📜

๘. คามณิสํยุตฺตํ

๑. จณฺฑสุตฺตํ

๓๕๓. สาวตฺถินิทานํ . อถ โข จณฺโฑ คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข จณฺโฑ คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน มิเธกจฺโจ จณฺโฑ จณฺโฑตฺเวว [เยน มิเธกจฺโจ จณฺโฑเตว (สี. ปี.)] สงฺขํ คจฺฉติ. โก ปน, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน มิเธกจฺโจ โสรโต โสรโตตฺเวว [เยน มิเธกจฺโจ สุรโตเตว (สี. ปี.)] สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘อิธ, คามณิ, เอกจฺจสฺส ราโค อปฺปหีโน โหติ. ราคสฺส อปฺปหีนตฺตา ปเร โกเปนฺติ, ปเรหิ โกปิยมาโน โกปํ ปาตุกโรติ. โส จณฺโฑตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. โทโส อปฺปหีโน โหติ. โทสสฺส อปฺปหีนตฺตา ปเร โกเปนฺติ, ปเรหิ โกปิยมาโน โกปํ ปาตุกโรติ. โส จณฺโฑตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. โมโห อปฺปหีโน โหติ. โมหสฺส อปฺปหีนตฺตา ปเร โกเปนฺติ, ปเรหิ โกปิยมาโน โกปํ ปาตุกโรติ. โส จณฺโฑตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. อยํ โข, คามณิ, เหตุ, อยํ ปจฺจโย เยน มิเธกจฺโจ จณฺโฑ จณฺโฑตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ’’.

‘‘อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺจสฺส ราโค ปหีโน โหติ. ราคสฺส ปหีนตฺตา ปเร น โกเปนฺติ, ปเรหิ โกปิยมาโน โกปํ น ปาตุกโรติ. โส โสรโตตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. โทโส ปหีโน โหติ. โทสสฺส ปหีนตฺตา ปเร น โกเปนฺติ, ปเรหิ โกปิยมาโน โกปํ น ปาตุกโรติ. โส โสรโตตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. โมโห ปหีโน โหติ. โมหสฺส ปหีนตฺตา ปเร น โกเปนฺติ, ปเรหิ โกปิยมาโน โกปํ น ปาตุกโรติ. โส โสรโตตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. อยํ โข, คามณิ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน มิเธกจฺโจ โสรโต โสรโตตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, จณฺโฑ คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ปมํ.

๒. ตาลปุฏสุตฺตํ

๓๕๔. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข ตาลปุโฏ [ตาลปุตฺโต (สี. สฺยา. กํ.)] นฏคามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ตาลปุโฏ นฏคามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฏานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ. มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ตาลปุโฏ นฏคามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฏานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ. มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ตติยมฺปิ โข ตาลปุโฏ นฏคามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฏานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ?

‘‘อทฺธา โข ตฺยาหํ, คามณิ, น ลภามิ [นาลตฺถํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] – ‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ, มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’ติ. อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. ปุพฺเพ โข, คามณิ, สตฺตา อวีตราคา ราคพนฺธนพทฺธา. เตสํ นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ เย ธมฺมา รชนียา เต อุปสํหรติ ภิยฺโยโสมตฺตาย. ปุพฺเพ โข, คามณิ, สตฺตา อวีตโทสา โทสพนฺธนพทฺธา. เตสํ นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ เย ธมฺมา โทสนียา เต อุปสํหรติ ภิยฺโยโสมตฺตาย. ปุพฺเพ โข, คามณิ , สตฺตา อวีตโมหา โมหพนฺธนพทฺธา. เตสํ นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ เย ธมฺมา โมหนียา เต อุปสํหรติ ภิยฺโยโสมตฺตาย. โส อตฺตนา มตฺโต ปมตฺโต ปเร มเทตฺวา ปมาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาโส นาม นิรโย ตตฺถ อุปปชฺชติ. สเจ โข ปนสฺส เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘โย โส นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ, สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส โข ปนาหํ, คามณิ, ปุริสปุคฺคลสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ตาลปุโฏ นฏคามณิ, ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ. ‘‘เอตํ โข ตฺยาหํ, คามณิ, นาลตฺถํ – ‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห; อปิ จาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพเกหิ อาจริยปาจริเยหิ นเฏหิ ทีฆรตฺตํ นิกโต วฺจิโต ปลุทฺโธ – ‘โย โส นโฏ รงฺคมชฺเฌ สมชฺชมชฺเฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’’ติ. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ. อลตฺถ โข ตาลปุโฏ นฏคามณิ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน จ ปนายสฺมา ตาลปุโฏ…เป… อรหตํ อโหสีติ. ทุติยํ.

๓. โยธาชีวสุตฺตํ

๓๕๕. อถ โข โยธาชีโว คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา…เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โยธาชีโว คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ โยธาชีวานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส โยธาชีโว สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ , คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข โยธาชีโว คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ โยธาชีวานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส โยธาชีโว สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ?

‘‘อทฺธา โข ตฺยาหํ, คามณิ, น ลภามิ – ‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’ติ. อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. โย โส, คามณิ, โยธาชีโว สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ ปุพฺเพ คหิตํ [หีนํ (สี. ปี.)] ทุกฺกฏํ ทุปฺปณิหิตํ – ‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุํ อิติ วา’ติ. ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ; โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิโต นาม นิรโย ตตฺถ อุปปชฺชตีติ. สเจ โข ปนสฺส เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โย โส โยธาชีโว สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ, สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส โข ปนาหํ, คามณิ, ปุริสปุคฺคลสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, โยธาชีโว คามณิ ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ. ‘‘เอตํ โข ตฺยาหํ, คามณิ, นาลตฺถํ – ‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห ; อปิจาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพเกหิ อาจริยปาจริเยหิ โยธาชีเวหิ ทีฆรตฺตํ นิกโต วฺจิโต ปลุทฺโธ – ‘โย โส โยธาชีโว สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’’ติ. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ตติยํ.

๔. หตฺถาโรหสุตฺตํ

๓๕๖. อถ โข หตฺถาโรโห คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺติ. จตุตฺถํ.

๕. อสฺสาโรหสุตฺตํ

๓๕๗. อถ โข อสฺสาโรโห คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสฺสาโรโห คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ อสฺสาโรหานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข อสฺสาโรโห คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ อสฺสาโรหานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ. อิธ ภควา กิมาหา’’ติ?

‘‘อทฺธา โข ตฺยาหํ, คามณิ, น ลภามิ – ‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’ติ. อปิ จ โข ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. โย โส, คามณิ, อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ ตสฺส ตํ จิตฺตํ ปุพฺเพ คหิตํ ทุกฺกฏํ ทุปฺปณิหิตํ – ‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา อเหสุํ อิติ วา’ติ. ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิโต นาม นิรโย ตตฺถ อุปปชฺชติ. สเจ โข ปนสฺส เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ, สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส โข ปนาหํ คามณิ, ปุริสปุคฺคลสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อสฺสาโรโห คามณิ ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ. ‘‘เอตํ โข ตฺยาหํ, คามณิ, นาลตฺถํ – ‘อลํ, คามณิ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห. อปิจาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพเกหิ อาจริยปาจริเยหิ อสฺสาโรเหหิ ทีฆรตฺตํ นิกโต วฺจิโต ปลุทฺโธ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’’ติ. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ปฺจมํ.

