📜
๙. โอปมฺมสํยุตฺตํ
๑. กูฏสุตฺตํ
๒๒๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร ¶ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กูฏาคารสฺส ยา กาจิ โคปานสิโย สพฺพา ตา กูฏงฺคมา กูฏสโมสรณา กูฏสมุคฺฆาตา สพฺพา ตา สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา สพฺเพ เต อวิชฺชามูลกา อวิชฺชาสโมสรณา อวิชฺชาสมุคฺฆาตา, สพฺเพ เต สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อปฺปมตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.
๒. นขสิขสุตฺตํ
๒๒๔. สาวตฺถิยํ วิหรติ. อถ โข ภควา ปริตฺตํ นขสิขายํ ปํสุํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตํ กึ มฺถ ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข พหุตรํ, โย วายํ [โย จายํ (พหูสุ)] มยา ปริตฺโต นขสิขายํ ปํสุ อาโรปิโต อยํ วา [ยา จายํ (สฺยา. ก.)] มหาปถวี’’ติ? ‘‘เอตเทว, ภนฺเต, พหุตรํ ยทิทํ มหาปถวี. อปฺปมตฺตโกยํ ภควตา ปริตฺโต นขสิขายํ ปํสุ อาโรปิโต. สงฺขมฺปิ น อุเปติ อุปนิธิมฺปิ น อุเปติ กลภาคมฺปิ น อุเปติ มหาปถวึ อุปนิธาย ภควตา ปริตฺโต นขสิขายํ ปํสุ อาโรปิโต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อปฺปกา เต สตฺตา เย มนุสฺเสสุ ปจฺจาชายนฺติ; อถ โข เอเตเยว พหุตรา สตฺตา เย อฺตฺร มนุสฺเสหิ ปจฺจาชายนฺติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘อปฺปมตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. กุลสุตฺตํ
๒๒๕. สาวตฺถิยํ ¶ วิหรติ…เป… ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ กุลานิ พหุตฺถิกานิ อปฺปปุริสานิ ตานิ สุปฺปธํสิยานิ โหนฺติ โจเรหิ กุมฺภตฺเถนเกหิ ¶ ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ อภาวิตา อพหุลีกตา โส สุปฺปธํสิโย โหติ อมนุสฺเสหิ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ กุลานิ อปฺปิตฺถิกานิ พหุปุริสานิ ตานิ ทุปฺปธํสิยานิ โหนฺติ โจเรหิ กุมฺภตฺเถนเกหิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา โส ทุปฺปธํสิโย โหติ อมนุสฺเสหิ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เมตฺตา โน เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา ภวิสฺสติ พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. โอกฺขาสุตฺตํ
๒๒๖. สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป… ‘‘โย, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ โอกฺขาสตํ ทานํ ทเทยฺย, โย มชฺฌนฺหิกสมยํ โอกฺขาสตํ ทานํ ทเทยฺย, โย สายนฺหสมยํ โอกฺขาสตํ ทานํ ทเทยฺย, โย วา ปุพฺพณฺหสมยํ อนฺตมโส คทฺทุหนมตฺตมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวยฺย, โย วา มชฺฌนฺหิกสมยํ อนฺตมโส คทฺทุหนมตฺตมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวยฺย, โย ¶ วา สายนฺหสมยํ อนฺตมโส คทฺทุหนมตฺตมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตรํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เมตฺตา โน เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา ภวิสฺสติ พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. สตฺติสุตฺตํ
๒๒๗. สาวตฺถิยํ ¶ วิหรติ…เป… ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สตฺติ ติณฺหผลา. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘อหํ อิมํ สตฺตึ ติณฺหผลํ ปาณินา วา มุฏฺินา วา ปฏิเลณิสฺสามิ ปฏิโกฏฺฏิสฺสามิ ปฏิวฏฺเฏสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ภพฺโพ นุ โข โส ปุริโส อมุํ สตฺตึ ติณฺหผลํ ปาณินา วา มุฏฺินา วา ปฏิเลเณตุํ ปฏิโกฏฺเฏตุํ ปฏิวฏฺเฏตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ ¶ , ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, ภนฺเต, สตฺติ ติณฺหผลา น สุกรา ปาณินา วา มุฏฺินา วา ปฏิเลเณตุํ ปฏิโกฏฺเฏตุํ ปฏิวฏฺเฏตุํ. ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ.
‘‘เอวเมว ¶ โข, ภิกฺขเว, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, ตสฺส เจ อมนุสฺโส จิตฺตํ ขิปิตพฺพํ มฺเยฺย; อถ โข สฺเวว อมนุสฺโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เมตฺตา โน เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา ภวิสฺสติ พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ¶ ปริจิตา สุสมารทฺธา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปฺจมํ.
๖. ธนุคฺคหสุตฺตํ
๒๒๘. สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป… ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหา ¶ สุสิกฺขิตา กตหตฺถา กตูปาสนา จตุทฺทิสา ิตา อสฺสุ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘อหํ อิเมสํ จตุนฺนํ ทฬฺหธมฺมานํ ธนุคฺคหานํ สุสิกฺขิตานํ กตหตฺถานํ กตูปาสนานํ จตุทฺทิสา กณฺเฑ ขิตฺเต อปฺปติฏฺิเต ปถวิยํ คเหตฺวา อาหริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ‘ชวโน ปุริโส ปรเมน ชเวน สมนฺนาคโต’ติ อลํ วจนายา’’ติ?
‘‘เอกสฺส เจปิ, ภนฺเต, ทฬฺหธมฺมสฺส ธนุคฺคหสฺส สุสิกฺขิตสฺส กตหตฺถสฺส กตูปาสนสฺส กณฺฑํ ขิตฺตํ อปฺปติฏฺิตํ ปถวิยํ คเหตฺวา อาหเรยฺย – ‘ชวโน ปุริโส ปรเมน ชเวน สมนฺนาคโต’ติ อลํ วจนาย, โก ปน วาโท จตุนฺนํ ทฬฺหธมฺมานํ ธนุคฺคหานํ สุสิกฺขิตานํ กตหตฺถานํ กตูปาสนาน’’นฺติ?
‘‘ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ตโต สีฆตโร. ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว ยถา จ ยา เทวตา จนฺทิมสูริยานํ ปุรโต ธาวนฺติ ตาสํ เทวตานํ ชโว, ( ) [(ตโต สีฆตโร. ยถา จ ภิกฺขเว ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสุริยานํ ชโว, ยถา จ ยา เทวตา จนฺทิมสุริยานํ ปุรโต ธาวนฺติ, ตาสํ เทวตานํ ชโว,) (สี. สฺยา. กํ.)] ตโต สีฆตรํ อายุสงฺขารา ¶ ขิยนฺติ. ตสฺมาติห ¶ , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อปฺปมตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ฉฏฺํ.
๗. อาณิสุตฺตํ
๒๒๙. สาวตฺถิยํ ¶ วิหรติ…เป… ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ทสารหานํ อานโก [อาณโก (สี.)] นาม มุทิงฺโค อโหสิ. ตสฺส ทสารหา อานเก ฆฏิเต อฺํ อาณึ โอทหึสุ. อหุ ¶ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ อานกสฺส มุทิงฺคสฺส โปราณํ โปกฺขรผลกํ อนฺตรธายิ. อาณิสงฺฆาโฏว อวสิสฺสิ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ, เย เต สุตฺตนฺตา ตถาคตภาสิตา คมฺภีรา คมฺภีรตฺถา โลกุตฺตรา สฺุตปฺปฏิสํยุตฺตา, เตสุ ภฺมาเนสุ น สุสฺสูสิสฺสนฺติ น โสตํ โอทหิสฺสนฺติ น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺาเปสฺสนฺติ น จ เต ธมฺเม อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ’’.
‘‘เย ปน เต สุตฺตนฺตา กวิกตา กาเวยฺยา จิตฺตกฺขรา จิตฺตพฺยฺชนา พาหิรกา สาวกภาสิตา, เตสุ ภฺมาเนสุ สุสฺสูสิสฺสนฺติ, โสตํ โอทหิสฺสนฺติ, อฺา จิตฺตํ อุปฏฺาเปสฺสนฺติ, เต จ ธมฺเม อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. เอวเมเตสํ, ภิกฺขเว, สุตฺตนฺตานํ ตถาคตภาสิตานํ คมฺภีรานํ คมฺภีรตฺถานํ โลกุตฺตรานํ สฺุตปฺปฏิสํยุตฺตานํ อนฺตรธานํ ภวิสฺสติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เย เต สุตฺตนฺตา ตถาคตภาสิตา คมฺภีรา คมฺภีรตฺถา โลกุตฺตรา สฺุตปฺปฏิสํยุตฺตา, เตสุ ภฺมาเนสุ สุสฺสูสิสฺสาม, โสตํ โอทหิสฺสาม ¶ , อฺา จิตฺตํ อุปฏฺาเปสฺสาม, เต จ ธมฺเม อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ มฺิสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. สตฺตมํ.
๘. กลิงฺครสุตฺตํ
๒๓๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘กลิงฺครูปธานา ¶ , ภิกฺขเว, เอตรหิ ลิจฺฉวี วิหรนฺติ ¶ อปฺปมตฺตา อาตาปิโน อุปาสนสฺมึ. เตสํ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต น ลภติ โอตารํ น ลภติ อารมฺมณํ. ภวิสฺสนฺติ, ภิกฺขเว ¶ , อนาคตมทฺธานํ ลิจฺฉวี สุขุมาลา [สุกุมาลา (สี.), สุขุมา (ก.)] มุทุตลุนหตฺถปาทา [มุทุตลาหตฺถปาทา (สฺยา. กํ.)] เต มุทุกาสุ เสยฺยาสุ ตูลพิมฺโพหนาสุ [ตูลพิมฺโพหนาสุ (สฺยา. กํ. ปี.), ตูลพิมฺโพหนาทีสุ (สี.), ตูลพิพฺโพหนาทีสุ (ก.)] ยาวสูริยุคฺคมนา เสยฺยํ กปฺปิสฺสนฺติ. เตสํ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ลจฺฉติ โอตารํ ลจฺฉติ อารมฺมณํ.
‘‘กลิงฺครูปธานา, ภิกฺขเว, เอตรหิ ภิกฺขู วิหรนฺติ อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปธานสฺมึ. เตสํ มาโร ปาปิมา น ลภติ โอตารํ น ลภติ อารมฺมณํ. ภวิสฺสนฺติ, ภิกฺขเว, อนาคตมทฺธานํ ภิกฺขู สุขุมา มุทุตลุนหตฺถปาทา. เต มุทุกาสุ เสยฺยาสุ ตูลพิมฺโพหนาสุ ยาวสูริยุคฺคมนา เสยฺยํ กปฺปิสฺสนฺติ. เตสํ มาโร ปาปิมา ลจฺฉติ โอตารํ ลจฺฉติ อารมฺมณํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ ¶ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กลิงฺครูปธานา วิหริสฺสาม อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปธานสฺมิ’นฺติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อฏฺมํ.
๙. นาคสุตฺตํ
๒๓๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร นโว ภิกฺขุ อติเวลํ กุลานิ อุปสงฺกมติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘มายสฺมา อติเวลํ กุลานิ อุปสงฺกมี’’ติ. โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน เอวมาห – ‘‘อิเม หิ นาม เถรา ภิกฺขู กุลานิ อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ [กิมงฺค (สี.)] ปนาห’’นฺติ?
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, อฺตโร นโว ภิกฺขุ อติเวลํ กุลานิ อุปสงฺกมติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘มายสฺมา อติเวลํ กุลานิ อุปสงฺกมี’ติ. โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน เอวมาห – ‘อิเม หิ นาม เถรา ภิกฺขู กุลานิ อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ ปนาห’’’นฺติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อรฺายตเน มหาสรสี. ตํ นาคา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. เต ตํ สรสึ โอคาเหตฺวา โสณฺฑาย ภิสมุฬาลํ อพฺพุเหตฺวา [อพฺภูเหตฺวา (ก.), อพฺพาหิตฺวา (มหาว. ๒๗๘)] สุวิกฺขาลิตํ วิกฺขาเลตฺวา อกทฺทมํ สงฺขาทิตฺวา [สงฺขริตฺวา (ปี. ก.)] อชฺโฌหรนฺติ. เตสํ ตํ วณฺณาย เจว โหติ พลาย จ, น จ ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. เตสํเยว ¶ โข ปน, ภิกฺขเว, มหานาคานํ อนุสิกฺขมานา ตรุณา ภิงฺกจฺฉาปา ตํ สรสึ โอคาเหตฺวา โสณฺฑาย ภิสมุฬาลํ อพฺพุเหตฺวา น สุวิกฺขาลิตํ วิกฺขาเลตฺวา สกทฺทมํ อสงฺขาทิตฺวา อชฺโฌหรนฺติ. เตสํ ตํ เนว วณฺณาย โหติ น พลาย. ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ.
‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิธ เถรา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสนฺติ. เต ตตฺถ ธมฺมํ ภาสนฺติ. เตสํ คิหี ปสนฺนาการํ กโรนฺติ. เต ตํ ลาภํ อคธิตา อมุจฺฉิตา อนชฺโฌปนฺนา [อนชฺฌาปนฺนา (สพฺพตฺถ) ม. นิ. ๑ ปาสราสิสุตฺตวณฺณนา โอโลเกตพฺพา] อาทีนวทสฺสาวิโน นิสฺสรณปฺา ปริภฺุชนฺติ. เตสํ ตํ วณฺณาย เจว โหติ พลาย จ, น จ ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. เตสํเยว โข ปน, ภิกฺขเว, เถรานํ ภิกฺขูนํ อนุสิกฺขมานา นวา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสนฺติ. เต ตตฺถ ธมฺมํ ภาสนฺติ. เตสํ คิหี ปสนฺนาการํ ¶ กโรนฺติ. เต ตํ ลาภํ คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปฺา ปริภฺุชนฺติ. เตสํ ตํ เนว วณฺณาย โหติ น พลาย, เต ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉนฺติ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อคธิตา อมุจฺฉิตา อนชฺโฌปนฺนา อาทีนวทสฺสาวิโน นิสฺสรณปฺา ตํ ลาภํ ปริภฺุชิสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ ¶ . นวมํ.
๑๐. พิฬารสุตฺตํ
๒๓๒. สาวตฺถิยํ วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ อติเวลํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘มายสฺมา อติเวลํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชี’’ติ. โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน น วิรมติ. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ อติเวลํ ¶ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘มายสฺมา อติเวลํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชี’ติ. โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน น วิรมตี’’ติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พิฬาโร สนฺธิสมลสงฺกฏีเร ิโต อโหสิ มุทุมูสึ มคฺคยมาโน – ‘ยทายํ มุทุมูสิ โคจราย ปกฺกมิสฺสติ, ตตฺเถว นํ คเหตฺวา ขาทิสฺสามี’ติ. อถ โข โส, ภิกฺขเว, มุทุมูสิ โคจราย ปกฺกามิ. ตเมนํ พิฬาโร คเหตฺวา สหสา สงฺขาทิตฺวา [สงฺขริตฺวา (ปี. ก.), มํสํ ขาทิตฺวา (สฺยา. กํ.), อสํขาทิตฺวา (กตฺถจิ)] อชฺโฌหริ. ตสฺส โส มุทุมูสิ อนฺตมฺปิ ขาทิ, อนฺตคุณมฺปิ ขาทิ. โส ตโตนิทานํ ¶ มรณมฺปิ นิคจฺฉิ มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ.
‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิตฺเตน, อนุปฏฺิตาย ¶ สติยา, อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ. โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา. ตสฺส มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส ราคานุทฺธํเสน จิตฺเตน มรณํ วา นิคจฺฉติ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. มรณฺเหตํ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. มรณมตฺตฺเหตํ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ยทิทํ อฺตรํ สํกิลิฏฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ. ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฏฺานํ ปฺายติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘รกฺขิเตเนว กาเยน รกฺขิตาย วาจาย รกฺขิเตน จิตฺเตน, อุปฏฺิตาย สติยา, สํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทสมํ.
๑๑. สิงฺคาลสุตฺตํ
๒๓๓. สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป… ‘‘อสฺสุตฺถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ชรสิงฺคาลสฺส วสฺสมานสฺสา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอโส โข, ภิกฺขเว, ชรสิงฺคาโล อุกฺกณฺฑเกน นาม โรคชาเตน ผุฏฺโ. โส เยน ¶ เยน อิจฺฉติ เตน เตน คจฺฉติ; ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ ตตฺถ ตตฺถ ติฏฺติ; ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ ตตฺถ ตตฺถ นิสีทติ; ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ ¶ ตตฺถ ตตฺถ นิปชฺชติ; สีตโกปิ นํ วาโต อุปวายติ. สาธุ ขฺวสฺส, ภิกฺขเว, ยํ อิเธกจฺโจ สกฺยปุตฺติยปฏิฺโ เอวรูปมฺปิ อตฺตภาวปฏิลาภํ ปฏิสํเวทิเยถ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว ¶ , เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘อปฺปมตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. เอกาทสมํ.
๑๒. ทุติยสิงฺคาลสุตฺตํ
๒๓๔. สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป… ‘‘อสฺสุตฺถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ชรสิงฺคาลสฺส วสฺสมานสฺสา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘สิยา โข, ภิกฺขเว, ตสฺมึ ชรสิงฺคาเล ยา กาจิ กตฺุตา กตเวทิตา, น ตฺเวว อิเธกจฺเจ สกฺยปุตฺติยปฏิฺเ สิยา ยา กาจิ กตฺุตา กตเวทิตา. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กตฺุโน ภวิสฺสาม กตเวทิโน; น จ โน [น จ โนติ อิทํ สี. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] อมฺเหสุ อปฺปกมฺปิ กตํ นสฺสิสฺสตี’ติ [มา นสฺสิสฺสตีติ (สี. ปี.), วินสฺสิสฺสตีติ (สฺยา. กํ.)]. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทฺวาทสมํ.
โอปมฺมสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
กูฏํ นขสิขํ กุลํ, โอกฺขา สตฺติ ธนุคฺคโห;
อาณิ กลิงฺคโร นาโค, พิฬาโร ทฺเว สิงฺคาลกาติ.