📜
๑๐. ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา
๙๘. ทสเม ¶ อชฺฌตฺติกนฺติ นิยกชฺฌตฺตวเสน อชฺฌตฺติกํ. องฺคนฺติ การณํ. อิติ กริตฺวาติ เอวํ กตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน สมุฏฺิตํ การณนฺติ กตฺวา น อฺํ เอกํ การณมฺปิ สมนุปสฺสามีติ.
๑๑๐-๑๑๔. พาหิรนฺติ ¶ อชฺฌตฺตสนฺตานโต พหิ ภวํ. สทฺธมฺมสฺสาติ สุทฺธมฺมสฺส, สาสนสฺสาติ อตฺโถ. สมฺโมสายาติ วินาสาย. อนฺตรธานายาติ อปฺาณตฺถาย.
๑๑๕. ิติยาติ จิรฏฺิตตฺถํ. อสมฺโมสาย อนนฺตรธานายาติ วุตฺตปฏิปกฺขนเยเนว เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ จตุกฺโกฏิเก วุตฺตนยเมว.
๑๓๐. อิโต ปเรสุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปนฺตีติอาทีสุ สุตฺตนฺตปริยาเยน ตาว ทส กุสลกมฺมปถา ธมฺโม, ทส อกุสลกมฺมปถา อธมฺโม. ตถา จตฺตาโร สติปฏฺานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา ธมฺโม นาม; ตโย สติปฏฺานา ตโย ¶ สมฺมปฺปธานา ตโย อิทฺธิปาทา ฉ อินฺทฺริยานิ ฉ พลานิ อฏฺ โพชฺฌงฺคา นวงฺคิโก มคฺโคติ จ จตฺตาโร อุปาทานา ปฺจ นีวรณานิ สตฺต อนุสยา อฏฺ มิจฺฉตฺตานิ จ อยํ อธมฺโม.
ตตฺถ ยํกิฺจิ เอกํ อธมฺมโกฏฺาสํ คเหตฺวา ‘‘อิมํ อธมฺมํ ธมฺโมติ กริสฺสาม, เอวํ อมฺหากํ อาจริยกุลํ นิยฺยานิกํ ภวิสฺสติ, มยํ จ โลเก ปากฏา ภวิสฺสามา’’ติ ตํ อธมฺมํ ‘‘ธมฺโม อย’’นฺติ กถยนฺตา อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปนฺติ นาม. ตเถว ธมฺมโกฏฺาเสสุ เอกํ คเหตฺวา ‘‘อยํ อธมฺโม’’ติ กเถนฺตา ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปนฺติ นาม. วินยปริยาเยน ปน ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา สาเรตฺวา ยถาปฏิฺาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ ธมฺโม นาม, อภูเตน วตฺถุนา อโจเทตฺวา อสาเรตฺวา อปฏิฺาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ อธมฺโม นาม.
สุตฺตนฺตปริยาเยน ¶ ราควินโย โทสวินโย โมหวินโย สํวโร ปหานํ ปฏิสงฺขาติ อยํ วินโย นาม, ราคาทีนํ อวินโย อสํวโร อปฺปหานํ อปฏิสงฺขาติ อยํ ¶ อวินโย นาม. วินยปริยาเยน วตฺถุสมฺปตฺติ, ตฺติสมฺปตฺติ, อนุสฺสาวนสมฺปตฺติ, สีมาสมฺปตฺติ, ปริสสมฺปตฺตีติ อยํ วินโย นาม. วตฺถุวิปตฺติ, ตฺติวิปตฺติ, อนุสฺสาวนวิปตฺติ, สีมาวิปตฺติ ปริสวิปตฺตีติ อยํ อวินโย นาม.
สุตฺตนฺตปริยาเยน จตฺตาโร สติปฏฺานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน; ตโย สติปฏฺานา ตโย สมฺมปฺปธานา ตโย อิทฺธิปาทา ฉ อินฺทฺริยานิ ฉ พลานิ อฏฺ โพชฺฌงฺคา นวงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน. วินยปริยาเยน จตฺตาโร ปาราชิกา เตรส สงฺฆาทิเสสา ทฺเว อนิยตา ตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน; ตโย ปาราชิกา จุทฺทส สงฺฆาทิเสสา ตโย อนิยตา เอกตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน.
