📜
๓. สติปฏฺานสํยุตฺตํ
๑. อมฺพปาลิวคฺโค
๑. อมฺพปาลิสุตฺตวณฺณนา
๓๖๗. สติปฏฺานสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อมฺพปาลิวเนติ อมฺพปาลิยา นาม รูปูปชีวินิยา โรปิเต อมฺพวเน. ตํ กิร ตสฺสา อุยฺยานํ อโหสิ. สา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตตฺถ วิหารํ กาเรตฺวา ตถาคตสฺส นิยฺยาเตสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เอกายนฺวายนฺติ เอกายโน อยํ. ตตฺถ เอกายโนติ เอกมคฺโค. มคฺคสฺส หิ –
‘‘มคฺโค ปนฺโถ ปโถ ปชฺโช, อฺชสํ วฏุมายนํ;
นาวา อุตฺตรเสตู จ, กุลฺโล จ ภิสิ สงฺกโม’’ติ. (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๑๐๑) –
พหูนิ นามานิ. สฺวายํ อิธ อยนนาเมน วุตฺโต. ตสฺมา เอกายนฺวายํ, ภิกฺขเว, มคฺโคติ เอตฺถ เอกมคฺโค. อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค, น ทฺเวธาปถภูโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มคฺโคติ เกนฏฺเน มคฺโค? นิพฺพานคมนฏฺเน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียฏฺเน จ.
สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ สํกิลิฏฺจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธตฺถาย. โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายาติ โสกสฺส จ ปริเทวสฺส จ สมติกฺกมาย, ปหานายาติ อตฺโถ. ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมายาติ กายิกทุกฺขสฺส จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. ายสฺส อธิคมายาติ าโย วุจฺจติ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ตสฺส อธิคมาย ปตฺติยาติ วุตฺตํ ¶ โหติ. อยฺหิ ปุพฺพภาเค โลกิโย สติปฏฺานมคฺโค ภาวิโต โลกุตฺตรมคฺคสฺส อธิคมาย สํวตฺตติ ¶ . เตนาห ‘‘ายสฺส อธิคมายา’’ติ. นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายาติ ตณฺหาวานวิรหิตตฺตา นิพฺพานนฺติ ลทฺธนามสฺส อมตสฺส สจฺฉิกิริยาย, อตฺตปจฺจกฺขายาติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต อนุปุพฺเพน นิพฺพานสจฺฉิกิริยํ สาเธติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
เอวํ ¶ ภควตา สตฺตหิ ปเทหิ เอกายนมคฺคสฺส วณฺโณ ภาสิโต, โส กสฺมาติ เจ? ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ. วณฺณภาสนฺหิ สุตฺวา เต ภิกฺขู – ‘‘อยํ กิร มคฺโค หทยสนฺตาปภูตํ โสกํ, วาจาวิปฺปลาปภูตํ ปริเทวํ, กายิกอสาตภูตํ ทุกฺขํ, เจตสิกอสาตภูตํ โทมนสฺสนฺติ จตฺตาโร อุปทฺทเว หรติ. วิสุทฺธึ, ายํ, นิพฺพานนฺติ ตโย วิเสเส อาวหตี’’ติ อุสฺสาหชาตา อิมํ เทสนํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ, ธาเรตพฺพํ, อิมฺจ มคฺคํ ภาเวตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. อิติ เตสํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ วณฺณํ อภาสิ กมฺพลวาณิชาทโย กมฺพลาทีนํ วณฺณํ วิย.
ยทิทนฺติ นิปาโต, เย อิเมติ อยมสฺส อตฺโถ. จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. เตน ‘‘น ตโต เหฏฺา, น อุทฺธ’’นฺติ สติปฏฺานปริจฺเฉทํ ทีเปติ. สติปฏฺานาติ ตโย สติปฏฺานา สติโคจโรปิ, ติธา ปฏิปนฺเนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฏิฆานุนยวีติวตฺตตาปิ, สติปิ. ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, สติปฏฺานานํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสสฺสามิ ตํ สุณาถ. โก จ, ภิกฺขเว, กายสฺส สมุทโย? อาหรสมุทยา กายสมุทโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) หิ สติโคจโร สติปฏฺานนฺติ วุตฺโต. ตถา ‘‘กาโย อุปฏฺานํ, โน สติ, สติ อุปฏฺานฺเจว สติ จา’’ติอาทีสุปิ (ปฏิ. ม. ๒.๓๕). ตสฺส อตฺโถ – ปติฏฺาติ อสฺมินฺติ ปฏฺานํ. กา ปติฏฺาติ? สติ. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. ปธานํ านนฺติ วา ปฏฺานํ. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ หตฺถิฏฺานอสฺสฏฺานาทีนิ วิย.
‘‘ตโย สติปฏฺานา, ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) เอตฺถ ติธา ปฏิปนฺเนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฏิฆานุนยวีติวตฺตตา สติปฏฺานนฺติ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – ปฏฺเปตพฺพโต ¶ ปฏฺานํ, ปวตฺตยิตพฺพโตติ อตฺโถ. เกน ปฏฺเปตพฺโพติ? สติยา. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานนฺติ.
‘‘จตฺตาโร ¶ สติปฏฺานา ภาวิตา พหุลีกตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ปริปูเรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๙๘๙) ปน สติเยว สติปฏฺานนฺติ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – ปติฏฺาตีติ ปฏฺานํ, อุปฏฺาติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ. สติเยว ¶ ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. อถ วา สรณฏฺเน สติ, อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ, อิติ สติ จ สา ปฏฺานฺจาติปิ สติปฏฺานํ. อิทมิธ อธิปฺเปตํ.
ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘สติปฏฺานา’’ติ พหุวจนํ กตนฺติ? สตีนํ พหุตฺตา. อารมฺมณเภเทน หิ พหุกา สติโย. อถ ‘‘มคฺโค’’ติ กสฺมา เอกวจนนฺติ? มคฺคนฏฺเน เอกตฺตา. จตสฺโสปิ หิ เอตา สติโย มคฺคนฏฺเน เอกตฺตํ คจฺฉนฺติ. วุตฺเหตํ ‘‘มคฺโคติ เกนฏฺเน มคฺโค? นิพฺพานมคฺคนฏฺเน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียฏฺเน จา’’ติ. จตสฺโสปิ เจตา อปรภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ กิจฺจํ สาธยมานา นิพฺพานํ คจฺฉนฺติ, อาทิโต ปฏฺาย จ นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิยนฺตีติ ตสฺมา จตสฺโสปิ เอโก มคฺโคติ วุตฺตา. เอวฺจ สติ วจนานุสนฺธินา สานุสนฺธิกาว เทสนา โหติ.
กตเม จตฺตาโรติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. กาเยติ รูปกาเย. กายานุปสฺสีติ กายํ อนุปสฺสนสีโล, กายํ วา อนุปสฺสมาโน. อยฺหิ ภิกฺขุ อิมํ กายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต, ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต, อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต, นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ, วิรชฺชติ, โน รชฺชติ, นิโรเธติ, โน สมุเทติ, ปฏินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติ. โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ, ทุกฺขโต อนุปสฺสนฺโต สุขสฺํ ปชหติ ¶ , อนตฺตโต อนุปสฺสนฺโต อตฺตสฺํ ปชหติ, นิพฺพินฺทนฺโต นนฺทึ ปชหติ, วิรชฺชนฺโต ราคํ ปชหติ, นิโรเธนฺโต สมุทยํ ปชหติ, ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหตีติ เวทิตพฺโพ.
วิหรตีติ อิรียติ. อาตาปีติ ตีสุ ภเวสุ กิเลเส อาตปตีติ อาตาโป, วีริยสฺเสตํ นามํ. อาตาโป อสฺส อตฺถีติ อาตาปี. สมฺปชาโนติ สมฺปชฺสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคโต. สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโต. อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปฺาย อนุปสฺสติ. น หิ สติวิรหิตสฺส อนุปสฺสนา นาม ¶ อตฺถิ, เตเนวาห ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ตสฺมา เอตฺถ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยสฺมา อนาตาปิโน ¶ อนฺโตสงฺเขโป อนฺตรายกโร โหติ, อสมฺปชาโน อุปายปริคฺคเห อนุปายปริวชฺชเน จ สมฺมุยฺหติ, มุฏฺสฺสติ อุปายาปริจฺจาเค อนุปายาปริคฺคเห จ อสมตฺโถ โหติ, เตนสฺส ตํ กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ. ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ, เตสํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี สมฺปชาโน สติมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิติ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ สมฺปโยคงฺคฺชสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปหานงฺคํ ทสฺเสตุํ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวา. โลเกติ ตสฺมึเยว กาเย. กาโย หิ อิธ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อธิปฺเปโต. ยสฺมา ปนสฺส น กายมตฺเตเยว อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหียติ, เวทนาทีสุปิ ปหียติ เอว. ตสฺมา ‘‘ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ วิภงฺเค (วิภ. ๓๖๒) วุตฺตํ. โลกสงฺขาตตฺตา วา เตสํ ธมฺมานํ อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺตํ. ยํ ปนาห ‘‘ตตฺถ กตโม โลโก, สฺเวว กาโย โลโก’’ติ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ. ตสฺมึ โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ วิเนยฺยาติ เอวํ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ.
เวทนาสูติ เอตฺถ ติสฺโส เวทนา, ตา จ โลกิยา เอว, จิตฺตมฺปิ โลกิยํ, ตถา ธมฺมา. ยถา ปน เวทนา ¶ อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา อนุปสฺสนฺโต เอส เวทนานุปสฺสีติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย จิตฺตธมฺเมสุ. กถฺจ เวทนา อนุปสฺสิตพฺพาติ? สุขา ตาว เวทนา ทุกฺขโต, ทุกฺขา สลฺลโต, อทุกฺขมสุขา อนิจฺจโต. ยถาห –
‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;
อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต;
ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ.
สพฺพา เอว เจตา ทุกฺขาติปิ อนุปสฺสิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํกิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙). สุขทุกฺขโตปิ จ อนุปสฺสิตพฺพา, ยถาห ¶ ¶ – ‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อปิจ อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนาวเสนปิ อนุปสฺสิตพฺพา.
จิตฺตธมฺเมสุปิ จิตฺตํ ตาว อารมฺมณาธิปติสหชาตภูมิกมฺมวิปากกิริยาทินานตฺตเภทานํ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนานํ สราคาทีนฺจ เภทานํ วเสน อนุปสฺสิตพฺพํ. ธมฺมา สลกฺขณสามฺลกฺขณานํ สฺุตธมฺมสฺส อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนานํ ‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺท’’นฺติอาทีนฺจ ปเภทานํ วเสน อนุปสฺสิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทีฆมชฺฌิมฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓ อาทโย; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๕ อาทโย) สติปฏฺานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๒. สติสุตฺตวณฺณนา
๓๖๘. ทุติเย สโตติ กายาทิอนุปสฺสนาสติยา สมนฺนาคโต. สมฺปชาโนติ จตุสมฺปชฺปฺาย สมนฺนาคโต. อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ คมนํ, ปฏิกฺกนฺตํ นิวตฺตนํ, ตทุภยมฺปิ จตูสุ อิริยาปเถสุ ลพฺภติ. คมเน ตาว ปุรโต กายํ อภิหรนฺโต อภิกฺกมติ ¶ นาม, ปฏินิวตฺตนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. าเนปิ ิตโกว กายํ ปุรโต โอนมนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉโต อปนาเมนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิสชฺชายปิ นิสินฺนโกว อาสนสฺส ปุริมองฺคาภิมุโข สํสรนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉิมองฺคปฺปเทสํ ปจฺจาสํสรนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิปชฺชเนปิ เอเสว นโย.
สมฺปชานการี โหตีติ สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี, สมฺปชฺสฺเสว วา การี. โส หิ อภิกฺกนฺตาทีสุ สมฺปชฺํ กโรเตว, น กตฺถจิ สมฺปชฺวิรหิโต โหติ.
ตตฺถ สาตฺถกสมฺปชฺํ, สปฺปายสมฺปชฺํ, โคจรสมฺปชฺํ, อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ. ตตฺถ อภิกฺกมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ เม เอตฺถ คเตน อตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อตฺถานตฺถํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ จ อตฺโถติ เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนสงฺฆทสฺสนเถรทสฺสนอสุภทสฺสนาทิวเสน ธมฺมโต วฑฺฒิ ¶ . เจติยํ ¶ ทิสฺวาปิ หิ พุทฺธารมฺมณํ, สงฺฆทสฺสเนน สงฺฆารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. มหาวิหารสฺมิฺหิ ทกฺขิณทฺวาเร ตฺวา มหาเจติยํ โอโลเกนฺตา ตึสสหสฺสภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, ตถา ปจฺฉิมทฺวาเร อุตฺตรทฺวาเร ปาจีนทฺวาเร จ, ตถา ปฺหมณฺฑปฏฺาเน อภยวาปิปาฬิยํ, ถูปารามทฺวาเร นครสฺส ทกฺขิณทฺวาเร อนุราธวาปิปาฬิยํ.
มหาอริยวํสภาณกตฺเถโร ปนาห ‘‘กึ ตุมฺเห วทถ, มหาเจติยสฺส สมนฺตา กุจฺฉิเวทิกาย เหฏฺิมภาคโต ปฏฺาย ปฺายนฏฺาเน ยตฺถ ยตฺถ ทฺเว ปาทา สกฺกา โหนฺติ สมํ ปติฏฺาเปตุํ, ตตฺถ ตตฺถ เอกปทุทฺธาเร ตึสตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ สกฺกา วตุ’’นฺติ ¶ . อปโร ปน มหาเถโร อาห – ‘‘มหาเจติยตเล อากิณฺณวาลิกาย พหุตรา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ. เถเร ทิสฺวา เตสํ โอวาเท ปติฏฺาย อสุภํ ทิสฺวา ตตฺถ ปมํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตสฺมา เอเตสํ ทสฺสนํ สาตฺถํ. เกจิ ปน – ‘‘อามิสโตปิ วฑฺฒิ อตฺโถเยว, ตํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิปนฺนตฺตา’’ติ วทนฺติ.
ตสฺมึ ปน คมเน สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. เสยฺยถิทํ? เจติยทสฺสนํ ตาว สาตฺถํ. สเจ ปน เจติยสฺส มหาปูชาย ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺติ, อตฺตโน วิภวานุรูปา อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ อลงฺกตปฏิยตฺตา จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิย สฺจรนฺติ. ตตฺร จสฺส อิฏฺเ อารมฺมเณ โลโภ, อนิฏฺเ ปฏิโฆ, อสมเปกฺขเน โมโห อุปฺปชฺชติ, กายสํสคฺเค กายสํสคฺคาปตฺตึ อาปชฺชติ, ชีวิตพฺรหฺมจริยานํ วา อนฺตราโย จ โหติ. เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ, วุตฺตปฺปการอนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. สงฺฆทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. สเจ ปน อนฺโตคาเม มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ กาเรนฺเตสุ มนุสฺเสสุ วุตฺตปฺปกาเรเนว ชนสนฺนิปาโต เจว อนฺตราโย จ โหติ, เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ, อนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. มหาปริวารานํ เถรานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย.
อสุภทสฺสนมฺปิ ¶ สาตฺถํ. ตทตฺถทีปนตฺถฺจ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สามเณรํ คเหตฺวา ทนฺตกฏฺตฺถาย คโต. สามเณโร มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต อสุภํ ทิสฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตีณิ ผลานิ สจฺฉิกตฺวา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ทหโร ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘สามเณรา’’ติ ปกฺโกสิ ¶ . โส – ‘‘มยา ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา สทฺธึ ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา, อฺสฺมิมฺปิ ทิวเส อุปริวิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต,’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. ‘‘เอหี’’ติ วุตฺเต เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อิมินา ตาว มคฺเคน คนฺตฺวา มยา ิโตกาเส มุหุตฺตํ ปุรตฺถาภิมุขา หุตฺวา โอโลเกถา’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา เตน ปตฺตวิเสสเมว ปาปุณิ. เอวํ เอกํ อสุภํ ¶ ทฺวินฺนํ ชนานํ อตฺถาย ชาตํ. เอวํ สาตฺถมฺปิ ปเนตํ ปุริสสฺส มาตุคามาสุภํ อสปฺปายํ, มาตุคามสฺส จ ปุริสาสุภํ, สภาคเมว สปฺปายนฺติ เอวํ สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ.
เอวํ ปริคฺคหิตสาตฺถสปฺปายสฺส ปน อฏฺตึสกมฺมฏฺาเนสุ อตฺตโน จิตฺตรุจิกํ กมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจรํ อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขาจารโคจเร ตํ คเหตฺวาว คมนํ โคจรสมฺปชฺํ นาม.
ตสฺสาวิภาวตฺถํ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ ปจฺจาหรติ น หรติ, เอกจฺโจ ปน เนว หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ.
