📜

๑. รูปาทิวคฺควณฺณนา

ตตฺถ องฺคุตฺตราคโม นาม เอกกนิปาโต ทุกนิปาโต ติกนิปาโต จตุกฺกนิปาโต ปฺจกนิปาโต ฉกฺกนิปาโต สตฺตกนิปาโต อฏฺกนิปาโต นวกนิปาโต ทสกนิปาโต เอกาทสกนิปาโตติ เอกาทส นิปาตา โหนฺติ. สุตฺตโต –

‘‘นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปฺจ สุตฺตสตานิ จ;

สตฺตปฺาส สุตฺตานิ, โหนฺติ องฺคุตฺตราคเม’’.

ตสฺส นิปาเตสุ เอกกนิปาโต อาทิ, สุตฺเตสุ จิตฺตปริยาทานสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปเนสา ปมมหาสงฺคีติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย อาทิมฺหิ วิตฺถาริตา, ตสฺมา สา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.

นิทานวณฺณนา

. ยํ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ, ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ, เมติอาทีนิ นามปทานิ. สาวตฺถิยํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.

อตฺถโต ปน เอวํสทฺโท ตาว อุปมูปเทส-สมฺปหํสน-ครหณวจน-สมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิ-อเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ…เป… ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ ‘‘สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.

ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณํ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.

นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.

อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, สติมนฺตานํ, คติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๓) เอวํ ภควตา , ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกามตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.

เมสทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๙๔) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ, ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.

สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จ คมน-วิสฺสุต-กิลินฺนอุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส – ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนากิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗-๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วาติ อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มยา สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.

เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.

ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุตนฺติ.

ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส. เอวนฺติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุ วิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.

อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.

ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ. ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ.

เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา. ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.

อปโร นโย – เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ, อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ , ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปุฺตํ สาเธติ สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปุฺสฺส วา ตทภาวโต. ตถา อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.

อปโร นโย – ยสฺมา ‘‘เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปุฺสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกนากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ, ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต, โยนิโส มนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส, อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.

อปโร นโย – เอวนฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน วจเนน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ. เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโส มนสิการทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสา อนุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ หิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.

เอวํ เม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา , ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ , สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.

อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;

เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.

เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –

‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;

ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.

ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต ภทฺทาลิ อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ ‘ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุ สาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.

‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;

อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉร-อุตุ-มาส-อฑฺฒมาส-รตฺติ-ทิว-ปุพฺพณฺห-มชฺฌนฺหิก-สายนฺห-ปม-มชฺฌิม- ปจฺฉิมยาม-มุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.

ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยมฺหิ ยมฺหิ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.

เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย สุปฺปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา, เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิต-ปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิต-ปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.

กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ, อิโต อฺเสุ จ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณํ หิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต.

วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุฺจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.

อิธ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;

อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.

โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมวตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ภควาติ ครุ. ครุฺหิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ‘‘ภควา’’ติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –

‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;

ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.

อปิจ

‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –

อิมิสฺสาปิ คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒, ๑๔๔) พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.

เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน ‘‘น อิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ. เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ. เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.

สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสชฺชาสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.

เชตวเนติ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วเน. ตฺหิ เตน โรปิตํ สํวฑฺฒิตํ ปริปาลิตํ, โส จสฺส สามี อโหสิ, ตสฺมา เชตวนนฺติ สงฺขํ คตํ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติตตฺตา อนาถปิณฺฑิกสฺสาติ สงฺขํ คเต อาราเม . อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถาย สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔ อาทโย) วุตฺโต.

ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘‘เชตวเน’’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสนฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.

ตตฺถ สาวตฺถิวจเนน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, เชตวนาทิกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ. ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนูปายทสฺสนํ. ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ. ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ, ปจฺฉิเมน ปฺาย อปคมนํ. ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺติตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปตํ. ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ. ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวตานํ. ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตํ. ปุริเมน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วจนโต ยทตฺถํ ภควา อุปฺปนฺโน, ตทตฺถปรินิปฺผาทนํ, ปจฺฉิเมน ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตทนุรูปวิหารํ. ภควา หิ ปมํ ลุมฺพินิวเน, ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ โลกิยโลกุตฺตราย อุปฺปตฺติยา วเนเยว อุปฺปนฺโน. เตนสฺส วเนเยว วิหารํ ทสฺเสตีติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.

ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย. ยสฺมิฺจ อาราเม วิหรติ, ตตฺร อาราเมติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส วา กาเล วา ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารเณ อาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํ. อปิ เจตฺถ ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕; วิภ. ๕๑๑) นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห – ‘‘อามนฺตยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติ. ปกฺโกสเนปิ. ยถาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑; สํ. นิ. ๒.๓๒).

ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการปริทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาคุณยุตฺโตปิ หิ ภิกฺขุ, ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุตฺโตปิ ภิกฺขุ, ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุตฺโตปีติ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เตน จ เนสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ภิกฺขโวติ อิมินา กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรติ. เตเนว จ กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เตสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ. เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน สาธุกํ สวนมนสิกาเรปิ เต นิโยเชติ. สาธุกํ สวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.

อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว อามนฺเตสีติ เจ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา. ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู ปมุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ. อาสนฺนา เต ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา. สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติ. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโตติปิ เต เอว อามนฺเตสิ.

กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ, น ธมฺมเมว เทเสสีติ? สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู หิ อฺํ จินฺเตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ, เต อนามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กึนิทานา กึปจฺจยา กตมาย อฏฺุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คณฺเหยฺยุํ, น วา คณฺเหยฺยุํ. เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปมํ อามนฺเตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ.

ภทนฺเตติ คารววจนเมตํ, สตฺถุ ปฏิวจนทานํ วา. อปิ เจตฺถ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วทมาโน ภควา เต ภิกฺขู อาลปติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติ. ตถา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ภควา อาทิมฺหิ ภาสติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ปจฺจาภาสนฺติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ปฏิวจนํ ทาเปติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ, เต. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสุ ปฏิคฺคเหสุนฺติ อตฺโถ. ภควาเอตทโวจาติ ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ อโวจ. เอตฺตาวตา จ ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตาติ.

รูปาทิวณฺณนา

อิทานิ นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกรูปมฺปิ สมนุปสฺสามีติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต, สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวาว วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปวิจารณา ตาว เวทิตพฺพา. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ, เสยฺยถิทํ – อากงฺเขยฺยสุตฺตํ วตฺถสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑; ม. นิ. ๓.๔๑๖) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ มนํ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ โอโลเกตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ราหุโลวาทสุตฺตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา เต เต เทวมนุสฺสา ตถา ตถา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ เทวตาสํยุตฺตโพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป. ยานิ ปน อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ ธมฺมทายาทสุตฺตปุตฺตมํสูปมาทีนิ, เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. เอวมิเมสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ปรชฺฌาสยวเสน เหตํ นิกฺขิตฺตํ. เกสํ อชฺฌาสเยนาติ? รูปครุกานํ ปุริสานํ.

ตตฺถ นาหํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ นกาโร ปฏิเสธตฺโถ. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติ. อฺนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพา อิตฺถิรูปโต อฺํ. เอกรูปมฺปีติ เอกมฺปิ รูปํ. สมนุปสฺสามีติ ทฺเว สมนุปสฺสนา าณสมนุปสฺสนา จ ทิฏฺิสมนุปสฺสนา จ. ตตฺถ ‘‘อนิจฺจโต สมนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) อยํ าณสมนุปสฺสนา นาม. ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิกา (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐) ปน ทิฏฺิสมนุปสฺสนา นาม. ตาสุ อิธ าณสมนุปสฺสนา อธิปฺเปตา. อิมสฺส ปน ปทสฺส นกาเรน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโตปิ อฺํ เอกรูปมฺปิ น สมนุปสฺสามีติ. ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ ยํ รูปํ รูปครุกสฺส ปุริสสฺส จตุภูมกกุสลจิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา คณฺหิตฺวา เขเปตฺวา ติฏฺติ. ‘‘สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๖) หิ คหณํ ปริยาทานํ นาม. ‘‘อนิจฺจสฺา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา สพฺพํ กามราคํ ปริยาทิยตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๒) เขปนํ. อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏติ. ตตฺถ อิทํ รูปํ จตุภูมกกุสลจิตฺตํ คณฺหนฺตํ น นีลุปฺปลกลาปํ ปุริโส วิย หตฺเถน คณฺหาติ, นาปิ เขปยมานํ อคฺคิ วิย อุทฺธเน อุทกํ สนฺตาเปตฺวา เขเปติ. อุปฺปตฺติฺจสฺส นิวารยมานเมว จตุภูมกมฺปิ กุสลจิตฺตํ คณฺหาติ เจว เขเปติ จาติ เวทิตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ.

