📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

สํยุตฺตนิกาโย

สคาถาวคฺโค

๑. เทวตาสํยุตฺตํ

๑. นฬวคฺโค

๑. โอฆตรณสุตฺตํ

. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’ติ? ‘อปฺปติฏฺํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อนายูหํ โอฆมตริ’นฺติ. ‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาริส, อปฺปติฏฺํ อนายูหํ โอฆมตรี’ติ? ‘ยทาขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺติฏฺามิ ตทาสฺสุ สํสีทามิ ; ยทาขฺวาหํ, อาวุโส, อายูหามิ ตทาสฺสุ นิพฺพุยฺหามิ [นิวุยฺหามิ (สฺยา. กํ. ก.)]. เอวํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อปฺปติฏฺํ อนายูหํ โอฆมตริ’’’นฺติ.

‘‘จิรสฺสํ วต ปสฺสามิ, พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ;

อปฺปติฏฺํ อนายูหํ, ติณฺณํ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ. –

อิทมโวจ สา เทวตา. สมนุฺโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข สา เทวตา – ‘‘สมนุฺโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

๒. นิโมกฺขสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘ชานาสิ โน ตฺวํ, มาริส, สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ?

‘‘ชานามิ ขฺวาหํ, อาวุโส, สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ.

‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาริส, ชานาสิ สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ?

‘‘นนฺทีภวปริกฺขยา [นนฺทิภวปริกฺขยา (สฺยา. กํ.)], สฺาวิฺาณสงฺขยา, เวทนานํ นิโรธา อุปสมา – เอวํ ขฺวาหํ, อาวุโส, ชานามิ สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ.

๓. อุปนียสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,

ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

ปุฺานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.

‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,

ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.

๔. อจฺเจนฺติสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,

วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

ปุฺานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.

‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,

วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.

๕. กติฉินฺทสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘กติ ฉินฺเท กติ ชเห, กติ จุตฺตริ ภาวเย;

กติ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจตี’’ติ.

‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;

ปฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจตี’’ติ.

๖. ชาครสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘กติ ชาครตํ สุตฺตา, กติ สุตฺเตสุ ชาครา;

กติภิ [กตีหิ (สี.)] รชมาเทติ, กติภิ [กตีหิ (สี.)] ปริสุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ปฺจ ชาครตํ สุตฺตา, ปฺจ สุตฺเตสุ ชาครา;

ปฺจภิ [ปฺจหิ (สี.)] รชมาเทติ, ปฺจภิ [ปฺจหิ (สี.)] ปริสุชฺฌตี’’ติ.

๗. อปฺปฏิวิทิตสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เยสํ ธมฺมา อปฺปฏิวิทิตา, ปรวาเทสุ นียเร [นิยฺยเร (ก.)];

สุตฺตา เต นปฺปพุชฺฌนฺติ, กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุ’’นฺติ.

‘‘เยสํ ธมฺมา สุปฺปฏิวิทิตา, ปรวาเทสุ น นียเร;

เต สมฺพุทฺธา สมฺมทฺา, จรนฺติ วิสเม สม’’นฺติ.

๘. สุสมฺมุฏฺสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เยสํ ธมฺมา สุสมฺมุฏฺา, ปรวาเทสุ นียเร;

สุตฺตา เต นปฺปพุชฺฌนฺติ, กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุ’’นฺติ.

‘‘เยสํ ธมฺมา อสมฺมุฏฺา, ปรวาเทสุ น นียเร;

เต สมฺพุทฺธา สมฺมทฺา, จรนฺติ วิสเม สม’’นฺติ.

๙. มานกามสุตฺตํ

. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘น มานกามสฺส ทโม อิธตฺถิ,

น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺส;

เอโก อรฺเ วิหรํ ปมตฺโต,

น มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.

‘‘มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต,

สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต;

เอโก อรฺเ วิหรํ อปฺปมตฺโต,

ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.

๑๐. อรฺสุตฺตํ

๑๐. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อรฺเ วิหรนฺตานํ, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ;

เอกภตฺตํ ภุฺชมานานํ, เกน วณฺโณ ปสีทตี’’ติ.

‘‘อตีตํ นานุโสจนฺติ, นปฺปชปฺปนฺติ นาคตํ;

ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺติ, เตน วณฺโณ ปสีทติ’’.

‘‘อนาคตปฺปชปฺปาย, อตีตสฺสานุโสจนา;

เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ, นโฬว หริโต ลุโต’’ติ.

นฬวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

โอฆํ นิโมกฺขํ อุปเนยฺยํ, อจฺเจนฺติ กติฉินฺทิ จ;

ชาครํ อปฺปฏิวิทิตา, สุสมฺมุฏฺา มานกามินา;

อรฺเ ทสโม วุตฺโต, วคฺโค เตน ปวุจฺจติ.

๒. นนฺทนวคฺโค

๑. นนฺทนสุตฺตํ

๑๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อฺตรา ตาวตึสกายิกา เทวตา นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุตา ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาริยมานา [ปริจาริยมานา (สฺยา. กํ. ก.)] ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘น เต สุขํ ปชานนฺติ, เย น ปสฺสนฺติ นนฺทนํ;

อาวาสํ นรเทวานํ, ติทสานํ ยสสฺสิน’’นฺติ.

‘‘เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อฺตรา เทวตา ตํ เทวตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

‘‘น ตฺวํ พาเล ปชานาสิ, ยถา อรหตํ วโจ;

อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา [สพฺเพ สงฺขารา (สี. สฺยา. กํ.)], อุปฺปาทวยธมฺมิโน;

อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.

๒. นนฺทติสุตฺตํ

๑๒. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา,

โคมา [โคมิโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โคหิ ตเถว นนฺทติ;

อุปธีหิ นรสฺส นนฺทนา,

น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธี’’ติ.

‘‘โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา,

โคมา โคหิ ตเถว โสจติ;

อุปธีหิ นรสฺส โสจนา,

น หิ โส โสจติ โย นิรูปธี’’ติ.

๓. นตฺถิปุตฺตสมสุตฺตํ

๑๓. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ โคสมิตํ ธนํ;

นตฺถิ สูริยสมา [สุริยสมา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อาภา, สมุทฺทปรมา สรา’’ติ.

‘‘นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ ธฺสมํ ธนํ;

นตฺถิ ปฺาสมา อาภา, วุฏฺิ เว ปรมา สรา’’ติ.

๔. ขตฺติยสุตฺตํ

๑๔. ‘‘ขตฺติโย ทฺวิปทํ เสฏฺโ, พลีพทฺโท [พลิวทฺโท (สี. ปี.), พลิพทฺโท (สฺยา. กํ. ก.)] จตุปฺปทํ.

โกมารี เสฏฺา ภริยานํ, โย จ ปุตฺตาน ปุพฺพโช’’ติ.

‘‘สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทํ เสฏฺโ, อาชานีโย จตุปฺปทํ;

สุสฺสูสา เสฏฺา ภริยานํ, โย จ ปุตฺตานมสฺสโว’’ติ.

๕. สณมานสุตฺตํ

๑๕. ‘‘ิเต มชฺฌนฺหิเก [มชฺฌนฺติเก (สพฺพตฺถ)] กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ.

สณเตว พฺรหารฺํ [มหารฺํ (ก. สี. สฺยา. กํ. ก.)], ตํ ภยํ ปฏิภาติ ม’’นฺติ.

‘‘ิเต มชฺฌนฺหิเก กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ;

สณเตว พฺรหารฺํ, สา รติ ปฏิภาติ ม’’นฺติ.

๖. นิทฺทาตนฺทีสุตฺตํ

๑๖. ‘‘นิทฺทา ตนฺที วิชมฺภิตา [ตนฺทิ วิชมฺภิกา (สี. ปี.)], อรตี ภตฺตสมฺมโท.

