📜
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๑. ปมเอตทคฺควคฺโค
เอตทคฺคปทวณฺณนา
๑๘๘. เอตทคฺเคสุ ¶ ปมวคฺคสฺส ปเม เอตทคฺคนฺติ เอตํ อคฺคํ. เอตฺถ จ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑), อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔), อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) เสฏฺเ. สฺวายมิธ ¶ โกฏิยมฺปิ วฏฺฏติ เสฏฺเปิ. เต หิ เถรา อตฺตโน อตฺตโน าเน โกฏิภูตาติปิ อคฺคา, เสฏฺภูตาติปิ. ตสฺมา เอตทคฺคนฺติ เอสา โกฏิ เอโส เสฏฺโติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเสว นโย สพฺพสุตฺเตสุ.
อยฺจ ¶ เอตทคฺคสนฺนิกฺเขโป นาม จตูหิ การเณหิ ลพฺภติ อฏฺุปฺปตฺติโต อาคมนโต จิณฺณวสิโต คุณาติเรกโตติ. ตตฺถ โกจิ เถโร เอเกน การเณน เอตทคฺคฏฺานํ ลภติ, โกจิ ทฺวีหิ, โกจิ ตีหิ, โกจิ สพฺเพเหว จตูหิปิ อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร วิย. โส หิ อฏฺุปฺปตฺติโตปิ มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ อาคมนาทีหิปิ. กถํ? เอกสฺมึ หิ สมเย สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ติตฺถิยมทฺทนํ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กหํ นุ โข ปุริมพุทฺธา ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ตาวตึสภวเน’’ติ ตฺวา ทฺเว ปทนฺตรานิ ทสฺเสตฺวา ตติเยน ปเทน ตาวตึสภวเน ปจฺจุฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ภควนฺตํ ทิสฺวา ปณฺฑุกมฺพลสิลาโต อุฏฺาย สทฺธึ เทวคเณน ปจฺจุคฺคมนํ อคมาสิ. เทวา จินฺตยึสุ – ‘‘สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต ¶ สฏฺิโยชนายามาย ปณฺฑุกมฺพลสิลาย นิสีทิตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวติ, พุทฺธานํ นาม นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา อฺเน เอตฺถ หตฺถมฺปิ เปตุ’’นฺติ. สตฺถาปิ ตตฺถ นิสินฺโน เตสํ จิตฺตาจารํ ตฺวา มหาปํสุกูลิโก วิย มุณฺฑปีกํ สพฺพเมว ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อวตฺถริตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสีทนฺโต ปน อตฺตโน วา สรีรํ มหนฺตํ กตฺวา มาเปสิ, ปณฺฑุกมฺพลสิลํ ¶ วา ขุทฺทกํ อกาสีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธวิสโย. เอวํ นิสินฺโน ปน มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสสิ.
ปาฏิหาริยฏฺาเนปิ สพฺพาปิ ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อนุรุทฺธตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, ทสพโล คโต’’ติ ปุจฺฉิ. ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา อภิธมฺมกถํ เทเสตุํ คโตติ. ภนฺเต, น มยํ สตฺถารํ อทิสฺวา คมิสฺสาม. กทา สตฺถา อาคมิสฺสตีติ สตฺถุ อาคมนกาลํ ชานาถาติ? มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ภารํ กโรถ, โส พุทฺธานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สาสนํ อาหริสฺสตีติ. กึ ปน เถรสฺส ตตฺถ คนฺตุํ พลํ นตฺถีติ? อตฺถิ, วิเสสวนฺตานํ ปน วิเสสํ ปสฺสนฺตูติ เอวมาห. มหาชโน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ ¶ สาสนํ คเหตฺวา อาคมนตฺถาย ยาจิ. เถโร ปสฺสนฺเตเยว มหาชเน ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อนฺโตสิเนรุนา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มหาชโน ตุมฺหากํ ทสฺสนกาโม, อาคมนทิวสํ โว ชานิตุํ อิจฺฉตี’’ติ. เตน หิ ‘‘อิโต เตมาสจฺจเยน สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปสฺสถา’’ติสฺส วเทหีติ. เถโร ภควโต สาสนํ อาหริตฺวา มหาชนสฺส กเถสิ. มหาชโน ตตฺเถว เตมาสํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา วสิ. จูฬอนาถปิณฺฑิโก ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย เตมาสํ ยาคุภตฺตํ อาทาสิ.
สตฺถาปิ สตฺตปฺปกรณานิ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคมนตฺถาย อากปฺปํ ทสฺเสสิ. สกฺโก เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตตฺวา ตถาคตสฺส โอตรณตฺถาย โสปานํ มาเปตุํ อาณาเปสิ. โส เอกโต โสวณฺณมยํ เอกโต รชตมยํ ¶ โสปานํ มาเปตฺวา มชฺเฌ มณิมยํ มาเปสิ. สตฺถา มณิมเย โสปาเน ตฺวา ‘‘มหาชโน มํ ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาสิ. อตฺตโน อานุภาเวเนว ‘‘มหาชโน อวีจิมหานิรยํ ปสฺสตู’’ติปิ อธิฏฺาสิ. นิรยทสฺสเนน จสฺส อุปฺปนฺนสํเวคตํ ตฺวา เทวโลกํ ทสฺเสสิ. อถสฺส โอตรนฺตสฺส มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก เทวราชา ปตฺตํ คณฺหิ, สุยาโม เทวราชา ทิพฺพํ วาฬพีชนึ พีชิ, ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เพลุวปณฺฑุวีณํ ¶ สมปฺาสาย มุจฺฉนาหิ มุจฺฉิตฺวา วาเทนฺโต ปุรโต โอตริ. พุทฺธานํ ปถวิยํ ปติฏฺิตกาเล ‘‘อหํ ปมํ วนฺทิสฺสามิ, อหํ ปมํ วนฺทิสฺสามี’’ติ มหาชโน อฏฺาสิ. สห มหาปถวีอกฺกมเนน ปน ภควโต เนว มหาชโน น อสีติมหาสาวกา ปมกวนฺทนํ สมฺปาปุณึสุ, ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโรเยว ปน สมฺปาปุณิ.
อถ สตฺถา ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย อนฺตเร ‘‘เถรสฺส ปฺานุภาวํ ชานนฺตู’’ติ ปุถุชฺชนปฺจกํ ปฺหํ อารภิ. ปมํ โลกิยมหาชโน สลฺลกฺเขสฺสตีติ ปุถุชฺชนปฺหํ ปุจฺฉิ. เย เย สลฺลกฺขึสุ, เต เต กถยึสุ. ทุติยํ ปุถุชฺชนวิสยํ อติกฺกมิตฺวา โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. ปุถุชฺชนา ตุณฺหี อเหสุํ, โสตาปนฺนาว กถยึสุ. ตโต โสตาปนฺนานํ ¶ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา สกทาคามิมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. โสตาปนฺนา ตุณฺหี อเหสุํ, สกทาคามิโนว กถยึสุ. เตสมฺปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา อนาคามิมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. สกทาคามิโน ตุณฺหี อเหสุํ, อนาคามิโนว กถยึสุ. เตสมฺปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา อรหตฺตมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. อนาคามิโน ตุณฺหี อเหสุํ, อรหนฺตาว กถยึสุ. ตโต เหฏฺิมโกฏิโต ปฏฺาย อภิฺาเต อภิฺาเต สาวเก ปุจฺฉิ, เต อตฺตโน อตฺตโน ปฏิสมฺภิทาวิสเย ตฺวา กถยึสุ. อถ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉิ ¶ , เสสสาวกา ตุณฺหี อเหสุํ, เถโรว กเถสิ. ตสฺสาปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ. มหาโมคฺคลฺลาโน ตุณฺหี อโหสิ, สาริปุตฺตตฺเถโรว กเถสิ. เถรสฺสาปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ. ธมฺมเสนาปติ อาวชฺเชนฺโตปิ ปสฺสิตุํ น สกฺโกติ, ปุรตฺถิมปจฺฉิมุตฺตรทกฺขิณา จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสาติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ปฺหุปฺปตฺติฏฺานํ สลฺลกฺเขตุํ นาสกฺขิ.
สตฺถา เถรสฺส กิลมนภาวํ ชานิตฺวา ‘‘สาริปุตฺโต กิลมติ, นยมุขมสฺส ทสฺเสสฺสามี’’ติ ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘นายํ ตุยฺหํ วิสโย ปฺโห, พุทฺธานํ เอส วิสโย สพฺพฺูนํ ยสสฺสีน’’นฺติ พุทฺธวิสยภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ อาห. เถโร ‘‘จตุมหาภูติกกายปริคฺคหํ เม ภควา อาจิกฺขตี’’ติ ตฺวา ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ อาห. เอตสฺมึ าเน อยํ กถา อุทปาทิ – มหาปฺโ วต, โภ, สาริปุตฺตตฺเถโร, ยตฺร หิ นาม สพฺเพหิ อนฺาตํ ปฺหํ กเถสิ, พุทฺเธหิ จ ทินฺนนเย ตฺวา พุทฺธวิสเย ปฺหํ กเถสิ, อิติ เถรสฺส ปฺานุภาโว ยตฺตกํ ¶ านํ พุทฺธานํ กิตฺติสทฺเทน โอตฺถฏํ, สพฺพํ อชฺโฌตฺถริตฺวา คโตติ เอวํ ตาว เถโร อฏฺุปฺปตฺติโต มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
กถํ อาคมนโต? อิมิสฺสาเยว หิ อฏฺุปฺปตฺติยา สตฺถา อาห – สาริปุตฺโต น อิทาเนว ปฺวา, อตีเต ปฺจ ชาติสตานิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวาปิ มหาปฺโว อโหสิ –
‘‘โย ¶ ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺต’’นฺติ.
เอวํ ¶ ปพฺพชฺชํ อุปพฺรูหยมาโน เอกสฺมึ สมเย พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต ‘‘ปพฺพชิตฺวา เอกํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺมึ กาเล โพธิสตฺโตปิ กาสิรฏฺเ อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต วุทฺธิมนฺวาย อุคฺคหิตสิปฺโป กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วนมูลผลาหาโร หิมวนฺตปฺปเทเส วสติ. โสปิ มาณโว นิกฺขมิตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิ. ปริวาโร มหา อโหสิ ปฺจสตมตฺตา อิสโย.
อถสฺส โส เชฏฺนฺเตวาสิโก เอกเทสํ ปริสํ คเหตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถํ มนุสฺสปถํ อคมาสิ. ตสฺมึ สมเย โพธิสตฺโต ตสฺมึเยว หิมวนฺตปฺปเทเส กาลํ อกาสิ. กาลกิริยสมเยว นํ อนฺเตวาสิกา สนฺนิปติตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อตฺถิ ตุมฺเหหิ โกจิ วิเสโส อธิคโต’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ วตฺวา อปริหีนชฺฌาโน อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. โส กิฺจาปิ อากิฺจฺายตนสฺส ลาภี, โพธิสตฺตานํ ปน อรูปาวจเร ปฏิสนฺธิ นาม น โหติ. กสฺมา? อภพฺพฏฺานตฺตา. อิติ โส อรูปสมาปตฺติลาภี สมาโนปิ รูปาวจเร นิพฺพตฺติ. อนฺเตวาสิกาปิสฺส ‘‘อาจริโย ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อาห, โมฆา ตสฺส กาลกิริยา’’ติ น กิฺจิ สกฺการสมฺมานํ อกํสุ. อถ โส เชฏฺนฺเตวาสิโก อติกฺกนฺเต วสฺสาวาเส อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ อาจริโย’’ติ ปุจฺฉิ. กาลํ กโตติ. อปิ นุ อาจริเยน ¶ ลทฺธคุณํ ปุจฺฉิตฺถาติ? อาม ปุจฺฉิมฺหาติ. กึ วเทตีติ? นตฺถิ กิฺจีติ. มยมฺปิ ‘‘อาจริเยน ลทฺธคุโณ นาม นตฺถี’’ติ นาสฺส สกฺการสมฺมานํ กริมฺหาติ. ตุมฺเห ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานิตฺถ, อาจริโย อากิฺจฺายตนสฺส ลาภีติ.
อถ ¶ เต เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น สทฺทหึสุ. โส ปุนปฺปุนํ กเถนฺโตปิ สทฺทหาเปตุํ นาสกฺขิ ¶ . อถ โพธิสตฺโต อาวชฺชมาโน ‘‘อนฺธพาโล มหาชโน มยฺหํ เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น คณฺหาติ, อิมํ การณํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ พฺรหฺมโลกโต โอตริตฺวา อสฺสมปทมตฺถเก ิโต อากาสคโตว เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส ปฺานุภาวํ วณฺเณตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,
กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๑);
เอวํ อิสิคณํ สฺาเปตฺวา โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกเมว คโต. เสสอิสิคโณปิ อปริหีนชฺฌาโน หุตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ ชาโต. ตตฺถ โพธิสตฺโต สพฺพฺุตํ ปตฺโต, เชฏฺนฺเตวาสิโก สาริปุตฺตตฺเถโร ชาโต, เสสา อิสโย พุทฺธปริสา ชาตาติ เอวํ อตีเตปิ สาริปุตฺโต มหาปฺโว สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชานิตุํ สมตฺโถติ เวทิตพฺโพ.
อิทเมว จ ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘ปโรสตฺเจปิ สมาคตานํ,
ฌาเยยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โส ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๑) –
อิมมฺปิ ชาตกํ กเถสิ. ตสฺส ปุริมชาตเก วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปรมฺปิ ¶ อิทเมว ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘เย สฺิโน เตปิ ทุคฺคตา, เยปิ อสฺิโน เตปิ ทุคฺคตา;
เอตํ อุภยํ วิวชฺชย, ตํ สมาปตฺติสุขํ อนงฺคณ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๔) –
อิมํ ¶ อนงฺคณชาตกํ กเถสิ. เอตฺถ จ อาจริโย กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘เนวสฺี นาสฺี’’ติ อาห. เสสํ ¶ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อปรมฺปิ อิทเมว ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘จนฺทาภํ สูริยาภฺจ, โยธ ปฺาย คาธติ;
อวิตกฺเกน ฌาเนน, โหติ อาภสฺสรูปโค’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๕) –
อิทํ จนฺทาภชาตกํ กเถสิ. เอตฺถาปิ อาจริโย กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘โอทาตกสิณํ จนฺทาภํ นาม, ปีตกสิณํ สูริยาภํ นามาติ ตํ อุภยํ โย ปฺาย คาธติ ปวิสติ ปกฺขนฺทติ, โส อวิตกฺเกน ทุติยชฺฌาเนน อาภสฺสรูปโค โหติ, ตาทิโส อห’’นฺติ สนฺธาย – ‘‘จนฺทาภํ สูริยาภ’’นฺติ อาห. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อิทเมว จ ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘อาสีเสเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, ยถา อิจฺฉึ ตถา อหุ.
‘‘อาสีเสเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, อุทกา ถลมุพฺภตํ.
‘‘วายเมเถว ¶ ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, ยถา อิจฺฉึ ตถา อหุ.
‘‘วายเมเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, อุทกา ถลมุพฺภตํ.
‘‘ทุกฺขูปนีโตปิ นโร สปฺโ,
อาสํ น ฉินฺเทยฺย สุขาคมาย;
พหู หิ ผสฺสา อหิตา หิตา จ,
อวิตกฺกิตา มจฺจมุปพฺพชนฺติ.
‘‘อจินฺติตมฺปิ ภวติ, จินฺติตมฺปิ วินสฺสติ;
น หิ จินฺตามยา โภคา, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา.
‘‘สรภํ ¶ คิริทุคฺคสฺมึ, ยํ ตฺวํ อนุสรี ปุเร;
อลีนจิตฺตสฺส ตุวํ, วิกฺกนฺตมนุชีวสิ.
‘‘โย ¶ ตํ วิทุคฺคา นรกา สมุทฺธริ,
สิลาย โยคฺคํ สรโภ กริตฺวา;
ทุกฺขูปนีตํ มจฺจุมุขา ปโมจยิ,
อลีนจิตฺตํ ต มิคํ วเทสิ.
‘‘กึ ตฺวํ นุ ตตฺเถว ตทา อโหสิ,
อุทาหุ เต โกจิ นํ เอตทกฺขา;
วิวฏฺฏจฺฉทฺโท นุสิ สพฺพทสฺสี,
าณํ นุ เต พฺราหฺมณ ภึสรูปํ.
‘‘น ¶ เจวหํ ตตฺถ ตทา อโหสึ,
น จาปิ เม โกจิ นํ เอตทกฺขา;
คาถาปทานฺจ สุภาสิตานํ,
อตฺถํ ตทาเนนฺติ ชนินฺท ธีรา’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๓๔-๑๔๓) –
อิมํ เตรสนิปาเต สรภชาตกฺจ กเถสิ. อิมานิ ปน ปฺจปิ ชาตกานิ อตีเตปิ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ มยฺหํ ปุตฺโต ชานาตีติ สตฺถารา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปฺานุภาวปฺปกาสนตฺถเมว กถิตานีติ เอวํ อาคมนโตปิ เถโร มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
กถํ จิณฺณวสิโตติ? จิณฺณํ กิเรตํ เถรสฺส จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ กเถนฺโต จตฺตาริ สจฺจานิ อมฺุจิตฺวา กเถตีติ เอวํ จิณฺณวสิโตปิ เถโร มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
กถํ คุณาติเรกโตติ? เปตฺวา หิ ทสพลํ อฺโ โกจิ เอกสาวโกปิ มหาปฺตาย ¶ ธมฺมเสนาปตินา สทิโส นาม นตฺถีติ เอวํ คุณาติเรกโตปิ เถโร มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
ยถา จ สาริปุตฺตตฺเถโร, เอวํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ สพฺเพเหว จตูหิปิ อิเมหิ การเณหิ เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ. กถํ? เถโร หิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว นนฺโทปนนฺทสทิสมฺปิ นาคราชานํ ทเมสีติ เอวํ ตาว ¶ อฏฺุปฺปตฺติโต ลภิ. น ปเนส อิทาเนว มหิทฺธิโก มหานุภาโว, อตีเต ปฺจ ชาติสตานิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโตปิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อโหสีติ.
‘‘โย ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ โมคฺคลฺลาน’’นฺติ. –
เอวํ ¶ อาคมนโตปิ ลภิ. จิณฺณํ เจตํ เถรสฺส นิรยํ คนฺตฺวา อตฺตโน อิทฺธิพเลน นิรยสตฺตานํ อสฺสาสชนนตฺถํ สีตํ อธิฏฺาย จกฺกมตฺตํ ปทุมํ มาเปตฺวา ปทุมกณฺณิกายํ นิสีทิตฺวา ธมฺมกถํ กเถติ, เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวสงฺฆํ กมฺมคตึ ชานาเปตฺวา สจฺจกถํ กเถตีติ เอวํ จิณฺณวสิโต ลภิ. เปตฺวา จ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาวโก มหาโมคฺคลฺลาโน วิย มหิทฺธิโก มหานุภาโว นตฺถีติ เอวํ คุณาติเรกโต ลภิ.
ยถา เจส, เอวํ มหากสฺสปตฺเถโรปิ สพฺเพเหวิเมหิ การเณหิ เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ. กถํ? สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ เถรสฺส ติคาวุตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปาเทตฺวา จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา อทาสิ. ตสฺมึ สมเย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ, มหาชนสฺส อพฺภนฺตเร เถรสฺส กิตฺติสทฺโท อชฺโฌตฺถริตฺวา คโต. เอวํ อฏฺุปฺปตฺติโต ลภิ. น เจส อิทาเนว ธุตธโร, อตีเต ปฺจ ชาติสตานิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโตปิ ธุตธโรว อโหสิ.
