📜
๑๓. เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา
๑๗๐. เอกปุคฺคลวคฺคสฺส ¶ ปเม เอกปุคฺคโลติ เอโก ปุคฺคโล. เอตฺถ เอโกติ ทุติยาทิปฏิกฺเขปตฺโถ คณนปริจฺเฉโท. ปุคฺคโลติ สมฺมุติกถา, น ปรมตฺถกถา. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา – สมฺมุติเทสนา, ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ ¶ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา, ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ขนฺธา ธาตู อายตนานิ สติปฏฺานา’’ติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสํ อธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ.
ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ. เย อนฺธภาสาทีสุ อฺตราย ภาสาย ¶ , เตสํ ตาย ตาย ภาสาย. เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา, ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเว ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ, เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ, นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยสตฺตา, อาจริยสฺส ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นุปลพฺภติ.
‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
‘‘ตสฺมา ¶ โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.
อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจาติ. ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ ¶ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อิตฺถี หิริยติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา, ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ¶ มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ, อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา อานนฺตริยทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสมนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ¶ ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ? ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺติ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺโม’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
โลกสมฺมุติฺจ ¶ พุทฺธา ภควนฺโต นปฺปชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
อิติ เอโก จ โส ปุคฺคโล จาติ เอกปุคฺคโล. เกนฏฺเน เอกปุคฺคโล? อสทิสฏฺเน คุณวิสิฏฺฏฺเน อสมสมฏฺเนาติ. โส หิ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปฏิปาฏิยา อาวชฺชนํ อาทึ กตฺวา โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ เสสมหาชเนน อสทิโสติ อสทิสฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. เย จสฺส เต คุณา, เต เสสสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺาติ คุณวิสิฏฺฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ สทฺธึ อยเมว เอโก รูปกายคุเณหิ เจว นามกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล.
โลเกติ ตโย โลกา – สตฺตโลโก, โอกาสโลโก, สงฺขารโลโกติ. เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๕-๑๓๖) วุตฺตา. เตสุ อิธ สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ เจส น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเกเยว อุปฺปชฺชติ. มนุสฺสโลเกปิ ¶ น อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชติ. ตตฺราปิ น สพฺพฏฺาเนสุ.
‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ¶ ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉินฺเน อายามโต ติโยชนสเต วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต ปริกฺเขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมเทเส ¶ อุปฺปชฺชติ. น เกวลฺจ ตถาคโตว, ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติ มหาเถรา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺตี ราชา อฺเ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ.
อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตีติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว. อุปฺปชฺชมาโน พหุชนหิตาย อุปฺปชฺชติ, น อฺเน การเณนาติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวรูปฺเจตฺถ ลกฺขณํ น สกฺกา เอตํ อฺเน สทฺทลกฺขเณน ปฏิพาหิตุํ.
อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม, อุปฺปชฺชติ นาม, อุปฺปนฺโน นามาติ อยเมตฺถ เภโท เวทิตพฺโพ. เอส หิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ลทฺธพฺยากรโณ พุทฺธการเก ธมฺเม ปริเยสนฺโต ทส ปารมิโย ทิสฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา มยา ปูเรตพฺพา’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ทานปารมึ ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. สีลปารมี…เป… อุเปกฺขาปารมีติ อิมา ทส ปารมิโย ปูเรนฺโตปิ, ทส อุปปารมิโย ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ทส ปรมตฺถปารมิโย ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. อตฺตตฺถจริยํ าตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ ปูรยมาโนปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ พุทฺธการเก ธมฺเม มตฺถกํ ปาเปนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เวสฺสนฺตรตฺตภาวํ ปหาย ¶ ตุสิตปุเร ปฏิสนฺธึ ¶ คเหตฺวา สฏฺิวสฺสสตสหสฺสาธิกา สตฺตปณฺณาสวสฺสโกฏิโย ติฏฺนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เทวตาหิ ยาจิโต ปฺจมหาวิโลกิตํ วิโลเกตฺวา มหามายาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโตปิ, อนูนาธิเก ทส มาเส คพฺภวาสํ วสนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ราหุลภทฺทสฺส ชาตทิวเส ฉนฺนสหาโย กณฺฑกํ วาหนวรํ อารุยฺห นิกฺขมนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมนฺโตปิ อโนมานทีตีเร ปพฺพชนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ กโรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ปริปกฺกคเต าเณ โอฬาริกาหารํ อาหรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. สายนฺหสมเย วิสาขปุณฺณมาย มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธเมตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ ปริโสเธตฺวา ปจฺฉิมยามสมนนฺตเร ทฺวาทสงฺคํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. โสตาปตฺติผลกฺขเณปิ สกทาคามิมคฺคกฺขเณปิ สกทาคามิผลกฺขเณปิ อนาคามิมคฺคกฺขเณปิ ¶ อนาคามิผลกฺขเณปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. อรหตฺตมคฺคกฺขเณ ปน อุปฺปชฺชติ นาม. อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม. พุทฺธานํ หิ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ สพฺพฺุตฺาณาทิ คุณราสิ อาคโตว นาม โหติ. ตสฺมา เต นิปฺผตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺนา นาม โหนฺติ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อรหตฺตผลกฺขณํเยว สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ เวทิตพฺโพ, อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
