📜
๔. มารสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ตโปกมฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๓๗. อุรุเวลาย ¶ ¶ สมีเป คาโม อุรุเวลคาโม, ตํ อุรุเวลคามํ อภิมุขภาเวน สมฺมเทว สพฺพธมฺเม พุชฺฌตีติ อภิสมฺโพธิ, สพฺพฺุตฺาณํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธติ วุจฺจติ. ตสฺส ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อาทิโต ปนฺนรส วสฺสานิ ปมโพธิ, อิธ ปน สตฺตาหพฺภนฺตรเมว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อนฺโตสตฺตาหสฺมึ เยวา’’ติ. อสุขภาเวน อฺเหิ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุกฺกรํ กโรตีติ ทุกฺกรกาโร, โส เอว อิตฺถิลิงฺควเสน ทุกฺกรการิกา. ตาย มุตฺโต วตมฺหีติ จินฺเตสิ. ยทิ เอวํ กสฺมา ตํ โลกนาโถ ฉพฺพสฺสานิ สมนุยฺุชติ? กมฺมปีฬิตวเสน. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๙๒-๙๔) –
‘‘อวจาหํ โชติปาโล, สุคตํ กสฺสปํ ตทา;
กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภา.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อจรึ ทุกฺกรํ พหุํ;
ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธิมปาปุณึ.
‘‘นาหํ เอเตน มคฺเคน, ปาปุณึ โพธิมุตฺตมํ;
กุมฺมคฺเคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกมฺเมน วาริโต’’ติ.
มาเรตีติ วิพาเธติ. วิปตฺติอาทิสํโยชนฺหิ สาธูนํ ปรมตฺถโต มรณํ สจฺจปฏิเวธมารณตฺตา, ปาปตรตฺตา ปาปตโมติ ปาปิมา. สา จสฺส ปาปตมตา ปาปวุตฺติตายาติ อาห ‘‘ปาเป ¶ นิยุตฺโต’’ติ. อธิปตีติ กามาธิปติ. อปฺปหีนกามราเค อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ วสวตฺตี. เตสํเยว กุสลกมฺมานํ อนฺตํ กโรตีติ อนฺตโก. วฏฺฏทุกฺขโต อปริมุตฺตปจฺจยตฺตา นมุจิ. มตฺตานํ ปมตฺตานํ พนฺธูติ ปมตฺตพนฺธุ.
ตโปกมฺมาติ ¶ อตฺตกิลมถานุโยคโต. อปรทฺโธติ วิรชฺฌสิ. ‘‘อปราโธ’’ติปิ อตฺถิ, โสเยว อตฺโถ. กายกิลมถํ อนุยฺุชนฺโต เยภุยฺเยน อมรตฺถาย อนุยฺุชติ, โส จ กมฺมวาทีหิ อนุยฺุชิยมาโน เทวตฺถาย สิยาติ อาห ‘‘อมรภาวตฺถายา’’ติ. สพฺพํ ตปนฺติ สพฺพํ อตฺตปริตาปนํ. อตฺถาวหํ น ภวติ โพธิยา อนุปายตฺตา. กิฺจสฺสาติ กิฺจิ สิยาติ อตฺโถ. ผิยาริตฺตํว ธมฺมนีติ ธมฺมํ วุจฺจติ วณฺณุ, โส อิธ ‘‘ธมฺม’’นฺติ วุตฺโต, ธมฺมนิ วณฺณุปเทเสติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อรฺเ’’ติ. อุโภสุ ปสฺเสสุ ผิยาหิ อากฑฺเฒยฺย เจว อริตฺเตหิ อุปฺปีเฬยฺย จ.
สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา คหิตา มคฺคสีลสฺส อธิปฺเปตตฺตา. สมาธิโน หิ คหเณน สมฺมาวายามสติสมาธโย คหิตา อุปการภาวโต. ปฺายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. พุชฺฌติ เอเตนาติ โพโธ. มคฺโคติ อาห ‘‘โพธายาติ มคฺคตฺถายา’’ติ. กถํ ปน มคฺคํ มคฺคตฺถาย ภาเวตีติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. เตน ยถา ยาคุปจนารมฺโภ ยาวเทว ยาคุอตฺโถ, เอวํ มคฺคภาวนารมฺโภ มคฺคาธิคมตฺถายาติ ทสฺเสติ. อารมฺโภติ จ อริยมคฺคภาวนาย พนฺธาปนํ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘มคฺคนฺติ อริยมคฺคํ, โพธายาติ อรหตฺตสมฺโพธาย, เอวฺจ กตฺวา ‘ปตฺโตสฺมิ ปรมสุทฺธิ’นฺติ อิทมฺปิ วจนํ สมตฺถิต’’นฺติ วทนฺติ, อปเร ปน ‘‘สพฺพฺุตฺาณสมฺโพธายาติ. โส หิ สพฺพสฺมาปิ โพธิโต อุตฺตริตโร’’ติ. นิหโต นิพฺพิเสวนภาวํ ปาปิโต. เตนาห ‘‘ปราชิโต’’ติ.
ตโปกมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. หตฺถิราชวณฺณสุตฺตวณฺณนา
๑๓๘. อนฺธภาวการเกติ ปจุรชนสฺส จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺตินิวารเณน อนฺธภาวการเก. มหาตเมติ มหติ ตมสิ. ปาสาณผลเก มหาจีวรํ สีเส เปตฺวาติ เอเตน ตํ ผลกํ อปสฺสาย นิสินฺโนติ ทสฺเสติ ¶ . ปธานนฺติ ภาวนํ. ปริคฺคณฺหมาโนติ สพฺพโส คณฺหนฺโต อวิสฺสชฺเชนฺโต, ภาวนํ อนุยฺุชนฺโต อนุปุพฺพสมาปตฺติโย ผลสมาปตฺติฺจ มนสิกโรนฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ. อริฏฺโกติ อริฏฺกวณฺโณ. เตนาห ‘‘กาฬโก’’ติ.
ทีฆมทฺธานนฺติ ¶ จิรตรํ กาลํ. สํสรนฺติ อาสาทนาธิปฺปาเยน สฺจรนฺโต, อลํ ตุยฺหํ เอเตน นิปฺปโยชนนฺติ อธิปฺปาโย. น หิ เตน มารสฺส กาจิ อตฺถสิทฺธีติ.
หตฺถิราชวณฺณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุภสุตฺตวณฺณนา
๑๓๙. สุสํวุตาติ มคฺคสํวเรน สุฏฺุ สํวุตา. สุปิหิตาติ สุฏฺุ ปิหิตา. วสานุคาติ กายาทิทฺวารวสานุคา วสวตฺติโน น โหนฺติ. พทฺธจราติ ปฏิพทฺธจริยาติ.
สุภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปมมารปาสสุตฺตวณฺณนา
๑๔๐. อุปายมนสิกาเรนาติ อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจาทิโต มนสิกรเณน. อุปายวีริเยนาติ อนุปฺปนฺนากุสลานํ อนุปฺปาทนาย วิธินา ปวตฺตวีริเยน. การณวีริเยนาติ อนุปฺปนฺนานุปฺปาทนาทิอตฺถสฺส การณภูเตน วีริเยน. อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทนาทิอตฺถานิ หิ วีริยานิ ยทตฺถํ โหนฺติ, ตํ อตฺถํ สาเธนฺติเยวาติ เอตสฺส อตฺถสฺส ทีปโก สมฺมา-สทฺโท. โยนิโสสมฺมาสทฺเทน หิ อุปายการณตฺถทีปกตํ สนฺธาย ‘‘อุปายวีริเยน การณวีริเยนา’’ติ วุตฺตํ. อรหตฺตผลวิมุตฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน. มาเรน ‘‘มยฺหํ โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิกํ ภควโต วจนํ สุตฺวา วุตฺตํ ‘‘อรหตฺตํ ปตฺวาปิ น ตุสฺสตี’’ติอาทิ.