ตตฺถ โย ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย จ อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตฺวา ตถา รตฺติยา ปมํ ยามํ มชฺฌิมยาเม เสยฺยํ กปฺเปตฺวา, ปจฺฉิมยาเมปิ นิสชฺชาจงฺกเมหิ วีตินาเมตฺวา, ปเคว เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ สมาทาย วตฺตติ. โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเก อุสุมํ คาหาเปนฺโต กมฺมฏฺานมนุยฺุชิตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย อุฏฺหิตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว ปตฺตจีวรมาทาย เสนาสนโต นิกฺขมิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา สเจ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ โหติ, ตํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว เจติยงฺคณํ ปวิสติ. อฺํ เจ กมฺมฏฺานํ โหติ, โสปานปาทมูเล ตฺวา หตฺเถน คหิตภณฺฑํ วิย ตํ เปตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ¶ ปีตึ คเหตฺวา เจติยงฺคณํ อารุยฺห มหนฺตํ เจติยํ เจ, ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ, ขุทฺทกํ เจ, ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ. เจติยํ วนฺทิตฺวา โพธิยงฺคณํ ปตฺเตนาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา ¶ โพธิ วนฺทิตพฺพา. โส เอวํ เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา ปฏิสามิตฏฺานํ คนฺตฺวา ปฏิสามิตภณฺฑกํ หตฺเถน คณฺหนฺโต วิย นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานํ ¶ คเหตฺวา คามสมีเป กมฺมฏฺานสีเสเนว จีวรํ ปารุปิตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ.
อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อยฺโย โน อาคโต’’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนสาลาย วา เคเห วา นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ยาว ภตฺตํ น นิฏฺาติ, ตาว ปาเท โธวิตฺวา มกฺเขตฺวา ปุรโต นิสีทิตฺวา ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ วา โสตุกามา โหนฺติ. สเจปิ น กถาเปนฺติ, ชนสงฺคหณตฺถํ ธมฺมกถา นาม กาตพฺพาเยวาติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ. ธมฺมกถา หิ กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา กมฺมฏฺานสีเสเนว ธมฺมํ กเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา นิวตฺติยมาเนหิปิ มนุสฺเสหิ อนุคโตว คามโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ เต นิวตฺเตตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชติ.
อถ นํ ปุเรตรํ นิกฺขมิตฺวา พหิคาเม กตภตฺตกิจฺจา สามเณรทหรภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรมสฺส คณฺหนฺติ. โปราณกภิกฺขู กิร น ‘‘อมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาจริโย’’ติ มุขํ โอโลเกตฺวา วตฺตํ กโรนฺติ, สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนว กโรนฺติ. เต ตํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ภนฺเต, เอเต มนุสฺสา ตุมฺหากํ กึ โหนฺติ, มาติปกฺขโต สมฺพนฺธา ปิติปกฺขโต’’ติ? กึ ทิสฺวา ปุจฺฉถาติ? ตุมฺเหสุ เอเตสํ เปมํ พหุมานนฺติ. ‘‘อาวุโส, ยํ มาตาปิตูหิปิ ทุกฺกรตรํ, ตํ เอเต อมฺหากํ กโรนฺติ, ปตฺตจีวรมฺปิ โน เอเตสํ สนฺตกเมว, เอเตสํ อานุภาเวน เนว ภเย ภยํ, น ฉาตเก ฉาตกํ ชานาม, เอทิสา นาม อมฺหากํ อุปการิโน นตฺถี’’ติ เตสํ คุเณ กถยนฺโต คจฺฉติ. อยํ วุจฺจติ หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
ยสฺส ปน ปเคว วุตฺตปฺปการํ วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺตสฺส กมฺมชเตโช ปชฺชลติ, อนุปาทิณฺณกํ มฺุจิตฺวา อุปาทิณฺณกํ คณฺหาติ, สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, กมฺมฏฺานวีถึ นาโรหติ, โส ปเคว ปตฺตจีวรมาทาย เวคสาว เจติยํ ¶ วนฺทิตฺวา โครูปานํ นิกฺขมนเวลายเมว คามํ ยาคุภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ยาคุํ ลภิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวติ. อถสฺส ทฺวิตฺติกฺขตฺตุํ อชฺโฌหรณมตฺเตเนว ¶ กมฺมชเตโช อุปาทิณฺณกํ มฺุจิตฺวา อนุปาทิณฺณกํ คณฺหาติ, ฆฏสเตน นฺหาโต วิย เตโชธาตุปริฬาหนิพฺพานํ ปตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน ยาคุํ ปริภฺุชิตฺวา ปตฺตฺจ มุขฺจ โธวิตฺวา อนฺตราภตฺเต กมฺมฏฺานํ มนสิกตฺวา อวเสสฏฺาเน ปิณฺฑาย จริตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา ตโต ปฏฺาย โปงฺขานุโปงฺขํ อุปฏฺหมานํ กมฺมฏฺานํ ¶ คเหตฺวาว อาคจฺฉติ. อยํ วุจฺจติ ปจฺจาหรติ น หรตีติ. เอทิสา จ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา พุทฺธสาสเน อรหตฺตํ ปตฺตา นาม คณนปถํ วีติวตฺตา. สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลายํ น ตํ อาสนมตฺถิ, ยตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา ภิกฺขู นตฺถีติ.
โย ปน ปมาทวิหารี โหติ นิกฺขิตฺตธุโร, สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตวินิพนฺธพทฺธจิตฺโต วิหรนฺโต ‘‘กมฺมฏฺานํ นาม อตฺถี’’ติปิ สฺํ อกตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน สํสฏฺโ จริตฺวา จ ภฺุชิตฺวา จ ตุจฺโฉ นิกฺขมติ. อยํ วุจฺจติ เนว หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
โย ปนายํ หรติ จ ปจฺจาหรติ จาติ วุตฺโต, โส คตปจฺจาคติกวตฺตวเสน เวทิตพฺโพ. อตฺตกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺฏา, น ภยฏฺฏา, น ชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา, ทุกฺขา มุจฺจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา, ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถ, าเน, นิสชฺชาย, สยเน อุปฺปนฺนกิเลสํ สยเนเยว นิคฺคณฺหถา’’ติ. เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ, ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ, โส ‘‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนวิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตตฺเถว อริยภูมึ ¶ โอกฺกมติ, ตถา ¶ อสกฺโกนฺโต นิสีทตีติ โส เอว นโย. อริยภูมึ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ, ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ, น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ. อุทฺธรติ เจ, ปฏินิวตฺติตฺวา ปุริมปเทสํเยว เอติ อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย.
โส กิร เอกูนวีสติ วสฺสานิ คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรนฺโต เอว วิหาสิ. มนุสฺสาปิ สุทํ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ จ กโรนฺตา เถรํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ, กึ นุ โข มคฺคมูฬฺโห, อุทาหุ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ ¶ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺตจิตฺเตเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตปฺปตฺตทิวเส จสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อาคมํสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสีมหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ – ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ, กึ โส โอภาโส’’ติ? เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ, มณิโอภาโสปี’’ติ เอวมาทิมาห. ตโต ‘‘ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเห’’ติ นิพทฺโธ อามาติ ปฏิชานิตฺวา อาโรเจสิ.
กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสีมหานาคตฺเถโร วิย จ. โสปิ กิร คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรนฺโต ปมํ ตาว ‘‘ภควโต มหาปธานํ ปูเชสฺสามี’’ติ สตฺต วสฺสานิ านจงฺกมเมว อธิฏฺาสิ. ปุน โสฬส วสฺสานิ คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต วิปฺปยุตฺเตน อุทฺธเฏ ปฏินิวตฺตนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘คาวี นุ ปพฺพชิโต นู’’ติ อาสงฺกนียปเทเส ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา กจฺฉกรกโต อุทเกน ปตฺตํ โธวิตฺวา ¶ อุทกคณฺฑูสํ กโรติ. กึ การณา? ‘‘มา เม ภิกฺขํ ทาตุํ วา วนฺทิตุํ วา อาคเต มนุสฺเส ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วจนมตฺเตนาปิ กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสี’’ติ ‘‘อชฺช, ภนฺเต, กติมี’’ติ ทิวสํ วา ภิกฺขุคณนํ วา ปฺหํ วา ปุจฺฉิโต ¶ ปน อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจติ. สเจ ทิวสาทิปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลายํ คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวา ยาติ.
กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ปฺาส ภิกฺขู วิย จ. เต กิร อาสาฬฺหิปุณฺณมิยํ กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘อรหตฺตํ อปตฺวา อฺมฺํ นาลปิสฺสามา’’ติ. คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ. ทิวสาทีสุ ปุจฺฉิเตสุ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนํ ทิสฺวา ชานึสุ – ‘‘อชฺเชโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’’ติ. เอวฺจ จินฺเตสุํ – ‘‘กึ นุ โข เอเต อมฺเหเหว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ, อุทาหุ อฺมฺมฺปิ. ยทิ อฺมฺํ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ. เอถ เน อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’’ติ สพฺเพ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺาสาย ภิกฺขูสุ ทฺเวปิ ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต โย เตสุ จกฺขุมา ปุริโส, โส อาห – ‘‘น โภ กลหการกานํ โอกาโส อีทิโส โหติ, สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สุปฏฺิตํ ปานียํ ปริโภชนีย’’นฺติ ¶ . เต ตโตว นิวตฺตา. เตปิ ภิกฺขู อนฺโตเตมาเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณายํ วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.
เอวํ กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย, กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ภิกฺขู วิย จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ จ ปิณฺฑาย จรมาโน น ตุริตตุริโต วิย ชเวน คจฺฉติ. น หิ ชเวน ปิณฺฑปาติกธุตงฺคํ นาม กิฺจิ อตฺถิ. วิสมภูมิภาคปตฺตํ ปน อุทกสกฏํ วิย นิจฺจโล หุตฺวา คจฺฉติ. อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ทาตุกามํ วา อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตุํ ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ คเหตฺวา ¶ อนฺโตคาเม วา พหิคาเม วา วิหารเมว วา อาคนฺตฺวา ยถาผาสุเก ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา อกฺขพฺภฺชนวณเลปนปุตฺตมํสูปมาวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย…เป… ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา มุหุตฺตํ ภตฺตกิลมถํ ปฏิปสฺสมฺเภตฺวา ยถา ปุเรภตฺตํ ¶ , เอวํ ปจฺฉาภตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานเมว มนสิกโรติ. อยํ วุจฺจติ หรติ จ ปจฺจาหรติ จาติ.
อิมํ ปน หรณปจฺจาหรณสงฺขาตํ คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรนฺโต ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ, อถ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ. โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ, อถ ปจฺฉิมวเย ปาปุณาติ, โน เจ ปจฺฉิมวเย ปาปุณาติ, อถ มรณสมเย. โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ, อถ เทวปุตฺโต หุตฺวา. โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ, อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ นิพฺพตฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ. โน เจ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ วา โหติ, เสยฺยถาปิ เถโร พาหิโย ทารุจีริโย มหาปฺโ วา, เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต, มหิทฺธิโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน, ธุตวาโท วา, เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโป, ทิพฺพจกฺขุโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร อนุรุทฺโธ, วินยธโร วา, เสยฺยถาปิ เถโร อุปาลิ, ธมฺมกถิโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต, อารฺิโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร เรวโต, พหุสฺสุโต วา, เสยฺยถาปิ เถโร ¶ อานนฺโท, สิกฺขากาโม วา, เสยฺยถาปิ เถโร ราหุโล พุทฺธปุตฺโตติ. อิติ อิมสฺมึ จตุกฺเก ยฺวายํ หรติ ปจฺจาหรติ จ, ตสฺส โคจรสมฺปชฺํ สิขาปตฺตํ โหติ.
อภิกฺกมาทีสุ ปน อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ตํ เอวํ เวทิตพฺพํ – อิธ ภิกฺขุ อภิกฺกมนฺโต วา ปฏิกฺกมนฺโต วา ยถา อนฺธปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ – ‘‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา ‘‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ, ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต อภิกฺกมามีติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ ¶ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ, อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิสงฺฆาโฏ อภิกฺกมติ. ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปาทุทฺธรเณ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย, ตถา อติหรณวีติหรเณสุ, โวสฺสชฺชเน เตโชธาตุ วาโยธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ ¶ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย, ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภเนสุ.
ตตฺถ อุทฺธรเณ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา อติหรณํ น ปาปุณนฺติ, ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุมฺภนํ น ปาปุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพปพฺพํ สนฺธิสนฺธิ โอธิโอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลานิ วิย ตฏตฏายนฺตา ภิชฺชนฺติ. ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ, กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ? ปรมตฺถโต หิ ธาตูนํเยว คมนํ, ธาตูนํ านํ, ธาตูนํ นิสชฺชา, ธาตูนํ สยนํ. ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ โกฏฺาเส สทฺธึ รูเปน –
‘‘อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ;
อวีจิมนุสมฺพนฺโธ, นทีโสโตว วตฺตตี’’ติ. –
เอวํ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นามาติ.
นิฏฺิโต ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตี’’ติปทสฺส อตฺโถ.
อาโลกิเต ¶ วิโลกิเตติ เอตฺถ ปน อาโลกิตํ นาม ปุรโต เปกฺขนํ, วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขนํ. อฺานิปิ เหฏฺา อุปริ ปจฺฉโต อนุเปกฺขนวเสน โอโลกิตอุลฺโลกิตาปโลกิตานิ นาม โหนฺติ. ตานิ อิธ น คหิตานิ, สารุปฺปวเสน ปน อิมาเนว ทฺเว คหิตานิ. อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวาติ.
ตตฺถ ‘‘อาโลเกสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อโนโลเกตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ กายสกฺขึ กตฺวา เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ ¶ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ¶ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา, อุตฺตรา ทิสา, ทกฺขิณา ทิสา, อุทฺธํ, อโธ, อนุทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม อนุทิสํ อาโลกยโต’…เป… สมฺปชาโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).
อปิจ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตเจติยทสฺสนาทิวเสเนว สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา. กมฺมฏฺานสฺส ปน อวิชหนเมว โคจรสมฺปชฺํ, ตสฺมา ขนฺธธาตุอายตนกมฺมฏฺานิเกหิ อตฺตโน กมฏฺานวเสเนว กสิณาทิกมฺมฏฺานิเกหิ วา ปน กมฺมฏฺานสีเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ.
‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม อาโลเกตา วา วิโลเกตา วา นตฺถิ, ‘อาโลเกสฺสามี’ติ ปน จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ. อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน เหฏฺิมํ อกฺขิทลํ อโธ สีทติ, อุปริมํ อุทฺธํ ลงฺเฆติ, โกจิ ยนฺตเกน วิวรนฺโต นาม นตฺถิ, ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาเธนฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ปชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นาม.
อปิจ ¶ มูลปริฺาอาคนฺตุกตาวกาลิกภาววเสนเปตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. มูลปริฺาวเสน ตาว –
‘‘ภวงฺคาวชฺชนฺเจว, ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ;
สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ, ชวนํ ภวติ สตฺตมํ’’.
ตตฺถ ภวงฺคํ อุปปตฺติภวสฺส องฺคกิจฺจํ สาธยมานํ ปวตฺตติ, ตํ อาวฏฺเฏตฺวา กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาธยมานํ, ตนฺนิโรธา วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา วิปากมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา กิริยมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา สตฺตกฺขตฺตุํ ชวนํ ชวติ. ตตฺถ ปมชวเนปิ ‘‘อยํ ¶ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน ¶ อาโลกิตวิโลกิตํ น โหติ, ทุติยชวเนปิ…เป… สตฺตมชวเนปิ. เอเตสุ ปน ยุทฺธมณฺฑเล โยเธสุ วิย เหฏฺุปริยวเสน ภิชฺชิตฺวา ปติเตสุ ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ โหติ. เอวํ ตาเวตฺถ มูลปริฺาวเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
จกฺขุทฺวาเร ปน รูเป อาปาถมาคเต ภวงฺคจลนโต อุทฺธํ สกกิจฺจนิปฺผาทนวเสน อาวชฺชนาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธสุ อวสาเน ชวนํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนานํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาคนฺตุกปุริโส วิย โหติ. ตสฺส ยถา ปรเคเห กิฺจิ ยาจิตุํ ปวิฏฺสฺส อาคนฺตุกปุริสสฺส เคหสามิเกสุ ตุณฺหีมาสิเนสุ อาณากรณํ น ยุตฺตํ, เอวํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาวชฺชนาทีสุปิ อรชฺชนฺเตสุ อทุสฺสนฺเตสุ อมุยฺหนฺเตสุ จ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนํ อยุตฺตนฺติ เอวํ อาคนฺตุกภาววเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ยานิ ปเนตานิ จกฺขุทฺวาเร โวฏฺพฺพนปริโยสานานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ, อฺมฺํ น ปสฺสนฺติ, อิตฺตรานิ ตาวกาลิกานิ โหนฺติ. ตตฺถ ยถา เอกสฺมึ ฆเร สพฺเพสุ มานุสเกสุ มเตสุ อวเสสสฺส เอกสฺส ตงฺขณํเยว มรณธมฺมสฺส น ยุตฺตา นจฺจคีตาทีสุ อภิรติ นาม, เอวเมว เอกทฺวาเร สสมฺปยุตฺเตสุ อาวชฺชนาทีสุ ตตฺถ ตตฺเถว มเตสุ อวเสสสฺส ตงฺขณํเยว มรณธมฺมสฺส ชวนสฺสาปิ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน ¶ อภิรติ นาม น ยุตฺตาติ เอวํ ตาวกาลิกภาววเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนเปตํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ หิ จกฺขุ เจว รูปา จ รูปกฺขนฺโธ, ทสฺสนํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺสาทิกา สงฺขารา สงฺขารกฺขนฺโธ, เอวเมเตสํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ? ตถา จกฺขุ จกฺขายตนํ, รูปํ รูปายตนํ, ทสฺสนํ มนายตนํ, เวทนาทโย สมฺปยุตฺตธมฺมา ธมฺมายตนํ, เอวเมเตสํ จตุนฺนํ อายตนานํ ¶ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก ¶ วิโลเกติ? ตถา จกฺขุ จกฺขุธาตุ, รูปํ รูปธาตุ, ทสฺสนํ จกฺขุวิฺาณธาตุ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ธมฺมา ธมฺมธาตุ, เอวเมเตสํ จตุนฺนํ ธาตูนํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ? ตถา จกฺขุ นิสฺสยปจฺจโย, รูปํ อารมฺมณปจฺจโย, อาวชฺชนํ อนนฺตรสมนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตปจฺจโย, อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโย, เวทนาทโย สหชาตปจฺจโย. เอวเมเตสํ ปจฺจยานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกตีติ เอวเมตฺถ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนปิ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
สมิฺชิเต ปสาริเตติ ปพฺพานํ สมิฺชนปสารเณ. ตตฺถ จิตฺตวเสเนว สมิฺชนปสารณํ อกตฺวา หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณปจฺจยา อตฺถานตฺถํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ หตฺถปาเท อติจิรํ สมิฺชิตฺวา วา ปสาเรตฺวา วา ิตสฺส ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ ปริปตติ, วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. กาเล สมิฺชนฺตสฺส กาเล ปสาเรนฺตสฺส ปน ตา เวทนา นุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ ผาตึ คจฺฉติ, วิเสสมธิคจฺฉตีติ เอวํ อตฺถานตฺถปริคฺคณฺหนํ เวทิตพฺพํ.
อตฺเถ ปน สติปิ สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. ตตฺรายํ นโย – มหาเจติยงฺคเณ กิร ทหรภิกฺขู สชฺฌายํ คณฺหนฺติ. เตสํ ปิฏฺิปสฺเส ทหรภิกฺขุนิโย ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺเถโก ทหโร หตฺถํ ปสาเรนฺโต กายสํสคฺคํ ปตฺวา เตเนว การเณน ¶ คิหี ชาโต. อปโร ภิกฺขุ ปาทํ ปสาเรนฺโต อคฺคิมฺหิ ปสาเรสิ, อฏฺึ อาหจฺจ ปาโท ฌายิ. อปโร วมฺมิเก ปสาเรสิ, โส อาสีวิเสน ทฏฺโ. อปโร จีวรกุฏิทณฺฑเก ปสาเรสิ, ตํ มณิสปฺโป ฑํสิ. ตสฺมา เอวรูเป อสปฺปาเย อปสาเรตฺวา สปฺปาเย ปสาเรตพฺพํ. อิทเมตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ.
โคจรสมฺปชฺํ ¶ ปน มหาเถรวตฺถุนา ทีเปตพฺพํ – มหาเถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ กถยมาโน สหสา หตฺถํ ¶ สมิฺชิตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺเชสิ. ตํ อนฺเตวาสิกา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สหสา หตฺถํ สมิฺชิตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺชิตฺถา’’ติ. ยโต ปฏฺายาหํ, อาวุโส, กมฺมฏฺานํ มนสิกาตุํ อารทฺโธ, น เม กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา หตฺโถ สมิฺชิตปุพฺโพ, อิทานิ ปน ตุมฺเหหิ สทฺธึ กถยมาเนน กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา สมิฺชิโต, ตสฺมา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สมิฺเชสินฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขุนา นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพนฺติ. เอวเมตฺถาปิ กมฺมฏฺานาวิชหนเมว โคจรสมฺปชฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ สมิฺชนฺโต วา ปสาเรนฺโต วา นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน ปน สุตฺตากฑฺฒนวเสน ทารุยนฺตสฺส หตฺถปาทลฬนํ วิย สมิฺชนปสารณํ โหตีติ ปริชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณติ เอตฺถ สงฺฆาฏิจีวรานํ นิวาสนปารุปนวเสน, ปตฺตสฺส ภิกฺขาปฏิคฺคหณาทิวเสน ปริโภโค ธารณํ นาม. ตตฺถ สงฺฆาฏิจีวรธารเณ ตาว นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา จ ปิณฺฑาย จรโต อามิสลาโภ, ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา นเยน ภควตา วุตฺตปฺปกาโรเยว จ อตฺโถ อตฺโถ นาม. ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อุณฺหปกติกสฺส ปน ทุพฺพลสฺส จ จีวรํ สุขุมํ สปฺปายํ, สีตาลุกสฺส ฆนํ ทุปฏฺฏํ. วิปรีตํ อสปฺปายํ. ยสฺส กสฺสจิ ชิณฺณํ อสปฺปายเมว. อคฺคฬาทิทาเนน หิสฺส ตํ ปลิโพธกรํ โหติ. ตถา ปฏฺฏุณฺณทุกูลาทิเภทํ โลภนียจีวรํ. ตาทิสฺหิ อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกรํ ¶ , ชีวิตนฺตรายกรฺจาปิ โหติ. นิปฺปริยาเยน ปน ยํ นิมิตฺตกมฺมาทิมิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ, ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ ¶ , ตํ อสปฺปายํ. วิปรีตํ สปฺปายํ, ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ จีวรํ ปารุปนฺโต นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน จีวรปารุปนํ โหติ. ตตฺถ จีวรมฺปิ ¶ อเจตนํ, กาโยปิ อเจตโน. จีวรํ น ชานาติ ‘‘มยา กาโย ปารุปิโต’’ติ. กาโยปิ น ชานาติ ‘‘อหํ จีวเรน ปารุปิโต’’ติ. ธาตุโยว ธาตุสมูหํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ ปฏปิโลติกาย โปตฺถกรูปปฏิจฺฉาทเน วิย. ตสฺมา เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ, น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสํ. นาควมฺมิกเจติยรุกฺขาทีสุ หิ เกจิ มาลาคนฺธธูมวตฺถาทีหิ สกฺการํ กโรนฺติ, เกจิ คูถมุตฺตกทฺทมทณฺฑสตฺถปหาราทีหิ อสกฺการํ. น เตหิ นาควมฺมิกรุกฺขาทโย โสมนสฺสํ วา กโรนฺติ โทมนสฺสํ วา. เอวเมวํ เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ, น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสนฺติ เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ปตฺตธารเณปิ ปตฺตํ สหสาว อคฺคเหตฺวา – ‘‘อิมํ คเหตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโน ภิกฺขํ ลภิสฺสามี’’ติ เอวํ ปตฺตคฺคหณปจฺจยา ปฏิลภิตพฺพอตฺถวเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. กิสทุพฺพลสรีรสฺส ปน ครุปตฺโต อสปฺปาโย. ยสฺส กสฺสจิ จตุปฺจคณฺิกาหโต ทุพฺพิโสธนีโย อสปฺปาโยว. ทุทฺโธตปตฺโต หิ น วฏฺฏติ, ตํ โธวนฺตสฺเสว จสฺส ปลิโพโธ โหติ. มณิวณฺณปตฺโต ปน โลภนีโย จีวเร วุตฺตนเยเนว อสปฺปาโย. นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ลทฺโธ, ปน ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อยํ เอกนฺตอสปฺปาโยว. วิปรีโต สปฺปาโย. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ปตฺตํ คณฺหนฺโต นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปตฺตคฺคหณํ ¶ นาม โหติ. ตตฺถ ปตฺโตปิ อเจตโน, หตฺถาปิ อเจตนา. ปตฺโต น ชานาติ ‘‘อหํ หตฺเถหิ คหิโต’’ติ. หตฺถาปิ น ชานนฺติ ‘‘ปตฺโต อมฺเหหิ คหิโต’’ติ. ธาตุโยว ธาตุสมูหํ คณฺหนฺติ, สณฺฑาเสน อคฺคิวณฺณปตฺตคฺคหเณ วิยาติ เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ¶ ยถา ฉินฺนหตฺถปาเท วณมุเขหิ ปคฺฆริตปุพฺพโลหิตกิมิกุเล นีลมกฺขิกสมฺปริกิณฺเณ อนาถสาลาย อนาถมนุสฺเส ทิสฺวา ทยาลุกา ปุริสา เตสํ วณปฏฺฏโจฬกานิ เจว กปาลาทีหิ เภสชฺชานิ จ อุปนาเมนฺติ. ตตฺถ โจฬกานิปิ เกสฺจิ สณฺหานิ, เกสฺจิ ถูลานิ ปาปุณนฺติ, เภสชฺชกปาลานิปิ เกสฺจิ สุสณฺานานิ, เกสฺจิ ¶ ทุสฺสณฺานานิ ปาปุณนฺติ, น เต ตตฺถ สุมนา วา ทุมฺมนา วา โหนฺติ. วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว หิ โจฬเกน เภสชฺชปฏิคฺคหมตฺเตเนว จ กปาลเกน เตสํ อตฺโถ. เอวเมว โย ภิกฺขุ วณโจฬกํ วิย จีวรํ, เภสชฺชกปาลกํ วิย จ ปตฺตํ, กปาเล เภสชฺชมิว จ ปตฺเต ลทฺธภิกฺขํ สลฺลกฺเขติ. อยํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ อสมฺโมหสมฺปชฺเน อุตฺตมสมฺปชานการีติ เวทิตพฺโพ.
อสิตาทีสุ อสิเตติ ปิณฺฑปาตโภชเน. ปีเตติ ยาคุอาทิปาเน. ขายิเตติ ปิฏฺขชฺชกาทิขาทเน. สายิเตติ มธุผาณิตาทิสายเน. ตตฺถ ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อฏฺวิโธปิ อตฺโถ อตฺโถ นาม, ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ลูขปณีตติตฺตมธุราทีสุ ปน เยน โภชเนน ยสฺส อผาสุ โหติ, ตํ ตสฺส อสปฺปายํ. ยํ ปน นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ปฏิลทฺธํ, ยฺจสฺส ภฺุชโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ เอกนฺตอสปฺปายเมว. วิปรีตํ สปฺปายํ. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภฺุชโก นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปตฺตปฏิคฺคหณํ นาม โหติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ¶ หตฺถสฺส ปตฺเต โอตารณํ นาม โหติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปกรณํ อาโลปุทฺธรณํ มุขวิวรณฺจ โหติ. น โกจิ กฺุจิกาย น ยนฺตเกน หนุกฏฺีนิ วิวรติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปสฺส มุเข ปนํ อุปริทนฺตานํ มุสลกิจฺจสาธนํ เหฏฺาทนฺตานํ อุทุกฺขลกิจฺจสาธนํ ชิวฺหาย หตฺถกิจฺจสาธนฺจ โหติ. อิติ นํ ตตฺถ อคฺคชิวฺหาย ตนุกเขโฬ, มูลชิวฺหาย พหลเขโฬ มกฺเขติ. ตํ เหฏฺาทนฺตอุทุกฺขเล ชิวฺหาหตฺถปริวตฺติตํ เขฬอุทกเตมิตํ อุปริทนฺตมุสลสฺจุณฺณิตํ โกจิ กฏจฺฉุนา วา ทพฺพิยา วา อนฺโต ปเวเสนฺโต นาม นตฺถิ, วาโยธาตุยาว ปวิสติ. ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ โกจิ ปลาลสนฺถรํ กตฺวา ธาเรนฺโต นาม นตฺถิ, วาโยธาตุวเสเนว ¶ ติฏฺติ. ิตํ ิตํ โกจิ อุทฺธนํ กตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ปจนฺโต นาม นตฺถิ, เตโชธาตุยาว ปจฺจติ. ปกฺกํ ปกฺกํ โกจิ ทณฺฑเกน วา ยฏฺิยา วา พหิ นีหรโก นาม นตฺถิ, วาโยธาตุเยว นีหรติ. อิติ วาโยธาตุ อติหรติ จ วีติหรติ จ ¶ ธาเรติ จ ปริวตฺเตติ จ สฺจุณฺเณติ จ วิโสเสติ จ นีหรติ จ; ปถวีธาตุ ธาเรติ จ ปริวตฺเตติ จ สฺจุณฺเณติ จ วิโสเสติ จ; อาโปธาตุ สิเนเหติ จ อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลติ; เตโชธาตุ อนฺโตปวิฏฺํ ปริปาเจติ; อากาสธาตุ อฺชโส โหติ; วิฺาณธาตุ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคมนฺวาย อาภุชตีติ เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ คมนโต, ปริเยสนโต, ปริโภคโต, อาสยโต, นิธานโต, อปริปกฺกโต, ปริปกฺกโต, ผลโต, นิสฺสนฺทโต, สมฺมกฺขนโตติ เอวํ ทสวิธํ ปฏิกูลภาวํ ปจฺจเวกฺขณโตเปตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. วิตฺถารกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๔ อาทโย) อาหารปฏิกูลสฺานิทฺเทสโต คเหตพฺพา.
อุจฺจารปสฺสาวกมฺเมติ อุจฺจารสฺส จ ปสฺสาวสฺส จ กรเณ. ตตฺถ ปตฺตกาเล อุจฺจารปสฺสาวํ อกโรนฺตสฺส สกลสรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ภมนฺติ, จิตฺตํ น เอกคฺคํ โหติ, อฺเ จ โรคา อุปฺปชฺชนฺติ. กโรนฺตสฺส ปน สพฺพํ ตํ น โหตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตสฺส วเสน ¶ สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. อฏฺาเน อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติ โหติ, อยโส วฑฺฒติ, ชีวิตนฺตราโยปิ โหติ. ปติรูเป าเน กโรนฺตสฺส สพฺพํ ตํ น โหตีติ อิทเมตฺถ สปฺปายํ. ตสฺส วเสน สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสน จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ กโรนฺโต นตฺถิ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ โหติ. ยถา ปน ปกฺเก คณฺเฑ คณฺฑเภเทน ปุพฺพโลหิตํ อกามตาย นิกฺขมติ, ยถา จ อติภริตา อุทกภาชนา อุทกํ อกามตาย นิกฺขมติ, เอวํ ปกฺกาสยมุตฺตวตฺถีสุ สนฺนิจิตา อุจฺจารปสฺสาวา วายุเวคสมุปฺปีฬิตา อกามตายปิ นิกฺขมนฺติ. โส ปนายํ เอวํ นิกฺขมนฺโต อุจฺจารปสฺสาโว เนว ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตโน โหติ น ปรสฺส, เกวลํ สรีรนิสฺสนฺโทว โหติ. ยถา กึ? ยถา อุทกตุมฺพโต ¶ ปุราณอุทกํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส เนว ตํ อตฺตโน โหติ น ปเรสํ, เกวลํ ปฏิชคฺคนมตฺตเมว โหติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
คตาทีสุ ¶ คเตติ คมเน. ิเตติ าเน. นิสินฺเนติ นิสชฺชาย. สุตฺเตติ สยเน. ชาคริเต ติ ชาครเณ. ภาสิเตติ กถเน. ตุณฺหีภาเวติ อกถเน. เอตฺถ จ โย จิรํ คนฺตฺวา วา จงฺกมิตฺวา วา อปรภาเค ิโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘จงฺกมนกาเล ¶ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ คเต สมฺปชานการี นาม.
โย สชฺฌายํ วา กโรนฺโต ปฺหํ วา วิสฺสชฺเชนฺโต กมฺมฏฺานํ วา มนสิกโรนฺโต จิรํ ตฺวา อปรภาเค นิสินฺโน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ิตกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ ิเต สมฺปชานการี นาม.
โย สชฺฌายาทิกรณวเสเนว จิรํ นิสีทิตฺวา อปรภาเค นิปนฺโน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘นิสินฺนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ นิสินฺเน สมฺปชานการี นาม.
โย ปน นิปนฺนโกว สชฺฌายํ กโรนฺโต กมฺมฏฺานํ วา มนสิกโรนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา อปรภาเค อุฏฺาย อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘สยนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ สุตฺเต จ ชาคริเต จ สมฺปชานการี นาม. กิริยมยจิตฺตานฺหิ อปฺปวตฺตํ สุตฺตํ นาม, ปวตฺตํ ชาคริตํ นามาติ.
โย ปน ภาสมาโน – ‘‘อยํ สทฺโท นาม โอฏฺเ จ ปฏิจฺจ ทนฺเต จ ชิวฺหฺจ ตาลฺุจ ปฏิจฺจ จิตฺตสฺส จ ตทนุรูปํ ปโยคํ ปฏิจฺจ ชายตี’’ติ สโต สมฺปชาโน ภาสติ, จิรํ วา ปน กาลํ สชฺฌายํ กตฺวา ธมฺมํ วา กเถตฺวา กมฺมฏฺานํ วา ปริวตฺเตตฺวา ปฺหํ วา วิสฺสชฺเชตฺวา อปรภาเค ตุณฺหีภูโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ภาสิตกาเล อุปฺปนฺนา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ อยํ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม.
โย ตุณฺหีภูโต จิรํ ธมฺมํ วา กมฺมฏฺานํ วา มนสิกตฺวา อปรภาเค อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ¶ – ‘‘ตุณฺหีภูตกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ. อุปาทารูปปวตฺติยา สติ ภาสติ นาม, อสติ ตุณฺหี ภวติ นามาติ, อยํ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นามาติ. เอวเมตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ ตสฺส วเสน สมฺปชานการิตา เวทิตพฺพา. อิมสฺมึ สุตฺเต สติปฏฺานมิสฺสกสมฺปชฺํ ปุพฺพภาคํ กถิตํ.
๓. ภิกฺขุสุตฺตวณฺณนา
๓๖๙. ตติเย ¶ เอวเมว ปนิเธกจฺเจติ โส กิร ภิกฺขุ กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อิโต จิโต จ อาหิณฺฑติ, กายวิเวกํ นานุยฺุชติ. เตน นํ ภควา นิคฺคณฺหนฺโต เอวมาห. ตสฺมาติ ยสฺมา สํขิตฺเตน เทสนํ ยาจสิ, ตสฺมา. ทิฏฺีติ กมฺมสฺสกตาทิฏฺิ.