พหุชนหิตายาติ ¶ มหาชนสฺส หิตตฺถาย อุปฺปชฺชติ. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย อุปฺปชฺชติ. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ. กตรสตฺตโลกสฺสาติ? โย ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อมตปานํ ปิวิตฺวา ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิ, ตสฺส. ภควตา หิ มหาโพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา โพธิมณฺฑา อิสิปตนํ อาคมฺม ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ ¶ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺเต (มหาว. ๑๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทสิเต อายสฺมตา อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถเรน สทฺธึ อฏฺารสโกฏิสงฺขา พฺรหฺมาโน อมตปานํ ปิวึสุ, เอตสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. ปฺจมทิวเส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตปริโยสาเน (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) ปฺจวคฺคิยา เถรา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. ตโต ยสทารกปฺปมุเข ปฺจปณฺณาส ปุริเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตโต กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ภทฺทวคฺคิเย ตโย มคฺเค จ ตีณิ ผลานิ จ สมฺปาเปสิ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. คยาสีเส อาทิตฺตปริยายสุตฺตปริโยสาเน (มหาว. ๕๔) ชฏิลสหสฺสํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตาลฏฺิวเน พิมฺพิสารปฺปมุขา เอกาทส นหุตา พฺราหฺมณคหปติกา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, เอกํ นหุตํ สรเณสุ ปติฏฺิตํ. ติโรกุฏฺฏอนุโมทนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ อมตปานํ ปีตํ. สุมนมาลาการสมาคเม จตุราสีติยา จ. ธนปาลกสมาคเม ทสหิ ปาณสหสฺเสหิ, ขทิรงฺคารชาตกสมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ, ชมฺพุกอาชีวกสมาคเม จตุราสีติยา จ. อานนฺทเสฏฺิสมาคเม ¶ จตุราสีติยา จ ปาณสหสฺเสหิ อมตปานํ ปีตํ. ปาสาณกเจติเย ปารายนสุตฺตนฺตกถาทิวเส จุทฺทส โกฏิโย อมตปานํ ปิวึสุ. ยมกปาฏิหาริยทิวเส วีสติ ปาณโกฏิโย, ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลาย นิสีทิตฺวา มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมํ เทเสนฺตสฺส อสีติ ปาณโกฏิโย, เทโวโรหเน ตึส ปาณโกฏิโย, สกฺกปฺหสุตฺตนฺเต อสีติ ¶ เทวตาสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวึสุ. มหาสมยสุตฺตนฺเต มงฺคลสุตฺตนฺเต จูฬราหุโลวาเท สมจิตฺตปฏิปทายาติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อภิสมยํ ปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโนติ. ยาวชฺชทิวสา อิโต ปรํ อนาคเต จ สาสนํ นิสฺสาย สคฺคโมกฺขมคฺเค ปติฏฺหนฺตานํ วเสนาปิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทวมนุสฺสานนฺติ น เกวลํ เทวมนุสฺสานํเยว, อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาเยว อุปฺปนฺโน. สเหตุกปฏิสนฺธิเก ปน ¶ มคฺคผลสจฺฉิกิริยาย ภพฺเพ ปุคฺคเล ทสฺเสตุํ เอตํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอเตสมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาเยว อุปฺปนฺโนติ เวทิตพฺโพ.
กตโม เอกปุคฺคโลติ อยํ ปุจฺฉา. ปุจฺฉา จ นาเมสา ปฺจวิธา โหติ – อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ.
ตาสํ อิทํ นานตฺตํ – กตมา อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อภาวิตํ. ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ¶ ตีรณาย วิภูตตฺถาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา.
กตมา ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ. โส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา.
กตมา วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขนฺโต โหติ วิมติปกฺขนฺโต ทฺเวฬฺหกชาโต ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กึ นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ. โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา.
กตมา อนุมติปุจฺฉา? ภควา หิ ภิกฺขูนํ อนุมติยา ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ ¶ นุ โข ตํ สมนุปสฺสิตุํ เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ, อยํ อนุมติปุจฺฉา.
กตมา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติ? อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ.
ตตฺถ พุทฺธานํ ปุริมา ติสฺโส ปุจฺฉา นตฺถิ. กสฺมา? พุทฺธานํ หิ ตีสุ อทฺธาสุ กิฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ อทิฏฺํ อชานิตํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา เตสํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยํ ปน ภควตา อตฺตโน าเณน ปฏิวิทฺธํ, ตสฺส อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน ¶ วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธึ สํสนฺทนกิจฺจํ ¶ นตฺถิ. เตนสฺส ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยสฺมา ปเนส อกถํกถี ติณฺณวิจิกิจฺโฉ สพฺพธมฺเมสุ วิหตสํสโย, เตนสฺส วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา นตฺถิ. อิตรา ปน ทฺเว ปุจฺฉา ภควโต อตฺถิ, ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ ตาย ปุจฺฉาย ปุฏฺํ เอกปุคฺคลํ วิภาเวนฺโต ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อาห. ตตฺถ ตถาคโตติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.
กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ยถา วิปสฺสี ภควา อาคโต, ยถา สิขี ภควา, ยถา เวสฺสภู ภควา, ยถา กกุสนฺโธ ภควา, ยถา โกณาคมโน ภควา, ยถา กสฺสโป ภควา อาคโตติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เอเต ภควนฺโต อาคตา, เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจาธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคํ นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ¶ ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. ยถา จ วิปสฺสี ภควา ¶ …เป… กสฺสโป ภควา จตฺตาโร สติปฏฺาเน จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน จตฺตาโร อิทฺธิปาเท ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺเค อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตติ ตถาคโต.