เอเตน นปฺปกาสติ, อริยมคฺโค อิธ ปาณิน’’นฺติ.

‘‘นิทฺทํ ตนฺทึ วิชมฺภิตํ, อรตึ ภตฺตสมฺมทํ;

วีริเยน [วิริเยน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นํ ปณาเมตฺวา, อริยมคฺโค วิสุชฺฌตี’’ติ.

๗. ทุกฺกรสุตฺตํ

๑๗. ‘‘ทุกฺกรํ ทุตฺติติกฺขฺจ, อพฺยตฺเตน จ สามฺํ.

พหูหิ ตตฺถ สมฺพาธา, ยตฺถ พาโล วิสีทตี’’ติ.

‘‘กติหํ จเรยฺย สามฺํ, จิตฺตํ เจ น นิวารเย;

ปเท ปเท วิสีเทยฺย, สงฺกปฺปานํ วสานุโค’’ติ.

‘‘กุมฺโมว องฺคานิ สเก กปาเล,

สโมทหํ ภิกฺขุ มโนวิตกฺเก;

อนิสฺสิโต อฺมเหยาโน,

ปรินิพฺพุโต นูปวเทยฺย กฺจี’’ติ.

๘. หิรีสุตฺตํ

๑๘. ‘‘หิรีนิเสโธ ปุริโส, โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ.

โย นินฺทํ อปโพธติ [อปโพเธติ (สฺยา. กํ. ก.)], อสฺโส ภทฺโร กสามิวา’’ติ.

‘‘หิรีนิเสธา ตนุยา, เย จรนฺติ สทา สตา;

อนฺตํ ทุกฺขสฺส ปปฺปุยฺย, จรนฺติ วิสเม สม’’นฺติ.

๙. กุฏิกาสุตฺตํ

๑๙.

‘‘กจฺจิ เต กุฏิกา นตฺถิ, กจฺจิ นตฺถิ กุลาวกา;

กจฺจิ สนฺตานกา นตฺถิ, กจฺจิ มุตฺโตสิ พนฺธนา’’ติ.

‘‘ตคฺฆ เม กุฏิกา นตฺถิ, ตคฺฆ นตฺถิ กุลาวกา;

ตคฺฆ สนฺตานกา นตฺถิ, ตคฺฆ มุตฺโตมฺหิ พนฺธนา’’ติ.

‘‘กินฺตาหํ กุฏิกํ พฺรูมิ, กึ เต พฺรูมิ กุลาวกํ;

กึ เต สนฺตานกํ พฺรูมิ, กินฺตาหํ พฺรูมิ พนฺธน’’นฺติ.

‘‘มาตรํ กุฏิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวกํ;

ปุตฺเต สนฺตานเก พฺรูสิ, ตณฺหํ เม พฺรูสิ พนฺธน’’นฺติ.

‘‘สาหุ เต กุฏิกา นตฺถิ, สาหุ นตฺถิ กุลาวกา;

สาหุ สนฺตานกา นตฺถิ, สาหุ มุตฺโตสิ พนฺธนา’’ติ.

๑๐. สมิทฺธิสุตฺตํ

๒๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเม. อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. ตโปเท คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยน อายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ิตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธึ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;

ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.

‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ;

ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.

อถ โข สา เทวตา ปถวิยํ [ปวิยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปติฏฺหิตฺวา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธึ เอตทโวจ – ‘‘ทหโร ตฺวํ ภิกฺขุ, ปพฺพชิโต สุสุ กาฬเกโส, ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต, ปเมน วยสา, อนิกฺกีฬิตาวี กาเมสุ. ภุฺช, ภิกฺขุ, มานุสเก กาเม; มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวี’’ติ.

‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวามิ. กาลิกฺจ ขฺวาหํ, อาวุโส, หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ อนุธาวามิ. กาลิกา หิ, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขุ, กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย? กถํ สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ?

‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ. น ตาหํ [น ขฺวาหํ (สี. ปี.)] สกฺโกมิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ. อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเม. ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉ. ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’ติ.

‘‘น โข, ภิกฺขุ, สุกโร โส ภควา อมฺเหหิ อุปสงฺกมิตุํ , อฺาหิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ ปริวุโต. สเจ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาสิ, มยมฺปิ อาคจฺเฉยฺยาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ตสฺสา เทวตาย ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘อิธาหํ , ภนฺเต, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมึ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. ตโปเท คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสึ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน. อถ โข, ภนฺเต, อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ิตา อิมาย คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;

ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.

‘‘เอวํ วุตฺเต อหํ, ภนฺเต, ตํ เทวตํ คาถาย ปจฺจภาสึ –

‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ;

ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.

‘‘อถ โข, ภนฺเต, สา เทวตา ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ทหโร ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปพฺพชิโต สุสุ กาฬเกโส, ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต, ปเมน วยสา, อนิกฺกีฬิตาวี กาเมสุ. ภุฺช, ภิกฺขุ, มานุสเก กาเม; มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวี’’’ติ.

‘‘เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต, ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวามิ; กาลิกฺจ ขฺวาหํ, อาวุโส, หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ อนุธาวามิ. กาลิกา หิ, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’’ติ.

‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘กถฺจ, ภิกฺขุ, กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย? กถํ สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ? เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต , ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาหํ สกฺโกมิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ. อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเม. ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉ. ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’’ติ.

‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘น โข, ภิกฺขุ, สุกโร โส ภควา อมฺเหหิ อุปสงฺกมิตุํ, อฺาหิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ ปริวุโต. สเจ โข, ตฺวํ ภิกฺขุ, ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาสิ, มยมฺปิ อาคจฺเฉยฺยาม ธมฺมสฺสวนายา’ติ. สเจ, ภนฺเต, ตสฺสา เทวตาย สจฺจํ วจนํ, อิเธว สา เทวตา อวิทูเร’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, สา เทวตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธึ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺฉ, ภิกฺขุ, ปุจฺฉ, ภิกฺขุ, ยมหํ อนุปฺปตฺตา’’ติ.

อถ โข ภควา ตํ เทวตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘อกฺเขยฺยสฺิโน สตฺตา, อกฺเขยฺยสฺมึ ปติฏฺิตา;

อกฺเขยฺยํ อปริฺาย, โยคมายนฺติ มจฺจุโน.

‘‘อกฺเขยฺยฺจ ปริฺาย, อกฺขาตารํ น มฺติ;

ตฺหิ ตสฺส น โหตีติ, เยน นํ วชฺชา น ตสฺส อตฺถิ;

สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติ [ยกฺขีติ (ปี. ก.)].

‘‘น ขฺวาหํ, ภนฺเต, อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ภาสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติ.

‘‘สโม วิเสสี อุท วา [อถวา (สี. ปี.)] นิหีโน,

โย มฺตี โส วิวเทถ [โสปิ วเทถ (ก.)] เตน;

ตีสุ วิธาสุ อวิกมฺปมาโน,

สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหติ;

สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติ.

‘‘อิมสฺสาปิ ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส น วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ภาสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติ.

‘‘ปหาสิ สงฺขํ น วิมานมชฺฌคา, อจฺเฉจฺฉิ [อจฺเฉชฺชิ (สฺยา. กํ. ก.)] ตณฺหํ อิธ นามรูเป;

ตํ ฉินฺนคนฺถํ อนิฆํ นิราสํ, ปริเยสมานา นาชฺฌคมุํ;

เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา, สคฺเคสุ วา สพฺพนิเวสเนสุ;

สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติ.

‘‘อิมสฺส ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –

‘‘ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา,

กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเก;

กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน,

ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิต’’นฺติ.

นนฺทนวคฺโค ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

นนฺทนา นนฺทติ เจว, นตฺถิปุตฺตสเมน จ;

ขตฺติโย สณมาโน จ, นิทฺทาตนฺที จ ทุกฺกรํ;

หิรี กุฏิกา นวโม, ทสโม วุตฺโต สมิทฺธินาติ.

๓. สตฺติวคฺโค

๑. สตฺติสุตฺตํ

๒๑. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว [ฑยฺหมาเนว (สพฺพตฺถ)] มตฺถเก;

กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.

‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;

สกฺกายทิฏฺิปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.

๒. ผุสติสุตฺตํ

๒๒.

‘‘นาผุสนฺตํ ผุสติ จ, ผุสนฺตฺจ ตโต ผุเส;

ตสฺมา ผุสนฺตํ ผุสติ, อปฺปทุฏฺปโทสิน’’นฺติ.

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ,

สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ,

สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.

๓. ชฏาสุตฺตํ

๒๓.

‘‘อนฺโต ชฏา พหิ ชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา;

ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามิ, โก อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ.

‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.

‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;

ขีณาสวา อรหนฺโต, เตสํ วิชฏิตา ชฏา.

‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;

ปฏิฆํ รูปสฺา จ, เอตฺเถสา ฉิชฺชเต [วิชเฏ (ก.)] ชฏา’’ติ.

๔. มโนนิวารณสุตฺตํ

๒๔. ‘‘ยโต ยโต มโน นิวารเย,

น ทุกฺขเมติ นํ ตโต ตโต;

ส สพฺพโต มโน นิวารเย,

ส สพฺพโต ทุกฺขา ปมุจฺจติ’’.

‘‘น สพฺพโต มโน นิวารเย,

น มโน สํยตตฺตมาคตํ;

ยโต ยโต จ ปาปกํ,

ตโต ตโต มโน นิวารเย’’ติ.

๕. อรหนฺตสุตฺตํ

๒๕.

‘‘โย โหติ ภิกฺขุ อรหํ กตาวี,

ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;

อหํ วทามีติปิ โส วเทยฺย,

มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺยา’’ติ.

‘‘โย โหติ ภิกฺขุ อรหํ กตาวี,

ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;

อหํ วทามีติปิ โส วเทยฺย,

มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺย;

โลเก สมฺํ กุสโล วิทิตฺวา,

โวหารมตฺเตน โส [ส (?)] โวหเรยฺยา’’ติ.

‘‘โย โหติ ภิกฺขุ อรหํ กตาวี,

ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;

มานํ นุ โข โส อุปคมฺม ภิกฺขุ,

อหํ วทามีติปิ โส วเทยฺย;

มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺยา’’ติ.

‘‘ปหีนมานสฺส น สนฺติ คนฺถา,

วิธูปิตา มานคนฺถสฺส สพฺเพ;

ส วีติวตฺโต มฺตํ [มานนํ (สี.), มฺีตํ (?)] สุเมโธ,

อหํ วทามีติปิ โส วเทยฺย.

‘‘มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺย;

โลเก สมฺํ กุสโล วิทิตฺวา;

โวหารมตฺเตน โส โวหเรยฺยา’’ติ.

๖. ปชฺโชตสุตฺตํ

๒๖.

‘‘กติ โลกสฺมึ ปชฺโชตา, เยหิ โลโก ปกาสติ [ปภาสติ (ก. สี.)];

ภควนฺตํ [ภวนฺตํ (ก.)] ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

‘‘จตฺตาโร โลเก ปชฺโชตา, ปฺจเมตฺถ น วิชฺชติ;

ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา.

‘‘อถ อคฺคิ ทิวารตฺตึ, ตตฺถ ตตฺถ ปกาสติ;

สมฺพุทฺโธ ตปตํ เสฏฺโ, เอสา อาภา อนุตฺตรา’’ติ.

๗. สรสุตฺตํ

๒๗.

‘‘กุโต สรา นิวตฺตนฺติ, กตฺถ วฏฺฏํ น วตฺตติ;

กตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ยตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;

อโต สรา นิวตฺตนฺติ, เอตฺถ วฏฺฏํ น วตฺตติ;

เอตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติ.

๘. มหทฺธนสุตฺตํ

๒๘.

‘‘มหทฺธนา มหาโภคา, รฏฺวนฺโตปิ ขตฺติยา;

อฺมฺาภิคิชฺฌนฺติ, กาเมสุ อนลงฺกตา.

‘‘เตสุ อุสฺสุกฺกชาเตสุ, ภวโสตานุสาริสุ;

เกธ ตณฺหํ [โรธตณฺหํ (สฺยา. กํ.), เคธตณฺหํ (ก.)] ปชหึสุ [ปวาหึสุ (สฺยา. กํ. ก.)], เก โลกสฺมึ อนุสฺสุกา’’ติ.

‘‘หิตฺวา อคารํ ปพฺพชิตา, หิตฺวา ปุตฺตํ ปสุํ วิยํ;

หิตฺวา ราคฺจ โทสฺจ, อวิชฺชฺจ วิราชิย;

ขีณาสวา อรหนฺโต, เต โลกสฺมึ อนุสฺสุกา’’ติ.

๙. จตุจกฺกสุตฺตํ

๒๙.

‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวารํ, ปุณฺณํ โลเภน สํยุตํ;

ปงฺกชาตํ มหาวีร, กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, อิจฺฉา โลภฺจ ปาปกํ;

สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, เอวํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.

๑๐. เอณิชงฺฆสุตฺตํ

๓๐.

‘‘เอณิชงฺฆํ กิสํ วีรํ, อปฺปาหารํ อโลลุปํ;

สีหํ เวกจรํ นาคํ, กาเมสุ อนเปกฺขินํ;

อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉาม, กถํ ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

‘‘ปฺจ กามคุณา โลเก, มโนฉฏฺา ปเวทิตา;

เอตฺถ ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

สตฺติวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

สตฺติยา ผุสติ เจว, ชฏา มโนนิวารณา;

อรหนฺเตน ปชฺโชโต, สรา มหทฺธเนน จ;

จตุจกฺเกน นวมํ, เอณิชงฺเฆน เต ทสาติ.

๔. สตุลฺลปกายิกวคฺโค

๑. สพฺภิสุตฺตํ

๓๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ [กฺรุพฺเพถ (ก.)] สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, ปฺา ลพฺภติ [ปฺํ ลภติ (สฺยา. กํ.)] นาฺโต’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, โสกมชฺเฌ น โสจตี’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, าติมชฺเฌ วิโรจตี’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา ติฏฺนฺติ สาตต’’นฺติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภควา, สุภาสิต’’นฺติ? สพฺพาสํ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน, อปิ จ มมปิ สุณาถ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา ตา เทวตาโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายึสูติ.

๒. มจฺฉริสุตฺตํ

๓๒. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘มจฺเฉรา จ ปมาทา จ, เอวํ ทานํ น ทียติ [ทิยฺยติ (ก.)];

ปุฺํ อากงฺขมาเนน, เทยฺยํ โหติ วิชานตา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘ยสฺเสว ภีโต น ททาติ มจฺฉรี, ตเทวาททโต ภยํ;

ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ, ยสฺส ภายติ มจฺฉรี;

ตเมว พาลํ ผุสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;

ปุฺานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘เต มเตสุ น มียนฺติ, ปนฺถานํว สหพฺพชํ;

อปฺปสฺมึ เย ปเวจฺฉนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน.

‘‘อปฺปสฺเมเก ปเวจฺฉนฺติ, พหุเนเก น ทิจฺฉเร;

อปฺปสฺมา ทกฺขิณา ทินฺนา, สหสฺเสน สมํ มิตา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘ทุทฺททํ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;

อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺวโย [ทุรนฺนโย (สี.)].

‘‘ตสฺมา สตฺจ อสตํ [อสตฺจ (สี. สฺยา. กํ.)], นานา โหติ อิโต คติ;

อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายนา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภควา, สุภาสิต’’นฺติ?

‘‘สพฺพาสํ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน; อปิ จ มมปิ สุณาถ –

‘‘ธมฺมํ จเร โยปิ สมุฺชกํ จเร,

ทารฺจ โปสํ ททมปฺปกสฺมึ;

สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ,

กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘เกเนส ยฺโ วิปุโล มหคฺคโต,

สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ;

กถํ [อิทํ ปทํ กตฺถจิ สีหฬโปตฺถเก นตฺถิ] สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ,

กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.

‘‘ททนฺติ เหเก วิสเม นิวิฏฺา,

เฉตฺวา วธิตฺวา อถ โสจยิตฺวา;

สา ทกฺขิณา อสฺสุมุขา สทณฺฑา,

สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ.

‘‘เอวํ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ;

กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.

๓. สาธุสุตฺตํ

๓๓. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ;

มจฺเฉรา จ ปมาทา จ, เอวํ ทานํ น ทียติ;

ปุฺํ อากงฺขมาเนน, เทยฺยํ โหติ วิชานตา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ;

อปิ จ อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ’’.

‘‘อปฺปสฺเมเก ปเวจฺฉนฺติ, พหุเนเก น ทิจฺฉเร;

อปฺปสฺมา ทกฺขิณา ทินฺนา, สหสฺเสน สมํ มิตา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;

อปิ จ สทฺธายปิ สาหุ ทานํ’’.

‘‘ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานมาหุ,

อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺติ;

อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ,

เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;

สทฺธายปิ สาหุ ทานํ; อปิ จ ธมฺมลทฺธสฺสาปิ สาหุ ทานํ’’.

‘‘โย ธมฺมลทฺธสฺส ททาติ ทานํ,

อุฏฺานวีริยาธิคตสฺส ชนฺตุ;

อติกฺกมฺม โส เวตรณึ ยมสฺส,

ทิพฺพานิ านานิ อุเปติ มจฺโจ’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;

สทฺธายปิ สาหุ ทานํ; ธมฺมลทฺธสฺสาปิ สาหุ ทานํ;

อปิ จ วิเจยฺย ทานมฺปิ สาหุ ทานํ’’.

‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,

เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,

พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;

สทฺธายปิ สาหุ ทานํ; ธมฺมลทฺธสฺสาปิ สาหุ ทานํ;

วิเจยฺย ทานมฺปิ สาหุ ทานํ; อปิ จ ปาเณสุปิ สาธุ สํยโม’’.

‘‘โย ปาณภูตานิ [ปาณภูเตสุ (สี. ปี.)] อเหยํ จรํ,

ปรูปวาทา น กโรนฺติ ปาปํ;

ภีรุํ ปสํสนฺติ น หิ ตตฺถ สูรํ,

ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภควา, สุภาสิต’’นฺติ?

‘‘สพฺพาสํ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน, อปิ จ มมปิ สุณาถ –

‘‘สทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ,

ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโย;

ปุพฺเพ จ หิ ปุพฺพตเร จ สนฺโต,

นิพฺพานเมวชฺฌคมุํ สปฺา’’ติ.

๔. นสนฺติสุตฺตํ

๓๔. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา,

สนฺตีธ กมนียานิ เยสุ [กาเมสุ (ก.)] พทฺโธ;

เยสุ ปมตฺโต อปุนาคมนํ,

อนาคนฺตา ปุริโส มจฺจุเธยฺยา’’ติ.

‘‘ฉนฺทชํ อฆํ ฉนฺทชํ ทุกฺขํ;

ฉนฺทวินยา อฆวินโย;

อฆวินยา ทุกฺขวินโย’’ติ.

‘‘น เต กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,

สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม;

ติฏฺนฺติ จิตฺรานิ ตเถว โลเก,

อเถตฺถ ธีรา วินยนฺติ ฉนฺทํ.

‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,

สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;

ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,

อกิฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา.

‘‘ปหาสิ สงฺขํ น วิมานมชฺฌคา [น จ มานมชฺฌคา (ก. สี.), น วิมานมาคา (สฺยา. กํ.)],

อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป;

ตํ ฉินฺนคนฺถํ อนิฆํ นิราสํ,

ปริเยสมานา นาชฺฌคมุํ;

เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา,

สคฺเคสุ วา สพฺพนิเวสเนสู’’ติ.

‘‘ตํ เจ หิ นาทฺทกฺขุํ ตถาวิมุตฺตํ (อิจฺจายสฺมา โมฆราชา),

เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา;

นรุตฺตมํ อตฺถจรํ นรานํ,

เย ตํ นมสฺสนฺติ ปสํสิยา เต’’ติ.

‘‘ปสํสิยา เตปิ ภวนฺติ ภิกฺขู (โมฆราชาติ ภควา),

เย ตํ นมสฺสนฺติ ตถาวิมุตฺตํ;

อฺาย ธมฺมํ วิจิกิจฺฉํ ปหาย,

สงฺคาติคา เตปิ ภวนฺติ ภิกฺขู’’ติ.

๕. อุชฺฌานสฺิสุตฺตํ

๓๕. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา อุชฺฌานสฺิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ อฏฺํสุ. เวหาสํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อฺถา สนฺตมตฺตานํ, อฺถา โย ปเวทเย;

นิกจฺจ กิตวสฺเสว, ภุตฺตํ เถยฺเยน ตสฺส ตํ.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

‘‘น ยิทํ ภาสิตมตฺเตน, เอกนฺตสวเนน วา;

อนุกฺกมิตเว สกฺกา, ยายํ ปฏิปทา ทฬฺหา;

ยาย ธีรา ปมุจฺจนฺติ, ฌายิโน มารพนฺธนา.

‘‘น เว ธีรา ปกุพฺพนฺติ, วิทิตฺวา โลกปริยายํ;

อฺาย นิพฺพุตา ธีรา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.

อถ โข ตา เทวตาโย ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อจฺจโย โน, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ [ยถาพาลา ยถามูฬฺหา ยถาอกุสลา (สพฺพตฺถ)], ยา มยํ ภควนฺตํ อาสาเทตพฺพํ อมฺิมฺหา. ตาสํ โน, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ. อถ โข ภควา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ โข ตา เทวตาโย ภิยฺโยโสมตฺตาย อุชฺฌายนฺติโย เวหาสํ อพฺภุคฺคฺฉุํ. เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ, โย เจ น ปฏิคณฺหติ;

โกปนฺตโร โทสครุ, ส เวรํ ปฏิมุฺจตี’’ติ.

‘‘อจฺจโย เจ น วิชฺเชถ, โนจิธาปคตํ [โนจีธ อปหตํ (สฺยา. กํ.), โนจิธาปกตํ (?)] สิยา;

เวรานิ น จ สมฺเมยฺยุํ, เกนีธ [เวรานิ จ สมฺเมยฺยุํ, เตนิธ (สี.)] กุสโล สิยา’’ติ.

‘‘กสฺสจฺจยา น วิชฺชนฺติ, กสฺส นตฺถิ อปาคตํ;

โก น สมฺโมหมาปาทิ, โก จ ธีโร [โกธ ธีโร (สฺยา. กํ.)] สทา สโต’’ติ.

‘‘ตถาคตสฺส พุทฺธสฺส, สพฺพภูตานุกมฺปิโน;

ตสฺสจฺจยา น วิชฺชนฺติ, ตสฺส นตฺถิ อปาคตํ;

โส น สมฺโมหมาปาทิ, โสว [โสธ (สฺยา. กํ.)] ธีโร สทา สโต’’ติ.

‘‘อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ, โย เจ น ปฏิคณฺหติ;

โกปนฺตโร โทสครุ, ส เวรํ ปฏิมุฺจติ;

ตํ เวรํ นาภินนฺทามิ, ปฏิคฺคณฺหามิ โวจฺจย’’นฺติ.

