📜

๘. วงฺคีสสํยุตฺตํ

๑. นิกฺขนฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๐๙. วงฺคีสสํยุตฺตสฺส ปเม อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเย. อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิ, เจติยานิ อเหสุํ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตานิ อปเนตฺวา มนุสฺสา วิหาเร กรึสุ. เตสํ ตาเนว นามานิ ชาตานิ. นิคฺโรธกปฺเปนาติ นิคฺโรธรุกฺขมูลวาสินา กปฺปตฺเถเรน. โอหิยฺยโกติ โอหีนโก. วิหารปาโลติ โส กิร ตทา อวสฺสิโก โหติ ปตฺตจีวรคฺคหเณ อโกวิโท. อถ นํ เถรา ภิกฺขู – ‘‘อาวุโส, อิมานิ ฉตฺตุปาหนกตฺตรยฏฺิอาทีนิ โอโลเกนฺโต นิสีทา’’ติ วิหารรกฺขกํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิหารปาโล’’ติ. สมลงฺกริตฺวาติ อตฺตโน วิภวานุรูเปน อลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา. จิตฺตํ อนุทฺธํเสตีติ กุสลจิตฺตํ วิทฺธํเสติ วินาเสติ. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตสฺมึ ราเค อุปฺปนฺเน ตํ การณํ กุโต ลพฺภา. ยํ เม ปโรติ เยน เม การเณน อฺโ ปุคฺคโล วา ธมฺโม วา อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อิทาเนว อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย อาจริยุปชฺฌายาปิ มํ วิหาเร โอหาย คตา.

อคารสฺมาติ อคารโต นิกฺขนฺตํ. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ อุปคตนฺติ อตฺโถ. กณฺหโตติ กณฺหปกฺขโต มารปกฺขโต อาธาวนฺติ. อุคฺคปุตฺตาติ อุคฺคตานํ ปุตฺตา มเหสกฺขา ราชฺภูตา. ทฬฺหธมฺมิโนติ ทฬฺหธนุโน, อุตฺตมปฺปมาณํ อาจริยธนุํ ธารยมานา. สหสฺสํ อปลายินนฺติ เย เต สมนฺตา สเรหิ ปริกิเรยฺยุํ, เตสํ อปลายีนํ สงฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สหสฺส’’นฺติ อาห. เอตโตภิยฺโยติ เอตสฺมา สหสฺสา อติเรกตรา. เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺตีติ มํ จาเลตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. ธมฺเม สมฺหิ ปติฏฺิตนฺติ อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาทนสมตฺเถ สเก สาสนธมฺเม ปติฏฺิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิสฺสาสสหสฺเส ตาว สมนฺตา สเรหิ ปริกิรนฺเต สิกฺขิโต ปุริโส ทณฺฑกํ คเหตฺวา สพฺเพ สเร สรีเร อปตมาเน อนฺตราว ปหริตฺวา ปาทมูเล ปาเตติ. ตตฺถ เอโกปิ อิสฺสาโส ทฺเว สเร เอกโต น ขิปติ, อิมา ปน อิตฺถิโย รูปารมฺมณาทิวเสน ปฺจ ปฺจ สเร เอกโต ขิปนฺติ. เอวํ ขิปนฺติโย เอตา สเจปิ อติเรกสหสฺสา โหนฺติ, เนว มํ จาเลตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ.

สกฺขี หิ เม สุตํ เอตนฺติ มยา หิ สมฺมุขา เอตํ สุตํ. นิพฺพานคมนํ มคฺคนฺติ วิปสฺสนํ สนฺธายาห. โส หิ นิพฺพานสฺส ปุพฺพภาคมคฺโค, ลิงฺควิปลฺลาเสน ปน ‘‘มคฺค’’นฺติ อาห. ตตฺถ เมติ ตสฺมึ เม อตฺตโน ตรุณวิปสฺสนาสงฺขาเต นิพฺพานคมนมคฺเค มโน นิรโต. ปาปิมาติ กิเลสํ อาลปติ. มจฺจูติปิ ตเมว อาลปติ. น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ ยถา เม ภวโยนิอาทีสุ คตมคฺคมฺปิ น ปสฺสสิ, ตถา กริสฺสามีติ. ปมํ.

๒. อรตีสุตฺตวณฺณนา

๒๑๐. ทุติเย นิกฺขมตีติ วิหารา นิกฺขมติ. อปรชฺชุ วา กาเลติ ทุติยทิวเส วา ภิกฺขาจารกาเล. วิหารครุโก กิเรส เถโร. อรติฺจ รติฺจาติ สาสเน อรตึ กามคุเณสุ จ รตึ. สพฺพโส เคหสิตฺจ วิตกฺกนฺติ ปฺจกามคุณเคหนิสฺสิตํ ปาปวิตกฺกฺจ สพฺพากาเรน ปหาย. วนถนฺติ กิเลสมหาวนํ. กุหิฺจีติ กิสฺมิฺจิ อารมฺมเณ. นิพฺพนโถติ นิกฺกิเลสวโน. อรโตติ ตณฺหารติรหิโต.

ปถวิฺจ เวหาสนฺติ ปถวิฏฺิตฺจ อิตฺถิปุริสวตฺถาลงฺการาทิวณฺณํ, เวหาสฏฺกฺจ จนฺทสูริโยภาสาทิ. รูปคตนฺติ รูปเมว. ชคโตคธนฺติ ชคติยา โอคธํ, อนฺโตปถวิยํ นาคภวนคตนฺติ อตฺโถ. ปริชียตีติ ปริชีรติ. สพฺพมนิจฺจนฺติ สพฺพํ ตํ อนิจฺจํ. อยํ เถรสฺส มหาวิปสฺสนาติ วทนฺติ. เอวํ สมจฺจาติ เอวํ สมาคนฺตฺวา. จรนฺติ มุตตฺตาติ วิฺาตตฺตภาวา วิหรนฺติ.

อุปธีสูติ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขาเรสุ. คธิตาติ คิทฺธา. ทิฏฺสุเตติ จกฺขุนา ทิฏฺเ รูเป, โสเตน สุเต สทฺเท. ปฏิเฆ จ มุเต จาติ เอตฺถ ปฏิฆปเทน คนฺธรสา คหิตา, มุตปเทน โผฏฺพฺพารมฺมณํ . โย เอตฺถ น ลิมฺปตีติ โย เอเตสุ ปฺจกามคุเณสุ ตณฺหาทิฏฺิเลเปหิ น ลิมฺปติ.

