📜
๔. อินฺทฺริยสํยุตฺตํ
๑. สุทฺธิกวคฺโค
๑. สุทฺธิกสุตฺตวณฺณนา
๔๗๑. อินฺทฺริยสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม สทฺธินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยนฺติ อิมานิ ตีณิ จตุภูมกกุสลวิปาเกสุ เจว กิริยาสุ จ ลพฺภนฺติ. วีริยินฺทฺริยสมาธินฺทฺริยานิ จตุภูมกกุสเล อกุสเล วิปาเก กิริยายาติ สพฺพตฺถ ลพฺภนฺติ. อิติ อิทํ สุตฺตํ จตุภูมกสพฺพสงฺคาหกธมฺมปริจฺเฉทวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๗. ทุติยสมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๔๗๗. สตฺตเม สทฺธินฺทฺริยํ นปฺปชานนฺตีติ ทุกฺขสจฺจวเสน น ปชานนฺติ. สทฺธินฺทฺริยสมุทยํ นปฺปชานนฺตีติ สมุทยสจฺจวเสน น ปชานนฺติ. เอวํ นิโรธํ นิโรธสจฺจวเสน, ปฏิปทํ มคฺคสจฺจวเสนาติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
สุกฺกปกฺเข ปน อธิโมกฺขวเสน อาวชฺชนสมุทยา สทฺธินฺทฺริยสมุทโย โหติ, ปคฺคหวเสน อาวชฺชนสมุทยา วีริยินฺทฺริยสมุทโย, อุปฏฺานวเสน อาวชฺชนสมุทยา สตินฺทฺริยสมุทโย, อวิกฺเขปวเสน อาวชฺชนสมุทยา สมาธินฺทฺริยสมุทโย, ทสฺสนวเสน อาวชฺชนสมุทยา ปฺินฺทฺริยสมุทโย โหติ. ตถา ฉนฺทวเสน อาวชฺชนสมุทยา สทฺธินฺทฺริยสมุทโย โหติ, ฉนฺทวเสน อาวชฺชนสมุทยา วีริยสติสมาธิปฺินฺทฺริยสมุทโย โหติ. มนสิการวเสน อาวชฺชนสมุทยา สทฺธินฺทฺริยสมุทโย โหติ. มนสิการวเสน อาวชฺชนสมุทยา วีริยสติสมาธิปฺินฺทฺริยสมุทโย ¶ โหตีติ เอวมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิเมสุ ปฏิปาฏิยา ฉสุ สุตฺเตสุ จตุสจฺจเมว กถิตํ.
๘. ทฏฺพฺพสุตฺตวณฺณนา
๔๗๘. อฏฺเม ¶ กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สทฺธินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ, จตูสุ โสตาปตฺติยงฺเคสูติอาทิ อิเมสํ อินฺทฺริยานํ สวิสเย เชฏฺกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ยถา หิ จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา ราชาติ ราชปฺจเมสุ สหาเยสุ ‘‘นกฺขตฺตํ ¶ กีฬิสฺสามา’’ติ วีถึ โอติณฺเณสุ เอกสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส เคหํ คตกาเล อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว – ‘‘อิเมสํ ขาทนียํ โภชนียํ เทถ, คนฺธมาลาลงฺการาทีนิ เทถา’’ติ เคเห วิจาเรติ. ทุติยสฺส, ตติยสฺส, จตุตฺถสฺส เคหํ คตกาเล อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว – ‘‘อิเมสํ ขาทนียํ โภชนียํ เทถ, คนฺธมาลาลงฺการาทีนิ เทถา’’ติ เคเห วิจาเรติ. อถ สพฺพปจฺฉา รฺโ เคหํ คตกาเล กิฺจาปิ ราชา สพฺพตฺถ อิสฺสโร, อิมสฺมึ ปน กาเล อตฺตโน เคเหเยว – ‘‘อิเมสํ ขาทนียํ โภชนียํ เทถ, คนฺธมาลาลงฺการาทีนิ เทถา’’ติ เคเห วิจาเรติ. เอวเมว สทฺธาปฺจมเกสุ อินฺทฺริเยสุ เตสุ สหาเยสุ เอกโต วีถึ โอตรนฺเตสุ วิย เอการมฺมเณ อุปฺปชฺชมาเนสุปิ ยถา ปมสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ โสตาปตฺติยงฺคานิ ปตฺวา อธิโมกฺขลกฺขณํ สทฺธินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. ยถา ทุติยสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ สมฺมปฺปธานานิ ปตฺวา ปคฺคหลกฺขณํ วีริยินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. ยถา ตติยสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ สติปฏฺานานิ ปตฺวา อุปฏฺานลกฺขณํ สตินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. ยถา จตุตฺถสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ ฌานวิโมกฺเข ปตฺวา อวิกฺเขปลกฺขณํ สมาธินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. สพฺพปจฺฉา รฺโ เคหํ คตกาเล ปน ยถา อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, ราชาว เคเห วิจาเรติ, เอวเมว อริยสจฺจานิ ปตฺวา ปชานนลกฺขณํ ปฺินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺตีติ.
๙-๑๐. ปมวิภงฺคสุตฺตาทิวณฺณนา
๔๗๙-๔๘๐. นวเม ¶ ¶ สติเนปกฺเกนาติ เอตฺถ นิปกสฺส ภาโว เนปกฺกํ, ปฺาเยตํ นามํ. กสฺมา ปน สติภาชเน ปฺา วุตฺตาติ? สติยา พลวภาวทสฺสนตฺถํ. พลวสติ หิ อิธ อธิปฺเปตา. สา จ ปฺาสมฺปยุตฺตาว พลวตี โหติ, น วิปฺปยุตฺตาติ ปฺาสมฺปยุตฺตสตึ ทสฺเสนฺโต ¶ เอวมาห. จิรกตนฺติ จิรกาลํ กตํ ทานํ วา สีลํ วา อุโปสถกมฺมํ วา. จิรภาสิตนฺติ ‘‘อสุกสฺมึ าเน อสุกํ นาม ภาสิต’’นฺติ เอวํ จิรกาเล ภาสิตํ. โวสฺสคฺคารมฺมณํ กตฺวาติ นิพฺพานารมฺมณํ กตฺวา. อุทยตฺถคามินิยาติ อุทยฺจ อตฺถฺจ คจฺฉนฺติยา, อุทยพฺพยปริคฺคหิกายาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สุตฺเต สทฺธาสติปฺินฺทฺริยานิ ปุพฺพภาคานิ, วีริยินฺทฺริยํ มิสฺสกํ, สมาธินฺทฺริยํ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเมว กถิตํ. ทสเมปิ อยเมว ธมฺมปริจฺเฉโทติ.