‘‘โย ¶ ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ มหากสฺสป’’นฺติ. –
เอวํ อาคมนโตปิ ลภิ. จิณฺณํ เจตํ เถรสฺส จตุปริสมชฺฌคโต ธมฺมํ กเถนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ อวิชหิตฺวาว กเถตีติ เอวํ จิณฺณวสิโต ลภิ. เปตฺวา จ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาวโก เตรสหิ ธุตคุเณหิ มหากสฺสปสทิโส นตฺถีติ เอวํ คุณาติเรกโต ลภิ ¶ . อิมินาว นิยาเมน เตสํ เตสํ เถรานํ ยถาลาภโต คุเณ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ.
คุณวเสเนว หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ยถา นาม ราชา จกฺกวตฺตี จกฺกรตนานุภาเวน จกฺกวาฬคพฺเภ รชฺชสิรึ ปตฺวา ‘‘ปตฺตพฺพํ เม ปตฺตํ, กึ เม อิทานิ มหาชเนน โอโลกิเตนา’’ติ น อปฺโปสฺสุกฺโก หุตฺวา รชฺชสิรึเยว อนุโภติ, กาเลน ปน กาลํ วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา นิคฺคเหตพฺเพ นิคฺคณฺหาติ, ปคฺคเหตพฺเพ ปคฺคณฺหาติ, านนฺตเรสุ จ เปตพฺพยุตฺตเก านนฺตเรสุ เปติ, เอวเมวํ มหาโพธิมณฺเฑ อธิคตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อานุภาเวน ¶ อนุปฺปตฺตธมฺมรชฺโช ธมฺมราชาปิ ‘‘กึ เม อิทานิ โลเกน โอโลกิเตน, อนุตฺตรํ ผลสมาปตฺติสุขํ อนุภวิสฺสามี’’ติ อปฺโปสฺสุกฺกตํ อนาปชฺชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ธมฺมํ เทสยมาโน นิคฺคเหตพฺพยุตฺเต กณฺหธมฺเม ปุคฺคเล สิเนรุปาเท ปกฺขิปนฺโต วิย อปายภยสนฺตชฺชเนน นิคฺคเหตฺวา ปคฺคเหตพฺพยุตฺเต กลฺยาณธมฺเม ปุคฺคเล อุกฺขิปิตฺวา ภวคฺเค นิสีทาเปนฺโต วิย ปคฺคณฺหิตฺวา านนฺตเรสุ เปตพฺพยุตฺตเก อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถราทโย สาวเก ยาถาวสรสคุณวเสเนว านนฺตเรสุ ¶ เปนฺโต เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ รตฺตฺูนํ, ยทิทํ อฺาสิโกณฺฑฺโติอาทิมาห.
อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ
ตตฺถ เอตทคฺคนฺติ ปทํ วุตฺตตฺถเมว. รตฺตฺูนนฺติ รตฺติโย ชานนฺตานํ. เปตฺวา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาวโก อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรโต ปมตรํ ปพฺพชิโต นาม นตฺถีติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เถโร จิรกาลํ รตฺติโย ชานาตีติ รตฺตฺู. สพฺพปมํ ธมฺมสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา ยทา เตน ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ, จิรกาลโต ปฏฺาย ตํ รตฺตึ ชานาตีติปิ รตฺตฺู. อปิจ ขีณาสวานํ รตฺติทิวสปริจฺเฉโท ปากโฏว โหติ, อยฺจ ปมขีณาสโวติ เอวมฺปิ รตฺตฺูนํ สาวกานํ อยเมว อคฺโค ปุริมโกฏิภูโต เสฏฺโ. เตน วุตฺตํ – ‘‘รตฺตฺูนํ ยทิทํ อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ติ.
เอตฺถ ¶ จ ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เถรํ อเวกฺขิตฺวา โย เอโสติ, อคฺคสทฺทํ อเวกฺขิตฺวา ยํ เอตนฺติ อตฺโถ. อฺาสิโกณฺฑฺโติ าตโกณฺฑฺโ ปฏิวิทฺธโกณฺฑฺโ. เตเนวาห – ‘‘อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ, อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโติ. อิติ หิทํ อายสฺมโต โกณฺฑฺสฺส อฺาสิโกณฺฑฺโ ตฺเวว นามํ อโหสี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๗).
อยํ ปน เถโร กตรพุทฺธกาเล ปุพฺพปตฺถนํ อภินีหารํ อกาสิ, กทา ปพฺพชิโต, กทาเนน ปมํ ธมฺโม อธิคโต, กทา านนฺตเร ปิโตติ อิมินา นเยน สพฺเพสุปิ เอตทคฺเคสุ ปฺหกมฺมํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ¶ ¶ อิมสฺส ตาว เถรสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ, ตสฺส ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาณสฺส มหาโพธิปลฺลงฺกโต อุฏฺหนฺตสฺส มหาปถวิยํ เปตุํ ปาเท อุกฺขิตฺตมตฺเต ปาทสมฺปฏิจฺฉนตฺถํ มหนฺตํ ปทุมปุปฺผํ อุคฺคฺฉิ, ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ โหนฺติ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, ปาเทน ปติฏฺิตฏฺานํ เอกาทสหตฺถํ. ตสฺส ปน ภควโต สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ. ตสฺส ปทุมกณฺณิกาย ทกฺขิณปาเท ปติฏฺหนฺเต มหาตุมฺพมตฺตา เรณุ อุคฺคนฺตฺวา สรีรํ โอกิรมานา โอตริ, วามปาทสฺส ปนกาเลปิ ตถารูปํเยว ปทุมํ อุคฺคนฺตฺวา ปาทํ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโตปิ อุคฺคนฺตฺวา วุตฺตปฺปมาณาว เรณุ สรีรํ โอกิริ. ตํ ปน เรณุํ อภิภวมานา ตสฺส ภควโต สรีรปฺปภา นิกฺขมิตฺวา ยนฺตนาฬิกาย วิสฺสฏฺสุวณฺณรสธารา วิย สมนฺตา ทฺวาทสโยชนฏฺานํ เอโกภาสํ อกาสิ. ตติยปาทุทฺธรณกาเล ปถมุคฺคตํ ปทุมํ อนฺตรธายิ, ปาทสมฺปฏิจฺฉนตฺถํ อฺํ นวํ ปทุมํ อุคฺคฺฉิ. อิมินาว นิยาเมน ยตฺถ ยตฺถ คนฺตุกาโม โหติ, ตตฺถ ตตฺถาปิ มหาปทุมํ อุคฺคจฺฉติ. เตเนวสฺส ‘‘ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นามํ อโหสิ.
เอวํ โส ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร มหาชนสฺส สงฺคหตฺถาย คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺโต หํสวตีนครํ สมฺปาปุณิ ¶ . ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา ปิตา มหาราชา ปจฺจุคฺคมนํ ¶ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา เกจิ สกทาคามี เกจิ อนาคามี เกจิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ราชา สฺวาตนาย ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส กาลํ อาโรจาเปตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารสฺส ภควโต สกนิเวสเน มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา วิหารเมว คโต. เตเนว นิยาเมน ปุนทิวเส นาครา, ปุนทิวเส ราชาติ ทีฆมทฺธานํ ทานํ อทํสุ.
ตสฺมึ กาเล อยํ เถโร หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล หํสวตีนครวาสิโน คนฺธมาลาทิหตฺเถ เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺเน ตปฺโปเณ ตปฺปพฺภาเร คจฺฉนฺเต ทิสฺวา เตน มหาชเนน สทฺธึ ธมฺมเทสนฏฺานํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย ปทุมุตฺตโร ภควา อตฺตโน สาสเน ปมํ ปฏิวิทฺธธมฺมํ เอกํ ภิกฺขุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปสิ. โส กุลปุตฺโต ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘มหา วตายํ ภิกฺขุ, เปตฺวา กิร พุทฺธํ อฺโ อิมินา ปมตรํ ปฏิวิทฺธธมฺโม นาม นตฺถิ. อโห วตาหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส ¶ พุทฺธสฺส สาสเน ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌนสมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เทสนาปริโยสาเน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. สตฺถา อธิวาเสสิ.
โส ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สกนิเวสนํ คนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ พุทฺธานํ นิสชฺชนฏฺานํ คนฺธทามมาลาทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สกนิเวสเน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารสฺส ภควโต วิจิตฺรยาคุขชฺชกปริวารํ นานารสสูปพฺยฺชนํ ¶ คนฺธสาลิโภชนํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ติจีวรปโหนเก วงฺคปฏฺเฏ ตถาคตสฺส ปาทมูเล เปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ ปริตฺตกสฺส านสฺสตฺถาย จรามิ, มหนฺตํ านํ ปตฺเถนฺโต จรามิ, น โข ปน สกฺกา เอกเมว ทิวสํ ทานํ ทตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตุ’’นฺติ ‘‘อนุปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ทตฺวา ปตฺเถสฺสามี’’ติ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ทุสฺสโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา อุตฺตมสุขุมวตฺถํ พุทฺธานํ ปาทมูเล เปตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสํ ติจีวเรน อจฺฉาเทตฺวา ตถาคตํ ¶ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ภิกฺขุ เอตทคฺเค ปิโต, อหมฺปิ โส ภิกฺขุ วิย อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ วตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ.
สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมินา กุลปุตฺเตน มหาอธิกาโร กโต, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข เอตสฺส อยํ ปตฺถนา โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ ปสฺสิ. พุทฺธานฺหิ อตีตํ วา อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อารพฺภ อาวชฺเชนฺตานํ อาวรณํ นาม นตฺถิ, อเนกกปฺปโกฏิสตสหสฺสนฺตรมฺปิ จ อตีตํ วา อนาคตํ วา จกฺกวาฬสหสฺสนฺตรมฺปิ จ ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อาวชฺชนปฏิพทฺธเมว มนสิการปฏิพทฺธเมว โหติ. เอวํ อปฺปฏิวตฺติเยน าเณน โส ภควา อิทํ อทฺทส – ‘‘อนาคเต สตสหสฺสกปฺปปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา อิมสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ. อถ นํ เอวมาห – ‘‘อมฺโภ, กุลปุตฺต, อนาคเต สตสหสฺสกปฺปปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ ¶ , ตฺวํ ตสฺส ปมกธมฺมเทสนาย เตปริวฏฺฏธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสสี’’ติ.
อิติ ¶ สตฺถา ตํ กุลปุตฺตํ พฺยากริตฺวา จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ เทเสตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส สรีรํ สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกคฺฆนํ อโหสิ, สรีรเจติยํ ปนสฺสุพฺเพเธน สตฺตโยชนิกํ อกํสุ. อิฏฺกา สุวณฺณมยา อเหสุํ, หริตาลมโนสิลาย มตฺติกากิจฺจํ, เตเลน อุทกกิจฺจํ สาธยึสุ. พุทฺธานํ ธรมานกาเล สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนิกํ ผริ, ปรินิพฺพุตานํ ปน เตสํ รสฺมิ นิกฺขมิตฺวา สมนฺตา โยชนสตํ อวตฺถริ.
อยํ เสฏฺิ พุทฺธานํ สรีรเจติยํ ปริวาเรตฺวา สหสฺสรตนคฺฆิยานิ กาเรสิ. เจติยปติฏฺาปนทิวเส อนฺโตเจติเย รตนฆรํ กาเรสิ. โส วสฺสสตสหสฺสํ มหนฺตํ ทานาทิมยํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวปุเร นิพฺพตฺติ. ตสฺส เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตสฺเสว นวนวุติ ¶ กปฺปสหสฺสานิ นว กปฺปสตานิ นว จ กปฺปา สมติกฺกนฺตา. เอตฺตกสฺส กาลสฺส อจฺจเยน อิโต เอกนวุติกปฺปมตฺถเก อยํ กุลปุตฺโต พนฺธุมตีนครสฺส ทฺวารสมีเป คาเม กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺโต. ตสฺส มหากาโลติ นามํ อโหสิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส จูฬกาโล นาม.
ตสฺมึ สมเย วิปสฺสี โพธิสตฺโต ตุสิตปุรา จวิตฺวา พนฺธุมตีนคเร พนฺธุมสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺโต. อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ธมฺมเทสนตฺถาย มหาพฺรหฺมุนา อายาจิโต ‘‘กสฺส ¶ นุ โข ปมํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน กนิฏฺํ ขณฺฑํ นาม ราชกุมารํ ติสฺสฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ ‘‘ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถา’’ติ ทิสฺวา ‘‘เตสฺจ ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, ปิตุ จ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ โพธิมณฺฑโต อากาเสเนว อาคนฺตฺวา เขเม มิคทาเย โอติณฺโณ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เต ทฺเวปิ ชนา จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ สทฺธึ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ.
อถาปเรปิ โพธิสตฺตกาเล อนุปพฺพชิตา จตุราสีติสหสฺสา กุลปุตฺตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. สตฺถา ตํ ตตฺเถว ขณฺฑตฺเถรํ อคฺคสาวกฏฺาเน, ติสฺสตฺเถรํ ทุติยสาวกฏฺาเน เปสิ. ราชาปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โส ¶ ปาสาทวรคโต นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺปุตฺโต นิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, ทุติยปุตฺโต เม อคฺคสาวโก, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยสาวโก. อิเม จ อวเสสภิกฺขู คิหิกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺตเมว ปริวาเรตฺวา วิจรึสุ, อิเม ปุพฺเพปิ ทานิปิ มยฺหเมว ภารา, อหเมว เต จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามิ, อฺเสํ โอกาสํ น ทสฺสามี’’ติ. วิหารทฺวารโกฏฺกโต ปฏฺาย ยาว ราชเคหทฺวารา อุโภสุ ปสฺเสสุ ขทิรปาการํ กาเรตฺวา วตฺเถหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมลมฺพิตตาลกฺขนฺธมตฺตวิวิธปุปฺผทามวิตานํ กาเรตฺวา เหฏฺาภูมึ ¶ วิจิตฺตตฺถรเณหิ สนฺถราเปตฺวา อนฺโต อุโภสุ ปสฺเสสุ มาลาคจฺฉเกสุ ปุณฺณฆเฏ สกลมคฺควาสตฺถาย จ คนฺธนฺตเรสุ ปุปฺผานิ ปุปฺผนฺตเรสุ คนฺเธ จ ปาเปตฺวา ¶ ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนฺโตสาณิยาว ราชเคหํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ ปจฺจาคจฺฉติ. อฺโ โกจิ ทฏฺุมฺปิ น ลภติ, กุโต ปน ภิกฺขํ วา ทาตุํ ปูชํ วา กาตุํ.
นาครา จินฺเตสุํ – ‘‘อชฺช สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนสฺส สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ, มยฺจ ทฏฺุมฺปิ น ลภาม, ปเคว ภิกฺขํ วา ทาตุํ ปูชํ วา กาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ. ราชา ‘มยฺหํ เอว พุทฺโธ, มยฺหํ ธมฺโม, มยฺหํ สงฺโฆ’ติ มมายิตฺวา สยเมว อุปฏฺหติ. สตฺถา จ อุปฺปชฺชมาโน สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถาย อุปฺปนฺโน, น รฺโเยว อตฺถาย. น หิ รฺโเยว นิรโย อุณฺโห, อฺเสํ นีลุปฺปลวนสทิโส. ตสฺมา ราชานํ เอวํ วทาม ‘สเจ โน สตฺถารํ เทติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ เทติ, รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา สงฺฆํ คเหตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรม. น สกฺกา โข ปน สุทฺธนาคเรเหว เอวํ กาตุํ, เอกํ เชฏฺกปุริสมฺปิ คณฺหามา’’’ติ เสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สามิ กึ อมฺหากํ ปกฺโข โหหิสิ, อุทาหุ รฺโ’’ติ อาหํสุ. โส อาห – ‘‘ตุมฺหากํ ปกฺโข โหมิ, อปิจ โข ปน ปมทิวโส มยฺหํ ทาตพฺโพ’’ติ. เต สมฺปฏิจฺฉึสุ.
โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘นาครา, เทว, ตุมฺหากํ กุปิตา’’ติ อาห. กิมตฺถํ ตาตาติ? สตฺถารํ กิร ตุมฺเหว อุปฏฺหถ, อมฺเห น ลภามาติ. สเจ อิทานิปิ ลภนฺติ, น กุปฺปนฺติ. อลภนฺตา ตุมฺเหหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุกามา, เทวาติ. ยุชฺฌามิ, ตาต, น ภิกฺขุสงฺฆํ เทมีติ. เทว, ตุมฺหากํ ทาสา ตุมฺเหหิ สทฺธึ ยุชฺฌามาติ วทนฺติ, ตุมฺเห กํ คณฺหิตฺวา ยุชฺฌิสฺสถาติ? นนุ ตฺวํ เสนาปตีติ? นาคเรหิ วินา อสมตฺโถ อหํ, เทวาติ. ตโต ราชา ¶ ‘‘พลวนฺโต นาครา, เสนาปติปิ เตสํเยว ปกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘อฺานิ สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ เทนฺตู’’ติ อาห. นาครา น สมฺปฏิจฺฉึสุ. ราชา ‘‘ฉพฺพสฺสานิ ปฺจวสฺสานี’’ติ เอวํ หาเปตฺวา อฺเ สตฺต ทิวเส ยาจิ ¶ . นาครา ‘‘อติกกฺขฬํ ทานิ รฺา สทฺธึ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อนุชานึสุ. ราชา สตฺตมาสาธิกานํ สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ สชฺชิตํ ทานมุขํ สตฺตนฺนเมว ทิวสานํ สชฺเชตฺวา ฉ ทิวเส เกสฺจิ อปสฺสนฺตานํเยว ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส นาคเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสถ, ตาตา, เอวรูปํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ อาห. เตปิ ‘‘นนุ อมฺเหเยว นิสฺสาเยตํ เทวสฺส อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ปิฏฺิหตฺเถน อสฺสูนิ ปฺุฉมาโน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสํ อฺสฺสุ ภารํ อกตฺวา ยาวชีวํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามีติ จินฺเตสึ, นาครานํ ทานิ เม อนฺุาตํ, นาครา หิ ‘มยํ ทานํ ทาตุํ น ลภามา’ติ ภควา กุปฺปนฺติ. สฺเวว ปฏฺาย เตสํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อาห.
อถ ทุติยทิวเส เสนาปติ มหาทานํ อทาสิ. ตโต นาครา รฺา กตสกฺการโต อุตฺตริตรํ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ทานํ อทํสุ. เอเตเนว นิยาเมน สกลนครสฺส ปฏิปาฏิยา คตาย ทฺวารคามวาสิโน สกฺการสมฺมานํ สชฺชยึสุ. มหากาลกุฏุมฺพิโก จูฬกาลํ อาห – ‘‘ทสพลสฺส สกฺการสมฺมานํ สฺเวว อมฺหากํ ปาปุณาติ, กึ สกฺการํ กริสฺสามา’’ติ? ตฺวเมว ภาติก ชานาหีติ. สเจ มยฺหํ รุจิยา กโรสิ, อมฺหากํ โสฬสกรีสมตฺเตสุ เขตฺเตสุ คหิตคพฺภา สาลิโย อตฺถิ. สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา อาทาย พุทฺธานํ ¶ อนุจฺฉวิกํ ปจาเปมาติ. เอวํ กยิรมาเน กสฺสจิ อุปกาโร น โหติ, ตสฺมา เนตํ มยฺหํ รุจฺจตีติ. สเจ ตฺวํ เอวํ น กโรสิ, อหํ มยฺหํ สนฺตกํ มมายิตุํ ลภามีติ โสฬสกรีสมตฺตํ เขตฺตํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อฏฺกรีสฏฺาเน สีมํ เปตฺวา สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา อาทาย อสมฺภินฺเน ขีเร ปจาเปตฺวา จตุมธุรํ ปกฺขิปิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ. กุฏุมฺพิกสฺส โข คพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ, คามวาสีหิ สทฺธึ อคฺคสสฺสํ นาม อทาสิ, ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ ขลคฺคํ ขลภณฺฑคฺคํ โกฏฺคฺคนฺติ. เอวํ โส เอกสสฺเสว นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. ตมฺปิ สสฺสํ อติเรกํ อุฏฺานสมฺปนฺนํ อโหสิ.