๔. สาลสุตฺตวณฺณนา
๓๗๐. จตุตฺเถ ¶ ธมฺมวินโยติ ธมฺโมติ วา วินโยติ วา อุภยเมตํ สตฺถุสาสนสฺเสว นามํ. สมาทเปตพฺพาติ คณฺหาเปตพฺพา. เอโกทิภูตาติ ขณิกสมาธินา เอกคฺคภูตา. สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตาติ อุปจารปฺปนาวเสน สมฺมา ปิตจิตฺตา จ เอกคฺคจิตฺตา จ. อิมสฺมึ สุตฺเต นวกภิกฺขูหิ เจว ขีณาสเวหิ จ ภาวิตสติปฏฺานา ปุพฺพภาคา, สตฺตหิ เสเขหิ ภาวิตา มิสฺสกา.
๖. สกุณคฺฆิสุตฺตวณฺณนา
๓๗๒. ฉฏฺเ สกุณคฺฆีติ สกุณํ หนตีติ สกุณคฺฆิ, เสนสฺเสตํ อธิวจนํ. สหสา อชฺฌปตฺตาติ โลภสาหเสน ปตฺตา. อลกฺขิกาติ นิสฺสิริกา. อปฺปปฺุาติ ปริตฺตปฺุา. สเจชฺช มยนฺติ สเจ อชฺช มยํ. นงฺคลกฏฺกรณนฺติ นงฺคเลน กสิกรณํ, อธุนา กฏฺํ เขตฺตฏฺานนฺติ อตฺโถ. เลฑฺฑุฏฺานนฺติ เลฑฺฑูนํ านํ. สํวทมานาติ สมฺมา วทมานา, อตฺตโน พลสฺส สุฏฺุ วณฺณํ วทมานาติ อตฺโถ. มหนฺตํ เลฑฺฑุํ อภิรุหิตฺวาติ อุทฺธนสณฺาเนน ิเตสุ ตีสุ เลฑฺฑูสุ ‘‘อิโต เสเน อาคจฺฉนฺเต อิโต นิกฺขมิสฺสามิ, อิโต อาคจฺฉนฺเต อิโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา เตสุ เอกํ เลฑฺฑุํ อภิรุหิตฺวา อฏฺาสิ อวทมาโน. สนฺนยฺหาติ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหมาโน วิย สนฺนยฺหิตฺวา ¶ สุฏฺุ เปตฺวา. พหุอาคโต โข มฺยายนฺติ ‘‘มยฺหํ อตฺถาย อยํ พหุตํ านํ อาคโต, อปฺปํ อวสิฏฺํ, อิทานิ มํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา ทารุคุโฬ วิย วินิวตฺติตฺวา ตสฺเสว เลฑฺฑุสฺส อนฺตเร ปจฺจุปาทิ, ปฏิปนฺโน ปวิฏฺโติ อตฺโถ. อุรํ ปจฺจตาเฬสีติ ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ¶ ลาปสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา คเหสฺสามี’’ติ ¶ ปกฺขนฺทตฺตา เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺมึ เลฑฺฑุสฺมึ อุรํ ปตาเฬสิ. ตาวเทวสฺส หทยมํสํ ผาลิยิตฺถ. อถ ลาโป ‘‘ทิฏฺา วต สตฺตุโน ปิฏฺี’’ติ หฏฺตุฏฺโ ตสฺส หทเย อปราปรํ จงฺกมิ.
๗. มกฺกฏสุตฺตวณฺณนา
๓๗๓. สตฺตเม ทุคฺคาติ ทุคฺคมา. จารีติ สฺจาโร. เลปํ โอฑฺเฑนฺตีติ วฏรุกฺขขีราทีหิ โยเชตฺวา เลปํ กโรนฺติ, ตํ มกฺกฏานํ ธุวคมนฏฺานนฺติ สลฺลกฺเขตฺวา รุกฺขสาขาทีสุ เปนฺติ. ปฺโจฑฺฑิโตติ ปฺจสุ าเนสุ กาชทณฺฑกํ ปเวเสตฺวา คเหตพฺพา กาชสิกฺกา วิย โอฑฺฑิโต. ถุนํ เสตีติ ถุนนฺโต สยติ.
๘. สูทสุตฺตวณฺณนา
๓๗๔. อฏฺเม สูโทติ ภตฺตการโก. นานจฺจเยหีติ นานาจเยหิ, นานาวิเธหีติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ. อมฺพิลคฺเคหีติ อมฺพิลโกฏฺาเสหิ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. อภิหรตีติ คหณตฺถาย หตฺถํ ปสาเรติ. พหุํ คณฺหาตีติ เอกคฺคหเณน พหุํ คณฺหนฺโตปิ ปุนปฺปุนํ คณฺหนฺโตปิ พหุํ คณฺหเตว. อภิหารานนฺติ สตํ วา สหสฺสํ วา อุกฺขิปิตฺวา อภิหฏานํ ทายานํ. อุปกฺกิเลสาติ ปฺจ นีวรณา. นิมิตฺตํ น อุคฺคณฺหาตีติ ‘‘อิมํ เม กมฺมฏฺานํ อนุโลมํ วา โคตฺรภุํ วา อาหจฺจ ิต’’นฺติ น ชานาติ, อตฺตโน จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ. อิมสฺมึ สุตฺเต ปุพฺพภาควิปสฺสนา สติปฏฺานาว กถิตา.
๙. คิลานสุตฺตวณฺณนา
๓๗๕. นวเม เพฬุวคามเกติ เวสาลิยา สมีเป เอวํนามโก ปาทคาโม อตฺถิ, ตสฺมึ. ยถามิตฺตนฺติอาทีสุ มิตฺตาติ มิตฺตาว. สนฺทิฏฺาติ ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฏฺมตฺตา นาติทฬฺหมิตฺตา ¶ . สมฺภตฺตาติ สุฏฺุ ภตฺตา สิเนหวนฺโต ทฬฺหมิตฺตา. เยสํ ยตฺถ ยตฺถ เอวรูปา ภิกฺขู อตฺถิ, เต ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุเปถาติ อตฺโถ. กสฺมา เอวมาห? เตสํ ผาสุวิหารตฺถาย. เตสํ ¶ กิร เพฬุวคามเก เสนาสนํ นปฺปโหติ, ภิกฺขาปิ ¶ มนฺทา. สมนฺตา เวสาลิยา ปน พหูนิ เสนาสนานิ, ภิกฺขาปิ สุลภา. ตสฺมา เอวมาห.
อถ กสฺมา ‘‘ยถาสุขํ คจฺฉถา’’ติ น วิสฺสชฺเชสิ? เตสํ อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ทสมาสมตฺตํ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามิ. สเจ อิเม ทูรํ คจฺฉิสฺสนฺติ, มํ ปรินิพฺพานกาเล ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อถ เนสํ ‘สตฺถา ปรินิพฺพายนฺโต อมฺหากํ สติมตฺตมฺปิ น อทาสิ. สเจ ชาเนยฺยาม, น เอวํ ทูเร วเสยฺยามา’ติ วิปฺปฏิสาโร ภเวยฺย. เวสาลิยา สมนฺตา ปน วสฺสํ วสนฺตา มาสสฺส อฏฺ วาเร อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุณิสฺสนฺติ, สุคโตวาทํ ลภิสฺสนฺตี’’ติ น วิสฺสชฺเชสิ.
ขโรติ ผรุโส. อาพาโธติ วิสภาคโรโค. พาฬฺหาติ พลวติโย. มารณนฺติกาติ มรณนฺตํ มรณสนฺติกํ ปาปนสมตฺถา. สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อธิวาเสสิ. อวิหฺมาโนติ เวทนานุวตฺตนวเสน อปราปรํ ปริวตฺตนํ อกโรนฺโต อปีฬิยมาโน อทุกฺขิยมาโน จ อธิวาเสสิ. อนามนฺเตตฺวาติ อชานาเปตฺวา. อนปโลเกตฺวาติ อชานาเปตฺวาว โอวาทานุสาสนึ อทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วีริเยนาติ ปุพฺพภาควีริเยน เจว ผลสมาปตฺติวีริเยน จ. ปฏิปณาเมตฺวาติ วิกฺขมฺเภตฺวา. ชีวิตสงฺขารนฺติ เอตฺถ ชีวิตมฺปิ ชีวิตสงฺขาโร. เยน ชีวิตํ สงฺขรียติ ฉิชฺชมานํ ฆเฏตฺวา ปียติ, โส ผลสมาปตฺติธมฺโมปิ ชีวิตสงฺขาโร. โส อิธ อธิปฺเปโต. อธิฏฺายาติ อธิฏฺหิตฺวา ปวตฺเตตฺวา ชีวิตปนสมตฺถํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺเชยฺยนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ.
กึ ปน ภควา อิโต ปุพฺเพ ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชตีติ? สมาปชฺชติ. สา ปน ขณิกสมาปตฺติ. ขณิกสมาปตฺติ จ อนฺโตสมาปตฺติยํเยว เวทนํ วิกฺขมฺเภติ, สมาปตฺติโต วุฏฺิตมตฺตสฺส กฏฺปาเตน วา กลปาเตน วา ฉินฺนเสวาโล วิย อุทกํ, ปุน สรีรํ เวทนา อชฺโฌตฺถรติ. ยา ปน รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกฺจ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา มหาวิปสฺสนาวเสน สมาปนฺนา สมาปตฺติ ¶ , สา สุฏฺุ วิกฺขมฺเภติ. ยถา นาม ปุริเสน โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ สุฏฺุ อปพฺยุฬฺหเสวาโล ¶ จิเรน อุทกํ โอตฺถรติ, เอวเมว ¶ ตโต วุฏฺิตสฺส จิเรน เวทนา อุปฺปชฺชติ. อิติ ภควา ตํทิวสํ มหาโพธิปลฺลงฺเก อภินวํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺโต วิย รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกฺจ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา จุทฺทสหากาเรหิ สนฺเนตฺวา มหาวิปสฺสนาย เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา ‘‘ทสมาเส มา อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิ, สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตา เวทนา ทส มาเส น อุปฺปชฺชิเยว.
คิลานา วุฏฺิโตติ คิลาโน หุตฺวา ปุน วุฏฺิโต. มธุรกชาโต วิยาติ สฺชาตครุภาโว สฺชาตถทฺธภาโว สูเล อุตฺตาสิตปุริโส วิย. น ปกฺขายนฺตีติ น ปกาสนฺติ, นานาการโต น อุปฏฺหนฺติ. ธมฺมาปิ มํ นปฺปฏิภนฺตีติ สติปฏฺานธมฺมา มยฺหํ ปากฏา น โหนฺตีติ ทีเปติ. ตนฺติธมฺมา ปน เถรสฺส สุปฺปคุณา. น อุทาหรตีติ ปจฺฉิมโอวาทํ น เทติ, ตํ สนฺธาย วทติ.
อนนฺตรํ อพาหิรนฺติ ธมฺมวเสน วา ปุคฺคลวเสน วา อุภยํ อกตฺวา. ‘‘เอตฺตกํ ธมฺมํ ปรสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ หิ จินฺเตนฺโต ธมฺมํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม, ‘‘เอตฺตกํ ปรสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต พาหิรํ กโรติ นาม. ‘‘อิมสฺส ปุคฺคลสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปน ปุคฺคลํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม, ‘‘อิมสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปุคฺคลํ พาหิรํ กโรติ นาม. เอวํ อกตฺวา เทสิโตติ อตฺโถ. อาจริยมุฏฺีติ ยถา พาหิรกานํ อาจริยมุฏฺิ นาม โหติ, ทหรกาเล กสฺสจิ อกเถตฺวา ปจฺฉิมกาเล มรณมฺเจ นิปนฺนา ปิยมนาปสฺส อนฺเตวาสิกสฺส กเถนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส ‘‘อิทํ มหลฺลกกาเล ปจฺฉิมาเน กเถสฺสามี’’ติ มุฏฺึ กตฺวา ปริหริตฺวา ปิตํ กิฺจิ นตฺถีติ ¶ ทสฺเสติ.
อหํ ภิกฺขุสงฺฆนฺติ อหเมว ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ วา, มมุทฺเทสิโกติ อหํ อุทฺทิสิตพฺพฏฺเน อุทฺเทโส อสฺสาติ มมุทฺเทสิโก, มเมว อุทฺทิสฺสิตฺวา มํ ปจฺจาสีสมาโน ภิกฺขุสงฺโฆ โหตุ มม อจฺจเยน มา วา อโหสิ, ยํ วา ตํ วา โหตูติ อิติ วา ปน ยสฺส อสฺสาติ อตฺโถ. น เอวํ โหตีติ โพธิปลฺลงฺเกเยว อิสฺสามจฺเฉรานํ วิคตตฺตา ¶ เอวํ น โหติ. ส กินฺติ โส กึ. อาสีติโกติ อสีติสํวจฺฉริโก, อิทํ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ. เวมิสฺสเกนาติ พาหพนฺธจกฺกพนฺธาทินา ปฏิสงฺขรเณน เวมิสฺสเกน. มฺเติ ชรสกฏํ วิย เวมิสฺสเกน มฺเ ยาเปติ, อรหตฺตผลเวเนน จตุอิริยาปถกปฺปนํ ตถาคตสฺส โหตีติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ยสฺมึ อานนฺท สมเยติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตาทีนํ. เอกจฺจานํ เวทนานนฺติ โลกิยานํ เวทนานํ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา อิมินา ผลสมาปตฺติวิหาเรน ผาสุ โหติ, ตสฺมา ตุมฺเหปิ ตทตฺถาย เอวํ วิหรถาติ ทสฺเสติ. อตฺตทีปาติ มหาสมุทฺทคตา ทีปํ วิย อตฺตานํ ทีปํ ปติฏฺํ กตฺวา วิหรถ. อตฺตสรณาติ อตฺตคติกาว โหถ, มา อฺคติกา. ธมฺมทีปธมฺมสรณปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ธมฺโมติ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม เวทิตพฺโพ. ตมตคฺเคติ ตมอคฺเค, มชฺเฌ ต-กาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม อคฺคตมาติ ตมตคฺคาติ ¶ . เอวํ สพฺพํ ตมโสตํ ฉินฺทิตฺวา อติวิย อคฺเค อุตฺตมภาเว เอเต, อานนฺท, มม ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติ, เตสํ อคฺเค ภวิสฺสนฺติ. เย เกจิ สิกฺขากามา, สพฺเพสํ เตสํ จตุสติปฏฺานโคจราว ภิกฺขู อคฺเค ภวิสฺสนฺตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ คณฺหีติ.
๑๐. ภิกฺขุนุปสฺสยสุตฺตวณฺณนา
๓๗๖. ทสเม เตนุปสงฺกมีติ ตสฺมึ อุปสฺสเย กมฺมฏฺานกมฺมิกา ภิกฺขุนิโย อตฺถิ, ตาสํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถสฺสามีติ อุปสงฺกมิ. อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสนฺติ ปุพฺพวิเสสโต อปรํ อุฬารวิเสสํ. ตตฺถ มหาภูตปริคฺคโห ปุพฺพวิเสโส, อุปาทารูปปริคฺคโห อปรวิเสโส นาม. ตถา สกลรูปปริคฺคโห ปุพฺพวิเสโส, อรูปปริคฺคโห อปรวิเสโส นาม. รูปารูปปริคฺคโห ปุพฺพวิเสโส, ปจฺจยปริคฺคโห ¶ อปรวิเสโส นาม สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ ปุพฺพวิเสโส, ติลกฺขณาโรปนํ อปรวิเสโส นาม. เอวํ ปุพฺเพนาปรํ อุฬารวิเสสํ ชานาตีติ อตฺโถ.
กายารมฺมโณติ ยํ กายํ อนุปสฺสติ, ตเมว อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ กิเลสปริฬาโห. พหิทฺธา วา จิตฺตํ วิกฺขิปตีติ พหิทฺธา วา ปุถุตฺตารมฺมเณ จิตฺตุปฺปาโท วิกฺขิปติ. กิสฺมิฺจิเทว ปสาทนีเย นิมิตฺเต จิตฺตํ ปณิทหิตพฺพนฺติ เอวํ กิเลสปริฬาเห จ ลีนตฺเต จ พหิทฺธาวิกฺเขเป จ อุปฺปนฺเน กิเลสานุรฺชิเตน น วตฺติตพฺพํ, กิสฺมิฺจิเทว ปสาทนีเย ปสาทาวเห พุทฺธาทีสุ อฺตรสฺมึ าเน กมฺมฏฺานจิตฺตํ เปตพฺพํ. จิตฺตํ สมาธิยตีติ อารมฺมเณ สมฺมา อาธิยติ สุฏฺุ ปิตํ ปิยติ. ปฏิสํหรามีติ ปสาทนียฏฺานโต ปฏิสํหรามิ, มูลกมฺมฏฺานาภิมุขํเยว นํ กโรมีติ อตฺโถ. โส ปฏิสํหรติ เจวาติ มูลกมฺมฏฺานาภิมุขฺจ ¶ ¶ เปเสติ. น จ วิตกฺเกติ น จ วิจาเรตีติ กิเลสวิตกฺกํ น วิตกฺเกติ, กิเลสวิจารํ น วิจาเรติ. อวิตกฺโกมฺหิ อวิจาโรติ กิเลสวิตกฺกวิจาเรหิ อวิตกฺกาวิจาโร. อชฺฌตฺตํ สติมา สุขมสฺมีติ โคจรชฺฌตฺเต ปวตฺตาย สติยา ‘‘สติมาหมสฺมิ สุขิโต จา’’ติ ปชานาติ.