สุทฺธิกวคฺโค ปโม.
๒. มุทุตรวคฺโค
๑. ปฏิลาภสุตฺตวณฺณนา
๔๘๑. ทุติยวคฺคสฺส ปเม สมฺมปฺปธาเน อารพฺภาติ สมฺมปฺปธาเน ปฏิจฺจ, สมฺมปฺปธาเน ภาเวนฺโตติ อตฺโถ. สตินฺทฺริเยปิ เอเสว นโย.
๒. ปมสํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๔๘๒. ทุติเย ตโตติ วิปสฺสนามคฺคผลวเสน นิสฺสกฺกํ เวทิตพฺพํ. สมตฺตานิ หิ ปริปุณฺณานิ ปฺจินฺทฺริยานิ อรหตฺตมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ. ตโต มุทุตเรหีติ เตหิ อรหตฺตมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริเยหิ มุทุตรานิ อนาคามิมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ สกทาคามิมคฺคสฺส, ตโต มุทุตรานิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ ¶ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ ธมฺมานุสาริมคฺคสฺส, ตโต มุทุตรานิ สทฺธานุสาริมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ.
ตถา ¶ สมตฺตานิ ปริปุณฺณานิ ปฺจินฺทฺริยานิ อรหตฺตมคฺคินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ อนาคามิมคฺคินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ สกทาคามิมคฺคินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ โสตาปตฺติมคฺคินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ ธมฺมานุสาริมคฺคินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ สทฺธานุสาริมคฺคินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ.
สมตฺตานิ ¶ ปริปุณฺณานิ ปฺจินฺทฺริยานิ อรหตฺตผลินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ อนาคามิผลินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ สกทาคามิผลินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ โสตาปตฺติผลินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ. ธมฺมานุสาริสทฺธานุสาริโน ปน ทฺเวปิ โสตาปตฺติมคฺคฏฺปุคฺคลา, มคฺคฏฺปุคฺคลวเสน เนสํ นานตฺตํ ชาตนฺติ อาคมเนนปิ มคฺเคนปิ. สทฺธานุสารี ปุคฺคโล หิ อุทฺทิสาเปนฺโต ปริปุจฺฉนฺโต อนุปุพฺเพน มคฺคํ ปาปุณาติ, ธมฺมานุสารี เอเกน วา ทฺวีหิ วา สวเนหิ. เอวํ ตาว เนสํ อาคมเนน นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ธมฺมานุสาริสฺส ปน มคฺโค ติกฺโข โหติ, สูรํ าณํ วหติ, อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน กิเลเส ฉินฺทติ กทลิกฺขนฺธํ วิย ติขิณา อสิธารา. สทฺธานุสาริสฺส น ตสฺส วิย มคฺโค ติกฺโข โหติ, น สูรํ าณํ วหติ, สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิเลเส ฉินฺทติ กทลิกฺขนฺธํ วิย อติขิณา อสิธารา. กิเลสกฺขเย ปน เตสํ นานตฺตํ นตฺถิ. อวเสสา จ กิเลสา ขียนฺติ.
๓. ทุติยสํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๔๘๓. ตติเย ตโตติ ผลวเสน นิสฺสกฺกํ เวทิตพฺพํ. สมตฺตานิ หิ ปริปุณฺณานิ ปฺจินฺทฺริยานิ อรหตฺตผลินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, อรหตฺตผเลน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อรหา นาม โหติ. อรหตฺตผลโต มุทุตรานิ อนาคามิผลินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ สกทาคามิผลินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ โสตาปตฺติผลินฺทฺริยานิ, โสตาปตฺติผเลน สมนฺนาคโต ¶ ปุคฺคโล โสตาปนฺโน นาม โหติ. อินฺทฺริยเวมตฺตตา ผลเวมตฺตตา โหตีติ อินฺทฺริยนานตฺเตน ผลนานตฺตํ, ผลนานตฺเตน ปุคฺคลนานตฺตนฺติ.
๔. ตติยสํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๔๘๔. จตุตฺเถ ปริปูรํ ปริปูรการี อาราเธตีติ ปริปูรํ อรหตฺตมคฺคํ กโรนฺโต อรหตฺตผลํ อาราเธติ. ปเทสํ ปเทสการีติ ¶ อวเสเส ตโย ปเทสมคฺเค กโรนฺโต ปเทสํ ผลตฺตยมตฺตเมว อาราเธติ. อิติ อิเมสุ จตูสุปิ สุตฺเตสุ มิสฺสกาเนว อินฺทฺริยานิ กถิตานิ.
๕-๗. ปมวิตฺถารสุตฺตาทิวณฺณนา
๔๘๕-๔๘๗. ปฺจเม ¶ ตโต มุทุตเรหีติ วิปสฺสนาวเสน นิสฺสกฺกํ เวทิตพฺพํ. ปริปุณฺณานิ หิ ปฺจินฺทฺริยานิ อรหตฺตมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ อนฺตราปรินิพฺพายิสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ อุปหจฺจปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ อสงฺขารปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ สสงฺขารปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ อุทฺธํโสตอกนิฏฺคามิสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ.
อิมสฺมึ ปน าเน อรหตฺตมคฺเคเยว ตฺวา ปฺจ นิสฺสกฺกานิ นีหริตพฺพานิ. อรหตฺตมคฺคสฺส หิ วิปสฺสนินฺทฺริเยหิ มุทุตรานิ ปมอนฺตราปรินิพฺพายิสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ ทุติยอนฺตราปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ ตติยอนฺตราปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ อุปหจฺจปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ อุทฺธํโสตอกนิฏฺคามิสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ. อสงฺขารปรินิพฺพายิสฺส สสงฺขารปรินิพฺพายิโนปิ เอเตว ปฺจ ชนา.
อิทานิ ตีณิ นิสฺสกฺกานิ. สกทาคามิมคฺคสฺส หิ อินฺทฺริเยหิ มุทุตรานิ โสตาปตฺติมคฺคินฺทฺริยานิ, โสตาปตฺติมคฺเคเยว อินฺทฺริเยหิ มุทุตรานิ ธมฺมานุสาริมคฺคินฺทฺริยานิ. เตหิปิ มุทุตรานิ สทฺธานุสาริมคฺคินฺทฺริยานิ. ฉฏฺสตฺตมานิ วุตฺตนยาเนว. อิเมสุ ปน ตีสุปิ สุตฺเตสุ ปุพฺพภาควิปสฺสนินฺทฺริยาเนว กถิตานิ.