๖. สทฺธาสุตฺตํ

๓๖. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหติ,

โน เจ อสฺสทฺธิยํ อวติฏฺติ;

ยโส จ กิตฺตี จ ตตฺวสฺส โหติ,

สคฺคฺจ โส คจฺฉติ สรีรํ วิหายา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,

สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;

ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,

อกิฺจนํ นานุปตนฺติ สงฺคา’’ติ.

‘‘ปมาทมนุยุฺชนฺติ , พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา;

อปฺปมาทฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺํว รกฺขติ.

‘‘มา ปมาทมนุยุฺเชถ, มา กามรติ สนฺถวํ;

อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ ปรมํ สุข’’นฺติ.

๗. สมยสุตฺตํ

๓๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ; ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อถ โข จตุนฺนํ สุทฺธาวาสกายิกานํ เทวตานํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ; ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ยํนูน มยมฺปิ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปจฺเจกํ คาถํ [ปจฺเจกคาถํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภาเสยฺยามา’’ติ.

อถ โข ตา เทวตา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย. เอวเมว – สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ อนฺตรหิตา ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุํ. อถ โข ตา เทวตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘มหาสมโย ปวนสฺมึ, เทวกายา สมาคตา;

อาคตมฺห อิมํ ธมฺมสมยํ, ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆ’’นฺติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ตตฺร ภิกฺขโว สมาทหํสุ, จิตฺตมตฺตโน อุชุกํ อกํสุ [อุชุกมกํสุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];

สารถีว เนตฺตานิ คเหตฺวา, อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เฉตฺวา ขีลํ เฉตฺวา ปลิฆํ, อินฺทขีลํ อูหจฺจ มเนชา;

เต จรนฺติ สุทฺธา วิมลา, จกฺขุมตา สุทนฺตา สุสุนาคา’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ.

๘. สกลิกสุตฺตํ

๓๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปาโท สกลิกาย [สกฺขลิกาย (ก.)] ขโต โหติ. ภุสา สุทํ ภควโต เวทนา วตฺตนฺติ สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา [ติปฺปา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา; ตา สุทํ ภควา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน. อถ โข ภควา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน.

อถ โข สตฺตสตา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ มทฺทกุจฺฉึ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นาโค วต, โภ, สมโณ โคตโม; นาควตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘สีโห วต, โภ, สมโณ โคตโม; สีหวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อาชานีโย วต, โภ, สมโณ โคตโม; อาชานียวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นิสโภ วต, โภ, สมโณ โคตโม; นิสภวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘โธรยฺโห วต, โภ, สมโณ โคตโม; โธรยฺหวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ทนฺโต วต, โภ, สมโณ โคตโม; ทนฺตวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.

อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ปสฺส สมาธึ สุภาวิตํ จิตฺตฺจ สุวิมุตฺตํ, น จาภินตํ น จาปนตํ น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคตํ [สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตวตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริวาวตํ (ก.)]. โย เอวรูปํ ปุริสนาคํ ปุริสสีหํ ปุริสอาชานียํ ปุริสนิสภํ ปุริสโธรยฺหํ ปุริสทนฺตํ อติกฺกมิตพฺพํ มฺเยฺย กิมฺตฺร อทสฺสนา’’ติ.

‘‘ปฺจเวทา สตํ สมํ, ตปสฺสี พฺราหฺมณา จรํ;

จิตฺตฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ, หีนตฺถรูปา น ปารงฺคมา เต.

‘‘ตณฺหาธิปนฺนา วตสีลพทฺธา, ลูขํ ตปํ วสฺสสตํ จรนฺตา;

จิตฺตฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ, หีนตฺถรูปา น ปารงฺคมา เต.

‘‘น มานกามสฺส ทโม อิธตฺถิ, น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺส;

เอโก อรฺเ วิหรํ ปมตฺโต, น มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.

‘‘มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต, สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต;

เอโก อรฺเ วิหรมปฺปมตฺโต, ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.

๙. ปมปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตํ

๓๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ มหาวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘เวสาลิยํ วเน วิหรนฺตํ, อคฺคํ สตฺตสฺส สมฺพุทฺธํ;

โกกนทาหมสฺมิ อภิวนฺเท, โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา.

‘‘สุตเมว ปุเร อาสิ, ธมฺโม จกฺขุมตานุพุทฺโธ;

สาหํ ทานิ สกฺขิ ชานามิ, มุนิโน เทสยโต สุคตสฺส.

‘‘เย เกจิ อริยํ ธมฺมํ, วิครหนฺตา จรนฺติ ทุมฺเมธา;

อุเปนฺติ โรรุวํ โฆรํ, จิรรตฺตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ.

‘‘เย จ โข อริเย ธมฺเม, ขนฺติยา อุปสเมน อุเปตา;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกาย ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ.

๑๐. ทุติยปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตํ

๔๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข จูฬโกกนทา [จุลฺลโกกนทา (สี. สฺยา. กํ.)] ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ มหาวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา จูฬโกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘อิธาคมา วิชฺชุปภาสวณฺณา, โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา;

พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ นมสฺสมานา, คาถาจิมา อตฺถวตี อภาสิ.

‘‘พหุนาปิ โข ตํ วิภเชยฺยํ, ปริยาเยน ตาทิโส ธมฺโม;

สํขิตฺตมตฺถํ [สํขิตฺตมตฺตํ (ก.)] ลปยิสฺสามิ, ยาวตา เม มนสา ปริยตฺตํ.

‘‘ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา,

กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเก;

กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน,

ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิต’’นฺติ.

สตุลฺลปกายิกวคฺโค จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

สพฺภิมจฺฉรินา สาธุ, น สนฺตุชฺฌานสฺิโน;

สทฺธา สมโย สกลิกํ, อุโภ ปชฺชุนฺนธีตโรติ.

๕. อาทิตฺตวคฺโค

๑. อาทิตฺตสุตฺตํ

๔๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘อาทิตฺตสฺมึ อคารสฺมึ, ยํ นีหรติ ภาชนํ;

ตํ ตสฺส โหติ อตฺถาย, โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหติ.

‘‘เอวํ อาทิตฺตโก โลโก, ชราย มรเณน จ;

นีหเรเถว ทาเนน, ทินฺนํ โหติ สุนีหตํ.

‘‘ทินฺนํ สุขผลํ โหติ, นาทินฺนํ โหติ ตํ ตถา;

โจรา หรนฺติ ราชาโน, อคฺคิ ฑหติ นสฺสติ.

‘‘อถ อนฺเตน ชหติ, สรีรํ สปริคฺคหํ;

เอตทฺาย เมธาวี, ภุฺเชถ จ ทเทถ จ;

ทตฺวา จ ภุตฺวา จ ยถานุภาวํ;

อนินฺทิโต สคฺคมุเปติ าน’’นฺติ.

๒. กึททสุตฺตํ

๔๒.

‘‘กึทโท พลโท โหติ, กึทโท โหติ วณฺณโท;

กึทโท สุขโท โหติ, กึทโท โหติ จกฺขุโท;

โก จ สพฺพทโท โหติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

‘‘อนฺนโท พลโท โหติ, วตฺถโท โหติ วณฺณโท;

ยานโท สุขโท โหติ, ทีปโท โหติ จกฺขุโท.

‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสยํ;

อมตํ ทโท จ โส โหติ, โย ธมฺมมนุสาสตี’’ติ.

๓. อนฺนสุตฺตํ

๔๓.

‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ, อุภเย เทวมานุสา;

อถ โก นาม โส ยกฺโข, ยํ อนฺนํ นาภินนฺทตี’’ติ.

‘‘เย นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;

ปุฺานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

๔. เอกมูลสุตฺตํ

๔๔.

‘‘เอกมูลํ ทฺวิราวฏฺฏํ, ติมลํ ปฺจปตฺถรํ;

สมุทฺทํ ทฺวาทสาวฏฺฏํ, ปาตาลํ อตรี อิสี’’ติ.

๕. อโนมสุตฺตํ

๔๕.

‘‘อโนมนามํ นิปุณตฺถทสฺสึ, ปฺาททํ กามาลเย อสตฺตํ;

ตํ ปสฺสถ สพฺพวิทุํ สุเมธํ, อริเย ปเถ กมมานํ มเหสิ’’นฺติ.

๖. อจฺฉราสุตฺตํ

๔๖.

‘‘อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺํ, ปิสาจคณเสวิตํ;

วนนฺตํ โมหนํ นาม, กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘อุชุโก นาม โส มคฺโค, อภยา นาม สา ทิสา;

รโถ อกูชโน นาม, ธมฺมจกฺเกหิ สํยุโต.

‘‘หิรี ตสฺส อปาลมฺโพ, สตฺยสฺส ปริวารณํ;

ธมฺมาหํ สารถึ พฺรูมิ, สมฺมาทิฏฺิปุเรชวํ.

‘‘ยสฺส เอตาทิสํ ยานํ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;

ส เว เอเตน ยาเนน, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ.

๗. วนโรปสุตฺตํ

๔๗.

‘‘เกสํ ทิวา จ รตฺโต จ, สทา ปุฺํ ปวฑฺฒติ;

ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา, เก ชนา สคฺคคามิโน’’ติ.

‘‘อารามโรปา วนโรปา, เย ชนา เสตุการกา;

ปปฺจ อุทปานฺจ, เย ททนฺติ อุปสฺสยํ.

‘‘เตสํ ทิวา จ รตฺโต จ, สทา ปุฺํ ปวฑฺฒติ;

ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา, เต ชนา สคฺคคามิโน’’ติ.

๘. เชตวนสุตฺตํ

๔๘.

‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;

อาวุตฺถํ [อาวุฏฺํ (ก.)] ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.

‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;

เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.

‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;

โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.

‘‘สาริปุตฺโตว ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;

โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.

๙. มจฺฉริสุตฺตํ

๔๙.

‘‘เยธ มจฺฉริโน โลเก, กทริยา ปริภาสกา;

อฺเสํ ททมานานํ, อนฺตรายกรา นรา.

‘‘กีทิโส เตสํ วิปาโก, สมฺปราโย จ กีทิโส;

ภควนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

‘‘เยธ มจฺฉริโน โลเก, กทริยา ปริภาสกา;

อฺเสํ ททมานานํ, อนฺตรายกรา นรา.

‘‘นิรยํ ติรจฺฉานโยนึ, ยมโลกํ อุปปชฺชเร;

สเจ เอนฺติ มนุสฺสตฺตํ, ทลิทฺเท ชายเร กุเล.

‘‘โจฬํ ปิณฺโฑ รตี ขิฑฺฑา, ยตฺถ กิจฺเฉน ลพฺภติ;

ปรโต อาสีสเร [อาสึสเร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พาลา, ตมฺปิ เตสํ น ลพฺภติ;

ทิฏฺเ ธมฺเมส วิปาโก, สมฺปราเย [สมฺปราโย (สฺยา. กํ. ปี.)] จ ทุคฺคตี’’ติ.

‘‘อิติเหตํ วิชานาม, อฺํ ปุจฺฉาม โคตม;

เยธ ลทฺธา มนุสฺสตฺตํ, วทฺู วีตมจฺฉรา.

‘‘พุทฺเธ ปสนฺนา ธมฺเม จ, สงฺเฆ จ ติพฺพคารวา;

กีทิโส เตสํ วิปาโก, สมฺปราโย จ กีทิโส;

ภควนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

‘‘เยธ ลทฺธา มนุสฺสตฺตํ, วทฺู วีตมจฺฉรา;

พุทฺเธ ปสนฺนา ธมฺเม จ, สงฺเฆ จ ติพฺพคารวา;

เอเต สคฺคา [สคฺเค (สี. สฺยา. กํ.)] ปกาสนฺติ, ยตฺถ เต อุปปชฺชเร.

‘‘สเจ เอนฺติ มนุสฺสตฺตํ, อฑฺเฒ อาชายเร กุเล;

โจฬํ ปิณฺโฑ รตี ขิฑฺฑา, ยตฺถากิจฺเฉน ลพฺภติ.

‘‘ปรสมฺภเตสุ โภเคสุ, วสวตฺตีว โมทเร;

ทิฏฺเ ธมฺเมส วิปาโก, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติ.

๑๐. ฆฏีการสุตฺตํ

๕๐.

‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;

ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.

‘‘เก จ เต อตรุํ ปงฺกํ [สงฺคํ (สี. สฺยา.)], มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ;

เก หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.

‘‘อุปโก ปลคณฺโฑ จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;

ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สิงฺคิโย [พหุทนฺตี จ ปิงฺคโย (สี.)];

เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.

‘‘กุสลี ภาสสี เตสํ, มารปาสปฺปหายินํ;

กสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.

‘‘น อฺตฺร ภควตา, นาฺตฺร ตว สาสนา;

ยสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธนํ.

‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;

ตํ เต ธมฺมํ อิธฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.

‘‘คมฺภีรํ ภาสสี วาจํ, ทุพฺพิชานํ สุทุพฺพุธํ;

กสฺส ตฺวํ ธมฺมมฺาย, วาจํ ภาสสิ อีทิส’’นฺติ.

‘‘กุมฺภกาโร ปุเร อาสึ, เวกฬิงฺเค [เวหฬิงฺเค (สี.), เวภฬิงฺเค (สฺยา. กํ.)] ฆฏีกโร;

มาตาเปตฺติภโร อาสึ, กสฺสปสฺส อุปาสโก.

‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;

อหุวา เต สคาเมยฺโย, อหุวา เต ปุเร สขา.

‘‘โสหเมเต ปชานามิ, วิมุตฺเต สตฺต ภิกฺขโว;

ราคโทสปริกฺขีเณ, ติณฺเณ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.

‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภคฺคว;

กุมฺภกาโร ปุเร อาสิ, เวกฬิงฺเค ฆฏีกโร;

มาตาเปตฺติภโร อาสิ, กสฺสปสฺส อุปาสโก.

‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;

อหุวา เม สคาเมยฺโย, อหุวา เม ปุเร สขา’’ติ.

‘‘เอวเมตํ ปุราณานํ, สหายานํ อหุ สงฺคโม;

อุภินฺนํ ภาวิตตฺตานํ, สรีรนฺติมธาริน’’นฺติ.

อาทิตฺตวคฺโค ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อาทิตฺตํ กึททํ อนฺนํ, เอกมูลอโนมิยํ;

อจฺฉราวนโรปเชตํ, มจฺฉเรน ฆฏีกโรติ.

๖. ชราวคฺโค

๑. ชราสุตฺตํ

๕๑.

‘‘กึสุ ยาว ชรา สาธุ, กึสุ สาธุ ปติฏฺิตํ;

กึสุ นรานํ รตนํ, กึสุ โจเรหิ ทูหร’’นฺติ.

‘‘สีลํ ยาว ชรา สาธุ, สทฺธา สาธุ ปติฏฺิตา;

ปฺา นรานํ รตนํ, ปุฺํ โจเรหิ ทูหร’’นฺติ.

๒. อชรสาสุตฺตํ

๕๒.

‘‘กึสุ อชรสา สาธุ, กึสุ สาธุ อธิฏฺิตํ;

กึสุ นรานํ รตนํ, กึสุ โจเรหฺยหาริย’’นฺติ.

‘‘สีลํ อชรสา สาธุ, สทฺธา สาธุ อธิฏฺิตา;

ปฺา นรานํ รตนํ, ปุฺํ โจเรหฺยหาริย’’นฺติ.

๓. มิตฺตสุตฺตํ

๕๓.

‘‘กึสุ ปวสโต [ปถวโต (ปี. ก.)] มิตฺตํ, กึสุ มิตฺตํ สเก ฆเร;

กึ มิตฺตํ อตฺถชาตสฺส, กึ มิตฺตํ สมฺปรายิก’’นฺติ.

‘‘สตฺโถ ปวสโต มิตฺตํ, มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร;

สหาโย อตฺถชาตสฺส, โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ;

สยํกตานิ ปุฺานิ, ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิก’’นฺติ.

๔. วตฺถุสุตฺตํ

๕๔.

‘‘กึสุ วตฺถุ มนุสฺสานํ, กึสูธ ปรโม สขา;

กึสุ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ [ปถวึ สิตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].

‘‘ปุตฺตา วตฺถุ มนุสฺสานํ, ภริยา จ [ภริยาว (สี.), ภริยา (สฺยา. กํ.)] ปรโม สขา;

วุฏฺึ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.

๕. ปมชนสุตฺตํ

๕๕.

‘‘กึสุ ชเนติ ปุริสํ, กึสุ ตสฺส วิธาวติ;

กึสุ สํสารมาปาทิ, กึสุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติ.

‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวติ;

สตฺโต สํสารมาปาทิ, ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ.

๖. ทุติยชนสุตฺตํ

๕๖.

‘‘กึสุ ชเนติ ปุริสํ, กึสุ ตสฺส วิธาวติ;

กึสุ สํสารมาปาทิ, กิสฺมา น ปริมุจฺจตี’’ติ.

‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวติ;

สตฺโต สํสารมาปาทิ, ทุกฺขา น ปริมุจฺจตี’’ติ.

๗. ตติยชนสุตฺตํ

๕๗.

‘‘กึสุ ชเนติ ปุริสํ, กึสุ ตสฺส วิธาวติ;

กึสุ สํสารมาปาทิ, กึสุ ตสฺส ปรายน’’นฺติ.

‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวติ;

สตฺโต สํสารมาปาทิ, กมฺมํ ตสฺส ปรายน’’นฺติ.

๘. อุปฺปถสุตฺตํ

๕๘.

‘‘กึสุ อุปฺปโถ อกฺขาโต, กึสุ รตฺตินฺทิวกฺขโย;

กึ มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, กึ สินานมโนทก’’นฺติ.

‘‘ราโค อุปฺปโถ อกฺขาโต, วโย รตฺตินฺทิวกฺขโย;

อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, เอตฺถายํ สชฺชเต ปชา;

ตโป จ พฺรหฺมจริยฺจ, ตํ สินานมโนทก’’นฺติ.

๙. ทุติยสุตฺตํ

๕๙.

‘‘กึสุ ทุติยา [ทุติยํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปุริสสฺส โหติ, กึสุ เจนํ ปสาสติ;

กิสฺส จาภิรโต มจฺโจ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหติ, ปฺา เจนํ ปสาสติ;

นิพฺพานาภิรโต มจฺโจ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

๑๐. กวิสุตฺตํ

๖๐.

‘‘กึสุ นิทานํ คาถานํ, กึสุ ตาสํ วิยฺชนํ;

กึสุ สนฺนิสฺสิตา คาถา, กึสุ คาถานมาสโย’’ติ.

‘‘ฉนฺโท นิทานํ คาถานํ, อกฺขรา ตาสํ วิยฺชนํ;

นามสนฺนิสฺสิตา คาถา, กวิ คาถานมาสโย’’ติ.

ชราวคฺโค ฉฏฺโ.

ตสฺสุทฺทานํ –

ชรา อชรสา มิตฺตํ, วตฺถุ ตีณิ ชนานิ จ;

อุปฺปโถ จ ทุติโย จ, กวินา ปูริโต วคฺโคติ.

๗. อทฺธวคฺโค

๑. นามสุตฺตํ

๖๑.

‘‘กึสุ สพฺพํ อทฺธภวิ [อนฺวภวิ (สี.)], กิสฺมา ภิยฺโย น วิชฺชติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ [วสมทฺธคู (ก.)].

‘‘นามํ สพฺพํ อทฺธภวิ, นามา ภิยฺโย น วิชฺชติ;

นามสฺส เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.

๒. จิตฺตสุตฺตํ

๖๒.

‘‘เกนสฺสุ นียติ โลโก, เกนสฺสุ ปริกสฺสติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.

‘‘จิตฺเตน นียติ โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสติ;

จิตฺตสฺส เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.

๓. ตณฺหาสุตฺตํ

๖๓.

‘‘เกนสฺสุ นียติ โลโก, เกนสฺสุ ปริกสฺสติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.

‘‘ตณฺหาย นียติ โลโก, ตณฺหาย ปริกสฺสติ;

ตณฺหาย เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.

๔. สํโยชนสุตฺตํ

๖๔.

‘‘กึสุ สํโยชโน โลโก, กึสุ ตสฺส วิจารณํ;

กิสฺสสฺสุ วิปฺปหาเนน, นิพฺพานํ อิติ วุจฺจตี’’ติ.

‘‘นนฺทีสํโยชโน [นนฺทิสํโยชโน (สี. สฺยา. กํ.)] โลโก, วิตกฺกสฺส วิจารณํ;

ตณฺหาย วิปฺปหาเนน, นิพฺพานํ อิติ วุจฺจตี’’ติ.

๕. พนฺธนสุตฺตํ

๖๕.

‘‘กึสุ สมฺพนฺธโน โลโก, กึสุ ตสฺส วิจารณํ;

กิสฺสสฺสุ วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.

‘‘นนฺทีสมฺพนฺธโน โลโก, วิตกฺกสฺส วิจารณํ;

ตณฺหาย วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.

๖. อตฺตหตสุตฺตํ

๖๖.

‘‘เกนสฺสุพฺภาหโต โลโก, เกนสฺสุ ปริวาริโต;

เกน สลฺเลน โอติณฺโณ, กิสฺส ธูปายิโต สทา’’ติ.

‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;

ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณ, อิจฺฉาธูปายิโต สทา’’ติ.

๗. อุฑฺฑิตสุตฺตํ

๖๗.

‘‘เกนสฺสุ อุฑฺฑิโต โลโก, เกนสฺสุ ปริวาริโต;

เกนสฺสุ ปิหิโต โลโก, กิสฺมึ โลโก ปติฏฺิโต’’ติ.

‘‘ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;

มจฺจุนา ปิหิโต โลโก, ทุกฺเข โลโก ปติฏฺิโต’’ติ.

๘. ปิหิตสุตฺตํ

๖๘.

‘‘เกนสฺสุ ปิหิโต โลโก, กิสฺมึ โลโก ปติฏฺิโต;

เกนสฺสุ อุฑฺฑิโต โลโก, เกนสฺสุ ปริวาริโต’’ติ.

‘‘มจฺจุนา ปิหิโต โลโก, ทุกฺเข โลโก ปติฏฺิโต;

ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก, ชราย ปริวาริโต’’ติ.

๙. อิจฺฉาสุตฺตํ

๖๙.

‘‘เกนสฺสุ พชฺฌตี โลโก, กิสฺส วินยาย มุจฺจติ;

กิสฺสสฺสุ วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.

‘‘อิจฺฉาย พชฺฌตี โลโก, อิจฺฉาวินยาย มุจฺจติ;

อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.

๑๐. โลกสุตฺตํ

๗๐.

‘‘กิสฺมึ โลโก สมุปฺปนฺโน, กิสฺมึ กุพฺพติ สนฺถวํ;

กิสฺส โลโก อุปาทาย, กิสฺมึ โลโก วิหฺตี’’ติ.

‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถวํ;

ฉนฺนเมว อุปาทาย, ฉสุ โลโก วิหฺตี’’ติ.

อทฺธวคฺโค [อนฺววคฺโค (สี.)] สตฺตโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

นามํ จิตฺตฺจ ตณฺหา จ, สํโยชนฺจ พนฺธนา;

อพฺภาหตุฑฺฑิโต ปิหิโต, อิจฺฉา โลเกน เต ทสาติ.

๘. เฉตฺวาวคฺโค

๑. เฉตฺวาสุตฺตํ

๗๑. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กึสุ เฉตฺวา [ฌตฺวา (สี.), ฆตฺวา (สฺยา. กํ.) เอวมุปริปิ] สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.

‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส เทวเต;

วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.

๒. รถสุตฺตํ

๗๒.

‘‘กึสุ รถสฺส ปฺาณํ, กึสุ ปฺาณมคฺคิโน;

กึสุ รฏฺสฺส ปฺาณํ, กึสุ ปฺาณมิตฺถิยา’’ติ.

‘‘ธโช รถสฺส ปฺาณํ, ธูโม ปฺาณมคฺคิโน;

ราชา รฏฺสฺส ปฺาณํ, ภตฺตา ปฺาณมิตฺถิยา’’ติ.

๓. วิตฺตสุตฺตํ

๗๓.

‘‘กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ, กึสุ สุจิณฺโณ สุขมาวหติ;

กึสุ หเว สาทุตรํ [สาธุตรํ (ก.)] รสานํ, กถํชีวึ [กึสุชีวึ (ก.)] ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.

‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหติ;

สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ, ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.

๔. วุฏฺิสุตฺตํ

๗๔.

‘‘กึสุ อุปฺปตตํ เสฏฺํ, กึสุ นิปตตํ วรํ;

กึสุ ปวชมานานํ, กึสุ ปวทตํ วร’’นฺติ.

‘‘พีชํ อุปฺปตตํ เสฏฺํ, วุฏฺิ นิปตตํ วรา;

คาโว ปวชมานานํ, ปุตฺโต ปวทตํ วโรติ.

‘‘วิชฺชา อุปฺปตตํ เสฏฺา, อวิชฺชา นิปตตํ วรา;

สงฺโฆ ปวชมานานํ, พุทฺโธ ปวทตํ วโร’’ติ.

๕. ภีตาสุตฺตํ

๗๕.

‘‘กึสูธ ภีตา ชนตา อเนกา,

มคฺโค จเนกายตนปฺปวุตฺโต;

ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปฺ,

กิสฺมึ ิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ.

‘‘วาจํ มนฺจ ปณิธาย สมฺมา,

กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน;

พวฺหนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต,

สทฺโธ มุทู สํวิภาคี วทฺู;

เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสุ,

ธมฺเม ิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ.

๖. นชีรติสุตฺตํ

๗๖.

‘‘กึ ชีรติ กึ น ชีรติ, กึสุ อุปฺปโถติ วุจฺจติ;

กึสุ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ, กึสุ รตฺตินฺทิวกฺขโย;

กึ มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, กึ สินานมโนทกํ.

‘‘กติ โลกสฺมึ ฉิทฺทานิ, ยตฺถ วิตฺตํ [จิตฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น ติฏฺติ;

ภควนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

‘‘รูปํ ชีรติ มจฺจานํ, นามโคตฺตํ น ชีรติ;

ราโค อุปฺปโถติ วุจฺจติ.

‘‘โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ, วโย รตฺตินฺทิวกฺขโย;

อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, เอตฺถายํ สชฺชเต ปชา;

ตโป จ พฺรหฺมจริยฺจ, ตํ สินานมโนทกํ.

‘‘ฉ โลกสฺมึ ฉิทฺทานิ, ยตฺถ วิตฺตํ น ติฏฺติ;

อาลสฺยฺจ [อาลสฺสฺจ (สี. ปี.)] ปมาโท จ, อนุฏฺานํ อสํยโม;

นิทฺทา ตนฺที [ตนฺทิ (สี.)] จ เต ฉิทฺเท, สพฺพโส ตํ วิวชฺชเย’’ติ.

๗. อิสฺสริยสุตฺตํ

๗๗.

‘‘กึสุ อิสฺสริยํ โลเก, กึสุ ภณฺฑานมุตฺตมํ;

กึสุ สตฺถมลํ โลเก, กึสุ โลกสฺมิมพฺพุทํ.

‘‘กึสุ หรนฺตํ วาเรนฺติ, หรนฺโต ปน โก ปิโย;

กึสุ ปุนปฺปุนายนฺตํ, อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

‘‘วโส อิสฺสริยํ โลเก, อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตมํ;

โกโธ สตฺถมลํ โลเก, โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา.

‘‘โจรํ หรนฺตํ วาเรนฺติ, หรนฺโต สมโณ ปิโย;

สมณํ ปุนปฺปุนายนฺตํ, อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

๘. กามสุตฺตํ

๗๘.

‘‘กิมตฺถกาโม น ทเท, กึ มจฺโจ น ปริจฺจเช;

กึสุ มุฺเจยฺย กลฺยาณํ, ปาปิกํ น จ โมจเย’’ติ.

‘‘อตฺตานํ น ทเท โปโส, อตฺตานํ น ปริจฺจเช;

วาจํ มุฺเจยฺย กลฺยาณํ, ปาปิกฺจ น โมจเย’’ติ.

๙. ปาเถยฺยสุตฺตํ

๗๙.

‘‘กึสุ พนฺธติ ปาเถยฺยํ, กึสุ โภคานมาสโย;

กึสุ นรํ ปริกสฺสติ, กึสุ โลกสฺมิ ทุชฺชหํ;

กิสฺมึ พทฺธา ปุถู สตฺตา, ปาเสน สกุณี ยถา’’ติ.

‘‘สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺยํ, สิรี โภคานมาสโย;

อิจฺฉา นรํ ปริกสฺสติ, อิจฺฉา โลกสฺมิ ทุชฺชหา;

อิจฺฉาพทฺธา ปุถู สตฺตา, ปาเสน สกุณี ยถา’’ติ.

๑๐. ปชฺโชตสุตฺตํ

๘๐.

‘‘กึสุ โลกสฺมิ ปชฺโชโต, กึสุ โลกสฺมิ ชาคโร;

กึสุ กมฺเม สชีวานํ, กิมสฺส อิริยาปโถ.

‘‘กึสุ อลสํ อนลสฺจ [กึ อาลสฺยานาลสฺยฺจ (ก.)], มาตา ปุตฺตํว โปสติ;

กึ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.

‘‘ปฺา โลกสฺมิ ปชฺโชโต, สติ โลกสฺมิ ชาคโร;

คาโว กมฺเม สชีวานํ, สีตสฺส อิริยาปโถ.

‘‘วุฏฺิ อลสํ อนลสฺจ, มาตา ปุตฺตํว โปสติ;

วุฏฺึ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.

๑๑. อรณสุตฺตํ

๘๑.

‘‘เกสูธ อรณา โลเก, เกสํ วุสิตํ น นสฺสติ;

เกธ อิจฺฉํ ปริชานนฺติ, เกสํ โภชิสฺสิยํ สทา.

‘‘กึสุ มาตา ปิตา ภาตา, วนฺทนฺติ นํ ปติฏฺิตํ;

กึสุ อิธ ชาติหีนํ, อภิวาเทนฺติ ขตฺติยา’’ติ.

‘‘สมณีธ อรณา โลเก, สมณานํ วุสิตํ น นสฺสติ;

สมณา อิจฺฉํ ปริชานนฺติ, สมณานํ โภชิสฺสิยํ สทา.

‘‘สมณํ มาตา ปิตา ภาตา, วนฺทนฺติ นํ ปติฏฺิตํ;

สมณีธ ชาติหีนํ, อภิวาเทนฺติ ขตฺติยา’’ติ.

เฉตฺวาวคฺโค อฏฺโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

เฉตฺวา รถฺจ จิตฺตฺจ, วุฏฺิ ภีตา นชีรติ;

อิสฺสรํ กามํ ปาเถยฺยํ, ปชฺโชโต อรเณน จาติ.

เทวตาสํยุตฺตํ สมตฺตํ.