๖. อสิพนฺธกปุตฺตสุตฺตํ

๓๕๘. เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน. อถ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, ภนฺเต, ปจฺฉา ภูมกา กามณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อุทโกโรหกา อคฺคิปริจารกา. เต มตํ กาลงฺกตํ อุยฺยาเปนฺติ นาม สฺาเปนฺติ นาม สคฺคํ นาม โอกฺกาเมนฺติ. ภควา ปน, ภนฺเต, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปโหติ ตถา กาตุํ ยถา สพฺโพ โลโก กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘เตน หิ, คามณิ, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อิธสฺส ปุริโส ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิโก. ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย – ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตู’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ , อปิ นุ โส ปุริโส มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปฺชลิกา อนุปริสกฺกนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, ปุริโส มหตึ ปุถุสิลํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิเปยฺย. ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย – ‘อุมฺมุชฺช, โภ ปุถุสิเล, อุปฺลว, โภ ปุถุสิเล , ถลมุปฺลว, โภ ปุถุสิเล’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ สา ปุถุสิลา มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปฺชลิกา อนุปริสกฺกนเหตุ วา อุมฺมุชฺเชยฺย วา อุปฺลเวยฺย วา ถลํ วา อุปฺลเวยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, คามณิ, โย โส ปุริโส ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิโก. กิฺจาปิ ตํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย – ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตู’’’ติ, อถ โข โส ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อิธสฺส [อิธ (ก.), อิธ จสฺส (?)] ปุริโส ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิโก. ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย – ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตู’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ โส ปุริโส มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปฺชลิกา อนุปริสกฺกนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, ปุริโส สปฺปิกุมฺภํ วา เตลกุมฺภํ วา คมฺภีเร อุทกรหเท โอคาเหตฺวา ภินฺเทยฺย. ตตฺร ยาสฺส สกฺขรา วา กลา วา สา อโธคามี [อโธคามินี (?)] อสฺส; ยฺจ ขฺวสฺส ตตฺร สปฺปิ วา เตลํ วา ตํ อุทฺธํ คามิ อสฺส. ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย – ‘โอสีท, โภ สปฺปิเตล, สํสีท , โภ สปฺปิเตล, อโธ คจฺฉ, โภ สปฺปิเตลา’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ ตํ สปฺปิเตลํ มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปฺชลิกา อนุปริสกฺกนเหตุ วา โอสีเทยฺย วา สํสีเทยฺย วา อโธ วา คจฺเฉยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, คามณิ, โย โส ปุริโส ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต , สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต, อนภิชฺฌาลุ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต, สมฺมาทิฏฺิโก, กิฺจาปิ ตํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย – ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตู’ติ, อถ โข โส ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ฉฏฺํ.

๗. เขตฺตูปมสุตฺตํ

๓๕๙. เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน. อถ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นนุ, ภนฺเต, ภควา สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรตี’’ติ? ‘‘เอวํ, คามณิ, ตถาคโต สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรตี’’ติ. ‘‘อถ กิฺจรหิ, ภนฺเต, ภควา เอกจฺจานํ สกฺกจฺจํ ธมฺมํ เทเสติ, เอกจฺจานํ โน ตถา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ? ‘‘เตน หิ, คามณิ, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อิธสฺสุ [อิธ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กสฺสกสฺส คหปติโน ตีณิ เขตฺตานิ – เอกํ เขตฺตํ อคฺคํ, เอกํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ, เอกํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมิ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อสุ กสฺสโก คหปติ พีชานิ ปติฏฺาเปตุกาโม กตฺถ ปมํ ปติฏฺาเปยฺย, ยํ วา อทุํ เขตฺตํ อคฺคํ , ยํ วา อทุํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ, ยํ วา อทุํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมี’’ติ? ‘‘อสุ, ภนฺเต, กสฺสโก คหปติ พีชานิ ปติฏฺาเปตุกาโม ยํ อทุํ เขตฺตํ อคฺคํ ตตฺถ ปติฏฺาเปยฺย . ตตฺถ ปติฏฺาเปตฺวา ยํ อทุํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ ตตฺถ ปติฏฺาเปยฺย. ตตฺถ ปติฏฺาเปตฺวา ยํ อทุํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมิ ตตฺถ ปติฏฺาเปยฺยปิ, โนปิ ปติฏฺาเปยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? อนฺตมโส โคภตฺตมฺปิ ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, ยํ อทุํ เขตฺตํ อคฺคํ; เอวเมว มยฺหํ ภิกฺขุภิกฺขุนิโย. เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติ. เสยฺยถาปิ, คามณิ, ยํ อทุํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ; เอวเมว มยฺหํ อุปาสกอุปาสิกาโย. เตสํ ปาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติ. เสยฺยถาปิ, คามณิ, ยํ อทุํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมิ; เอวเมว มยฺหํ อฺติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา . เตสํ ปาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นาม เอกํ ปทมฺปิ อาชาเนยฺยุํ ตํ เนสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, ปุริสสฺส ตโย อุทกมณิกา – เอโก อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท อหารี อปริหารี, เอโก อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท หารี ปริหารี, เอโก อุทกมณิโก ฉิทฺโท หารี ปริหารี. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อสุ ปุริโส อุทกํ นิกฺขิปิตุกาโม กตฺถ ปมํ นิกฺขิเปยฺย, โย วา โส อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท อหารี อปริหารี, โย วา โส อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท หารี ปริหารี, โย วา โส อุทกมณิโก ฉิทฺโท หารี ปริหารี’’ติ? ‘‘อสุ, ภนฺเต, ปุริโส อุทกํ นิกฺขิปิตุกาโม, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท อหารี อปริหารี ตตฺถ นิกฺขิเปยฺย, ตตฺถ นิกฺขิปิตฺวา, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท หารี ปริหารี ตตฺถ นิกฺขิเปยฺย, ตตฺถ นิกฺขิปิตฺวา, โย โส อุทกมณิโก ฉิทฺโท หารี ปริหารี ตตฺถ นิกฺขิเปยฺยปิ, โนปิ นิกฺขิเปยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? อนฺตมโส ภณฺฑโธวนมฺปิ ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท อหารี อปริหารี; เอวเมว มยฺหํ ภิกฺขุภิกฺขุนิโย. เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ , เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติ. เสยฺยถาปิ, คามณิ, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิทฺโท หารี ปริหารี; เอวเมว มยฺหํ อุปาสกอุปาสิกาโย. เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติ. เสยฺยถาปิ, คามณิ, โย โส อุทกมณิโก ฉิทฺโท หารี ปริหารี; เอวเมว มยฺหํ อฺติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา. เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นาม เอกํ ปทมฺปิ อาชาเนยฺยุํ, ตํ เนสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. สตฺตมํ.