ยาว พุทฺธา ธรติ, ยาว จ สงฺโฆ ธรติ, เอเตเนว นิยาเมน กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต ¶ เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ เจว ¶ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต เอกนวุติกปฺเป สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนกาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุพฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส โกณฺฑฺมาณโวติ นามํ อกํสุ. โส วุฑฺฒิมนฺวาย ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ลกฺขณมนฺตานํ ปารํ อคมาสิ. เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตุสิตปุรา จวิตฺวา กปิลวตฺถุปุเร นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฏฺุตฺตรํ พฺราหฺมณสตํ อหตวตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา อปฺโปทกํ ¶ มธุปายาสํ ปาเยตฺวา เตสํ อนฺตเร อฏฺ ชเน อุจฺจินิตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตํ โพธิสตฺตํ ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา ลกฺขณปริคฺคหณตฺถํ เตสํ สนฺติกํ อานยึสุ. ธุราสเน นิสินฺนพฺราหฺมโณ มหาปุริสสฺส สรีรสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิ. เอวํ ปฏิปาฏิยา สตฺต ชนา อุกฺขิปึสุ. เตสํ ปน สพฺพนวโก โกณฺฑฺมาณโว, โส โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณวรนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏฺฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิ. อิตเร ปน สตฺต ชนา ‘‘สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี. สเจ ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทฺเว คติโย ทิสฺวา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปึสุ. อยํ ปน โกณฺฑฺโ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส อคารมชฺเฌ านกรณํ นาม นตฺถิ, นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว คตึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิ. ตโต พฺราหฺมณา อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตปฺปตฺตํ มยํ สมฺภาเวยฺยาม วา โน วา. ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ.
สุทฺโธทนมหาราชาปิ โพธิสตฺตสฺส ธาติโย อาทึ กตฺวา ปริหารํ อุปฏฺเปนฺโต โพธิสตฺตํ วุทฺธึ อาปาเทสิ. มหาสตฺโตปิ วุทฺธิปฺปตฺโต เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ปริปกฺเก าเณ กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ราหุลกุมารสฺส ชาตทิวเส ฉนฺนสหาโย กณฺฑกํ อารุยฺห เทวตาหิ วิวเฏน ทฺวาเรน มหาภินิกฺขมนํ ¶ นิกฺขมิตฺวา เตเนว รตฺติภาเคน ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมิตฺวา อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา ฆฏิการมหาพฺรหฺมุนา อาภเต อรหทฺธเช คหิตมตฺเตเยว ¶ วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย ปาสาทิเกน อิริยาปเถน ราชคหํ ปตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายาย ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา รฺา มาคเธน รชฺชสิริยา นิมนฺติยมาโนปิ ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วต อยํ ภูมิภาโค ¶ , อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’’ติ ปธานาภิมุขํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคโต.
เตน สมเยน อิตเร สตฺต พฺราหฺมณา ยถากมฺมํ คตา, สพฺพทหโร ปน ลกฺขณปริคฺคาหโก โกณฺฑฺมาณโว อโรโค. โส ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต. โส หิ นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺฉถ, เอถ มยํ ตํ มหาปุริสมนุปพฺพชิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ. ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ, โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. อิเม ปฺจ ปพฺพชิตฺวา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมึสุ. เต ฉพฺพสฺสานิ โพธิสตฺเต มหาปธานํ ปทหนฺเต ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ มหาสตฺตํ อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจราวสฺส อเหสุํ. ยทา ปน โพธิสตฺโต เอกติลตณฺฑุลาทีหิ วีตินาเมนฺโตปิ ทุกฺกรการิกาย อริยธมฺมปฏิเวธสฺส อภาวํ ตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหริ, ตทา เต ปกฺกมิตฺวา อิสิปตนํ อคมํสุ.
อถ โพธิสตฺโต โอฬาริกาหารปริโภเคน ฉวิมํสโลหิตปาริปูรึ กตฺวา ¶ วิสาขปุณฺณมทิวเส สุชาตาย ทินฺนํ วรโภชนํ ภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ นทิยา ปฏิโสตํ ขิปิตฺวา ‘‘อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน สายนฺหสมเย กาเลน นาคราเชน อเนเกหิ ถุติสเตหิ อภิตฺถวิยมาโน มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห อจลฏฺาเน ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฏฺาย สูริเย ธรมาเนเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺจูสกาลสมนนฺตเร ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา อนุโลมปฏิโลมํ ปจฺจยาการวฏฺฏํ ¶ สมฺมสนฺโต สพฺพพุทฺเธหิ ปฏิวิทฺธํ อสาธารณํ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา นิพฺพานารมฺมณาย ผลสมาปตฺติยา ตตฺเถว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ.
เอเตเนว อุปาเยน สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วิหริตฺวา ราชายตนมูเล มธุปิณฺฑิกโภชนํ ปริภฺุชิตฺวา ปุน อชปาลนิคฺโรธมูลํ อาคนฺตฺวา ตตฺถ นิสินฺโน ธมฺมคมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมนฺเต มหาพฺรหฺมุนา ยาจิโต พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ติกฺขินฺทฺริยาทิเภเท ¶ สตฺเต ทิสฺวา มหาพฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนาย ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ อาฬารุทกานํ กาลกตภาวํ ตฺวา ปุน จินฺเตนฺโต ‘‘พหูปการา โข ปน เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู, เย มํ ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ยํนูนาหํ ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. อิทํ ปน สพฺพเมว พุทฺธานํ ปริวิตกฺกมตฺตเมว, เปตฺวา ปน โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ อฺโ โกจิ ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. โสปิ เอตทตฺถเมว ¶ กปฺปสตสหสฺสํ อธิการกมฺมํ อกาสิ, พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ อทาสิ.
อถ สตฺถา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปุพฺเพน อิสิปตนํ คนฺตฺวา เยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู, เตนุปสงฺกมิ. เต ตถาคตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อตฺตโน กติกาย สณฺาตุํ นาสกฺขึสุ. เอโก ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปฺาเปสิ, เอโก ปาโททกํ ปจฺจุปฏฺาเปสิ, เอโก ปาเท โธวิ, เอโก ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา พีชมาโน ิโต. เอวํ เตสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สนฺติเก นิสินฺเนสุ โกณฺฑฺตฺเถรํ กายสกฺขึ กตฺวา สตฺถา อนุตฺตรํ เตปริวฏฺฏํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ อารภิ. มนุสฺสปริสา ปฺจ ชนาว อเหสุํ, เทวปริสา อปริจฺฉินฺนา. เทสนาปริโยสาเน โกณฺฑฺตฺเถโร อฏฺารสหิ มหาพฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. อถ สตฺถา ‘‘มยา ทุกฺกรสตาภตํ ธมฺมํ ปมเมว อฺาสีติ อฺาสิโกณฺฑฺโ นาม อย’’นฺติ เถรํ อาลปนฺโต ‘‘อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ, อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ’’ติ อาห. ตสฺส ตเทว นามํ ชาตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิติ หิทํ ¶ อายสฺมโต โกณฺฑฺสฺส อฺาสิโกณฺฑฺโตฺเวว นามํ อโหสี’’ติ.
อิติ เถโร อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, ปาฏิปททิวเส ภทฺทิยตฺเถโร, ทุติยปกฺขทิวเส วปฺปตฺเถโร, ตติยปกฺขทิวเส มหานามตฺเถโร, ปกฺขสฺส จตุตฺถิยํ อสฺสชิตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. ปฺจมิยา ปน ปกฺขสฺส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน สพฺเพปิ อรหตฺเต ปติฏฺิตา.
เตน โข ปน สมเยน ฉ โลเก อรหนฺโต โหนฺติ. ตโต ปฏฺาย สตฺถา ยสทารกปฺปมุเข ปฺจปฺาส ปุริเส, กปฺปาสิยวนสณฺเฑ ตึสมตฺเต ภทฺทวคฺคิเย, คยาสีเส ปิฏฺิปาสาเณ ¶ สหสฺสมตฺเต ปุราณชฏิเลติ เอวํ มหาชนํ อริยภูมึ โอตาเรตฺวา พิมฺพิสารปฺปมุขานิ เอกาทสนหุตานิ ¶ โสตาปตฺติผเล, เอกํ นหุตํ สรณตฺตเย ปติฏฺาเปตฺวา ชมฺพุทีปตเล สาสนํ ปุปฺผิตผลิตํ กตฺวา สกลชมฺพุทีปมณฺฑลํ กาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ กโรนฺโต เอกสฺมึ สมเย เชตวนมหาวิหารํ ปตฺวา ตตฺถ วสนฺโต ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ ปฺตฺตวรพุทฺธาสนคโต ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิทฺธภิกฺขูนํ อนฺตเร มม ปุตฺโต โกณฺฑฺโ อคฺโค’’ติ ทสฺเสตุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปสิ.
เถโรปิ ทฺเว อคฺคสาวเก อตฺตโน นิปจฺจการํ กโรนฺเต ทิสฺวา พุทฺธานํ สนฺติกา อปกฺกมิตุกาโม หุตฺวา ‘‘ปุณฺณมาณโว ปพฺพชิตฺวา สาสเน อคฺคธมฺมกถิโก ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา โทณวตฺถุพฺราหฺมณคามํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ ปุณฺณมาณวํ ปพฺพาเชตฺวา ‘‘อยํ พุทฺธานํ สนฺติเก วสิสฺสตี’’ติ ตสฺส พุทฺธานํ อนฺเตวาสิกภาวํ กตฺวา สยํ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภควา มยฺหํ คามนฺตเสนาสนํ อสปฺปายํ, อากิณฺโณ วิหริตุํ น สกฺโกมิ, ฉทฺทนฺตทหํ คนฺตฺวา วสิสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ฉทฺทนฺตทหํ คนฺตฺวา ฉทฺทนฺตหตฺถิกุลํ นิสฺสาย ทฺวาทส วสฺสานิ วีตินาเมตฺวา ตตฺเถว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
สาริปุตฺต-โมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
๑๘๙-๑๙๐. ทุติยตติเยสุ ¶ มหาปฺานนฺติ มหติยา ปฺาย สมนฺนาคตานํ. อิทฺธิมนฺตานนฺติ อิทฺธิยา สมฺปนฺนานํ. สาริปุตฺโต โมคฺคลฺลาโนติ เตสํ เถรานํ นามํ.
อิเมสมฺปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อิโต สตสหสฺสกปฺปาธิเก อสงฺขฺเยยฺยกปฺปมตฺถเก สาริปุตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สรทมาณโว นาม อโหสิ. โมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ ¶ , นาเมน สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโย นาม อโหสิ. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬิตาว สหายกา อเหสุํ. สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุลสนฺตกํ มหาธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิธโลกตฺตภาวเมว ชานามิ, โน ปรโลกตฺตภาวํ, ชาตสตฺตานฺจ มรณํ นาม ธุวํ, มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมคเวสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สหายกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สมฺม สิริวฑฺฒน, อหํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมํ คเวสิสฺสามิ, ตฺวํ มยา สทฺธึ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. น สกฺขิสฺสามิ ¶ , สมฺม, ตฺวํเยว ปพฺพชาหีติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตา สหาเย วา าติมิตฺเต วา คเหตฺวา คตา นาม นตฺถิ, อตฺตนา กตํ อตฺตโนว โหตี’’ติ. ตโต รตนโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส เอโก ทฺเว ตโยติ เอวํ อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อเหสุํ. โส ปฺจาภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสมฺปิ ชฏิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เตปิ สพฺเพ ปฺจ อภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. นครํ จนฺทวตี นาม อโหสิ, ปิตา ยสวนฺโต นาม ขตฺติโย, มาตา ยโสธรา นาม เทวี, โพธิ อชฺชุนรุกฺโข, นิสภตฺเถโร จ อโนมตฺเถโร จาติ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุณตฺเถโร นาม อุปฏฺาโก, สุนฺทรา จ สุมนา จาติ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, สรีรํ อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ, สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนํ ผริ, ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ.
อเถกทิวสํ ¶ ปจฺจูสกาเล ¶ มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต สรทตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สรทตาปสสฺส สนฺติกํ คตปจฺจเยน ธมฺมเทสนา จ มหตี ภวิสฺสติ, โส จ อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสฺสติ, ตสฺส สหายโก สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโย ทุติยสาวกฏฺานํ, เทสนาปริโยสาเน จสฺส ปริวารา จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร หุตฺวา สรทตาปสสฺส อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว สรทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สรทตาปโส พุทฺธานุภาวํ เจว สรีรสมฺปตฺตึ จสฺส ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารมชฺเฌ วสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชฺชนฺโต โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุ พุทฺโธ โหติ, อยํ ปุริโส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ’’ติ ชานิตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺตาสเน. สรทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา ¶ อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกตฺวา อาหํสุ – ‘‘อาจริย, มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ. ตาตา, กึ วทถ? สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มยฺหํ อุปมํ มา กริตฺถ ปุตฺตกาติ. อถ เต ตาปสา ‘‘สเจ อยํ อิตฺตรสตฺโต อภวิสฺส, น อมฺหากํ อาจริโย เอวรูปํ อุปมํ อาหเรยฺย, ยาว มหา วตายํ ¶ ปุริโส’’ติ สพฺเพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ.
อถ เน อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจารเวลาย อิธาคโต, มยํ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม. ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ. อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ ¶ . สตฺถารา จ ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา หตฺถํ โธวิตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. เต สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
ตโต สรทตาปโส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสานมฺปิ อาสนํ นตฺถิ, ตุมฺเหหิ อชฺช อุฬารํ พุทฺธสกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. กถนกาโล ปปฺโจ วิย โหติ, อิทฺธิมนฺตานํ ปน วิสโย อจินฺเตยฺโยติ มุหุตฺตมตฺเตเนว เต ตาปสา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ, อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตสุขตฺถาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห.
‘‘นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สมฺปาเทตฺวาน เอกโต;
ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘อิทํ ¶ ¶ เต อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวึ;
มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, นิสีท ปุปฺผมาสเน.
‘‘สตฺตรตฺติทิวํ พุทฺโธ, นิสีทิ ปุปฺผมาสเน;
มม จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, หาสยิตฺวา สเทวเก’’ติ.
เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ ทฺเว อคฺคสาวกา จ เสสภิกฺขู จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเนสุ นิสีทึสุ. สรทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธารยนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ชฏิลานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ สมาปตฺตึ ¶ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. สรทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผจฺฉตฺตํ คหิตนิยาเมเนว สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ.
สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนํ อคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘นิสภ สกฺการการกานํ ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ. เถโร จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส สาวกปารมิาเณ ตฺวา ปุปฺผาสนานุโมทนํ อารภิ. ตสฺส เทสนาวสาเน ทุติยสาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. อโนมตฺเถโร เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. ทฺวินฺนํ สาวกานํ เทสนาย เอกสฺสปิ อภิสมโย นาโหสิ. อถ สตฺถา อปริมาเณ พุทฺธวิสเย ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา สรทตาปสํ สพฺเพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ, อฏฺ ปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ.
สรทตาปโส กสฺมา อรหตฺตํ น ปตฺโตติ? วิกฺขิตฺตจิตฺตตฺตา. ตสฺส กิร พุทฺธานํ ทุติยาสเน นิสีทิตฺวา ¶ สาวกปารมิาเณ ตฺวา ธมฺมํ เทสยโต อคฺคสาวกสฺส เทสนํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อิมินาว สาวเกน ลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุทปาทิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ ¶ . ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อนนฺตราสเน นิสินฺโน ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน โก นาม โหตี’’ติ? มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตตา สาวกปารมิาณสฺส โกฏิปฺปตฺโต โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต มยฺหํ สาสเน อคฺคสาวโก นิสภตฺเถโร นาม เอโสติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, อหํ อิมสฺส ผเลน อฺํ สกฺกตฺตํ วา พฺรหฺมตฺตํ วา น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน อยํ นิสภตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ.
สตฺถา ¶ ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปุริสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนภาวํ อทฺทส. ทิสฺวา สรทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ. ตสฺส มาตา มหามายา นาม เทวี ภวิสฺสติ, ปิตา สุทฺโธทโน นาม ราชา, ปุตฺโต ราหุโล นาม, อุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, ทุติยสาวโก โมคฺคลฺลาโน นาม, ตฺวํ ปน ตสฺส อคฺคสาวโก ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต นาม ภวิสฺสสี’’ติ. เอวํ ตาปสํ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อากาสํ ปกฺขนฺทิ.
สรทตาปโสปิ อนฺเตวาสิกตฺเถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สหายกสฺส สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิกสฺส สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภนฺเต, มม สหายกสฺส วเทถ ‘สหายเกน เต สรทตาปเสน อโนมทสฺสิพุทฺธสฺส ปาทมูเล อนาคเต ¶ อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส สาสเน อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺถิตํ, ตฺวํ ทุติยสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เถเรหิ ปุเรตรเมว เอกปสฺเสน คนฺตฺวา สิริวฑฺฒสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ.
สิริวฑฺฒโน ‘‘จิรสฺสํ วต เม อยฺโย อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา อตฺตนา นีจาสเน นิสินฺโน ‘‘อนฺเตวาสิกปริสา ปน โว, ภนฺเต, น ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉิ. อาม สมฺม, อมฺหากํ อสฺสมํ อโนมทสฺสี นาม พุทฺโธ อาคโต, มยํ ตสฺส อตฺตโน พเลน สกฺการํ อกริมฺห. สตฺถา สพฺเพสํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา มํ เสสา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสูติ. ตุมฺเห กสฺมา น ปพฺพชิตาติ? อหํ สตฺถุ อคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ ทิสฺวา ¶ อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสึ, ตฺวมฺปิ ตสฺส สาสเน ทุติยสาวกฏฺานํ ปตฺเถหีติ. มยฺหํ พุทฺเธหิ สทฺธึ ปริจโย นตฺถิ, ภนฺเตติ. พุทฺเธหิ สทฺธึ กถนํ มยฺหํ ภาโร โหตุ, ตฺวํ มหนฺตํ อธิการํ สชฺเชหีติ.
สิริวฑฺฒโน ¶ สรทตาปสสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺตํ านํ สมตลํ กาเรตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ลาชปฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา เสสภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปฏิยาทาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธานํ นิมนฺตนตฺถาย สรทตาปสสฺส สฺํ อทาสิ. ตาปโส ตสฺส วจนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. สิริวฑฺฒโน ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตถาคตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นายํ อารมฺโภ อปฺปมตฺตกฏฺานตฺถาย, อิมินาว นิยาเมน สตฺตาหํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหาโย สรทตาปโส ยสฺส สตฺถุ อคฺคสาวโก โหมีติ ปตฺเถสิ, อหมฺปิ ตสฺเสว ทุติยสาวโก ภวามี’’ติ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากาสิ – ‘‘ตฺวํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมพุทฺธสฺส ทุติยสาวโก ภวิสฺสสี’’ติ. พุทฺธานํ พฺยากรณํ สุตฺวา สิริวฑฺฒโน หฏฺปหฏฺโ อโหสิ. สตฺถาปิ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา สปริวาโร วิหารเมว คโต. สิริวฑฺฒโน ตโต ปฏฺาย ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ทุติยตฺตวาเร กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺโต. สรทตาปโส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต.