๘. ปฏิปนฺนสุตฺตวณฺณนา
๔๘๘. อฏฺเม ¶ ตโต มุทุตเรหีติ มคฺคผลวเสน นิสฺสกฺกํ เวทิตพฺพํ. ตํ ปาฬิยํ วุตฺตเมว. พาหิโรติ ¶ อิเมหิ อฏฺหิ ปุคฺคเลหิ พหิภูโต. ปุถุชฺชนปกฺเข ิโตติ ปุถุชฺชนโกฏฺาเส ิโต. อิมสฺมึ สุตฺเต โลกุตฺตราเนว อินฺทฺริยานิ กถิตานิ.
๙-๑๐. สมฺปนฺนสุตฺตาทิวณฺณนา
๔๘๙-๔๙๐. นวเม ¶ อินฺทฺริยสมฺปนฺโนติ ปริปุณฺณินฺทฺริโย. ทสมํ อุตฺตานเมว. อิมสฺมึ สุตฺตทฺวเย มิสฺสกานิ อินฺทฺริยานิ กถิตานีติ.
มุทุตรวคฺโค ทุติโย.
๓. ฉฬินฺทฺริยวคฺโค
๒. ชีวิตินฺทฺริยสุตฺตวณฺณนา
๔๙๒. ตติยวคฺคสฺส ทุติเย อิตฺถินฺทฺริยนฺติอาทีสุ อิตฺถิภาเว อินฺทฏฺํ กโรตีติ อิตฺถินฺทฺริยํ. ปุริสภาเว อินฺทฏฺํ กโรตีติ ปุริสินฺทฺริยํ. ชีวิเต อินฺทฏฺํ กโรตีติ ชีวิตินฺทฺริยํ. อตฺถุปฺปตฺติกํ กิเรตํ สุตฺตํ. สงฺฆมชฺฌสฺมิฺหิ ‘‘กติ นุ โข วฏฺฏินฺทฺริยานี’’ติ กถา อุทปาทิ, อถ ภควา วฏฺฏินฺทฺริยานิ ทสฺเสนฺโต ตีณิมานิ ภิกฺขเวติอาทิมาห.
๓. อฺินฺทฺริยสุตฺตวณฺณนา
๔๙๓. ตติเย อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยนฺติ ‘‘อนมตคฺเค สํสาเร อชานิตปุพฺพํ ธมฺมํ ชานิสฺสามี’’ติ ปฏิปนฺนสฺส โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํ. อฺินฺทฺริยนฺติ เตสํเยว าตธมฺมานํ อาชานนากาเรน โสตาปตฺติผลาทีสุ ฉสุ าเนสุ อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํ. อฺาตาวินฺทฺริยนฺติ ¶ อฺาตาวีสุ อรหตฺตผลธมฺเมสุ อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํ. ตตฺถ ตตฺถ เตน เตนากาเรน อุปฺปนฺนสฺส าณสฺเสเวตํ อธิวจนํ. อิทมฺปิ สุตฺตํ อตฺถุปฺปตฺติกเมว. สงฺฆมชฺฌสฺมิฺหิ ‘‘กติ นุ โข โลกุตฺตรินฺทฺริยานี’’ติ กถา อุทปาทิ, อถ ภควา ตานิ ทสฺเสนฺโต ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานีติอาทิมาห.
๔. เอกพีชีสุตฺตวณฺณนา
๔๙๔. จตุตฺเถ ตโต มุทุตเรหีติ วิปสฺสนโต นิสฺสกฺกํ เวทิตพฺพํ. สมตฺตานิ หิ ปฺจินฺทฺริยานิ อรหตฺตมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ นาม โหนฺติ, ตโต มุทุตรานิ ¶ อนฺตราปรินิพฺพายิสฺส ¶ วิปสฺสนินฺทฺริยานิ, ตโต มุทุตรานิ อุปหจฺจปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ อสงฺขารปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ สสงฺขารปรินิพฺพายิสฺส, ตโต มุทุตรานิ อุทฺธํโสตอกนิฏฺคามิสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ นาม. อิธาปิ ปุริมนเยเนว อรหตฺตมคฺเค ตฺวา ปฺจ นิสฺสกฺกานิ นีหริตพฺพานิ.
ยถา ปน ปุริมนเย สกทาคามิมคฺเค ตฺวา ตีณิ นิสฺสกฺกานิ, เอวมิธ ปฺจ นีหริตพฺพานิ. สกทาคามิมคฺคสฺส หิ วิปสฺสนินฺทฺริเยหิ มุทุตรานิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ, โสตาปตฺติมคฺคสฺส จ เตหิ วิปสฺสนินฺทฺริเยหิ มุทุตรานิ เอกพีชิอาทีนํ มคฺคสฺส วิปสฺสนินฺทฺริยานิ.
เอตฺถ จ เอกพีชีติอาทีสุ โย โสตาปนฺโน หุตฺวา เอกเมว อตฺตภาวํ ชเนตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ เอกพีชี นาม. ยถาห ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล เอกพีชี, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, โส เอกฺเว มานุสกํ ภวํ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เอกพีชี’’ติ (ปุ. ป. ๓๓).
โย ปน ทฺเว ตโย ภเว สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ โกลํโกโล นาม. ยถาห ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล โกลํโกโล. อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, โส ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ ¶ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล โกลํโกโล’’ติ (ปุ. ป. ๓๒). ตตฺถ กุลานีติ ภวา เวทิตพฺพา. ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา’’ติ อิทํ เทสนามตฺตเมว, ยาว ฉฏฺภวา สํสรนฺโต ปน โกลํโกโลว โหติ.
ยสฺส สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมา อุปปตฺติ, อฏฺมํ ภวํ นาทิยติ, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม. ยถาห ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สตฺตกฺขตฺตุปรโม. อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, โส สตฺตกฺขตฺตุํ เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ (ปุ. ป. ๓๑).
ภควตา ¶ คหิตนามวเสเนว เจตานิ เตสํ นามานิ. ‘‘เอตฺตกฺหิ านํ คโต เอกพีชี นาม โหติ, เอตฺตกํ โกลํโกโล, เอตฺตกํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ ภควตา เอเตสํ นามํ คหิตํ. นิยมโต ปน ‘‘อยํ เอกพีชี, อยํ โกลํโกโล, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ นตฺถิ.