๘. สงฺขธมสุตฺตํ

๓๖๐. เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน. อถ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ นิคณฺสาวโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อสิพนฺธกปุตฺตํ คามณึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กถํ นุ โข, คามณิ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สาวกานํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘โย โกจิ ปาณํ อติปาเตติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก, โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก , โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก, โย โกจิ มุสา ภณติ สพฺโพ, โส อาปายิโก เนรยิโก. ยํพหุลํ ยํพหุลํ วิหรติ, เตน เตน นียตี’ติ. เอวํ โข, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สาวกานํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. ‘‘‘ยํพหุลํ ยํพหุลฺจ, คามณิ, วิหรติ, เตน เตน นียติ’, เอวํ สนฺเต น โกจิ อาปายิโก เนรยิโก ภวิสฺสติ, ยถา นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส วจนํ’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, โย โส ปุริโส ปาณาติปาตี รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย, กตโม พหุตโร สมโย, ยํ วา โส ปาณมติปาเตติ, ยํ วา โส ปาณํ นาติปาเตตี’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส ปาณาติปาตี รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย, อปฺปตโร โส สมโย ยํ โส ปาณมติปาเตติ, อถ โข สฺเวว พหุตโร สมโย ยํ โส ปาณํ นาติปาเตตี’’ติ. ‘‘‘ยํพหุลํ ยํพหุลฺจ, คามณิ, วิหรติ เตน เตน นียตี’ติ, เอวํ สนฺเต น โกจิ อาปายิโก เนรยิโก ภวิสฺสติ, ยถา นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส วจนํ’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, โย โส ปุริโส อทินฺนาทายี รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย, กตโม พหุตโร สมโย, ยํ วา โส อทินฺนํ อาทิยติ, ยํ วา โส อทินฺนํ นาทิยตี’’ติ. ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส อทินฺนาทายี รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย อปฺปตโร โส สมโย, ยํ โส อทินฺนํ อาทิยติ, อถ โข สฺเวว พหุตโร สมโย, ยํ โส อทินฺนํ นาทิยตี’’ติ. ‘‘‘ยํพหุลํ ยํพหุลฺจ, คามณิ, วิหรติ เตน เตน นียตี’ติ, เอวํ สนฺเต น โกจิ อาปายิโก เนรยิโก ภวิสฺสติ, ยถา นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส วจนํ’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, โย โส ปุริโส กาเมสุมิจฺฉาจารี รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย, กตโม พหุตโร สมโย, ยํ วา โส กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, ยํ วา โส กาเมสุ มิจฺฉา น จรตี’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, ปุริโส กาเมสุมิจฺฉาจารี รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย, อปฺปตโร โส สมโย ยํ โส กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, อถ โข สฺเวว พหุตโร สมโย, ยํ โส กาเมสุ มิจฺฉา น จรตี’’ติ. ‘‘‘ยํพหุลํ ยํพหุลฺจ, คามณิ, วิหรติ เตน เตน นียตี’ติ , เอวํ สนฺเต น โกจิ อาปายิโก เนรยิโก ภวิสฺสติ, ยถา นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส วจนํ’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, โย โส ปุริโส มุสาวาที รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย, กตโม พหุตโร สมโย, ยํ วา โส มุสา ภณติ, ยํ วา โส มุสา น ภณตี’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต , ปุริโส มุสาวาที รตฺติยา วา ทิวสสฺส วา สมยาสมยํ อุปาทาย , อปฺปตโร โส สมโย, ยํ โส มุสา ภณติ, อถ โข สฺเวว พหุตโร สมโย, ยํ โส มุสา น ภณตี’’ติ. ‘‘‘ยํพหุลํ ยํพหุลฺจ, คามณิ, วิหรติ เตน เตน นียตี’ติ, เอวํ สนฺเต น โกจิ อาปายิโก เนรยิโก ภวิสฺสติ, ยถา นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส วจนํ’’.

‘‘อิธ, คามณิ, เอกจฺโจ สตฺถา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ [เอวํทิฏฺี (ก.)] – ‘โย โกจิ ปาณมติปาเตติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก, โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก, โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก, โย โกจิ มุสา ภณติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก’ติ. ตสฺมึ โข ปน, คามณิ, สตฺถริ สาวโก อภิปฺปสนฺโน โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยฺหํ โข สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – โย โกจิ ปาณมติปาเตติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโกติ. อตฺถิ โข ปน มยา ปาโณ อติปาติโต, อหมฺปมฺหิ อาปายิโก เนรยิโกติ ทิฏฺึ ปฏิลภติ. ตํ, คามณิ, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. มยฺหํ โข สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโกติ. อตฺถิ โข ปน มยา อทินฺนํ อาทินฺนํ อหมฺปมฺหิ อาปายิโก เนรยิโกติ ทิฏฺึ ปฏิลภติ. ตํ, คามณิ, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. มยฺหํ โข สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโก’ติ. อตฺถิ โข ปน มยา กาเมสุ มิจฺฉา จิณฺณํ. ‘อหมฺปมฺหิ อาปายิโก เนรยิโก’ติ ทิฏฺึ ปฏิลภติ. ตํ, คามณิ, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. มยฺหํ โข สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – โย โกจิ มุสา ภณติ, สพฺโพ โส อาปายิโก เนรยิโกติ. อตฺถิ โข ปน มยา มุสา ภณิตํ. ‘อหมฺปมฺหิ อาปายิโก เนรยิโก’ติ ทิฏฺึ ปฏิลภติ. ตํ, คามณิ, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

‘‘อิธ ปน, คามณิ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อเนกปริยาเยน ปาณาติปาตํ ครหติ วิครหติ, ‘ปาณาติปาตา วิรมถา’ติ จาห. อทินฺนาทานํ ครหติ วิครหติ, ‘อทินฺนาทานา วิรมถา’ติ จาห. กาเมสุมิจฺฉาจารํ ครหติ, วิครหติ ‘กาเมสุมิจฺฉาจารา วิรมถา’ติ จาห. มุสาวาทํ ครหติ วิครหติ ‘มุสาวาทา วิรมถา’ติ จาห. ตสฺมึ โข ปน, คามณิ, สตฺถริ สาวโก อภิปฺปสนฺโน โหติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ภควา โข อเนกปริยาเยน ปาณาติปาตํ ครหติ วิครหติ, ปาณาติปาตา วิรมถาติ จาห. อตฺถิ โข ปน มยา ปาโณ อติปาติโต ยาวตโก วา ตาวตโก วา. โย โข ปน มยา ปาโณ อติปาติโต ยาวตโก วา ตาวตโก วา, ตํ น สุฏฺุ, ตํ น สาธุ. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสารี อสฺสํ. น เมตํ ปาปํ กมฺมํ [ปาปกมฺมํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] อกตํ ภวิสฺสตี’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย ตฺเจว ปาณาติปาตํ ปชหติ. อายติฺจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ปหานํ โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส สมติกฺกโม โหติ.

‘‘‘ภควา โข อเนกปริยาเยน อทินฺนาทานํ ครหติ วิครหติ, อทินฺนาทานา วิรมถาติ จาห. อตฺถิ โข ปน มยา อทินฺนํ อาทินฺนํ ยาวตกํ วา ตาวตกํ วา. ยํ โข ปน มยา อทินฺนํ อาทินฺนํ ยาวตกํ วา ตาวตกํ วา ตํ น สุฏฺุ, ตํ น สาธุ. อหฺเจว โข ปน ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสารี อสฺสํ, น เมตํ ปาปํ กมฺมํ อกตํ ภวิสฺสตี’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย ตฺเจว อทินฺนาทานํ ปชหติ. อายติฺจ อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ปหานํ โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส สมติกฺกโม โหติ.

