สุตฺตํ กถิตทิวเสเยว ปตฺตอรหนฺเตหิ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – สากิยโกลิยา หิ กิร กปิลวตฺถุนครสฺส จ โกลิยนครสฺส จ อนฺตเร โรหิณึ นาม นทึ เอเกเนว อาวรเณน พนฺธาเปตฺวา สสฺสานิ กาเรนฺติ. อถ เชฏฺมูลมาเส สสฺเสสุ มิลายนฺเตสุ อุภยนครวาสีนมฺปิ กมฺมการา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ โกลิยนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘อิทํ อุทกํ อุภยโต อาหริยมานํ น ตุมฺหากํ, น อมฺหากํ ปโหสฺสติ , อมฺหากํ ปน สสฺสํ เอเกน อุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. กปิลวตฺถุวาสิโน อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเหสุ โกฏฺเ ปูเรตฺวา ิเตสุ มยํ รตฺตสุวณฺณนีลมณิกาฬกหาปเณ จ คเหตฺวา ปจฺฉิปสิพฺพกาทิหตฺถา น สกฺขิสฺสาม ตุมฺหากํ ฆรทฺวาเร วิจริตุํ, อมฺหากมฺปิ สสฺสํ เอเกเนว อุทเกน นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. ‘‘น มยํ ทสฺสามา’’ติ. ‘‘มยมฺปิ น ทสฺสามา’’ติ. เอวํ กถํ วฑฺเฒตฺวา เอโก อุฏฺาย เอกสฺส ปหารํ อทาสิ, โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ อฺมฺํ ปหริตฺวา ราชกุลานํ ชาตึ ฆฏฺเฏตฺวา กลหํ วฑฺฒยึสุ.

โกลิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห กปิลวตฺถุวาสิเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย โสณสิงฺคาลาทโย วิย อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธึ สํวสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? สากิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห ทานิ กุฏฺิโน ทารเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย อนาถา นิคฺคติกา ติรจฺฉานา วิย โกลรุกฺเข วสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? เต คนฺตฺวา ตสฺมึ กมฺเม นิยุตฺตอมจฺจานํ กเถสุํ, อมจฺจา ราชกุลานํ กเถสุํ. ตโต สากิยา – ‘‘ภคินีหิ สทฺธึ สํวสิตกานํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ. โกลิยาปิ – ‘‘โกลรุกฺขวาสีนํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ.

ภควาปิ รตฺติยา ปจฺจูสสมเยว มหากรุณาสมาปตฺติโต อุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต อิเม เอวํ ยุทฺธสชฺเช นิกฺขมนฺเต อทฺทส. ทิสฺวา – ‘‘มยิ คเต อยํ กลโห วูปสมฺมิสฺสติ นุ โข อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรนฺโต – ‘‘อหเมตฺถ คนฺตฺวา กลหวูปสมนตฺถํ ตีณิ ชาตกานิ กเถสฺสามิ, ตโต กลโห วูปสมฺมิสฺสติ. อถ สามคฺคิทีปนตฺถาย ทฺเว ชาตกานิ กเถตฺวา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ เทเสสฺสามิ. เทสนํ สุตฺวา อุภยนครวาสิโนปิ อฑฺฒติยานิ อฑฺฒติยานิ กุมารสตานิ ทสฺสนฺติ, อหํ เต ปพฺพาเชสฺสามิ, ตทา มหาสมาคโม ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ อกาสิ. ตสฺมา อิเมสุ ยุทฺธสชฺเชสุ นิกฺขมนฺเตสุ กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย คนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เสนานํ อนฺตเร อากาเส ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา นิสีทิ.

กปิลวตฺถุวาสิโน ภควนฺตํ ทิสฺวาว, ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺโ สตฺถา อาคโต. ทิฏฺโ นุ โข เตน อมฺหากํ กลหกรณภาโว’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘น โข ปน สกฺกา ภควติ อาคเต อมฺเหหิ ปรสฺส สรีเร สตฺถํ ปาเตตุํ. โกลิยนครวาสิโน อมฺเห หนนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา’’ติ. อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, นิสีทึสุ. โกลิยนครวาสิโนปิ ตเถว จินฺเตตฺวา อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, นิสีทึสุ.

ภควา ชานนฺโตว, ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิ? ‘‘น, ภควา, ติตฺถกีฬาย น ปพฺพตกีฬาย, น นทีกีฬาย, น คิริทสฺสนตฺถํ, อิมสฺมึ ปน าเน สงฺคามํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘กึ นิสฺสาย โว กลโห, มหาราชาติ? อุทกํ, ภนฺเตติ. อุทกํ กึ อคฺฆติ, มหาราชาติ? อปฺปํ, ภนฺเตติ. ปถวี นาม กึ อคฺฆติ, มหาราชาติ? อนคฺฆา, ภนฺเตติ. ขตฺติยา กึ อคฺฆนฺตีติ? ขตฺติยา นาม อนคฺฆา, ภนฺเตติ. อปฺปมูลํ อุทกํ นิสฺสาย กิมตฺถํ อนคฺเฆ ขตฺติเย นาเสถ, มหาราช, กลเห อสฺสาโท นาม นตฺถิ, กลหวเสน, มหาราช, อฏฺาเน เวรํ กตฺวา เอกาย รุกฺขเทวตาย กาฬสีเหน สทฺธึ พทฺธาฆาโต สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อนุปฺปตฺโตเยวาติ วตฺวา ผนฺทนชาตกํ (ชา. ๑.๑๓.๑๔ อาทโย) กเถสิ’’. ตโต ‘‘ปรปตฺติเยน นาม, มหาราช, น ภวิตพฺพํ. ปรปตฺติยา หุตฺวา หิ เอกสฺส สสกสฺส กถาย ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต หิมวนฺเต จตุปฺปทคณา มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺทิโน อเหสุํ. ตสฺมา ปรปตฺติเยน น ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา, ปถวีอุนฺทฺริยชาตกํ กเถสิ. ตโต ‘‘กทาจิ, มหาราช, ทุพฺพโลปิ มหาพลสฺส รนฺธํ วิวรํ ปสฺสติ, กทาจิ มหาพโล ทุพฺพลสฺส. ลฏุกิกาปิ หิ สกุณิกา หตฺถินาคํ ฆาเตสี’’ติ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙ อาทโย) กเถสิ. เอวํ กลหวูปสมนตฺถาย ตีณิ ชาตกานิ กเถตฺวา สามคฺคิปริทีปนตฺถาย ทฺเว ชาตกานิ กเถสิ. กถํ? ‘‘สมคฺคานฺหิ, มหาราช, โกจิ โอตารํ นาม ปสฺสิตุํ น สกฺโกตีติ วตฺวา, รุกฺขธมฺมชาตกํ (ชา. ๑.๑.๗๔) กเถสิ . ตโต ‘‘สมคฺคานํ, มหาราช, โกจิ วิวรํ ทสฺสิตุํ น สกฺขิ. ยทา ปน อฺมฺํ วิวาทมกํสุ, อถ เต เนสาทปุตฺโต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อาทาย คโตติ วิวาเท อสฺสาโท นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา, วฏฺฏกชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๑๘) กเถสิ. เอวํ อิมานิ ปฺจ ชาตกานิ กเถตฺวา อวสาเน อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) กเถสิ.

ราชาโน ปสนฺนา – ‘‘สเจ สตฺถา นาคมิสฺส, มยํ สหตฺถา อฺมฺํ วธิตฺวา โลหิตนทึ ปวตฺตยิสฺสาม. อมฺหากํ ปุตฺตภาตโร จ เคหทฺวาเร น ปสฺเสยฺยาม, สาสนปฏิสาสนมฺปิ โน อาหรณโก นาภวิสฺส. สตฺถารํ นิสฺสาย โน ชีวิตํ ลทฺธํ. สเจ ปน สตฺถา อาคารํ อชฺฌาวสิสฺส ทีปสหสฺสทฺวยปริวารํ จตุมหาทีปรชฺชมสฺส หตฺถคตํ อภวิสฺส, อติเรกสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา อภวิสฺสํสุ, ตโต ขตฺติยปริวาโร อวิจริสฺส. ตํ โข ปเนส สมฺปตฺตึ ปหาย นิกฺขมิตฺวา สมฺโพธึ ปตฺโต. อิทานิปิ ขตฺติยปริวาโรเยว วิจรตู’’ติ อุภยนครวาสิโน อฑฺฒติยานิ อฑฺฒติยานิ กุมารสตานิ อทํสุ. ภควาปิ เต ปพฺพาเชตฺวา มหาวนํ อคมาสิ. เตสํ ครุคารเวน น อตฺตโน รุจิยา ปพฺพชิตานํ อนภิรติ อุปฺปชฺชิ. ปุราณทุติยิกาโยปิ เตสํ – ‘‘อยฺยปุตฺตา อุกฺกณฺนฺตุ, ฆราวาโส น สณฺาตี’’ติอาทีนิ วตฺวา สาสนํ เปเสนฺติ. เต จ อติเรกตรํ อุกฺกณฺึสุ.

ภควา อาวชฺเชนฺโต เตสํ อนภิรติภาวํ ตฺวา – ‘‘อิเม ภิกฺขู มาทิเสน พุทฺเธน สทฺธึ เอกโต วสนฺตา อุกฺกณฺนฺติ, หนฺท เนสํ กุณาลทหสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ตตฺถ เนตฺวา อนภิรตึ วิโนเทมี’’ติ กุณาลทหสฺส วณฺณํ กเถสิ. เต ตํ ทฏฺุกามา อเหสุํ. ทฏฺุกามตฺถ, ภิกฺขเว, กุณาลทหนฺติ? อาม ภควาติ. ยทิ เอวํ เอถ คจฺฉามาติ. อิทฺธิมนฺตานํ ภควา คมนฏฺานํ มยํ กถํ คมิสฺสามาติ. ตุมฺเห คนฺตุกามา โหถ, อหํ มมานุภาเวน คเหตฺวา คมิสฺสามีติ. สาธุ, ภนฺเตติ. ภควา ปฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา กุณาลทเห ปติฏฺาย เต ภิกฺขู อาห – ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ กุณาลทเห เยสํ มจฺฉานํ นามํ น ชานาถ มมํ ปุจฺฉถา’’ติ.

เต ปุจฺฉึสุ. ภควา ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ กเถสิ. น เกวลฺจ, มจฺฉานํเยว, ตสฺมึ วนสณฺเฑ รุกฺขานมฺปิ ปพฺพตปาเท ทฺวิปทจตุปฺปทสกุณานมฺปิ นามานิ ปุจฺฉาเปตฺวา กเถสิ. อถ ทฺวีหิ สกุเณหิ มุขตุณฺฑเกน ฑํสิตฺวา คหิตทณฺฑเก นิสินฺโน กุณาลสกุณราชา ปุรโต ปจฺฉโต อุโภสุ จ ปสฺเสสุ สกุณสงฺฆปริวุโต อาคจฺฉติ. ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา – ‘‘เอส, ภนฺเต, อิเมสํ สกุณานํ ราชา ภวิสฺสติ, ปริวารา เอเต เอตสฺสา’’ติ มฺามาติ. เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อยมฺปิ มเมว วํโส มม ปเวณีติ. อิทานิ ตาว มยํ, ภนฺเต, เอเต สกุเณ ปสฺสาม. ยํ ปน ภควา ‘‘อยมฺปิ มเมว วํโส มม ปเวณี’’ติ อาห, ตํ โสตุกามมฺหาติ. โสตุกามตฺถ, ภิกฺขเวติ? อาม ภควาติ. เตน หิ สุณาถาติ ตีหิ คาถาสเตหิ มณฺเฑตฺวา กุณาลชาตกํ (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) กเถนฺโต อนภิรตึ วิโนเทสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มคฺเคเนว จ เนสํ อิทฺธิปิ อาคตา. ภควา ‘‘โหตุ ตาว เอตฺตกํ เตสํ ภิกฺขูน’’นฺติ อากาเส อุปฺปติตฺวา มหาวนเมว อคมาสิ. เตปิ ภิกฺขู คมนกาเล ทสพลสฺส อานุภาเวน คนฺตฺวา อาคมนกาเล อตฺตโน อานุภาเวน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา มหาวเน โอตรึสุ.

