📜

๗. พฺราหฺมณสํยุตฺตํ

๑. อรหนฺตวคฺโค

๑. ธนฺชานีสุตฺตํ

๑๘๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนฺชานี [ธานฺชานี (ปี. สี. อฏฺ.)] นาม พฺราหฺมณี อภิปฺปสนฺนา โหติ พุทฺเธ จ ธมฺเม จ สงฺเฆ จ. อถ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ภตฺตํ อุปสํหรนฺตี อุปกฺขลิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส;

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส;

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ธนฺชานึ พฺราหฺมณึ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณสฺส วณฺณํ ภาสติ. อิทานิ ตฺยาหํ, วสลิ, ตสฺส สตฺถุโน วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย ตสฺส ภควโต วาทํ อาโรเปยฺย อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. อปิ จ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, คจฺฉ, คนฺตฺวา วิชานิสฺสสี’’ติ [คนฺตฺวาปิ ชานิสฺสสีติ (สฺยา. กํ.)].

อถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กึสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.

‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;

วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.

อลตฺถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.

๒. อกฺโกสสุตฺตํ

๑๘๘. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อสฺโสสิ โข อกฺโกสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘ภารทฺวาชโคตฺโต กิร พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสติ ปริภาสติ.

เอวํ วุตฺเต, ภควา อกฺโกสกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อปิ นุ โข เต อาคจฺฉนฺติ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา อติถิโย [อติถโย (?)]’’ติ? ‘‘อปฺเปกทา เม, โภ โคตม, อาคจฺฉนฺติ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา อติถิโย’’ติ. ‘‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อปิ นุ เตสํ อนุปฺปเทสิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สายนียํ วา’’’ติ? ‘‘‘อปฺเปกทา เนสาหํ, โภ โคตม, อนุปฺปเทมิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สายนียํ วา’’’ติ. ‘‘‘สเจ โข ปน เต, พฺราหฺมณ, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ , กสฺส ตํ โหตี’’’ติ? ‘‘‘สเจ เต, โภ โคตม, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ, อมฺหากเมว ตํ โหตี’’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ยํ ตฺวํ อมฺเห อนกฺโกสนฺเต อกฺโกสสิ, อโรเสนฺเต โรเสสิ, อภณฺฑนฺเต ภณฺฑสิ, ตํ เต มยํ นปฺปฏิคฺคณฺหาม. ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหติ; ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหติ’’.

‘‘โย โข, พฺราหฺมณ, อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสติ, โรเสนฺตํ ปฏิโรเสติ, ภณฺฑนฺตํ ปฏิภณฺฑติ, อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, สมฺภุฺชติ วีติหรตีติ. เต มยํ ตยา เนว สมฺภุฺชาม น วีติหราม. ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหติ; ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหตี’’ติ. ‘‘ภวนฺตํ โข โคตมํ สราชิกา ปริสา เอวํ ชานาติ – ‘อรหํ สมโณ โคตโม’ติ. อถ จ ปน ภวํ โคตโม กุชฺฌตี’’ติ.

‘‘อกฺโกธสฺส กุโต โกโธ, ทนฺตสฺส สมชีวิโน;

สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.

‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.

‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.

‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อกฺโกสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.

อลตฺถ โข อกฺโกสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา อกฺโกสกภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.

๓. อสุรินฺทกสุตฺตํ

๑๘๙. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อสฺโสสิ โข อสุรินฺทกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ กิร สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสติ ปริภาสติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตุณฺหี อโหสิ. อถ โข อสุรินฺทกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ชิโตสิ, สมณ, ชิโตสิ, สมณา’’ติ.

‘‘ชยํ เว มฺติ พาโล, วาจาย ผรุสํ ภณํ;

ชยฺเจวสฺส ตํ โหติ, ยา ติติกฺขา วิชานโต.

‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.

‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.

‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อสุรินฺทกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๔. พิลงฺคิกสุตฺตํ

๑๙๐. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อสฺโสสิ โข พิลงฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘ภารทฺวาชโคตฺโต กิร พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ โข ภควา พิลงฺคิกสฺส ภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย พิลงฺคิกํ ภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ คาถาย อชฺฌภาสิ

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ,

สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ,

สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, วิลงฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๕. อหึสกสุตฺตํ

๑๙๑. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข อหึสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหึสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหึสกาหํ, โภ โคตม, อหึสกาหํ, โภ โคตมา’’ติ.

‘‘ยถา นามํ ตถา จสฺส, สิยา โข ตฺวํ อหึสโก;

โย จ กาเยน วาจาย, มนสา จ น หึสติ;

ส เว อหึสโก โหติ, โย ปรํ น วิหึสตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อหึสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา อหึสกภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๖. ชฏาสุตฺตํ

๑๙๒. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข ชฏาภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชฏาภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อนฺโตชฏา พหิชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา;

ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามิ, โก อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ.

‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.

‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;

ขีณาสวา อรหนฺโต, เตสํ วิชฏิตา ชฏา.

‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;

ปฏิฆํ รูปสฺา จ, เอตฺเถสา ฉิชฺชเต ชฏา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ชฏาภารทฺวาโช ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๗. สุทฺธิกสุตฺตํ

๑๙๓. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข สุทฺธิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สุทฺธิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อชฺฌภาสิ –

‘‘น พฺราหฺมโณ [นาพฺราหฺมโณ (?)] สุชฺฌติ โกจิ, โลเก สีลวาปิ ตโปกรํ;

วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โส สุชฺฌติ น อฺา อิตรา ปชา’’ติ.

‘‘พหุมฺปิ ปลปํ ชปฺปํ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;

อนฺโตกสมฺพุ สงฺกิลิฏฺโ, กุหนํ อุปนิสฺสิโต.

‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เวสฺโส, สุทฺโท จณฺฑาลปุกฺกุโส;

อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกโม;

ปปฺโปติ ปรมํ สุทฺธึ, เอวํ ชานาหิ พฺราหฺมณา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, สุทฺธิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๘. อคฺคิกสุตฺตํ

๑๙๔. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อคฺคิกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส สปฺปินา ปายโส สนฺนิหิโต โหติ – ‘‘อคฺคึ ชุหิสฺสามิ, อคฺคิหุตฺตํ ปริจริสฺสามี’’ติ.

อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน อคฺคิกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อทฺทสา โข อคฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺโน, ชาติมา สุตวา พหู;

วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โสมํ ภุฺเชยฺย ปายส’’นฺติ.

‘‘พหุมฺปิ ปลปํ ชปฺปํ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;

อนฺโตกสมฺพุ สํกิลิฏฺโ, กุหนาปริวาริโต.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;

อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ.

‘‘เอตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ, เตวิชฺโช โหติ พฺราหฺมโณ;

วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โสมํ ภุฺเชยฺย ปายส’’นฺติ.

‘‘ภุฺชตุ ภวํ โคตโม. พฺราหฺมโณ ภว’’นฺติ.

‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ,

สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;

คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,

ธมฺเม สติ พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา.

‘‘อฺเน จ เกวลินํ มเหสึ,

ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;

อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสุ,

เขตฺตฺหิ ตํ ปุฺเปกฺขสฺส โหตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อคฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา อคฺคิกภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๙. สุนฺทริกสุตฺตํ

๑๙๕. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร. เตน โข ปน สมเยน สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร อคฺคึ ชุหติ, อคฺคิหุตฺตํ ปริจรติ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ อคฺคึ ชุหิตฺวา อคฺคิหุตฺตํ ปริจริตฺวา อุฏฺายาสนา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ – ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภุฺเชยฺยา’’ติ? อทฺทสา โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สสีสํ ปารุตํ นิสินฺนํ. ทิสฺวาน วาเมน หตฺเถน หพฺยเสสํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน กมณฺฑลุํ คเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข ภควา สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปทสทฺเทน สีสํ วิวริ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ‘มุณฺโฑ อยํ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภว’นฺติ ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘มุณฺฑาปิ หิ อิเธกจฺเจ พฺราหฺมณา ภวนฺติ; ยํนูนาหํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ชาตึ ปุจฺเฉยฺย’นฺติ.

อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘กึชจฺโจ ภว’นฺติ?

‘‘มา ชาตึ ปุจฺฉ จรณฺจ ปุจฺฉ,

กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโท;

นีจากุลีโนปิ มุนิ ธิติมา,

อาชานีโย โหติ หิรีนิเสโธ.

‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต,

เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;

ยฺโปนีโต ตมุปวฺหเยถ,

กาเลน โส ชุหติ ทกฺขิเณยฺเย’’ติ.

‘‘อทฺธา สุยิฏฺํ สุหุตํ มม ยิทํ,

ยํ ตาทิสํ เวทคุมทฺทสามิ;

ตุมฺหาทิสานฺหิ อทสฺสเนน,

อฺโ ชโน ภุฺชติ หพฺยเสส’’นฺติ.

‘‘ภุฺชตุ ภวํ โคตโม. พฺราหฺมโณ ภว’’นฺติ.

‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ,

สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;

คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,

ธมฺเม สติ พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา.

‘‘อฺเน จ เกวลินํ มเหสึ,

ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;

อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสุ,

เขตฺตฺหิ ตํ ปุฺเปกฺขสฺส โหตี’’ติ.

‘‘อถ กสฺส จาหํ, โภ โคตม, อิมํ หพฺยเสสํ ทมฺมี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ยสฺเสโส หพฺยเสโส ภุตฺโต สมฺมา ปริณามํ คจฺเฉยฺย อฺตฺร, พฺราหฺมณ, ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา. เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ตํ หพฺยเสสํ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑหิ อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปหี’’ติ.

อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ตํ หพฺยเสสํ อปฺปาณเก อุทเก โอปิลาเปสิ. อถ โข โส หพฺยเสโส อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ . เสยฺยถาปิ นาม ผาโล [โลโห (ก.)] ทิวสํสนฺตตฺโต [ทิวสสนฺตตฺโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ; เอวเมว โส หพฺยเสโส อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ.

อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข สุนฺทริกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ ภควา คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘มา พฺราหฺมณ ทารุ สมาทหาโน,

สุทฺธึ อมฺิ พหิทฺธา หิ เอตํ;

น หิ เตน สุทฺธึ กุสลา วทนฺติ,

โย พาหิเรน ปริสุทฺธิมิจฺเฉ.

‘‘หิตฺวา อหํ พฺราหฺมณ ทารุทาหํ

อชฺฌตฺตเมวุชฺชลยามิ [อชฺฌตฺตเมว ชลยามิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โชตึ;

นิจฺจคฺคินี นิจฺจสมาหิตตฺโต,

อรหํ อหํ พฺรหฺมจริยํ จรามิ.

‘‘มาโน หิ เต พฺราหฺมณ ขาริภาโร,

โกโธ ธุโม ภสฺมนิ โมสวชฺชํ;

ชิวฺหา สุชา หทยํ โชติานํ,

อตฺตา สุทนฺโต ปุริสสฺส โชติ.

‘‘ธมฺโม รหโท พฺราหฺมณ สีลติตฺโถ,

อนาวิโล สพฺภิ สตํ ปสตฺโถ;

ยตฺถ หเว เวทคุโน สินาตา,

อนลฺลคตฺตาว [อนลฺลีนคตฺตาว (สี. ปี. ก.)] ตรนฺติ ปารํ.

‘‘สจฺจํ ธมฺโม สํยโม พฺรหฺมจริยํ,

มชฺเฌ สิตา พฺราหฺมณ พฺรหฺมปตฺติ;

ตุชฺชุภูเตสุ นโม กโรหิ,

ตมหํ นรํ ธมฺมสารีติ พฺรูมี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.

๑๐. พหุธีตรสุตฺตํ

๑๙๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส จตุทฺทส พลีพทฺทา นฏฺา โหนฺติ. อถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เต พลีพทฺเท คเวสนฺโต เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘น หิ นูนิมสฺส [นหนูนิมสฺส (สี. สฺยา. กํ.)] สมณสฺส, พลีพทฺทา จตุทฺทส;

อชฺชสฏฺึ น ทิสฺสนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี.

‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ติลาเขตฺตสฺมิ ปาปกา;

เอกปณฺณา ทุปณฺณา [ทฺวิปณฺณา (สี. ปี.)] จ, เตนายํ สมโณ สุขี.

‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ตุจฺฉโกฏฺสฺมิ มูสิกา;

อุสฺโสฬฺหิกาย นจฺจนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี.

‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, สนฺถาโร สตฺตมาสิโก;

อุปฺปาฏเกหิ สฺฉนฺโน, เตนายํ สมโณ สุขี.

‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, วิธวา สตฺต ธีตโร;

เอกปุตฺตา ทุปุตฺตา [ทฺวิปุตฺตา (สี. ปี.)] จ, เตนายํ สมโณ สุขี.

‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ปิงฺคลา ติลกาหตา;

โสตฺตํ ปาเทน โพเธติ, เตนายํ สมโณ สุขี.

‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ปจฺจูสมฺหิ อิณายิกา;

เทถ เทถาติ โจเทนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี’’ติ.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, พลีพทฺทา จตุทฺทส;

อชฺชสฏฺึ น ทิสฺสนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ติลาเขตฺตสฺมิ ปาปกา;

เอกปณฺณา ทุปณฺณา จ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ตุจฺฉโกฏฺสฺมิ มูสิกา;

อุสฺโสฬฺหิกาย นจฺจนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, สนฺถาโร สตฺตมาสิโก;

อุปฺปาฏเกหิ สฺฉนฺโน, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, วิธวา สตฺต ธีตโร;

เอกปุตฺตา ทุปุตฺตา จ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ปิงฺคลา ติลกาหตา;

โสตฺตํ ปาเทน โพเธติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.

‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ปจฺจูสมฺหิ อิณายิกา;

เทถ เทถาติ โจเทนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมว โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.

อลตฺถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.

อรหนฺตวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ธนฺชานี จ อกฺโกสํ, อสุรินฺทํ พิลงฺคิกํ;

อหึสกํ ชฏา เจว, สุทฺธิกฺเจว อคฺคิกา;

สุนฺทริกํ พหุธีตเรน จ เต ทสาติ.

๒. อุปาสกวคฺโค

๑. กสิภารทฺวาชสุตฺตํ

๑๙๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเม. เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส [กสิกภารทฺวาชสฺส (ก.)] พฺราหฺมณสฺส ปฺจมตฺตานิ นงฺคลสตานิ ปยุตฺตานิ โหนฺติ วปฺปกาเล. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺโต เตนุปสงฺกมิ.

เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนา วตฺตติ. อถ โข ภควา เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อทฺทสา โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ. ทิสฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุฺชามิ. ตฺวมฺปิ, สมณ, กสสฺสุ จ วปสฺสุ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุฺชสฺสู’’ติ. ‘‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุฺชามี’’ติ. น โข มยํ ปสฺสาม โภโต โคตมสฺส ยุคํ วา นงฺคลํ วา ผาลํ วา ปาจนํ วา พลีพทฺเท วา, อถ จ ปน ภวํ โคตโม เอวมาห – ‘‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุฺชามี’’ติ . อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กสฺสโก ปฏิชานาสิ, น จ ปสฺสามิ เต กสึ;

กสฺสโก ปุจฺฉิโต พฺรูหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ กสิ’’นฺติ.

‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺิ, ปฺา เม ยุคนงฺคลํ;

หิรี อีสา มโน โยตฺตํ, สติ เม ผาลปาจนํ.

‘‘กายคุตฺโต วจีคุตฺโต, อาหาเร อุทเร ยโต;

สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานํ, โสรจฺจํ เม ปโมจนํ.

‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;

คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ.

‘‘เอวเมสา กสี กฏฺา, สา โหติ อมตปฺผลา;

เอตํ กสึ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

‘‘ภุฺชตุ ภวํ โคตโม. กสฺสโก ภวํ. ยฺหิ ภวํ โคตโม อมตปฺผลมฺปิ กสึ กสตี’’ติ [ภาสตีติ (ก.)].

‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ,

สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;

คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,

ธมฺเม สติ พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา.

‘‘อฺเน จ เกวลินํ มเหสึ,

ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;

อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสุ,

เขตฺตฺหิ ตํ ปุฺเปกฺขสฺส โหตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๒. อุทยสุตฺตํ

๑๙๘. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อุทยสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. อถ โข อุทโย พฺราหฺมโณ ภควโต ปตฺตํ โอทเนน ปูเรสิ. ทุติยมฺปิ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อุทยสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ…เป… ตติยมฺปิ โข อุทโย พฺราหฺมโณ ภควโต ปตฺตํ โอทเนน ปูเรตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปกฏฺโกยํ สมโณ โคตโม ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉตี’’ติ.

‘‘ปุนปฺปุนฺเจว วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;

ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธฺมุเปติ รฏฺํ.

‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจกา ยาจยนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ;

ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ านํ.

‘‘ปุนปฺปุนํ ขีรนิกา ทุหนฺติ, ปุนปฺปุนํ วจฺโฉ อุเปติ มาตรํ;

ปุนปฺปุนํ กิลมติ ผนฺทติ จ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท.

‘‘ปุนปฺปุนํ ชายติ มียติ จ, ปุนปฺปุนํ สิวถิกํ [สีวถิกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] หรนฺติ;

มคฺคฺจ ลทฺธา อปุนพฺภวาย, น ปุนปฺปุนํ ชายติ ภูริปฺโ’’ติ [ปุนปฺปุนํ ชายติ ภูริปฺโติ (สฺยา. กํ. ก.)].

เอวํ วุตฺเต, อุทโย พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๓. เทวหิตสุตฺตํ

๑๙๙. สาวตฺถินิทานํ . เตน โข ปน สมเยน ภควา วาเตหาพาธิโก โหติ; อายสฺมา จ อุปวาโณ ภควโต อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อุปวาณ, อุณฺโหทกํ ชานาหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อุปวาโณ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เทวหิตสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อทฺทสา โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ ตุณฺหีภูตํ เอกมนฺตํ ิตํ. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘ตุณฺหีภูโต ภวํ ติฏฺํ, มุณฺโฑ สงฺฆาฏิปารุโต;

กึ ปตฺถยาโน กึ เอสํ, กึ นุ ยาจิตุมาคโต’’ติ.

‘‘อรหํ สุคโต โลเก, วาเตหาพาธิโก มุนิ;

สเจ อุณฺโหทกํ อตฺถิ, มุนิโน เทหิ พฺราหฺมณ.

‘‘ปูชิโต ปูชเนยฺยานํ, สกฺกเรยฺยาน สกฺกโต;

อปจิโต อปเจยฺยานํ [อปจิเนยฺยานํ (สี. สฺยา. กํ.) ฏีกา โอโลเกตพฺพา], ตสฺส อิจฺฉามิ หาตเว’’ติ.

อถ โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ อุณฺโหทกสฺส กาชํ ปุริเสน คาหาเปตฺวา ผาณิตสฺส จ ปุฏํ อายสฺมโต อุปวาณสฺส ปาทาสิ. อถ โข อายสฺมา อุปวาโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา [นหาเปตฺวา (สี. ปี.)] อุณฺโหทเกน ผาณิตํ อาโลเลตฺวา ภควโต ปาทาสิ. อถ โข ภควโต อาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ.

อถ โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

กถฺหิ ยชมานสฺส, กถํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;

อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ.

‘‘เอตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, เอตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

เอวฺหิ ยชมานสฺส, เอวํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, เทวหิโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๔. มหาสาลสุตฺตํ

๒๐๐. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล ลูโข ลูขปาวุรโณ [ลูขปาปุรโณ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ พฺราหฺมณมหาสาลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กินฺนุ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ลูโข ลูขปาวุรโณ’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม, จตฺตาโร ปุตฺตา. เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ ฆรา นิกฺขาเมนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ ภาสสฺสุ –

‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;

เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.

‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;

รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.

‘‘อสฺโสว ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;

พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.

‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;

จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.

‘‘อนฺธกาเร ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;

ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ.

อถ โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ อภาสิ –

‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;

เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.

‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;

รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.

‘‘อสฺโสว ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;

พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.

‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;

จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.

‘‘อนฺธกาเร ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;

ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ.

อถ โข นํ พฺราหฺมณมหาสาลํ ปุตฺตา ฆรํ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสุํ. อถ โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล เอกํ ทุสฺสยุคํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข พฺราหฺมณมหาสาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสาม. ปฏิคฺคณฺหตุ เม ภวํ โคตโม อาจริยธน’’นฺติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. อถ โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๕. มานตฺถทฺธสุตฺตํ

๒๐๑. สาวตฺถินิทานํ . เตน โข ปน สมเยน มานตฺถทฺโธ นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ. โส เนว มาตรํ อภิวาเทติ, น ปิตรํ อภิวาเทติ, น อาจริยํ อภิวาเทติ, น เชฏฺภาตรํ อภิวาเทติ. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ. อถ โข มานตฺถทฺธสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ. ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ. สเจ มํ สมโณ โคตโม อาลปิสฺสติ, อหมฺปิ ตํ อาลปิสฺสามิ. โน เจ มํ สมโณ โคตโม อาลปิสฺสติ, อหมฺปิ นาลปิสฺสามี’’ติ. อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ โข ภควา ตํ นาลปิ. อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ – ‘นายํ สมโณ โคตโม กิฺจิ ชานาตี’ติ ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. อถ โข ภควา มานตฺถทฺธสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย มานตฺถทฺธํ พฺราหฺมณํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘น มานํ พฺราหฺมณ สาธุ, อตฺถิกสฺสีธ พฺราหฺมณ;

เยน อตฺเถน อาคจฺฉิ, ตเมวมนุพฺรูหเย’’ติ.

อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ – ‘‘จิตฺตํ เม สมโณ โคตโม ชานาตี’’ติ ตตฺเถว ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘มานตฺถทฺธาหํ, โภ โคตม, มานตฺถทฺธาหํ, โภ โคตมา’’ติ. อถ โข สา ปริสา อพฺภุตจิตฺตชาตา [อพฺภุตจิตฺตชาตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา (ก.)] อโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! อยฺหิ มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ เนว มาตรํ อภิวาเทติ, น ปิตรํ อภิวาเทติ, น อาจริยํ อภิวาเทติ, น เชฏฺภาตรํ อภิวาเทติ; อถ จ ปน สมเณ โคตเม เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กโรตี’ติ. อถ โข ภควา มานตฺถทฺธํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ , อุฏฺเหิ, สเก อาสเน นิสีท. ยโต เต มยิ จิตฺตํ ปสนฺน’’นฺติ. อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘เกสุ น มานํ กยิราถ, เกสุ จสฺส สคารโว;

กฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ, กฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา’’ติ.

‘‘มาตริ ปิตริ จาปิ, อโถ เชฏฺมฺหิ ภาตริ;

อาจริเย จตุตฺถมฺหิ,

เตสุ น มานํ กยิราถ;

เตสุ อสฺส สคารโว,

ตฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ;

ตฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา.

‘‘อรหนฺเต สีตีภูเต, กตกิจฺเจ อนาสเว;

นิหจฺจ มานํ อถทฺโธ, เต นมสฺเส อนุตฺตเร’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๖. ปจฺจนีกสุตฺตํ

๒๐๒. สาวตฺถินิทานํ . เตน โข ปน สมเยน ปจฺจนีกสาโต นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ. อถ โข ปจฺจนีกสาตสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ. ยํ ยเทว สมโณ โคตโม ภาสิสฺสติ ตํ ตเทวสฺสาหํ [ตเทว สาหํ (ก.)] ปจฺจนีกาสฺส’’นฺติ [ปจฺจนีกสฺสนฺติ (ปี.), ปจฺจนีกสาตนฺติ (ก.)]. เตน โข ปน สมเยน ภควา อพฺโภกาเส จงฺกมติ. อถ โข ปจฺจนีกสาโต พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ จงฺกมนฺตํ เอตทโวจ – ‘ภณ สมณธมฺม’นฺติ.

‘‘น ปจฺจนีกสาเตน, สุวิชานํ สุภาสิตํ;

อุปกฺกิลิฏฺจิตฺเตน, สารมฺภพหุเลน จ.

‘‘โย จ วิเนยฺย สารมฺภํ, อปฺปสาทฺจ เจตโส;

อาฆาตํ ปฏินิสฺสชฺช, ส เว [สเจ (สฺยา. กํ. ก.)] ชฺา สุภาสิต’’นฺติ.

เอวํ วุตฺเต, ปจฺจนีกสาโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๗. นวกมฺมิกสุตฺตํ

๒๐๓. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ . เตน โข ปน สมเยน นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ตสฺมึ วนสณฺเฑ กมฺมนฺตํ การาเปติ. อทฺทสา โข นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ สาลรุกฺขมูเล นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข อิมสฺมึ วนสณฺเฑ กมฺมนฺตํ การาเปนฺโต รมามิ. อยํ สมโณ โคตโม กึ การาเปนฺโต รมตี’’ติ? อถ โข นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘เก นุ กมฺมนฺตา กรียนฺติ, ภิกฺขุ สาลวเน ตว;

ยเทกโก อรฺสฺมึ, รตึ วินฺทติ โคตโม’’ติ.

‘‘น เม วนสฺมึ กรณียมตฺถิ,

อุจฺฉินฺนมูลํ เม วนํ วิสูกํ;

สฺวาหํ วเน นิพฺพนโถ วิสลฺโล,

เอโก รเม อรตึ วิปฺปหายา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๘. กฏฺหารสุตฺตํ

๒๐๔. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส สมฺพหุลา อนฺเตวาสิกา กฏฺหารกา มาณวกา เยน วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อทฺทสํสุ ภควนฺตํ ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวาน เยน ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภารทฺวาชโคตฺตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยคฺเฆ, ภวํ ชาเนยฺยาสิ! อสุกสฺมึ วนสณฺเฑ สมโณ นิสินฺโน ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’. อถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เตหิ มาณวเกหิ สทฺธึ เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควนฺตํ ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘คมฺภีรรูเป พหุเภรเว วเน,

สุฺํ อรฺํ วิชนํ วิคาหิย;

อนิฺชมาเนน ิเตน วคฺคุนา,

สุจารุรูปํ วต ภิกฺขุ ฌายสิ.

‘‘น ยตฺถ คีตํ นปิ ยตฺถ วาทิตํ,

เอโก อรฺเ วนวสฺสิโต มุนิ;

อจฺเฉรรูปํ ปฏิภาติ มํ อิทํ,

ยเทกโก ปีติมโน วเน วเส.

‘‘มฺามหํ โลกาธิปติสหพฺยตํ,

อากงฺขมาโน ติทิวํ อนุตฺตรํ;

กสฺมา ภวํ วิชนมรฺมสฺสิโต,

ตโป อิธ กุพฺพสิ พฺรหฺมปตฺติยา’’ติ.

‘‘ยา กาจิ กงฺขา อภินนฺทนา วา,

อเนกธาตูสุ ปุถู สทาสิตา;

อฺาณมูลปฺปภวา ปชปฺปิตา,

สพฺพา มยา พฺยนฺติกตา สมูลิกา.

‘‘สฺวาหํ อกงฺโข อสิโต อนูปโย,

สพฺเพสุ ธมฺเมสุ วิสุทฺธทสฺสโน;

ปปฺปุยฺย สมฺโพธิมนุตฺตรํ สิวํ,

ฌายามหํ พฺรหฺม รโห วิสารโท’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๙. มาตุโปสกสุตฺตํ

๒๐๕. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข มาตุโปสโก พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มาตุโปสโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสามิ, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา มาตาปิตโร โปเสมิ. กจฺจาหํ, โภ โคตม, เอวํการี กิจฺจการี โหมี’’ติ? ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เอวํการี กิจฺจการี โหสิ. โย โข, พฺราหฺมณ, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสติ, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา มาตาปิตโร โปเสติ, พหุํ โส ปุฺํ ปสวตี’’ติ.

‘‘โย มาตรํ ปิตรํ วา, มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ;

ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, มาตุโปสโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๑๐. ภิกฺขกสุตฺตํ

๒๐๖. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ภิกฺขโก พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ภิกฺขโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, โภ โคตม, ภิกฺขโก, ภวมฺปิ ภิกฺขโก, อิธ โน กึ นานากรณ’’นฺติ?

‘‘น เตน ภิกฺขโก โหติ, ยาวตา ภิกฺขเต ปเร;

วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย, ภิกฺขุ โหติ น ตาวตา.

‘‘โยธ ปุฺฺจ ปาปฺจ, พาหิตฺวา พฺรหฺมจริยํ;

สงฺขาย โลเก จรติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๑๑. สงฺคารวสุตฺตํ

๒๐๗. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน สงฺคารโว นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ อุทกสุทฺธิโก, อุทเกน ปริสุทฺธึ ปจฺเจติ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, สงฺคารโว นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ อุทกสุทฺธิโก , อุทเกน สุทฺธึ ปจฺเจติ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยน สงฺคารวสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สงฺคารวสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สงฺคารวํ พฺราหฺมณํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อุทกสุทฺธิโก, อุทเกน สุทฺธึ ปจฺเจสิ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อุทกสุทฺธิโก, อุทกสุทฺธึ ปจฺเจสิ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรสี’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม [อิธ เม โภ โคตม อหํ (ปี. ก.)], ยํ ทิวา ปาปกมฺมํ กตํ โหติ, ตํ สายํ นฺหาเนน [นหาเนน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปวาเหมิ, ยํ รตฺตึ ปาปกมฺมํ กตํ โหติ ตํ ปาตํ นฺหาเนน ปวาเหมิ. อิมํ ขฺวาหํ, โภ โคตม, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อุทกสุทฺธิโก, อุทเกน สุทฺธึ ปจฺเจมิ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามี’’ติ.

‘‘ธมฺโม รหโท พฺราหฺมณ สีลติตฺโถ,

อนาวิโล สพฺภิ สตํ ปสตฺโถ;

ยตฺถ หเว เวทคุโน สินาตา,

อนลฺลคตฺตาว [อนลฺลีนคตฺตาว (ก.)] ตรนฺติ ปาร’’นฺติ.

เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

๑๒. โขมทุสฺสสุตฺตํ

๒๐๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ โขมทุสฺสํ นามํ สกฺยานํ นิคโม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โขมทุสฺสํ นิคมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา สภายํ สนฺนิปติตา โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข ภควา เยน สา สภา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสํสุ โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เอตทโวจุํ – ‘‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา, เก จ สภาธมฺมํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ? อถ โข ภควา โขมทุสฺสเก พฺราหฺมณคหปติเก คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘เนสา สภา ยตฺถ น สนฺติ สนฺโต,

สนฺโต น เต เย น วทนฺติ ธมฺมํ;

ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ,

ธมฺมํ วทนฺตา จ ภวนฺติ สนฺโต’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม; เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ, เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติ.

อุปาสกวคฺโค ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

กสิ อุทโย เทวหิโต, อฺตรมหาสาลํ;

มานถทฺธํ ปจฺจนีกํ, นวกมฺมิกกฏฺหารํ;

มาตุโปสกํ ภิกฺขโก, สงฺคารโว จ โขมทุสฺเสน ทฺวาทสาติ.

พฺราหฺมณสํยุตฺตํ สมตฺตํ.