‘‘‘ภควา โข ปน อเนกปริยาเยน กาเมสุมิจฺฉาจารํ ครหติ วิครหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา วิรมถาติ จาห. อตฺถิ โข ปน มยา กาเมสุ มิจฺฉา จิณฺณํ ยาวตกํ วา ตาวตกํ วา. ยํ โข ปน มยา กาเมสุ มิจฺฉา จิณฺณํ ยาวตกํ วา ตาวตกํ วา ตํ น สุฏฺุ, ตํ น สาธุ. อหฺเจว โข ปน ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสารี อสฺสํ, น เมตํ ปาปํ กมฺมํ อกตํ ภวิสฺสตี’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย ตฺเจว กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปชหติ, อายติฺจ กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ปหานํ โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส สมติกฺกโม โหติ.

‘‘‘ภควา โข ปน อเนกปริยาเยน มุสาวาทํ ครหติ วิครหติ, มุสาวาทา วิรมถาติ จาห. อตฺถิ โข ปน มยา มุสา ภณิตํ ยาวตกํ วา ตาวตกํ วา. ยํ โข ปน มยา มุสา ภณิตํ ยาวตกํ วา ตาวตกํ วา ตํ น สุฏฺุ, ตํ น สาธุ. อหฺเจว โข ปน ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสารี อสฺสํ, น เมตํ ปาปํ กมฺมํ อกตํ ภวิสฺสตี’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย ตฺเจว มุสาวาทํ ปชหติ, อายติฺจ มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ปหานํ โหติ. เอวเมตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส สมติกฺกโม โหติ.

‘‘โส ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ. อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ. กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ. มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ. ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ. ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ. สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ. อภิชฺฌํ ปหาย อนภิชฺฌาลุ โหติ. พฺยาปาทปฺปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ. มิจฺฉาทิฏฺึ ปหาย สมฺมาทิฏฺิโก โหติ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. เสยฺยถาปิ, คามณิ, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย; เอวเมว โข, คามณิ, เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา เอวํ พหุลีกตาย ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป…. อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. เสยฺยถาปิ, คามณิ, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย; เอวเมว โข, คามณิ, เอวํ ภาวิตาย อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา เอวํ พหุลีกตาย ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. กุลสุตฺตํ

๓๖๑. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน นาฬนฺทา ตทวสริ . ตตฺร สุทํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน.

เตน โข ปน สมเยน นาฬนฺทา ทุพฺภิกฺขา โหติ ทฺวีหิติกา เสตฏฺิกา สลากาวุตฺตา. เตน โข ปน สมเยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต นาฬนฺทายํ ปฏิวสติ มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ. อถ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ นิคณฺสาวโก เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อสิพนฺธกปุตฺตํ คามณึ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, คามณิ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหิ. เอวํ เต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ – ‘อสิพนฺธกปุตฺเตน คามณินา สมณสฺส โคตมสฺส เอวํมหิทฺธิกสฺส เอวํมหานุภาวสฺส วาโท อาโรปิโต’’’ติ.

‘‘กถํ ปนาหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส เอวํมหิทฺธิกสฺส เอวํมหานุภาวสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ ? ‘‘เอหิ ตฺวํ, คามณิ, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอวํ วเทหิ – ‘นนุ, ภนฺเต, ภควา อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ [อนุทยํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี’ติ? สเจ โข, คามณิ, สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ‘เอวํ, คามณิ, ตถาคโต อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี’ติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘อถ กิฺจรหิ, ภนฺเต, ภควา ทุพฺภิกฺเข ทฺวีหิติเก เสตฏฺิเก สลากาวุตฺเต มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ จาริกํ จรติ? อุจฺเฉทาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อนยาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อุปฆาตาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน’ติ! อิมํ โข เต, คามณิ, สมโณ โคตโม อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ เนว สกฺขติ [สกฺขิติ (สี.) ม. นิ. ๒.๘๓] อุคฺคิลิตุํ, เนว สกฺขติ โอคิลิตุ’’นฺติ. ‘‘เอวํ , ภนฺเต’’ติ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘นนุ, ภนฺเต, ภควา อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี’’ติ? ‘‘เอวํ, คามณิ, ตถาคโต อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี’’ติ. ‘‘อถ กิฺจรหิ, ภนฺเต, ภควา ทุพฺภิกฺเข ทฺวีหิติเก เสตฏฺิเก สลากาวุตฺเต มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ จาริกํ จรติ? อุจฺเฉทาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อนยาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อุปฆาตาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน’’ติ. ‘‘อิโต โส, คามณิ, เอกนวุติกปฺเป [เอกนวุโต กปฺโป (สฺยา. กํ.), เอกนวุติกปฺโป (ปี.)] ยมหํ อนุสฺสรามิ, นาภิชานามิ กิฺจิ กุลํ ปกฺกภิกฺขานุปฺปทานมตฺเตน อุปหตปุพฺพํ. อถ โข ยานิ ตานิ กุลานิ อฑฺฒานิ มหทฺธนานิ มหาโภคานิ ปหูตชาตรูปรชตานิ ปหูตวิตฺตูปกรณานิ ปหูตธนธฺานิ, สพฺพานิ ตานิ ทานสมฺภูตานิ เจว สจฺจสมฺภูตานิ จ สามฺสมฺภูตานิ จ. อฏฺ โข, คามณิ, เหตู, อฏฺ ปจฺจยา กุลานํ อุปฆาตาย. ราชโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, โจรโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, อคฺคิโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ , อุทกโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, นิหิตํ วา านา วิคจฺฉติ [นิหิตํ วา นาธิคจฺฉนฺติ (สี. ปี.)], ทุปฺปยุตฺตา วา กมฺมนฺตา วิปชฺชนฺติ, กุเล วา กุลงฺคาโรติ [กุลานํ วา กุลงฺคาโร (สี.)] อุปฺปชฺชติ, โย เต โภเค วิกิรติ วิธมติ วิทฺธํเสติ, อนิจฺจตาเย อฏฺมีติ. อิเม โข, คามณิ, อฏฺ เหตู, อฏฺ ปจฺจยา กุลานํ อุปฆาตาย . อิเมสุ โข, คามณิ, อฏฺสุ เหตูสุ, อฏฺสุ ปจฺจเยสุ สํวิชฺชมาเนสุ โย มํ เอวํ วเทยฺย – ‘อุจฺเฉทาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อนยาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อุปฆาตาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน’ติ, ตํ, คามณิ, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. นวมํ.

๑๐. มณิจูฬกสุตฺตํ

๓๖๒. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน ราชนฺเตปุเร ราชปริสาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ, สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชต’’นฺติ!

