📜
๖. พฺรหฺมสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตํ
๑๗๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา. อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ านํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ. อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ; ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’’ติ. อปิสฺสุ ภควนฺตํ อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฏิภํสุ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –
‘‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธมฺโม สุสมฺพุโธ.
‘‘ปฏิโสตคามึ ¶ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ [ตโมกฺขนฺเธน อาวุตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
อิติห ¶ ภควโต ปฏิสฺจิกฺขโต อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ, โน ธมฺมเทสนาย.
อถ ¶ โข พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เอตทโหสิ – ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก, ยตฺร หิ นาม ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ [นมิสฺสติ (?)], โน ธมฺมเทสนายา’’ติ. อถ ¶ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ [สมฺมิฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ. สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ. ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุพฺเพ,
ธมฺโม อสุทฺโธ สมเลหิ จินฺติโต;
อปาปุเรตํ [อวาปุเรตํ (สี.)] อมตสฺส ทฺวารํ,
สุณนฺตุ ¶ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ.
‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต,
ยถาปิ ปสฺเส ชนตํ สมนฺตโต;
ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ,
ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;
โสกาวติณฺณํ [โสกาวกิณฺณํ (สี.)] ชนตมเปตโสโก,
อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ.
‘‘อุฏฺเหิ วีร วิชิตสงฺคาม,
สตฺถวาห อนณ [อณณ (รูปสิทฺธิฏีกา)] วิจร โลเก;
เทสสฺสุ [เทเสตุ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] ภควา ธมฺมํ,
อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา พฺรหฺมุโน จ อชฺเฌสนํ วิทิตฺวา สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา ¶ โลกํ โวโลเกสิ. อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน ¶ [ทสฺสาวิโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหรนฺเต. เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโต นิมุคฺคโปสีนิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ¶ ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ สโมทกํ ิตานิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ [ติฏฺนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนุปลิตฺตานิ อุทเกน; เอวเมว ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทส สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. ทิสฺวาน พฺรหฺมานํ สหมฺปตึ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
เย โสตวนฺโต ปมฺุจนฺตุ สทฺธํ;
วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. คารวสุตฺตํ
๑๗๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. อถ ¶ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, กํ นุ ขฺวาหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา [ครุกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’นฺติ?
อถ ¶ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อปริปุณฺณสฺส โข สีลกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ ¶ ¶ . น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อตฺตนา สีลสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส โข สมาธิกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก…เป… อตฺตนา สมาธิสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส ปฺากฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก…เป… อตฺตนา ปฺาสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส โข วิมุตฺติกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก…เป… อตฺตนา วิมุตฺติสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส โข วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ¶ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อตฺตนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. ยํนูนาหํ ยฺวายํ ธมฺโม มยา อภิสมฺพุทฺโธ ตเมว ธมฺมํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’นฺติ.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก ¶ อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมตํ ¶ , ภควา, เอวเมตํ, สุคต! เยปิ เต, ภนฺเต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตปิ ¶ ภควนฺโต ธมฺมฺเว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรึสุ; เยปิ เต, ภนฺเต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต ธมฺมฺเว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหริสฺสนฺติ. ภควาปิ, ภนฺเต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมฺเว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรตู’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘‘เย ¶ จ อตีตา สมฺพุทฺธา, เย จ พุทฺธา อนาคตา;
โย เจตรหิ สมฺพุทฺโธ, พหูนํ [พหุนฺนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โสกนาสโน.
‘‘สพฺเพ สทฺธมฺมครุโน, วิหํสุ [วิหรึสุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหรนฺติ จ;
ตถาปิ วิหริสฺสนฺติ, เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา.
‘‘ตสฺมา หิ อตฺตกาเมน [อตฺถกาเมน (สี. ปี. ก.)], มหตฺตมภิกงฺขตา;
สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
๓. พฺรหฺมเทวสุตฺตํ
๑๗๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตริสฺสา พฺราหฺมณิยา พฺรหฺมเทโว นาม ปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ.
อถ โข อายสฺมา พฺรหฺมเทโว เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ ¶ , วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา พฺรหฺมเทโว อรหตํ อโหสิ.
อถ โข อายสฺมา พฺรหฺมเทโว ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกมาตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. เตน ¶ โข ปน ¶ สมเยน อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตา พฺราหฺมณี พฺรหฺมุโน อาหุตึ นิจฺจํ ปคฺคณฺหาติ ¶ . อถ โข พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตา พฺราหฺมณี พฺรหฺมุโน อาหุตึ นิจฺจํ ปคฺคณฺหาติ. ยํนูนาหํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา สํเวเชยฺย’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตุ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เวหาสํ ิโต อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตรํ พฺราหฺมณึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ทูเร อิโต พฺราหฺมณิ พฺรหฺมโลโก,
ยสฺสาหุตึ ปคฺคณฺหาสิ นิจฺจํ;
เนตาทิโส พฺราหฺมณิ พฺรหฺมภกฺโข,
กึ ชปฺปสิ พฺรหฺมปถํ อชานํ [อชานนฺตี (สี. ปี. ก.)].
‘‘เอโส หิ เต พฺราหฺมณิ พฺรหฺมเทโว,
นิรูปธิโก อติเทวปตฺโต;
อกิฺจโน ภิกฺขุ อนฺโปสี,
โย เต โส [เต โส (สี. ปี.), โย เต ส (?)] ปิณฺฑาย ฆรํ ปวิฏฺโ.
‘‘อาหุเนยฺโย เวทคุ ภาวิตตฺโต,
นรานํ เทวานฺจ ทกฺขิเณยฺโย;
พาหิตฺวา ปาปานิ อนูปลิตฺโต,
ฆาเสสนํ ¶ อิริยติ สีติภูโต.
‘‘น ¶ ตสฺส ปจฺฉา น ปุรตฺถมตฺถิ,
สนฺโต วิธูโม อนิโฆ นิราโส;
นิกฺขิตฺตทณฺโฑ ตสถาวเรสุ,
โส ตฺยาหุตึ ภฺุชตุ อคฺคปิณฺฑํ.
‘‘วิเสนิภูโต อุปสนฺตจิตฺโต,
นาโคว ทนฺโต จรติ อเนโช;
ภิกฺขุ สุสีโล สุวิมุตฺตจิตฺโต,
โส ตฺยาหุตึ ภฺุชตุ อคฺคปิณฺฑํ.
‘‘ตสฺมึ ¶ ปสนฺนา อวิกมฺปมานา,
ปติฏฺเปหิ ¶ ทกฺขิณํ ทกฺขิเณยฺเย;
กโรหิ ปฺุํ สุขมายติกํ,
ทิสฺวา มุนึ พฺราหฺมณิ โอฆติณฺณ’’นฺติ.
‘‘ตสฺมึ ปสนฺนา อวิกมฺปมานา,
ปติฏฺเปสิ ทกฺขิณํ ทกฺขิเณยฺเย;
อกาสิ ปฺุํ สุขมายติกํ,
ทิสฺวา มุนึ พฺราหฺมณี โอฆติณฺณ’’นฺติ.
๔. พกพฺรหฺมสุตฺตํ
๑๗๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน พกสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ¶ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, อิโต จ ปนฺํ อุตฺตรึ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา พกสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อทฺทสา โข พโก พฺรหฺมา ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ โข มาริส, สฺวาคตํ เต, มาริส! จิรสฺสํ โข มาริส! อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. อิทฺหิ, มาริส, นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ. อิโต จ ปนฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภควา พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา; อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา. ยตฺร ¶ หิ นาม อนิจฺจํเยว สมานํ นิจฺจนฺติ วกฺขติ, อธุวํเยว สมานํ ธุวนฺติ วกฺขติ, อสสฺสตํเยว สมานํ สสฺสตนฺติ วกฺขติ, อเกวลํเยว ¶ สมานํ เกวลนฺติ วกฺขติ, จวนธมฺมํเยว สมานํ อจวนธมฺมนฺติ วกฺขติ. ยตฺถ จ ปน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, ตฺจ ตถา วกฺขติ – ‘อิทฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น ¶ อุปปชฺชติ’. สนฺตฺจ ปนฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ, ‘นตฺถฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ วกฺขตี’’ติ.
‘‘ทฺวาสตฺตติ โคตม ปฺุกมฺมา,
วสวตฺติโน ชาติชรํ อตีตา;
อยมนฺติมา เวทคู พฺรหฺมุปปตฺติ,
อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกา’’ติ.
‘‘อปฺปฺหิ เอตํ น หิ ทีฆมายุ,
ยํ ตฺวํ พก มฺสิ ทีฆมายุํ;
สตํ สหสฺสานํ [สหสฺสาน (สฺยา. กํ.)] นิรพฺพุทานํ,
อายุํ ปชานามิ ตวาหํ พฺรหฺเม’’ติ.
‘‘อนนฺตทสฺสี ภควาหมสฺมิ,
ชาติชรํ โสกมุปาติวตฺโต;
กึ ¶ เม ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
อาจิกฺข เม ตํ ยมหํ วิชฺา’’ติ.
‘‘ยํ ตฺวํ อปาเยสิ พหู มนุสฺเส,
ปิปาสิเต ฆมฺมนิ สมฺปเรเต;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.
‘‘ยํ เอณิกูลสฺมึ ชนํ คหีตํ,
อโมจยี คยฺหกํ นียมานํ;
ตํ ¶ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.
‘‘คงฺคาย ¶ โสตสฺมึ คหีตนาวํ,
ลุทฺเทน นาเคน มนุสฺสกมฺยา;
ปโมจยิตฺถ พลสา ปสยฺห,
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.
‘‘กปฺโป ¶ จ เต พทฺธจโร อโหสึ,
สมฺพุทฺธิมนฺตํ [สมฺพุทฺธิวนฺตํ (พหูสุ)] วตินํ อมฺิ;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ.
‘‘อทฺธา ปชานาสิ มเมตมายุํ,
อฺเปิ [อฺมฺปิ (สี. ปี.)] ชานาสิ ตถา หิ พุทฺโธ;
ตถา หิ ตฺยายํ ชลิตานุภาโว,
โอภาสยํ ติฏฺติ พฺรหฺมโลก’’นฺติ.
๕. อฺตรพฺรหฺมสุตฺตํ
๑๗๖. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย อิธ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. อถ ¶ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา.
อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน [มหาโมคฺคลาโน (ก.)] ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ¶ ปุรตฺถิมํ ทิสํ นิสฺสาย [อุปนิสฺสาย (สี.)] ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา…เป… ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว – เชตวเน ¶ อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ทกฺขิณํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ ¶ โข อายสฺมโต มหากปฺปินสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา…เป… เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ปจฺฉิมํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ ¶ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ…เป… เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อุตฺตรํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อชฺชาปิ เต อาวุโส สา ทิฏฺิ, ยา เต ทิฏฺิ ปุเร อหุ;
ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสร’’นฺติ.
‘‘น เม มาริส สา ทิฏฺิ, ยา เม ทิฏฺิ ปุเร อหุ;
ปสฺสามิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรํ;
สฺวาหํ อชฺช กถํ วชฺชํ, อหํ นิจฺโจมฺหิ สสฺสโต’’ติ.
อถ ¶ ¶ โข ภควา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต เชตวเน ปาตุรโหสิ. อถ โข โส พฺรหฺมา อฺตรํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาริส, เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอวํ วเทหิ – ‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อฺเปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา ¶ ; เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน กสฺสโป กปฺปิโน อนุรุทฺโธ’’’ติ? ‘‘เอวํ, มาริสา’’ติ โข โส พฺรหฺมปาริสชฺโช ตสฺส พฺรหฺมุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อฺเปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา; เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน กสฺสโป กปฺปิโน อนุรุทฺโธ’’ติ? อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เตวิชฺชา ¶ อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติ.
อถ ¶ โข โส พฺรหฺมปาริสชฺโช อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เยน โส พฺรหฺมา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา มาริส, มหาโมคฺคลฺลาโน เอวมาห –
‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติ.
อิทมโวจ โส พฺรหฺมปาริสชฺโช. อตฺตมโน จ โส พฺรหฺมา ตสฺส พฺรหฺมปาริสชฺชสฺส ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
๖. พฺรหฺมโลกสุตฺตํ
๑๗๗. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส ¶ จ ปจฺเจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ [ปจฺเจกทฺวารพาหํ (ปี. ก.)] อุปนิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สุพฺรหฺมา ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาสํ ปจฺเจกพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อกาโล โข ตาว, มาริส, ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตุํ; ทิวาวิหารคโต ภควา ปฏิสลฺลีโน จ. อสุโก จ พฺรหฺมโลโก อิทฺโธ เจว ผีโต จ, พฺรหฺมา จ ตตฺร ปมาทวิหารํ วิหรติ. อายาม, มาริส, เยน โส พฺรหฺมโลโก เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชยฺยามา’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , มาริสา’’ติ โข สุทฺธาวาโส ปจฺเจกพฺรหฺมา สุพฺรหฺมุโน ปจฺเจกพฺรหฺมุโน ปจฺจสฺโสสิ.
อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา ¶ สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว – ภควโต ปุรโต อนฺตรหิตา ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรเหสุํ. อทฺทสา โข โส พฺรหฺมา เต พฺรหฺมาโน ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต. ทิสฺวาน เต พฺรหฺมาโน เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตุมฺเห, มาริสา, อาคจฺฉถา’’ติ? ‘‘อาคตา โข มยํ, มาริส, อมฺห ตสฺส ภควโต ¶ สนฺติกา อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. คจฺเฉยฺยาสิ ปน ตฺวํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อุปฏฺานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ?
เอวํ วุตฺโต [เอวํ วุตฺเต (สี. สฺยา. กํ.)] โข โส พฺรหฺมา ตํ วจนํ อนธิวาเสนฺโต สหสฺสกฺขตฺตุํ อตฺตานํ อภินิมฺมินิตฺวา สุพฺรหฺมานํ ปจฺเจกพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสสิ เม โน ตฺวํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘ปสฺสามิ โข ตฺยาหํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ. ‘‘โส ขฺวาหํ, มาริส, เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว กสฺส อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อุปฏฺานํ คมิสฺสามี’’ติ?
อถ โข สุพฺรหฺมา ปจฺเจกพฺรหฺมา ทฺวิสหสฺสกฺขตฺตุํ อตฺตานํ อภินิมฺมินิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสสิ เม โน ตฺวํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘ปสฺสามิ โข ตฺยาหํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ. ‘‘ตยา จ โข, มาริส, มยา จ สฺเวว ภควา มหิทฺธิกตโร เจว มหานุภาวตโร จ. คจฺเฉยฺยาสิ ตฺวํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อุปฏฺานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ? อถ ¶ โข โส พฺรหฺมา สุพฺรหฺมานํ ปจฺเจกพฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตโย ¶ ¶ สุปณฺณา จตุโร จ หํสา,
พฺยคฺฆีนิสา ปฺจสตา จ ฌายิโน;
ตยิทํ วิมานํ ชลเต จ [ชลเตว (ปี. ก.)] พฺรหฺเม,
โอภาสยํ อุตฺตรสฺสํ ทิสาย’’นฺติ.
‘‘กิฺจาปิ เต ตํ ชลเต วิมานํ,
โอภาสยํ อุตฺตรสฺสํ ทิสายํ;
รูเป รณํ ทิสฺวา สทา ปเวธิตํ,
ตสฺมา น รูเป รมตี สุเมโธ’’ติ.
อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายึสุ ¶ . อคมาสิ จ โข โส พฺรหฺมา อปเรน สมเยน ภควโต อุปฏฺานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติ.
๗. โกกาลิกสุตฺตํ
๑๗๘. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สุพฺรหฺมา ปจฺเจกพฺรหฺมา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ¶ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อปฺปเมยฺยํ ปมินนฺโต, โกธ วิทฺวา วิกปฺปเย;
อปฺปเมยฺยํ ปมายินํ, นิวุตํ ตํ มฺเ ปุถุชฺชน’’นฺติ.
๘. กตโมทกติสฺสสุตฺตํ
๑๗๙. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สุทฺธาวาโส ปจฺเจกพฺรหฺมา กตโมทกติสฺสกํ [กตโมรกติสฺสกํ (สี. สฺยา. กํ.)] ภิกฺขุํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อปฺปเมยฺยํ ¶ ¶ ปมินนฺโต, โกธ วิทฺวา วิกปฺปเย;
อปฺปเมยฺยํ ปมายินํ, นิวุตํ ตํ มฺเ อกิสฺสว’’นฺติ.
๙. ตุรูพฺรหฺมสุตฺตํ
๑๘๐. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน โกกาลิโก ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ตุรู [ตุทุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปจฺเจกพฺรหฺมา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน โกกาลิโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ¶ ิโต โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ. เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺวํ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อหํ ตุรู ปจฺเจกพฺรหฺมา’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ, อาวุโส, ภควตา ¶ อนาคามี พฺยากโต, อถ กิฺจรหิ อิธาคโต? ปสฺส, ยาวฺจ เต อิทํ อปรทฺธ’’นฺติ.
‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุารี [ทุธารี (สฺยา. กํ. ก.)] ชายเต มุเข;
ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ, พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํ.
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,
ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ,
กลินา เตน สุขํ น วินฺทติ.
‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ,
โย อกฺเขสุ ธนปราชโย;
สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา,
อยเมว มหนฺตตโร กลิ;
โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเย.
‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ,
ฉตฺตึสติ ปฺจ จ อพฺพุทานิ;
ยมริยครหี [ยมริเย ครหี (สฺยา. กํ.), ยมริยํ ครหํ (ก.)] นิรยํ อุเปติ,
วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติ.
๑๐. โกกาลิกสุตฺตํ
๑๘๑. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปาปิจฺฉา, ภนฺเต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. เอวํ ¶ วุตฺเต, ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ; มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ. ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ. เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ เม, ภนฺเต, ภควา สทฺธายิโก ปจฺจยิโก; อถ โข ปาปิจฺฉาว ภนฺเต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ; มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ. ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ. เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ. ตติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ…เป… อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ…เป… เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ.
อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อจิรปกฺกนฺตสฺส จ โกกาลิกสฺส ภิกฺขุโน สาสปมตฺตีหิ ปีฬกาหิ [ปิฬกาหิ (สี. ปี.)] สพฺโพ กาโย ผุโฏ อโหสิ. สาสปมตฺติโย หุตฺวา มุคฺคมตฺติโย อเหสุํ, มุคฺคมตฺติโย หุตฺวา กลายมตฺติโย อเหสุํ, กลายมตฺติโย หุตฺวา โกลฏฺิมตฺติโย อเหสุํ, โกลฏฺิมตฺติโย หุตฺวา โกลมตฺติโย อเหสุํ, โกลมตฺติโย หุตฺวา อามลกมตฺติโย อเหสุํ, อามลกมตฺติโย หุตฺวา เพลุวสลาฏุกมตฺติโย อเหสุํ, เพลุวสลาฏุกมตฺติโย หุตฺวา พิลฺลมตฺติโย อเหสุํ, พิลฺลมตฺติโย ¶ หุตฺวา ปภิชฺชึสุ. ปุพฺพฺจ โลหิตฺจ ปคฺฆรึสุ. อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เตเนว อาพาเธน กาลมกาสิ ¶ . กาลงฺกโต จ โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปชฺชิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา.
อถ ¶ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกกาลิโก, ภนฺเต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต. กาลงฺกโต จ, ภนฺเต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
อถ ¶ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ มํ เอตทโวจ – ‘โกกาลิโก, ภนฺเต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต. กาลงฺกโต จ, ภนฺเต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’ติ. อิทมโวจ, ภิกฺขเว ¶ , พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีวทีฆํ นุ โข, ภนฺเต, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณ’’นฺติ? ‘‘ทีฆํ โข, ภิกฺขุ, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณํ. ตํ น สุกรํ สงฺขาตุํ – เอตฺตกานิ วสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสตานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานิ อิติ วา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา ¶ , ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห. ตโต ปุริโส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ ติลํ อุทฺธเรยฺย; ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย, น ตฺเวว เอโก อพฺพุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุทนิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ นิรพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก อพโพ นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพพา นิรยา, เอวเมโก ¶ อฏโฏ นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อฏฏา นิรยา, เอวเมโก อหโห นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อหหา นิรยา, เอวเมโก กุมุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ กุมุทา นิรยา, เอวเมโก โสคนฺธิโก นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ โสคนฺธิกา นิรยา, เอวเมโก อุปฺปลนิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อุปฺปลา นิรยา, เอวเมโก ปุณฺฑริโก นิรโย. เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขุ, วีสติ ปุณฺฑริกา นิรยา, เอวเมโก ปทุโม นิรโย. ปทุเม ปน, ภิกฺขุ, นิรเย โกกาลิโก ภิกฺขุ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ปุริสสฺส ¶ หิ ชาตสฺส,
กุารี ชายเต มุเข;
ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ,
พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํ.
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,
ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ,
กลินา เตน สุขํ น วินฺทติ.
‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ,
โย อกฺเขสุ ธนปราชโย;
สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา,
อยเมว มหนฺตโร กลิ;
โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเย.
‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ,
ฉตฺตึสติ ปฺจ จ อพฺพุทานิ;
ยมริยครหี ¶ นิรยํ อุเปติ,
วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติ.
ปโม วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
พโก จ พฺรหฺมา อปรา จ ทิฏฺิ;
ปมาทโกกาลิกติสฺสโก จ,
ตุรู จ พฺรหฺมา อปโร จ โกกาลิโกติ.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สนงฺกุมารสุตฺตํ
๑๘๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ สปฺปินีตีเร. อถ โข พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ สปฺปินีตีรํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ขตฺติโย เสฏฺโ ชเนตสฺมึ, เย โคตฺตปฏิสาริโน;
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โส เสฏฺโ เทวมานุเส’’ติ.
อิทมโวจ พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ‘‘สมนฺุโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. เทวทตฺตสุตฺตํ
๑๘๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเต. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฏํ ¶ ปพฺพตํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ¶ ิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เทวทตฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ผลํ ¶ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ.
๓. อนฺธกวินฺทสุตฺตํ
๑๘๔. เอกํ ¶ สมยํ ภควา มาคเธสุ วิหรติ อนฺธกวินฺเท. เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ อนฺธกวินฺทํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ,
จเรยฺย สํโยชนวิปฺปโมกฺขา;
สเจ รตึ นาธิคจฺเฉยฺย ตตฺถ,
สงฺเฆ วเส รกฺขิตตฺโต สตีมา.
‘‘กุลากุลํ ปิณฺฑิกาย จรนฺโต,
อินฺทฺริยคุตฺโต ¶ นิปโก สตีมา;
เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ,
ภยา ปมุตฺโต อภเย วิมุตฺโต.
‘‘ยตฺถ เภรวา สรีสปา [สิรึ สปา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)],
วิชฺชุ สฺจรติ ถนยติ เทโว;
อนฺธการติมิสาย รตฺติยา,
นิสีทิ ตตฺถ ภิกฺขุ วิคตโลมหํโส.
‘‘อิทฺหิ ชาตุ เม ทิฏฺํ, นยิทํ อิติหีติหํ;
เอกสฺมึ พฺรหฺมจริยสฺมึ, สหสฺสํ มจฺจุหายินํ.
‘‘ภิยฺโย [ภีโย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺจสตา เสกฺขา, ทสา จ ทสธา ทส;
สพฺเพ โสตสมาปนฺนา, อติรจฺฉานคามิโน.
‘‘อถายํ ¶ ¶ [อตฺถายํ-อิติปิ ที. นิ. ๒.๒๙๐] อิตรา ปชา, ปฺุภาคาติ เม มโน;
สงฺขาตุํ โนปิ สกฺโกมิ, มุสาวาทสฺส โอตฺตป’’นฺติ [โอตฺตเปติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), โอตฺตปฺเปติ (ก.)].
๔. อรุณวตีสุตฺตํ
๑๘๕. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป… ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ อรุณวา นาม. รฺโ โข ปน, ภิกฺขเว, อรุณวโต อรุณวตี นาม ราชธานี อโหสิ. อรุณวตึ โข ปน, ภิกฺขเว, ราชธานึ [อรุณวติยํ โข ปน ภิกฺขเว ราชธานิยํ (ปี. ก.)] สิขี ภควา ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. สิขิสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิภูสมฺภวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘อายาม, พฺราหฺมณ, เยน อฺตโร พฺรหฺมโลโก เตนุปสงฺกมิสฺสาม, ยาว ภตฺตสฺส กาโล ภวิสฺสตี’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภู จ ภิกฺขุ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – อรุณวติยา ราชธานิยา อนฺตรหิตา ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรเหสุํ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘ปฏิภาตุ, พฺราหฺมณ, ตํ พฺรหฺมุโน จ พฺรหฺมปริสาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชานฺจ ธมฺมี กถา’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข, ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสฺสุตฺวา, พฺรหฺมานฺจ พฺรหฺมปริสฺจ พฺรหฺมปาริสชฺเช จ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา ¶ จ อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ [ขียนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิปาเจนฺติ – ‘อจฺฉริยํ วต ¶ , โภ, อพฺภุตํ วต โภ, กถฺหิ นาม สตฺถริ สมฺมุขีภูเต สาวโก ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’’ติ ¶ !
‘‘อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘อุชฺฌายนฺติ โข เต, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ – อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, กถฺหิ นาม สตฺถริ สมฺมุขีภูเต สาวโก ธมฺมํ เทเสสฺสตีติ! เตน หิ ตฺวํ พฺราหฺมณ, ภิยฺโยโสมตฺตาย พฺรหฺมานฺจ พฺรหฺมปริสฺจ พฺรหฺมปาริสชฺเช จ สํเวเชหี’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข, ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ทิสฺสมาเนนปิ กาเยน ธมฺมํ เทเสสิ, อทิสฺสมาเนนปิ กาเยน ธมฺมํ เทเสสิ, ทิสฺสมาเนนปิ เหฏฺิเมน อุปฑฺฒกาเยน อทิสฺสมาเนน อุปริเมน อุปฑฺฒกาเยน ธมฺมํ เทเสสิ, ทิสฺสมาเนนปิ อุปริเมน อุปฑฺฒกาเยน อทิสฺสมาเนน เหฏฺิเมน อุปฑฺฒกาเยน ธมฺมํ เทเสสิ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา อเหสุํ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, สมณสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา’’’ติ!
‘‘อถ โข อภิภู ภิกฺขุ สิขึ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อภิชานามิ ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ เอวรูปึ วาจํ ภาสิตา – ปโหมิ ขฺวาหํ อาวุโส, พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ ¶ [สหสฺสีโลกธาตุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สเรน วิฺาเปตุ’นฺติ. ‘เอตสฺส, พฺราหฺมณ, กาโล, เอตสฺส, พฺราหฺมณ, กาโล; ยํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิฺาเปยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข, ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสฺสุตฺวา พฺรหฺมโลเก ิโต อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อารมฺภถ [อารพฺภถ (สพฺพตฺถ)] นิกฺกมถ [นิกฺขมถ (สี. ปี.)], ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ.
‘‘อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, สิขี จ ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภู จ ภิกฺขุ พฺรหฺมานฺจ พฺรหฺมปริสฺจ พฺรหฺมปาริสชฺเช จ สํเวเชตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม…เป… ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิตา อรุณวติยา ราชธานิยา ปาตุรเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘อสฺสุตฺถ โน, ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’ติ? ‘อสฺสุมฺห โข มยํ, ภนฺเต, อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’ติ. ‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อสฺสุตฺถ อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’’’ติ? เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อสฺสุมฺห อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺส –
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ.
‘‘‘เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อสฺสุมฺห อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’ติ. ‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขเว; สาธุ โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว! อสฺสุตฺถ อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา, อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
๕. ปรินิพฺพานสุตฺตํ
๑๘๖. เอกํ สมยํ ภควา กุสินารายํ วิหรติ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน อนฺตเรน ยมกสาลานํ ปรินิพฺพานสมเย. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว ¶ , อามนฺตยามิ โว – ‘วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’ติ. อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจา’’.
อถ ¶ โข ภควา ปมํ ฌานํ [ปมชฺฌานํ (สฺยา. กํ.) เอวํ ทุติยํ ฌานํ อิจฺจาทีสุปิ] สมาปชฺชิ. ปมา ฌานา [ปมชฺฌานา (สฺยา. กํ.) เอวํ ทุติยา ฌานา อิจฺจาทีสุปิ] วุฏฺหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ทุติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ตติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ¶ ฌานํ สมาปชฺชิ. จตุตฺถา ฌานา วุฏฺหิตฺวา อากาสานฺจายตนํ สมาปชฺชิ. อากาสานฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิ. วิฺาณฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิ. อากิฺจฺายตนา วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ. เนวสฺานาสฺายตนา ¶ วุฏฺหิตฺวา สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชิ.
สฺาเวทยิตนิโรธา วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ. เนวสฺานาสฺายตนา วุฏฺหิตฺวา อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิ. อากิฺจฺายตนา วุฏฺหิตฺวา วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิ. วิฺาณฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา อากาสานฺจายตนํ สมาปชฺชิ. อากาสานฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. จตุตฺถา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ตติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ทุติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ปมา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ทุติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ตติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. จตุตฺถา ฌานา วุฏฺหิตฺวา สมนนฺตรํ ภควา ปรินิพฺพายิ. ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา พฺรหฺมา สหมฺปติ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสยํ;
ยตฺถ เอตาทิโส สตฺถา, โลเก อปฺปฏิปุคฺคโล;
ตถาคโต พลปฺปตฺโต, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต’’ติ.
ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.
ปรินิพฺพุเต ¶ ¶ ภควติ สห ปรินิพฺพานา อายสฺมา อานนฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตทาสิ ยํ ภึสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;
สพฺพาการวรูเปเต, สมฺพุทฺเธ ปรินิพฺพุเต’’ติ.
ปรินิพฺพุเต ¶ ¶ ภควติ สห ปรินิพฺพานา อายสฺมา อนุรุทฺโธ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘นาหุ อสฺสาสปสฺสาโส, ิตจิตฺตสฺส ตาทิโน;
อเนโช สนฺติมารพฺภ, จกฺขุมา ปรินิพฺพุโต [ยํ กาลมกรี มุนิ (มหาปรินิพฺพานสุตฺเต)].
‘‘อสลฺลีเนน จิตฺเตน, เวทนํ อชฺฌวาสยิ;
ปชฺโชตสฺเสว นิพฺพานํ, วิโมกฺโข เจตโส อหู’’ติ.
ทุติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
พฺรหฺมาสนํ เทวทตฺโต, อนฺธกวินฺโท อรุณวตี;
ปรินิพฺพาเนน จ เทสิตํ, อิทํ พฺรหฺมปฺจกนฺติ.
พฺรหฺมสํยุตฺตํ สมตฺตํ. [อิโต ปรํ มรมฺมโปตฺถเกสุ เอวมฺปิ ทิสฺสติ –§พฺรหฺมายาจนํ อคารวฺจ, พฺรหฺมเทโว พโก จ พฺรหฺมา.§อฺตโร จ พฺรหฺมาโกกาลิกฺจ, ติสฺสกฺจ ตุรู จ§พฺรหฺมา โกกาลิกภิกฺขุ, สนงฺกุมาเรน เทวทตฺตํ.§อนฺธกวินฺทํ อรุณวติ, ปรินิพฺพาเนน ปนฺนรสาติ]