เอวํ โข, อานนฺท, ปณิธาย ภาวนา โหตีติ เอวํ, อานนฺท, เปตฺวา ภาวนา โหติ. อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ยถา นาม ปุริสสฺส มหนฺตํ อุจฺฉุภารํ อุกฺขิปิตฺวา ยนฺตสาลํ เนนฺตสฺส กิลนฺตกิลนฺตกาเล ภูมิยํ เปตฺวา อุจฺฉุขณฺฑํ ขาทิตฺวา ปุน อุกฺขิปิตฺวา คมนํ โหติ; เอวเมว อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อุคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺส กายปริฬาหาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตํ กมฺมฏฺานํ เปตฺวา พุทฺธคุณาทิอนุสฺสรเณน จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กมฺมนิยํ กตฺวา ภาวนา ปวตฺตา, ตสฺมา ‘‘ปณิธาย ภาวนา โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส ปน ปุริสสฺส อุจฺฉุภารํ ยนฺตสาลํ เนตฺวา ปีเฬตฺวา รสปานํ วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตสฺส ผลสมาปตฺติสุขานุภวนํ เวทิตพฺพํ.
พหิทฺธาติ มูลกมฺมฏฺานํ ปหาย พหิ อฺสฺมึ อารมฺมเณ. อปฺปณิธายาติ อฏฺเปตฺวา. อถ ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาตีติ เอตฺถ กมฺมฏฺานวเสน วา สรีรวเสน วา เทสนาวเสน วา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ กมฺมฏฺาเน ตาว กมฺมฏฺานสฺส อภินิเวโส ปุเร นาม, อรหตฺตํ ปจฺฉา นาม. ตตฺถ โย ภิกฺขุ มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา กิเลสปริฬาหสฺส วา ลีนตฺตสฺส วา พหิทฺธาวิกฺเขปสฺส วา อุปฺปชฺชิตุํ โอกาสํ อเทนฺโต สุทนฺตโคเณ โยเชตฺวา สาเรนฺโต วิย จตุรสฺสจฺฉิทฺเท สุตจฺฉิตํ จตุรสฺสฆฏิกํ ปกฺขิปนฺโต วิย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อติฏฺนฺโต อลคฺคนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โส ปุเรสงฺขาตสฺส กมฺมฏฺานาภินิเวสสฺส ปจฺฉาสงฺขาตสฺส อรหตฺตสฺส จ วเสน ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาติ นาม.
สรีเร ปน ปาทงฺคุลีนํ อคฺคปพฺพานิ ปุเร นาม, สีสกฏาหํ ปจฺฉา นาม. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ปาทงฺคุลีนํ อคฺคปพฺพอฏฺิเกสุ ¶ อภินิวิสิตฺวา พฺยาภงฺคิยา ยวกลาปํ โมเจนฺโต วิย วณฺณสณฺานทิโสกาสปริจฺเฉทวเสน อฏฺีนิ ปริคฺคณฺหนฺโต อนฺตรา กิเลสปริฬาหาทีนํ อุปฺปตฺตึ ¶ วาเรตฺวา ยาว สีสกฏาหา ภาวนํ ปาเปติ, โส ปุเรสงฺขาตานํ อคฺคปาทงฺคุลิปพฺพานํ ปจฺฉาสงฺขาตสฺส สีสกฏาหสฺส จ วเสน ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาติ นาม.
เทสนายปิ ทฺวตฺตึสาการเทสนาย เกสา ปุเร นาม, มตฺถลุงฺคํ ปจฺฉา นาม. ตตฺถ โย ภิกฺขุ เกเสสุ อภินิวิสิตฺวา วณฺณสณฺานทิโสกาสวเสน เกสาทโย ปริคฺคณฺหนฺโต อนฺตรา กิเลสปริฬาหาทีนํ อุปฺปตฺตึ วาเรตฺวา ยาว มตฺถลุงฺคา ภาวนํ ปาเปติ. โส ปุเรสงฺขาตานํ เกสานํ ปจฺฉาสงฺขาตสฺส มตฺถลุงฺคสฺส จ วเสน ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาติ นาม.
เอวํ โข, อานนฺท, อปฺปณิธาย ภาวนา โหตีติ เอวํ, อานนฺท, อฏฺเปตฺวา ภาวนา โหติ. อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ยถา นาม ปุริสสฺส คุฬภารํ ลภิตฺวา อตฺตโน คามํ อติหรนฺตสฺส อนฺตรา อฏฺเปตฺวาว อุจฺจงฺเค ปกฺขิตฺตานิ คุฬขณฺฑาทีนิ ขาทนียานิ ขาทนฺตสฺส อตฺตโน คาเมเยว โอตรณํ โหติ, เอวเมว อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อารทฺธภาวนสฺส กายปริฬาหาทีนํ อุปฺปตฺตึ วาเรตฺวา กมฺมฏฺานภาวนา ปวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อปฺปณิธาย ภาวนา’’ติ วุตฺตา. ตสฺส ปน ปุริสสฺส ตํ คุฬภารํ อตฺตโน คามํ เนตฺวา าตีหิ สทฺธึ ปริโภโค วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน ¶ กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตสฺส ผลสมาปตฺติสุขานุภวนํ เวทิตพฺพํ. อิมสฺมึ สุตฺเต ปุพฺพภาควิปสฺสนา กถิตา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อมฺพปาลิวคฺโค ปโม.
๒. นาลนฺทวคฺโค
๒. นาลนฺทสุตฺตวณฺณนา
๓๗๘. ทุติยวคฺคสฺส ทุติเย นาลนฺทายนฺติ นาลนฺทาติ เอวํนามเก นคเร, ตํ นครํ โคจรคามํ กตฺวา. ปาวาริกมฺพวเนติ ทุสฺสปาวาริกเสฏฺิโน อมฺพวเน. ตํ ¶ กิร ตสฺส อุยฺยานํ ¶ อโหสิ. โส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ภควติ ปสนฺโน ตสฺมึ อุยฺยาเน กุฏิเลณมณฺฑปาทิปฏิมณฺฑิตํ ภควโต วิหารํ กตฺวา นิยฺยาเตสิ. โส วิหาโร ชีวกมฺพวนํ วิย ปาวาริกมฺพวนนฺตฺเวว สงฺขํ คโต. ตสฺมึ ปาวาริกมฺพวเน วิหรตีติ อตฺโถ.
เอวํปสนฺโนติ เอวํ อุปฺปนฺนสทฺโธ, เอวํ สทฺทหามีติ อตฺโถ. ภิยฺโยภิฺตโรติ ภิยฺยตโร อภิฺาโต ภิยฺยตราภิยฺโย วา, อุตฺตริตราโณติ อตฺโถ. สมฺโพธิยนฺติ สพฺพฺุตฺาเณ อรหตฺตมคฺคาเณ วา อรหตฺตมคฺเคเนว หิ พุทฺธคุณา นิปฺปเทสา คหิตา โหนฺติ, ทฺเวปิ อคฺคสาวกา อรหตฺตมคฺเคเนว สาวกปารมีาณํ ปฏิลภนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, พุทฺธา สพฺพฺุตฺาณฺเจว สกเล จ พุทฺธคุเณ. สพฺพมฺปิ เนสํ อรหตฺตมคฺเคเนว อิชฺฌติ. ตสฺมา อรหตฺตมคฺคาณํ สมฺโพธิ นาม โหติ. เตน อุตฺตริตโร จ ภควตา นตฺถิ. เตนาห ‘‘ภควตา ภิยฺโยภิฺตโร, ยทิทํ สมฺโพธิย’’นฺติ.
อุฬาราติ เสฏฺา. อยฺหิ อุฬารสทฺโท ‘‘อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖๖) มธุเร อาคจฺฉติ. ‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๘) เสฏฺเ. ‘‘อปฺปมาโณ อุฬาโร ¶ โอภาโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๒; ม. นิ. ๓.๒๐๑) วิปุเล. สฺวายมิธ เสฏฺเ อาคโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อุฬาราติ เสฏฺา’’ติ. อาสภีติ อุสภสฺส วาจาสทิสี อจลา อสมฺปเวธี. เอกํโส คหิโตติ อนุสฺสเวน วา อาจริยปรมฺปราย วา อิติกิราย วา ปิฏกสมฺปทาเนน วา อาการปริวิตกฺเกน วา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา วา ตกฺกเหตุ วา นยเหตุ วา อกเถตฺวา ปจฺจกฺขโต าเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิย เอกํโส คหิโต, สนฺนิฏฺานกถาว กถิตาติ อตฺโถ. สีหนาโทติ เสฏฺนาโท, วเน อุนฺนาทยนฺเตน สีเหน วิย อุตฺตมนาโท นทิโตติ อตฺโถ.
กึ ¶ นุ เต สาริปุตฺตาติ อิมํ เทสนํ กสฺมา อารภิ? อนุโยคทาปนตฺถํ. เอกจฺโจ หิ สีหนาทํ นทิตฺวา อตฺตโน สีหนาเท อนุโยคํ ทาตุํ น สกฺโกติ, นิฆํสนํ น ขมติ, สิเลเส ปติตมกฺกโฏ วิย โหติ. ยถา ธมมานํ อปริสุทฺธํ โลหํ ฌายิตฺวา องฺคาโร โหติ, เอวํ ฌามงฺคาโร วิย โหติ. เอโก สีหนาเท อนุโยคํ ทาปิยมาโน ทาตุํ สกฺโกติ, นิฆํสนํ ขมติ ¶ , ธมมานํ นิทฺโทสชาตรูปํ วิย อธิกตรํ โสภติ, ตาทิโส เถโร. เตน นํ ภควา ‘‘อนุโยคกฺขโม อย’’นฺติ ตฺวา สีหนาเท อนุโยคทาปนตฺถํ อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตตฺถ สพฺเพ เตติ สพฺเพ เต ตยา. เอวํสีลาติ มคฺคสีเลน ผลสีเลน โลกิยโลกุตฺตรสีเลน เอวํสีลา. เอวํธมฺมาติ เอตฺถ สมาธิปกฺขา ธมฺมา อธิปฺเปตา, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา โลกิยโลกุตฺตเรน สมาธินา เอวํสมาธีติ อตฺโถ. เอวํปฺาติ มคฺคปฺาทิวเสเนว เอวํปฺา. เอวํวิหาริโนติ เอตฺถ ปน เหฏฺา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตปิ ปุน กสฺมา คหิตเมว คณฺหตีติ เจ. เถเรน อิทํ คหิตเมว. อิทฺหิ นิโรธสมาปตฺติทีปนตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอวํ นิโรธสมาปตฺติวิหาริโน เต ภควนฺโต อเหสุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ, ตทงฺควิมุตฺติ, สมุจฺเฉทวิมุตฺติ, ปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปฺจวิธา วิมุตฺติ. ตตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย สยํ วิกฺขมฺภิเตหิ นีวรณาทีหิ วิมุตฺตตฺตา วิกฺขมฺภนวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ. อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา ¶ สตฺต อนุปสฺสนา สยํ ตสฺส ตสฺส ปจฺจนีกวเสน ปริจฺจตฺตาหิ นิจฺจสฺาทีหิ วิมุตฺตตฺตา ตทงฺควิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ. จตฺตาโร อริยมคฺคา สยํ สมุจฺฉินฺเนหิ กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา สมุจฺเฉทวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ. จตฺตาริ สามฺผลานิ มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฏิปสฺสทฺธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ. นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฏตฺตา อปคตตฺตา ทูเร ิตตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺตีติ สงฺขํ คตํ. อิติ อิมาสํ ปฺจนฺนํ วิมุตฺตีนํ วเสน เอวํ วิมุตฺตาติ เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
กึ ¶ ปน เต สาริปุตฺต เย เต ภวิสฺสนฺตีติ อตีตา ตาว นิรุทฺธา อปณฺณตฺติกภาวํ คตา ทีปสิขา วิย นิพฺพุตา, เอวํ นิรุทฺเธ อปณฺณตฺติกภาวํ คเต ตฺวํ กถํ ชานิสฺสสิ, อนาคตพุทฺธานํ ปน คุณา กึ ตยา อตฺตโน จิตฺเตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตาติ ปุจฺฉนฺโต เอวมาห.
กึ ปน ตฺยาหํ สาริปุตฺต เอตรหีติ อนาคตาปิ พุทฺธา อชาตา อนิพฺพตฺตา อนุปฺปนฺนา, เต กถํ ชานิสฺสสิ. เตสฺหิ ชานนํ อปเท อากาเส ปททสฺสนํ วิย โหติ. อิทานิ มยา สทฺธึ ¶ เอกวิหาเร วสสิ, เอกโต ภิกฺขาย จรสิ, ธมฺมเทสนากาเล ทกฺขิณปสฺเส นิสีทสิ, กึ ปน มยฺหํ คุณา อตฺตโน เจตสา ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา ตยาติ อนุยฺุชนฺโต เอวมาห. เถโร ปน ปุจฺฉิตปุจฺฉิเต ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปติ.
เถรสฺส จ วิทิตมฺปิ อตฺถิ, อวิทิตมฺปิ. กึ โส อตฺตโน วิทิตฏฺาเน ปฏิกฺเขปํ กโรติ, อวิทิตฏฺาเนติ? วิทิตฏฺาเน น กโรติ, อวิทิตฏฺาเนเยว กโรติ. เถโร กิร อนุโยเค อารทฺเธ เอวํ อฺาสิ ‘‘นายํ อนุโยโค สาวกปารมีาเณ, สพฺพฺุตฺาเณ ปน อยํ อนุโยโค’’ติ อตฺตโน สาวกปารมีาเณ ปฏิกฺเขปํ อกตฺวาว อวิทิตฏฺาเน สพฺพฺุตฺาเณ ปฏิกฺเขปํ กโรติ. เตน อิทมฺปิ ทีเปติ – ภควา มยฺหํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ พุทฺธานํ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติการณชานนสมตฺถํ สพฺพฺุตฺาณํ นตฺถีติ.
เอตฺถาติ เอเตสุ อตีตาทิเภเทสุ พุทฺเธสุ. อถ กิฺจรหีติ อถ กสฺมา เอวํ าเณ อสติ ตยา เอวํ กถิตนฺติ วทติ. ธมฺมนฺวโยติ ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต าณสฺส อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา อุปฺปนฺนํ อนุมานาณํ นยคฺคาโห ¶ วิทิโต, สาวกปารมีาเณ ตฺวาว อิมินา อากาเรน ชานามิ ภควาติ วทติ. เถรสฺส หิ นยคฺคาโห อปฺปมาโณ อปริยนฺโต. ยถา จ สพฺพฺุตฺาณสฺส ปมาณํ วา ปริยนฺโต วา นตฺถิ, เอวํ ธมฺมเสนาปติโน นยคฺคาหสฺส. เตน โส – ‘‘อิมินา เอวํวิโธ อิมินา เอวํวิโธ, อิมินา อนุตฺตโร อิมินา อนุตฺตโร สตฺถา’’ติ ชานาติ. เถรสฺส หิ นยคฺคาโห สพฺพฺุตฺาณคติโก เอว.
อิทานิ ¶ ตํ นยคฺคาหํ ปากฏํ กาตุํ อุปมํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา มชฺฌิมเทเส นครสฺส อุทฺธาปปาการาทีนิ ถิรานิ วา โหนฺตุ ทุพฺพลานิ วา, สพฺพโส วา ปน มา โหนฺตุ, โจรานํ อาสงฺกา น โหติ. ตสฺมา ตํ อคฺคเหตฺวา ปจฺจนฺติมํ นครนฺติ อาห. ทฬฺหุทฺธาปนฺติ ถิรมูลปาการํ. ทฬฺหปาการโตรณนฺติ ถิรปาการฺเจว ถิรปิฏฺสงฺฆาฏฺจ. เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาห? พหุทฺวาเร หิ นคเร พหูหิ ปณฺฑิตโทวาริเกหิ ภวิตพฺพํ, เอกทฺวาเรว เอโก วฏฺฏติ. เถรสฺส จ ปฺาย สทิโส อฺโ นตฺถิ, ตสฺมา อตฺตโน ปณฺฑิตภาวสฺส โอปมฺมตฺถํ เอกํเยว โทวาริกํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกทฺวาร’’นฺติ อาห.
ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต. พฺยตฺโตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต วิสทาโณ. เมธาวีติ ¶ านุปฺปตฺติกปฺาสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคโต. อนุปริยายปถนฺติ อนุปริยายนามกํ ปาการมคฺคํ. ปาการสนฺธินฺติ ทฺวินฺนํ อิฏฺกานํ อปคตฏฺานํ. ปาการวิวรนฺติ ปาการสฺส ฉินฺนฏฺานํ. เจตโส อุปกฺกิเลเสติ ปฺจนีวรณา จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสนฺติ กิลิฏฺํ กโรนฺติ อุปตาเปนฺติ วิเหเนฺติ, ตสฺมา ‘‘เจตโส อุปกฺกิเลสา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปฺาย ทุพฺพลีกรเณติ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปฺาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุจฺจนฺติ. สุปติฏฺิตจิตฺตาติ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุฏฺุ ปิตจิตฺตา หุตฺวา. สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตนฺติ สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาสภาเวน ภาเวตฺวา. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อรหตฺตํ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌึสูติ ทสฺเสติ.