โก ปน เนสํ เอตํ ปเภทํ นิยเมตีติ? เกจิ ปน เถรา ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วทนฺติ, เกจิ ‘‘ปมมคฺโค’’, เกจิ ‘‘อุปริม ตโย มคฺคา’’, เกจิ ‘‘ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา’’ติ. ตตฺถ ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วาเท ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย ¶ กโต นาม โหติ, อุปริ ตโย มคฺคา อนุปนิสฺสยา อุปฺปนฺนาติ วจนํ อาปชฺชติ. ‘‘ปมมคฺโค นิยเมตี’’ติ วาเท อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ นิรตฺถกตา อาปชฺชติ. ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา นิยเมนฺตี’’ติ วาเท ปมมคฺเค อนุปฺปนฺเนว อุปริ ตโย มคฺคา อุปฺปนฺนาติ อาปชฺชติ. ‘‘ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา นิยเมตี’’ติ วาโท ปน ยุชฺชติ. สเจ หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา พลวตี โหติ, เอกพีชี นาม โหติ, ตโต มนฺทตราย โกลํโกโล, ตโต มนฺทตราย สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ.
เอกจฺโจ หิ โสตาปนฺโน วฏฺฏชฺฌาสโย โหติ วฏฺฏาภิรโต ปุนปฺปุนํ วฏฺฏสฺมึเยว วิจรติ สนฺทิสฺสติ. อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ, วิสาขา อุปาสิกา, จูฬรถมหารถา เทวปุตฺตา, อเนกวณฺโณ เทวปุตฺโต, สกฺโก เทวราชา, นาคทตฺโต เทวปุตฺโตติ อิเม หิ เอตฺตกา ชนา วฏฺฏชฺฌาสยา วฏฺฏาภิรตา อาทิโต ปฏฺาย ฉ เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺเ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ ¶ , อิเม อิธ น คหิตา. น เกวลฺจิเม, โยปิ มนุสฺเสสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โยปิ เทวโลเก นิพฺพตฺโต เทเวสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ อปราปรํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อิเมปิ อิธ น คหิตา. กาเลน เทเว, กาเลน มนุสฺเส สํสริตฺวา ปน อรหตฺตํ ปาปุณนฺโตว อิธ คหิโต. ตสฺมา สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ อิทํ อิธฏฺกโวกิณฺณสุกฺขวิปสฺสกสฺส นามํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ธมฺมานุสารี สทฺธานุสารีติ เอตฺถ ปน อิมสฺมึ สาสเน โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตนฺตสฺส ทฺเว ธุรานิ, ทฺเว สีสานิ, ทฺเว อภินิเวสา – สทฺธาธุรํ, ปฺาธุรํ ¶ , สทฺธาสีสํ, ปฺาสีสํ, สทฺธาภินิเวโส, ปฺาภินิเวโสติ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ‘‘สเจ สทฺธาย สกฺกา นิพฺพตฺเตตุํ, นิพฺพตฺเตสฺสามิ โลกุตฺตรมคฺค’’นฺติ สทฺธํ ธุรํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตติ, โส มคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี นาม โหติ. ผลกฺขเณ ปน สทฺธาวิมุตฺโต นาม หุตฺวา เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ ¶ เอเกโก ทุกฺขาปฏิปทาทิวเสน จตุพฺพิธภาวํ อาปชฺชตีติ สทฺธาธุเรน ทฺวาทส ชนา โหนฺติ.
โย ปน ‘‘สเจ ปฺาย สกฺกา นิพฺพตฺเตตุํ, นิพฺพตฺเตสฺสามิ โลกุตฺตรมคฺค’’นฺติ ปฺํ ธุรํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตติ, โส มคฺคกฺขเณ ธมฺมานุสารี นาม โหติ. ผลกฺขเณ ปน ปฺาวิมุตฺโต นาม หุตฺวา เอกพีชิอาทิเภเทน ทฺวาทสเภโทว โหติ. เอวํ ทฺเว มคฺคฏฺา ผลกฺขเณ จตุวีสติ โสตาปนฺนา โหนฺตีติ.
ติปิฏกติสฺสตฺเถโร กิร ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ โสเธสฺสามี’’ติ ปรตีรํ คโต. ตํ เอโก กุฏุมฺพิโก จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาสิ, เถโร อาคมนกาเล ‘‘คจฺฉามิ อุปาสกา’’ติ อาห. ‘‘กหํ ภนฺเต’’ติ? ‘‘อมฺหากํ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติก’’นฺติ. ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต, มยา คนฺตุํ, ภทฺทนฺตํ ปน นิสฺสาย มยา สาสนสฺส คุโณ าโต, ตุมฺหากํ ปรมฺมุขา กีทิสํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมามี’’ติ? อถ นํ เถโร อาห – ‘‘โย ภิกฺขุ จตุวีสติ โสตาปนฺเน ทฺวาทส สกทาคามี อฏฺจตฺตาลีส อนาคามี ทฺวาทส อรหนฺเต ทสฺเสตฺวา ธมฺมกถํ กเถตุํ สกฺโกติ, เอวรูปํ ภิกฺขุํ อุปฏฺาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อิมสฺมึ สุตฺเต วิปสฺสนา กถิตาติ.
๕-๑๐. สุทฺธกสุตฺตาทิวณฺณนา
๔๙๕-๕๐๐. ปฺจเม ¶ จกฺขุ จ ตํ จกฺขุทฺวาเร นิพฺพตฺตานํ ธมฺมานํ อาธิปเตยฺยสงฺขาเตน อินฺทฏฺเน อินฺทฺริยฺจาติ จกฺขุนฺทฺริยํ. โสตินฺทฺริยาทีสุปิ เอเสว นโย. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว. อิมสฺมึ วคฺเค ปมสุตฺตฺเจว ฉฏฺาทีนิ จ ปฺจาติ ฉ สุตฺตานิ จตุสจฺจวเสน กถิตานีติ.
ฉฬินฺทฺริยวคฺโค ตติโย.
๔. สุขินฺทฺริยวคฺโค
๑-๕. สุทฺธิกสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๐๑-๕๐๕. จตุตฺถวคฺคสฺส ¶ ปเม สุขฺจ ตํ สหชาตานํ อาธิปเตยฺยสงฺขาเตน อินฺทฏฺเน อินฺทฺริยฺจาติ สุขินฺทฺริยํ. ทุกฺขินฺทฺริยาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ¶ จ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยโทมนสฺสินฺทฺริยานิ กามาวจราเนว, โสมนสฺสินฺทฺริยํ เปตฺวา อรูปาวจรํ เสสํ เตภูมกํ, อุเปกฺขินฺทฺริยํ จตุภูมกํ. ทุติยาทีนิ จตฺตาริ จตุสจฺจวเสเนว กถิตานิ.