ตโต ปฏฺาย อิเมสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตรากมฺมํ น กถิตํ. อมฺหากํ ปน พุทฺธสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว สรทตาปโส ราชคหนครสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาเม สาริพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํทิวสเมว จสฺส สหาโยปิ ราชคหสฺเสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลฺลิพฺราหฺมณิยา ¶ กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว ¶ สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายกาเนว. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฏฺิ ธาติโย อุปฏฺหึสุ. นามคฺคหณทิวเส สาริพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฏฺกุลสฺส ¶ ปุตฺตตฺตา อุปติสฺโสติ นามํ อกํสุ, อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ วุทฺธิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุ.
อุปติสฺสมาณวสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา ปพฺพตํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกาสตานิ ปริวารา โหนฺติ, โกลิตมาณวสฺส ปฺจ อาชฺรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺติ. ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺชํ นาม โหติ, เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ ชนา เอกโตว นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสนฺตา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํวิชฺชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํเวชนํ วา ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายทานํ วา นาโหสิ. ทฺเวปิ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘กึ เอตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ. อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ.
ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห – ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺสุ ทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ? สมฺม โกลิต, ‘‘เอเตสํ โอโลกเน สาโร นตฺถิ, นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหีติ, ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนสีติ? โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส ตํ เอวมาห – ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ สุจินฺติตํ, โมกฺขธมฺมํ คเวสนฺเตหิ ¶ ปน เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ, กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจหิ ¶ มาณวกสเตหิ สทฺธึ สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ¶ อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริคฺคณฺหิตฺวา, ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สฺจโย ‘‘เอตฺตโกว, สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ อาห. เต ตสฺส กถํ สุตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา. มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา มยํ อวสฺสํ โมกฺขธมฺมเทสกํ เอกํ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถีติ สุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺหสากจฺฉํ กโรนฺติ. เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺเ กเถตุํ สมตฺถา นตฺถิ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา, ‘‘สมฺม โกลิต, โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุ.
เตน สมเยน อมฺหากํ สตฺถา ปมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ สมฺปตฺโต โหติ. อถ ‘‘เอกสฏฺิ อรหนฺโต โลเก อุปฺปนฺนา โหนฺตี’’ติ วุตฺตกาเล ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตายา’’ติ รตนตฺตยคุณปฺปกาสนตฺถํ อุยฺโยชิตานํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปฺจวคฺคิยพฺภนฺตโร อสฺสชิตฺเถโร ปฏินิวตฺติตฺวา ¶ ราชคหเมว อาคโต. ปุนทิวเส ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
ตสฺมึ สมเย อุปติสฺสปริพฺพาชโก ปาโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา เอวรูโป ปพฺพชิโต นาม น ทิฏฺปุพฺโพ. เย วต โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อฺตโร, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยํ – ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส อุทฺทิสฺส, ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ ปิณฺฑาย จรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺค’’นฺติ. โส เถรํ ลทฺธปิณฺฑปาตํ อฺตรํ ¶ โอกาสํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิสีทิตุกามตฺจสฺส ตฺวา อตฺตโน ปริพฺพาชกปีกํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนปิสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิ.
เอวํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘วิปฺปสนฺนานิ ¶ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส อุทฺทิสฺส, ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘อตฺถาวุโส, มหาสมโณ สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต, ตาหํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โส จ เม ภควา สตฺถา, ตสฺเสวาหํ ภควโต ธมฺมํ โรเจมี’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘กึวาที ปนายสฺมโต สตฺถา, กิมกฺขายี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา นาม สาสนสฺส ปฏิปกฺขภูตา, อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. อตฺตโน นวกภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาวาหํ สกฺโกมิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ปริพฺพาชโก ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา วท, เอตํ ¶ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
อตฺเถเนว เม อตฺโถ, กึ กาหสิ พฺยฺชนํ พหุ’’นฺติ. (มหาว. ๖๐);
เอวํ วุตฺเต เถโร ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร. ๑.๑.๒๘๖) คาถํ อาห. ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติมคฺเค ปติฏฺหิ. อิตรํ ปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาสิ.
โส โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? เวฬุวเน ปริพฺพาชกาติ. ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ. อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘‘โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อาโรเจตู’’ติ. อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ ¶ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามีติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ.
โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายกสฺส มุขวณฺโณ น อฺเสุ ทิวเสสุ วิย, อทฺธา เตน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ¶ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ‘‘อาม อาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา อาห – ‘‘กหํ กิร, สมฺม, สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน กิร, สมฺม, วสตี’’ติ เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิตนฺติ. เตน หิ สมฺม อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามาติ. สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ โกลิตมาณวํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสาปิ กเถสฺสาม. พุชฺฌมาโน ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา ¶ มคฺคผลปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ.
ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อาจริย, ตฺวํ กึ กโรสิ, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ. อายาม, ทสพลํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. โส ‘‘กึ วเทถ, ตาตา’’ติ เตปิ วาเรตฺวา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺติเมว เตสํ ทีเปสิ. เต ‘‘อมฺหากํ เอวรูโป อนฺเตวาสิกวาโส นิจฺจเมว โหตุ, ตุมฺหากํ ปน คมนํ วา อคมนํ วา ชานาถา’’ติ อาหํสุ. สฺจโย ‘‘อิเม เอตฺตกํ ชานนฺตา มม วจนํ น กริสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, ตาตา, อหํ มหลฺลกกาเล อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุํ น สกฺโกมี’’ติ อาห. เต อเนเกหิปิ การเณหิ ตํ โพเธตุํ อสกฺโกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมานํ ชนํ อาทาย เวฬุวนํ อคมํสุ. อถ เตสํ ปฺจสุ อนฺเตวาสิกสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา นิวตฺตึสุ, อฑฺฒเตยฺยสตา เตหิ สทฺธึ อคมํสุ.
สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต เต ทูรโตว ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, ทฺเว สหายา อาคจฺฉนฺติ โกลิโต จ อุปติสฺโส จ, เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ. อถ เตสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ. เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก สพฺเพปิ เต อฑฺฒเตยฺยสตา ปริพฺพาชกา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพสํ เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยํ ปตฺตจีวรํ กายปฺปฏิพทฺธํ อโหสิ. ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตํ, อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฏฺาสิ. กสฺมา? สาวกปารมิาณสฺส มหนฺตตาย.
อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย ¶ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกนฺเต ¶ สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อทฺธมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต (ม. นิ. ๒.๒๐๕-๒๐๖) เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. ภาคิเนยฺโย ปนสฺส เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. อิติ ทฺวินฺนมฺปิ มหาสาวกานํ ตถาคเต ราชคเห วิหรนฺเตเยว สาวกปารมิาณกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ‘‘มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต, อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ ทฺเวปิ มหาสาวเก านนฺตเร เปสีติ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๑๙๑. จตุตฺเถ ธุตวาทานนฺติ เอตฺถ ธุโต เวทิตพฺโพ, ธุตวาโท เวทิตพฺโพ, ธุตธมฺมา เวทิตพฺพา, ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ธุโตติ ธุตกิเลโส วา ปุคฺคโล กิเลสธุนโน วา ธมฺโม.
ธุตวาโทติ เอตฺถ ปน อตฺถิ ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ น ธุโต ธุตวาโท, อตฺถิ เนว ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ ธุโต เจว ธุตวาโท จ. ตตฺถ โย ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส ธุนิ, ปรํ ปน ธุตงฺเคน ¶ น โอวทติ นานุสาสติ พากุลตฺเถโร วิย, อยํ ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา พากุโล ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน ¶ ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส น ธุนิ, เกวลํ อฺเ ธุตงฺเคน โอวทติ อนุสาสติ อุปนนฺทตฺเถโร วิย, อยํ น ธุโต ธุตวาโท. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา อุปนนฺโท น ธุโต ธุตวาโท’’ติ. โย ปน อุภยวิปนฺโน ลาฬุทายี วิย, อยํ เนว ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา ลาฬุทายี เนว ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน อุภยสมฺปนฺโน อายสฺมา มหากสฺสปตฺเถโร วิย, อยํ ธุโต เจว ธุตวาโท จ. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา มหากสฺสโป ธุโต เจว ธุตวาโท จา’’ติ.
ธุตธมฺมา เวทิตพฺพาติ อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา สลฺเลขตา ปวิเวกตา อิทมฏฺิกตาติ อิเม ธุตงฺคเจตนาย ¶ ปริวารา ปฺจ ธมฺมา ‘‘อปฺปิจฺฉํเยว นิสฺสายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๓๒๕) ธุตธมฺมา นาม. ตตฺถ อปฺปิจฺฉตา จ สนฺตุฏฺิตา จ อโลโภ, สลฺเลขตา จ ปวิเวกตา จ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ อนุปตนฺติ อโลเภ เจว อโมเห จ, อิทมฏฺิตา าณเมว. ตตฺถ อโลเภน ปฏิกฺเขปวตฺถูสุ โลภํ, อโมเหน เตสฺเวว อาทีนวปฺปฏิจฺฉาทกํ โมหํ ธุนาติ. อโลเภน จ อนฺุาตานํ ปฏิเสวนมุเขน ปวตฺตํ กามสุขลฺลิกานุโยคํ, อโมเหน ธุตงฺเคสุ อติสลฺเลขมุเขน ปวตฺตํ อตฺตกิลมถานุโยคํ ธุนาติ. ตสฺมา อิเม ธมฺมา ธุตธมฺมาติ เวทิตพฺพา.
ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานีติ เตรส ¶ ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ ปํสุกูลิกงฺคํ…เป… เนสชฺชิกงฺคนฺติ.
ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโปติ ยตฺตกา ธุตวาทํ วทนฺติ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ อนฺตเร อยํ มหากสฺสปตฺเถโร อคฺโคติ อคฺคฏฺาเน เปสิ. มหากสฺสโปติ อุรุเวฬกสฺสโป นทีกสฺสโป คยากสฺสโป กุมารกสฺสโปติ อิเม ขุทฺทานุขุทฺทเก เถเร อุปาทาย อยํ มหา, ตสฺมา มหากสฺสโปติ วุตฺโต.
อิมสฺสาปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อตีเต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ, ตสฺมึ หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เวเทโห นาม กุฏุมฺพิโก อสีติโกฏิธนวิภโว ปาโตว สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย ¶ คนฺธปุปฺผาทีนิ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺมิฺจ ขเณ สตฺถา มหานิสภตฺเถรํ นาม ตติยสาวกํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ, ยทิทํ นิสโภ’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. อุปาสโก ตํ สุตฺวา ปสนฺโน ธมฺมกถาวสาเน มหาชเน อุฏฺาย คเต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ อธิวาเสถา’’ติ อาห. มหา โข, อุปาสก, ภิกฺขุสงฺโฆติ. กิตฺตโก ภควาติ? อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสนฺติ. ภนฺเต, เอกํ สามเณรมฺปิ วิหาเร อเสเสตฺวา ภิกฺขํ อธิวาเสถาติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อุปาสโก สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา มหาทานํ สชฺเชตฺวา ปุนทิวเส สตฺถุ กาลํ อาโรจาเปสิ. สตฺถา ปตฺตจีวรมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปาสกสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต ¶ อาสเน นิสินฺโน ทกฺขิโณทกาวสาเน ยาคุอาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ภตฺตวิสฺสคฺคํ อกาสิ. อุปาสโกปิ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ.
ตสฺมึ อนฺตเร มหานิสภตฺเถโร ปิณฺฑาย จรนฺโต ตเมว วีถิ ปฏิปชฺชิ. อุปาสโก ทิสฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ¶ ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อทาสิ. ‘‘ภนฺเต, อิเธว ปวิสถ, สตฺถาปิ เคเห นิสินฺโน’’ติ. น วฏฺฏิสฺสติ อุปาสกาติ. อุปาสโก เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา นีหริตฺวา อทาสิ. ตโต เถรํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, มหานิสภตฺเถโร ‘สตฺถา เคเห นิสินฺโน’ติ วุตฺเตปิ ปวิสิตุํ น อิจฺฉิ, อตฺถิ นุ โข เอตสฺส ตุมฺหากํ คุเณหิ อติเรโก คุโณ’’ติ. พุทฺธานฺจ วณฺณมจฺเฉรํ นาม นตฺถิ. อถ สตฺถา เอวมาห – ‘‘อุปาสก, มยํ ภิกฺขํ อาคมยมานา เคเห นิสีทาม, โส ภิกฺขุ น เอวํ นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ อุทิกฺขติ. มยํ คามนฺตเสนาสเน วสาม, โส อรฺสฺมึเยว วสติ. มยํ ฉนฺเน วสาม, โส อพฺโภกาสมฺหิเยว วสติ. อิติ ตสฺส อยฺจ อยฺจ คุโณ’’ติ มหาสมุทฺทํ ปูรยมาโน วิย กเถสิ. อุปาสโก ปกติยาปิ ชลมานทีโป เตเลน อาสิตฺโต วิย สุฏฺุตรํ ปสนฺโน หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ มยฺหํ อฺาย สมฺปตฺติยา, อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ธุตวาทานํ อคฺคภาวตฺถาย ปตฺถนํ กริสฺสามี’’ติ?
โส ¶ ปุนปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส ติจีวรานิ ทตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทนฺตสฺส เมตฺตํ กายกมฺมํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ, อิมินาหํ น อฺํ เทวสมฺปตฺตึ วา สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ วา ปตฺเถมิ, อิทํ ปน เม กมฺมํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก เอตสฺส มหานิสภตฺเถเรน ปตฺตานนฺตรํ ปาปุณนตฺถาย เตรสธุตงฺคธรานํ อคฺคภาวสฺส สจฺจกาโร โหตู’’ติ. สตฺถา ‘‘มหนฺตํ านํ อิมินา ปตฺถิตํ, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา อาห – ‘‘มนาปํ เต านํ ปตฺถิตํ ¶ , อนาคเต สตสหสฺสกปฺปาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตฺวํ ตติยสาวโก มหากสฺสปตฺเถโร นาม ภวิสฺสสี’’ติ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก ‘‘พุทฺธานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถี’’ติ ปุนทิวเส ปตฺตพฺพํ วิย ตํ สมฺปตฺตึ อมฺิตฺถ. โส ¶ ยาวตายุกํ นานปฺปการํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา นานปฺปการํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตตฺถ กาลํ กโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.
ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺเธ พนฺธุมตึ นิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เทวโลกา จวิตฺวา อฺตรสฺมึ ปริชิณฺเณ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺมิฺจ กาเล วิปสฺสี ภควา สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร ธมฺมํ กเถติ, มหนฺตํ โกลาหลํ อโหสิ. สกลชมฺพุทีเป เทวตา ‘‘สตฺถา ธมฺมํ กเถสฺสตี’’ติ อาโรเจนฺติ. พฺราหฺมโณ ตํ สาสนํ อสฺโสสิ. ตสฺส จ นิวาสนสาฏโก เอโกว โหติ, ตถา พฺราหฺมณิยา. ปารุปนํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ เอกเมว. สกลนคเร เอกสาฏกพฺราหฺมโณติ ปฺายติ. พฺราหฺมณานํ เกนจิเทว กิจฺเจน สนฺนิปาเต สติ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา สยํ คจฺฉติ. พฺราหฺมณีนํ สนฺนิปาเต สติ สยํ เคเห ติฏฺติ, พฺราหฺมณี ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา คจฺฉติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, กึ รตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ สุณิสฺสสิ, ทิวา’’ติ. ‘‘มยํ มาตุคามชาติกา นาม รตฺตึ โสตุํ น สกฺโกม, ทิวา โสสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณํ เคเห เปตฺวา ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา อุปาสิกาหิ สทฺธึ ทิวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺเต นิสินฺนา ธมฺมํ สุตฺวา อุปาสิกาหิเยว สทฺธึ อาคมาสิ. อถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา วิหารํ คโต.
ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน นิสินฺโน จิตฺตพีชนึ อาทาย อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สิเนรุํ มตฺถํ กตฺวา สาครํ นิมฺมเถนฺโต วิย ธมฺมกถํ กเถสิ. พฺราหฺมณสฺส ¶ ปริสนฺเต นิสินฺนสฺส ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปมยามสฺมึเยว สกลสรีรํ ปูรยมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ปารุตวตฺถํ สงฺฆริตฺวา ‘‘ทสพลสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อตฺถสฺส อาทีนวสหสฺสํ ทสฺสยมานํ มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘พฺราหฺมณิยา จ มยฺหฺจ เอกเมว วตฺถํ, อฺํ กิฺจิ ปารุปนํ นตฺถิ, อปารุปิตฺวา จ นาม พหิ จริตุํ น สกฺกา’’ติ สพฺพถาปิ อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส นิกฺขนฺเต ปมยาเม มชฺฌิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ตเถว จินฺเตตฺวา ตเถว อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส มชฺฌิมยาเม นิกฺขนฺเต ปจฺฉิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘ตรณํ วา โหตุ มรณํ วา, ปจฺฉาปิ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺถํ สงฺฆริตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล เปสิ. ตโต วามหตฺถํ อาภุชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ติกฺขตฺตุํ อปฺโผเฏตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ตโย วาเร นทิ.
ตสฺมิฺจ ¶ สมเย พนฺธุมราชา ธมฺมาสนสฺส ปจฺฉโต อนฺโตสาณิยํ นิสินฺโน ธมฺมํ สุณาติ. รฺโ จ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ. โส ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ เอตํ ปุจฺฉ กึ วทสี’’ติ. โส เตน คนฺตฺวา ปุจฺฉิโต อาห – ‘‘อวเสสา หตฺถิยานาทีนิ อารุยฺห อสิจมฺมาทีนิ คเหตฺวา ปรเสนํ ชินนฺติ, น ตํ ชิตํ อจฺฉริยํ, อหํ ปน ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตสฺส ทุฏฺโคณสฺส มุคฺคเรน สีสํ ภินฺทิตฺวา ตํ ปลาเปนฺโต วิย มจฺเฉรจิตฺตํ มทฺทิตฺวา ปารุตวตฺถํ ทสพลสฺส อทาสึ, ตํ เม มจฺฉริยํ ชิต’’นฺติ อาห. โส ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อาห – ‘‘อมฺเห ภเณ ทสพลสฺส อนุรูปํ น ชานิมฺห, พฺราหฺมโณ ชานี’’ติ วตฺถยุคํ เปเสสิ. ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มยฺหํ ตุณฺหี นิสินฺนสฺส ¶ ปมํ กิฺจิ อทตฺวา สตฺถุ คุเณ กเถนฺตสฺส ¶ อทาสิ, สตฺถุ คุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺเนน มยฺหํ โก อตฺโถ’’ติ? ตมฺปิ วตฺถยุคํ ทสพลสฺเสว อทาสิ. ราชาปิ ‘‘กึ พฺราหฺมเณน กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตมฺปิ เตน วตฺถยุคํ ตถาคตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ สุตฺวา อฺานิปิ ทฺเว วตฺถยุคานิ เปเสสิ. โส ตานิปิ อทาสิ. ราชา อฺานิปิ จตฺตารีติ เอวํ ยาว ทฺวตฺตึสวตฺถยุคานิ เปเสสิ. อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อิทํ วฑฺเฒตฺวา คหณํ วิย โหตี’’ติ อตฺตโน อตฺถาย เอกํ, พฺราหฺมณิยา เอกนฺติ ทฺเว วตฺถยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จสฺส สตฺถุ วิสฺสาสิโก ชาโต.