สุตฺตนฺตปริยาเยน เทวสิกํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ มหากรุณาสมาปตฺติสมาปชฺชนํ พุทฺธจกฺขุนา โลกโวโลกนํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน สุตฺตนฺตเทสนา ชาตกกถาติ อิทํ อาจิณฺณํ, น เทวสิกํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ…เป… น ชาตกกถาติ อิทํ อนาจิณฺณํ. วินยปริยาเยน ¶ นิมนฺติตสฺส วสฺสาวาสํ วสิตฺวา อปโลเกตฺวา จาริกาปกฺกมนํ ปวาเรตฺวา จาริกาปกฺกมนํ, อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ ปมํ ปฏิสนฺถารกรณนฺติ อิทํ อาจิณฺณํ, ตสฺเสว อาจิณฺณสฺส อกรณํ อนาจิณฺณํ นาม.
สุตฺตนฺตปริยาเยน จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ ปฺตฺตํ นาม; ตโย สติปฏฺานา…เป… นวงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ อปฺตฺตํ นาม. วินยปริยาเยน จตฺตาโร ปาราชิกา…เป… ตึสนิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ ปฺตฺตํ นาม; ตโย ปาราชิกา…เป… เอกตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ อปฺตฺตํ นาม.
ยํ ¶ ปเนตํ สพฺพสุตฺตานํ ปริโยสาเน เตจิมํ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปนฺตีติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปฺจ อนฺตรธานานิ นาม อธิคมอนฺตรธานํ, ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ, ปริยตฺติอนฺตรธานํ, ลิงฺคอนฺตรธานํ, ธาตุอนฺตรธานนฺติ ¶ . ตตฺถ อธิคโมติ จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺาติ. โส ปริหายมาโน ปฏิสมฺภิทาโต ปฏฺาย ปริหายติ. พุทฺธานํ หิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฏิสมฺภิทา นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิฺา, ตโต ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา นิพฺพตฺเตนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติ. เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน สกทาคามิโน โสตาปนฺนาติ. เตสุ ธรนฺเตสุ อธิคโม อนนฺตรหิโต นาม น โหติ. ปจฺฉิมกสฺส ปน โสตาปนฺนสฺส ชีวิตกฺขเยน อธิคโม อนฺตรหิโต นาม โหติ. อิทํ อธิคมอนฺตรธานํ นาม.
ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ นาม ฌานวิปสฺสนามคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺตํ รกฺขนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ‘‘สีลํ ปริปุณฺณํ กตฺวา รกฺขาม, ปธานฺจ อนุยฺุชาม, น จ มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สกฺโกม, นตฺถิ อิทานิ อริยธมฺมปฏิเวโธ’’ติ โวสานํ อาปชฺชิตฺวา โกสชฺชพหุลา อฺมฺํ น โจเทนฺติ น สาเรนฺติ อกุกฺกุจฺจกา โหนฺติ, ตโต ปฏฺาย ขุทฺทานุขุทฺทกานิ มทฺทนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยานิ อาปชฺชนฺติ, ตโต ครุกาปตฺตึ. ปาราชิกมตฺตเมว ติฏฺติ. จตฺตาริ ปาราชิกานิ รกฺขนฺตานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหสฺเสปิ ธรมาเน ปฏิปตฺติ อนนฺตรหิตา นาม น โหติ. ปจฺฉิมกสฺส ปน ภิกฺขุโน ¶ สีลเภเทน ¶ วา ชีวิตกฺขเยน วา อนฺตรหิตา โหตีติ อิทํ ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ นาม.