อถ สฏฺินิสฺสิตา สวิตกฺกา, ปุถู ชนตาย อธมฺมา นิวิฏฺาติ อถ ฉ อารมฺมณนิสฺสิตา ปุถู อธมฺมวิตกฺกา ชนตาย นิวิฏฺาติ อตฺโถ. จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจีติ เตสํ วเสน น กตฺถจิ กิเลสวคฺคคโต ภเวยฺย. โน ปน ทุฏฺุลฺลภาณีติ ทุฏฺุลฺลวจนภาณีปิ น สิยา. ส ภิกฺขูติ โส เอวํวิโธ ภิกฺขุ นาม โหติ.

ทพฺโพติ ทพฺพชาติโก ปณฺฑิโต. จิรรตฺตสมาหิโตติ ทีฆรตฺตํ สมาหิตจิตฺโต. นิปโกติ เนปกฺเกน สมนฺนาคโต ปริณตปฺโ. อปิหาลูติ นิตฺตณฺโห. สนฺตํ ปทนฺติ นิพฺพานํ. อชฺฌคมา มุนีติ อธิคโต มุนิ. ปฏิจฺจ ปรินิพฺพุโต กงฺขติ กาลนฺติ นิพฺพานํ ปฏิจฺจ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพานกาลํ อาคเมติ. ทุติยํ.

๓. เปสลสุตฺตวณฺณนา

๒๑๑. ตติเย อติมฺตีติ ‘‘กึ อิเม มหลฺลกา? น เอเตสํ ปาฬิ, น อฏฺกถา, น ปทพฺยฺชนมธุรตา, อมฺหากํ ปน ปาฬิปิ อฏฺกถาปิ นยสเตน นยสหสฺเสน อุปฏฺาตี’’ติ อติกฺกมิตฺวา มฺติ. โคตมาติ โคตมพุทฺธสาวกตฺตา อตฺตานํ อาลปติ. มานปถนฺติ มานารมฺมณฺเจว มานสหภุโน จ ธมฺเม. วิปฺปฏิสารีหุวาติ วิปฺปฏิสารี อหุวา, อโหสีติ อตฺโถ. มคฺคชิโนติ มคฺเคน ชิตกิเลโส. กิตฺติฺจ สุขฺจาติ วณฺณภณนฺจ กายิกเจตสิกสุขฺจ. อขิโลธ ปธานวาติ อขิโล อิธ ปธานวา วีริยสมฺปนฺโน. วิสุทฺโธติ วิสุทฺโธ ภเวยฺย. อเสสนฺติ นิสฺเสสํ นววิธํ. วิชฺชายนฺตกโรติ วิชฺชาย กิเลสานํ อนฺตกโร. สมิตาวีติ ราคาทีนํ สมิตตาย สมิตาวี. ตติยํ.

๔. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา

๒๑๒. จตุตฺเถ ราโคติ อายสฺมา อานนฺโท มหาปุฺโ สมฺภาวิโต, ตํ ราชราชมหามตฺตาทโย นิมนฺเตตฺวา อนฺโตนิเวสเน นิสีทาเปนฺติ. สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตาปิ อิตฺถิโย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตาลวณฺเฏน พีเชนฺติ, อุปนิสีทิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺถ อายสฺมโต วงฺคีสสฺส นวปพฺพชิตสฺส อารมฺมณํ ปริคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺตสฺส อิตฺถิรูปารมฺมเณ ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส สทฺธาปพฺพชิตตฺตา อุชุชาติโก กุลปุตฺโต ‘‘อยํ เม ราโค วฑฺฒิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ นาเสยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา อนนฺตรํ นิสินฺโนว เถรสฺส อตฺตานํ อาวิกโรนฺโต กามราเคนาติอาทิมาห.

ตตฺถ นิพฺพาปนนฺติ ราคนิพฺพานการณํ. วิปริเยสาติ วิปลฺลาเสน. สุภํ ราคูปสฺหิตนฺติ ราคฏฺานิยํ อิฏฺารมฺมณํ. ปรโต ปสฺสาติ อนิจฺจโต ปสฺส. มา จ อตฺตโตติ อตฺตโต มา ปสฺส. กายคตา ตฺยตฺถูติ กายคตา เต อตฺถุ. อนิมิตฺตฺจ ภาเวหีติ นิจฺจาทีนํ นิมิตฺตานํ อุคฺฆาฏิตตฺตา วิปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม, ตํ ภาเวหีติ วทติ. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา เจว ปหานาภิสมยา จ. อุปสนฺโตติ ราคาทิสนฺตตาย อุปสนฺโต. จตุตฺถํ.

๕. สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา

๒๑๓. ปฺจเม องฺเคหีติ การเณหิ, อวยเวหิ วา. มุสาวาทาเวรมณิอาทีนิ หิ จตฺตาริ สุภาสิตวาจาย การณานิ, สจฺจวจนาทโย จตฺตาโร อวยวา. การณตฺเถ จ องฺคสทฺเท ‘‘จตูหี’’ติ นิสฺสกฺกวจนํ โหติ, อวยวตฺเถ กรณวจนํ. สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จ. วาจาติ สมุลฺลปนวาจา, ยา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙) จ อาคตา. ‘‘ยา ปน วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ เอวํ วิฺตฺติ จ ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ…เป… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ (วิภ. ๒๐๖) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคตา, น สา อิธ อธิปฺเปตา. กสฺมา? อภาสิตพฺพโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อตฺถาวหตํ ทีเปติ. โน ทุพฺภาสิตาติ น ทุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อนตฺถาวหนปหานตํ ทีเปติ. อนวชฺชาติ ราคาทิวชฺชรหิตา. อิมินาสฺสา การณสุทฺธึ จตุโทสาภาวฺจ ทีเปติ. อนนุวชฺชาติ อนุวาทวิมุตฺตา . อิมินาสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺตึ ทีเปติ. วิฺูนนฺติ ปณฺฑิตานํ. เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติ.

สุภาสิตํเยวภาสตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย จตูสุ วาจงฺเคสุ อฺตรนิทฺโทสวจนเมตํ. โน ทุพฺภาสิตนฺติ ตสฺเสว วาจงฺคสฺส ปฏิปกฺขภาสนนิวารณํ. โน ทุพฺภาสิตนฺติ อิมินา มิจฺฉาวาจปฺปหานํ ทีเปติ. สุภาสิตนฺติ อิมินา ปหีนมิจฺฉาวาเจน ภาสิตพฺพวจนลกฺขณํ. องฺคปริทีปนตฺถํ ปเนตฺถ อภาสิตพฺพํ ปุพฺเพ อวตฺวา ภาสิตพฺพเมวาห. เอส นโย ธมฺมํเยวาติอาทีสุปิ. เอตฺถ จ ปเมน ปิสุณโทสรหิตํ สมคฺคกรณํ วจนํ วุตฺตํ, ทุติเยน สมฺผปฺปลาปโทสรหิตํ ธมฺมโต อนเปตํ มนฺตาวจนํ, อิตเรหิ ทฺวีหิ ผรุสาลิกรหิตานิ ปิยสจฺจวจนานิ. อิเมหิ โขติ อาทินา ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ตํ วาจํ นิคเมติ. ยฺจ อฺเ ปฏิฺาทีหิ อวยเวหิ, นามาทีหิ ปเทหิ, ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกสมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ มุสาวาทาทิวาจมฺปิ สุภาสิตนฺติ มฺนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. อวยวาทิสมนฺนาคตาปิ หิ ตถารูปี วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อนตฺถาวหตฺตา. อิเมหิ ปน จตูหงฺเคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตา. ตถา หิ มคฺคปสฺเส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฏิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณยุตฺตํ คีติกํ คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฏฺิมตฺตา วิปสฺสกา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตถา ติสฺโส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสรสมีเปน คจฺฉนฺโต ปทุมสเร ปทุมานิ ภฺชิตฺวา –

‘‘ปาโตว ผุลฺลิตโกกนทํ, สูริยาโลเกน ภิชฺชิยเต;

เอวํ มนุสฺสตฺตํ คตา สตฺตา, ชราภิเวเคน มทฺทิยนฺตี’’ติ. –

อิมํ คีติกํ คายนฺติยา เจฏิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต.

พุทฺธนฺตเรปิ อฺตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุตฺเตหิ สทฺธึ อฏวิโต อาคมฺม อฺตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกฏฺเฏนฺติยา –

‘‘ชราย ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตฉวิจมฺมนิสฺสิตํ;

มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆาสมามิสํ.

‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;

อสุจิสฺส ภาชนํ เอตํ, กทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติ. –

อิมํ คีติกํ สุตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺโต สห ปุตฺเตหิ ปจฺเจกโพธึ ปตฺโต. เอวํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาติ เวทิตพฺพา. สุภาสิตตฺตา เอว จ อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ อตฺถตฺถิกานํ อตฺถปฏิสรณานํ, โน พฺยฺชนปฏิสรณานนฺติ.

สารุปฺปาหีติ อนุจฺฉวิกาหิ. อภิตฺถวีติ ปสํสิ. น ตาปเยติ วิปฺปฏิสาเรน น ตาเปยฺย น วิพาเธยฺย. ปเรติ ปเรหิ ภินฺทนฺโต นาภิภเวยฺย น พาเธยฺย. อิติ อิมาย คาถาย อปิสุณวาจาวเสน ภควนฺตํ โถเมติ. ปฏินนฺทิตาติ ปิยายิตา. ยํ อนาทายาติ ยํ วาจํ ภาสนฺโต ปเรสํ ปาปานิ อปฺปิยานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อตฺถพฺยฺชนมธุรํ ปิยเมว ภาสติ, ตํ วาจํ ภาเสยฺยาติ ปิยวาจาวเสน อภิตฺถวิ.

อมตาติ สาธุภาเวน อมตสทิสา. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตา. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ ยา อยํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธมฺโม จริยา ปเวณี. อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ, น เต อลิกํ ภาสึสุ. เตเนวาห – สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตาติ.

ตตฺถ สจฺเจ ปติฏฺิตตฺตาว อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺเถ ปติฏฺิตา, อตฺเถ ปติฏฺิตตฺตา เอว ธมฺเม ปติฏฺิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. สจฺจวิเสสนเมว วา เอตํ. อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – สจฺเจ ปติฏฺิตา, กีทิเส? อตฺเถ จ ธมฺเม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธกรํ , ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติ. อิติ อิมาย คาถาย สจฺจวจนวเสน อภิตฺถวิ.

เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เกน การเณนาติ เจ. นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ. อถ วา ยํ พุทฺโธ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ อตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติ, สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ เสฏฺาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิติ อิมาย คาถาย มนฺตาวจนวเสน ภควนฺตํ อภิตฺถวนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺเปสีติ. ปฺจมํ.

๖. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๑๔. ฉฏฺเ โปริยาติ อกฺขราทิปริปุณฺณาย. วิสฺสฏฺายาติ อวิพทฺธาย อปลิพุทฺธาย. ธมฺมเสนาปติสฺส หิ กเถนฺตสฺส ปิตฺตาทีนํ วเสน อปลิพุทฺธวจนํ โหติ, อยทณฺเฑน ปหตกํสตาลโต สทฺโท วิย นิจฺฉรติ. อเนลคลายาติ อเนลาย อคลาย นิทฺโทสาย เจว อกฺขลิตปทพฺยฺชนาย จ. เถรสฺส หิ กถยโต ปทํ วา พฺยฺชนํ วา น ปริหายติ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ อตฺถสฺส วิฺาปนสมตฺถาย. ภิกฺขุนนฺติ ภิกฺขูนํ.

สํขิตฺเตนปีติ ‘‘จตฺตาริมานิ, อาวุโส, อริยสจฺจานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ทุกฺขํ อริยสจฺจํ…เป… อิมานิ โข, อาวุโส, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, ตสฺมาติห, อาวุโส, อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ โยโค กรณีโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๖-๑๐๙๘) เอวํ สํขิตฺเตนปิ เทเสติ. วิตฺถาเรนปีติ ‘‘กตมํ, อาวุโส, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๓) นเยน ตาเนว วิภชนฺโต วิตฺถาเรนปิ ภาสติ. ขนฺธาทิเทสนาสุปิ เอเสว นโย. สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ ยถา มธุรํ อมฺพปกฺกํ สายิตฺวา ปกฺเขหิ วาตํ ทตฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺติยา สาฬิกสกุณิยา นิคฺโฆโส, เอวํ เถรสฺส ธมฺมํ กเถนฺตสฺส มธุโร นิคฺโฆโส โหติ. ปฏิภานํ อุทีรยีติ สมุทฺทโต อูมิโย วิย อนนฺตํ ปฏิภานํ อุฏฺหติ. โอเธนฺตีติ โอทหนฺติ. ฉฏฺํ.

๗. ปวารณาสุตฺตวณฺณนา

๒๑๕. สตฺตเม ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ. อุปวสนฺตีติ จ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. โส ปเนส อุโปสถทิวโส อฏฺมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีเภเทน ติวิโธ, ตสฺมา เสสทฺวยนิวารณตฺถํ ปนฺนรเสติ วุตฺตํ. ปวารณายาติ วสฺสํ-วุฏฺ-ปวารณาย. วิสุทฺธิปวารณาติปิ เอติสฺสาว นามํ. นิสินฺโน โหตีติ สายนฺหสมเย สมฺปตฺตปริสาย กาลยุตฺตํ ธมฺมํ เทเสตฺวา อุทกโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา นิวตฺถนิวาสโน เอกํสํ สุคตมหาจีวรํ กตฺวา มชฺฌิมตฺถมฺภํ นิสฺสาย ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน ปุรตฺถิมทิสาย อุฏฺหโต จนฺทมณฺฑลสฺส สิรึ สิริยา อภิภวมาโน นิสินฺโน โหติ. ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตนฺติ ยโต ยโต อนุวิโลเกติ, ตโต ตโต ตุณฺหีภูตเมว. ตตฺถ หิ เอกภิกฺขุสฺสาปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา นตฺถิ, สพฺเพ นิรวา สนฺเตน อิริยาปเถน นิสีทึสุ. อนุวิโลเกตฺวาติ ทิสฺสมานปฺจปสาเทหิ เนตฺเตหิ อนุวิโลเกตฺวา. หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. น จ เม กิฺจิ ครหถาติ เอตฺถ น จ กิฺจีติ ปุจฺฉนตฺเถ น-กาโร. กึ เม กิฺจิ ครหถ? ยทิ ครหถ, วทถ, อิจฺฉาเปมิ โว วตฺตุนฺติ อตฺโถ. กายิกํ วา วาจสิกํ วาติ อิมินา กายวจีทฺวาราเนว ปวาเรติ, น มโนทฺวารํ. กสฺมา? อปากฏตฺตา. กายวจีทฺวาเรสุ หิ โทโส ปากโฏ โหติ, น มโนทฺวาเร. ‘‘เอกมฺเจ สยโตปิ หิ กึ จินฺเตสี’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา จิตฺตาจารํ ชานาติ. อิติ มโนทฺวารํ อปากฏตฺตา น ปวาเรติ, โน อปริสุทฺธตฺตา. โพธิสตฺตภูตสฺสาปิ หิ ตสฺส ภูริทตฺตฉทฺทนฺตสงฺขปาลธมฺมปาลาทิกาเล มโนทฺวารํ ปริสุทฺธํ, อิทาเนตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.

เอตทโวจาติ ธมฺมเสนาปติฏฺาเน ิตตฺตา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภารํ วหนฺโต เอตํ อโวจ. น โข มยํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, มยํ ภควโต น กิฺจิ ครหาม. กายิกํ วา วาจสิกํ วาติ อิทํ จตุนฺนํ อรกฺขิยตํ สนฺธาย เถโร อาห. ภควโต หิ จตฺตาริ อรกฺขิยานิ. ยถาห –

‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรกฺขิยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย, ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธมโนสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มโนทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย, ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธาชีโว, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มิจฺฉาอาชีโว, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๘).

อิทานิ ภควโต ยถาภูตคุเณ กเถนฺโต ภควา หิ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ อนุปฺปนฺนสฺสาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธโต ปฏฺาย อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา อนุปฺปาทิตปุพฺพสฺส. อสฺชาตสฺสาติ อิทํ อนุปฺปนฺนเววจนเมว. อนกฺขาตสฺสาติ อฺเน อเทสิตสฺส. ปจฺฉา สมนฺนาคตาติ ปมคตสฺส ภควโต ปจฺฉา สมนุอาคตา. อิติ เถโร ยสฺมา สพฺเพปิ ภควโต สีลาทโย คุณา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย อาคตา, ตสฺมา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย คุณํ กเถสิ. เตน สพฺพคุณา กถิตาว โหนฺติ. อหฺจ โข, ภนฺเตติ อิทํ เถโร สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อตฺตโน เจว สงฺฆสฺส จ กายิกวาจสิกํ ปวาเรนฺโต อาห.

ปิตราปวตฺติตนฺติ จกฺกวตฺติมฺหิ กาลงฺกเต วา ปพฺพชิเต วา สตฺตาหจฺจเยน จกฺกํ อนฺตรธายติ, ตโต ทสวิธํ ทฺวาทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ปุตฺตสฺส อฺํ ปาตุภวติ, ตํ โส ปวตฺเตติ. รตนมยตฺตา ปน สทิสฏฺเน ตเทว วตฺตํ กตฺวา ‘‘ปิตรา ปวตฺติต’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา วา โส ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหมนุสาสิสฺสามี’’ติ อาห, ตสฺมา ปิตรา ปวตฺติตํ อาณาจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นาม. สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตสีติ สมฺมา นเยน เหตุนา การเณเนว อนุปฺปวตฺเตสิ. ภควา หิ จตุสจฺจธมฺมํ กเถติ, เถโร ตเมว อนุกเถติ, ตสฺมา เอวมาห. อุภโตภาควิมุตฺตาติ ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺตา , อรูปาวจรสมาปตฺติยา รูปกายโต วิมุตฺตา, อคฺคมคฺเคน นามกายโตติ. ปฺาวิมุตฺตาติ ปฺาย วิมุตฺตา เตวิชฺชาทิภาวํ อปฺปตฺตา ขีณาสวา.

วิสุทฺธิยาติ วิสุทฺธตฺถาย. สํโยชนพนฺธนจฺฉิทาติ สํโยชนสงฺขาเต เจว พนฺธนสงฺขาเต จ กิเลเส ฉินฺทิตฺวา ิตา. วิชิตสงฺคามนฺติ วิชิตราคโทสโมหสงฺคามํ, มารพลสฺส วิชิตตฺตาปิ วิชิตสงฺคามํ. สตฺถวาหนฺติ อฏฺงฺคิกมคฺครเถ อาโรเปตฺวา เวเนยฺยสตฺถํ วาเหติ สํสารกนฺตารํ อุตฺตาเรตีติ ภควา สตฺถวาโห, ตํ สตฺถวาหํ. ปลาโปติ อนฺโตตุจฺโฉ ทุสฺสีโล. อาทิจฺจพนฺธุนนฺติ อาทิจฺจพนฺธุํ สตฺถารํ ทสพลํ วนฺทามีติ วทติ. สตฺตมํ.

๘. ปโรสหสฺสสุตฺตวณฺณนา

๒๑๖. อฏฺเม ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ. อกุโตภยนฺติ นิพฺพาเน กุโตจิ ภยํ นตฺถิ, นิพฺพานปฺปตฺตสฺส วา กุโตจิ ภยํ นตฺถีติ นิพฺพานํ อกุโตภยํ นาม. อิสีนํ อิสิสตฺตโมติ วิปสฺสิโต ปฏฺาย อิสีนํ สตฺตมโก อิสิ.

กึ นุ เต วงฺคีสาติ อิทํ ภควา อตฺถุปฺปตฺติวเสน อาห. สงฺฆมชฺเฌ กิร กถา อุทปาทิ ‘‘วงฺคีสตฺเถโร วิสฺสฏฺวตฺโต , เนว อุทฺเทเส, น ปริปุจฺฉาย, น โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรติ, คาถา พนฺธนฺโต จุณฺณิยปทานิ กโรนฺโต วิจรตี’’ติ. อถ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู วงฺคีสสฺส ปฏิภานสมฺปตฺตึ น ชานนฺติ, จินฺเตตฺวา จินฺเตตฺวา วทตีติ มฺนฺติ, ปฏิภานสมฺปตฺติมสฺส ชานาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ นุ เต วงฺคีสา’’ติอาทิมาห.

อุมฺมคฺคปถนฺติ อเนกานิ กิเลสุมฺมุชฺชนสตานิ, วฏฺฏปถตฺตา ปน ปถนฺติ วุตฺตํ. ปภิชฺช ขิลานีติ ราคขิลาทีนิ ปฺจ ภินฺทิตฺวา จรสิ. ตํ ปสฺสถาติ ตํ เอวํ อภิภุยฺย ภินฺทิตฺวา จรนฺตํ พุทฺธํ ปสฺสถ. พนฺธปมุฺจกรนฺติ พนฺธนโมจนกรํ. อสิตนฺติ อนิสฺสิตํ. ภาคโส ปวิภชนฺติ สติปฏฺานาทิโกฏฺาสวเสน ธมฺมํ วิภชนฺตํ. ปวิภชฺชาติ วา ปาโ, องฺคปจฺจงฺคโกฏฺาสวเสน วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา ปสฺสถาติ อตฺโถ.

โอฆสฺสาติ จตุโรฆสฺส. อเนกวิหิตนฺติ สติปฏฺานาทิวเสน อเนกวิธํ. ตสฺมึ จ อมเต อกฺขาเตติ ตสฺมึ เตน อกฺขาเต อมเต. ธมฺมทฺทสาติ ธมฺมสฺส ปสฺสิตาโร. ิตา อสํหีราติ อสํหาริยา หุตฺวา ปติฏฺิตา.

อติวิชฺฌาติ อติวิชฺฌิตฺวา. สพฺพฏฺิตีนนฺติ สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานานํ วิฺาณฏฺิตีนํ วา . อติกฺกมมทฺทสาติ อติกฺกมภูตํ นิพฺพานมทฺทส. อคฺคนฺติ อุตฺตมธมฺมํ. อคฺเคติ วา ปาโ, ปมตรนฺติ อตฺโถ. ทสทฺธานนฺติ ปฺจนฺนํ, อคฺคธมฺมํ ปฺจวคฺคิยานํ, อคฺเค วา ปฺจวคฺคิยานํ ธมฺมํ เทเสสีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอส ธมฺโม สุเทสิโตติ ชานนฺเตน จ ปมาโท น กาตพฺโพ, ตสฺมา. อนุสิกฺเขติ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺเขยฺย. อฏฺมํ.

๙. โกณฺฑฺสุตฺตวณฺณนา

๒๑๗. นวเม อฺาสิโกณฺฑฺโติ ปมํ ธมฺมสฺส อฺาตตฺตา เอวํ คหิตนาโม เถโร. สุจิรสฺเสวาติ กีวจิรสฺส? ทฺวาทสนฺนํ สํวจฺฉรานํ. เอตฺตกํ กาลํ กตฺถ วิหาสีติ. ฉทฺทนฺตภวเน มนฺทากินิโปกฺขรณิยา ตีเร ปจฺเจกพุทฺธานํ วสนฏฺาเน. กสฺมา? วิหารครุตาย. โส หิ ปฺวา มหาสาวโก. ยเถว ภควโต, เอวมสฺส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสานํ อพฺภนฺตเร คุณา ปตฺถฏาว. เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กตฺวา ‘‘อคฺคธมฺมํ ปฏิวิทฺธสาวโก’’ติ อนนฺตรํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปูเชนฺติ. สนฺติกํ อาคตานฺจ นาม ตถารูปา ธมฺมกถา วา ปฏิสนฺถาโร วา กาตพฺโพ โหติ. เถโร จ วิหารครุโก, เตนสฺส โส ปปฺโจ วิย อุปฏฺาติ. อิติ วิหารครุตาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิหาสิ.

อปรมฺปิ การณํ – ภิกฺขาจารเวลายํ ตาว สพฺพสาวกา วสฺสคฺเคน คจฺฉนฺติ. ธมฺมเทสนากาเล ปน มชฺฌฏฺาเน อลงฺกตพุทฺธาสนมฺหิ สตฺถริ นิสินฺเน ทกฺขิณหตฺถปสฺเส ธมฺมเสนาปติ, วามหตฺถปสฺเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร นิสีทติ, เตสํ ปิฏฺิภาเค อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส อาสนํ ปฺาเปนฺติ. เสสา ภิกฺขู ตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทนฺติ. ทฺเว อคฺคสาวกา อคฺคธมฺมปฏิวิทฺธตฺตา จ มหลฺลกตฺตา จ เถเร สคารวา เถรํ มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย อาสีวิสํ วิย จ มฺมานา ธุราสเน นิสีทนฺตา โอตฺตปฺปนฺติ หรายนฺติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเมหิ ธุราสนตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูริตา, เต อิทานิ ธุราสเน นิสีทนฺตา มม โอตฺตปฺปนฺติ หรายนฺติ, ผาสุวิหารํ เนสํ กริสฺสามี’’ติ. โส ปติรูเป กาเล ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ชนปเท วสิตุ’’นฺติ อาห, สตฺถา อนุชานิ.

เถโร เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ฉทฺทนฺตภวเน มนฺทากินิตีรํ คโต. ปุพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปาริจริยาย กตปริจยา อฏฺสหสฺสา หตฺถินาคา เถรํ ทิสฺวาว ‘‘อมฺหากํ ปุฺกฺเขตฺตํ อาคต’’นฺติ นเขหิ จงฺกมนํ นิตฺติณํ กตฺวา อาวรณสาขา หริตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคิตฺวา วตฺตํ กตฺวา สพฺเพ สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘สเจ หิ มยํ ‘อยํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสติ, อยํ กริสฺสตี’ติ ปฏิปชฺชิสฺสาม, เถโร พหุาติกคามํ คโต วิย ยถาโธเตเนว ปตฺเตน คมิสฺสติ, วาเรน นํ ปฏิชคฺคิสฺสาม, เอกสฺส ปน วาเร ปตฺเต เสเสหิปิ นปฺปมชฺชิตพฺพ’’นฺติ วารํ ปยึสุ. วาริกนาโค ปาโตว เถรสฺส มุโขทกฺจ ทนฺตกฏฺฺจ เปติ, วตฺตํ กโรติ.

มนฺทากินิโปกฺขรณี นาม เจสา ปณฺณาสโยชนา โหติ. ตสฺสา ปฺจวีสติโยชนมตฺเต าเน เสวาโล วา ปณกํ วา นตฺถิ, ผลิกวณฺณํ อุทกเมว โหติ. ตโต ปรํ ปน กฏิปฺปมาเณ อุทเก อฑฺฒโยชนวิตฺถตํ เสสปทุมวนํ ปณฺณาสโยชนํ สรํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ. ตทนนฺตรํ ตาว มหนฺตเมว รตฺตปทุมวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ เสตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ นีลุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ สุคนฺธรตฺตสาลิวนํ, ตทนนฺตรํ เอฬาลุกลาพุกุมฺภณฺฑาทีนิ มธุรรสานิ วลฺลิผลานิ, ตทนนฺตรํ อฑฺฒโยชนวิตฺถารเมว อุจฺฉุวนํ, ตตฺถ ปูครุกฺขกฺขนฺธปฺปมาณา อุจฺฉู, ตทนนฺตรํ กทลิวนํ, ยโต ทุเว ปกฺกานิ ขาทนฺตา กิลมนฺติ, ตทนนฺตรํ จาฏิปฺปมาณผลํ ปนสวนํ, ตทนนฺตรํ ชมฺพุวนํ, ตทนนฺตรํ อมฺพวนํ, ตทนนฺตรํ กปิตฺถวนนฺติ. สงฺเขปโต ตสฺมึ ทเห ขาทิตพฺพยุตฺตกํ ผลํ นาม นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. กุสุมานํ ปุปฺผนสมเย วาโต เรณุวฏฺฏึ อุฏฺาเปตฺวา ปทุมินิปตฺเตสุ เปติ, ตตฺถ อุทกผุสิตานิ ปตนฺติ. ตโต อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ปกฺกปโยฆนิกา วิย ติฏฺติ, เอตํ โปกฺขรมธุ นาม , ตํ เถรสฺส อาหริตฺวา เทนฺติ. มุฬาลํ นงฺคลสีสมตฺตํ โหติ, ตมฺปิ อาหริตฺวา เทนฺติ. ภิสํ มหาเภริโปกฺขรปฺปมาณํ โหติ, ตสฺส เอกสฺมึ ปพฺเพ ปาทฆฏกปฺปมาณํ ขีรํ โหติ, ตํ อาหริตฺวา เทนฺติ. โปกฺขรฏฺีนิ มธุสกฺขราย โยเชตฺวา เทนฺติ. อุจฺฉุํ ปาสาณปิฏฺเ เปตฺวา ปาเทน อกฺกมนฺติ. ตโต รโส ปคฺฆริตฺวา โสณฺฑิอาวาเฏ ปูเรตฺวา, อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ขีรปาสาณปิณฺโฑ วิย ติฏฺติ, ตํ อาหริตฺวา เทนฺติ. ปนสกทลิอมฺพปกฺกาทีสุ กถาว นตฺถิ.

เกลาสปพฺพเต นาคทตฺโต นาม เทวปุตฺโต วสติ. เถโร กาเลน กาลํ ตสฺส วิมานทฺวารํ คจฺฉติ. โส นวสปฺปิโปกฺขรมธุจุณฺณยุตฺตสฺส นิรุทกปายาสสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา เทติ. โส กิร กสฺสปพุทฺธกาเล วีสติวสฺสสหสฺสานิ สุคนฺธสปฺปินา ขีรสลากํ อทาสิ. เตนสฺเสตํ โภชนํ อุปฺปชฺชติ. เอวํ เถโร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘หตฺถินาเคหิ มํ ทฺวาทส วสฺสานิ อุปฏฺหนฺเตหิ ทุกฺกรํ กตํ, สตฺถารํ อนุชานาเปตฺวา เอเตสํเยว สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อากาเสน ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สุจิรสฺเสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติ.

นามฺจาติ กสฺมา นามํ สาเวติ? เถรฺหิ เกจิ สฺชานนฺติ, เกจิ น สฺชานนฺติ. ตตฺถ เถโร จินฺเตสิ – ‘‘เย มํ อชานนฺตา ‘โก เอส ปณฺฑรสีโส โอภคฺโค โคปานสิวงฺโก มหลฺลโก สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรตี’ติ จิตฺตํ ปทูเสสฺสนฺติ, เต อปายปูรกา ภวิสฺสนฺติ. เย ปน มํ ชานนฺตา – ‘ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สตฺถา วิย ปฺาโต ปากโฏ มหาสาวโก’ติ จิตฺตํ ปสาเทสฺสนฺติ, เต สคฺคูปคา ภวิสฺสนฺตี’’ติ, สตฺตานํ อปายมคฺคํ ปิทหิตฺวา สคฺคมคฺคํ วิวรนฺโต นามํ สาเวติ.

พุทฺธานุพุทฺโธติ ปมํ สตฺถา จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌิ, ปจฺฉา เถโร, ตสฺมา พุทฺธานุพุทฺโธติ, วุจฺจติ. ติพฺพนิกฺกโมติ พาฬฺหวีริโย. วิเวกานนฺติ ติณฺณํ วิเวกานํ. เตวิชฺโช, เจโตปริยายโกวิโทติ ฉสุ อภิฺาสุ จตสฺโส วทติ. อิตรา ทฺเว กิฺจาปิ น วุตฺตา, เถโร ปน ฉฬภิฺโว. อิมิสฺสา จ คาถาย ปริโยสาเน ปริสา สนฺนิสีทิ. ปริสาย สนฺนิสินฺนภาวํ ตฺวา เถโร สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ปริกฺขีณา เม, ภนฺเต, อายุสงฺขารา, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ, ปรินิพฺพานกาลํ อนุชานาเปสิ . กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ โกณฺฑฺาติ? อุปฏฺาเกหิ เม, ภนฺเต, หตฺถินาเคหิ ทุกฺกรํ กตํ, เตสํ สนฺติเกติ. สตฺถา อนุชานิ.

เถโร ทสพลํ ปทกฺขิณํ กตฺวา – ‘‘ปุพฺพํ ตํ เม, ภนฺเต, ปมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสน’’นฺติ ปริเทวนฺเต มหาชเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา, ทฺวารโกฏฺเก ิโต – ‘‘มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, พุทฺธา วา โหนฺตุ พุทฺธสาวกา วา, อุปฺปนฺนา สงฺขารา อภิชฺชนกา นาม นตฺถี’’ติ มหาชนํ โอวทิตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาชนสฺส เวหาสํ อพฺภุคฺคมฺม มนฺทากินิตีเร โอตริตฺวา โปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา นิวตฺถนิวาสโน กตุตฺตราสงฺโค เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ผลสมาปตฺติยา ตโย ยาเม วีตินาเมตฺวา พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิ. เถรสฺส สหปรินิพฺพานา หิมวติ สพฺพรุกฺขา ปุปฺเผหิ จ ผเลหิ จ โอนตวินตา อเหสุํ. วาริกนาโค เถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อชานนฺโต ปาโตว มุโขทกทนฺตกฏฺานิ อุปฏฺเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ขาทนียผลานิ อาหริตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ อฏฺาสิ. โส ยาว สูริยุคฺคมนา เถรสฺส นิกฺขมนํ อปสฺสนฺโต ‘‘กึ นุ โข เอตํ? ปุพฺเพ อยฺโย ปาโตว จงฺกมติ, มุขํ โธวติ. อชฺช ปน ปณฺณสาลโตปิ น นิกฺขมตี’’ติ กุฏิทฺวารํ กมฺเปตฺวา โอโลเกนฺโต เถรํ นิสินฺนกเมว ทิสฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ปรามสิตฺวา อสฺสาสปสฺสาเส ปริเยสนฺโต เตสํ อปฺปวตฺติภาวํ ตฺวา – ‘‘ปรินิพฺพุโต เถโร’’ติ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา มหารวํ วิรวิ. สกลหิมวนฺโต เอกนินฺนาโท อโหสิ. อฏฺนาคสหสฺสานิ สนฺนิปติตฺวา เถรํ เชฏฺกนาคสฺส กุมฺเภ นิสีทาเปตฺวา สุปุปฺผิตรุกฺขสาขา คเหตฺวา ปริวาเรตฺวา สกลหิมวนฺตํ อนุวิจริตฺวา สกฏฺานเมว อาคตา.

สกฺโก วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อมฺหากํ เชฏฺภาตา ปรินิพฺพุโต, สกฺการํ กริสฺสาม, นวโยชนิกํ สพฺพรตนมยํ กูฏาคารํ มาเปหี’’ติ. โส ตถา กตฺวา เถรํ ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา หตฺถินาคานํ อทาสิ. เต กูฏาคารํ อุกฺขิปิตฺวา ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ ปุนปฺปุนํ อาวิชฺฌึสุ . เตสํ หตฺถโต อากาสฏฺกา เทวา คเหตฺวา สาธุกีฬิตํ กีฬึสุ. ตโต วสฺสวลาหกา สีตวลาหกา อุณฺหวลาหกา จาตุมหาราชิกา ตาวตึสาติ เอเตนุปาเยน ยาว พฺรหฺมโลกา กูฏาคารํ อคมาสิ, ปุน พฺรหฺมาโน เทวานนฺติ อนุปุพฺเพน หตฺถินาคานํเยว กูฏาคารํ อทํสุ. เอเกกา เทวตา จตุรงฺคุลมตฺตํ จนฺทนฆฏิกํ อาหริ, จิตโก นวโยชนิโก อโหสิ. กูฏาคารํ จิตกํ อาโรปยึสุ. ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ สชฺฌายมกํสุ. อนุรุทฺธตฺเถโร ธมฺมํ กเถสิ, พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ปุนทิวเส อรุณุคฺคมนเวลายเมว จิตกํ นิพฺพาเปตฺวา สุมนมกุฬวณฺณานํ ธาตูนํ ปริสาวนํ ปูเรตฺวา ภควติ นิกฺขมิตฺวา เวฬุวนวิหารโกฏฺกํ สมฺปตฺเต อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ ปยึสุ. สตฺถา ธาตุปริสาวนํ คเหตฺวา ปถวิยา หตฺถํ ปสาเรสิ, มหาปถวึ ภินฺทิตฺวา รชตพุพฺพุฬสทิสํ เจติยํ นิกฺขมิ. สตฺถา สหตฺเถน เจติเย ธาตุโย นิเธสิ. อชฺชาปิ กิร ตํ เจติยํ ธรติเยวาติ. นวมํ.

๑๐. โมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา

๒๑๘. ทสเม สมนฺเนสตีติ ปริเยสติ ปจฺจเวกฺขติ. นคสฺสาติ ปพฺพตสฺส. มุนินฺติ พุทฺธมุนึ. ทุกฺขสฺส ปารคุนฺติ ทุกฺขปารํ คตํ. สมนฺเนสนฺติ สมนฺเนสนฺโต. เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนนฺติ เอวํ สพฺพคุณสมฺปนฺนํ. อเนกาการสมฺปนฺนนฺติ อเนเกหิ คุเณหิ สมนฺนาคตํ. ทสมํ.

๑๑. คคฺคราสุตฺตวณฺณนา

๒๑๙. เอกาทสเม ตฺยาสฺสุทนฺติ เต อสฺสุทํ. อสฺสุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. วณฺเณนาติ สรีรวณฺเณน. ยสสาติ ปริวาเรน. วิคตมโลว ภาณุมาติ วิคตมโล อาทิจฺโจ วิย. เอกาทสมํ.

๑๒. วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา

๒๒๐. ทฺวาทสเม อายสฺมาติ ปิยวจนํ. วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส กิร ปุพฺเพ ปทุมุตฺตรกาเล ปฏิภานสมฺปนฺนํ สาวกํ ทิสฺวา ทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สกลชมฺพุทีเป วาทกามตาย ชมฺพุสาขํ ปริหริตฺวา เอเกน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ วาทํ กตฺวา วาเท ชยปราชยานุภาเวน เตเนว ปริพฺพาชเกน สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตฺวา วสมานาย เอกิสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต วยํ อาคมฺม มาติโต ปฺจวาทสตานิ, ปิติโต ปฺจวาทสตานีติ วาทสหสฺสํ อุคฺคณฺหิตฺวา วิจรติ. เอกฺจ วิชฺชํ ชานาติ, ยํ วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา มตานํ สีสํ องฺคุลิยา ปหริตฺวา – ‘‘อสุกฏฺาเน นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ. โส อนุปุพฺเพน คามนิคมาทีสุ วิจรนฺโต ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต นครทฺวาเร สาลาย นิสีทติ.

ตทา จ นครวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ คจฺฉนฺติ. มาณโว ทิสฺวา, ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ? ปุจฺฉิ. เต ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ อาหํสุ. โสปิ สปริวาโร เตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘วงฺคีส, ภทฺทกํ กิร สิปฺปํ ชานาสี’’ติ. ‘‘โภ โคตม, อหํ พหุสิปฺปํ ชานามิ. ตุมฺเห กตรํ สนฺธาย วทถา’’ติ? ฉวทูสกสิปฺปนฺติ. อาม, โภ โคตมาติ. อถสฺส ภควา อตฺตโน อานุภาเวน นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘วงฺคีส, อยํ กหํ นิพฺพตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. โส มนฺตํ ชปฺปิตฺวา องฺคุลิยา ปหริตฺวา ‘‘นิรเย’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, วงฺคีส, สุกถิต’’นฺติ เทวโลเก นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. ตมฺปิ โส ตเถว พฺยากาสิ. อถสฺส ขีณาสวสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. โส ปุนปฺปุนํ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวาปิ องฺคุลิยา ปหริตฺวาปิ นิพฺพตฺตฏฺานํ น ปสฺสติ.

อถ นํ ภควา ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห? อาม โภ, โคตมาติ. ปุนปฺปุนํ อุปธาเรหีติ. ตถา กโรนฺโตปิ อทิสฺวา, ‘‘ตุมฺเห, โภ โคตม, ชานาถา’’ติ อาห. อาม, วงฺคีส, มํ นิสฺสาย เจส คโต, อหมสฺส คตึ ชานามีติ. มนฺเตน ชานาสิ, โภ โคตมาติ? อาม, วงฺคีส, เอเกน มนฺเตเนว ชานามีติ. โภ โคตม, มยฺหํ มนฺเตน อิมํ มนฺตํ เทถาติ. อมูลิโก, วงฺคีส, มยฺหํ มนฺโตติ. เทถ, โภ โคตมาติ. น สกฺกา มยฺหํ สนฺติเก อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา สมโณ โคตโม อติเรกสิปฺปํ ชานาติ, อหํ อิมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สิปฺปํ คณฺหามิ, ตโต สกลชมฺพุทีเป อมฺเหหิ พหุตรํ ชานนฺโต นาม น ภวิสฺสติ. ตุมฺเห ยาว อหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อนุกฺกณฺิตฺวา วิจรถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. สตฺถา นิคฺโรธกปฺปสฺส ปฏิปาเทสิ. เถโร ตํ อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคมฺม วนฺทิตฺวา ิโต ‘‘สิปฺปํ เทถา’’ติ ยาจิ. วงฺคีส, ตุมฺเห สิปฺปํ คณฺหนฺตา อโลณโภชนถณฺฑิลเสยฺยาทีหิ ปริกมฺมํ กตฺวา คณฺหถ, อิมสฺสาปิ สิปฺปสฺส ปริกมฺมํ อตฺถิ, ตํ ตาว กโรหีติ. สาธุ, ภนฺเตติ. อถสฺส สตฺถา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสิกโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณิ.

วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทีติ เอวํ อรหตฺตํ ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต. กาเวยฺยมตฺตาติ กาเวยฺเยน กพฺพกรเณน มตฺตา. ขนฺธายตนธาตุโยติ อิมานิ ขนฺธาทีนิ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. เย นิยามคตทฺทสาติ เย นิยามคตา เจว นิยามทสฺสาติ จ. สฺวาคตนฺติ สุอาคมนํ. อิทฺธิปตฺโตมฺหีติ อิมินา อิทฺธิวิธาณํ คหิตํ. เจโตปริยายโกวิโทติ อิมินา เจโตปริยาณํ. ทิพฺพโสตํ ปน อวุตฺตมฺปิ คหิตเมว โหติ. เอวํ ฉ อภิฺาปตฺโต เอโส มหาสาวโกติ เวทิตพฺโพ. ทฺวาทสมํ.

อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา

สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย

วงฺคีสสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.