เตน โข ปน สมเยน มณิจูฬโก คามณิ ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. อถ โข มณิจูฬโก คามณิ ตํ ปริสํ เอตทโวจ – ‘‘มา อยฺโย [อยฺยา (สี. ปี.)] เอวํ อวจุตฺถ. น กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ, น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตา’’ติ. อสกฺขิ โข มณิจูฬโก คามณิ ตํ ปริสํ สฺาเปตุํ. อถ โข มณิจูฬโก คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มณิจูฬโก คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, ราชนฺเตปุเร ราชปริสาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ, สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, ปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชต’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, ตํ ปริสํ เอตทโวจํ – ‘มา อยฺโย เอวํ อวจุตฺถ. น กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ, น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตา’ติ. อสกฺขึ ขฺวาหํ, ภนฺเต, ตํ ปริสํ สฺาเปตุํ. กจฺจาหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว ภควโต โหมิ, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขามิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรมิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’ติ?

‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, คามณิ, เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม โหสิ, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรสิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉติ. น หิ, คามณิ, กปฺปติ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ชาตรูปรชตํ, น สาทิยนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชาตรูปรชตํ, นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺณา สมณา สกฺยปุตฺติยา อเปตชาตรูปรชตา. ยสฺส โข, คามณิ, ชาตรูปรชตํ กปฺปติ, ปฺจปิ ตสฺส กามคุณา กปฺปนฺติ. ยสฺส ปฺจ กามคุณา กปฺปนฺติ ( ) [(ตสฺสปิ ชาตรูปรชตํ กปฺปติ,) (สฺยา. กํ.)], เอกํเสเนตํ , คามณิ, ธาเรยฺยาสิ อสฺสมณธมฺโม อสกฺยปุตฺติยธมฺโมติ. อปิ จาหํ, คามณิ, เอวํ วทามิ – ติณํ ติณตฺถิเกน ปริเยสิตพฺพํ, ทารุ ทารุตฺถิเกน ปริเยสิตพฺพํ, สกฏํ สกฏตฺถิเกน ปริเยสิตพฺพํ, ปุริโส ปุริสตฺถิเกน ปริเยสิตพฺโพ [ปริเยสิตพฺโพ’’ติ (?)]. นตฺเววาหํ, คามณิ, เกนจิ ปริยาเยน ‘ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพ’นฺติ วทามี’’ติ. ทสมํ.

๑๑. ภทฺรกสุตฺตํ

๓๖๓. เอกํ สมยํ ภควา มลฺเลสุ วิหรติ อุรุเวลกปฺปํ นาม มลฺลานํ นิคโม. อถ โข ภทฺรโก คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ภทฺรโก คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ทุกฺขสฺส สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสตู’’ติ. ‘‘อหฺเจ [อหฺจ (สฺยา. กํ. ก.)] เต, คามณิ, อตีตมทฺธานํ อารพฺภ ทุกฺขสฺส สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสยฺยํ – ‘เอวํ อโหสิ อตีตมทฺธาน’นฺติ, ตตฺร เต สิยา กงฺขา, สิยา วิมติ. อหํ เจ [อหฺจ (สฺยา. กํ. ก.)] เต, คามณิ, อนาคตมทฺธานํ อารพฺภ ทุกฺขสฺส สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสยฺยํ – ‘เอวํ ภวิสฺสติ อนาคตมทฺธาน’นฺติ, ตตฺราปิ เต สิยา กงฺขา, สิยา วิมติ. อปิ จาหํ, คามณิ, อิเธว นิสินฺโน เอตฺเถว เต นิสินฺนสฺส ทุกฺขสฺส สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาหิ , สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ภทฺรโก คามณิ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อตฺถิ เต อุรุเวลกปฺเป มนุสฺสา เยสํ เต วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม, ภนฺเต, อุรุเวลกปฺเป มนุสฺสา เยสํ เม วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน เต, คามณิ, อุรุเวลกปฺเป มนุสฺสา เยสํ เต วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา นุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม, ภนฺเต, อุรุเวลกปฺเป มนุสฺสา เยสํ เม วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา นุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, คามณิ, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน เต เอกจฺจานํ อุรุเวลกปฺปิยานํ มนุสฺสานํ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘เยสํ เม, ภนฺเต, อุรุเวลกปฺปิยานํ มนุสฺสานํ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา, อตฺถิ เม เตสุ ฉนฺทราโค . เยสํ ปน, ภนฺเต, อุรุเวลกปฺปิยานํ มนุสฺสานํ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา นุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา, นตฺถิ เม เตสุ ฉนฺทราโค’’ติ. ‘‘อิมินา ตฺวํ, คามณิ, ธมฺเมน ทิฏฺเน วิทิเตน อกาลิเกน ปตฺเตน ปริโยคาฬฺเหน อตีตานาคเต นยํ เนหิ – ‘ยํ โข กิฺจิ อตีตมทฺธานํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชิ [อุปฺปชฺชติ (สพฺพตฺถ)] สพฺพํ ตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ. ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺส. ยมฺปิ หิ กิฺจิ อนาคตมทฺธานํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, สพฺพํ ตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ. ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสา’’’ติ . ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ [สุภาสิตมิทํ (สี. ปี.)], ภนฺเต, ภควตา [ยงฺกิฺจิ อตีตมทฺธานํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพนฺตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ, ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสาติ, ยงฺกิฺจิ อนาคตมทฺธานํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชิสฺสติ สพฺพนฺตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ, ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสา’’ติ (สฺยา. กํ.)] – ‘ยํ กิฺจิ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพํ ตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ. ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสา’ติ. [‘‘ยงฺกิฺจิ อตีตมทฺธานํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพนฺตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ, ฉนฺโท หิ มูลํ ทูกฺขสฺสาติ, ยงฺกิฺจิ อนาคตมทฺธานํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, สพฺพนฺตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ, ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสา’’ติ (สฺยา. กํ)] อตฺถิ เม, ภนฺเต, จิรวาสี นาม กุมาโร พหิ อาวสเถ [อาเวสเน (?)] ปฏิวสติ. โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, กาลสฺเสว วุฏฺาย ปุริสํ อุยฺโยเชมิ [อุยฺโยเชสึ (ก.)] – ‘คจฺฉ, ภเณ, จิรวาสึ กุมารํ ชานาหี’ติ. ยาวกีวฺจ, ภนฺเต, โส ปุริโส นาคจฺฉติ, ตสฺส เม โหเตว อฺถตฺตํ – ‘มา เหว จิรวาสิสฺส กุมารสฺส กิฺจิ อาพาธยิตฺถา’’’ติ [อาพาธเยถาติ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)].

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, จิรวาสิสฺส กุมารสฺส วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ ? ‘‘จิรวาสิสฺส เม, ภนฺเต, กุมารสฺส วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, คามณิ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ – ‘ยํ กิฺจิ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพํ ตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ. ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสา’’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, ยทา เต จิรวาสิมาตา [จิรวาสิสฺส มาตา (สี. ปี.)] อทิฏฺา อโหสิ, อสฺสุตา อโหสิ, เต จิรวาสิมาตุยา ฉนฺโท วา ราโค วา เปมํ วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ทสฺสนํ วา เต, คามณิ, อาคมฺม สวนํ วา เอวํ เต อโหสิ – ‘จิรวาสิมาตุยา ฉนฺโท วา ราโค วา เปมํ วา’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, จิรวาสิมาตุยา เต วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘จิรวาสิมาตุยา เม, ภนฺเต, วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ! ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, คามณิ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ – ‘ยํ กิฺจิ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพํ ตํ ฉนฺทมูลกํ ฉนฺทนิทานํ. ฉนฺโท หิ มูลํ ทุกฺขสฺสา’’’ติ. เอกาทสมํ.

๑๒. ราสิยสุตฺตํ

๓๖๔. อถ โข ราสิโย คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราสิโย คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, ‘สมโณ โคตโม สพฺพํ ตปํ ครหติ, สพฺพํ ตปสฺสึ ลูขชีวึ เอกํเสน อุปวทติ อุปกฺโกสตี’ติ [อุปกฺโกสติ อุปวทตีติ (ที. นิ. ๑.๓๘๑)]. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม สพฺพํ ตปํ ครหติ, สพฺพํ ตปสฺสึ ลูขชีวึ เอกํเสน อุปวทติ อุปกฺโกสตี’ติ, กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘เย เต, คามณิ, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม สพฺพํ ตปํ ครหติ, สพฺพํ ตปสฺสึ ลูขชีวึ เอกํเสน อุปวทติ อุปกฺโกสตี’ติ, น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ เต อสตา ตุจฺฉา อภูเตน’’.

‘‘ทฺเวเม, คามณิ, อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา – โย จายํ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยโค หีโน คมฺโม โปถุชฺชนิโก อนริโย อนตฺถสํหิโต, โย จายํ อตฺตกิลมถานุโยโค ทุกฺโข อนริโย อนตฺถสํหิโต. เอเต เต, คามณิ, อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา – จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตมา จ สา, คามณิ, มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา – จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ. อยํ โข สา, คามณิ, มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา – จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ.

‘‘ตโย โข เม, คามณิ, กามโภคิโน สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ, สาหเสน อธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสน น อตฺตานํ สุเขติ น ปีเณติ น สํวิภชติ น ปุฺานิ กโรติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสน. อธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น สํวิภชติ น ปุฺานิ กโรติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสน. อธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ.

‘‘อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนปิ อสาหเสนปิ. ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสนปิ อสาหเสนปิ น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนปิ อสาหเสนปิ. ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสนปิ อสาหเสนปิ อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสติ, สาหเสนปิ อสาหเสนปิ . ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสนปิ อสาหเสนปิ อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ.

‘‘อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน. ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน. ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน. ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ. เต จ โภเค คธิโต [คถิโต (สี.)] มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน. ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ. เต จ โภเค อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ.

‘‘ตตฺร , คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสน, อธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสน น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี ตีหิ าเนหิ คารยฺโห. กตเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺโห? อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. น อตฺตานํ สุเขติ น ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ตติเยน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสน, อธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห, เอเกน าเนน ปาสํโส. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห? อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. กตเมน เอเกน าเนน ปาสํโส? อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห, อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสน, อธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี เอเกน าเนน คารยฺโห, ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส. กตเมน เอเกน าเนน คารยฺโห? อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนาติ, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส? อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. สํวิภชติ ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส. อยํ, คามณิ, กามโภคี, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห, อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนปิ อสาหเสนปิ, ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสนปิ อสาหเสนปิ น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี เอเกน าเนน ปาสํโส, ตีหิ าเนหิ คารยฺโห. กตเมน เอเกน าเนน ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส. กตเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺโห? อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ตติเยน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส, อิเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนปิ อสาหเสนปิ, ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสนปิ อสาหเสนปิ อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส, ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส . กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห? อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส, อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนปิ อสาหเสนปิ, ธมฺมาธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา สาหเสนปิ อสาหเสนปิ อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี ตีหิ าเนหิ ปาสํโส, เอเกน าเนน คารยฺโห. กตเมหิ ตีหิ าเนหิ ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส. สํวิภชติ ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ตติเยน าเนน ปาสํโส. กตเมน เอเกน าเนน คารยฺโห? อธมฺเมน โภเค ปริเยสติ สาหเสนาติ , อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ ตีหิ าเนหิ ปาสํโส, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน , ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน, น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี เอเกน าเนน ปาสํโส, ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห. กตเมน เอเกน าเนน ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห? น อตฺตานํ สุเขติ, น ปีเณตีติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส, อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห.

‘‘ตตฺร , คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน, ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส, เอเกน าเนน คารยฺโห. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส. กตเมน เอเกน าเนน คารยฺโห ? น สํวิภชติ, น ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน , ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ, เต จ โภเค คธิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี ตีหิ าเนหิ ปาสํโส, เอเกน าเนน คารยฺโห. กตเมหิ ตีหิ าเนหิ ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส. สํวิภชติ ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ตติเยน าเนน ปาสํโส . กตเมน เอเกน าเนน คารยฺโห? เต จ โภเค คธิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชตีติ, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ ตีหิ าเนหิ ปาสํโส, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ กามโภคี ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสน, ธมฺเมน โภเค ปริเยสิตฺวา อสาหเสน อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สํวิภชติ ปุฺานิ กโรติ. เต จ โภเค อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. อยํ, คามณิ, กามโภคี จตูหิ าเนหิ ปาสํโส. กตเมหิ จตูหิ าเนหิ ปาสํโส? ธมฺเมน โภเค ปริเยสติ อสาหเสนาติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. อตฺตานํ สุเขติ ปีเณตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส. สํวิภชติ ปุฺานิ กโรตีติ, อิมินา ตติเยน าเนน ปาสํโส. เต จ โภเค อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชตีติ, อิมินา จตุตฺเถน าเนน ปาสํโส. อยํ, คามณิ, กามโภคี อิเมหิ จตูหิ าเนหิ ปาสํโส.

‘‘ตโยเม, คามณิ, ตปสฺสิโน ลูขชีวิโน สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, คามณิ, เอกจฺโจ ตปสฺสี ลูขชีวี สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘อปฺเปว นาม กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺยํ, อปฺเปว นาม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกเรยฺย’นฺติ. โส อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปติ, กุสลฺจ ธมฺมํ นาธิคจฺฉติ, อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ น สจฺฉิกโรติ.

‘‘อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ ตปสฺสี ลูขชีวี สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘อปฺเปว นาม กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺยํ, อปฺเปว นาม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกเรยฺย’นฺติ. โส อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปติ, กุสลฺหิ โข ธมฺมํ อธิคจฺฉติ, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ น สจฺฉิกโรติ.

‘‘อิธ ปน, คามณิ, เอกจฺโจ ตปสฺสี ลูขชีวี สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘อปฺเปว นาม กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺยํ, อปฺเปว นาม อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกเรยฺย’นฺติ. โส อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปติ , กุสลฺจ ธมฺมํ อธิคจฺฉติ, อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกโรติ.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ ตปสฺสี ลูขชีวี อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปติ, กุสลฺจ ธมฺมํ นาธิคจฺฉติ, อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ น สจฺฉิกโรติ. อยํ, คามณิ, ตปสฺสี ลูขชีวี ตีหิ าเนหิ คารยฺโห. กตเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺโห? อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปตีติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. กุสลฺจ ธมฺมํ นาธิคจฺฉตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ น สจฺฉิกโรตีติ, อิมินา ตติเยน าเนน คารยฺโห. อยํ, คามณิ, ตปสฺสี ลูขชีวี, อิเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺโห.