อถ นํ ราชา เอกทิวสํ สีตสมเย สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ อตฺตโน ปารุตรตฺตกมฺพลํ ทตฺวา อาห – ‘‘อิโต ปตฺถาย อิมํ ปารุปิตฺวา ธมฺมํ สุณาหี’’ติ. โส ‘‘กึ เม อิมินา กมฺพเลน อิมสฺมึ ปูติกาเย อุปนีเตนา’’ติ จินฺเตตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ ตถาคตสฺส มฺจสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา อคมาสิ. อเถกทิวสํ ราชา ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย กมฺพเล ปฏิหฺนฺติ, กมฺพโล อติวิย วิโรจติ. ราชา โอโลเกนฺโต สฺชานิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เอส กมฺพโล, อมฺเหหิ เอกสาฏกพฺราหฺมณสฺส ทินฺโน’’ติ. ตุมฺเหหิ, มหาราช, พฺราหฺมโณ ปูชิโต, พฺราหฺมเณน มยํ ปูชิตาติ. ราชา ‘‘พฺราหฺมโณ ยุตฺตํ อฺาสิ, น มย’’นฺติ ปสีทิตฺวา ยํ มนุสฺสานํ อุปการภูตํ, ตํ สพฺพํ อฏฺฏฺกํ กตฺวา สพฺพอฏฺกํ นาม ทานํ ทตฺวา ปุโรหิตฏฺาเน เปสิ. โสปิ ‘‘อฏฺฏฺกํ นาม จตุสฏฺิ โหตี’’ติ จตุสฏฺิ สลากาภตฺตานิ อุปนิพนฺธาเปตฺวา ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.
ปุน ¶ ¶ ตโต จุโต อิมสฺมึ กปฺเป โกณาคมนสฺส จ ภควโต กสฺสปทสพลสฺส จาติ ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนฺตเร พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยฆเร นิพฺพตฺโต. โส วุทฺธิมนฺวาย ฆราวาสํ วสนฺโต เอกทิวสํ อรฺเ ชงฺฆวิหารํ จรติ, ตสฺมึ จ สมเย ปจฺเจกพุทฺโธ นทีตีเร จีวรกมฺมํ กโรนฺโต อนุวาเต อปฺปโหนฺเต สงฺฆริตฺวา เปตุํ อารทฺโธ. โส ทิสฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สงฺฆริตฺวา เปถา’’ติ อาห. อนุวาโต นปฺปโหตีติ ¶ . ‘‘อิมินา, ภนฺเต, กโรถา’’ติ สาฏกํ ทตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม เกนจิ ปริหานิ มา โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ.
อถ ฆเรปิสฺส ภคินิยา สทฺธึ ภริยาย กลหํ กโรนฺติยา ปจฺเจกพุทฺโธ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถสฺส ภคินี ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ตสฺส ภริยํ สนฺธาย, ‘‘เอวรูปํ พาลํ โยชนสเตน ปริวชฺเชยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สา เคหทฺวาเร ิตา สุตฺวา ‘‘อิมาย ทินฺนํ ภตฺตํ มา เอส ภฺุชตู’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. อิตรา ทิสฺวา ‘‘พาเล มํ ตาว อกฺโกส วา ปหร วา, เอวรูปสฺส ปน ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิสฺส ปตฺตโต ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลํ ทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อาห. อถสฺส ภริยาย ปฏิสงฺขานํ อุปฺปชฺชิ. สา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ กลลํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา อุปริ อาสิตฺเตน ปทุมคพฺภวณฺเณน สปฺปินา วิชฺโชตมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา ‘‘ยถา อยํ ปิณฺฑปาโต โอภาสชาโต, เอวํ ¶ โอภาสชาตํ เม สรีรํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ อนุโมทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เตปิ ทฺเว ชายมฺปติกา ยาวตายุกํ กุสลํ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ปุน ตโต จวิตฺวา อุปาสโก กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิตราปิ ตาทิสสฺเสว เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺตสฺส ตเมว เสฏฺิธีตรํ อานยึสุ. ตสฺสา ปุพฺเพ อทินฺนวิปากสฺส ตสฺส กมฺมสฺส อานุภาเวน ปติกูลํ ปวิฏฺมตฺตาย อุมฺมารพฺภนฺตเร สกลสรีรํ อุคฺฆาฏิตวจฺจกุฏิ วิย ทุคฺคนฺธํ ชาตํ. เสฏฺิกุมาโร ‘‘กสฺสายํ คนฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฏฺิกฺายา’’ติ สุตฺวา ‘‘นีหรถา’’ติ อาภตนิยาเมเนว กุลฆรํ เปเสสิ. สา เอเตเนว นีหาเรน สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺติตา.
เตน จ สมเยน กสฺสปทสพโล ปรินิพฺพายิ, ตสฺส ฆนโกฏฺฏิมาหิ สตสหสฺสคฺฆนิกาหิ ¶ รตฺตสุวณฺณอิฏฺกาหิ โยชนุพฺเพธํ เจติยํ อารภึสุ. ตสฺมึ เจติเย กริยมาเน สา เสฏฺิธีตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺติตา, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อตฺตโน ¶ สรีราภรณภณฺฑกํ ภฺชาเปตฺวา สุวณฺณอิฏฺกํ กาเรสิ รตนายตํ วิทตฺถิวิตฺถินฺนํ จตุรงฺคุลุพฺเพธํ. ตโต หริตาลมโนสิลาปิณฺฑํ คเหตฺวา อฏฺ อุปฺปลหตฺถเก อาทาย เจติยกรณฏฺานํ คตา. ตสฺมิฺจ ขเณ เอกา อิฏฺกาปนฺติ ปริกฺขิปิตฺวา อาคจฺฉมานา ฆฏนิฏฺกาย อูนา โหติ. เสฏฺิธีตา วฑฺฒกึ อาห – ‘‘อิมํ อิฏฺกํ เอตฺถ เปถา’’ติ. อมฺม, ภทฺทเก กาเล อาคตาสิ, สยเมว เปหีติ. สา อารุยฺห เตเลน หริตาลมโนสิลํ โยเชตฺวา ¶ เตน พนฺธเนน อิฏฺกํ ปติฏฺเปตฺวา อุปริ อฏฺหิ อุปฺปลหตฺถเกหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม กายโต จนฺทนคนฺโธ วายตุ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา เจติยํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อคมาสิ.
อถ ตสฺมึเยว ขเณ ยสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส ปมํ เคหํ นีตา, ตสฺส ตํ อารพฺภ สติ อุทปาทิ. นคเรปิ นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ โหติ. โส อุปฏฺาเก อาห – ‘‘ตทา อิธ อานีตา เสฏฺิธีตา อตฺถิ, กหํ สา’’ติ? กุลเคเห สามีติ. อาเนถ นํ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามาติ. เต คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ิตา ‘‘กึ, ตาตา, อาคตตฺถา’’ติ ตาย ปุฏฺา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตาตา, มยา อาภรณภณฺเฑน เจติยํ ปูชิตํ, อาภรณํ เม นตฺถีติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส อาโรเจสุํ. อาเนถ นํ, ปิฬนฺธนํ ลภิสฺสามาติ. เต อานยึสุ. ตสฺสา สห ฆรปฺปเวสเนน สกลเคหํ จนฺทนคนฺธฺเจว นีลุปฺปลคนฺธฺจ วายิ.
เสฏฺิปุตฺโต ตํ ปุจฺฉิ ‘‘ปมํ ตว สรีรโต ทุคฺคนฺโธ วายิ, อิทานิ ปน เต สรีรโต จนฺทนคนฺโธ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ, กึ เอต’’นฺติ? สา อาทิโต ปฏฺาย อตฺตนา กตกมฺมํ อาโรเจสิ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘นิยฺยานิกํ วต พุทฺธสาสน’’นฺติ ปสีทิตฺวา โยชนิกํ สุวณฺณเจติยํ กมฺพลกฺจุเกน ปริกฺขิปิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ รถจกฺกปฺปมาเณหิ สุวณฺณปทุเมหิ อลงฺกริ. เตสํ ทฺวาทสหตฺถา โอลมฺพกา โหนฺติ. โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิโต โยชนมตฺเต าเน อฺตรสฺมึ อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ. เสฏฺิกฺาปิ เทวโลกโต จวิตฺวา ราชกุเล เชฏฺธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
เตสุ ¶ วยปตฺเตสุ กุมารสฺส วสนคาเม นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ. โส มาตรํ ¶ อาห – ‘‘สาฏกํ เม ¶ , อมฺม, เทหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. สา โธตวตฺถํ นีหริตฺวา อทาสิ. อมฺม, ถูลํ อิทํ, อฺํ เทหีติ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ยาทิเส เคเห มยํ ชาตา, นตฺถิ โน อิโต สุขุมตรสฺส ปฏิลาภาย ปฺุ’’นฺติ. เตน หิ ลภนฏฺานํ คจฺฉามิ, อมฺมาติ. ปุตฺต อหํ อชฺเชว ตุยฺหํ พาราณสินคเร รชฺชปฏิลาภํ อิจฺฉามีติ. โส มาตรํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. คจฺฉ, ตาตาติ. เอวํ กิรสฺสา จิตฺตํ อโหสิ – ‘‘กหํ คมิสฺสติ, อิธ วา เอตฺถ วา เคเห นิสีทิสฺสตี’’ติ? โส ปน ปฺุนิยาเมน นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา อุยฺยาเน มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ. โส จ พาราณสิรฺโ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ.
อมจฺจา รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ราชงฺคเณ นิสีทิตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘รฺโ เอกา ธีตาว อตฺถิ, ปุตฺโต นตฺถิ, อราชกํ รชฺชํ น วฏฺฏติ, โก ราชา โหตี’’ติ มนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ โหหิ, ตฺวํ โหหี’’ติ อาหํสุ. ปุโรหิโต อาห – ‘‘พหุํ โอโลเกตุํ น วฏฺฏติ, ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชมา’’ติ. เต กุมุทวณฺเณ จตฺตาโร สินฺธเว โยเชตฺวา ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑํ เสตจฺฉตฺตฺจ รถสฺมึเยว เปตฺวา รถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปจฺฉโต ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสุํ. รโถ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อโหสิ. ‘‘ปริจเยน อุยฺยานาภิมุโข คจฺฉติ, นิวตฺเตมา’’ติ เกจิ อาหํสุ. ปุโรหิโต ‘‘มา นิวตฺตยิตฺถา’’ติ อาห. รโถ กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาโรหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ. ปุโรหิโต ปารุปนกณฺณํ อปเนตฺวา ปาทตลานิ โอโลเกนฺโต ‘‘ติฏฺตุ อยํ ทีโป, ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ ทีเปสุ เอโส รชฺชํ กาเรตุํ ยุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘ปุนปิ ตูริยานิ ปคฺคณฺหถ ¶ , ปุนปิ ตูริยานิ ปคฺคณฺหถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ.
อถ กุมาโร มุขํ วิวริตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถา’’ติ อาห. เทว ตุมฺหากํ รชฺชํ ปาปุณาตีติ. ราชา กหนฺติ? เทวตฺตํ คโต สามีติ. กติ ทิวสา อติกฺกนฺตาติ? อชฺช สตฺตโม ¶ ทิวโสติ. ปุตฺโต วา ธีตา วา นตฺถีติ? ธีตา อตฺถิ เทว, ปุตฺโต นตฺถีติ. กริสฺสามิ รชฺชนฺติ. เต ตาวเทว อภิเสกมณฺฑปํ กาเรตฺวา ราชธีตรํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานํ อาเนตฺวา กุมารสฺส อภิเสกํ อกํสุ.
อถสฺส ¶ กตาภิเสกสฺส สหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ อุปหรึสุ. โส ‘‘กิมิทํ, ตาตา’’ติ อาห. นิวาสนวตฺถํ เทวาติ. นนุ, ตาตา, ถูลํ, อฺํ สุขุมตรํ นตฺถีติ? มนุสฺสานํ ปริโภควตฺเถสุ อิโต สุขุมตรํ นตฺถิ เทวาติ. ตุมฺหากํ ราชา เอวรูปํ นิวาเสสีติ? อาม, เทวาติ. น มฺเ ปฺุวา ตุมฺหากํ ราชา, สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรถ, ลภิสฺสาม วตฺถนฺติ. เต สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรึสุ. โส อุฏฺาย หตฺเถ โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถน อุทกํ อาทาย ปุรตฺถิมาย ทิสาย อพฺภุกฺกิริ, ตาวเทว ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อฏฺ กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ปุน อุทกํ คเหตฺวา ทกฺขิณํ ปจฺฉิมํ อุตฺตรนฺติ เอวํ จตสฺโสปิ ทิสา อพฺภุกฺกิริ, สพฺพทิสาสุ อฏฺฏฺ กตฺวา ทฺวตฺตึส กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. โส เอกํ ทิพฺพทุสฺสํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ‘‘นนฺทรฺโ วิชิเต สุตฺตกนฺติกา อิตฺถิโย มา สุตฺตํ กนฺตึสูติ เอวํ เภรึ จราเปถา’’ติ วตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.
เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต เอกทิวสํ เทวี รฺโ มหาสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อโห ตปสฺสี’’ติ การฺุาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กิมิทํ เทวี’’ติ ¶ จ ปุฏฺา ‘‘อติมหตี เต เทว สมฺปตฺติ, อตีเต พุทฺธานํ สทฺทหิตฺวา กลฺยาณํ อกตฺถ, อิทานิ อนาคตสฺส ปจฺจยํ กุสลํ น กโรถา’’ติ อาห. กสฺส ทสฺสามิ, สีลวนฺโต นตฺถีติ. ‘‘อสฺุโ, เทว, ชมฺพุทีโป อรหนฺเตหิ, ตุมฺเห ทานเมว สชฺเชถ, อหํ อรหนฺเต ลจฺฉามี’’ติ อาห. ราชา ปุนทิวเส ปาจีนทฺวาเร ทานํ สชฺชาเปสิ. เทวี ปาโตว อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อุปริปาสาเท ปุรตฺถาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘สเจ เอติสฺสา ทิสาย อรหนฺโต อตฺถิ, สฺเว อาคนฺตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ อาห. ตสฺสํ ทิสายํ อรหนฺโต นาเหสุํ, ตํ สกฺการํ กปณยาจกานํ อทํสุ.
ปุนทิวเส ¶ ทกฺขิณทฺวาเร ทานํ สชฺเชตฺวา ตเถว อกาสิ, ปุนทิวเส ปจฺฉิมทฺวาเร. อุตฺตรทฺวาเร สชฺชนทิวเส ปน เทวิยา ตเถว นิมนฺติเต หิมวนฺเต วสนฺตานํ ปทุมวติยา ปุตฺตานํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ เชฏฺโก มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ภาติเก อามนฺเตสิ – ‘‘มาริสา, นนฺทราชา ตุมฺเห นิมนฺเตติ, อธิวาเสถ ตสฺสา’’ติ. เต อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา อุตฺตรทฺวาเร โอตรึสุ. มนุสฺสา คนฺตฺวา ‘‘ปฺจสตา, เทว, ปจฺเจกพุทฺธา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สทฺธึ เทวิยา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ตตฺร เตสํ ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา สงฺฆตฺเถรสฺส, เทวี สงฺฆนวกสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อยฺยา, ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสนฺติ, มยํ ปฺุเน น หายิสฺสาม, อมฺหากํ ยาวชีวํ อิธ นิวาสาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ. ปฏิฺํ กาเรตฺวา อุยฺยาเน ปฺจ ปณฺณสาลาสตานิ ปฺจ จงฺกมนสตานีติ สพฺพากาเรน นิวาสฏฺานํ สมฺปาเทตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ.
เอวํ ¶ กาเล คจฺฉนฺเต รฺโ ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ‘‘อหํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คจฺฉามิ, ตฺวํ ปจฺเจกพุทฺเธสุ มา ปมชฺชี’’ติ เทวึ โอวทิตฺวา คโต. ตสฺมึ อนาคเตเยว ปจฺเจกพุทฺธานํ อายุสงฺขารา ขีณา. มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ติยามรตฺตึ ฌานกีฬํ กีฬิตฺวา อรุณุคฺคมเน อาลมฺพนผลกํ อาลมฺพิตฺวา ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เอเตนุปาเยน เสสาปีติ สพฺเพว ปรินิพฺพุตา. ปุนทิวเส เทวี ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสีทนฏฺานํ หริตุปลิตฺตํ กาเรตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา ธูมํ ทตฺวา เตสํ อาคมนํ โอโลเกนฺตี นิสินฺนา; อาคมนํ อปสฺสนฺตี ปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ตาต, ชานาหิ, กึ อยฺยานํ กิฺจิ อผาสุก’’นฺติ. โส คนฺตฺวา มหาปทุมสฺส ปณฺณสาลาทฺวารํ วิวริตฺวา ตตฺถ อปสฺสนฺโต จงฺกมนํ คนฺตฺวา อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กาโล, ภนฺเต’’ติ อาห. ปรินิพฺพุตสรีรํ กึ กเถสฺสติ? โส ‘‘นิทฺทายติ มฺเ’’ติ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาเท หตฺเถน ปรามสิตฺวา ปาทานํ สีตลตาย เจว ถทฺธตาย จ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ทุติยสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, เอวํ ตติยสฺสาติ สพฺเพสํ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ราชกุลํ คโต. ‘‘กหํ, ตาต, ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปรินิพฺพุตา เทวี’’ติ อาห ¶ . เทวี กนฺทนฺตี โรทนฺตี นิกฺขมิตฺวา นาคเรหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สาธุกีฬิตํ กาเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสิ.
ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต ปจฺจุคฺคมนํ อาคตํ เทวึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, ภทฺเท, ปจฺเจกพุทฺเธสุ นปฺปมชฺชิ, นิโรคา อยฺยา’’ติ? ปรินิพฺพุตา เทวาติ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปานมฺปิ ปณฺฑิตานํ มรณํ อุปฺปชฺชติ, อมฺหากํ กุโต โมกฺโข’’ติ? โส นครํ อคนฺตฺวา อุยฺยานเมว ปวิสิตฺวา เชฏฺปุตฺตํ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส รชฺชํ ปฏิยาเทตฺวา สยํ สมณกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เทวีปิ ‘‘อิมสฺมึ ปพฺพชิเต อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ ตตฺเถว อุยฺยาเน ปพฺพชิตา. ทฺเวปิ ฌานํ ภาเวตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึสุ.
เตสุ ¶ ตตฺเถว วสนฺเตสุ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปาวิสิ. สตฺถริ ตตฺถ วสนฺเต อยํ ปิปฺปลิมาณโว มคธรฏฺเ มหาติตฺถพฺราหฺมณคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, อยํ ภทฺทา กาปิลานี มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร โกสิยโคตฺตพฺราหฺมณสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตา. เตสํ อนุกฺกเมน วฑฺฒมานานํ ปิปฺปลิมาณวสฺส วีสติเม วสฺเส ภทฺทาย โสฬสเม วสฺเส สมฺปตฺเต มาตาปิตโร ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ วยปตฺโต, กุลวํโส นาม ปติฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อติวิย นิปฺปีฬยึสุ. มาณโว อาห – ‘‘มยฺหํ โสตปเถ เอวรูปํ กถํ มา กเถถ, อหํ ยาว ตุมฺเห ธรถ, ตาว ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ตุมฺหากํ อจฺจเยน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต กติปาหํ อติกฺกมิตฺวา ปุน กถยึสุ, โสปิ ตเถว ปฏิกฺขิปิ. ปุนปิ กถยึสุ, ปุนปิ ปฏิกฺขิปิ. ตโต ปฏฺาย มาตา นิรนฺตรํ กเถสิเยว.