๖. ปมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๕๐๖. ฉฏฺเ กายิกนฺติ กายปสาทวตฺถุกํ. สุขนฺติ อยมสฺส สรูปนิทฺเทโส. สาตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, มธุรนฺติ วุตฺตํ โหติ. กายสมฺผสฺสชนฺติ กายสมฺผสฺสโต ชาตํ. สุขํ สาตนฺติ วุตฺตนยเมว. เวทยิตนฺติ อยมสฺส สพฺพเวทนาสาธารโณ อฺธมฺมวิสิฏฺโ สภาวนิทฺเทโส. อิมินา นเยน เสเสสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กายิกํ วา เจตสิกํ วาติ เอตฺถ ปน จกฺขาทโย จตฺตาโร ปสาทกาเย วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปตฺติวเสน กายิกนฺติ วุตฺตํ. กายปสาทวตฺถุกํ ปน อทุกฺขมสุขํ นาม นตฺถิ.
๙. กฏฺโปมสุตฺตวณฺณนา
๕๐๙. นวเม ¶ ทฺวินฺนํ กฏฺานนฺติ ทฺวินฺนํ อรณีนํ. สงฺฆฏฺฏนสโมธานาติ สงฺฆฏฺฏเนน เจว สโมธาเนน จ. อุสฺมาติ อุสุมากาโร. เตโชติ อคฺคิธูโม. เอตฺถ จ อธรารณี วิย วตฺถารมฺมณํ, อุตฺตรารณี วิย ผสฺโส, สงฺฆฏฺโฏ วิย ผสฺสสงฺฆฏฺฏนํ, อคฺคิ วิย เวทนา ทฏฺพฺพา. วตฺถารมฺมณํ วา อุตฺตรารณี วิย, ผสฺโส อธรารณี วิย ทฏฺพฺโพ.
๑๐. อุปฺปฏิปาฏิกสุตฺตวณฺณนา
๕๑๐. ทสมํ ยถาธมฺมรเสน ปฏิปาฏิยา วุตฺตมฺปิ อิมสฺมึ อินฺทฺริยวิภงฺเค เสสสุตฺตานิ วิย อเทสิตตฺตา อุปฺปฏิปาฏิกสุตฺตํ นามาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ นิมิตฺตนฺติอาทีนิ สพฺพานิ ปจฺจยเววจนาเนว. ทุกฺขินฺทฺริยฺจ ปชานาตีติ ทุกฺขสจฺจวเสเนว ปชานาติ. ทุกฺขินฺทฺริยสมุทยนฺติ กณฺฏเกน วา วิทฺธสฺส มงฺกุเลน ¶ วา ทฏฺสฺส ปจฺจตฺถรเณ วา วลิยา ผุฏฺสฺส ¶ ทุกฺขสหคตํ กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เอตสฺส สมุทโยติ ปชานาติ.
ปรโต โทมนสฺสินฺทฺริยสมุทยนฺติอาทีสุปิ เตสํ เตสํ การณวเสเนว สมุทโย เวทิตพฺโพ. ปตฺตจีวราทีนํ วา หิ สงฺขารานํ สทฺธิวิหาริกาทีนํ วา สตฺตานํ วินาเสน โทมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ เตสํ วินาสํ ตสฺส สมุทโยติ ปชานาติ. สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา วรสยเน นิปนฺนสฺส หตฺถปาทสมฺพาหนตาลวณฺฏวาตาทิสมฺผสฺเสน สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ผสฺสํ ตสฺส สมุทโยติ ปชานาติ. วุตฺตปฺปการานํ ปน สตฺตสงฺขารานํ มนาปานํ ปฏิลาภวเสน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ปฏิลาภํ ตสฺส สมุทโยติ ปชานาติ. มชฺฌตฺตากาเรน ปน อุเปกฺขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สตฺตสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตาการํ ตสฺส สมุทโยติ ปชานาติ.
กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ, อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทีสุ ปน อยํ เอกโตว วินิจฺฉยกถา – ทุกฺขินฺทฺริยฺหิ ปมชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว นิรุชฺฌติ ปหีนํ โหติ, โทมนสฺสาทีนิ ทุติยชฺฌานาทีนํ. เอวํ สนฺเตปิ เตสํ อติสยนิโรธตฺตา อยํ ฌาเนสุเยว นิโรโธ วุตฺโต. อติสยนิโรโธ หิ เตสํ ปมชฺฌานาทีสุ, น นิโรโธเยว, นิโรโธเยว ปน อุปจารกฺขเณ, นาติสยนิโรโธ. ตถา หิ นานาวชฺชเน ¶ ปมชฺฌานุปจาเร นิรุทฺธสฺสาปิ ทุกฺขินฺทฺริยสฺส ฑํสมกสาทิสมฺผสฺเสน วา วิสมาสนุปตาเปน วา สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว อนฺโตอปฺปนายํ. อุปจาเร วา นิรุทฺธมฺเปตํ น สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา. อนฺโตอปฺปนายํ ปน ปีติผรเณน สพฺโพ กาโย สุโขกฺกนฺโต โหติ, สุโขกฺกนฺตกายสฺส จ สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ ทุกฺขินฺทฺริยํ ปฏิปกฺเขน ¶ วิหตตฺตา. นานาวชฺชเนเยว จ ทุติยชฺฌานุปจาเร ปหีนสฺส โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ยสฺมา เอตํ วิตกฺกวิจารปจฺจเยปิ กายกิลมเถ จิตฺตุปฆาเต จ สติ อุปฺปชฺชติ, วิตกฺกวิจาราภาเว เนว อุปฺปชฺชติ. ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ วิตกฺกวิจารภาเว, อปฺปหีนา เอว จ ทุติยชฺฌานุปจาเร วิตกฺกวิจาราติ ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺติ. น ตฺเวว ทุติยชฺฌาเน ปหีนปจฺจยตฺตา. ตถา ตติยชฺฌานุปจาเร ปหีนสฺสาปิ สุขินฺทฺริยสฺส ปีติสมุฏฺานปณีตรูปผุฏฺกายสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว ตติยชฺฌาเน. ตติยชฺฌาเน หิ สุขสฺส ปจฺจยภูตา ¶ ปีติ สพฺพโส นิรุทฺธา. ตถา จตุตฺถชฺฌานุปจาเร ปหีนสฺสาปิ โสมนสฺสินฺทฺริยสฺส อาสนฺนตฺตา อปฺปนาปฺปตฺตาย อุเปกฺขาย อภาเวน สมฺมา อนติกฺกนฺตตฺตา จ สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว จตุตฺถชฺฌาเน. ตสฺมา ‘‘เอตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อปริเสสคฺคหณํ กตํ.
ยํ ปเนตฺถ ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรตีติ วุตฺตํ, ตตฺถ อลาภี สมาโน อุปฺปาทนตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ, ลาภี สมาโน สมาปชฺชนตฺถายาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิเมสุ ทฺวีสุปิ สุตฺเตสุ สมฺมสนวาโรว กถิโตติ.
สุขินฺทฺริยวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. ชราวคฺโค
๑. ชราธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๕๑๑. ปฺจมวคฺคสฺส ปเม ปจฺฉาตเปติ ปาสาทจฺฉายาย ปุรตฺถิมทิสํ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ปาสาทสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค อาตโป โหติ, ตสฺมึ าเน ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโนติ อตฺโถ ¶ . ปิฏฺึ โอตาปยมาโนติ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสปิ อุปาทินฺนกสรีเร อุณฺหกาเล อุณฺหํ โหติ, สีตกาเล สีตํ, อยฺจ หิมปาตสีตสมโย. ตสฺมา มหาจีวรํ โอตาเรตฺวา สูริยรสฺมีหิ ปิฏฺึ โอตาปยมาโน นิสีทิ.
กึ ปน พุทฺธรสฺมิโย มทฺทิตฺวา สูริยรสฺมิ อนฺโต ปวิสิตุํ สกฺโกตีติ? น สกฺโกติ. เอวํ สนฺเต กึ ตาเปตีติ? รสฺมิเตชํ. ยเถว หิ ิตมชฺฌนฺหิเก ปริมณฺฑลาย ¶ ฉายาย รุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส กิฺจาปิ สูริยรสฺมิโย สรีรํ น ผุสนฺติ, สพฺพทิสาสุ ปน เตโช ผรติ, อคฺคิชาลาหิ ปริกฺขิตฺโต วิย โหติ, เอวํ สูริยรสฺมีสุ พุทฺธรสฺมิโย มทฺทิตฺวา อนฺโต ปวิสิตุํ อสกฺกุณนฺตีสุปิ สตฺถา เตชํ ตาเปนฺโต นิสินฺโนติ เวทิตพฺโพ.
อโนมชฺชนฺโตติ ปิฏฺิปริกมฺมกรณวเสน อนุมชฺชนฺโต. อจฺฉริยํ ภนฺเตติ เถโร ภควโต ปิฏฺิโต มหาจีวรํ โอตาเรตฺวา นิสินฺนสฺส ทฺวินฺนํ ¶ อํสกูฏานํ อนฺตเร สุวณฺณาวฏฺฏํ วิย เกสคฺคปฺปมาณํ วลิยาวฏฺฏํ ทิสฺวา – ‘‘เอวรูเปปิ นาม สรีเร ชรา ปฺายตี’’ติ สฺชาตสํเวโค ชรํ ครหนฺโต เอวมาห. ครหนจฺฉริยํ นาม กิเรตํ.
น เจวํ ทานิ, ภนฺเต, ภควโต ตาว ปริสุทฺโธติ ยถา ปกติยา ฉวิวณฺโณ ปริสุทฺโธ, น เอวเมตรหีติ ทีเปนฺโต เอวมาห. ตถาคตสฺส หิ ทหรกาเล สงฺกุสตสมพฺภาหตํ อุสภจมฺมํ วิย วิหตวลิโก กาโย โหติ, ตสฺมึ ปิโต หตฺโถ ภสฺสเตว, น สนฺติฏฺติ, เตลปฺุฉนาการปฺปตฺโต วิย โหติ. มหลฺลกกาเล ปน สิราชาลา มิลายนฺติ, สนฺธิปพฺพานิ สิถิลานิ โหนฺติ, มํสํ อฏฺิโต มุจฺจิตฺวา สิถิลภาวํ อาปชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ โอลมฺพติ. พุทฺธานํ ปน เอวรูปํ น โหติ. อฺเสํ อปากฏํ, สนฺติกาวจรตฺตา อานนฺทตฺเถรสฺเสว ปากฏํ โหติ, ตสฺมา เอวมาห.
สิถิลานิ จ คตฺตานีติ อฺเสํ มุเข อํสกูฏนฺตเรหิ เตสุ เตสุ าเนสุ วลิโย สนฺติฏฺนฺติ, สตฺถุ ปเนตํ นตฺถิ, เถโร จ ทฺวินฺนํ อํสกูฏานํ อนฺตเร วลิยาวฏฺฏกํ ทิสฺวา เอวมาห. สพฺพานิ วลิยชาตานีติ อิทมฺปิ อตฺตโน ปากฏวเสน เอวมาห – สตฺถุ ปน อฺเสํ วิย วลิโย นาม นตฺถิ. ปุรโต ปพฺภาโร จ กาโยติ สตฺถา พฺรหฺมุชุคตฺโต, เทวนคเร สมุสฺสิตสุวณฺณโตรณํ วิยสฺส กาโย อุชุกเมว อุคฺคโต. มหลฺลกกาเล ปน กาโย ปุรโต วงฺโก ¶ โหติ, สฺวายํ อฺเสํ อปากโฏ, สนฺติกาวจรตฺตา ปน เถรสฺเสว ปากโฏ, ตสฺมา เอวมาห. ทิสฺสติ จ อินฺทฺริยานํ อฺถตฺตนฺติ อินฺทฺริยานิ นาม น จกฺขุวิฺเยฺยานิ. ยโต ปน ปกติยา ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ, อิทานิ น ตถา ปริสุทฺโธ, อํสกูฏนฺตเร วลิ ปฺายติ ¶ , พฺรหฺมุชุกาโย ปุรโต วงฺโก, อิมินาว การเณน จกฺขาทีนฺจ อินฺทฺริยานํ อฺถตฺเตน ภวิตพฺพนฺติ นยคฺคาหโต เอวมาห. ธี ตํ ชมฺมิ ชเร อตฺถูติ ลามเก ชเร ธี ตํ ตุยฺหํ โหตุ, ธิกฺกาโร ตํ ผุสตุ. พิมฺพนฺติ อตฺตภาโว.
๒. อุณฺณาภพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๕๑๒. ทุติเย ¶ โคจรวิสยนฺติ โคจรภูตํ วิสยํ. อฺมฺสฺสาติ จกฺขุ โสตสฺส, โสตํ วา จกฺขุสฺสาติ เอวํ เอกํ เอกสฺส โคจรวิสยํ น ปจฺจนุโภติ. สเจ หิ นีลาทิเภทํ รูปารมฺมณํ สโมธาเนตฺวา โสตินฺทฺริยสฺส อุปเนยฺย – ‘‘อิงฺฆ ตฺวํ ตาว นํ ววตฺถเปหิ วิภาเวหิ ‘กินฺนาเมตํ อารมฺมณ’’’นฺติ. จกฺขุวิฺาณํ วินาปิ มุเขน อตฺตโน ธมฺมตาย เอวํ วเทยฺย – ‘‘อเร, อนฺธพาล, วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ วสฺสสตสหสฺสมฺปิ ปริธาวมาโน อฺตฺร มยา กุหึ เอตสฺส ชานนกํ ลภิสฺสสิ, ตํ อาหร, จกฺขุปสาเท อุปเนหิ, อหเมตํ อารมฺมณํ ชานิสฺสามิ – ยทิ วา นีลํ, ยทิ วา ปีตกํ. น หิ เอโส อฺสฺส วิสโย, มยฺหเมเวโส วิสโย’’ติ. เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. เอวเมตานิ อฺมฺสฺส โคจรวิสยํ น ปจฺจนุโภนฺติ นาม.