อปิเจตฺถ สติปฏฺานาติ วิปสฺสนา, โพชฺฌงฺคา มคฺโค, อนุตฺตรสมฺมาสมฺโพธิ อรหตฺตํ. สติปฏฺานาติ วา วิปสฺสนา, โพชฺฌงฺคามิสฺสกา, สมฺมาสมฺโพธิ ¶ อรหตฺตเมว. ทีฆภาณกมหาสีวตฺเถโร ปนาห ‘‘สติปฏฺาเน วิปสฺสนํ คเหตฺวา โพชฺฌงฺเค มคฺโค จ สพฺพฺุตฺาณฺจาติ ¶ คหิเต สุนฺทโร ปฺโห ภเวยฺย, น ปเนวํ คหิต’’นฺติ. อิติ เถโร สพฺพพุทฺธานํ นีวรณปฺปหาเน สติปฏฺานภาวนาย สมฺโพธิยฺจ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณรชตานํ วิย นานตฺตาภาวํ ทสฺเสติ.
อิธ ตฺวา อุปมา สํสนฺเทตพฺพา – อายสฺมา หิ สาริปุตฺโต ปจฺจนฺตนครํ ทสฺเสสิ, ปาการํ ทสฺเสสิ, อนุปริยายปถํ ทสฺเสสิ, ทฺวารํ ทสฺเสสิ, ปณฺฑิตโทวาริกํ ทสฺเสสิ, นครํ ปวิสนกนิกฺขมนเก โอฬาริเก ปาเณ ทสฺเสสิ, โทวาริกสฺส เตสํ ปาณานํ ปากฏภาวํ ทสฺเสสิ. ตตฺถ กึ เกน สทิสนฺติ เจ? นครํ วิย หิ นิพฺพานํ, ปากาโร วิย สีลํ, อนุปริยายปโถ วิย หิรี, ทฺวารํ วิย อริยมคฺโค, ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ, นครํ ปวิสนกนิกฺขมนกา โอฬาริกปาณา วิย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา พุทฺธา, โทวาริกสฺส เตสํ ปาณานํ ปากฏภาโว วิย อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ พุทฺธานํ สีลสมถาทีหิ ปากฏภาโว. เอตฺตาวตา เถเรน ภควโต – ‘‘เอวมหํ สาวกปารมีาเณ ตฺวา ธมฺมนฺวเยน นยคฺคาเหน ชานามี’’ติ อตฺตโน สีหนาทสฺส อนุโยโค ทินฺโน โหติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘น โข เมตํ, ภนฺเต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ อรหนฺเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ ¶ เจโตปริยาณํ อตฺถิ, อปิจ ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ วทติ, ตสฺมา. อภิกฺขณํ ภาเสยฺยาสีติ ปุนปฺปุนํ ภาเสยฺยาสิ, ‘‘ปุพฺพณฺเห เม กถิต’’นฺติ มา มชฺฌนฺหิกาทีสุ น กถยิตฺถ, ‘‘อชฺช วา เม กถิต’’นฺติ มา ปรทิวสาทีสุ น กถยิตฺถาติ อตฺโถ. สา ปหียิสฺสตีติ ‘‘สาริปุตฺตสทิโสปิ นาม าณชวนสมฺปนฺโน สาวโก พุทฺธานํ จิตฺตาจารํ ชานิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ อปฺปเมยฺยา ตถาคตา’’ติ จินฺเตนฺตานํ ยา ตถาคเต กงฺขา วา วิมติ วา, สา ปหียิสฺสตีติ.
๓. จุนฺทสุตฺตวณฺณนา
๓๗๙. ตติเย มคเธสูติ เอวํนามเก ชนปเท. นาลกคามเกติ ราชคหสฺส อวิทูเร อตฺตโน กุลสนฺตเก เอวํนามเก คาเม. จุนฺโท สมณุทฺเทโสติ ¶ อยํ เถโร ธมฺมเสนาปติสฺส ¶ กนิฏฺภาติโก, ตํ ภิกฺขู อนุปสมฺปนฺนกาเล ‘‘จุนฺโท สมณุทฺเทโส’’ติ สมุทาจริตฺวา เถรกาเลปิ ตเถว สมุทาจรึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุนฺโท สมณุทฺเทโส’’ติ. อุปฏฺาโก โหตีติ มุโขทกทนฺตกฏฺทาเนน เจว ปริเวณสมฺมชฺชน-ปิฏฺิปริกมฺมกรณ-ปตฺตจีวรคฺคหเณน จ อุปฏฺานกโร โหติ. ปรินิพฺพายีติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. กตรสฺมึ กาเลติ? ภควโต ปรินิพฺพานสํวจฺฉเร.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควา กิร วุตฺถวสฺโส เวฬุวคามกา นิกฺขมิตฺวา ‘‘สาวตฺถึ คมิสฺสามี’’ติ อาคตมคฺเคเนว ปฏินิวตฺตนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปาวิสิ. ธมฺมเสนาปติ ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ทิวาฏฺานํ คโต, โส ตตฺถ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา จมฺมขณฺฑํ ปฺาเปตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ผลสมาปตฺตึ ปาวิสิ. อถสฺส ยถา ปริจฺเฉเทน ตโต วุฏฺิตสฺส อยํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘พุทฺธา นุ โข ปมํ ปรินิพฺพายนฺติ, อุทาหุ อคฺคสาวกาติ, ตโต ‘‘อคฺคสาวกา ปม’’นฺติ ตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกสิ. โส ‘‘สตฺตาหเมว เม อายุสงฺขารา ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ.
ตโต ‘‘ราหุโล ตาวตึเสสุ ปรินิพฺพุโต, อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ฉทฺทนฺตทเห, อหํ กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ จินฺเตนฺโต มาตรํ อารพฺภ สตึ อุปฺปาเทสิ – ‘‘มยฺหํ มาตา สตฺตนฺนํ ¶ อรหนฺตานํ มาตา หุตฺวาปิ พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ อปฺปสนฺนา, อตฺถิ นุ โข ตสฺสา อุปนิสฺสโย, นตฺถิ นุ โข’’ติ. โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘กสฺส เทสนาย อภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘มเมว ธมฺมเทสนาย ภวิสฺสติ, น อฺสฺส. สเจ โข ปนาหํ อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺยํ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร อวเสสชนานมฺปิ อวสฺสโย โหติ. ตถา หิสฺส สมจิตฺตสุตฺตนฺตเทสนาทิวเส (อ. นิ. ๒.๓๓-๓๗) โกฏิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปตฺตา, ตโย มคฺเค ปฏิวิทฺธเทวตานํ คณนา นตฺถิ, อฺเสุ จ าเนสุ อเนกา อภิสมยา ¶ ทิสฺสนฺติ, เถเร จ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตาเนว อสีติ กุลสหสฺสานิ, โส ทานิ สกมาตุมิจฺฉาทสฺสนมตฺตมฺปิ หริตุํ ¶ นาสกฺขี’’ติ. ตสฺมา มาตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจตฺวา ชาโตวรเกเยว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ‘‘อชฺเชว ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จุนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, จุนฺท, อมฺหากํ ปฺจสตาย ภิกฺขุปริสาย สฺํ เทหิ. ‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ธมฺมเสนาปติ นาลกคามํ คนฺตุกาโม’’’ติ. เถโร ตถา อกาสิ.
ภิกฺขู เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. เถโร เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาฏฺานทฺวาเร ตฺวา ทิวาฏฺานํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ ทานิ ปจฺฉิมทสฺสนํ, ปุน อาคมนํ นตฺถี’’ติ ปฺจสตภิกฺขูหิ ปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อนุชานาตุ เม ภนฺเต ภควา, อนุชานาตุ สุคโต. ปรินิพฺพานกาโล เม, โอสฺสฏฺโ เม อายุสงฺขาโร’’ติ. พุทฺธา ปน ยสฺมา ‘‘ปรินิพฺพาหี’’ติ วุตฺเต มรณวณฺณํ สํวณฺเณนฺตีติ, ‘‘มา ปรินิพฺพาหี’’ติ วุตฺเต วฏฺฏสฺส คุณํ กเถนฺตีติ มิจฺฉาทิฏฺิกา โทสํ อาโรเปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ น วทนฺติ. เตน นํ ภควา – ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ สาริปุตฺตา’’ติ วตฺวา – ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, มคเธสุ นาลกคาเม ชาโตวรโก, ตตฺถาหํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ยสฺส ทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มฺสิ, อิทานิ ปน เต เชฏฺกนิฏฺภาติกานํ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, เทเสหิ เนสํ ธมฺม’’นฺติ อาห.
เถโร – ‘‘สตฺถา มยฺหํ อิทฺธิวิกุพฺพนปุพฺพงฺคมํ ธมฺมเทสนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ ตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตาลปฺปมาณํ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิ, ปุน ทฺวิตาลปฺปมาณํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิ, เอเตนุปาเยน สตฺตตาลปฺปมาณํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ¶ อเนกานิ ปาฏิหาริยสตานิ ทสฺเสนฺโต ธมฺมกถํ ¶ อารภิ. ทิสฺสมาเนนปิ กาเยน กเถติ, อทิสฺสมาเนนปิ. อุปริเมน วา เหฏฺิเมน วา อุปฑฺฒกาเยน กเถติ อทิสฺสมาเนนปิ ทิสฺสมาเนนปิ, กาเลน จนฺทวณฺณํ ทสฺเสติ, กาเลน สูริยวณฺณํ, กาเลน ปพฺพตวณฺณํ, กาเลน สมุทฺทวณฺณํ, กาเลน จกฺกวตฺติราชา โหติ, กาเลน เวสฺสวณมหาราชา, กาเลน สกฺโก ¶ เทวราชา, กาเลน มหาพฺรหฺมาติ เอวํ อเนกานิ ปาฏิหาริยสตานิ ทสฺเสนฺโต ธมฺมกถํ กเถสิ. สกลนครํ สนฺนิปติ. เถโร โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘โก นาโม อยํ สาริปุตฺต ธมฺมปริยาโย’’ติ. สีหวิกีฬิโต นาม, ภนฺเตติ. ตคฺฆ, สาริปุตฺต, สีหวิกีฬิโต ตคฺฆ, สาริปุตฺต, สีหวิกีฬิโตติ.
เถโร อลตฺตกวณฺเณ หตฺเถ ปสาเรตฺวา สตฺถุ สุวณฺณกจฺฉปสทิเส ปาเท โคปฺผเกสุ คเหตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อิเมสํ ปาทานํ วนฺทนตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูริตา, โส เม มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, อิโต ทานิ ปฏฺาย ปฏิสนฺธิวเสน น ปุน เอกฏฺาเน สนฺนิปาโต สมาคโม อตฺถิ, ฉินฺโน เอส วิสฺสาโส, อเนเกหิ พุทฺธสตสหสฺเสหิ ปวิฏฺํ อชรํ อมรํ เขมํ สุขํ สีตลํ อภยํ นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ, สเจ เม กิฺจิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา น โรเจถ, ขมถ ตํ ภควา, คมนกาโล มยฺห’’นฺติ. ขมามิ เต, สาริปุตฺต, น โข ปน เต กิฺจิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา มยฺหํ อรุจฺจนกํ อตฺถิ, ยสฺส ทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มฺสีติ.
อิติ ภควตา อนฺุาตสมนนฺตรํ สตฺถุ ปาเท วนฺทิตฺวา อุฏฺิตมตฺเต อายสฺมนฺเต สาริปุตฺเต สิเนรุจกฺกวาฬหิมวนฺตปริภณฺฑปพฺพเต ธารยมานาปิ – ‘‘อชฺช อิมํ คุณราสึ ธาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย เอกปฺปหาเรเนว วิรวมานา มหาปถวี ยาว อุทกปริยนฺตา อกมฺปิ, อากาเส เทวทุนฺทุภิโย ผลึสุ, มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ.
สตฺถา – ‘‘ธมฺมเสนาปตึ ปฏิปาเทสฺสามี’’ติ ธมฺมาสนา ¶ วุฏฺาย คนฺธกุฏิอภิมุโข คนฺตฺวา มณิผลเก อฏฺาสิ. เถโร ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสงฺขฺเยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสนํ ปตฺเถสึ, สา เม ปตฺถนา สมิทฺธา, ทิฏฺา ตุมฺเห, ตํ ปมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสนํ. ปุน ตุมฺหากํ ทสฺสนํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ ¶ อฺชลึ ปคฺคยฺห ยาว ทสฺสนวิสยา อภิมุโขว ปฏิกฺกมิตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. ปุน มหาปถวี ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิ.
ภควา ปริวาเรตฺวา ิเต ภิกฺขู อาห – ‘‘อนุคจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เชฏฺภาติก’’นฺติ. ตสฺมึ ขเณ จตสฺโสปิ ปริสา สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกกํเยว เชตวเน โอหาย นิรวเสสา นิกฺขมึสุ. สาวตฺถินครวาสิโนปิ – ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร กิร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อาปุจฺฉิตฺวา ปรินิพฺพายิตุกาโม นิกฺขนฺโต, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ นครทฺวารานิ นิโรกาสานิ กโรนฺตา นิกฺขมิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เกเส วิกิริตฺวา – ‘‘อิทานิ มยํ กหํ มหาปฺโ นิสินฺโน, กหํ ธมฺมเสนาปติ นิสินฺโน’’ติ ปุจฺฉนฺตา – ‘‘กสฺส สนฺติกํ คมิสฺสาม, กสฺส หตฺเถ สตฺถารํ เปตฺวา เถโร ปกฺกนฺโต’’ติอาทินา นเยน ปริเทวนฺตา โรทนฺตา เถรํ อนุพนฺธึสุ.
เถโร มหาปฺาย ิตตฺตา – ‘‘สพฺเพสํ อนติกฺกมนีโย เอส มคฺโค’’ติ มหาชนํ โอวทิตฺวา – ‘‘ตุมฺเหปิ, อาวุโส, ติฏฺถ, มา ทสพเล ปมาทํ อาปชฺชิตฺถา’’ติ ภิกฺขุสงฺฆมฺปิ นิวตฺเตตฺวา อตฺตโน ปริสาเยว สทฺธึ ปกฺกามิ. เยปิ มนุสฺสา – ‘‘ปุพฺเพ อยฺโย ปจฺจาคมนจาริกํ จรติ, อิทํ อิทานิ คมนํ น ปุน ปจฺจาคมนายา’’ติ ปริเทวนฺตา อนุพนฺธึสุเยว. เตปิ – ‘‘อปฺปมตฺตา, อาวุโส, โหถ, เอวํภาวิโน นาม สงฺขารา’’ติ นิวตฺเตสิ.
อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน อนฺตรามคฺเค สตฺตาหํ มนุสฺสานํ ¶ สงฺคหํ กโรนฺโต สายํ นาลกคามํ ปตฺวา คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อถ อุปเรวโต นาม เถรสฺส ภาคิเนยฺโย พหิคามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เถโร ตํ อาห – ‘‘อตฺถิ เคเห เต อยฺยิกา’’ติ. อาม ภนฺเตติ. คจฺฉ อมฺหากํ อิธาคตภาวํ อาโรเจหิ. ‘‘กสฺมา อาคโต’’ติ จ วุตฺเต – ‘‘อชฺช กิร เอกทิวสํ อนฺโตคาเม วสิสฺสติ, ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคถ, ปฺจนฺนฺจ กิร ภิกฺขุสตานํ วสนฏฺานํ ชานาถา’’ติ. โส คนฺตฺวา – ‘‘อยฺยิเก มยฺหํ มาตุโล อาคโต’’ติ อาห. อิทานิ กุหินฺติ? คามทฺวาเรติ. เอกโกว, อฺโปิ โกจิ อตฺถีติ? อตฺถิ ปฺจสตา ภิกฺขูติ. กึการณา อาคโตติ? โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. พฺราหฺมณี – ‘‘กึ นุ โข เอตฺตกานํ วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคาเปติ ¶ , ทหรกาเล ปพฺพชิตฺวา มหลฺลกกาเล คิหี โหตุกาโม’’ติ จินฺเตนฺตี ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา ปฺจสตานํ วสนฏฺานํ กาเรตฺวา ทณฺฑทีปิกา ชาเลตฺวา เถรสฺส ปาเหสิ.
เถโร ¶ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปาสาทํ อารุยฺห ชาโตวรกํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ, นิสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ วสนฏฺานํ คจฺฉถา’’ติ ภิกฺขู อุยฺโยเชสิ. เตสุ คตมตฺเตสุเยว เถรสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา มารณนฺติกา เวทนา วตฺตนฺติ. เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติ. พฺราหฺมณี – ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปวตฺติ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อตฺตโน วสนคพฺภทฺวารํ นิสฺสาย อฏฺาสิ.
จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘ธมฺมเสนาปติ กุหึ วิหรตี’’ติ โอโลเกนฺตา นาลกคาเม ชาโตวรเก ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน, ปจฺฉิมทสฺสนํ คมิสฺสามา’’ติ อาคมฺม วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. เก ตุมฺเหติ? มหาราชาโน ภนฺเตติ. กสฺมา อาคตตฺถาติ? คิลานุปฏฺากา ภวิสฺสามาติ. ‘‘โหตุ, อตฺถิ คิลานุปฏฺาโก, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ อุยฺโยเชสิ. เตสํ คตาวสาเน เตเนว นเยน สกฺโก เทวานมินฺโท. ตสฺมึ คเต มหาพฺรหฺมา จ อาคมึสุ. เตปิ ตเถว เถโร อุยฺโยเชสิ.
