📜
๑๐. ยกฺขสํยุตฺตํ
๑. อินฺทกสุตฺตํ
๒๓๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ อินฺทกูเฏ ปพฺพเต, อินฺทกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. อถ โข อินฺทโก ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘รูปํ น ชีวนฺติ วทนฺติ พุทฺธา, กถํ นฺวยํ วินฺทติมํ สรีรํ;
กุตสฺส อฏฺียกปิณฺฑเมติ, กถํ นฺวยํ สชฺชติ คพฺภรสฺมิ’’นฺติ.
‘‘ปมํ กลลํ โหติ, กลลา โหติ อพฺพุทํ;
อพฺพุทา ชายเต เปสิ, เปสิ นิพฺพตฺตตี ฆโน;
ฆนา ปสาขา ชายนฺติ, เกสา โลมา นขาปิ จ.
‘‘ยฺจสฺส ภฺุชตี มาตา, อนฺนํ ปานฺจ โภชนํ;
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติ.
๒. สกฺกนามสุตฺตํ
๒๓๖. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. อถ โข สกฺกนามโก ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส ¶ , วิปฺปมุตฺตสฺส เต สโต;
สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยทฺมนุสาสสี’’ติ [ยทฺมนุสาสตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘เยน เกนจิ วณฺเณน, สํวาโส สกฺก ชายติ;
น ตํ อรหติ สปฺปฺโ, มนสา อนุกมฺปิตุํ.
‘‘มนสา เจ ปสนฺเนน, ยทฺมนุสาสติ;
น เตน โหติ สํยุตฺโต, ยานุกมฺปา [สานุกมฺปา (สี. ปี.)] อนุทฺทยา’’ติ.
๓. สูจิโลมสุตฺตํ
๒๓๗. เอกํ ¶ สมยํ ภควา คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. เตน โข ปน สมเยน ขโร จ ยกฺโข สูจิโลโม ¶ จ ยกฺโข ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติ. อถ โข ขโร ยกฺโข สูจิโลมํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส สมโณ’’ติ! ‘‘เนโส สมโณ, สมณโก เอโส’’. ‘‘ยาว ชานามิ ยทิ วา โส สมโณ ยทิ วา ปน โส สมณโก’’ติ.
อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กายํ อุปนาเมสิ. อถ โข ภควา กายํ อปนาเมสิ. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภายสิ มํ สมณา’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ภายามิ; อปิ จ เต สมฺผสฺโส ปาปโก’’ติ. ‘‘ปฺหํ ตํ, สมณ ปุจฺฉิสฺสามิ. สเจ เม น พฺยากริสฺสสิ, จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามิ, ปาเทสุ ¶ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย [ปารํ คงฺคาย (ก.)] ขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย เม จิตฺตํ วา ขิเปยฺย หทยํ วา ผาเลยฺย ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺย; อปิ จ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทา กงฺขสี’’ติ. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ – ( ) [(อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ.) (สี.)]
‘‘ราโค ¶ จ โทโส จ กุโตนิทานา,
อรตี รตี โลมหํโส กุโตชา;
กุโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกา,
กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตี’’ติ.
‘‘ราโค จ โทโส จ อิโตนิทานา,
อรตี รตี โลมหํโส อิโตชา;
อิโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกา,
กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติ.
‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา, นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา;
ปุถู วิสตฺตา กาเมสุ, มาลุวาว วิตตา [วิตฺถตา (สฺยา. กํ.)] วเน.
‘‘เย ¶ ¶ นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ,
เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข;
เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ,
อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติ.
๔. มณิภทฺทสุตฺตํ
๒๓๘. เอกํ ¶ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ มณิมาลิเก เจติเย มณิภทฺทสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. อถ โข มณิภทฺโท ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สตีมโต ¶ สทา ภทฺทํ, สติมา สุขเมธติ;
สตีมโต สุเว เสยฺโย, เวรา จ ปริมุจฺจตี’’ติ.
‘‘สตีมโต สทา ภทฺทํ, สติมา สุขเมธติ;
สตีมโต สุเว เสยฺโย, เวรา น ปริมุจฺจติ.
‘‘ยสฺส สพฺพมโหรตฺตํ [รตฺตึ (สฺยา. กํ. ก.)], อหึสาย รโต มโน;
เมตฺตํ โส สพฺพภูเตสุ, เวรํ ตสฺส น เกนจี’’ติ.
๕. สานุสุตฺตํ
๒๓๙. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตริสฺสา อุปาสิกาย สานุ นาม ปุตฺโต ยกฺเขน คหิโต โหติ. อถ โข สา อุปาสิกา ปริเทวมานา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘จาตุทฺทสึ ¶ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;
น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, อิติ เม อรหตํ สุตํ;
สา ทานิ อชฺช ปสฺสามิ, ยกฺขา กีฬนฺติ สานุนา’’ติ.
‘‘จาตุทฺทสึ ¶ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;
อุโปสถํ ¶ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย.
‘‘น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, สาหุ เต อรหตํ สุตํ;
สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;
มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.
‘‘สเจ ¶ จ [สเจว (สฺยา. กํ. ปี. ก.), ยฺเจว (สี.)] ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;
น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ.
‘‘มตํ วา อมฺม โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
ชีวนฺตํ อมฺม ปสฺสนฺตี, กสฺมา มํ อมฺม โรทสี’’ติ.
‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ;
ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส.
‘‘กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ [กุกฺกุเฬ (สี.)] ปติตุมิจฺฉสิ;
นรกา อุพฺภโต ตาต, นรกํ ปติตุมิจฺฉสิ.
‘‘อภิธาวถ ¶ ภทฺทนฺเต, กสฺส อุชฺฌาปยามเส;
อาทิตฺตา นีหตํ [นิพฺภตํ (สฺยา. กํ. ก.), นิภตํ (ปี. ก.)] ภณฺฑํ, ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสี’’ติ.
๖. ปิยงฺกรสุตฺตํ
๒๔๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา อนุรุทฺโธ สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อนุรุทฺโธ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ธมฺมปทานิ ภาสติ. อถ โข ปิยงฺกรมาตา ยกฺขินี ปุตฺตกํ เอวํ โตเสสิ –
‘‘มา สทฺทํ กริ ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;
อปิ [อปิ (สี.)] จ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา.
‘‘ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;
สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน [สุสีลมตฺตโน (สี. ก.)], อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ.
๗. ปุนพฺพสุสุตฺตํ
๒๔๑. เอกํ ¶ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน ¶ โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา ¶ สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข ปุนพฺพสุมาตา ยกฺขินี ปุตฺตเก เอวํ โตเสสิ –
‘‘ตุณฺหี อุตฺตริเก โหหิ, ตุณฺหี โหหิ ปุนพฺพสุ;
ยาวาหํ พุทฺธเสฏฺสฺส, ธมฺมํ โสสฺสามิ สตฺถุโน.
‘‘นิพฺพานํ ภควา อาห, สพฺพคนฺถปฺปโมจนํ;
อติเวลา จ เม โหติ, อสฺมึ ธมฺเม ปิยายนา.
‘‘ปิโย โลเก สโก ปุตฺโต, ปิโย โลเก สโก ปติ;
ตโต ปิยตรา มยฺหํ, อสฺส ธมฺมสฺส มคฺคนา.
‘‘น หิ ปุตฺโต ปติ วาปิ, ปิโย ทุกฺขา ปโมจเย;
ยถา สทฺธมฺมสฺสวนํ, ทุกฺขา โมเจติ ปาณินํ.
‘‘โลเก ทุกฺขปเรตสฺมึ, ชรามรณสํยุเต;
ชรามรณโมกฺขาย, ยํ ธมฺมํ อภิสมฺพุธํ;
ตํ ธมฺมํ โสตุมิจฺฉามิ, ตุณฺหี โหหิ ปุนพฺพสู’’ติ.
‘‘อมฺมา น พฺยาหริสฺสามิ, ตุณฺหีภูตายมุตฺตรา;
ธมฺมเมว นิสาเมหิ, สทฺธมฺมสฺสวนํ สุขํ;
สทฺธมฺมสฺส อนฺาย, อมฺมา ทุกฺขํ จรามเส.
‘‘เอส ¶ เทวมนุสฺสานํ, สมฺมูฬฺหานํ ปภงฺกโร;
พุทฺโธ อนฺติมสารีโร, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา’’ติ.
‘‘สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม, ปุตฺโต ชาโต อุเรสโย;
ปุตฺโต เม พุทฺธเสฏฺสฺส, ธมฺมํ สุทฺธํ ปิยายติ.
‘‘ปุนพฺพสุ ¶ สุขี โหหิ, อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตา;
ทิฏฺานิ อริยสจฺจานิ, อุตฺตราปิ สุณาตุ เม’’ติ.
๘. สุทตฺตสุตฺตํ
๒๔๒. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ สีตวเน. เตน โข ปน สมเยน อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ราชคหํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อสฺโสสิ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ – ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ. ตาวเทว จ ปน ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ. อถสฺส ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อชฺช ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. สฺเว ทานาหํ กาเลน ภควนฺตํ ทสฺสนาย คมิสฺสามี’’ติ พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชิ. รตฺติยา สุทํ ติกฺขตฺตุํ วุฏฺาสิ ปภาตนฺติ มฺมาโน. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน สิวถิกทฺวารํ [สีวถิกทฺวารํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เตนุปสงฺกมิ. อมนุสฺสา ทฺวารํ วิวรึสุ. อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส นครมฺหา นิกฺขมนฺตสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. อถ โข สิวโก [สีวโก (สี. ปี.)] ยกฺโข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;
สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;
เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘อภิกฺกม ¶ คหปติ, อภิกฺกม คหปติ;
อภิกฺกมนํ เต เสยฺโย, โน ปฏิกฺกมน’’นฺติ.
อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ, อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ทุติยมฺปิ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข สิวโก ยกฺโข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
‘‘สตํ ¶ หตฺถี สตํ อสฺสา…เป…
กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘อภิกฺกม คหปติ, อภิกฺกม คหปติ;
อภิกฺกมนํ เต เสยฺโย, โน ปฏิกฺกมน’’นฺติ.
อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ ¶ , อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ตติยมฺปิ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. ตติยมฺปิ โข สิวโก ยกฺโข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา…เป…
กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘อภิกฺกม คหปติ, อภิกฺกม คหปติ;
อภิกฺกมนํ เต เสยฺโย, โน ปฏิกฺกมน’’นฺติ.
อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ, อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ ¶ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน สีตวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย อพฺโภกาเส จงฺกมติ. อทฺทสา โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ สุทตฺตา’’ติ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ, นาเมน มํ ภควา อาลปตีติ, หฏฺโ อุทคฺโค ตตฺเถว ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควา สุขมสยิตฺถา’’ติ?
‘‘สพฺพทา เว สุขํ เสติ, พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต;
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, สีติภูโต นิรูปธิ.
‘‘สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา, วิเนยฺย หทเย ทรํ;
อุปสนฺโต สุขํ เสติ, สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตสา’’ติ [เจตโสติ (สี.)].
๙. ปมสุกฺกาสุตฺตํ
๒๔๓. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน สุกฺกา ภิกฺขุนี มหติยา ปริสาย ปริวุตา ธมฺมํ เทเสติ. อถ โข สุกฺกาย ภิกฺขุนิยา อภิปฺปสนฺโน ยกฺโข ราชคเห รถิกาย ¶ รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘กึ เม กตา ราชคเห มนุสฺสา, มธุปีตาว เสยเร;
เย สุกฺกํ น ปยิรุปาสนฺติ, เทเสนฺตึ อมตํ ปทํ.
‘‘ตฺจ ปน อปฺปฏิวานียํ, อเสจนกโมชวํ;
ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺา, วลาหกมิว ปนฺถคู’’ติ [วลาหกมิวทฺธคูติ (สี.)].
๑๐. ทุติยสุกฺกาสุตฺตํ
๒๔๔. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน ¶ โข ปน สมเยน อฺตโร อุปาสโก สุกฺกาย ภิกฺขุนิยา โภชนํ อทาสิ. อถ โข สุกฺกาย ภิกฺขุนิยา อภิปฺปสนฺโน ยกฺโข ราชคเห รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปฺุํ วต ปสวิ พหุํ, สปฺปฺโ วตายํ อุปาสโก;
โย สุกฺกาย อทาสิ โภชนํ, สพฺพคนฺเถหิ วิปฺปมุตฺติยา’’ติ [วิปฺปมุตฺตายาติ (สฺยา. กํ.)].
๑๑. จีราสุตฺตํ
๒๔๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร อุปาสโก จีราย [จิราย (ก.)] ภิกฺขุนิยา จีวรํ อทาสิ. อถ ¶ โข จีราย ภิกฺขุนิยา อภิปฺปสนฺโน ยกฺโข ราชคเห รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปฺุํ ¶ วต ปสวิ พหุํ, สปฺปฺโ วตายํ อุปาสโก;
โย จีราย อทาสิ จีวรํ, สพฺพโยเคหิ วิปฺปมุตฺติยา’’ติ [วิปฺปมุตฺตายาติ (สฺยา. กํ.)].
๑๒. อาฬวกสุตฺตํ
๒๔๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. อถ โข อาฬวโก ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิ. ‘‘ปวิส, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิ. ทุติยมฺปิ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิ. ‘‘ปวิส, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิ. ตติยมฺปิ ¶ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิ. ‘‘ปวิส, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิ. จตุตฺถมฺปิ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, นิกฺขมิสฺสามิ. ยํ เต กรณียํ ตํ กโรหี’’ติ. ‘‘ปฺหํ ตํ, สมณ, ปุจฺฉิสฺสามิ. สเจ เม น พฺยากริสฺสสิ, จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามิ, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก ¶ สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, เย เม จิตฺตํ วา ขิเปยฺย หทยํ วา ผาเลยฺย, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺย. อปิ จ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทา กงฺขสี’’ติ [(อถ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ.) (สี.)].
‘‘กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ, กึสุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ;
กึสุ หเว สาทุตรํ รสานํ, กถํชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสฺส เสฏฺํ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ, ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.
‘‘กถํสุ ตรติ โอฆํ, กถํสุ ตรติ อณฺณวํ;
กถํสุ ทุกฺขมจฺเจติ, กถํสุ ปริสุชฺฌตี’’ติ.
‘‘สทฺธาย ¶ ตรติ โอฆํ, อปฺปมาเทน อณฺณวํ;
วีริเยน ทุกฺขมจฺเจติ, ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’ติ.
‘‘กถํสุ ลภเต ปฺํ, กถํสุ วินฺทเต ธนํ;
กถํสุ กิตฺตึ ปปฺโปติ, กถํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติ.
‘‘สทฺทหาโน อรหตํ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;
สุสฺสูสํ ¶ [สุสฺสูสา (สี. ปี.)] ลภเต ปฺํ, อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ.
‘‘ปติรูปการี ¶ ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธนํ;
สจฺเจน ¶ กิตฺตึ ปปฺโปติ, ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;
สจฺจํ ทมฺโม ธิติ จาโค, ส เว เปจฺจ น โสจติ.
‘‘อิงฺฆ อฺเปิ ปุจฺฉสฺสุ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ;
ยทิ สจฺจา ทมฺมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ.
‘‘กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ;
โยหํ [โสหํ (สี.), สฺวาหํ (ก.)] อชฺช ปชานามิ, โย อตฺโถ สมฺปรายิโก.
‘‘อตฺถาย วต เม พุทฺโธ, วาสายาฬวิมาคมา [มาคโต (ปี. ก.)];
โยหํ [โสหํ (สี.)] อชฺช ปชานามิ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.
‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ.
ยกฺขสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อินฺทโก สกฺก สูจิ จ, มณิภทฺโท จ สานุ จ;
ปิยงฺกร ปุนพฺพสุ สุทตฺโต จ, ทฺเว สุกฺกา จีรอาฬวีติ ทฺวาทส.