กึ ปฏิสรณนฺติ เอเตสํ กึ ปฏิสรณํ, กึ เอตานิ ปฏิสรนฺตีติ ปุจฺฉติ. มโน ปฏิสรณนฺติ ชวนมโน ปฏิสรณํ. มโนว เนสนฺติ มโนทฺวาริกชวนมโนว เอเตสํ โคจรวิสยํ รชฺชนาทิวเสน อนุโภติ. จกฺขุวิฺาณฺหิ รูปทสฺสนมตฺตเมว, เอตฺถ รชฺชนํ วา ทุสฺสนํ วา มุยฺหนํ วา นตฺถิ. เอกสฺมึ ปน ทฺวาเร ชวนํ รชฺชติ วา ทุสฺสติ วา มุยฺหติ วา. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺรายํ อุปมา – ปฺจ กิร ทุพฺพลโภชกา ราชานํ เสวิตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน เอกสฺมึ ปฺจกุลิเก คาเม ปริตฺตกํ อายํ ลภึสุ. เตสํ ตตฺถ มจฺฉภาโค มํสภาโค, อทฺทุกหาปโณ วา โยตฺตกหาปโณ วา มาสกหาปโณ ¶ วา อฏฺกหาปโณ วา โสฬสกหาปโณ วา ¶ จตุสฏฺิกหาปโณ วา ทณฺโฑติ เอตฺตกมตฺตเมว ปาปุณาติ, สตวตฺถุกํ ปฺจสตวตฺถุกํ สหสฺสวตฺถุกํ มหาพลึ ราชาว คณฺหาติ.
ตตฺถ ปฺจกุลิกคามา วิย ปฺจปสาทา ทฏฺพฺพา, ปฺจ ทุพฺพลโภชกา วิย ปฺจวิฺาณานิ; ราชา วิย ชวนํ, ทุพฺพลโภชกานํ ปริตฺตกอายปาปุณนํ วิย จกฺขุวิฺาณาทีนํ รูปทสฺสนาทิมตฺตํ, รชฺชนาทิ ปน เอเตสุ นตฺถิ ¶ . รฺโ มหาพลิคฺคหณํ วิย เตสุ ทฺวาเรสุ ชวนสฺส รชฺชนาทีนิ เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ มโนติ กุสลากุสลชวนํ วุตฺตํ.
สติ ปฏิสรณนฺติ มคฺคสติ ปฏิสรณํ. ชวนมโน หิ มคฺคสตึ ปฏิสรติ. วิมุตฺตีติ ผลวิมุตฺติ. ปฏิสรณนฺติ ผลวิมุตฺติยา นิพฺพานํ ปฏิสรณํ. ตฺหิ สา ปฏิสรติ. นาสกฺขิ ปฺหสฺส ปริยนฺตํ คเหตุนฺติ ปฺหสฺส ปริจฺเฉทํ ปมาณํ คเหตุํ นาสกฺขิ, อปฺปฏิสรณํ ธมฺมํ ‘‘สปฺปฏิสรณ’’นฺติ ปุจฺฉิ. นิพฺพานํ นาเมตํ อปฺปฏิสรณํ, น กิฺจิ ปฏิสรติ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานพฺภนฺตรํ นิพฺพานํ อนุปวิฏฺํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. นิพฺพานปรายณนฺติ นิพฺพานํ ปรํ อยนมสฺส ปรา คติ, น ตโต ปรํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปริโยสานํ อวสานํ อสฺสาติ นิพฺพานปริโยสานํ.
มูลชาตา ปติฏฺิตาติ มคฺเคน อาคตสทฺธา วุจฺจติ. อิมมฺหิ เจ, ภิกฺขเว, สมเยติ กึ สนฺธายาห? ฌานอนาคามิตํ. ตสฺมิฺหิ สมเย พฺราหฺมณสฺส ปมมคฺเคน ปฺจ อกุสลจิตฺตานิ ปหีนานิ, ปมชฺฌาเนน ปฺจ นีวรณานีติ ฌานอนาคามิฏฺาเน ิโต. โส อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาเยยฺย. สเจ ปนสฺส ปุตฺตทารํ อนุสาสนฺตสฺส กมฺมนฺเต วิจาเรนฺตสฺส ฌานํ นสฺสติ, นฏฺเ ฌาเน คติ อนิพทฺธา โหติ, อนฏฺเ ปน นิพทฺธาติ อิมํ ฌานอนาคามิตํ สนฺธาย เอวมาห.
๓. สาเกตสุตฺตวณฺณนา
๕๑๓. ตติเย ¶ อฺชนวเนติ อฺชนวณฺณปุปฺผานํ รุกฺขานํ โรปิตวเน. ยํ, ภิกฺขเว, สทฺธินฺทฺริยํ, ตํ สทฺธาพลนฺติ ตฺหิ อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺเน สทฺธินฺทฺริยํ, อสฺสทฺธิเย อกมฺปเนน ¶ สทฺธาพลํ. อิตเรสํ ปคฺคหอุปฏฺานอวิกฺเขปปชานนลกฺขเณสุ อินฺทฏฺเน อินฺทฺริยภาโว, โกสชฺชมุฏฺสจฺจวิกฺเขปาวิชฺชาสุ อกมฺปเนน พลภาโว เวทิตพฺโพ. เอวเมว โขติ ตสฺสา นทิยา เอกโสตํ วิย สทฺธาวีริยสติสมาธิปฺาวเสน เอเตสํ นินฺนานากรณํ เวทิตพฺพํ, ทฺเว โสตานิ วิย อินฺทฏฺอกมฺปนฏฺเหิ อินฺทฺริยพลวเสน นานากรณํ เวทิตพฺพํ.
๔. ปุพฺพโกฏฺกสุตฺตวณฺณนา
๕๑๔. จตุตฺเถ ¶ อมโตคธนฺติ อมตพฺภนฺตรํ. อมตปรายณนฺติ อมตนิพฺพตฺติกํ. อมตปริโยสานนฺติ อมตนิฏฺํ. สาธุ สาธูติ เถรสฺส พฺยากรณํ ปสํสนฺโต สาธุการํ เทติ.
๕. ปมปุพฺพารามสุตฺตวณฺณนา
๕๑๕. ปฺจเม ตทนฺวยาติ ตํ อนุคจฺฉมานา, อนุวตฺตมานาติ อตฺโถ. ปุพฺพโกฏฺกํ อาทึ กตฺวา ปฏิปาฏิยา ฉสุ สุตฺเตสุ ผลินฺทฺริยาเนว กถิตานิ.
๑๐. อาปณสุตฺตวณฺณนา
๕๒๐. ทสเม อิเม โข เต ธมฺมาติ อุปริ สห วิปสฺสนาย ตโย มคฺคา. เย เม ปุพฺเพ สุตาว อเหสุนฺติ เย ธมฺมา มยา ปุพฺเพ ‘‘อรหตฺตผลินฺทฺริยํ นาม อตฺถี’’ติ กเถนฺตานํเยว สุตา อเหสุํ. กาเยน จ ผุสิตฺวาติ นามกาเยน จ ผุสิตฺวา ปฏิลภิตฺวา. ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสามีติ ปจฺจเวกฺขณปฺาย จ อติวิชฺฌิตฺวา ปสฺสามิ. ยา หิสฺส, ภนฺเต, สทฺธาติ อยํ กตรสทฺธา? จตูหิ อินฺทฺริเยหิ สมฺปยุตฺตา ¶ สทฺธา เหฏฺา กถิตาว, อยํ ปน ปจฺจเวกฺขณสทฺธา. สมฺปยุตฺตสทฺธา หิ มิสฺสกา, ปจฺจเวกฺขณสทฺธา โลกิยาว. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ชราวคฺโค ปฺจโม.
๖. สูกรขตวคฺโค
๑. สาลสุตฺตวณฺณนา
๕๒๑. ฉฏฺวคฺคสฺส ¶ ปเม สูเรนาติ สูรภาเวน. โพธายาติ พุชฺฌนตฺถาย.
๒. มลฺลิกสุตฺตวณฺณนา
๕๒๒. ทุติเย ¶ มลฺเลสูติ เอวํนามเก ชนปเท. อิมสฺมึ สุตฺเต จตฺตาริ อินฺทฺริยานิ มิสฺสกานิ, อริยาณํ โลกุตฺตรํ. ตมฺปิ ปน จตุกฺกินฺทฺริยนิสฺสิตํ กตฺวา มิสฺสกนฺติ ภาเชตุํ วฏฺฏติ.
๓. เสขสุตฺตวณฺณนา
๕๒๓. ตติเย น เหว โข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ น นามกาเยน ผุสิตฺวา ปฏิลภิตฺวา วิหรติ, ผุสิตุํ ปฏิลภิตุํ น สกฺโกติ. ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสตีติ ปจฺจเวกฺขณปฺาย ปน ‘‘อุปริ อรหตฺตผลินฺทฺริยํ นาม อตฺถี’’ติ ปชานาติ. อเสขภูมิยํ ผุสิตฺวา วิหรตีติ ปฏิลภิตฺวา วิหรติ. ปฺายาติ ปจฺจเวกฺขณปฺาย ‘‘อรหตฺตผลินฺทฺริยํ นาม อตฺถี’’ติ ปชานาติ. น กุหิฺจิ กิสฺมิฺจีติ ทฺเวปิ อฺมฺเววจนาเนว, กิสฺมิฺจิ ภเว น อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สุตฺเต ปฺจินฺทฺริยานิ โลกุตฺตรานิ, ฉ โลกิกานิ วฏฺฏนิสฺสิตาเนว กถิตานิ.
๔-๕. ปทสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๒๔-๕๒๕. จตุตฺเถ ยานิ กานิจิ ปทานิ โพธาย สํวตฺตนฺตีติ ยานิ กานิจิ ธมฺมปทานิ, เย เกจิ ธมฺมโกฏฺาสา, พุชฺฌนตฺถาย สํวตฺตนฺติ. ปฺจมํ อุตฺตานเมว.
๖-๗. ปติฏฺิตสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๒๖-๕๒๗. ฉฏฺเ ¶ ¶ จิตฺตํ รกฺขติ อาสเวสุ จ สาสเวสุ จ ธมฺเมสูติ เตภูมกธมฺเม อารพฺภ อาสวุปฺปตฺตึ วาเรนฺโต อาสเวสุ จ สาสเวสุ จ ธมฺเมสุ จิตฺตํ รกฺขติ นาม. สตฺตมํ อุตฺตานเมว.
๘. สูกรขตสุตฺตวณฺณนา
๕๒๘. อฏฺเม สูกรขตายนฺติ สูกรขตเลเณ. กสฺสปพุทฺธกาเล กิร ตํ เลณํ เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร ปถวิยา วฑฺฒมานาย อนฺโตภูมิคตํ ชาตํ. อเถกทิวสํ เอโก สูกโร ตสฺส ฉทนปริยนฺตสมีเป ปํสุํ ขณิ. เทเว วุฏฺเ ปํสุ โธตา, ฉทนปริยนฺโต ปากโฏ ¶ อโหสิ. เอโก วนจรโก ทิสฺวา ‘‘ปุพฺเพ สีลวนฺเตหิ ปริภุตฺตฏฺาเนน ภวิตพฺพํ, ปฏิชคฺคิสฺสามิ น’’นฺติ สมนฺตโต ปํสุํ อปเนตฺวา เลณํ โสเธตฺวา กุฏิปริกฺเขปํ กตฺวา ทฺวารวาตปานํ โยเชตฺวา สุปรินิฏฺิตสุธากมฺมจิตฺตกมฺมํ รชตปฏฺฏสทิสาย วาลิกาย สนฺถริตํ ปริเวณํ กตฺวา มฺจปีํ ปฺาเปตฺวา ภควโต วสนตฺถาย อทาสิ, เลณํ คมฺภีรํ อโหสิ โอตริตฺวา อารุหิตพฺพํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปรมนิปจฺจการนฺติ ภาวนปุํสกํ, ปรมนิปจฺจการี หุตฺวา ปวตฺตมาโน ปวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ. อนุตฺตรํ โยคกฺเขมนฺติ อรหตฺตํ. สปฺปติสฺโสติ สเชฏฺโก. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
สูกรขตวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. โพธิปกฺขิยวคฺโค
๕๓๑-๖๕๐. สตฺตมวคฺเค สตฺต ผลานิ ปุพฺพภาคานิ, เตสํ เหฏฺา ทฺเว ผลานิ อาทึ กตฺวา มิสฺสกานิ. เสสเมตฺถ อิโต ปรฺจ สพฺพํ อุตฺตานเมวาติ.
อินฺทฺริยสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.