ปริยตฺตีติ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สาฏฺกถา ปาฬิ. ยาว สา ติฏฺติ, ตาว ปริยตฺติ ปริปุณฺณา นาม โหติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ราชยุวราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชามจฺจาทโย อธมฺมิกา โหนฺติ, ตโต รฏฺชนปทวาสิโนติ. เอเตสํ อธมฺมิกตาย เทโว น สมฺมา วสฺสติ, ตโต สสฺสานิ น สมฺปชฺชนฺติ. เตสุ อสมฺปชฺชนฺเตสุ ปจฺจยทายกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปจฺจเย ทาตุํ น สกฺโกนฺติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา อนฺเตวาสิเก สงฺคเหตุํ น สกฺโกนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปริยตฺติ ปริหายติ, อตฺถวเสน ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปาฬิวเสเนว ธาเรนฺติ. ตโต คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปาฬิมฺปิ สกลํ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปมํ อภิธมฺมปิฏกํ ปริหายติ. ปริหายมานํ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ ¶ . ปมเมว หิ ปฏฺานมหาปกรณํ ปริหายติ, ตสฺมึ ปริหีเน ยมกํ, กถาวตฺถุ, ปุคฺคลปฺตฺติ, ธาตุกถา, วิภงฺโค, ธมฺมสงฺคโหติ.
เอวํ อภิธมฺมปิฏเก ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหายติ. ปมฺหิ องฺคุตฺตรนิกาโย ปริหายติ, ตสฺมิมฺปิ ปมํ เอกาทสกนิปาโต, ตโต ทสกนิปาโต…เป… ตโต เอกกนิปาโตติ. เอวํ องฺคุตฺตเร ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สํยุตฺตนิกาโย ปริหายติ. ปมํ หิ มหาวคฺโค ปริหายติ, ตโต สฬายตนวคฺโค, ขนฺธวคฺโค, นิทานวคฺโค, สคาถาวคฺโคติ. เอวํ สํยุตฺตนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย มชฺฌิมนิกาโย ปริหายติ. ปมํ หิ อุปริปณฺณาสโก ปริหายติ, ตโต มชฺฌิมปณฺณาสโก, ตโต มูลปณฺณาสโกติ. เอวํ มชฺฌิมนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย ทีฆนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ ¶ ปาถิกวคฺโค ปริหายติ, ตโต มหาวคฺโค, ตโต สีลกฺขนฺธวคฺโคติ. เอวํ ทีฆนิกาเย ปริหีเน สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหีนํ นาม โหติ. วินยปิฏเกน สทฺธึ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. วินยปิฏกํ ลชฺชิโนว ธาเรนฺติ, ลาภกามา ปน ‘‘สุตฺตนฺเต กถิเตปิ สลฺลกฺเขนฺตา นตฺถี’’ติ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ¶ ชาตกมฺปิ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. อถ เตสํ ปมํ เวสฺสนฺตรชาตกํ ปริหายติ, ตโต ปฏิโลมกฺกเมน ปุณฺณกชาตกํ, มหานารทชาตกนฺติ ปริโยสาเน อปณฺณกชาตกํ ปริหายติ. เอวํ ชาตเก ปริหีเน วินยปิฏกเมว ธาเรนฺติ.
คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินยปิฏกมฺปิ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ. ปมฺหิ ปริวาโร ปริหายติ, ตโต ขนฺธโก, ภิกฺขุนีวิภงฺโค, มหาวิภงฺโคติ อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธกมตฺตเมว ธาเรนฺติ. ตทาปิ ปริยตฺติ อนฺตรหิตา น โหติ. ยาว ปน มนุสฺเสสุ จาตุปฺปทิกคาถาปิ ปวตฺตติ, ตาว ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติ. ยทา สทฺโธ ปสนฺโน ราชา หตฺถิกฺขนฺเธ สุวณฺณจงฺโกฏกมฺหิ สหสฺสตฺถวิกํ ปาเปตฺวา ‘‘พุทฺเธหิ กถิตํ จาตุปฺปทิกคาถํ ชานนฺโต อิมํ สหสฺสํ คณฺหตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ‘‘เอกวารํ จราปิเต นาม สุณนฺตาปิ โหนฺติ อสฺสุณนฺตาปี’’ติ ยาวตติยํ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ราชปุริสา ตํ สหสฺสตฺถวิกํ ปุน ราชกุลํ ปเวเสนฺติ, ตทา ปริยตฺติ อนฺตรหิตา นาม โหติ. อิทํ ปริยตฺติอนฺตรธานํ นาม.
คจฺฉนฺเต ¶ คจฺฉนฺเต กาเล จีวรคฺคหณํ ปตฺตคฺคหณํ สมฺมิฺชนปสารณํ อาโลกิตวิโลกิตํ ¶ น ปาสาทิกํ โหติ. นิคณฺสมณา วิย อลาพุปตฺตํ ภิกฺขู ปตฺตํ อคฺคพาหาย ปกฺขิปิตฺวา อาทาย วิจรนฺติ, เอตฺตาวตาปิ ลิงฺคํ อนนฺตรหิตเมว โหติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต ปน กาเล อคฺคพาหโต โอตาเรตฺวา หตฺเถน วา สิกฺกาย วา โอลมฺพิตฺวา วิจรนฺติ, จีวรมฺปิ รชนสารุปฺปํ อกตฺวา โอฏฺฏฺิวณฺณํ กตฺวา วิจรนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล รชนมฺปิ น โหติ ทสจฺฉินฺทนมฺปิ โอวฏฺฏิกวิชฺฌนมฺปิ, กปฺปมตฺตํ กตฺวา วฬฺเชนฺติ. ปุน โอวฏฺฏิกํ วิชฺฌิตฺวา กปฺปํ น กโรนฺติ. ตโต อุภยมฺปิ อกตฺวา ทสา เฉตฺวา ปริพฺพาชกา วิย จรนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ‘‘โก อิมินา อมฺหากํ อตฺโถ’’ติ ขุทฺทกํ กาสาวขณฺฑํ หตฺเถ วา คีวาย วา พนฺธนฺติ, เกเสสุ วา อลฺลียาเปนฺติ, ทารภรณํ วา กโรนฺตา กสิตฺวา วปิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปตฺวา วิจรนฺติ. ตทา ทกฺขิณํ เทนฺตา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เอเตสํ เทนฺติ. อิทํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ – ‘‘ภวิสฺสนฺติ โข, ปนานนฺท, อนาคตมทฺธานํ โคตฺรภุโน กาสาวกณฺา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, เตสุ ทุสฺสีเลสุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทสฺสนฺติ, ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสงฺเขยฺยํ ¶ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ตโต คจฺฉนฺเต กาเล นานาวิธานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ‘‘ปปฺโจ เอส, กึ อิมินา อมฺหาก’’นฺติ กาสาวขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา อรฺเ ขิปนฺติ. เอตสฺมึ กาเล ลิงฺคํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ. กสฺสปทสพลสฺส กิร กาลโต ปฏฺาย โยนกานํ ¶ เสตวตฺถํ ปารุปิตฺวา จรณํ จาริตฺตํ ชาตนฺติ. อิทํ ลิงฺคอนฺตรธานํ นาม.
