📜

๑๐. ยกฺขสํยุตฺตํ

๑. อินฺทกสุตฺตวณฺณนา

๒๓๕. ยกฺขสํยุตฺตสฺส ปเม อินฺทกสฺสาติ อินฺทกูฏนิวาสิโน ยกฺขสฺส. ยกฺขโต หิ กูเฏน, กูฏโต จ ยกฺเขน นามํ ลทฺธํ. รูปํ น ชีวนฺติ วทนฺตีติ ยทิ พุทฺธา รูปํ ชีวนฺติ น วทนฺติ, ยทิ รูปํ สตฺโต ปุคฺคโลติ เอวํ น วทนฺตีติ อตฺโถ. กถํ นฺวยนฺติ กถํ นุ อยํ? กุตสฺส อฏฺียกปิณฺฑเมตีติ อสฺส สตฺตสฺส อฏฺิยกปิณฺฑฺจ กุโต อาคจฺฉติ? เอตฺถ จ อฏฺิคฺคหเณน ตีณิ อฏฺิสตานิ, ยกปิณฺฑคฺคหเณน นว มํสเปสิสตานิ คหิตานิ. ยทิ รูปํ น ชีโว, อถสฺส อิมานิ จ อฏฺีนิ อิมา จ มํสเปสิโย กุโต อาคจฺฉนฺตีติ ปุจฺฉติ. กถํ นฺวยํ สชฺชติ คพฺภรสฺมินฺติ เกน นุ การเณน อยํ สตฺโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ สชฺชติ ลคฺคติ, ติฏฺตีติ? ปุคฺคลวาที กิเรส ยกฺโข, ‘‘เอกปฺปหาเรเนว สตฺโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตตี’’ติ คเหตฺวา คพฺภเสยฺยกสตฺตสฺส มาตา มจฺฉมํสาทีนิ ขาทติ, สพฺพานิ เอกรตฺติวาเสน ปจิตฺวา เผณํ วิย วิลียนฺติ. ยทิ รูปํ สตฺโต น ภเวยฺย, เอวเมว วิลีเยยฺยาติ ลทฺธิยา เอวมาห. อถสฺส ภควา – ‘‘น มาตุกุจฺฉิสฺมึ เอกปฺปหาเรเนว นิพฺพตฺตติ, อนุปุพฺเพน ปน วฑฺฒตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปมํ กลลํ โหตีติอาทิมาห. ตตฺถ ปมนฺติ ปเมน ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สทฺธึ ติสฺโสติ วา ผุสฺโสติ วา นามํ นตฺถิ, อถ โข ตีหิ ชาติอุณฺณํสูหิ กตสุตฺตคฺเค สณฺิตเตลพินฺทุปฺปมาณํ กลลํ โหติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ, สปฺปิมณฺโฑ อนาวิโล;

เอวํ วณฺณปฺปฏิภาคํ, กลลํ สมฺปวุจฺจตี’’ติ.

กลลาโหติ อพฺพุทนฺติ ตสฺมา กลลา สตฺตาหจฺจเยน มํสโธวนอุทกวณฺณํ อพฺพุทํ นาม โหติ, กลลนฺติ นามํ อนฺตรธายติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สตฺตาหํ กลลํ โหติ, ปริปกฺกํ สมูหตํ;

วิวฏฺฏมานํ ตพฺภาวํ, อพฺพุทํ นาม ชายตี’’ติ.

อพฺพุทาชายเต เปสีติ ตสฺมาปิ อพฺพุทา สตฺตาหจฺจเยน วิลีนติปุสทิสา เปสิ นาม สฺชายติ. สา มริจผาณิเตน ทีเปตพฺพา. คามทาริกา หิ สุปกฺกานิ มริจานิ คเหตฺวา สาฏกนฺเต ภณฺฑิกํ กตฺวา ปีเฬตฺวา มณฺฑํ อาทาย กปาเล ปกฺขิปิตฺวา อาตเป เปนฺติ, ตํ สุกฺขมานํ สพฺพภาเคหิ มุจฺจติ. เอวรูปา เปสิ โหติ, อพฺพุทนฺติ นามํ อนฺตรธายติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สตฺตาหํ อพฺพุทํ โหติ, ปริปกฺกํ สมูหตํ;

วิวฏฺฏมานํ ตพฺภาวํ, เปสิ นาม ปชายตี’’ติ.

เปสิ นิพฺพตฺตตี ฆโนติ ตโต เปสิโต สตฺตาหจฺจเยน กุกฺกุฏณฺฑสณฺาโน ฆโน นาม มํสปิณฺโฑ นิพฺพตฺตติ, เปสีติ นามํ อนฺตรธายติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สตฺตาหํ เปสิ ภวติ, ปริปกฺกํ สมูหตํ;

วิวฏฺฏมานํ ตพฺภาวํ, ฆโนติ นาม ชายติ.

‘‘ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ, สมนฺตา ปริมณฺฑลํ;

เอวํ ฆนสฺส สณฺานํ, นิพฺพตฺตํ กมฺมปจฺจยา’’ติ.

ฆนา ปสาขา ชายนฺตีติ ปฺจเม สตฺตาเห ทฺวินฺนํ หตฺถปาทานํ สีสสฺส จตฺถาย ปฺจ ปีฬกา ชายนฺติ, ยํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปฺจเม, ภิกฺขเว, สตฺตาเห ปฺจ ปีฬกา สณฺหนฺติ กมฺมโต’’ติ.

อิโต ปรํ ฉฏฺสตฺตมาทีนิ สตฺตาหานิ อติกฺกมฺม เทสนํ สงฺขิปิตฺวา ทฺวาจตฺตาลีเส สตฺตาเห ปริณตกาลํ คเหตฺวา ทสฺเสนฺโต เกสาติอาทิมาห. ตตฺถ เกสา โลมา นขาปิ จาติ ทฺวาจตฺตาลีเส สตฺตาเห เอตานิ ชายนฺติ.

เตน โส ตตฺถ ยาเปตีติ ตสฺส หิ นาภิโต อุฏฺิโต นาโฬ มาตุ อุทรปฏเลน เอกาพทฺโธ โหติ, โส อุปฺปลทณฺฑโก วิย ฉิทฺโท, เตน อาหารรโส สํสริตฺวา อาหารสมุฏฺานรูปํ สมุฏฺาเปติ. เอวํ โส ทส มาเส ยาเปติ. มาตุกุจฺฉิคโต นโรติ มาตุยา ติโรกุจฺฉิคโต, กุจฺฉิยา อพฺภนฺตรคโตติ อตฺโถ. อิติ ภควา ‘‘เอวํ โข, ยกฺข, อยํ สตฺโต อนุปุพฺเพน มาตุกุจฺฉิยํ วฑฺฒติ, น เอกปฺปหาเรเนว นิพฺพตฺตตี’’ติ ทสฺเสติ. ปมํ.

๒. สกฺกนามสุตฺตวณฺณนา

๒๓๖. ทุติเย สกฺกนามโกติ เอวํ นามโก เอโก ยกฺโข, โส กิร มารปกฺขิกยกฺโข. วิปฺปมุตฺตสฺสาติ ตีหิ ภเวหิ วิปฺปมุตฺตสฺส. ยทฺนฺติ ยํ อฺํ. วณฺเณนาติ การเณน. สํวาโสติ เอกโต วาโส, สกฺขิธมฺโม มิตฺตธมฺโมติ อตฺโถ. สปฺปฺโติ สุปฺโ สมฺพุทฺโธ. ทุติยํ.

๓. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา

๒๓๗. ตติเย คยายนฺติ คยาคาเม, คยาย อวิทูเร นิวิฏฺคามํ อุปนิสฺสายาติ อตฺโถ. ฏงฺกิตมฺเจติ ทีฆมฺเจ ปาทมชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ปเวเสตฺวา กตมฺเจ. ตสฺส ‘‘อิทํ อุปริ, อิทํ เหฏฺา’’ติ นตฺถิ, ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ เทวฏฺาเน เปนฺติ. จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตเคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ. สูจิโลมสฺสาติ กถินสูจิสทิสโลมสฺส. โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทูรฏฺานโต อาคโต เสทมลคฺคหิเตน คตฺเตน สุปฺตฺตํ สงฺฆิกมฺจํ อนาทเรน อปจฺจตฺถริตฺวา นิปชฺชิ, ตสฺส ปริสุทฺธสีลสฺส ตํ กมฺมํ สุทฺธวตฺเถ กาฬกํ วิย อโหสิ. โส ตสฺมึ อตฺตภาเว วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํกตฺวา คยาคามทฺวาเร สงฺการฏฺาเน ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตมตฺตสฺเสว จสฺส สกลสรีรํ กถินสูจีหิ ควิจฺฉิวิชฺฌิตํ วิย ชาตํ.

อเถกทิวสํ ภควา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ยกฺขํ ปมาวชฺชนสฺเสว อาปาถํ อาคตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ มหาทุกฺขํ อนุภวิ. กึ นุ ขฺวาสฺส มํ อาคมฺม โสตฺถิการณํ ภเวยฺยา’’ติ? อาวชฺเชนฺโต ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. อถสฺส สงฺคหํ กาตุกาโม สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา สุคตมหาจีวรํ ปารุปิตฺวา เทววิมานกปฺปํ คนฺธกุฏึ ปหาย หตฺถิควาสฺสมนุสฺสกุกฺกุราทิกุณปทุคฺคนฺธํ สงฺการฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ มหาคนฺธกุฏิยํ วิย นิสีทิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.

ขโรติ สุํสุมารปิฏฺิ วิย ฉทนิฏฺกาหิ วิสมจฺฉทนปิฏฺิ วิย จ ขรสรีโร. โส กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล สีลสมฺปนฺโน อุปาสโก เอกทิวเส วิหาเร จิตฺตตฺถรณาทีหิ อตฺถตาย ภูมิยา สงฺฆิเก อตฺถรเณ อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ อปจฺจตฺถริตฺวา นิปชฺชิ. สงฺฆิกํ เตลํ อภาเชตฺวา อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ อปจฺจตฺถริตฺวา นิปชฺชิ. สงฺฆิกํ เตลํ อภาเชตฺวา อตฺตโน หตฺเถหิ สรีรํ มกฺเขสีติปิ วทนฺติ. โส เตน กมฺเมน สคฺเค นิพฺพตฺติตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺเสว คามสฺส ทฺวาเร สงฺการฏฺาเน ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตมตฺตสฺส จสฺส สกลสรีรํ วุตฺตปฺปการํ อโหสิ. เต อุโภปิ สหายา ชาตา. อิติ ขรสฺส ขรภาโว เวทิตพฺโพ.

อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ โคจรํ ปริเยสนฺตา สมาคมฏฺานํ วา คจฺฉนฺตา อาสนฺเน าเน คจฺฉนฺติ. เตสุ สูจิโลโม สตฺถารํ น ปสฺสติ, ขรโลโม ปมตรํ ทิสฺวา สูจิโลมํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส สมโณ’’ติ, สมฺม, เอส ตว ภวนํ ปวิสิตฺวา นิสินฺโน เอโก สมโณติ. เนโส สมโณ, สมณโก เอโสติ โส กิร โย มํ ปสฺสิตฺวา ภีโต ปลายติ, ตํ สมณโกติ วทติ. โย น ภายติ, ตํ สมโณติ. ตสฺมา ‘‘อยํ มํ ทิสฺวา ภีโต ปลายิสฺสตี’’ติ มฺมาโน เอวมาห.

กายํ อุปนาเมสีติ เภรวรูปํ นิมฺมินิตฺวา มหามุขํ วิวริตฺวา สกลสรีเร โลมานิ อุฏฺาเปตฺวา กายํ อุปนาเมสิ. อปนาเมสีติ รตนสติกํ สุวณฺณคฺฆนิกํ วิย โถกํ อปนาเมสิ. ปาปโกติ ลามโก อมนุฺโ. โส คูถํ วิย อคฺคิ วิย กณฺหสปฺโป วิย จ ปริวชฺเชตพฺโพ, น อิมินา สุวณฺณวณฺเณน สรีเรน สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ. เอวํ วุตฺเต ปน สูจิโลโม ‘‘ปาปโก กิร เม สมฺผสฺโส’’ติ กุทฺโธ ปฺหํ ตํ, สมณาติอาทิมาห. จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามีติ เยสฺหิ อมนุสฺสา จิตฺตํ ขิปิตุกามา โหนฺติ, เตสํ เสตมุขํ นีโลทรํ สุรตฺตหตฺถปาทํ มหาสีสํ ปชฺชลิตเนตฺตํ เภรวํ วา อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา ทสฺเสนฺติ, เภรวํ วา สทฺทํ สาเวนฺติ, กเถนฺตานํเยว วา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา หทยํ มทฺทนฺติ, เตน เต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ ขิตฺตจิตฺตา. ตํ สนฺธาเยวมาห. ปารคงฺคายาติ ทฺวีสุ ปาเทสุ คเหตฺวา ตํ อาวิฺเฉตฺวา ยถา น ปุนาคจฺฉสิ, เอวํ ปารํ วา คงฺคาย ขิปิสฺสามีติ วทติ. สเทวเกติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. ปุจฺฉ ยทากงฺขสีติ ยํกิฺจิ อากงฺขสิ, ตํ สพฺพํ ปุจฺฉ, อเสสํ เต พฺยากริสฺสามีติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรติ.

กุโตนิทานาติ กึนิทานา, กึปจฺจยาติ อตฺโถ? กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตีติ ยถา กุมารกา กากํ คเหตฺวา โอสฺสชนฺติ ขิปนฺติ, เอวํ ปาปวิตกฺกา กุโต สมุฏฺาย จิตฺตํ โอสฺสชนฺตีติ ปุจฺฉติ?