‘‘ตตฺร, คามณิ, ยฺวายํ ตปสฺสี ลูขชีวี อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปติ, กุสลฺหิ โข ธมฺมํ อธิคจฺฉติ, อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ น สจฺฉิกโรติ. อยํ, คามณิ, ตปสฺสี ลูขชีวี ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห, เอเกน าเนน ปาสํโส. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห? อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปตีติ, อิมินา ปเมน าเนน คารยฺโห. อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ น สจฺฉิกโรตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน คารยฺโห. กตเมน เอเกน าเนน ปาสํโส? กุสลฺหิ โข ธมฺมํ อธิคจฺฉตีติ, อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส. อยํ, คามณิ, ตปสฺสี ลูขชีวี อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ คารยฺโห, อิมินา เอเกน าเนน ปาสํโส.

‘‘ตตฺร , คามณิ, ยฺวายํ ตปสฺสี ลูขชีวี อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปติ, กุสลฺจ ธมฺมํ อธิคจฺฉติ, อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกโรติ. อยํ, คามณิ, ตปสฺสี ลูขชีวี เอเกน าเนน คารยฺโห, ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส. กตเมน เอเกน าเนน คารยฺโห? อตฺตานํ อาตาเปติ ปริตาเปตีติ, อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห. กตเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส? กุสลฺจ ธมฺมํ อธิคจฺฉตีติ, อิมินา ปเมน าเนน ปาสํโส. อุตฺตริ จ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกโรตีติ, อิมินา ทุติเยน าเนน ปาสํโส . อยํ, คามณิ, ตปสฺสี ลูขชีวี อิมินา เอเกน าเนน คารยฺโห, อิเมหิ ทฺวีหิ าเนหิ ปาสํโส.

‘‘ติสฺโส อิมา, คามณิ, สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหิ. กตมา ติสฺโส? ยํ รตฺโต ราคาธิกรณํ อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ. ราเค ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติ. สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหิ. ยํ ทุฏฺโ โทสาธิกรณํ อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ. โทเส ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติ. สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหิ. ยํ มูฬฺโห โมหาธิกรณํ อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ. โมเห ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติ. สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหิ. อิมา โข, คามณิ, ติสฺโส สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ราสิโย คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ทฺวาทสมํ.

๑๓. ปาฏลิยสุตฺตํ

๓๖๕. เอกํ สมยํ ภควา โกลิเยสุ วิหรติ อุตฺตรํ นาม [อุตฺตรกํ นาม (สี.)] โกลิยานํ นิคโม. อถ โข ปาฏลิโย คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปาฏลิโย คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี’ติ. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี’ติ, กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉติ? อนพฺภาจิกฺขิตุกามา หิ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺต’’นฺติ. ‘‘เย เต, คามณิ, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตี’ติ, วุตฺตวาทิโน เจว เม, เต น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตีติ, สจฺจํเยว กิร, โภ, มยํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ น สทฺทหาม – ‘สมโณ โคตโม มายํ ชานาตีติ, สมโณ ขลุ โภ โคตโม มายาวี’ติ. โย นุ โข, คามณิ, เอวํ วเทติ – ‘อหํ มายํ ชานามี’ติ, โส เอวํ วเทติ – ‘อหํ มายาวี’ติ. ตเถว ตํ ภควา โหติ, ตเถว ตํ สุคต โหตี’’ติ. เตน หิ, คามณิ, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย, ตถา ตํ พฺยากเรยฺยาสิ –

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, ชานาสิ ตฺวํ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ’’ติ? ‘‘ชานามหํ, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, กิมตฺถิยา โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา’’ติ? ‘‘เย จ, ภนฺเต, โกลิยานํ โจรา เต จ ปฏิเสเธตุํ, ยานิ จ โกลิยานํ ทูเตยฺยานิ ตานิ จ วหาตุํ [ตานิ จ ปหาตุํ (สฺยา. กํ.), ตานิ จ ยาตุํ (กตฺถจิ), ตานิ จาวหาตุํ (?)], เอตทตฺถิยา, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, ชานาสิ ตฺวํ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ สีลวนฺเต วา เต ทุสฺสีเล วา’’ติ? ‘‘ชานามหํ, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม ; เย จ โลเก ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา เตสํ อฺตรา’’ติ. ‘‘โย นุ โข, คามณิ, เอวํ วเทยฺย – ‘ปาฏลิโย คามณิ ชานาติ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม, ปาฏลิโยปิ คามณิ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม’ติ, สมฺมา นุ โข โส วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต! อฺเ, ภนฺเต, โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา, อฺโหมสฺมิ. อฺถาธมฺมา โกลิยานํ ลมฺพจูฬกา ภฏา, อฺถาธมฺโมหมสฺมี’’ติ. ‘‘ตฺวฺหิ นาม, คามณิ, ลจฺฉสิ – ‘ปาฏลิโย คามณิ ชานาติ โกลิยานํ ลมฺพจูฬเก ภเฏ ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม, น จ ปาฏลิโย คามณิ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม’ติ, กสฺมา ตถาคโต น ลจฺฉติ – ‘ตถาคโต มายํ ชานาติ, น จ ตถาคโต มายาวี’ติ? มายํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, มายาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ มายาวี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ’’.

‘‘ปาณาติปาตํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, ปาณาติปาตสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ ปาณาติปาตี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. อทินฺนาทานํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, อทินฺนาทานสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ อทินฺนาทายี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. กาเมสุมิจฺฉาจารํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, กาเมสุมิจฺฉาจารสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ กาเมสุมิจฺฉาจารี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. มุสาวาทํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, มุสาวาทสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ มุสาวาที กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. ปิสุณวาจํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, ปิสุณวาจาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ ปิสุณวาโจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. ผรุสวาจํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, ผรุสวาจาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ ผรุสวาโจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. สมฺผปฺปลาปํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, สมฺผปฺปลาปสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ สมฺผปฺปลาปี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. อภิชฺฌํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, อภิชฺฌาย จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ อภิชฺฌาลุ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. พฺยาปาทปโทสํ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, พฺยาปาทปโทสสฺส จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ พฺยาปนฺนจิตฺโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. มิจฺฉาทิฏฺึ จาหํ, คามณิ, ปชานามิ, มิจฺฉาทิฏฺิยา จ วิปากํ, ยถาปฏิปนฺโน จ มิจฺฉาทิฏฺิโก กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ.

‘‘สนฺติ หิ, คามณิ, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘โย โกจิ ปาณมติปาเตติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยติ. โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยติ. โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยติ. โย โกจิ มุสา ภณติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี’’’ติ.

‘‘ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต [สุนหาโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรนฺโต. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส รฺโ ปจฺจตฺถิกํ ปสยฺห ชีวิตา โวโรเปสิ. ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิ. เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ, อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’’’ติ.