‘‘ยเถว ¶ โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติ.
เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาโต วิปสฺสี ภควา คโต…เป… กสฺสโป ภควา คโต. กถฺจ โส คโตติ? โส หิ สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คโต. ยถาห – ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน, สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสติ ‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗). ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. ยฺหิ โส สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิ, อิทมสฺส จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อุตฺตราภิมุขภาโว ปน สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สตฺตปทวีติหาโร สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฏิลาภสฺส, ‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา’’ติ (สุ. นิ. ๖๙๓) เอตฺถ วุตฺตจามรุกฺเขโป ปน สพฺพติตฺถิยนิมฺมถนสฺส ¶ ปุพฺพนิมิตฺตํ, เสตจฺฉตฺตธารณํ อรหตฺตผลวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สพฺพทิสานุวิโลกนํ สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อาสภิวาจาภาสนํ อปฺปฏิวตฺติยวรธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ตถา อยํ ¶ ภควาปิ คโต. ตฺจสฺส คมนํ กถํ อโหสิ อวิตถํ เตสํเยว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. เตนาหุ โปราณา –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควมฺปตี ยถา,
สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,
เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.
‘‘คนฺตฺวาน ¶ โส สตฺต ปทานิ โคตโม,
ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยิ,
สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ.
เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา, อยมฺปิ ภควา ตเถว เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คโต, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย คโต, าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา คโต, ปาโมชฺเชน อรตึ วิโนเทตฺวา, ปมชฺฌาเนน นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา, ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจารํ วูปสเมตฺวา, ตติยชฺฌาเนน ปีตึ วิราเชตฺวา, จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหาย, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาปฏิฆสฺานานตฺตสฺาโย สมติกฺกมิตฺวา, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺํ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา ¶ วิฺาณฺจายตนสฺํ, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺํ สมติกฺกมิตฺวา คโต.
อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปหาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺํ, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺํ, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทึ, วิราคานุปสฺสนาย ราคํ, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยํ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานํ, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺํ, วยานุปสฺสนาย ¶ อายูหนํ, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺํ, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตสฺํ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธึ, สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสํ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสํ, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสํ, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสํ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขํ, วิวฏฺฏานุปสฺสนาย สํโยคาภินิเวสํ, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส ภฺชิตฺวา, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริเก กิเลเส ปหาย, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคเต กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ปถวีธาตุยา กกฺขฬตฺตลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ, อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ, เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ, อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ, วิฺาณธาตุยา วิชานนลกฺขณํ.
รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, สฺาย สฺชานนลกฺขณํ, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ.
วิตกฺกสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ, วิจารสฺส อนุมชฺชนลกฺขณํ, ปีติยา ผรณลกฺขณํ, สุขสฺส สาตลกฺขณํ, จิตฺเตกคฺคตาย อวิกฺเขปลกฺขณํ, ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ.
สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขลกฺขณํ, วีริยินฺทฺริยสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, สตินฺทฺริยสฺส ¶ อุปฏฺานลกฺขณํ, สมาธินฺทฺริยสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ, ปฺินฺทฺริยสฺส ปชานนลกฺขณํ.
สทฺธาพลสฺส อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยลกฺขณํ, วีริยพลสฺส โกสชฺเช, สติพลสฺส มุฏฺสฺสจฺเจ, สมาธิพลสฺส อุทฺธจฺเจ, ปฺาพลสฺส อวิชฺชาย อกมฺปิยลกฺขณํ.
สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปวิจยลกฺขณํ, วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ผรณลกฺขณํ, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส วูปสมลกฺขณํ ¶ , สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปฏิสงฺขานลกฺขณํ.
สมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนลกฺขณํ, สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ, สมฺมาวาจาย ปริคฺคหลกฺขณํ, สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ, สมฺมาอาชีวสฺส โวทานลกฺขณํ, สมฺมาวายามสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, สมฺมาสติยา อุปฏฺานลกฺขณํ, สมฺมาสมาธิสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ.
อวิชฺชาย อฺาณลกฺขณํ, สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณํ, วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ, นามสฺส นมนลกฺขณํ, รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, สฬายตนสฺส อายตนลกฺขณํ, ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ, อุปาทานสฺส คหณลกฺขณํ, ภวสฺส อายูหนลกฺขณํ, ชาติยา นิพฺพตฺติลกฺขณํ, ชราย ชีรณลกฺขณํ, มรณสฺส จุติลกฺขณํ.
ธาตูนํ ¶ สฺุตาลกฺขณํ, อายตนานํ อายตนลกฺขณํ, สติปฏฺานานํ อุปฏฺานลกฺขณํ, สมฺมปฺปธานานํ ปทหนลกฺขณํ, อิทฺธิปาทานํ อิชฺฌนลกฺขณํ, อินฺทฺริยานํ อธิปติลกฺขณํ, พลานํ อกมฺปิยลกฺขณํ, โพชฺฌงฺคานํ นิยฺยานลกฺขณํ, มคฺคสฺส เหตุลกฺขณํ.
สจฺจานํ ตถลกฺขณํ, สมถสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ, วิปสฺสนาย อนุปสฺสนาลกฺขณํ, สมถวิปสฺสนานํ เอกรสลกฺขณํ, ยุคนทฺธานํ อนติวตฺตนลกฺขณํ.
สีลวิสุทฺธิยา ¶ สํวรณลกฺขณํ, จิตฺตวิสุทฺธิยา อวิกฺเขปลกฺขณํ, ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ทสฺสนลกฺขณํ.
ขเย าณสฺส สมุจฺเฉทลกฺขณํ, อนุปฺปาเท าณสฺส ปสฺสทฺธิลกฺขณํ.
ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณํ, มนสิการสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ, ผสฺสสฺส สโมธานลกฺขณํ, เวทนาย สโมสรณลกฺขณํ, สมาธิสฺส ปมุขลกฺขณํ, สติยา อาธิปเตยฺยลกฺขณํ, ปฺาย ตตุตฺตริยลกฺขณํ ¶ , วิมุตฺติยา สารลกฺขณํ, อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺส ปริโยสานลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. เอวํ ตถลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อนุปฺปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. อภิสมฺโพธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท.
อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ, สงฺขารานํ วิฺาณสฺส ปจฺจยฏฺโ…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมาปิ ¶ ตถานํ ธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา ¶ ยํ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ? ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. ตตฺถ ตถทสฺสีอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ¶ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ ยมกสาลานํ อนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยาปิ มชฺฌิมโพธิยาปิ ปจฺฉิมโพธิยาปิ ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, สพฺพํ ¶ ตํ อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ อนูนํ อนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ โทสโมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, สพฺพํ ตํ เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย เอกนาฬิกาย มิตํ วิย เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตถเมว โหติ อวิตถํ. เตนาห – ‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ¶ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ โน อฺถา. ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘). คทตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต.
อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวมฺเปตสฺมึ อตฺเถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํ ภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต, ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตาติ ตถาคโต. เตเนวาห – ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ ¶ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ราชราโช เทวเทโว สกฺกานมติสกฺโก พฺรหฺมานมติพฺรหฺมา. เตนาห – ‘‘สเทวเก โลเก, ภิกฺขเว…เป… สเทวมนุสฺสาย ¶ ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก ทิพฺพาคเทน สปฺเป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ¶ ตถาย คโตติปิ ตถาคโต, ตถํ คโตติปิ ตถาคโต, คโตติ อวคโต อตีโต ปตฺโต ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถาย คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เตน ยํ วุตฺตํ ภควตา –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต ¶ วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตสฺสปิ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตเมว. สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย.
อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ ปททฺวเย ปน อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ อรหนฺติ เวทิตพฺโพ. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ ¶ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ ปททฺวยํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) พุทฺธานุสฺสติวณฺณนายํ ปกาสิตนฺติ.
๑๗๑. ทุติเย ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ นิปฺผตฺติ. ทุลฺลโภ โลกสฺมินฺติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ทุลฺลโภ สุทุลฺลโภ ปรมทุลฺลโภ. กสฺมา ทุลฺลโภติ? เอกวารํ ทานปารมึ ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ น สกฺกา, ทฺเว วาเร ทส วาเร วีสติ วาเร ปฺาส วาเร วารสตํ วารสหสฺสํ วารสตสหสฺสํ วารโกฏิสตสหสฺสมฺปิ ทานปารมึ ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ ¶ น สกฺกา, ตถา เอกทิวสํ ทฺเว ทิวเส ทส ทิวเส วีสติ ทิวเส ปฺาส ทิวเส ทิวสสตํ ทิวสสหสฺสํ ทิวสสตสหสฺสํ ทิวสโกฏิสตสหสฺสํ ¶ . เอกมาสํ ทฺเว มาเส…เป… มาสโกฏิสตสหสฺสํ. เอกสํวจฺฉรํ ทฺเว สํวจฺฉเร…เป… สํวจฺฉรโกฏิสตสหสฺสํ. เอกกปฺปํ ทฺเว กปฺเป…เป… กปฺปโกฏิสตสหสฺสํ. กปฺปานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ตีณิ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทานปารมึ ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ น สกฺกา. สีลปารมีเนกฺขมฺมปารมี…เป… อุเปกฺขาปารมีสุปิ เอเสว นโย. ปจฺฉิมโกฏิยา ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ สกฺกาติ อิมินา การเณน ทุลฺลโภ.
๑๗๒. ตติเย อจฺฉริยมนุสฺโสติ อจฺฉริโย มนุสฺโส. อจฺฉริโยติ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหณํ วิย นิจฺจํ น โหตีติ อตฺโถ. อยํ ตาว สทฺทนโย. อยํ ปน อฏฺกถานโย – อจฺฉราโยคฺโคติ อจฺฉริโย, อจฺฉรํ ปหริตฺวา ปสฺสิตพฺโพติ อตฺโถ. อปิจ ‘‘ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาวา จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา ปาตุภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๒๗) เอวมาทีหิ อเนเกหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตาปิ อจฺฉริยมนุสฺโส. อาจิณฺณมนุสฺโสติปิ อจฺฉริยมนุสฺโส.
อภินีหารสฺส หิ สมฺปาทเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา เอกพุทฺธสฺส สมฺมุเข มหาโพธิมณฺเฑ มานสํ พนฺธิตฺวา นิสชฺชนํ นาม น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตถา พุทฺธานํ สนฺติเก พฺยากรณํ ลภิตฺวา อนิวตฺตเกน หุตฺวา วีริยาธิฏฺานํ อธิฏฺาย พุทฺธการกธมฺมานํ ปูรณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตถา ปารมิโย คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา ¶ เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว ตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ หตฺถีนํ สตฺตสตานิ อสฺสานํ สตฺตสตานีติ เอวํ สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา ¶ ชาลิกุมารสทิสํ ปุตฺตํ, กณฺหาชินาสทิสํ ธีตรํ, มทฺทีเทวิสทิสํ ภริยฺจ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ทุติเย อตฺตภาเว ตุสิตภวเน ปฏิสนฺธิคฺคหณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตุสิตปุเร ยาวตายุกํ ตฺวา เทวตานํ อายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา สตสฺส ¶ สมฺปชานสฺส ตุสิตปุรา จวิตฺวา มหาโภคกุเล ปฏิสนฺธิคฺคหณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตถา ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนมฺปิ, สตสฺส สมฺปชานสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิวาโสปิ, สตสฺส สมฺปชานสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนมฺปิ, สมฺปติชาตสฺส สตฺตปทวีติหารคมนมฺปิ, ทิพฺพเสตจฺฉตฺต. ธารณมฺปิ, ทิพฺพวาฬพีชนุกฺเขโปปิ, สพฺพทิสาสุ สีหวิโลกนํ วิโลเกตฺวา อตฺตนา ปฏิสมํ กฺจิ สตฺตํ อทิสฺวา ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ เอวํ สีหนาทนทนมฺปิ, ปริปากคเต าเณ มหาสมฺปตฺตึ ปหาย มหาภินิกฺขมนมฺปิ, มหาโพธิมณฺเฑ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส มารวิชยํ อาทึ กตฺวา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุวิโสธนานิ กตฺวา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตฺาณคุณราสิปฏิวิทฺธกฺขเณ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนมฺปิ, ปมธมฺมเทสนาย อนุตฺตรํ ติปริวฏฺฏํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนมฺปีติ เอวมาทิ สพฺพํ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุพุทฺธสฺเสว อาจิณฺณํ. เอวํ อาจิณฺณมนุสฺโสติปิ อจฺฉริยมนุสฺโส.
๑๗๓. จตุตฺเถ ¶ กาลกิริยาติ เอกสฺมึ กาเล ปากฏา กิริยาติ กาลกิริยา. ตถาคโต หิ ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ ปฺจ นิกาเย นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ปกาเสตฺวา มหาชนํ นิพฺพานนินฺนํ นิพฺพานโปณํ กตฺวา ยมกสาลานมนฺตเร นิปนฺโน ภิกฺขุสงฺฆํ อามนฺเตตฺวา อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา สโต สมฺปชาโน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. อยมสฺส กิริยา ยาวชฺชตนา ปากฏาติ เอกสฺมึ กาเล ปากฏา กิริยาติ กาลกิริยา. อนุตปฺปา โหตีติ อนุตาปกรา โหติ. ตตฺถ จกฺกวตฺติรฺโ กาลกิริยา เอกจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสานํ อนุตาปกรา โหติ. พุทฺธานํ กาลกิริยา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวมนุสฺสานํ อนุตาปกรา โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘พหุโน ชนสฺส อนุตปฺปา โหตี’’ติ.
๑๗๔. ปฺจเม อทุติโยติ ทุติยสฺส พุทฺธสฺส อภาวา อทุติโย. จตฺตาโร หิ พุทฺธา สุตพุทฺโธ, จตุสจฺจพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ, สพฺพฺุพุทฺโธติ. ตตฺถ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ สุตพุทฺโธ นาม ¶ . ขีณาสโว จตุสจฺจพุทฺโธ นาม ¶ . กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สามํ ปฏิวิทฺธปจฺเจกโพธิาโณ ปจฺเจกพุทฺโธ นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ วา อฏฺ วา โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ สพฺพฺุพุทฺโธ นาม. อิเมสุ จตูสุ พุทฺเธสุ สพฺพฺุพุทฺโธว อทุติโย นาม. น หิ เตน สทฺธึ อฺโ สพฺพฺุพุทฺโธ นาม อุปฺปชฺชติ.
อสหาโยติ อตฺตภาเวน วา ปฏิวิทฺธธมฺเมหิ วา สทิโส สหาโย นาม อสฺส นตฺถีติ อสหาโย. ‘‘ลทฺธสหาโย โข ปน โส ภควา เสขานฺเจว ปฏิปทาน’’นฺติ อิมินา ปน ปริยาเยน เสขาเสขา พุทฺธานํ สหายา นาม โหนฺติ. อปฺปฏิโมติ ปฏิมา ¶ วุจฺจติ อตฺตภาโว, ตสฺส อตฺตภาวสทิสา อฺา ปฏิมา นตฺถีติ อปฺปฏิโม. ยาปิ จ มนุสฺสา สุวณฺณรชตาทิมยา ปฏิมา กโรนฺติ, ตาสุ วาลคฺคมตฺตมฺปิ โอกาสํ ตถาคตสฺส อตฺตภาวสทิสํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถีติ สพฺพถาปิ อปฺปฏิโม.
อปฺปฏิสโมติ อตฺตภาเวเนวสฺส ปฏิสโม นาม โกจิ นตฺถีติ อปฺปฏิสโม. อปฺปฏิภาโคติ เย ตถาคเตน ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา นเยน ธมฺมา เทสิตา, เตสุ ‘‘น จตฺตาโร สติปฏฺานา, ตโย วา ปฺจ วา’’ติอาทินา นเยน ปฏิภาคํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถีติ อปฺปฏิภาโค. อปฺปฏิปุคฺคโลติ อฺโ โกจิ ‘‘อหํ พุทฺโธ’’ติ เอวํ ปฏิฺํ กาตุํ สมตฺโถ ปุคฺคโล นตฺถีติ อปฺปฏิปุคฺคโล. อสโมติ อปฺปฏิปุคฺคลตฺตาว สพฺพสตฺเตหิ อสโม. อสมสโมติ อสมา วุจฺจนฺติ อตีตานาคตา สพฺพฺุพุทฺธา, เตหิ อสเมหิ สโมติ อสมสโม.
ทฺวิปทานํ อคฺโคติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อปทานํ ทฺวิปทานํ จตุปฺปทานํ พหุปฺปทานํ รูปีนํ อรูปีนํ สฺีนํ อสฺีนํ เนวสฺีนาสฺีนํ สตฺตานํ อคฺโคว. กสฺมา อิธ ทฺวิปทานํ อคฺโคติ วุตฺโต? เสฏฺตรวเสน. อิมสฺมิฺหิ โลเก เสฏฺโ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปฺปเทสุ น อุปฺปชฺชติ, ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ. กตรทฺวิปทฺเวสูติ? มนุสฺเสสุ เจว เทเวสุ จ. มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ ¶ พุทฺโธ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วสวตฺตี มหาพฺรหฺมา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. โส ¶ ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก ¶ วา สมฺปชฺชติ. อิติ ตโตปิ เสฏฺตรวเสเนส ทฺวิปทานํ อคฺโคติ วุตฺโต.
๑๗๕-๑๘๖. ฉฏฺาทีสุ เอกปุคฺคลสฺส, ภิกฺขเว, ปาตุภาวา มหโต จกฺขุสฺส ปาตุภาโว โหตีติ, ภิกฺขเว, เอกปุคฺคลสฺส ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาเวน มหนฺตสฺส จกฺขุสฺส ปาตุภาโว โหติ. ตสฺมึ ปุคฺคเล ปาตุภูเต ตํ ปาตุภูตเมว โหติ, น วินา ตสฺส ปาตุภาเวน ปาตุภวติ. ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ นิปฺผตฺติ. กตมสฺส จกฺขุสฺสาติ? ปฺาจกฺขุสฺส. กีวรูปสฺสาติ? สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิปสฺสนาปฺาสทิสสฺส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส สมาธิปฺาสทิสสฺสาติ. อาโลกาทีสุปิ เอเสว นโย. อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปฺาอาโลกสทิโสเยว หิ เอตฺถ อาโลโก, ปฺาโอภาสสทิโสเยว โอภาโส อธิปฺเปโต. ‘‘มหโต จกฺขุสฺส, มหโต อาโลกสฺส, มหโต โอภาสสฺสา’’ติ อิมานิ จ ปน ตีณิปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
ฉนฺนํ อนุตฺตริยานนฺติ อุตฺตริตรวิรหิตานํ ฉนฺนํ อุตฺตมธมฺมานํ. ตตฺถ ทสฺสนานุตฺตริยํ, สวนานุตฺตริยํ, ลาภานุตฺตริยํ, สิกฺขานุตฺตริยํ, ปาริจริยานุตฺตริยํ, อนุสฺสตานุตฺตริยนฺติ อิมานิ ฉ อนุตฺตริยานิ. อิเมสํ ปาตุภาโว โหตีติ อตฺโถ. อายสฺมา หิ อานนฺทตฺเถโร สายํปาตํ ตถาคตํ จกฺขุวิฺาเณน ทฏฺุํ ลภติ, อิทํ ทสฺสนานุตฺตริยํ. อฺโปิ โสตาปนฺโน วา สกทาคามี วา อนาคามี วา อานนฺทตฺเถโร วิย ตถาคตํ ทสฺสนาย ลภติ, อิทมฺปิ ทสฺสนานุตฺตริยํ ¶ . อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลํ ทสฺสนาย ลภิตฺวา ตํ ทสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ. อิทํ ทสฺสนเมว นาม, มูลทสฺสนํ ปน ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ อภิกฺขณํ ทสพลสฺส วจนํ โสตวิฺาเณน โสตุํ ลภติ, อิทํ สวนานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ตถาคตสฺส วจนํ สวนาย ลภนฺติ, อิทมฺปิ สวนานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ตถาคตสฺส ¶ วจนํ โสตุํ ลภิตฺวา ตํ สวนํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ. อิทํ สวนเมว นาม, มูลสวนํ ปน สวนานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว ¶ จ ทสพเล สทฺธํ ปฏิลภติ, อิทํ ลาภานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพเล สทฺธาปฏิลาภํ ลภนฺติ, อิทมฺปิ ลาภานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพเล สทฺธาปฏิลาภํ ลภิตฺวา ตํ ลาภํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ, อยํ ลาโภเยว นาม, มูลลาโภ ปน ลาภานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ ทสพลสฺส สาสเน ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขติ, อิทํ สิกฺขานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส สาสเน ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนฺติ, อิทมฺปิ สิกฺขานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส สาสเน ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตฺวา ตา สิกฺขา วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ. อยํ สิกฺขาเยว นาม, มูลสิกฺขา ปน สิกฺขานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ อภิณฺหํ ทสพลํ ปริจรติ, อิทํ ปาริจริยานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย อภิณฺหํ ทสพลํ ปริจรนฺติ, อิทมฺปิ ปาริจริยานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร ¶ วิย ทสพลํ ปริจริตฺวา ตํ ปาริจริยํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ, อยํ ปาริจริยาเยว นาม, มูลปาริจริยา ปน ปาริจริยานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ ทสพลสฺส โลกิยโลกุตฺตเร คุเณ อนุสฺสรติ, อิทํ อนุสฺสตานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส โลกิยโลกุตฺตเร คุเณ อนุสฺสรนฺติ, อิทมฺปิ อนุสฺสตานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส โลกิยโลกุตฺตเร คุเณ อนุสฺสริตฺวา ตํ อนุสฺสตึ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ, อยํ อนุสฺสติเยว นาม, มูลานุสฺสติ ปน อนุสฺสตานุตฺตริยํ นาม. อิมานิ ฉ อนุตฺตริยานิ, อิเมสํ ปาตุภาโว โหติ. อิมานิ จ ปน ฉ อนุตฺตริยานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
จตุนฺนํ ¶ ปฏิสมฺภิทานํ สจฺฉิกิริยา โหตีติ จตสฺโส หิ ปฏิสมฺภิทาโย อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ. ตตฺถ อตฺเถสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, อตฺถธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ¶ , าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปเนตาสํ อภิธมฺเม (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) อาคโตเยว. อิมาสํ จตสฺสนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ พุทฺธุปฺปาเท ปจฺจกฺขกิริยา โหติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. เอตาสํ สจฺฉิกิริยาติ อตฺโถ. อิมาปิ โลกิยโลกุตฺตราว กถิตาติ เวทิตพฺพา.
อเนกธาตุปฏิเวโธติ ‘‘จกฺขุธาตุ รูปธาตู’’ติอาทีนํ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ พุทฺธุปฺปาเทเยว ปฏิเวโธ โหติ, น วินา พุทฺธุปฺปาเทนาติ อตฺโถ. นานาธาตุปฏิเวโธติ เอตฺถ ¶ อิมาว อฏฺารส ธาตุโย นานาสภาวโต นานาธาตุโยติ เวทิตพฺพา. โย ปเนตาสํ ‘‘นานาสภาวา เอตา’’ติ เอวํ นานากรณโต ปฏิเวโธ, อยํ นานาธาตุปฏิเวโธ นาม. วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาติ เอตฺถ วิชฺชาติ ผเล าณํ, วิมุตฺตีติ ตทวเสสา ผลสมฺปยุตฺตา ธมฺมา. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาติ โสโตติ ปมมคฺโค, เตน โสเตน ปตฺตพฺพํ ผลนฺติ โสตาปตฺติผลํ. สกทาคามิผลาทีนิ ปากฏาเนว.
๑๘๗. อนุตฺตรนฺติ นิรุตฺตรํ. ธมฺมจกฺกนฺติ เสฏฺจกฺกํ. จกฺกสทฺโท เหส –
‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;
โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;
อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) –
เอตฺถ อุรจกฺเก อาคโต. ‘‘จกฺกสมารุฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๓; ๕.๕๔) เอตฺถ อิริยาปถจกฺเก. ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, รถกาโร ยํ ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ, ตํ ปวตฺเตสี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๕) เอตฺถ ทารุจกฺเก. ‘‘อทฺทสา โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปาเทสุ จกฺกานิ สหสฺสารานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๖) เอตฺถ ลกฺขณจกฺเก. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ ¶ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) เอตฺถ สมฺปตฺติจกฺเก. ‘‘ทิพฺพํ ¶ จกฺกรตนํ ปาตุภวตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓; ม. นิ. ๓.๒๕๖) เอตฺถ รตนจกฺเก. อิธ ปน ธมฺมจกฺเก อาคโต.
ปวตฺติตนฺติ ¶ เอตฺถ ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นาม, อภินีหฏํ นาม, อุปฺปาเทติ นาม, อุปฺปาทิตํ นาม, ปวตฺเตติ นาม, ปวตฺติตํ นามาติ อยํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. กุโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นามาติ? ยทา สุเมธพฺราหฺมโณ หุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นาม.
กุโต ปฏฺาย อภินีหฏํ นามาติ? ยทา อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล มหาโพธิมณฺฑตฺถาย มานสํ พนฺธิตฺวา ‘‘พฺยากรณํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ วีริยาธิฏฺานํ อธิฏฺาย นิปนฺโน ทสพลสฺส สนฺติกา พฺยากรณํ ลภิ, ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหฏํ นาม.