ธาตุอนฺตรธานํ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ – ตีณิ ปรินิพฺพานานิ, กิเลสปรินิพฺพานํ – ขนฺธปรินิพฺพานํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติ. ตตฺถ กิเลสปรินิพฺพานํ โพธิปลฺลงฺเก อโหสิ, ขนฺธปรินิพฺพานํ กุสินารายํ, ธาตุปรินิพฺพานํ อนาคเต ภวิสฺสติ. กถํ? ตโต ตตฺถ ตตฺถ สกฺการสมฺมานํ อลภมานา ธาตุโย พุทฺธานํ อธิฏฺานพเลน สกฺการสมฺมานลภนกฏฺานํ คจฺฉนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล สพฺพฏฺาเนสุ สกฺการสมฺมาโน น โหติ. สาสนสฺส หิ โอสกฺกนกาเล อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป สพฺพา ธาตุโย สนฺนิปติตฺวา มหาเจติยํ, ตโต นาคทีเป ราชายตนเจติยํ, ตโต โพธิปลฺลงฺกํ คมิสฺสนฺติ. นาคภวนโตปิ เทวโลกโตปิ พฺรหฺมโลกโตปิ ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺกเมว คมิสฺสนฺติ. สาสปมตฺตาปิ ธาตุ อนฺตรา น นสฺสิสฺสติ. สพฺพา ธาตุโย มหาโพธิมณฺเฑ สนฺนิปติตฺวา พุทฺธรูปํ คเหตฺวา โพธิมณฺเฑ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนพุทฺธสรีรสิรึ ทสฺเสนฺติ. ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานิ อสีติ อนุพฺยฺชนานิ พฺยามปฺปภาติ สพฺพํ ปริปุณฺณเมว โหติ. ตโต ยมกปาฏิหาริยทิวเส วิย ปาฏิหาริยํ กตฺวา ¶ ทสฺเสนฺติ. ตทา มนุสฺสภูตสตฺโต นาม ตตฺถ คโต นตฺถิ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ปน เทวตา สพฺพาว สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ทสพโล ปรินิพฺพายติ, อิโตทานิ ปฏฺาย อนฺธการํ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเทวนฺติ. อถ ธาตุสรีรโต เตโช สมุฏฺาย ตํ สรีรํ อปณฺณตฺติกภาวํ คเมติ. ธาตุสรีรโต สมุฏฺิตา ชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคจฺฉิสฺสติ, สาสปมตฺตาย เสสายปิ ธาตุยา สติ เอกชาลาว ภวิสฺสติ. ธาตูสุ ปริยาทานํ คตาสุ ปจฺฉิชฺชิสฺสติ. เอวํ มหนฺตํ อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา ธาตุโย ¶ อนฺตรธายนฺติ. ตทา สนฺนิปติตา เทวสงฺฆา พุทฺธานํ ปรินิพฺพุตทิวเส วิย ทิพฺพคนฺธมาลาตูริยาทีหิ สกฺการํ กตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อนาคเต อุปฺปชฺชนกํ พุทฺธํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสาม ภควา’’ติ วตฺวา สกสกฏฺานเมว คจฺฉนฺติ. อิทํ ธาตุอนฺตรธานํ นาม.
อิมสฺส ปฺจวิธสฺส อนฺตรธานสฺส ปริยตฺติอนฺตรธานเมว ¶ มูลํ. ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฏิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปริยตฺติยา ิตาย ปฏิปตฺติ ปติฏฺาติ. เตเนว อิมสฺมึ ทีเป จณฺฑาลติสฺสมหาภเย สกฺโก เทวราชา มหาอุฬุมฺปํ มาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ ‘‘มหนฺตํ ภยํ ภวิสฺสติ, น สมฺมา เทโว วสฺสิสฺสติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา ปริยตฺตึ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, ปรตีรํ คนฺตฺวา อยฺเยหิ ชีวิตํ รกฺขิตุํ วฏฺฏติ. อิมํ มหาอุฬุมฺปํ อารุยฺห คจฺฉถ, ภนฺเต. เยสํ เอตฺถ นิสชฺชฏฺานํ นปฺปโหติ, เต กฏฺขณฺเฑปิ อุรํ เปตฺวา คจฺฉนฺตุ, สพฺเพสมฺปิ ภยํ น ภวิสฺสตี’’ติ. ตทา สมุทฺทตีรํ ปตฺวา สฏฺิ ภิกฺขู กติกํ กตฺวา ‘‘อมฺหากํ เอตฺถ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยํ อิเธว หุตฺวา เตปิฏกํ รกฺขิสฺสามา’’ติ ตโต นิวตฺติตฺวา ทกฺขิณมลยชนปทํ คนฺตฺวา กนฺทมูลปณฺเณหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตา วสึสุ. กาเย วหนฺเต นิสีทิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺติ, อวหนฺเต วาลิกํ อุสฺสาเรตฺวา ปริวาเรตฺวา สีสานิ เอกฏฺาเน กตฺวา ปริยตฺตึ สมฺมสนฺติ. อิมินา นิยาเมน ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ สาฏฺกถํ เตปิฏกํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ธารยึสุ.
ภเย วูปสนฺเต สตฺตสตา ภิกฺขู อตฺตโน คตฏฺาเน สาฏฺกเถ เตปิฏเก เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยฺชนมฺปิ อนาเสตฺวา อิมเมว ทีปมาคมฺม กลฺลคามชนปเท มณฺฑลารามวิหารํ ปวิสึสุ. เถรานํ อาคมนปฺปวตฺตึ สุตฺวา อิมสฺมึ ทีเป โอหีนา สฏฺิ ภิกฺขู ‘‘เถเร ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เถเรหิ สทฺธึ เตปิฏกํ โสเธนฺตา เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยฺชนมฺปิ อสเมนฺตํ นาม น ปสฺสึสุ. ตสฺมึ าเน เถรานํ อยํ กถา อุทปาทิ ‘‘ปริยตฺติ นุ โข สาสนสฺส มูลํ ¶ , อุทาหุ ปฏิปตฺตี’’ติ. ปํสุกูลิกตฺเถรา ‘‘ปฏิปตฺติมูล’’นฺติ อาหํสุ, ธมฺมกถิกา ‘‘ปริยตฺตี’’ติ ¶ . อถ เน เถรา ‘‘ตุมฺหากํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ วจนมตฺเตเนว น กโรม, ชินภาสิตํ สุตฺตํ อาหรถา’’ติ อาหํสุ. สุตฺตํ อาหริตุํ น ภาโรติ ‘‘อิเม จ, สุภทฺท ¶ , ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสฺุโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสาติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔). ปฏิปตฺติมูลกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ ปฏิปตฺติสารกํ. ปฏิปตฺติยา ธรนฺตาย ติฏฺตี’’ติ (มิ. ป. ๔.๑.๗) สุตฺตํ อาหรึสุ. อิมํ สุตฺตํ สุตฺวา ธมฺมกถิกา อตฺตโน วาทปนตฺถาย อิมํ สุตฺตํ อาหรึสุ –
‘‘ยาว ติฏฺนฺติ สุตฺตนฺตา, วินโย ยาว ทิปฺปติ;
ตาว ทกฺขนฺติ อาโลกํ, สูริเย อพฺภุฏฺิเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเตสุ อสนฺเตสุ, ปมุฏฺเ วินยมฺหิ จ;
ตโม ภวิสฺสติ โลเก, สูริเย อตฺถงฺคเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเต รกฺขิเต สนฺเต, ปฏิปตฺติ โหติ รกฺขิตา;
ปฏิปตฺติยํ ิโต ธีโร, โยคกฺเขมา น ธํสตี’’ติ.
อิมสฺมึ สุตฺเต อาหเฏ ปํสุกูลิกตฺเถรา ตุณฺหี อเหสุํ, ธมฺมกถิกตฺเถรานํเยว วจนํ ปุรโต อโหสิ. ยถา หิ ควสตสฺส วา ควสหสฺสสฺส วา อนฺตเร ปเวณิปาลิกาย เธนุยา อสติ โส วํโส สา ปเวณิ น ฆฏียติ, เอวเมวํ อารทฺธวิปสฺสกานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหสฺเสปิ สํวิชฺชมาเน ปริยตฺติยา อสติ อริยมคฺคปฏิเวโธ นาม น โหติ. ยถา จ นิธิกุมฺภิยา ชานนตฺถาย ปาสาณปิฏฺเ อกฺขเรสุ ปิเตสุ ยาว อกฺขรานิ ธรนฺติ, ตาว นิธิกุมฺภิ นฏฺา นาม น โหติ. เอวเมวํ ปริยตฺติยา ธรมานาย สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม น โหตีติ.
ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา.