📜
๑๐. ภิกฺขุสํยุตฺตํ
๑. โกลิตสุตฺตวณฺณนา
๒๓๕. ภิกฺขุสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม, อาวุโสติ สาวกานํ อาลาโป. พุทฺธา หิ ภควนฺโต สาวเก อาลปนฺตา, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปนฺติ, สาวกา ปน ‘‘พุทฺเธหิ สทิสา มา โหมา’’ติ, ‘‘อาวุโส’’ติ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ ภณนฺติ. พุทฺเธหิ จ อาลปิเต ภิกฺขุสงฺโฆ, ‘‘ภนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ เทติ สาวเกหิ, ‘‘อาวุโส’’ติ. อยํ วุจฺจตีติ ยสฺมา ทุติยชฺฌาเน วิตกฺกวิจารา นิรุชฺฌนฺติ, เยสํ นิโรธา สทฺทายตนํ อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ, ตสฺมา ยเทตํ ทุติยํ ฌานํ นาม, อยํ วุจฺจติ ‘‘อริยานํ ตุณฺหีภาโว’’ติ. อยเมตฺถ โยชนา. ‘‘ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ เอตฺถ ปน กมฺมฏฺานมนสิกาโรปิ ปมชฺฌานาทีนิปิ อริโย ตุณฺหีภาโวตฺเวว สงฺขํ คตานิ.
วิตกฺกสหคตาติ วิตกฺการมฺมณา. สฺามนสิการาติ สฺา จ มนสิกาโร จ. สมุทาจรนฺตีติ ปวตฺตนฺติ. เถรสฺส กิร ทุติยชฺฌานํ น ปคุณํ. อถสฺส ตโต วุฏฺิตสฺส วิตกฺกวิจารา น สนฺตโต อุปฏฺหึสุ. อิจฺจสฺส ทุติยชฺฌานมฺปิ สฺามนสิการาปิ หานภาคิยาว อเหสุํ, ตํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. สณฺเปหีติ สมฺมา เปหิ. เอโกทิภาวํ กโรหีติ เอกคฺคํ กโรหิ. สมาทหาติ สมฺมา อาทห อาโรเปหิ. มหาภิฺตนฺติ ฉฬภิฺตํ. สตฺถา กิร อิมินา อุปาเยน สตฺต ทิวเส เถรสฺส หานภาคิยํ สมาธึ วฑฺเฒตฺวา เถรํ ฉฬภิฺตํ ปาเปสิ. ปมํ.
๒. อุปติสฺสสุตฺตวณฺณนา
๒๓๖. ทุติเย ¶ อตฺถิ นุ โข ตํ กิฺจิ โลกสฺมินฺติ อิทํ อติอุฬารมฺปิ สตฺตํ วา สงฺขารํ ¶ วา สนฺธาย วุตฺตํ. สตฺถุปิ โขติ อิทํ ยสฺมา อานนฺทตฺเถรสฺส สตฺถริ อธิมตฺโต ฉนฺโท จ เปมฺจ, ตสฺมา ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส เถรสฺส สตฺถุ วิปริณาเมนปิ โสกาทโย นุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ ชานนตฺถํ ปุจฺฉติ? ทีฆรตฺตนฺติ สูกรขตเลณทฺวาเร ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺตํ เทสิตทิวสโต ปฏฺาย อติกฺกนฺตกาลํ สนฺธายาห. ตสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส เถรสฺส อิเม วฏฺฏานุคตกิเลสา สมูหตาติ. ทุติยํ.
๓. ฆฏสุตฺตวณฺณนา
๒๓๗. ตติเย เอกวิหาเรติ เอกสฺมึ คพฺเภ. ตทา กิร พหู อาคนฺตุกา ภิกฺขู สนฺนิปตึสุ. ตสฺมึ ปริเวณคฺเคน วา วิหารคฺเคน วา เสนาสเนสุ อปาปุณนฺเตสุ ทฺวินฺนํ เถรานํ เอโก คพฺโภ สมฺปตฺโต. เต ทิวา ปาฏิเยกฺเกสุ าเนสุ นิสีทนฺติ, รตฺตึ ปน เนสํ อนฺตเร จีวรสาณึ ปสาเรนฺติ. เต อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตปตฺตฏฺาเนเยว นิสีทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกวิหาเร’’ติ. โอฬาริเกนาติ อิทํ โอฬาริการมฺมณตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทิพฺพจกฺขุทิพฺพโสตธาตุวิหาเรน หิ โส วิหาสิ, เตสฺจ รูปายตนสทฺทายตนสงฺขาตํ โอฬาริกํ อารมฺมณํ. อิติ ทิพฺพจกฺขุนา รูปสฺส ทิฏฺตฺตา ทิพฺพาย จ โสตธาตุยา สทฺทสฺส สุตตฺตา โส วิหาโร โอฬาริโก นาม ชาโต. ทิพฺพจกฺขุ วิสุชฺฌีติ ภควโต รูปทสฺสนตฺถาย วิสุทฺธํ อโหสิ. ทิพฺพา จ โสตธาตูติ สาปิ ภควโต สทฺทสุณนตฺถํ วิสุชฺฌิ ¶ . ภควโตปิ เถรสฺส รูปทสฺสนตฺถฺเจว สทฺทสุณนตฺถฺจ ตทุภยํ วิสุชฺฌิ. ตทา กิร เถโร ‘‘กถํ นุ โข เอตรหิ สตฺถา วิหรตี’’ติ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา สตฺถารํ เชตวเน วิหาเร คนฺธกุฏิยํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ตสฺส ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุณิ. สตฺถาปิ ตเถว อกาสิ. เอวํ เต อฺมฺํ ปสฺสึสุ เจว, สทฺทฺจ อสฺโสสุํ.
อารทฺธวีริโยติ ปริปุณฺณวีริโย ปคฺคหิตวีริโย. ยาวเทว อุปนิกฺเขปนมตฺตายาติ ติโยชนสหสฺสวิตฺถารสฺส หิมวโต สนฺติเก ปิตา สาสปมตฺตา ปาสาณสกฺขรา ‘‘หิมวา นุ โข มหา, อยํ นุ โข ปาสาณสกฺขรา’’ติ เอวํ ยาว อุปนิกฺเขปนมตฺตสฺเสว อตฺถาย ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ปรโตปิ เอเสว นโย. กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. โลณฆฏายาติ จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยา อาธารกํ กตฺวา มุขวฏฺฏิยา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ ิตาย โลณจาฏิยาติ ทสฺเสติ.
อิเม ¶ ¶ ปน เถรา อุปมํ อาหรนฺตา สริกฺขเกเนว จ วิชฺชมานคุเณน จ อาหรึสุ. กถํ? อยฺหิ อิทฺธิ นาม อจฺจุคฺคตฏฺเน เจว วิปุลฏฺเน จ หิมวนฺตสทิสา, ปฺา จตุภูมกธมฺเม อนุปวิสิตฺวา ิตฏฺเน สพฺพพฺยฺชเนสุ อนุปวิฏฺโลณรสสทิสา. เอวํ ตาว สริกฺขกฏฺเน อาหรึสุ. สมาธิลกฺขณํ ปน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิภูตํ ปากฏํ. กิฺจาปิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อวิชฺชมานอิทฺธิ นาม นตฺถิ, ภควตา ปน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ อยเมว เอตทคฺเค ปิโต. วิปสฺสนาลกฺขณํ ปน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิภูตํ ปากฏํ. กิฺจาปิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺสาปิ ปฺา อตฺถิ, ภควตา ปน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๙) อยเมว เอตทคฺเค ปิโต. ตสฺมา ยถา เอเต อฺมฺสฺส ธุรํ น ปาปุณนฺติ, เอวํ วิชฺชมานคุเณน อาหรึสุ. สมาธิลกฺขณสฺมิฺหิ มหาโมคฺคลฺลาโน นิปฺผตฺตึ คโต, วิปสฺสนาลกฺขเณ สาริปุตฺตตฺเถโร, ทฺวีสุปิ เอเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. ตติยํ.
๔. นวสุตฺตวณฺณนา
๒๓๘. จตุตฺเถ ¶ อปฺโปสฺสุกฺโกติ นิรุสฺสุกฺโก. สงฺกสายตีติ วิหรติ. เวยฺยาวจฺจนฺติ จีวเร กตฺตพฺพกิจฺจํ. อาภิเจตสิกานนฺติ อภิจิตฺตํ อุตฺตมจิตฺตํ นิสฺสิตานํ. นิกามลาภีติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชนสมตฺถตาย นิกามลาภี. อกิจฺฉลาภีติ ฌานปาริปนฺถิเก สุเขน วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปชฺชนสมตฺถตาย อทุกฺขลาภี. อกสิรลาภีติ ยถาปริจฺเฉเทน วุฏฺานสมตฺถตาย วิปุลลาภี, ปคุณชฺฌาโนติ อตฺโถ. สิถิลมารพฺภาติ สิถิลวีริยํ ปวตฺเตตฺวา. จตุตฺถํ.
๕. สุชาตสุตฺตวณฺณนา
๒๓๙. ปฺจเม อภิรูโปติ อฺานิ รูปานิ อติกฺกนฺตรูโป. ทสฺสนีโยติ ทฏฺพฺพยุตฺโต. ปาสาทิโกติ ทสฺสเนน จิตฺตํ ปสาเทตุํ สมตฺโถ. วณฺณโปกฺขรตายาติ ฉวิวณฺณสุนฺทรตาย. ปฺจมํ.
๖. ลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๒๔๐. ฉฏฺเ ¶ ¶ ทุพฺพณฺณนฺติ วิรูปสรีรวณฺณํ. โอโกฏิมกนฺติ รสฺสํ. ปริภูตรูปนฺติ ปมาณวเสน ปริภูตชาติกํ. ตํ กิร ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส ภทฺทิย, อาวุโส, ภทฺทิยา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปรามสิตฺวา นานปฺปการํ กีฬนฺติ อากฑฺฒนฺติ ปริกฑฺฒนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริภูตรูป’’นฺติ. กสฺมา ปเนส เอวรูโป ชาโต? อยํ กิร อตีเต เอโก มหาราชา อโหสิ, ตสฺส มหลฺลกา จ มหลฺลกิตฺถิโย จ ปฏิกูลา โหนฺติ. โส สเจ มหลฺลเก ปสฺสติ, เตสํ ¶ จูฬํ ปาเปตฺวา กจฺฉํ พนฺธาเปตฺวา ยถารุจิ กีฬาเปติ. มหลฺลกิตฺถิโยปิ ทิสฺวา ตาสมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตํ วิปฺปการํ กตฺวา ยถารุจิ กีฬาเปติ. เตสํ ปุตฺตธีตาทีนํ สนฺติเก มหาสารชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส ปาปกิริยา ปถวิโต ปฏฺาย ฉเทวโลเก เอกโกลาหลํ อกาสิ.
อถ สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อนฺธพาโล มหาชนํ วิเหเติ, กริสฺสามิสฺส นิคฺคห’’นฺติ. โส มหลฺลกคามิยวณฺณํ กตฺวา ยานเก เอกํ ตกฺกจาฏึ อาโรเปตฺวา ยานํ เปเสนฺโต นครํ ปวิสติ. ราชาปิ หตฺถึ อารุยฺห นครโต นิกฺขนฺโต ตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ มหลฺลโก ตกฺกยานเกน อมฺหากํ อภิมุโข อาคจฺฉติ, วาเรถ วาเรถา’’ติ อาห. มนุสฺสา อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทนฺตาปิ น ปสฺสนฺติ. สกฺโก หิ ‘‘ราชาว มํ ปสฺสตุ, มา อฺเ’’ติ เอวํ อธิฏฺหิ. อถ เตสุ มนุสฺเสสุ ‘‘กหํ, เทว, กหํ เทวา’’ติ วทนฺเตสุ เอว ราชา สห หตฺถินา วจฺโฉ วิย เธนุยา ยานสฺส เหฏฺา ปาวิสิ. สกฺโก ตกฺกจาฏึ ภินฺทิ.
ราชา สีสโต ปฏฺาย ตกฺเกน กิลินฺนสรีโร อโหสิ. โส สรีรํ อุพฺพฏฺฏาเปตฺวา อุยฺยานโปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา อลงฺกตสรีโร นครํ ปวิสนฺโต ปุน ตํ อทฺทส. ทิสฺวา ‘‘อยํ โส อมฺเหหิ ทิฏฺมหลฺลโก ปุน ทิสฺสติ. วาเรถ วาเรถ น’’นฺติ อาห. มนุสฺสา ‘‘กหํ, เทว, กหํ, เทวา’’ติ อิโต จิโต จ วิธาวึสุ. โส ปมวิปฺปการเมว ปุน ปาปุณิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก โคเณ จ ยานฺจ อนฺตรธาเปตฺวา อากาเส ¶ ตฺวา อาห, ‘‘อนฺธพาล, ตฺวํ มยิ ตกฺกวาณิชโก เอโส’’ติ สฺํ กโรสิ, สกฺโกหํ เทวราชา, ‘‘ตเวตํ ปาปกิริยํ นิวาเรสฺสามี’’ติ อาคโต, ‘‘มา ปุน เอวรูปํ อกาสี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา อคมาสิ. อิมินา กมฺเมน โส ทุพฺพณฺโณ อโหสิ.
วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ¶ ปเนส จิตฺตปตฺตโกกิโล นาม หุตฺวา เขเม มิคทาเย วสนฺโต เอกทิวสํ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑน คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวารํ สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อฺเสุ ทิวเสสุ ริตฺตโก ตถาคตํ ปสฺสามิ. อชฺช ปน เม อิมํ อมฺพปกฺกํ อตฺถิ, ทสพลสฺส ตํ ทสฺสามี’’ติ โอตริตฺวา อากาเส จรติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา อุปฏฺากํ ¶ โอโลเกสิ. โส ปตฺตํ นีหริตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา ตํ ปริภฺุชิ. โกกิโล ปสนฺนจิตฺโต ปุนปฺปุนํ ทสพลสฺส คุเณ อาวชฺเชตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน กุลาวกํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ ปีติสุเขเนว วีตินาเมสิ. อิมินา กมฺเมน สโร มธุโร อโหสิ.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารทฺเธ ‘‘กึปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํ. อติมหนฺตํ เอตํ, ฉโยชนปฺปมาณํ กโรม. อิทมฺปิ อติมหนฺตํ, ปฺจโยชนํ กโรม, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชน’’นฺติ. อยํ ตทา เชฏฺกวฑฺฒกี หุตฺวา, ‘‘เอวํ, โภ, อนาคเต สุขปฏิชคฺคิตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รชฺชุํ อาทาย ปริกฺขิปนฺโต คาวุตมตฺตเก ตฺวา, ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ โยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. เจติยํ สตฺตทิวสสตฺตมาสาธิเกหิ สตฺตหิ สํวจฺฉเรหิ นิฏฺิตํ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติ. เตน กมฺเมน โอโกฏิมโก ชาโต.
หตฺถโย ปสทา มิคาติ หตฺถิโน จ ปสทมิคา จ. นตฺถิ กายสฺมึ ตุลฺยตาติ กายสฺมึ ปมาณํ นาม นตฺถิ, อการณํ กายปมาณนฺติ อตฺโถ. ฉฏฺํ.
๗. วิสาขสุตฺตวณฺณนา
๒๔๑. สตฺตเม ¶ โปริยา วาจายาติ ปุรวาสีนํ นครมนุสฺสานํ วาจาสทิสาย อปริหีนกฺขรปทาย มธุรวาจาย. วิสฺสฏฺายาติ อสนฺทิทฺธาย อปลิพุทฺธาย, ปิตฺตเสมฺเหหิ ¶ อนุปหตายาติ อตฺโถ. อเนลคลายาติ ยถา ทนฺธมนุสฺสา มุเขน เขฬํ คฬนฺเตน วาจํ ภาสนฺติ, น เอวรูปาย, อถ โข นิทฺโทสาย วิสทวาจาย. ปริยาปนฺนายาติ จตุสจฺจปริยาปนฺนาย ¶ จตฺตาริ สจฺจานิ อมฺุจิตฺวา ปวตฺตาย. อนิสฺสิตายาติ วฏฺฏนิสฺสิตํ กตฺวา อกถิตาย. ธมฺโม หิ อิสินํ ธโชติ นววิธโลกุตฺตรธมฺโม อิสีนํ ธโช นามาติ. สตฺตมํ.
๘. นนฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๔๒. อฏฺเม อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตานีติ เอกสฺมึ ปสฺเส ปาณินา วา มุคฺคเรน วา อาโกฏเนน อาโกฏิตานิ, ปริวตฺเตตฺวา อาโกฏเนน ปจฺจาโกฏิตานิ. อฺเชตฺวาติ อฺชเนน ปูเรตฺวา. อจฺฉํ ปตฺตนฺติ วิปฺปสนฺนวณฺณํ มตฺติกาปตฺตํ. กสฺมา ปน เถโร เอวมกาสีติ? สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถํ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สเจ สตฺถา ‘โสภติ วต เม อยํ กนิฏฺภาติโก’ติ วกฺขติ, ยาวชีวํ อิมินา วากาเรน จริสฺสามิ. สเจ เอตฺถ โทสํ ทสฺสติ, อิมํ อาการํ ปหาย สงฺการโจฬํ คเหตฺวา จีวรํ กตฺวา ธาเรนฺโต ปริยนฺตเสนาสเน วสนฺโต จริสฺสามี’’ติ. อสฺสสีติ ภวิสฺสสิ.
อฺาตฺุเฉนาติ อภิลกฺขิเตสุ อิสฺสรชนเคเหสุ กฏุกภณฺฑสมฺภารํ สุคนฺธํ โภชนํ ปริเยสนฺตสฺส อฺุโฉ าตฺุโฉ นาม. ฆรปฏิปาฏิยา ปน ทฺวาเร ิเตน ลทฺธํ มิสฺสกโภชนํ อฺาตฺุโฉ นาม. อยมิธ อธิปฺเปโต. กาเมสุ อนเปกฺขินนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ นิรเปกฺขํ. อารฺิโก จาติอาทิ สพฺพํ สมาทานวเสเนว วุตฺตํ. กาเมสุ จ อนเปกฺโขติ อิทํ สุตฺตํ เทวโลเก อจฺฉราโย ทสฺเสตฺวา อาคเตน อปรภาเค กถิตํ. อิมสฺส กถิตทิวสโต ปฏฺาย เถโร ฆเฏนฺโต วายมนฺโต กติปาเหเนว อรหตฺเต ปติฏฺาย สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย ชาโต. อฏฺมํ.
๙. ติสฺสสุตฺตวณฺณนา
๒๔๓. นวเม ¶ ¶ ทุมฺมโนติ อุปฺปนฺนโทมนสฺโส. กสฺมา ปนายํ เอวํ ทุกฺขี ทุมฺมโน ชาโตติ? ขตฺติยปพฺพชิโต เหส, เตน นํ ปพฺพาเชตฺวา ทุปฏฺฏสาฏกํ นิวาสาเปตฺวา วรจีวรํ ปารุเปตฺวา อกฺขีนิ อฺเชตฺวา มโนสิลาเตเลน สีสํ มกฺเขสุํ. โส ภิกฺขูสุ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานํ คเตสุ ‘‘ภิกฺขุนา นาม วิวิตฺโตกาเส นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อชานนฺโต โภชนสาลํ คนฺตฺวา มหาปีํ อารุหิตฺวา นิสีทิ. ทิสาวจรา อาคนฺตุกา ปํสุกูลิกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา, ‘‘อิมินาว ¶ นีหาเรน รโชกิณฺเณหิ คตฺเตหิ น สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ. ภณฺฑกํ ตาว เปสฺสามา’’ติ โภชนสาลํ อคมํสุ. โส เตสุ มหาเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุ นิจฺจโล นิสีทิเยว. อฺเ ภิกฺขู ‘‘ปาทวตฺตํ กโรม, ตาลวณฺเฏน พีชามา’’ติ อาปุจฺฉนฺติ. อยํ ปน นิสินฺนโกว ‘‘กติวสฺสตฺถา’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘มยํ อวสฺสิกา. ตุมฺเห ปน กติวสฺสตฺถา’’ติ? วุตฺเต, ‘‘มยํ อชฺช ปพฺพชิตา’’ติ อาห. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, อธุนา ฉินฺนจูโฬสิ, อชฺชาปิ เต สีสมูเล อูกาคนฺโธ วายติเยว, ตฺวํ นาม เอตฺตเกสุ วุฑฺฒตเรสุ วตฺตํ อาปุจฺฉนฺเตสุ นิสฺสทฺโท นิจฺจโล นิสินฺโน, อปจิติมตฺตมฺปิ เต นตฺถิ, กสฺส สาสเน ปพฺพชิโตสี’’ติ? ปริวาเรตฺวา ตํ วาจาสตฺตีหิ ปหรนฺตา ‘‘กึ ตฺวํ อิณฏฺโฏ วา ภยฏฺโฏ วา ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต ปพฺพชิโต’’ติ? อาหํสุ. โส เอกมฺปิ เถรํ โอโลเกสิ, เตน ‘‘กึ มํ โอโลเกสิ มหลฺลกา’’ติ? วุตฺเต อฺํ โอโลเกสิ, เตนปิ ตเถว วุตฺเต อถสฺส ‘‘อิเม มํ ปริวาเรตฺวา วาจาสตฺตีหิ วิชฺฌนฺตี’’ติ ขตฺติยมาโน อุปฺปชฺชิ. อกฺขีสุ มณิวณฺณานิ อสฺสูนิ สฺจรึสุ. ตโต เน อาห – ‘‘กสฺส สนฺติกํ อาคตตฺถา’’ติ. เต ‘‘กึ ปน ตฺวํ ‘มยฺหํ สนฺติกํ อาคตา’ติ? อมฺเห มฺสิ คิหิพฺยฺชนภฏฺกา’’ติ วตฺวา, ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สตฺถุ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘มยฺหํ ภาตุ สนฺติเก อาคตา ตุมฺเห, ยทิ เอวํ อิทานิ โว อาคตมคฺเคเนว คมนํ ¶ กริสฺสามี’’ติ กุชฺฌิตฺวา นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค จินฺเตสิ – ‘‘มยิ อิมินาว นีหาเรน คเต สตฺถา เอเต น นีหราเปสฺสตี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสูนิ ปวตฺตยมาโน อคมาสิ. อิมินา การเณน เอส เอวํ ชาโตติ.
วาจาสนฺนิโตทเกนาติ ¶ วจนปโตเทน. สฺชมฺภริมกํสูติ สฺชมฺภริตํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อกํสุ, อุปริ วิชฺฌึสูติ วุตฺตํ โหติ. วตฺตาติ ปเร ยทิจฺฉกํ วทติเยว. โน จ วจนกฺขโมติ ปเรสํ วจนํ ขมิตุํ น สกฺโกติ. อิทานิ ตาว ตฺวํ อิมินา โกเปน อิมินา วุตฺตวาจาสนฺนิโตทเกน วิทฺโธ. อตีเต ปน รฏฺโต จ ปพฺพาชิโตติ. เอวํ วุตฺเต, ‘‘กตรสฺมึ กาเล ภควา’’ติ? ภิกฺขู ภควนฺตํ ยาจึสุ.
สตฺถา อาห – อตีเต พาราณสิยํ พาราณสิราชา รชฺชํ กาเรสิ. อเถโก ชาติมา, เอโก มาตงฺโคติ ทฺเว อิสโย พาราณสึ อคมํสุ. เตสุ ชาติมา ปุเรตรํ คนฺตฺวา กุมฺภการสาลายํ นิสีทิ. มาตงฺโค ตาปโส ปจฺฉา คนฺตฺวา ตตฺถ โอกาสํ ยาจิ กุมฺภกาโร ‘‘อตฺเถตฺถ ปมตรํ ¶ ปวิฏฺโ ปพฺพชิโต, ตํ ปุจฺฉา’’ติ อาห. โส อตฺตโน ปริกฺขารํ คเหตฺวา สาลาย ทฺวารมูเล ตฺวา, ‘‘อมฺหากมฺปิ อาจริย เอกรตฺติวาสาย โอกาสํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘ปวิส, โภ’’ติ. ปวิสิตฺวา นิสินฺนํ, ‘‘โภ, กึ โคตฺโตสี’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘จณฺฑาลโคตฺโตมฺหี’’ติ. ‘‘น สกฺกา ตยา สทฺธึ เอกฏฺาเน นิสีทิตุํ, เอกมนฺตํ คจฺฉา’’ติ. โส จ ตตฺเถว ติณสนฺถารกํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิ, ชาติมา ทฺวารํ นิสฺสาย นิปชฺชิ. อิตโร ปสฺสาวตฺถาย นิกฺขมนฺโต ตํ อุรสฺมึ อกฺกมิ. ‘‘โก เอโส’’ติ จ วุตฺเต? ‘‘อหํ อาจริยา’’ติ อาห. ‘‘เร จณฺฑาล, กึ อฺโต มคฺคํ น ปสฺสสิ? อถ เม อาคนฺตฺวา อกฺกมสี’’ติ. ‘‘อาจริย, อทิสฺวา เม อกฺกนฺโตสิ, ขม มยฺห’’นฺติ. โส มหาปุริเส พหิ นิกฺขนฺเต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปจฺจาคจฺฉนฺโตปิ อิโตว อาคมิสฺสตี’’ติ ปริวตฺเตตฺวา นิปชฺชิ. มหาปุริโสปิ ‘‘อาจริโย อิโต สีสํ กตฺวา นิปนฺโน, ปาทสมีเปน คมิสฺสามี’’ติ ปวิสนฺโต ปุน อุรสฺมึเยว อกฺกมิ. ‘‘โก ¶ เอโส’’ติ จ วุตฺเต? ‘‘อหํ อาจริยา’’ติ อาห. ‘‘ปมํ ตาว เต อชานนฺเตน กตํ, อิทานิ มํ ฆเฏนฺโตว อกาสิ, สูริเย เต อุคฺคจฺฉนฺเต สตฺตธา มุทฺธา ผลตู’’ติ สปิ. มหาปุริโส กิฺจิ อวตฺวา ปุเรอรุเณเยว สูริยํ คณฺหิ, นาสฺส อุคฺคนฺตุํ อทาสิ. มนุสฺสา จ หตฺถิอสฺสาทโย จ ปพุชฺฌึสุ.
มนุสฺสา ¶ ราชกุลํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, สกลนคเร อปฺปพุทฺโธ นาม นตฺถิ, น จ อรุณุคฺคํ ปฺายติ, กินฺนุ โข เอต’’นฺติ? เตน หิ นครํ ปริวีมํสถาติ. เต ปริวีมํสนฺตา กุมฺภการสาลายํ ทฺเว ตาปเส ทิสฺวา, ‘‘อิเมสํ เอตํ กมฺมํ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. รฺา จ ‘‘ปุจฺฉถ เน’’ติ วุตฺตา อาคนฺตฺวา ชาติมนฺตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตุมฺเหหิ อนฺธการํ กต’’นฺติ. ‘‘น มยา กตํ, เอส ปน กูฏชฏิโล ฉโว อนนฺตมาโย, ตํ ปุจฺฉถา’’ติ. เต อาคนฺตฺวา มหาปุริสํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตุมฺเหหิ, ภนฺเต, อนฺธการํ กต’’นฺติ. ‘‘อาม อยํ อาจริโย มํ อภิสปิ, ตสฺมา มยา กต’’นฺติ. เต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชาปิ อาคนฺตฺวา มหาปุริสํ ‘‘ตุมฺเหหิ กตํ, ภนฺเต’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺมา ภนฺเต’’ติ? ‘‘อิมินา อภิสปิโตมฺหิ, สเจ มํ เอโส ขมาเปสฺสติ, สูริยํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ. ราชา ‘‘ขมาเปถ, ภนฺเต, เอต’’นฺติ อาห. อิตโร ‘‘มาทิโส ชาติมา กึ เอวรูปํ จณฺฑาลํ ขมาเปสฺสติ? น ขมาเปมี’’ติ.
อถ นํ มนุสฺสา ‘‘น กึ ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ขมาเปสฺสสี’’ติ? วตฺวา หตฺเถสุ จ ปาเทสุ ¶ จ คเหตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ขมาเปหี’’ติ อาหํสุ. โส นิสฺสทฺโท นิปชฺชิ. ปุนปิ นํ ‘‘ขมาเปหี’’ติ อาหํสุ. ตโต ‘‘ขม มยฺหํ, อาจริยา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘อหํ ตาว ตุยฺหํ ขมิตฺวา สูริยํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, สูริเย ปน อุคฺคเต ตว สีสํ สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ วตฺวา, ‘‘อิมสฺส สีสปฺปมาณํ มตฺติกาปิณฺฑํ มตฺถเก เปตฺวา เอตํ นทิยา คลปฺปมาเณ อุทเก เปถา’’ติ อาห. มนุสฺสา ตถา อกํสุ. เอตฺตาวตา สรฏฺกํ ราชพลํ สนฺนิปติ. มหาปุริโส สูริยํ มฺุจิ. สูริยรสฺมิ อาคนฺตฺวา มตฺติกาปิณฺฑํ ปหริ. โส สตฺตธา ภิชฺชิ. ตาวเทว โส นิมุชฺชิตฺวา เอเกน ติตฺเถน อุตฺตริตฺวา ปลายิ. สตฺถา ¶ อิมํ วตฺถุํ อาหริตฺวา, ‘‘อิทานิ ตาว ตฺวํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปริภาสํ ลภสิ, ปุพฺเพปิ อิมํ โกธํ นิสฺสาย รฏฺโต ปพฺพาชิโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อถ นํ โอวทนฺโต น โข เต ตํ ติสฺส ปติรูปนฺติอาทิมาห. นวมํ.
๑๐. เถรนามกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๔. ทสเม วณฺณวาทีติ อานิสํสวาที. ยํ อตีตํ ตํ ปหีนนฺติ อตีเต ขนฺธปฺจเก ฉนฺทราคปฺปหาเนน ตํ ปหีนํ นาม โหติ. อนาคตนฺติ อนาคตมฺปิ ขนฺธปฺจกํ ตตฺถ ฉนฺทราคปฏินิสฺสคฺเคน ปฏินิสฺสฏฺํ นาม โหติ ¶ . สพฺพาภิภุนฺติ สพฺพา ขนฺธายตนธาตุโย จ ตโย ภเว จ อภิภวิตฺวา ิตํ. สพฺพวิทุนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการํ สพฺพํ วิทิตํ ปากฏํ กตฺวา ิตํ. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ เตสฺเวว ธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺิเลเปหิ อนุปลิตฺตํ. สพฺพฺชหนฺติ ตเทว สพฺพํ ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ชหิตฺวา ิตํ. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺตนฺติ ตณฺหกฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย วิมุตฺติยา วิมุตฺตํ. ทสมํ.
๑๑. มหากปฺปินสุตฺตวณฺณนา
๒๔๕. เอกาทสเม มหากปฺปิโนติ เอวํนามโก อภิฺาพลปฺปตฺโต อสีติมหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร มหาเถโร. โส กิร คิหิกาเล กุกฺกุฏวตีนคเร ติโยชนสติกํ รชฺชํ อกาสิ. ปจฺฉิมภวิกตฺตา ปน ตถารูปํ สาสนํ โสตุํ โอหิตโสโต วิจรติ. อเถกทิวสํ อมจฺจสหสฺสปริวุโต อุยฺยานกีฬิกํ อคมาสิ. ตทา จ มชฺฌิมเทสโต ชงฺฆวาณิชา ตํ นครํ คนฺตฺวา, ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา, ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการหตฺถา ราชกุลทฺวารํ คนฺตฺวา, ‘‘ราชา ¶ อุยฺยานํ คโต’’ติ สุตฺวา, อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ทฺวาเร ิตา, ปฏิหารสฺส อาโรจยึสุ. อถ รฺโ นิเวทิเต ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา นิยฺยาติตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ิเต, ‘‘ตาตา, กุโต ¶ อาคตตฺถา’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิโต เทวา’’ติ. ‘‘กจฺจิ โว รฏฺํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน ตุมฺหากํ เทเส กิฺจิ สาสน’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, เทว, น ปน สกฺกา อุจฺฉิฏฺมุเขหิ กเถตุ’’นฺติ. ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อฺชลึ ปคฺคณฺหิตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. รฺโ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจเน สุตมตฺเต สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชิ. ตโต ‘‘พุทฺโธติ, ตาตา, วทถา’’ติ? อาห. ‘‘พุทฺโธติ เทว วทามา’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา, ‘‘พุทฺโธติ ปทํ อปริมาณํ, นาสฺส สกฺกา ปริมาณํ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึเยว ปสนฺโน สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อฺํ กึ สาสน’’นฺติ? ปุจฺฉิ. ‘‘เทว ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อฺํ กึ สาสน’’นฺติ? ปุจฺฉิ. ‘‘สงฺฆรตนํ เทว อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ¶ ทตฺวา ทินฺนภาวํ ปณฺเณ ลิขิตฺวา, ‘‘ตาตา, เทวิยา สนฺติกํ คจฺฉถา’’ติ เปเสสิ. เตสุ คเตสุ อมจฺเจ ปุจฺฉิ, ‘‘ตาตา, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘เทว ตุมฺเห กึ กตฺตุกามา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพปิ ฆรํ วา กุฏุมฺพํ วา อนปโลเกตฺวา เย อสฺเส อารุยฺห คตา, เตเหว นิกฺขมึสุ.
วาณิชา อโนชาเทวิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปณฺณํ ทสฺเสสุํ. สา วาเจตฺวา ‘‘รฺา ตุมฺหากํ พหู กหาปณา ทินฺนา, กึ ตุมฺเหหิ กตํ, ตาตา’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘ปิยสาสนํ เทวิ อานีต’’นฺติ. ‘‘อมฺเหปิ สกฺกา, ตาตา, สุณาเปตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺกา เทวิ, อุจฺฉิฏฺมุเขหิ ปน วตฺตุํ น สกฺกา’’ติ. สา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา รฺโ อาโรจิตนเยเนว อาโรเจสุํ. สาปิ สุตฺวา อุปฺปนฺนปาโมชฺชา เตเนว นเยน เอเกกสฺมึ ปเท ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปฏิฺาคณนาย ตีณิ ตีณิ กตฺวา นวสตสหสฺสานิ อทาสิ. วาณิชา สพฺพานิปิ ทฺวาทสสตสหสฺสานิ ลภึสุ. อถ เน ‘‘ราชา กหํ, ตาตา’’ติ, ปุจฺฉิ. ‘‘ปพฺพชิสฺสามีติ ¶ นิกฺขนฺโต เทวี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, ตุมฺเห คจฺฉถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา รฺา สทฺธึ คตานํ อมจฺจานํ มาตุคาเม ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน สามิกานํ คตฏฺานํ ชานาถ อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชานาม อยฺเย, รฺา สทฺธึ อุยฺยานกีฬิกํ ¶ คตา’’ติ. อาม คตา, ตตฺถ ปน คนฺตฺวา, ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา, ‘‘ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ คตา. ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห ปน อยฺเย กึ กตฺตุกามา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, น เตหิ วนฺตวมนํ ชิวฺหคฺเค เปยฺย’’นฺติ. ‘‘ยทิ เอวํ, มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ สพฺพา รเถ โยชาเปตฺวา นิกฺขมึสุ.
ราชาปิ อมจฺจสหสฺเสน สทฺธึ คงฺคาย ตีรํ ปาปุณิ. ตสฺมิฺจ สมเย คงฺคา ปูรา โหติ. อถ นํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ คงฺคา ปูรา จณฺฑมจฺฉากิณฺณา, อมฺเหหิ สทฺธึ อาคตา ทาสา วา มนุสฺสา วา นตฺถิ, เย โน นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา กตฺวา ทเทยฺยุํ, เอตสฺส ปน สตฺถุ คุณา นาม เหฏฺา อวีจิโต อุปริ ยาว ภวคฺคา ปตฺถฏา, สเจ เอส สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรปิฏฺานิ มา เตเมนฺตู’’ติ อุทกปิฏฺเน อสฺเส ปกฺขนฺทาเปสุํ ¶ . เอกอสฺสสฺสาปิ ขุรปิฏฺมตฺตํ น เตมิ, ราชมคฺเคน คจฺฉนฺตา วิย ปรตีรํ ปตฺวา ปุรโต อฺํ มหานทึ ปาปุณึสุ. ตตฺถ อฺา สจฺจกิริยา นตฺถิ, ตาย เอว สจฺจกิริยาย ตมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทึ อติกฺกมึสุ. อถ ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทึ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมึสุ.
สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โอโลเกนฺโต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคจฺฉตี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา, ปจฺฉาภตฺตํ ¶ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สยเมว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา, อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถสฺส อภิมุเข าเน มหานิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ. เต เตน ติตฺเถน อุตฺตรนฺตา จ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติโย โอโลเกนฺตา ทสพลสฺส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา, ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ ปพฺพชิตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฏฺํ คนฺตฺวา ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนตา วนฺทมานา อาคมฺม สตฺถารํ วนฺทึสุ. ราชา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพ อรหตฺเต ปติฏฺาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพ อิเม จีวรทานสฺส ¶ ทินฺนตฺตา อตฺตโน จีวรานิ คเหตฺวาว อาคตา’’ติ สุวณฺณวณฺณํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา, ‘‘เอถ ภิกฺขโว สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ อโหสิ, วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยึสุ.
อโนชาปิ เทวี รถสหสฺสปริวารา คงฺคาตีรํ ปตฺวา รฺโ อตฺถาย อาภตํ นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา อทิสฺวา อตฺตโน พฺยตฺตตาย จินฺเตสิ – ‘‘ราชา สจฺจกิริยํ กตฺวา คโต ภวิสฺสติ, โส ปน สตฺถา น เกวลํ เตสํเยว ¶ อตฺถาย นิพฺพตฺโต, สเจ โส สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อมฺหากํ รถา มา อุทเก นิมุชฺชึสู’’ติ อุทกปิฏฺเ รเถ ปกฺขนฺทาเปสิ. รถานํ เนมิวฏฺฏิมตฺตมฺปิ น เตมิ. ทุติยตติยนทีปิ เตเนว สจฺจกาเรน อุตฺตรมานาเยว นิคฺโรธรุกฺขมูเล สตฺถารํ อทฺทส. สตฺถา ‘‘อิมาสํ อตฺตโน สามิเก ปสฺสนฺตีนํ ฉนฺทราโค อุปฺปชฺชิตฺวา มคฺคผลานํ อนฺตรายํ กเรยฺย, โส เอวํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ยถา อฺมฺเ น ปสฺสนฺติ, ตถา อกาสิ. ตา สพฺพาปิ ติตฺถโต อุตฺตริตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ตาสํ ธมฺมํ กเถสิ, เทสนาปริโยสาเน ¶ สพฺพาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อฺมฺเ ปสฺสึสุ. สตฺถา ‘‘อุปฺปลวณฺณา อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. เถรี อาคนฺตฺวา สพฺพา ปพฺพาเชตฺวา อาทาย ภิกฺขุนีนํ อุปสฺสยํ คตา. สตฺถา ภิกฺขุสหสฺสํ คเหตฺวา อากาเสน เชตวนํ อคมาสิ. อิมํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘มหากปฺปิโนติ เอวํ นามโก อภิฺาพลปฺปตฺโต อสีติมหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร มหาเถโร’’ติ.
ชเนตสฺมินฺติ ชนิเต ปชายาติ อตฺโถ. เย โคตฺตปฏิสาริโนติ เย ‘‘มยํ วาเสฏฺา โคตมา’’ติ โคตฺตํ ปฏิสรนฺติ ปฏิชานนฺติ, เตสํ ขตฺติโย เสฏฺโติ อตฺโถ. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ อฏฺหิ วิชฺชาหิ เจว ปนฺนรสธมฺมเภเทน จรเณน จ สมนฺนาคโต. ตปตีติ วิโรจติ. ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณติ ขีณาสวพฺราหฺมโณ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายมาโน ตปติ วิโรจติ. ตสฺมึ ปน ขเณ กาลุทายิตฺเถโร ทุวิเธน ฌาเนน ฌายมาโน อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. พุทฺโธ ตปตีติ สพฺพฺุพุทฺโธ วิโรจติ. สพฺพมงฺคลคาถา กิเรสา. ภาติกราชา กิร เอกํ ปูชํ กาเรตฺวา อาจริยกํ อาห – ‘‘ตีหิ รตเนหิ อมุตฺตํ เอกํ ชยมงฺคลํ วทถา’’ติ. โส เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา อิมํ คาถํ วทนฺโต ‘‘ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ’’ติ วตฺวา อตฺถงฺคเมนฺตสฺส สูริยสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ‘‘รตฺติมาภาติ จนฺทิมา’’ติ, อุฏฺหนฺตสฺส จนฺทสฺส อฺชลึ ¶ ปคฺคณฺหิ. ‘‘สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปตี’’ติ รฺโ อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ‘‘ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ‘‘พุทฺโธ ตปติ เตชสา’’ติ วตฺวา ปน มหาเจติยสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. อถ นํ ราชา ‘‘มา หตฺถํ โอตาเรหี’’ติ อุกฺขิตฺตสฺมึเยว หตฺเถ สหสฺสํ เปสิ. เอกาทสมํ.
๑๒. สหายกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. ทฺวาทสเม ¶ จิรรตฺตํสเมติกาติ ทีฆรตฺตํ สํสนฺทิตฺวา สเมตฺวา ิตลทฺธิโน. เต กิร ปฺจชาติสตานิ เอกโตว วิจรึสุ. สเมติ เนสํ สทฺธมฺโมติ อิทานิ อิเมสํ อยํ สาสนธมฺโม ¶ สํสนฺทติ สเมติ. ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเตติ พุทฺเธน ปเวทิเต ธมฺเม เอเตสํ สาสนธมฺโม โสภตีติ อตฺโถ. สุวินีตา กปฺปิเนนาติ อตฺตโน อุปชฺฌาเยน อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สุฏฺุ วินีตา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ทฺวาทสมํ.
ภิกฺขุสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
นิทานวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.