📜

๒. เทวปุตฺตสํยุตฺตํ

๑. ปมวคฺโค

๑. ปมกสฺสปสุตฺตํ

๘๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข กสฺสโป เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กสฺสโป เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภิกฺขุํ ภควา ปกาเสสิ, โน จ ภิกฺขุโน อนุสาส’’นฺติ. ‘‘เตน หิ กสฺสป, ตฺเเวตฺถ ปฏิภาตู’’ติ.

‘‘สุภาสิตสฺส สิกฺเขถ, สมณูปาสนสฺส จ;

เอกาสนสฺส จ รโห, จิตฺตวูปสมสฺส จา’’ติ.

อิทมโวจ กสฺสโป เทวปุตฺโต; สมนุฺโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข กสฺสโป เทวปุตฺโต ‘‘สมนุฺโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

๒. ทุติยกสฺสปสุตฺตํ

๘๓. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิโต โข กสฺสโป เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ภิกฺขุ สิยา ฌายี วิมุตฺตจิตฺโต,

อากงฺเข เจ หทยสฺสานุปตฺตึ;

โลกสฺส ตฺวา อุทยพฺพยฺจ,

สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส’’ติ.

๓. มาฆสุตฺตํ

๘๔. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข มาโฆ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ . เอกมนฺตํ ิโต โข มาโฆ เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กึสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.

‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส วตฺรภู;

วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.

๔. มาคธสุตฺตํ

๘๕. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิโต โข มาคโธ เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กติ โลกสฺมึ ปชฺโชตา, เยหิ โลโก ปกาสติ;

ภวนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

‘‘จตฺตาโร โลเก ปชฺโชตา, ปฺจเมตฺถ น วิชฺชติ;

ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา.

‘‘อถ อคฺคิ ทิวารตฺตึ, ตตฺถ ตตฺถ ปกาสติ;

สมฺพุทฺโธ ตปตํ เสฏฺโ, เอสา อาภา อนุตฺตรา’’ติ.

๕. ทามลิสุตฺตํ

๘๖. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ทามลิ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทามลิ เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘กรณียเมตํ พฺราหฺมเณน, ปธานํ อกิลาสุนา;

กามานํ วิปฺปหาเนน, น เตนาสีสเต ภว’’นฺติ.

‘‘นตฺถิ กิจฺจํ พฺราหฺมณสฺส (ทามลีติ ภควา),

กตกิจฺโจ หิ พฺราหฺมโณ.

‘‘ยาว น คาธํ ลภติ นทีสุ,

อายูหติ สพฺพคตฺเตภิ ชนฺตุ;

คาธฺจ ลทฺธาน ถเล ิโต โย,

นายูหตี ปารคโต หิ โสว [โสติ (สี. ปี. ก.), โหติ (สฺยา. กํ.), โส (?)].

‘‘เอสูปมา ทามลิ พฺราหฺมณสฺส,

ขีณาสวสฺส นิปกสฺส ฌายิโน;

ปปฺปุยฺย ชาติมรณสฺส อนฺตํ,

นายูหตี ปารคโต หิ โส’’ติ [โหตีติ (สฺยา. กํ.)].

๖. กามทสุตฺตํ

๘๗. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิโต โข กามโท เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทุกฺกรํ ภควา, สุทุกฺกรํ ภควา’’ติ.

‘‘ทุกฺกรํ วาปิ กโรนฺติ (กามทาติ ภควา),

เสขา สีลสมาหิตา;

ิตตฺตา อนคาริยุเปตสฺส,

ตุฏฺิ โหติ สุขาวหา’’ติ.

‘‘ทุลฺลภา ภควา ยทิทํ ตุฏฺี’’ติ.

‘‘ทุลฺลภํ วาปิ ลภนฺติ (กามทาติ ภควา),

จิตฺตวูปสเม รตา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ,

ภาวนาย รโต มโน’’ติ.

‘‘ทุสฺสมาทหํ ภควา ยทิทํ จิตฺต’’นฺติ.

‘‘ทุสฺสมาทหํ วาปิ สมาทหนฺติ (กามทาติ ภควา),

อินฺทฺริยูปสเม รตา;

เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลํ,

อริยา คจฺฉนฺติ กามทา’’ติ.

‘‘ทุคฺคโม ภควา วิสโม มคฺโค’’ติ.

‘‘ทุคฺคเม วิสเม วาปิ, อริยา คจฺฉนฺติ กามท;

อนริยา วิสเม มคฺเค, ปปตนฺติ อวํสิรา;

อริยานํ สโม มคฺโค, อริยา หิ วิสเม สมา’’ติ.

๗. ปฺจาลจณฺฑสุตฺตํ

๘๘. สาวตฺถินิทานํ . เอกมนฺตํ ิโต โข ปฺจาลจณฺโฑ เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สมฺพาเธ วต โอกาสํ, อวินฺทิ ภูริเมธโส;

โย ฌานมพุชฺฌิ [ฌานมพุธา (ก. สี.), ฌานมพุทฺธิ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] พุทฺโธ, ปฏิลีนนิสโภ มุนี’’ติ.

‘‘สมฺพาเธ วาปิ วินฺทนฺติ (ปฺจาลจณฺฑาติ ภควา),

ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;

เย สตึ ปจฺจลตฺถํสุ,

สมฺมา เต สุสมาหิตา’’ติ.

๘. ตายนสุตฺตํ

๘๙. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ตายโน เทวปุตฺโต ปุราณติตฺถกโร อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ตายโน เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;

นปฺปหาย มุนี กาเม, เนกตฺตมุปปชฺชติ.

‘‘กยิรา เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;

สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รชํ.

‘‘อกตํ ทุกฺกฏํ [ทุกฺกตํ (สี. ปี.)] เสยฺโย, ปจฺฉา ตปติ ทุกฺกฏํ;

กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ.

‘‘กุโส ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;

สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายูปกฑฺฒติ.

‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;

สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.

อิทมโวจ ตายโน เทวปุตฺโต; อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ ตายโน นาม เทวปุตฺโต ปุราณติตฺถกโร อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, ตายโน เทวปุตฺโต มม สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;

นปฺปหาย มุนี กาเม, เนกตฺตมุปปชฺชติ.

‘‘กยิรา เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;

สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รชํ.

‘‘อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย, ปจฺฉา ตปติ ทุกฺกฏํ;

กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ.

‘‘กุโส ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;

สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายูปกฑฺฒติ.

‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;

สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.

‘‘อิทมโวจ, ภิกฺขเว, ตายโน เทวปุตฺโต, อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ. อุคฺคณฺหาถ, ภิกฺขเว, ตายนคาถา; ปริยาปุณาถ, ภิกฺขเว, ตายนคาถา; ธาเรถ, ภิกฺขเว, ตายนคาถา. อตฺถสํหิตา, ภิกฺขเว, ตายนคาถา อาทิพฺรหฺมจริยิกา’’ติ.

๙. จนฺทิมสุตฺตํ

๙๐. สาวตฺถินิทานํ . เตน โข ปน สมเยน จนฺทิมา เทวปุตฺโต ราหุนา อสุรินฺเทน คหิโต โหติ. อถ โข จนฺทิมา เทวปุตฺโต ภควนฺตํ อนุสฺสรมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘นโม เต พุทฺธ วีรตฺถุ, วิปฺปมุตฺโตสิ สพฺพธิ;

สมฺพาธปฏิปนฺโนสฺมิ, ตสฺส เม สรณํ ภวา’’ติ.

อถ โข ภควา จนฺทิมํ เทวปุตฺตํ อารพฺภ ราหุํ อสุรินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘ตถาคตํ อรหนฺตํ, จนฺทิมา สรณํ คโต;

ราหุ จนฺทํ ปมุฺจสฺสุ, พุทฺธา โลกานุกมฺปกา’’ติ.

อถ โข ราหุ อสุรินฺโท จนฺทิมํ เทวปุตฺตํ มุฺจิตฺวา ตรมานรูโป เยน เวปจิตฺติ อสุรินฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข ราหุํ อสุรินฺทํ เวปจิตฺติ อสุรินฺโท คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ราหุ จนฺทํ ปมุฺจสิ;

สํวิคฺครูโป อาคมฺม, กึ นุ ภีโตว ติฏฺสี’’ติ.

‘‘สตฺตธา เม ผเล มุทฺธา, ชีวนฺโต น สุขํ ลเภ;

พุทฺธคาถาภิคีโตมฺหิ, โน เจ มุฺเจยฺย จนฺทิม’’นฺติ.

๑๐. สูริยสุตฺตํ

๙๑. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน สูริโย เทวปุตฺโต ราหุนา อสุรินฺเทน คหิโต โหติ. อถ โข สูริโย เทวปุตฺโต ภควนฺตํ อนุสฺสรมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘นโม เต พุทฺธ วีรตฺถุ, วิปฺปมุตฺโตสิ สพฺพธิ;

สมฺพาธปฏิปนฺโนสฺมิ, ตสฺส เม สรณํ ภวา’’ติ.

อถ โข ภควา สูริยํ เทวปุตฺตํ อารพฺภ ราหุํ อสุรินฺทํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘ตถาคตํ อรหนฺตํ, สูริโย สรณํ คโต;

ราหุ สูริยํ [สุริยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปมุฺจสฺสุ, พุทฺธา โลกานุกมฺปกา.

‘‘โย อนฺธกาเร ตมสิ ปภงฺกโร,

เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;

มา ราหุ คิลี จรมนฺตลิกฺเข,

ปชํ มมํ ราหุ ปมุฺจ สูริย’’นฺติ.

อถ โข ราหุ อสุรินฺโท สูริยํ เทวปุตฺตํ มุฺจิตฺวา ตรมานรูโป เยน เวปจิตฺติ อสุรินฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข ราหุํ อสุรินฺทํ เวปจิตฺติ อสุรินฺโท คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ราหุ สูริยํ ปมุฺจสิ;

สํวิคฺครูโป อาคมฺม, กึ นุ ภีโตว ติฏฺสี’’ติ.

‘‘สตฺตธา เม ผเล มุทฺธา, ชีวนฺโต น สุขํ ลเภ;

พุทฺธคาถาภิคีโตมฺหิ, โน เจ มุฺเจยฺย สูริย’’นฺติ.

ปโม วคฺโค.

ตสฺสุทฺทานํ –

ทฺเว กสฺสปา จ มาโฆ จ, มาคโธ ทามลิ กามโท;

ปฺจาลจณฺโฑ ตายโน, จนฺทิมสูริเยน เต ทสาติ.

๒. อนาถปิณฺฑิกวคฺโค

๑. จนฺทิมสสุตฺตํ

๙๒. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข จนฺทิมโส [จนฺทิมาโส (ก.)] เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ . เอกมนฺตํ ิโต โข จนฺทิมโส เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เต หิ โสตฺถึ คมิสฺสนฺติ, กจฺเฉ วามกเส มคา;

ฌานานิ อุปสมฺปชฺช, เอโกทิ นิปกา สตา’’ติ.

‘‘เต หิ ปารํ คมิสฺสนฺติ, เฉตฺวา ชาลํว อมฺพุโช;

ฌานานิ อุปสมฺปชฺช, อปฺปมตฺตา รณฺชหา’’ติ.

๒. เวณฺฑุสุตฺตํ

๙๓. เอกมนฺตํ ิโต โข เวณฺฑุ [เวณฺหุ (สี.)] เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สุขิตาว เต [สุขิตา วต เต (สี. สฺยา. กํ.)] มนุชา, สุคตํ ปยิรุปาสิย;

ยุฺชํ [ยุชฺช (สี.), ยุฺช (สฺยา. กํ. ปี.)] โคตมสาสเน, อปฺปมตฺตา นุ สิกฺขเร’’ติ.

‘‘เย เม ปวุตฺเต สิฏฺิปเท [สตฺถิปเท (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] (เวณฺฑูติ ภควา),

อนุสิกฺขนฺติ ฌายิโน;

กาเล เต อปฺปมชฺชนฺตา,

น มจฺจุวสคา สิยุ’’นฺติ.

๓. ทีฆลฏฺิสุตฺตํ

๙๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข ทีฆลฏฺิ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทีฆลฏฺิ เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ภิกฺขุ สิยา ฌายี วิมุตฺตจิตฺโต,

อากงฺเข เจ หทยสฺสานุปตฺตึ;

โลกสฺส ตฺวา อุทยพฺพยฺจ,

สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส’’ติ.

๔. นนฺทนสุตฺตํ

๙๕. เอกมนฺตํ ิโต โข นนฺทโน เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปฺ,

อนาวฏํ ภควโต าณทสฺสนํ;

กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ,

กถํวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺติ;

กถํวิโธ ทุกฺขมติจฺจ อิริยติ,

กถํวิธํ เทวตา ปูชยนฺตี’’ติ.

‘‘โย สีลวา ปฺวา ภาวิตตฺโต,

สมาหิโต ฌานรโต สตีมา;

สพฺพสฺส โสกา วิคตา ปหีนา,

ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี.

‘‘ตถาวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ,

ตถาวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺติ;

ตถาวิโธ ทุกฺขมติจฺจ อิริยติ,

ตถาวิธํ เทวตา ปูชยนฺตี’’ติ.

๕. จนฺทนสุตฺตํ

๙๖. เอกมนฺตํ ิโต โข จนฺทโน เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กถํสุ [โกสุธ (สี.)] ตรติ โอฆํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต;

อปฺปติฏฺเ อนาลมฺเพ, โก คมฺภีเร น สีทตี’’ติ.

‘‘สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน, ปฺวา สุสมาหิโต;

อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํ.

‘‘วิรโต กามสฺาย, รูปสํโยชนาติโค;

นนฺทีราคปริกฺขีโณ, โส คมฺภีเร น สีทตี’’ติ.

๖. วาสุทตฺตสุตฺตํ

๙๗. เอกมนฺตํ ิโต โข วาสุทตฺโต เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว [ฑยฺหมาเนว (สพฺพตฺถ)] มตฺถเก;

กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.

‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;

สกฺกายทิฏฺิปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.

๗. สุพฺรหฺมสุตฺตํ

๙๘. เอกมนฺตํ ิโต โข สุพฺรหฺมา เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมิทํ [อุพฺพิคฺคิทํ (มหาสติปฏฺานสุตฺตวณฺณนายํ)] มโน;

อนุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสุ [กิจฺเจสุ (พหูสุ)], อโถ อุปฺปติเตสุ จ;

สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

‘‘นาฺตฺร โพชฺฌา ตปสา [โพชฺฌงฺคตปสา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], นาฺตฺรินฺทฺริยสํวรา;

นาฺตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติ.

‘‘อิทมโวจ…เป… ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.

๘. กกุธสุตฺตํ

๙๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาเกเต วิหรติ อฺชนวเน มิคทาเย. อถ โข กกุโธ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ อฺชนวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กกุโธ เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นนฺทสิ, สมณา’’ติ? ‘‘กึ ลทฺธา, อาวุโส’’ติ? ‘‘เตน หิ, สมณ, โสจสี’’ติ? ‘‘กึ ชียิตฺถ, อาวุโส’’ติ? ‘‘เตน หิ, สมณ, เนว นนฺทสิ น จ [เนว (สี. สฺยา. กํ.)] โสจสี’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ.

‘‘กจฺจิ ตฺวํ อนโฆ [อนิโฆ (สพฺพตฺถ)] ภิกฺขุ, กจฺจิ นนฺที [นนฺทิ (สี. สฺยา. กํ.)] น วิชฺชติ;

กจฺจิ ตํ เอกมาสีนํ, อรตี นาภิกีรตี’’ติ.

‘‘อนโฆ เว อหํ ยกฺข, อโถ นนฺที น วิชฺชติ;

อโถ มํ เอกมาสีนํ, อรตี นาภิกีรตี’’ติ.

‘‘กถํ ตฺวํ อนโฆ ภิกฺขุ, กถํ นนฺที น วิชฺชติ;

กถํ ตํ เอกมาสีนํ, อรตี นาภิกีรตี’’ติ.

‘‘อฆชาตสฺส เว นนฺที, นนฺทีชาตสฺส เว อฆํ;

อนนฺที อนโฆ ภิกฺขุ, เอวํ ชานาหิ อาวุโส’’ติ.

‘‘จิรสฺสํ วต ปสฺสามิ, พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ;

อนนฺทึ อนฆํ ภิกฺขุํ, ติณฺณํ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.

๙. อุตฺตรสุตฺตํ

๑๐๐. ราชคหนิทานํ . เอกมนฺตํ ิโต โข อุตฺตโร เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,

ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

ปุฺานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.

‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,

ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.

๑๐. อนาถปิณฺฑิกสุตฺตํ

๑๐๑. เอกมนฺตํ ิโต โข อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;

อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.

‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;

เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.

‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;

โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.

‘‘สาริปุตฺโตว ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;

โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.

อิทมโวจ อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ อฺตโร เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, โส เทวปุตฺโต มม สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;

อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.

‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;

เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.

‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;

โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.

‘‘สาริปุตฺโตว ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;

โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.

‘‘อิทมโวจ, ภิกฺขเว, โส เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โส หิ นูน, ภนฺเต, อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต ภวิสฺสติ. อนาถปิณฺฑิโก คหปติ อายสฺมนฺเต สาริปุตฺเต อภิปฺปสนฺโน อโหสี’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, อานนฺท, ยาวตกํ โข, อานนฺท, ตกฺกาย ปตฺตพฺพํ อนุปฺปตฺตํ ตํ ตยา. อนาถปิณฺฑิโก หิ โส, อานนฺท, เทวปุตฺโต’’ติ.

อนาถปิณฺฑิกวคฺโค ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

จนฺทิมโส [จนฺทิมาโส (ปี. ก.)] จ เวณฺฑุ [เวณฺหุ (สี. ก.)] จ, ทีฆลฏฺิ จ นนฺทโน;

จนฺทโน วาสุทตฺโต จ, สุพฺรหฺมา กกุเธน จ;

อุตฺตโร นวโม วุตฺโต, ทสโม อนาถปิณฺฑิโกติ.

๓. นานาติตฺถิยวคฺโค

๑. สิวสุตฺตํ

๑๐๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สิโว เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สิโว เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, ปฺา ลพฺภติ นาฺโต.

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, โสกมชฺเฌ น โสจติ.

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, าติมชฺเฌ วิโรจติ.

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา ติฏฺนฺติ สาตต’’นฺติ.

อถ โข ภควา สิวํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;

สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

๒. เขมสุตฺตํ

๑๐๓. เอกมนฺตํ ิโต โข เขโม เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;

กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผลํ.

‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;

ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวติ.

‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;

ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวติ.

‘‘ปฏิกจฺเจว [ปฏิคจฺเจว (สี.)] ตํ กยิรา, ยํ ชฺา หิตมตฺตโน;

น สากฏิกจินฺตาย, มนฺตา ธีโร ปรกฺกเม.

‘‘ยถา สากฏิโก มฏฺํ [ปนฺถํ (สี.), ปสตฺถํ (สฺยา. กํ.)], สมํ หิตฺวา มหาปถํ;

วิสมํ มคฺคมารุยฺห, อกฺขจฺฉินฺโนว ฌายติ.

‘‘เอวํ ธมฺมา อปกฺกมฺม, อธมฺมมนุวตฺติย;

มนฺโท มจฺจุมุขํ ปตฺโต, อกฺขจฺฉินฺโนว ฌายตี’’ติ.

๓. เสรีสุตฺตํ

๑๐๔. เอกมนฺตํ ิโต โข เสรี เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ , อุภเย เทวมานุสา;

อถ โก นาม โส ยกฺโข, ยํ อนฺนํ นาภินนฺทตี’’ติ.

‘‘เย นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;

ปุฺานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

‘‘อจฺฉริยํ , ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา –

‘‘เย นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;

ปุฺานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, สิรี [เสรี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม ราชา อโหสึ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, จตูสุ ทฺวาเรสุ ทานํ ทียิตฺถ สมณ-พฺราหฺมณ-กปณทฺธิก-วนิพฺพกยาจกานํ. อถ โข มํ, ภนฺเต, อิตฺถาคารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ [อิตฺถาคารา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ (ก.)] – ‘เทวสฺส โข [เทวสฺเสว โข (ก. สี.)] ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปุฺานิ กเรยฺยามา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ? โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, ปมํ ทฺวารํ อิตฺถาคารสฺส อทาสึ. ตตฺถ อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียิตฺถ; มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.

‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, ขตฺติยา อนุยนฺตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เทวสฺส โข ทานํ ทียติ; อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปุฺานิ กเรยฺยามา’ติ . ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ ? โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, ทุติยํ ทฺวารํ ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ อทาสึ. ตตฺถ ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ ทานํ ทียิตฺถ, มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.

‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, พลกาโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘เทวสฺส โข ทานํ ทียติ; อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียติ; ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปุฺานิ กเรยฺยามา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ? โส ขฺวาหํ ภนฺเต, ตติยํ ทฺวารํ พลกายสฺส อทาสึ. ตตฺถ พลกายสฺส ทานํ ทียิตฺถ, มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.

‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, พฺราหฺมณคหปติกา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เทวสฺส โข ทานํ ทียติ; อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียติ; ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ ทานํ ทียติ; พลกายสฺส ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปุฺานิ กเรยฺยามา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ? โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, จตุตฺถํ ทฺวารํ พฺราหฺมณคหปติกานํ อทาสึ. ตตฺถ พฺราหฺมณคหปติกานํ ทานํ ทียิตฺถ, มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.

‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, ปุริสา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘น โข ทานิ เทวสฺส โกจิ ทานํ ทียตี’ติ. เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต, เต ปุริเส เอตทโวจํ – ‘เตน หิ, ภเณ, โย พาหิเรสุ ชนปเทสุ อาโย สฺชายติ ตโต อุปฑฺฒํ อนฺเตปุเร ปเวเสถ, อุปฑฺฒํ ตตฺเถว ทานํ เทถ สมณ-พฺราหฺมณ-กปณทฺธิก-วนิพฺพก-ยาจกาน’นฺติ . โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, เอวํ ทีฆรตฺตํ กตานํ ปุฺานํ เอวํ ทีฆรตฺตํ กตานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปริยนฺตํ นาธิคจฺฉามิ – เอตฺตกํ ปุฺนฺติ วา เอตฺตโก ปุฺวิปาโกติ วา เอตฺตกํ สคฺเค าตพฺพนฺติ วาติ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา –

‘‘เย นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;

ปุฺานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

๔. ฆฏีการสุตฺตํ

๑๐๕. เอกมนฺตํ ิโต โข ฆฏีกาโร เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;

ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.

‘‘เก จ เต อตรุํ ปงฺกํ, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ;

เก หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.

‘‘อุปโก ปลคณฺโฑ [ผลคณฺโฑ (ก.)] จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;

ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สงฺคิโย [พาหุทนฺตี จ ปิงฺคิโย (สี. สฺยา.)];

เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.

‘‘กุสลี ภาสสี เตสํ, มารปาสปฺปหายินํ;

กสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.

‘‘น อฺตฺร ภควตา, นาฺตฺร ตว สาสนา;

ยสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธนํ.

‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;

ตํ เต ธมฺมํ อิธฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.

‘‘คมฺภีรํ ภาสสี วาจํ, ทุพฺพิชานํ สุทุพฺพุธํ;

กสฺส ตฺวํ ธมฺมมฺาย, วาจํ ภาสสิ อีทิส’’นฺติ.

‘‘กุมฺภกาโร ปุเร อาสึ, เวกฬิงฺเค ฆฏีกโร;

มาตาเปตฺติภโร อาสึ, กสฺสปสฺส อุปาสโก.

‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;

อหุวา เต สคาเมยฺโย, อหุวา เต ปุเร สขา.

‘‘โสหเมเต ปชานามิ, วิมุตฺเต สตฺต ภิกฺขโว;

ราคโทสปริกฺขีเณ, ติณฺเณ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.

‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภคฺคว;

กุมฺภกาโร ปุเร อาสิ, เวกฬิงฺเค ฆฏีกโร.

‘‘มาตาเปตฺติภโร อาสิ, กสฺสปสฺส อุปาสโก;

วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;

อหุวา เม สคาเมยฺโย, อหุวา เม ปุเร สขา’’ติ.

‘‘เอวเมตํ ปุราณานํ, สหายานํ อหุ สงฺคโม;

อุภินฺนํ ภาวิตตฺตานํ, สรีรนฺติมธาริน’’นฺติ.

๕. ชนฺตุสุตฺตํ

๑๐๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ สมฺพหุลา ภิกฺขู, โกสเลสุ วิหรนฺติ หิมวนฺตปสฺเส อรฺกุฏิกาย อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ปากตินฺทฺริยา.

อถ โข ชนฺตุ เทวปุตฺโต ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘สุขชีวิโน ปุเร อาสุํ, ภิกฺขู โคตมสาวกา;

อนิจฺฉา ปิณฺฑเมสนา [ปิณฺฑเมสานา (?)], อนิจฺฉา สยนาสนํ;

โลเก อนิจฺจตํ ตฺวา, ทุกฺขสฺสนฺตํ อกํสุ เต.

‘‘ทุปฺโปสํ กตฺวา อตฺตานํ, คาเม คามณิกา วิย;

ภุตฺวา ภุตฺวา นิปชฺชนฺติ, ปราคาเรสุ มุจฺฉิตา.

‘‘สงฺฆสฺส อฺชลึ กตฺวา, อิเธกจฺเจ วทามหํ [วนฺทามหํ (ก.)];

อปวิทฺธา อนาถา เต, ยถา เปตา ตเถว เต [ตเถว จ (สี.)].

‘‘เย โข ปมตฺตา วิหรนฺติ, เต เม สนฺธาย ภาสิตํ;

เย อปฺปมตฺตา วิหรนฺติ, นโม เตสํ กโรมห’’นฺติ.

๖. โรหิตสฺสสุตฺตํ

๑๐๗. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิโต โข โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยตฺถ นุ โข, ภนฺเต, น ชายติ น ชียติ น มียติ [น ชิยฺยติ น มิยฺยติ (สฺยา. กํ. ก.)] น จวติ น อุปปชฺชติ, สกฺกา นุ โข โส, ภนฺเต, คมเนน โลกสฺส อนฺโต าตุํ วา ทฏฺุํ วา ปาปุณิตุํ วา’’ติ? ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’ติ.

‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสิ อโหสึ โภชปุตฺโต อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ชโว อโหสิ; เสยฺยถาปิ นาม ทฬฺหธมฺมา [ทฬฺหธมฺโม (สพฺพตฺถ) ฏีกา จ โมคฺคลฺลานพฺยากรณํ จ โอโลเกตพฺพํ] ธนุคฺคโห สุสิกฺขิโต กตหตฺโถ กตโยคฺโค กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรเนว ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ปทวีติหาโร อโหสิ; เสยฺยถาปิ นาม ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม สมุทฺโท. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’ติ. โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, เอวรูเปน ชเวน สมนฺนาคโต เอวรูเปน จ ปทวีติหาเรน อฺตฺเรว อสิต-ปีต-ขายิต-สายิตา อฺตฺร อุจฺจาร-ปสฺสาวกมฺมา อฺตฺร นิทฺทากิลมถปฏิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตราว กาลงฺกโต.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’’ติ.

‘‘น โข ปนาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวา โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จ ขฺวาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปทนฺติ.

‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;

น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.

‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ,

โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;

โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา,

นาสีสติ โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ.

๗. นนฺทสุตฺตํ

๑๐๘. เอกมนฺตํ ิโต โข นนฺโท เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,

วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

ปุฺานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.

‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,

วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.

๘. นนฺทิวิสาลสุตฺตํ

๑๐๙. เอกมนฺตํ ิโต โข นนฺทิวิสาโล เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวารํ, ปุณฺณํ โลเภน สํยุตํ;

ปงฺกชาตํ มหาวีร, กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, อิจฺฉาโลภฺจ ปาปกํ;

สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, เอวํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.

๙. สุสิมสุตฺตํ

๑๑๐. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ตุยฺหมฺปิ โน, อานนฺท, สาริปุตฺโต รุจฺจตี’’ติ?

‘‘กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย? ปณฺฑิโต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต . มหาปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปุถุปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. หาสปฺโ [หาสุปฺโ (สี.)], ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ชวนปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ติกฺขปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. นิพฺเพธิกปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. อปฺปิจฺโฉ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. สนฺตุฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปวิวิตฺโต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. อสํสฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. อารทฺธวีริโย, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. วตฺตา, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. วจนกฺขโม, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. โจทโก, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปาปครหี, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺยา’’ติ?

‘‘เอวเมตํ , อานนฺท, เอวเมตํ, อานนฺท! กสฺส หิ นาม, อานนฺท, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย? ปณฺฑิโต, อานนฺท, สาริปุตฺโต. มหาปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ปุถุปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. หาสปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ชวนปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ติกฺขปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. นิพฺเพธิกปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. อปฺปิจฺโฉ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. สนฺตุฏฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ปวิวิตฺโต, อานนฺท, สาริปุตฺโต. อสํสฏฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. อารทฺธวีริโย, อานนฺท, สาริปุตฺโต. วตฺตา, อานนฺท, สาริปุตฺโต. วจนกฺขโม, อานนฺท, สาริปุตฺโต . โจทโก, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ปาปครหี, อานนฺท, สาริปุตฺโต. กสฺส หิ นาม, อานนฺท, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺยา’’ติ?

อถ โข สุสิโม [สุสีโม (สี.)] เทวปุตฺโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน มหติยา เทวปุตฺตปริสาย ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สุสิโม เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘เอวเมตํ , ภควา, เอวเมตํ, สุคต. กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย? ปณฺฑิโต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. มหาปฺโ, ภนฺเต, ปุถุปฺโ, ภนฺเต, หาสปฺโ, ภนฺเต, ชวนปฺโ, ภนฺเต, ติกฺขปฺโ, ภนฺเต, นิพฺเพธิกปฺโ, ภนฺเต, อปฺปิจฺโฉ, ภนฺเต, สนฺตุฏฺโ, ภนฺเต, ปวิวิตฺโต, ภนฺเต, อสํสฏฺโ, ภนฺเต, อารทฺธวีริโย, ภนฺเต, วตฺตา, ภนฺเต, วจนกฺขโม, ภนฺเต, โจทโก, ภนฺเต, ปาปครหี, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย?

‘‘อหมฺปิ หิ, ภนฺเต, ยฺเทว เทวปุตฺตปริสํ อุปสงฺกมึ, เอตเทว พหุลํ สทฺทํ สุณามิ – ‘ปณฺฑิโต อายสฺมา สาริปุตฺโต; มหาปฺโ อายสฺมา, ปุถุปฺโ อายสฺมา, หาสปฺโ อายสฺมา, ชวนปฺโ อายสฺมา, ติกฺขปฺโ อายสฺมา, นิพฺเพธิกปฺโ อายสฺมา, อปฺปิจฺโฉ อายสฺมา, สนฺตุฏฺโ อายสฺมา, ปวิวิตฺโต อายสฺมา, อสํสฏฺโ อายสฺมา, อารทฺธวีริโย อายสฺมา, วตฺตา อายสฺมา, วจนกฺขโม อายสฺมา, โจทโก อายสฺมา, ปาปครหี อายสฺมา สาริปุตฺโต’ติ . กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺยา’’ติ?

อถ โข สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.

‘‘เสยฺยถาปิ นาม มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺโต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.

‘‘เสยฺยถาปิ นาม นิกฺขํ ชมฺโพนทํ ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฏฺํ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตํ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.

‘‘เสยฺยถาปิ นาม สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ โอสธิตารกา ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.

‘‘เสยฺยถาปิ นาม สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อาทิจฺโจ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน [อพฺภุสฺสุกฺกมาโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อพฺภุคฺคมมาโน (ที. นิ. ๒.๒๕๘)] สพฺพํ อากาสคตํ ตมคตํ อภิวิหจฺจ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.

อถ โข สุสิโม เทวปุตฺโต อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ปณฺฑิโตติ สมฺาโต, สาริปุตฺโต อโกธโน;

อปฺปิจฺโฉ โสรโต ทนฺโต, สตฺถุวณฺณาภโต อิสี’’ติ.

อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อารพฺภ สุสิมํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

‘‘ปณฺฑิโตติ สมฺาโต, สาริปุตฺโต อโกธโน;

อปฺปิจฺโฉ โสรโต ทนฺโต, กาลํ กงฺขติ สุทนฺโต’’ [กาลํ กงฺขติ ภตโก สุทนฺโต (สี.), กาลํ กงฺขติ ภาวิโต สุทนฺโต (สฺยา. กํ.), กาลํ กงฺขติ ภติโก สุทนฺโต (ปี.)] ติ.

๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตํ

๑๑๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสาวกา เทวปุตฺตา อสโม จ สหลิ [สหลี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ นีโก [นิงฺโก (สี. ปี.), นิโก (สฺยา. กํ.)] จ อาโกฏโก จ เวคพฺภริ จ [เวฏมฺพรี จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาณวคามิโย จ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิโต โข อสโม เทวปุตฺโต ปูรณํ กสฺสปํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อิธ ฉินฺทิตมาริเต, หตชานีสุ กสฺสโป;

น ปาปํ สมนุปสฺสติ, ปุฺํ วา ปน อตฺตโน;

ส เว วิสฺสาสมาจิกฺขิ, สตฺถา อรหติ มานน’’นฺติ.

อถ โข สหลิ เทวปุตฺโต มกฺขลึ โคสาลํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ตโปชิคุจฺฉาย สุสํวุตตฺโต,

วาจํ ปหาย กลหํ ชเนน;

สโมสวชฺชา วิรโต สจฺจวาที,

น หิ นูน ตาทิสํ กโรติ [น ห นุน ตาที ปกโรติ (สี. สฺยา. กํ.)] ปาป’’นฺติ.

อถ โข นีโก เทวปุตฺโต นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ [นาถปุตฺตํ (สี.)] อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เชคุจฺฉี นิปโก ภิกฺขุ, จาตุยามสุสํวุโต;

ทิฏฺํ สุตฺจ อาจิกฺขํ, น หิ นูน กิพฺพิสี สิยา’’ติ.

อถ โข อาโกฏโก เทวปุตฺโต นานาติตฺถิเย อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ปกุธโก กาติยาโน นิคณฺโ,

เย จาปิเม มกฺขลิปูรณาเส;

คณสฺส สตฺถาโร สามฺปฺปตฺตา,

น หิ นูน เต สปฺปุริเสหิ ทูเร’’ติ.

อถ โข เวคพฺภริ เทวปุตฺโต อาโกฏกํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

‘‘สหาจริเตน [สหารเวนาปิ (ก. สี.), สคารเวนาปิ (ปี.)] ฉโว สิคาโล [สิงฺคาโล (ก.)],

น โกตฺถุโก สีหสโม กทาจิ;

นคฺโค มุสาวาที คณสฺส สตฺถา,

สงฺกสฺสราจาโร น สตํ สริกฺโข’’ติ.

อถ โข มาโร ปาปิมา เพคพฺภรึ เทวปุตฺตํ อนฺวาวิสิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ตโปชิคุจฺฉาย อายุตฺตา, ปาลยํ ปวิเวกิยํ;

รูเป จ เย นิวิฏฺาเส, เทวโลกาภินนฺทิโน;

เต เว สมฺมานุสาสนฺติ, ปรโลกาย มาติยา’’ติ.

อถ โข ภควา, ‘มาโร อยํ ปาปิมา’ อิติ วิทิตฺวา, มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

‘‘เย เกจิ รูปา อิธ วา หุรํ วา,

เย จนฺตลิกฺขสฺมึ ปภาสวณฺณา;

สพฺเพว เต เต นมุจิปฺปสตฺถา,

อามิสํว มจฺฉานํ วธาย ขิตฺตา’’ติ.

อถ โข มาณวคามิโย เทวปุตฺโต ภควนฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘วิปุโล ราชคหียานํ, คิริเสฏฺโ ปวุจฺจติ;

เสโต หิมวตํ เสฏฺโ, อาทิจฺโจ อฆคามินํ.

‘‘สมุทฺโท อุทธินํ เสฏฺโ, นกฺขตฺตานฺจ จนฺทิมา [นกฺขตฺตานํว จนฺทิมา (ก.)];

สเทวกสฺส โลกสฺส, พุทฺโธ อคฺโค ปวุจฺจตี’’ติ.

นานาติตฺถิยวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

สิโว เขโม จ เสรี จ, ฆฏี ชนฺตุ จ โรหิโต;

นนฺโท นนฺทิวิสาโล จ, สุสิโม นานาติตฺถิเยน เต ทสาติ.

เทวปุตฺตสํยุตฺตํ สมตฺตํ.