ภควา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา – ‘‘เอถ, ภิกฺขเว, นิสีทถ. อุปริมคฺคตฺตยวชฺฌานํ โว กิเลสานํ กมฺมฏฺานํ กเถสฺสามี’’ติ กมฺมฏฺานํ กเถสิ. ภิกฺขู จินฺตยึสุ – ‘‘ภควา อมฺหากํ อนภิรตภาวํ ตฺวา กุณาลทหํ เนตฺวา อนภิรตึ วิโนเทสิ, ตตฺถ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตานํ โน อิทานิ อิธ ติณฺณํ มคฺคานํ กมฺมฏฺานํ อทาสิ, น โข ปน อมฺเหหิ ‘โสตาปนฺนา มย’นฺติ วีตินาเมตุํ วฏฺฏติ, ปุริสปุริเสหิ โน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เต ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อุฏฺาย นิสีทนํ ปปฺโผเฏตฺวา วิสุํ วิสุํ ปพฺภารรุกฺขมูเลสุ นิสีทึสุ.

ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู ปกติยาปิ อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺานา, ลทฺธุปายสฺส ปน ภิกฺขุโน กิลมนการณํ นาม นตฺถิ. คจฺฉนฺตา คจฺฉนฺตา จ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ‘อตฺตนา ปฏิวิทฺธคุณํ อาโรเจสฺสามา’ติ มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ. เอเตสุ อาคเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติสฺสนฺติ, มหาสมโย ภวิสฺสติ, วิวิตฺเต โอกาเส มยา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตโต วิวิตฺเต โอกาเส พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา นิสีทิ.

สพฺพปมํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คตตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต อปโร ตโต อปโรติ ปฺจสตาปิ ปทุมินิยํ ปทุมานิ วิย วิกสึสุ. สพฺพปมํ อรหตฺตํ ปตฺตภิกฺขุ ‘‘ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ ปลฺลงฺกํ วินิพฺภุชิตฺวา นิสีทนํ ปปฺโผเฏตฺวา อุฏฺาย ทสพลาภิมุโข อโหสิ. เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ ปฺจสตา ภตฺตสาลํ ปวิสนฺตา วิย ปฏิปาฏิยาว อาคมึสุ. ปมํ อาคโต วนฺทิตฺวา นิสีทนํ ปฺาเปตฺวา, เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, ปฏิวิทฺธคุณํ อาโรเจตุกาโม ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺโ โกจิ? นตฺถี’’ติ นิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต อปรมฺปิ อทฺทส อปรมฺปิ อทฺทสเยวาติ สพฺเพปิ เต อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, อยํ อิมสฺส หรายมาโน น กเถสิ, อยํ อิมสฺส หรายมาโน น กเถสิ. ขีณาสวานํ กิร ทฺเว อาการา โหนฺติ – ‘‘อโห วต มยา ปฏิวิทฺธคุณํ สเทวโก โลโก ขิปฺปเมว ปฏิวิชฺเฌยฺยา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ปฏิวิทฺธภาวํ ปน นิธิลทฺธปุริโส วิย น อฺสฺส อาโรเจตุกามา โหนฺติ.

เอวํ โอสฏมตฺเต ปน ตสฺมึ อริยมณฺฑเล ปาจีนยุคนฺธรปริกฺเขปโต อพฺภา มหิกา ธูโม รโช ราหูติ, อิเมหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ พุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตสฺส โลกสฺส รามเณยฺยกทสฺสนตฺถํ ปาจีนทิสาย อุกฺขิตฺตรชตมยมหาอาทาสมณฺฑลํ วิย, เนมิวฏฺฏิยํ คเหตฺวา, ปริวตฺติยมานรชตจกฺกสสฺสิริกํ ปุณฺณจนฺทมณฺฑลํ อุลฺลงฺฆิตฺวา, อนิลปถํ ปฏิปชฺชิตฺถ. อิติ เอวรูเป ขเณ ลเย มุหุตฺเต ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ.

ตตฺถ ภควาปิ มหาสมฺมตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน, เตปิ ปฺจสตา ภิกฺขู มหาสมฺมตสฺส กุเล อุปฺปนฺนา. ภควาปิ ขตฺติยคพฺเภ ชาโต, เตปิ ขตฺติยคพฺเภ ชาตา. ภควาปิ ราชปพฺพชิโต, เตปิ ราชปพฺพชิตา. ภควาปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ นิสฺสชฺชิตฺวา ปพฺพชิโต, เตปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หตฺถคตานิ รชฺชานิ วิสฺสชฺชิตฺวา ปพฺพชิตา. อิติ ภควา ปริสุทฺเธ โอกาเส, ปริสุทฺเธ รตฺติภาเค, สยํ ปริสุทฺโธ ปริสุทฺธปริวาโร, วีตราโค วีตราคปริวาโร, วีตโทโส วีตโทสปริวาโร, วีตโมโห วีตโมหปริวาโร, นิตฺตณฺโห นิตฺตณฺหปริวาโร, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลสปริวาโร, สนฺโต สนฺตปริวาโร, ทนฺโต ทนฺตปริวาโร, มุตฺโต มุตฺตปริวาโร, อติวิย วิโรจตีติ. วณฺณภูมิ นาเมสา, ยตฺตกํ สกฺโกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํ. อิติ อิเม ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหี’’ติ.

เยภุยฺเยนาติ พหุตรา สนฺนิปติตา, มนฺทา น สนฺนิปติตา อสฺี อรูปาวจรเทวตา สมาปนฺนเทวตาโย จ. ตตฺรายํ สนฺนิปาตกฺกโม – มหาวนสฺส กิร สามนฺตา เทวตา จลึสุ, ‘‘อายาม โภ! พุทฺธทสฺสนํ นาม พหูปการํ, ธมฺมสฺสวนํ พหูปการํ, ภิกฺขุสงฺฆทสฺสนํ พหูปการํ. อายาม อายามา’’ติ! มหาสทฺทํ กุรุมานา อาคนฺตฺวา ภควนฺตฺจ ตํมุหุตฺตํ อรหตฺตปฺปตฺตขีณาสเว จ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอเตเนว อุปาเยน ตาสํ ตาสํ สทฺทํ สุตฺวา สทฺทนฺตรอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนาทิวเสน ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต หิมวนฺเต, ติกฺขตฺตุํ เตสฏฺิยา นครสหสฺเสสุ, นวนวุติยา โทณมุขสตสหสฺเสสุ, ฉนวุติยา ปฏฺฏนโกฏิสตสหสฺเสสุ, ฉปณฺณาสาย รตนากเรสูติ สกลชมฺพุทีเป, ปุพฺพวิเทเห, อปรโคยาเน, อุตฺตรกุรุมฺหิ, ทฺวีสุ ปริตฺตทีปสหสฺเสสูติ สกลจกฺกวาเฬ, ตโต ทุติยตติยจกฺกวาเฬติ เอวํ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สนฺนิปติตาติ เวทิตพฺพา. ทสสหสฺสจกฺกวาฬฺหิ อิธ ทสโลกธาตุโยติ อธิปฺเปตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺตี’’ติ.

เอวํ สนฺนิปติตาหิ เทวตาหิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ยาว พฺรหฺมโลกา สูจิฆเร นิรนฺตรํ ปกฺขิตฺตสูจีหิ วิย ปริปุณฺณํ โหติ. ตตฺถ พฺรหฺมโลกสฺส เอวํ อุจฺจตฺตนํ เวทิตพฺพํ – โลหปาสาเท กิร สตฺตกูฏาคารสโม ปาสาโณ พฺรหฺมโลเก ตฺวา อโธ ขิตฺโต จตูหิ มาเสหิ ปถวึ ปาปุณาติ. เอวํ มหนฺเต โอกาเส ยถา เหฏฺา ตฺวา ขิตฺตานิ ปุปฺผานิ วา ธูโม วา อุปริ คนฺตุํ, อุปริ วา ตฺวา ขิตฺตสาสปา เหฏฺา โอตริตุํ อนฺตรํ น ลภนฺติ, เอวํ นิรนฺตรา เทวตา อเหสุํ. ยถา โข ปน จกฺกวตฺติรฺโ นิสินฺนฏฺานํ อสมฺพาธํ โหติ, อาคตาคตา มเหสกฺขา ขตฺติยา โอกาสํ ลภนฺติเยว, ปรโต ปรโต ปน อติสมฺพาธํ โหติ. เอวเมว ภควโต นิสินฺนฏฺานํ อสมฺพาธํ, อาคตาคตา มเหสกฺขา เทวา จ พฺรหฺมาโน จ โอกาสํ ลภนฺติเยว. อปิ สุทํ ภควโต อาสนฺนาสนฺนฏฺาเน วาลคฺคนิตฺตุทนมตฺเต ปเทเส ทสปิ วีสติปิ เทวา สุขุเม อตฺตภาเว มาเปตฺวา อฏฺํสุ. สพฺพปรโต สฏฺิ สฏฺิ เทวตา อฏฺํสุ.

สุทฺธาวาสกายิกานนฺติ สุทฺธาวาสวาสีนํ. สุทฺธาวาสา นาม สุทฺธานํ อนาคามิขีณาสวานํ อาวาสา ปฺจ พฺรหฺมโลกา. เอตทโหสีติ กสฺมา อโหสิ? เต กิร พฺรหฺมาโน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ยถา ปริจฺเฉเทน วุฏฺิตา พฺรหฺมภวนํ โอโลเกนฺตา ปจฺฉาภตฺเต ภตฺตเคหํ วิย สุฺตํ อทฺทสํสุ. ตโต ‘‘กุหึ พฺรหฺมาโน คตา’’ติ อาวชฺชนฺตา มหาสมาคมํ ตฺวา – ‘‘อยํ สมาคโม มหา, มยํ โอหีนา, โอหีนกานํ ปน โอกาโส ทุลฺลโภ โหติ, ตสฺมา คจฺฉนฺตา อตุจฺฉหตฺถา หุตฺวา เอเกกํ คาถํ อภิสงฺขริตฺวา คจฺฉาม. ตาย มหาสมาคเม จ อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปสฺสาม, ทสพลสฺส จ วณฺณํ ภาสิสฺสามา’’ติ. อิติ เตสํ สมาปตฺติโต อุฏฺาย อาวชฺชิตตฺตา เอตทโหสิ.

ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุนฺติ ปาฬิยํ ภควโต สนฺติเก อภิมุขฏฺาเนเยว โอติณฺณา วิย กตฺวา วุตฺตา, น โข ปเนตฺถ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เต ปน พฺรหฺมโลเก ิตาเยว คาถา อภิสงฺขริตฺวา เอโก ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอตริ, เอโก ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, เอโก ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, เอโก อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอตริ. ตโต ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา นีลกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา นีลรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ มณิวมฺมํ ปฏิมุฺจนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา พุทฺธวีถิ นาม เกนจิ อุตฺตริตุํ น สกฺกา, ตสฺมา มหติยา พุทฺธวีถิยาว อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข อตฺตนา อภิสงฺขตํ คาถํ อภาสิ.

ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา ปีตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา สุวณฺณปภํ มุฺจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ สุวณฺณปฏํ ปารุปนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อกาสิ. ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา โลหิตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา โลหิตกรสฺมิโย มุฺจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ รตฺตวรกมฺพเลน ปริกฺขิปนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อกาสิ. อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา โอทาตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา โอทาตรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ สุมนกุสุมปฏํ ปารุปนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อกาสิ.