อิโตนิทานาติ อยํ อตฺตภาโว นิทานํ เอเตสนฺติ อิโต นิทานา. อิโตชาติ อิโต อตฺตภาวโต ชาตา. อิโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกาติ ยถา ทีฆสุตฺตเกน ปาเท พทฺธํ กากํ กุมารกา ตสฺส สุตฺตปริยนฺตํ องฺคุลิยํ เวเตฺวา โอสฺสชนฺติ, โส ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปุน เตสํ ปาทมูเลเยว ปตติ, เอวเมว อิโต อตฺตภาวโต สมุฏฺาย ปาปวิตกฺกา จิตฺตํ โอสฺสชนฺติ.

สฺเนหชาติ ตณฺหาสิเนหโต ชาตา. อตฺตสมฺภูตาติ อตฺตนิ สมฺภูตา. นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชาติ นิคฺโรธขนฺเธ ชาตา ปาโรหา วิย. ปุถูติ พหู อเนกปฺปการา ปาปวิตกฺกา ตํสมฺปยุตฺตกิเลสา จ. วิสตฺตาติ ลคฺคา ลคฺคิตา. กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ. มาลุวาว วิตตา วเนติ ยถา วเน มาลุวา ลตา ยํ รุกฺขํ นิสฺสาย ชายติ, ตํ มูลโต ยาว อคฺคา, อคฺคโต ยาว มูลา ปุนปฺปุนํ สํสิพฺพิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวา โอตตวิตตา ติฏฺติ. เอวํ วตฺถุกาเมสุ ปุถู กิเลสกามา วิสตฺตา, ปุถู วา สตฺตา เตหิ กิเลสกาเมหิ วตฺถุกาเมสุ วิสตฺตา. เย นํ ปชานนฺตีติ เย ‘‘อตฺตสมฺภูตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อตฺตภาวํ ชานนฺติ.

ยโตนิทานนฺติ ยํ นิทานมสฺส อตฺตภาวสฺส ตฺจ ชานนฺติ. เต นํ วิโนเทนฺตีติ เต เอวํ อตฺตภาวสงฺขาตสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส นิทานภูตํ สมุทยสจฺจํ มคฺคสจฺเจน วิโนเทนฺติ. เต ทุตฺตรนฺติ เต สมุทยสจฺจํ นีหรนฺตา อิทํ ทุตฺตรํ กิเลโสฆํ ตรนฺติ. อติณฺณปุพฺพนฺติ อนมตคฺเค สํสาเร สุปินนฺเตปิ น ติณฺณปุพฺพํ. อปุนพฺภวายาติ อปุนพฺภวสงฺขาตสฺส นิโรธสจฺจสฺสตฺถาย. อิติ อิมาย คาถาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺเปสิ. เทสนาวสาเน สูจิโลโม ตสฺมึเยว ปเทเส ิโต เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. โสตาปนฺนา จ นาม น กิลิฏฺตฺตภาเว ติฏฺนฺตีติ สห ผลปฏิลาเภนสฺส สรีเร เสตกณฺฑุปีฬกสูจิโย สพฺพา ปติตา. โส ทิพฺพวตฺถนิวตฺโถ ทิพฺพวรทุกูลุตฺตราสงฺโค ทิพฺพเวนเวิโต ทิพฺพาภรณคนฺธมาลธโร สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา ภุมฺมเทวตาปริหารํ ปฏิลภีติ. ตติยํ.

๔. มณิภทฺทสุตฺตวณฺณนา

๒๓๘. จตุตฺเถ สุขเมธตีติ, สุขํ ปฏิลภติ. สุเว เสยฺโยติ สุเว สุเว เสยฺโย, นิจฺจเมว เสยฺโยติ อตฺโถ. เวรา น ปริมุจฺจตีติ อหํ สติมาติ เอตฺตเกน เวรโต น มุจฺจติ. ยสฺสาติ ยสฺส อรหโต. อหึสายาติ กรุณาย เจว กรุณาปุพฺพภาเค จ. เมตฺตํโสติ โส เมตฺตฺเจว เมตฺตาปุพฺพภาคฺจ ภาเวติ. อถ วา อํโสติ โกฏฺาโส วุจฺจติ. เมตฺตา อํโส เอตสฺสาติ เมตฺตํโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺส อรหโต สพฺพกาลํ อหึสาย รโต มโน, ยสฺส จ สพฺพภูเตสุ เมตฺตาโกฏฺาโส อตฺถิ, ตสฺส เกนจิ ปุคฺคเลน สทฺธึ เวรํ นาม นตฺถิ ยกฺขาติ. จตุตฺถํ.

๕. สานุสุตฺตวณฺณนา

๒๓๙. ปฺจเม ยกฺเขน คหิโต โหตีติ โส กิร ตสฺสา อุปาสิกาย เอกปุตฺตโก. อถ นํ สา ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สีลวา อโหสิ วตฺตสมฺปนฺโน, อาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกาทีนํ วตฺตํ กตเมว โหติ, มาสสฺส อฏฺมีทิวเส ปาโต วุฏฺาย อุทกมาฬเก อุทกํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺคํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ. ภิกฺขู ตสฺส ถามํ ตฺวา ‘‘สรภาณํ ภณ, สามเณรา’’ติ อชฺเฌสนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ หทยวาโต รุชติ, กาโส วา พาธตี’’ติ กิฺจิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ อภิรุหิตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สรภาณํ วตฺวา โอตรนฺโต – ‘‘มยฺหํ มาตาปิตูนมฺปิ อิมสฺมึ สรภฺเ ปตฺตี’’ติ วทติ. ตสฺส มนุสฺสา มาตาปิตโร ปตฺติยา ทินฺนภาวํ น ชานนฺติ. อนนฺตรตฺตภาเว ปนสฺส มาตา ยกฺขินี ชาตา. สา เทวตาหิ สทฺธึ อาคตา , ธมฺมํ สุตฺวา – ‘‘สามเณเรน ทินฺนปตฺตึ อนุโมทามิ, ตาตา’’ติ วทติ. สีลสมฺปนฺนา จ นาม ภิกฺขู สเทวกสฺส โลกสฺส ปิยา โหนฺตีติ ตสฺมึ สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มฺนฺติ. สามเณเร คารเวน ตํ ยกฺขินึ ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ. ธมฺมสฺสวนยกฺขสมาคมาทีสุ ‘‘สานุมาตา สานุมาตา’’ติ ยกฺขินิยา อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ เทนฺติ. มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมนฺติ, อาสนา วุฏฺหนฺติ.

อถ โข สามเณโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปริปกฺกินฺทฺริโย อนภิรติปีฬิโต อนภิรตึ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ปรูฬฺหเกสนโข กิลิฏฺนิวาสนปารุปโน กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เอกโกว มาตุ ฆรํ คโต. อุปาสิกา ปุตฺตํ ทิสฺวา, วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุพฺเพ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วา ทหรสามเณเรหิ วา สทฺธึ อิธาคจฺฉสิ. กสฺมา เอกโกว อชฺช อาคโต’’ติ? โส อุกฺกณฺิตภาวํ อาโรเจสิ. สทฺธา อุปาสิกา นานปฺปกาเรน ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปุตฺตํ โอวทมานาปิ ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘อปฺเปว นาม อตฺตโน ธมฺมตายปิ สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ อนุโยเชตฺวาว – ‘‘ติฏฺ, ตาต, ยาว เต ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทมิ, ยาคุํ ปิวิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เต มนาปานิ วตฺถานิ นีหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ สามเณโร. อุปาสิกา มุหุตฺเตเนว ยาคุขชฺชกํ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. ตโต ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวติ. ตสฺมึ สมเย สา ยกฺขินี ‘‘กหํ นุ โข สามเณโร? กิฺจิ ภิกฺขาหารํ ลภติ , อุทาหุ โน’’ติ? อาวชฺชมานา ตสฺส วิพฺภมิตุกามตาย นิสินฺนภาวํ ตฺวา, ‘‘มา เหว โข เม เทวตานํ อนฺตเร ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย, คจฺฉามิสฺส วิพฺภมเน อนฺตรายํ กโรมี’’ติ อาคนฺตฺวา สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ภูมิยํ ปาเตสิ. โส อกฺขีหิ วิปริวตฺเตหิ เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน ภูมิยํ วิปฺผนฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยกฺเขน คหิโต โหตี’’ติ.

อภาสีติ อุปาสิกา ปุตฺตสฺส ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปุตฺตํ อาลิงฺเคตฺวา อูรูสุ นิปชฺชาเปสิ. สกลคามวาสิโน อาคนฺตฺวา พลิกมฺมาทีนิ กโรนฺติ. อุปาสิกา ปริเทวมานา อิมา คาถาโย อภาสิ.

ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ มนุสฺสา ‘‘อฏฺมีอุโปสถสฺส ปจฺจุคฺคมนฺจ อนุคฺคมนฺจ กริสฺสามา’’ติ สตฺตมิยาปิ นวมิยาปิ อุโปสถงฺคานิ สมาทิยนฺติ, จาตุทฺทสีปนฺนรสีนํ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนํ กโรนฺตา เตรสิยาปิ ปาฏิปเทปิ สมาทิยนฺติ, ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนุคฺคมนํ กริสฺสามา’’ติ ทฺวินฺนํ ปวารณานํ อนฺตเร อฑฺฒมาสํ นิพทฺธุโปสถิกา ภวนฺติ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาฏิหาริยปกฺขฺจา’’ติ. อฏฺงฺคสุสมาคตนฺติ อฏฺงฺเคหิ สุฏฺุ สมาคตํ, สมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ เสฏฺจริยํ. น เต หิ ยกฺขา กีฬนฺตีติ น เต คเหตฺวา ยกฺขา กิลเมนฺติ.

ปุน จาตุทฺทสินฺติ อิมาย คาถาย สามเณรสฺส กาเย อธิมุตฺตา ยกฺขินี อาห. อาวิ วา ยทิ วา รโหติ กสฺสจิ สมฺมุเข วา ปรมฺมุเข วา. ปมุตฺยตฺถีติ ปมุตฺติ อตฺถิ. อุปฺปจฺจาปีติ อุปฺปติตฺวาปิ. สเจปิ สกุโณ วิย อุปฺปติตฺวา ปลายสิ, ตถาปิ เต โมกฺโข นตฺถีติ วทติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สามเณรํ มุฺจิ. สามเณโร อกฺขีนิ อุมฺมีเลสิ, มาตา เกเส ปกิริย อสฺสสนฺตี ปสฺสสนฺตี โรทติ. โส ‘‘อมนุสฺเสน คหิโตมฺหี’’ติ น ชานาติ. โอโลเกนฺโต ปน ‘‘อหํ ปุพฺเพ ปีเ นิสินฺโน. มาตา เม อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตณฺฑุเล โธวติ. อิทานิ ปนมฺหิ ภูมิยํ นิสินฺโน, มาตาปิ เม อสฺสสนฺตี ปสฺสสนฺตี โรทติ, สกลคามวาสิโนปิ สนฺนิปติตา. กึ นุ โข เอต’’นฺติ? นิปนฺนโกว มตํ วา อมฺมาติ คาถมาห.

กาเมจชิตฺวานาติ ทุวิเธปิ กาเม ปหาย. ปุนราคจฺฉเตติ วิพฺภมนวเสน อาคจฺฉติ. ปุน ชีวํ มโต หิ โสติ อุปฺปพฺพชิตฺวา ปุน ชีวนฺโตปิ โส มตโกว, ตสฺมา ตมฺปิ โรทนฺตีติ วทติ.

อิทานิสฺส ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี กุกฺกุฬาติอาทิมาห. ตตฺถ กุกฺกุฬาติ ฆราวาโส กิร อุณฺหฏฺเน กุกฺกุฬา นาม โหติ. กสฺส อุชฺฌาปยามเสติ – ‘‘อภิธาวถ, ภทฺทํ เต โหตู’’ติ เอวํ วตฺวา – ‘‘ยํ ตฺวํ วิพฺภมิตุกาโม ยกฺเขน ปาปิโต, อิมํ วิปฺปการํ กสฺส มยํ อุชฺฌาปยาม นิชฺฌาปยาม อาโรจยามา’’ติ วทติ. ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสีติอาทิตฺตฆรโต นีหฏภณฺฑํ วิย ฆรา นีหริตฺวา พุทฺธสาสเน ปพฺพชิโต ปุน มหาฑาหสทิเส ฆราวาเส ฑยฺหิตุํ อิจฺฉสีติ อตฺโถ. โส มาตริ กเถนฺติยา กเถนฺติยา สลฺลกฺเขตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คิหิภาเวน อตฺโถ’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตุฏฺา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา, ‘‘กติ วสฺโสสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ปริปุณฺณวสฺโสมฺหิ อุปาสิเกติ. ‘‘เตน หิ, ตาต, อุปสมฺปทํ กโรหี’’ติ จีวรสาฏเก อทาสิ. โส ติจีวรํ การาเปตฺวา อุปสมฺปนฺโน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต เตปิฏโก หุตฺวา สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน ตํ ตํ ปูเรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาธมฺมกถิโก หุตฺวา วีสวสฺสสตํ ตฺวา สกลชมฺพุทีปํ โขเภตฺวา ปรินิพฺพายิ. ปฺจมํ.

๖. ปิยงฺกรสุตฺตวณฺณนา

๒๔๐. ฉฏฺเ เชตวเนติ เชตวนสฺส ปจฺจนฺเต โกสมฺพกกุฏิ นาม อตฺถิ, ตตฺถ วิหรติ. ธมฺมปทานีติ อิธ ปาฏิเยกฺกํ สงฺคหํ อารุฬฺหา ฉพฺพีสติวคฺคา ตนฺติ อธิปฺเปตา . ตตฺร เถโร ตสฺมึ สมเย อนฺโตวิหาเร นิสินฺโน มธุรสฺสเรน สรภฺํ กตฺวา อปฺปมาทวคฺคํ ภาสติ. เอวํ โตเสสีติ สา กิร ปุตฺตํ ปิยงฺกรํ องฺเกนาทาย เชตวนสฺส ปจฺฉิมภาคโต ปฏฺาย โคจรํ ปริเยสนฺตี อนุปุพฺเพน นคราภิมุขี หุตฺวา อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกทุพฺโภชนานิ ปริเยสมานา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปตฺวา มธุรสฺสรํ อสฺโสสิ. ตสฺสา โส สทฺโท ฉวิอาทีนิ เฉตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ หทยงฺคมนีโย หุตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺสา โคจรปริเยสเน จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชิ, โอหิตโสตา ธมฺมเมว สุณนฺตี ิตา. ยกฺขทารกสฺส ปน ทหรตาย ธมฺมสฺสวเน จิตฺตํ นตฺถิ. โส ชิฆจฺฉาย ปีฬิตตฺตา, ‘‘กสฺมา อมฺมา คตคตฏฺาเน ขาณุโก วิย ติฏฺสิ? น มยฺหํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ปริเยสสี’’ติ ปุนปฺปุนํ มาตรํ โจเทติ. สา ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส เม อนฺตรายํ กโรตี’’ติ ปุตฺตกํ ‘‘มา สทฺทํ กริ, ปิยงฺกรา’’ติ เอวํ โตเสสิ. ตตฺถ มา สทฺทํ กรีติ สทฺทํ มา กริ.

ปาเณสุ จาติ คาถาย สา อตฺตโน ธมฺมตาย สมาทิณฺณํ ปฺจสีลํ ทสฺเสติ. ตตฺถ สํยมามเสติ สํยมาม สํยตา โหม. อิมินา ปาณาติปาตา วิรติ คหิตา, ทุติยปเทน มุสาวาทา วิรติ, ตติยปเทน เสสา ติสฺโส วิรติโย. อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยาติ อปิ นาม ยกฺขโลเก อุปฺปนฺนานิ ปฺจ เวรานิ ปหาย, โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา อิมาย ฉาตกทุพฺภิกฺขาย ปิสาจยกฺขโยนิยา มุจฺเจม, ตาตาติ วทติ. ฉฏฺํ.

๗. ปุนพฺพสุสุตฺตวณฺณนา

๒๔๑. สตฺตเม เตน โข ปน สมเยนาติ กตรสมเยน? สูริยสฺส อตฺถงฺคมนสมเยน. ตทา กิร ภควา ปจฺฉาภตฺเต มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ อุยฺโยเชตฺวา นฺหานโกฏฺเก นฺหตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน ปุรตฺถิมโลกธาตุํ โอโลกยมาโน นิสีทิ. อเถกจาริกทฺวิจาริกาทโย ปํสุกูลิกปิณฺฑปาติกภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเนหิ นิกฺขมิตฺวา อาคมฺม ทสพลํ วนฺทิตฺวา รตฺตสาณิยา ปริกฺขิปมานา วิย นิสีทึสุ. อถ เนสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา สตฺถา นิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กเถสิ.

เอวํ โตเสสีติ สา กิร ธีตรํ องฺเกนาทาย ปุตฺตํ องฺคุลิยา คเหตฺวา เชตวนปิฏฺิยํ ปาการปริกฺเขปสมีเป อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกํ ปริเยสมานา อนุปุพฺเพน เชตวนทฺวารโกฏฺกํ สมฺปตฺตา. ภควโต จ, ‘‘อานนฺท, ปตฺตํ อาหร, จีวรํ อาหร, วิฆาสาทานํ ทานํ เทหี’’ติ กเถนฺตสฺส สทฺโท สมนฺตา ทฺวาทสหตฺถมตฺตเมว คณฺหาติ. ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สเจปิ จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ปริสา นิสีทติ, ยถา ปริสํ คจฺฉติ, พหิปริสาย เอกงฺคุลิมตฺตมฺปิ น นิคฺคจฺฉติ, ‘‘มา อการณา มธุรสทฺโท นสฺสี’’ติ. ตตฺรายํ ยกฺขินี พหิปริสาย ิตา สทฺทํ น สุณาติ, ทฺวารโกฏฺเก ิตาย ปนสฺสา มหติยา พุทฺธวีถิยา อภิมุเข ิตา คนฺธกุฏิ ปฺายิ. สา นิวาเต ทีปสิขา วิย พุทฺธคารเวน หตฺถกุกฺกุจฺจาทิรหิตํ นิจฺจลํ ปริสํ ทิสฺวา – ‘‘นูน เมตฺถ กิฺจิ ภาชนียภณฺฑํ ภวิสฺสติ, ยโต อหํ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีสุ กิฺจิเทว ปตฺตโต วา หตฺถโต วา ปคฺฆรนฺตํ ภูมิยํ วา ปน ปติตํ ลภิสฺสามี’’ติ อนฺโตวิหารํ ปาวิสิ. ทฺวารโกฏฺเก อวรุทฺธกานํ นิวารณตฺถาย ิตา อารกฺขเทวตา ยกฺขินิยา อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา น นิวาเรสิ. ตสฺสา สห ปริสาย เอกีภาวคมเนน มธุรสฺสโร ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. ตํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย นิจฺจลํ ิตํ ปุริมนเยเนว ปุตฺตกา โจทยึสุ. สา ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส เม อนฺตรายํ กโรนฺตี’’ติ ปุตฺตเก ตุณฺหี อุตฺตริเก โหหีติ เอวํ โตเสสิ.

ตตฺถ ยาวาติ ยาว ธมฺมํ สุณามิ, ตาว ตุณฺหี โหหีติ อตฺโถ. สพฺพคนฺถปฺปโมจนนฺติ นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺเพ คนฺถา ปมุจฺจนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพคนฺถปฺปโมจนนฺติ วุจฺจติ. อติเวลาติ เวลาติกฺกนฺตา ปมาณาติกฺกนฺตา. ปิยายนาติ มคฺคนา ปตฺถนา. ตโต ปิยตรนฺติ ยา อยํ อสฺส ธมฺมสฺส มคฺคนา ปตฺถนา, อิทํ มยฺหํ ตโต ปิยตรนฺติ อตฺโถ. ปิยตราติ วา ปาโ. ปาณินนฺติ ยถา ปาณีนํ ทุกฺขา โมเจติ. เก โมเจตีติ? ปาณิเนติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพํ. ยํ ธมฺมํ อภิสมฺพุทฺธนฺติ, ยํ ธมฺมํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ. ตุณฺหีภูตายมุตฺตราติ น เกวลํ อหเมว, อยํ เม ภคินี อุตฺตราปิ ตุณฺหีภูตาติ วทติ. สทฺธมฺมสฺส อนฺายาติ, อมฺม, มยํ ปุพฺเพปิ อิมํ สทฺธมฺมเมว อชานิตฺวา อิทานิ อิทํ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทุกฺขํ จราม วิหราม.

จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ธมฺมํ เทเสนฺโตเยว ภควา ปริสํ สลฺลกฺขยมาโน ตสฺสา ยกฺขินิยา เจว ยกฺขทารกสฺส จ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา จตุสจฺจกถํ ทีเปติ, ตํ สุตฺวา ตสฺมึเยว เทเส ิตา ยกฺขินี สทฺธึ ปุตฺเตน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ธีตุยาปิ ปนสฺสา อุปนิสฺสโย อตฺถิ, อติทหรตฺตา ปน เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นาสกฺขิ.

อิทานิ สา ยกฺขินี ปุตฺตสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี สาธุ โข ปณฺฑิโต นามาติอาทิมาห. อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตาติ อหมฺหิ อชฺช วฏฺฏโต อุคฺคตา สมุคฺคตา สาสเน วา อุคฺคตา สมุคฺคตา, ตฺวมฺปิ สุขี โหหีติ. ทิฏฺานีติ มยา จ ตยา จ ทิฏฺานิ. อุตฺตราปิ สุณาตุ เมติ, ‘‘อมฺหากํ จตุสจฺจปฏิเวธภาวํ, ธีตา เม อุตฺตราปิ, สุณาตู’’ติ วทติ. สห สจฺจปฏิเวเธเนว สาปิ สูจิโลโม วิย สพฺพํ เสตกณฺฑุกจฺฉุอาทิภาวํ ปหาย ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภติ สทฺธึ ปุตฺเตน. ธีตา ปนสฺสา ยถา นาม โลเก มาตาปิตูหิ อิสฺสริเย ลทฺเธ ปุตฺตานมฺปิ ตํ โหติ, เอวํ มาตุ-อานุภาเวเนว สมฺปตฺตึ ลภิ. ตโต ปฏฺาย จ สา สทฺธึ ปุตฺตเกหิ คนฺธกุฏิสมีปรุกฺเขเยว นิวาสรุกฺขํ ลภิตฺวา สายํ ปาตํ พุทฺธทสฺสนํ ลภมานา ธมฺมํ สุณมานา ทีฆรตฺตํ ตตฺเถว วสิ. สตฺตมํ.

๘. สุทตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๔๒. อฏฺเม เกนจิเทว กรณีเยนาติ วาณิชฺชกมฺมํ อธิปฺเปตํ. อนาถปิณฺฑิโก จ ราชคหเสฏฺิ จ อฺมฺํ ภคินิปติกา โหนฺติ. ยทา ราชคเห อุฏฺานกภณฺฑกํ มหคฺฆํ โหติ, ตทา ราชคหเสฏฺิ ตํ คเหตฺวา ปฺจสกฏสเตหิ สาวตฺถึ คนฺตฺวา โยชนมตฺเต ิโต อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปติ. อนาถปิณฺฑิโก ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ตสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เอกยานํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถึ ปวิสติ. โส สเจ ภณฺฑํ ลหุกํ วิกฺกียติ, วิกฺกิณาติ. โน เจ, ภคินิฆเร เปตฺวา ปกฺกมติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ตเถว กโรติ. สฺวายํ ตทาปิ เตเนว กรณีเยน อคมาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

ตํ ทิวสํ ปน ราชคหเสฏฺิ โยชนมตฺเต ิเตน อนาถปิณฺฑิเกน อาคตภาวชานนตฺถํ เปสิตํ ปณฺณํ น สุณิ, ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ อคมาสิ. โส ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน ฆเร อุทฺธนขณาปนทารุผาลนาทีนิ กาเรสิ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสติ, อิทานิ กริสฺสตี’’ติ ฆรทฺวาเรปิ ปจฺจุคฺคมนํ อลภิตฺวา อนฺโตฆรํ ปวิฏฺโ ปฏิสนฺถารมฺปิ น พหุํ อลตฺถ. ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, กุสลํ ทารกรูปานํ? นสิ มคฺเค กิลนฺโต’’ติ? เอตฺตโกว ปฏิสนฺถาโร อโหสิ. โส ตสฺส มหาพฺยาปารํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ เต, คหปติ, อาวาโห วา ภวิสฺสตี’’ติ? ขนฺธเก (จูฬว. ๓๐๔) อาคตนเยเนว กถํ ปวตฺเตตฺวา ตสฺส มุขโต พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา ปฺจวณฺณํ ปีตึ ปฏิลภิ. สา ตสฺส สีเสน อุฏฺาย ยาว ปาทปิฏฺิยา, ปาทปิฏฺิยา อุฏฺาย ยาว สีสา คจฺฉติ, อุภโต อุฏฺาย มชฺเฌ โอสรติ, มชฺเฌ อุฏฺาย อุภโต คจฺฉติ. โส ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏฺโ, ‘‘พุทฺโธติ ตฺวํ, คหปติ, วเทสิ? พุทฺโธ ตาหํ, คหปติ, วทามี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ อาห. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อสฺโสสิ โข อนาถปิณฺฑิโก, คหปติ, พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ.

เอตทโหสิ อกาโล โข อชฺชาติ โส กิร ตํ เสฏฺึ ปุจฺฉิ, ‘‘กุหึ คหปติ สตฺถา วิหรตี’’ติ? อถสฺส โส – ‘‘พุทฺธา นาม ทุราสทา อาสีวิสสทิสา โหนฺติ, สตฺถา สิวถิกาย วสติ, น สกฺกา ตตฺถ ตุมฺหาทิเสหิ อิมาย เวลาย คนฺตุ’’นฺติ อาจิกฺขิ. อถสฺส เอตทโหสิ. พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชีติ ตํทิวสํ กิรสฺส ภณฺฑสกเฏสุ วา อุปฏฺาเกสุ วา จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชิ, สายมาสมฺปิ น อกาสิ, สตฺตภูมิกํ ปน ปาสาทํ อารุยฺห สุปฺตฺตาลงฺกตวรสยเน ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธ’’ติ สชฺฌายํ กโรนฺโตว นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. เตน วุตฺตํ ‘‘พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชี’’ติ.

รตฺติยา สุทํ ติกฺขตฺตุํ อุฏฺาสิ ปภาตนฺติ มฺมาโนติ ปมยาเม ตาว วีติวตฺเต อุฏฺาย พุทฺธํ อนุสฺสริ, อถสฺส พลวปฺปสาโท อุทปาทิ, ปีติอาโลโก อโหสิ, สพฺพตมํ วิคจฺฉิ, ทีปสหสฺสุชฺชลํ วิย จนฺทุฏฺานํ สูริยุฏฺานํ วิย จ ชาตํ. โส ‘‘ปปาทํ อาปนฺโน วตมฺหิ, สูริโย อุคฺคโต’’ติ อุฏฺาย อากาสตเล ิตํ จนฺทํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘เอโกว ยาโม คโต, อฺเ ทฺเว อตฺถี’’ติ ปุน ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. เอเตนุปาเยน มชฺฌิมยามาวสาเนปิ ปจฺฉิมยามาวสาเนปีติ ติกฺขตฺตุํ อุฏฺาสิ. ปจฺฉิมยามาวสาเน ปน พลวปจฺจูเสเยว อุฏฺาย อากาสตลํ อาคนฺตฺวา มหาทฺวาราภิมุโขว อโหสิ, สตฺตภูมิกทฺวารํ สยเมว วิวฏํ อโหสิ. โส ปาสาทา โอรุยฺห อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิ.

วิวรึสูติ ‘‘อยํ มหาเสฏฺิ ‘พุทฺธุปฏฺานํ คมิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต, ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ติณฺณํ รตนานํ อคฺคุปฏฺาโก หุตฺวา อสทิสํ สงฺฆารามํ กตฺวา จาตุทฺทิสสฺส อริยคณสฺส อนาวฏทฺวาโร ภวิสฺสติ, น ยุตฺตมสฺส ทฺวารํ ปิทหิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา วิวรึสุ. อนฺตรธายีติ ราชคหํ กิร อากิณฺณมนุสฺสํ อนฺโตนคเร นว โกฏิโย, พหินคเร นวาติ ตํ อุปนิสฺสาย อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. อเวลาย มตมนุสฺเส พหิ นีหริตุํ อสกฺโกนฺตา อฏฺฏาลเก ตฺวา พหิทฺวาเร ขิปนฺติ. มหาเสฏฺิ นครโต พหินิกฺขนฺตมตฺโตว อลฺลสรีรํ ปาเทน อกฺกมิ, อปรมฺปิ ปิฏฺิปาเทน ปหริ. มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา ปริกิรึสุ. ทุคฺคนฺโธ นาสปุฏํ อภิหนิ. พุทฺธปฺปสาโท ตนุตฺตํ คโต. เตนสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ. สทฺทมนุสฺสาเวสีติ ‘‘เสฏฺิสฺส อุสฺสาหํ ชเนสฺสามี’’ติ สุวณฺณกิงฺกิณิกํ ฆฏฺเฏนฺโต วิย มธุรสฺสเรน สทฺทํ อนุสฺสาเวสิ.

สตํ กฺาสหสฺสานีติ ปุริมปทานิปิ อิมินาว สหสฺสปเทน สทฺธึ สมฺพนฺธนียานิ. ยเถว หิ สตํ กฺาสหสฺสานิ, สตํ สหสฺสานิ หตฺถี, สตํ สหสฺสานิ อสฺสา, สตํ สหสฺสานิ รถาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิติ เอเกกสตสหสฺสเมว ทีปิตํ. ปทวีติหารสฺสาติ ปทวีติหาโร นาม สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ ตํ เอกํ ปทวีติหารํ โสฬสภาเค กตฺวา ตโต เอโก โกฏฺาโส ปุน โสฬสธา, ตโต เอโก โสฬสธาติ เอวํ โสฬส วาเร โสฬสธา ภินฺนสฺส เอโก โกฏฺาโส โสฬสิกลา นาม, ตํ โสฬสิกลํ เอตานิ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สตํ หตฺถิสหสฺสานิ สตํ อสฺสสหสฺสานิ สตํ รถสหสฺสานิ สตํ กฺาสหสฺสานิ, ตา จ โข อามุกฺกมณิกุณฺฑลา สกลชมฺพุทีปราชธีตโร วาติ อิมสฺมา เอตฺตกา ลาภา วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ตสฺมึ โสฬสิกลสงฺขาเต ปเทเส ปวตฺตเจตนาว อุตฺตริตราติ. อิทํ ปน วิหารคมนํ กสฺส วเสน คหิตนฺติ? วิหารํ คนฺตฺวา อนนฺตราเยน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหนฺตสฺส. ‘‘คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กริสฺสามิ , เจติยํ วนฺทิสฺสามิ, ธมฺมํ โสสฺสามิ, ทีปปูชํ กริสฺสามิ, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทสฺสามิ, สิกฺขาปเทสุ วา สรเณสุ วา ปติฏฺหิสฺสามี’’ติ คจฺฉโตปิ วเสน วฏฺฏติเยว.

อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอกโกติ สฺํ กโรมิ, อนุยุตฺตาปิ เม อตฺถิ, กสฺมา ภายามี’’ติ สูโร อโหสิ. อถสฺส พลวา พุทฺธปฺปสาโท อุทปาทิ. ตสฺมา อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. อปิจ ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺโต ภึสนเก สุสานมคฺเค อฏฺิกสงฺขลิกสมํสโลหิตนฺติอาทีนิ อเนกวิธานิ กุณปานิ อทฺทส . โสณสิงฺคาลาทีนํ สทฺทํ อสฺโสสิ. ตํ สพฺพํ ปริสฺสยํ ปุนปฺปุนํ พุทฺธคตํ ปสาทํ วฑฺเฒตฺวา มทฺทนฺโต อคมาสิเยว.

เอหิ สุทตฺตาติ โส กิร เสฏฺิ คจฺฉมาโนว จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก พหู ปูรณกสฺสปาทโย ติตฺถิยา ‘มยํ พุทฺธา มยํ พุทฺธา’ติ วทนฺติ, กถํ นุ โข อหํ สตฺถุ พุทฺธภาวํ ชาเนยฺย’’นฺติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยฺหํ คุณวเสน อุปฺปนฺนํ นามํ มหาชโน ชานาติ, กุลทตฺติยํ ปน เม นามํ อฺตฺร มยา น โกจิ ชานาติ. สเจ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, กุลทตฺติกนาเมน มํ อาลปิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา เอวมาห.

ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. อาสตฺติโยติ ตณฺหาโย. สนฺตินฺติ กิเลสวูปสมํ. ปปฺปุยฺยาติ ปตฺวา. อิทฺจ ปน วตฺวา สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพิกถํ กเถตฺวา มตฺถเก จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. เสฏฺิ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวสโต ปฏฺาย มหาทานํ ทาตุํ อารภิ. พิมฺพิสาราทโย เสฏฺิสฺส สาสนํ เปเสนฺติ – ‘‘ตฺวํ อาคนฺตุโก, ยํ นปฺปโหติ, ตํ อิโต อาหราเปหี’’ติ. โส ‘‘อลํ ตุมฺเห พหุกิจฺจา’’ติ สพฺเพ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อานีตวิภเวน สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. ทานปริโยสาเน จ ภควนฺตํ สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ ปฏิชานาเปตฺวา ราชคหสฺส จ สาวตฺถิยา จ อนฺตเร โยชเน โยชเน สตสหสฺสํ ทตฺวา ปฺจจตฺตาลีส วิหาเร กาเรนฺโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา เชตวนมหาวิหารํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสีติ. อฏฺมํ.

๙. ปมสุกฺกาสุตฺตวณฺณนา

๒๔๓. นวเม รถิกาย รถิกนฺติ เอกํ รถิกํ คเหตฺวา ตโต อปรํ คจฺฉนฺโต รถิกาย รถิกํ อุปสงฺกมนฺโต นาม โหติ. สิงฺฆาฏเกปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ รถิกาติ รจฺฉา. สิงฺฆาฏกนฺติ จตุกฺกํ. กึ เม กตาติ กึ อิเม กตา? กึ กโรนฺตีติ อตฺโถ. มธุปีตาวเสยเรติ คนฺธมธุปานํ ปีตา วิย สยนฺติ. คนฺธมธุปานํ ปีโต กิร สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกติ, อสฺี หุตฺวา สยเตว. ตสฺมา เอวมาห.

ตฺจ ปน อปฺปฏิวานียนฺติ ตฺจ ปน ธมฺมํ อปฺปฏิวานียํ เทเสติ. พาหิรกฺหิ สุมธุรมฺปิ โภชนํ ปุนปฺปุนํ ภุฺชนฺตสฺส น รุจฺจติ, ‘‘อปเนถ, กึ อิมินา’’ติ? ปฏิวาเนตพฺพํ อปเนตพฺพํ โหติ, น เอวมยํ ธมฺโม. อิมํ หิ ธมฺมํ ปณฺฑิตา วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ สุณนฺตา ติตฺตึ น คจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘อปฺปฏิวานีย’’นฺติ. อเสจนกโมชวนฺติ อนาสิตฺตกํ โอชวนฺตํ. ยถา หิ พาหิรานิ อสมฺภินฺนปายาสาทีนิปิ สปฺปิมธุสกฺขราหิ อาสิตฺตานิ โยชิตาเนว มธุรานิ โอชวนฺตานิ โหนฺติ, น เอวมยํ ธมฺโม. อยํ หิ อตฺตโน ธมฺมตาย มธุโร เจว โอชวา จ, น อฺเน อุปสิตฺโต. เตนาห ‘‘อเสจนกโมชว’’นฺติ. ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺาติ ปณฺฑิตปุริสา ปิวนฺติ วิย. วลาหกเมว ปนฺถคูติ วลาหกนฺตรโต นิกฺขนฺตอุทกํ ฆมฺมาภิตตฺตา ปถิกา วิย. นวมํ.

๑๐-๑๑. ทุติยสุกฺกาสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๔๔. ทสเม ปุฺํ วต ปสวิ พหุนฺติ พหุํ วต ปุฺํ ปสวตีติ. ทสมํ.

๒๔๕. เอกาทสมํ อุตฺตานเมว. เอกาทสมํ.

๑๒. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา

๒๔๖. ทฺวาทสเม อาฬวิยนฺติ อาฬวีติ ตํ รฏฺมฺปิ นครมฺปิ. ตฺจ ภวนํ นครสฺส อวิทูเร คาวุตมตฺเต ิตํ. ภควา ตตฺถ วิหรนฺโต ตํ นครํ อุปนิสฺสาย อาฬวิยํ วิหรตีติ วุตฺโต. อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน อยมนุปุพฺพิกถา – อาฬวโก กิร ราชา วิวิธนาฏกูปโภคํ ฉฑฺเฑตฺวา โจรปฏิพาหนตฺถํ ปฏิราชนิเสธนตฺถํ พฺยายามกรณตฺถฺจ สตฺตเม สตฺตเม ทิวเส มิควํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ พลกาเยน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส ภาโร’’ติ. อถ ตสฺเสว ปสฺเสน มิโค ปลายิ, ชวสมฺปนฺโน ราชา ธนุํ คเหตฺวา ปตฺติโกว ติโยชนํ ตํ มิคํ อนุพนฺธิ. เอณิมิคา จ ติโยชนเวคา เอว โหนฺติ. อถ ปริกฺขีณชวํ ตํ อุทกํ วิย ปวิสิตฺวา ิตํ วธิตฺวา ทฺวิธา เฉตฺวา อนตฺถิโกปิ มํเสน ‘‘นาสกฺขิ มิคํ คเหตุ’’นฺติ อปวาทโมจนตฺถํ กาเชนาทาย อาคจฺฉนฺโต นครสฺสาวิทูเร พหลปตฺตปลาสํ มหานิคฺโรธํ ทิสฺวา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ตสฺส มูลมุปคโต. ตสฺมิฺจ นิคฺโรเธ อาฬวโก ยกฺโข มหาราชสนฺติกา ภวนํ ลภิตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสํ ปวิฏฺเ ปาณิโน ขาทนฺโต ปฏิวสติ. โส ตํ ทิสฺวา ขาทิตุํ อุปคโต. ราชา เตน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘มุฺจ มํ, อหํ เต ทิวเส ทิวเส มนุสฺสฺจ ถาลิปากฺจ เปเสสฺสามี’’ติ. ยกฺโข – ‘‘ตฺวํ ราชูปโภเคน ปมตฺโต น สริสฺสสิ, อหํ ปน ภวนํ อนุปคตฺจ อนนุฺาตฺจ ขาทิตุํ น ลภามิ, สฺวาหํ ภวนฺตมฺปิ ชีเยยฺย’’นฺติ น มุฺจิ. ราชา ‘‘ยํ ทิวสํ น เปเสมิ, ตํ ทิวสํ มํ คเหตฺวา ขาทา’’ติ อตฺตานํ อนุชานิตฺวา เตน มุตฺโต นคราภิมุโข อคมาสิ.

พลกาโย มคฺเค ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต ราชานํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, มหาราช, อยสมตฺตภยา เอวํ กิลนฺโตสี’’ติ? วทนฺโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ อนาโรเจตฺวา นครํ คนฺตฺวา กตปาตราโส นครคุตฺติกํ อามนฺเตตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. นครคุตฺติโก – ‘‘กึ, เทว , กาลปริจฺเฉโท กโต’’ติ อาห? น กโต ภเณติ. ทุฏฺุ กตํ, เทว, อมนุสฺสา หิ ปริจฺฉินฺนมตฺตเมว ลภนฺติ, อปริจฺฉินฺเน ปน ชนปทสฺสาพาโธ ภวิสฺสติ, โหตุ เทว, กิฺจาปิ เอวมกาสิ, อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ รชฺชสุขมนุโภหิ, อหเมตฺถ กาตพฺพํ กริสฺสามีติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย พนฺธนาคารทฺวาเร ตฺวา เย เย วชฺฌา โหนฺติ, เต เต สนฺธาย ‘‘โย ชีวิตตฺถิโก, โส นิกฺขมตู’’ติ ภณติ. โย ปมํ นิกฺขมติ, ตํ เคหํ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา โภเชตฺวา จ ‘‘อิมํ ถาลิปากํ ยกฺขสฺส เทหี’’ติ เปเสติ. ตํ รุกฺขมูลํ ปวิฏฺมตฺตํเยว ยกฺโข เภรวํ อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา มูลกนฺทํ วิย ขาทิ. ยกฺขานุภาเวน กิร มนุสฺสานํ เกสาทีนิ อุปาทาย สกลสรีรํ นวนีตปิณฺฑํ วิย โหติ, ยกฺขสฺส ภตฺตํ คาหาเปตุํ คตปุริสา ตํ ทิสฺวา ภีตา ยถามิตฺตํ อาโรเจสุํ. ตโต ปภุติ ‘‘ราชา โจเร คเหตฺวา ยกฺขสฺส เทตี’’ติ มนุสฺสา โจรกมฺมโต ปฏิวิรตา. ตโต อปเรน สมเยน นวโจรานํ อภาเวน ปุราณโจรานฺจ ปริกฺขเยน พนฺธนาคารานิ สุฺานิ อเหสุํ.

อถ นครคุตฺติโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อตฺตโน ธนํ นครรจฺฉาสุ ฉฑฺฑาเปสิ ‘‘อปฺเปว นาม โกจิ โลเภน คณฺเหยฺยา’’ติ. ตํ ปาเทนปิ โกจิ นจฺฉุปิ. โส โจเร อลภนฺโต อมจฺจานํ อาโรเจสิ. อมจฺจา ‘‘กุลปฏิปาฏิยา เอกเมกํ ชิณฺณกํ เปเสม, โส ปกติยาปิ มจฺจุปเถ วตฺตตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘อมฺหากํ ปิตรํ อมฺหากํ ปิตามหํ เปเสตีติ มนุสฺสา โขภํ กริสฺสนฺติ, มา โว เอตํ รุจฺจี’’ติ วาเรสิ. ‘‘เตน หิ, เทว, ทารกํ เปเสม อุตฺตานเสยฺยกํ, ตถาวิธสฺส หิ ‘มาตา เม’ติ ‘ปิตา เม’ติ สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. ราชา อนุชานิ. เต ตถา อกํสุ. นคเร ทารกมาตโร จ ทารเก คเหตฺวา คพฺภินิโย จ ปลายิตฺวา ปรชนปเท ทารเก สํวฑฺเฒตฺวา อาเนนฺติ. เอวํ ทฺวาทส วสฺสานิ คตานิ.

ตโต เอกทิวสํ สกลนครํ วิจินิตฺวา เอกมฺปิ ทารกํ อลภิตฺวา อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นตฺถิ, เทว, นคเร ทารโก เปตฺวา อนฺเตปุเร ตว ปุตฺตํ อาฬวกกุมาร’’นฺติ. ราชา ‘‘ยถา มม ปุตฺโต ปิโย, เอวํ สพฺพโลกสฺส, อตฺตนา ปน ปิยตรํ นตฺถิ, คจฺฉถ ตมฺปิ ทตฺวา มม ชีวิตํ รกฺขถา’’ติ. เตน จ สมเยน อาฬวกสฺส มาตา ปุตฺตํ นฺหาเปตฺวา มณฺเฑตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเก กตฺวา องฺเก สยาเปตฺวา นิสินฺนา โหติ. ราชปุริสา รฺโ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิปฺปลปนฺติยา ตสฺสา โสฬสนฺนฺจ เทวิสหสฺสานํ สทฺธึ ธาติยา ตํ อาทาย ปกฺกมึสุ, ‘‘สฺเว ยกฺขภกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ. ตํทิวสฺจ ภควา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย เชตวนวิหาเร คนฺธกุฏิยํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อทฺทส อาฬวกสฺส กุมารสฺส อนาคามิผลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยํ ยกฺขสฺส จ โสตาปตฺติผลุปฺปตฺติยา, เทสนาปริโยสาเน จ จตุราสีติปาณสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภสฺสาติ. โส วิภาตาย รตฺติยา ปุริมภตฺตกิจฺจํ กตฺวา สุนิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจ กาฬปกฺขูโปสถทิวเส วตฺตมาเน โอคฺคเต สูริเย เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย ปาทมคฺเคเนว สาวตฺถิโต ตึส โยชนานิ คนฺตฺวา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวนํ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.

กึ ปน ภควา ยสฺมึ นิคฺโรเธ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเล วิหาสิ, อุทาหุ ภวเนเยวาติ? ภวเนเยว. ยเถว หิ ยกฺขา อตฺตโน ภวนํ ปสฺสนฺติ, ตถา ภควาปิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ภวนทฺวาเร อฏฺาสิ. ตทา อาฬวโก หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คโต โหติ. ตโต อาฬวกสฺส ทฺวารปาโล คทฺรโภ นาม ยกฺโข ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, ภควา วิกาเล อาคโต’’ติ อาห. อาม, คทฺรภ, อาคโตมฺหิ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺตํ อาฬวกสฺส ภวเนติ . น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข กกฺขโฬ ผรุโส, มาตาปิตูนมฺปิ อภิวาทนาทีนิ น กโรติ, มา รุจฺจิ ภควโต อิธ วาโสติ. ชานามิ, คทฺรภ, ตสฺส สภาวํ, น โกจิ มมนฺตราโย ภวิสฺสติ. สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺตนฺติ.

ทุติยมฺปิ คทฺรโภ ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อคฺคิตตฺตกปาลสทิโส, ภนฺเต, อาฬวโก, มาตาปิตโรติ วา สมณพฺราหฺมณาติ วา ธมฺโมติ วา น ชานาติ, อิธาคตานํ ปน จิตฺตกฺเขปมฺปิ กโรติ, หทยมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ คเหตฺวา ปรสมุทฺทํ วา ปรจกฺกวาฬํ วา ขิปตี’’ติ. ทุติยมฺปิ ภควา อาห – ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, สเจปิ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺต’’นฺติ. น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข อตฺตโน อนาโรเจตฺวา อนุชานนฺตํ มํ ชีวิตาปิ โวโรเปยฺย, อาโรเจมิ, ภนฺเต, ตสฺสาติ. ยถาสุขํ , คทฺรภ, อาโรเจหีติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตฺวเมว ชานาหี’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข ปกฺกามิ. ภวนทฺวารมฺปิ สยเมว ภควโต วิวรมทาสิ. ภควา อนฺโตภวนํ ปวิสิตฺวา ยตฺถ อภิลกฺขิเตสุ มงฺคลทิวสาทีสุ นิสีทิตฺวา อาฬวโก สิรึ อนุโภติ, ตสฺมึเยว ทิพฺพรตนมเย ปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา สุวณฺณาภํ มุฺจิ. ตํ ทิสฺวา ยกฺขสฺส อิตฺถิโย อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ภควา ‘‘ปุพฺเพ ตุมฺเห ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา ปูชเนยฺยํ ปูเชตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา, อิทานิปิ ตเถว กโรถ, มา อฺมฺํ อิสฺสามจฺฉริยาภิภูตา วิหรถา’’ติอาทินา นเยน ตาสํ ปกิณฺณกธมฺมกถํ กเถสิ. ตา ภควโต มธุรนิคฺโฆสํ สุตฺวา สาธุการสหสฺสานิ ทตฺวา ภควนฺตํ สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุเยว. คทฺรโภปิ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อาฬวกสฺสาโรเจสิ – ‘‘ยคฺเฆ , มาริส, ชาเนยฺยาสิ วิมาเน เต ภควา นิสินฺโน’’ติ. โส คทฺรภสฺส สฺํ อกาสิ ‘‘ตุณฺหี โหหิ, คนฺตฺวา กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. ปุริสมาเนน กิร ลชฺชิโต อโหสิ, ตสฺมา ‘‘มา โกจิ ปริสมชฺเฌ สุเณยฺยา’’ติ เอวมกาสิ.

ตทา สาตาคิรเหมวตา ภควนฺตํ เชตวเนเยว วนฺทิตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ สปริวารา นานายาเนหิ อากาเสน คจฺฉนฺติ. อากาเส จ ยกฺขานํ สพฺพตฺถ มคฺโค นตฺถิ, อากาสฏฺานิ วิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺคฏฺาเนเนว มคฺโค โหติ. อาฬวกสฺส ปน วิมานํ ภูมฏฺํ สุคุตฺตํ ปาการปริกฺขิตฺตํ สุสํวิหิตทฺวารอฏฺฏาลกโคปุรํ อุปริ กํสชาลสฺฉนฺนํ มฺชูสสทิสํ ติโยชนํ อุพฺเพเธน, ตสฺส อุปริ มคฺโค โหติ. เต ตํ ปเทสมาคมฺม คนฺตุํ นาสกฺขึสุ. พุทฺธานํ หิ นิสินฺโนกาสสฺส อุปริภาเคน ยาว ภวคฺคา โกจิ คนฺตุํ น สกฺโกติ. เต ‘‘กิมิท’’นฺติ? อาวชฺเชตฺวา ภควนฺตํ ทิสฺวา อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุ วิย โอรุยฺห วนฺทิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา, ‘‘ยกฺขสมาคมํ คจฺฉาม ภควา’’ติ ตีณิ วตฺถูนิ ปสํสนฺตา ยกฺขสมาคมํ อคมํสุ. อาฬวโก เต ทิสฺวา, ‘‘อิธ นิสีทถา’’ติ ปฏิกฺกมฺม โอกาสมทาสิ. เต อาฬวกสฺส นิเวเทสุํ – ‘‘ลาภา เต, อาฬวก, ยสฺส เต ภวเน ภควา วิหรติ, คจฺฉาวุโส, ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ. เอวํ ภควา ภวเนเยว วิหาสิ, น ยสฺมึ นิคฺโรเธ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเลติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.

อถ โข อาฬวโก…เป… เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ กสฺมา ปนายํ เอตทโวจ? โรเสตุกามตาย. ตตฺเรวํ อาทิโต ปภุติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – อยํ หิ ยสฺมา อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา โหติ ทุสฺสีลาทีนํ สีลาทิกถา วิย, ตสฺมา เตสํ ยกฺขานํ สนฺติกา ภควโต ปสํสํ สุตฺวาเยว อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย อพฺภนฺตเร โกเปน ตฏตฏายมานหทโย หุตฺวา ‘‘โก โส ภควา นาม, โย มม ภวนํ ปวิฏฺโ’’ติ อาห. เต อหํสุ – ‘‘น ตฺวํ, อาวุโส, ชานาสิ ภควนฺตํ อมฺหากํ สตฺถารํ, โย ตุสิตภวเน ิโต ปฺจมหาวิโลกิตํ วิโลเกตฺวา’’ติอาทินา นเยน ยาว ธมฺมจกฺกปวตฺตนา กเถนฺตา ปฏิสนฺธิอาทีสุ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ วตฺวา, ‘‘อิมานิปิ ตฺวํ, อาวุโส, อจฺฉริยานิ นาทฺทสา’’ติ? โจเทสุํ. โส ทิสฺวาปิ โกธวเสน ‘‘นาทฺทส’’นฺติ อาห. อาวุโส อาฬวก, ปสฺเสยฺยาสิ วา ตฺวํ, น วา, โก ตยา อตฺโถ ปสฺสตา วา อปสฺสตา วา? กึ ตฺวํ กริสฺสสิ อมฺหากํ สตฺถุโน, โย ตฺวํ ตํ อุปนิธาย จลกฺกกุธ-มหาอุสภสมีเป ตทหุชาตวจฺฉโก วิย, ติธา ปภินฺนมตฺตวารณสมีเป ภิงฺกโปตโก วิย, ภาสุรวิลมฺพิตเกสรโสภิตกฺขนฺธสฺส มิครฺโ สมีเป ชรสิงฺคาโล วิย, ทิยฑฺฒโยชนสตปวฑฺฒกายสุปณฺณราชสมีเป ฉินฺนปกฺขกากโปตโก วิย ขายสิ, คจฺฉ ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหีติ. เอวํ วุตฺเต ทุฏฺโ อาฬวโก อุฏฺหิตฺวา มโนสิลาตเล วามปาเทน ตฺวา – ‘‘ปสฺสถ ทานิ ตุมฺหากํ วา สตฺถา มหานุภาโว, อหํ วา’’ติ ทกฺขิณปาเทน สฏฺิโยชนมตฺตํ เกลาสปพฺพตกูฏํ อกฺกมิ. ตํ อโยกูฏปหโฏ วิย นิทฺธนฺตอโยปิณฺโฑ ปปฏิกาโย มุฺจิ, โส ตตฺร ตฺวา, ‘‘อหํ อาฬวโก’’ติ อุคฺโฆเสสิ. สกลชมฺพุทีปํ สทฺโท ผริ.

จตฺตาโร กิร สทฺทา สกลชมฺพุทีเป สูยึสุ – ยฺจ ปุณฺณโก ยกฺขเสนาปติ ธนฺชยโกรพฺยราชานํ ชูตํ ชินิตฺวา อปฺโผเฏตฺวา ‘‘อหํ ชินิ’’นฺติ อุคฺโฆเสสิ; ยฺจ สกฺโก เทวานมินฺโท กสฺสปภควโต สาสเน โอสกฺกนฺเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ สุนขํ กริตฺวา – ‘‘อหํ ปาปภิกฺขู จ ปาปภิกฺขุนิโย จ อุปาสเก จ อุปาสิกาโย จ สพฺเพว จ อธมฺมวาทิโน ขาทามี’’ติ อุคฺโฆสาเปสิ; ยฺจ กุสชาตเก ปภาวติเหตุ สตฺตหิ ราชูหิ นคเร อุปรุทฺเธ ปภาวตึ อตฺตนา สห หตฺถิกฺขนฺเธ อาโรเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม – ‘‘อหํ สีหสฺสรมหากุสราชา’’ติ มหาปุริโส อุคฺโฆเสสิ; ยฺจ เกลาสมุทฺธนิ ตฺวา อาฬวโกติ. ตทา หิ สกลชมฺพุทีเป ทฺวาเร ตฺวา อุคฺโฆสิตสทิสํ อโหสิ. ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต จ หิมวาปิ สงฺกมฺปิ ยกฺขสฺสานุภาเวน.

โส วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘เอเตเนว สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ . เต ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูลํ กตฺวา, อาฬวินครํ ปกฺขนฺตา ชิณฺณหตฺถิสาลาทีนิ จุณฺเณนฺตา ฉทนิฏฺกา อากาเส วิธเมนฺตา. ภควา ‘‘มา กสฺสจิ อุปโรโธ โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. เต วาตา ทสพลํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ‘‘อุทเกน อชฺโฌตฺถริตฺวา สมณํ มาเรสฺสามี’’ติ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา ปวสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริ มโหโฆ อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬานิ สมฺปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธาราอุภโตธาราอสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุก วณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกีรยึสุ. ตโต กุกฺกุลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺหา กุกฺกุลา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต วาลิกวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมวาลิกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ กลลวสฺสํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพคนฺธํ หุตฺวา นิปติ. ตโต อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ภึเสตฺวา สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อนฺธการสทิสํ หุตฺวา ทสพลํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตมิว อนฺธการํ อนฺตรธายิ.

เอวํ ยกฺโข อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณงฺคารกุกฺกุลวาลิกกลลนฺธการวุฏฺีหิ ภควนฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นานาวิธปหรณหตฺถาย อเนกปฺปการรูปภูตคณสมากุลาย จตุรงฺคินิยา เสนาย สยเมว ภควนฺตํ อภิคโต. เต ภูตคณา อเนกปฺปกาเร วิกาเร กตฺวา ‘‘คณฺหถ หนถา’’ติ ภควโต อุปริ อาคจฺฉนฺตา วิย โหนฺติ. อปิจ โข นิทฺธนฺตโลหปิณฺฑํ วิย มกฺขิกา, ภควนฺตํ อลฺลียิตุํ อสมตฺถาว อเหสุํ. เอวํ สนฺเตปิ ยถา โพธิมณฺเฑ มาโร อาคตเวลายเมว นิวตฺโต, ตถา อนิวตฺเตตฺวา อุปฑฺฒรตฺติมตฺตํ พฺยากุลมกํสุ. เอวํ อุปฑฺฒรตฺติมตฺตํ อเนกปฺปการวิภึสนกทสฺสเนนปิ ภควนฺตํ จาเลตุํ อสกฺโกนฺโต อาฬวโก จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เกนจิ อเชยฺยํ ทุสฺสาวุธํ มุฺเจยฺย’’นฺติ.

จตฺตาริ กิร อาวุธานิ โลเก เสฏฺานิ – สกฺกสฺส วชิราวุธํ, เวสฺสวณสฺส คทาวุธํ, ยมสฺส นยนาวุธํ, อาฬวกสฺส ทุสฺสาวุธนฺติ. ยทิ หิ สกฺโก ทุฏฺโ วชิราวุธํ สิเนรุมตฺถเก ปหเรยฺย, อฏฺสฏฺิสหสฺสาธิกโยชนสตสหสฺสํ วินิวิชฺฌิตฺวา เหฏฺโต คจฺเฉยฺย. เวสฺสวเณน กุชฺฌนกาเล วิสฺสชฺชิตํ คทาวุธํ พหูนํ ยกฺขสหสฺสานํ สีสํ ปาเตตฺวา ปุน หตฺถปาสํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ. ยเมน ทุฏฺเน นยนาวุเธน โอโลกิตมตฺเต อเนกานิ กุมฺภณฺฑสหสฺสานิ ตตฺตกปาเล ติลา วิย ผรนฺตานิ วินสฺสนฺติ. อาฬวโก ทุฏฺโ สเจ อากาเส ทุสฺสาวุธํ มุฺเจยฺย, ทฺวาทส วสฺสานิ เทโว น วสฺเสยฺย. สเจ ปถวิยํ มุฺเจยฺย. สพฺพรุกฺขติณาทีนิ สุสฺสิตฺวา ทฺวาทสวสฺสนฺตเร น ปุน วิรุเหยฺยุํ. สเจ สมุทฺเท มุฺเจยฺย, ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย สพฺพมุทกํ สุสฺเสยฺย. สเจ สิเนรุสทิเสปิ ปพฺพเต มุฺเจยฺย, ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา วิกิเรยฺย. โส เอวํ มหานุภาวํ ทุสฺสาวุธํ อุตฺตริสาฏกํ มุฺจิตฺวา อคฺคเหสิ. เยภุยฺเยน ทสสหสฺสีโลกธาตุเทวตา เวเคน สนฺนิปตึสุ ‘‘อชฺช ภควา อาฬวกํ ทเมสฺสติ, ตตฺถ ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ ยุทฺธทสฺสนกามาปิ เทวตา สนฺนิปตึสุ. เอวํ สกลมฺปิ อากาสํ เทวตาหิ ปริปุณฺณมโหสิ.

อถ อาฬวโก ภควโต สมีเป อุปรูปริ วิจริตฺวา วตฺถาวุธํ มุฺจิ. ตํ อสนิวิจกฺกํ วิย อากาเส เภรวสทฺทํ กโรนฺตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ ภควนฺตํ ปตฺวา ยกฺขมานมทฺทนตฺถํ ปาทปุฺฉนโจฬํ หุตฺวา ปาทมูเล นิปติ. อาฬวโก ตํ ทิสฺวา ฉินฺนวิสาโณ วิย อุสโภ อุทฺธตทาโ วิย สปฺโป นิตฺเตโช นิมฺมโท นิปติตมานทฺธโช หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ทุสฺสาวุธมฺปิ เม สมณํ นาภิโภสิ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘อิทํ การณํ, เมตฺตาวิหารยุตฺโต สมโณ, หนฺท นํ โรเสตฺวา เมตฺตาย วิโยเชมี’’ติ อิมินา สมฺพนฺเธเนตํ วุตฺตํ – อถ โข อาฬวโก ยกฺโข เยน ภควา…เป… นิกฺขม สมณาติ. ตตฺถายมธิปฺปาโย – กสฺมา มยา อนนุฺาโต มม ภวนํ ปวิสิตฺวา ฆรสามิโก วิย อิตฺถาคารสฺส มชฺเฌ นิสินฺโนสิ? อนนุยุตฺตเมตํ สมณสฺส ยทิทํ อทินฺนปริโภโค อิตฺถิสํสคฺโค จ? ตสฺมา ยทิ ตฺวํ สมณธมฺเม ิโต, นิกฺขม สมณาติ. เอเก ปน – ‘‘เอตานิ อฺานิ จ ผรุสวจนานิ วตฺวา เอวายํ เอตทโวจา’’ติ ภณนฺติ.

อถ ภควา – ‘‘ยสฺมา ถทฺโธ ปฏิถทฺธภาเวน วิเนตุํ น สกฺกา, โส หิ ปฏิถทฺธภาเว กยิรมาเน, เสยฺยถาปิ จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺย, โส ภิยฺโยโสมตฺตาย จณฺฑตโร อสฺส, เอวํ ถทฺธตโร โหติ, มุทุนา ปน โส สกฺกา วิเนตุ’’นฺติ ตฺวา, สาธาวุโสติ ปิยวจเนน ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นิกฺขมิ. เตน วุตฺตํ สาธาวุโสติ ภควา นิกฺขมีติ.

ตโต อาฬวโก – ‘‘สุพฺพโจ วตายํ สมโณ เอกวจเนเนว นิกฺขนฺโต, เอวํ นาม นิกฺขเมตุํ สุขํ สมณํ อการเณเนวาหํ สกลรตฺตึ ยุทฺเธน อพฺภุยฺยาสิ’’นฺติ มุทุจิตฺโต หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิปิ น สกฺกา ชานิตุํ, กึ นุ โข สุพฺพจตาย นิกฺขนฺโต อุทาหุ โกธโน . หนฺทาหํ วีมํสามี’’ติ. ตโต ปวิส, สมณาติ อาห. อถ สุพฺพโจติ มุทุภูตจิตฺตววตฺถานกรณตฺถํ ปุน ปิยวจนํ วทนฺโต สาธาวุโสติ ภควา ปาวิสิ. อาฬวโก ปุนปฺปุนํ ตเมว สุพฺพจภาวํ วีมํสนฺโต ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ นิกฺขม ปวิสาติ อาห. ภควาปิ ตถา อกาสิ. ยทิ น กเรยฺย, ปกติยาปิ ถทฺธยกฺขสฺส จิตฺตํ ถทฺธตรํ หุตฺวา ธมฺมกถาย ภาชนํ น ภเวยฺย. ตสฺมา ยถา นาม มาตา โรทนฺตํ ปุตฺตกํ ยํ โส อิจฺฉติ, ตํ ทตฺวา วา กตฺวา วา สฺาเปสิ ตถา ภควา กิเลสโรทเนน โรทนฺตํ ยกฺขํ สฺาเปตุํ ยํ โส ภณติ, ตํ อกาสิ. ยถา จ ธาตี ถฺํ อปิวนฺตํ ทารกํ กิฺจิ ทตฺวา อุปลาเฬตฺวา ปาเยติ, ตถา ภควา ยกฺขํ โลกุตฺตรธมฺมขีรํ ปาเยตุํ ตสฺส ปตฺถิตวจนกรเณน อุปลาเฬนฺโต เอวมกาสิ. ยถา จ ปุริโส ลาพุมฺหิ จตุมธุรํ ปูเรตุกาโม ตสฺสพฺภนฺตรํ โสเธติ, เอวํ ภควา ยกฺขสฺส จิตฺเต โลกุตฺตรจตุมธุรํ ปูเรตุกาโม ตสฺสพฺภนฺตเร โกธมลํ โสเธตุํ ยาว ตติยํ นิกฺขมนปวิสนํ อกาสิ.

อถ อาฬวโก ‘‘สุพฺพโจ อยํ สมโณ ‘นิกฺขมา’ติ วุตฺโต นิกฺขมติ, ‘ปวิสา’ติ วุตฺโต ปวิสติ. ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ เอวเมว สกลรตฺตึ กิลเมตฺวา ปาเท คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺย’’นฺติ? ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา จตุตฺถวารํ อาห นิกฺขม, สมณาติ. ตํ ตฺวา ภควา น ขฺวาหํ ตนฺติ อาห. เอวํ วา วุตฺเต ตทุตฺตริกรณียํ ปริเยสมาโน ปฺหํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺิสฺสติ. ตํ ธมฺมกถาย มุขํ ภวิสฺสตีติ ตฺวา, น ขฺวาหํ ตนฺติ อาห. ตตฺถ -อิติ ปฏิกฺเขเป. โขติ อวธารเณ. อหนฺติ อตฺตนิทสฺสนํ. นฺติ เหตุวจนํ. เตเนเวตฺถ ‘‘ยสฺมา ตฺวํ เอวํ จินฺเตสิ, ตสฺมา อหํ, อาวุโส, เนว นิกฺขมิสฺสามิ, ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ตโต อาฬวโก ยสฺมา ปุพฺเพปิ อากาเสน คมนเวลาย – ‘‘กึ นุ โข เอตํ สุวณฺณวิมานํ, อุทาหุ รชตมณิวิมานานํ อฺตรํ, หนฺท นํ ปสฺสามา’’ติ เอวํ อตฺตโน วิมานํ อาคเต อิทฺธิมนฺเต ตาปสปริพฺพาชเก ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเต จิตฺตกฺเขปาทีหิ วิเหเติ, ตสฺมา ภควนฺตมฺปิ ตถา วิเหเสฺสามีติ มฺมาโน ปฺหํ ตนฺติอาทิมาห.

กุโต ปนสฺส ปฺหาติ ? ตสฺส กิร มาตาปิตโร กสฺสปํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตฺวา อฏฺ ปฺเห สห วิสฺสชฺชเนน อุคฺคเหสุํ. เต ทหรกาเล อาฬวกํ ปริยาปุณาเปสุํ; โส กาลจฺจเยน วิสฺสชฺชนํ สมฺมุสฺสิ. ตโต ‘‘อิเม ปฺหาปิ มา วินสฺสนฺตู’’ติ สุวณฺณปฏฺเ ชาติหิงฺคุลเกน เลขาเปตฺวา วิมาเน นิกฺขิปิ. เอวเมเต ปุฏฺปฺหา พุทฺธวิสยาว โหนฺติ. ภควา ตํ สุตฺวา ยสฺมา พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตลาภนฺตราโย วา ชีวิตนฺตราโย วา สพฺพฺุตฺาณพฺยามปฺปภาทิปฏิฆาโต วา น สกฺกา เกนจิ กาตุํ, ตสฺมา นํ โลเก อสาธารณํ พุทฺธานุภาวํ ทสฺเสนฺโต น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเกติอาทิมาห.

เอวํ ภควา ตสฺส พาธนจิตฺตํ ปฏิเสเธตฺวา ปฺหาปุจฺฉเน อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อาห อปิจ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ, ยทากงฺขสีติ. ตสฺสตฺโถ – ปุจฺฉ, ยทิ อากางฺขสิ, น เม ปฺหาวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถิ. อถ วา ปุจฺฉ, ยํ อากงฺขสิ. สพฺพํ เต วิสฺสชฺเชสฺสามีติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ อสาธารณํ ปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวกมหาสาวเกหิ. เอวํ ภควโต สพฺพฺุปวารณาย ปวาริตาย อถ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ.

ตตฺถ กึ สูธ วิตฺตนฺติ, กึ สุ อิธ วิตฺตํ. วิตฺตนฺติ ธนํ. ตํ หิ ปีติสงฺขาตํ วิตฺตึ กโรติ, ตสฺมา ‘‘วิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. สุจิณฺณนฺติ สุกตํ. สุขนฺติ กายิกเจตสิกํ สาตํ. อาวหาตีติ อาวหติ อาเนติ เทติ อปฺเปติ. หเว-อิติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต. สาทุตรนฺติ อติสเยน สาทุ. ‘‘สาธุตร’’นฺติปิ ปาโ. รสานนฺติ รสสฺิตานํ ธมฺมานํ. กถนฺติ เกน ปกาเรน. กถํชีวิโน ชีวิตํ กถํชีวึชีวิตํ. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน สานุนาสิกํ วุจฺจติ. กถํชีวึ ชีวตนฺติ วา ปาโ, ตสฺส ‘‘ชีวนฺตานํ กถํชีวิ’’นฺติ อตฺโถ. เอวํ อิมาย คาถาย ‘‘กึ สุ อิธ โลเก ปุริสสฺส วิตฺตํ เสฏฺํ? กึ สุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ? กึ รสานํ สาทุตรํ? กถํชีวึ ชีวิตํ เสฏฺมาหู’’ติ? อิเม จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ.

อถสฺส ภควา กสฺสปทสพเลน วิสฺสชฺชิตนเยเนว วิสฺสชฺเชนฺโต อิมํ คาถมาห สทฺธีธ วิตฺตนฺติ. ตตฺถ ยถา หิรฺสุวณฺณาทิ วิตฺตํ อุปโภคสุขํ อาวหติ, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, ทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, มุตฺตาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺตติฺจ อาวหติ, เอวํ โลกิยโลกุตฺตรา สทฺธาปิ ยถาสมฺภวํ โลกิยโลกุตฺตรํ วิปากํ สุขมาวหติ, สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนานํ ชาติชราทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, คุณทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, สติสมฺโพชฺฌงฺคาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ.

‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;

ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓) –

วจนโต โลกสนฺตติฺจ อาวหตีติ กตฺวา ‘‘วิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เตสํ สทฺธาวิตฺตํ อนุคามิกํ อนฺสาธารณํ สพฺพสมฺปตฺติเหตุ, โลกิยสฺส หิรฺสุวณฺณาทิวิตฺตสฺสาปิ นิทานํ. สทฺโธเยว หิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา วิตฺตํ อธิคจฺฉติ, อสฺสทฺธสฺส ปน วิตฺตํ ยาวเทว อนตฺถาย โหติ, ตสฺมา เสฏฺนฺติ วุตฺตํ. ปุริสสฺสาติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทเทสนา. ตสฺมา น เกวลํ ปุริสสฺส, อิตฺถิอาทีนมฺปิ สทฺธาวิตฺตเมว เสฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ.

ธมฺโมติ ทสกุสลธมฺโม, ทานสีลภาวนาธมฺโม วา. สุจิณฺโณติ สุกโต สุจริโต. สุขมาวหตีติ โสณเสฏฺิปุตฺตรฏฺปาลาทีนํ วิย มนุสฺสสุขํ, สกฺกาทีนํ วิย ทิพฺพสุขํ, ปริโยสาเน มหาปทุมาทีนํ วิย นิพฺพานสุขฺจ อาวหติ.

สจฺจนฺติ อยํ สจฺจสทฺโท อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. เสยฺยถิทํ – ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา ’’ ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๒๔) วาจาสจฺเจ. ‘‘สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) วิรติสจฺเจ. ‘‘กสฺมา นุ สจฺจานิ วทนฺติ นานา, ปวาทิยาเส กุสลา วทานา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๑) ทิฏฺิสจฺเจ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณสจฺจานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๘๕) พฺราหฺมณสจฺเจ. ‘‘เอกํ หิ สจฺจํ น ทุติยมตฺถี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๐; มหานิ. ๑๑๙) ปรมตฺถสจฺเจ. ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ กติ กุสลา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๒๑๖) อริยสจฺเจ. อิธ ปน ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํ วิรติสจฺจฺจ อพฺภนฺตรํ กตฺวา วาจาสจฺจํ อธิปฺเปตํ, ยสฺสานุภาเวน อุทกาทีนิ วเส วตฺเตนฺติ, ชาติชรามรณปารํ ตรนฺติ. ยถาห –

‘‘สจฺเจน วาเจนุทกมฺหิ ธาวติ,

วิสมฺปิ สจฺเจน หนนฺติ ปณฺฑิตา;

สจฺเจน เทโว ถนยํ ปวสฺสติ,

สเจ ิตา นิพฺพุตึ ปตฺถยนฺติ.

‘‘เย เกจิเม อตฺถิ รสา ปถพฺยา,

สจฺจํ เตสํ สาทุตรํ รสานํ;

สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จ,

ตรนฺติ ชาติมรณสฺส ปาร’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓);

สาทุตรนฺติ มธุรตรํ ปณีตตรํ. รสานนฺติ เย อิเม ‘‘มูลรโส ขนฺธรโส’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๒๘-๖๓๐) นเยน สายนียธมฺมา, เยจิเม ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ผลรสํ (มหาว. ๓๐๐), อรสรูโป ภวํ โคตโม, เย เต, พฺราหฺมณ, รูปรสา สทฺทรสา (ปารา. ๓; อ. นิ. ๘.๑๑), อนาปตฺติ รสรเส (ปาจิ. ๖๐๕-๖๑๑), อยํ ธมฺมวินโย เอกรโส วิมุตฺติรโส (จูฬว. ๓๘๕; อ. นิ. ๘.๑๙), ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺสา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๔๙) นเยน รูปาจารรสุปวชฺชา อวเสสา พฺยฺชนาทโย ‘‘ธมฺมรสา’’ติ วุจฺจนฺติ . เตสํ รสานํ สจฺจํ หเว สาทุตรํ สจฺจเมว สาทุตรํ. สาธุตรํ วา, เสฏฺตรํ, อุตฺตมตรํ. มูลรสาทโย หิ สรีรมุปพฺรูเหนฺติ, สํกิเลสิกฺจ สุขมาวหนฺติ. สจฺจรเส วิรติสจฺจวาจาสจฺจรสา สมถวิปสฺสนาทีหิ จิตฺตํ อุปพฺรูเหติ, อสํกิเลสิกฺจ สุขมาวหติ. วิมุตฺติรโส ปรมตฺถสจฺจรสปริภาวิตตฺตา สาทุ, อตฺถรสธมฺมรสา จ ตทธิคมูปายภูตํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ นิสฺสาย ปวตฺติโตติ.

ปฺาชีวึชีวิตนฺติ เอตฺถ ปน ยฺวายํ อนฺเธกจกฺขุทฺวิจกฺขุเกสุ ทฺวิจกฺขุปุคฺคโล คหฏฺโ วา กมฺมนฺตานุฏฺาน-สรณคมนทาน-สํวิภาค-สีลสมาทานุโปสถกมฺมาทิ คหฏฺปฏิปทํ, ปพฺพชิโต วา อวิปฺปฏิสารกรสีลสงฺขาตํ ตทุตฺตริจิตฺตวิสุทฺธิอาทิเภทมฺปิ ปพฺพชิตปฏิปทํ ปฺาย อาราเธตฺวา ชีวติ, ตสฺส ปฺาย ชีวิโน ชีวิตํ, ตํ วา ปฺาชีวิตํ เสฏฺมาหูติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ ภควตา วิสฺสชฺชิเต จตฺตาโรปิ ปฺเห สุตฺวา อตฺตมโน ยกฺโข อวเสเสปิ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉนฺโต กถํสุ ตรติ โอฆนฺติ คาถมาห. อถสฺส ภควา ปุริมนเยเนว วิสฺสชฺเชนฺโต สทฺธาย ตรตีติ คาถมาห. ตตฺถ กิฺจาปิ โย จตุพฺพิธโมฆํ ตรติ, โส สํสารณฺณวมฺปิ ตรติ, วฏฺฏทุกฺขมฺปิ อจฺเจติ, กิเลสมลาปิ ปริสุชฺฌติ, เอวํ สนฺเตปิ ปน ยสฺมา อสฺสทฺโธ โอฆตรณํ อสทฺทหนฺโต น ปกฺขนฺทติ, ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺเคน ปมตฺโต ตตฺเถว วิสตฺตตฺตา สํสารณฺณวํ น ตรติ, กุสีโต ทุกฺขํ วิหรติ โวกิณฺโณ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, อปฺปฺโ สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต น ปริสุชฺฌติ, ตสฺมา ตปฺปฏิปกฺขํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา อยํ คาถา วุตฺตา.

เอวํ วุตฺตาย เจตาย ยสฺมา โสตาปตฺติยงฺคปทฏฺานํ สทฺธินฺทฺริยํ, ตสฺมา สทฺธาย ตรติ โอฆนฺติ อิมินา ปเทน ทิฏฺโฆตรณํ โสตาปตฺติมคฺคํ โสตาปนฺนฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา ปน โสตาปนฺโน กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย สาตจฺจกิริยสงฺขเตน อปฺปมาเทน สมนฺนาคโต ทุติยมคฺคํ อาราเธตฺวา เปตฺวา สกิเทวิมํ โลกํ อาคมนมคฺคํ อวเสสํ โสตาปตฺติมคฺเคน อติณฺณํ ภโวฆวตฺถุํ สํสารณฺณวํ ตรติ, ตสฺมา อปฺปมาเทน อณฺณวนฺติ อิมินา ปเทน ภโวฆตรณํ สกทาคามิมคฺคํ สกทาคามิฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา จ สกทาคามี วีริเยน ตติยมคฺคํ อาราเธตฺวา สกทาคามิมคฺเคน อนตีตํ กาโมฆวตฺถุํ กาโมฆสฺิตฺจ กามทุกฺขมจฺเจติ, ตสฺมา วีริเยน ทุกฺขมจฺเจตีติ อิมินา ปเทน กาโมฆตรณํ อนาคามิมคฺคํ อนาคามิฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา ปน อนาคามี วิคตกามสฺาย ปริสุทฺธาย ปฺาย เอกนฺตปริสุทฺธํ จตุตฺถมคฺคปฺํ อาราเธตฺวา อนาคามิมคฺเคน อปฺปหีนํ อวิชฺชาสงฺขาตํ ปรมมลํ ปชหติ, ตสฺมา ปฺาย ปริสุชฺฌตีติ, อิมินา ปเทน อวิชฺโชฆตรณํ อรหตฺตมคฺคฺจ อรหตฺตฺจ ปกาเสติ. อิมาย จ อรหตฺตนิกูเฏน กถิตาย คาถาย ปริโยสาเน ยกฺโข โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

อิทานิ ตเมว ‘‘ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ปฺาปทํ คเหตฺวา อตฺตโน ปฏิภาเนน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต กถํสุ ลภเต ปฺนฺติ อิมํ ฉปฺปทํ คาถมาห. ตตฺถ กถํสูติ สพฺพตฺเถว อตฺถยุตฺติปุจฺฉา โหนฺติ. อยํ หิ ปฺาทิอตฺถํ ตฺวา ตสฺส ยุตฺตึ ปุจฺฉติ – ‘‘กถํ, กาย ยุตฺติยา, เกน การเณน ปฺํ ลภตี’’ติ? เอส นโย ธนาทีสุ.

อถสฺส ภควา จตูหิ การเณหิ ปฺาลาภํ ทสฺเสนฺโต สทฺทหาโนติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – เยน ปุพฺพภาเค กายสุจริตาทิเภเทน อปรภาเค จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยเภเทน ธมฺเมน อรหนฺโต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกา นิพฺพานํ ปตฺตา, ตํ สทฺทหาโน อรหตํ ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา โลกิยโลกุตฺตรปฺํ ลภติ, ตฺจ โข น สทฺธามตฺตเกเนว. ยสฺมา ปน สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ , อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ตสฺมา อุปสงฺกมนโต ปภุติ ยาว ธมฺมสฺสวเนน สุสฺสูสํ ลภติ. กึ วุตฺตํ โหติ – ตํ ธมฺมํ สทฺทหิตฺวาปิ อาจริยุปชฺฌาเย กาเลน อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตกรเณน ปยิรุปาสิตฺวา ยทา ปยิรุปาสนาย อาราธิตจิตฺตา กิฺจิ วตฺตุกามา โหนฺติ. อถ อธิคตาย โสตุกามตาย โสตํ โอทหิตฺวา สุณนฺโต ลภตีติ. เอวํ สุสฺสูสมฺปิ จ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺโต สุภาสิตทุพฺภาสิตฺุตาย วิจกฺขโณ เอว ลภติ, น อิตโร. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ’’ติ.

เอวํ ยสฺมา สทฺธาย ปฺลาภสํวตฺตนิกํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ, สุสฺสูสาย สกฺกจฺจํ ปฺาธิคมูปายํ สุณาติ, อปฺปมาเทน คหิตํ น ปมุสฺสติ. วิจกฺขณตาย อนูนาธิกํ อวิปรีตฺจ คเหตฺวา วิตฺถาริกํ กโรติ. สุสฺสูสาย วา โอหิตโสโต ปฺาปฏิลาภเหตุํ ธมฺมํ สุณาติ, อปฺปมาเทน สุตธมฺมํ ธาเรติ, วิจกฺขณตาย ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อถานุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมาสฺส ภควา ‘‘กถํสุ ลภเต ปฺ’’นฺติ ปุฏฺโ อิมานิ จตฺตาริ การณานิ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห.

อิทานิ ตโต ปเร ตโย ปฺเห วิสฺสชฺเชนฺโต ปติรูปการีติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ เทสกาลาทีนิ อหาเปตฺวา โลกิยสฺส โลกุตฺตรสฺส วา ธนสฺส ปติรูปํ อธิคมูปายํ กโรตีติ ปติรูปการี. ธุรวาติ เจตสิกวีริยวเสน อนิกฺขิตฺตธุโร. อุฏฺาตาติ, ‘‘โย จ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺตี’’ติอาทินา (เถรคา. ๒๓๒) นเยน กายิกวีรียวเสน อุฏฺานสมฺปนฺโน อสิถิลปรกฺกโม. วินฺทเต ธนนฺติ เอกมูสิกาย นจิรสฺเสว จตุสตสหสฺสสงฺขํ จูฬนฺเตวาสี วิย โลกิยธนฺจ, มหลฺลกมหาติสฺสตฺเถโร วิย โลกุตฺตรธนฺจ ลภติ. โส ‘‘ตีหิเยว อิริยาปเถหิ วิหริสฺสามี’’ติ วตฺตํ กตฺวา ถินมิทฺธาคมนเวลาย ปลาลจุมฺพฏกํ เตเมตฺวา สีเส กตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ถินมิทฺธํ ปฏิพาหนฺโต ทสหิ วสฺเสหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สจฺเจนาติ วจีสจฺเจนาปิ ‘‘สจฺจวาที ภูตวาที’’ติ, ปรมตฺถสจฺเจนาปิ ‘‘พุทฺโธ ปจฺเจกพุทฺโธ อริยสาวโก’’ติ เอวํ กิตฺตึ ปปฺโปติ. ททนฺติ ยํกิฺจิ อิจฺฉิตปตฺถิตํ ททนฺโต มิตฺตานิ คนฺถติ, สมฺปาเทติ กโรตีติ อตฺโถ. ทุทฺททํ วา ททํ ตํ คนฺถติ. ทานมุเขน วา จตฺตาริปิ สงฺคหวตฺถูนิ คหิตานีติ เวทิตพฺพานิ, เตหิ มิตฺตานิ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.

เอวํ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารเณน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเกน นเยน จตฺตาโร ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ‘‘กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติ อิมํ ปฺจมํ ปฺหํ คหฏฺวเสน วิสฺสชฺเชนฺโต ยสฺเสเตติอาทีมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ‘‘สทฺทหาโน อรหต’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตาย สพฺพกลฺยาณธมฺมุปฺปาทิกาย สทฺธาย สมนฺนาคตตฺตา สทฺธสฺส, ฆรเมสิโนติ ฆราวาสํ ปฺจ วา กามคุเณ เอสนฺตสฺส คเวสนฺตสฺส กามโภคิโน คหฏฺสฺส ‘‘สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการํ สจฺจํ. ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติ เอตฺถ สุสฺสูสปฺานาเมน วุตฺโตว ทโม. ‘‘ธุรวา อุฏฺาตา’’ติ เอตฺถ ธุรนาเมน อุฏฺานนาเมน จ วุตฺตา ธิติ. ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปกาโร จาโค จาติ เอเต จตุโร ธมฺมา สนฺติ. ส เว เปจฺจ น โสจตีติ อิธโลกา ปรโลกํ คนฺตฺวา ส เว น โสจตีติ.

เอวํ ภควา ปฺจมมฺปิ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตํ ยกฺขํ โจเทนฺโต อิงฺฆ อฺเปีติอาทิมาห. ตตฺถ อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อฺเปีติ อฺเปิ ธมฺเม ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉสฺสุ. อฺเปิ วา ปูรณาทโย สพฺพฺุปฏิฺเ ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉสฺสุ. ยทิ อมฺเหหิ ‘‘สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการา สจฺจา ภิยฺโย กิตฺติปฺปตฺติการณํ วา, ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติ เอตฺถ สุสฺสูสาติ ปฺาปเทเสน วุตฺตา ทมฺมา ภิยฺโย โลกิยโลกุตฺตรปฺาปฏิลาภการณํ วา, ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการา จาคา ภิยฺโย มิตฺตคนฺถนการณํ วา, ‘‘ธุรวา อุฏฺาตา’’ติ เอตฺถ ตํ ตํ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ธุรนาเมน อุฏฺานนาเมน จ วุตฺตาย มหาภารสหนตฺเถน อุสฺโสฬฺหิภาวปฺปตฺตาย วีริยสงฺขาตาย ขนฺตฺยา ภิยฺโย โลกิยโลกุตฺตรธนวินฺทนการณํ วา, ‘‘สจฺจํ ทมฺโม ธิติ จาโค’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อิเมเหว จตูหิ ธมฺเมหิ ภิยฺโย อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ เปจฺจ อโสจนการณํ วา อิธ วิชฺชตีติ อยเมตฺถ สทฺธึ สงฺเขปโยชนาย อตฺถวณฺณนา. วิตฺถารโต ปน เอกเมกํ ปทํ อตฺถุทฺธารปทุทฺธารปทวณฺณนานเยหิ วิภชิตฺวา เวทิตพฺพา.

เอวํ วุตฺเต ยกฺโข เยน สํสเยน อฺเ ปุจฺเฉยฺย, ตสฺส ปหีนตฺตา กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณติ วตฺวา เยปิสฺส อปุจฺฉนการณํ น ชานนฺติ, เตปิ ชานาเปนฺโต โยหํ อชฺชปชานามิ, โย อตฺโถ สมฺปรายิโกติ อาห. ตตฺถ อชฺชาติ อชฺชาทึ กตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปชานามีติ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ชานามิ. โย อตฺโถติ เอตฺตาวตา ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ ทิฏฺธมฺมิกํ ทสฺเสติ. สมฺปรายิโกติ อิมินา ‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ เปจฺจ โสกาภาวการณํ สมฺปรายิกํ. อตฺโถติ จ การณสฺเสตํ อธิวจนํ. อยํ หิ อตฺถสทฺโท ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๒๕๕) ปาตฺเถ วตฺตติ. ‘‘อตฺโถ เม, คหปติ, หิรฺสุวณฺเณนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๕๐; ม. นิ. ๓.๒๕๘) วิจกฺขเณ. ‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๑๑) วุฑฺฒิมฺหิ. ‘‘พหุชโน ภชเต อตฺถเหตู’’ติอาทีสุ ธเน. ‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๖๖; สํ. นิ. ๑.๒๕๐; เถรคา. ๔๔๓) หิเต . ‘‘อตฺเถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๙๒) การเณ. อิธ ปน การเณ. ตสฺมา ยํ ปฺาทิลาภาทีนํ การณํ ทิฏฺธมฺมิกํ, ยฺจ เปจฺจ โสกาภาวสฺส การณํ สมฺปรายิกํ, ตํ โยหํ อชฺช ภควตา วุตฺตนเยน สามํเยว ปชานามิ, โส กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ ปุถู สมณพฺราหฺมเณติ เอวเมตฺถ สงฺเขปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เอวํ ยกฺโข ‘‘ปชานามิ โย อตฺโถ สมฺปรายิโก’’ติ วตฺวา ตสฺส าณสฺส ภควํมูลกตฺตํ ทสฺเสนฺโต อตฺถาย วต เม พุทฺโธติ อาห. ตตฺถ อตฺถายาติ หิตาย วุฑฺฒิยา จ. ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ ‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา’’ติ เอตฺถ วุตฺตจาเคน ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ, ตํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ พุทฺธํ ปชานามีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘สงฺฆํ สนฺธาย เอวมาหา’’ติ ภณนฺติ.

เอวํ อิมาย คาถาย อตฺตโน หิตาธิคมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สหิตปฏิปตฺตึ ทีเปนฺโต โส อหํ วิจริสฺสามีติอาทิมาห. ตตฺถ คามา คามนฺติ เทวคามา เทวคามํ. ปุรา ปุรนฺติ เทวนครโต เทวนครํ. นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต ภควา, สฺวากฺขาโต วต ภควโต ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน พุทฺธสุโพธิตฺจ ธมฺมสุธมฺมตฺจ จ-สทฺเทน ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน วต ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ อภิตฺถวิตฺวา นมสฺสมาโน ธมฺมโฆสโก หุตฺวา วิจริสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.

เอวมิมาย คาถาย ปริโยสานฺจ รตฺติวิภาวนฺจ สาธุการสทฺทุฏฺานฺจ อาฬวกกุมารสฺส ยกฺขภวนํ อานยนฺจ เอกกฺขเณเยว อโหสิ. ราชปุริสา สาธุการสทฺทํ สุตฺวา – ‘‘เอวรูโป สาธุการสทฺโท เปตฺวา พุทฺเธ น อฺเสํ อพฺภุคฺคจฺฉติ, อาคโต นุ โข ภควา’’ติ อาวชฺเชนฺตา ภควโต สรีรปฺปภํ ทิสฺวา ปุพฺเพ วิย พหิ อฏฺตฺวา นิพฺพิสงฺกา อนฺโตเยว ปวิสิตฺวา อทฺทสํสุ ภควนฺตํ ยกฺขสฺส ภวเน นิสินฺนํ, ยกฺขฺจ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิตํ. ทิสฺวาน ยกฺขํ อาหํสุ – ‘‘อยํ เต, มหายกฺข, ราชกุมาโร พลิกมฺมาย อานีโต, หนฺท นํ ขาท วา ภุฺช วา, ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ. โส โสตาปนฺนตฺตา ลชฺชิโต วิเสเสน จ ภควโต ปุรโต เอวํ วุจฺจมาโน อถ ตํ กุมารํ อุโภหิ หตฺเถหิ ปฏิคฺคเหตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ ‘‘อยํ, ภนฺเต, กุมาโร มยฺหํ เปสิโต, อิมาหํ ภควโต ทมฺมิ, หิตานุกมฺปกา พุทฺธา, ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, ภควา อิมํ ทารกํ อิมสฺส หิตตฺถาย สุขตฺถายา’’ติ อิมฺจ คาถมาห –

‘‘อิมํ กุมารํ สตปุฺลกฺขณํ,

สพฺพงฺคุเปตํ ปริปุณฺณพฺยฺชนํ;

อุทคฺคจิตฺโต สุมโน ททามิ เต,

ปฏิคฺคห โลกหิตาย จกฺขุมา’’ติ.

ปฏิคฺคเหสิ ภควา กุมารํ. ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ ยกฺขสฺส จ กุมารสฺส จ มงฺคลกรณตฺถํ ปาทูนคาถํ อภาสิ. ตํ ยกฺโข กุมารํ สรณํ คเมนฺโต ติกฺขตฺตุํ จตุตฺถปาเทน ปูเรสิ. เสยฺยถิทํ –

‘‘ทีฆายุโก โหตุ อยํ กุมาโร,

ตุวฺจ ยกฺข สุขิโต ภวาหิ;

อพฺยาธิตา โลกหิตาย ติฏฺถ,

อยํ กุมาโร สรณมุเปติ พุทฺธํ;

อยํ กุมาโร สรณมุเปติ ธมฺมํ;

อยํ กุมาโร สรณมุเปติ สงฺฆ’’นฺติ.

อถ ภควา กุมารํ ราชปุริสานํ อทาสิ – ‘‘อิมํ วฑฺเฒตฺวา ปุน มเมว เทถา’’ติ. เอวํ โส กุมาโร ราชปุริสานํ หตฺถโต ยกฺขสฺส หตฺถํ, ยกฺขสฺส หตฺถโต ภควโต หตฺถํ, ภควโต หตฺถโต ปุน ราชปุริสานํ หตฺถํ คตตฺตา นามโต ‘‘หตฺถโก อาฬวโก’’ติ ชาโต. ตํ อาทาย ปฏินิวตฺเต ราชปุริเส ทิสฺวา กสฺสกวนกมฺมิกาทโย ‘‘กึ ยกฺโข กุมารํ อติทหรตฺตา น อิจฺฉี’’ติ? ภีตา ปุจฺฉึสุ. ราชปุริสา ‘‘มา ภายถ. เขมํ กตํ ภควตา’’ติ สพฺพมาโรเจสุํ . ตโต ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สกลํ อาฬวินครํ เอกโกลาหเลน ยกฺขาภิมุขํ อโหสิ. ยกฺโขปิ ภควโต ภิกฺขาจารกาเล อนุปฺปตฺเต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อุปฑฺฒมคฺคํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.

อถ ภควา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ นครทฺวาเร อฺตรสฺมึ วิวิตฺเต รุกฺขมูเล ปฺตฺตพุทฺธาสเน นิสีทิ. ตโต มหาชนกาเยน สทฺธึ ราชา จ นาครา จ เอกโต สมฺปิณฺฑิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา – ‘‘กถํ, ภนฺเต, เอวํ ทารุณํ ยกฺขํ ทมยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เตสํ ภควา ยุทฺธมาทึ กตฺวา ‘‘เอวํ นววิธํ วสฺสํ วสฺเสตฺวา เอวํ วิภึสนกํ อกาสิ, เอวํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ตสฺสาหํ เอวํ วิสฺสชฺเชสิ’’นฺติ ตเมวาฬวกสุตฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตโต ราชา เจว นาครา จ เวสฺสวณมหาราชสฺส ภวนสมีเป ยกฺขสฺส ภวนํ กตฺวา ปุปฺผคนฺธาทิสกฺการุเปตํ นิจฺจพลึ ปวตฺเตสุํ. ตฺจ กุมารํ วิฺุตํ ปตฺตํ ‘‘ตฺวํ ภควนฺตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิ, คจฺฉ ภควนฺตํเยว ปยิรุปาสสฺสุ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. โส ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปยิรุปาสมาโน นจิรสฺเสว อนาคามิผเล ปติฏฺาย สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ปฺจสตอุปาสกปริวาโร อโหสิ. ภควา จ นํ เอตทคฺเค นิทฺทิสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ อุปาสกานํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ สงฺคณฺหนฺตานํ ยทิทํ หตฺถโก อาฬวโก’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๕๑). ทฺวาทสมํ.

อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา

สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย

ยกฺขสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.