‘‘ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ [รถิกาย รถิกํ (สี.)] สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา, ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา, ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโน. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ, ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี’ติ [ฉิชฺชตีติ (กตฺถจิ)]? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส ราชเวรี อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ชีวิตา โวโรเปสิ, เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี’’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ. ‘‘ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘โย โกจิ ปาณมติปาเตติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี’ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วา’’ติ? ‘‘มุสา, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ตุจฺฉํ มุสา วิลปนฺติ, สีลวนฺโต วา เต ทุสฺสีลา วา’’ติ? ‘‘ทุสฺสีลา , ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มิจฺฉาปฏิปนฺนา วา เต สมฺมาปฏิปนฺนา วา’’ติ? ‘‘มิจฺฉาปฏิปนฺนา, ภนฺเต’’ . ‘‘เย ปน เต มิจฺฉาปฏิปนฺนา มิจฺฉาทิฏฺิกา วา เต สมฺมาทิฏฺิกา วา’’ติ? ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิกา, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต มิจฺฉาทิฏฺิกา กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี…เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรนฺโต. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี…เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส รฺโ ปจฺจตฺถิกสฺส ปสยฺห รตนํ อหาสิ [ปสยฺห อทินฺนํ รตนํ อาทิยิ (ก.)]. ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิ. เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี…เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’’’ติ.

‘‘ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา…เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโน ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ ทฬฺหาย รชฺชุยา…เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิ. เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ. ‘‘ตตฺร , คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘โย โกจิ อทินฺนํ อาทิยติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี’ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วาติ…เป… กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี…เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรนฺโต. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี…เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส รฺโ ปจฺจตฺถิกสฺส ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิ. ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิ. เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี…เป… อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’’’ติ.

‘‘ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา…เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโน. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ ทฬฺหาย รชฺชุยา…เป… ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กุลิตฺถีสุ กุลกุมารีสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิ, เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ. ‘‘ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘โย โกจิ กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี’ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วาติ…เป… กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘ทิสฺสติ โข ปน, คามณิ, อิเธกจฺโจ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรนฺโต. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส ราชานํ มุสาวาเทน หาเสสิ. ตสฺส ราชา อตฺตมโน อภิหารมทาสิ. เตนายํ ปุริโส มาลี กุณฺฑลี สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ อิตฺถิกาเมหิ ราชา มฺเ ปริจาเรตี’’’ติ.

‘‘ทิสฺสติ โข, คามณิ, อิเธกจฺโจ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉิชฺชมาโน. ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส กึ อกาสิ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ ปริเนตฺวา, ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขาเมตฺวา, ทกฺขิณโต นครสฺส สีสํ ฉินฺทตี’ติ? ตเมนํ เอวมาหํสุ – ‘อมฺโภ! อยํ ปุริโส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มุสาวาเทน อตฺถํ ภฺชิ, เตน นํ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปํ กมฺมการณํ กาเรนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คามณิ, อปิ นุ เต เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน , ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ. ‘‘ตตฺร, คามณิ, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘โย โกจิ มุสา ภณติ, สพฺโพ โส ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวทยตี’ติ, สจฺจํ วา เต อาหํสุ มุสา วา’’ติ ? ‘‘มุสา, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ตุจฺฉํ มุสา วิลปนฺติ สีลวนฺโต วา เต ทุสฺสีลา วา’’ติ? ‘‘ทุสฺสีลา, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มิจฺฉาปฏิปนฺนา วา เต สมฺมาปฏิปนฺนา วา’’ติ? ‘‘มิจฺฉาปฏิปนฺนา, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต มิจฺฉาปฏิปนฺนา มิจฺฉาทิฏฺิกา วา เต สมฺมาทิฏฺิกา วา’’ติ? ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิกา, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต มิจฺฉาทิฏฺิกา กลฺลํ นุ เตสุ ปสีทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! อตฺถิ เม, ภนฺเต, อาวสถาคารํ. ตตฺถ อตฺถิ มฺจกานิ, อตฺถิ อาสนานิ, อตฺถิ อุทกมณิโก, อตฺถิ เตลปฺปทีโป. ตตฺถ โย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา วาสํ อุเปติ, เตนาหํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ สํวิภชามิ. ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, จตฺตาโร สตฺถาโร นานาทิฏฺิกา นานาขนฺติกา นานารุจิกา, ตสฺมึ อาวสถาคาเร วาสํ อุปคจฺฉุํ’’.

‘‘เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก. นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’’’ติ.

‘‘เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ , อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา, เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’’’ติ.

‘‘เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณํ เจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรํ เจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’’’ติ.

‘‘เอโก สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต , มุสา ภณโต, กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณํ เจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรํ เจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’’’ติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อหุเทว กงฺขา, อหุ วิจิกิจฺฉา – ‘โกสุ นาม อิเมสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ อาห, โก มุสา’’’ติ?

‘‘อลฺหิ เต, คามณิ, กงฺขิตุํ, อลํ วิจิกิจฺฉิตุํ. กงฺขนีเย จ ปน เต าเน วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา’’ติ. ‘‘เอวํ ปสนฺโนหํ, ภนฺเต, ภควติ. ปโหติ เม ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺย’’นฺติ.

‘‘อตฺถิ, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ. เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ. กตโม จ, คามณิ, ธมฺมสมาธิ? อิธ, คามณิ, อริยสาวโก ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ , ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อภิชฺฌํ ปหาย อนภิชฺฌาลุ โหติ, พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, มิจฺฉาทิฏฺึ ปหาย สมฺมาทิฏฺิโก โหติ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา, สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. ‘สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ [โยหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น กิฺจิ [กฺจิ (?)] พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ [อุภยตฺถ เม (?) ม. นิ. ๒.๙๕ ปาฬิยา สํสนฺเทตพฺพํ] กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ [ปรํ มรณา น อุปปชฺชิสฺสามีติ (?)]. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ . ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา, สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. ‘สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ. ‘สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ [ปรํ มรณา น อุปปชฺชิสฺสามีติ (?)]. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต เมตฺตาสหคเต เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโมติ. สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต กรุณาสหคเต เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป….

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเต เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตา นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ. สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต , ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเต เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา อตฺถิ ปิตา อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ. สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเต เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – กโรโต การยโต, เฉทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํ . ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ. ‘สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสิ.

‘‘ส โข โส, คามณิ, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปฏิสฺสโต อุเปกฺขาสหคเต เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยฺวายํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ. ‘สเจ ตสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อปณฺณกตาย มยฺหํ, ยฺวาหํ น กิฺจิ พฺยาพาเธมิ ตสํ วา ถาวรํ วา? อุภยเมตฺถ กฏคฺคาโห, ยํ จมฺหิ กาเยน สํวุโต วาจาย สํวุโต มนสา สํวุโต, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ. ตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ. ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, ปาฏลิโย คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. เตรสมํ.

คามณิสํยุตฺตํ สมตฺตํ.

ตสฺสุทฺทานํ –

จณฺโฑ ปุโฏ โยธาชีโว, หตฺถสฺโส อสิพนฺธโก;

เทสนา สงฺขกุลํ มณิจูฬํ, ภทฺรราสิยปาฏลีติ.