ปาฬิยํ ปน ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุํ. อถ โข ตา เทวตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสูติ เอวํ เอกกฺขเณ วิย ปุรโต ปาตุภาโว จ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิตภาโว จ วุตฺโต, โส อิมินา อนุกฺกเมน อโหสิ, เอกโต กตฺวา ปน ทสฺสิโต. คาถาภาสนํ ปน ปาฬิยมฺปิ วิสุํ วิสุํเยว วุตฺตํ.

ตตฺถ มหาสมโยติ มหาสมูโห. ปวนํ วุจฺจติ วนสณฺโฑ. อุภเยนปิ ภควา ‘‘อิมสฺมึ ปน วนสณฺเฑ อชฺช มหาสมูโห สนฺนิปาโต’’ติ อาห. ตโต เยสํ โส สนฺนิปาโต, เต ทสฺเสตุํ เทวกายา สมาคตาติ อาห. ตตฺถ เทวกายาติ เทวฆฏา. อาคตมฺห อิมํ ธมฺมสมยนฺติ เอวํ สมาคเต เทวกาเย ทิสฺวา มยมฺปิ อิมํ ธมฺมสมูหํ อาคตา. กึ การณา? ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆนฺติ เกนจิ อปราชิตํ อชฺเชว ตโย มาเร มทฺทิตฺวา วิชิตสงฺคามํ อิมํ อปราชิตสงฺฆํ ทสฺสนตฺถาย อาคตมฺหาติ อตฺโถ. โส ปน, พฺรหฺมา, อิมํ คาถํ ภาสิตฺวา, ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํเยว อฏฺาสิ.

อถ ทุติโย วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิ. ตตฺถ ตตฺร ภิกฺขโวติ ตสฺมึ สนฺนิปาตฏฺาเน ภิกฺขู. สมาทหํสูติ สมาธินา โยเชสุํ. จิตฺตมตฺตโน อุชุกํ อกํสูติ อตฺตโน จิตฺเต สพฺเพ วงฺกกุฏิลชิมฺหภาเว หริตฺวา อุชุกํ อกรึสุ. สารถีว เนตฺตานิ คเหตฺวาติ ยถา สมปฺปวตฺเตสุ สินฺธเวสุ โอธสฺตปโตโท สารถี สพฺพโยตฺตานิ คเหตฺวา อโจเทนฺโต อวาเรนฺโต ติฏฺติ, เอวํ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคตา คุตฺตทฺวารา สพฺเพเปเต ปฺจสตา ภิกฺขู อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา, เอเต ทฏฺุํ อิธาคตมฺหา ภควาติ, โสปิ คนฺตฺวา ยถาาเนเยว อฏฺาสิ.

อถ ตติโย วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิ. ตตฺถ เฉตฺวา ขีลนฺติ ราคโทสโมหขีลํ ฉินฺทิตฺวา. ปลิฆนฺติ ราคโทสโมหปลิฆเมว. อินฺทขีลนฺติ ราคโทสโมหอินฺทขีลเมว . อูหจฺจ มเนชาติ เอเต ตณฺหาเอชาย อเนชา ภิกฺขู อินฺทขีลํ อูหจฺจ สมูหนิตฺวา จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตจาริกํ จรนฺติ. สุทฺธาติ นิรุปกฺกิเลสา. วิมลาติ นิมฺมลา. อิทํ ตสฺเสว เววจนํ. จกฺขุมตาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺเตน. สุทนฺตาติ จกฺขุโตปิ ทนฺตา โสตโตปิ ฆานโตปิ ชิวฺหาโตปิ กายโตปิ มนโตปิ ทนฺตา. สุสุนาคาติ ตรุณนาคา. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – ฉนฺทาทีหิ น คจฺฉนฺตีติ นาคา, เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส น อาคจฺฉนฺตีติ นาคา, นานปฺปการํ อาคุํ น กโรนฺตีติ นาคา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๘๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

อปิจ –

‘‘อาคุํ น กโรติ กิฺจิ โลเก,

สพฺพสํโยค วิสชฺช พนฺธนานิ;

สพฺพตฺถ น สชฺชตี วิมุตฺโต,

นาโค ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติ. –

เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สุสุนาคาติ สุสู นาคา, สุสุนาคภาวสมฺปตฺตึ ปตฺตาติ อตฺโถ. เต เอวรูเป อนุตฺตเรน โยคฺคาจริเยน ทมิเต ตรุณนาเค ทสฺสนาย อาคตมฺห ภควาติ. โสปิ คนฺตฺวา ยถาาเนเยว อฏฺาสิ.

อถ จตุตฺโถ วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิ. ตตฺถ คตาเสติ นิพฺเพมติกสรณคมเนน คตา. โสปิ คนฺตฺวา ยถาาเนเยว อฏฺาสีติ. สตฺตมํ.

๘. สกลิกสุตฺตวณฺณนา

๓๘. อฏฺเม มทฺทกุจฺฉิสฺมินฺติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. ตฺหิ อชาตสตฺตุมฺหิ กุจฺฉิคเต ตสฺส มาตรา – ‘‘อยํ มยฺหํ กุจฺฉิคโต คพฺโภ รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสติ. กึ เม อิมินา’’ติ? คพฺภปาตนตฺถํ กุจฺฉิ มทฺทาปิตา. ตสฺมา ‘‘มทฺทกุจฺฉี’’ติ สงฺขํ คตํ. มิคานํ ปน อภยวาสตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ.

เตน โข ปน สมเยนาติ เอตฺถ อยํ อนุปุพฺพิกถา – เทวทตฺโต หิ อชาตสตฺตุํ นิสฺสาย ธนุคฺคเห จ ธนปาลกฺจ ปโยเชตฺวาปิ ตถาคตสฺส ชีวิตนฺตรายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สหตฺเถเนว มาเรสฺสามี’’ติ คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา มหนฺตํ กูฏาคารปฺปมาณํ สิลํ อุกฺขิปิตฺวา, ‘‘สมโณ โคตโม จุณฺณวิจุณฺโณ โหตู’’ติ ปวิชฺฌิ. มหาถามวา กิเรส ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ. อฏฺานํ โข ปเนตํ, ยํ พุทฺธานํ ปรูปกฺกเมน ชีวิตนฺตราโย ภเวยฺยาติ ตํ ตถาคตสฺส สรีราภิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ อากาเส อฺา สิลา อุฏฺหิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิ. ทฺวินฺนํ สิลานํ สมฺปหาเรน มหนฺโต ปาสาณสฺส สกลิกา อุฏฺหิตฺวา ภควโต ปิฏฺิปาทปริยนฺตํ อภิหนิ, ปาโท มหาผรสุนา ปหโต วิย สมุคฺคตโลหิเตน ลาขารสมกฺขิโต วิย อโหสิ. ภควา อุทฺธํ อุลฺโลเกตฺวา เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พหุ ตยา โมฆปุริส, อปุฺํ ปสุตํ, โย ตฺวํ ปทุฏฺจิตฺโต วธกจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ภควโต อผาสุ ชาตํ. ภิกฺขู จินฺตยึสุ – ‘‘อยํ วิหาโร อุชฺชงฺคโล วิสโม, พหูนํ ขตฺติยาทีนฺเจว ปพฺพชิตานฺจ อโนกาโส’’ติ. เต ตถาคตํ มฺจสิวิกาย อาทาย มทฺทกุจฺฉึ นยึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต โหตี’’ติ.

ภุสาติ พลวติโย. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. ทุกฺขนฺติ สุขปฏิกฺเขโป. ติพฺพาติ พหลา. ขราติ ผรุสา. กฏุกาติ ติขิณา. อสาตาติ อมธุรา. น ตาสุ มโน อปฺเปติ, น ตา มนํ อปฺปายนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ อมนาปา. สโต สมฺปชาโนติ เวทนาธิวาสนสติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต หุตฺวา. อวิหฺมาโนติ อปีฬิยมาโน, สมฺปริวตฺตสายิตาย เวทนานํ วสํ อคจฺฉนฺโต.

สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคิเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี สตฺตา วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ อยํ กามโภคิเสยฺยา. เตสุ หิ เยภุยฺเยน ทกฺขิณปสฺเสน สยาโน นาม นตฺถิ. ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ อยํ เปตเสยฺยา. อปฺปมํสโลหิตตฺตา หิ อฏฺิสงฺฆาฏชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ. ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, สีโห มิคราชา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ อนุปกฺขิปิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสตี’’ติ อยํ สีหเสยฺยา. เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ, ‘ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ, ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺรสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ’. สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ, ‘‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา, น สูรภาวสฺส อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ปน ‘‘ตถาคตเสยฺยา’’ติ วุจฺจติ. ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม.

ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย, อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา . โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ. ยถา น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุ โหติ. ตสฺมา เอวํ นิปชฺชิ. สโต สมฺปชาโนติ สยนปริคฺคาหกสติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต. ‘‘อุฏฺานสฺ’’นฺติ ปเนตฺถ น วุตฺตํ, คิลานเสยฺยา เหสา ตถาคตสฺส.

สตฺตสตาติ อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺพาปิ ตา เทวตา คิลานเสยฺยฏฺานํ อาคตา. อุทานํ อุทาเนสีติ คิลานเสยฺยํ อาคตานํ โทมนสฺเสน ภวิตพฺพํ สิยา. อิมาสํ ปน ตถาคตสฺส เวทนาธิวาสนํ ทิสฺวา, ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาวตา! เอวรูปาสุ นาม เวทนาสุ วตฺตมานาสุ วิการมตฺตมฺปิ นตฺถิ, สิรีสยเน อลงฺกริตฺวา ปิตสุวณฺณรูปกํ วิย อนิฺชมาเนน กาเยน นิปนฺโน, อิทานิสฺส อธิกตรํ มุขวณฺโณ วิโรจติ, อาภาสมฺปนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย สมฺปติ วิกสิตํ วิย จ อรวินฺทํ อสฺส มุขํ โสภติ, กาเยปิ วณฺณายตนํ อิทานิ สุสมฺมฏฺกฺจนํ วิย วิปฺปสีทตี’’ติ อุทานํ อุทปาทิ.

นาโควต โภติ, เอตฺถ โภติ ธมฺมาลปนํ. พลวนฺตฏฺเน นาโค. นาควตาติ นาคภาเวน. สีโห วตาติอาทีสุ อสนฺตาสนฏฺเน สีโห. พฺยตฺตปริจยฏฺเน การณาการณชานเนน วา อาชานีโย. อปฺปฏิสมฏฺเน นิสโภ. ควสตเชฏฺโก หิ อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, ควสตสหสฺสเชฏฺโก นิสโภติ วุจฺจติ. ภควา ปน อปฺปฏิสมฏฺเน อาสภํ านํ ปฏิชานาติ. เตเนวตฺเถน อิธ ‘‘นิสโภ’’ติ วุตฺโต. ธุรวาหฏฺเน โธรยฺโห. นิพฺพิเสวนฏฺเน ทนฺโต.

ปสฺสาติ อนิยมิตาณตฺติ. สมาธินฺติ อรหตฺตผลสมาธึ. สุวิมุตฺตนฺติ ผลวิมุตฺติยา สุวิมุตฺตํ. ราคานุคตํ ปน จิตฺตํ อภินตํ นาม โหติ, โทสานุคตํ อปนตํ. ตทุภยปฏิกฺเขเปน น จาภินตํ น จาปนตนฺติ อาห. น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคตนฺติ น สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิเลเส นิคฺคเหตฺวา วาริตวตํ, กิเลสานํ ปน ฉินฺนตฺตา วตํ ผลสมาธินา สมาหิตนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมิตพฺพนฺติ วิเหเตพฺพํ ฆฏฺเฏตพฺพํ. อทสฺสนาติ อฺาณา. อฺาณี หิ อนฺธพาโลว เอวรูเป สตฺถริ อปรชฺเฌยฺยาติ เทวทตฺตํ ฆฏฺฏยมานา วทนฺติ.

ปฺจเวทาติ อิติหาสปฺจมานํ เวทานํ ธารกา. สตํ สมนฺติ วสฺสสตํ. ตปสฺสีติ ตปนิสฺสิตกา หุตฺวา. จรนฺติ จรนฺตา. น สมฺมาวิมุตฺตนฺติ สเจปิ เอวรูปา พฺราหฺมณา วสฺสสตํ จรนฺติ, จิตฺตฺจ เนสํ สมฺมา วิมุตฺตํ น โหติ. หีนตฺตรูปา น ปารํ คมา เตติ หีนตฺตสภาวา เต นิพฺพานงฺคมา น โหนฺติ. ‘‘หีนตฺถรูปา’’ติปิ ปาโ, หีนตฺถชาติกา ปริหีนตฺถาติ อตฺโถ. ตณฺหาธิปนฺนาติ ตณฺหาย อชฺโฌตฺถฏา. วตสีลพทฺธาติ อชวตกุกฺกุรวตาทีหิ จ วเตหิ ตาทิเสเหว จ สีเลหิ พทฺธา. ลูขํ ตปนฺติ ปฺจาตปตาปนํ กณฺฏกเสยฺยาทิกํ ตปํ. อิทานิ สา เทวตา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ กเถนฺตี น มานกามสฺสาติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมวาติ. อฏฺมํ.

๙. ปมปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตวณฺณนา

๓๙. นวเม ปชฺชุนฺนสฺส ธีตาติ ปชฺชุนฺนสฺส นาม วสฺสวลาหกเทวรฺโ จาตุมหาราชิกสฺส ธีตา. อภิวนฺเทติ ภควา ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทามิ. จกฺขุมตาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺเตน ตถาคเตน. ธมฺโม อนุพุทฺโธติ, ‘‘อิทํ มยา ปุพฺเพ ปเรสํ สนฺติเก เกวลํ สุตํเยว อาสี’’ติ วทติ. สาหํ ทานีติ, สา อหํ อิทานิ. สกฺขิ ชานามีติ, ปฏิเวธวเสน ปจฺจกฺขเมว ชานามิ. วิครหนฺตาติ, ‘‘หีนกฺขรปทพฺยฺชโน’’ติ วา ‘‘อนิยฺยานิโก’’ติ วา เอวํ ครหนฺตา. โรรุวนฺติ, ทฺเว โรรุวา – ธูมโรรุโว จ ชาลโรรุโว จ. ตตฺถ ธูมโรรุโว วิสุํ โหติ, ชาลโรรุโวติ ปน อวีจิมหานิรยสฺเสเวตํ นามํ. ตตฺถ หิ สตฺตา อคฺคิมฺหิ ชลนฺเต ชลนฺเต ปุนปฺปุนํ รวํ รวนฺติ, ตสฺมา โส ‘‘โรรุโว’’ติ วุจฺจติ. โฆรนฺติ ทารุณํ. ขนฺติยา อุปสเมน อุเปตาติ รุจฺจิตฺวา ขมาเปตฺวา คหณขนฺติยา จ ราคาทิอุปสเมน จ อุเปตาติ. นวมํ.

๑๐. ทุติยปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตวณฺณนา

๔๐. ทสเม ธมฺมฺจาติ จ สทฺเทน สงฺฆฺจ, อิติ ตีณิ รตนานิ นมสฺสมานา อิธาคตาติ วทติ. อตฺถวตีติ, อตฺถวติโย. พหุนาปิ โข ตนฺติ ยํ ธมฺมํ สา อภาสิ, ตํ ธมฺมํ พหุนาปิ ปริยาเยน อหํ วิภเชยฺยํ. ตาทิโส ธมฺโมติ, ตาทิโส หิ อยํ ภควา ธมฺโม, ตํสณฺิโต ตปฺปฏิภาโค พหูหิ ปริยาเยหิ วิภชิตพฺพยุตฺตโกติ ทสฺเสติ. ลปยิสฺสามีติ, กถยิสฺสามิ. ยาวตา เม มนสา ปริยตฺตนฺติ ยตฺตกํ มยา มนสา ปริยาปุฏํ, ตสฺสตฺถํ ทิวสํ อวตฺวา มธุปฏลํ ปีเฬนฺตี วิย มุหุตฺเตเนว สํขิตฺเตน กเถสฺสามิ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. ทสมํ.

สตุลฺลปกายิกวคฺโค จตุตฺโถ.

๕. อาทิตฺตวคฺโค

๑. อาทิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๔๑. อาทิตฺตวคฺคสฺส ปเม ชราย มรเณน จาติ เทสนาสีสเมตํ, ราคาทีหิ ปน เอกาทสหิ อคฺคีหิ โลโก อาทิตฺโตว. ทาเนนาติ ทานเจตนาย. ทินฺนํ โหติ สุนีหตนฺติ ทานปุฺเจตนาหิ ทายกสฺเสว โหติ ฆรสามิกสฺส วิย นีหตภณฺฑกํ, เตเนตํ วุตฺตํ. โจรา หรนฺตีติ อทินฺเน โภเค โจราปิ หรนฺติ ราชาโนปิ, อคฺคิปิ ฑหติ, ปิตฏฺาเนปิ นสฺสนฺติ. อนฺเตนาติ มรเณน. สรีรํ สปริคฺคหนฺติ สรีรฺเจว โจราทีนํ วเสน อวินฏฺโภเค จ. สคฺคมุเปตีติ เวสฺสนฺตรมหาราชาทโย วิย สคฺเค นิพฺพตฺตตีติ. ปมํ.

๒. กึททสุตฺตวณฺณนา

๔๒. ทุติเย อนฺนโทติ ยสฺมา อติพลวาปิ ทฺเว ตีณิ ภตฺตานิ อภุตฺวา อุฏฺาตุํ น สกฺโกติ, ภุตฺวา ปน ทุพฺพโลปิ หุตฺวา พลสมฺปนฺโน โหติ, ตสฺมา ‘‘อนฺนโท พลโท’’ติ อาห. วตฺถโทติ ยสฺมา สุรูโปปิ ทุจฺโจโฬ วา อโจโฬ วา วิรูโป โหติ โอหีฬิโต ทุทฺทสิโก, วตฺถจฺฉนฺโน เทวปุตฺโต วิย โสภติ , ตสฺมา ‘‘วตฺถโท โหติ วณฺณโท’’ติ อาห. ยานโทติ หตฺถิยานาทีนํ ทายโก. เตสุ ปน –

‘‘น หตฺถิยานํ สมณสฺส กปฺปติ,

น อสฺสยานํ, น รเถน ยาตุํ;

อิทฺจ ยานํ สมณสฺส กปฺปติ,

อุปาหนา รกฺขโต สีลขนฺธ’’นฺติ.

ตสฺมา ฉตฺตุปาหนกตฺตรยฏฺิมฺจปีานํ ทายโก, โย จ มคฺคํ โสเธติ, นิสฺเสณึ กโรติ, เสตุํ กโรติ, นาวํ ปฏิยาเทติ, สพฺโพปิ ยานโทว โหติ. สุขโท โหตีติ ยานสฺส สุขาวหนโต สุขโท นาม โหติ. จกฺขุโทติ อนฺธกาเร จกฺขุมนฺตานมฺปิ รูปทสฺสนาภาวโต ทีปโท จกฺขุโท นาม โหติ, อนุรุทฺธตฺเถโร วิย ทิพฺพจกฺขุ สมฺปทมฺปิ ลภติ.

สพฺพทโท โหตีติ สพฺเพสํเยว พลาทีนํ ทายโก โหติ. ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสาปิ สีตลาย โปกฺขรณิยา นฺหายิตฺวา ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา มุหุตฺตํ มฺเจ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส หิ กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณายตนํ วาตาตเปหิ ฌายติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส จ วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ โอกฺกมติ, วณฺณายตนํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสโย เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สพฺเพเต ปริสฺสยา น โหนฺติ, ธมฺมํ สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขํ อุปฺปชฺชติ. ตถา พหิ วิจรนฺตสฺส จ เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ กูเป โอติณฺโณ วิย โหติ, มฺจปีาทีนิ น ปฺายนฺติ. มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารกวาฏวาตปานมฺจปีาทีนิ ปฺายนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ.

อมตํทโท จ โส โหตีติ ปณีตโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรนฺโต วิย อมรณทานํ นาม เทติ. โย ธมฺมมนุสาสตีติ โย ธมฺมํ อนุสาสติ, อฏฺกถํ กเถติ, ปาฬึ วาเจติ, ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขติ, ธมฺมสฺสวนํ กโรติ, สพฺโพเปส ธมฺมํ อนุสาสติ นาม. สพฺพทานานฺจ อิทํ ธมฺมทานเมว อคฺคนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ,

สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;

สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ,

ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔); ทุติยํ;

๓. อนฺนสุตฺตวณฺณนา

๔๓. ตติเย อภินนฺทนฺตีติ ปตฺเถนฺติ. ภชตีติ อุปคจฺฉติ, จิตฺตคหปติสีวลิตฺเถราทิเก วิย ปจฺฉโต อนุพนฺธติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิธโลเก ปรโลเก จ อนฺนทายกเมว อนุคจฺฉติ, ตสฺมา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. ตติยํ.

๔. เอกมูลสุตฺตวณฺณนา

๔๔. จตุตฺเถ เอกมูลนฺติ อวิชฺชา ตณฺหาย มูลํ, ตณฺหา อวิชฺชาย. อิธ ปน ตณฺหา อธิปฺเปตา. ทฺวีหิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ อาวฏฺฏตีติ ทฺวิราวฏฺฏา. สา จ ราคาทีหิ ตีหิ มเลหิ ติมลา. ตตฺราสฺสา โมโห สหชาตโกฏิยา มลํ โหติ, ราคโทสา อุปนิสฺสยโกฏิยา. ปฺจ ปน กามคุณา อสฺสา ปตฺถรณฏฺานา, เตสุ สา ปตฺถรตีติ ปฺจปตฺถรา. สา จ อปูรณียฏฺเน สมุทฺโท. อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ ปเนสา ทฺวาทสายตเนสุ อาวฏฺฏติ ปริวฏฺฏตีติ ทฺวาทสาวฏฺฏา. อปติฏฺฏฺเน ปน ปาตาโลติ วุจฺจตีติ. เอกมูลํ…เป… ปาตาลํ, อตริ อิสิ, อุตฺตริ สมติกฺกมีติ อตฺโถ. จตุตฺถํ.

๕. อโนมสุตฺตวณฺณนา

๔๕. ปฺจเม อโนมนามนฺติ สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา อเวกลฺลนามํ, ปริปูรนามนฺติ อตฺโถ. นิปุณตฺถทสฺสินฺติ ภควา สณฺหสุขุเม ขนฺธนฺตราทโย อตฺเถ ปสฺสตีติ นิปุณตฺถทสฺสี. ปฺาททนฺติ อนฺวยปฺาธิคมาย ปฏิปทํ กถนวเสน ปฺาย ทายกํ. กามาลเย อสตฺตนฺติ ปฺจกามคุณาลเย อลคฺคํ. กมมานนฺติ ภควา มหาโพธิมณฺเฑเยว อริยมคฺเคน คโต, น อิทานิ คจฺฉติ, อตีตํ ปน อุปาทาย อิทํ วุตฺตํ. มเหสินฺติ มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตารํ ปริเยสิตารนฺติ. ปฺจมํ.

๖. อจฺฉราสุตฺตวณฺณนา

๔๖. ฉฏฺเ อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺนฺติ อยํ กิร เทวปุตฺโต สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ ปูรยมาโน ปฺจวสฺสกาเล ปวาเรตฺวา ทฺเวมาติกํ ปคุณํ กตฺวา กมฺมากมฺมํ อุคฺคเหตฺวา จิตฺตรุจิตํ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา สลฺลหุกวุตฺติโก อรฺํ ปวิสิตฺวา โย ภควตา มชฺฌิมยาโม สยนสฺส โกฏฺาโสติ อนุฺาโต. ตสฺมิมฺปิ สมฺปตฺเต ‘‘ปมาทสฺส ภายามี’’ติ มฺจกํ อุกฺขิปิตฺวา รตฺติฺจ ทิวา จ นิราหาโร กมฺมฏฺานเมว มนสากาสิ.

อถสฺส อพฺภนฺตเร สตฺถกวาตา อุปฺปชฺชิตฺวา ชีวิตํ ปริยาทิยึสุ. โส ธุรสฺมึเยว กาลมกาสิ. โย หิ โกจิ ภิกฺขุ จงฺกเม จงฺกมมาโน วา อาลมฺพนตฺถมฺภํ นิสฺสาย ิโต วา จงฺกมโกฏิยํ จีวรํ สีเส เปตฺวา นิสินฺโน วา นิปนฺโน วา ปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน ธมฺมํ เทเสนฺโต วา กาลํ กโรติ, สพฺโพ โส ธุรสฺมึ กาลํ กโรติ นาม. อิติ อยํ จงฺกมเน กาลํ กตฺวา อุปนิสฺสยมนฺทตาย อาสวกฺขยํ อปฺปตฺโต ตาวตึสภวเน มหาวิมานทฺวาเร นิทฺทายิตฺวา ปพุชฺฌนฺโต วิย ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ตาวเทวสฺส สุวณฺณโตรณํ วิย ติคาวุโต อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ.

อนฺโตวิมาเน สหสฺสมตฺตา อจฺฉรา ตํ ทิสฺวา, ‘‘วิมานสามิโก เทวปุตฺโต อาคโต, รมยิสฺสาม น’’นฺติ ตูริยานิ คเหตฺวา ปริวารยึสุ. เทวปุตฺโต น ตาว จุตภาวํ ชานาติ, ปพฺพชิตสฺีเยว อจฺฉรา โอโลเกตฺวา วิหารจาริกํ อาคตํ มาตุคามํ ทิสฺวา ลชฺชี. ปํสุกูลิโก วิย อุปริ ิตํ ฆนทุกูลํ เอกํสํ กโรนฺโต อํสกูฏํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อินฺทฺริยานิ โอกฺขิปิตฺวา อโธมุโข อฏฺาสิ. ตสฺส กายวิกาเรเนว ตา เทวตา ‘‘สมณเทวปุตฺโต อย’’นฺติ ตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘อยฺย, เทวปุตฺต, เทวโลโก นามายํ, น สมณธมฺมสฺส กรโณกาโส, สมฺปตฺตึ อนุภวโนกาโส’’ติ. โส ตเถว อฏฺาสิ. เทวตา ‘‘น ตาวายํ สลฺลกฺเขตี’’ติ ตูริยานิ ปคฺคณฺหึสุ. โส ตถาปิ อโนโลเกนฺโตว อฏฺาสิ.

อถสฺส สพฺพกายิกํ อาทาสํ ปุรโต ปยึสุ. โส ฉายํ ทิสฺวา จุตภาวํ ตฺวา, ‘‘น มยา อิมํ านํ ปตฺเถตฺวา สมณธมฺโม กโต, อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ ปตฺเถตฺวา กโต’’ติ สมฺปตฺติยา วิปฺปฏิสารี อโหสิ, ‘‘สุวณฺณปฏํ ปฏิลภิสฺสามี’’ติ ตกฺกยิตฺวา ยุทฺธฏฺานํ โอติณฺณมลฺโล มูลกมุฏฺึ ลภิตฺวา วิย. โส – ‘‘อยํ สคฺคสมฺปตฺติ นาม สุลภา, พุทฺธานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ’’ติ จินฺเตตฺวา วิมานํ อปวิสิตฺวาว อสมฺภินฺเนเนว สีเลน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทสพลสฺส สนฺติกํ อาคมฺม อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺนฺติ อจฺฉราคเณน คีตวาทิตสทฺเทหิ สงฺโฆสิตํ. ปิสาจคณเสวิตนฺติ ตเมว อจฺฉราคณํ ปิสาจคณํ กตฺวา วทติ. วนนฺติ นนฺทนวนํ สนฺธาย วทติ. อยฺหิ นิยามจิตฺตตาย อตฺตโน ครุภาเวน เทวคณํ ‘‘เทวคโณ’’ติ วตฺตุํ น โรเจติ. ‘‘ปิสาจคโณ’’ติ วทติ. นนฺทนวนฺจ ‘‘นนฺทน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘โมหน’’นฺติ วทติ . กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตีติ กถํ นิคฺคมนํ ภวิสฺสติ, กถํ อติกฺกโม ภวิสฺสติ, อรหตฺตสฺส เม ปทฏฺานภูตํ วิปสฺสนํ อาจิกฺขถ ภควาติ วทติ.

อถ ภควา ‘‘อติสลฺลิขเตว อยํ เทวปุตฺโต, กึ นุ โข อิท’’นฺติ? อาวชฺเชนฺโต อตฺตโน สาสเน ปพฺพชิตภาวํ ตฺวา – ‘‘อยํ อจฺจารทฺธวีริยตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, อชฺชาปิสฺส จงฺกมนสฺมึเยว อตฺตภาโว อสมฺภินฺเนน สีเลน อาคโต’’ติ จินฺเตสิ. พุทฺธา จ อกตาภินิเวสสฺส อาทิกมฺมิกสฺส อกตปริกมฺมสฺส อนฺเตวาสิโน จิตฺตกาโร ภิตฺติปริกมฺมํ วิย – ‘‘สีลํ ตาว โสเธหิ, สมาธึ ภาเวหิ, กมฺมสฺสกตปฺํ อุชุํ กโรหี’’ติ ปมํ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ อาจิกฺขนฺติ, การกสฺส ปน ยุตฺตปยุตฺตสฺส อรหตฺตมคฺคปทฏฺานภูตํ สณฺหสุขุมํ สุฺตาวิปสฺสนํเยว อาจิกฺขนฺติ, อยฺจ เทวปุตฺโต การโก อภินฺนสีโล, เอโก มคฺโค อสฺส อนาคโตติ สุฺตาวิปสฺสนํ อาจิกฺขนฺโต อุชุโก นามาติอาทิมาห.

ตตฺถ อุชุโกติ กายวงฺกาทีนํ อภาวโต อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุชุโก นาม. อภยา นาม สา ทิสาติ นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตสฺมึ หิ กิฺจิ ภยํ นตฺถิ, ตํ วา ปตฺตสฺส ภยํ นตฺถีติ ‘‘อภยา นาม สา ทิสา’’ติ วุตฺตํ. รโถ อกูชโนติ อฏฺงฺคิโก มคฺโคว อธิปฺเปโต. ยถา หิ ปากติกรโถ อกฺเข วา อนพฺภฺชิเต อติเรเกสุ วา มนุสฺเสสุ อภิรุฬฺเหสุ กูชติ วิรวติ, น เอวํ อริยมคฺโค. โส หิ เอกปฺปหาเรน จตุราสีติยาปิ ปาณสหสฺเสสุ อภิรุหนฺเตสุ น กูชติ น วิรวติ. ตสฺมา ‘‘อกูชโน’’ติ วุตฺโต. ธมฺมจกฺเกหิ สํยุโตติ กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตหิ ธมฺมจกฺเกหิ สํยุตฺโต.

หิรีติ เอตฺถ หิริคฺคหเณน โอตฺตปฺปมฺปิ คหิตเมว โหติ. ตสฺส อปาลมฺโพติ ยถา พาหิรกรถสฺส รเถ ิตานํ โยธานํ อปตนตฺถาย ทารุมยํ อปาลมฺพนํ โหติ, เอวํ อิมสฺส มคฺครถสฺส อชฺฌตฺตพหิทฺธาสมุฏฺานํ หิโรตฺตปฺปํ อปาลมฺพนํ. สตฺยสฺสปริวารณนฺติ รถสฺส สีหจมฺมาทิปริวาโร วิย อิมสฺสาปิ มคฺครถสฺส สมฺปยุตฺตา สติ ปริวารณํ. ธมฺมนฺติ โลกุตฺตรมคฺคํ . สมฺมาทิฏฺิปุเรชวนฺติ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิปุเรชวา อสฺส ปุพฺพยายิกาติ สมฺมาทิฏฺิปุเรชโว, ตํ สมฺมาทิฏฺิปุเรชวํ. ยถา หิ ปมตรํ ราชปุริเสหิ กาณกุณิอาทีนํ นีหรเณน มคฺเค โสธิเต ปจฺฉา ราชา นิกฺขมติ, เอวเมวํ วิปสฺสนา สมฺมาทิฏฺิยา อนิจฺจาทิวเสน ขนฺธาทีสุ โสธิเตสุ ปจฺฉา ภูมิลทฺธวฏฺฏํ ปริชานมานา มคฺคสมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธมฺมาหํ สารถึ พฺรูมิ, สมฺมาทิฏฺิปุเรชว’’นฺติ.

อิติ ภควา เทสนํ นิฏฺาเปตฺวา อวสาเน จตฺตาริ สจฺจานิ ทีเปสิ. เทสนาปริโยสาเน เทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. ยถา หิ รฺโ โภชนกาเล อตฺตโน มุขปฺปมาเณ กพเฬ อุกฺขิตฺเต องฺเก นิสินฺโน ปุตฺโต อตฺตโน มุขปฺปมาเณเนว ตโต กพฬํ กโรติ, เอวเมวํ ภควติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ เทเสนฺเตปิ สตฺตา อตฺตโน อุปนิสฺสยานุรูเปน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณนฺติ. อยมฺปิ เทวปุตฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ภควนฺตํ คนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา ปกฺกามีติ. ฉฏฺํ.

๗. วนโรปสุตฺตวณฺณนา

๔๗. สตฺตเม ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนาติ เก ธมฺมฏฺา, เก สีลสมฺปนฺนาติ ปุจฺฉติ. ภควา อิมํ ปฺหํ ถาวรวตฺถุนา ทีเปนฺโต อารามโรปาติอาทิมาห. ตตฺถ อารามโรปาติ ปุปฺผารามผลารามโรปกา. วนโรปาติ สยํชาเต อโรปิมวเน สีมํ ปริกฺขิปิตฺวา เจติยโพธิจงฺกมนมณฺฑปกุฏิเลณรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานํ การกา ฉายูปเค รุกฺเข โรเปตฺวา ททมานาปิ วนโรปาเยว นาม. เสตุการกาติ วิสเม เสตุํ กโรนฺติ, อุทเก นาวํ ปฏิยาเทนฺติ . ปปนฺติ ปานียทานสาลํ. อุทปานนฺติ ยํกิฺจิ โปกฺขรณีตฬากาทึ. อุปสฺสยนฺติ วาสาคารํ. ‘‘อุปาสย’’นฺติปิ ปาโ.

สทา ปุฺํ ปวฑฺฒตีติ น อกุสลวิตกฺกํ วา วิตกฺเกนฺตสฺส นิทฺทายนฺตสฺส วา ปวฑฺฒติ. ยทา ยทา ปน อนุสฺสรติ, ตทา ตทา ตสฺส วฑฺฒติ. อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘สทา ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนาติ ตสฺมึ ธมฺเม ิตตฺตา เตนปิ สีเลน สมฺปนฺนตฺตา ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา. อถ วา เอวรูปานิ ปุฺานิ กโรนฺตานํ ทส กุสลา ธมฺมา ปูเรนฺติ, เตสุ ิตตฺตา ธมฺมฏฺา. เตเนว จ สีเลน สมฺปนฺนตฺตา สีลสมฺปนฺนาติ. สตฺตมํ.

๘. เชตวนสุตฺตวณฺณนา

๔๘. อฏฺเม อิทํ หิ ตํ เชตวนนฺติ อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต เชตวนสฺส เจว พุทฺธาทีนฺจ วณฺณภณนตฺถํ อาคโต เอวมาห. อิสิสงฺฆนิเสวิตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆนิเสวิตํ.