มาณโว ‘‘มม มาตรํ สฺาเปสฺสามี’’ติ รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา สุวณฺณกาเรหิ เอกํ อิตฺถิรูปํ การาเปตฺวา ตสฺส มชฺชนฆฏฺฏนาทิกมฺมปริโยสาเน ตํ รตฺตวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา วณฺณสมฺปนฺเนหิ ปุปฺเผหิ เจว นานาอลงฺกาเรหิ จ อลงฺการาเปตฺวา มาตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อมฺม, เอวรูปํ อารมฺมณํ ลภนฺโต เคเห วสิสฺสามิ, อลภนฺโต น ¶ วสิสฺสามี’’ติ ¶ . ปณฺฑิตา พฺราหฺมณี จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา ทินฺนทาโน กตาภินีหาโร, ปฺุํ กโรนฺโต น เอกโกว อกาสิ, อทฺธา เอเตน สห กตปฺุา สุวณฺณรูปกปฏิภาคาว ภวิสฺสตี’’ติ อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺเปตฺวา สุวณฺณรูปกํ รถํ อาโรเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ยตฺถ อมฺหากํ ชาติโคตฺตโภเคหิ สมานกุเล เอวรูปํ ทาริกํ ปสฺสถ, อิมเมว สุวณฺณรูปกํ ปณฺณาการํ กตฺวา เทถา’’ติ อุยฺโยเชสิ.
เต ‘‘อมฺหากํ นาม เอตํ กมฺม’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘กตฺถ คมิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มทฺทรฏฺํ นาม อิตฺถากโร, มทฺทรฏฺํ คมิสฺสามา’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ อคมํสุ. ตตฺถ ตํ สุวณฺณรูปกํ นฺหานติตฺเถ เปตฺวา เอกมนฺเต นิสีทึสุ. อถ ภทฺทาย ธาตี ภทฺทํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา สิริคพฺเภ นิสีทาเปตฺวา นฺหายิตุํ อาคจฺฉนฺตี ตํ รูปกํ ทิสฺวา ‘‘อยฺยธีตา เม อิธาคตา’’ติ สฺาย สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘ทุพฺพินีเต กึ ตฺวํ อิธาคตา’’ติ ตลสตฺติกํ อุคฺคิริตฺวา ‘‘คจฺฉ สีฆ’’นฺติ คณฺฑปสฺเส ปหริ. หตฺโถ ปาสาเณ ปฏิหโต วิย กมฺปิตฺถ. สา ปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘เอวํ ถทฺธํ นาม มหาคีวํ ทิสฺวา ‘อยฺยธีตา เม’ติ สฺํ อุปฺปาเทสึ, อยฺยธีตาย ¶ หิ เม นิวาสนปฏิคฺคาหิกายปิ อยุตฺตา’’ติ อาห. อถ นํ เต มนุสฺสา ปริวาเรตฺวา ‘‘เอวรูปา เต สามิธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. กึ เอสา, อิมาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน มยฺหํ อยฺยาธีตา อภิรูปตรา, ทฺวาทสหตฺเถ คพฺเภ นิสินฺนาย ปทีปกิจฺจํ นตฺถิ, สรีโรภาเสเนว ตมํ วิธมตีติ. ‘‘เตน ¶ หิ อาคจฺฉา’’ติ ขุชฺชํ คเหตฺวา สุวณฺณรูปกํ รถํ อาโรเปตฺวา โกสิยโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวาเร ตฺวา อาคมนํ นิเวทยึสุ.
พฺราหฺมโณ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. มคธรฏฺเ มหาติตฺถคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส ฆรโตติ. กึ การณา อาคตาติ? อิมินา นาม การเณนาติ. ‘‘กลฺยาณํ, ตาตา, สมชาติโคตฺตวิภโว อมฺหากํ พฺราหฺมโณ, ทสฺสามิ ทาริก’’นฺติ ปณฺณาการํ คณฺหิ. เต กปิลพฺราหฺมณสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘ลทฺธา ทาริกา, กตฺตพฺพํ กโรถา’’ติ. ตํ สาสนํ สุตฺวา ปิปฺปลิมาณวสฺส อาโรจยึสุ ‘‘ลทฺธา กิร ทาริกา’’ติ. มาณโว ‘‘อหํ ‘น ลภิสฺสนฺตี’ติ จินฺเตสึ, ‘อิเม ลทฺธาติ วทนฺติ’, อนตฺถิโก หุตฺวา ปณฺณํ เปเสสฺสามี’’ติ รโหคโต ปณฺณํ ¶ ลิขิ ‘‘ภทฺทา อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ฆราวาสํ ลภตุ, อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารินี อโหสี’’ติ. ภทฺทาปิ ‘‘อสุกสฺส กิร มํ ทาตุกาโม’’ติ สุตฺวา รโหคตา ปณฺณํ ลิขิ ‘‘อยฺยปุตฺโต อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ฆราวาสํ ลภตุ, อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสี’’ติ. ทฺเว ปณฺณานิ อนฺตรามคฺเค สมาคจฺฉึสุ. อิทํ กสฺส ปณฺณนฺติ? ปิปฺปลิมาณเวน ภทฺทาย ปหิตนฺติ. อิทํ กสฺสาติ? ภทฺทาย ปิปฺปลิมาณวสฺส ปหิตนฺติ จ วุตฺเต ทฺเวปิ วาเจตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทารกานํ กมฺม’’นฺติ ผาเลตฺวา อรฺเ ฉฑฺเฑตฺวา สมานปณฺณํ ลิขิตฺวา อิโต จ เอตฺโต จ เปเสสุํ. อิติ เตสํ อนิจฺฉมานานํเยว สมาคโม อโหสิ.
ตํทิวสเมว มาณโว เอกํ ปุปฺผทามํ คเหตฺวา เปสิ. ภทฺทาปิ, ตานิ สยนมชฺเฌ เปสิ. ภุตฺตสายมาสา อุโภปิ ‘‘สยนํ อภิรุหิสฺสามา’’ติ สมาคนฺตฺวา มาณโว ทกฺขิณปสฺเสน สยนํ อภิรุหิ. ภทฺทา วามปสฺเสน อภิรุหิตฺวา อาห – ‘‘ยสฺส ปสฺเส ปุปฺผานิ ¶ มิลายนฺติ, ตสฺส ราคจิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ วิชานิสฺสาม, อิมํ ปุปฺผทามํ น อลฺลียิตพฺพ’’นฺติ. เต ปน อฺมฺํ สรีรสมฺผสฺสภเยน ติยามรตฺตึ นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตาว วีตินาเมนฺติ, ทิวา ปน หาสมตฺตมฺปิ นาโหสิ. เต โลกามิเสน อสํสฏฺา ยาว มาตาปิตโร ธรนฺติ, ตาว กุฏุมฺพํ อวิจาเรตฺวา เตสุ กาลงฺกเตสุ วิจารยึสุ. มหตี มาณวสฺส ¶ สมฺปตฺติ สตฺตาสีติโกฏิธนํ, เอกทิวสํ สรีรํ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ฉฑฺเฑตพฺพํ สุวณฺณจุณฺณเมว มคธนาฬิยา ทฺวาทสนาฬิมตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. ยนฺตพทฺธานิ สฏฺิ มหาตฬากานิ, กมฺมนฺโต ทฺวาทสโยชนิโก, อนุราธปุรปฺปมาณา จุทฺทส คามา, จุทฺทส หตฺถานีกา, จุทฺทส อสฺสานีกา, จุทฺทส รถานีกา.
โส เอกทิวสํ อลงฺกตอสฺสํ อารุยฺห มหาชนปริวุโต กมฺมนฺตํ คนฺตฺวา เขตฺตโกฏิยํ ิโต นงฺคเลหิ ภินฺนฏฺานโต กากาทโย สกุเณ คณฺฑุปฺปาทาทิปาณเก อุทฺธริตฺวา ขาทนฺเต ทิสฺวา, ‘‘ตาตา, อิเม กึ ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. คณฺฑุปฺปาเท, อยฺยาติ. เอเตหิ กตํ ปาปํ กสฺส โหตีติ? ตุมฺหากํ, อยฺยาติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เอเตหิ กตํ ปาปํ ¶ มยฺหํ โหติ, กึ เม กริสฺสติ สตฺตาสีติโกฏิธนํ, กึ ทฺวาทสโยชนิโก กมฺมนฺโต, กึ สฏฺิยนฺตพทฺธานิ ตฬากานิ, กึ จุทฺทส คามา? สพฺพเมตํ ภทฺทาย กาปิลานิยา นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.
ภทฺทาปิ กาปิลานี ตสฺมึ ขเณ อนฺตรวตฺถุมฺหิ ตโย ติลกุมฺเภ ปตฺถราเปตฺวา ธาตีหิ ปริวุตา นิสินฺนา กาเก ติลปาณเก ขาทนฺเต ทิสฺวา, ‘‘อมฺมา, กึ อิเม ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ปาณเก, อยฺเยติ. อกุสลํ กสฺส โหตีติ? ตุมฺหากํ, อยฺเยติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ จตุหตฺถวตฺถํ นาฬิโกทนมตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ยทิ ปเนตํ เอตฺตเกน ชเนน กตํ อกุสลํ มยฺหํ โหติ, อทฺธา ภวสหสฺเสนปิ ¶ วฏฺฏโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺกา, อยฺยปุตฺเต อาคตมตฺเตเยว สพฺพํ ตสฺส นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.
มาณโว อาคนฺตฺวา นฺหายิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส จกฺกวตฺติโน อนุจฺฉวิกํ โภชนํ สชฺชยึสุ. ทฺเวปิ ภฺุชิตฺวา ปริชเน นิกฺขนฺเต รโหคตา ผาสุกฏฺาเน นิสีทึสุ. ตโต มาณโว ภทฺทํ อาห – ‘‘ภทฺเท อิมํ ฆรํ อาคจฺฉนฺตี กิตฺตกํ ธนํ อาหรี’’ติ? ปฺจปณฺณาส สกฏสหสฺสานิ, อยฺยาติ. เอตํ สพฺพํ, ยา จ อิมสฺมึ ฆเร สตฺตาสีติ โกฏิโย ยนฺตพทฺธา สฏฺิตฬากาทิเภทา สมฺปตฺติ อตฺถิ, สพฺพํ ตุยฺหํเยว นิยฺยาเตมีติ. ตุมฺเห ปน กหํ คจฺฉถ, อยฺยาติ? อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ. อยฺย, อหมฺปิ ตุมฺหากํเยว อาคมนํ โอโลกยมานา นิสินฺนา, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามีติ. เตสํ อาทิตฺตปณฺณกุฏิ วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. เต อนฺตราปณโต กสาวรสปีตานิ วตฺถานิ มตฺติกาปตฺเต ¶ จ อาหราเปตฺวา อฺมฺํ เกเส โอหาราเปตฺวา ‘‘เย โลเก อรหนฺโต, เต อุทฺทิสฺส อมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติ วตฺวา ถวิกาย ปตฺเต โอสาเรตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา ปาสาทโต โอตรึสุ. เคเห ทาเสสุ วา กมฺมกาเรสุ วา น โกจิ สฺชานิ.
อถ เน พฺราหฺมณคามโต นิกฺขมฺม ทาสคามทฺวาเรน คจฺฉนฺเต อากปฺปกุตฺตวเสน ทาสคามวาสิโน สฺชานึสุ. เต โรทนฺตา ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘กึ อมฺเห อนาเถ กโรถ, อยฺยา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มยํ ภเณ อาทิตฺตปณฺณสาลา วิย ตโย ภวาติ ปพฺพชิมฺหา, สเจ ตุมฺเหสุ ¶ เอเกกํ ภุชิสฺสํ กโรม, วสฺสสตมฺปิ ¶ นปฺปโหติ. ตุมฺเหว ตุมฺหากํ สีสํ โธวิตฺวา ภุชิสฺสา หุตฺวา ชีวถา’’ติ วตฺวา เตสํ โรทนฺตานํเยว ปกฺกมึสุ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภทฺทา กาปิลานี สกลชมฺพุทีปคฺฆนิกา อิตฺถี มยฺหํ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โกจิเทว เอวํ จินฺเตยฺย ‘อิเม ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, อนนุจฺฉวิกํ กโรนฺตี’ติ. โกจิ วา ปน อมฺเหสุ มนํ ปทูเสตฺวา อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมํ ปหาย มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ.
โส ปุรโต คจฺฉนฺโต ทฺเวธาปถํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ภทฺทาปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘ภทฺเท ตาทิสึ อิตฺถึ มม ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘อิเม ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺตี’ติ จินฺเตตฺวา อมฺเหสุ ปทุฏฺจิตฺโต มหาชโน อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมสฺมึ ทฺเวธาปเถ ตฺวํ เอกํ คณฺห, อหํ เอเกน คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อาม, อยฺย, ปพฺพชิตานํ มาตุคาโม นาม มลํ, ‘ปพฺพชิตฺวาปิ วินา น ภวนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺสนฺติ, ตุมฺเห เอกํ มคฺคํ คณฺหถ, อหํ เอกํ คณฺหิตฺวา วินา ภวิสฺสามา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘สตสหสฺสกปฺปปฺปมาเณ อทฺธาเน กโต มิตฺตสนฺถโว อชฺช ภิชฺชตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺเห ทกฺขิณชาติกา นาม, ตุมฺหากํ ทกฺขิณมคฺโค วฏฺฏติ. มยํ มาตุคามา นาม วามชาติกา, อมฺหากํ วามมคฺโค วฏฺฏตี’’ติ วนฺทิตฺวา มคฺคํ ปฏิปนฺนา. เตสํ ทฺเวธาภูตกาเล อยํ มหาปถวี ‘‘อหํ จกฺกวาฬคิริสิเนรุปพฺพเต ธาเรตุํ สกฺโกนฺตีปิ ตุมฺหากํ คุเณ ธาเรตุํ น ¶ สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย วิรวมานา อกมฺปิ, อากาเส อสนิสทฺโท วิย ปวตฺติ, จกฺกวาฬปพฺพโต อุนฺนทิ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ เวฬุวนมหาวิหาเร คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน ปถวีกมฺปนสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข ปถวี กมฺปตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปิปฺปลิมาณโว จ ภทฺทา จ กาปิลานี มํ อุทฺทิสฺส อปฺปเมยฺยํ สมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตา, เตสํ วิโยคฏฺาเน อุภินฺนมฺปิ คุณพเลน อยํ ปถวีกมฺโป ชาโต, มยาปิ เอเตสํ สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม สยเมว ¶ ปตฺตจีวรมาทาย อสีติมหาเถเรสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา ติคาวุตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ราชคหสฺส จ นาลนฺทาย จ อนฺตเร พหุปุตฺตกนิคฺโรธรุกฺขมูเล ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. นิสีทนฺโต ปน อฺตรปํสุกูลิโก วิย อนิสีทิตฺวา พุทฺธเวสํ คเหตฺวา อสีติหตฺถา ฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต นิสีทิ. อิติ ตสฺมึ ขเณ ปณฺณจฺฉตฺตสกฏจกฺกกูฏาคาราทิปฺปมาณา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทนฺติโย วิธาวนฺติโย จนฺทสหสฺส-สูริยสหสฺส-อุคฺคมนกาโล วิย กุรุมานา ตํ วนนฺตํ เอโกภาสํ อกํสุ. ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสิริยา สมุชฺชลตาราคณํ วิย คคนํ, สุปุปฺผิตกมลกุวลยํ วิย สลิลํ วนนฺตํ วิโรจิตฺถ. นิคฺโรธรุกฺขสฺส ขนฺโธ นาม เสโต โหติ, ปตฺตานิ นาม นีลานิ, ปกฺกานิ รตฺตานิ. ตสฺมึ ปน ทิวเส สตสาโข นิคฺโรโธ สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ.
มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘อยํ มยฺหํ สตฺถา ภวิสฺสติ, อิมาหํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต’’ติ ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณโตณโต คนฺตฺวา ตีสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมิ, สตฺถา ¶ เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ อาห. อถ นํ ภควา อโวจ – ‘‘กสฺสป, สเจ ตฺวํ อิมํ นิปจฺจการํ มหาปถวิยา กเรยฺยาสิ, สาปิ ธาเรตุํ น สกฺกุเณยฺย. ตถาคตสฺส เอวํ คุณมหนฺตตํ ชานตา ตยา กโต นิปจฺจกาโร มยฺหํ โลมมฺปิ จาเลตุํ น สกฺโกติ. นิสีท, กสฺสป, ทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อทาสิ. ทตฺวา พหุปุตฺตกนิคฺโรธมูลโต นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สตฺถุ สรีรํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺตํ, มหากสฺสปสฺส สตฺตมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ. โส กฺจนมหานาวาย ปจฺฉาพนฺโธ วิย สตฺถุ ปทานุปทิกํ อนุคฺฉิ. สตฺถา โถกํ มคฺคํ คนฺตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสชฺชาการํ ทสฺเสสิ, เถโร ‘‘นิสีทิตุกาโม สตฺถา’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปารุปนปิโลติกสงฺฆาฏึ จตุคฺคุณํ กตฺวา ปฺาเปสิ.
สตฺถา ตสฺมึ นิสีทิตฺวา หตฺเถน จีวรํ ปรามสิตฺวา ‘‘มุทุกา โข ตฺยายํ, กสฺสป, ปิโลติกสงฺฆาฏี’’ติ ¶ อาห. เถโร ‘‘สตฺถา เม ¶ สงฺฆาฏิยา มุทุกภาวํ กเถติ, ปารุปิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ปารุปตุ, ภนฺเต, ภควา สงฺฆาฏิ’’นฺติ อาห. กึ ตฺวํ ปารุปิสฺสสิ กสฺสปาติ? ตุมฺหากํ นิวาสนํ ลภนฺโต ปารุปิสฺสามิ, ภนฺเตติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กสฺสป, อิมํ ปริโภคชิณฺณํ ปํสุกูลํ ธาเรตุํ สกฺขิสฺสสิ? มยา หิ อิมสฺส ปํสุกูลสฺส คหิตทิวเส อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ, อิมํ พุทฺธานํ ปริโภคชิณฺณํ จีวรํ นาม น สกฺกา ปริตฺตคุเณน ธาเรตุํ, ปฏิพเลเนวิทํ ปฏิปตฺติปูรณสมตฺเถน ชาติปํสุกูลิเกน คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา เถเรน สทฺธึ จีวรํ ปริวตฺเตสิ.
เอวํ ปน จีวรปริวตฺตํ ¶ กตฺวา เถเรน ปารุตจีวรํ ภควา ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร ปารุปิ. ตสฺมึ สมเย อเจตนาปิ อยํ มหาปถวี ‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต, อกตฺถ, อตฺตนา ปารุตจีวรํ สาวกสฺส ทินฺนปุพฺพํ นาม นตฺถิ, อหํ ตุมฺหากํ คุณํ ธาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ. เถโรปิ ‘‘ลทฺธํ ทานิ มยา พุทฺธานํ ปริโภคจีวรํ, กึ เม อิทานิ อุตฺตริ กตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ อุนฺนตึ อกตฺวา พุทฺธานํ สนฺติเกเยว เตรส ธุตคุเณ สมาทาย สตฺตทิวสมตฺตํ ปุถุชฺชโน หุตฺวา อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถาปิ ‘‘กสฺสโป, ภิกฺขเว, จนฺทูปโม กุลานิ อุปสงฺกมติ, อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวโก กุเลสุ อปฺปคพฺโภ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖) เอวมาทีหิ สุตฺเตหิ เถรํ โถเมตฺวา อปรภาเค เอตเทว กสฺสปสํยุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ‘‘มม สาสเน ธุตวาทานํ ภิกฺขูนํ มหากสฺสโป อคฺโค’’ติ เถรํ านนฺตเร เปสีติ.
อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ
๑๙๒. ปฺจเม ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุทฺโธติ ทิพฺพจกฺขุกภิกฺขูนํ อนุรุทฺธตฺเถโร อคฺโคติ วทติ. ตสฺส จิณฺณวสิตาย อคฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เถโร กิร โภชนปปฺจมตฺตํ เปตฺวา เสสกาลํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา สตฺเต โอโลเกนฺโตว วิหรติ. อิติ อโหรตฺตํ จิณฺณวสิตาย เอส ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค นาม ชาโต. อปิจ กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถิตภาเวนเปส ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโคว ชาโต.
ตตฺรสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ ¶ หิ กุลปุตฺโต ปทุมุตฺตรสฺเสว ภควโต กาเล ¶ ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ วิหารํ คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ อคมาสิ. อยํ หิ ตทา อฺตโร อปากฏนาโม อิสฺสรกุฏุมฺพิโก อโหสิ. โส ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมกถํ สุณาติ. สตฺถา เทสนํ ยถานุสนฺธิกํ ฆเฏตฺวา เอกํ ทิพฺพจกฺขุกํ ภิกฺขุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปสิ.
ตโต กุฏุมฺพิกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหา วตายํ ภิกฺขุ, ยํ เอวํ สตฺถา สยํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปริสนฺตเรน คนฺตฺวา สฺวาตนาย ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘มหนฺตํ านนฺตรํ มยา ปตฺถิต’’นฺติ เตเนว นิยาเมน อชฺชตนาย สฺวาตนายาติ นิมนฺเตตฺวา สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สปริวารสฺส ภควโต อุตฺตมวตฺถานิ ทตฺวา ‘‘ภควา นาหํ อิมํ สกฺการํ ทิพฺพสมฺปตฺติยา น มนุสฺสสมฺปตฺติยา อตฺถาย กโรมิ. ยํ ปน ตุมฺเห อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ภิกฺขุํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน ปยิตฺถ, อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน โส ภิกฺขุ วิย ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺโภ ปุริส, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค อนุรุทฺโธ นาม ภวิสฺสสี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา วิหารเมว อคมาสิ.
กุฏุมฺพิโกปิ ยาว พุทฺโธ ธรติ, ตาว ¶ อวิชหิตเมว กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ปรินิพฺพุเต สตฺถริ นิฏฺิเต สตฺตโยชนิเก สุวณฺณเจติเย ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺม’’นฺติ ปุจฺฉิ. ปทีปทานํ นาม ทาตุํ วฏฺฏติ อุปาสกาติ. สาธุ, ภนฺเต, กริสฺสามีติ สหสฺสทีปานํเยว ตาว ทีปรุกฺขานํ สหสฺสํ กาเรสิ, ตทนนฺตรํ ตโต ปริตฺตตเร, ตทนนฺตรํ ตโต ปริยตฺตตเรติ อเนกสหสฺเส ทีปรุกฺเข กาเรสิ. เสสปทีปา ปน อปริมาณา อเหสุํ.
เอวํ ¶ ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพุเต สตฺถริ ¶ นิฏฺิเต โยชนิเก เจติเย พหุ กํสปาติโย การาเปตฺวา สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา มชฺเฌ เอเกกํ คุฬปิณฺฑํ เปตฺวา อุชฺชาเลตฺวา มุขวฏฺฏิยา มุขวฏฺฏึ ผุสาเปนฺโต เจติยํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน สพฺพมหนฺตํ กํสปาตึ กาเรตฺวา สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ตสฺสา มุขวฏฺฏิยํ สมนฺตโต วฏฺฏิสหสฺสํ ชาลาเปตฺวา มชฺฌฏฺาเน ถูปิกํ ปิโลติกาย เวเตฺวา ชาลาเปตฺวา กํสปาตึ สีเสนาทาย สพฺพรตฺตึ โยชนิกํ เจติยํ อนุปริยายิ. เอวํ เตนาปิ อตฺตภาเวน ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต.
ปุน อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตสฺมึเยว นคเร ทุคฺคตกุลสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา สุมนเสฏฺึ นาม นิสฺสาย วสิ, อนฺนภาโรติสฺส นามํ อโหสิ. โส ปน สุมนเสฏฺิ เทวสิกํ กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ เคหทฺวาเร มหาทานํ เทติ. อเถกทิวสํ อุปริฏฺโ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺโน. ตโต วุฏฺาย ‘‘อชฺช กสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วีมํสิ. ปจฺเจกพุทฺธา จ นาม ทุคฺคตานุกมฺปกา ¶ โหนฺติ. โส ‘‘อชฺช มยา อนฺนภารสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ อนฺนภาโร อฏวิโต อตฺตโน เคหํ อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คนฺธมาทนปพฺพตา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คามทฺวาเร อนฺนภารสฺส สมฺมุเข ปจฺจุฏฺาสิ.
อนฺนภาโร ปจฺเจกพุทฺธํ ตุจฺฉปตฺตหตฺถํ ทิสฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ‘‘อปิ, ภนฺเต, ภิกฺขํ ลภิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ลภิสฺสาม มหาปฺุาติ. ‘‘ภนฺเต, โถกํ อิเธว โหถา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา อตฺตโน เคเห มาตุคามํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ ปิตํ ภาคภตฺตํ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ? อตฺถิ สามีติ. โส ตโตว คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺถโต ปตฺตมาทาย อาคนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท, มยํ ปุริมภเว กลฺยาณกมฺมสฺส อกตตฺตา ภตฺตํ ปจฺจาสีสมานา วิหราม ¶ , อมฺหากํ ทาตุกามตาย สติ เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ ปฏิคฺคาหกํ น ลภาม, อชฺช เม อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺโธ ทิฏฺโ, ภาคภตฺตฺจ อตฺถิ, มยฺหํ ภาคภตฺตํ อิมสฺมึ ปตฺเต ปกฺขิปาหี’’ติ.
พฺยตฺตา อิตฺถี ‘‘ยโต มยฺหํ สามิโก ภาคภตฺตํ เทติ, มยาปิ อิมสฺมึ ทาเน ภาคินิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ อตฺตโน ภาคภตฺตมฺปิ อุปริฏฺสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา อทาสิ. อนฺนภาโร ปตฺตํ อาหริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวรูปา ทุชฺชีวิตา มุจฺจามา’’ติ อาห. เอวํ โหตุ, มหาปฺุาติ. โส อตฺตโน อุตฺตรสาฏกํ เอกสฺมึ ปเทเส อตฺถริตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, อิธ นิสีทิตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ นิสีทิตฺวา นววิธํ ปาฏิกูลฺยํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ปริภฺุชิ. ปริภุตฺตกาเล ¶ อนฺนภาโร ปตฺตโธวนอุทกํ อทาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ นิฏฺิตภตฺตกิจฺโจ –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –
อนุโมทนํ กตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุมนเสฏฺิสฺส ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ อุปริฏฺเ สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา สาธุการํ อทาสิ. สุมนเสฏฺิ ‘‘กึ ตฺวํ มํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททมานํ น ปสฺสสี’’ติ อาห. นาหํ ตว ทาเน สาธุการํ เทมิ, อนฺนภาเรน อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาเต ปสีทิตฺวา สาธุการํ เทมีติ.
สุมนเสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วติทํ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ เทนฺโต เทวตํ สาธุการํ ทาเปตุํ นาสกฺขึ. อยํ อนฺนภาโร มํ นิสฺสาย วสนฺโต อนุรูปสฺส ปฏิคฺคาหกปุคฺคลสฺส ลทฺธตฺตา เอกปิณฺฑปาตทาเนเนว สาธุการํ ทาเปสิ, เอตสฺส อนุจฺฉวิกํ ทตฺวา เอตํ ปิณฺฑปาตํ มม สนฺตกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อนฺนภารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ตยา กสฺสจิ กิฺจิ ทานํ ทินฺน’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาม, อยฺย, อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส เม อตฺตโน ภาคภตฺตํ ทินฺนนฺติ. หนฺท, โภ, กหาปณํ คณฺหิตฺวา เอตํ ปิณฺฑปาตํ มยฺหํ เทหีติ. น เทมิ อยฺยาติ. โส ยาว สหสฺสํ วฑฺเฒสิ, อนฺนภาโร ‘‘สหสฺเสนาปิ ¶ น เทมี’’ติ อาห. โหตุ, โภ, ยทิ ปิณฺฑปาตํ น เทสิ, สหสฺสํ คณฺหิตฺวา ปตฺตึ เม เทหีติ. ‘‘เอตมฺปิ ทาตุํ ยุตฺตํ วา อยุตฺตํ วา น ชานามิ, อยฺยํ ปน อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ ทาตุํ ยุตฺตํ ภวิสฺสติ, ทสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สมฺปาปุณิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สุมนเสฏฺิ มยฺหํ สหสฺสํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ทินฺนปิณฺฑปาเต ปตฺตึ ยาจติ, ทมฺมิ วา น ทมฺมิ วา’’ติ ¶ . อุปมํ เต ปณฺฑิต กริสฺสามิ. เสยฺยถาปิ กุลสติเก คาเม เอกสฺมึเยว ฆเร ทีปํ ชาเลยฺย, เสสา อตฺตโน อตฺตโน เตเลน วฏฺฏึ เตเมตฺวา ชาลาเปตฺวา คณฺเหยฺยุํ, ปุริมทีปสฺส ปภา อตฺถิ, นตฺถีติ. อติเรกตรา, ภนฺเต, ปภา โหตีติ. เอวเมว ปณฺฑิต อุฬุงฺกยาคุ วา โหตุ กฏจฺฉุภิกฺขา วา, อตฺตโน ปิณฺฑปาเต ปเรสํ ปตฺตึ เทนฺตสฺส สตสฺส วา เทตุ สหสฺสสฺส วา, ยตฺตกานํ ¶ เทติ, ตตฺตกานํ ปฺุํ วฑฺฒติ. ตฺวํ เทนฺโต เอกเมว ปิณฺฑปาตํ อทาสิ, สุมนเสฏฺิสฺส ปน ปตฺติยา ทินฺนาย ทฺเว ปิณฺฑปาตา โหนฺติ เอโก ตว, เอโก จ ตสฺสาติ.
โส ปจฺเจกพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา สุมนเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปิณฺฑปาเต ปตฺตึ คณฺห สามี’’ติ อาห. หนฺท, กหาปณสหสฺสํ คณฺหาติ. นาหํ ปิณฺฑปาตํ วิกฺกิณามิ, สทฺธาย ปน ตุมฺหากํ ปตฺตึ เทมีติ. ตาต, ตฺวํ มยฺหํ สทฺธาย ปตฺตึ เทสิ, อหํ ปน ตุยฺหํ คุณํ ปูเชนฺโต สหสฺสํ เทมิ, คณฺห, ตาตาติ. โส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ สหสฺสํ คณฺหิ. ตาต, ตุยฺหํ สหสฺสํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย สหตฺถา กมฺมกรณกิจฺจํ นตฺถิ, วีถิยํ ฆรํ มาเปตฺวา วส. เยน ตุยฺหํ อตฺโถ, ตํ มํ อาหราเปตฺวา คณฺหาหีติ. นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺิตปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาโต นาม ตํทิวสเมว วิปากํ เทติ. ตสฺมา สุมนเสฏฺิ อฺํ ทิวสํ อนฺนภารํ คเหตฺวา ราชกุลํ อคจฺฉนฺโตปิ ตํทิวสํ คเหตฺวาว คโต.
อนฺนภารสฺส ปฺุํ อาคมฺม ราชา เสฏฺึ อโนโลเกตฺวา อนฺนภารเมว โอโลเกสิ ¶ . กึ, เทว, อิมํ ปุริสํ อติวิย โอโลเกสีติ? อฺํ ทิวสํ อทิฏฺปุพฺพตฺตา โอโลเกมีติ. โอโลเกตพฺพยุตฺตโก เอส เทวาติ. โก ปนสฺส โอโลเกตพฺพยุตฺตโก คุโณติ? อชฺช อตฺตโน ภาคภตฺตํ สยํ อภฺุชิตฺวา อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนตฺตา มม หตฺถโต สหสฺสํ ลภิ เทวาติ. โกนาโม เอโสติ? อนฺนภาโร นาม ¶ เทวาติ. ‘‘ตว หตฺถโต ลทฺธตฺตา มมปิ หตฺถโต ลทฺธุํ อรหติ, อหมฺปิสฺส ปูชํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา สหสฺสํ อทาสิ. เอตสฺส วสนเคหํ ชานาถ ภเณติ? สาธุ เทวาติ เอกํ เคหฏฺานํ โสเธนฺตา กุทฺทาเลน อาหตาหตฏฺาเน นิธิกุมฺภิโย คีวาย คีวํ อาหจฺจ ิตา ทิสฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา ขนถา’’ติ อาห. เตสํ ขนนฺตานํ ขนนฺตานํ เหฏฺา คจฺฉนฺติ. ปุน คนฺตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘อนฺนภารสฺส วจเนน ขนถา’’ติ อาห. เต คนฺตฺวา ‘‘อนฺนภารสฺเสว วจน’’นฺติ ขนึสุ. กุทฺทาเลน อาหตาหตฏฺาเน อหิจฺฉตฺตกมกุฬานิ วิย กุมฺภิโย อุฏฺหึสุ. เต ธนํ อาหริตฺวา รฺโ สนฺติเก ราสึ อกํสุ. ราชา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร กสฺส อฺสฺส เอตฺตกํ ธนํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. นตฺถิ กสฺสจิ เทวาติ. เตน หิ อยํ อนฺนภาโร อิมสฺมึ นคเร ธนเสฏฺิ นาม โหตูติ. ตํทิวสเมว เสฏฺิจฺฉตฺตํ ลภิ.
โส ตโต ปฏฺาย ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺโต. ทีฆรตฺตํ ¶ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ สตฺถุ อุปฺปชฺชนกาเล กปิลวตฺถุนคเร อมิตฺโตทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส อนุรุทฺโธติ นามํ อกํสุ. มหานามสกฺกสฺส ¶ กนิฏฺภาตา สตฺถุ จูฬปิตุปุตฺโต ปรมสุขุมาโล มหาปฺุโ อโหสิ. สุวณฺณปาติยํเยวสฺส ภตฺตํ อุปฺปชฺชิ. อถสฺส มาตา เอกทิวสํ ‘‘มม ปุตฺตํ นตฺถีติ ปทํ ชานาเปสฺสามี’’ติ เอกํ สุวณฺณปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปิทหิตฺวา ตุจฺฉกํเยว เปเสสิ. อนฺตรามคฺเค เทวตา ทิพฺพปูเวหิ ปูเรสุํ. เอวํ มหาปฺุโ อโหสิ. ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ อลงฺกตนาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุภวิ.
อมฺหากมฺปิ โพธิสตฺโต ตสฺมึ สมเย ตุสิตปุรา จวิตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ วสิตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ โพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกปฺปตฺตนํ ปวตฺเตตฺวา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหํ อาคมฺม ‘‘ปุตฺโต เม ราชคหํ อาคโต’’ติ สุตฺวา ¶ ‘‘คจฺฉถ ภเณ มม ปุตฺตํ อาเนถา’’ติ ปิตรา ปหิเต สหสฺสสหสฺสปริวาเร ทส อมจฺเจ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา กาฬุทายิตฺเถเรน จาริกาคมนํ อายาจิโต ราชคหโต วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร นิกฺขมิตฺวา กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา าติสมาคเม อเนเกหิ อิทฺธิปาฏิหาริเยหิ สปฺปาฏิหาริยํ วิจิตฺรธมฺมเทสนํ กตฺวา มหาชนํ อมตปานํ ปาเยตฺวา ทุติยทิวเส ปตฺตจีวรมาทาย นครทฺวาเร ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กุลนครํ อาคตานํ สพฺพฺุพุทฺธานํ อาจิณฺณ’’นฺติ อาวชฺชมาโน ‘‘สปทานํ ปิณฺฑาย จรณํ อาจิณฺณ’’นฺติ ตฺวา สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ‘‘ปุตฺโต เม ปิณฺฑาย จรตี’’ติ สุตฺวา อาคตสฺส รฺโ ธมฺมํ กเถตฺวา เตน สกนิเวสนํ ปเวเสตฺวา กตสกฺการสมฺมาโน ¶ ตตฺถ กาตพฺพํ าติชนานุคฺคหํ กตฺวา ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชตฺวา นจิรสฺเสว กปิลวตฺถุปุรโต มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยอมฺพวนํ อคมาสิ.
ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชา สากิยชนํ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘สเจ มม ปุตฺโต อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, ราชา อภวิสฺส จกฺกวตฺตี สตฺตรตนสมนฺนาคโต. นตฺตาปิ เม ราหุลกุมาโร ขตฺติยคเณน สทฺธึ ตํ ปริวาเรตฺวา อจริสฺส, ตุมฺเหปิ เอตมตฺถํ ชานาถ. อิทานิ ปน เม ปุตฺโต พุทฺโธ ชาโต, ขตฺติยาวสฺส ปริวารา โหนฺตุ. ตุมฺเห เอเกกกุลโต เอเกกํ ทารกํ เทถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต เอกปฺปหาเรเนว สหสฺสขตฺติยกุมารา ปพฺพชึสุ. ตสฺมึ สมเย มหานาโม กุฏุมฺพสามิโก ¶ โหติ. โส อนุรุทฺธสกฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ, ตาต อนุรุทฺธ, อภิฺาตา อภิฺาตา สกฺยกุมารา ภควนฺตํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชนฺติ, อมฺหากํ กุเล นตฺถิ โกจิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. เตน หิ ตฺวํ วา ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ฆราวาเส รุจึ อกตฺวา อตฺตสตฺตโม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ตสฺส ปพฺพชฺชานุกฺกโม สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย) อาคโตว.
เอวํ อนุปิยอมฺพวนํ คนฺตฺวา ปพฺพชิเตสุ ปน เตสุ ตสฺมึเยว อนฺโตวสฺเส ภทฺทิยตฺเถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อนุรุทฺธตฺเถโร ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพตฺเตสิ, เทวทตฺโต อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, อานนฺทตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาสิ, ภคุตฺเถโร จ กิมิลตฺเถโร จ ปจฺฉา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตสํ ปน สพฺเพสมฺปิ เถรานํ อตฺตโน อตฺตโน อาคตฏฺาเน ปุพฺพปตฺถนาภินีหาโร อาคมิสฺสติ. อยํ ปน อนุรุทฺธตฺเถโร ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เจติยรฏฺเ ปาจีนวํสมิคทายํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ ¶ กโรนฺโต สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสิ, อฏฺเม กิลมติ. สตฺถา ‘‘อนุรุทฺโธ อฏฺเม มหาปุริสวิตกฺเก กิลมตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺส สงฺกปฺปํ ปูเรสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรตฺวา จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามปฏิมณฺฑิตํ มหาอริยวํสปฏิปทํ (อ. นิ. ๘.๓๐) กเถตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา เภสกลาวนเมว คโต.