พฺราหฺมณี เทวตานํ อาคมนฺจ คมนฺจ ทิสฺวา ‘‘เก นุ โข เอเต มม ปุตฺตํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ เถรสฺส ¶ คพฺภทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต, จุนฺท, กา ปวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘มหาอุปาสิกา, ภนฺเต, อาคตา’’ติ อาห. เถโร ‘‘กสฺมา อเวลาย อาคตา’’ติ ปุจฺฉิ. สา ‘‘ตุยฺหํ, ตาต, ทสฺสนตฺถายา’’ติ วตฺวา ‘‘ตาต, ปมํ เก อาคตา’’ติ ปุจฺฉิ. จตฺตาโร มหาราชาโน อุปาสิเกติ. ตาต, ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ มหนฺตตโรติ? อารามิกสทิสา เอเต อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ขคฺคหตฺถา หุตฺวา อารกฺขํ อกํสูติ. เตสํ ตาต คตาวสาเน โก อาคโตติ? สกฺโก เทวานมินฺโทติ. เทวราชโตปิ ตฺวํ ตาต มหนฺตตโรติ? ภณฺฑคฺคาหกสามเณรสทิโส เอส อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ตาวตึสโต โอตรณกาเล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โอติณฺโณติ. ตสฺส ตาต คตาวสาเน โชตยมาโน วิย โก อาคโตติ? อุปาสิเก, ตุยฺหํ ภควา จ สตฺถา จ มหาพฺรหฺมา นาม เอโสติ. มยฺหํ ภควโต ¶ มหาพฺรหฺมโตปิ ตฺวํ, ตาต, มหนฺตตโรติ? อาม อุปาสิเก, เอเต นาม กิร อมฺหากํ สตฺถุ ชาตทิวเส จตฺตาโร มหาพฺรหฺมาโน มหาปุริสํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสูติ.
อถ พฺราหฺมณิยา – ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ อานุภาโว, กีทิโส วต มยฺหํ ปุตฺตสฺส ภควโต ¶ สตฺถุ อานุภาโว ภวิสฺสตี’’ติ จินฺตยนฺติยา สหสา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริ. เถโร – ‘‘อุปฺปนฺนํ เม มาตุ ปีติโสมนสฺสํ, อยํ ทานิ กาโล ธมฺมเทสนายา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ จินฺเตสิ มหาอุปาสิเก’’ติ อาห. สา ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ คุโณ, สตฺถุ ปนสฺส กีทิโส ภวิสฺสตีติ อิทํ, ตาต, จินฺเตมี’’ติ อาห. มหาอุปาสิเก, มยฺหํ สตฺถุชาตกฺขเณ มหาภินิกฺขมเน สมฺโพธิยํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน สโม นาม นตฺถิ, อิติปิ โส ภควาติ วิตฺถาเรตฺวา พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมเทสนํ กเถสิ.
พฺราหฺมณี ปิยปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต อุปติสฺส, กสฺมา เอวมกาสิ, เอวรูปํ นาม อมตํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ น อทาสี’’ติ. เถโร – ‘‘ทินฺนํ ทานิ เม มาตุ รูปสาริยา ¶ พฺราหฺมณิยา โปสาวนิกมูลํ, เอตฺตเกน วฏฺฏิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘คจฺฉ มหาอุปสิเก’’ติ พฺราหฺมณึ อุยฺโยเชตฺวา – ‘‘จุนฺท กา เวลา’’ติ อาห. พลวปจฺจูสกาโล, ภนฺเตติ. ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหีติ. สนฺนิปติโต ภนฺเต ภิกฺขุสงฺโฆติ. ‘‘มํ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปหิ จุนฺทา’’ติ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปสิ.
เถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส จตุจตฺตาลีสํ โว วสฺสานิ มยา สทฺธึ วิจรนฺตานํ ยํ เม กายิกํ วา วาจสิกํ วา น โรเจถ, ตํ ขมถ อาวุโส’’ติ. เอตฺตกํ, ภนฺเต, อมฺหากํ ฉายา วิย ตุมฺเห อมฺุจิตฺวา วิจรนฺตานํ อรุจฺจนกํ นาม นตฺถิ, ตุมฺเห ปน อมฺหากํ ขมถาติ. อถ เถโร มหาจีวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา มุขํ ปิธาย ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโน สตฺถา วิย นว อนุปุพฺพสมาปตฺติโย อนุโลมปฏิโลมโต สมาปชฺชิตฺวา ปุน ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา ยาว จตุตฺถชฺฌานา สมาปชฺชิ ¶ . ตโต วุฏฺาย อนนฺตรํเยว มหาปถวึ อุนฺนาเทนฺโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
อุปาสิกา – ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต, น กิฺจิ กเถตี’’ติ อุฏฺาย ปิฏฺิปาเท ปริมชฺชนฺตี ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา มหาสทฺทํ กุรุมานา ปาเทสุ นิปติตฺวา – ‘‘ตาต มยํ อิโต ปุพฺเพ ตว คุณํ น ชานิมฺหา, อิทานิ ปน ตํ อาทึ กตฺวา อเนกสเต อเนกสหสฺเส อเนกสตสหสฺเส ภิกฺขู อิมสฺมึ นิเวสเน นิสีทาเปตฺวา โภเชตุํ น ลภิมฺหา, จีวเรหิ อจฺฉาเทตุํ น ลภิมฺหา, วิหารสตํ วิหารสหสฺสํ กาเรตุํ น ลภิมฺหา’’ติ ยาว อรุณุคฺคมนา ปริเทวิ ¶ . อรุเณ อุคฺคตมตฺเตเยว สุวณฺณกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา สุวณฺณคพฺภํ วิวราเปตฺวา สุวณฺณฆฏิโย มหาตุลาย ตุลาเปตฺวา – ‘‘ปฺจ กูฏาคารสตานิ ปฺจ อคฺฆิกสตานิ กโรถา’’ติ ทาเปติ.
สกฺโกปิ เทวราชา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘ตาต ธมฺมเสนาปติ ปรินิพฺพุโต, ปฺจ กูฏาคารสตานิ ปฺจ อคฺฆิกสตานิ จ มาเปหี’’ติ อาห. อิติ อุปาสิกาย การิตานิ จ วิสฺสกมฺเมน นิมฺมิตานิ จ สพฺพานิปิ ทฺเวสหสฺสานิ อเหสุํ. ตโต นครมชฺเฌ สารมยํ มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา มณฺฑปมชฺเฌ มหากูฏาคารํ เปตฺวา ¶ เสสานิ ปริวารสงฺเขเปน เปตฺวา สาธุกีฬิกํ อารภึสุ. เทวานํ อนฺตเร มนุสฺสา, มนุสฺสานํ อนฺตเร เทวา อเหสุํ.
เรวตี นาม เอกา เถรสฺส อุปฏฺายิกา – ‘‘อหํ เถรสฺส ปูชํ กริสฺสามี’’ติ สุวณฺณปุปฺผานํ ตโย กุมฺเภ กาเรสิ. ‘‘เถรสฺส ปูชํ กริสฺสามี’’ติ สกฺโก เทวราชา อฑฺฒเตยฺยโกฏินาฏเกหิ ปริวาริโต โอตริ. ‘‘สกฺโก โอตรตี’’ติ มหาชโน ปจฺฉามุโข ปฏิกฺกมิ. ตตฺถ สาปิ อุปาสิกา ปฏิกฺกมมานา ครุภารตฺตา เอกมนฺตํ อปสกฺกิตุํ อสกฺโกนฺตี มนุสฺสานํ อนฺตเร ปติ. มนุสฺสา อปสฺสนฺตา ตํ มทฺทิตฺวา อคมึสุ. สา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตกฺขเณเยวสฺสา รตนกฺขนฺโธ วิย ติคาวุตปฺปมาโณ อตฺตภาโว อโหสิ สฏฺิสกฏปูรปฺปมาณอลงฺการปฏิมณฺฑิตา อจฺฉราสหสฺสปริวาริตา. อถสฺสา ทิพฺพํ สพฺพกายิกาทาสํ ปุรโต ปยึสุ ¶ . สา อตฺตโน สิริสมฺปตฺตึ ทิสฺวา – ‘‘อุฬารา อยํ สมฺปตฺติ, กึ นุ โข เม กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺตยมานา อทฺทส – ‘‘มยา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปรินิพฺพุตฏฺาเน ตีหิ สุวณฺณปุปฺผกุมฺเภหิ ปูชา กตา, มหาชโน มํ มทฺทิตฺวา คโต, สาหํ ตตฺถ กาลํ กตฺวา อิธูปปนฺนา, เถรํ นิสฺสาย ลทฺธํ อิทานิ ปฺุวิปากํ มนุสฺสานํ กเถสฺสามี’’ติ สห วิมาเนเนว โอตริ.
มหาชโน ทูรโตว ทิสฺวา – ‘‘กึ นุ โข ทฺเว สูริยา อุฏฺิตา’’ติ? โอโลเกนฺโต – ‘‘วิมาเน อาคจฺฉนฺเต กูฏาคารสณฺานํ ปฺายติ, นายํ สูริโย, วิมานเมตํ เอก’’นฺติ อาห. ตมฺปิ วิมานํ ตาวเทว อาคนฺตฺวา เถรสฺส ทารุจิตกมตฺถเก เวหาสํ อฏฺาสิ. เทวธีตา วิมานํ อากาเสเยว เปตฺวา ปถวึ โอตริ. มหาชโน – ‘‘กา ตฺวํ, อยฺเย’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘น มํ ตุมฺเห ชานาถ, เรวตี นามาหํ, ตีหิ สุวณฺณปุปฺผกุมฺเภหิ เถรํ ปูชํ กตฺวา มนุสฺเสหิ มทฺทิตา ¶ กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตา, ปสฺสถ เม สิริสมฺปตฺตึ, ตุมฺเหปิ ทานิ ทานานิ เทถ, ปฺุานิ กโรถา’’ติ กุสลกิริยาย วณฺณํ กเถตฺวา เถรสฺส จิตกํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน เทวฏฺานํเยว คตา.
มหาชโนปิ ¶ สตฺตาหํ สาธุกีฬิกํ กีฬิตฺวา สพฺพคนฺเธหิ จิตกํ อกาสิ, จิตกา เอกูนรตนสติกา อโหสิ. เถรสฺส สรีรํ จิตกํ อาโรเปตฺวา อุสีรกลาปเกหิ อาลิมฺเปสุํ. อาฬาหเน สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ ปวตฺติ. อนุรุทฺธตฺเถโร สพฺพคนฺโธทเกน เถรสฺส จิตกํ นิพฺพาเปสิ. จุนฺทตฺเถโร ธาตุโย ปริสฺสาวเน ปกฺขิปิตฺวา – ‘‘น ทานิ มยา อิเธว สกฺกา าตุํ, มยฺหํ เชฏฺภาติกสฺส ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ ธาตุปริสฺสาวนํ เถรสฺส จ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา สาวตฺถึ อคมาสิ. เอกฏฺาเนปิ จ ทฺเว รตฺติโย อวสิตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว สาวตฺถึ ปาปุณิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ อถ โข จุนฺโท สมณุทฺเทโสติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ เยนายสฺมา อานนฺโทติ เยน อตฺตโน อุปชฺฌาโย ธมฺมภณฺฑาคาริโก อายสฺมา อานนฺโท, เตนุปสงฺกมิ. กสฺมา ปเนส อุชุกํ ¶ สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อคมาสีติ? สตฺถริ จ เถเร จ คารเวน. เชตวนมหาวิหาเร โปกฺขรณิยํ กิรสฺส นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา สุนิวตฺถสุปารุตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘พุทฺธา นาม มหาปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุโน, ผณกตสปฺป สีหพฺยคฺฆมตฺตวรวารณาทโย วิย จ ทุราสทา, น สกฺกา มยา อุชุกเมว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กเถตุํ, กสฺส นุ โข สนฺติกํ คนฺตพฺพ’’นฺติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อุปชฺฌาโย เม ธมฺมภณฺฑาคาริโก เชฏฺภาติกตฺเถรสฺส อุตฺตมสหาโย, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อาทาย สตฺถารา สทฺธึ กเถสฺสามี’’ติ สตฺถริ เจว เถเร จ คารเวน อุปสงฺกมิ.
อิทมสฺส ปตฺตจีวรนฺติ ‘‘อยมสฺส ปริโภคปตฺโต, อิทํ ธาตุปริสฺสาวน’’นฺติ เอวํ เอเกกํ อาจิกฺขิ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อิทมสฺส ปตฺตจีวร’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. กถาปาภตนฺติ กถามูลํ. มูลฺหิ ปาภตนฺติ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘อปฺปเกนปิ ¶ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔);
ภควนฺตํ ¶ ทสฺสนายาติ ภควนฺตํ ทสฺสนตฺถาย. กึ ปนิมินา ภควา น ทิฏฺปุพฺโพติ? โน น ทิฏฺปุพฺโพ. อยฺหิ อายสฺมา ทิวา นว วาเร, รตฺตึ นว วาเรติ เอกาหํ อฏฺารส วาเร อุปฏฺานเมว คจฺฉติ. ทิวสสฺส ปน สตวารํ วา สหสฺสวารํ วา คนฺตุกาโม สมาโนปิ น อการณา คจฺฉติ, เอกํ ปฺหทฺวารํ คเหตฺวาว คจฺฉติ. โส ตํทิวสํ เตน กถาปาภเตน คนฺตุกาโม เอวมาห. อิทมสฺส ปตฺตจีวรนฺติ เถโรปิ – ‘‘อิทํ ตสฺส ปตฺตจีวรํ, อิทฺจ ธาตุปริสฺสาวน’’นฺติ ปาฏิเยกฺกํเยว ทสฺเสตฺวา อาจิกฺขิ.
สตฺถา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ธาตุปริสฺสาวนํ คเหตฺวา หตฺถตเล เปตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุริมทิวเส อเนกานิ ปาฏิหาริยสตานิ กตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปสิ, ตสฺส อิทานิ อิมา สงฺขวณฺณสนฺนิภา ธาตุโยว ปฺายนฺติ, กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปูริตปารมี เอส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ ¶ อนุปวตฺตโก เอส ภิกฺขุ, ปฏิลทฺธทุติยอาสโน เอส ภิกฺขุ, ปูริตสาวกสนฺนิปาโต เอส ภิกฺขุ, เปตฺวา มํ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ ปฺาย อสทิโส เอส ภิกฺขุ, มหาปฺโ เอส ภิกฺขุ, ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ เอส ภิกฺขุ, อปฺปิจฺโฉ เอส ภิกฺขุ, สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อารทฺธวีริโย โจทโก ปาปครหี เอส ภิกฺขุ, ปฺจ ชาติสตานิ ปฏิลทฺธมหาสมฺปตฺติโย ปหาย ปพฺพชิโต เอส ภิกฺขุ, มม สาสเน ปถวีสมขนฺติโก เอส ภิกฺขุ, ฉินฺนวิสาณอุสภสทิโส เอส ภิกฺขุ, จณฺฑาลปุตฺตสทิสนีจจิตฺโต เอส ภิกฺขุ. ปสฺสถ, ภิกฺขเว, มหาปฺสฺส ธาตุโย, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ปุถุปฺสฺส หาสปฺสฺส ชวนปฺสฺส ติกฺขปฺสฺส นิพฺเพธิกปฺสฺส อปฺปิจฺฉสฺส สนฺตุฏฺสฺส ปวิวิตฺตสฺส อสํสฏฺสฺส อารทฺธวีริยสฺส ¶ , โจทกสฺส, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ปาปครหิสฺส ธาตุโยติ.
‘‘โย ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺตํ.
‘‘ขนฺติพโล ¶ ปถวิสโม น กุปฺปติ,
น จาปิ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ;
อนุกมฺปโก การุณิโก จ นิพฺพุโต,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺตํ.
‘‘จณฺฑาลปุตฺโต ยถา นครํ ปวิฏฺโ,
นีจมโน จรติ กโฬปิหตฺโถ;
ตถา อยํ วิหรติ สาริปุตฺโต,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺตํ.
‘‘อุสโภ ยถา ฉินฺนวิสาณโก,
อเหยนฺโต จรติ ปุรนฺตเร วเน;
ตถา อยํ วิหรติ สาริปุตฺโต,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺต’’นฺติ.
อิติ ¶ ภควา ปฺจหิ คาถาสเตหิ เถรสฺส วณฺณํ กเถสิ. ยถา ยถา ภควา เถรสฺส วณฺณํ กเถสิ, ตถา ตถา อานนฺทตฺเถโร สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ, พิฬารมุเข ปกฺขนฺตกุกฺกุโฏ วิย ปเวธติ. เตนาห อปิจ เม, ภนฺเต, มธุรกชาโต วิย กาโยติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. ตตฺถ มธุรกชาโตติอาทีนํ อตฺโถ วุตฺโตเยว. อิธ ปน ธมฺมาติ อุทฺเทสปริปุจฺฉาธมฺมา อธิปฺเปตา. ตสฺส หิ อุทฺเทสปริปุจฺฉาธมฺเม อคหิเต วา คเหตุํ, คหิเต วา สชฺฌายํ กาตุํ จิตฺตํ น ปวตฺตติ. อถ สตฺถา ปฺจปสาทวิจิตฺรานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เถรํ โอโลเกนฺโต ‘‘อสฺสาเสสฺสามิ น’’นฺติ อสฺสาเสนฺโต กึ นุ โข เต, อานนฺท, สาริปุตฺโตติอาทิมาห.
ตตฺถ สีลกฺขนฺธนฺติ โลกิยโลกุตฺตรสีลํ. สมาธิปฺาสุปิ เอเสว นโย. วิมุตฺติ ปน โลกุตฺตราว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ¶ ปจฺจเวกฺขณาณํ, ตํ โลกิยเมว. โอวาทโกติ โอวาททายโก. โอติณฺโณติ โอติณฺเณสุ วตฺถูสุ นานปฺปกาเรน โอตรณสีโล. วิฺาปโกติ ธมฺมกถากาเล อตฺถฺจ การณฺจ วิฺาเปตา. สนฺทสฺสโกติ ขนฺธธาตุอายตนวเสน เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ¶ ทสฺเสตา. สมาทปโกติ ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ เอวํ คณฺหาปโก. สมุตฺเตชโกติ อพฺภุสฺสาหโก. สมฺปหํสโกติ ปฏิลทฺธคุเณหิ โมทาปโก โชตาปโก.
อกิลาสุ ธมฺมเทสนายาติ ธมฺมเทสนํ อารภิตฺวา ‘‘สีสํ วา เม รุชฺชติ, หทยํ วา กุจฺฉิ วา ปิฏฺิ วา’’ติ เอวํ โอสกฺกนาการวิรหิโต นิกฺกิลาสุ วิสารโท เอกสฺสาปิ ทฺวินฺนมฺปิ สีหเวเคเนว ปกฺขนฺทติ. อนุคฺคาหโก สพฺรหฺมจารีนนฺติ ปทสฺส อตฺโถ ขนฺธกวคฺเค วิตฺถาริโตว. ธมฺโมชํ ธมฺมโภคนฺติ อุภเยนปิ ธมฺมปริโภโคว กถิโต. ธมฺมานุคฺคหนฺติ ธมฺเมน อนุคฺคหณํ.
สตฺถา ‘‘อติวิย อยํ ภิกฺขุ กิลมตี’’ติ ปุน ตํ อสฺสาเสนฺโต นนุ ตํ, อานนฺท, มยาติอาทิมาห. ตตฺถ ปิเยหิ มนาเปหีติ มาตาปิตาภาตาภคินีอาทิเกหิ ชาติยา นานาภาโว, มรเณน วินาภาโว, ภเวน อฺถาภาโว. ตํ กุเตตฺถ, อานนฺท, ลพฺภาติ ตนฺติ ¶ ตสฺมา. ยสฺมา สพฺเพหิ ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว, ตสฺมา ทส ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ สมฺโพธึ ปตฺวาปิ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวาปิ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวาปิ เทโวโรหนํ กตฺวาปิ ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ มา ปลุชฺชีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, โรทนฺเตนปิ กนฺทนฺเตนปิ น สกฺกา ตํ การณํ ลทฺธุนฺติ. โส ปลุชฺเชยฺยาติ โส ภิชฺเชยฺย.
เอวเมว โขติ เอตฺถ โยชนสตุพฺเพโธ มหาชมฺพุรุกฺโข วิย ภิกฺขุสงฺโฆ ตสฺส ทกฺขิณทิสํ คโต ปฺาสโยชนิโก มหาขนฺโธ วิย ธมฺมเสนาปติ. ตสฺมึ มหาขนฺเธ ภินฺเน ตโต ปฏฺาย อนุปุพฺเพน วฑฺฒิตฺวา ปุปฺผผลาทีหิ ตํ านํ ปูเรตุํ สมตฺถสฺส อฺสฺส ขนฺธสฺส อภาโว วิย เถเร ปรินิพฺพุเต โสฬสนฺนํ ปฺานํ มตฺถกํ ปตฺตสฺส อฺสฺส ทกฺขิณาสเน นิสีทนสมตฺถสฺส สาริปุตฺตสทิสสฺส ภิกฺขุโน อภาโว. ตาย ปริภินฺนาย โส รุกฺโข วิย ¶ ภิกฺขุสงฺโฆ ขนฺโธตฺเวว ชาโตติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมาติ ยสฺมา สพฺพํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ มา ปลุชฺชีติ น สกฺกา ลทฺธุํ, ตสฺมา.
๔-๕. อุกฺกเจลสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๘๐-๓๘๑. จตุตฺเถ ¶ อจิรปรินิพฺพุเตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสูติ นจิรปรินิพฺพุเตสุ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ. เตสฺหิ ธมฺมเสนาปติ กตฺติกมาสปุณฺณมาย ปรินิพฺพุโต, มหาโมคฺคลฺลาโน ตโต อฑฺฒมาสํ อติกฺกมฺม อมาวสุโปสเถ. สตฺถา ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ปรินิพฺพุเตสุ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร มหามณฺฑเล จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน อุกฺกเจลนครํ ปตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา คงฺคาปิฏฺเ รชตปฏฺฏวณฺณวาลิกาปุลิเน วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อจิรปรินิพฺพุเตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสู’’ติ. เย มหนฺตตรา ขนฺธา เต ปลุชฺเชยฺยุนฺติ อิธาปิ โยชนสตุพฺเพโธ มหาชมฺพุรุกฺโข วิย ภิกฺขุสงฺโฆ, ตสฺส ทกฺขิณโต จ อุตฺตรโต จ คตา ปณฺณาสโยชนิกา ทฺเว มหาขนฺธา วิย ทฺเว อคฺคสาวกาติ. เสสํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. ปฺจเม ทิฏฺีติ กมฺมสฺสกทิฏฺิ.
๖. อุตฺติยสุตฺตวณฺณนา
๓๘๒. ฉฏฺเ ¶ มจฺจุเธยฺยสฺส ปารนฺติ เตภูมกวฏฺฏสฺส ปารภูตํ, นิพฺพานํ.
๘. พฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
๓๘๔. อฏฺเม กาเย วา ภิกฺขูติ ตสฺมึ กาเล ภิกฺขุเยว นตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ โย สติปฏฺาเน ภาเวติ, โส กิเลสภินฺทเนน ภิกฺขุเยวาติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. เอกายนนฺติ ¶ เอกมคฺคํ. ชาติกฺขยนฺตทสฺสีติ ชาติยา ขโยติ จ อนฺโตติ จ นิพฺพานํ, ตํ ปสฺสตีติ อตฺโถ. มคฺคํ ปชานาตีติ เอกายนสงฺขาตํ เอกมคฺคภูตํ มคฺคํ ปชานาติ. เอกายนมคฺโค วุจฺจติ ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโค, ตํ ปชานาตีติ อตฺโถ.
๙. เสทกสุตฺตวณฺณนา
๓๘๕. นวเม สุมฺเภสูติ เอวํนามเก ชนปเท. เมทกถาลิกาติ เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามํ. มมํ รกฺข, อหํ ตํ รกฺขิสฺสามีติ เอตฺถ อยํ ตสฺส ลทฺธิ – อาจริโย อุกฺขิตฺตวํสํ ¶ สุคฺคหิตํ อคณฺหนฺโต, อนฺเตวาสิเกน ปกฺขนฺตปกฺขนฺตทิสํ อคจฺฉนฺโต, สพฺพกาลฺจ วํสคฺคํ อนุลฺโลเกนฺโต อนฺเตวาสิกํ น รกฺขติ นาม, เอวํ อรกฺขิโต อนฺเตวาสิโก ปติตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ โหติ. วํสํ ปน สุคฺคหิตํ คณฺหนฺโต, เตน ปกฺขนฺตปกฺขนฺตทิสํ คจฺฉนฺโต, สพฺพกาลฺจ วํสคฺคํ อุลฺโลเกนฺโต ตํ รกฺขติ นาม. อนฺเตวาสิโกปิ อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา มิโค วิย กีฬนฺโต อาจริยํ น รกฺขติ นาม. เอวฺหิ สติ ติขิณวํสโกฏิ อาจริยสฺส คลวาฏเก วา นลาเฏ วา ปิตา ิตฏฺานํ ภินฺทิตฺวา คจฺเฉยฺย. อาจารสมฺปนฺนตาย ปน ยโต วํโส นมติ, ตโต อนาเมนฺโต ตํ อากฑฺเฒนฺโต วิย เอกโตภาคิยํ กตฺวา วาตูปถมฺภํ คาหาเปตฺวา สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา นิจฺจโลว นิสีทนฺโต อาจริยํ รกฺขติ นามาติ.
ตฺวํ อาจริย อตฺตานํ รกฺข, อหํ อตฺตานํ รกฺขิสฺสามีติ เอตฺถ อยมธิปฺปาโย – อาจริโย วํสํ สุคฺคหิตํ คณฺหนฺโต, อนฺเตวาสิเกน ปกฺขนฺตปกฺขนฺตทิสํคจฺฉนฺโต ¶ , สพฺพกาลฺจ วํสคฺคํ อุลฺโลเกนฺโต, อตฺตานเมว รกฺขติ, น อนฺเตวาสิกํ. อนฺเตวาสิโกปิ กายมฺปิ เอกโตภาคิยํ กตฺวา วาตูปถมฺภํ คาหาเปตฺวา สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา นิจฺจโลว นิสีทมาโน อตฺตานํเยว รกฺขติ นาม, น อาจริยํ.
โส ตตฺถ าโยติ ยํ เมทกถาลิกา อาห. โส ตตฺถ าโย, โส อุปาโย, ตํ การณนฺติ อตฺโถ. สติปฏฺานํ ¶ เสวิตพฺพนฺติ จตุพฺพิธํ สติปฏฺานํ เสวิตพฺพํ. อาเสวนายาติ กมฺมฏฺานาเสวนาย. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรํ รกฺขตีติ โย ภิกฺขุ กมฺมารามตาทีนิ ปหาย รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ มูลกมฺมฏฺานํ อาเสวนฺโต ภาเวนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อถ นํ ปโร ทิสฺวา – ‘‘ภทฺทโก วตายํ, ภิกฺขุ, สมฺมาปฏิปนฺโน’’ติ ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺคปรายโณ โหติ. อยํ อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรํ รกฺขติ นาม.
ขนฺติยาติ อธิวาสนขนฺติยา. อวิหึสายาติ สปุพฺพภาคาย กรุณาย. เมตฺตจิตฺตตายาติ สปุพฺพภาคาย เมตฺตาย. อนุทยตายาติ อนุวฑฺฒิยา, สปุพฺพภาคาย มุทิตายาติ อตฺโถ. ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขตีติ เอตฺถ โย ภิกฺขุ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานํ คโต ตีสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ ติกจตุกฺกชฺฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อยํ ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ นามาติ เวทิตพฺโพ.
๑๐. ชนปทกลฺยาณีสุตฺตวณฺณนา
๓๘๖. ทสเม ¶ ชนปทกลฺยาณีติ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา, นาติกิสา นาติถูลา, นาติกาฬา นาจฺโจทาตา, อติกฺกนฺตา, มานุสวณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ, มํสกลฺยาณํ, นฺหารุกลฺยาณํ, อฏฺิกลฺยาณํ, วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปฺจกลฺยาเณหิ สมนฺนาคตา นาม. ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นตฺถิ, อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺถฏฺาเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ, สุวณฺณสามา วา, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา ¶ มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ ปน นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปูริตานิ วิย, มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ, โหนฺติ อยมสฺสา นฺหารุกลฺยาณกตา. ทฺวตฺตึส ทนฺตา สุผุสิตา ¶ สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสติวสฺสสติกาปิ ปน สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิปฺปลิตา, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา.
ปรมปาสาวินีติ เอตฺถ ปสวนํ ปสาโว, ปวตฺตีติ อตฺโถ. ปสาโว เอว ปาสาโว. ปรโม ปาสาโว ปรมปาสาโว, โส อสฺสา อตฺถีติ ปรมปาสาวินี. นจฺเจ จ คีเต จ อุตฺตมปวตฺติ เสฏฺกิริยา, อุตฺตมเมว นจฺจํ นจฺจติ, คีตํ วา คายตีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. อิเมสุ ปน ทฺวีสุ สุตฺเตสุ ปุพฺพภาควิปสฺสนาว กถิตาติ.
นาลนฺทวคฺโค ทุติโย.
๓. สีลฏฺิติวคฺโค
๑-๒. สีลสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๘๗-๓๘๘. ตติยวคฺคสฺส ¶ ปเม สีลานีติ จตุปาริสุทฺธิสีลานิ. ทุติเย อุมฺมงฺโคติ ปฺหมคฺโค ปฺหคเวสนํ.
๓-๕. ปริหานสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๘๙-๓๙๑. ตติเย ปริหานํ โหตีติ ปุคฺคลวเสน ปริหานํ โหติ. โย หิ พุทฺเธสุ ธรนฺเตสุปิ จตฺตาโร สติปฏฺาเน น ภาเวติ, ตสฺส สทฺธมฺโม อนฺตรหิโต นาม โหติ เทวทตฺตาทีนํ วิย. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ตสฺส ปุคฺคลสฺเสว ธมฺมนฺตรธานํ กถิตํ. จตุตฺถปฺจเมสุ สพฺพํ อุตฺตานเมว.
๖. ปเทสสุตฺตวณฺณนา
๓๙๒. ฉฏฺเ ¶ ปเทสํ ภาวิตตฺตาติ ปเทสโต ภาวิตตฺตา. จตฺตาโร หิ มคฺเค ตีณิ จ ผลานิ นิพฺพตฺเตนฺเตน สติปฏฺานา ปเทสํ ภาวิตา นาม โหนฺติ.
๗. สมตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๙๓. สตฺตเม ¶ สมตฺตํ ภาวิตตฺตาติ สมตฺตา ภาวิตตฺตา. อรหตฺตผลํ อุปฺปาเทนฺเตน หิ สติปฏฺานา สมตฺตํ ภาวิตา นาม โหนฺติ.
๘-๑๐. โลกสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๙๔-๓๙๖. อฏฺเม มหาภิฺตนฺติ ฉนฺนํ อภิฺานํ วเสน วุตฺตํ. สหสฺสํ โลกํ อภิชานามีติ ¶ สตตวิหารวเสเนว วุตฺตํ. เถโร กิร ปาโตว อุฏฺาย มุขํ โธวิตฺวา เสนาสเน นิสินฺโน อตีเต กปฺปสหสฺสํ, อนาคเต กปฺปสหสฺสํ อนุสฺสรติ, ปจฺจุปฺปนฺเนปิ สหสฺสํ จกฺกวาฬานํ ตสฺสาวชฺชนสฺส คตึ อนุพนฺธติ. อิติ โส ทิพฺเพน จกฺขุนา สหสฺสํ โลกํ อภิชานาติ, อยมสฺส สตตวิหาโร. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
สีลฏฺิติวคฺโค ตติโย.
๔. อนนุสฺสุตวคฺควณฺณนา
๔๐๑-๔๐๖. จตุตฺถวคฺคสฺส ปฺจเม วิทิตา เวทนาติ ยา เวทนา สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ตาวสฺส วิทิตา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ นาม. ยา จ ปน ปริคฺคหิเตสุ วตฺถารมฺมเณสุ ปวตฺตา เวทนา, ตาปิ วิทิตา อุปฺปชฺชนฺติ, วิทิตา อุปฏฺหนฺติ, วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ นาม. วิตกฺกาทีสุปิ เอเสว นโย. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อนนุสฺสุตวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อมตวคฺโค
๒. สมุทยสุตฺตวณฺณนา
๔๐๘. ปฺจมวคฺคสฺส ¶ ทุติเย อาหารสมุทยา กายสฺส สมุทโยติ อาหารสมุทเยน กายสมุทโย. เอเสว นโย เสเสสุ. มนสิการสมุทยาติ เอตฺถ ปน โยนิโสมนสิการสมุทยา โพชฺฌงฺคธมฺมานํ สมุทโย, อโยนิโสมนสิการสมุทยา นีวรณธมฺมานํ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต สารมฺมณสติปฏฺานา กถิตา.
๔. สติสุตฺตวณฺณนา
๔๑๐. จตุตฺถํ ¶ ¶ สุทฺธิกํ กตฺวา สมุทเย กถิเต พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ.
๖. ปาติโมกฺขสํวรสุตฺตวณฺณนา
๔๑๒. ฉฏฺเ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ จตุนฺนํ สีลานํ เชฏฺกสีลํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ปนาห – ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ, อิตรานิ ตีณิ สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ. วตฺวา ตํ อนุชานนฺโต อาห – ‘‘อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขณมตฺตเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมเนว สเมน ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกํ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย อิทมตฺถนฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนมตฺตกํ. นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ยสฺส โส ภินฺโน, อยํ ฉินฺนสีโส วิย ปุริโส หตฺถปาเท, เสสานิ รกฺขิสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. ยสฺส ปน โส อโรโค, อยํ อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส ชีวิตํ, เสสานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุมฺปิ สกฺโกตี’’ติ. ตสฺมา ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ, เตน ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโตติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต, อุเปโต สมนฺนาคโตติ อตฺโถ.
อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ อาจาเรน จ โคจเรน จ สมฺปนฺโน. อณุมตฺเตสูติ อปฺปมตฺตเกสุ. วชฺเชสูติ อกุสลธมฺเมสุ. ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสี. สมาทายาติ สมฺมา อาทิยิตฺวา. สิกฺขสฺสุ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺข, ยํ ¶ ยํ ปน กิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ สิกฺขิตพฺพํ กายิกํ วา วาจสิกํ วา, ตํ ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทาย สิกฺขสฺสูติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) วุตฺโต. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ปาติโมกฺขสํวรสีลเมว กถิตํ.
๗. ทุจฺจริตสุตฺตวณฺณนา
๔๑๓. สตฺตเม กายสุจริตวจีสุจริตานิ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ, มโนสุจริตํ อิตรานิ ตีณิ สีลานีติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ กถิตํ โหติ. อิมินา นเยน ปฺจสตฺตนวทสสุ กุสลกมฺมปเถสุ ¶ ¶ ปจฺฉิมาปิ ตโย สีลํ โหตีติ เวทิตพฺพา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. ฉฏฺสตฺตเมสุ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อมตวคฺโค ปฺจโม.
สติปฏฺานสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.