กุโต ปฏฺาย อุปฺปาเทติ นามาติ? ตโต ปฏฺาย ทานปารมึ ปูเรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติ นาม. สีลปารมึ ปูเรนฺโตปิ…เป… อุเปกฺขาปารมึ ปูเรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติ นาม. ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโย ปูเรนฺโตปิ, ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโตปิ, าตตฺถจริยํ ปูเรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติ นาม. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา ปุตฺตทารํ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา ปารมิกูฏํ คเหตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทวตาหิ อายาจิโต ปฏิฺํ ทตฺวา ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกนฺโตปิ ¶ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติเยว นาม. มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโตปิ, ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ กมฺเปนฺโตปิ, มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตทิวเส ตเถว โลกํ กมฺเปนฺโตปิ, สมฺปติชาโต สตฺต ปทานิ คนฺตฺวา ‘‘อคฺโคมหสฺมี’’ติ สีหนาทํ นทนฺโตปิ, เอกูนตึส สํวจฺฉรานิ อคารมชฺเฌ วสนฺโตปิ, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมนฺโตปิ, อโนมานทีตีเร ปพฺพชนฺโตปิ, มหาปธาเน ฉพฺพสฺสานิ วีริยํ กโรนฺโตปิ, สุชาตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ นทิยา ปวาเหตฺวา สายนฺหสมเย โพธิมณฺฑวรคโต ปุรตฺถิมํ โลกธาตุํ โอโลเกนฺโต นิสีทิตฺวา สูริเย ธรมาเนเยว มารพลํ วิธเมตฺวา ปมยาเม ¶ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโตปิ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺโตปิ, ปจฺจูสกาลสมนนฺตเร ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ, โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรนฺโตปิ, สกทาคามิมคฺคํ สกทาคามิผลํ อนาคามิมคฺคํ อนาคามิผลํ สจฺฉิกโรนฺโตปิ, อรหตฺตมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติเยว นาม.
อรหตฺตผลกฺขเณ ¶ ปน เตน ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาม. พุทฺธานฺหิ สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณราสิ อรหตฺตผเลเนว สทฺธึ อิชฺฌติ. ตสฺมา เตน ตสฺมึ ขเณ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาม โหติ.
กทา ปวตฺเตติ นาม? โพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย อฺาโกณฺฑฺตฺเถรํ กายสกฺขึ กตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ เทเสนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม.
ยทา ปน อฺาโกณฺฑฺตฺเถเรน ทสพลสฺส เทสนาาณานุภาวนิพฺพตฺตํ สวนํ ลภิตฺวา สพฺพปมํ ธมฺโม อธิคโต, ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นาม โหตีติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมจกฺกนฺติ ¶ เจตํ เทสนาาณสฺสปิ นามํ ปฏิเวธาณสฺสปิ. เตสุ เทสนาาณํ โลกิยํ, ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ. กสฺส เทสนาปฏิเวธาณนฺติ? น อฺสฺส กสฺสจิ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว เทสนาาณฺจ ปฏิเวธาณฺจาติ เวทิตพฺพํ.
สมฺมเทวาติ เหตุนา นเยน การเณเนว. อนุปฺปวตฺเตตีติ ยถา ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺโต ตํ อนุคจฺฉติ นาม, เอวํ ปมตรํ สตฺถารา ปวตฺติตํ เถโร อนุปฺปวตฺเตติ นาม. กถํ? สตฺถา หิ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติ กเถนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม, ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ‘‘จตฺตาโรเม, อาวุโส, สติปฏฺานา’’ติ กเถนฺโต ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นาม. สมฺมปฺปธานาทีสุปิ เอเสว นโย. น เกวลฺจ โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ, ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ. จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา’’ติอาทีสุปิ อยํ นโย เนตพฺโพว. เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม, เถโร ทสพเลน ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นาม.
เอวํ ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตนฺเตน ปน เถเรน ธมฺโม เทสิโตปิ ปกาสิโตปิ สตฺถาราว เทสิโต ปกาสิโต โหติ. โย หิ โกจิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา เทโว วา สกฺโก วา มาโร ¶ วา พฺรหฺมา วา ธมฺมํ เทเสตุ ปกาเสตุ, สพฺโพ โส สตฺถารา เทสิโต ปกาสิโตว นาม โหติ, เสสชโน ปน เลขหารกปกฺเข ิโตว นาม โหติ. กถํ? ยถา หิ รฺา ทินฺนํ ปณฺณํ วาเจตฺวา ยํ ยํ กมฺมํ กโรนฺติ, ตํ ตํ กมฺมํ เยน ¶ เกนจิ กตมฺปิ การิตมฺปิ ¶ รฺา การิตนฺเตว วุจฺจติ. มหาราชา วิย หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ราชปณฺณํ วิย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ. ปณฺณทานํ วิย เตปิฏเก นยมุขทานํ ปณฺณํ วาเจตฺวา ตํตํกมฺมานํ กรณํ วิย จตุนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน พเลน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปเรสํ เทสนา ปกาสนา. ตตฺถ ยถา ปณฺณํ วาเจตฺวา เยน เกนจิ กตมฺปิ การิตมฺปิ ตํ กมฺมํ รฺา การิตเมว โหติ, เอวเมว เยน เกนจิ เทสิโตปิ ปกาสิโตปิ ธมฺโม สตฺถารา เทสิโต ปกาสิโตว นาม โหตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา.