📜
๘. วงฺคีสสํยุตฺตํ
๑. นิกฺขนฺตสุตฺตํ
๒๐๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา วงฺคีโส อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย อายสฺมตา นิคฺโรธกปฺเปน อุปชฺฌาเยน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส นวโก โหติ อจิรปพฺพชิโต โอหิยฺยโก วิหารปาโล. อถ โข สมฺพหุลา อิตฺถิโย สมลงฺกริตฺวา เยน อคฺคาฬวโก อาราโม เตนุปสงฺกมึสุ วิหารเปกฺขิกาโย. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส ตา อิตฺถิโย ทิสฺวา อนภิรติ อุปฺปชฺชติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา, ยํ เม ปโร อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย. ยํนูนาหํ อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยํ;
วิตกฺกา อุปธาวนฺติ, ปคพฺภา กณฺหโต อิเม.
‘‘อุคฺคปุตฺตา ¶ มหิสฺสาสา, สิกฺขิตา ทฬฺหธมฺมิโน;
สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, สหสฺสํ อปลายินํ.
‘‘สเจปิ เอตโต [เอตฺตโต (สี. ปี. ก.), เอตฺตกา (สฺยา. กํ.)] ภิยฺโย, อาคมิสฺสนฺติ อิตฺถิโย;
เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺติ [พฺยาถยิสฺสนฺติ (?)], ธมฺเม สมฺหิ ปติฏฺิตํ.
‘‘สกฺขี ¶ ¶ หิ เม สุตํ เอตํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ตตฺถ เม นิรโต มโน.
‘‘เอวฺเจ มํ วิหรนฺตํ, ปาปิม อุปคจฺฉสิ;
ตถา มจฺจุ กริสฺสามิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสี’’ติ.
๒. อรติสุตฺตํ
๒๑๐. เอกํ ¶ สมยํ…เป… อายสฺมา วงฺคีโส อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย อายสฺมตา นิคฺโรธกปฺเปน อุปชฺฌาเยน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นิคฺโรธกปฺโป ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต วิหารํ ปวิสติ, สายํ วา นิกฺขมติ อปรชฺชุ วา กาเล. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ; ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา, ยํ เม ปโร อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย. ยํนูนาหํ อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย’’นฺติ. อถ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อรติฺจ รติฺจ ปหาย, สพฺพโส เคหสิตฺจ วิตกฺกํ;
วนถํ น กเรยฺย กุหิฺจิ, นิพฺพนโถ อรโต ส หิ ภิกฺขุ [ส ภิกฺขุ (ก.)].
‘‘ยมิธ ปถวิฺจ เวหาสํ, รูปคตฺจ ชคโตคธํ;
กิฺจิ ปริชียติ สพฺพมนิจฺจํ, เอวํ สเมจฺจ จรนฺติ มุตตฺตา.
‘‘อุปธีสุ ชนา คธิตาเส [คถิตาเส (สี.)], ทิฏฺสุเต ปฏิเฆ จ มุเต จ;
เอตฺถ วิโนทย ฉนฺทมเนโช, โย เอตฺถ น ลิมฺปติ ตํ มุนิมาหุ.
‘‘อถ ¶ ¶ สฏฺินิสฺสิตา สวิตกฺกา, ปุถู ชนตาย อธมฺมา นิวิฏฺา;
น จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจิ, โน ปน ทุฏฺุลฺลภาณี ส ภิกฺขุ.
‘‘ทพฺโพ จิรรตฺตสมาหิโต, อกุหโก นิปโก อปิหาลุ;
สนฺตํ ¶ ปทํ อชฺฌคมา มุนิ ปฏิจฺจ, ปรินิพฺพุโต กงฺขติ กาล’’นฺติ.
๓. เปสลสุตฺตํ
๒๑๑. เอกํ สมยํ อายสฺมา วงฺคีโส อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย อายสฺมตา นิคฺโรธกปฺเปน อุปชฺฌาเยน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน ¶ อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตโน ปฏิภาเนน อฺเ เปสเล ภิกฺขู อติมฺติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยฺวาหํ อตฺตโน ปฏิภาเนน อฺเ เปสเล ภิกฺขู อติมฺามี’’ติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตนาว อตฺตโน วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘มานํ ปชหสฺสุ โคตม, มานปถฺจ ปชหสฺสุ;
อเสสํ มานปถสฺมึ, สมุจฺฉิโต วิปฺปฏิสารีหุวา จิรรตฺตํ.
‘‘มกฺเขน มกฺขิตา ปชา, มานหตา นิรยํ ปปตนฺติ;
โสจนฺติ ชนา จิรรตฺตํ, มานหตา นิรยํ อุปปนฺนา.
‘‘น ¶ หิ โสจติ ภิกฺขุ กทาจิ, มคฺคชิโน สมฺมาปฏิปนฺโน;
กิตฺติฺจ สุขฺจ อนุโภติ, ธมฺมทโสติ ตมาหุ ปหิตตฺตํ.
‘‘ตสฺมา ¶ อขิโลธ ปธานวา, นีวรณานิ ปหาย วิสุทฺโธ;
มานฺจ ปหาย อเสสํ, วิชฺชายนฺตกโร สมิตาวี’’ติ.
๔. อานนฺทสุตฺตํ
๒๑๒. เอกํ ¶ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ อายสฺมตา วงฺคีเสน ปจฺฉาสมเณน. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ;
สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมา’’ติ.
‘‘สฺาย ¶ วิปริเยสา, จิตฺตํ เต ปริฑยฺหติ;
นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ, สุภํ ราคูปสํหิตํ.
‘‘สงฺขาเร ปรโต ปสฺส, ทุกฺขโต มา จ อตฺตโต;
นิพฺพาเปหิ มหาราคํ, มา ฑยฺหิตฺโถ ปุนปฺปุนํ.
‘‘อสุภาย ¶ จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ;
สติ กายคตา ตฺยตฺถุ, นิพฺพิทาพหุโล ภว.
‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ.
๕. สุภาสิตสุตฺตํ
๒๑๓. สาวตฺถินิทานํ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา; อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ สุภาสิตํเยว ภาสติ โน ทุพฺภาสิตํ, ธมฺมํเยว ภาสติ โน อธมฺมํ, ปิยํเยว ¶ ภาสติ โน อปฺปิยํ, สจฺจํเยว ภาสติ โน อลิกํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา, อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูน’’นฺติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘สุภาสิตํ ¶ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,
ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;
ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,
สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘ตเมว วาจํ ภาเสยฺย, ยายตฺตานํ น ตาปเย;
ปเร จ น วิหึเสยฺย, สา เว วาจา สุภาสิตา.
‘‘ปิยวาจํว ภาเสยฺย, ยา วาจา ปฏินนฺทิตา;
ยํ อนาทาย ปาปานิ, ปเรสํ ภาสเต ปิยํ.
‘‘สจฺจํ ¶ เว อมตา วาจา, เอส ธมฺโม สนนฺตโน;
สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตา.
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสเต วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ.
๖. สาริปุตฺตสุตฺตํ
๒๑๔. เอกํ ¶ ¶ สมยํ อายสฺมา สาริปุตฺโต สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย [อเนฬคลาย (สี. ก.), อเนลคฬาย (สฺยา. กํ. ปี.)] อตฺถสฺส วิฺาปนิยา. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. ยํนูนาหํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปฏิภาติ มํ, อาวุโส สาริปุตฺตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, อาวุโส วงฺคีสา’’ติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘คมฺภีรปฺโ เมธาวี, มคฺคามคฺคสฺส โกวิโท;
สาริปุตฺโต มหาปฺโ, ธมฺมํ เทเสติ ภิกฺขุนํ.
‘‘สํขิตฺเตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยิ [อุทีริยิ (สฺยา. กํ.) อุทีริยติ (สามฺผลสุตฺตฏีกานุรูปํ)].
‘‘ตสฺส ¶ ตํ เทสยนฺตสฺส, สุณนฺติ มธุรํ คิรํ;
สเรน ¶ รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;
อุทคฺคจิตฺตา มุทิตา, โสตํ โอเธนฺติ ภิกฺขโว’’ติ.
๗. ปวารณาสุตฺตํ
๒๑๕. เอกํ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปวารณาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, ปวาเรมิ โว. น จ เม กิฺจิ ครหถ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข มยํ, ภนฺเต, ภควโต กิฺจิ ครหาม กายิกํ วา วาจสิกํ วา. ภควา หิ ¶ , ภนฺเต, อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ, ภนฺเต, เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา; อหฺจ โข, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปวาเรมิ. น จ เม ภควา กิฺจิ ครหติ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ.
‘‘น ขฺวาหํ เต, สาริปุตฺต, กิฺจิ ครหามิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา. ปณฺฑิโต ตฺวํ, สาริปุตฺต, มหาปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต ¶ , ปุถุปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, หาสปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ชวนปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ติกฺขปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, นิพฺเพธิกปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺปุตฺโต ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตติ; เอวเมว โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, มยา อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตสี’’ติ.
‘‘โน เจ กิร เม, ภนฺเต, ภควา กิฺจิ ครหติ กายิกํ วา วาจสิกํ วา. อิเมสํ ปน, ภนฺเต, ภควา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ น กิฺจิ ครหติ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ. ‘‘อิเมสมฺปิ ขฺวาหํ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ น ¶ กิฺจิ ครหามิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา. อิเมสฺหิ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สฏฺิ ภิกฺขู เตวิชฺชา, สฏฺิ ภิกฺขู ฉฬภิฺา, สฏฺิ ภิกฺขู อุภโตภาควิมุตฺตา, อถ อิตเร ปฺาวิมุตฺตา’’ติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘อชฺช ปนฺนรเส วิสุทฺธิยา, ภิกฺขู ปฺจสตา สมาคตา;
สํโยชนพนฺธนจฺฉิทา ¶ , อนีฆา ขีณปุนพฺภวา อิสี.
‘‘จกฺกวตฺตี ¶ ยถา ราชา, อมจฺจปริวาริโต;
สมนฺตา อนุปริเยติ, สาครนฺตํ มหึ อิมํ.
‘‘เอวํ วิชิตสงฺคามํ, สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
‘‘สพฺเพ ภควโต ปุตฺตา, ปลาเปตฺถ น วิชฺชติ;
ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ, วนฺเท อาทิจฺจพนฺธุน’’นฺติ.
๘. ปโรสหสฺสสุตฺตํ
๒๑๖. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตลเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. ยํนูนาหํ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ ¶ ¶ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘ปโรสหสฺสํ ภิกฺขูนํ, สุคตํ ปยิรุปาสติ;
เทเสนฺตํ วิรชํ ธมฺมํ, นิพฺพานํ อกุโตภยํ.
‘‘สุณนฺติ ธมฺมํ วิมลํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
โสภติ วต สมฺพุทฺโธ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต.
‘‘นาคนาโมสิ ภควา, อิสีนํ อิสิสตฺตโม;
มหาเมโฆว หุตฺวาน, สาวเก อภิวสฺสติ.
‘‘ทิวาวิหารา ¶ นิกฺขมฺม, สตฺถุทสฺสนกมฺยตา [สตฺถุทสฺสนกามตา (สี. สฺยา. กํ.)];
สาวโก เต มหาวีร, ปาเท วนฺทติ วงฺคีโส’’ติ.
‘‘กึ นุ เต, วงฺคีส, อิมา คาถาโย ปุพฺเพ ปริวิตกฺกิตา, อุทาหุ านโสว ตํ ปฏิภนฺตี’’ติ? ‘น โข เม, ภนฺเต, อิมา คาถาโย ปุพฺเพ ปริวิตกฺกิตา, อถ โข านโสว มํ ปฏิภนฺตี’ติ. ‘เตน หิ ตํ, วงฺคีส, ภิยฺโยโสมตฺตาย ปุพฺเพ อปริวิตกฺกิตา คาถาโย ปฏิภนฺตู’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ¶ ภควนฺตํ ปุพฺเพ อปริวิตกฺกิตาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘อุมฺมคฺคปถํ [อุมฺมคฺคสตํ (สฺยา. กํ. ก.)] มารสฺส อภิภุยฺย, จรติ ปภิชฺช ขิลานิ;
ตํ ปสฺสถ พนฺธปมฺุจกรํ, อสิตํ ภาคโส ปวิภชํ.
‘‘โอฆสฺส นิตฺถรณตฺถํ, อเนกวิหิตํ มคฺคํ อกฺขาสิ;
ตสฺมิฺเจ อมเต อกฺขาเต, ธมฺมทฺทสา ิตา อสํหีรา.
‘‘ปชฺโชตกโร ¶ อติวิชฺฌ [อติวิชฺฌ ธมฺมํ (สี. สฺยา. กํ.)], สพฺพฏฺิตีนํ อติกฺกมมทฺทส;
ตฺวา จ สจฺฉิกตฺวา จ, อคฺคํ โส เทสยิ ทสทฺธานํ.
‘‘เอวํ ¶ สุเทสิเต ธมฺเม,
โก ปมาโท วิชานตํ ธมฺมํ [โก ปมาโท วิชานตํ (สี. สฺยา. กํ.)];
ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสเน;
อปฺปมตฺโต สทา นมสฺสมนุสิกฺเข’’ติ.
๙. โกณฺฑฺสุตฺตํ
๒๑๗. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อายสฺมา อฺาสิโกณฺฑฺโ [อฺาโกณฺฑฺโ (สี. สฺยา. กํ.)] สุจิรสฺเสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ¶ ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ ¶ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘โกณฺฑฺโหํ, ภควา, โกณฺฑฺโหํ, สุคตา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา อฺาสิโกณฺฑฺโ สุจิรสฺเสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘โกณฺฑฺโหํ, ภควา, โกณฺฑฺโหํ, สุคตา’ติ. ยํนูนาหํ อายสฺมนฺตํ อฺาสิโกณฺฑฺํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ อฺาสิโกณฺฑฺํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘พุทฺธานุพุทฺโธ โส เถโร, โกณฺฑฺโ ติพฺพนิกฺกโม;
ลาภี สุขวิหารานํ, วิเวกานํ อภิณฺหโส.
‘‘ยํ ¶ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สตฺถุสาสนการินา;
สพฺพสฺส ตํ อนุปฺปตฺตํ, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต.
‘‘มหานุภาโว ¶ เตวิชฺโช, เจโตปริยายโกวิโท;
โกณฺฑฺโ พุทฺธทายาโท [พุทฺธสาวโก (ปี.)], ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน’’ติ.
๑๐. โมคฺคลฺลานสุตฺตํ
๒๑๘. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. เตสํ สุทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เจตสา จิตฺตํ สมนฺเนสติ [สมนฺเวสติ (สฺยา. อฏฺ.)] วิปฺปมุตฺตํ นิรุปธึ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ภควา ราชคเห วิหรติ อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. เตสํ สุทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เจตสา จิตฺตํ สมนฺเนสติ วิปฺปมุตฺตํ นิรุปธึ. ยํนูนาหํ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘นคสฺส ปสฺเส อาสีนํ, มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
‘‘เต ¶ เจตสา อนุปริเยติ [อนุปริเยสติ (สี. สฺยา. กํ.)], โมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก;
จิตฺตํ เนสํ สมนฺเนสํ [สมนฺเวสํ (สฺยา. อฏฺ.)], วิปฺปมุตฺตํ นิรูปธึ.
‘‘เอวํ ¶ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;
อเนกาการสมฺปนฺนํ, ปยิรุปาสนฺติ โคตม’’นฺติ.
๑๑. คคฺคราสุตฺตํ
๒๑๙. เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสกสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสิกาสเตหิ อเนเกหิ จ เทวตาสหสฺเสหิ. ตฺยาสฺสุทํ ภควา อติโรจติ [อติวิโรจติ (ก.)] วณฺเณน เจว ยสสา จ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ¶ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสกสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสิกาสเตหิ อเนเกหิ จ เทวตาสหสฺเสหิ. ตฺยาสฺสุทํ ภควา อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จ. ยํนูนาหํ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาย คาถาย อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาย คาถาย อภิตฺถวิ –
‘‘จนฺโท ¶ ¶ ยถา วิคตวลาหเก นเภ,
วิโรจติ วิคตมโลว ภาณุมา;
เอวมฺปิ องฺคีรส ตฺวํ มหามุนิ,
อติโรจสิ ยสสา สพฺพโลก’’นฺติ.
๑๒. วงฺคีสสุตฺตํ
๒๒๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา วงฺคีโส สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ¶ . เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส อจิรอรหตฺตปฺปตฺโต หุตฺวา [โหติ (สี. สฺยา. กํ.)] วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวที [วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที (สี. ปี.)] ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘กาเวยฺยมตฺตา วิจริมฺห ปุพฺเพ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
อถทฺทสาม สมฺพุทฺธํ, สทฺธา โน อุปปชฺชถ.
‘‘โส เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโย [ขนฺเธ อายตนานิ ธาตุโย (สฺยา. กํ. ปี. ก.)];
ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘พหุนฺนํ วต อตฺถาย, โพธึ อชฺฌคมา มุนิ;
ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ, เย นิยามคตทฺทสา.
‘‘สฺวาคตํ ¶ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธิตํ;
เตวิชฺโช อิทฺธิปตฺโตมฺหิ, เจโตปริยายโกวิโท’’ติ.
วงฺคีสสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
นิกฺขนฺตํ ¶ อรติ เจว, เปสลา อติมฺนา;
อานนฺเทน สุภาสิตา, สาริปุตฺตปวารณา;
ปโรสหสฺสํ โกณฺฑฺโ, โมคฺคลฺลาเนน คคฺครา;
วงฺคีเสน ทฺวาทสาติ.