ยถยิทนฺติ ยถา อิทํ. อิตฺถิรูปนฺติ อิตฺถิยา รูปํ. ตตฺถ ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปํ วเทถ? รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจติ. เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ อุณฺเหนปิ รุปฺปตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) สุตฺตานุสาเรน รูปสฺส วจนตฺโถ เจว สามฺลกฺขณฺจ เวทิตพฺพํ. อยํ ปน รูปสทฺโท ขนฺธภวนิมิตฺตปจฺจยสรีรวณฺณสณฺานาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ วตฺตติ. อยฺหิ ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (วิภ. ๒; มหาว. ๒๒) เอตฺถ รูปกฺขนฺเธ วตฺตติ. ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๑; วิภ. ๖๒๔) เอตฺถ รูปภเว. ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ (ธ. ส. ๒๐๔-๒๓๒ อาทโย) เอตฺถ กสิณนิมิตฺเต. ‘‘สรูปา, ภิกฺขเว, อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา โน อรูปา’’ติ (อ. นิ. ๒.๘๓) เอตฺถ ปจฺจเย. ‘‘อากาโส ปริวาริโต รูปนฺเตว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) เอตฺถ สรีเร. ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๐; ๓.๔๒๑) เอตฺถ วณฺเณ. ‘‘รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน’’ติ (อ. นิ. ๔.๖๕) เอตฺถ สณฺาเน. อาทิสทฺเทน ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปํ, อรสรูโป’’ติอาทีนิปิ สงฺคณฺหิตพฺพานิ. อิธ ปเนส อิตฺถิยา จตุสมุฏฺาเน รูปายตนสงฺขาเต วณฺเณ วตฺตติ. อปิจ โย โกจิ อิตฺถิยา นิวตฺถนิวาสนสฺส วา อลงฺการสฺส วา คนฺธวณฺณกาทีนํ วา ปิฬนฺธนมาลาทีนํ วาติ กายปฺปฏิพทฺโธ จ วณฺโณ ปุริสสฺส จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณํ หุตฺวา อุปกปฺปติ, สพฺพเมตํ อิตฺถิรูปนฺเตว เวทิตพฺพํ. อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ อิทํ ปุริมสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํ. ปุริมํ วา ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิรูป’’นฺติ เอวํ โอปมฺมวเสน วุตฺตํ, อิทํ ปริยาทานานุภาวทสฺสนวเสน.

ตตฺริทํ อิตฺถิรูปสฺส ปริยาทานานุภาเว วตฺถุ – มหาทาิกนาคราชา กิร เจติยคิริมฺหิ อมฺพตฺถเล มหาถูปํ การาเปตฺวา คิริภณฺฑปูชํ นาม กตฺวา กาเลน กาลํ โอโรธคณปริวุโต เจติยคิรึ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ เทติ. พหูนํ สนฺนิปาตฏฺาเน นาม น สพฺเพสํ สติ สูปฏฺิตา โหติ, รฺโ จ ทมิฬเทวี นาม มเหสี ปมวเย ิตา ทสฺสนียา ปาสาทิกา. อเถโก จิตฺตตฺเถโร นาม วุฑฺฒปพฺพชิโต อสํวรนิยาเมน โอโลเกนฺโต ตสฺสา รูปารมฺมเณ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อุมฺมาทปฺปตฺโต วิย ิตนิสินฺนฏฺาเนสุ ‘‘หนฺท ทมิฬเทวี, หนฺท ทมิฬเทวี’’ติ วทนฺโต วิจรติ. ตโต ปฏฺาย จสฺส ทหรสามเณรา อุมฺมตฺตกจิตฺตตฺเถโรตฺเวว นามํ กตฺวา โวหรึสุ. อถ สา เทวี นจิรสฺเสว กาลมกาสิ. ภิกฺขุสงฺเฆ สิวถิกทสฺสนํ คนฺตฺวา อาคเต ทหรสามเณรา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต จิตฺตตฺเถร, ยสฺสตฺถาย ตฺวํ วิลปสิ, มยํ ตสฺสา เทวิยา สิวถิกทสฺสนํ คนฺตฺวา อาคตา’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ อสฺสทฺทหนฺโต ‘‘ยสฺสา วา ตสฺสา วา ตุมฺเห สิวถิกทสฺสนตฺถาย คตา, มุขํ ตุมฺหากํ ธูมณฺณ’’นฺติ . อุมฺมตฺตกวจนเมว อโวจ. เอวํ อุมฺมตฺตกจิตฺตตฺเถรสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย อฏฺาสิ อิทํ อิตฺถิรูปํ.

