📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
สํยุตฺตนิกาเย
นิทานวคฺค-อฏฺกถา
๑. นิทานสํยุตฺตํ
๑. พุทฺธวคฺโค
๑. ปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา
๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ – นิทานวคฺเค ปมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา – ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติ, เอตฺถ ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ‘‘ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย, ยสฺมิฺจ เชตวเน วิหรติ, ตตฺร เชตวเน’’ติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส กาเล จ ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล ¶ โข ตาว พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต, อวธารเณ อาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํ. อปิเจตฺถ ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌูปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕; วิภ. ๕๑๐) นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อามนฺเตสีติ อาลปิ, อภาสิ, สมฺโพเธสิ, อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห – ‘‘อามนฺตยามิ ¶ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติ. ปกฺโกสเนปิ. ยถาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑). ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาคุณยุตฺโตปิ ¶ หิ ภิกฺขุ, ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุตฺโตปิ ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุตฺโตปีติ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เตน จ เตสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตวุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน อภิมุเข กโรนฺโต เตเนว กเถตุกมฺยตาทีปเกน เนสํ วจเนน โสตุกมฺยตํ ชเนติ, เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน สาธุกํ มนสิกาเรปิ นิโยเชติ. สาธุกํ มนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว อามนฺเตสีติ เจ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา, ปริสาย เชฏฺา ภิกฺขู ปมํ อุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ, อาสนฺนา ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา, สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติ. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโต. วิเสสโต จ เอกจฺเจ ภิกฺขูเยว สนฺธาย อยํ เทสนาปีติ เอวํ อามนฺเตสิ.
กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ, น ธมฺมเมว เทเสสีติ? สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู อฺํ จินฺเตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ. เต อนามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กึนิทานา กึปจฺจยา กตมาย อฏฺุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คณฺเหยฺยุํ, น วา คณฺเหยฺยุํ, เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปมํ อามนฺเตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ.
ภทนฺเตติ ¶ ¶ คารววจนเมตํ, สตฺถุโน ปฏิวจนทานํ วา. อปิเจตฺถ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วทมาโน ภควา ภิกฺขู อาลปติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติ. ตถา หิ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ภควา อาภาสติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ ¶ ปจฺจาภาสนฺติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ปฏิวจนํ ทาเปติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ, เต. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปติอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสุ ปฏิคฺคเหสุนฺติ อตฺโถ. ภควา เอตทโวจาติ, ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ อโวจ. เอตฺตาวตา ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสปฺปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตา.
อิทานิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ โวติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจาเรสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา – อตฺตชฺฌาสโย, ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวสิโก, อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ, เสยฺยถิทํ – ทสพลสุตฺตนฺตหารโก จนฺโทปม-วีโณปม-สมฺมปฺปธาน-อิทฺธิปาท-อินฺทฺริยพล-โพชฺฌงฺคมคฺคงฺค-สุตฺตนฺตหารโกติ เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา. ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตรึ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑; ม. นิ. ๓.๔๑๖) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ นิชฺฌานกฺขมํ มนํ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ อเปกฺขิตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ ¶ – จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ, มหาราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, อนตฺตลกฺขณสุตฺตํ, อาสีวิโสปมสุตฺตํ, ธาตุวิภงฺคสุตฺตนฺติ, เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา จตสฺโส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา นาคา สุปณฺณา คนฺธพฺพา อสุรา ยกฺขา มหาราชาโน ตาวตึสาทโย เทวา มหาพฺรหฺมาติ เอวมาทโย ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคาติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ – (สํ. นิ. ๕.๒๐๒) นีวรณา นีวรณาติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ ¶ – อิเม นุ โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) นเยน ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ ¶ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ, ยานิ วา ปนฺานิปิ เทวตาสํยุตฺต, มารสํยุตฺต, พฺรหฺมสํยุตฺต, สกฺกปฺห, จูฬเวทลฺล, มหาเวทลฺล, สามฺผลอาฬวก, สูจิโลม, ขรโลมสุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ธมฺมทายาทํ. จูฬสีหนาทสุตฺตํ ปุตฺตมํสูปมํ ทารุกฺขนฺธูปมํ อคฺคิกฺขนฺธูปมํ เผณปิณฺฑูปมํ ปาริจฺฉตฺตกูปมนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.
เอวเมเตสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ปรปุคฺคลชฺฌาสยวเสน หิทํ ภควตา นิกฺขิตฺตํ. กตเมสํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสนาติ? อุคฺฆฏิตฺูนํ. จตฺตาโร หิ ปุคฺคลา อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ. ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺเถ ¶ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต, กลฺยาณมิตฺเต เสวโต, ภชโต, ปยิรุปาสโต, อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต, พหุมฺปิ ธารยโต, พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม. อิติ อิเมสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ อุคฺฆฏิตฺูปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน อิทํ สุตฺตํ นิกฺขิตฺตํ.
ตทา กิร ปฺจสตา ชนปทวาสิกา ภิกฺขู สพฺเพว เอกจรา ทฺวิจรา ติจรา จตุจรา ปฺจจรา สภาควุตฺติโน ธุตงฺคธรา อารทฺธวีริยา ยุตฺตโยคา วิปสฺสกา สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ ปจฺจยาการเทสนํ ปตฺถยมานา สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา, รตฺตกมฺพลสาณิยา ปริกฺขิปมานา วิย เทสนํ ปจฺจาสีสมานา ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา อิทํ สุตฺตํ อารภิ. ยถา หิ เฉโก จิตฺตกาโร อปริกมฺมกตภิตฺตึ ลภิตฺวา, น อาทิโตว รูปํ สมุฏฺาเปสิ, มหามตฺติกเลปาทีหิ ปน ภิตฺติปริกมฺมํ ตาว กตฺวา ¶ , กตปริกมฺมาย ¶ ภิตฺติยา รูปํ สมุฏฺาเปติ, กตปริกมฺมํ ปน ภิตฺตึ ลภิตฺวา, ภิตฺติปริกมฺมพฺยาปารํ อกตฺวา, รงฺคชาตานิ โยเชตฺวา, วฏฺฏิกํ วา ตูลิกํ วา อาทาย รูปเมว สมุฏฺาเปติ, เอวเมว ภควา อกตาภินิเวสํ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตํ ลภิตฺวา นาสฺส อาทิโตว อรหตฺตปทฏฺานํ สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ, สีลสมาธิกมฺมสฺสกตาทิฏฺิสมฺปทาย ปน โยเชนฺโต ปุพฺพภาคปฏิปทํ ตาว อาจิกฺขติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฏฺิ จ อุชุกา. ยโต โข เต, ภิกฺขุ, สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ภวิสฺสติ ทิฏฺิ จ อุชุกา. ตโต ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย จตฺตาโร สติปฏฺาเน ติวิเธน ภาเวยฺยาสิ. กตเม จตฺตาโร? อิธ ¶ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. พหิทฺธา วา กาเย…เป… อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา กาเย…เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. ยโต โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ติวิเธน ภาเวสฺสสิ, ตโต ตุยฺหํ, ภิกฺขุ, ยา รตฺติ วา ทิวโส วา อาคมิสฺสติ, วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ปริหานี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙).
เอวํ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตสฺส สีลกถาย ปริกมฺมํ กเถตฺวา, อรหตฺตปทฏฺานํ สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ.
ปริสุทฺธสีลํ ปน อารทฺธวีริยํ ยุตฺตโยคํ วิปสฺสกํ ลภิตฺวา, นาสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทํ อาจิกฺขติ, อุชุกเมว ปน อรหตฺตปทฏฺานํ สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ. อิเม ปฺจสตา ภิกฺขู ปุพฺพภาคปฏิปทํ ปริโสเธตฺวา ิตา สุธนฺตสุวณฺณสทิสา สุปริมชฺชิตมณิกฺขนฺธสนฺนิภา, เอโก โลกุตฺตรมคฺโคว เนสํ อนาคโต. อิติ ตสฺสาคมนตฺถาย สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ อเปกฺขมาโน อิทํ สุตฺตํ อารภิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ปจฺจยาการํ. ปจฺจยากาโร หิ อฺมฺํ ปฏิจฺจ สหิเต ธมฺเม อุปฺปาเทติ. ตสฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต คเหตพฺโพ.
โวติ อยํ โว-สทฺโท ปจฺจตฺต-อุปโยคกรณ-สมฺปทาน-สามิวจน-ปทปูรเณสุ ทิสฺสติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖; มหาว. ๔๖๖) หิ ปจฺจตฺเต ทิสฺสติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเค. ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณ. ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเน. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเน. ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรณมตฺเต. อิธ ปนายํ สมฺปทาเน ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขเวติ ปติสฺสเวน อภิมุขีภูตานํ ปุน อาลปนํ. เทเสสฺสามีติ เทสนาปฏิชานนํ. ตํ สุณาถาติ ตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ตํ เทสนํ มยา วุจฺจมานํ สุณาถ.
สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอตฺถ ปน สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ. อยฺจ สาธุสทฺโท อายาจน-สมฺปฏิจฺฉน-สมฺปหํสน-สุนฺทร-ทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๕๗; สํ. นิ. ๔.๖๕; ๕.๓๘๑) หิ อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺส อกรณํ สุข’’นฺติ. –
อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเร. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สาธุกํ สุณาหี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๙๒) สาธุกสทฺโทเยว ทฬฺหีกมฺเม อาณตฺติยนฺติปิ วุจฺจติ. อิธ ปนายํ เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเม อาณตฺติยา จ อตฺโถ เวทิตพฺโพ, สุนฺทรตฺเถปิ วฏฺฏติ. ทฬฺหีกรณตฺเถน หิ ‘‘ทฬฺหํ ¶ อิมํ ธมฺมํ สุณาถ, สุคฺคหิตํ คณฺหนฺตา’’, อาณตฺติอตฺเถน ‘‘มม อาณตฺติยา สุณาถ’’ สุนฺทรตฺเถน ‘‘สุนฺทรมิมํ ภทฺทกํ ธมฺมํ สุณาถา’’ติ ¶ เอตํ ทีปิตํ โหติ. มนสิ กโรถาติ อาวชฺเชถ. สมนฺนาหรถาติ อตฺโถ. อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา นิสาเมถ, จิตฺเต กโรถาติ อธิปฺปาโย.
อิทาเนตฺถ ตํ สุณาถาติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณเมตํ. สาธุกํ มนสิ กโรถาติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคาหนิวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคาหนิวารณํ. ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณูปปริกฺขาสุ. ปุริเมน จ ‘‘สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโย’’ติ ¶ ทีเปติ, ปจฺฉิเมน ‘‘สาตฺโถ, ตสฺมา มนสิ กาตพฺโพ’’ติ. สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา, ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร จ เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาถ สาธุกํ. ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร จ ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. ภาสิสฺสามีติ เทเสสฺสามิ. ‘‘ตํ สุณาถา’’ติ เอตฺถ ปฏิฺาตํ เทสนํ สํขิตฺตโตว น เทเสสฺสามิ, อปิจ โข วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. สงฺเขปวิตฺถารวาจกานิ หิ เอตานิ ปทานิ. ยถาห วงฺคีสตฺเถโร –
‘‘สํขิตฺเตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๔; เถรคา. ๑๒๔๑);
เอวํ วุตฺเต อุสฺสาหชาตา หุตฺวา เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, ปฏิคฺคเหสุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อถ เนสํ ภควา เอตทโวจ – เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติอาทึ สกลํ สุตฺตํ อโวจ. ตตฺถ กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. ปฺจวิธา หิ ปุจฺฉา อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ, ตาสํ อิทํ นานตฺตํ –
กตมา ¶ อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา (มหานิ. ๑๕๐; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๒)? ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ. ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ¶ ตุลนาย ตีรณาย วิภูตาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา.
กตมา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ. โส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา.
กตมา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขนฺโท โหติ วิมติปกฺขนฺโท ทฺเวฬฺหกชาโต – ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ¶ ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา.
กตมา อนุมติปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ อนุมติยา ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ, อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ, ทุกฺขํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา’’ติ, โน เหตํ ภนฺเตติ (สํ. นิ. ๓.๗๙). อยํ อนุมติปุจฺฉา.
กตมา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติ? อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ.
ตตฺถ พุทฺธานํ ปุริมา ติสฺโส ปุจฺฉา นตฺถิ. กสฺมา? พุทฺธานฺหิ ตีสุ อทฺธาสุ กิฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ อทิฏฺํ อโชติตํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิ. เตน เนสํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยํ ปน ภควตา อตฺตโน าเณน ปฏิวิทฺธํ, ตสฺส อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธึ สํสนฺทนกิจฺจํ นตฺถิ. เตนสฺส ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยสฺมา ปเนส อกถํกถี ติณฺณวิจิกิจฺโฉ ¶ สพฺพธมฺเมสุ วิหตสํสโย. เตนสฺส วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา นตฺถิ. อิตรา ปน ทฺเว ปุจฺฉา ภควโต อตฺถิ. ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ ตาว ปุจฺฉาย ปุฏฺํ ปจฺจยาการํ วิภชนฺโต อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขาราติอาทิมาห. เอตฺถ จ ยถา นาม ‘‘ปิตรํ กเถสฺสามี’’ติ อารทฺโธ ¶ ‘‘ติสฺสสฺส ปิตา โสณสฺส ปิตา’’ติ ปมตรํ ปุตฺตมฺปิ กเถติ, เอวเมว ภควา ปจฺจยํ กเถตุํ อารทฺโธ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน สงฺขาราทีนํ ปจฺจเย อวิชฺชาทิธมฺเม กเถนฺโต ปจฺจยุปฺปนฺนมฺปิ กเถสิ. อาหารวคฺคสฺส ปน ปริโยสาเน ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเน จ ธมฺเม’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) อุภยํ อารภิตฺวา อุภยมฺปิ กเถสิ. อิทานิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทีสุ ปน อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย. ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน สพฺพาการสมฺปนฺนา อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา วิสุทฺธิมคฺเค กถิตา, ตสฺมา สา ตตฺถ กถิตวเสเนว คเหตพฺพา.
ปฏิโลมกถายํ ปน อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย ตุ เอว. อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา. สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ. เอวํนิโรธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิฺาณาทีนฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิเยว โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธติอาทีนิ วตฺวา, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตีติ อาห. ตตฺถ เกวลสฺสาติ สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา, สตฺตวิรหิตสฺสาติ อตฺโถ. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขราสิสฺส. นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติ. อิติ ภควา อนุโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฏฺฏกถํ กเถตฺวา ตเมว วฏฺฏํ วินิวฏฺเฏตฺวา ปฏิโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วิวฏฺฏํ กเถนฺโต อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหิ. เทสนาปริโยสาเน เต ปฺจสตา อารทฺธวิปสฺสกา อุคฺฆฏิตฺูปุคฺคลา สูริยรสฺมิสมฺผุฏฺานิ ปริปากคตานิ ปทุมานิ วิย สจฺจานิ พุชฺฌิตฺวา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน สกลสุตฺตํ ภควา อโวจ. อตฺตมนา เต ภิกฺขูติ ตุฏฺจิตฺตา เต ปฺจสตา ขีณาสวา ภิกฺขู. ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ กรวีกรุตมฺชุนา ¶ กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสโต ภควโต ¶ วจนํ อภินนฺทึสุ, อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ จาติ อตฺโถ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘สุภาสิตํ สุลปิตํ, สาธุ สาธูติ ตาทิโน;
อนุโมทมานา สิรสา, สมฺปฏิจฺฉึสุ ภิกฺขโว’’ติ.
ปมปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๒. ทุติเยปิ ¶ วุตฺตนเยเนว สุตฺตนิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – ปมํ อุคฺฆฏิตฺูปุคฺคลานํ วเสน สงฺเขปโต ทสฺสิตํ, อิทํ วิปฺจิตฺูนํ วเสน วิตฺถารโตติ. อิมสฺมิฺจ ปน สุตฺเต จตสฺโส วลฺลิหารกปุริสูปมา วตฺตพฺพา, ตา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา เอว. ยถา หิ วลฺลิหารโก ปุริโส วลฺลิยา อคฺคํ ทิสฺวา ตทนุสาเรน มูลํ ปริเยสนฺโต ตํ ทิสฺวา วลฺลึ มูเล เฉตฺวา อาทาย กมฺเม อุปเนยฺย, เอวํ ภควา วิตฺถารเทสนํ เทเสนฺโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส อคฺคภูตา ชรามรณา ปฏฺาย ยาว มูลภูตํ อวิชฺชาปทํ, ตาว เทสนํ อาหริตฺวา ปุน วฏฺฏวิวฏฺฏํ เทเสนฺโต นิฏฺเปสิ.
ตตฺรายํ ชรามรณาทีนํ วิตฺถารเทสนาย อตฺถนิจฺฉโย – ชรามรณนิทฺเทเส ตาว เตสํ เตสนฺติ อยํ สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโสติ วิฺาตพฺโพ. ยา เทวทตฺตสฺส ชรา, ยา โสมทตฺตสฺสาติ เอวฺหิ ทิวสมฺปิ กเถนฺตสฺส เนว สตฺตา ปริยาทานํ คจฺฉนฺติ. อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ น โกจิ สตฺโต อปริยาทินฺโน โหติ. ตสฺมา วุตฺตํ, ‘‘อยํ สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโส’’ติ. ตมฺหิ ตมฺหีติ อยํ คติชาติวเสน อเนเกสํ สตฺตนิกายานํ สาธารณนิทฺเทโส. สตฺตนิกาเยติ สาธารณนิทฺเทเสน นิทฺทิฏฺสฺส สรูปนิทสฺสนํ. ชรา ชีรณตาติอาทีสุ ปน ชราติ สภาวนิทฺเทโส. ชีรณตาติ อาการนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิทฺเทสา, ปจฺฉิมา ทฺเว ปกตินิทฺเทสา. อยฺหิ ชราติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา, เตนสฺสายํ สภาวนิทฺเทโส ¶ . ชีรณตาติ อิมินา อาการโต, เตนสฺสายํ อาการนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโต. ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโต. วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ ¶ มิลาเปตฺวา ตจวลิภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตา. เตนสฺสา อิเม ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิทฺเทสา. เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ¶ ปากฏีภูตา ปากฏชรา ทสฺสิตา. ยเถว หิ อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อคฺคิโน วา ติณรุกฺขาทีนํ สํภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมคฺโค ปากโฏ โหติ, น จ โส คตมคฺโค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมคฺโค ปากโฏ, จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติ น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชรา. น หิ ชรา จกฺขุวิฺเยฺยา โหติ.
อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตาย อายุกฺขย-จกฺขาทิอินฺทฺริย-ปริปากสฺิตาย ปกติยา ทีปิตา. เตนสฺสิเม ปจฺฉิมา ทฺเว ปกตินิทฺเทสาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตา. ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ, โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติ ผลูปจาเรเนว วุตฺตา.
สา ปนายํ เอวํ นิทฺทิฏฺา สพฺพาปิ ชรา ปากฏา ปฏิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑาทิภาวทสฺสนโต รูปธมฺเมสุ ชรา ปากฏชรา นาม, อรูปธมฺเมสุ ปน ชรา ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฏิจฺฉนฺนชรา นาม. ตตฺถ ยฺวายํ ขณฺฑาทิภาโว ทิสฺสติ, โส ตาทิสานํ ทนฺตาทีนํ สุวิฺเยฺยตฺตา วณฺโณเยว, ตํ จกฺขุนา ทิสฺวา มโนทฺวาเรน จินฺเตตฺวา ‘‘อิเม ทนฺตา ชราย ปหฏา’’ติ ชรํ ชานาติ อุทกฏฺาเน พทฺธานิ โคสีสาทีนิ โอโลเกตฺวา เหฏฺา อุทกสฺส อตฺถิภาวํ ชานนํ วิย. ปุน ¶ อวีจิ สวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ มณิ-กนก-รชต-ปวาฬจนฺทสูริยาทีนํ วิย มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย จ ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ จ อปาณีนํ วิย อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุวิฺเยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม, นิรนฺตรชราติ อตฺโถ. ตโต อฺเสุ ปน ยถาวุตฺเตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิฺเยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามาติ เวทิตพฺพา.
อิโต ปรํ เตสํ เตสนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. จุติ จวนตาติอาทีสุ ปน จุตีติ จวนกวเสน วุจฺจติ, เอกจตุปฺจกฺขนฺธสามฺวจนเมตํ. จวนตาติ ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสนํ ¶ . เภโทติ จุติกฺขนฺธานํ ¶ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปนํ. อนฺตรธานนฺติ ฆฏสฺเสว ภินฺนสฺส ภินฺนานํ จุติกฺขนฺธานํ เยน เกนจิ ปริยาเยน านาภาวปริทีปนํ. มจฺจุ มรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ มรณํ, เตน สมุจฺเฉทมรณาทีนิ นิเสเธติ. กาโล นาม อนฺตโก, ตสฺส กิริยา กาลกิริยา. เอวํ เตน โลกสมฺมุติยา มรณํ ทีเปติ.
อิทานิ ปรมตฺเถน ทีเปตุํ ขนฺธานํ เภโทติอาทิมาห. ปรมตฺเถน หิ ขนฺธาเยว ภิชฺชนฺติ, น สตฺโต นาม โกจิ มรติ. ขนฺเธสุ ปน ภิชฺชมาเนสุ สตฺโต มรติ, ภินฺเนสุ มโตติ โวหาโร โหติ. เอตฺถ จ จตุปฺจโวการวเสน ขนฺธานํ เภโท, เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิกฺเขโป. จตุโวการวเสน จ ขนฺธานํ เภโท, เสสทฺวยวเสน กเฬวรสฺส นิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. กสฺมา? ภวทฺวเยปิ รูปกายสงฺขาตสฺส กเฬวรสฺส สพฺภาวโต. อถ วา ยสฺมา จาตุมหาราชิกาทีสุ ขนฺธา ภิชฺชนฺเตว, น กิฺจิ นิกฺขิปติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ขนฺธานํ เภโท, มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิกฺเขโป. เอตฺถ จ กเฬวรสฺส นิกฺเขปการณโต มรณํ ‘‘กเฬวรสฺส นิกฺเขโป’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิติ อยฺจ ชรา อิทฺจ มรณํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเวติ อิทํ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ชรามรณนฺติ กถียติ.
ชาตินิทฺเทเส ¶ ชาติ สฺชาตีติอาทีสุ ชายนฏฺเน ชาติ, สา อปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา. สฺชายนฏฺเน สฺชาติ, สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา. โอกฺกมนฏฺเน โอกฺกนฺติ, สา อณฺฑชชลาพุชวเสน ยุตฺตา. เต หิ อณฺฑโกสฺจ วตฺถิโกสฺจ โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. อภินิพฺพตฺตนฏฺเน อภินิพฺพตฺติ, สา สํเสทชโอปปาติกวเสน ยุตฺตา. เต หิ ปากฏาเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ. อยํ ตาว โวหารเทสนา.
อิทานิ ปรมตฺถเทสนา โหติ. ขนฺธาเยว หิ ปรมตฺถโต ปาตุภวนฺติ, น สตฺโต. ตตฺถ จ ขนฺธานนฺติ เอกโวการภเว เอกสฺส, จตุโวการภเว จตุนฺนํ, ปฺจโวการภเว ปฺจนฺนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํ. ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ. อายตนานนฺติ เอตฺถ ตตฺร ตตฺร อุปฺปชฺชมานายตนวเสน สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปฏิลาโภติ สนฺตติยํ ปาตุภาโวเยว. ปาตุภวนฺตาเนว ¶ หิ ตานิ ปฏิลทฺธานิ นาม โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ชาตีติ อิมินา ปเทน โวหารโต ปรมตฺถโต จ เทสิตาย ชาติยา นิคมนํ กโรตีติ.
ภวนิทฺเทเส ¶ กามภโวติ กมฺมภโว จ อุปปตฺติภโว จ. ตตฺถ กมฺมภโว นาม กามภวูปคกมฺมเมว. ตฺหิ ตตฺถ อุปปตฺติภวสฺส การณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท (ธ. ป. ๑๙๔) ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๑๑๗) วิย ผลโวหาเรน ภโวติ วุตฺตํ. อุปปตฺติภโว นาม เตน กมฺเมน นิพฺพตฺตํ อุปาทิณฺณกฺขนฺธปฺจกํ. ตฺหิ ตตฺถ ภวตีติ กตฺวา ภโวติ วุตฺตํ. สพฺพถาปิ อิทํ กมฺมฺจ อุปปตฺติฺจ อุภยมฺเปตมิธ ‘‘กามภโว’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย รูปารูปภเวสูติ.
อุปาทานนิทฺเทเส กามุปาทานนฺติอาทีสุ วตฺถุกามํ อุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ, กาโม จ โส อุปาทานฺจาติ กามุปาทานํ. อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ วุจฺจติ. ทฬฺหตฺโถ หิ เอตฺถ อุปสทฺโท อุปายาสอุปกฏฺาทีสุ วิย. ปฺจกามคุณิกราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตถา ¶ ทิฏฺิ จ สา อุปาทานฺจาติ ทิฏฺุปาทานํ. อถ วา ทิฏฺึ อุปาทิยติ, อุปาทิยนฺติ วา เอเตน ทิฏฺินฺติ ทิฏฺุปาทานํ. อุปาทิยติ หิ ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ, อุปาทิยนฺติ จ ตาย ทิฏฺึ. ยถาห – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๗). สีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานวชฺชสฺส สพฺพทิฏฺิคตสฺเสตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฏฺุปาทานํ? นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตถา สีลพฺพตมุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยติ, สีลพฺพตฺจ ¶ ตํ อุปาทานฺจาติ วา สีลพฺพตุปาทานํ. โคสีลโควตาทีนิ หิ ‘‘เอวํ สุทฺธี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ? อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธี’’ติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อิทานิ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อุปาทานํ, กึ วทนฺติ อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํ. อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํ. อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ ¶ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํ. วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ? อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตณฺหานิทฺเทเส รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ เอตํ จกฺขุทฺวาราทีสุ ชวนวีถิยา ปวตฺตาย ตณฺหาย ‘‘เสฏฺิปุตฺโต พฺราหฺมณปุตฺโต’’ติ เอวมาทีสุ ปิติโต นามํ วิย ปิติสทิสารมฺมณโต นามํ. เอตฺถ จ รูปารมฺมณา ตณฺหา, รูเป ตณฺหาติ รูปตณฺหา. สา กามราคภาเวน รูปํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา กามตณฺหา, สสฺสตทิฏฺิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสต’’นฺติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา ภวตณฺหา, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ เปจฺจ น ภวตี’’ติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา วิภวตณฺหาติ รูปตณฺหา เอวํ ติวิธา โหติ. ยถา จ รูปตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหาทโยปีติ เอวํ ตานิ อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ตานิ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส. อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ¶ ฉตฺตึสาติ เอวํ อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย อสฺมีติ โหติ, อิตฺถสฺมีติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๓) วา เอวมาทีนิ อชฺฌตฺติกรูปาทินิสฺสิตานิ อฏฺารส, ‘‘พาหิรสฺส อุปาทาย อิมินา อสฺมีติ โหติ, อิมินา อิตฺถสฺมีติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๕) วา เอวมาทีนิ พาหิรรูปาทินิสฺสิตานิ อฏฺารสาติ ¶ ฉตฺตึส, อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺตึสาติ เอวมฺปิ อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ปุน สงฺคเห กริยมาเน รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ฉเฬว ตณฺหากายา ติสฺโสเยว กามตณฺหาทโย โหนฺตีติ. เอวํ –
‘‘นิทฺเทสตฺเถน นิทฺเทส, วิตฺถารา วิตฺถารสฺส จ;
ปุน สงฺคหโต ตณฺหา, วิฺาตพฺพา วิภาวินา’’ติ.
เวทนานิทฺเทเส เวทนากายาติ เวทนาสมูหา. จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป… มโนสมฺผสฺสชาเวทนาติ เอตํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชาเวทนา อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อกุสลา, อตฺถิ อพฺยากตา’’ติ เอวํ วิภงฺเค (วิภ. ๓๔) อาคตตฺตา จกฺขุทฺวาราทีสุ ปวตฺตานํ กุสลากุสลาพฺยากตเวทนานํ ‘‘สาริปุตฺโต มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ เอวมาทีสุ มาติโต นามํ วิย มาติสทิสโต ¶ วตฺถุโต นามํ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ – จกฺขุสมฺผสฺสเหตุ ชาตา เวทนา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกา กถา. วิปากวเสน ปน จกฺขุทฺวาเร ทฺเว จกฺขุวิฺาณานิ, ทฺเว มโนธาตุโย, ติสฺโส มโนวิฺาณธาตุโยติ เอตาหิ สมฺปยุตฺตวเสน เวทนา เวทิตพฺพา. เอเสว นโย โสตทฺวาราทีสุ. มโนทฺวาเร มโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตาว.
ผสฺสนิทฺเทเส จกฺขุสมฺผสฺโสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผสฺโส. เอส นโย สพฺพตฺถ. จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… กายสมฺผสฺโสติ เอตฺตาวตา จ กุสลากุสลวิปากา ปฺจวตฺถุกา ทส ผสฺสา วุตฺตา โหนฺติ. มโนสมฺผสฺโสติ อิมินา เสสพาวีสติโลกิยวิปากมนสมฺปยุตฺตา ผสฺสา.
สฬายตนนิทฺเทเส จกฺขายตนนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค ขนฺธนิทฺเทเส เจว อายตนนิทฺเทเส จ วุตฺตเมว.
นามรูปนิทฺเทเส ¶ นมนลกฺขณํ นามํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ. วิภชเน ปนสฺส เวทนาติ เวทนากฺขนฺโธ, สฺาติ สฺากฺขนฺโธ, เจตนา ผสฺโส มนสิกาโรติ สงฺขารกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ. กามฺจ อฺเปิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ธมฺมา สนฺติ, อิเม ปน ตโย สพฺพทุพฺพเลสุปิ จิตฺเตสุ สนฺติ, ตสฺมา เอเตสํเยว ¶ วเสเนตฺถ สงฺขารกฺขนฺโธ ทสฺสิโต. จตฺตาโร จ มหาภูตาติ เอตฺถ จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. มหาภูตาติ ปถวีอาปเตชวายานเมตํ อธิวจนํ. เยน ปน การเณน ตานิ มหาภูตานีติ วุจฺจนฺติ, โย เจตฺถ อฺโ วินิจฺฉยนโย, โส สพฺโพ วิสุทฺธิมคฺเค รูปกฺขนฺธนิทฺเทเส วุตฺโต. จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายาติ เอตฺถ ปน จตุนฺนนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, จตฺตาริ มหาภูตานีติ วุตฺตํ โหติ. อุปาทายาติ อุปาทิยิตฺวา, คเหตฺวาติ อตฺโถ. นิสฺสายาติปิ เอเก. ‘‘วตฺตมาน’’นฺติ อยฺเจตฺถ ปาเสโส. สมูหตฺเถ วา เอตํ สามิวจนํ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ สมูหํ อุปาทาย วตฺตมานํ รูปนฺติ เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวํ สพฺพถาปิ ยานิ จ จตฺตาริ ปถวีอาทีนิ มหาภูตานิ, ยฺจ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วตฺตมานํ จกฺขายตนาทิเภเทน อภิธมฺมปาฬิยเมว วุตฺตํ เตวีสติวิธํ รูปํ, ตํ สพฺพมฺปิ รูปนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิฺาณนิทฺเทเส ¶ จกฺขุวิฺาณนฺติ จกฺขุมฺหิ วิฺาณํ, จกฺขุโต วา ชาตํ วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณํ. เอวํ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ. อิตรํ ปน มโนเยว วิฺาณนฺติ มโนวิฺาณํ. ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิตเตภูมกวิปากจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ.
สงฺขารนิทฺเทเส อภิสงฺขรณลกฺขโณ สงฺขาโร. วิภชเน ปนสฺส กายสงฺขาโรติ กายโต ปวตฺตสงฺขาโร. กายทฺวาเร โจปนวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรกุสลโต อฏฺนฺนํ, อกุสลโต ทฺวาทสนฺนนฺติ วีสติยา กายสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ. วจีสงฺขาโรติ วจนโต ปวตฺตสงฺขาโร, วจีทฺวาเร วจนเภทวเสน ปวตฺตานํ วีสติยา เอว วจีสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ. จิตฺตสงฺขาโรติ จิตฺตโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายวจีทฺวาเร โจปนํ อกตฺวา รโห นิสีทิตฺวา จินฺเตนฺตสฺส ปวตฺตานํ โลกิยกุสลากุสลวเสน เอกูนตึสมโนสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ.
อวิชฺชานิทฺเทเส ¶ ทุกฺเข อฺาณนฺติ ทุกฺขสจฺเจ อฺาณํ, โมหสฺเสตํ อธิวจนํ. เอส นโย ทุกฺขสมุทเย อฺาณนฺติอาทีสุ. ตตฺถ จตูหิ การเณหิ ทุกฺเข อฺาณํ เวทิตพฺพํ อนฺโตคธโต วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฏิจฺฉาทนโต จ. ตถา ¶ หิ ตํ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนตฺตา ทุกฺเข อนฺโตคธํ, ทุกฺขสจฺจฺจสฺส นิสฺสยปจฺจยภาเวน วตฺถุ, อารมฺมณปจฺจยภาเวน อารมฺมณํ, ทุกฺขสจฺจํ เอตํ ปฏิจฺฉาเทติ ตสฺส ยาถาวลกฺขณปฏิเวธนิวารเณน าณปฺปวตฺติยา เจตฺถ อปฺปทาเนน.
ทุกฺขสมุทเย อฺาณํ ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฏิจฺฉาทนโต จ. นิโรเธ ปฏิปทาย จ อฺาณํ เอเกเนว การเณน เวทิตพฺพํ ปฏิจฺฉาทนโต. นิโรธปฏิปทานฺหิ ปฏิจฺฉาทกเมว อฺาณํ เตสํ ยาถาวลกฺขณปฏิเวธนิวารเณน เตสุ จ าณปฺปวตฺติยา อปฺปทาเนน. น ปน ตํ ตตฺถ อนฺโตคธํ ตสฺมึ สจฺจทฺวเย อปริยาปนฺนตฺตา, น ตสฺส ตํ สจฺจทฺวยํ วตฺถุ อสหชาตตฺตา, นารมฺมณํ, ตทารพฺภ อปฺปวตฺตนโต. ปจฺฉิมฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, น ตตฺถ อนฺธภูตํ อฺาณํ ปวตฺตติ. ปุริมํ ปน วจนียตฺเตน สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, ตตฺถ วิปลฺลาสคาหวเสน ปวตฺตติ.
อปิจ ‘‘ทุกฺเข’’ติ เอตฺตาวตา สงฺคหโต วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ อวิชฺชา ทีปิตา. ‘‘ทุกฺขสมุทเย’’ติ เอตฺตาวตา วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ. ‘‘ทุกฺขนิโรเธ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ¶ ปฏิปทายา’’ติ เอตฺตาวตา กิจฺจโต. อวิเสสโต ปน ‘‘อฺาณ’’นฺติ เอเตน สภาวโต นิทฺทิฏฺาติ าตพฺพา.
อิติ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเว. นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติ. อปิเจตฺถ สพฺเพเหว เตหิ นิโรธปเทหิ นิพฺพานํ เทสิตํ. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม เต เต ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา ตํ เตสํ เตสํ นิโรโธติ วุจฺจติ. อิติ ภควา อิมสฺมึ สุตฺเต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฏฺฏวิวฏฺฏํ เทเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺเปสิ. เทสนาปริโยสาเน วุตฺตนเยเนว ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
วิภงฺคสุตฺตํ ทุติยํ.
๓. ปฏิปทาสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย ¶ ¶ มิจฺฉาปฏิปทนฺติ อยํ ตาว อนิยฺยานิกปฏิปทา. นนุ จ อวิชฺชาปจฺจยา ปฺุาภิสงฺขาโรปิ อตฺถิ อาเนฺชาภิสงฺขาโรปิ, โส กถํ มิจฺฉาปฏิปทา โหตีติ. วฏฺฏสีสตฺตา. ยฺหิ กิฺจิ ภวตฺตยสงฺขาตํ วฏฺฏํ ปตฺเถตฺวา ปวตฺติตํ, อนฺตมโส ปฺจาภิฺา อฏฺ วา ปน สมาปตฺติโย, สพฺพํ ตํ วฏฺฏปกฺขิยํ วฏฺฏสีสนฺติ วฏฺฏสีสตฺตา มิจฺฉาปฏิปทาว โหติ. ยํ ปน กิฺจิ วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ ปตฺเถตฺวา ปวตฺติตํ, อนฺตมโส อุฬุงฺกยาคุมตฺตทานมฺปิ ปณฺณมุฏฺิทานมตฺตมฺปิ, สพฺพํ ตํ วิวฏฺฏปกฺขิยํ วิวฏฺฏนิสฺสิตํ, วิวฏฺฏปกฺขิกตฺตา สมฺมาปฏิปทาว โหติ. อปฺปมตฺตกมฺปิ หิ ปณฺณมุฏฺิมตฺตทานกุสลํ วา โหตุ มหนฺตํ เวลามทานาทิกุสลํ วา, สเจ วฏฺฏสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา วฏฺฏนิสฺสิตวเสน มิจฺฉา ปิตํ โหติ, วฏฺฏเมว อาหริตุํ สกฺโกติ, โน วิวฏฺฏํ. ‘‘อิทํ เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ โหตู’’ติ เอวํ ปน วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺเตน วิวฏฺฏวเสน สมฺมา ปิตํ อรหตฺตมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ ทาตุํ สกฺโกติเยว, น อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ปริโยสานํ คจฺฉติ. อิติ อนุโลมวเสน มิจฺฉาปฏิปทา, ปฏิโลมวเสน สมฺมาปฏิปทา เทสิตาติ เวทิตพฺพา. นนุ เจตฺถ ปฏิปทา ปุจฺฉิตา, นิพฺพานํ ภาชิตํ, นิยฺยาตเนปิ ปฏิปทาว นิยฺยาติตา. น จ นิพฺพานสฺส ปฏิปทาติ นามํ, สวิปสฺสนานํ ปน จตุนฺนํ มคฺคานเมตํ นามํ, ตสฺมา ปุจฺฉานิยฺยาตเนหิ ปทภาชนํ น สเมตีติ. โน น สเมติ, กสฺมา? ผเลน ปฏิปทาย ทสฺสิตตฺตา. ผเลน เหตฺถ ปฏิปทา ทสฺสิตา. ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติ ¶ เอตํ นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ ยสฺสา ปฏิปทาย ผลํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาปฏิปทาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ อเสสวิราคนิโรธาติ เอตฺถ วิราโค นิโรธสฺเสว เววจนํ, อเสสวิราคา อเสสนิโรธาติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. เยน วา วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรโธ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ เอตํ ปทภาชนํ วุตฺตํ. เอวฺหิ สติ สานุภาวา ปฏิปทา วิภตฺตา โหติ. อิติ อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตนฺติ. ตติยํ.
๔. วิปสฺสีสุตฺตวณฺณนา
๔. จตุตฺเถ ¶ วิปสฺสิสฺสาติ ตสฺส กิร โพธิสตฺตสฺส ยถา โลกิยมนุสฺสานํ กิฺจิเทว ปสฺสนฺตานํ ปริตฺตกมฺมาภินิพฺพตฺตสฺส กมฺมชปสาทสฺส ทุพฺพลตฺตา อกฺขีนิ วิปฺผนฺทนฺติ ¶ , น เอวํ วิปฺผนฺทึสุ. พลวกมฺมนิพฺพตฺตสฺส ปน กมฺมชปสาทสฺส พลวตฺตา อวิปฺผนฺทนฺเตหิ อนิมิเสหิ เอว อกฺขีหิ ปสฺสิ เสยฺยถาปิ เทวา ตาวตึสา. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิมิสนฺโต กุมาโร เปกฺขตีติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ‘วิปสฺสี วิปสฺสี’ตฺเวว สมฺา อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐). อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อนฺตรนฺตรา นิมิสชนิตนฺธการวิรเหน วิสุทฺธํ ปสฺสติ, วิวเฏหิ วา อกฺขีหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสี. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปจฺฉิมภวิกานํ สพฺพโพธิสตฺตานํ พลวกมฺมนิพฺพตฺตสฺส กมฺมชปสาทสฺส พลวตฺตา อกฺขีนิ น วิปฺผนฺทนฺติ, โส ปน โพธิสตฺโต เอเตเนว นามํ ลภิ.
อปิจ วิเจยฺย วิเจยฺย ปสฺสตีติ วิปสฺสี, วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา ปสฺสตีติ อตฺโถ. เอกทิวสํ กิร วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา อตฺเถ อนุสาสนฺตสฺส รฺโ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มหาปุริสํ อาหริตฺวา องฺเก ปยึสุ. ตสฺส ตํ องฺเก กตฺวา ปลาฬยมานสฺเสว อมจฺจา สามิกํ อสฺสามิกํ อกํสุ. โพธิสตฺโต อนตฺตมนสทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. ราชา ‘‘กิเมตํ อุปธาเรถา’’ติ อาห. อุปธารยมานา อฺํ อทิสฺวา ‘‘อฏฺฏสฺส ทุพฺพินิจฺฉิตตฺตา เอวํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุน สามิกเมว สามิกํ กตฺวา ‘‘ตฺวา นุ โข กุมาโร เอวํ กโรตี’’ติ? วีมํสนฺตา ปุน สามิกํ อสฺสามิกมกํสุ. ปุน โพธิสตฺโต ตเถว สทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. อถ ราชา ‘‘ชานาติ มหาปุริโส’’ติ ตโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิเจยฺย วิเจยฺย กุมาโร อตฺเถ ปนายติ าเยนาติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย ‘วิปสฺสี วิปสฺสี’ตฺเวว สมฺา อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๑).
ภควโตติ ¶ ภาคฺยสมฺปนฺนสฺส. อรหโตติ ราคาทิอรีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส วา อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยานํ วา อรหตฺตา อรหาติ เอวํ คุณโต อุปฺปนฺนนามเธยฺยสฺส. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติ สมฺมา นเยน เหตุนา สามํ ¶ ปจฺจตฺตปุริสกาเรน จตฺตาริ สจฺจานิ พุทฺธสฺส. ปุพฺเพว สมฺโพธาติ ¶ สมฺโพโธ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณํ, ตโต ปุพฺเพว. โพธิสตฺตสฺเสว สโตติ เอตฺถ โพธีติ าณํ, โพธิมา สตฺโต โพธิสตฺโต, าณวา ปฺวา ปณฺฑิโตติ อตฺโถ. ปุริมพุทฺธานฺหิ ปาทมูเล อภินีหารโต ปฏฺาย ปณฺฑิโตว โส สตฺโต, น อนฺธพาโลติ โพธิสตฺโต. ยถา วา อุทกโต อุคฺคนฺตฺวา ิตํ ปริปากคตํ ปทุมํ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน อวสฺสํ พุชฺฌิสฺสตีติ พุชฺฌนกปทุมนฺติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธานํ สนฺติเก พฺยากรณสฺส ลทฺธตฺตา อวสฺสํ อนนฺตราเยน ปารมิโย ปูเรตฺวา พุชฺฌิสฺสตีติ พุชฺฌนกสตฺโตติปิ โพธิสตฺโต. ยา จ เอสา จตุมคฺคาณสงฺขาตา โพธิ, ตํ ปตฺถยมาโน ปวตฺตตีติ โพธิยํ สตฺโต อาสตฺโตติปิ โพธิสตฺโต. เอวํ คุณโต อุปฺปนฺนนามวเสน โพธิสตฺตสฺเสว สโต. กิจฺฉนฺติ ทุกฺขํ. อาปนฺโนติ อนุปฺปตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโห อยํ สตฺตโลโก ทุกฺขํ อนุปฺปตฺโตติ. จวติ จ อุปปชฺชติ จาติ อิทํ อปราปรํ จุติปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตํ. นิสฺสรณนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ ชรามรณทุกฺขโต นิสฺสฏตฺตา ตสฺส นิสฺสรณนฺติ วุจฺจติ. กุทาสฺสุ นามาติ กตรสฺมึ นุ โข กาเล.
โยนิโส มนสิการาติ อุปายมนสิกาเรน ปถมนสิกาเรน. อหุ ปฺาย อภิสมโยติ ปฺาย สทฺธึ ชรามรณการณสฺส อภิสมโย สมวาโย สมาโยโค อโหสิ, ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อิทํ เตน ทิฏฺนฺติ อตฺโถ. อถ วา โยนิโส มนสิการา อหุ ปฺายาติ โยนิโส มนสิกาเรน จ ปฺาย จ อภิสมโย อหุ. ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณ’’นฺติ, เอวํ ชรามรณการณสฺส ปฏิเวโธ อโหสีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อิติ หิทนฺติ เอวมิทํ. สมุทโย สมุทโยติ เอกาทสสุ าเนสุ ¶ สงฺขาราทีนํ สมุทยํ สมฺปิณฺเฑตฺวา นิทฺทิสติ. ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสูติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารานํ สมุทโย โหตี’’ติ. เอวํ อิโต ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ, จตูสุ วา อริยสจฺจธมฺเมสุ. จกฺขุนฺติอาทีนิ าณเววจนาเนว. าณเมว เหตฺถ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ, าตฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา, ปฏิเวธนฏฺเน วิชฺชา, โอภาสนฏฺเน อาโลโกติ วุตฺตํ ¶ . ตํ ปเนตํ จตูสุ สจฺเจสุ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ¶ นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. นิโรธวาเรปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จตุตฺถํ.
๕-๑๐. สิขีสุตฺตาทิวณฺณนา
๕-๑๐. ปฺจมาทีสุ สิขิสฺส, ภิกฺขเวติอาทีนํ ปทานํ ‘‘สิขิสฺสปิ, ภิกฺขเว’’ติ น เอวํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กสฺมา? เอกาสเน อเทสิตตฺตา. นานาาเนสุ หิ เอตานิ เทสิตานิ, อตฺโถ ปน สพฺพตฺถ สทิโสเยว. สพฺพโพธิสตฺตานฺหิ โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนานํ น อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา อาจิกฺขติ – ‘‘อตีเต โพธิสตฺตา ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา พุทฺธา ชาตา’’ติ. ยถา ปน ปมกปฺปิกกาเล เทเว วุฏฺเ อุทกสฺส คตมคฺเคเนว อปราปรํ วุฏฺิอุทกํ คจฺฉติ, เอวํ เตหิ เตหิ ปุริมพุทฺเธหิ คตมคฺเคเนว ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา คจฺฉนฺติ. สพฺพโพธิสตฺตา หิ อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา ตํ อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสิตฺวา พุทฺธา โหนฺตีติ ปฏิปาฏิยา สตฺตสุ สุตฺเตสุ พุทฺธวิปสฺสนา นาม กถิตาติ.
พุทฺธวคฺโค ปโม.
๒. อาหารวคฺโค
๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา
๑๑. อาหารวคฺคสฺส ปเม อาหาราติ ปจฺจยา. ปจฺจยา หิ อาหรนฺติ อตฺตโน ผลํ, ตสฺมา อาหาราติ วุจฺจนฺติ. ภูตานํ วา สตฺตานนฺติอาทีสุ ภูตาติ ชาตา นิพฺพตฺตา. สมฺภเวสิโนติ เย สมฺภวํ ชาตึ นิพฺพตฺตึ เอสนฺติ คเวสนฺติ. ตตฺถ จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ¶ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม, อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสิโน นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ¶ ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม, ตโต ปรํ ภูตา นาม. อถ วา ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา, เย ภูตา อภินิพฺพตฺตาเยว, น ปุน ¶ ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานํ เอตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโน. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. เอวํ สพฺพถาปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสตฺเต ปริยาทิยติ. วาสทฺโท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตสฺมา ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ิติยาติ ิตตฺถํ. อนุคฺคหายาติ อนุคฺคหตฺถํ. วจนเภโทเยว เจส, อตฺโถ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ เอโกเยว. อถ วา ิติยาติ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานํ อนุปฺปพนฺธวเสน อวิจฺเฉทาย. อนุคฺคหายาติ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย. อุโภปิ เจตานิ ‘‘ภูตานํ วา ิติยา เจว อนุคฺคหาย จ, สมฺภเวสีนํ วา ิติยา เจว อนุคฺคหาย จา’’ติ เอวํ อุภยตฺถ ทฏฺพฺพานีติ.
กพฬีกาโร อาหาโรติ กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหริตพฺพโก อาหาโร, โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ อธิวจนํ. โอฬาริโก วา สุขุโม วาติ วตฺถุโอฬาริกตาย โอฬาริโก, สุขุมตาย สุขุโม. สภาเวน ปน สุขุมรูปปริยาปนฺนตฺตา กพฬีกาโร อาหาโร สุขุโมว โหติ. สาปิ จสฺส วตฺถุโต โอฬาริกตา สุขุมตา จ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพา. กุมฺภีลานฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโม. กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติ, เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตา วิลียนฺติ. โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติ. โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฏฺีนิ จ ขาทนฺติ, ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมตฺตาเนว กนฺทมูลํ วิย มุทุกานิ โหนฺติ. ตรจฺฉานํ อาหารํ อุปาทาย ¶ หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโม. เต หิ นานารุกฺขสาขาทโย ขาทนฺติ. หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติ. เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโม. เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติ. เตสํ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโม. สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโม. สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโม. ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร ¶ สุขุโม. คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโม. เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโม. จกฺกวตฺติโน ¶ อาหารโต ภุมฺมานํ เทวานํ อาหาโร สุขุโม. ภุมฺมานํ เทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํ. เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหารา วิตฺถาเรตพฺพา. เตสํ ปนาหาโร สุขุโมตฺเวว นิฏฺํ ปตฺโต.
เอตฺถ จ โอฬาริเก วตฺถุสฺมึ โอชา ปริตฺตา โหติ ทุพฺพลา, สุขุเม พลวตี. ตถา หิ เอกปตฺตปูรมฺปิ ยาคุํ ปีโต มุหุตฺเตเนว ชิฆจฺฉิโต โหติ ยํกิฺจิเทว ขาทิตุกาโม, สปฺปึ ปน ปสตมตฺตํ ปิวิตฺวา ทิวสํ อโภตฺตุกาโม โหติ. ตตฺถ วตฺถุ กมฺมชเตชสงฺขาตํ ปริสฺสยํ วิโนเทติ, น ปน สกฺโกติ ปาเลตุํ. โอชา ปน ปาเลติ, น สกฺโกติ ปริสฺสยํ วิโนเทตุํ. ทฺเว ปน เอกโต หุตฺวา ปริสฺสยฺเจว วิโนเทนฺติ ปาเลนฺติ จาติ.
ผสฺโส ทุติโยติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิ ฉพฺพิโธปิ ผสฺโส เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ ทุติโย อาหาโรติ เวทิตพฺโพ. เทสนานโย เอว เจส, ตสฺมา อิมินา นาม การเณน ทุติโย ตติโย จาติ อิทเมตฺถ น คเวสิตพฺพํ. มโนสฺเจตนาติ เจตนาว วุจฺจติ. วิฺาณนฺติ จิตฺตํ. อิติ ภควา อิมสฺมึ าเน อุปาทิณฺณกอนุปาทิณฺณกวเสน เอกราสึ กตฺวา จตฺตาโร อาหาเร ทสฺเสสิ. กพฬีการาหาโร หิ อุปาทิณฺณโกปิ อตฺถิ อนุปาทิณฺณโกปิ, ตถา ผสฺสาทโย. ตตฺถ สปฺปาทีหิ คิลิตานํ มณฺฑูกาทีนํ วเสน อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโร ทฏฺพฺโพ. มณฺฑูกาทโย หิ สปฺปาทีหิ คิลิตา อนฺโตกุจฺฉิคตาปิ กิฺจิ กาลํ ชีวนฺติเยว. เต ยาว อุปาทิณฺณกปกฺเข ติฏฺนฺติ, ตาว อาหารตฺถํ น สาเธนฺติ ¶ . ภิชฺชิตฺวา ปน อนุปาทิณฺณกปกฺเข ิตา สาเธนฺติ. ตทาปิ อุปาทิณฺณกาหาโรติ วุจฺจนฺตีติ. อิทํ ปน อาจริยานํ น รุจฺจตีติ อฏฺกถายเมว ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – อิเมสํ สตฺตานํ ขาทนฺตานมฺปิ อขาทนฺตานมฺปิ ภฺุชนฺตานมฺปิ อภฺุชนฺตานมฺปิ ปฏิสนฺธิจิตฺเตเนว สหชาตา กมฺมชา โอชา นาม อตฺถิ, สา ยาวปิ สตฺตมา ทิวสา ปาเลติ, อยเมว ¶ อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโรติ เวทิตพฺโพ. เตภูมกวิปากวเสน ปน อุปาทิณฺณกผสฺสาทโย เวทิตพฺพา, เตภูมกกุสลากุสลกิริยวเสน อนุปาทิณฺณกา. โลกุตฺตรา ปน รุฬฺหีวเสน กถิตาติ.
เอตฺถาห – ‘‘ยทิ ปจฺจยฏฺโ อาหารฏฺโ, อถ กสฺมา อฺเสุปิ สตฺตานํ ปจฺจเยสุ วิชฺชมาเนสุ อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตา. วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร, นามกาเย ¶ เวทนาย ผสฺโส, วิฺาณสฺส มโนสฺเจตนา, นามรูปสฺส วิฺาณํ. ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ, อนาหาโร โน ติฏฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓), ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑; วิภ. ๒๒๕).
โก ปเนตฺถ อาหาโร กึ อาหรตีติ? กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปานิ อาหรติ ผสฺสาหาโร ติสฺโส เวทนา, มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว, วิฺาณาหาโร ปฏิสนฺธินามรูปนฺติ.
กถํ? กพฬีการาหาโร ตาว มุเข ปิตมตฺเตเยว อฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปติ, ทนฺตวิจุณฺณิตํ ปน อชฺโฌหริยมานํ เอเกกํ สิตฺถํ อฏฺฏฺรูปานิ สมุฏฺาเปติเยว. เอวํ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปานิ อาหรติ. ผสฺสาหาโร ปน สุขเวทนีโย ผสฺโส อุปฺปชฺชมาโนเยว สุขํ เวทนํ อาหรติ, ทุกฺขเวทนีโย ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขเวทนีโย อทุกฺขมสุขนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ผสฺสาหาโร ติสฺโส เวทนา อาหรติ.
มโนสฺเจตนาหาโร กามภวูปคํ กมฺมํ กามภวํ อาหรติ, รูปารูปภวูปคานิ ตํ ตํ ภวํ. เอวํ สพฺพถาปิ มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรติ. วิฺาณาหาโร ปน เย ¶ จ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตํสมฺปยุตฺตกา ตโย ขนฺธา, ยานิ จ ติสนฺตติวเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สหชาตาทิปจฺจยนเยน ตานิ อาหรตีติ วุจฺจติ. เอวํ วิฺาณาหาโร ปฏิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติ. เอตฺถ จ ‘‘มโนสฺเจตนา ตโย ภเว อาหรตี’’ติ สาสวกุสลากุสลเจตนาว วุตฺตา. ‘‘วิฺาณํ ¶ ปฏิสนฺธินามรูปํ อาหรตี’’ติ ปฏิสนฺธิวิฺาณเมว วุตฺตํ. อวิเสเสน ปน ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฏฺานธมฺมานํ อาหรณโตเปเต ‘‘อาหารา’’ติ เวทิตพฺพา.
เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ กพฬีการาหาโร อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธติ, ผสฺโส ผุสนฺโตเยว มโนสฺเจตนา อายูหมานาว, วิฺาณํ วิชานนฺตเมว. กถํ? กพฬีการาหาโร หิ อุปตฺถมฺเภนฺโตเยว กายฏฺปเนน สตฺตานํ ิติยา โหติ. กมฺมชนิโตปิ หิ อยํ กาโย กพฬีการาหาเรน อุปตฺถทฺโธ ทสปิ วสฺสานิ วสฺสสตมฺปิ ยาว อายุปริมาณา ติฏฺติ. ยถา กึ ¶ ? ยถา มาตุยา ชนิโตปิ ทารโก ธาติยา ถฺาทีนิ ปาเยตฺวา โปสิยมาโน จิรํ ติฏฺติ, ยถา จ อุปตฺถมฺเภน อุปตฺถมฺภิตํ เคหํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยถา, มหาราช, เคเห ปปตนฺเต อฺเน ทารุนา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺตํ เอว ตํ เคหํ น ปตติ. เอวเมว โข, มหาราช, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺตี’’ติ.
เอวํ กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธติ.
เอวํ สาเธนฺโตปิ จ กพฬีกาโร อาหาโร ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีนํ ปจฺจโย โหติ อาหารสมุฏฺานสฺส จ อุปาทิณฺณกสฺส จ. กมฺมชานํ อนุปาลโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, อาหารสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวาติ. ผสฺโส ปน สุขาทิวตฺถุภูตํ อารมฺมณํ ผุสนฺโตเยว สุขาทิเวทนาปวตฺตเนน สตฺตานํ ิติยา ¶ โหติ. มโนสฺเจตนา กุสลากุสลกมฺมวเสน อายูหมานาเยว ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ิติยา โหติ. วิฺาณํ วิชานนฺตเมว นามรูปปฺปวตฺตเนน สตฺตานํ ิติยา โหตีติ.
เอวํ อุปตฺถมฺภนาทิวเสน อาหารกิจฺจํ สาธยมาเนสุ ปเนเตสุ จตฺตาริ ภยานิ ทฏฺพฺพานิ. เสยฺยถิทํ – กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยํ, ผสฺเส อุปคมนเมว, มโนสฺเจตนาย อายูหนเมว, วิฺาเณ อภินิปาโตเยว ภยนฺติ. กึ การณา? กพฬีการาหาเร หิ นิกนฺตึ ¶ กตฺวา สีตาทีนํ ปุรกฺขตา สตฺตา อาหารตฺถาย มุทฺทาคณนาทิกมฺมานิ กโรนฺตา อนปฺปกํ ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติ. เอกจฺเจ จ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมาทิกาย อเนสนาย อาหารํ ปริเยสนฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม คารยฺหา โหนฺติ, สมฺปราเยปิ, ‘‘ตสฺส สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา’’ติอาทินา ลกฺขณสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๒๑๘) วุตฺตนเยน สมณเปตา โหนฺติ. อิมินา ตาว การเณน กพฬีกาเร อาหาเร นิกนฺติ เอว ภยนฺติ เวทิตพฺพา.
ผสฺสํ อุปคจฺฉนฺตาปิ ผสฺสสฺสาทิโน ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาราทีสุ ภณฺเฑสุ อปรชฺฌนฺติ, เต สห ภณฺเฑน ภณฺฑสามิกา คเหตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ วา ฉินฺทิตฺวา สงฺการกูเฏ ฉฑฺเฑนฺติ ¶ , รฺโ วา นิยฺยาเทนฺติ. ตโต เต ราชา วิวิธา กมฺมการณา การาเปติ. กายสฺส จ เภทา ทุคฺคติ เตสํ ปาฏิกงฺขา โหติ. อิติ ผสฺสสฺสาทมูลกํ ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ สพฺพมาคตเมว โหติ. อิมินา การเณน ผสฺสาหาเร อุปคมนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํ.
กุสลากุสลกมฺมายูหเน ปน ตมฺมูลกํ ตีสุ ภเวสุ ภยํ สพฺพํ อาคตเมว โหติ. อิมินา การเณน มโนสฺเจตนาหาเร อายูหนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิสนฺธิวิฺาณฺจ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน อภินิปตติ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปฏิสนฺธินามรูปํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตติ. ตสฺมิฺจ นิพฺพตฺเต สพฺพภยานิ นิพฺพตฺตานิเยว โหนฺติ ตมฺมูลกตฺตาติ อิมินา การเณน วิฺาณาหาเร อภินิปาโตเยว ภยนฺติ เวทิตพฺโพติ.
กึนิทานาติอาทีสุ นิทานาทีนิ สพฺพาเนว การณเววจนานิ. การณฺหิ ยสฺมา ผลํ นิเทติ, ‘‘หนฺท นํ คณฺหถา’’ติ ¶ อปฺเปติ วิย, ตสฺมา นิทานนฺติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ตโต สมุเทติ ชายติ ปภวติ, ตสฺมา สมุทโย ชาติ ปภโวติ วุจฺจติ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – กึนิทานํ เอเตสนฺติ กึนิทานา. โก สมุทโย เอเตสนฺติ กึสมุทยา. กา ชาติ เอเตสนฺติ กึชาติกา. โก ปภโว เอเตสนฺติ กึปภวา. ยสฺมา ปน เตสํ ตณฺหา ยถาวุตฺเตน อตฺเถน นิทานฺเจว สมุทโย ¶ จ ชาติ จ ปภโว จ, ตสฺมา ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติอาทิมาห. เอวํ สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ อิเม จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานาติ ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา อตฺตภาวสงฺขาตานํ อาหารานํ ปุริมตณฺหานํ วเสน นิทานํ เวทิตพฺพํ. กถํ? ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตาว ปริปุณฺณายตนานํ สตฺตานํ สตฺตสนฺตติวเสน, เสสานํ ตโต อูนอูนสนฺตติวเสน อุปฺปนฺนรูปพฺภนฺตรํ ชาตา โอชา อตฺถิ, อยํ ตณฺหานิทาโน อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโร. ปฏิสนฺธิจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยฺจ จิตฺตํ วิฺาณนฺติ อิเม ตณฺหานิทานา อุปาทิณฺณก-ผสฺสมโนสฺเจตนา-วิฺาณาหาราติ เอวํ ตาว ปุริมตณฺหานิทานา ปฏิสนฺธิกา อาหารา. ยถา จ ปฏิสนฺธิกา, เอวํ ตโต ปรํ ปมภวงฺคจิตฺตกฺขณาทินิพฺพตฺตาปิ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ¶ ปน ภควา น เกวลํ อาหารานเมว นิทานํ ชานาติ, อาหารนิทานภูตาย ตณฺหายปิ, ตณฺหาย นิทานานํ เวทนาทีนมฺปิ นิทานํ ชานาติเยว, ตสฺมา ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานาติอาทินา นเยน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา วิวฏฺฏํ ทสฺเสสิ. อิมสฺมิฺจ ปน าเน ภควา อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวา อตีเตน วฏฺฏํ ทสฺเสติ. กถํ? อาหารวเสน หิ อยํ อตฺตภาโว คหิโต.
ตณฺหาติ อิมสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํ, เวทนาผสฺสสฬายตนนามรูปวิฺาณานิ ยสฺมึ อตฺตภาเว ตฺวา กมฺมํ อายูหิตํ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตานิ, อวิชฺชาสงฺขารา ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํ. อิติ ทฺวีสุ าเนสุ อตฺตภาโว, ทฺวีสุ ตสฺส ชนกํ กมฺมนฺติ สงฺเขเปน กมฺมฺเจว กมฺมวิปากฺจาติ, ทฺเวปิ ธมฺเม ทสฺเสนฺเตน อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวา อตีเตน วฏฺฏํ ทสฺสิตํ.
ตตฺรายํ ¶ เทสนา อนาคตสฺส อทสฺสิตตฺตา อปริปุณฺณาติ น ทฏฺพฺพา. นยโต ปน ปริปุณฺณาตฺเวว ทฏฺพฺพา. ยถา หิ จกฺขุมา ปุริโส อุทกปิฏฺเ นิปนฺนํ สุํสุมารํ ทิสฺวา ตสฺส ปรภาคํ โอโลเกนฺโต คีวํ ปสฺเสยฺย, โอรโต ปิฏฺึ, ปริโยสาเน นงฺคุฏฺมูลํ, เหฏฺา กุจฺฉึ โอโลเกนฺโต ปน อุทกคตํ อคฺคนงฺคุฏฺฺเจว จตฺตาโร จ หตฺถปาเท น ปสฺเสยฺย, โส น เอตฺตาวตา ‘‘อปริปุณฺโณ สุํสุมาโร’’ติ คณฺหาติ, นยโต ปน ปริปุณฺโณตฺเวว คณฺหาติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
อุทกปิฏฺเ ¶ นิปนฺนสุํสุมาโร วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ. ตีเร ิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย โยคาวจโร. เตน ปุริเสน อุทกปิฏฺเ สุํสุมารสฺส ทิฏฺกาโล วิย โยคินา อาหารวเสน อิมสฺสตฺตภาวสฺส ทิฏฺกาโล. ปรโต คีวาย ทิฏฺกาโล วิย อิมสฺสตฺตภาวสฺส ชนิกาย ตณฺหาย ทิฏฺกาโล. ปิฏฺิยา ทิฏฺกาโล วิย ยสฺมึ อตฺตภาเว ตณฺหาสงฺขาตํ กมฺมํ กตํ, เวทนาทิวเสน ตสฺส ทิฏฺกาโล. นงฺคุฏฺมูลสฺส ทิฏฺกาโล วิย ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกานํ อวิชฺชาสงฺขารานํ ทิฏฺกาโล. เหฏฺา กุจฺฉึ โอโลเกนฺตสฺส ปน อคฺคนงฺคุฏฺฺเจว จตฺตาโร จ หตฺถปาเท อทิสฺวาปิ ‘‘อปริปุณฺโณ สุํสุมาโร’’ติ อคเหตฺวา นยโต ปริปุณฺโณตฺเวว คหณํ วิย ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจยวฏฺฏํ ปาฬิยํ น อาคตํ, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เทสนา อปริปุณฺณา’’ติ อคเหตฺวา นยโต ปริปุณฺณาตฺเวว คหณํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ อาหารตณฺหานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, ตณฺหาเวทนานํ ¶ อนฺตเร เอโก, วิฺาณสงฺขารานํ อนฺตเร เอโกติ เอวํ ติสนฺธิจตุสงฺเขปเมว วฏฺฏํ ทสฺสิตนฺติ. ปมํ.
๒. โมฬิยผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายาติ อิมสฺมึเยว าเน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กสฺมา? ทิฏฺิคติกสฺส นิสินฺนตฺตา. ตสฺสฺหิ ปริสติ โมฬิยผคฺคุโน นาม ภิกฺขุ ทิฏฺิคติโก นิสินฺโน. อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อุฏฺหิตฺวา มํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ ปุจฺฉาย โอกาสทานตฺถํ เทสนํ นิฏฺาเปสิ. โมฬิยผคฺคุโนติ ¶ โมฬีติ จูฬา วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ
เวหายสํ อุกฺขิปิ สกฺยปุงฺคโว;
รตนจงฺโกฏวเรน วาสโว,
สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหี’’ติ.
สา ตสฺส คิหิกาเล มหนฺตา อโหสิ. เตนสฺส ‘‘โมฬิยผคฺคุโน’’ติ สงฺขา อุทปาทิ. ปพฺพชิตมฺปิ นํ เตเนว นาเมน สฺชานนฺติ. เอตทโวจาติ เทสนานุสนฺธึ ฆเฏนฺโต เอตํ ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหารํ ¶ อาหาเรตี’’ติ วจนํ อโวจ. ตสฺสตฺโถ – ภนฺเต, โก นาม โส, โย เอตํ วิฺาณาหารํ ขาทติ วา ภฺุชติ วาติ?
กสฺมา ปนายํ อิตเร ตโย อาหาเร อปุจฺฉิตฺวา อิมเมว ปุจฺฉตีติ? ชานามีติ ลทฺธิยา. โส หิ มหนฺเต ปิณฺเฑ กตฺวาว กพฬีการาหารํ ภฺุชนฺเต ปสฺสติ, เตนสฺส ตํ ชานามีติ ลทฺธิ. ติตฺติรวฏฺฏกโมรกุกฺกุฏาทโย ปน มาตุสมฺผสฺเสน ยาเปนฺเต ทิสฺวา ‘‘เอเต ผสฺสาหาเรน ยาเปนฺตี’’ติ ตสฺส ลทฺธิ. กจฺฉปา ปน อตฺตโน อุตุสมเย มหาสมุทฺทโต นิกฺขมิตฺวา สมุทฺทตีเร วาลิกนฺตเร อณฺฑานิ เปตฺวา วาลิกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา มหาสมุทฺทเมว โอตรนฺติ. ตานิ มาตุอนุสฺสรณวเสน น ปูตีนิ โหนฺติ. ตานิ มโนสฺเจตนาหาเรน ยาเปนฺตีติ ตสฺส ลทฺธิ. กิฺจาปิ เถรสฺส อยํ ลทฺธิ, น ปน เอตาย ลทฺธิยา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉติ ¶ . ทิฏฺิคติโก หิ อุมฺมตฺตกสทิโส. ยถา อุมฺมตฺตโก ปจฺฉึ คเหตฺวา อนฺตรวีถึ โอติณฺโณ โคมยมฺปิ ปาสาณมฺปิ คูถมฺปิ ขชฺชขณฺฑมฺปิ ตํ ตํ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ คเหตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปติ. เอวเมว ทิฏฺิคติโก ยุตฺตมฺปิ อยุตฺตมฺปิ ปุจฺฉติ. โส ‘‘กสฺมา อิมํ ปุจฺฉสี’’ติ น นิคฺคเหตพฺโพ, ปุจฺฉิตปุจฺฉิตฏฺาเน ปน คหณเมว ¶ นิเสเธตพฺพํ. เตเนว นํ ภควา ‘‘กสฺมา เอวํ ปุจฺฉสี’’ติ อวตฺวา คหิตคาหเมว ตสฺส โมเจตุํ โน กลฺโล ปฺโหติอาทิมาห.
ตตฺถ โน กลฺโลติ อยุตฺโต. อาหาเรตีติ อหํ น วทามีติ อหํ โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา อาหาเรตีติ น วทามิ. อาหาเรตีติ จาหํ วเทยฺยนฺติ ยทิ อหํ อาหาเรตีติ วเทยฺยํ. ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโหติ ตสฺมึ มยา เอวํ วุตฺเต อยํ ปฺโห ยุตฺโต ภเวยฺย. กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหาโรติ, ภนฺเต, อยํ วิฺาณาหาโร กตมสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโยติ อตฺโถ. ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณนฺติ ตสฺมึ เอวํ ปุจฺฉิเต ปฺเห อิมํ เวยฺยากรณํ ยุตฺตํ ‘‘วิฺาณาหาโร อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา ปจฺจโย’’ติ. เอตฺถ จ วิฺาณาหาโรติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ เตเนว วิฺาเณน สหุปฺปนฺนนามรูปํ. ตสฺมึ ภูเต สติ สฬายตนนฺติ ตสฺมึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติสงฺขาเต นามรูเป ชาเต สติ สฬายตนํ โหตีติ อตฺโถ.
สฬายตนปจฺจยา ¶ ผสฺโสติ อิธาปิ ภควา อุตฺตริ ปฺหสฺส โอกาสํ เทนฺโต เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ทิฏฺิคติโก หิ นวปุจฺฉํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, นิทฺทิฏฺํ นิทฺทิฏฺํเยว ปน คณฺหิตฺวา ปุจฺฉติ, เตนสฺส ภควา โอกาสํ อทาสิ. อตฺโถ ปนสฺส สพฺพปเทสุ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺโพ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ภวตี’’ติ กสฺมา น ปุจฺฉติ? ทิฏฺิคติกสฺส หิ สตฺโต นาม ภูโต นิพฺพตฺโตเยวาติ ลทฺธิ, ตสฺมา อตฺตโน ลทฺธิวิรุทฺธํ อิทนฺติ น ปุจฺฉติ. อปิจ อิทปฺปจฺจยา อิทํ อิทปฺปจฺจยา อิทนฺติ พหูสุ าเนสุ กถิตตฺตา สฺตฺตึ อุปคโต, เตนาปิ น ปุจฺฉติ. สตฺถาปิ ‘‘อิมสฺส พหุํ ปุจฺฉนฺตสฺสาปิ ติตฺติ นตฺถิ, ตุจฺฉปุจฺฉเมว ปุจฺฉตี’’ติ อิโต ปฏฺาย เทสนํ เอกาพทฺธํ กตฺวา เทเสสิ. ฉนฺนํ ตฺเววาติ ยโต ปฏฺาย เทสนารุฬฺหํ, ตเมว คเหตฺวา เทสนํ วิวฏฺเฏนฺโต เอวมาห. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต วิฺาณนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานํ อนฺตเร เอโก, ภวชาตีนํ อนฺตเร เอโกติ. ทุติยํ.
๓. สมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย ¶ สมณา วา พฺราหฺมณา วาติ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถา พาหิรกสมณพฺราหฺมณา. ชรามรณํ นปฺปชานนฺตีติอาทีสุ ชรามรณํ น ชานนฺติ ทุกฺขสจฺจวเสน ¶ , ชรามรณสมุทยํ น ชานนฺติ สห ตณฺหาย ชาติ ชรามรณสฺส สมุทโยติ สมุทยสจฺจวเสน, ชรามรณนิโรธํ น ชานนฺติ นิโรธสจฺจวเสน, ปฏิปทํ น ชานนฺติ มคฺคสจฺจวเสน. ชาตึ น ชานนฺติ ทุกฺขสจฺจวเสน, ชาติสมุทยํ น ชานนฺติ สห ตณฺหาย ภโว ชาติสมุทโยติ สมุทยสจฺจวเสน. เอวํ สห ตณฺหาย สมุทยํ โยเชตฺวา สพฺพปเทสุ จตุสจฺจวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สามฺตฺถํ วา พฺรหฺมฺตฺถํ วาติ เอตฺถ อริยมคฺโค สามฺฺเจว พฺรหฺมฺฺจ. อุภยตฺถาปิ ปน อตฺโถ นาม อริยผลํ เวทิตพฺพํ. อิติ ภควา อิมสฺมึ สุตฺเต เอกาทสสุ าเนสุ จตฺตาริ สจฺจานิ กเถสีติ. ตติยํ.
๔. ทุติยสมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ¶ อิเม ธมฺเม กตเม ธมฺเมติ เอตฺตกํ ปปฺจํ กตฺวา กถิตํ, เทสนํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน อิเม ธมฺเม นปฺปชานนฺตีติอาทิ วุตฺตํ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. จตุตฺถํ.
๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ ยํ ปณฺฑิตา เทวมนุสฺสา เตสุ เตสุ าเนสุ สมฺมาทสฺสนํ วทนฺติ, สพฺพมฺปิ ตํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขิปิตฺวา ปุจฺฉติ. ทฺวยนิสฺสิโตติ ทฺเว โกฏฺาเส นิสฺสิโต. เยภุยฺเยนาติ อิมินา เปตฺวา อริยปุคฺคเล เสสมหาชนํ ทสฺเสติ. อตฺถิตนฺติ สสฺสตํ. นตฺถิตนฺติ อุจฺเฉทํ. โลกสมุทยนฺติ โลโก นาม สงฺขารโลโก, ตสฺส นิพฺพตฺติ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ สมฺมาปฺา นาม สวิปสฺสนา มคฺคปฺา, ตาย ปสฺสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ยา โลเก นตฺถิตาติ สงฺขารโลเก นิพฺพตฺเตสุ ธมฺเมสุ ปฺายนฺเตสฺเวว ยา นตฺถีติ อุจฺเฉททิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย, สา น โหตีติ อตฺโถ. โลกนิโรธนฺติ สงฺขารานํ ภงฺคํ. ยา ¶ โลเก อตฺถิตาติ สงฺขารโลเก ภิชฺชมาเนสุ ธมฺเมสุ ปฺายนฺเตสฺเวว ยา อตฺถีติ สสฺสตทิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย ¶ , สา น โหตีติ อตฺโถ.
อปิจ โลกสมุทยนฺติ อนุโลมปจฺจยาการํ. โลกนิโรธนฺติ ปฏิโลมปจฺจยาการํ. โลกนิสฺสเย ปสฺสนฺตสฺสาปิ หิ ปจฺจยานํ อนุจฺเฉเทน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อนุจฺเฉทํ ปสฺสโต ยา นตฺถีติ อุจฺเฉททิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย, สา น โหติ. ปจฺจยนิโรธํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ปจฺจยนิโรเธน ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธํ ปสฺสโต ยา อตฺถีติ สสฺสตทิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย, สา น โหตีติ อยมฺเปตฺถ อตฺโถ.
อุปยุปาทานาภินิเวสวินิพนฺโธติ อุปเยหิ จ อุปาทาเนหิ จ อภินิเวเสหิ จ วินิพนฺโธ. ตตฺถ อุปยาติ ทฺเว อุปยา ตณฺหุปโย จ ทิฏฺุปโย จ. อุปาทานาทีสุปิ เอเสว นโย. ตณฺหาทิฏฺิโย หิ ยสฺมา อหํ มมนฺติอาทีหิ อากาเรหิ เตภูมกธมฺเม อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, ตสฺมา อุปยาติ ¶ วุจฺจนฺติ. ยสฺมา ปน เต ธมฺเม อุปาทิยนฺติ เจว อภินิวิสนฺติ จ, ตสฺมา อุปาทานาติ จ อภินิเวสาติ จ วุจฺจนฺติ. ตาหิ จายํ โลโก วินิพนฺโธ. เตนาห ‘‘อุปยุปาทานาภินิเวสวินิพนฺโธ’’ติ.
ตฺจายนฺติ ตฺจ อุปยุปาทานํ อยํ อริยสาวโก. เจตโส อธิฏฺานนฺติ จิตฺตสฺส ปติฏฺานภูตํ. อภินิเวสานุสยนฺติ อภินิเวสภูตฺจ อนุสยภูตฺจ. ตณฺหาทิฏฺีสุ หิ อกุสลจิตฺตํ ปติฏฺาติ, ตา จ ตสฺมึ อภินิวิสนฺติ เจว อนุเสนฺติ จ, ตสฺมา ตทุภยํ เจตโส อธิฏฺานํ อภินิเวสานุสยนฺติ จ อาห. น อุเปตีติ น อุปคจฺฉติ. น อุปาทิยตีติ น คณฺหาติ. นาธิฏฺาตีติ น อธิฏฺาติ, กินฺติ? อตฺตา เมติ. ทุกฺขเมวาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธมตฺตเมว. น กงฺขตีติ ‘‘ทุกฺขเมว อุปฺปชฺชติ, ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อฺโ เอตฺถ สตฺโต นาม อตฺถี’’ติ กงฺขํ น กโรติ. น วิจิกิจฺฉตีติ น วิจิกิจฺฉํ อุปฺปาเทติ.
อปรปฺปจฺจยาติ น ปรปฺปจฺจเยน, อฺสฺส อปตฺติยาเยตฺวา อตฺตปจฺจกฺขาณเมวสฺส เอตฺถ โหตีติ. เอตฺตาวตา ¶ โข, กจฺจาน, สมฺมาทิฏฺิ โหตีติ เอวํ สตฺตสฺาย ปหีนตฺตา เอตฺตเกน สมฺมาทสฺสนํ นาม โหตีติ มิสฺสกสมฺมาทิฏฺึ อาห. อยเมโก อนฺโตติ เอส เอโก นิกูฏนฺโต ¶ ลามกนฺโต ปมกํ สสฺสตํ. อยํ ทุติโยติ เอส ทุติโย สพฺพํ นตฺถีติ อุปฺปชฺชนกทิฏฺิสงฺขาโต นิกูฏนฺโต ลามกนฺโต ทุติยโก อุจฺเฉโทติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ปฺจมํ.
๖. ธมฺมกถิกสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ นิพฺพิทายาติ นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคายาติ วิรชฺชนตฺถาย. นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถาย. ปฏิปนฺโน โหตีติ เอตฺถ สีลโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา ปฏิปนฺโนติ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโนติ โลกุตฺตรสฺส นิพฺพานธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. อนุธมฺมภูตนฺติ อนุรูปสภาวภูตํ. นิพฺพิทา วิราคา นิโรธาติ นิพฺพิทาย เจว วิราเคน จ นิโรเธน จ. อนุปาทา วิมุตฺโตติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กิฺจิ ธมฺมํ อนุปาทิยิตฺวา วิมุตฺโต. ทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโตติ ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺโต. อลํ วจนายาติ, เอวํ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ยุตฺโต อนุจฺฉวิโกติ อตฺโถ ¶ . เอวเมตฺถ เอเกน นเยน ธมฺมกถิกสฺส ปุจฺฉา กถิตา, ทฺวีหิ ตํ วิเสเสตฺวา เสกฺขาเสกฺขภูมิโย นิทฺทิฏฺาติ. ฉฏฺํ.
๗. อเจลกสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม อเจโล กสฺสโปติ ลิงฺเคน อเจโล นิจฺเจโล, นาเมน กสฺสโป. ทูรโตวาติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวุตํ อาคจฺฉนฺตํ ทูรโต เอว อทฺทส. กิฺจิเทว เทสนฺติ กิฺจิเทว การณํ. โอกาสนฺติ ปฺหพฺยากรณสฺส ขณํ กาลํ. อนฺตรฆรนฺติ ‘‘น ปลฺลตฺถิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามี’’ติ เอตฺถ อนฺโตนิเวสนํ อนฺตรฆรํ. ‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขุ อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’’ติ เอตฺถ อินฺทขีลโต ปฏฺาย อนฺโตคาโม. อิธาปิ อยเมว อธิปฺเปโต. ยทากงฺขสีติ ¶ ยํ อิจฺฉสิ.
กสฺมา ปน ภควา กเถตุกาโม ยาวตติยํ ปฏิกฺขิปีติ? คารวชนนตฺถํ. ทิฏฺิคติกา หิ ขิปฺปํ กถิยมาเน คารวํ น กโรนฺติ, ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตุมฺปิ ปุจฺฉิตุมฺปิ สุกรํ, ปุจฺฉิตมตฺเตเยว กเถตี’’ติ วจนมฺปิ น สทฺทหนฺติ. ทฺเว ตโย วาเร ปฏิกฺขิตฺเต ปน คารวํ กโรนฺติ, ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตุมฺปิ ปฺหํ ปุจฺฉิตุมฺปิ ทุกฺกร’’นฺติ ¶ ยาวตติยํ ยาจิเต กถิยมานํ สุสฺสูสนฺติ สทฺทหนฺติ. อิติ ภควา ‘‘อยํ สุสฺสูสิสฺสติ สทฺทหิสฺสตี’’ติ ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา กเถสิ. อปิจ ยถา ภิสกฺโก เตลํ วา ผาณิตํ วา ปจนฺโต มุทุปากขรปากานํ ปากกาลํ อาคมยมาโน ปากกาลํ อนติกฺกมิตฺวาว โอตาเรติ. เอวํ ภควา สตฺตานํ าณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส าณํ ปริปากํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวาว ยาวตติยํ ยาจาเปสิ.
มา เหวํ, กสฺสปาติ, กสฺสป, มา เอวํ ภณิ. สยํกตํ ทุกฺขนฺติ หิ วตฺตุํ น วฏฺฏติ, อตฺตา นาม โกจิ ทุกฺขสฺส การโก นตฺถีติ ทีเปติ. ปรโตปิ เอเสว นโย. อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อการเณน ยทิจฺฉาย อุปฺปนฺนํ. อิติ ปุฏฺโ สมาโนติ กสฺมา เอวมาห? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ‘สยํกตํ ทุกฺข’นฺติอาทินา ปุฏฺโ ‘มา เหว’นฺติ วทติ, ‘นตฺถี’ติ ปุฏฺโ ‘อตฺถี’ติ วทติ. ‘ภวํ โคตโม ทุกฺขํ น ชานาติ น ปสฺสตี’ติ ปุฏฺโ ‘ชานามิ ขฺวาห’นฺติ วทติ. กิฺจิ นุ โข มยา วิรชฺฌิตฺวา ปุจฺฉิโต’’ติ มูลโต ¶ ปฏฺาย อตฺตโน ปุจฺฉเมว โสเธนฺโต เอวมาห. อาจิกฺขตุ จ เม, ภนฺเต, ภควาติ อิธ สตฺถริ สฺชาตคารโว ‘‘ภว’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วทติ.
โส กโรตีติอาทิ, ‘‘สยํกตํ ทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สโตติ อิทํ ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมา เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – โส กโรติ โส ปฏิสํเวทยตีติ โข, กสฺสป, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ปจฺฉา สยํกตํ ทุกฺขนฺติ อยํ ลทฺธิ โหติ. เอตฺถ จ ทุกฺขนฺติ วฏฺฏทุกฺขํ อธิปฺเปตํ. อิติ วทนฺติ เอตสฺส ปุริเมน อาทิสทฺเทน อนนฺตเรน จ สสฺสตสทฺเทน ¶ สมฺพนฺโธ โหติ. ‘‘ทีเปติ คณฺหาตี’’ติ อยํ ปเนตฺถ ปาเสโส. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – อิติ เอวํ วทนฺโต อาทิโตว สสฺสตํ ทีเปติ, สสฺสตํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, การกฺจ เวทกฺจ เอกเมว คณฺหนฺตํ เอตํ สสฺสตํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.
อฺโ กโรตีติอาทิ ปน ‘‘ปรํกตํ ทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘อาทิโต สโต’’ติ อิทํ ปน อิธาปิ อาหริตพฺพํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – อฺโ กโรติ อฺโ ปฏิสํเวทิยตีติ โข ปน, กสฺสป, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ, ปจฺฉา ‘‘การโก อิเธว อุจฺฉิชฺชติ, เตน กตํ อฺโ ปฏิสํเวทิยตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ สมฺปยุตฺตาย ¶ เวทนาย อภิตุนฺนสฺส วิทฺธสฺส สโต ‘‘ปรํกตํ ทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหตีติ. อิติ วทนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. ตตฺรายํ โยชนา – เอวฺจ วทนฺโต อาทิโตว อุจฺเฉทํ ทีเปติ, อุจฺเฉทํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ อุจฺเฉทํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.
เอเต เตติ เย สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาเต อุโภ อนฺเต (อนุปคมฺม ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, เอเต เต, กสฺสป, อุโภ อนฺเต) อนุปคมฺม ปหาย อนลฺลียิตฺวา มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, มชฺฌิมาย ปฏิปทาย ิโต เทเสตีติ อตฺโถ. กตรํ ธมฺมนฺติ เจ? ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ. เอตฺถ หิ การณโต ผลํ, การณนิโรเธน จสฺส นิโรโธ ทีปิโต, น โกจิ การโก วา เวทโก วา ¶ นิทฺทิฏฺโ. เอตฺตาวตา เสสปฺหา ปฏิเสธิตา โหนฺติ. อุโภ อนฺเต อนุปคมฺมาติ อิมินา หิ ตติยปฺโห ปฏิกฺขิตฺโต. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิมินา อธิจฺจสมุปฺปนฺนตา เจว อชานนฺจ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ลเภยฺยนฺติ อิทํ โส ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุภาวํ ปตฺถยมาโน อาห. อถ ภควา โยเนน ขนฺธเก ติตฺถิยปริวาโส (มหาว. ๘๖) ปฺตฺโต, ยํ อฺติตฺถิยปุพฺโพ สามเณรภูมิยํ ิโต ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิตฺถนฺนาโม อฺติตฺถิยปุพฺโพ ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขามิ อุปสมฺปทํ. สฺวาหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ จตฺตาโร มาเส ปริวาสํ ยาจามี’’ติอาทินา นเยน สมาทิยิตฺวา ปริวสติ, ตํ สนฺธาย โย โข, กสฺสป, อฺติตฺถิยปุพฺโพติอาทิมาห. ตตฺถ ปพฺพชฺชนฺติ วจนสิลิฏฺตาวเสน วุตฺตํ. อปริวสิตฺวาเยว หิ ปพฺพชฺชํ ลภติ. อุปสมฺปทตฺถิเกน ปน นาติกาเลน คามปฺปเวสนาทีนิ อฏฺ วตฺตานิ ปูเรนฺเตน ปริวสิตพฺพํ. อารทฺธจิตฺตาติ อฏฺวตฺตปูรเณน ตุฏฺจิตฺตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนส ติตฺถิยปริวาโส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย ปพฺพชฺชกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฏฺ. ๘๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อปิจ มยาติ อยเมตฺถ ปาโ, อฺตฺถ ปน ‘‘อปิจ เมตฺถา’’ติ. ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํ. ‘‘อยํ ปุคฺคโล ปริวาสารโห, อยํ น ปริวาสารโห’’ติ อิทํ มยฺหํ ปากฏนฺติ ทสฺเสติ. ตโต กสฺสโป จินฺเตสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอวํ ฆํสิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ยุตฺตเมว คณฺหนฺติ, อยุตฺตํ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ. ตโต สุฏฺุตรํ ปพฺพชฺชาย สฺชาตุสฺสาโห ¶ สเจ, ภนฺเตติอาทิมาห. อถ ภควา ตสฺส ติพฺพจฺฉนฺทตํ วิทิตฺวา ‘‘น กสฺสโป ปริวาสํ อรหตี’’ติ อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, กสฺสปํ นหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตถา กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. ภควา คเณ นิสีทิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. เตน วุตฺตํ อลตฺถ โข อเจโล กสฺสโป ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทนฺติ. อจิรูปสมฺปนฺโนติอาทิ เสสํ พฺราหฺมณสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) วุตฺตเมวาติ. สตฺตมํ.
๘. ติมฺพรุกสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม ¶ สา เวทนาติอาทิ ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา นิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺถาปิ สโตติ ภุมฺมตฺเถเยว สามิวจนํ. ตตฺรายํ อตฺถทีปนา – ‘‘สา เวทนา, โส เวทิยตี’’ติ โข, ติมฺพรุก, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหติ. เอวฺหิ สติ เวทนาย เอว ¶ เวทนา กตา โหติ. เอวฺจ วทนฺโต อิมิสฺสา เวทนาย ปุพฺเพปิ อตฺถิตํ อนุชานาติ, สสฺสตํ ทีเปติ สสฺสตํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ สสฺสตํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ. ปุริมฺหิ อตฺถํ สนฺธาเยเวตํ ภควตา วุตฺตํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ตํ โยเชตฺวาวสฺส อตฺโถ ทีปิโต. เอวมฺปาหํ น วทามีติ อหํ ‘‘สา เวทนา, โส เวทิยตี’’ติ เอวมฺปิ น วทามิ. ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ เอวมฺปิ น วทามีติ อตฺโถ.
อฺา เวทนาติอาทิ ‘‘ปรํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. อิธาปิ อยํ อตฺถโยชนา –‘‘อฺา เวทนา อฺโ เวทิยตี’’ติ โข, ติมฺพรุก, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ปจฺฉา ยา ปุริมปกฺเข การกเวทนา, สา อุจฺฉินฺนา. ตาย ปน กตํ อฺโ เวทิยตีติ เอวํ อุปฺปนฺนาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ สมฺปยุตฺตาย เวทนาย อภิตุนฺนสฺส สโต ‘‘ปรํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหติ. เอวฺจ วทนฺโต การโก อุจฺฉินฺโน, อฺเน ปฏิสนฺธิ คหิตาติ อุจฺเฉทํ ทีเปติ, อุจฺเฉทํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ อุจฺเฉทํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ. อิธาปิ หิ อิมานิ ปทานิ อฏฺกถายํ อาหริตฺวา โยชิตาเนว. อิมสฺมึ สุตฺเต เวทนาสุขทุกฺขํ กถิตํ. ตฺจ โข วิปากสุขทุกฺขเมว วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. อฏฺมํ.
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ¶ อวิชฺชานีวรณสฺสาติ อวิชฺชาย นิวาริตสฺส. เอวมยํ กาโย สมุทาคโตติ เอวํ อวิชฺชาย นิวาริตตฺตา ตณฺหาย จ สมฺปยุตฺตตฺตาเยว อยํ กาโย นิพฺพตฺโต. อยฺเจว กาโยติ อยฺจสฺส อตฺตโน สวิฺาณโก กาโย. พหิทฺธา จ นามรูปนฺติ พหิทฺธา จ ปเรสํ สวิฺาณโก กาโย. อตฺตโน จ ปรสฺส จ ปฺจหิ ¶ ขนฺเธหิ ฉหิ อายตเนหิ จาปิ อยํ อตฺโถ ทีเปตพฺโพว. อิตฺเถตํ ทฺวยนฺติ เอวเมตํ ทฺวยํ. ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโสติ อฺตฺถ จกฺขุรูปาทีนิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา, อิธ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรานิ ¶ อายตนานิ. มหาทฺวยํ นาม กิเรตํ. สเฬวายตนานีติ สเฬว ผสฺสายตนานิ ผสฺสการณานิ. เยหิ ผุฏฺโติ เยหิ การณภูเตหิ อายตเนหิ อุปฺปนฺเนน ผสฺเสน ผุฏฺโ. อฺตเรนาติ เอตฺถ ปริปุณฺณวเสน อฺตรตา เวทิตพฺพา. ตตฺราติ ตสฺมึ พาลปณฺฑิตานํ กายนิพฺพตฺตนาทิมฺหิ. โก อธิปฺปยาโสติ โก อธิกปโยโค.
ภควํมูลกาติ ภควา มูลํ เอเตสนฺติ ภควํมูลกา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม, ภนฺเต, อมฺหากํ ธมฺมา ปุพฺเพ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธน อุปฺปาทิตา, ตสฺมึ ปรินิพฺพุเต เอกํ พุทฺธนฺตรํ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ธมฺเม อุปฺปาเทตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ, ภควตา ปน โน อิเม ธมฺมา อุปฺปาทิตา. ภควนฺตฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธมฺเม อาชานาม ปฏิวิชฺฌามาติ เอวํ ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมาติ. ภควํเนตฺติกาติ ภควา หิ ธมฺมานํ เนตา วิเนตา อนุเนตา, ยถาสภาวโต ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ คเหตฺวา ทสฺเสตาติ ธมฺมา ภควํเนตฺติกา นาม โหนฺติ. ภควํปฏิสรณาติ จตุภูมกธมฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉมานา ภควติ ปฏิสรนฺติ นามาติ ภควํปฏิสรณา. ปฏิสรนฺตีติ สโมสรนฺติ. อปิจ มหาโพธิมณฺเฑ นิสินฺนสฺส ภควโต ปฏิเวธวเสน ผสฺโส อาคจฺฉติ ‘‘อหํ ภควา กินฺนาโม’’ติ? ตฺวํ ผุสนฏฺเน ผสฺโส นาม. เวทนา, สฺา, สงฺขารา, วิฺาณํ อาคจฺฉติ ‘‘อหํ ภควา กินฺนาม’’นฺติ, ตฺวํ วิชานนฏฺเน วิฺาณํ นามาติ เอวํ จตุภูมกธมฺมานํ ยถาสภาวโต ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ คณฺหนฺโต ภควา ธมฺเม ปฏิสรตีติ ภควํปฏิสรณา. ภควนฺตํเยว ปฏิภาตูติ ภควโตว เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ อุปฏฺาตุ, ตุมฺเหเยว โน กเถตฺวา เทถาติ อตฺโถ.
สา ¶ เจว อวิชฺชาติ เอตฺถ กิฺจาปิ สา อวิชฺชา จ ตณฺหา จ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตฺวา นิรุทฺธา, ยถา ปน อชฺชาปิ ยํ หิยฺโย เภสชฺชํ ปีตํ, ตเทว โภชนํ ภฺุชาติ สริกฺขกตฺเตน ตเทวาติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ¶ สา เจว อวิชฺชา สา จ ตณฺหาติ อิทมฺปิ สริกฺขกตฺเตน วุตฺตํ. พฺรหฺมจริยนฺติ ¶ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ทุกฺขกฺขยายาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ขยตฺถาย. กายูปโค โหตีติ อฺํ ปฏิสนฺธิกายํ อุปคนฺตา โหติ. ยทิทํ พฺรหฺมจริยวาโสติ โย อยํ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส, อยํ พาลโต ปณฺฑิตสฺส วิเสโสติ ทสฺเสติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺโพปิ สปฏิสนฺธิโก ปุถุชฺชโน ‘‘พาโล’’ติ, อปฺปฏิสนฺธิโก ขีณาสโว ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุตฺโต. โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน ปน ‘‘ปณฺฑิตา’’ติ วา ‘‘พาลา’’ติ วา น วตฺตพฺพา, ภชมานา ปน ปณฺฑิตปกฺขํ ภชนฺติ. นวมํ.
๑๐. ปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ปฏิจฺจสมุปฺปาทฺจ โว ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเน จ ธมฺเมติ สตฺถา อิมสฺมึ สุตฺเต ปจฺจเย จ ปจฺจยนิพฺพตฺเต จ สภาวธมฺเม เทเสสฺสามีติ อุภยํ อารภิ. อุปฺปาทา วา ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ อุปฺปาเทปิ, พุทฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุ อนุปฺปนฺเนสุปิ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, ชาติเยว ชรามรณสฺส ปจฺจโย. ิตาว สา ธาตูติ ิโตว โส ปจฺจยสภาโว, น กทาจิ ชาติ ชรามรณสฺส ปจฺจโย น โหติ. ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตาติ อิเมหิปิ ทฺวีหิ ปจฺจยเมว กเถติ. ปจฺจเยน หิ ปจฺจยุปฺปนฺนา ธมฺมา ติฏฺนฺติ, ตสฺมา ปจฺจโยว ‘‘ธมฺมฏฺิตตา’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจโย ธมฺเม นิยเมติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมนิยามตา’’ติ วุจฺจติ. อิทปฺปจฺจยตาติ อิเมสํ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยาว อิทปฺปจฺจยตา. ตนฺติ ตํ ปจฺจยํ. อภิสมฺพุชฺฌตีติ าเณน อภิสมฺพุชฺฌติ. อภิสเมตีติ าเณน อภิสมาคจฺฉติ. อาจิกฺขตีติ กเถติ. เทเสตีติ ทสฺเสติ. ปฺาเปตีติ ชานาเปติ. ปฏฺเปตีติ าณมุเข เปติ. วิวรตีติ วิวริตฺวา ทสฺเสติ. วิภชตีติ วิภาคโต ทสฺเสติ. อุตฺตานีกโรตีติ ปากฏํ กโรติ. ปสฺสถาติ จาหาติ ปสฺสถ อิติ จ วทติ. กินฺติ? ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณนฺติอาทิ.
อิติ ¶ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเว. ยา ตตฺราติ ยา เตสุ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทีสุ. ตถตาติอาทีนิ ปจฺจยาการสฺเสว เววจนานิ. โส เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ¶ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺภวโต ตถตาติ, สามคฺคึ อุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโต นิพฺพตฺตานํ ธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต อวิตถตาติ, อฺธมฺมปจฺจเยหิ ¶ อฺธมฺมานุปฺปตฺติโต อนฺถตาติ, ชรามรณาทีนํ ปจฺจยโต วา ปจฺจยสมูหโต วา อิทปฺปจฺจยตาติ วุตฺโต. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตา. ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต เวทิตพฺพํ.
อนิจฺจนฺติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ. เอตฺถ จ อนิจฺจนฺติ น ชรามรณํ อนิจฺจํ, อนิจฺจสภาวานํ ปน ขนฺธานํ ชรามรณตฺตา อนิจฺจํ นาม ชาตํ. สงฺขตาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ สงฺขตนฺติ ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ ปจฺจเย นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ. ขยธมฺมนฺติ ขยสภาวํ. วยธมฺมนฺติ วิคจฺฉนกสภาวํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนกสภาวํ. นิโรธธมฺมนฺติ นิรุชฺฌนกสภาวํ. ชาติยาปิ วุตฺตนเยเนว อนิจฺจตา เวทิตพฺพา. ชนกปจฺจยานํ วา กิจฺจานุภาวกฺขเณ ทิฏฺตฺตา เอเกน ปริยาเยเนตฺถ อนิจฺจาติอาทีนิ ยุชฺชนฺติเยว. ภวาทโย อนิจฺจาทิสภาวาเยว.
สมฺมปฺปฺายาติ สวิปสฺสนาย มคฺคปฺาย. ปุพฺพนฺตนฺติ ปุริมํ อตีตนฺติ อตฺโถ. อโหสึ นุ โขติอาทีสุ ‘‘อโหสึ นุ โข นนุ โข’’ติ สสฺสตาการฺจ อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพํ, อุมฺมตฺตโก วิย พาลปุถุชฺชโน ยถา วา ตถา วา ปวตฺตติ. กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคุปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. กถํ นุ โขติ ¶ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ รสฺสโอทาตกณฺหปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. เกจิ ปน ‘‘อิสฺสรนิมฺมานาทีนิ นิสฺสาย ‘เกน นุ โข การเณน อโหสิ’นฺติ เหตุโต กงฺขตี’’ติ วทนฺติ. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา มนุสฺโส’’ติ อตฺตโน ปรมฺปรํ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว ปน อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนเมตํ. อปรนฺตนฺติ อนาคตํ อนฺตํ. ภวิสฺสามิ นุ โข นนุ โขติ สสฺสตาการฺจ อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
เอตรหิ ¶ ¶ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานนฺติ อิทานิ วา ปฏิสนฺธิมาทึ กตฺวา จุติปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ วตฺตมานกาลํ คเหตฺวา. อชฺฌตฺตํ กถํกถี ภวิสฺสตีติ อตฺตโน ขนฺเธสุ วิจิกิจฺฉี ภวิสฺสติ. อหํ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. ยุตฺตํ ปเนตนฺติ? ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อปิเจตฺถ อิทํ วตฺถุมฺปิ อุทาหรนฺติ – จูฬมาตาย กิร ปุตฺโต มุณฺโฑ, มหามาตาย ปุตฺโต อมุณฺโฑ, ตํ ปุตฺตํ มุณฺเฑสุํ, โส อุฏฺาย ‘‘อหํ นุ โข จูฬมาตาย ปุตฺโต’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ อหํ นุ โขสฺมีติ กงฺขา โหติ. โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. ตตฺราปิ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร มจฺเฉ คณฺหนฺโต อุทเก จิรฏฺาเนน สีติภูตํ อตฺตโน อูรุํ มจฺโฉติ จินฺเตตฺวา ปหริ. อปโร สุสานปสฺเส เขตฺตํ รกฺขนฺโต ภีโต สงฺกุฏิโต สยิ, โส ปฏิพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน ชณฺณุกานิ ทฺเว ยกฺขาติ จินฺเตตฺวา ปหริ. เอวํ โน นุ โขสฺมีติ กงฺขติ.
กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. เทโว ปน สมาโน เทวภาวํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ, โสปิ ปน ‘‘อหํ รูปี นุ โข อรูปี นุ โข’’ติอาทินา นเยน กงฺขติ. ขตฺติยาทโย กสฺมา น ชานนฺตีติ เจ? อปจฺจกฺขา ¶ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ กุเล อุปฺปตฺติ. คหฏฺาปิ จ โปตฺถลิกาทโย ปพฺพชิตสฺิโน, ปพฺพชิตาปิ ‘‘กุปฺปํ นุ โข เม กมฺม’’นฺติอาทินา นเยน คหฏฺสฺิโน. มนุสฺสาปิ จ ราชาโน วิย อตฺตนิ เทวสฺิโน โหนฺติ. กถํ นุ โขสฺมีติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเหตฺถ อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถีติ คเหตฺวา ตสฺส สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โขสฺมิ รสฺสจตุรสฺสฉฬํสอฏฺํสโสฬสํสาทีนํ อฺตรปฺปกาโร’’ติ กงฺขนฺโต กถํ นุ โขสฺมีติ? กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. สรีรสณฺานํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. กุโต อาคโต โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขนฺโต เอวํ กงฺขติ. อริยสาวกสฺสาติ อิธ โสตาปนฺโน อธิปฺเปโต, อิตเรปิ ปน ตโย อวาริตาเยวาติ. ทสมํ.
อาหารวคฺโค ทุติโย.
๓. ทสพลวคฺโค
๑. ทสพลสุตฺตวณฺณนา
๒๑. ทสพลวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมํ ทุติยสฺเสว สงฺเขโป.
๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา
๒๒. ทุติยํ ภควตา อตฺตโน อชฺฌาสยสฺส วเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ทสพลสมนฺนาคโตติ ทสหิ พเลหิ สมนฺนาคโต. พลฺจ นาเมตํ ทุวิธํ กายพลฺจ าณพลฺจ. เตสุ ตถาคตสฺส กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ.(ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; วิภ. อฏฺ. ๗๖๐); –
อิมานิ ทส หตฺถิกุลานิ. ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฏฺพฺพํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺส. ยํ ทสนฺนํ ¶ คงฺเคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺส. ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺส. ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺส. ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺส. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส. นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ. ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฏิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ. ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต’’ติ เอตฺถ ปน เอตํ สงฺคหํ น คจฺฉติ. เอตฺหิ พาหิรกํ ลามกํ ติรจฺฉานคตานํ สีหาทีนมฺปิ โหติ. เอตฺหิ นิสฺสาย ทุกฺขปริฺา วา สมุทยปฺปหานํ วา มคฺคภาวนา วา ผลสจฺฉิกิริยา วา ¶ นตฺถิ. อฺํ ปน ทสสุ าเนสุ อกมฺปนตฺเถน อุปตฺถมฺภนตฺเถน จ ทสวิธํ าณพลํ นาม อตฺถิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต’’ติ.
กตมํ ¶ ปน ตนฺติ? านาฏฺานาทีนํ ยถาภูตํ ชานนํ. เสยฺยถิทํ – านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ชานนํ เอกํ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส ยถาภูตํ วิปากชานนํ เอกํ, สพฺพตฺถคามินิปฏิปทาชานนํ เอกํ, อเนกธาตุนานาธาตุโลกชานนํ เอกํ, ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ นานาธิมุตฺติกตาชานนํ เอกํ, เตสํเยว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตชานนํ เอกํ, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสโวทานวุฏฺานชานนํ เอกํ, ปุพฺเพนิวาสชานนํ เอกํ, สตฺตานํ จุตูปปาตชานนํ เอกํ, อาสวกฺขยชานนํ เอกนฺติ. อภิธมฺเม ปน –
‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมฺปิ ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ ¶ , ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติ.
อาทินา (วิภ. ๗๖๐) นเยน วิตฺถารโต อาคตาเนว. อตฺถวณฺณนาปิ เนสํ วิภงฺคฏฺกถายฺเจว (วิภ. อฏฺ. ๗๖๐) ปปฺจสูทนิยา จ มชฺฌิมฏฺกถาย (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘) สพฺพาการโต วุตฺตา. สา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพา.
จตูหิ จ เวสารชฺเชหีติ เอตฺถ สารชฺชปฏิปกฺขํ เวสารชฺชํ, จตูสุ าเนสุ เวสารชฺชภาวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนโสมนสฺสมยาณสฺเสตํ นามํ. กตเมสุ จตูสุ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติอาทีสุ โจทนาวตฺถูสุ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ…เป…. กตมานิ จตฺตาริ? ‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สห ธมฺเมน ¶ ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ. ‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต ¶ อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ ตตฺร วต มํ…เป… ‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ ตตฺร วต มํ…เป… ‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา…เป… เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘).
อาสภํ านนฺติ เสฏฺฏฺานํ อุตฺตมฏฺานํ. อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ านนฺติ อตฺโถ. อปิจ ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, วชสตเชฏฺโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, สพฺพควเสฏฺโ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสทฺเทหิปิ อสมฺปกมฺปิโย นิสโภ, โส อิธ อุสโภติ อธิปฺเปโต. อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ. านนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อวฏฺานํ (ม. นิ. ๑.๑๕๐). อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํ. ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน ¶ สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฏฺปริสปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิตฺเตน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ. เอวํ ติฏฺมาโน จ ตํ อาสภํ านํ ปฏิชานาติ อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ, อตฺตนิ อาโรเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาสภํ านํ ปฏิชานาตี’’ติ.
ปริสาสูติ ‘‘อฏฺ โข อิมา, สาริปุตฺต, ปริสา. กตมา อฏฺ? ขตฺติยปริสา พฺราหฺมณปริสา คหปติปริสา สมณปริสา จาตุมหาราชิกปริสา ตาวตึสปริสา มารปริสา พฺรหฺมปริสา’’ติ, อิมาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ. สีหนาทํ นทตีติ เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติ. อยมตฺโถ สีหนาทสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ. ยถา วา สีโห สหนโต เจว หนนโต จ สีโหติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต โลกธมฺมานํ สหนโต ปรปฺปวาทานฺจ หนนโต สีโหติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ สีหนาทํ. ตตฺถ ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ ¶ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฏฺสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส, ‘‘อิติ รูป’’นฺติอาทินา ¶ นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ.
พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฏฺํ อุตฺตมํ, วิสุทฺธสฺส ธมฺมจกฺกสฺเสตํ อธิวจนํ. ตํ ปน ธมฺมจกฺกํ ทุวิธํ โหติ ปฏิเวธาณฺจ เทสนาาณฺจ. ตตฺถ ปฺาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฏิเวธาณํ, กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาาณํ. ตตฺถ ปฏิเวธาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ตุสิตภวนโต วา ยาว มหาโพธิปลฺลงฺเก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ทีปงฺกรโต วา ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ ¶ , ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. เทสนาาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ ยาว อฺาสิโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นาม. เตสุ ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาาณํ โลกิยํ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อฺเหิ อสาธารณํ พุทฺธานํเยว โอรสาณํ.
อิทานิ ยํ อิมินา าเณน สมนฺนาคโต สีหนาทํ นทติ, ตํ ทสฺเสตุํ อิติ รูปนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถีติ รุปฺปนสภาวฺเจว ภูตุปาทายเภทฺจ อาทึ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน อนวเสสรูปปริคฺคโห วุตฺโต. อิติ รูปสฺส สมุทโยติ อิมินา เอวํ ปริคฺคหิตสฺส รูปสฺส สมุทโย วุตฺโต. ตตฺถ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อตฺโถ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย ตณฺหาสมุทยา, กมฺมสมุทยา อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) เอวํ เวทิตพฺโพ. อตฺถงฺคเมปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ…เป… วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธํ ปสฺสตี’’ติ อยํ วิตฺถาโร.
อิติ เวทนาติอาทีสุปิ อยํ เวทนา เอตฺตกา เวทนา, อิโต อุทฺธํ เวทนา นตฺถิ, อยํ สฺา, อิเม สงฺขารา, อิทํ วิฺาณํ เอตฺตกํ วิฺาณํ ¶ , อิโต อุทฺธํ วิฺาณํ นตฺถีติ เวทยิตสฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนสภาวฺเจว สุขาทิรูปสฺาทิผสฺสาทิจกฺขุวิฺาณาทิเภทฺจ อาทึ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน อนวเสสเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณปริคฺคโห ¶ วุตฺโต. อิติ เวทนาย สมุทโยติอาทีหิ ปน เอวํ ปริคฺคหิตานํ เวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณานํ สมุทโย วุตฺโต. ตตฺราปิ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อตฺโถ. เตสมฺปิ วิตฺถาโร ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) รูเป วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – ตีสุ ขนฺเธสุ ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ อวตฺวา ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ, วิฺาณกฺขนฺเธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ. อตฺถงฺคมปทมฺปิ เตสํเยว วเสน โยเชตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน อุทยพฺพยวินิจฺฉโย สพฺพาการปริปูโร วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
อิมสฺมึ ¶ สติ อิทํ โหตีติ อยมฺปิ อปโร สีหนาโท. ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชติ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย อสติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ น โหติ. อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ นิรุชฺฌติ. อิทานิ ยถา ตํ โหติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทิมาห.
เอวํ สฺวากฺขาโตติ เอวํ ปฺจกฺขนฺธวิภชนาทิวเสน สุฏฺุ อกฺขาโต กถิโต. ธมฺโมติ ปฺจกฺขนฺธปจฺจยาการธมฺโม. อุตฺตาโนติ อนิกุชฺชิโต. วิวโฏติ วิวริตฺวา ปิโต. ปกาสิโตติ ทีปิโต โชติโต. ฉินฺนปิโลติโกติ ปิโลติกา วุจฺจติ ฉินฺนํ ภินฺนํ ตตฺถ ตตฺถ สิพฺพิตคณฺิตํ ชิณฺณวตฺถํ, ตํ ยสฺส นตฺถีติ อฏฺหตฺถํ นวหตฺถํ วา อหตสาฏกํ นิวตฺโถ, โส ฉินฺนปิโลติโก นาม. อยมฺปิ ธมฺโม ตาทิโส. น เหตฺถ โกหฺาทิวเสน ฉินฺนภินฺนสิพฺพิตคณฺิตภาโว อตฺถิ. อปิจ ขุทฺทกสาฏโกปิ ปิโลติกาติ วุจฺจติ, สา ยสฺส นตฺถิ, อฏฺนวหตฺโถ มหาปโฏ อตฺถิ, โสปิ ฉินฺนปิโลติโก, อปคตปิโลติโกติ อตฺโถ. ตาทิโส อยํ ธมฺโม. ยถา หิ จตุหตฺถํ สาฏกํ ¶ คเหตฺวา ปริคฺคหณํ กโรนฺโต ปุริโส อิโต จิโต จ อฺฉนฺโต กิลมติ, เอวํ พาหิรกสมเย ปพฺพชิตา อตฺตโน ปริตฺตกํ ธมฺมํ ‘‘เอวํ สติ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ กปฺเปตฺวา กปฺเปตฺวา วฑฺเฒนฺตา กิลมนฺติ. ยถา ปน อฏฺหตฺถนวหตฺเถน ปริคฺคหณํ กโรนฺโต ยถารุจิ ปารุปติ น กิลมติ, นตฺถิ ตตฺถ อฺฉิตฺวา วฑฺฒนกิจฺจํ; เอวํ อิมสฺมิมฺปิ ธมฺเม กปฺเปตฺวา กปฺเปตฺวา วิภชนกิจฺจํ นตฺถิ, เตหิ เตหิ การเณหิ มยาว อยํ ธมฺโม สุวิภตฺโต สุวิตฺถาริโตติ อิทมฺปิ สนฺธาย ‘‘ฉินฺนปิโลติโก’’ติ อาห. อปิจ ¶ กจวโรปิ ¶ ปิโลติกาติ วุจฺจติ, อิมสฺมิฺจ สาสเน สมณกจวรํ นาม ปติฏฺาตุํ น ลภติ. เตเนวาห –
‘‘การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ;
ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน.
‘‘นิทฺธมิตฺวาน ปาปิจฺเฉ, ปาปอาจารโคจเร;
สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ, กปฺปยวฺโห ปติสฺสตา;
ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติ. (อ. นิ. ๘.๑๐);
อิติ สมณกจวรสฺส ฉินฺนตฺตาปิ อยํ ธมฺโม ฉินฺนปิโลติโก นาม โหติ.
อลเมวาติ ยุตฺตเมว. สทฺธาปพฺพชิเตนาติ สทฺธาย ปพฺพชิเตน. กุลปุตฺเตนาติ ทฺเว กุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺโต ชาติกุลปุตฺโต จ. ตตฺถ โย ยโต กุโตจิ กุลา ปพฺพชิตฺวา สีลาทโย ปฺจ ธมฺมกฺขนฺเธ ปูเรติ, อยํ อาจารกุลปุตฺโต นาม. โย ปน ยสกุลปุตฺตาทโย วิย ชาติสมฺปนฺนกุลา ปพฺพชิโต, อยํ ชาติกุลปุตฺโต นาม. เตสุ อิธ อาจารกุลปุตฺโต อธิปฺเปโต. สเจ ปน ชาติกุลปุตฺโต อาจารวา โหติ, อยํ อุตฺตโมเยว. เอวรูเปน กุลปุตฺเตน. วีริยํ อารภิตุนฺติ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ กาตุํ. อิทานิสฺส จตุรงฺคํ ทสฺเสนฺโต กามํ ตโจ จาติอาทิมาห. เอตฺถ หิ ตโจ เอกํ องฺคํ, นฺหารุ เอกํ, อฏฺิ เอกํ, มํสโลหิตํ เอกนฺติ. อิทฺจ ปน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฏฺหนฺเตน นวสุ าเนสุ สมาธาตพฺพํ ปุเรภตฺเต ปจฺฉาภตฺเต ปุริมยาเม มชฺฌิมยาเม ปจฺฉิมยาเม คมเน าเน นิสชฺชาย สยเนติ.
ทุกฺขํ ¶ , ภิกฺขเว, กุสีโต วิหรตีติ อิมสฺมึ สาสเน โย กุสีโต ปุคฺคโล, โส ทุกฺขํ วิหรติ. พาหิรสมเย ปน โย กุสีโต, โส สุขํ วิหรติ. โวกิณฺโณติ มิสฺสีภูโต. สทตฺถนฺติ โสภนํ วา อตฺถํ สกํ วา อตฺถํ, อุภเยนาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. ปริหาเปตีติ หาเปติ น ปาปุณาติ. กุสีตปุคฺคลสฺส หิ ฉ ทฺวารานิ อคุตฺตานิ โหนฺติ, ตีณิ กมฺมานิ อปริสุทฺธานิ, อาชีวฏฺมกํ สีลํ อปริโยทาตํ, ภินฺนาชีโว กุลูปโก โหติ. โส สพฺรหฺมจารีนํ อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย อุปฆาตกโร ¶ หุตฺวา ทุกฺขํ วิหรติ, ปีมทฺทโน เจว ¶ โหติ ลณฺฑปูรโก จ, สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ น สกฺโกติ, ทุลฺลภํ ขณํ วิราเธติ, เตน ภุตฺโต รฏฺปิณฺโฑปิ น มหปฺผโล โหติ.
อารทฺธวีริโย จ โข, ภิกฺขเวติ อารทฺธวีริโย ปุคฺคโล อิมสฺมึเยว สาสเน สุขํ วิหรติ. พาหิรสมเย ปน โย อารทฺธวีริโย, โส ทุกฺขํ วิหรติ. ปวิวิตฺโตติ วิวิตฺโต วิยุตฺโต หุตฺวา. สทตฺถํ ปริปูเรตีติ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อารทฺธวีริยสฺส หิ ฉ ทฺวารานิ สุคุตฺตานิ โหนฺติ, ตีณิ กมฺมานิ ปริสุทฺธานิ, อาชีวฏฺมกํ สีลํ ปริโยทาตํ สพฺรหฺมจารีนํ อกฺขิมฺหิ สุสีตลฺชนํ วิย ธาตุคตจนฺทนํ วิย จ มนาโป หุตฺวา สุขํ วิหรติ, สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺโกติ. สตฺถา หิ –
‘‘จิรํ ชีว มหาวีร, กปฺปํ ติฏฺ มหามุนี’’ติ –
เอวํ โคตมิยา วนฺทิโต, ‘‘น โข, โคตมิ, ตถาคตา เอวํ วนฺทิตพฺพา’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตาย ยาจิโต วนฺทิตพฺพาการํ อาจิกฺขนฺโต เอวมาห –
‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;
สมคฺเค สาวเก ปสฺส, เอสา พุทฺธาน วนฺทนา’’ติ. (อป. เถรี ๒.๒.๑๗๑);
เอวํ อารทฺธวีริโย สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺโกติ, ทุลฺลภํ ขณํ น วิราเธติ. ตสฺส หิ พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมเทสนา สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ สผลา โหติ สอุทฺรยา, รฏฺปิณฺโฑปิ เตน ภุตฺโต มหปฺผโล โหติ.
หีเนน ¶ อคฺคสฺสาติ หีนาย สทฺธาย หีเนน วีริเยน หีนาย สติยา หีเนน สมาธินา หีนาย ปฺาย อคฺคสงฺขาตสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติ นาม น โหติ. อคฺเคน จ โขติ อคฺเคหิ สทฺธาทีหิ อคฺคสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติ โหติ. มณฺฑเปยฺยนฺติ ปสนฺนฏฺเน มณฺฑํ, ปาตพฺพฏฺเน เปยฺยํ. ยฺหิ ปิวิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ปติโต วิสฺี อตฺตโน สาฏกาทีนมฺปิ อสฺสามิโก โหติ, ตํ ¶ ปสนฺนมฺปิ น ปาตพฺพํ, มยฺหํ ปน สาสนํ ¶ เอวํ ปสนฺนฺจ ปาตพฺพฺจาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มณฺฑเปยฺย’’นฺติ อาห.
ตตฺถ ติวิโธ มณฺโฑ – เทสนามณฺโฑ, ปฏิคฺคหมณฺโฑ, พฺรหฺมจริยมณฺโฑติ. กตโม เทสนามณฺโฑ? จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปฺาปนา ปฏฺปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ…เป… อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อาจิกฺขนา…เป… อุตฺตานีกมฺมํ, อยํ เทสนามณฺโฑ. กตโม ปฏิคฺคหมณฺโฑ? ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย เทวา มนุสฺสา เย วา ปนฺเปิ เกจิ วิฺาตาโร, อยํ ปฏิคฺคหมณฺโฑ. กตโม พฺรหฺมจริยมณฺโฑ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ, อยํ พฺรหฺมจริยมณฺโฑ. อปิจ อธิโมกฺขมณฺโฑ สทฺธินฺทฺริยํ, อสฺสทฺธิยํ กสโฏ, อสฺสทฺธิยํ กสฏํ ฉฑฺเฑตฺวา สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขมณฺฑํ ปิวตีติ มณฺฑเปยฺยนฺติอาทินาปิ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๘) นเยเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สตฺถา สมฺมุขีภูโตติ อิทเมตฺถ การณวจนํ. ยสฺมา สตฺถา สมฺมุขีภูโต, ตสฺมา วีริยสมฺปโยคํ กตฺวา ปิวถ เอตํ มณฺฑํ. พาหิรกฺหิ เภสชฺชมณฺฑมฺปิ เวชฺชสฺส อสมฺมุขา ปิวนฺตานํ ปมาณํ วา อุคฺคมนํ วา นิคฺคมนํ วา น ชานามาติ อาสงฺกา โหติ. เวชฺชสมฺมุขา ปน ‘‘เวชฺโช ชานิสฺสตี’’ติ นิราสงฺกา ปิวนฺติ. เอวเมว อมฺหากํ ธมฺมสฺสามิ สตฺถา สมฺมุขีภูโตติ วีริยํ กตฺวา ปิวถาติ มณฺฑปาเน เนสํ นิโยเชนฺโต ตสฺมาติห, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สผลาติ สานิสํสา. สอุทฺรยาติ สวฑฺฒิ. อิทานิ นิโยชนานุรูปํ สิกฺขิตพฺพตํ นิทฺทิสนฺโต อตฺตตฺถํ วา หิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตตฺถนฺติ อตฺตโน อตฺถภูตํ อรหตฺตํ. อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุนฺติ อปฺปมาเทน สพฺพกิจฺจานิ กาตุํ. ปรตฺถนฺติ ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลานิสํสํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ทุติยํ.
๓. อุปนิสสุตฺตวณฺณนา
๒๓. ตติเย ¶ ¶ ‘‘ชานโต อห’’นฺติอาทีสุ ชานโตติ ชานนฺตสฺส. ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺส. ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยฺชนเมว นานํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ชานโต’’ติ าณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติ. ชานนลกฺขณฺหิ าณํ. ‘‘ปสฺสโต’’ติ าณปฺปภาวํ อุปาทาย. ปสฺสนปฺปภาวฺหิ าณํ, าณสมงฺคีปุคฺคโล จกฺขุมา วิย จกฺขุนา รูปานิ ¶ , าเณน วิวเฏ ธมฺเม ปสฺสติ. อาสวานํ ขยนฺติ เอตฺถ อาสวานํ ปหานํ อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโวติ อยมฺปิ อาสวกฺขโยติ วุจฺจติ, ภงฺโคปิ มคฺคผลนิพฺพานานิปิ. ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘; วิภ. ๘๓๑) หิ ขีณากาโร อาสวกฺขโยติ วุจฺจติ. ‘‘โย อาสวานํ ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ (วิภ. ๓๕๔) เอตฺถ ภงฺโค.
‘‘เสกฺขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒); –
เอตฺถ มคฺโค. โส หิ อาสเว เขเปนฺโต วูปสเมนฺโต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ เอตฺถ ผลํ. ตฺหิ อาสวานํ ขีณนฺเต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺตํ.
‘‘อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ; (ธ. ป. ๒๕๓) –
เอตฺถ นิพฺพานํ. ตฺหิ อาคมฺม อาสวา ขียนฺติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺตํ. อิธ ปน มคฺคผลานิ อธิปฺเปตานิ. โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อตฺโถ. เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํสาราทีหิเยว สุทฺธึ วทนฺติ, เต ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ. ปุริเมน ปททฺวเยน อุปาโย วุตฺโต, อิมินา อนุปายํ ปฏิเสเธติ.
อิทานิ ¶ ยํ ชานโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตํ ทสฺเสตุกาโม กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโตติ ปุจฺฉํ อารภิ. ตตฺถ ชานนา พหุวิธา. ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อฺตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ตฺวา กโรนฺตสฺส สา ¶ ชานนา สคฺคมคฺคผลานํ ปทฏฺานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตสฺเสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยว. ตสฺมา ยํ ชานโต ปสฺสโต จ อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทสฺเสนฺโต อิติ รูปนฺติอาทิมาห. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ชานโตติ เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ชานนฺตสฺส. อาสวานํ ขโย โหตีติ อาสวานํ ขยนฺเต ชาตตฺตา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ ลทฺธนามํ อรหตฺตํ โหติ.
เอวํ อรหตฺตนิกูเฏน ¶ เทสนํ นิฏฺเปตฺวา อิทานิ ขีณาสวสฺส อาคมนียํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ยมฺปิสฺส ตํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ขยสฺมึ ขเยาณนฺติ อาสวกฺขยสงฺขาเต อรหตฺตผเล ปฏิลทฺเธ สติ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ตฺหิ อรหตฺตผลสงฺขาเต ขยสฺมึ ปมวารํ อุปฺปนฺเน ปจฺฉา อุปฺปนฺนตฺตา ขเยาณนฺติ วุจฺจติ. สอุปนิสนฺติ สการณํ สปฺปจฺจยํ. วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ. สา หิสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. เอวํ อิโต ปเรสุปิ ลพฺภมานวเสน ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ.
วิราโคติ มคฺโค. โส หิ กิเลเส วิราเชนฺโต เขเปนฺโต อุปฺปนฺโน, ตสฺมา วิราโคติ วุจฺจติ. นิพฺพิทาติ นิพฺพิทาาณํ. เอเตน พลววิปสฺสนํ ทสฺเสติ. พลววิปสฺสนาติ ภยตูปฏฺาเน าณํ อาทีนวานุปสฺสเน าณํ มฺุจิตุกมฺยตาาณํ สงฺขารุเปกฺขาาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ ยถาสภาวชานนสงฺขาตํ ทสฺสนํ. เอเตน ตรุณวิปสฺสนํ ทสฺเสติ. ตรุณวิปสฺสนา หิ พลววิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ. ตรุณวิปสฺสนาติ สงฺขารปริจฺเฉเท าณํ กงฺขาวิตรเณ าณํ สมฺมสเน าณํ มคฺคามคฺเค าณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. สมาธีติ ¶ ปาทกชฺฌานสมาธิ. โส หิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ. สุขนฺติ อปฺปนาย ปุพฺพภาคสุขํ. ตฺหิ ปาทกชฺฌานสฺส ปจฺจโย โหติ. ปสฺสทฺธีติ ทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิ. สา หิ อปฺปนาปุพฺพภาคสฺส สุขสฺส ปจฺจโย โหติ. ปีตีติ พลวปีติ. สา หิ ทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย โหติ. ปาโมชฺชนฺติ ทุพฺพลปีติ. สา หิ พลวปีติยา ปจฺจโย โหติ. สทฺธาติ อปราปรํ อุปฺปชฺชนสทฺธา. สา หิ ทุพฺพลปีติยา ปจฺจโย โหติ. ทุกฺขนฺติ วฏฺฏทุกฺขํ. ตฺหิ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหติ. ชาตีติ สวิการา ขนฺธชาติ ¶ . สา หิ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปจฺจโย โหติ. ภโวติ กมฺมภโว. (โส หิ สวิการาย ชาติยา ปจฺจโย โหติ.) เอเตนุปาเยน เสสปทานิปิ เวทิตพฺพานิ.
ถุลฺลผุสิตเกติ มหาผุสิตเก. ปพฺพตกนฺทรปทรสาขาติ เอตฺถ กนฺทรํ นาม ‘ก’นฺติลทฺธนาเมน อุทเกน ทาริโต อุทกภินฺโน ปพฺพตปเทโส, โย ‘‘นิตมฺโพ’’ติปิ ‘‘นทีกฺุโฉ’’ติปิ วุจฺจติ. ปทรํ นาม อฏฺมาเส เทเว อวสฺสนฺเต ผลิโต ภูมิปฺปเทโส. สาขาติ กุสุมฺภคามินิโย ขุทฺทกมาติกาโย. กุโสพฺภาติ ขุทฺทกอาวาฏา. มหาโสพฺภาติ มหาอาวาฏา. กุนฺนทิโยติ ขุทฺทกนทิโย. มหานทิโยติ คงฺคายมุนาทิกา มหาสริตา. เอวเมว โข ¶ , ภิกฺขเว, อวิชฺชูปนิสา สงฺขาราติอาทีสุ อวิชฺชา ปพฺพโตติ ทฏฺพฺพา. อภิสงฺขารา เมโฆติ, วิฺาณาทิวฏฺฏํ กนฺทราทโยติ, วิมุตฺติ สาคโรติ.
ยถา ปพฺพตมตฺถเก ¶ เทโว วสฺสิตฺวา ปพฺพตกนฺทราทีนิ ปูเรนฺโต อนุปุพฺเพน มหาสมุทฺทํ สาครํ ปูเรติ, เอวํ อวิชฺชาปพฺพตมตฺถเก ตาว อภิสงฺขารเมฆสฺส วสฺสนํ เวทิตพฺพํ. อสฺสุตวา หิ พาลปุถุชฺชโน อวิชฺชาย อฺาณี หุตฺวา ตณฺหาย อภิลาสํ กตฺวา กุสลากุสลกมฺมํ อายูหติ, ตํ กุสลากุสลกมฺมํ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, ปฏิสนฺธิวิฺาณาทีนิ นามรูปาทีนํ. อิติ ปพฺพตมตฺถเก วุฏฺเทวสฺส กนฺทราทโย ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตกาโล วิย อวิชฺชาปพฺพตมตฺถเก วุฏฺสฺส อภิสงฺขารเมฆสฺส ปรมฺปรปจฺจยตาย อนุปุพฺเพน วิฺาณาทิวฏฺฏํ ปูเรตฺวา ิตกาโล. พุทฺธวจนํ ปน ปาฬิยํ อคหิตมฺปิ ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา วเสน คหิตเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยา หิ ตสฺส กุลเคเห นิพฺพตฺติ, สา กมฺมภวปจฺจยา สวิการา ชาติ นาม. โส พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขีภาวํ อาคมฺม วฏฺฏโทสทีปกํ ลกฺขณาหฏํ ธมฺมกถํ สุตฺวา วฏฺฏวเสน ปีฬิโต โหติ, เอวมสฺส สวิการา ขนฺธชาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปจฺจโย โหติ. โส วฏฺฏทุกฺเขน ปีฬิโต อปราปรํ สทฺธํ ชเนตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, เอวมสฺส วฏฺฏทุกฺขํ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหติ. โส ปพฺพชฺชามตฺเตเนว อสนฺตุฏฺโ อูนปฺจวสฺสกาเล นิสฺสยํ ¶ คเหตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรนฺโต ทฺเวมาติกา ปคุณํ กตฺวา กมฺมากมฺมํ อุคฺคเหตฺวา ยาว อรหตฺตา นิชฺชฏํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วสนฺโต ปถวีกสิณาทีสุ กมฺมํ อารภติ, ตสฺส กมฺมฏฺานํ นิสฺสาย ทุพฺพลปีติ อุปฺปชฺชติ. ตทสฺส สทฺธูปนิสํ ปาโมชฺชํ, ตํ พลวปีติยา ปจฺจโย โหติ. พลวปีติ ทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยา, สา อปฺปนาปุพฺพภาคสุขสฺส, ตํ สุขํ ปาทกชฺฌานสมาธิสฺส. โส สมาธินา จิตฺตกลฺลตํ ชเนตฺวา ตรุณวิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ. อิจฺจสฺส ปาทกชฺฌานสมาธิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ, ตรุณวิปสฺสนา พลววิปสฺสนาย, พลววิปสฺสนา มคฺคสฺส, มคฺโค ผลวิมุตฺติยา, ผลวิมุตฺติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺสาติ ¶ . เอวํ เทวสฺส อนุปุพฺเพน สาครํ ปูเรตฺวา ิตกาโล วิย ขีณาสวสฺส วิมุตฺติสาครํ ปูเรตฺวา ิตกาโล เวทิตพฺโพติ. ตติยํ.
๔. อฺติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๒๔. จตุตฺเถ ¶ ปาวิสีติ ปวิฏฺโ. โส จ น ตาว ปวิฏฺโ, ‘‘ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตตฺตา ปน เอวํ วุตฺโต. ยถา กึ? ยถา ‘‘คามํ คมิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตปุริโส ตํ คามํ อปฺปตฺโตปิ ‘‘กหํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ วุตฺเต ‘‘คามํ คโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํ. อติปฺปโคติ ตทา กิร เถรสฺส อติปฺปโคเยว นิกฺขนฺตทิวโส อโหสิ, อติปฺปโคเยว นิกฺขนฺตภิกฺขู โพธิยงฺคเณ เจติยงฺคเณ นิวาสนปารุปนฏฺาเนติ อิเมสุ าเนสุ ยาว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, ตาว ปปฺจํ กโรนฺติ. เถรสฺส ปน ‘‘ยาว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, ตาว ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ เอกทฺเวกถาวาเร กริสฺสามี’’ติ จินฺตยโต ยํนูนาหนฺติ เอตทโหสิ. ปริพฺพาชกานํ อาราโมติ โส กิร อาราโม ทกฺขิณทฺวารสฺส จ เวฬุวนสฺส จ อนฺตรา อโหสิ. อิธาติ อิเมสุ จตูสุ วาเทสุ. กึวาที กิมกฺขายีติ กึ วทติ กึ อาจิกฺขติ, กึ เอตฺถ สมณสฺส โคตมสฺส ทสฺสนนฺติ ปุจฺฉนฺติ. ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยามาติ, โภตา โคตเมน ยํ วุตฺตํ การณํ, ตสฺส อนุการณํ กเถยฺยาม. สหธมฺมิโก วาทานุปาโตติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทานุปาโต วาทปฺปวตฺติ วิฺูหิ ครหิตพฺพํ การณํ โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กถํ นาคจฺเฉยฺย? อิทํ วุตฺตํ โหติ – กถํ สพฺพากาเรนปิ สมณสฺส โคตมสฺส วาเท คารยฺหํ การณํ น ภเวยฺยาติ?
อิติ ¶ วทนฺติ ผสฺสปจฺจยา ทุกฺขนฺติ เอวํ วทนฺโตติ อตฺโถ. ตตฺราติ เตสุ จตูสุ วาเทสุ. เต วต อฺตฺร ผสฺสาติ อิทํ ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ ปฏิฺาย สาธกวจนํ. ยสฺมา หิ น วินา ผสฺเสน ทุกฺขปฏิสํเวทนา อตฺถิ, ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ยถา ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
สาธุ ¶ , สาธุ, อานนฺทาติ อยํ สาธุกาโร สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ทินฺโน, อานนฺทตฺเถเรน ปน สทฺธึ ภควา อามนฺเตสิ. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ, เอกํ สมยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วจนํ ‘‘น เกวลํ สาริปุตฺโตว ราชคหํ ปวิฏฺโ, อหมฺปิ ปาวิสึ. น เกวลฺจ ตสฺเสวายํ วิตกฺโก อุปฺปนฺโน, มยฺหมฺปิ อุปฺปชฺชิ. น เกวลฺจ ตสฺเสว สา ติตฺถิเยหิ สทฺธึ กถา ชาตา, มยฺหมฺปิ ชาตปุพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
อจฺฉริยํ ¶ อพฺภุตนฺติ อุภยมฺเปตํ วิมฺหยทีปนเมว. วจนตฺโถ ปเนตฺถ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อจฺฉริยํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ. เอเกน ปเทนาติ ‘‘ผสฺสปจฺจยา ทุกฺข’’นฺติ อิมินา เอเกน ปเทน. เอเตน หิ สพฺพวาทานํ ปฏิกฺเขปตฺโถ วุตฺโต. เอเสวตฺโถติ เอโสเยว ผสฺสปจฺจยา ทุกฺขนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทตฺโถ. ตฺเเวตฺถ ปฏิภาตูติ ตฺเเวตฺถ อุปฏฺาตุ. อิทานิ เถโร ชรามรณาทิกาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาย ตํ อตฺถคมฺภีรฺเจว คมฺภีราวภาสฺจ กโรนฺโต สเจ มํ, ภนฺเตติอาทึ วตฺวา ยํมูลกา กถา อุปฺปนฺนา, ตเทว ปทํ คเหตฺวา วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ฉนฺนํตฺเววาติอาทิมาห. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. จตุตฺถํ.
๕. ภูมิชสุตฺตวณฺณนา
๒๕-๒๖. ปฺจเม ภูมิโชติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เสสมิธาปิ ปุริมสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยสฺมา อิทํ สุขทุกฺขํ น เกวลํ ผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ, กาเยนปิ กริยมานํ กรียติ, วาจายปิ มนสาปิ, อตฺตนาปิ กริยมานํ กรียติ, ปเรนปิ กริยมานํ กรียติ, สมฺปชาเนนปิ กริยมานํ กรียติ, อสมฺปชาเนนปิ, ตสฺมา ตสฺส อปรมฺปิ ปจฺจยวิเสสํ ทสฺเสตุํ กาเย วา หานนฺท, สตีติอาทิมาห. กายสฺเจตนาเหตูติ กายทฺวาเร อุปฺปนฺนเจตนาเหตุ. วจีสฺเจตนามโนสฺเจตนาสุปิ ¶ เอเสว นโย. เอตฺถ จ กายทฺวาเร กามาวจรกุสลากุสลวเสน ¶ วีสติ เจตนา ลพฺภนฺติ, ตถา วจีทฺวาเร. มโนทฺวาเร นวหิ รูปารูปเจตนาหิ สทฺธึ เอกูนตึสาติ ตีสุ ทฺวาเรสุ เอกูนสตฺตติ เจตนา โหนฺติ, ตปฺปจฺจยํ วิปากสุขทุกฺขํ ทสฺสิตํ. อวิชฺชาปจฺจยา จาติ อิทํ ตาปิ เจตนา อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ยถาวุตฺตเจตนาเภทํ กายสงฺขารฺเจว วจีสงฺขารฺจ มโนสงฺขารฺจ ปเรหิ อนุสฺสาหิโต สามํ อสงฺขาริกจิตฺเตน กโรติ, ปเรหิ การิยมาโน สสงฺขาริกจิตฺเตนาปิ กโรติ, ‘‘อิทํ นาม กมฺมํ กโรติ, ตสฺส เอวรูโป นาม วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ, เอวํ กมฺมฺจ วิปากฺจ ชานนฺโตปิ กโรติ, มาตาปิตูสุ เจติยวนฺทนาทีนิ กโรนฺเตสุ อนุกโรนฺตา ทารกา วิย เกวลํ กมฺมเมว ชานนฺโต ‘‘อิมสฺส ปน กมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ วิปากํ อชานนฺโตปิ กโรติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ สามํ วา ตํ, อานนฺท, กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรตีติอาทิ วุตฺตํ.
อิเมสุ, อานนฺท, ธมฺเมสูติ เย อิเม ‘‘สามํ วา ตํ, อานนฺท, กายสงฺขาร’’นฺติอาทีสุ จตูสุ ¶ าเนสุ วุตฺตา ฉสตฺตติ ทฺเวสตา เจตนาธมฺมา, อิเมสุ ธมฺเมสุ อวิชฺชา อุปนิสฺสยโกฏิยา อนุปติตา. สพฺเพปิ หิ เต ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต อวิชฺชาย ตฺเววาติอาทิมาห. โส กาโย น โหตีติ ยสฺมึ กาเย สติ กายสฺเจตนาปจฺจยํ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, โส กาโย น โหติ. วาจามเนสุปิ เอเสว นโย. อปิจ กาโยติ เจตนากาโย, วาจาปิ เจตนาวาจา, มโนปิ กมฺมมโนเยว. ทฺวารกาโย วา กาโย. วาจามเนสุปิ เอเสว นโย. ขีณาสโว เจติยํ วนฺทติ, ธมฺมํ ภณติ, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ, กถมสฺส กายาทโย น โหนฺตีติ? อวิปากตฺตา. ขีณาสเวน หิ กตํ กมฺมํ เนว กุสลํ โหติ นากุสลํ. อวิปากํ หุตฺวา กิริยามตฺเต ติฏฺติ, เตนสฺส เต กายาทโย น โหนฺตีติ วุตฺตํ.
เขตฺตํ ตํ น โหตีติอาทีสุปิ วิรุหนฏฺเน ตํ เขตฺตํ น โหติ, ปติฏฺานฏฺเน วตฺถุ น โหติ, ปจฺจยฏฺเน อายตนํ ¶ น โหติ, การณฏฺเน อธิกรณํ น โหติ. สฺเจตนามูลกฺหิ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ ¶ อุปฺปชฺเชยฺย, สา สฺเจตนา เอเตสํ วิรุหนาทีนํ อตฺถานํ อภาเวน ตสฺส สุขทุกฺขสฺส เนว เขตฺตํ, น วตฺถุ น อายตนํ, น อธิกรณํ โหตีติ. อิมสฺมึ สุตฺเต เวทนาทีสุ สุขทุกฺขเมว กถิตํ, ตฺจ โข วิปากเมวาติ. ปฺจมํ.
ฉฏฺํ อุปวาณสุตฺตํ อุตฺตานเมว. เอตฺถ ปน วฏฺฏทุกฺขเมว กถิตนฺติ. ฉฏฺํ.
๗. ปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๒๗-๒๘. สตฺตเม ปฏิปาฏิยา วุตฺเตสุ ปริโยสานปทํ คเหตฺวา กตมฺจ, ภิกฺขเว, ชรามรณนฺติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ปจฺจยํ ปชานาตีติ เอวํ ทุกฺขสจฺจวเสน ปจฺจยํ ชานาติ. ปจฺจยสมุทยาทโยปิ สมุทยสจฺจาทีนํเยว วเสน เวทิตพฺพา. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน. ทสฺสนสมฺปนฺโนติ ตสฺเสว เววจนํ. อาคโต อิมํ สทฺธมฺมนฺติ มคฺคสทฺธมฺมํ อาคโต. ปสฺสตีติ มคฺคสทฺธมฺมเมว ปสฺสติ. เสกฺเขน าเณนาติ มคฺคาเณเนว. เสกฺขาย วิชฺชายาติ มคฺควิชฺชาย เอว. ธมฺมโสตํ สมาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตเมว ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน. อริโยติ ปุถุชฺชนภูมึ อติกฺกนฺโต. นิพฺเพธิกปฺโติ นิพฺเพธิกปฺาย สมนฺนาคโต. อมตทฺวารํ อาหจฺจ ¶ ติฏฺตีติ อมตํ นาม นิพฺพานํ, ตสฺส ทฺวารํ อริยมคฺคํ อาหจฺจ ติฏฺตีติ. อฏฺมํ อุตฺตานเมว. สตฺตมอฏฺมานิ.
๙. สมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๒๙-๓๐. นวมํ อกฺขรภาณกานํ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ. เต หิ ปรีติ อุปสคฺคํ ปกฺขิปิตฺวา วุจฺจมาเน ปฏิวิชฺฌิตุํ สกฺโกนฺติ. นวมํ.
ทสเม ¶ สพฺพํ อุตฺตานเมว. อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ จตุสจฺจปฏิเวโธว กถิโต. ทสมํ.
ทสพลวคฺโค ตติโย.
๔. กฬารขตฺติยวคฺโค
๑. ภูตสุตฺตวณฺณนา
๓๑. กฬารขตฺติยวคฺคสฺส ¶ ปเม อชิตปฺเหติ อชิตมาณเวน ปุจฺฉิตปฺเห. สงฺขาตธมฺมาเสติ สงฺขาตธมฺมา วุจฺจนฺติ าตธมฺมา ตุลิตธมฺมา ตีริตธมฺมา. เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขา. ปุถูติ เตเยว สตฺต ชเน สนฺธาย ปุถูติ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. นิปโกติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคตตฺตา นิปโก, ตฺวํ ปณฺฑิโต ปพฺรูหีติ ยาจติ. อิริยนฺติ วุตฺตึ อาจารํ โคจรํ วิหารํ ปฏิปตฺตึ. มาริสาติ ภควนฺตํ อาลปติ. เสกฺขานฺจ สงฺขาตธมฺมานฺจ ขีณาสวานฺจ ปฏิปตฺตึ มยา ปุจฺฉิโต ปณฺฑิต, มาริส, มยฺหํ กเถหีติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ.
ตุณฺหี อโหสีติ กสฺมา ยาว ตติยํ ปุฏฺโ ตุณฺหี อโหสิ? กึ ปฺเห กงฺขติ, อุทาหุ อชฺฌาสเยติ? อชฺฌาสเย กงฺขติ, โน ปฺเห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถา มํ เสกฺขาเสกฺขานํ อาคมนียปฏิปทํ กถาเปตุกาโม; สา จ ขนฺธวเสน ธาตุวเสน อายตนวเสน ปจฺจยาการวเสนาติ ¶ พหูหิ การเณหิ สกฺกา กเถตุํ. กถํ กเถนฺโต นุ โข สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ? อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ ปตฺตํ อาทาย จรนฺโต สาวโก นาม ปฺาย สาริปุตฺตสโม นตฺถิ. อยมฺปิ มยา ปฺหํ ปุฏฺโ ยาว ตติยํ ตุณฺหี เอว. ปฺเห นุ โข กงฺขติ, อุทาหุ อชฺฌาสเย’’ติ. อถ ‘‘อชฺฌาสเย’’ติ ตฺวา ปฺหกถนตฺถาย ¶ นยํ ททมาโน ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, ปสฺสสีติ อาห.
ตตฺถ ภูตนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํ, ขนฺธปฺจกสฺเสตํ นามํ. อิติ สตฺถา ‘‘ปฺจกฺขนฺธวเสน, สาริปุตฺต, อิมํ ปฺหํ กเถหี’’ติ เถรสฺส นยํ เทติ. สหนยทาเนน ปน เถรสฺส ตีเร ิตปุริสสฺส วิวโฏ เอกงฺคโณ มหาสมุทฺโท วิย นยสเตน นยสหสฺเสน ปฺหพฺยากรณํ อุปฏฺาสิ. อถ นํ พฺยากโรนฺโต ภูตมิทนฺติ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตมิทนฺติ อิทํ นิพฺพตฺตํ ขนฺธปฺจกํ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย สมฺมา ปสฺสติ. ปฏิปนฺโน โหตีติ สีลโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา นิพฺพิทาทีนํ ¶ อตฺถาย ปฏิปนฺโน โหติ. ตทาหารสมฺภวนฺติ อิทํ กสฺมา อารภิ? เอตํ ขนฺธปฺจกํ อาหารํ ปฏิจฺจ ิตํ, ตสฺมา ตํ อาหารสมฺภวํ นาม กตฺวา ทสฺเสตุํ อิทํ อารภิ. อิติ อิมินาปิ ปริยาเยน เสกฺขปฏิปทา กถิตา โหติ. ตทาหารนิโรธาติ เตสํ อาหารานํ นิโรเธน. อิทํ กสฺมา อารภิ? ตฺหิ ขนฺธปฺจกํ อาหารนิโรธา นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อาหารนิโรธสมฺภวํ นาม กตฺวา ทสฺเสตุํ อิทํ อารภิ. อิติ อิมินาปิ ปริยาเยน เสกฺขสฺเสว ปฏิปทา กถิตา. นิพฺพิทาติ อาทีนิ สพฺพานิ การณวจนานีติ เวทิตพฺพานิ. อนุปาทา วิมุตฺโตติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กฺจิ ธมฺมํ อคเหตฺวา วิมุตฺโต. สาธุ สาธูติ อิมินา เถรสฺส พฺยากรณํ สมฺปหํเสตฺวา สยมฺปิ ตเถว พฺยากโรนฺโต ปุน ‘‘ภูตมิท’’นฺติอาทิมาหาติ. ปมํ.
๒. กฬารสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทุติเย กฬารขตฺติโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. ทนฺตา ปนสฺส กฬารา วิสมสณฺานา, ตสฺมา ‘‘กฬาโร’’ติ วุจฺจติ. หีนายาวตฺโตติ หีนสฺส คิหิภาวสฺส อตฺถาย นิวตฺโต. อสฺสาสมลตฺถาติ อสฺสาสํ อวสฺสยํ ปติฏฺํ น หิ นูน อลตฺถ, ตโย มคฺเค ตีณิ จ ผลานิ นูน นาลตฺถาติ ทีเปติ. ยทิ หิ ตานิ ลเภยฺย, น สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺเตยฺยาติ ¶ อยํ เถรสฺส อธิปฺปาโย. น ขฺวาหํ, อาวุโสติ อหํ โข, อาวุโส, ‘‘อสฺสาสํ ¶ ปตฺโต, น ปตฺโต’’ติ น กงฺขามิ. เถรสฺส หิ สาวกปารมีาณํ อวสฺสโย, ตสฺมา โส น กงฺขติ. อายตึ ปนาวุโสติ อิมินา ‘‘อายตึ ปฏิสนฺธิ ตุมฺหากํ อุคฺฆาฏิตา, น อุคฺฆาฏิตา’’ติ อรหตฺตปฺปตฺตึ ปุจฺฉติ. น ขฺวาหํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉามีติ อิมินา เถโร ตตฺถ วิจิกิจฺฉาภาวํ ทีเปติ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ‘‘อิมํ สุตการณํ ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ. อฺา พฺยากตาติ อรหตฺตํ พฺยากตํ. ขีณา ชาตีติ น เถเรน เอวํ พฺยากตา, อยํ ปน เถโร ตุฏฺโ ปสนฺโน เอวํ ปทพฺยฺชนานิ อาโรเปตฺวา อาห. อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสีติ ตํ สุตฺวา สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘สาริปุตฺโต ธีโร คมฺภีโร. น โส เกนจิ การเณน เอวํ พฺยากริสฺสติ. สํขิตฺเตน ปน ปฺโห พฺยากโต ¶ ภวิสฺสติ. ปกฺโกสาเปตฺวา นํ ปฺหํ พฺยากราเปสฺสามี’’ติ อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ.
สเจ ตํ สาริปุตฺตาติ อิทํ ภควา ‘‘น เอส อตฺตโน ธมฺมตาย อฺํ พฺยากริสฺสติ, ปฺหเมตํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตํ กเถนฺโตว อฺํ พฺยากริสฺสตี’’ติ อฺํ พฺยากราเปตุํ เอวํ ปุจฺฉิ. ยํนิทานาวุโส, ชาตีติ, อาวุโส, อยํ ชาติ นาม ยํปจฺจยา, ตสฺส ปจฺจยสฺส ขยา ขีณสฺมึ ชาติยา ปจฺจเย ชาติสงฺขาตํ ผลํ ขีณนฺติ วิทิตํ. อิธาปิ จ เถโร ปฺเห อกงฺขิตฺวา อชฺฌาสเย กงฺขติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อฺา นาม ตณฺหา ขีณา, อุปาทานํ ขีณํ, ภโว ขีโณ, ปจฺจโย ขีโณ, กิเลสา ขีณาติอาทีหิ พหูหิ การเณหิ สกฺกา พฺยากาตุํ, กถํ กเถนฺโต ปน สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ.
กิฺจาปิ เอวํ อชฺฌาสเย กงฺขติ, ปฺหํ ปน อฏฺเปตฺวาว ปจฺจยาการวเสน พฺยากาสิ. สตฺถาปิ ปจฺจยาการวเสเนว พฺยากราเปตุกาโม, ตสฺมา เอส พฺยากโรนฺโตว อชฺฌาสยํ คณฺหิ. ตาวเทว ‘‘คหิโต เม สตฺถุ อชฺฌาสโย’’ติ อฺาสิ. อถสฺส นยสเตน นยสหสฺเสน ปฺหพฺยากรณํ อุปฏฺาสิ. ยสฺมา ปน ภควา อุตฺตริ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ตสฺมา เตน ตํ พฺยากรณํ อนุโมทิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
กถํ ¶ ชานโต ปน เตติ อิทํ กสฺมา อารภิ? สวิสเย สีหนาทํ นทาเปตุํ. เถโร กิร สูกรนิขาตเลณทฺวาเร ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺเต กถิยมาเน ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา ¶ สตฺถารํ พีชยมาโน ิโต ติสฺโส เวทนา ปริคฺคเหตฺวา สาวกปารมีาณํ อธิคโต, อยมสฺส สวิสโย. อิมสฺมึ สวิสเย ิโต สีหนาทํ นทิสฺสตีติ นํ สนฺธาย สตฺถา อิทํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. อนิจฺจาติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา. ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ สุขา เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา ิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา าณสุขา อฺาณทุกฺขา, วิปริณามโกฏิยา ปน สพฺพาว ทุกฺขา นาม ชาตา. วิทิตนฺติ ยสฺมา เอวํ เวทนาตฺตยํ ทุกฺขนฺติ วิทิตํ, ตสฺมา ยา ตตฺถ ตณฺหา, สา น อุปฏฺาสีติ ทสฺเสติ.
สาธุ ¶ สาธูติ เถรสฺส เวทนาปริจฺเฉทชานเน สมฺปหํสนํ. เถโร หิ เวทนา เอกาติ วา ทฺเว ติสฺโส จตสฺโสติ วา อวุตฺเตปิ วุตฺตนเยน ตาสํ ติสฺโสติ ปริจฺเฉทํ อฺาสิ, เตน ตํ ภควา สมฺปหํสนฺโต เอวมาห. ทุกฺขสฺมินฺติ อิทํ ภควา อิมินา อธิปฺปาเยน อาห – ‘‘สาริปุตฺต, ยํ ตยา ‘อิมินา การเณน เวทนาสุ ตณฺหา น อุปฏฺาสี’ติ พฺยากตํ, ตํ สุพฺยากตํ. ‘ติสฺโส เวทนา’ติ วิภชนฺเตน ปน เต อติปฺปปฺโจ กโต, ตํ ‘ทุกฺขสฺมิ’นฺติ พฺยากโรนฺเตนปิ หิ เต สุพฺยากตเมว ภเวยฺย. ยํกิฺจิ เวทยิตํ, ตํ ทุกฺขนฺติ าตมตฺเตปิ หิ เวทนาสุ ตณฺหา น ติฏฺติ’’.
กถํ วิโมกฺขาติ กตรา วิโมกฺขา, กตเรน วิโมกฺเขน ตยา อฺา พฺยากตาติ อตฺโถ? อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขาติ อชฺฌตฺตวิโมกฺเขน, อชฺฌตฺตสงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา ปตฺตอรหตฺเตนาติ อตฺโถ. ตตฺถ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฏฺานํ, อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ, พหิทฺธา อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ, พหิทฺธา อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ ¶ วุฏฺานนฺติ. อชฺฌตฺตฺหิ อภินิเวสิตฺวา พหิทฺธาธมฺมาปิ ทฏฺพฺพาเยว, พหิทฺธา อภินิเวสิตฺวา อชฺฌตฺตธมฺมาปิ. ตสฺมา โกจิ ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา พหิทฺธา โอตาเรติ, พหิทฺธาปิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, ตสฺส อชฺฌตฺต สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ โหติ. อิติ อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฏฺานํ นาม. โกจิ อชฺฌตฺตํ สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา พหิทฺธา โอตาเรติ, ตสฺส พหิทฺธา สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ ¶ โหติ. อิติ อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ นาม. โกจิ พหิทฺธา สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา, เต ววตฺถเปตฺวา อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, อชฺฌตฺตมฺปิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน พหิทฺธา โอตาเรติ, ตสฺส พหิทฺธา สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ โหติ. อิติ พหิทฺธา อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ นาม. โกจิ พหิทฺธา สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, ตสฺส อชฺฌตฺตสงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ โหติ. อิติ พหิทฺธา อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฏฺานํ นาม. ตตฺร เถโร ‘‘อชฺฌตฺตสงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา เตสํ ววตฺถานกาเล มคฺควุฏฺาเนน อรหตฺตํ ปตฺโตสฺมี’’ติ ทสฺเสนฺโต อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโสติ อาห.
สพฺพุปาทานกฺขยาติ ¶ สพฺเพสํ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ ขเยน. ตถา สโต วิหรามีติ เตนากาเรน สติยา สมนฺนาคโต วิหรามิ. ยถา สตํ วิหรนฺตนฺติ เยนากาเรน มํ สติยา สมนฺนาคตํ วิหรนฺตํ. อาสวา นานุสฺสวนฺตีติ จกฺขุโต รูเป สวนฺติ อาสวนฺติ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ฉหิ ทฺวาเรหิ ฉสุ อารมฺมเณสุ สวนธมฺมา กามาสวาทโย อาสวา นานุสฺสวนฺติ นานุปฺปวฑฺฒนฺติ, ยถา เม น อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อตฺตานฺจ นาวชานามีติ อตฺตานฺจ น อวชานามิ. อิมินา โอมานปหานํ กถิตํ. เอวฺหิ สติ ปชานนา ปสนฺนา โหติ.
สมเณนาติ พุทฺธสมเณน. เตสฺวาหํ น กงฺขามีติ เตสุ อหํ ‘‘กตโร กามาสโว, กตโร ภวาสโว, กตโร ทิฏฺาสโว, กตโร อวิชฺชาสโว’’ติ เอวํ สรูปเภทโตปิ, ‘‘จตฺตาโร ¶ อาสวา’’ติ เอวํ คณนปริจฺเฉทโตปิ น กงฺขามิ. เต เม ปหีนาติ น วิจิกิจฺฉามีติ เต มยฺหํ ปหีนาติ วิจิกิจฺฉํ น อุปฺปาเทมิ. อิทํ ภควา ‘‘เอวํ พฺยากโรนฺเตนปิ ตยา สุพฺยากตํ ภเวยฺย ‘อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโส’ติอาทีนิ ปน เต วทนฺเตน อติปฺปปฺโจ กโต’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห.
อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสีติ ปฺตฺตวรพุทฺธาสนโต อุฏฺหิตฺวา วิหารํ อนฺโตมหาคนฺธกุฏึ ปาวิสิ อสมฺภินฺนาย เอว ปริสาย. กสฺมา? พุทฺธา หิ อนิฏฺิตาย เทสนาย อสมฺภินฺนาย ปริสาย อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏึ ปวิสนฺตา ปุคฺคลโถมนตฺถํ วา ปวิสนฺติ ธมฺมโถมนตฺถํ วา. ตตฺถ ปุคฺคลโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต สตฺถา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มยา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิฏฺํ วิตฺถาเรน จ อวิภตฺตํ ธมฺมปฏิคฺคาหกา ภิกฺขู อุคฺคเหตฺวา อานนฺทํ วา กจฺจายนํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เต มยฺหํ าเณน สํสนฺเทตฺวา กเถสฺสนฺติ, ตโตปิ ธมฺมปฏิคฺคาหกา ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ. เตสมหํ ‘สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อานนฺเทน, สุกถิตํ กจฺจายเนน, มํ เจปิ ตุมฺเห เอตมตฺถํ ¶ ปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ นํ เอวเมว พฺยากเรยฺย’นฺติ เอวํ เต ปุคฺคเล โถเมสฺสามิ. ตโต เตสุ คารวํ ชเนตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิสฺสนฺติ, เตปิ ภิกฺขู อตฺเถ จ ธมฺเม จ นิโยเชสฺสนฺติ, เต เตหิ นิโยชิตา ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ.
อถ ¶ วา ปนสฺส เอวํ โหติ – ‘‘เอส มยิ ปกฺกนฺเต อตฺตโน อานุภาวํ กริสฺสติ, อถ นํ อหมฺปิ ตเถว โถเมสฺสามิ, ตํ มม โถมนํ สุตฺวา คารวชาตา ภิกฺขู อิมํ อุปสงฺกมิตพฺพํ, วจนฺจสฺส โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ ธมฺมโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต เอวํ จินฺเตสิ ยถา ธมฺมทายาทสุตฺเต จินฺเตสิ. ตตฺร หิสฺส เอวํ อโหสิ – ‘‘มยิ วิหารํ ปวิฏฺเ อามิสทายาทํ ครหนฺโต ธมฺมทายาทฺจ โถเมนฺโต อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน สาริปุตฺโต ธมฺมํ เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ เอกชฺฌาสยาย มติยา เทสิตา อยํ เทสนา อคฺคา จ ครุกา จ ภวิสฺสติ ปาสาณจฺฉตฺตสทิสา’’ติ.
อิธ ¶ ปน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุกฺกํเสตฺวา ปกาเสตฺวา เปตุกาโม ปุคฺคลโถมนตฺถํ อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ. อีทิเสสุ าเนสุ ภควา นิสินฺนาสเนเยว อนฺตรหิโต จิตฺตคติยา วิหารํ ปวิสตีติ เวทิตพฺโพ. ยทิ หิ กายคติยา คจฺเฉยฺย, สพฺพา ปริสา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา คจฺเฉยฺย, สา เอกวารํ ภินฺนา ปุน ทุสฺสนฺนิปาตา ภเวยฺยาติ ภควา อทิสฺสมาเนน กาเยน จิตฺตคติยา เอว ปาวิสิ.
เอวํ ปวิฏฺเ ปน ภควติ ภควโต อธิปฺปายานุรูปเมว สีหนาทํ นทิตุกาโม ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ. ปุพฺเพ อปฺปฏิสํวิทิตนฺติ อิทํ นาม ปุจฺฉิสฺสตีติ ปุพฺเพ มยา อวิทิตํ อฺาตํ. ปมํ ปฺหนฺติ, ‘‘สเจ ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ กถํ ชานตา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสตา อฺา พฺยากตา ขีณา ชาตี’’ติ อิมํ ปมํ ปฺหํ. ทนฺธายิตตฺตนฺติ สตฺถุ อาสยชานนตฺถํ ทนฺธภาโว อสีฆตา. ปมํ ปฺหํ อนุโมทีติ, ‘‘ชาติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, กึนิทานา’’ติ อิมํ ทุติยํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต, ‘‘ยํนิทานาวุโส, ชาตี’’ติ เอวํ วิสฺสชฺชิตํ ปมํ ปฺหํ อนุโมทิ.
เอตทโหสีติ ภควตา อนุโมทิเต นยสเตน นยสหสฺเสน ปฺหสฺส เอกงฺคณิกภาเวน ปากฏีภูตตฺตา ¶ เอตํ อโหสิ. ทิวสมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยนฺติ สกลทิวสมฺปิ อหํ ภควโต เอตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทตฺถํ ¶ ปุฏฺโ สกลทิวสมฺปิ อฺมฺเหิ ปทพฺยฺชเนหิ พฺยากเรยฺยํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘เถโร อุฬารสีหนาทํ นทติ, สุการณํ เอตํ, ทสพลสฺส นํ อาโรเจสฺสามี’’ติ. ตสฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
สา หิ ภิกฺขุ สาริปุตฺตสฺส ธมฺมธาตูติ เอตฺถ ธมฺมธาตูติ ปจฺจยาการสฺส วิวฏภาวทสฺสนสมตฺถํ สาวกปารมีาณํ. สาวกานฺหิ สาวกปารมีาณํ สพฺพฺุตฺาณคติกเมว ¶ โหติ. ยถา พุทฺธานํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส ปากฏา โหนฺติ, เอวํ เถรสฺส สาวกปารมีาณํ สพฺเพปิ สาวกาณสฺส โคจรธมฺเม ชานาตีติ. ทุติยํ.
๓. าณวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ตติเย ตํ สุณาถาติ ตํ าณวตฺถุเทสนํ สุณาถ. าณวตฺถูนีติ เจตฺถ าณเมว าณวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ชรามรเณ าณนฺติอาทีสุ จตูสุ ปมํ สวนมยาณํ สมฺมสนาณํ ปฏิเวธาณํ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ จตุพฺพิธํ วฏฺฏติ, ตถา ทุติยํ. ตติยํ ปน เปตฺวา สมฺมสนาณํ ติวิธเมว โหติ, ตถา จตุตฺถํ. โลกุตฺตรธมฺเมสุ หิ สมฺมสนํ นาม นตฺถิ. ชาติยา าณนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมินา ธมฺเมนาติ อิมินา จตุสจฺจธมฺเมน วา มคฺคาณธมฺเมน วา.
ทิฏฺเนาติอาทีสุ ทิฏฺเนาติ าณจกฺขุนา ทิฏฺเน. วิทิเตนาติ ปฺาย วิทิเตน. อกาลิเกนาติ กิฺจิ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ปฏิเวธานนฺตรํเยว ผลทายเกน. ปตฺเตนาติ อธิคเตน. ปริโยคาฬฺเหนาติ ปริโยคาหิเตน ปฺาย อนุปวิฏฺเน. อตีตานาคเต นยํ เนตีติ ‘‘เย โข เกจี’’ติอาทินา นเยน อตีเต จ อนาคเต จ นยํ เนติ. เอตฺถ จ น จตุสจฺจธมฺเมน วา มคฺคาณธมฺเมน วา สกฺกา อตีตานาคเต นยํ เนตุํ, จตุสจฺเจ ปน มคฺคาเณน ปฏิวิทฺเธ ปรโต ปจฺจเวกฺขณาณํ นาม โหติ. เตน นยํ เนตีติ เวทิตพฺพา. อพฺภฺํสูติ อภิอฺํสุ ชานึสุ. เสยฺยถาปาหํ, เอตรหีติ ยถา อหํ เอตรหิ จตุสจฺจวเสน ชานามิ. อนฺวเย าณนฺติ อนุอเย าณํ, ธมฺมาณสฺส อนุคมเน าณํ, ปจฺจเวกฺขณาณสฺเสตํ ¶ นามํ. ธมฺเม าณนฺติ มคฺคาณํ. อิมสฺมึ สุตฺเต ขีณาสวสฺส เสกฺขภูมิ กถิตา โหติ. ตติยํ.
๔. ทุติยาณวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๓๔. จตุตฺเถ ¶ ¶ สตฺตสตฺตรีติ สตฺต จ สตฺตริ จ. พฺยฺชนภาณกา กิร เต ภิกฺขู, พหุพฺยฺชนํ กตฺวา วุจฺจมาเน ปฏิวิชฺฌิตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เตสํ อชฺฌาสเยน อิทํ สุตฺตํ วุตฺตํ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ปจฺจยากาเร าณํ. ปจฺจยากาโร หิ ธมฺมานํ ปวตฺติฏฺิติการณตฺตา ธมฺมฏฺิตีติ วุจฺจติ, เอตฺถ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ, เอตสฺเสว ฉพฺพิธสฺส าณสฺเสตํ อธิวจนํ. ขยธมฺมนฺติ ขยคมนสภาวํ. วยธมฺมนฺติ วยคมนสภาวํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนสภาวํ. นิโรธธมฺมนฺติ นิรุชฺฌนสภาวํ. สตฺตสตฺตรีติ เอเกกสฺมึ สตฺต สตฺต กตฺวา เอกาทสสุ ปเทสุ สตฺตสตฺตริ. อิมสฺมึ สุตฺเต วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนา กถิตา. จตุตฺถํ.
๕. อวิชฺชาปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๓๕. ปฺจเม สมุทโย โหตีติ สตฺถา อิเธว เทสนํ โอสาเปสิ. กึการณาติ? ทิฏฺิคติกสฺส โอกาสทานตฺถํ. ตสฺสฺหิ ปริสติ อุปารมฺภจิตฺโต ทิฏฺิคติโก อตฺถิ, โส ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ วิสฺสชฺเชสฺสามีติ ตสฺส โอกาสทานตฺถํ เทสนํ โอสาเปสิ. โน กลฺโล ปฺโหติ อยุตฺโต ปฺโห. ทุปฺปฺโห เอโสติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณ’’นฺติ? อิทํ สุปุจฺฉิตนฺติ. กิฺจาปิ สุปุจฺฉิตํ, ยถา ปน สตสหสฺสคฺฆนิเก สุวณฺณถาเล วฑฺฒิตสฺส สุโภชนสฺส มตฺถเก อามลกมตฺเตปิ คูถปิณฺเฑ ปิเต สพฺพํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ โหติ ฉฑฺเฑตพฺพํ, เอวเมว ‘‘กสฺส จ ปนิทํ ชรามรณ’’นฺติ? อิมินา สตฺตูปลทฺธิวาทปเทน คูถปิณฺเฑน ตํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ วิย อยมฺปิ สพฺโพ ทุปฺปฺโหว ชาโตติ.
พฺรหฺมจริยวาโสติ อริยมคฺควาโส. ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ยสฺส หิ อยํ ทิฏฺิ, โส ‘‘ชีเว อุจฺฉิชฺชมาเน สรีรํ อุจฺฉิชฺชติ, สรีเร อุจฺฉิชฺชนฺเต ชีวิตํ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คณฺหาติ. เอวํ ¶ คณฺหโต สา ทิฏฺิ ‘‘สตฺโต อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คหิตตฺตา อุจฺเฉททิฏฺิ นาม โหติ ¶ . สเจ ปน สงฺขาราว อุปฺปชฺชนฺติ เจว นิรุชฺฌนฺติ จาติ คณฺเหยฺย, สาสนาวจรา สมฺมาทิฏฺิ นาม ภเวยฺย. อริยมคฺโค จ นาเมโส วฏฺฏํ นิโรเธนฺโต วฏฺฏํ สมุจฺฉินฺทนฺโต อุปฺปชฺชติ ¶ , ตเทว ตํ วฏฺฏํ อุจฺเฉททิฏฺิยา คหิตาการสฺส สมฺภเว สติ วินาว มคฺคภาวนาย นิรุชฺฌตีติ มคฺคภาวนา นิรตฺถกา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมจริยวาโส น โหตี’’ติ.
ทุติยนเย อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ ยสฺส อยํ ทิฏฺิ, โส ‘‘สรีรํ อิเธว อุจฺฉิชฺชติ, น ชีวิตํ, ชีวิตํ ปน ปฺชรโต สกุโณ วิย ยถาสุขํ คจฺฉตี’’ติ คณฺหาติ. เอวํ คณฺหโต สา ทิฏฺิ ‘‘อิมสฺมา โลกา ชีวิตํ ปรโลกํ คต’’นฺติ คหิตตฺตา สสฺสตทิฏฺิ นาม โหติ. อยฺจ อริยมคฺโค เตภูมกวฏฺฏํ วิวฏฺเฏนฺโต อุปฺปชฺชติ, โส เอกสงฺขาเรปิ นิจฺเจ ธุเว สสฺสเต สติ อุปฺปนฺโนปิ วฏฺฏํ วิวฏฺเฏตุํ น สกฺโกตีติ มคฺคภาวนา นิรตฺถกา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา ภิกฺขุ ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส น โหตี’’ติ.
วิสูกายิกานีติอาทิ สพฺพํ มิจฺฉาทิฏฺิเววจนเมว. สา หิ สมฺมาทิฏฺิยา วินิวิชฺฌนฏฺเน วิสูกมิว อตฺตานํ อาวรณโต วิสูกายิกํ, สมฺมาทิฏฺึ อนนุวตฺติตฺวา ตสฺสา วิโรเธน ปวตฺตนโต วิเสวิตํ, กทาจิ อุจฺเฉทสฺส กทาจิ สสฺสตสฺส คหณโต วิรูปํ ผนฺทิตํ วิปฺผนฺทิตนฺติ วุจฺจติ. ตาลาวตฺถุกตานีติ ตาลวตฺถุ วิย กตานิ, ปุน อวิรุหณฏฺเน มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย สมูลํ ตาลํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ วิย จ กตานีติ อตฺโถ. อนภาวํกตานีติ อนุอภาวํ กตานีติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยอวิชฺชาปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๓๖. ฉฏฺเ ¶ อิติ วา, ภิกฺขเว, โย วเทยฺยาติ ตสฺสํ ปริสติ ทิฏฺิคติโก ปฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม อตฺถิ, โส ปน อวิสารทธาตุโก อุฏฺาย ทสพลํ ปุจฺฉิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา ตสฺส อชฺฌาสเยน สยเมว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชนฺโต สตฺถา เอวมาห. ฉฏฺํ.
๗. นตุมฺหสุตฺตวณฺณนา
๓๗. สตฺตเม ¶ ¶ น ตุมฺหากนฺติ อตฺตนิ หิ สติ อตฺตนิยํ นาม โหติ. อตฺตาเยว จ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น ตุมฺหาก’’นฺติ อาห. นปิ อฺเสนฺติ อฺโ นาม ปเรสํ อตฺตา, ตสฺมึ สติ อฺเสํ นาม สิยา, โสปิ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘นปิ อฺเส’’นฺติ อาห. ปุราณมิทํ, ภิกฺขเว, กมฺมนฺติ นยิทํ ปุราณกมฺมเมว, ปุราณกมฺมนิพฺพตฺโต ปเนส กาโย, ตสฺมา ปจฺจยโวหาเรน เอวํ วุตฺโต. อภิสงฺขตนฺติอาทิ กมฺมโวหารสฺเสว วเสน ปุริมลิงฺคสภาคตาย วุตฺตํ, อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – อภิสงฺขตนฺติ ปจฺจเยหิ กโตติ ทฏฺพฺโพ. อภิสฺเจตยิตนฺติ เจตนาวตฺถุโก เจตนามูลโกติ ทฏฺพฺโพ. เวทนิยนฺติ เวทนิยวตฺถูติ ทฏฺพฺโพ. สตฺตมํ.
๘. เจตนาสุตฺตวณฺณนา
๓๘. อฏฺเม ยฺจ, ภิกฺขเว, เจเตตีติ ยํ เจตนํ เจเตติ, ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ยฺจ ปกปฺเปตีติ ยํ ปกปฺปนํ ปกปฺเปติ, ปวตฺเตติจฺเจว อตฺโถ. ยฺจ อนุเสตีติ ยฺจ อนุสยํ อนุเสติ, ปวตฺเตติจฺเจว อตฺโถ. เอตฺถ จ เจเตตีติ เตภูมกกุสลากุสลเจตนา คหิตา, ปกปฺเปตีติ อฏฺสุ โลภสหคตจิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิกปฺปา คหิตา, อนุเสตีติ ทฺวาทสนฺนํ เจตนานํ สหชาตโกฏิยา เจว อุปนิสฺสยโกฏิยา จ อนุสโย คหิโต. อารมฺมณเมตํ โหตีติ (เจตนาทิธมฺมชาเต สติ กมฺมวิฺาณสฺส อุปฺปตฺติยา อวาริตตฺตา) เอตํ เจตนาทิธมฺมชาตํ ปจฺจโย โหติ. ปจฺจโย หิ อิธ อารมฺมณนฺติ ¶ อธิปฺเปตา. วิฺาณสฺส ิติยาติ กมฺมวิฺาณสฺส ิตตฺถํ. อารมฺมเณ สตีติ ตสฺมึ ปจฺจเย สติ. ปติฏฺา วิฺาณสฺส โหตีติ ตสฺส กมฺมวิฺาณสฺส ปติฏฺา โหติ. ตสฺมึ ปติฏฺิเต วิฺาเณติ ตสฺมึ กมฺมวิฺาเณ ปติฏฺิเต. วิรูฬฺเหติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย นิพฺพตฺตมูเล ชาเต. ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ ปุนพฺภวสงฺขาตา อภินิพฺพตฺติ.
โน ¶ เจ, ภิกฺขเว, เจเตตีติ อิมินา เตภูมกเจตนาย อปฺปวตฺตนกฺขโณ วุตฺโต. โน เจ ปกปฺเปตีติ อิมินา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปานํ อปฺปวตฺตนกฺขโณ. อถ เจ อนุเสตีติ อิมินา เตภูมกวิปาเกสุ ปริตฺตกิริยาสุ รูเปติ เอตฺถ อปฺปหีนโกฏิยา อนุสโย คหิโต. อารมฺมณเมตํ ¶ โหตีติ อนุสเย สติ กมฺมวิฺาณสฺส อุปฺปตฺติยา อวาริตตฺตา เอตํ อนุสยชาตํ ปจฺจโยว โหติ.
โน เจว เจเตตีติอาทีสุ ปมปเท เตภูมกกุสลากุสลเจตนา นิวตฺตา, ทุติยปเท อฏฺสุ จิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิโย, ตติยปเท วุตฺตปฺปกาเรสุ ธมฺเมสุ โย อปฺปหีนโกฏิยา อนุสยิโต อนุสโย, โส นิวตฺโต.
อปิเจตฺถ อสมฺโมหตฺถํ เจเตติ ปกปฺเปติ อนุเสติ, เจเตติ น ปกปฺเปติ อนุเสติ, น เจเตติ น ปกปฺเปติ อนุเสติ, น เจเตติ น ปกปฺเปติ น อนุเสตีติ อิทมฺปิ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปมนเย ธมฺมปริจฺเฉโท ทสฺสิโต. ทุติยนเย เจเตตีติ เตภูมกกุสลเจตนา เจว จตสฺโส จ อกุสลเจตนา คหิตา. น ปกปฺเปตีติ อฏฺสุ จิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิโย นิวตฺตา. อนุเสตีติ เตภูมกกุสเล อุปนิสฺสยโกฏิยา, จตูสุ อกุสลเจตนาสุ สหชาตโกฏิยา เจว อุปนิสฺสยโกฏิยา จ อนุสโย คหิโต. ตติยนเย น เจเตตีติ เตภูมกกุสลากุสลํ นิวตฺตํ, น ปกปฺเปตีติ อฏฺสุ จิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิโย นิวตฺตา, อนุเสตีติ สุตฺเต อาคตํ วาเรตฺวา เตภูมกกุสลากุสลวิปากกิริยารูเปสุ อปฺปหีนโกฏิยา อุปนิสฺสโย คหิโต. จตุตฺถนโย ปุริมสทิโสว.
ตทปฺปติฏฺิเตติ ตสฺมึ อปฺปติฏฺิเต. อวิรูฬฺเหติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ¶ ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย อนิพฺพตฺตมูเล. เอตฺถ ปน กึ กถิตนฺติ? อรหตฺตมคฺคสฺส กิจฺจํ, ขีณาสวสฺส กิจฺจกรณนฺติปิ นวโลกุตฺตรธมฺมาติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอตฺถ จ วิฺาณสฺส เจว อายตึ ปุนพฺภวสฺส จ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตเร เอโก, ภวชาตีนมนฺตเร เอโกติ. อฏฺมํ.
๙. ทุติยเจตนาสุตฺตวณฺณนา
๓๙. นวเม ¶ วิฺาณนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตเร เอโก, ภวชาตีนมนฺตเร เอโกติ. นวมํ.
๑๐. ตติยเจตนาสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ทสเม ¶ นตีติ ตณฺหา. สา หิ ปิยรูเปสุ รูปาทีสุ นมนฏฺเน ‘‘นตี’’ติ วุจฺจติ. อาคติ คติ โหตีติ อาคติมฺหิ คติ โหติ, อาคเต ปจฺจุปฏฺิเต กมฺเม วา กมฺมนิมิตฺเต วา คหินิมิตฺเต วา ปฏิสนฺธิวเสน วิฺาณสฺส คติ โหติ. จุตูปปาโตติ เอวํ วิฺาณสฺส อาคเต ปฏิสนฺธิวิสเย คติยา สติ อิโต จวนสงฺขาตา จุติ, ตตฺถูปปตฺติสงฺขาโต อุปปาโตติ อยํ จุตูปปาโต นาม โหติ. เอวํ อิมสฺมึ สุตฺเต นติยา จ อาคติคติยา จ อนฺตเร เอโกว สนฺธิ กถิโตติ. ทสมํ.
กฬารขตฺติยวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. คหปติวคฺโค
๑. ปฺจเวรภยสุตฺตวณฺณนา
๔๑. คหปติวคฺคสฺส ปเม ยโตติ ยทา. ภยานิ เวรานีติ ภยเวรเจตนาโย. โสตาปตฺติยงฺเคหีติ ทุวิธํ โสตาปตฺติยา องฺคํ, (โสตาปตฺติยา จ องฺคํ,) ยํ ปุพฺพภาเค โสตาปตฺติปฏิลาภาย สํวตฺตติ, ‘‘สปฺปุริสสํเสโว สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑) เอวํ อาคตํ, ปฏิลทฺธคุณสฺส จ โสตาปตฺตึ ปตฺวา ิตสฺส องฺคํ, ยํ โสตาปนฺนสฺส ¶ องฺคนฺติปิ วุจฺจติ, พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาทาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. อิทมิธ อธิปฺเปตํ. อริโยติ นิทฺโทโส นิรุปารมฺโภ. าโยติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ตฺวา ิตาณมฺปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทปิ. ยถาห – ‘‘าโย วุจฺจติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, อริโยปิ อฏฺงฺคิโก มคฺโค าโย’’ติ. ปฺายาติ อปราปรํ อุปฺปนฺนาย วิปสฺสนาปฺาย. สุทิฏฺโ โหตีติ อปราปรํ อุปฺปชฺชิตฺวา ทสฺสนวเสน สุฏฺุ ทิฏฺโ.
ขีณนิรโยติอาทีสุ ¶ อายตึ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนตาย ขีโณ นิรโย มยฺหนฺติ โส อหํ ขีณนิรโย. เอส นโย สพฺพตฺถ. โสตาปนฺโนติ มคฺคโสตํ อาปนฺโน. อวินิปาตธมฺโมติ น วินิปาตสภาโว ¶ . นิยโตติ ปมมคฺคสงฺขาเตน สมฺมตฺตนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโนติ อุตฺตริมคฺคตฺตยสงฺขาโต สมฺโพธิ ปรํ อยนํ มยฺหนฺติ โสหํ สมฺโพธิปรายโน, ตํ สมฺโพธึ อวสฺสํ อภิสมฺพุชฺฌนโกติ อตฺโถ.
ปาณาติปาตปจฺจยาติ ปาณาติปาตกมฺมการณา. ภยํ เวรนฺติ อตฺถโต เอกํ. เวรฺจ นาเมตํ ทุวิธํ โหติ พาหิรํ อชฺฌตฺติกนฺติ. เอเกน หิ เอกสฺส ปิตา มาริโต โหติ, โส จินฺเตสิ ‘‘เอเตน กิร เม ปิตา มาริโต, อหมฺปิ ตํเยว มาเรสฺสามี’’ติ นิสิตํ สตฺถํ อาทาย จรติ. ยา ตสฺส อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนเวรเจตนา, อิทํ พาหิรํ เวรํ นาม. ยา ปน อิตรสฺส ‘‘อยํ กิร มํ มาเรสฺสามีติ จรติ, อหเมว นํ ปมตรํ มาเรสฺสามี’’ติ เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทํ อชฺฌตฺติกํ เวรํ นาม. อิทํ ตาว อุภยมฺปิ ทิฏฺธมฺมิกเมว. ยา ปน ตํ นิรเย อุปฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ปหริสฺสามี’’ติ ชลิตํ อยมุคฺครํ คณฺหโต นิรยปาลสฺส เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทมสฺส สมฺปรายิกํ พาหิรเวรํ. ยา จสฺส ‘‘อยํ นิทฺโทสํ มํ ปหริสฺสามีติ อาคจฺฉติ, อหเมว นํ ปมตรํ ปหริสฺสามี’’ติ เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทมสฺส สมฺปรายิกํ อชฺฌตฺตเวรํ. ยํ ปเนตํ พาหิรเวรํ, ตํ อฏฺกถายํ ‘‘ปุคฺคลเวร’’นฺติ วุตฺตํ. ทุกฺขํ โทมนสฺสนฺติ อตฺถโต เอกเมว. ยถา เจตฺถ, เอวํ เสสปเทสุปิ ‘‘อิมินา มม ภณฺฑํ หฏํ ¶ , มยฺหํ ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปนฺนํ, มุสา วตฺวา อตฺโถ ภคฺโค, สุรามทมตฺเตน อิทํ นาม กต’’นฺติอาทินา นเยน เวรุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อเวจฺจปฺปสาเทนาติ อธิคเตน อจลปฺปสาเทน. อริยกนฺเตหีติ ปฺจหิ สีเลหิ. ตานิ หิ อริยานํ กนฺตานิ ปิยานิ. ภวนฺตรคตาปิ อริยา ตานิ น วิชหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อริยกนฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค อนุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺตเมว. ปมํ.
๒. ทุติยปฺจเวรภยสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ทุติเย ภิกฺขูนํ กถิตภาวมตฺตเมว วิเสโส. ทุติยํ.
๓. ทุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ตติเย ¶ ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. สมุทยนฺติ ทฺเว สมุทยา ขณิกสมุทโย จ ปจฺจยสมุทโย ¶ จ. ปจฺจยสมุทยํ ปสฺสนฺโตปิ ภิกฺขุ ขณิกสมุทยํ ปสฺสติ, ขณิกสมุทยํ ปสฺสนฺโตปิ ปจฺจยสมุทยํ ปสฺสติ. อตฺถงฺคโมปิ อจฺจนฺตตฺถงฺคโม เภทตฺถงฺคโมติ ทุวิโธ. อจฺจนฺตตฺถงฺคมํ ปสฺสนฺโตปิ เภทตฺถงฺคมํ ปสฺสติ, เภทตฺถงฺคมํ ปสฺสนฺโตปิ อจฺจนฺตตฺถงฺคมํ ปสฺสติ. เทเสสฺสามีติ อิทํ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมุทยอตฺถงฺคมํ นิพฺพตฺติเภทํ นาม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถาติ อตฺโถ. ปฏิจฺจาติ นิสฺสยวเสน เจว อารมฺมณวเสน จ ปจฺจยํ กตฺวา. ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโสติ ติณฺณํ สงฺคติยา ผสฺโส. อยํ โข, ภิกฺขเว, ทุกฺขสฺส สมุทโยติ อยํ วฏฺฏทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติ นาม. อตฺถงฺคโมติ เภโท. เอวฺหิ วฏฺฏทุกฺขํ ภินฺนํ โหติ อปฺปฏิสนฺธิยํ. ตติยํ.
๔. โลกสุตฺตวณฺณนา
๔๔. จตุตฺเถ โลกสฺสาติ สงฺขารโลกสฺส. อยเมตฺถ วิเสโส. จตุตฺถํ.
๕. าติกสุตฺตวณฺณนา
๔๕. ปฺจเม ¶ าติเกติ ทฺวินฺนํ าตกานํ คาเม. คิฺชกาวสเถติ อิฏฺกาหิ กเต มหาปาสาเท. ธมฺมปริยายนฺติ ธมฺมการณํ. อุปสฺสุตีติ อุปสฺสุติฏฺานํ, ยํ านํ อุปคเตน สกฺกา โหติ ภควโต สทฺทํ โสตุํ, ตตฺถ ิโตติ อตฺโถ. โส กิร คนฺธกุฏิปริเวณสมฺมชฺชนตฺถํ อาคโต อตฺตโน กมฺมํ ปหาย ภควโต ธมฺมโฆสํ สุณนฺโต อฏฺาสิ. อทฺทสาติ ตทา กิร ภควโต อาทิโตว ปจฺจยาการํ มนสิกโรนฺตสฺส ‘‘อิทํ อิมินา ปจฺจเยน โหติ, อิทํ อิมินา’’ติ อาวชฺชโต ยาว ภวคฺคา เอกงฺคณํ อโหสิ, สตฺถา มนสิการํ ปหาย วจสา สชฺฌายํ กโรนฺโต ยถานุสนฺธินา เทสนํ นิฏฺเปตฺวา, ‘‘อปิ นุ โข อิมํ ธมฺมปริยายํ โกจิ อสฺโสสี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ ภิกฺขุมทฺทส. เตน วุตฺตํ ‘‘อทฺทสา โข ภควา’’ติ.
อสฺโสสิ ¶ โนติ อสฺโสสิ นุ. อถ วา อสฺโสสิ โนติ อมฺหากํ ภาสนฺตานํ อสฺโสสีติ. อุคฺคณฺหาหีติอาทีสุ สุตฺวา ตุณฺหีภูโตว ปคุณํ กโรนฺโต อุคฺคณฺหาติ นาม. ปทานุปทํ ฆเฏตฺวา วาจาย ปริจิตํ กโรนฺโต ปริยาปุณาติ นาม. อุภยถาปิ ปคุณํ อาธารปฺปตฺตํ กโรนฺโต ธาเรติ นาม. อตฺถสํหิโตติ การณนิสฺสิโต. อาทิพฺรหฺมจริยโกติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ¶ อาทิ ปติฏฺานภูโต. อิติ ตีสุปิ อิเมสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ. ปฺจมํ.
๖. อฺตรพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๔๖. ฉฏฺเ อฺตโรติ นามวเสน อปากโฏ อฺตโร พฺราหฺมโณ. ฉฏฺํ.
๗. ชาณุสฺโสณิสุตฺตวณฺณนา
๔๗. สตฺตเม ชาณุสฺโสณีติ านนฺตรวเสน เอวํลทฺธนาโม อสีติโกฏิวิภโว มหาปุโรหิโต. สตฺตมํ.
๘. โลกายติกสุตฺตวณฺณนา
๔๘. อฏฺเม ¶ โลกายติโกติ วิตณฺฑสตฺเถ โลกายเต กตปริจโย. เชฏฺเมตํ โลกายตนฺติ ปมํ โลกายตํ. โลกายตนฺติ จ โลกสฺเสว อายตํ, พาลปุถุชฺชนโลกสฺส อายตํ, มหนฺตํ คมฺภีรนฺติ อุปธาริตพฺพํ ปริตฺตํ ภาวํ ทิฏฺิคตํ. เอกตฺตนฺติ เอกสภาวํ, นิจฺจสภาวเมวาติ ปุจฺฉติ. ปุถุตฺตนฺติ ปุริมสภาเวน นานาสภาวํ, เทวมนุสฺสาทิภาเวน ปมํ หุตฺวา ปจฺฉา น โหตีติ อุจฺเฉทํ สนฺธาย ปุจฺฉติ. เอวเมตฺถ ‘‘สพฺพมตฺถิ, สพฺพเมกตฺต’’นฺติ อิมา ทฺเวปิ สสฺสตทิฏฺิโย, ‘‘สพฺพํ นตฺถิ, สพฺพํ ปุถุตฺต’’นฺติ อิมา ทฺเว อุจฺเฉททิฏฺิโยติ เวทิตพฺพา. อฏฺมํ.
๙. อริยสาวกสุตฺตวณฺณนา
๔๙. นวเม กึ นุ โขติ สํสยุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ. สมุทยตีติ อุปฺปชฺชติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยอริยสาวกสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ทสเม ¶ ¶ ทฺเวปิ นยา เอกโต วุตฺตา. อิทเมว ปุริเมน นานตฺตํ, เสสํ ตาทิสเมวาติ. ทสมํ.
คหปติวคฺโค ปฺจโม.
๖. ทุกฺขวคฺโค
๑. ปริวีมํสนสุตฺตวณฺณนา
๕๑. ทุกฺขวคฺคสฺส ปเม ปริวีมํสมาโนติ อุปปริกฺขมาโน. ชรามรณนฺติ กสฺมา ชรามรณํ เอกเมว ‘‘อเนกวิธํ นานปฺปการก’’นฺติ วตฺวา คหิตนฺติ เจ? ตสฺมึ คหิเต สพฺพทุกฺขสฺส คหิตตฺตา. ยถา หิ จูฬาย คหิเต ปุริเส โส ปุริโส ¶ คหิโตว โหติ, เอวํ ชรามรเณ คหิเต สพฺพทุกฺขํ คหิตเมว โหติ. ตสฺมา ‘‘ยํ โข อิทํ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ ทุกฺขํ โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ นฺหตฺวา ิตํ ปุริสํ วิย สพฺพทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา ตํ จูฬาย คณฺหนฺโต วิย ชรามรณํ คณฺหิ.
ชรามรณนิโรธสารุปฺปคามินีติ ชรามรณนิโรธสฺส สารุปฺปภาเวน นิกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธตาย สทิสาว หุตฺวา คามินีติ อตฺโถ. ตถา ปฏิปนฺโน จ โหตีติ ยถา ตํ ปฏิปนฺโนติ วุจฺจติ, เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ. อนุธมฺมจารีติ นิพฺพานธมฺมํ อนุคตํ ปฏิปตฺติธมฺมํ จรติ, ปูเรตีติ อตฺโถ. ทุกฺขกฺขยาย ปฏิปนฺโนติ สีลํ อาทึ กตฺวา ชรามรณทุกฺขสฺส นิโรธตฺถาย ปฏิปนฺโน. สงฺขารนิโรธายาติ สงฺขารทุกฺขสฺส นิโรธตฺถาย. เอตฺตาวตา ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตา.
อิทานิ อรหตฺตผลปจฺจเวกฺขณํ สตตวิหารฺจ ทสฺเสตฺวา เทสนา นิวตฺเตตพฺพา สิยา, ตถา อกตฺวา อวิชฺชาคโตติ อิทํ กสฺมา คณฺหาตีติ? ขีณาสวสฺส สมติกฺกนฺตวฏฺฏทุกฺขทสฺสนตฺถํ ¶ . อปิจ ปุน วฏฺฏํ อารภิตฺวา วิวฏฺเฏ กถิยมาเน พุชฺฌนกสตฺโต เจตฺถ อตฺถิ, ตสฺส อชฺฌาสยวเสนาปิ อิทํ คณฺหาตีติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย ¶ คโต อุปคโต สมนฺนาคโต. ปุริสปุคฺคโลติ ปุริโสเยว ปุคฺคโล. อุภเยนาปิ สมฺมุติกถํ กเถติ. พุทฺธานฺหิ สมฺมุติกถา ปรมตฺถกถาติ ทฺเว กถา โหนฺติ. ตตฺถ ‘‘สตฺโต นโร ปุริโส ปุคฺคโล ติสฺโส นาโค’’ติ เอวํ ปวตฺตา สมฺมุติกถา นาม. ‘‘ขนฺธา ธาตุโย อายตนานี’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปรมตฺถกถา นาม. ปรมตฺถํ กเถนฺตาปิ สมฺมุตึ อมฺุจิตฺวา กเถนฺติ. เต สมฺมุตึ กเถนฺตาปิ ปรมตฺถํ กเถนฺตาปิ สจฺจเมว กเถนฺติ. เตเนว วุตฺตํ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ;
สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณํ;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตลกฺขณ’’นฺติ.
ปฺุํ ¶ เจ สงฺขารนฺติ เตรสเจตนาเภทํ ปฺุาภิสงฺขารํ. อภิสงฺขโรตีติ กโรติ. ปฺุูปคํ โหติ วิฺาณนฺติ กมฺมวิฺาณํ กมฺมปฺุเน อุปคตํ สมฺปยุตฺตํ โหติ, วิปากวิฺาณํ วิปากปฺุเน. อปฺุํ เจ สงฺขารนฺติ ทฺวาทสเจตนาเภทํ อปฺุาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. อาเนฺชํ เจ สงฺขารนฺติ จตุเจตนาเภทํ อาเนฺชาภิสงฺขารํ. อาเนฺชูปคํ โหติ วิฺาณนฺติ กมฺมาเนฺเชน กมฺมวิฺาณํ, วิปากาเนฺเชน วิปากวิฺาณํ อุปคตํ โหติ. เอตฺถ จ ติวิธสฺส กมฺมาภิสงฺขารสฺส คหิตตฺตา ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโร คหิโตว โหติ. เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺสิตํ.
อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ยโต โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อวิชฺชาติ จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ. วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณํ. เอตฺถ จ ปมเมว อวิชฺชาย ปหีนาย วิชฺชา อุปฺปชฺชติ. ยถา ปน จตุรงฺเคปิ ตเม รตฺตึ ปทีปุชฺชเลน อนฺธกาโร ปหียติ, เอวํ วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชาย ปหานํ เวทิตพฺพํ. น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ โลเก กิฺจิ ธมฺมํ น คณฺหาติ น ปรามสติ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสตีติ อนุปาทิยนฺโต อคณฺหนฺโต เนว ตณฺหาปริตสฺสนาย, น ภยปริตสฺสนาย ปริตสฺสติ, น ตณฺหายติ น ภายตีติ อตฺโถ. ปจฺจตฺตฺเวาติ สยเมว อตฺตนาว ปรินิพฺพายติ, น อฺสฺส อานุภาเวน.
โส ¶ ¶ สุขํ เจ เวทนนฺติ อิทํ กสฺมา อารภิ? ขีณาสวสฺส ปจฺจเวกฺขณาณํ ทสฺเสตฺวา สตตวิหารํ ทสฺเสตุํ อารภิ. อนชฺโฌสิตาติ ตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา อคหิตา. อถ ทุกฺขเวทนา กสฺมา วุตฺตา, กึ ตมฺปิ อภินนฺทนฺโต อตฺถีติ? อาม อตฺถิ. สุขํ อภินนฺทนฺโตเยว หิ ทุกฺขํ อภินนฺทติ นาม ทุกฺขํ ปตฺวา สุขํ ปตฺถนโต สุขสฺส จ วิปริณามทุกฺขโตติ. กายปริยนฺติกนฺติ กายปริจฺฉินฺนํ, ยาว ปฺจทฺวารกาโย ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺตํ ปฺจทฺวาริกเวทนนฺติ อตฺโถ. ชีวิตปริยนฺติกนฺติ ชีวิตปริจฺฉินฺนํ ¶ . ยาว ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺตํ มโนทฺวาริกเวทนนฺติ อตฺโถ.
ตตฺถ ปฺจทฺวาริกเวทนา ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ปมํ นิรุชฺฌติ, มโนทฺวาริกเวทนา ปมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา นิรุชฺฌติ. สา หิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุรูปสฺมึเยว ปติฏฺาติ. ปฺจทฺวาริกา ปวตฺเต ปฺจทฺวารวเสน ปวตฺตมานา ปมวเย วีสติวสฺสกาเล รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อธิมตฺตา พลวตี โหติ, ปณฺณาสวสฺสกาเล ิตา โหติ, สฏฺิวสฺสกาลโต ปฏฺาย ปริหายมานา อสีตินวุติวสฺสกาเล มนฺทา โหติ. ตทา หิ สตฺตา ‘‘จิรรตฺตํ เอกโต นิสีทิมฺหา นิปชฺชิมฺหา’’ติ วทนฺเตปิ ‘‘น สฺชานามา’’ติ วทนฺติ. อธิมตฺตานิปิ รูปาทิอารมฺมณานิ ‘‘น ปสฺสาม น สุณาม’’, ‘‘สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ วา สาทุํ อสาทุํ วา ถทฺธํ มุทุกนฺติ วา น ชานามา’’ติ วทนฺติ. อิติ เนสํ ปฺจทฺวาริกเวทนา ภคฺคา โหติ, มโนทฺวาริกาว ปวตฺตติ. สาปิ อนุปุพฺเพน ปริหายมานา มรณสมเย หทยโกฏึเยว นิสฺสาย ปวตฺตติ. ยาว ปเนสา ปวตฺตติ, ตาว สตฺโต ชีวตีติ วุจฺจติ. ยทา นปฺปวตฺตติ, ตทา มโต นิรุทฺโธติ วุจฺจติ.
สฺวายมตฺโถ วาปิยา ทีเปตพฺโพ –
ยถา หิ ปุริโส ปฺจอุทกมคฺคสมฺปนฺนํ วาปึ กเรยฺย, ปมํ เทเว วุฏฺเ ปฺจหิ อุทกมคฺเคหิ อุทกํ ปวิสิตฺวา อนฺโตวาปิยํ อาวาเฏ ปูเรยฺย, ปุนปฺปุนํ เทเว วสฺสนฺเต อุทกมคฺเค ปูเรตฺวา คาวุตฑฺฒโยชนมตฺตํ โอตฺถริตฺวา อุทกํ ติฏฺเยฺย ตโต ตโต วิสฺสนฺทมานํ, อถ นิทฺธมนตุมฺเพ วิวริตฺวา เขตฺเตสุ กมฺเม กริยมาเน อุทกํ นิกฺขมนฺตํ, สสฺสปากกาเล (อุทกํ นิกฺขมนฺตํ,) อุทกํ ปริหีนํ ‘‘มจฺเฉ คณฺหามา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺเชยฺย, ตโต ¶ กติปาเหน อาวาเฏสุเยว อุทกํ สณฺเหยฺย. ยาว ปน ตํ อาวาเฏสุ โหติ, ตาว ‘‘มหาวาปิยํ ¶ อุทกํ อตฺถี’’ติ สงฺขํ คจฺฉติ. ยทา ปน ตตฺถ ฉิชฺชติ, ตทา ‘‘วาปิยํ อุทกํ นตฺถี’’ติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ปมํ ¶ เทเว วสฺสนฺเต ปฺจหิ มคฺเคหิ อุทเก ปวิสนฺเต อาวาฏานํ ปูรณกาโล วิย หิ ปมเมว ปฏิสนฺธิกฺขเณ มโนทฺวาริกเวทนาย วตฺถุรูเป ปติฏฺิตกาโล, ปุนปฺปุนํ เทเว วสฺสนฺเต ปฺจนฺนํ มคฺคานํ ปูริตกาโล วิย ปวตฺเต ปฺจทฺวาริกเวทนาย ปวตฺติกาโล, คาวุตฑฺฒโยชนมตฺตํ อชฺโฌตฺถรณํ วิย ปมวเย วีสติวสฺสกาเล รชฺชนาทิวเสน ตสฺสา อธิมตฺตพลวภาโว, ยาว วาปิโต อุทกํ น นิคฺคจฺฉติ, ตาว ปูราย วาปิยา ิตกาโล วิย ปฺาสวสฺสกาเล ตสฺสา ิตกาโล, นิทฺธมนตุมฺเพสุ วิวเฏสุ กมฺมนฺเต กริยมาเน อุทกสฺส นิกฺขมนกาโล วิย สฏฺิวสฺสกาลโต ปฏฺาย ตสฺสา ปริหานิ, อุทเก ภฏฺเ อุทกมคฺเคสุ ปริตฺโตทกสฺส ิตกาโล วิย อสีตินวุติวสฺสกาเล ปฺจทฺวาริกเวทนาย มนฺทกาโล, อาวาเฏสุเยว อุทกสฺส ปติฏฺานกาโล วิย หทยวตฺถุโกฏึ นิสฺสาย มโนทฺวาริกเวทนาย ปวตฺติกาโล, อาวาเฏสุ ปริตฺเตปิ อุทเก สติ ‘‘วาปิยํ อุทกํ อตฺถี’’ติ วตฺตพฺพกาโล วิย ยาว สา ปวตฺตติ, ตาว ‘‘สตฺโต ชีวตี’’ติ วุจฺจติ. ยถา ปน อาวาเฏสุ อุทเก ฉินฺเน ‘‘นตฺถิ วาปิยํ อุทก’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ มโนทฺวาริกเวทนาย อปฺปวตฺตมานาย ‘‘สตฺโต มโต’’ติ วุจฺจติ. อิมํ เวทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทิยมาโน’’ติ.
กายสฺส เภทาติ กายสฺส เภเทน. ชีวิตปริยาทานา อุทฺธนฺติ ชีวิตกฺขยโต อุทฺธํ. อิเธวาติ ปฏิสนฺธิวเสน ปรโต อคนฺตฺวา อิเธว. สีตีภวิสฺสนฺตีติ ปวตฺติวิปฺผนฺททรถรหิตานิ สีตานิ อปฺปวตฺตนธมฺมานิ ภวิสฺสนฺติ. สรีรานีติ ธาตุสรีรานิ. อวสิสฺสนฺตีติ อวสิฏฺานิ ภวิสฺสนฺติ.
กุมฺภการปากาติ กุมฺภการสฺส ภาชนปจนฏฺานโต. ปฏิสิสฺเสยฺยาติ เปยฺย. กปลฺลานีติ สห มุขวฏฺฏิยา เอกาพทฺธานิ กุมฺภกปลฺลานิ. อวสิสฺเสยฺยุนฺติ ¶ ¶ ติฏฺเยฺยุํ. เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อาทิตฺตกุมฺภการปาโก วิย หิ ตโย ภวา ทฏฺพฺพา, กุมฺภกาโร วิย โยคาวจโร, ปากโต กุมฺภการภาชนานํ นีหรณทณฺฑโก วิย อรหตฺตมคฺคาณํ, สโม ภูมิภาโค วิย อสงฺขตํ นิพฺพานตลํ, ทณฺฑเกน อุณฺหกุมฺภํ อากฑฺฒิตฺวา ¶ สเม ภูมิภาเค กุมฺภสฺส ปิตกาโล วิย อารทฺธวิปสฺสกสฺส รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกํ วิปสฺสนฺตสฺส กมฺมฏฺาเน จ ปคุเณ วิภูเต อุปฏฺหมาเน ตถารูปํ อุตุสปฺปายาทึ ลภิตฺวา เอกาสเน นิสินฺนสฺส วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปตฺวา จตูหิ อปาเยหิ อตฺตภาวํ อุทฺธริตฺวา ผลสมาปตฺติวเสน อสงฺขเต นิพฺพานตเล ิตกาโล ทฏฺพฺโพ. ขีณาสโว ปน อุณฺหกุมฺโภ วิย อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว น ปรินิพฺพาติ, สาสนปฺปเวณึ ปน ฆฏยมาโน ปณฺณาสสฏฺิวสฺสานิ ตฺวา จริมกจิตฺตปฺปตฺติยา อุปาทิณฺณกกฺขนฺธเภทา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาติ. อถสฺส กุมฺภสฺส วิย กปลฺลานิ อนุปาทิณฺณกสรีราเนว อวสิสฺสนฺตีติ. สรีรานิ อวสิสฺสนฺตีติ ปชานาตีติ อิทํ ปน ขีณาสวสฺส อนุโยคาโรปนตฺถํ วุตฺตํ.
วิฺาณํ ปฺาเยถาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปฺาเยถ. สาธุ สาธูติ เถรานํ พฺยากรณํ สมฺปหํสติ. เอวเมตนฺติ ยเทตํ ติวิเธ อภิสงฺขาเร อสติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อปฺปฺาณนฺติอาทิ, เอวเมว เอตํ. อธิมุจฺจถาติ สนฺนิฏฺานสงฺขาตํ อธิโมกฺขํ ปฏิลภถ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ อยเมว วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺโต อยํ ปริจฺเฉโท, ยทิทํ นิพฺพานนฺติ. ปมํ.
๒. อุปาทานสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ทุติเย อุปาทานิเยสูติ จตุนฺนํ อุปาทานานํ ปจฺจเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ. อสฺสาทานุปสฺสิโนติ อสฺสาทํ อนุปสฺสนฺตสฺส. ตตฺราติ ตสฺมึ อคฺคิกฺขนฺเธ. ตทาหาโรติ ตํปจฺจโย. ตทุปาทาโนติ ตสฺเสว เววจนํ. เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อคฺคิกฺขนฺโธ วิย หิ ตโย ภวา, เตภูมกวฏฺฏนฺติปิ เอตเทว, อคฺคิชคฺคกปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน, สุกฺขติณโคมยาทิปกฺขิปนํ วิย อสฺสาทานุปสฺสิโน ปุถุชฺชนสฺส ¶ ตณฺหาทิวเสน ฉหิ ทฺวาเรหิ กุสลากุสลกมฺมกรณํ. ติณโคมยาทีสุ ขีเณสุ ปุนปฺปุนํ เตสํ ปกฺขิปเนน อคฺคิกฺขนฺธสฺส วฑฺฒนํ วิย พาลปุถุชฺชนสฺส อุฏฺาย สมุฏฺาย ยถาวุตฺตกมฺมายูหเนน อปราปรํ วฏฺฏทุกฺขนิพฺพตฺตนํ.
น กาเลน กาลํ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺยาติ ตฺหิ โกจิ อตฺถกาโม เอวํ วเทยฺย ¶ – ‘‘โภ กสฺมา อุฏฺาย สมุฏฺาย กลาเป พนฺธิตฺวา สุกฺขติณกฏฺานํ ปจฺฉิยฺจ ปูเรตฺวา สุกฺขโคมยานิ ปกฺขิปนฺโต เอตํ อคฺคึ ชาเลสิ? อปิ นุ เต อตฺถิ อิโตนิทานํ กาจิ วฑฺฒีติ? วํสาคตเมตํ โภ อมฺหากํ, อิโตนิทานํ ปน เม อวฑฺฒิเยว, กุโต วฑฺฒิ? อหฺหิ อิมํ อคฺคึ ชคฺคนฺโต เนว นฺหายิตุํ น ภฺุชิตุํ น นิปชฺชิตุํ ลภามีติ. เตน หิ โภ กึ เต อิมินา นิรตฺถเกน อคฺคิชาลเนน? เอหิ ตฺวํ เอตานิ อาภตานิ ติณาทีนิ เอตฺถ นิกฺขิป, ตานิ สยเมว ฌายิสฺสนฺติ, ตฺวํ ปน อสุกสฺมึ าเน สีโตทกา โปกฺขรณี อตฺถิ, ตตฺถ นฺหตฺวา, มาลาคนฺธวิเลปเนหิ อตฺตานํ มณฺเฑตฺวา สุนิวตฺโถ สุปารุโตว ปาทุกาหิ นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทวรมารุยฺห วาตปานํ วิวริตฺวา มหาวีถิยํ วิโรจมาโน นิสีท เอกคฺโค สุขสมปฺปิโต หุตฺวา, ตตฺถ เต นิสินฺนสฺส ติณาทีนํ ขเยน สยเมว อยํ อคฺคิ อปฺปณฺณตฺติภาวํ คมิสฺสตี’’ติ. โส ตถา กเรยฺย. ตเถว จ ตตฺถ นิสินฺนสฺส โส อคฺคิ อุปาทานกฺขเยน อปฺปณฺณตฺติภาวํ คจฺเฉยฺย. อิทํ สนฺธาเยตํ ‘‘น กาเลน กาล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ ปน อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – จตฺตาลีสาย กฏฺวาหานํ ชลมาโน มหาอคฺคิกฺขนฺโธ วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ ทฏฺพฺพํ, อคฺคิชคฺคนกปุริโส วิย วฏฺฏสนฺนิสฺสิตโก โยคาวจโร, อตฺถกาโม ปุริโส วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ, เตน ปุริเสน ตสฺส ทินฺนโอวาโท วิย ตถาคเตน ¶ ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เตภูมกธมฺเมสุ นิพฺพินฺท, เอวํ วฏฺฏทุกฺขา มุจฺจิสฺสสี’’ติ ตสฺส เตภูมกธมฺเมสุ กมฺมฏฺานสฺส กถิตกาโล, ตสฺส ปุริสสฺส ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิตฺวา ปาสาเท นิสินฺนกาโล วิย โยคิโน ¶ สุคโตวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส เตภูมกธมฺเมสุ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน ยถานุรูปํ อาหารสปฺปายาทึ ลภิตฺวา, เอกาสเน นิสินฺนสฺส อคฺคผเล ปติฏฺิตกาโล, ตสฺส นฺหานวิเลปนาทีหิ สุโธตมณฺฑิตกายตฺตา ตสฺมึ นิสินฺนสฺส เอกคฺคสุขสมปฺปิตกาโล วิย โยคิโน อริยมคฺคโปกฺขรณิยํ มคฺคาโณทเกน สุนฺหาตสุโธตกิเลสมลสฺส หิโรตฺตปฺปสาฏเก นิวาเสตฺวา สีลวิเลปนานุลิตฺตสฺส อรหตฺตมณฺฑเนน อตฺตภาวํ มณฺเฑตฺวา วิมุตฺติปุปฺผทามํ ปิฬนฺธิตฺวา อิทฺธิปาทปาทุกา อารุยฺห นิพฺพานนครํ ปวิสิตฺวา ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สติปฏฺานมหาวีถิยํ วิโรจมานสฺส นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสินฺนกาโล. ตสฺส ปน ปุริสสฺส ตสฺมึ นิสินฺนสฺส ติณาทีนํ ขเยน อคฺคิกฺขนฺธสฺส อปฺปณฺณตฺติคมนกาโล วิย ขีณาสวสฺส ยาวตายุกํ ตฺวา อุปาทิณฺณกกฺขนฺธเภเทน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺส มหาวฏฺฏวูปสโม ทฏฺพฺโพ. ทุติยํ.
๓. สํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๕๓. ตติเย ¶ สํโยชนิเยสูติ ทสนฺนํ สํโยชนานํ ปจฺจเยสุ. ฌาเยยฺยาติ ชเลยฺย. เตลํ อาสิฺเจยฺย วฏฺฏึ อุปสํหเรยฺยาติ ทีปปฏิชคฺคนตฺถํ เตลภาชนฺจ มหนฺตฺจ วฏฺฏิกปาลํ คเหตฺวา สมีเป นิจฺจํ ิโตว เตเล ขีเณ เตลํ อาสิฺเจยฺย, วฏฺฏิยา ขีณาย วฏฺฏึ อุปสํหเรยฺย. เสสเมตฺถ สทฺธึ โอปมฺมสํสนฺทเนน ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตติยํ.
๔. ทุติยสํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๕๔. จตุตฺเถ อุปมํ ปมํ กตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต. เสสํ ตาทิสเมว. จตุตฺถํ.
๕. มหารุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕๕. ปฺจเม ¶ อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺตีติ ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ อุปริ อาโรเปนฺติ. โอชาย อาโรปิตตฺตา หตฺถสตุพฺเพธสฺส รุกฺขสฺส องฺกุรคฺเคสุ พินฺทุพินฺทูนิ วิย หุตฺวา สิเนโห ติฏฺติ. อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ ¶ – มหารุกฺโข วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ, มูลานิ วิย อายตนานิ, มูเลหิ โอชาย อาโรหนํ วิย ฉหิ ทฺวาเรหิ กมฺมาโรหนํ, โอชาย อภิรุฬฺหตฺตา มหารุกฺขสฺส ยาวกปฺปฏฺานํ วิย วฏฺฏนิสฺสิตพาลปุถุชฺชนสฺส ฉหิ ทฺวาเรหิ กมฺมํ อายูหนฺตสฺส อปราปรํ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนวเสน ทีฆรตฺตํ านํ.
กุทฺทาลปิฏกนฺติ กุทฺทาลฺเจว ปจฺฉิภาชนฺจ. ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺเทยฺยาติ ขุทฺทกมหนฺตานิ ขณฺฑาขณฺฑานิ กโรนฺโต ฉินฺเทยฺย. อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อิธาปิ หิ มหารุกฺโข วิย เตภูมกวฏฺฏํ, รุกฺขํ นาเสตุกาโม ปุริโส วิย โยคาวจโร, กุทฺทาโล วิย าณํ, ปจฺฉิ วิย สมาธิ, รุกฺขจฺเฉทนผรสุ วิย าณํ, รุกฺขสฺส มูเล ฉินฺนกาโล วิย โยคิโน อาจริยสนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มนสิกโรนฺตสฺส ปฺา, ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทนกาโล วิย สงฺเขปโต จตุนฺนํ มหาภูตานํ มนสิกาโร, ผาลนํ วิย ทฺเวจตฺตาลีสาย โกฏฺาเสสุ วิตฺถารมนสิกาโร, สกลิกํ สกลิกํ กรณกาโล วิย อุปาทารูปสฺส เจว รูปกฺขนฺธารมฺมณสฺส วิฺาณสฺส จาติ อิเมสํ วเสน นามรูปปริคฺคโห, มูลานํ อุปจฺเฉทนํ วิย ตสฺเสว นามรูปสฺส ปจฺจยปริเยสนํ, วาตาตเป ¶ วิโสเสตฺวา อคฺคินา ฑหนกาโล วิย อนุปุพฺเพน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อฺตรํ สปฺปายํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺาเน วิภูเต อุปฏฺหมาเน เอกปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส อคฺคผลปฺปตฺติ, มสิกรณํ วิย อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว อปรินิพฺพายนฺตสฺส ยาวตายุกํ ิต กาโล, มหาวาเต โอปุนนํ นทิยา ปวาหนํ วิย จ อุปาทิณฺณกกฺขนฺธเภเทน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺส วฏฺฏวูปสโม เวทิตพฺโพ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยมหารุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ฉฏฺเปิ ¶ อุปมํ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต, อิทเมว นานตฺตํ. ฉฏฺํ.
๗. ตรุณรุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕๗-๕๙. สตฺตเม ¶ ตรุโณติ อชาตผโล. ปลิมชฺเชยฺยาติ โสเธยฺย. ปํสุํ ทเทยฺยาติ ถทฺธผรุสปํสุํ หริตฺวา มุทุโคมยจุณฺณมิสฺสํ มธุรปํสุํ ปกฺขิเปยฺย. วุทฺธินฺติ วุทฺธึ อาปชฺชิตฺวา ปุปฺผูปโค ปุปฺผํ, ผลูปโค ผลํ คณฺเหยฺย. อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ตรุณรุกฺโข วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ, รุกฺขชคฺคโก ปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต ปุถุชฺชโน, มูลผลสนฺตานาทีนิ วิย ตีหิ ทฺวาเรหิ กุสลากุสลกมฺมายูหนํ, รุกฺขสฺส วุฑฺฒิอาปชฺชนํ วิย ปุถุชฺชนสฺส ตีหิ ทฺวาเรหิ กมฺมํ อายูหโต อปราปรํ วฏฺฏปฺปวตฺติ. วิวฏฺฏํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อฏฺมนวมานิ อุตฺตานตฺถาเนว. สตฺตมาทีนิ.
๑๐. นิทานสุตฺตวณฺณนา
๖๐. ทสเม กุรูสุ วิหรตีติ กุรูติ เอวํ พหุวจนวเสน ลทฺธโวหาเร ชนปเท วิหรติ. กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโมติ เอวํนามโก กุรูนํ นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวาติ อตฺโถ. อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ ครุวจนเมตํ. อานนฺโทติ ¶ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เอกมนฺตํ นิสีทีติ ฉ นิสชฺชโทเส วิวชฺเชนฺโต ทกฺขิณชาณุมณฺฑลสฺส อภิมุขฏฺาเน ฉพฺพณฺณานํ พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา ปสนฺนลาขารสํ วิคาหนฺโต วิย สุวณฺณปฏํ ปารุปนฺโต ¶ วิย รตฺตกมฺพลวิตานมชฺฌํ ปวิสนฺโต วิย ธมฺมภณฺฑาคาริโก อายสฺมา อานนฺโท นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
กาย ปน เวลาย เกน การเณน อยมายสฺมา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโตติ? สายนฺหเวลาย ปจฺจยาการปฺหํ ปุจฺฉนการเณน. ตํ ทิวสํ กิร อยมายสฺมา กุลสงฺคหตฺถาย ฆรทฺวาเร ฆรทฺวาเร สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สตฺถุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สตฺถริ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คนฺตฺวา อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ ปฏิสมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทเกน หตฺถปาเท ¶ สีตลํ กตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน โสตาปตฺติผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา. อถ ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรสิ. โส ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโต ปฏฺาย อนฺตํ, อนฺตโต ปฏฺาย อาทึ, อุภยนฺตโต ปฏฺาย มชฺฌํ, มชฺฌโต ปฏฺาย อุโภ อนฺเต ปาเปนฺโต ติกฺขตฺตุํ ทฺวาทสปทํ ปจฺจยาการํ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ สมฺมสนฺตสฺส ปจฺจยากาโร วิภูโต หุตฺวา อุตฺตานกุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปจฺจยากาโร สพฺพพุทฺเธหิ คมฺภีโร เจว คมฺภีราวภาโส จาติ กถิโต, มยฺหํ โข ปน ปเทสาเณ ิตสฺส สาวกสฺส สโต อุตฺตาโน วิย วิภูโต ปากโฏ หุตฺวา อุปฏฺาติ, มยฺหํเยว นุ โข เอส อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปีติ อตฺตโน อุปฏฺานการณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ นิสินฺนฏฺานโต อุฏฺาย จมฺมกฺขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา อาทาย สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สายนฺหเวลายํ ปจฺจยาการปฺหํ ปุจฺฉนการเณน อุปสงฺกมนฺโต’’ติ.
ยาว คมฺภีโรติ เอตฺถ ยาวสทฺโท ปมาณาติกฺกเม. อติกฺกมฺม ปมาณํ คมฺภีโร, อติคมฺภีโรติ อตฺโถ. คมฺภีราวภาโสติ ¶ คมฺภีโรว หุตฺวา อวภาสติ, ทิสฺสตีติ อตฺโถ. เอกฺหิ อุตฺตานเมว คมฺภีราวภาสํ โหติ ปูติปณฺณรสวเสน กาฬวณฺณํ ปุราณอุทกํ วิย. ตฺหิ ชาณุปฺปมาณมฺปิ สตโปริสํ วิย ทิสฺสติ. เอกํ คมฺภีรํ อุตฺตานาวภาสํ โหติ มณิภาสํ วิปฺปสนฺนอุทกํ วิย. ตฺหิ สตโปริสมฺปิ ชาณุปฺปมาณํ วิย ขายติ. เอกํ อุตฺตานํ อุตฺตานาวภาสํ โหติ ปาติอาทีสุ อุทกํ วิย. เอกํ คมฺภีรํ คมฺภีราวภาสํ โหติ สิเนรุปาทกมหาสมุทฺเท อุทกํ วิย. เอวํ อุทกเมว จตฺตาริ นามานิ ลภติ. ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปเนตํ นตฺถิ. อยฺหิ คมฺภีโร จ คมฺภีราวภาโส จาติ เอกเมว นามํ ลภติ ¶ . เอวรูโป สมาโนปิ อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, ตทิทํ อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเตติ เอวํ อตฺตโน วิมฺหยํ ปกาเสนฺโต ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตุณฺหีภูโต นิสีทิ.
ภควา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อานนฺโท ภวคฺคคหณาย หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย สิเนรุํ ภินฺทิตฺวา มิฺชํ นีหริตุํ วายมมาโน วิย วินา นาวาย มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม วิย ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปถโวชํ คเหตุํ วายมมาโน วิย พุทฺธวิสยํ ปฺหํ อตฺตโน อุตฺตานุตฺตานนฺติ วทติ, หนฺทสฺส คมฺภีรภาวํ อาจิกฺขามี’’ติ จินฺเตตฺวา มา เหวนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ มา เหวนฺติ ห-กาโร นิปาตมตฺตํ, เอวํ มา ภณีติ อตฺโถ. ‘‘มา เหว’’นฺติ จ อิทํ วจนํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโตปิ ภณติ อปสาเทนฺโตปิ. ตตฺถ อุสฺสาเทนฺโตปีติ, อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ, อฺเสํ ปเนส อุตฺตานโกติ น สลฺลกฺเขตพฺโพ, คมฺภีโรเยว จ โส คมฺภีราวภาโส จ.
ตตฺถ จตสฺโส อุปมา วทนฺติ – ฉ มาเส สุโภชนรสปุฏฺสฺส กิร กตโยคสฺส มหามลฺลสฺส สมชฺชสมเย กตมลฺลปาสาณปริจยสฺส ยุทฺธภูมึ คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรา มลฺลปาสาณํ ทสฺเสสุํ. โส ‘‘กึ เอต’’นฺติ อาห. มลฺลปาสาโณติ. อาหรถ นนฺติ. ‘‘อุกฺขิปิตุํ น ¶ สกฺโกมา’’ติ วุตฺเต สยํ คนฺตฺวา ‘‘กุหึ อิมสฺส ภาริยฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ทฺวีหิ หตฺเถหิ ทฺเว ปาสาเณ อุกฺขิปิตฺวา กีฬาคุเฬ วิย ขิปิตฺวา อคมาสิ. ตตฺถ มลฺลสฺส มลฺลปาสาโณ ลหุโกติ น อฺเสมฺปิ ลหุโกติ วตฺตพฺโพ. ฉ มาเส สุโภชนรสปุฏฺโ มลฺโล วิย หิ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโน อายสฺมา อานนฺโท. ยถา มลฺลสฺส มหาพลตาย มลฺลปาสาโณ ลหุโก, เอวํ เถรสฺส มหาปฺตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ วตฺตพฺโพ, โส อฺเสํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
มหาสมุทฺเท จ ติมิ นาม มหามจฺโฉ ทฺวิโยชนสติโก, ติมิงฺคโล ติโยชนสติโก, ติมิรปิงฺคโล ปฺจโยชนสติโก, อานนฺโท ติมินนฺโท อชฺฌาโรโห มหาติมีติ อิเม จตฺตาโร โยชนสหสฺสิกา. ตตฺถ ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ. ตสฺส กิร ทกฺขิณกณฺณํ จาเลนฺตสฺส ปฺจโยชนสเต ¶ ปเทเส อุทกํ จลติ, ตถา วามกณฺณํ, ตถา นงฺคุฏฺํ, ตถา สีสํ. ทฺเว ปน กณฺเณ จาเลตฺวา นงฺคุฏฺเน ¶ ปหริตฺวา สีสํ อปราปรํ กตฺวา กีฬิตุํ อารทฺธสฺส สตฺตฏฺโยชนสเต าเน ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธเน อาโรปิตํ วิย อุทกํ ปกฺกุถติ. โยชนสตมตฺเต ปเทเส อุทกํ ปิฏฺึ ฉาเทตุํ น สกฺโกติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโรติ วทนฺติ, กุตสฺส คมฺภีรตา, มยํ ปิฏฺิมตฺตจฺฉาทนมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายูปปนฺนสฺส ติมิรปิงฺคลสฺส มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ อฺเสฺจ ขุทฺทกมจฺฉานํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณูปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. สุปณฺณราชา จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก โหติ. ตสฺส ทกฺขิณปกฺโข ปฺาสโยชนิโก โหติ, ตถา วามปกฺโข, ปิฺฉวฏฺฏิ จ สฏฺิโยชนิกา, คีวา ตึสโยชนิกา, มุขํ นวโยชนํ, ปาทา ทฺวาทสโยชนิกา, ตสฺมึ สุปณฺณวาตํ ¶ ทสฺเสตุํ อารทฺเธ สตฺตฏฺโยชนสตํ านํ นปฺปโหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ อากาโส อนนฺโตติ วทนฺติ, กุตสฺส อนนฺตตา, มยํ ปกฺขวาตปฺปตฺถรโณกาสมฺปิ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายูปปนฺนสฺส สุปณฺณรฺโ อากาโส ปริตฺโตติ อฺเสฺจ ขุทฺทกปกฺขีนํ ปริตฺโตติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณูปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
ราหุ อสุรินฺโท ปน ปาทนฺตโต ยาว เกสนฺตา โยชนานํ จตฺตาริ สหสฺสานิ อฏฺ จ สตานิ โหนฺติ. ตสฺส ทฺวินฺนํ พาหานํ อนฺตเร ทฺวาทสโยชนสติกํ, พหลตฺเตน ฉโยชนสติกํ, หตฺถปาทตลานิ ติโยชนสติกานิ, ตถา มุขํ, เอกงฺคุลิปพฺพํ ปฺาสโยชนํ, ตถา ภมุกนฺตรํ, นลาฏํ ติโยชนสติกํ, สีสํ นวโยชนสติกํ. ตสฺส มหาสมุทฺทํ โอติณฺณสฺส คมฺภีรํ อุทกํ ชาณุปฺปมาณํ โหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโรติ วทนฺติ. กุตสฺส คมฺภีรตา? มยํ ชาณุปฺปฏิจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายูปปนฺนสฺส ราหุโน มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ อฺเสฺจ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. เอวเมว าณูปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ ¶ อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. เอตมตฺถํ สนฺธาย ภควา มา เหวํ, อานนฺท, มา เหวํ, อานนฺทาติ อาห.
เถรสฺส หิ จตูหิ การเณหิ คมฺภีโร ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อุปฏฺาสิ. กตเมหิ จตูหิ? ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ติตฺถวาเสน โสตาปนฺนตาย พหุสฺสุตภาเวนาติ.
อิโต ¶ กิร สตสหสฺสิเม กปฺเป ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิ. ตสฺส หํสวตี นาม นครํ อโหสิ, อานนฺโท นาม ราชา ปิตา, สุเมธา นาม เทวี มาตา, โพธิสตฺโต อุตฺตรกุมาโร นาม อโหสิ. โส ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยุตฺโต อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา, ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก วีตินาเมตฺวา ‘‘ปถวิยํ ปาทํ เปสฺสามี’’ติ ปาทํ อภินีหริ. อถ ปถวึ ภินฺทิตฺวา ¶ มหนฺตํ ปทุมํ อุฏฺาสิ. ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, นวฆฏปฺปมาณา เรณุ อโหสิ.
สตฺถา ปน อุพฺเพธโต อฏฺปฺาสหตฺโถ อโหสิ, ตสฺส อุภินฺนํ พาหานมนฺตรํ อฏฺารสหตฺถํ, นลาฏํ ปฺจหตฺถํ, หตฺถปาทา เอกาทสหตฺถา. ตสฺส เอกาทสหตฺเถน ปาเทน ทฺวาทสหตฺถาย กณฺณิกาย อกฺกนฺตมตฺตาย นวฆฏปฺปมาณา เรณุ อุฏฺาย อฏฺปฺาสหตฺถํ ปเทสํ อุคฺคนฺตฺวา โอกิณฺณมโนสิลาจุณฺณํ วิย ปจฺโจกิณฺณํ. ตทุปาทาย ภควา ‘‘ปทุมุตฺตโร’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส เทวิโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สุมโน นาม อุปฏฺาโก. ปทุมุตฺตโร ภควา ปิตุสงฺคหํ กุรุมาโน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวติยา ราชธานิยา วสติ.
กนิฏฺภาตา ปนสฺส สุมนกุมาโร นาม. ตสฺส ราชา หํสวติโต วีสโยชนสเต โภคํ อทาสิ. โส กทาจิ อาคนฺตฺวา ปิตรฺจ สตฺถารฺจ ปสฺสติ. อเถกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต. สุมโน รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา ‘‘ตฺวํ มยา, ตาต, กสฺมา ปิโต’’ติ ปฏิเปเสสิ. โส โจเร วูปสเมตฺวา ‘‘อุปสนฺโต, เทว, ชนปโท’’ติ รฺโ เปเสสิ. ราชา ตุฏฺโ ‘‘สีฆํ มม ปุตฺโต อาคจฺฉตู’’ติ อาห. ตสฺส ¶ สหสฺสมตฺตา อมจฺจา โหนฺติ. โส เตหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค มนฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปิตา ตุฏฺโ สเจ เม วรํ เทติ, กึ คณฺหามี’’ติ? อถ นํ เอกจฺเจ ‘‘หตฺถึ คณฺหถ, อสฺสํ คณฺหถ, ชนปทํ คณฺหถ, สตฺตรตนานิ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. อปเร ‘‘ตุมฺเห ปถวิสฺสรสฺส ปุตฺตา, น ตุมฺหากํ ธนํ ทุลฺลภํ, ลทฺธมฺปิ เจตํ สพฺพํ ปหาย คมนียํ, ปฺุเมว เอกํ อาทาย คมนียํ, ตสฺมา เทเว วรํ ททมาเน เตมาสํ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ วรํ คณฺหถา’’ติ. โส ‘‘ตุมฺเห มยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา นาม, มเมตํ จิตฺตํ ¶ นตฺถิ, ตุมฺเหหิ ปน อุปฺปาทิตํ, เอวํ กริสฺสามี’’ติ, คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปิตรา อาลิงฺเคตฺวา, มตฺถเก จุมฺพิตฺวา ‘‘วรํ เต, ปุตฺต, เทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิจฺฉามหํ, มหาราช, ภควนฺตํ เตมาสํ ¶ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต ชีวิตํ อวฺฌํ กาตุํ, อิทํ เม วรํ เทหี’’ติ อาห. น สกฺกา, ตาต, อฺํ วเรหีติ. เทว, ขตฺติยานํ นาม ทฺเวกถา นตฺถิ, เอตเมว เม เทหิ, น มมฺเน อตฺโถติ. ตาต, พุทฺธานํ นาม จิตฺตํ ทุชฺชานํ, สเจ ภควา น อิจฺฉิสฺสติ, มยา ทินฺนมฺปิ กึ ภวิสฺสตีติ? ‘‘สาธุ, เทว, อหํ ภควโต จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต.
เตน จ สมเยน ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ภควา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ โหติ. โส มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. เต นํ อาหํสุ – ‘‘ราชปุตฺต กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ทสฺเสถ เม ภควนฺตนฺติ. ‘‘น มยํ, ราชปุตฺต, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สตฺถารํ ทฏฺุํ ลภามา’’ติ. โก ปน, ภนฺเต, ลภตีติ? สุมนตฺเถโร นาม ราชปุตฺตาติ. โส ‘‘กุหึ ภนฺเต เถโร’’ติ? เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปสฺสิตุํ, ทสฺเสถ เม ภควนฺต’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘เอหิ, ราชปุตฺตา’’ติ ตํ คเหตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ เปตฺวา คนฺธกุฏึ อารุหิ. อถ นํ ภควา ‘‘สุมน, กสฺมา อาคโตสี’’ติ อาห. ราชปุตฺโต, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโตติ. เตน หิ ภิกฺขุ อาสนํ ปฺเปหีติ. เถโร อาสนํ ปฺเปสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. ราชปุตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ อกาสิ, ‘‘กทา อาคโตสิ ราชปุตฺตา’’ติ? ภนฺเต, ตุมฺเหสุ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเสุ, ภิกฺขู ปน ‘‘น มยํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ภควนฺตํ ทฏฺุํ ลภามา’’ติ มํ เถรสฺส สนฺติกํ ปาเหสุํ, เถโร ปน เอกวจเนเนว ทสฺเสสิ, เถโร, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ¶ สาสเน ¶ วลฺลโภ มฺเติ. อาม, ราชกุมาร, วลฺลโภ เอส ภิกฺขุ มยฺหํ สาสเนติ. ภนฺเต, พุทฺธานํ สาสเน กึ กตฺวา วลฺลโภ โหตีติ? ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา, กุมาราติ. ภควา อหมฺปิ เถโร วิย พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถาติ. ภควา, ‘‘อตฺถิ นุ โข คเตน อตฺโถ’’ติ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา ‘‘สฺุาคาเร โข, ราชกุมาร, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ วตฺวา – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปุริมตรํ คนฺตฺวา วิหารํ กาเรมิ, มยา เปสิเต ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ อาคจฺฉถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ทินฺนา เม, เทว, ภควตา ปฏิฺา, มยา ปหิเต ตุมฺเห ภควนฺตํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ กาเรตฺวา วีสโยชนสตํ อทฺธานํ คโต. คนฺตฺวา อตฺตโน นคเร วิหารฏฺานํ วิจินนฺโต โสภนสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ¶ อุยฺยานํ ทิสฺวา สตสหสฺเสน กิณิตฺวา สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ กาเรสิ. ตตฺถ ภควโต คนฺธกุฏึ, เสสภิกฺขูนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานตฺถาย กุฏิเลณมณฺฑเป การาเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ ทฺวารโกฏฺกฺจ นิฏฺาเปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘นิฏฺิตํ มยฺหํ กิจฺจํ, สตฺถารํ ปหิณถา’’ติ.
ราชา ภควนฺตํ โภเชตฺวา ‘‘ภควา สุมนสฺส กิจฺจํ นิฏฺิตํ, ตุมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ. ภควา สตสหสฺสภิกฺขุปริวาโร โยชเน โยชเน วิหาเรสุ วสมาโน อคมาสิ. กุมาโร ‘‘สตฺถา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา โยชนํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมาโน วิหารํ ปเวเสตฺวา –
‘‘สตสหสฺเสน เม กีตํ, สตสหสฺเสน มาปิตํ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ ปฏิคฺคณฺห, มหามุนี’’ติ. –
วิหารํ นิยฺยาเตสิ. โส วสฺสูปนายิกทิวเส ทานํ ทตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทาเร จ อมจฺเจ จ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห –‘‘สตฺถา อมฺหากํ สนฺติกํ ทูรโต อาคโต, พุทฺธา จ นาม ธมฺมครุโนว, นามิสครุกา. ตสฺมา อหํ อิมํ เตมาสํ ทฺเว สาฏเก ¶ นิวาเสตฺวา ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา อิเธว ¶ วสิสฺสามิ, ตุมฺเห ขีณาสวสตสหสฺสสฺส อิมินาว นีหาเรน เตมาสํ ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ.
โส สุมนตฺเถรสฺส วสนฏฺานสภาเคเยว าเน วสนฺโต ยํ เถโร ภควโต วตฺตํ กโรติ, ตํ สพฺพํ ทิสฺวา, ‘‘อิมสฺมึ าเน เอกนฺตวลฺลโภ เอส เถโร, เอตสฺเสว านนฺตรํ ปตฺเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, อุปกฏฺาย ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภิกฺขูสตสหสฺสสฺส ปาทมูเล ติจีวรํ เปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยเทตํ มยา มคฺเค โยชนนฺตริกวิหารการาปนโต ปฏฺาย ปฺุํ กตํ, ตํ เนว สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ ปตฺถยนฺเตน, พุทฺธสฺส ปน อุปฏฺากภาวํ ปตฺเถนฺเตน กตํ. ตสฺมา อหมฺปิ ภควา อนาคเต สุมนตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อุปฏฺาโก โหมี’’ติ ปฺจปติฏฺิเตน ปติตฺวา วนฺทิตฺวา นิปนฺโน. ภควา ‘‘มหนฺตํ กุลปุตฺตสฺส จิตฺตํ, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ โอโลเกนฺโต ¶ , ‘‘อนาคเต อิโต สตสหสฺสิเม กปฺเป โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺเสว อุปฏฺาโก ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –
อาห. กุมาโร สุตฺวา ‘‘พุทฺธา นาม อทฺเวชฺฌกถา โหนฺตี’’ติ ทุติยทิวเสเยว ตสฺส ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. โส ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ทานํ ทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเลปิ ปิณฺฑาย จรโต เถรสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตริสาฏกํ ทตฺวา ปูชํ อกาสิ. ปุน สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฏฺนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา มณิอาธารเก อุปฏฺเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฏฺานํ อกาสิ. เอตานิ ปากฏฏฺานานิ.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ทานํ ททมาโนว อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ¶ ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปมคมเนน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ตโต นิกฺขมนฺเต ภควติ ภควโต ปริวารตฺถํ ¶ ราชกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เอวเมส อายสฺมา ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปนฺโน, ตสฺสิมาย ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ติตฺถวาโสติ ปน ครูนํ สนฺติเก อุคฺคหณสวนปริปุจฺฉนธารณานิ วุจฺจนฺติ. โส เถรสฺส อติวิย ปริสุทฺโธ. เตนาปิสฺสายํ คมฺภีโรปิ อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ. โสตาปนฺนานฺจ นาม ปจฺจยากาโร อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อยฺจ อายสฺมา โสตาปนฺโน. พหุสฺสุตานํ จตุหตฺเถ โอวรเก ปทีเป ชลมาเน มฺจปีํ วิย นามรูปปริจฺเฉโท ปากโฏ โหติ, อยฺจ อายสฺมา พหุสฺสุตานํ อคฺโค. อิติ พาหุสจฺจภาเวนปิสฺส คมฺภีโรปิ ปจฺจยากาโร อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ. ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จตูหิ คมฺภีรตาหิ คมฺภีโร. สา ปนสฺส คมฺภีรตา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาว. สา สพฺพาปิ เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฏฺาสิ. เตน ¶ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโต มา เหวนฺติอาทิมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ. ตสฺมา ‘‘มยฺหเมว นุ โข เอส อุตฺตานโก วิย หุตฺวา อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปี’’ติ มา เอวํ อวจ.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อปสาเทนฺโต’’ติ, ตตฺถายมธิปฺปาโย – อานนฺท, ‘‘อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติ มา เหวํ อวจ. ยทิ หิ เต เอส อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปนฺโน นาโหสิ, มยา ทินฺนนเย ตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌิ? อานนฺท ¶ , อิทํ นิพฺพานเมว คมฺภีรํ, ปจฺจยากาโร ปน อุตฺตานโก ชาโต, อถ กสฺมา โอฬาริกํ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆสํโยชนํ โอฬาริกํ กามราคานุสยํ ปฏิฆานุสยนฺติ อิเม จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา สกทาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ, เตเยว อณุสหคเต จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา อนาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ, รูปราคาทีนิ ¶ ปฺจ สํโยชนานิ, มานานุสยํ ภวราคานุสยํ อวิชฺชานุสยนฺติ อิเม อฏฺ กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา อรหตฺตํ น สจฺฉิกโรสิ? กสฺมา วา สตสหสฺสกปฺปาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปูริตปารมิโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา วิย สาวกปารมีาณํ น ปฏิวิชฺฌสิ, สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน ปจฺเจกพุทฺธา วิย จ ปจฺเจกโพธิาณํ น ปฏิวิชฺฌสิ? ยทิ วา เต สพฺพถาว เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาสิ. อถ กสฺมา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน พุทฺธา วิย สพฺพฺุตฺาณํ น สจฺฉิกโรสิ? กึ อนตฺถิโกสิ เอเตหิ วิเสสาธิคเมหิ? ปสฺส ยาว จ เต อปรทฺธํ, ตฺวํ นาม สาวกปเทสาเณ ิโต อติคมฺภีรํ ปจฺจยาการํ ‘‘อุตฺตานโก วิย เม อุปฏฺาตี’’ติ วทสิ. ตสฺส เต อิทํ วจนํ พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ โหติ. ตาทิเสน นาม ภิกฺขุนา พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ กเถตพฺพนฺติ น ยุตฺตเมตํ. นนุ มยฺหํ, อานนฺท, อิมํ ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺตสฺเสว กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกนฺตานิ. ปจฺจยาการปฏิวิชฺฌนตฺถาย จ ปน เม อทินฺนทานํ นาม นตฺถิ, อปูริตปารมี นาม นตฺถิ. ‘‘อชฺช ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌิสฺสามี’’ติ ปน เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺส อยํ มหาปถวี ทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ นากมฺปิ, ตถา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ สมฺปาเทนฺตสฺส. ปจฺฉิมยาเม ปน เม พลวปจฺจูสสมเย, ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจโย โหตี’’ติ ทิฏฺมตฺเตเยว ทสสหสฺสิโลกธาตุ อยทณฺเฑน ¶ อาโกฏิตกํสถาโล วิย วิรวสตํ วิรวสหสฺสํ มฺุจมานา วาตาหเต ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย ปกมฺปิตฺถ. เอวํ ¶ คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ, เอตสฺส, อานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา…เป… นาติวตฺตตีติ.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส. อนนุโพธาติ าตปริฺาวเสน อนนุพุชฺฌนา. อปฺปฏิเวธาติ ตีรณปฺปหานปริฺาวเสน อปฺปฏิวิชฺฌนา. ตนฺตากุลกชาตาติ ตนฺตํ วิย อากุลชาตา. ยถา นาม ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มูสิกจฺฉินฺนํ เปสการานํ ตนฺตํ ตหึ ตหึ อากุลํ โหติ, ‘‘อิทํ อคฺคํ, อิทํ มูล’’นฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ โหติ. เอวเมว สตฺตา อิมสฺมึ ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ ¶ , น สกฺโกนฺติ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ. ตตฺถ ตนฺตํ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกาปิ ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ทฺเว โพธิสตฺเต อฺโ สตฺโต อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ยถา ปน อากุลํ ตนฺตํ กฺชิยํ ทตฺวา โกจฺเฉน ปหฏํ ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตํ โหติ คณฺิพทฺธํ, เอวมิเม สตฺตา ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวา ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวเสน คุฬกชาตา โหนฺติ คณฺิพทฺธา. เย หิ เกจิ ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา, สพฺเพ เต ปจฺจยํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตาเยว.
กุลาคณฺิกชาตาติ กุลาคณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺตํ. กุลา นาม สกุณิกา, ตสฺสา กุลาวโกติปิ เอเก. ยถา หิ ตทุภยมฺปิ อากุลํ อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
มฺุชปพฺพชภูตาติ มฺุชติณํ วิย ปพฺพชติณํ วิย จ ภูตา ตาทิสา ชาตา. ยถา หิ ตานิ ติณานิ โกฏฺเฏตฺวา กตรชฺชุ ชิณฺณกาเล กตฺถจิ ปติตํ คเหตฺวา เตสํ ติณานํ ‘‘อิทํ อคฺคํ, อิทํ มูล’’นฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ, ตมฺปิ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกา ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ทฺเว โพธิสตฺเต ¶ อฺโ สตฺโต อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, เอวมยํ ปชา ปจฺจยํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตี ทิฏฺิคตวเสน คณฺิกชาตา หุตฺวา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ.
ตตฺถ ¶ อปาโยติ นิรยติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยอสุรกายา. สพฺเพปิ หิ เต วฑฺฒิสงฺขาตสฺส อยสฺส อภาวโต ‘‘อปาโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา ทุกฺขสฺส คติภาวโต ทุคฺคติ, สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาโต. อิตโร ปน –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโภจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจติ’’.
ตํ สพฺพมฺปิ นาติวตฺตติ นาติกฺกมติ, อถ โข จุติโต ปฏิสนฺธึ, ปฏิสนฺธิโต จุตินฺติ เอวํ ปุนปฺปุนํ จุติปฏิสนฺธิโย คณฺหมานา ตีสุ ภเวสุ จตูสุ ¶ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ มหาสมุทฺเท วาตกฺขิตฺตา นาวา วิย ยนฺเต ยุตฺตโคโณ วิย จ ปริพฺภมติเยว. อิติ สพฺพเมตํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อปสาเทนฺโต อาห. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวาติ. ทสมํ.
ทุกฺขวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. มหาวคฺโค
๑. อสฺสุตวาสุตฺตวณฺณนา
๖๑. มหาวคฺคสฺส ปเม อสฺสุตวาติ ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยรหิโต. ปุถุชฺชโนติ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทิการเณหิ ปุถุชฺชโน. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อปิจ ปุถูนํ คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชโน, ปุถุ วา อยํ วิสุํเยว สงฺขํ คโต, วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชโนติ ปุถุชฺชโน. เอวเมเตหิ ¶ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ เย เต –
‘‘ทุเว ¶ ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ. (มหานิ. ๙๔); –
ทฺเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน คหิโต. อิมสฺมินฺติ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจกฺขกายํ ทสฺเสติ. จาตุมหาภูติกสฺมินฺติ จตุมหาภูตกาเย จตุมหาภูเตหิ นิพฺพตฺเต จตุมหาภูตมเยติ อตฺโถ. นิพฺพินฺเทยฺยาติ อุกฺกณฺเยฺย. วิรชฺเชยฺยาติ น รชฺเชยฺย. วิมุจฺเจยฺยาติ มุจฺจิตุกาโม ภเวยฺย. อาจโยติ วุฑฺฒิ. อปจโยติ ปริหานิ. อาทานนฺติ นิพฺพตฺติ. นิกฺเขปนนฺติ เภโท.
ตสฺมาติ ยสฺมา อิเม จตฺตาโร วุฑฺฒิหานินิพฺพตฺติเภทา ปฺายนฺติ, ตสฺมา ตํการณาติ อตฺโถ. อิติ ภควา จาตุมหาภูติเก กาเย รูปํ ¶ ปริคฺคเหตุํ อยุตฺตรูปํ กตฺวา อรูปํ ปริคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปํ กโรติ. กสฺมา? เตสฺหิ ภิกฺขูนํ รูปสฺมึ คาโห พลวา อธิมตฺโต, เตน เตสํ รูเป คาหสฺส ปริคฺคเหตพฺพรูปตํ ทสฺเสตฺวา นิกฺกฑฺฒนฺโต อรูเป ปติฏฺาปนตฺถํ เอวมาห.
จิตฺตนฺติอาทิ สพฺพํ มนายตนสฺเสว นามํ. ตฺหิ จิตฺตวตฺถุตาย จิตฺตโคจรตาย สมฺปยุตฺตธมฺมจิตฺตตาย จ จิตฺตํ, มนนฏฺเน มโน, วิชานนฏฺเน วิฺาณนฺติ วุจฺจติ. นาลนฺติ น สมตฺโถ. อชฺโฌสิตนฺติ ตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา คหิตํ. มมายิตนฺติ ตณฺหามมตฺเตน มม อิทนฺติ คหิตํ. ปรามฏฺนฺติ ทิฏฺิยา ปรามสิตฺวา คหิตํ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห, เตน อฏฺสตตณฺหาวิจริตํ คหิตํ โหติ. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห, เตน นว มานา คหิตา โหนฺติ. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห, เตน ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย คหิตา โหนฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ ทีฆรตฺตํ คหิตํ, ตสฺมา นิพฺพินฺทิตุํ น สมตฺโถ.
วรํ, ภิกฺขเวติ อิทํ กสฺมา อาห? ปมฺหิ เตน รูปํ ปริคฺคเหตุํ อยุตฺตรูปํ กตํ, อรูปํ ยุตฺตรูปํ, อถ ‘‘เตสํ ภิกฺขูนํ รูปโต คาโห นิกฺขมิตฺวา อรูปํ คโต’’ติ ตฺวา ตํ นิกฺกฑฺฒิตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ¶ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺยาติ อตฺตาติ คณฺเหยฺย. ภิยฺโยปีติ วสฺสสตโต อุทฺธมฺปิ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? กึ อติเรกวสฺสสตํ ติฏฺมานํ รูปํ นาม อตฺถิ? นนุ ปมวเย ปวตฺตํ รูปํ มชฺฌิมวยํ น ปาปุณาติ, มชฺฌิมวเย ปวตฺตํ ปจฺฉิมวยํ, ปุเรภตฺเต ปวตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ, ปจฺฉาภตฺเต ปวตฺตํ ปมยามํ, ปมยาเม ¶ ปวตฺตํ มชฺฌิมยามํ, มชฺฌิมยาเม ปวตฺตํ ปจฺฉิมยามํ น ปาปุณาติ? ตถา คมเน ปวตฺตํ านํ, าเน ปวตฺตํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตํ สยนํ น ปาปุณาติ. เอกอิริยาปเถปิ ปาทสฺส อุทฺธรเณ ปวตฺตํ อติหรณํ, อติหรเณ ปวตฺตํ วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตํ โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตํ สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตํ สนฺนิรุชฺฌนํ น ปาปุณาติ, ตตฺถ ตตฺเถว โอธิ โอธิ ปพฺพํ ปพฺพํ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ปฏปฏายนฺตา สงฺขารา ภิชฺชนฺตีติ? สจฺจเมตํ. ยถา ปน ปทีปสฺส ชลโต ชาตา ตํ ตํ วฏฺฏิปฺปเทสํ อนติกฺกมิตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชติ, อถ จ ปน ปเวณิสมฺพนฺธวเสน สพฺพรตฺตึ ชลิโต ปทีโปติ ¶ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ปเวณิวเสน อยมฺปิ กาโย เอวํ จิรฏฺิติโก วิย กตฺวา ทสฺสิโต.
รตฺติยา จ ทิวสสฺส จาติ รตฺติมฺหิ จ ทิวเส จ. ภุมฺมตฺเถ เหตํ สามิวจนํ. อฺเทว อุปฺปชฺชติ, อฺํ นิรุชฺฌตีติ ยํ รตฺตึ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จ, ตโต อฺเทว ทิวา อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จาติ อตฺโถ. อฺํ อุปฺปชฺชติ, อนุปฺปนฺนเมว อฺํ นิรุชฺฌตีติ เอวํ ปน อตฺโถ น คเหตพฺโพ. ‘‘รตฺติยา จ ทิวสสฺส จา’’ติ อิทํ ปุริมปเวณิโต ปริตฺตกํ ปเวณึ คเหตฺวา ปเวณิวเสเนว วุตฺตํ, เอกรตฺตึ ปน เอกทิวสํ วา เอกเมว จิตฺตํ าตุํ สมตฺถํ นาม นตฺถิ. เอกสฺมิฺหิ อจฺฉรากฺขเณ อเนกานิ จิตฺตโกฏิสตสหสฺสานิ อุปฺปชฺชนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ มิลินฺทปฺเห –
‘‘วาหสตํ โข, มหาราช ¶ , วีหีนํ, อฑฺฒจูฬฺจ วาหา, วีหิสตฺตมฺพณานิ, ทฺเว จ ตุมฺพา, เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺตสฺส จิตฺตสฺส เอตฺตกา วีหี ลกฺขํ ปียมานา ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยุ’’นฺติ.
ปวเนติ มหาวเน. ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาตีติ อิมินา น โส คณฺหิตพฺพสาขํ อลภิตฺวา ภูมึ โอตรติ. อถ โข ตสฺมึ มหาวเน วิจรนฺโต ตํ ตํ สาขํ คณฺหนฺโตเยว จรตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อรฺมหาวนํ วิย หิ อารมฺมณวนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมึ วเน วิจรณมกฺกโฏ วิย อารมฺมณวเน อุปฺปชฺชนกจิตฺตํ. สาขาคหณํ วิย ¶ อารมฺมเณ ลุพฺภนํ. ยถา โส อรฺเ วิจรนฺโต มกฺกโฏ ตํ ตํ สาขํ ปหาย ตํ ตํ สาขํ คณฺหาติ, เอวมิทํ อารมฺมณวเน วิจรนฺตํ จิตฺตมฺปิ กทาจิ รูปารมฺมณํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ, กทาจิ สทฺทาทีสุ อฺตรํ, กทาจิ อตีตํ, กทาจิ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา, ตถา กทาจิ อชฺฌตฺตํ, กทาจิ พาหิรํ. ยถา จ โส อรฺเ วิจรนฺโต มกฺกโฏ สาขํ อลภิตฺวา โอรุยฺห ภูมิยํ นิสินฺโนติ น วตฺตพฺโพ, เอกํ ปน ปณฺณสาขํ ¶ คเหตฺวาว นิสีทติ, เอวเมว อารมฺมณวเน วิจรนฺตํ จิตฺตมฺปิ เอกํ โอลุพฺภารมฺมณํ อลภิตฺวา อุปฺปนฺนนฺติ น วตฺตพฺพํ, เอกชาติยํ ปน อารมฺมณํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ ปน ภควตา รูปโต นีหริตฺวา อรูเป คาโห ปติฏฺาปิโต, อรูปโต นีหริตฺวา รูเป.
อิทานิ ตํ อุภยโต นิกฺกฑฺฒิตุกาโม ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโกติ เทสนํ อารภิ. อยํ ปนตฺโถ อาสีวิสทฏฺูปมาย ทีเปตพฺโพ – เอโก กิร ปุริโส อาสีวิเสน ทฏฺโ, อถสฺส วิสํ หริสฺสามีติ เฉโก ภิสกฺโก อาคนฺตฺวา วมนํ กาเรตฺวา เหฏฺา ครุโฬ, อุปริ นาโคติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา วิสํ อุปริ อาโรเปสิ. โส ยาว อกฺขิปฺปเทสา อารุฬฺหภาวํ ตฺวา ‘‘อิโต ปรํ อภิรุหิตุํ น ทสฺสามิ, ทฏฺฏฺาเนเยว เปสฺสามี’’ติ ¶ อุปริ ครุโฬ, เหฏฺา นาโคติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา กณฺเณ ธุเมตฺวา ทณฺฑเกน ปหริตฺวา วิสํ โอตาเรตฺวา ทฏฺฏฺาเนเยว เปสิ. ตตฺรสฺส ิตภาวํ ตฺวา อคทเลเปน วิสํ นิมฺมเถตฺวา นฺหาเปตฺวา ‘‘สุขี โหหี’’ติ วตฺวา เยนกามํ ปกฺกามิ.
ตตฺถ อาสีวิเสน ทฏฺสฺส กาเย วิสปติฏฺานํ วิย อิเมสํ ภิกฺขูนํ รูเป อธิมตฺตคาหกาโล, เฉโก ภิสกฺโก วิย ตถาคโต, มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา อุปริ วิสสฺส อาโรปิตกาโล วิย ตถาคเตน เตสํ ภิกฺขูนํ รูปโต คาหํ นีหริตฺวา อรูเป ปติฏฺาปิตกาโล, ยาว อกฺขิปฺปเทสา อารุฬฺหวิสสฺส อุปริ อภิรุหิตุํ อทตฺวา ปุน มนฺตพเลน โอตาเรตฺวา ทฏฺฏฺาเนเยว ปนํ วิย สตฺถารา เตสํ ภิกฺขูนํ อรูปโต คาหํ นีหริตฺวา รูเป ปติฏฺาปิตกาโล. ทฏฺฏฺาเน ิตสฺส วิสสฺส อคทเลเปน นิมฺมถนํ วิย อุภยโต คาหํ นีหรณตฺถาย อิมิสฺสา เทสนาย อารทฺธกาโล เวทิตพฺโพ. ตตฺถ นิพฺพินฺทํ วิรชฺชตีติ อิมินา มคฺโค กถิโต, วิราคา วิมุจฺจตีติ ผลํ, วิมุตฺตสฺมินฺติอาทินา ปจฺจเวกฺขณา. ปมํ.
๒. ทุติยอสฺสุตวาสุตฺตวณฺณนา
๖๒. ทุติเย ¶ สุขเวทนิยนฺติ สุขเวทนาย ปจฺจยํ. ผสฺสนฺติ จกฺขุสมฺผสฺสาทึ. นนุ จ จกฺขุสมฺผสฺโส สุขเวทนาย ปจฺจโย น โหตีติ? สหชาตปจฺจเยน น โหติ, อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปน ชวนเวทนาย โหติ ¶ , ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โสตสมฺผสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย. ตชฺชนฺติ ตชฺชาติกํ ตสฺสารุปฺปํ, ตสฺส ผสฺสสฺส อนุรูปนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขเวทนิยนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สงฺฆฏฺฏนสโมธานาติ สงฺฆฏฺฏเนน เจว สโมธาเนน จ, สงฺฆฏฺฏนสมฺปิณฺฑเนนาติ อตฺโถ. อุสฺมาติ อุณฺหากาโร. เตโช อภินิพฺพตฺตตีติ อคฺคิจุณฺโณ นิกฺขมตีติ น คเหตพฺพํ, อุสฺมาการสฺเสว ปน เอตํ เววจนํ. ตตฺถ ทฺวินฺนํ กฏฺานนฺติ ทฺวินฺนํ อรณีนํ. ตตฺถ อโธอรณี วิย วตฺถุ, อุตฺตรารณี วิย อารมฺมณํ, สงฺฆฏฺฏนํ วิย ผสฺโส, อุสฺมาธาตุ วิย เวทนา. ทุติยํ.
๓. ปุตฺตมํสูปมสุตฺตวณฺณนา
๖๓. ตติเย ¶ จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหาราติอาทิ วุตฺตนยเมว. ยสฺมา ปนสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวาเวตฺถ อนุปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสามิ. กตราย ปน อิทํ อฏฺุปฺปตฺติยา นิกฺขิตฺตนฺติ? ลาภสกฺกาเรน. ภควโต กิร มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, ยถา ตํ จตฺตาโร อสงฺขฺเยยฺเย ปูริตทานปารมีสฺจยสฺส. สพฺพทิสาสุ หิสฺส ยมกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวา มโหฆํ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต ตโต อนฺนปานยานวตฺถมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา, ‘‘กหํ พุทฺโธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว นราสโภ ปุริสสีโห’’ติ? ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ. สกฏสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฏธุเรน สกฏธุรํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ เจว อนุปฺปวตฺตนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิย. สพฺพํ ขนฺธเก เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ จ อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
ยถา ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘เตน ¶ โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวร-ปิณฺฑปาต-เสนาสน-คิลาน-ปจฺจย-เภสชฺช-ปริกฺขารานํ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔; สํ. นิ. ๒.๗๐).
ตถา ¶ ‘‘ยาวตา โข, จุนฺท, เอตรหิ สงฺโฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปนฺโน, นาหํ, จุนฺท, อฺํ เอกสงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปตฺตํ ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ สงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทกํ วิย อปฺปเมยฺโย อโหสิ. อถ สตฺถา รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘มหาลาภสกฺกาโร อตีตพุทฺธานมฺปิ เอวรูโป อโหสิ, อนาคตานมฺปิ เอวรูโป ภวิสฺสติ ¶ . กึ นุ โข ภิกฺขู อาหารปริคฺคาหเกน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคตา มชฺฌตฺตา นิจฺฉนฺทราคา หุตฺวา อาหารํ ปริภฺุชิตุํ สกฺโกนฺติ, น สกฺโกนฺตี’’ติ?
โส อทฺทส เอกจฺเจ อธุนา ปพฺพชิเต กุลปุตฺเต อปจฺจเวกฺขิตฺวา อาหารํ ปริภฺุชมาเน. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยา กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรนฺเตน น จีวราทิเหตุ ปูริตา, อุตฺตมผลสฺส ปน อรหตฺตสฺสตฺถาย ปูริตา. อิเมปิ ภิกฺขู มม สนฺติเก ปพฺพชนฺตา น จีวราทิเหตุ ปพฺพชิตา, อรหตฺตสฺเสว ปน อตฺถาย ปพฺพชิตา. เต อิทานิ อสารเมว สารํ อนตฺถเมว จ อตฺถํ กโรนฺตี’’ติ เอวมสฺส ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ปฺจมํ ปาราชิกํ ปฺเปตุํ สกฺกา อภวิสฺส, อปจฺจเวกฺขิตาหารปริโภโค ปฺจมํ ปาราชิกํ กตฺวา ปฺเปตพฺโพ ภเวยฺย. น ปน สกฺกา เอวํ กาตุํ, ธุวปฏิเสวนฏฺานฺเหตํ สตฺตานํ. ยถา ปน กถิเต ปฺจมํ ปาราชิกํ วิย นํ ปสฺสิสฺสนฺติ. เอวํ ธมฺมาทาสํ สํวรํ มริยาทํ เปสฺสามิ, ยํ อาวชฺชิตฺวา อาวชฺชิตฺวา อนาคเต ภิกฺขู จตฺตาโร ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชิสฺสนฺตี’’ติ. อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิมํ ปุตฺตมํสูปมสุตฺตนฺตํ นิกฺขิปิ. ตตฺถ จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหาราติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
จตฺตาโร ¶ ปน อาหาเร วิตฺถาเรตฺวา อิทานิ เตสุ อาทีนวํ ทสฺเสตุํ กถฺจ, ภิกฺขเว, กพฬีกาโร อาหาโร ทฏฺพฺโพติอาทิมาห? ตตฺถ ชายมฺปติกาติ ชายา เจว ปติ จ. ปริตฺตํ สมฺพลนฺติ ปุฏภตฺตสตฺตุโมทกาทีนํ อฺตรํ อปฺปมตฺตกํ ปาเถยฺยํ. กนฺตารมคฺคนฺติ กนฺตารภูตํ มคฺคํ, กนฺตาเร วา มคฺคํ. กนฺตารนฺติ โจรกนฺตารํ วาฬกนฺตารํ อมนุสฺสกนฺตารํ นิรุทกกนฺตารํ อปฺปภกฺขกนฺตารนฺติ ปฺจวิธํ. เตสุ ยตฺถ โจรภยํ อตฺถิ ¶ , ตํ โจรกนฺตารํ. ยตฺถ สีหพฺยคฺฆาทโย วาฬา อตฺถิ, ตํ วาฬกนฺตารํ. ยตฺถ พลวามุขยกฺขินิอาทีนํ อมนุสฺสานํ วเสน ภยํ อตฺถิ, ตํ อมนุสฺสกนฺตารํ. ยตฺถ ปาตุํ วา นฺหายิตุํ วา อุทกํ นตฺถิ, ตํ นิรุทกกนฺตารํ. ยตฺถ ขาทิตพฺพํ วา ภฺุชิตพฺพํ วา อนฺตมโส กนฺทมูลาทิมตฺตมฺปิ ¶ นตฺถิ, ตํ อปฺปภกฺขกนฺตารํ นาม. ยตฺถ ปเนตํ ปฺจวิธมฺปิ ภยํ อตฺถิ, ตํ กนฺตารเมว. ตํ ปเนตํ เอกาหทฺวีหตีหาทิวเสน นิตฺถริตพฺพมฺปิ อตฺถิ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. อิธ ปน นิรุทกํ อปฺปภกฺขํ โยชนสติกกนฺตารํ อธิปฺเปตํ. เอวรูเป กนฺตาเร มคฺคํ. ปฏิปชฺเชยฺยุนฺติ ฉาตกภเยน เจว โรคภเยน จ ราชภเยน จ อุปทฺทุตา ปฏิปชฺเชยฺยุํ ‘‘เอตํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา ธมฺมิกสฺส รฺโ นิรุปทฺทเว รฏฺเ สุขํ วสิสฺสามา’’ติ มฺมานา.
เอกปุตฺตโกติ อุกฺขิปิตฺวา คหิโต อนุกมฺปิตพฺพยุตฺโต อถิรสรีโร เอกปุตฺตโก. วลฺลูรฺจ โสณฺฑิกฺจาติ ฆนฆนฏฺานโต คเหตฺวา วลฺลูรํ, อฏฺินิสฺสิตสิรานิสฺสิตฏฺานานิ คเหตฺวา สูลมํสฺจาติ อตฺโถ. ปฏิปิเสยฺยุนฺติ ปหเรยฺยุํ. กหํ เอกปุตฺตกาติ อยํ เตสํ ปริเทวนากาโร.
อยํ ปเนตฺถ ภูตมตฺถํ กตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนา – ทฺเว กิร ชายมฺปติกา ปุตฺตํ คเหตฺวา ปริตฺเตน ปาเถยฺเยน โยชนสติกํ กนฺตารมคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตสํ ปฺาสโยชนานิ คนฺตฺวา ปาเถยฺยํ นิฏฺาสิ, เต ขุปฺปิปาสาตุรา วิรฬจฺฉายายํ นิสีทึสุ. ตโต ปุริโส ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท อิโต สมนฺตา ปฺาสโยชนานิ คาโม วา นิคโม วา นตฺถิ. ตสฺมา ยํ ตํ ปุริเสน กาตพฺพํ พหุมฺปิ กสิโครกฺขาทิกมฺมํ, น ทานิ สกฺกา ตํ มยา กาตุํ, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติ. ปุน สาปิ ตํ อาห – ‘‘สามิ มยา ทานิ ยํ ตํ อิตฺถิยา กาตพฺพํ พหุมฺปิ สุตฺตกนฺตนาทิกมฺมํ, ตํ กาตุํ น สกฺกา, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติ. ปุน โสปิ ตํ อาห – ‘‘ภทฺเท มาตุคามมรเณน ทฺวินฺนํ ¶ มรณํ ปฺายติ ¶ . น หิ มนฺโท กุมาโร มาตรา วินา ¶ ชีวิตุํ สกฺโกติ. ยทิ ปน มยํ ชีวาม. ปุน ทารกํ ลเภยฺยาม. หนฺท ทานิ ปุตฺตกํ มาเรตฺวา, มํสํ คเหตฺวา กนฺตารํ นิตฺถรามา’’ติ. ตโต มาตา ปุตฺตมาห – ‘‘ตาต, ปิตุสนฺติกํ คจฺฉา’’ติ, โส อคมาสิ. อถสฺส ปิตา, ‘‘มยา ‘ปุตฺตกํ โปเสสฺสามี’ติ กสิโครกฺขาทีหิ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภูตํ, น สกฺโกมิ อหํ ปุตฺตํ มาเรตุํ, ตฺวํเยว ตว ปุตฺตํ มาเรหี’’ติ วตฺวา, ‘‘ตาต มาตุสนฺติกํ คจฺฉา’’ติ อาห. โส อคมาสิ. อถสฺส มาตาปิ, ‘‘มยา ปุตฺตํ ปตฺเถนฺติยา โควตกุกฺกุรวตเทวตายาจนาทีหิปิ ตาว อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภูตํ, โก ปน วาโท กุจฺฉินา ปริหรนฺติยา? น สกฺโกมิ อหํ ปุตฺตํ มาเรตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตาต, ปิตุสนฺติกเมว คจฺฉา’’ติ อาห. เอวํ โส ทฺวินฺนมนฺตรา คจฺฉนฺโตเยว มโต. เต ตํ ทิสฺวา ปริเทวิตฺวา วุตฺตนเยน มํสานิ คเหตฺวา ขาทนฺตา ปกฺกมึสุ.
เตสํ โส ปุตฺตมํสาหาโร นวหิ การเณหิ ปฏิกูลตฺตา เนว ทวาย โหติ, น มทาย, น มณฺฑนาย, น วิภูสนาย, เกวลํ กนฺตารนิตฺถรณตฺถาเยว โหติ. กตเมหิ นวหิ การเณหิ ปฏิกูโลติ เจ? สชาติมํสตาย าติมํสตาย ปุตฺตมํสตาย ปิยปุตฺตมํสตาย ตรุณมํสตาย อามกมํสตาย อโภคมํสตาย อโลณตาย อธูปิตตายาติ. เอวฺหิ เต นวหิ การเณหิ ปฏิกูลํ ตํ ปุตฺตมํสํ ขาทนฺตา น สารตฺตา คิทฺธมานสา หุตฺวา ขาทึสุ, มชฺฌตฺตภาเวเยว ปน นิจฺฉนฺทราคปริโภเค ิตา ขาทึสุ. น อฏฺินฺหารุจมฺมนิสฺสิตฏฺานานิ อปเนตฺวา ถูลถูลํ วรมํสเมว ขาทึสุ, หตฺถสมฺปตฺตํ มํสเมว ปน ขาทึสุ. น ยาวทตฺถํ กณฺปฺปมาณํ กตฺวา ขาทึสุ, โถกํ โถกํ ปน เอกทิวสํ ยาปนมตฺตเมว ขาทึสุ. น อฺมฺํ มจฺฉรายนฺตา ขาทึสุ, วิคตมจฺเฉรมเลน ปน ปริสุทฺเธเนว เจตสา ขาทึสุ. น อฺํ กิฺจิ มิคมํสํ วา โมรมํสาทีนํ วา อฺตรํ ขาทามาติ สมฺมูฬฺหา ขาทึสุ, ปิยปุตฺตมํสภาวํ ปน ชานนฺตาว ¶ ขาทึสุ. น ‘‘อโห วต มยํ ปุนปิ เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาเทยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ขาทึสุ, ปตฺถนํ ปน วีติวตฺตาว หุตฺวา ขาทึสุ. น ‘‘เอตฺตกํ กนฺตาเร ขาทิตฺวา อวสิฏฺํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม โลณมฺพิลาทีหิ โยเชตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ สนฺนิธึ อกํสุ, กนฺตารปริโยสาเน ปน ‘‘ปุเร มหาชโน ปสฺสตี’’ติ ภูมิยํ วา นิขณึสุ, อคฺคินา ¶ วา ฌาปยึสุ. น ‘‘โกจิ อฺโ อมฺเห วิย เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาทิตุํ น ลภตี’’ติ มานํ วา ทปฺปํ วา อกํสุ, นิหตมานา ปน นิหตทปฺปา หุตฺวา ขาทึสุ. ‘‘กึ อิมินา อโลเณน อนมฺพิเลน อธูปิเตน ทุคฺคนฺเธนา’’ติ น หีเฬตฺวา ขาทึสุ, หีฬนํ ปน วีติวตฺตา หุตฺวา ขาทึสุ ¶ . น ‘‘ตุยฺหํ ภาโค มยฺหํ ภาโค ตว ปุตฺโต มม ปุตฺโต’’ติ อฺมฺํ อติมฺึสุ. สมคฺคา ปน สมฺโมทมานา หุตฺวา ขาทึสุ. อิมํ เนสํ เอวรูปํ นิจฺฉนฺทราคาทิปริโภคํ สมฺปสฺสมาโน สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมฺปิ ตํ การณํ อนุชานาเปนฺโต ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ เต ทวาย วา อาหารํ อาหาเรยฺยุนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทวาย วาติอาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘) วิตฺถาริตาเนว. กนฺตารสฺสาติ นิตฺติณฺณาวเสสสฺส กนฺตารสฺส.
เอวเมว โขติ นวนฺนํ ปาฏิกุลฺยานํ วเสน ปิยปุตฺตมํสสทิโส กตฺวา ทฏฺพฺโพติ อตฺโถ. กตเมสํ นวนฺนํ? คมนปาฏิกุลฺยตาทีนํ. คมนปาฏิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขนฺโตปิ กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหาติ, ปริเยสนปาฏิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขนฺโตปิ, ปริโภคนิธานอาสยปริปกฺกาปริปกฺกสมฺมกฺขณนิสฺสนฺทปาฏิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขนฺโตปิ, ตานิ ปเนตานิ คมนปาฏิกุลฺยตาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๔) อาหารปาฏิกุลฺยตานิทฺเทเส วิตฺถาริตาเนว. อิติ อิเมสํ นวนฺนํ ปาฏิกุลฺยานํ วเสน ปุตฺตมํสูปมํ กตฺวา อาหาโร ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา เต ชายมฺปติกา ปาฏิกุลฺยํ ปิยปุตฺตมํสํ ขาทนฺตา น สารตฺตา คิทฺธมานสา หุตฺวา ขาทึสุ, มชฺฌตฺตภาเวเยว นิจฺฉนฺทราคปริโภเค ิตา ขาทึสุ, เอวํ นิจฺฉนฺทราคปริโภคํ กตฺวา ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น อฏฺินฺหารุจมฺมนิสฺสิตํ อปเนตฺวา ถูลถูลํ วรมํสเมว ขาทึสุ, หตฺถสมฺปตฺตเมว ¶ ปน ขาทึสุ, เอวํ สุกฺขภตฺตมนฺทพฺยฺชนาทีนิ ปิฏฺิหตฺเถน อปฏิกฺขิปิตฺวา วฏฺฏเกน วิย กุกฺกุเฏน วิย จ โอธึ อทสฺเสตฺวา ตโต ตโต สปฺปิมํสาทิสํสฏฺวรโภชนํเยว วิจินิตฺวา อภฺุชนฺเตน สีเหน วิย สปทานํ ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต น ยาวทตฺถํ กณฺปฺปมาณํ ขาทึสุ, โถกํ โถกํ ปน เอเกกทิวสํ ยาปนมตฺตเมว ขาทึสุ, เอวเมว อาหรหตฺถกาทิพฺราหฺมณานํ อฺตเรน วิย ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ อภฺุชนฺเตน จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ วา ¶ อาโลปานํ โอกาสํ เปตฺวาว ธมฺมเสนาปตินา วิย ปริภฺุชิตพฺโพ. โส กิร ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ติฏฺมาโน ‘‘ปจฺฉาภตฺเต อมฺพิลุคฺคารสมุฏฺาปกํ กตฺวา เอกทิวสมฺปิ อาหารํ น อาหาเรสิ’’นฺติ วตฺวา สีหนาทํ นทนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘จตฺตาโร ¶ ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
ยถา จ เต น อฺมฺํ มจฺฉรายนฺตา ขาทึสุ, วิคตมลมจฺเฉเรน ปน ปริสุทฺเธเนว เจตสา ขาทึสุ, เอวเมว ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา อมจฺฉรายิตฺวา ‘‘อิมํ สพฺพํ คณฺหนฺตสฺส สพฺพํ ทสฺสามิ, อุปฑฺฒํ คณฺหนฺตสฺส อุปฑฺฒํ, สเจ คหิตาวเสโส ภวิสฺสติ, อตฺตนา ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ สารณียธมฺเม ิเตเนว ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น ‘‘อฺํ กิฺจิ มยํ มิคมํสํ วา โมรมํสาทีนํ วา อฺตรํ ขาทามา’’ติ สมฺมูฬฺหา ขาทึสุ, ปิยปุตฺตมํสภาวํ ปน ชานนฺตาว ขาทึสุ, เอวเมว ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ‘‘อหํ ขาทามิ ภฺุชามี’’ติ อตฺตูปลทฺธิสมฺโมหํ อนุปฺปาเทตฺวา ‘‘กพฬีการาหาโร น ชานาติ ‘จาตุมหาภูติกกายํ วฑฺเฒมี’ติ, กาโยปิ น ชานาติ ‘กพฬีการาหาโร มํ วฑฺเฒตี’’’ติ, เอวํ สมฺโมหํ ปหาย ปริภฺุชิตพฺโพ. สติสมฺปชฺวเสนาปิ เจส อสมฺมูฬฺเหเนว หุตฺวา ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต น ‘‘อโห วต มยํ ปุนปิ เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาเทยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ขาทึสุ, ปตฺถนํ ปน วีติวตฺตาว หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมว ปณีตโภชนํ ¶ ลทฺธา ‘อโห วตาหํ สฺเวปิ ปุนทิวเสปิ เอวรูปํ ลเภยฺยํ’, ลูขํ วา ปน ลทฺธา ‘‘หิยฺโย วิย เม อชฺช ปณีตโภชนํ น ลทฺธ’’นฺติ ปตฺถนํ วา อนุโสจนํ วา อกตฺวา นิตฺตณฺเหน –
‘‘อตีตํ นานุโสจามิ, นปฺปชปฺปามินาคตํ;
ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปมิ, เตน วณฺโณ ปสีทตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๙๐) –
อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺเตน ‘‘ปจฺจุปฺปนฺเนเนว ยาเปสฺสามี’’ติ ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต น ‘‘เอตฺตกํ กนฺตาเร ขาทิตฺวา อวสิฏฺํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม โลณมฺพิลาทีหิ โยเชตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ สนฺนิธึ อกํสุ, กนฺตารปริโยสาเน ¶ ปน ‘‘ปุเร มหาชโน ปสฺสตี’’ติ ภูมิยํ วา นิขณึสุ, อคฺคินา วา ฌาปยึสุ, เอวเมว –
‘‘อนฺนานมโถ ¶ ปานานํ,
ขาทนียานํ อโถปิ วตฺถานํ;
ลทฺธา น สนฺนิธึ กยิรา,
น จ ปริตฺตเส ตานิ อลภมาโน’’ติ. (สุ. นิ. ๙๓๐); –
อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺเตน จตูสุ ปจฺจเยสุ ยํ ยํ ลภติ, ตโต ตโต อตฺตโน ยาปนมตฺตํ คเหตฺวา, เสสํ สพฺรหฺมจารีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สนฺนิธึ ปริวชฺชนฺเตน ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น ‘‘โกจิ อฺโ อมฺเห วิย เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาทิตุํ น ลภตี’’ติ มานํ วา ทปฺปํ วา อกํสุ, นิหตมานา ปน นิหตทปฺปา หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมว ปณีตโภชนํ ลภิตฺวา ‘‘อหมสฺมิ ลาภี จีวรปิณฺฑปาตาทีน’’นฺติ น มาโน วา ทปฺโป วา กาตพฺโพ. ‘‘นายํ ปพฺพชฺชา จีวราทิเหตุ, อรหตฺตเหตุ ปนายํ ปพฺพชฺชา’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิหตมานทปฺเปเนว ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต ‘‘กึ อิมินา อโลเณน อนมฺพิเลน อธูปิเตน ทุคฺคนฺเธนา’’ติ ¶ หีเฬตฺวา น ขาทึสุ, หีฬนํ ปน วีติวตฺตา หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมว ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ‘‘กึ อิมินา อสฺสโคณภตฺตสทิเสน ลูเขน นิรเสน, สุวานโทณิยํ ตํ ปกฺขิปถา’’ติ เอวํ ปิณฺฑปาตํ วา ‘‘โก อิมํ ภฺุชิสฺสติ, กากสุนขาทีนํ เทหี’’ติ เอวํ ทายกํ วา อหีเฬนฺเตน –
‘‘ส ปตฺตปาณิ วิจรนฺโต, อมูโค มูคสมฺมโต;
อปฺปํ ทานํ น หีเฬยฺย, ทาตารํ นาวชานิยา’’ติ. (สุ. นิ. ๗๑๘); –
อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺเตน ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น ‘‘ตุยฺหํ ภาโค, มยฺหํ ภาโค, ตว ปุตฺโต มม ปุตฺโต’’ติ อฺมฺํ อติมฺึสุ, สมคฺคา ปน, สมฺโมทมานา หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมวํ ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ยถา เอกจฺโจ ‘‘โก ตุมฺหาทิสานํ ทสฺสติ นิกฺการณา อุมฺมาเรสุ ปกฺขลนฺตานํ อาหิณฺฑนฺตานํ วิชาตมาตาปิ โว ทาตพฺพํ น มฺติ, มยํ ปน ¶ คตคตฏฺาเน ปณีตานิ จีวราทีนิ ลภามา’’ติ สีลวนฺเต สพฺรหฺมจารี อติมฺติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘โส ¶ เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต อฺเ เปสเล ภิกฺขู อติมฺติ. ตฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๖๑).
เอวํ กฺจิ อนติมฺิตฺวา สพฺเพหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ สมคฺเคน สมฺโมทมาเนน หุตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ.
ปริฺาเตติ าตปริฺา ตีรณปริฺา ปหานปริฺาติ อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต. กถํ? อิธ ภิกฺขุ ‘‘กพฬีการาหาโร นาม อยํ สวตฺถุกวเสน โอชฏฺมกรูปํ โหติ, โอชฏฺมกรูปํ กตฺถ ปฏิหฺติ? ชิวฺหาปสาเท, ชิวฺหาปสาโท กินฺนิสฺสิโต? จตุมหาภูตนิสฺสิโต. อิติ โอชฏฺมกํ ชิวฺหาปสาโท ตสฺส ปจฺจยานิ มหาภูตานีติ อิเม ธมฺมา รูปกฺขนฺโธ นาม, ตํ ปริคฺคณฺหโต อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา. อิติ สพฺเพปิเม ปฺจกฺขนฺธา สงฺเขปโต นามรูปมตฺตํ โหตี’’ติ ปชานาติ. โส เต ธมฺเม สรสลกฺขณโต ววตฺถเปตฺวา ¶ เตสํ ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสติ. เอตฺตาวตาเนน กพฬีการาหารมุเขน สปฺปจฺจยสฺส นามรูปสฺส ยาถาวโต ทิฏฺตฺตา กพฬีการาหาโร าตปริฺาย ปริฺาโต โหติ. โส ตเทว สปฺปจฺจยํ นามรูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน สมฺมสติ. เอตฺตาวตาเนน โส ติลกฺขณปฏิเวธสมฺมสนาณสงฺขาตาย ตีรณปริฺาย ปริฺาโต โหติ. ตสฺมึเยว นามรูเป ฉนฺทราคาวกฑฺฒเนน อนาคามิมคฺเคน ปริชานตา ปหานปริฺาย ปริฺาโต โหตีติ.
ปฺจกามคุณิโกติ ปฺจกามคุณสมฺภโว ราโค ปริฺาโต โหติ. เอตฺถ ปน ติสฺโส ปริฺา เอกปริฺา สพฺพปริฺา มูลปริฺาติ. กตมา เอกปริฺา? โย ภิกฺขุ ชิวฺหาทฺวาเร เอกรสตณฺหํ ปริชานาติ, เตน ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโตว โหตีติ. กสฺมา? ตสฺสาเยว ตตฺถ อุปฺปชฺชนโต. สาเยว หิ ตณฺหา จกฺขุทฺวาเร อุปฺปนฺนา รูปราโค ¶ นาม โหติ, โสตทฺวาราทีสุ อุปฺปนฺนา สทฺทราคาทโย. อิติ ยถา เอกสฺเสว โจรสฺส ปฺจมคฺเค หนโต เอกสฺมึ มคฺเค คเหตฺวา สีเส ฉินฺเน ปฺจปิ มคฺคา เขมา โหนฺติ, เอวํ ชิวฺหาทฺวาเร รสตณฺหาย ปริฺาตาย ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโต โหตีติ อยํ เอกปริฺา นาม.
กตมา ¶ สพฺพปริฺา? ปตฺเต ปกฺขิตฺตปิณฺฑปาตสฺมิฺหิ เอกสฺมึเยว ปฺจกามคุณิกราโค ลพฺภติ. กถํ? ปริสุทฺธํ ตาวสฺส วณฺณํ โอโลกยโต รูปราโค โหติ, อุณฺเห สปฺปิมฺหิ ตตฺถ อาสิฺจนฺเต ปฏปฏาติ สทฺโท อุฏฺหติ, ตถารูปํ ขาทนียํ วา ขาทนฺตสฺส มุรุมุรูติ สทฺโท อุปฺปชฺชติ, ตํ อสฺสาทยโต สทฺทราโค. ชีรกาทิวสคนฺธํ อสฺสาเทนฺตสฺส คนฺธราโค, สาทุรสวเสน รสราโค. มุทุโภชนํ ผสฺสวนฺตนฺติ อสฺสาทยโต โผฏฺพฺพราโค. อิติ อิมสฺมึ อาหาเร สติสมฺปชฺเน ปริคฺคเหตฺวา นิจฺฉนฺทราคปริโภเคน ปริภุตฺเต สพฺโพปิ โส ปริฺาโต โหตีติ อยํ สพฺพปริฺา นาม.
กตมา มูลปริฺา? ปฺจกามคุณิกราคสฺส หิ กพฬีการาหาโร มูลํ. กสฺมา? ตสฺมึ สติ ตสฺสุปฺปตฺติโต ¶ . พฺราหฺมณติสฺสภเย กิร ทฺวาทส วสฺสานิ ชายมฺปติกานํ อุปนิชฺฌานจิตฺตํ นาม นาโหสิ. กสฺมา? อาหารมนฺทตาย. ภเย ปน วูปสนฺเต โยชนสติโก ตมฺพปณฺณิทีโป ทารกานํ ชาตมงฺคเลหิ เอกมงฺคโล อโหสิ. อิติ มูลภูเต อาหาเร ปริฺาเต ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโตว โหตีติ อยํ มูลปริฺา นาม.
นตฺถิ ตํ สํโยชนนฺติ เตน ราเคน สทฺธึ ปหาเนกฏฺตาย ปหีนตฺตา นตฺถิ. เอวมยํ เทสนา ยาว อนาคามิมคฺคา กถิตา. ‘‘เอตฺตเกน ปน มา โวสานํ อาปชฺชึสู’’ติ เอเตสํเยว รูปาทีนํ วเสน ปฺจสุ ขนฺเธสุ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ยาว อรหตฺตา กเถตุํ วฏฺฏตีติ. ปมาหาโร (นิฏฺิโต).
ทุติเย ¶ นิจฺจมฺมาติ ขุรโต ปฏฺาย ยาว สิงฺคมูลา สกลสรีรโต อุทฺทาลิตจมฺมา กึสุกราสิวณฺณา. กสฺมา ปน อฺํ หตฺถิอสฺสโคณาทิอุปมํ อคเหตฺวา นิจฺจมฺมคาวูปมา คหิตาติ? ติติกฺขิตุํ อสมตฺถภาวทีปนตฺถํ. มาตุคาโม หิ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขเวทนํ ติติกฺขิตุํ อธิวาเสตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว ผสฺสาหาโร อพโล ทุพฺพโลติ ทสฺสนตฺถํ สทิสเมว อุปมํ อาหริ. กุฏฺฏนฺติ สิลากุฏฺฏาทีนํ อฺตรํ. กุฏฺฏนิสฺสิตา ปาณา นาม อุณฺณนาภิสรพูมูสิกาทโย. รุกฺขนิสฺสิตาติ อุจฺจาลิงฺคปาณกาทโย. อุทกนิสฺสิตาติ มจฺฉสุํสุมาราทโย. อากาสนิสฺสิตาติ ฑํสมกสกากกุลลาทโย. ขาเทยฺยุนฺติ ลฺุจิตฺวา ขาเทยฺยุํ. สา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ตํ ตํานสนฺนิสฺสยมูลิกํ ปาณขาทนภยํ สมฺปสฺสมานา เนว อตฺตโน ¶ สกฺการสมฺมานํ, น ปิฏฺิปริกมฺมสรีรสมฺพาหนอุณฺโหทกานิ อิจฺฉติ, เอวเมว ภิกฺขุ ผสฺสาหารมูลกํ กิเลสปาณกขาทนภยํ สมฺปสฺสมาโน เตภูมกผสฺเสน อนตฺถิโก โหติ.
ผสฺเส, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริฺาเตติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต. อิธาปิ ติสฺโส ปริฺา. ตตฺถ ‘‘ผสฺโส สงฺขารกฺขนฺโธ ¶ , ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธ, เตสํ วตฺถารมฺมณานิ รูปกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ สปฺปจฺจยสฺส นามรูปสฺส ยาถาวโต ทสฺสนํ าตปริฺา. ตตฺเถว ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจาทิโต ตุลนํ ตีรณปริฺา. ตสฺมึเยว ปน นามรูเป ฉนฺทราคนิกฺกฑฺฒโน อรหตฺตมคฺโค ปหานปริฺา. ติสฺโส เวทนาติ เอวํ ผสฺสาหาเร ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต ติสฺโส เวทนา ปริฺาตาว โหนฺติ ตมฺมูลกตฺตา ตํสมฺปยุตฺตตฺตา จ. อิติ ผสฺสาหารวเสน เทสนา ยาว อรหตฺตา กถิตา. ทุติยาหาโร.
ตติเย องฺคารกาสูติ องฺคารานํ กาสุ. กาสูติ ราสิปิ วุจฺจติ อาวาโฏปิ.
‘‘องฺคารกาสุํ ¶ อปเร ผุณนฺติ,
นรา รุทนฺตา ปริทฑฺฒคตฺตา;
ภยฺหิ มํ วินฺทติ สูต ทิสฺวา,
ปุจฺฉามิ ตํ มาตลิ เทวสารถี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๖๒); –
เอตฺถ ราสิ ‘‘กาสู’’ติ วุตฺโต.
‘‘กินฺนุ สนฺตรมาโนว, กาสุํ ขนสิ สารถี’’ติ? (ชา. ๒.๒๒.๓). –
เอตฺถ อาวาโฏ. อิธาปิ อยเมว อธิปฺเปโต. สาธิกโปริสาติ อติเรกโปริสา ปฺจรตนปฺปมาณา. วีตจฺจิกานํ วีตธูมานนฺติ เอเตนสฺส มหาปริฬาหตํ ทสฺเสติ. ชาลาย วา หิ ธูเม วา สติ วาโต สมุฏฺาติ, ปริฬาโห มหา น โหติ, ตทภาเว วาตาภาวโต ปริฬาโห มหา โหติ. อารกาวสฺสาติ ทูเรเยว ภเวยฺย.
เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – องฺคารกาสุ วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ ทฏฺพฺพํ. ชีวิตุกาโม ปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน. ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา วิย กุสลากุสลกมฺมํ. เตสํ ตํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกฑฺฒนกาโล วิย ¶ ปุถุชฺชนสฺส กมฺมายูหนกาโล. กมฺมฺหิ อายูหิยมานเมว ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ นาม. องฺคารกาสุนิทานํ ทุกฺขํ วิย กมฺมนิทานํ วฏฺฏทุกฺขํ เวทิตพฺพํ.
ปริฺาเตติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต. ปริฺาโยชนา ปเนตฺถ ผสฺเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. ติสฺโส ตณฺหาติ กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหาติ อิมา ปริฺาตา โหนฺติ. กสฺมา? ตณฺหามูลกตฺตา มโนสฺเจตนาย. น หิ เหตุมฺหิ อปฺปหีเน ผลํ ปหียติ. อิติ มโนสฺเจตนาหารวเสนปิ ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตา. ตติยาหาโร.
จตุตฺเถ อาคุจารินฺติ ปาปจารึ โทสการกํ. กถํ โส ปุริโสติ โส ปุริโส กถํภูโต, กึ ยาเปติ, น ยาเปตีติ ปุจฺฉติ? ตเถว เทว ชีวตีติ ยถา ปุพฺเพ, อิทานิปิ ตเถว ชีวติ.
เอวเมว ¶ โขติ อิธาปิ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ราชา วิย หิ กมฺมํ ทฏฺพฺพํ, อาคุจารี ปุริโส วิย วฏฺฏสนฺนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน, ตีณิ สตฺติสตานิ วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, อาคุจารึ ปุริสํ ‘‘ตีหิ สตฺติสเตหิ หนถา’’ติ รฺา อาณตฺตกาโล วิย กมฺมรฺา วฏฺฏสนฺนิสฺสิตปุถุชฺชนํ คเหตฺวา ปฏิสนฺธิยํ ปกฺขิปนกาโล. ตตฺถ กิฺจาปิ ตีณิ สตฺติสตานิ วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, สตฺตีสุ ปน ทุกฺขํ นตฺถิ, สตฺตีหิ ปหฏวณมูลกํ ทุกฺขํ, เอวเมว ปฏิสนฺธิยมฺปิ ทุกฺขํ นตฺถิ, ทินฺนาย ปน ปฏิสนฺธิยา ปวตฺเต วิปากทุกฺขํ สตฺติปหฏวณมูลกํ ทุกฺขํ วิย โหติ.
ปริฺาเตติ ตีเหว ปริฺาหิ ปริฺาเต. อิธาปิ ปริฺาโยชนา ผสฺสาหาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. นามรูปนฺติ วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ. วิฺาณสฺมิฺหิ ปริฺาเต ตํ ปริฺาตเมว โหติ ตมฺมูลกตฺตา สหุปฺปนฺนตฺตา จ. อิติ วิฺาณาหารวเสนปิ ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตาติ. จตุตฺถาหาโร. ตติยํ.
๔. อตฺถิราคสุตฺตวณฺณนา
๖๔. จตุตฺเถ ¶ ¶ ราโคติอาทีนิ โลภสฺเสว นามานิ. โส หิ รฺชนวเสน ราโค, นนฺทนวเสน นนฺที, ตณฺหายนวเสน ตณฺหาติ วุจฺจติ. ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรูฬฺหนฺติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย ปติฏฺิตฺเจว วิรูฬฺหฺจ. ยตฺถาติ เตภูมกวฏฺเฏ ภุมฺมํ, สพฺพตฺถ วา ปุริมปุริมปเท เอตํ ภุมฺมํ. อตฺถิ ตตฺถ สงฺขารานํ วุทฺธีติ อิทํ อิมสฺมึ วิปากวฏฺเฏ ิตสฺส อายติวฏฺฏเหตุเก สงฺขาเร สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ อตฺถิ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ ยสฺมึ าเน อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ อตฺถิ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – รชกจิตฺตการา วิย หิ สหกมฺมสมฺภารํ กมฺมํ, ผลกภิตฺติทุสฺสปฏา วิย เตภูมกวฏฺฏํ. ยถา รชกจิตฺตการา ปริสุทฺเธสุ ผลกาทีสุ รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ, เอวเมว สสมฺภารกกมฺมํ ภเวสุ รูปํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ ยถา อกุสเลน จิตฺตกาเรน สมุฏฺาปิตํ รูปํ วิรูปํ โหติ ทุสฺสณฺิตํ อมนาปํ, เอวเมว เอกจฺโจ ¶ กมฺมํ กโรนฺโต าณวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน กโรติ, ตํ กมฺมํ รูปํ สมุฏฺาเปนฺตํ จกฺขาทีนํ สมฺปตฺตึ อทตฺวา ทุพฺพณฺณํ ทุสฺสณฺิตํ มาตาปิตูนมฺปิ อมนาปํ รูปํ สมุฏฺาเปติ. ยถา ปน กุสเลน จิตฺตกาเรน สมุฏฺาปิตํ รูปํ สุรูปํ โหติ สุสณฺิตํ มนาปํ, เอวเมว เอกจฺโจ กมฺมํ กโรนฺโต าณสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน กโรติ, ตํ กมฺมํ รูปํ สมุฏฺาเปนฺตํ จกฺขาทีนํ สมฺปตฺตึ ทตฺวา สุวณฺณํ สุสณฺิตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ วิย รูปํ สมุฏฺาเปติ.
เอตฺถ จ อาหารํ วิฺาเณน สทฺธึ สงฺขิปิตฺวา อาหารนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, วิปากวิธึ นามรูเปน สงฺขิปิตฺวา นามรูปสงฺขารานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, สงฺขารานฺจ อายติภวสฺส จ อนฺตเร เอโก สนฺธีติ เวทิตพฺโพ.
กูฏาคารนฺติ เอกกณฺณิกํ คาหาเปตฺวา กตํ อคารํ. กูฏาคารสาลาติ ทฺเว กณฺณิเก คเหตฺวา กตสาลา. เอวเมว โขติ เอตฺถ ขีณาสวสฺส กมฺมํ สูริยรสฺมิสมํ ¶ เวทิตพฺพํ. สูริยรสฺมิ ปน อตฺถิ, สา เกวลํ ปติฏฺาย อภาเวน อปฺปติฏฺา นาม ชาตา, ขีณาสวสฺส กมฺมํ นตฺถิตาย เอว อปฺปติฏฺํ. ตสฺส หิ กายาทโย อตฺถิ, เตหิ ปน กตกมฺมํ กุสลากุสลํ ¶ นาม น โหติ, กิริยมตฺเต ตฺวา อวิปากํ โหติ. เอวมสฺส กมฺมํ นตฺถิตาย เอว อปฺปติฏฺํ นาม ชาตนฺติ. จตุตฺถํ.
๕. นครสุตฺตวณฺณนา
๖๕. ปฺจเม นามรูเป โข สติ วิฺาณนฺติ เอตฺถ ‘‘สงฺขาเรสุ สติ วิฺาณ’’นฺติ จ ‘‘อวิชฺชาย สติ สงฺขารา’’ติ จ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตทุภยมฺปิ น วุตฺตํ. กสฺมา? อวิชฺชาสงฺขารา หิ ตติโย ภโว, เตหิ สทฺธึ อยํ วิปสฺสนา น ฆฏียติ. มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนปฺจโวการวเสน อภินิวิฏฺโติ.
นนุ จ อวิชฺชาสงฺขาเรสุ อทิฏฺเสุ น สกฺกา พุทฺเธน ภวิตุนฺติ. สจฺจํ น สกฺกา, อิมินา ปน เต ภวอุปาทานตณฺหาวเสน ทิฏฺาว. ตสฺมา ยถา นาม โคธํ อนุพนฺธนฺโต ปุริโส ตํ กูปํ ปวิฏฺํ ทิสฺวา โอตริตฺวา ปวิฏฺฏฺานํ ขณิตฺวา โคธํ คเหตฺวา ปกฺกเมยฺย, น ปรภาคํ ขเนยฺย ¶ , กสฺมา? กสฺสจิ นตฺถิตาย. เอวํ มหาปุริโสปิ โคธํ อนุพนฺธนฺโต ปุริโส วิย โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺโน ชรามรณโต ปฏฺาย ‘‘อิมสฺส อยํ ปจฺจโย, อิมสฺส อยํ ปจฺจโย’’ติ ปริเยสนฺโต ยาว นามรูปธมฺมานํ ปจฺจยํ ทิสฺวา ตสฺสปิ ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต วิฺาณเมว อทฺทส. ตโต ‘‘เอตฺตโก ปฺจโวการภววเสน สมฺมสนจาโร’’ติ วิปสฺสนํ ปฏินิวตฺเตสิ, ปรโต ตุจฺฉกูปสฺส อภินฺนฏฺานํ วิย อวิชฺชาสงฺขารทฺวยํ อตฺถิ, ตเทตํ เหฏฺา วิปสฺสนาย คหิตตฺตา ปาฏิเยกฺกํ สมฺมสนูปคํ น โหตีติ น อคฺคเหสิ.
ปจฺจุทาวตฺตตีติ ปฏินิวตฺตติ. กตมํ ปเนตฺถ วิฺาณํ ปจฺจุทาวตฺตตีติ? ปฏิสนฺธิวิฺาณมฺปิ วิปสฺสนาวิฺาณมฺปิ. ตตฺถ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปจฺจยโต ปฏินิวตฺตติ, วิปสฺสนาวิฺาณํ อารมฺมณโต. อุภยมฺปิ นามรูปํ นาติกฺกมติ, นามรูปโต ปรํ น คจฺฉติ. เอตฺตาวตา ชาเยถ วาติอาทีสุ วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, นามรูเป วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, ทฺวีสุปิ อฺมฺปจฺจเยสุ ¶ โหนฺเตสุ เอตฺตเกน ชาเยถ วา อุปปชฺเชถ วา. อิโต หิ ปรํ กิมฺํ ชาเยถ วา อุปปชฺเชถ วา, นนุ เอตเทว ชายติ จ อุปปชฺชติ จาติ?
เอวํ ¶ สทฺธึ อปราปรจุติปฏิสนฺธีหิ ปฺจ ปทานิ ทสฺเสตฺวา ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถํ นิยฺยาเตนฺโต ยทิทํ นามรูปปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ วตฺวา ตโต ปรํ อนุโลมปจฺจยาการวเสน วิฺาณปจฺจยา นามรูปมูลกํ อายติชรามรณํ ทสฺเสตุํ นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติอาทิมาห.
อฺชสนฺติ มคฺคสฺเสว เววจนํ. อุทฺธาปวนฺตนฺติ อาปโต อุคฺคตตฺตา อุทฺธาปนฺติ ลทฺธโวหาเรน ปาการวตฺถุนา สมนฺนาคตํ. รมณียนฺติ สมนฺตา จตุนฺนํ ทฺวารานํ อพฺภนฺตเร จ นานาภณฺฑานํ สมฺปตฺติยา รมณียํ. มาเปหีติ มหาชนํ เปเสตฺวา วาสํ กาเรหิ. มาเปยฺยาติ วาสํ กาเรยฺย. กาเรนฺโต จ ปมํ อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย เปเสตฺวา ‘‘สมฺปุณฺณ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ ปฺจกุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ ปฺจปฺาสกุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ ตึส ¶ กุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรํ กุลสหสฺสํ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ เอกาทสนหุตานิ กุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ จตุราสีติกุลสหสฺสานิ เปเสยฺย. ปุน ‘‘สมฺปุณฺณ’’นฺติ ปุจฺฉิเต, ‘‘มหาราช, กึ วเทสิ? มหนฺตํ นครํ อสมฺพาธํ, อิมินา นเยน กุลานิ เปเสตฺวา น สกฺกา ปูเรตุํ, เภรึ ปน จราเปตฺวา ‘อมฺหากํ นครํ อิมาย จ อิมาย จ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนํ, เย ตตฺถ วสิตุกามา, ยถาสุขํ คจฺฉนฺตุ, อิมฺจิมฺจ ปริหารํ ลภิสฺสนฺตี’ติ นครสฺส เจว วณฺณํ โลกสฺส จ ปริหารลาภํ โฆสาเปถา’’ติ วเทยฺย. โส เอวํ กเรยฺย. ตโต มนุสฺสา นครคุณฺเจว ปริหารลาภฺจ สุตฺวา สพฺพทิสาหิ สโมสริตฺวา นครํ ปูเรยฺยุํ. ตํ อปเรน สมเยน ¶ อิทฺธฺเจว อสฺส ผีตฺจ. ตํ สนฺธาย ตทสฺส นครํ อปเรน สมเยน อิทฺธฺเจว ผีตฺจาติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ สุภิกฺขํ. ผีตนฺติ สพฺพสมฺปตฺตีหิ ปุปฺผิตํ. พาหุชฺนฺติ พหูหิ าตพฺพํ, พหุชนานํ หิตํ วา. ‘‘พหุชน’’นฺติปิ ปาโ. อากิณฺณมนุสฺสนฺติ มนุสฺเสหิ อากิณฺณํ นิรนฺตรํ ผุฏฺํ. วุฑฺฒิเวปุลฺลปฺปตฺตนฺติ วุฑฺฒิปฺปตฺตฺเจว เวปุลฺลปฺปตฺตฺจ, เสฏฺภาวฺเจว วิปุลภาวฺจ ปตฺตํ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ อคฺคนครํ ชาตนฺติ อตฺโถ.
เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อรฺปวเน จรมานปุริโส วิย หิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ปารมิโย ปูรยมาโน มหาปุริโส ทฏฺพฺโพ, ตสฺส ปุริสสฺส ปุพฺพเกหิ มนุสฺเสหิ อนุยาตมคฺคทสฺสนํ วิย มหาสตฺตสฺส อนุปุพฺเพน โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส ปุพฺพภาเค อฏฺงฺคิกสฺส วิปสฺสนามคฺคสฺส ทสฺสนํ, ปุริสสฺส ตํ เอกปทิกมคฺคํ อนุคจฺฉโต อปรภาเค มหามคฺคทสฺสนํ วิย มหาสตฺตสฺส อุปริวิปสฺสนาย จิณฺณนฺเต โลกุตฺตรมคฺคทสฺสนํ, ปุริสสฺส เตเนว มคฺเคน คจฺฉโต ปุรโต นครทสฺสนํ วิย ตถาคตสฺส นิพฺพานนครทสฺสนํ, พหินครํ ปเนตฺถ อฺเน ทิฏฺํ, อฺเน มนุสฺสวาสํ กตํ, นิพฺพานนครํ สตฺถา สยเมว ปสฺสิ, สยํ วาสมกาสิ. ตสฺส ปุริสสฺส จตุนฺนํ ทฺวารานํ ทิฏฺกาโล วิย ตถาคตสฺส จตุนฺนํ มคฺคานํ ทิฏฺกาโล, ตสฺส จตูหิ ทฺวาเรหิ นครํ ปวิฏฺกาโล วิย ตถาคตสฺส จตูหิ มคฺเคหิ ¶ นิพฺพานํ ปวิฏฺกาโล, ตสฺส นครพฺภนฺตเร ภณฺฑววตฺถานกาโล วิย ตถาคตสฺส ปจฺจเวกฺขณาเณน ปโรปณฺณาสกุสลธมฺมววตฺถานกาโล. นครสฺส อคารกรณตฺถํ กุลปริเยสนกาโล วิย สตฺถุ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาย เวเนยฺยสตฺเต โวโลกนกาโล, เตน ปุริเสน ยาจิตสฺส รฺโ เอกํ มหากุฏุมฺพิกํ ทิฏฺกาโล วิย มหาพฺรหฺมุนา ยาจิตสฺส ภควโต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรํ ทิฏฺกาโล, รฺโ มหากุฏุมฺพิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘นครวาสํ กโรหี’’ติ ปหิตกาโล ¶ วิย ภควโต เอกสฺมึ ปจฺฉาภตฺเต อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส พาราณสิยํ อิสิปตนํ ปวิสิตฺวา เถรํ กายสกฺขึ กตฺวา ธมฺมํ เทสิตกาโล, มหากุฏุมฺพิเกน อฏฺารส ปุริสโกฏิโย คเหตฺวา นครํ อชฺฌาวุฏฺกาโล วิย ตถาคเตน ธมฺมจกฺเก ปวตฺติเต เถรสฺส อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตกาโล, เอวํ นิพฺพานนครํ ปมํ อาวาสิตํ, ตโต สมฺปุณฺณํ นครนฺติ ปุจฺฉิตฺวา น ตาวาติ วุตฺเต ปฺจ กุลานิ อาทึ กตฺวา ยาว จตุราสีติกุลสหสฺสเปสนํ วิย ตถาคตสฺส ปฺจมทิวสโต ปฏฺาย อนตฺตลกฺขณสุตฺตาทีนิ เทเสตฺวา ปฺจวคฺคิเย อาทึ กตฺวา ยสปมุขา ปฺจปณฺณาส กุลปุตฺตา, ตึส ภทฺทวคฺคิยา, สหสฺสปุราณชฏิลา, พิมฺพิสารปมุขานิ เอกาทสปุริสนหุตานิ, ติโรกุฏฺฏานุโมทเน จตุราสีติสหสฺสานีติ เอตฺตกสฺส ชนสฺส อริยมคฺคํ โอตาเรตฺวา นิพฺพานนครํ เปสิตกาโล, อถ เตน นเยน นคเร อปูริยมาเน เภรึ จราเปตฺวา นครสฺส วณฺณโฆสนํ กุลานํ ปริหารลาภโฆสนํ วิย จ มาสสฺส อฏฺ ทิวเส ตตฺถ ตตฺถ นิสีทิตฺวา ธมฺมกถิกานํ นิพฺพานวณฺณสฺส เจว นิพฺพานปฺปตฺตานํ ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณานิสํสสฺส จ โฆสนํ, ตโต สพฺพทิสาหิ อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ นครสโมสรณํ วิย ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมกถํ สุตฺวา ¶ ตโต ตโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชฺชํ อาทึ กตฺวา อนุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนานํ อปริมาณานํ กุลปุตฺตานํ นิพฺพานสโมสรณํ ทฏฺพฺพํ.
ปุราณํ มคฺคนฺติ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ. อยฺหิ อริยมคฺโค ปวารณสุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) อวตฺตมานกฏฺเน ‘‘อนุปฺปนฺนมคฺโค’’ติ วุตฺโต, อิมสฺมึ สุตฺเต อวฬฺชนฏฺเน ‘‘ปุราณมคฺโค’’ติ. พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ. อิทฺธนฺติ ฌานสฺสาเทน ¶ สมิทฺธํ สุภิกฺขํ. ผีตนฺติ อภิฺาภรเณหิ ปุปฺผิตํ. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถิณฺณํ. พาหุชฺนฺติ พหุชนวิฺเยฺยํ. ยาว เทวมนุสฺเสหิ ¶ สุปฺปกาสิตนฺติ ยาว ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺเสหิ ปริจฺเฉโท อตฺถิ, เอตสฺมึ อนฺตเร สุปฺปกาสิตํ สุเทสิตํ ตถาคเตนาติ. ปฺจมํ.
๖. สมฺมสสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ฉฏฺเ อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? ยสฺมาสฺส สุขุมา ติลกฺขณาหตา ธมฺมเทสนา อุปฏฺาสิ. ตสฺมึ กิร ชนปเท มนุสฺสา สเหตุกา ปฺวนฺโต. สินิทฺธานิ กิเรตฺถ โภชนานิ, ตานิเสวโต ชนสฺส ปฺา วฑฺฒติ, เต คมฺภีรํ ติลกฺขณาหตํ ธมฺมกถํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถา โหนฺติ. เตเนว ภควา ทีฆมชฺฌิเมสุ มหาสติปฏฺานานิ (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย) มหานิทานํ (ที. นิ. ๒.๙๕ อาทโย), อาเนฺชสปฺปายํ (ม. นิ. ๓.๖๖ อาทโย), สํยุตฺตเก จูฬนิทานาทิสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ อฺานิ คมฺภีรานิ สุตฺตานิ ตตฺเถว กเถสิ. สมฺมสถ โนติ สมฺมสถ นุ. อนฺตรํ สมฺมสนฺติ อพฺภนฺตรํ ปจฺจยสมฺมสนํ. น โส ภิกฺขุ ภควโต จิตฺตํ อาราเธสีติ ปจฺจยาการวเสน พฺยาการาเปตุกามสฺส ภควโต ตถา อพฺยากริตฺวา ทฺวตฺตึสาการวเสน พฺยากโรนฺโต อชฺฌาสยํ คเหตุํ นาสกฺขิ.
เอตทโวจาติ เทสนา ยถานุสนฺธึ น คตา, เทสนาย ยถานุสนฺธิคมนตฺถํ เอตทโวจ. เตนหานนฺท, สุณาถาติ อิทํ เตปิฏเก พุทฺธวจเน อสมฺภินฺนปทํ. อฺตฺถ หิ เอวํ วุตฺตํ นาม นตฺถิ. อุปธินิทานนฺติ ขนฺธุปธินิทานํ. ขนฺธปฺจกฺเหตฺถ อุปธีติ อธิปฺเปตํ. อุปฺปชฺชตีติ ชายติ. นิวิสตีติ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ปติฏฺหติ.
ยํ โข โลเก ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ยํ โลกสฺมึ ปิยสภาวฺเจว มธุรสภาวฺจ. จกฺขุํ โลเกติอาทีสุ ¶ โลกสฺมิฺหิ จกฺขาทีสุ มมตฺเตน อภินิวิฏฺา สตฺตา สมฺปตฺติยํ ปติฏฺิตา อตฺตโน จกฺขุํ อาทาสาทีสุ นิมิตฺตคฺคหณานุสาเรน วิปฺปสนฺนปฺจปสาทํ สุวณฺณวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิสีหปฺชรํ วิย มฺนฺติ, โสตํ รชตปนาฬิกํ วิย ปามงฺคสุตฺตํ ¶ วิย ¶ จ มฺนฺติ, ตุงฺคนาสาติ ลทฺธโวหารํ ฆานํ วฏฺเฏตฺวา ปิตหริตาลวฏฺฏึ วิย มฺนฺติ, ชิวฺหํ รตฺตกมฺพลปฏลํ วิย มุทุสินิทฺธมธุรรสทํ มฺนฺติ, กายํ สาลลฏฺึ วิย สุวณฺณโตรณํ วิย จ มฺนฺติ, มนํ อฺเสํ มเนน อสทิสํ อุฬารํ มฺนฺติ.
นิจฺจโต อทฺทกฺขุนฺติ นิจฺจนฺติ อทฺทสํสุ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. น ปริมุจฺจึสุ ทุกฺขสฺมาติ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขา น ปริมุจฺจึสุ. ทกฺขิสฺสนฺตีติ ปสฺสิสฺสนฺติ. อาปานียกํโสติ สรกสฺส นามํ. ยสฺมา ปเนตฺถ อาปํ ปิวนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาปานีโย’’ติ วุจฺจติ. อาปานีโย จ โส กํโส จาติ อาปานียกํโส. สุรามณฺฑสรกสฺเสตํ นามํ. ‘‘วณฺณสมฺปนฺโน’’ติอาทิวจนโต ปน กํเส ิตปานเมว เอวํ วุตฺตํ. ฆมฺมาภิตตฺโตติ ฆมฺเมน อภิตตฺโต. ฆมฺมปเรโตติ ฆมฺเมน ผุฏฺโ, อนุคโตติ อตฺโถ. ปิวโต หิ โข ตํ ฉาเทสฺสตีติ ปิวนฺตสฺส ตํ ปานียํ วณฺณาทิสมฺปตฺติยา รุจฺจิสฺสติ, สกลสรีรํ วา ผริตฺวา ตุฏฺึ อุปฺปาทยมานํ สฺสติ. อปฺปฏิสงฺขาติ อปจฺจเวกฺขิตฺวา.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อาปานียกํโส วิย หิ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ อารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ, ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต ปุถุชฺชโน, อาปานียกํเสน นิมนฺตนปุริโส วิย โลเก ปิยรูเปน สาตรูเปน อารมฺมเณน นิมนฺตกชโน, อาปานียกํเส สมฺปตฺติฺจ อาทีนวฺจ อาโรเจนฺโต อาปานกมนุสฺโส วิย อาจริยุปชฺฌายาทิโก กลฺยาณมิตฺโต. ยเถว หิ ตสฺส ปุริสสฺส อปโลกิตมนุสฺโส อาปานียกํเส คุณฺจ อาทีนวฺจ อาโรเจติ, เอวเมว อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา ภิกฺขุโน ปฺจสุ กามคุเณสุ อสฺสาทฺจ นิสฺสรณฺจ กเถติ.
ตตฺถ ยถา อาปานียกํสมฺหิ คุเณ จ อาทีนเว จ อาโรจิเต โส ¶ ปุริโส ปิยวณฺณาทิสมฺปทายเมว สฺชาตเวโค ‘‘สเจ มรณํ ภวิสฺสติ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ สหสา อปฺปฏิสงฺขาย ตํ ปิวิตฺวา มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ นิคจฺฉติ, เอวเมว, ภิกฺขุ, ‘‘ปฺจสุ กามคุเณสุ ทสฺสนาทิวเสน อุปฺปนฺนโสมนสฺสมตฺตเมว อสฺสาโท, อาทีนโว ปน ¶ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิโก พหุ นานปฺปกาโร, อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติ ¶ เอวํ อาจริยุปชฺฌาเยหิ อานิสํสฺจ อาทีนวฺจ กเถตฺวา – ‘‘สมณปฏิปทํ ปฏิปชฺช, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ภว โภชเน มตฺตฺู ชาคริยํ อนุยุตฺโต’’ติ เอวํ โอวทิโตปิ อสฺสาทพทฺธจิตฺตตาย ‘‘สเจ วุตฺตปฺปกาโร อาทีนโว ภวิสฺสติ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ อาจริยุปชฺฌาเย อปสาเทตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ เจว วตฺตปฏิปตฺติฺจ ปหาย โลกามิสกถํ กเถนฺโต กาเม ปริภฺุชิตุกามตาย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. ตโต ทุจฺจริตานิ ปูเรนฺโต สนฺธิจฺเฉทนาทิกาเล ‘‘โจโร อย’’นฺติ คเหตฺวา รฺโ ทสฺสิโต อิเธว หตฺถปาทาทิเฉทนํ ปตฺวา สมฺปราเย จตูสุ อปาเยสุ มหาทุกฺขํ อนุโภติ.
ปานีเยน วา วิเนตุนฺติ สีเตน วารินา หริตุํ. ทธิมณฺฑเกนาติ ทธิมณฺฑนมตฺเตน. ภฏฺโลณิกายาติ สโลเณน สตฺตุปานีเยน. โลณโสวีรเกนาติ สพฺพธฺผลกฬีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา โลณโสวีรกํ นาม กโรนฺติ, เตน.
โอปมฺมสํสนฺทนํ ปเนตฺถ – ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส วิย วฏฺฏสนฺนิสฺสิตกาเล โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ, ตสฺส ปุริสสฺส ปฏิสงฺขา อาปานียกํสํ ปหาย ปานียาทีหิ ปิปาสสฺส วิโนทนํ วิย ภิกฺขุโน อาจริยุปชฺฌายานํ โอวาเท ตฺวา ฉทฺวาราทีนิ ปริคฺคเหตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส อรหตฺตผลาธิคโม, ปานียาทีนิ จตฺตาริ ปานานิ วิย หิ จตฺตาโร มคฺคา, เตสุ อฺตรํ ปิวิตฺวา สุราปิปาสิตํ วิโนเทตฺวา สุขิโน เยน กามํ คมนํ วิย ขีณาสวสฺส จตุมคฺคปานํ ปิวิตฺวา ตณฺหํ วิโนเทตฺวา อคตปุพฺพํ นิพฺพานทิสํ คมนกาโล เวทิตพฺโพ. ฉฏฺํ.
๗. นฬกลาปีสุตฺตวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ กินฺนุ โข, อาวุโสติ กสฺมา ปุจฺฉติ? ‘‘เอวํ ปุฏฺโ กถํ นุ โข พฺยากเรยฺยา’’ติ. เถรสฺส อชฺฌาสยชานนตฺถํ. อปิจ อตีเต ทฺเว อคฺคสาวกา อิมํ ปฺหํ วินิจฺฉยึสูติ อนาคเต ภิกฺขู ชานิสฺสนฺตีติปิ ปุจฺฉติ. อิทาเนว โข มยนฺติ อิทํ เถโร ยสฺส นามรูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโยติ วุตฺตํ, ตเทว นามรูปํ วิฺาณสฺส ปจฺจโยติ ¶ วุตฺตตฺตา อาห ¶ . นฬกลาปิโยติ อิธ ปน อยกลาปาทิวเสน อุปมํ อนาหริตฺวา วิฺาณนามรูปานํ อพลทุพฺพลภาวทสฺสนตฺถํ อยํ อุปมา อาภตา.
นิโรโธ โหตีติ เอตฺตเก าเน ปจฺจยุปฺปนฺนปฺจโวการภววเสน เทสนา กถิตา. ฉตฺตึสาย วตฺถูหีติ เหฏฺา วิสฺสชฺชิเตสุ ทฺวาทสสุ ปเทสุ เอเกกสฺมึ ติณฺณํ ติณฺณํ วเสน ฉตฺตึสาย การเณหิ. เอตฺถ จ ปโม ธมฺมกถิกคุโณ, ทุติยา ปฏิปตฺติ, ตติยํ ปฏิปตฺติผลํ. ตตฺถ ปมนเยน เทสนาสมฺปตฺติ กถิตา, ทุติเยน เสกฺขภูมิ, ตติเยน อเสกฺขภูมีติ. สตฺตมํ.
๘. โกสมฺพิสุตฺตวณฺณนา
๖๘. อฏฺเม อฺตฺเรวาติ เอกจฺโจ หิ ปรสฺส สทฺทหิตฺวา ยํ เอส ภณติ, ตํ ภูตนฺติ คณฺหาติ. อปรสฺส นิสีทิตฺวา จินฺเตนฺตสฺส ยํ การณํ รุจฺจติ, โส ‘‘อตฺถิ เอต’’นฺติ รุจิยา คณฺหาติ. เอโก ‘‘จิรกาลโต ปฏฺาย เอวํ อนุสฺสโว อตฺถิ, ภูตเมต’’นฺติ อนุสฺสเวน คณฺหาติ. อฺสฺส วิตกฺกยโต เอกํ การณํ อุปฏฺาติ, โส ‘‘อตฺเถต’’นฺติ อาการปริวิตกฺเกน คณฺหาติ. อปรสฺส จินฺตยโต เอกา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, ยายสฺส ตํ การณํ นิชฺฌายนฺตสฺส ขมติ, โส ‘‘อตฺเถต’’นฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา คณฺหาติ. เถโร ปน ปฺจปิ เอตานิ การณานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปจฺจกฺขาเณน ปฏิวิทฺธภาวํ ปุจฺฉนฺโต อฺตฺเรว, อาวุโส มุสิล, สทฺธายาติอาทิมาห. ตตฺถ อฺตฺเรวาติ สทฺธาทีนิ การณานิ เปตฺวา, วินา เอเตหิ ¶ การเณหีติ อตฺโถ. ภวนิโรโธ นิพฺพานนฺติ ปฺจกฺขนฺธนิโรโธ นิพฺพานํ.
ตุณฺหี อโหสีติ เถโร ขีณาสโว, อหํ ปน ขีณาสโวติ วา น วาติ วา อวตฺวา ตุณฺหีเยว อโหสิ. อายสฺมา นารโท อายสฺมนฺตํ ปวิฏฺํ เอตทโวจาติ กสฺมา อโวจ? โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘ภวนิโรโธ นิพฺพานํ นามาติ เสเขหิปิ ชานิตพฺโพ ปฺโห เอส, อยํ ปน เถโร อิมํ เถรํ อเสขภูมิยา กาเรติ, อิมํ านํ ชานาเปสฺสามี’’ติ เอตํ อโวจ.
สมฺมปฺปฺาย ¶ สุทิฏฺนฺติ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย สุฏฺุ ทิฏฺํ. น จมฺหิ อรหนฺติ อนาคามิมคฺเค ิตตฺตา อรหํ น โหมีติ ทีเปติ. ยํ ปนสฺส อิทานิ ‘‘ภวนิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ ¶ าณํ, ตํ เอกูนวีสติยา ปจฺจเวกฺขณาเณหิ วิมุตฺตํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อุทปาโนติ วีสตึสหตฺถคมฺภีโร ปานียกูโป. อุทกวารโกติ อุทกอุสฺสิฺจนวารโก. อุทกนฺติ หิ โข าณํ อสฺสาติ ตีเร ิตสฺส โอโลกยโต เอวํ าณํ ภเวยฺย. น จ กาเยน ผุสิตฺวาติ อุทกํ ปน นีหริตฺวา กาเยน ผุสิตฺวา วิหริตุํ น สกฺกุเณยฺย. อุทปาเน อุทกทสฺสนํ วิย หิ อนาคามิโน นิพฺพานทสฺสนํ, ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส วิย อนาคามี, อุทกวารโก วิย อรหตฺตมคฺโค, ยถา ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส อุทปาเน อุทกํ ปสฺสติ. เอวํ อนาคามี ปจฺจเวกฺขณาเณน ‘‘อุปริ อรหตฺตผลสมโย นาม อตฺถี’’ติ ชานาติ. ยถา ปน โส ปุริโส อุทกวารกสฺส นตฺถิตาย อุทกํ นีหริตฺวา กาเยน ผุสิตุํ น ลภติ, เอวํ อนาคามี อรหตฺตมคฺคสฺส นตฺถิตาย นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อรหตฺตผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ น ลภติ. อฏฺมํ.
๙. อุปยนฺติสุตฺตวณฺณนา
๖๙. นวเม ¶ อุปยนฺโตติ อุทกวฑฺฒนสมเย อุปริ คจฺฉนฺโต. มหานทิโยติ คงฺคายมุนาทิกา มหาสริตาโย. อุปยาเปตีติ อุปริ ยาเปติ, วฑฺเฒติ ปูเรตีติ อตฺโถ. อวิชฺชา อุปยนฺตีติ อวิชฺชา อุปริ คจฺฉนฺตี สงฺขารานํ ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺกุณนฺตี. สงฺขาเร อุปยาเปตีติ สงฺขาเร อุปริ ยาเปติ วฑฺเฒติ. เอวํ สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปยนฺโตติ อปคจฺฉนฺโต โอสรนฺโต. อวิชฺชา อปยนฺตีติ อวิชฺชา อปคจฺฉมานา โอสรมานา อุปริ สงฺขารานํ ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺกุณนฺตีติ อตฺโถ. สงฺขาเร อปยาเปตีติ สงฺขาเร อปคจฺฉาเปติ. เอส นโย สพฺพปเทสุ. นวมํ.
๑๐. สุสิมสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ทสเม ครุกโตติ สพฺเพหิ เทวมนุสฺเสหิ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย จิตฺเตน ครุกโต. มานิโตติ มเนน ปิยายิโต. ปูชิโตติ จตุปจฺจยปูชาย ¶ ปูชิโต. อปจิโตติ นีจวุตฺติกรเณน อปจิโต. สตฺถารฺหิ ทิสฺวา มนุสฺสา หตฺถิกฺขนฺธาทีหิ โอตรนฺติ มคฺคํ เทนฺติ, อํสกูฏโต สาฏกํ อปเนนฺติ, อาสนโต วุฏฺหนฺติ วนฺทนฺติ. เอวํ โส เตหิ อปจิโต นาม โหติ. สุสิโมติ เอวํนามโก เวทงฺเคสุ กุสโล ปณฺฑิตปริพฺพาชโก. เอหิ ตฺวนฺติ เตสํ กิร เอตทโหสิ ¶ – ‘‘สมโณ โคตโม น ชาติโคตฺตาทีนิ อาคมฺม ลาภคฺคปฺปตฺโต ชาโต, กวิเสฏฺโ ปเนส อุตฺตมกวิตาย สาวกานํ คนฺถํ พนฺธิตฺวา เทติ, ตํ เต อุคฺคณฺหิตฺวา อุปฏฺากานํ อุปนิสินฺนกถมฺปิ อนุโมทนมฺปิ สรภฺมฺปีติ เอวมาทีนิ กเถนฺติ, เต เตสํ ปสนฺนา ลาภํ อุปสํหรนฺติ. สเจ มยํ ยํ สมโณ โคตโม ชานาติ, ตโต โถกํ ชาเนยฺยาม, อตฺตโน สมยํ ตตฺถ ปกฺขิปิตฺวา ¶ มยมฺปิ อุปฏฺากานํ กเถยฺยาม, ตโต เอเตหิ ลาภิตรา ภเวยฺยาม. โก นุ โข สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ขิปฺปเมว อุคฺคณฺหิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ. เต เอวํ จินฺเตตฺวา ‘‘สุสิโม ปฏิพโล’’ติ ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ.
เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ, ‘‘กสฺส นุ โข สนฺติกํ คนฺตฺวา อหํ อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ ลทฺธุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ? ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม ครุ เตชุสฺสโท นิยมมนุยุตฺโต, น สกฺกา อกาเล อุปสงฺกมิตุํ, อฺเปิ พหู ขตฺติยาทโย สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมนฺติ, ตสฺมิมฺปิ สมเย น สกฺกา อุปสงฺกมิตุํ. สาวเกสุปิสฺส สาริปุตฺโต มหาปฺโ วิปสฺสนาลกฺขณมฺหิ เอตทคฺเค ปิโต, มหาโมคฺคลฺลาโน สมาธิลกฺขณสฺมึ เอตทคฺเค ปิโต, มหากสฺสโป ธุตงฺคธเรสุ อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุเกสุ, ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต ธมฺมกถิเกสุ, อุปาลิตฺเถโร วินยธเรสุ เอตทคฺเค ปิโต, อยํ ปน อานนฺโท พหุสฺสุโต ติปิฏกธโร, สตฺถาปิสฺส ตตฺถ ตตฺถ กถิตํ ธมฺมํ อาหริตฺวา กเถติ, ปฺจสุ าเนสุ เอตทคฺเค ปิโต, อฏฺนฺนํ วรานํ ลาภี, จตูหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ตสฺส สมีปํ คโต ขิปฺปํ ธมฺมํ ลทฺธุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ.
เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา สยํ อปพฺพาเชตฺวา อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ติตฺถิยสมเย ปาฏิเยกฺโก ‘อหํ สตฺถา’ติ ปฏิชานนฺโต จรติ, ปพฺพชิตฺวา สาสนสฺส อลาภายปิ ปริสกฺเกยฺย. น โข ปนสฺสาหํ อชฺฌาสยํ อาชานามิ, สตฺถา ชานิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ตํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. เตนหานนฺท, สุสิมํ ปพฺพาเชถาติ สตฺถา กิร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปริพฺพาชโก ติตฺถิยสมเย ‘อหํ ปาฏิเยกฺโก สตฺถา’ติ ปฏิชานมาโน จรติ, ‘อิธ มคฺคพฺรหฺมจริยํ จริตุํ อิจฺฉามี’ติ กิร วทติ. กึ นุ โข มยิ ปสนฺโน, อุทาหุ มยฺหํ สาวเกสุ, อุทาหุ มยฺหํ วา มม สาวกานํ วา ธมฺมกถาย ปสนฺโน’’ติ? อถสฺส เอกฏฺาเนปิ ปสาทาภาวํ ¶ ตฺวา, ‘‘อยํ มม สาสเน ธมฺมํ เถเนสฺสามีติ ปพฺพชติ. อิติสฺส อาคมนํ อปริสุทฺธํ; นิปฺผตฺติ นุ โข กีทิสา’’ติ? โอโลเกนฺโต ‘‘กิฺจาปิ ¶ ‘ธมฺมํ เถเนสฺสามี’ติ ปพฺพชติ, กติปาเหเนว ปน ฆเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตนหานนฺท, สุสิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห.
อฺา พฺยากตา โหตีติ เต กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เตมาสํ วสฺสํ วสนฺตา ตสฺมึเยว อนฺโตเตมาเส ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อรหตฺตํ ปฏิลภึสุ. เต ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ ปวาริตปวารณา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจสุํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อฺาติ อรหตฺตสฺส นามํ. พฺยากตาติ อาโรจิตา. อสฺโสสีติ โส กิร โอหิตโสโต หุตฺวา เตสํ เตสํ ภิกฺขูนํ ิตฏฺานํ คจฺฉติ ตํ ตํ กถํ สุณิตุกาโม. เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ตํ กิรสฺส ปวตฺตึ สุตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘อฺา นาม อิมสฺมึ สาสเน ปรมปฺปมาณํ สารภูตา อาจริยมุฏฺิ มฺเ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิตฺวา นํ ชานิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา อุปสงฺกมิ.
อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ. อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฏฺาสํ. อาวิภาวํ ติโรภาวนฺติ อาวิภาวํ คเหตฺวา ติโรภาวํ, ติโรภาวํ คเหตฺวา อาวิภาวํ กาตุํ สกฺโกถาติ ปุจฺฉติ. ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ. อิตรปททฺวเยปิ ¶ เอเสว นโย. อุมฺมุชฺชนิมุชฺชนฺติ อุมฺมุชฺชนฺจ นิมุชฺชนฺจ. ปลฺลงฺเกนาติ ปลฺลงฺกพนฺธเนน. กมถาติ นิสีทิตุํ วา คนฺตุํ วา สกฺโกถาติ ปุจฺฉติ? ปกฺขี สกุโณติ ปกฺขยุตฺโต สกุโณ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อิมสฺส อิทฺธิวิธสฺส, อิโต ปเรสํ ทิพฺพโสตาทีนฺจ วณฺณนานโย วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพติ.
สนฺตา วิโมกฺขาติ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จ สนฺตา อารุปฺปวิโมกฺขา. กาเยน ผุสิตฺวาติ นามกาเยน ผุสิตฺวา ปฏิลภิตฺวา. ปฺาวิมุตฺตา โข มยํ, อาวุโสติ, อาวุโส, มยํ นิชฺฌานกา ¶ สุกฺขวิปสฺสกา ปฺามตฺเตเนว วิมุตฺตาติ ทสฺเสติ. อาชาเนยฺยาสิ วา ตฺวํ, อาวุโส สุสิม, น วา ตฺวํ อาชาเนยฺยาสีติ กสฺมา เอวมาหํสุ? เอวํ กิร เนสํ อโหสิ – ‘‘มยํ อิมสฺส อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสาม, ทสพลํ ปน ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสตี’’ติ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ วิปสฺสนาาณํ, ตํ ปมตรํ อุปฺปชฺชติ. นิพฺพาเน าณนฺติ วิปสฺสนาย จิณฺณนฺเต ปวตฺตมคฺคาณํ, ตํ ปจฺฉา อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา ภควา เอวมาห.
อาชาเนยฺยาสิ วาติอาทิ กสฺมา วุตฺตํ? วินาปิ สมาธึ เอวํ าณุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. อิทฺหิ ¶ วุตฺตํ โหติ – สุสิม, มคฺโค วา ผลํ วา น สมาธินิสฺสนฺโท, น สมาธิอานิสํโส, น สมาธิสฺส นิปฺผตฺติ, วิปสฺสนาย ปเนโส นิสฺสนฺโท, วิปสฺสนาย อานิสํโส, วิปสฺสนาย นิปฺผตฺติ, ตสฺมา ชาเนยฺยาสิ วา ตฺวํ, น วา ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ, อถ โข ธมฺมฏฺิติาณํ ปุพฺเพ, ปจฺฉา นิพฺพาเน าณนฺติ.
อิทานิสฺส ปฏิเวธภพฺพตํ ตฺวา เตปริวฏฺฏํ ธมฺมเทสนํ เทเสนฺโต ตํ กึ มฺสิ, สุสิม? รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติอาทิมาห? เต ปริวฏฺฏเทสนาวสาเน ปน เถโร อรหตฺตํ ปตฺโต. อิทานิสฺส อนุโยคํ อาโรเปนฺโต ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ, สุสิม, ปสฺสสีติอาทิมาห. อปิ ปน ตฺวํ, สุสิมาติ อิทํ กสฺมา อารภิ? นิชฺฌานกานํ สุกฺขวิปสฺสกภิกฺขูนํ ปากฏกรณตฺถํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – น เกวลํ ตฺวเมว นิชฺฌานโก สุกฺขวิปสฺสโก, เอเตปิ ภิกฺขู เอวรูปาเยวาติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ. ทสมํ.
มหาวคฺโค สตฺตโม.
๘. สมณพฺราหฺมณวคฺโค
๑. ชรามรณสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๑-๗๒. สมณพฺราหฺมณวคฺเค ¶ ชรามรณาทีสุ เอเกกปทวเสน เอเกกํ กตฺวา เอกาทส สุตฺตานิ วุตฺตานิ, ตานิ อุตฺตานตฺถาเนวาติ.
สมณพฺราหฺมณวคฺโค อฏฺโม.
๙. อนฺตรเปยฺยาลํ
๑. สตฺถุสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๓. อิโต ¶ ¶ ปรํ ‘‘สตฺถา ปริเยสิตพฺโพ’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทฺวาทส อนฺตรเปยฺยาลวคฺคา นาม โหนฺติ. เต สพฺเพปิ ตถา ตถา พุชฺฌนกานํ เวเนยฺยปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตา. ตตฺถ สตฺถาติ พุทฺโธ วา โหตุ สาวโก วา, ยํ นิสฺสาย มคฺคาณํ ลภติ, อยํ สตฺถา นาม, โส ปริเยสิตพฺโพ. สิกฺขา กรณียาติ ติวิธาปิ สิกฺขา กาตพฺพา. โยคาทีสุ โยโคติ ปโยโค. ฉนฺโทติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท. อุสฺโสฬฺหีติ สพฺพสหํ อธิมตฺตวีริยํ. อปฺปฏิวานีติ อนิวตฺตนา. อาตปฺปนฺติ กิเลสตาปนวีริยเมว. สาตจฺจนฺติ สตตกิริยํ. สตีติ ชรามรณาทิวเสน จตุสจฺจปริคฺคาหิกา สติ. สมฺปชฺนฺติ ตาทิสเมว าณํ. อปฺปมาโทติ สจฺจภาวนาย อปฺปมาโท. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อนฺตรเปยฺยาโล นวโม.
นิทานสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.