เอวํ ปมคาถาย เชตวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ อริยมคฺคสฺส กเถนฺโต กมฺมํ วิชฺชาติอาทิมาห. ตตฺถ กมฺมนฺติ มคฺคเจตนา. วิชฺชาติ มคฺคปฺา. ธมฺโมติ สมาธิปกฺขิกา ธมฺมา. สีลํ ชีวิตมุตฺตมนฺติ สีเล ปติฏฺิตสฺส ชีวิตํ อุตฺตมนฺติ ทสฺเสติ. อถ วา วิชฺชาติ ทิฏฺิสงฺกปฺปา. ธมฺโมติ วายามสติสมาธโย. สีลนฺติ วาจากมฺมนฺตาชีวา. ชีวิตมุตฺตมนฺติ เอตสฺมึ สีเล ิตสฺส ชีวิตํ นาม อุตฺตมํ. เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺตีติ เอเตน อฏฺงฺคิกมคฺเคน สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา มคฺเคน สุชฺฌนฺติ, น โคตฺตธเนหิ, ตสฺมา. โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน สมาธิปกฺขิยธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ ตสฺมึ อริยมคฺเค วิสุชฺฌติ. อถ วา โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน ปฺจกฺขนฺธธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ เตสุ จตูสุ สจฺเจสุ วิสุชฺฌติ.

อิทานิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถนฺโต สาริปุตฺโตวาติอาทิมาห. ตตฺถ สาริปุตฺโตวาติ อวธารณวจนํ, เอเตหิ ปฺาทีหิ สาริปุตฺโตว เสยฺโยติ วทติ. อุปสเมนาติ กิเลสอุปสเมน . ปารํ คโตติ นิพฺพานํ คโต. โย โกจิ นิพฺพานํ ปตฺโต ภิกฺขุ, โส เอตาวปรโม สิยา, น เถเรน อุตฺตริตโร นาม อตฺถีติ วทติ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. อฏฺมํ.

๙. มจฺฉริสุตฺตวณฺณนา

๔๙. นวเม มจฺฉริโนติ มจฺเฉเรน สมนฺนาคตา. เอกจฺโจ หิ อตฺตโน วสนฏฺาเน ภิกฺขุํ หตฺถํ ปสาเรตฺวาปิ น วนฺทติ, อฺตฺถ คโต วิหารํ ปวิสิตฺวา สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ กโรติ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ วสนฏฺานํ นาคจฺฉถ, สมฺปนฺโน ปเทโส, ปฏิพลา มยํ อยฺยานํ ยาคุภตฺตาทีหิ อุปฏฺานํ กาตุ’’นฺติ. ภิกฺขู ‘‘สทฺโธ อยํ อุปาสโก’’ติ ยาคุภตฺตาทีหิ สงฺคณฺหนฺติ. อเถโก เถโร ตสฺส คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรติ. โส ตํ ทิสฺวา อฺเน วา คจฺฉติ, ฆรํ วา ปวิสติ. สเจปิ สมฺมุขีภาวํ อาคจฺฉติ, หตฺเถน วนฺทิตฺวา – ‘‘อยฺยสฺส ภิกฺขํ เทถ, อหํ เอเกน กมฺเมน คจฺฉามี’’ติ ปกฺกมติ. เถโร สกลคามํ จริตฺวา ตุจฺฉปตฺโตว นิกฺขมติ. อิทํ ตาว มุทุมจฺฉริยํ นาม, เยน สมนฺนาคโต อทายโกปิ ทายโก วิย ปฺายติ. อิธ ปน ถทฺธมจฺฉริยํ อธิปฺเปตํ, เยน สมนฺนาคโต ภิกฺขูสุ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเสุ, ‘‘เถรา ิตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ มยฺหํ ปาทา รุชฺชนฺตี’’ติอาทีนิ วตฺวา สิลาถมฺโภ วิย ขาณุโก วิย จ ถทฺโธ หุตฺวา ติฏฺติ, สามีจิมฺปิ น กโรติ. กทริยาติ อิทํ มจฺฉริโนติ ปทสฺเสว เววจนํ. มุทุกมฺปิ หิ มจฺฉริยํ ‘‘มจฺฉริย’’นฺเตว วุจฺจติ, ถทฺธํ ปน กทริยํ นาม. ปริภาสกาติ ภิกฺขู ฆรทฺวาเร ิเต ทิสฺวา, ‘‘กึ ตุมฺเห กสิตฺวา อาคตา, วปิตฺวา, ลายิตฺวา? มยํ อตฺตโนปิ น ลภาม, กุโต ตุมฺหากํ, สีฆํ นิกฺขมถา’’ติอาทีหิ สํตชฺชกา. อนฺตรายกราติ ทายกสฺส สคฺคนฺตราโย, ปฏิคฺคาหกานํ ลาภนฺตราโย, อตฺตโน อุปฆาโตติ อิเมสํ อนฺตรายานํ การกา.

สมฺปราโยติ ปรโลโก. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. ขิฑฺฑาติ กายิกขิฑฺฑาทิกา ติวิธา ขิฑฺฑา. ทิฏฺเ ธมฺเมส วิปาโกติ ตสฺมึ นิพฺพตฺตภวเน ทิฏฺเ ธมฺเม เอส วิปาโก. สมฺปราเย จ ทุคฺคตีติ ‘‘ยมโลกํ อุปปชฺชเร’’ติ วุตฺเต สมฺปราเย จ ทุคฺคติ.

วทฺูติ ภิกฺขู ฆรทฺวาเร ิตา กิฺจาปิ ตุณฺหีว โหนฺติ, อตฺถโต ปน – ‘‘ภิกฺขํ เทถา’’ติ วทนฺติ นาม. ตตฺร เย ‘‘มยํ ปจาม, อิเม ปน น ปจนฺติ, ปจมาเน ปตฺวา อลภนฺตา กุหึ ลภิสฺสนฺตี’’ติ? เทยฺยธมฺมํ สํวิภชนฺติ, เต วทฺู นาม. ปกาสนฺตีติ วิมานปฺปภาย โชตนฺติ. ปรสมฺภเตสูติ ปเรหิ สมฺปิณฺฑิเตสุ. สมฺปราเย จ สุคฺคตีติ, ‘‘เอเต สคฺคา’’ติ เอวํ วุตฺตสมฺปราเย สุคติ. อุภินฺนมฺปิ วา เอเตสํ ตโต จวิตฺวา ปุน สมฺปราเยปิ ทุคฺคติสุคติเยว โหตีติ. นวมํ.

๑๐. ฆฏีการสุตฺตวณฺณนา

๕๐. ทสเม อุปปนฺนาเสติ นิพฺพตฺติวเสน อุปคตา. วิมุตฺตาติ อวิหาพฺรหฺมโลกสฺมึ อุปปตฺติสมนนฺตรเมว อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตา. มานุสํ เทหนฺติ อิธ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เอว วุตฺตานิ. ทิพฺพโยคนฺติ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ. อุปจฺจคุนฺติ อติกฺกมึสุ. อุปโกติอาทีนิ เตสํ เถรานํ นามานิ. กุสลี ภาสสี เตสนฺติ, ‘‘กุสล’’นฺติ อิทํ วจนํ อิมสฺส อตฺถีติ กุสลี, เตสํ เถรานํ ตฺวํ กุสลํ อนวชฺชํ ภาสสิ, โถเมสิ ปสํสสิ , ปณฺฑิโตสิ เทวปุตฺตาติ วทติ. ตํ เต ธมฺมํ อิธฺายาติ เต เถรา ตํ ธมฺมํ อิธ ตุมฺหากํ สาสเน ชานิตฺวา. คมฺภีรนฺติ คมฺภีรตฺถํ. พฺรหฺมจารี นิรามิโสติ นิรามิสพฺรหฺมจารี นาม อนาคามี, อนาคามี อโหสินฺติ อตฺโถ. อหุวาติ อโหสิ. สคาเมยฺโยติ เอกคามวาสี. ปริโยสานคาถา สงฺคีติกาเรหิ ปิตาติ. ทสมํ.

อาทิตฺตวคฺโค ปฺจโม.

๖. ชราวคฺโค

๑. ชราสุตฺตวณฺณนา

๕๑. ชราวคฺคสฺส ปเม สาธูติ ลทฺธกํ ภทฺทกํ. สีลํ ยาว ชราติ อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – ยถา มุตฺตามณิรตฺตวตฺถาทีนิ อาภรณานิ ตรุณกาเลเยว โสภนฺติ, ชราชิณฺณกาเล ตานิ ธาเรนฺโต ‘‘อยํ อชฺชาปิ พาลภาวํ ปตฺเถติ, อุมฺมตฺตโก มฺเ’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ , น เอวํ สีลํ. สีลฺหิ นิจฺจกาลํ โสภติ. พาลกาเลปิ หิ สีลํ รกฺขนฺตํ ‘‘กึ อิมสฺส สีเลนา’’ติ? วตฺตาโร นตฺถิ. มชฺฌิมกาเลปิ มหลฺลกกาเลปีติ.

สทฺธาสาธุ ปติฏฺิตาติ หตฺถาฬวกจิตฺตคหปติอาทีนํ วิย มคฺเคน อาคตา ปติฏฺิตสทฺธา นาม สาธุ. ปฺา นรานํ รตนนฺติ เอตฺถ จิตฺตีกตฏฺาทีหิ รตนํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยทิ จิตฺตีกตนฺติ รตนํ, นนุ ภควา จิตฺตีกโต ปุริสสีโห, เย จ โลเก จิตฺตีกตา, เตสํ จิตฺตีกโต ภควา. ยทิ รติกรนฺติ รตนํ, นนุ ภควา รติกโร ปุริสสีโห, ตสฺส วจเนน จรนฺตา ฌานรติสุเขน อภิรมนฺติ. ยทิ อตุลฺยนฺติ รตนํ, นนุ ภควา อตุโล ปุริสสีโห. น หิ สกฺกา ตุเลตุํ คุเณหิ คุณปารมึ คโต. ยทิ ทุลฺลภนฺติ รตนํ, นนุ ภควา ทุลฺลโภ ปุริสสีโห. ยทิ อโนมสตฺตปริโภคนฺติ รตนํ, นนุ ภควา อโนโม สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนนา’’ติ.

อิธ ปน ทุลฺลภปาตุภาวฏฺเน ปฺา ‘‘รตน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุฺนฺติ ปุฺเจตนา, สา หิ อรูปตฺตา ปริหริตุํ น สกฺกาติ. ปมํ.

๒. อชรสาสุตฺตวณฺณนา

๕๒. ทุติเย อชรสาติ อชีรเณน, อวิปตฺติยาติ อตฺโถ. สีลฺหิ อวิปนฺนเมว สาธุ โหติ, วิปนฺนสีลํ อาจริยุปชฺฌายาทโยปิ น สงฺคณฺหนฺติ, คตคตฏฺาเน นิทฺธมิตพฺโพว โหตีติ. ทุติยํ.

๓. มิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๕๓. ตติเย สตฺโถติ สทฺธึจโร, ชงฺฆสตฺโถ วา สกฏสตฺโถ วา. มิตฺตนฺติ โรเค อุปฺปนฺเน ปาฏงฺกิยา วา อฺเน วา ยาเนน หริตฺวา เขมนฺตสมฺปาปเนน มิตฺตํ. สเก ฆเรติ อตฺตโน เคเห . ตถารูเป โรเค ชาเต ปุตฺตภริยาทโย ชิคุจฺฉนฺติ, มาตา ปน อสุจิมฺปิ จนฺทนํ วิย มฺติ. ตสฺมา สา สเก ฆเร มิตฺตํ. สหาโย อตฺถชาตสฺสาติ อุปฺปนฺนกิจฺจสฺส โย ตํ กิจฺจํ วหติ นิตฺถรติ, โส กิจฺเจสุ สห อยนภาเวน สหาโย มิตฺตํ, สุราปานาทิสหายา ปน น มิตฺตา. สมฺปรายิกนฺติ สมฺปรายหิตํ. ตติยํ.

๔. วตฺถุสุตฺตวณฺณนา

๕๔. จตุตฺเถ ปุตฺตา วตฺถูติ มหลฺลกกาเล ปฏิชคฺคนฏฺเน ปุตฺตา ปติฏฺา. ปรโมติ อฺเสํ อกเถตพฺพสฺสปิ คุยฺหสฺส กเถตพฺพยุตฺตตาย ภริยา ปรโม สขา นาม. จตุตฺถํ.

๕-๗. ปมชนสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๕. ปฺจเม วิธาวตีติ ปรสมุทฺทาทิคมนวเสน อิโต จิโต จ วิธาวติ. ปฺจมํ.

๕๖. ฉฏฺเ ทุกฺขาติ วฏฺฏทุกฺขโต. ฉฏฺํ.

๕๗. สตฺตเม ปรายณนฺติ นิปฺผตฺติ อวสฺสโย. สตฺตมํ.

๘. อุปฺปถสุตฺตวณฺณนา

๕๘. อฏฺเม ราโค อุปฺปโถติ สุคติฺจ นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส อมคฺโค. รตฺตินฺทิวกฺขโยติ รตฺติทิเวหิ, รตฺติทิเวสุ วา ขียติ. อิตฺถี มลนฺติ เสสํ พาหิรมลํ ภสฺมขาราทีหิ โธวิตฺวา สกฺกา โสเธตุํ, มาตุคามมเลน ทุฏฺโ ปน น สกฺกา สุทฺโธ นาม กาตุนฺติ อิตฺถี ‘‘มล’’นฺติ วุตฺตา. เอตฺถาติ เอตฺถ อิตฺถิยํ ปชา สชฺชติ. ตโปติ อินฺทฺริยสํวรธุตงฺคคุณวีริยทุกฺกรการิกานํ นามํ, อิธ ปน เปตฺวา ทุกฺกรการิกํ สพฺพาปิ กิเลสสนฺตาปิกา ปฏิปทา วฏฺฏติ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. อฏฺมํ.

๙. ทุติยสุตฺตวณฺณนา

๕๙. นวเม กิสฺส จาภิรโตติ กิสฺมึ อภิรโต. ทุติยาติ สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส ทุติยิกา. ปฺา เจนํ ปสาสตีติ ปฺา เอตํ ปุริสํ ‘‘อิทํ กโรหิ, อิทํ มากรี’’ติ อนุสาสติ. นวมํ.

๑๐. กวิสุตฺตวณฺณนา

๖๐. ทสเม ฉนฺโท นิทานนฺติ คายตฺติอาทิโก ฉนฺโท คาถานํ นิทานํ. ปุพฺพปฏฺาปนคาถา อารภนฺโต หิ ‘‘กตรจฺฉนฺเทน โหตู’’ติ อารภติ . วิยฺชนนฺติ ชนนํ. อกฺขรํ หิ ปทํ ชเนติ, ปทํ คาถํ ชเนติ, คาถา อตฺถํ ปกาเสตีติ. นามสนฺนิสฺสิตาติ สมุทฺทาทิปณฺณตฺตินิสฺสิตา. คาถา อารภนฺโต หิ สมุทฺทํ วา ปถวึ วา ยํ กิฺจิ นามํ นิสฺสยิตฺวาว อารภติ. อาสโยติ ปติฏฺา. กวิโต หิ คาถา ปวตฺตนฺติ. โส ตาสํ ปติฏฺา โหตีติ. ทสมํ.

ชราวคฺโค ฉฏฺโ.

๗. อทฺธวคฺโค

๑. นามสุตฺตวณฺณนา

๖๑. อทฺธวคฺคสฺส ปเม นามํ สพฺพํ อทฺธภวีติ นามํ สพฺพํ อภิภวติ อนุปตติ. โอปปาติเกน วา หิ กิตฺติเมน วา นาเมน มุตฺโต สตฺโต วา สงฺขาโร วา นตฺถิ. ยสฺสปิ หิ รุกฺขสฺส วา ปาสาณสฺส วา ‘‘อิทํ นาม นาม’’นฺติ น ชานนฺติ, อนามโกตฺเวว ตสฺส นามํ โหติ. ปมํ.

๒-๓. จิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๒. ทุติเย สพฺเพว วสมนฺวคูติ เย จิตฺตสฺส วสํ คจฺฉนฺติ, เตสํเยว อนวเสสปริยาทานเมตํ. ทุติยํ.

๖๓. ตติเยปิ เอเสว นโย. ตติยํ.

๔-๕. สํโยชนสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๔. จตุตฺเถ กึ สุ สํโยชโนติ กึ สํโยชโน กึ พนฺธโน? วิจารณนฺติ วิจรณา ปาทานิ. พหุวจเน เอกวจนํ กตํ. วิตกฺกสฺส วิจารณนฺติ วิตกฺโก ตสฺส ปาทา. จตุตฺถํ.

๖๕. ปฺจเมปิ เอเสว นโย. ปฺจมํ.

๖. อตฺตหตสุตฺตวณฺณนา

๖๖. ฉฏฺเ เกนสฺสุพฺภาหโตติ เกน อพฺภาหโต. สุ-กาโร นิปาตมตฺตํ. อิจฺฉาธูปายิโตติ อิจฺฉาย อาทิตฺโต. ฉฏฺํ.

๗-๙. อุฑฺฑิตสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๗. สตฺตเม ตณฺหาย อุฑฺฑิโตติ ตณฺหาย อุลฺลงฺฆิโต. จกฺขุฺหิ ตณฺหารชฺชุนา อาวุนิตฺวา รูปนาคทนฺเต อุฑฺฑิตํ, โสตาทีนิ สทฺทาทีสูติ ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก. มจฺจุนา ปิหิโตติ อนนฺตเร อตฺตภาเว กตํ กมฺมํ น ทูรํ เอกจิตฺตนฺตรํ, พลวติยา ปน มารณนฺติกเวทนาย ปพฺพเตน วิย โอตฺถฏตฺตา สตฺตา ตํ น พุชฺฌนฺตีติ ‘‘มจฺจุนา ปิหิโต โลโก’’ติ วุตฺตํ. สตฺตมํ.

๖๘. อฏฺเม สฺเวว ปฺโห เทวตาย เหฏฺุปริยายวเสน ปุจฺฉิโต. อฏฺมํ.

๖๙. นวเม สพฺพํ อุตฺตานเมว. นวมํ.

๑๐. โลกสุตฺตวณฺณนา

๗๐. ทสเม กิสฺมึ โลโก สมุปฺปนฺโนติ กิสฺมึ อุปฺปนฺเน โลโก อุปฺปนฺโนติ ปุจฺฉติ. ฉสูติ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ อุปฺปนฺเนสุ อุปฺปนฺโนติ วุจฺจติ. ฉสุ กุพฺพตีติ เตสุเยว ฉสุ สนฺถวํ กโรติ. อุปาทายาติ ตานิเยว จ อุปาทาย อาคมฺม ปฏิจฺจ ปวตฺตติ. วิหฺตีติ เตสุเยว ฉสุ วิหฺติ ปีฬิยติ. อิติ อชฺฌตฺติกายตนวเสน อยํ ปฺโห อาคโต, อชฺฌตฺติกพาหิรานํ ปน วเสน อาหริตุํ วฏฺฏติ. ฉสุ หิ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อุปฺปนฺเนสุ อยํ อุปฺปนฺโน นาม โหติ, ฉสุ พาหิเรสุ สนฺถวํ กโรติ, ฉนฺนํ อชฺฌตฺติกานํ อุปาทาย ฉสุ พาหิเรสุ วิหฺตีติ. ทสมํ.

อทฺธวคฺโค สตฺตโม.

๘. เฉตฺวาวคฺโค

๑. เฉตฺวาสุตฺตวณฺณนา

๗๑. เฉตฺวาวคฺคสฺส ปเม เฉตฺวาติ วธิตฺวา. สุขํ เสตีติ โกธปริฬาเหน อปริทยฺหมานตฺตา สุขํ สยติ. น โสจตีติ โกธวินาเสน วินฏฺโทมนสฺสตฺตา น โสจติ. วิสมูลสฺสาติ ทุกฺขวิปากสฺส . มธุรคฺคสฺสาติ กุทฺธสฺส ปฏิกุชฺฌิตฺวา, อกฺกุฏฺสฺส ปจฺจกฺโกสิตฺวา, ปหฏสฺส จ ปฏิปหริตฺวา สุขํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สนฺธาย มธุรคฺโคติ วุตฺโต. อิมสฺมึ หิ าเน ปริโยสานํ อคฺคนฺติ วุตฺตํ. อริยาติ พุทฺธาทโย. ปมํ.

๒. รถสุตฺตวณฺณนา

๗๒. ทุติเย ปฺายติ เอเตนาติ ปฺาณํ. ธโช รถสฺสาติ มหนฺตสฺมึ หิ สงฺคามสีเส ทูรโตว ธชํ ทิสฺวา ‘‘อสุกรฺโ นาม อยํ รโถ’’ติ รโถ ปากโฏ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธโช รถสฺส ปฺาณ’’นฺติ. อคฺคิปิ ทูรโตว ธูเมน ปฺายติ. โจฬรฏฺํ ปณฺฑุรฏฺนฺติ เอวํ รฏฺมฺปิ รฺา ปฺายติ. จกฺกวตฺติรฺโ ธีตาปิ ปน อิตฺถี ‘‘อสุกสฺส นาม ภริยา’’ติ ภตฺตารํ ปตฺวาว ปฺายติ. ตสฺมา ธูโม ปฺาณมคฺคิโนติอาทิ วุตฺตํ. ทุติยํ.

๓. วิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๗๓. ตติเย สทฺธีธ วิตฺตนฺติ ยสฺมา สทฺโธ สทฺธาย มุตฺตมณิอาทีนิปิ วิตฺตานิ ลภติ, ติสฺโสปิ กุลสมฺปทา, ฉ กามสคฺคานิ, นว พฺรหฺมโลเก ปตฺวา ปริโยสาเน อมตมหานิพฺพานทสฺสนมฺปิ ลภติ, ตสฺมา มณิมุตฺตาทีหิ วิตฺเตหิ สทฺธาวิตฺตเมว เสฏฺํ. ธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปโถ. สุขมาวหตีติ สพฺพมฺปิ สาสวานาสวํ อสํกิลิฏฺสุขํ อาวหติ. สาทุตรนฺติ โลกสฺมึ โลณมฺพิลาทีนํ สพฺพรสานํ สจฺจเมว มธุรตรํ. สจฺจสฺมึ หิ ิตา สีฆเวคํ นทิมฺปิ นิวตฺเตนฺติ, วิสมฺปิ นิมฺมทฺเทนฺติ, อคฺคิมฺปิ ปฏิพาหนฺติ, เทวมฺปิ วสฺสาเปนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพรสานํ มธุรตรนฺติ วุตฺตํ. ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺนฺติ โย ปฺาชีวี คหฏฺโ สมาโน ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สลากภตฺตาทีนิ ปฏฺเปตฺวา ปฺาย ชีวติ, ปพฺพชิโต วา ปน ธมฺเมน อุปฺปนฺเน ปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถ’’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺโต กมฺมฏฺานํ อาทาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อริยผลาธิคมวเสน ปฺาย ชีวติ, ตํ ปฺาชีวึ ปุคฺคลํ เสฏฺํ ชีวิตํ ชีวตีติ อาหุ. ตติยํ.

๔. วุฏฺิสุตฺตวณฺณนา

๗๔. จตุตฺเถ พีชนฺติ อุปฺปตนฺตานํ สตฺตวิธํ ธฺพีชํ เสฏฺํ. ตสฺมิฺหิ อุคฺคเต ชนปโท เขโม โหติ สุภิกฺโข. นิปตตนฺติ นิปตนฺตานํ เมฆวุฏฺิ เสฏฺา. เมฆวุฏฺิยฺหิ สติ วิวิธานิ สสฺสานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ชนปทา ผีตา โหนฺติ เขมา สุภิกฺขา. ปวชมานานนฺติ ชงฺคมานํ ปทสา จรมานานํ คาโว เสฏฺา. ตา นิสฺสาย หิ สตฺตา ปฺจ โครเส ปริภุฺชมานา สุขํ วิหรนฺติ. ปวทตนฺติ ราชกุลมชฺฌาทีสุ วทนฺตานํ ปุตฺโต วโร. โส หิ มาตาปิตูนํ อนตฺถาวหํ น วทติ.

วิชฺชาอุปฺปตตํ เสฏฺาติ ปุริมปฺเห กิร สุตฺวา สมีเป ิตา เอกา เทวตา ‘‘เทวเต, กสฺมา ตฺวํ เอตํ ปฺหํ ทสพลํ ปุจฺฉสิ? อหํ เต กเถสฺสามี’’ติ อตฺตโน ขนฺติยา ลทฺธิยา ปฺหํ กเถสิ. อถ นํ อิตรา เทวตา อาห – ‘‘ยาว ปธํสี วเทสิ เทวเต ยาว ปคพฺภา มุขรา, อหํ พุทฺธํ ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ. ตฺวํ มยฺหํ กสฺมา กเถสี’’ติ? นิวตฺเตตฺวา ตเทว ปฺหํ ทสพลํ ปุจฺฉิ. อถสฺสา สตฺถา วิสฺสชฺเชนฺโต วิชฺชา อุปฺปตตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิชฺชาติ จตุมคฺควิชฺชา. สา หิ อุปฺปตมานา สพฺพากุสลธมฺเม สมุคฺฆาเตติ. ตสฺมา ‘‘อุปฺปตตํ เสฏฺา’’ติ วุตฺตา. อวิชฺชาติ วฏฺฏมูลกมหาอวิชฺชา. สา หิ นิปตนฺตานํ โอสีทนฺตานํ วรา. ปวชมานานนฺติ ปทสา จรมานานํ ชงฺคมานํ อโนมปุฺกฺเขตฺตภูโต สงฺโฆ วโร. ตฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา สตฺตา โสตฺถึ ปาปุณนฺติ. พุทฺโธติ ยาทิโส ปุตฺโต วา โหตุ อฺโ วา, เยสํ เกสฺจิ วทมานานํ พุทฺโธ วโร. ตสฺส หิ ธมฺมเทสนํ อาคมฺม อเนกสตสหสฺสานํ ปาณานํ พนฺธนโมกฺโข โหตีติ. จตุตฺถํ.

๕. ภีตาสุตฺตวณฺณนา

๗๕. ปฺจเม กึสูธ ภีตาติ กึ ภีตา? มคฺโค จเนกายตนปฺปวุตฺโตติ อฏฺตึสารมฺมณวเสน อเนเกหิ การเณหิ กถิโต. เอวํ สนฺเต กิสฺส ภีตา หุตฺวา อยํ ชนตา ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย อคฺคเหสีติ วทติ. ภูริปฺาติ พหุปฺ อุสฺสนฺนปฺ. ปรโลกํ น ภาเยติ อิมสฺมา โลกา ปรํ โลกํ คจฺฉนฺโต น ภาเยยฺย. ปณิธายาติ เปตฺวา. พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโตติ อนาถปิณฺฑิกาทโย วิย พหฺวนฺนปาเน ฆเร วสนฺโต. สํวิภาคีติ อจฺฉราย คหิตมฺปิ นเขน ผาเลตฺวา ปรสฺส ทตฺวาว ภุฺชนสีโล. วทฺูติ วุตฺตตฺถเมว.

อิทานิ คาถาย องฺคานิ อุทฺธริตฺวา ทสฺเสตพฺพานิ – ‘‘วาจ’’นฺติ หิ อิมินา จตฺตาริ วจีสุจริตานิ คหิตานิ, ‘‘มเนนา’’ติปเทน ตีณิ มโนสุจริตานิ, ‘‘กาเยนา’’ติ ปเทน ตีณิ กายสุจริตานิ. อิติ อิเม ทส กุสลกมฺมปถา ปุพฺพสุทฺธิองฺคํ นาม. พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโตติ อิมินา ยฺอุปกฺขโร คหิโต. สทฺโธติ เอกมงฺคํ, มุทูติ เอกํ, สํวิภาคีติ เอกํ, วทฺูติ เอกํ. อิติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานิ สนฺธาย ‘‘เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสู’’ติ อาห.

อปโรปิ ปริยาโย – วาจนฺติอาทีนิ ตีณิ องฺคานิ, พหฺวนฺนปานนฺติ อิมินา ยฺอุปกฺขโรว คหิโต, สทฺโธ มุทู สํวิภาคี วทฺูติ เอกํ องฺคํ. อปโร ทุกนโย นาม โหติ. ‘‘วาจํ มนฺจา’’ติ อิทเมกํ องฺคํ, ‘‘กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน, พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต’’ติ เอกํ, ‘‘สทฺโธ มุทู’’ติ เอกํ, ‘‘สํวิภาคี วทฺู’’ติ เอกํ. เอเตสุ จตูสุ ธมฺเมสุ ิโต ธมฺเม ิโต นาม โหติ. โส อิโต ปรโลกํ คจฺฉนฺโต น ภายติ. ปฺจมํ.

๖. นชีรติสุตฺตวณฺณนา

๗๖. ฉฏฺเ นามโคตฺตํ น ชีรตีติ อตีตพุทฺธานํ ยาวชฺชทิวสา นามโคตฺตํ กถิยติ, ตสฺมา น ชีรตีติ วุจฺจติ. โปราณา ปน ‘‘อทฺธาเน คจฺฉนฺเต น ปฺายิสฺสติ, ชีรณสภาโว ปน น โหติเยวา’’ติ วทนฺติ. อาลสฺยนฺติ อาลสิยํ, เยน ิตฏฺาเน ิโตว, นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว โหติ, เตเลปิ อุตฺตรนฺเต ิตึ น กโรติ. ปมาโทติ นิทฺทาย วา กิเลสวเสน วา ปมาโท. อนุฏฺานนฺติ กมฺมสมเย กมฺมกรณวีริยาภาโว. อสํยโมติ สีลสฺมาภาโว วิสฺสฏฺาจารตา. นิทฺทาติ โสปฺปพหุลตา. ตาย คจฺฉนฺโตปิ ิโตปิ นิสินฺโนปิ นิทฺทายติ, ปเคว นิปนฺโน. ตนฺทีติ อติจฺฉาตาทิวเสน อาคนฺตุกาลสิยํ. เต ฉิทฺเทติ ตานิ ฉ ฉิทฺทานิ วิวรานิ. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน. นฺติ นิปาตมตฺตํ. วิวชฺชเยติ วชฺเชยฺย ชเหยฺย. ฉฏฺํ.

๗. อิสฺสริยสุตฺตวณฺณนา

๗๗. สตฺตเม สตฺถมลนฺติ มลคฺคหิตสตฺถํ. กึ สุ หรนฺตํ วาเรนฺตีติ กํ หรนฺตํ นิเสเธนฺติ. วโสติ อาณาปวตฺตนํ. อิตฺถีติ อวิสฺสชฺชนียภณฺฑตฺตา ‘‘อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตมํ, วรภณฺฑ’’นฺติ อาห. อถ วา สพฺเพปิ โพธิสตฺตา จ จกฺกวตฺติโน จ มาตุกุจฺฉิยํเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ‘‘อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตม’’นฺติ อาห. โกโธ สตฺถมลนฺติ โกโธ มลคฺคหิตสตฺถสทิโส, ปฺาสตฺถสฺส วา มลนฺติ สตฺถมลํ. อพฺพุทนฺติ วินาสการณํ, โจรา โลกสฺมึ วินาสกาติ อตฺโถ. หรนฺโตติ สลากภตฺตาทีนิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต. สลากภตฺตาทีนิ หิ ปฏฺปิตกาเลเยว มนุสฺเสหิ ปริจฺจตฺตานิ. เตสํ ตานิ หรนฺโต สมโณ ปิโย โหติ, อนาหรนฺเต ปุฺหานึ นิสฺสาย วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ. สตฺตมํ.

๘. กามสุตฺตวณฺณนา

๗๘. อฏฺเม อตฺตานํ น ทเทติ ปรสฺส ทาสํ กตฺวา อตฺตานํ น ทเทยฺย เปตฺวา สพฺพโพธิสตฺเตติ วุตฺตํ. น ปริจฺจเชติ สีหพฺยคฺฆาทีนํ น ปริจฺจเชยฺย สพฺพโพธิสตฺเต เปตฺวาเยวาติ วุตฺตํ. กลฺยาณนฺติ สณฺหํ มุทุกํ. ปาปิกนฺติ ผรุสํ วาจํ. อฏฺมํ.

๙. ปาเถยฺยสุตฺตวณฺณนา

๗๙. นวเม สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺยนฺติ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, เตเนตํ วุตฺตํ. สิรีติ อิสฺสริยํ. อาสโยติ วสนฏฺานํ. อิสฺสริเย หิ อภิมุขีภูเต ถลโตปิ ชลโตปิ โภคา อาคจฺฉนฺติเยว. เตเนตํ วุตฺตํ. ปริกสฺสตีติ ปริกฑฺฒติ. นวมํ.

๑๐. ปชฺโชตสุตฺตวณฺณนา

๘๐. ทสเม ปชฺโชโตติ ปทีโป วิย โหติ. ชาคโรติ ชาครพฺราหฺมโณ วิย โหติ. คาโว กมฺเม สชีวานนฺติ กมฺเมน สห ชีวนฺตานํ คาโวว กมฺเม กมฺมสหายา กมฺมทุติยกา นาม โหนฺติ. โคมณฺฑเลหิ สทฺธึ กสิกมฺมาทีนิ นิปฺผชฺชนฺติ. สีตสฺส อิริยาปโถติ สีตํ อสฺส สตฺตกายสฺส อิริยาปโถ ชีวิตวุตฺติ. สีตนฺติ นงฺคลํ. ยสฺส หิ นงฺคเลหิ เขตฺตํ อปฺปมตฺตกมฺปิ กฏฺํ น โหติ, โส กถํ ชีวิสฺสตีติ วทติ. ทสมํ.

๑๑. อรณสุตฺตวณฺณนา

๘๑. เอกาทสเม อรณาติ นิกฺกิเลสา. วุสิตนฺติ วุสิตวาโส. โภชิสฺสิยนฺติ อทาสภาโว. สมณาติ ขีณาสวสมณา. เต หิ เอกนฺเตน อรณา นาม. วุสิตํ น นสฺสตีติ เตสํ อริยมคฺควาโส น นสฺสติ. ปริชานนฺตีติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกโต ปฏฺาย เสขา โลกิยโลกุตฺตราย ปริฺาย ปริชานนฺติ. โภชิสฺสิยนฺติ ขีณาสวสมณานํเยว นิจฺจํ ภุชิสฺสภาโว นาม. วนฺทนฺตีติ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย วนฺทนฺติ. ปติฏฺิตนฺติ สีเล ปติฏฺิตํ . สมณีธาติ สมณํ อิธ. ชาติหีนนฺติ อปิ จณฺฑาลกุลา ปพฺพชิตํ. ขตฺติยาติ น เกวลํ ขตฺติยาว, เทวาปิ สีลสมฺปนฺนํ สมณํ วนฺทนฺติเยวาติ. เอกาทสมํ.

เฉตฺวาวคฺโค อฏฺโม.

อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา

สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย

เทวตาสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.