อปรมฺปิ วตฺถุ – สทฺธาติสฺสมหาราชา กิร เอกทิวสํ โอโรธคณปริวุโต วิหารํ อาคโต . เอโก ทหโร โลหปาสาททฺวารโกฏฺเก ตฺวา อสํวเร ิโต เอกํ อิตฺถึ โอโลเกสิ. สาปิ คมนํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตํ โอโลเกสิ. อุโภปิ อพฺภนฺตเร อุฏฺิเตน ราคคฺคินา ฑยฺหิตฺวา กาลมกํสุ. เอวํ อิตฺถิรูปํ ทหรสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ.

อปรมฺปิ วตฺถุ – กลฺยาณิยมหาวิหารโต กิเรโก ทหโร อุทฺเทสตฺถาย กาฬทีฆวาปิคามทฺวารวิหารํ คนฺตฺวา นิฏฺิตุทฺเทสกิจฺโจ อตฺถกามานํ วจนํ อคฺคเหตฺวา ‘‘คตฏฺาเน ทหรสามเณเรหิ ปุฏฺเน คามสฺส นิวิฏฺากาโร กเถตพฺโพ ภวิสฺสตี’’ติ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺโต วิสภาคารมฺมเณ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คโต ตาย นิวตฺถวตฺถํ สฺชานิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, อิทํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา ‘‘เอวรูปา นาม อิตฺถี มํ นิสฺสาย มตา’’ติ จินฺเตนฺโต อนฺโตอุฏฺิเตน ราคคฺคินา ฑยฺหิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. เอวมฺปิ อิทํ อิตฺถิรูปํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.

. ทุติยาทีนิ สทฺทครุกาทีนํ อาสยวเสน วุตฺตานิ. เตสุ อิตฺถิสทฺโทติ อิตฺถิยา จิตฺตสมุฏฺาโน กถิตคีตวาทิตสทฺโท. อปิจ อิตฺถิยา นิวตฺถนิวาสนสฺสาปิ อลงฺกตาลงฺการสฺสาปิ อิตฺถิปโยคนิปฺผาทิโต วีณาสงฺขปณวาทิสทฺโทปิ อิตฺถิสทฺโทตฺเวว เวทิตพฺโพ. สพฺโพปิ เหโส ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ.

ตตฺถ สุวณฺณกกฺกฏกสุวณฺณโมรทหรภิกฺขุอาทีนํ วตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ. ปพฺพตนฺตรํ กิร นิสฺสาย มหนฺตํ หตฺถินาคกุลํ วสติ. อวิทูรฏฺาเน จสฺส มหาปริโภคสโร อตฺถิ, ตสฺมึ กายูปปนฺโน สุวณฺณกกฺกฏโก อตฺถิ. โส ตํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ สณฺฑาเสน วิย อเฬหิ ปาเท คเหตฺวา อตฺตโน วสํ เนตฺวา มาเรติ. ตสฺส โอตาราเปกฺขา หตฺถินาคา เอกํ มหาหตฺถึ เชฏฺกํ กตฺวา วิจรนฺติ. โส เอกทิวสํ ตํ หตฺถินาคํ คณฺหิ. ถามสติสมฺปนฺโน หตฺถินาโค จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ ภีตรวํ รวิสฺสามิ, สพฺเพ ยถารุจิยา อกีฬิตฺวา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ นิจฺจโลว อฏฺาสิ. อถ สพฺเพสํ อุตฺติณฺณภาวํ ตฺวา เตน คหิตภาวํ อตฺตโน ภริยํ ชานาเปตุํ วิรวิตฺวา เอวมาห –

‘‘สิงฺคีมิโค อายตจกฺขุเนตฺโต,

อฏฺิตฺตโจ วาริสโย อโลโม;

เตนาภิภูโต กปณํ รุทามิ,

มา เหว มํ ปาณสมํ ชเหยฺยา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๔๙);

สา ตํ สุตฺวา สามิกสฺส คหิตภาวํ ตฺวา ตํ ตมฺหา ภยา โมเจตุํ หตฺถินา จ กุฬีเรน จ สทฺธึ สลฺลปนฺตี เอวมาห –

‘‘อยฺย น ตํ ชหิสฺสามิ, กุฺชรํ สฏฺิหายนํ;

ปถพฺยา จาตุรนฺตาย, สุปฺปิโย โหสิ เม ตุวํ.

‘‘เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ, คงฺคาย ยมุนาย จ;

เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโ, มุฺจ โรทนฺติยา ปติ’’นฺติ. (ชา. ๑.๓.๕๐-๕๑);

กุฬีโร สห อิตฺถิสทฺทสฺสวเนน คหณํ สิถิลมกาสิ. อถ หตฺถินาโค ‘‘อยเมเวตสฺส โอกาโส’’ติ เอกํ ปาทํ คหิตากาเรเนว เปตฺวา ทุติยํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ ปิฏฺิกปาเล อกฺกมิตฺวา วิจุณฺณิกํ กตฺวา โถกํ อากฑฺฒิตฺวา ตีเร ขิปิ. อถ นํ สพฺพหตฺถิโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อมฺหากํ เวรี’’ติ วิจุณฺณยึสุ. เอวํ ตาว อิตฺถิสทฺโท สุวณฺณกกฺกฏกสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺติ.

สุวณฺณโมโรปิ หิมวนฺตํ อนุปวิสิตฺวา มหนฺตํ ปพฺพตคหนํ นิสฺสาย วสนฺโต นิจฺจกาลํ สูริยสฺส อุทยกาเล สูริยมณฺฑลํ อุลฺโลเกตฺวา อตฺตโน รกฺขํ กโรนฺโต เอวํ วทติ –

‘‘อุเทตยํ จกฺขุมา เอกราชา,

หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;

ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ,

ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ ทิวสํ.

‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม,

เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;

นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา,

นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;

อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา,

โมโร จรติ เอสนา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗);

โส ทิวสํ โคจรํ คเหตฺวา สายนฺหสมเย วสนฏฺานํ ปวิสนฺโต อตฺถงฺคตํ สูริยมณฺฑลํ โอโลเกตฺวาปิ อิมํ คาถํ วทติ –

‘‘อเปตยํ จกฺขุมา เอกราชา,

หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;

ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ,

ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ รตฺตึ.

‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม,

เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;

นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา,

นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;

อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา,

โมโร วาสมกปฺปยี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๘);

อิมินา นิยาเมน สตฺต วสฺสสตานิ วีตินาเมตฺวา เอกทิวสํ ปริตฺตกมฺมโต ปุเรตรเมว โมรกุกฺกุฏิกาย สทฺทํ สุตฺวา ปริตฺตกมฺมํ อสริตฺวา รฺา เปสิตสฺส ลุทฺทกสฺส วสํ อุปคโต. เอวํ อิตฺถิสทฺโท สุวณฺณโมรสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺตีติ. ฉาตปพฺพตวาสี ทหโร ปน สุธามุณฺฑกวาสี ทหโร จ อิตฺถิสทฺทํ สุตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ.

. ตติเย อิตฺถิคนฺโธติ อิตฺถิยา จตุสมุฏฺานิกํ คนฺธายตนํ. สฺวายํ อิตฺถิยา สรีรคนฺโธ ทุคฺคนฺโธ โหติ, กายารุฬฺโห ปน อาคนฺตุกอนุเลปนาทิคนฺโธ อิธ อธิปฺเปโต. เอกจฺจา หิ อิตฺถี อสฺสคนฺธินี โหติ, เอกจฺจา เมณฺฑกคนฺธินี, เอกจฺจา เสทคนฺธินี, เอกจฺจา โสณิตคนฺธินี . เอกจฺโจ อนฺธพาโล เอวรูปายปิ อิตฺถิยา รชฺชเตว. จกฺกวตฺติโน ปน อิตฺถิรตนสฺส กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต จ อุปฺปลคนฺโธ. อยํ น สพฺพาสํ โหติ, อาคนฺตุกอนุเลปนาทิคนฺโธว อิธ อธิปฺเปโต. ติรจฺฉานคตา ปน หตฺถิอสฺสโคณาทโย ติรจฺฉานคตานํ สชาติอิตฺถีนํ อุตุคนฺเธน โยชนทฺวิโยชนติโยชนจตุโยชนมฺปิ คจฺฉนฺติ. อิตฺถิกาเย คนฺโธ วา โหตุ อิตฺถิยา นิวตฺถนิวาสนอนุลิตฺตาเลปนปิฬนฺธมาลาทิคนฺโธ วา, สพฺโพปิ อิตฺถิคนฺโธตฺเวว เวทิตพฺโพ.

. จตุตฺเถ อิตฺถิรโสติ อิตฺถิยา จตุสมุฏฺานิกํ รสายตนํ. ติปิฏกจูฬนาคจูฬาภยตฺเถรา ปน ‘‘สฺวายํ อิตฺถิยา กึการปฏิสฺสาวิตาทิวเสน สวนรโส เจว ปริโภครโส จ, อยํ อิตฺถิรโส’’ติ วทนฺติ. กึ เตน? โย ปนายํ อิตฺถิยา โอฏฺมํสสมฺมกฺขนเขฬาทิรโสปิ , สามิกสฺส ทินฺนยาคุภตฺตาทีนํ รโสปิ, สพฺโพ โส อิตฺถิรโสตฺเวว เวทิตพฺโพ. อเนเก หิ สตฺตา อตฺตโน มาตุคาเมน ยํกิฺจิ สหตฺถา ทินฺนเมว มธุรนฺติ คเหตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ.

. ปฺจเม อิตฺถิโผฏฺพฺโพติ อิตฺถิยา กายสมฺผสฺโส, อิตฺถิสรีรารุฬฺหานํ วตฺถาลงฺการมาลาทีนมฺปิ ผสฺโส อิตฺถิโผฏฺพฺโพตฺเวว เวทิตพฺโพ. สพฺโพเปส ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยติ มหาเจติยงฺคเณ คณสชฺฌายํ คณฺหนฺตสฺส ทหรภิกฺขุโน วิสภาคารมฺมณผสฺโส วิยาติ.

อิติ สตฺถา สตฺตานํ อาสยานุสยวเสน รูปาทีสุ เอเกกํ คเหตฺวา อฺํ อีทิสํ น ปสฺสามีติ อาห. ยถา หิ รูปครุกสฺส ปุริสสฺส อิตฺถิรูปํ จิตฺตุปฺปาทํ คเมติ ปลิพุนฺธติ พชฺฌาเปติ พทฺธาเปติ โมเหติ สํโมเหติ, น ตถา เสสา สทฺทาทโย. ยถา จ สทฺทาทิครุกานํ สทฺทาทโย, น ตถา รูปาทีนิ อารมฺมณานิ. เอกจฺจสฺส จ รูปาทีสุ เอกเมวารมฺมณํ จิตฺตํ ปริยาทิยติ, เอกจฺจสฺส ทฺเวปิ ตีณิปิ จตฺตาริปิ ปฺจปิ. อิติ อิเม ปฺจ สุตฺตนฺตา ปฺจครุกวเสน กถิตา, น ปฺจครุกชาตกวเสน. ปฺจครุกชาตกํ ปน สกฺขิภาวตฺถาย อาหริตฺวา กเถตพฺพํ. ตตฺร หิ อมนุสฺเสหิ กนฺตารมชฺเฌ กตาย อาปณาทิวิจารณาย มหาปุริสสฺส ปฺจสุ สหาเยสุ รูปครุโก รูปารมฺมเณ พชฺฌิตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺโต, สทฺทาทิครุกา สทฺทารมฺมณาทีสุ. อิติ ตํ สกฺขิภาวตฺถาย อาหริตฺวา กเถตพฺพํ. อิเม ปน ปฺจ สุตฺตนฺตา ปฺจครุกวเสเนว กถิตา.

. ยสฺมา จ น เกวลํ ปุริสาเยว ปฺจครุกา โหนฺติ, อิตฺถิโยปิ โหนฺติเยว, ตสฺมา ตาสมฺปิ วเสน ปุน ปฺจ สุตฺตนฺเต กเถสิ. เตสมฺปิ อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. วตฺถูสุปิ ปมสุตฺเต โลหปาสาททฺวาเร ิตํ ทหรํ โอโลเกตฺวา มตาย ราโชโรธาย วตฺถุ เวทิตพฺพํ. ตํ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว.

. ทุติยสุตฺเต พาราณสิยํ รูปูปชีวิโน มาตุคามสฺส วตฺถุ เวทิตพฺพํ. คุตฺติลวีณาวาทโก กิเรกิสฺสา อิตฺถิยา สหสฺสํ ปหิณิ, สา ตํ อุปฺปณฺเฑตฺวา คณฺหิตุํ น อิจฺฉิ. โส ‘‘กริสฺสาเมตฺถ กตฺตพฺพ’’นฺติ สายนฺหกาลสมนนฺตเร อลงฺกตปฏิยตฺโต ตสฺสา เคหสฺส อภิมุขฏฺาเน อฺสฺมึ เคหทฺวาเร นิสินฺโน วีณาย ตนฺติโย สเม คุเณ ปติฏฺาเปตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ อนติกฺกมนฺโต คายิ. สา อิตฺถี ตสฺส คีตสทฺทํ สุตฺวา ทฺวารนฺติ สฺาย ‘‘วิวฏวาตปาเนน ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อากาเสเยว ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา.

. ตติยสุตฺเต จกฺกวตฺติรฺโ กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต จ อุปฺปลคนฺโธติ อิทํ อาหริตพฺพํ. อิทํ เจตฺถ วตฺถุ เวทิตพฺพํ. สาวตฺถิยํ กิเรกิสฺสา กุฏุมฺพิกธีตาย สามิโก สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา, ‘‘น สกฺกา มยา อยํ ธมฺโม คิหิภูเตน ปูเรตุ’’นฺติ อฺตรสฺส ปิณฺฑปาติกตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. อถสฺส ภริยํ ‘‘อสฺสามิกา อย’’นฺติ ตฺวา ราชา ปเสนทิโกสโล อนฺเตปุรํ อาหราเปตฺวา เอกทิวสํ เอกํ นีลุปฺปลกลาปํ อาทาย อนฺเตปุรํ ปวิฏฺโ เอเกกิสฺสา เอเกกํ นีลุปฺปลํ ทาเปสิ. ปุปฺเผสุ ภาชิยมาเนสุ ตสฺสา อิตฺถิยา ทฺเว หตฺถํ ปตฺตานิ. สา ปหฏฺาการํ ทสฺเสตฺวา อุปสิงฺฆิตฺวา ปโรทิ. ราชา ตสฺสา อุภยาการํ ทิสฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ. สา อตฺตโน ปหฏฺการณฺจ โรทนการณฺจ กเถสิ. ยาวตติยํ กถิเตปิ ราชา อสฺสทฺทหนฺโต ปุนทิวเส สกลราชนิเวสเน สพฺพมาลาวิเลปนาทิสุคนฺธคนฺธํ หราเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาสนานิ ปฺาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตํ อิตฺถึ ‘‘กตโร เต เถโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อย’’นฺติ วุตฺเต ตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺโฆ คจฺฉตุ, อมฺหากํ อสุกตฺเถโร อนุโมทนํ กริสฺสตี’’ติ อาห. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ เปตฺวา วิหารํ คโต. เถเร อนุโมทนํ วตฺตุํ อารทฺธมตฺเต สกลํ ราชนิเวสนํ คนฺธปูรํ วิย ชาตํ. ราชา ‘‘สจฺจเมเวสา อาหา’’ติ ปสีทิตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ ตํ การณํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘อยํ อตีเต ธมฺมกถํ สุณนฺโต ‘สาธุ สาธู’ติ สาธุการํ ปวตฺเตนฺโต สกฺกจฺจํ อสฺโสสิ, ตมฺมูลโก เตน มหาราช อยมานิสํโส ลทฺโธ’’ติ อาจิกฺขิ.

‘‘สทฺธมฺมเทสนากาเล, สาธุ สาธูติ ภาสโต;

มุขโต ชายเต คนฺโธ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ.

เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. อิมสฺมึ วคฺเค วฏฺฏเมว กถิตํ.

รูปาทิวคฺควณฺณนา.