กิเลสปาเสนาติ ¶ กิเลสมารสฺส อุปายภูเตน. กิเลสมาโร หิ สตฺเต กามคุณปาเสหิ นิพนฺธติ, น ปน สยเมว. เตนาห ‘‘เย ทิพฺพา กามคุณสงฺขาตา’’ติอาทิ. มารพนฺธเนติ กิเลสมารสฺส พนฺธนฏฺาเน, ภวจารเกติ อตฺโถ. น เม สมณ โมกฺขสีติ อิทํ มาโร ‘‘อนุตฺตรา วิมุตฺติ อนุปฺปตฺตา, วิมุตฺตา สพฺพปาเสหี’’ติ จ ภควโต วจนํ อสทฺทหนฺโต วทติ สทฺทหนฺโตปิ วา ‘‘เอวมยํ ปเรสํ สตฺตานํ โมกฺขาย อุสฺสาหํ น กเรยฺยา’’ติ อตฺตโน โกหฺเ ตฺวา วทติ.
ปมมารปาสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุติยมารปาสสุตฺตวณฺณนา
๑๔๑. อนุปุพฺพคมนจาริกนฺติ ¶ คามนิคมราชธานีสุ อนุกฺกเมน คมนสงฺขาตํ จาริกํ. เอวํ หิ คเตสูติ เอวํ ตุมฺเหสุ พหูสุ เอกชฺฌํ คเตสุ.
อาทิมฺหิ กลฺยาณํ เอตสฺสาติ อาทิกลฺยาณํ, ตถา เสเสสุ. สาสนสฺส อาทิ สีลํ มูลกตฺตา. ตสฺส สมถาทโย มชฺฌํ สาสนสมฺปตฺติยา เวมชฺฌภาวโต. ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ ตทธิคมโต อุตฺตริ กรณียาภาวโต. สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ นาม ปฺาย โหติ, ตสฺสา จ สีลํ สมาธิ จ มูลนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธโย วา อาที’’ติ. ยสฺมา ปฺา อนุโพธปฏิเวธวเสน ทุวิธา, ตสฺมา ตทุภยํ คณฺหนฺโต ‘‘วิปสฺสนามคฺคา มชฺฌ’’นฺติ อาห. ปฺานิปฺผตฺติ ผลกิจฺจํ, นิพฺพานสจฺฉิกิริยา ปน สมฺมาปฏิปตฺติยา ปริโยสานํ ตโต ปรํ กตฺตพฺพาภาวโตติ อาห ‘‘ผลนิพฺพานานิ ปริโยสาน’’นฺติ. ผลคฺคหเณน หิ สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คยฺหติ, อิตเรน อิตรํ, ตทุภยวเสน ปฏิปตฺติยา โอสานนฺติ อาห ‘‘ผลนิพฺพานานิ ปริโยสาน’’นฺติ. ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ, ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) วจนโต สีลทิฏฺุชุกตาย มตฺถกภูตา วิปสฺสนา, ตทธิฏฺานา สีลสมาธีติ อิเม ¶ ตสฺส สาสนสฺส มูลนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา วา อาที’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
กิฺจาปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นตฺถิ, เยสุ ปน อวยเวสุ สมุทายรูเปน อเปกฺขิเตสุ คาถาติ สมฺา, ตํ ตโต ภินฺนํ วิย กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุปฺปทิกคาถาย ตาว ปมปาโท’’ติอาทิมาห. ปฺจปทฉปฺปทานํ คาถานํ อาทิปริโยสานคฺคหเณน อิตเร ทุติยาทโย ตโย จตฺตาโร วา มชฺฌนฺติ อวุตฺตสิทฺธเมวาติ น วุตฺตํ. เอกานุสนฺธิกสุตฺตสฺสาติ อิทํ พหุวิภาคํ ยถานุสนฺธินา เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อิตรสฺส ปน เตเยว เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน อาทิมชฺฌปริโยสานภาคา ลพฺภนฺติ. นิทานนฺติ กาลเทสกปริสาทิ-อปทิสนลกฺขณาทิโก อตฺโถ. อิทมโวจาติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ตทวเสสนิคมนปาฬึ สงฺคณฺหาติ. อเนกานุสนฺธีกสฺส สห นิทาเนน ปโม อนุสนฺธิ อาทิ. สห นิคมเนน ปจฺฉิโม ปริโยสานํ, อิตเรน มชฺฌิมนฺติอาทิมชฺฌปริโยสานานิ เวทิตพฺพานิ.
สาตฺถกนฺติ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถกํ กตฺวา. สพฺยฺชนนฺติ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สมฺปตฺติ จ นาม ปริปุณฺณพฺยฺชนตาติ อาห ‘‘พฺยฺชเนหิ…เป… เทเสตา’’ติ. สกลปริปุณฺณนฺติ ¶ สพฺพโส ปริปุณฺณํ สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา. นิรุปกฺกิเลสํ ทิฏฺิมานาทิอุปกฺกิเลสาภาวโต. อวิเสสโต ติสฺโส สิกฺขา สกเล สาสเน ภวนฺติ. ธมฺโมติ ปน พฺรหฺมจริยํ วา สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กตเมสานํ โข, ภนฺเต, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๘) วิย. ทุกูลสาณิยา ปฏิจฺฉนฺนา วิย, น ตุ ปาการเสลาทิปฏิจฺฉนฺนา วิย. เตน ธมฺมนิรุตฺติยา สกลกิเลสานํ ปหานานุภาวํ วทติ. อลาภปริหานิยา, น ลทฺธปริหานิยา. อฑฺฒุฑฺฒานีติ ปฺจสตาธิกานิ ตีณิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ. สาตนฺติ สุขํ.
ทุติยมารปาสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สปฺปสุตฺตวณฺณนา
๑๔๒. สุราการกานนฺติ ¶ ปิฏฺสุราโยชนกานํ. โกสลานํ อิสฺสโรติ โกสโล, โกสลราชสฺส อยนฺติ โกสลิกา. ปริโภคปาตีติ ภตฺตปริโภชนตฺถาย ปาติ ปริโภคปาติ. กมฺมารุทฺธนปณาฬิยาติ กมฺมารุทฺธนปณาฬิมุเข. ธมมานายาติ ธมิยมานาย. ตํ ปน ยสฺมา ภสฺตวาเตหิ ปูริตํ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘ภสฺตวาเตน ปูริยมานายา’’ติ วุตฺตํ. นิยามภูมิยนฺติ ภควโต ปฏิสลฺลานฏฺาเน สฺจรนฺตํ มารํ มํสจกฺขุนาว ทิสฺวา. เตนาห ‘‘วิชฺชุลตาโลเกนา’’ติ.
เสยฺยตฺถายาติ เสยฺยานิสํสาย. เตนาห ‘‘สฺสามี’’ติอาทิ. อตฺตสฺโตติ อตฺตภาเวน สํยโต. เตนาห ‘‘สํยตตฺตภาโว’’ติ. ตํสณฺิตสฺสาติ ตสฺมึ หตฺถปาทกุกฺกุจฺจรหิเต พุทฺธมุนิสฺมึ อวฏฺิตสฺส. โวสฺสชฺช จเรยฺย ตตฺถ โสติ อิมินา ภควา ตํ พฺยากรมาโน วิภึสิตา พุทฺธานํ กึ กริสฺสติ ภยาภาวโต? เกวลํ ปน อนฏฺวลิกํ อุปฺปีเฬนฺโต วิย ตฺวเมว อายาสํ อาปชฺชิสฺสสีติ มารํ สนฺตชฺเชติ.
เภรวาติ อวีตราคานํ ภยชนกา. ตตฺถาติ ตํนิมิตฺตํ. ผเลยฺยาติ ภิชฺเชยฺย. สตฺติสลฺลนฺติ สตฺติสงฺขาตํ ปุถุสลฺลํ. อุรสฺมึ จารเยยฺยุนฺติ ผาสุํ วิชฺฌิตุํ เปยฺยุํ อุคฺคิเรยฺยุํ. ขนฺธุปธีสูติ ขนฺธสงฺขาเตสุ อุปธีสุ. ตาณํ กโรนฺติ นามาติ ตโต ภยนิมิตฺตโต อตฺตโน ตาณํ กโรนฺติ นาม.
สปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สุปติสุตฺตวณฺณนา
๑๔๓. อุตุคาหาปนตฺถํ ¶ โธวิตฺวา, น รโชชลฺลวิกฺขาลนตฺถํ. เตนาห ‘‘พุทฺธานํ ปนา’’ติอาทิ. โธตปาทเก เคเหติ โธตปาเทหิ อกฺกมิตพฺพเก. วตฺตเภโท นาม นตฺถิ ธมฺมสฺสามิภาวโต. วตฺตสีเส ¶ ตฺวา โธวนฺติ อฺเสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถํ. โสปฺปปริคฺคาหเกนาติ เอตฺถ โสปฺปํ นาม นิทฺทาย อนฺตรนฺตรา ปวตฺตกิริยมยจิตฺตปฺปวตฺติรหิตา นิรนฺตรภวงฺคสนฺตตีติ ตํ สภาวโต ปโยชนโต กาลปริจฺเฉทโต ปริคฺคาหกํ อุปรินิทฺเทสสติสมฺปชฺํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โสปฺปปริคฺคาหเกน สติสมฺปชฺเนา’’ติ. เกจิ ปน ‘‘นิทฺทาโสปฺปนา’’ติ วทนฺติ, ตํ ภควโต โสปฺปํ หีเฬนฺโต วทติ.
กึ นูติ เอตฺถํ กินฺติ เหตุนิสฺสกฺเก ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘กสฺมา นุ สุปสี’’ติ? ทุพฺภโค วุจฺจติ นิสฺสิริโก ภินฺนภโค, โส ปน มตสทิโส วิสฺิสทิโส จ โหตีติ อาห ‘‘มโต วิย วิสฺี วิย จา’’ติ.
อาทินาติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘พาหิรสฺส อุปาทาย อฏฺารสา’’ติอาทินา (วิภ. ๘๔๒) อาคตํ ตณฺหาโกฏฺาสํ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ตตฺถ วิสตฺตตายาติ ตมฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ วิเสสโต อาสตฺตภาเวน. วิสสฺส ทุกฺขนิพฺพตฺตกกมฺมสฺส เหตุภาวโต วิสมูลตา วิสํ วา ทุกฺขทุกฺขาทิภูตเวทนา มูลํ เอตสฺสาติ วิสมูลา, ตณฺหา. ตสฺส รูปาทิกสฺส ทุกฺขสฺส ปริโภโค, น อมตสฺสาติ วิสปริโภคตา. กตฺถจิ เนตุนฺติ กตฺถจิ ภเว สพฺพถา เนตุํ? ปริกฺขยาติ สพฺพโส ขีณตฺตา. ตุยฺหํ กึ เอตฺถาติ สพฺพุปธิปริกฺขยา สุทฺธสฺส มม ปฏิปตฺติยํ ตุยฺหํ กึ อุชฺฌายนํ? เกวลํ วิฆาโตเยว เตติ ทสฺเสติ.
สุปติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา
นนฺทติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปมอายุสุตฺตวณฺณนา
๑๔๕. ปณฺณาสํ ¶ ¶ วา วสฺสานิ ชีวติ วสฺสสตโต อุปริ เสยฺยถาปิ เถโร อนุรุทฺโธ. สฏฺิ วา วสฺสานิ เสยฺยถาปิ เถโร พากุโล. ปฏิหริตฺวา ปจฺจนีกภาเว สาตํ สุขํ เอตสฺสาติ ปจฺจนีกสาโต, ตพฺภาโว ปจฺจนีกสาตตา, ตาย. อภิภวิตฺวา อภาสิ ปฏิวจนํ ชานมาโนว.
น หีเฬยฺย น ชิคุจฺเฉยฺย. เอวนฺติ โส ทารโก วิย กิฺจิ อจินฺเตนฺโต สปฺปุริโส จเรยฺย, เอวํ หิสฺส จิตฺตทุกฺขํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ปชฺชลิตสีโส วิย จเรยฺยาติ ยถา ปชฺชลิตสีโส ปุริโส อฺํ กิฺจิ อกตฺวา ตสฺเสว วูปสมาย วายเมยฺย, เอวํ สปฺปุริโส อายุํ ปริตฺตนฺติ ตฺวา เตเนว นเยน สพฺพสงฺขารคตํ อนิจฺจํ, อนิจฺจตฺตา เอว ทุกฺขํ, อนตฺตาติ วิปสฺสนมฺปิ โอตริตฺวา ตํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโตปิ สงฺขารวิคมาย จเรยฺย ปฏิปชฺเชยฺย.
ปมอายุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทุติยอายุสุตฺตวณฺณนา
๑๔๖. เนมีวาติ เนมิสีเสน จกฺกํ วทติ. กุพฺพรํ อนุปริยายตีติ กุพฺพรํ อนุปริวตฺตติ. ตถาภูโต ปน โส ตํ อชหนฺโตวาติ อาห ‘‘น วิชหตี’’ติ. อายุ อนุปริยายตีติ มจฺจานํ อายุ คตมฺปิ ปจฺจาคจฺฉตีติ ภควโต ปฏาณิ หุตฺวา วทติ, ภควา ปน ตํ อภิภวิตฺวา ‘‘อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา’’ติอาทินา อายุโน อจฺจยคมนมรณตํเยว ปเวเทสิ.
ทุติยอายุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. ปาสาณสุตฺตวณฺณนา
๑๔๗. ปวิชฺฌีติ ¶ ¶ ปพฺพตํ สพฺพโต ปวตฺเตนฺโต ตโต ตโต นิสฺสชฺชิ. สกลนฺติ สพฺพภาควนฺตํ, นิสฺเสสนฺติ อตฺโถ.
ปาสาณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กึนุสีหสุตฺตวณฺณนา
๑๔๘. วิจกฺขุกมฺมายาติ วิจกฺขุภาวกามตาย. ยถา สา ภควโต เทสิยมานํ ธมฺมํ อตฺตโน ปฺาจกฺขุนา น ปสฺสิตุํ สกฺโกติ, เอวํ กาตุํ กามตาย. เตนาห ‘‘ปริสายา’’ติอาทิ. วินาเสตุํ น สกฺโกติ เภรวารมฺมเณ ภายนสฺเสว อภาวโต. ทสพลปฺปตฺตาติ ทสหิ พเลหิ สมนฺนาคตา.
กึนุสีหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สกลิกสุตฺตวณฺณนา
๑๔๙. มนฺทภาเวนาติ ชฬภาเวน โมมูหภาเวนาติ มหามูฬฺหตาย. กพฺพกรเณน มตฺโตติ กพฺพกิริยาปสุตตาทิวเสน มตฺโต กพฺพํ กตฺวา. กิมิทํ โสปฺปเสวาติ อิทํ ตว โสปฺปํ กิมตฺถํ, ปุริเสน นาม ปุริสตฺตกเรน ภวิตพฺพํ, น โสปฺปติเยว. อตฺถํ สมาคนฺตฺวาติ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สมฺมา อาคนฺตฺวา อธิคนฺตฺวา. อสงฺค…เป… นตฺถิ สพฺพโส สิทฺธตฺถภาวโต. ชคฺคนฺโตติ ชาครนฺโต ปุริโส วิย, น ภายามิ ภยเหตูนํ อภาวา. นานุตปนฺติ สพฺพตฺถ สพฺพทาปิ วิสฺสฏฺภาวโต, มามนฺติ มมํ. คาถาสุขตฺถฺหิ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. ิตตฺตาติ อุทฺเทสปริปุจฺฉาย ปริจฺฉิชฺชตฺตา. หานินฺติ กสฺสจิ ชานึ.
สกลิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปติรูปสุตฺตวณฺณนา
๑๕๐. อนุรุชฺฌติ ¶ ¶ เอเตนาติ อนุโรโธ, ราโค. วิรุชฺฌติ เอเตนาติ วิโรโธ, ปฏิโฆ. เตสุ อนุโรธวิโรเธสุ ตนฺนิมิตฺตํ สชฺชติ นาม สงฺคํ กโรติ นาม, อนุโรธวิโรธุปฺปาทนเมว เจตฺถ สชฺชนํ. ยทฺมนุสาสตีติ ยํ อฺเสํ อนุสาสนํ, ตํ เตสํ หิเตสนํ อนุกมฺปนํ, ตสฺมา อนุกมฺปเก หิเตสเก สมฺมาสมฺพุทฺเธ อนุโรธวิโรเธ อาโรเปตฺวา วิกมฺปนตฺถํ มิจฺฉา วทสีติ.
ปติรูปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มานสสุตฺตวณฺณนา
๑๕๑. อากาเส จรนฺเตติ ปฺจาภิฺเ สนฺธาย วทติ. อนฺตลิกฺเข จรนฺเตปิ กิจฺจสาธนโต อนฺตลิกฺขจโร. มนสิ ชาโตติ มานโส. ตํ ปน มนสนฺตานสมฺปยุตฺตตายาติ อาห ‘‘มนสมฺปยุตฺโต’’ติ.
มานสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๕๒. ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ ลกฺขณาทีนิ เจว สมุทยฺจ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ จ คเหตฺวา สมฺมา เตสํ ลกฺขณาทีนํ คหณํ โหตีติ อาห ‘‘ปฺจ อุปาทานกฺขนฺเธ อาทิยิตฺวา’’ติ. รุปฺปนเวทิยนสฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนานิ ขนฺธานํ สภาวลกฺขณานิ. อาทิ-สทฺเทน รสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ เจว สมุทยาทีนิ จ สงฺคณฺหาติ. ทสฺเสตีติ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ, หตฺถามลกํ วิย ปากเฏ วิภูเต กตฺวา วิภาเวติ. คณฺหาเปตีติ เต ธมฺเม มนสา อนุเปกฺขิเต ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺเธ กโรนฺโต อุคฺคณฺหาเปติ. สมาทานมฺหีติ ตตฺถ อตฺถสฺส สมฺมเทว อาทิยเน ขนฺธานฺจ สมฺมสนวเสน อฺธมฺมวเสน สมาทิยเน. ปฏิวิทฺธคุเณนาติ ตาย เทสนาย, ตํ นิสฺสาย ปจฺจตฺตปุริสกาเรน จ เตสํ ปฏิวิทฺธคุเณน ¶ . โชตาเปตีติ เตสํ จิตฺตสนฺตานํ อสฺสทฺธิยาทิกิเลสมลวิธมเนน ปภสฺสรํ กโรติ. อฏฺึ กตฺวาติ ตาย เทสนาย ปาเปตพฺพํ อตฺถํ ปโยชนํ ทฬฺหํ กตฺวา. เตนาห ‘‘อยํ โน’’ติอาทิ. กมฺมการกจิตฺตํ นาม โอตรณจิตฺตํ. ‘‘โยนิโสมนสิการปุพฺพกํ วิปสฺสนาจิตฺต’’นฺติ ¶ เกจิ. โอหิตโสตาติ อนฺวิหิตตาย ธมฺมสฺสวนาย อปฺปิตโสตา, ตโต เอว ตทตฺถํ ปิตโสตา.
เอเต รูปาทโย ขนฺเธ ยฺจ สงฺขตํ สมิทฺธปจฺจเยหิ กตํ, ตฺจ ‘‘เอโส อหํ น โหมิ, เอตํ มยฺหํ น โหตี’’ติ ปสฺสนฺโตติ โยชนา. เขโม อตฺตาติ เขมตฺตา, ตํ เขมตฺตํ. เตนาห ‘‘เขมิภูตํ อตฺตภาว’’นฺติ. ปริเยสมานา มารเสนา.
ปตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ฉผสฺสายตนสุตฺตวณฺณนา
๑๕๓. สฺชายติ เอตสฺมาติ สฺชาติ, โส เอว สมฺปยุตฺตธมฺโม สโมสรติ เอตฺถาติ สโมสรณํ, โส เอว อตฺโถ, เตน สฺชาติสโมสรณฏฺเน. ภยเภรวํ สทฺทนฺติ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, ตเทว ยสฺส กสฺสจิ เภรวาวหตฺตา เภรวํ, เทวาทิสทฺทนฺติ อตฺโถ. วิคตวลาหเก เทเว อุปฺปาตวเสน อุปฺปชฺชนกสทฺโท เทวทุนฺทุภิ. อสนิปาตาทิสทฺโท อสนิปาตสทฺโท. อุนฺทฺรียตีติ วิปริวตฺตติ. โลโก อธิมุจฺฉิโตติ อติถทฺธกาโย วิย มุจฺฉํ อาปนฺโน. มารสฺสาติ กิเลสมารสฺส. านภูตนฺติ ปวตฺติฏฺานภูตํ.
ฉผสฺสายตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปิณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๑๕๔. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ าติมิตฺตกุเล. ปาหุนกานีติ ปหิตพฺพปณฺณาการานิ. อาคนฺตุกปณฺณาการานีติ อาคนฺตุกานํ อุปคตานํ ¶ ทาตพฺพปณฺณาการานิ. สยํจรทิวเสติ กุมารกานฺจ กุมาริกานฺจ สยํ อตฺตนา จริตพฺพฉณทิวเส. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สมวยชาติโคตฺตา’’ติอาทิมาห. สมวยสมชาติกสมโคตฺตาติ ปจฺเจกํ สม-สทฺโท โยเชตพฺโพ. โคตฺตสมตา จ อาวาหวิวาหโยคฺยตาวเสน ทฏฺพฺพา, น เอกโคตฺตตาวเสน. ตโต ตโต คามโต. อฺสฺมึ ทาตพฺเพ อสติ. ฉณวเสน ปหิณิตุํ สมฺปาทิตํ ปูวํ ฉณปูวํ. ตาสํ สมฺปตฺติยาติ ตาสํ ทานํ ธมฺมสฺสวนฺจาติ ตสฺสา ทุวิธายปิ สมฺปตฺติยา.
าณํ นาม อาวชฺชนปุพฺพกํ, ตสฺมา อชานนสฺส ‘‘อนาวชฺชนตายา’’ติ การณํ วตฺวา ¶ เสสการณํ วทนฺโต ‘‘พุทฺธาน’’นฺติอาทิมาห. อุปจารเภทนฺติ พุทฺธํ ทิสฺวา มนุสฺเสหิ กาตพฺพอุปจารสฺส ภินฺทนํ. ภินฺทิตุนฺติ วิธมิตุํ.
ภควา ปนาติ ปนสทฺโท วิเสสตฺถโชตโก. เตน น เกวลํ ภควา อุปฺปณฺฑนํ ปริหรนฺโต ตํ คามํ น ปุน ปาวิสิ, อถ โข มารํ อนุกมฺปนฺโตติ อิทํ วิเสสํ โชเตติ.
ชเนสีติ อปฺุํ ชเนสิ, ชเนนฺโต จ ยถา ตโต อายตึ ถิรตรํ มหนฺตํ ทุกฺขํ นิปฺผชฺชิสฺสติ, เอวํ นิปฺผาเทสิ. อาสชฺชนนฺติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ. กิฺจติ มทฺทติ อภิภวตีติ กิฺจนนฺติ อาห ‘‘มทฺทิตุํ สมตฺถ’’นฺติ.
ปิณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กสฺสกสุตฺตวณฺณนา
๑๕๕. นิพฺพานํ อปทิสิตฺวาติ นิพฺพานํ นิสฺสาย นิพฺพานคุเณ อารพฺภาติ อตฺโถ. หฏหฏเกโสติ อิโต จิโต จ วิกิณฺณตฺตา อากุลากุลเกโส. จกฺขุสมฺผสฺสวิฺาณายตนนฺติ เอตฺถ ยถา จกฺขุคฺคหเณน ผสฺโส วิเสสิโต, เตน เอว วิฺาณายตนํ. ตถา สติ จกฺขุวิฺาณสฺส จ คหณํ อาปชฺเชยฺยาติ. นนุ เจตฺถ จกฺขุคฺคหเณน วิเสสิตตฺตา จกฺขุทฺวาริกานํ สพฺเพสํ วิฺาณานํ คหณนฺติ? สจฺจเมตํ, ตฺจ โข ปเมน จกฺขุคฺคหเณนาติ นายํ โทโส. ภวงฺคจิตฺตนฺติ อาวชฺชนาย อนนฺตรปจฺจยภูตเมว ¶ อธิปฺเปตนฺติ นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สาวชฺชนก’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตทารมฺมณมฺปีติ ชวนจิตฺเตน สห ตทารมฺมณจิตฺตมฺปิ. ‘‘วิฺาณายตน’’นฺติ จ วุตฺเต นิมฺมลเมว.
‘‘จกฺขู’’ติ อวิเสสโต วุตฺตตฺตา ปน มารสฺส อยมฺปิ อตฺโถ อาปนฺโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ โลเก’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปกฺกวิปกฺกนฺติ จกฺขุปากโรเคน อุปริ เหฏฺา จ สพฺพโส ปกฺกํ กุถิตํ. เอเสว นโยติ อิมินา ยํ โลเก กุฏฺกิลาสคณฺฑกจฺฉุอาทีหิ อุปทฺทุตํ วณปีฬกาทิวเสน ปคฺฆรนฺตํ อสุจึ อนฺตมโส ปรมเชคุจฺฉรูปมฺปิ, สพฺพํ ตํ ตเวว โหตูติ เอวมาทึ อปทิสติ.
ยํ ภณฺฑกนฺติ หิรฺสุวณฺณาทิเขตฺตวตฺถาทิอุปกรณํ คหฏฺา, ปพฺพชิตา จ ยํ ปตฺตจีวราทึ ‘‘มม อิท’’นฺติ อภินิวิสนฺตาว วทนฺติ, เอเตสุ ปริคฺคหตฺเถสุ จ เตสํ ปริคฺคาหกปุคฺคเลสุ ¶ จ เต จิตฺตํ ยทิ อตฺถิ, ตานิ อารพฺภ ตว จิตฺตํ ยทิ ภวติ, เอวํ ตฺวํ ตตฺถ พทฺโธ เอว โหสีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ.
ยํ ภณฺฑกํ วทนฺตีติ ยถาวุตฺตํ อุปกรณํ โลเก พหุชนา ‘‘มม อิท’’นฺติ วทนฺติ. น ตํ มยฺหนฺติ ตํ มยฺหํ น โหติ, น ตตฺถ มม ตณฺหาวเสน มมนฺติ นตฺถิ. น เต อหนฺติ เย ปุคฺคลา เอตฺถ พทฺธา, เตปิ อหํ น โหมิ, ตตฺถ เม ทิฏฺิพทฺโธ นตฺถิ. น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ เอวํ สพฺพโส พทฺธาภาเวน มุตฺตสฺส เม คตมคฺคมฺปิ มาร ตฺวํ น ทกฺขสิ น ปสฺสิสฺสสิ, เย ภวาทโย ตุยฺหํ วิสยา, เตสุ ภวโยนิคติอาทีสุ มยฺหํ คตมคฺคํ น ปสฺสิสฺสสิ ภวนิสฺสฏฺตฺตาติ.
กสฺสกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. รชฺชสุตฺตวณฺณนา
๑๕๖. อหนนฺติ กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อหนนฺเตนา’’ติ, ปจฺจตฺเต เอว วา ปจฺจตฺตวจนํ, ‘‘อหนนฺโต หุตฺวา’’ติ วจนเสเสน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อชินนฺติ อนฺโตคธเหตุอตฺถํ ¶ วทตีติ อาห ‘‘ปรสฺส ธนชานึ อกโรนฺเตนา’’ติ. อการาเปนฺเตนาติ ปรสฺส ธนชานึ อกาเรนฺเตน. อโสจนฺเตนาติ โภคพฺยสนาทิวเสน ปรํ อโสจนฺเตน. กสฺมา ภควา เอวํ จินฺเตสีติ ตตฺถ การณมาห ‘‘อิตี’’ติอาทินา. รชฺเช วิชิเต ทณฺฑกรปีฬิเตติ ธนทณฺฑาทิทณฺเฑน เจว พลินา จ พาธิเต.
อิชฺฌนกโกฏฺาสาติ เจโตวสิภาวาทิกสฺส สาธนกโกฏฺาสา. วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน อนุพฺรูหิตา. ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตา. ยุตฺตยานนฺติ ยถา ยุตฺตานํ อาชฺรถานํ สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิปวตฺติตํ คมิตา. ปติฏฺฏฺเนาติ อธิฏฺานฏฺเน. วตฺถุกตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสโสธเนน อิทฺธิวิสยตาย ปติฏฺานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตา. อวิชหิตาติ ปฏิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฏฺานโยคฺยตาย น ชหาปิตา. นิจฺจานุพทฺธาติ ตโต เอว นิจฺจํ อนุพทฺธา วิย กตา. สุปริจิตาติ สุฏฺุ สพฺพภาเคน ภาวนานุปจยํ คมิตา. อวิราธิตเวธิหตฺโถ วิยาติ อวิรชฺฌนภาเวน วิรชฺฌนหตฺโถ วิย. สุฏฺุ สมารทฺธาติ ภาวนาอุปฺปตฺติยา สมฺมเทว สมฺปาทิตา. จินฺเตยฺยาติ อตฺถุทฺธารวเสน จินฺเตยฺย.
ปพฺพตสฺสาติ ¶ ปพฺพโต อสฺส. ปพฺพโต อสฺสาติ ปพฺพโต ภเวยฺย กีทิสสฺสาติ อาห ‘‘สุวณฺณสฺสา’’ติอาทิ. ชาตรูปสฺสาติ อาตปรูปสมฺปนฺนสฺส. ทฺวิกฺขตฺตุมฺปิ ตาว มหนฺโตติ ยตฺตโก โส ปพฺพโต โหติ, ทฺวิกฺขตฺตุํ ตตฺตโก. เอกสฺสาติ เอกสฺสปิ ปุคฺคลสฺส นาลํ น ปริยตฺโต ตณฺหาย ทุปฺปูรณภาวา. เอวํ ชานนฺโตติ เอวํ ตณฺหาย ทุปฺปูรณภาวาทีนวตํ ชานนฺโต. สมํ จเรยฺยาติ ปรวตฺถุปรามาสาทึ วิหาย กายาทีหิ สมเมว ปฏิปชฺเชยฺย.
ทุกฺขํ ตณฺหานิทานํ, ตณฺหา กามคุณนิทานา, ตสฺมา ทุกฺขสฺส ตณฺหาปจฺจยกามคุณนิทานตฺตํ วุตฺตํ. ตนฺติ ทุกฺขํ. ยโตนิทานํ โหตีติ ยํนิทานํ ยํการณํ ตํ ปวตฺตติ. เอวํ โย อทกฺขีติ โย ปริฺาตวตฺถุโก เอวํ ทุกฺขํ ตสฺส นิทานภูเต กามคุเณ จ ตถโต ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิ. เกน การเณน นเมยฺย? ตํ การณํ นตฺถีติ อตฺโถ. กามคุณอุปธินฺติ กามคุณสงฺขาตํ อุปธึ. สชฺชติ เอตฺถาติ สงฺโค เอโส, ลคฺคนเมตนฺติ เอวํ ¶ วิทิตฺวา. ตเมว กามาภิภูโต นปฺปฏิเสเวยฺย น ลคฺเคยฺยาติ เอวํ วินยาย วูปสมาย สิกฺเขยฺยาติ.
รชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺโค
๑. สมฺพหุลสุตฺตวณฺณนา
๑๕๗. ชฏาจุมฺพฏเกนาติ สีเส ปฏิมุกฺเกน ชฏากลาเปน. อปริคฺคหพฺราหฺมณปพฺพชิตา หิ ชฏาย อฺุฉาจริยํ จรนฺติ. อุทุมฺพรทณฺฑฺหิ อตฺตคุตฺตตฺถาย คหิตํ เตสํ อปฺปิจฺฉภาวปฺปกาสนํ. เตนาห ‘‘อปฺปิจฺฉภาวปฺปกาสนตฺถ’’นฺติ. สีสํ โอกมฺเปตฺวาติ เอตฺถ อติวิย สีสสฺส โอกมฺปิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘หนุเกน อุรํ ปหรนฺโต อโธนตํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ชิวฺหํ นีหริตฺวาติ ลมฺพนจาลนวเสน มุขโต นิกฺขาเมตฺวา. เตนาห ‘‘อุทฺธ’’นฺติอาทิ. ติสาขนฺติ ติภงฺคภกุฏิ วิย นลาเฏ ชาตตฺตา นลาฏิกํ. เตนาห ‘‘นลาเฏ อุฏฺิตํ วลิตฺตย’’นฺติ, ติภงฺควลิกํ นลาเฏ กตฺวาติ อตฺโถ. อตฺตโนว เตเลติ อตฺตโนว ปาปกมฺมนิพฺพตฺตเก เตเล, ปจิตพฺพฏฺานเคเหติ อธิปฺปาโย.
สมฺพหุลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา
๑๕๘. มยฺหํ ¶ ลาภาติ เอวรูปสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สตฺถุสฺส ปฏิลาโภ, เอวรูปสฺส จ นาม นิยฺยานิกสฺส สทฺธมฺมสฺส ปฏิลาโภ, เอวรูปานฺจ สุปฺปฏิปนฺนานํ สพฺรหฺมจารีนํ ปฏิลาโภ, เอเต มยฺหํ สุลทฺธลาภา. มยฺหํ สุลทฺธนฺติ ยฺเจตํ มม นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา, ตสฺมิฺจ อภิรตีติ สพฺพฺเจตํ มยา สุลทฺธํ. ยถา ปนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุปฺปนฺโน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จริตานุรูปวเสน ¶ คหิตํ มูลกมฺมฏฺานํ. ปาสาทิกนฺติ ปสาทาวหํ. เอวมโหสีติ ‘‘ลาภา วต เม’’ติอาทินา เอวํ ปริวิตกฺโก อโหสิ. นิสินฺนสทิโสติ นิสินฺโน วิย. ตสฺมึเยว าเนติ ยสฺมึ าเน นิสินฺนํ มาโร อุปสงฺกมิ, ตสฺมึเยว าเน. ตสฺสาติ สมิทฺธิตฺเถรสฺส. กมฺมฏฺานํ สปฺปายนฺติ กมฺมฏฺานภาวนาย อนุยฺุชนํ สปฺปายํ อุปการาวหํ ภวิสฺสติ.
มยฺหนฺติ มยา. สติ จ ปฺา จ สติปฺา, ตา อริยมคฺเคน ชานนสมตฺถนภาเวน อวพุทฺธา. เถโร กิร ตทา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปสิ. กามนฺติ ยถารุจิ. เกจิ ‘‘กามํ กรสฺสูติ อายสฺมโต ‘กามา’ติ มารสฺส อาลปน’’นฺติ วทนฺติ. วิภึสการหานีติ ภยานการหานิ. รูปานีติ วิปฺปการานิ. วิปฺปการตฺโถปิ หิ รูปสทฺโท ‘‘รูปํ ทสฺเสติ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ วิย. น กมฺเปสฺสสีติ สมณธมฺมกรณโต น จลิสฺสสิ.
สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โคธิกสุตฺตวณฺณนา
๑๕๙. ปพฺพตสฺส ปสฺเสติ ปพฺพตปาเท อุปจฺจกายํ. สมเย สมเย ลทฺธตฺตา สามยิกํ. เตนาห ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจตี’’ติ. โลกิยวิมุตฺติ หิ อนจฺจนฺตปหายิตาย สมยวิมุตฺติ นาม, โลกุตฺตรวิมุตฺติ อจฺจนฺตปหายิตาย อสมยวิมุตฺติ. ตาหิ สมนฺนาคตา ‘‘สมยวิมุตฺตา, อสมยวิมุตฺตา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. ยาว ปมชฺฌานนิพฺพตฺตนํ, ตาว กสฺมา ปริหายีติ อตฺโถ? สาพาธตฺตาติ สโรคตฺตา. วาตปิตฺตเสมฺหวเสนาติ กทาจิ วาตปิตฺตวเสน, กทาจิ วาตเสมฺหวเสน, อุภินฺนมฺปิ สนฺนิปาตวเสน. อนุสายิโกติ กายํ อนุคนฺตฺวา สยิโต, ยาปฺยามยภาเวน ิโตติ อตฺโถ. สมาธิสฺสาติ สมาธิภาวนาย. อุปการกธมฺเม อุตุโภชนาทิเก. ปูเรตุนฺติ สโมธาเนตุํ. ปริหายีติ สรีรสฺส อกลฺลภาวโต.
อาหเรยฺยนฺติ ¶ ¶ ชีวิตหรณตฺถาย อุปเนยฺยํ. นิพทฺธา คติ โหติ เกวลํ พฺรหฺมโลกูปปตฺติโต, น โสตาปนฺนาทีนํ วิย ปริจฺฉินฺนภาเวน. เตนาห ‘‘พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตตี’’ติ.
ชลมานาติ สมุฏฺิตนิยตอิทฺธิยา อนฺสาธารณปริวารสมฺปตฺติยา จ สเทวเก โลเก ชลมานา. มํสจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ ปฺาจกฺขุ สมนฺตจกฺขูติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. อานุภาวธราติ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยพุทฺธานุภาวสมฺปนฺนา. อานุภาวปริยาโยปิ หิ ชุติ-สทฺโท โหติ ‘‘อิทฺธิชุติพลวีริยูปปตฺตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๕๘๙, ๑๕๙๕) วิย. อนวเสสโต มานํ สิยติ สมุจฺฉินฺทตีติ อคฺคมคฺโค มานสํ. ตนฺนิพฺพตฺตนา ปน อรหตฺตสฺส มานสตา ทฏฺพฺพา. สีลาทีนีติ อนุตฺตรสีลาทีนิ. สิกฺขมาโนติ สิกฺขานิ ภาเวนฺโต อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทนฺโต. น จิตฺตภาวนา. เตนาห ‘‘สกรณีโย’’ติ. ชเนติ สตฺตสฺส กาเย, สเทวเก โลเกติ อตฺโถ. วิสฺสุตาติ อนฺสาธารเณหิ สีลาทิคุเณหิ วิสฺสุตา.
เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขเวทนํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนอตฺตกิลมถํ อนุปฺปาทนวเสน วิกฺขมฺเภตฺวา ตํเยว เวทนํ ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตวิปสฺสนา วีถิเมว โอตรตีติ กตฺวา มูลกมฺมฏฺานนฺติ วุตฺตํ. ‘‘สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายี’’ติ วตฺวา ตสฺส ปเภทํ วิภชิตฺวา อิธาธิปฺเปตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมสีสี นาม ติวิโธ โหตี’’ติอาทิมาห. อิริยาปถวเสน สมสีสี อิริยาปถสมสีสี. เอส นโย เสสทฺวเยปิ.
อิริยาปถโกปนฺจาติ อิริยาปเถหิ อสมาโยโค. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกเวลายเมว. ปรินิพฺพานวเสนาติ อนุปาทิเสสปรินิพฺพานวเสน, น กิเลสกฺขยมตฺเตน. เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ นเยสุ. เอวํ สติ เตเนว อิริยาปเถน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา เตเนว อิริยาปเถน, เอกสฺมึ อนฺโตโรเคเยว วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เตเนว โรเคน ปรินิพฺพายนฺตา ขีณาสวา พหโวปิ สมสีสิโน เอว สมฺภเวยฺยุํ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สีสฺเจตฺถ ¶ เตรส – ปลิโพธสีสํ ตณฺหา, พนฺธนสีสํ มาโน, ปรามาสสีสํ ทิฏฺิ, วิกฺเขปสีสํ อุทฺธจฺจํ, กิเลสสีสํ อวิชฺชา, อธิโมกฺขสีสํ สทฺธา, ปคฺคหสีสํ วีริยํ, อุปฏฺานสีสํ สติ, อวิกฺเขปสีสํ สมาธิ, ทสฺสนสีสํ ปฺา, ปวตฺติสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ, โคจรสีสํ วิโมกฺโข, สงฺขารสีสํ นิโรโธติ. อิเมสุ เตรสสุ สีเสสุ ปลิโพธสีสาทีนิ ปวตฺติสีสฺจ ปริยาทิยิตพฺพานิ, อธิโมกฺขสีสาทีนิ ปริยาทายกานิ, ปริยาทายกผลํ โคจรสีสํ. ตฺหิ วิสยชฺฌตฺตํ ผลํ วิโมกฺโข, ปริยาทายกสฺส มคฺคสฺส ผลสฺส จ อารมฺมณํ ¶ สงฺขารสีสํ สงฺขารวิเวกภูโต นิโรโธติ ปริยาทิยิตพฺพานํ ปริยาทายกผลารมฺมณานํ สห วิย สํสิทฺธํ ทสฺสเนน สมสีสิภาวํ ทสฺเสตุํ ปฏิสมฺภิทายํ เตรส สีสานิ วุตฺตานิ. อิธ ปน ‘‘อปุพฺพํ อจริมํ อาสวปริยาทานฺจ โหติ ชีวิตปริยาทานฺจา’’ติ (ปุ. ป. ๑๖) วจนโต เตสุ กิเลสปวตฺตสีสานเมว วเสน โยชนํ กโรนฺโต ‘‘เอตฺถ จ ปวตฺติสีส’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ ปวตฺติสีสํ ปวตฺตโต วุฏฺหนฺโต มคฺโค จุติโต อุทฺธํ อปฺปวตฺติกรณวเสน ยทิปิ ปริยาทียติ, ยาว ปน จุติ, ตาว ปวตฺติสพฺภาวโต ‘‘ปวตฺติสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติจิตฺตํ เขเปตี’’ติ อาห. กิเลสปริยาทาเนน ปน มคฺคจิตฺเตน อตฺตโน อนนฺตรํ วิย นิปฺผาเทตพฺพา ปจฺจเวกฺขณวารา จ กิเลสปริยาทานสฺเสว วาราติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๘; สํ. นิ. ๓.๑๒) วจนโต ปจฺจเวกฺขณปริสมาปเนน กิเลสปริยาทานํ สมาปิตํ นาม โหติ, ตํ ปน ปริสมาปนํ ยทิ จุติจิตฺเตน โหติ, เตเนว ชีวิตปริสมาปนฺจ โหตีติ อิมาย วารจุติสมตาย กิเลสปริยาทานชีวิตปริยาทานานํ อปุพฺพาจริมตา เวทิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ เอกโต อุปฺปาโท นตฺถี’’ติอาทิมาห. ทฺวินฺนํ จิตฺตานนฺติ จุติจิตฺตมคฺคจิตฺตานํ. ตนฺติ ปจฺจเวกฺขณํ ปริปุณฺณชวนจิตฺตานํ สตฺตกฺขตฺตุํ ปวตฺติยา, อปริปุณฺณานํ วา ปฺจกฺขตฺตุํ ปวตฺติยา. กิฺจาปิ ‘‘เอโก วา ทฺเว วา’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘เอกํ วา ทฺเว วา ตทารมฺมณจิตฺตานี’’ติ, เหฏฺิมนฺเตน ปน ทฺเว ปวตฺตนฺติ.
อุปฺปาเฏตฺวาติ ¶ อุทฺธริตฺวาติ อตฺโถ. อนุปาทิเสเสนาติ อนุปาทิเสสนิพฺพาเนน.
ธูมายิตตฺตนฺติ ธูมสฺส วิย อยิตภาวํ ปวตฺติอาการํ. ธูมสทิสา วลาหกา ธูมวลาหกา, ติมิรวลาหกา, เย มหิกา ‘‘ติมิร’’นฺติ วุจฺจนฺติ. อปฺปติฏฺิเตนาติ ปติฏฺํ อลภนฺเตน. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เอตํ กรณวจนํ, อนุปฺปตฺติธมฺเมนาติ อตฺโถ. สติ หิ อุปฺปาเท ปติฏฺิตํ นาม สิยา, อฏฺกถายํ ปน ยเทว ตสฺส วิฺาณสฺส อปฺปติฏฺานการณํ, ตเทว ปรินิพฺพานการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปติฏฺิตการณา’’ติ.
โสเกน ผุฏฺสฺสาติ ‘‘อผโล วต เม วายาโม ชาโต’’ติ โสเกน อภิภูตสฺส. อภสฺสถาติ พลวโสกาภิตุนฺนสฺส สติสมฺโมสา สิถิลํ คหิตา ภสฺสิ ปติตา สา กจฺฉา.
โคธิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๖๐. ยสฺมา ¶ กปิลวตฺถุโต นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย มาโร โอตาราเปกฺโข โลกนาถํ อนุพนฺธิตุํ อารทฺโธ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปุเร โพธิยา ฉพฺพสฺสานี’’ติ. อติคเหตฺวาติ อนุคนฺตฺวา ตสฺส ยถารุจิ ปฏิปตฺตึ อนุวตฺโต วิย หุตฺวา.
อวชฺฌายนฺโตติ ปชฺฌายนฺโต. ชิโต วิตฺตปราชิโต อสิ นุ. ปมาณาติกฺกนฺตนฺติ ครุตรํ.
ขนิตฺวา อุมฺมูเลตฺวา. กามาสวาทีนิ ปชหนฺโต อนาสโว.
เปหีติ อเปหิ. ปารคามิโนติ ปารงฺคมนสีลา. เตกาลิโก อยํ คามิ-สทฺโทติ อาห ‘‘เยปี’’ติอาทิ.
มารวิสูกานีติ มารกณฺฏกานิ กณฺฏกสทิสานิ มารสฺส ทุราจารานิ. วิรุทฺธเสวิตานิ วิโรธวเสน ตาสํเยว เววจนานิ. ตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปมายู’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิพฺเพชนียาติ นิพฺเพททายิกา. อุกฺกณฺนียาติ อุกฺกณฺวหา.
วิกปฺปวเสน ¶ เวทิตพฺโพ โอปมฺมปริกปฺปวิสยตฺตา ตสฺส กิริยาปทสฺส. เตนาห ‘‘อนุปริคจฺเฉยฺยา’’ติ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ เมทวณฺณวตฺถุสฺมึ. มุทุนฺติ มุทุมธุรสํ วินฺเทยฺยาม ปฏิลเภยฺยาม. อสฺสาโทติ อสฺสาเทตพฺโพ.
สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มารธีตุสุตฺตวณฺณนา
๑๖๑. จินฺเตสีติ โสกวสิโก หุตฺวา จินฺตยิ. คณิการหตฺถินิโยติ ทีปกกเรณุโย. เอกสตํ เอกสตนฺติ เอกสตํ เอกสตํ ปจฺเจกํ สตํ สตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เอเกกํ สตํ สตํ กตฺวา’’ติ. กุมาริวณฺณสตนฺติ กุมาริตฺถีนํ อตฺตภาวานํ สตํ. ตา กิร ปมํ กฺารูเปน อตฺตานํ ทสฺเสสุํ. อนุปคตปุปฺผานฺหิ สมฺา กฺาติ. ปุน ยถาวุตฺตกุมาริรูเปน อุปคตปุปฺผา หิ กุมารี. ปุน วธุการูเปน. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อวิชาตวณฺณสต’’นฺติ ¶ . ตติยวาเร ยุวติรูเปน. วิชาตา หิ อิตฺถี อนติกฺกนฺตมชฺฌิมวยา ยุวตี. เอตฺตาวตา พาลา ตรุณี โปรีติ ติวิธาสุ อิตฺถีสุ ปุริมา ทฺเว ทสฺสิตา, ปริโยสานวาเรสุ มนุสฺสชาติกานํ มนุสฺสิตฺถิโยว รุจฺจนฺตีติ เตน มนุสฺสรูเปน ตา อตฺตานํ ทสฺเสสุํ.
อตฺถสฺส ปตฺตินฺติ เอกนฺตโต หิตานุปฺปตฺตึ. หทยสฺส สนฺตินฺติ ปรมจิตฺตุปสมํ. กิเลสเสนนฺติ กามคุณสงฺขาตํ ปมํ กิเลสเสนํ. สา หิ กิเลสเสนา อจฺฉราสงฺฆาตสภาวาปิ ปฏิปตฺถยมานา ปิยายิตพฺพอิจฺฉิตพฺพรูปภาวโต ปิยรูปสาตรูปา นาม อตฺตโน กิจฺจวเสน. เอโก อหํ ฌายนฺโตติ คณสงฺคณิกาย กิเลสสงฺคณิกาย จ อภาวโต เอโก อสหาโย อหํ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน นิชฺฌายนฺโต. อนุพุชฺฌินฺติ อนุกฺกเมน มคฺคปฏิปาฏิยา พุชฺฌึ ปฏิพุชฺฌึ. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตวิเวกสุขสมธิคมนิมิตฺตํ. อกรเณนาติ มิตฺตสนฺถวสฺส อกรเณน. สกฺขีติ สกฺขิภาโว.
กตเมน ¶ วิหาเรนาติ ฌานสมาปตฺตีนํ กตเมน วิหาเรน. อิธ ทุติยปทสฺส อตฺโถ วิสฺสชฺชนคาถาวณฺณนายเมว อาวิ ภวิสฺสติ. อนามนฺเตน ‘‘ตํ ปุคฺคล’’นฺติ สมฺมุขา ิตมฺปิ ภควนฺตํ อสมฺมุขา วิย กตฺวา วทติ, กถํ ตฺวนฺติ อตฺโถ.
‘‘อวิตกฺกฌายี’’ติ วกฺขมานตฺตา อยเมเวตฺถ กายปสฺสทฺธิ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน อสฺสาสปสฺสาสกายสฺส ปสฺสทฺธตฺตา ปสฺสทฺธกาโย’’ติ. ปฺุาภิสงฺขาราทิเก กมฺมาภิสงฺขาเร. กามาลยาทีนํ อภาวโต อนาลโย. น สรตีติ น สวติ. ราควเสน หิ สตฺตา สํสารมนุสวนฺติ. น ถิโนติ น ถินมิทฺธจิตฺโต. โมหวเสน หิ สตฺตา ถินมิทฺธํ อาปชฺชนฺตีติ. ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสนฺติ ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺเค (วิภ. ๘๔๒, ๙๗๖) อาคเตสุ อฏฺสุ กิเลสสเตสุ อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ อปเนตฺวา เสสา ปฺาสาธิกํ สตํ กิเลสา, เต พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๓๑) อาคตาหิ ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีหิ สห ปฺจปฺาสาธิกํ สตฺตสตํ โหติ; ตา จ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนภาเวน ทิคุณิตา ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ ทสาธิกํ โหติ; ตํ อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนุปคํ น โหตีติ ‘‘ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺส’’นฺติ วุตฺตํ. อิตเรสํ อตีตาทิภาวามสนโต อคฺคหณํ ปหานสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน อภิธมฺมฏีกายํ (ธ. ส. อนุฏี. นิทานกถาวณฺณนา) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. ปมปเทนาติ ‘‘น กุปฺปตี’’ติ อิมินา ปเทน. ทุติเยนาติ ‘‘น สรตี’’ติ ปเทน. ตติเยนาติ ¶ ‘‘น ถิโน’’ติ ปเทน. นีวรณปฺปหาเนน ขีณาสวตํ ทสฺเสติ, อนวเสสโต นีวรณานํ อจฺจนฺตปฺปหานํ อธิปฺเปตํ.
ปฺจทฺวาริกกิเลโสฆํ ติณฺโณติ ฉนฺนํ ทฺวารานํ วเสน ปวตฺตนกิเลโสฆํ ตริตฺวา ิโต. กาโมฆทิฏฺโฆภโวฆฏฺกิเลสภาวโต ‘‘ปฺโจฆคฺคหเณน วา ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เวทิตพฺพานี’’ติ อาห. รูปราคาทโย วิเสสโต น ปฺจทฺวาริกาติ วุตฺตํ ‘‘ฉฏฺคฺคหเณน ปฺจุทฺธมฺภาคิยานิ เวทิตพฺพานี’’ติ.
มจฺจุราชสฺสาติ สมฺพนฺเธ สามิวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มจฺจุราชสฺส หตฺถโต’’ติ อาห. นยมานานนฺติ อนาทเร สามิวจนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘นยมาเนสู’’ติ.
อูหจฺจาติ ¶ พุทฺธํ นิสฺสาย. ‘‘อิทมโวจา’’ติ เทสนํ นิฏฺาเปตฺวาติ เอเตน สํยุตฺเตสุ อยํ นิคมนปาฬิ, เหฏฺา อนาคตนยตฺตา ปน เกสุจิ โปตฺถเกสุ น ลิขียตีติ ทสฺเสติ. ททฺทลฺลมานาติ ชชฺชการสฺส หิ ททฺทการํ กตฺวา นิทฺเทโส. เตนาห ‘‘อติวิย ชลมานา’’ติ. นีหรีติ ตาสํ กายวจีวิการํ น มนสิกโรนฺโต ติณายปิ อมฺมาโนว อนเปกฺเขเนว นีหริ. ผลโต ภฏฺนฺติ ผลสิปาฏิกโต ภฏฺํ. กุณฺฑติณาทิคจฺฉตูลํ โปฏกิตูลํ.
มารธีตุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
มารสํยุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.