เถโร ตถาคเต คตมตฺเตเยว เตวิชฺโช มหาขีณาสโว หุตฺวา ‘‘สตฺถา มยฺหํ มนํ ชานิตฺวา อาคนฺตฺวา อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส จ เม มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนํ อตฺตโน จ ปฏิวิทฺธธมฺมํ อารพฺภ อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;
มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมิ.
‘‘ยถา เม อหุ สงฺกปฺโป, ตโต อุตฺตริ เทสยิ;
นิปฺปปฺจรโต พุทฺโธ, นิปฺปปฺจมเทสยิ.
‘‘ตสฺสาหํ ¶ ธมฺมมฺาย, วิหาสึ สาสเน รโต;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (เถรคา. ๙๐๑-๙๐๓);
อถ นํ อปรภาเค สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต ‘‘มม สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อนุรุทฺโธ อคฺโค’’ติ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
ภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๓. ฉฏฺเ อุจฺจากุลิกานนฺติ อุจฺเจ กุเล ชาตานํ. ภทฺทิโยติ อนุรุทฺธตฺเถเรน สทฺธึ นิกฺขมนฺโต สกฺยราชา. กาฬิโคธาย ปุตฺโตติ กาฬวณฺณา สา เทวี, โคธาติ ปนสฺสา นามํ ¶ . ตสฺมา กาฬิโคธาติ วุจฺจติ ¶ , ตสฺสา ปุตฺโตติ อตฺโถ. กสฺมา ปนายํ อุจฺจากุลิกานํ อคฺโคติ วุตฺโต, กึ ตโต อุจฺจากุลิกตรา นตฺถีติ? อาม นตฺถิ. ตสฺส หิ มาตา สากิยานีนํ อนฺตเร วเยน สพฺพเชฏฺิกา, โสเยว จ สากิยกุเล สมฺปตฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต. ตสฺมา อุจฺจากุลิกานํ อคฺโคติ วุตฺโต. อปิจ ปุพฺพปตฺถนานุภาเวน เจส อนุปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รชฺชํ กาเรสิเยว. อิมินาปิ การเณน อุจฺจากุลิกานํ อคฺโคติ วุตฺโต.
ปฺหกมฺเม ปนสฺส อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต วุตฺตนเยเนว ธมฺมสฺสวนตฺถาย คโต. ตํทิวสํ สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อุจฺจากุลิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อุจฺจากุลิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺเคน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส ทานสฺส ผเลน นาฺํ สมฺปตฺตึ อากงฺขามิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อุจฺจากุลิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยิตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ เต อิทํ กมฺมํ, อิโต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน อุจฺจากุลิกานํ ¶ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา วิหารํ อคมาสิ. โสปิ ตํ พฺยากรณํ ลภิตฺวา อุจฺจากุลิกสํวตฺตนิกกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมาสนานิ กาเรตฺวา เตสุ ปจฺจตฺถรณานิ สนฺถราเปตฺวา ธมฺมพีชนิโย ธมฺมกถิกวฏฺฏํ อุโปสถาคาเร ปทีปเตลทานนฺติ เอวํ ยาวชีวํ พหุวิธํ ¶ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตตฺถ กาลกโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต กสฺสปทสพลสฺส จ อมฺหากฺจ ภควโต อนฺตเร พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยฆเร นิพฺพตฺโต.
เตน จ สมเยน สมฺพหุลา ปจฺเจกพุทฺธา คนฺธมาทนปพฺพตา อาคมฺม พาราณสิยํ คงฺคาย ตีเร ผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชนฺติ. โส กุฏุมฺพิโย เตสํ นิพทฺธเมว ตสฺมึ าเน ภตฺตวิสฺสคฺคกรณํ ตฺวา ¶ อฏฺ ปาสาณผลกานิ อตฺถริตฺวา ยาวชีวํ ปจฺเจกพุทฺเธ อุปฏฺหิ. อเถกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส ภทฺทิยกุมาโรติ นามํ อกํสุ. โส วยํ อาคมฺม เหฏฺา อนุรุทฺธสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ฉนฺนํ ขตฺติยานํ อพฺภนฺตโร หุตฺวา สตฺถริ อนุปิยอมฺพวเน วิหรนฺเต สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต ‘‘มม สาสเน อุจฺจากุลิกานํ กาฬิโคธาย ปุตฺโต ภทฺทิยตฺเถโร อคฺโค’’ติ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๔. สตฺตเม มฺชุสฺสรานนฺติ มธุรสฺสรานํ. ลกุณฺฑกภทฺทิโยติ อุพฺเพเธน รสฺโส, นาเมน ภทฺทิโย. ตสฺสาปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต วุตฺตนเยเนว ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คโต. ตสฺมึ สมเย สตฺถารํ เอกํ มฺชุสฺสรํ ภิกฺขุํ เอตทคฺเค เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อยํ ภิกฺขุ วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ จิตฺตํ ¶ อุปฺปาเทตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส ทานสฺส ผเลน น อฺํ สมฺปตฺตึ อากงฺขามิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยิตฺวา สตฺถุปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ เต อิทํ กมฺมํ, อิโต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน ¶ โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา วิหารํ อคมาสิ.
โสปิ ตํ พฺยากรณํ ลภิตฺวา ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต กาลกโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล จิตฺตปตฺตโกกิโล นาม หุตฺวา เขเม มิคทาเย วสนฺโต เอกทิวสํ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑน คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อฺเสุ ทิวเสสุ ริตฺตโก ตถาคตํ ปสฺสามิ, อชฺช ปน เม อิมํ อมฺพปกฺกํ ปุตฺตกานํ ¶ อตฺถาย อาคตํ. เตสํ อฺมฺปิ อาหริตฺวา ทสฺสามิ, อิมํ ปน ทสพลสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอตริตฺวา อากาเส จรติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา อโสกตฺเถรํ นาม อุปฏฺากํ โอโลเกสิ. โส ปตฺตํ นีหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. โส โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา ตํ ปริภฺุชิ. โกกิโล ปสนฺนจิตฺโต ปุนปฺปุนํ ทสพลสฺส คุเณ อาวชฺเชตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน กุลาวกํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ. เอตฺตกํ ตสฺมึ อตฺตภาเว กลฺยาณกมฺมํ, อิมินาสฺส กมฺเมน สโร มธุโร อโหสิ.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารทฺเธ ‘‘กึปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํ. อติมหนฺตํ เอตํ, ฉโยชนํ ¶ กโรม. อิทมฺปิ อติมหนฺตํ, ปฺจโยชนํ กโรม, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชน’’นฺติ วุตฺเต อยํ ตทา เชฏฺวฑฺฒกี หุตฺวา ‘‘เอถ, โภ, อนาคเต สุขปฏิชคฺคิยํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รชฺชุํ อาทาย ปริกฺขิปนฺโต คาวุตมตฺตเก ตฺวา ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ โยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติ. เตน กมฺเมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อฺเหิ หีนตรปฺปมาโณ อโหสิ. โส อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติ. ‘‘ภทฺทิโย’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถริ เชตวนมหาวิหาเร ปฏิวสนฺเต วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค อริยวรคณมชฺเฌ นิสินฺโน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรวตฺถุ
๑๙๕. อฏฺเม ¶ สีหนาทิกานนฺติ สีหนาทํ นทนฺตานํ. ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ โส กิร อรหตฺตํ ปตฺตทิวเส อวาปุรณํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ ปริเวเณน ปริเวณํ คนฺตฺวา ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต วิจริ. พุทฺธานมฺปิ ปุรโต ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ¶ , ภนฺเต, สาสเน กตพฺพกิจฺจํ มยฺหํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ สีหนาทํ นทิ. ตสฺมา สีหนาทิกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ปฺหกมฺเม ปนสฺส อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ ¶ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปพฺพตปาเท สีหโยนิยํ นิพฺพตฺโต. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส เหตุสมฺปตฺตึ ทิสฺวา หํสวติยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สีเห โคจราย ปกฺกนฺเต ตสฺส วสนคุหํ ปวิสิตฺวา อากาเส ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สีโห โคจรํ ลภิตฺวา นิวตฺโต คุหาทฺวาเร ิโต อนฺโตคุหายํ ทสพลํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘มม วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา อฺโ สตฺโต นิสีทิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, มหนฺโต วตายํ ปุริโส, โย อนฺโตคุหายํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน. สรีรปฺปภาปิสฺส สมนฺตา ผริตฺวา คตา, มยา เอวรูปํ อจฺฉริยํ นทิฏฺปุพฺพํ. อยํ ปุริโส อิมสฺมึ โลเก ปูชเนยฺยานํ อคฺโค ภวิสฺสติ, มยาปิสฺส ยถาสตฺติ ยถาพลํ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ชลชถลชานิ นานากุสุมานิ อาหริตฺวา ภูมิโต ยาว นิสินฺนปลฺลงฺกฏฺานา ปุปฺผาสนํ สนฺถริตฺวา สพฺพรตฺตึ สมฺมุขฏฺาเน ตถาคตํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. ปุนทิวเส ปุราณปุปฺผานิ อปเนตฺวา นวปุปฺเผหิ อาสนํ สนฺถริ.
เอเตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา พลวปีติโสมนสฺสํ นิพฺพตฺเตตฺวา คุหาทฺวาเร อารกฺขํ คณฺหิ. สตฺตเม ทิวเส สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย คุหาทฺวาเร อฏฺาสิ. สีโหปิ มิคราชา ตถาคตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ปฏิกฺกมิตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เอตฺตโก อุปนิสฺสโย เอตสฺสา’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา วิหารเมว คโต.
โสปิ สีโห พุทฺธวิโยเคน ทุกฺขิโต กาลํ กตฺวา หํสวตีนคเร มหาสาลกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา วยปฺปตฺโต เอกทิวสํ นครวาสีหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ ¶ เอกํ ¶ ภิกฺขุํ สีหนาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา วุตฺตนเยเนว สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตตฺถ กาลกโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ ¶ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. นาเมน ภารทฺวาโช นาม อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปฺจ มาณวสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต วิจรติ. โส อตฺตโน เชฏฺกภาเวน นิมนฺตนฏฺาเนสุ สพฺเพสํ ภิกฺขํ สยเมว สมฺปฏิจฺฉิ. เอโส กิร อีสกํ โลลธาตุโก อโหสิ. โส เตหิ มาณเวหิ สทฺธึ ‘‘กุหึ ยาคุ กุหึ ภตฺต’’นฺติ ยาคุภตฺตขชฺชกาเนว ปริเยสมาโน จรติ. โส คตคตฏฺาเน ปิณฺฑเมว ปฏิมาเนนฺโต จรตีติ ปิณฺโฑลภารทฺวาโชเตว ปฺายิ.
โส เอกทิวสํ สตฺถริ ราชคหมนุปฺปตฺเต ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตํ ปตฺตเวลายเมว อวาปุรณํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ ปริเวเณน ปริเวณํ คนฺตฺวา ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต วิจริ. โส เอกทิวสํ ราชคหเสฏฺินา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา อากาเส ลคฺคิตํ ชยสุมนวณฺณํ จนฺทนสารปตฺตํ อิทฺธิยา อาทาย สาธุการํ ททนฺเตน มหาชเนน ปริวุโต วิหารํ อาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ชานนฺโตว ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘กุโต เต, ภารทฺวาช, อยํ ปตฺโต ลทฺโธ’’ติ? โส ลทฺธการณํ กเถสิ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ เอวรูปํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มหาชนสฺส ทสฺเสสิ, อกตฺตพฺพํ ตยา กต’’นฺติ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, คิหีนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ ¶ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตพฺพํ, โย ทสฺเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๕๒) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ.
อถ ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ – ‘‘สีหนาทิยตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺตทิวเส ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ ‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’ติ กเถสิ. พุทฺธานมฺปิ สมฺมุเข อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ กเถสิ, อฺเ สาวกา ตุณฺหี อเหสุํ. อตฺตโน สีหนาทิยภาเวเนว มหาชนสฺส ปสาทํ ชเนตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา จนฺทนสารปตฺตฺจ คณฺหี’’ติ. เต ภิกฺขู อิเม ตโยปิ คุเณ เอกโต กตฺวา สตฺถุ กถยึสุ. พุทฺธา จ นาม ครหิตพฺพยุตฺตกํ ครหนฺติ, ปสํสิตพฺพยุตฺตกํ ปสํสนฺตีติ อิมสฺมึ าเน เถรสฺส ปสํสิตพฺพยุตฺตเมว องฺคํ คเหตฺวา ‘‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ¶ ภารทฺวาโช ภิกฺขุ อฺํ พฺยากาสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ ¶ , นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ. กตเมสํ ติณฺณํ? สตินฺทฺริยสฺส, สมาธินฺทฺริยสฺส, ปฺินฺทฺริยสฺส. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ อินฺทฺริยานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ภารทฺวาโช ภิกฺขุ อฺํ พฺยากาสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๙) เถรํ ปสํสิตฺวา สีหนาทิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
มนฺตาณิปุตฺตปุณฺณตฺเถรวตฺถุ
๑๙๖. นวเม ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโตติ นาเมน ปุณฺโณ, มนฺตาณิพฺราหฺมณิยา ปน โส ปุตฺโตติ มนฺตาณิปุตฺโต. ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส โคตโมติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ โกวิโท หุตฺวา ปฺจมาณวกสตปริวาโร ¶ วิจรนฺโต ตโยปิ เวเท โอโลเกตฺวา โมกฺขธมฺมํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ เวทตฺตยํ นาม กทลิกฺขนฺโธ วิย พหิ มฏฺํ อนฺโต นิสฺสารํ, อิมํ คเหตฺวา วิจรณํ ถุสโกฏฺฏนสทิสํ โหติ. กึ เม อิมินา’’ติ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมวิหาเร นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลโกกูปปนฺโน ภวิสฺสามี’’ติ ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส ปริวารานิ อฏฺารสฺส ชฏิลสหสฺสานิ อเหสุํ. โส ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสมฺปิ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺเพปิ ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
อทฺธาเน อติกฺกนฺเต ตสฺส โคตมตาปสสฺส มหลฺลกกาเล ปทุมุตฺตรทสพโล ปมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. โส เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต โคตมตาปสสฺส ปริสาย ¶ อรหตฺตูปนิสฺสยํ โคตมตาปสสฺส จ ‘‘อหํ อนาคเต อุปฺปชฺชมานกพุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนภาวฺจ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรํ สยเมว คเหตฺวา อฺาตกเวเสน โคตมตาปสสฺส อนฺเตวาสิเกสุ วนมูลผลาผลตฺถาย คเตสุ คนฺตฺวา โคตมสฺส ปณฺณสาลาทฺวาเร อฏฺาสิ. โคตโม พุทฺธานํ อุปฺปนฺนภาวํ อชานนฺโตปิ ทูรโตว ทสพลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส โลกโต มุตฺโต หุตฺวา ปฺายติ, ยถา อสฺส ¶ สรีรนิปฺผตฺติ เยหิ จ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารมชฺเฌ วา ติฏฺนฺโต จกฺกวตฺตี ราชา โหติ, ปพฺพชนฺโต วา วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุพุทฺโธ โหตี’’ติ ตฺวา ปมทสฺสเนเนว ทสพลํ อภิวาเทตฺวา ‘‘อิโต เอถ ภควา’’ติ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ตถาคโต ตาปสสฺส ธมฺมํ เทสยมาโน นิสีทิ.
ตสฺมึ ¶ สมเย เต ชฏิลา ‘‘ปณีตปณีตํ วนมูลผลาผลํ อาจริยสฺส ทตฺวา เสสกํ ปริภฺุชิสฺสามา’’ติ อาคจฺฉนฺตา ทสพลํ อุจฺจาสเน, อาจริยํ ปน นีจาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก อมฺหากํ อาจริเยน อุตฺตริตโร นตฺถี’ติ วิจราม. อิทานิ ปน โน อาจริยํ นีจาสเน นิสีทาเปตฺวา อุจฺจาสเน นิสินฺนโก เอโก ปฺายติ, มหนฺโต วตายํ ปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ ปิฏกานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ. โคตมตาปโส ‘‘อิเม มํ ทสพลสฺส สนฺติเก วนฺเทยฺยุ’’นฺติ ภีโต ทูรโต อาห – ‘‘ตาตา, มา มํ วนฺทิตฺถ, สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล สพฺเพสํ วนฺทนารโห ปุริโส อิธ นิสินฺโน, เอตํ วนฺทถา’’ติ. ตาปสา ‘‘น อชานิตฺวา อาจริโย กเถสฺสตี’’ติ สพฺเพว ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทึสุ. ‘‘ตาตา, อมฺหากํ อฺํ ทสพลสฺส ทาตพฺพยุตฺตกํ โภชนํ นตฺถิ, อิมํ วนมูลผลาผลํ ทสฺสามา’’ติ ปณีตปณีตํ พุทฺธานํ ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิ. ตทนนฺตรํ ตาปโสปิ สทฺธึ อนฺเตวาสิเกหิ ปริภฺุชิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสตสหสฺสํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺมึ ขเณ อคฺคสาวโก มหาเทวลตฺเถโร ‘‘กหํ นุ โข สตฺถา ¶ คโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สตฺถา อมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ ภิกฺขุสตสหสฺสํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นมสฺสมาโน อฏฺาสิ.
โคตโม อนฺเตวาสิเก อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ อฺโ สกฺกาโร นตฺถิ, ภิกฺขุสงฺโฆ ทุกฺเขน ิโต. พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสฺสาม, ชลชถลชปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. เต ตาวเทว ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อิทฺธิยา อาหริตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว อาสนานิ ปฺาปยึสุ. นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนมฺปิ ฉตฺตธารณมฺปิ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สตฺถา สตฺตเม ทิวเส นิโรธโต ¶ วุฏฺาย ปริวาเรตฺวา ิเต ตาปเส ทิสฺวา ธมฺมกถิกภาเว เอตทคฺคปฺปตฺตํ สาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมินา ภิกฺขุ อิสิคเณน มหาสกฺกาโร กโต, เอเตสํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ ¶ กโรหี’’ติ. โส สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาปริโยสาเน สตฺถา สยํ พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา โคตมตาปสํ เสสา อฏฺารส สหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
โคตโม ปน เตนตฺตภาเวน ปฏิเวธํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภควา เยน ภิกฺขุนา ปมํ ธมฺโม เทสิโต, โก นาม อยํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติ? อยํ โคตม มยฺหํ สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโคติ. ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, อิมสฺส สตฺต ทิวสานิ กตสฺส อธิการสฺส ผเลน อยํ ภิกฺขุ วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา อนนฺตราเยนสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา เต อรหตฺตปฺปตฺเต ตาปเส ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ อนฺตรหิตเกสมสฺสู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรสทิสา ¶ อเหสุํ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมาทาย วิหารํ คโต.
โคตโมปิ ยาวชีวํ ตถาคตํ ปริจริตฺวา ยถาพลํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุพฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ปุณฺณมาณโวติ นามํ อกํสุ. สตฺถริ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน อาคนฺตฺวา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ ปุณฺณมาณวํ ปพฺพาเชตฺวา ปุนทิวเส ทสพลสฺส ¶ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา นิวาสตฺถาย ฉทฺทนฺตทหํ คโต. ปุณฺโณปิ มนฺตาณิปุตฺโต มาตุเลน อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถเรน สทฺธึ ทสพลสฺส สนฺติกํ อคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาว ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ กปิลวตฺถุสฺมึเยว โอหีโน โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตกุลปุตฺตาปิ ปฺจสตา อเหสุํ. เถโร สยํ ทสกถาวตฺถุลาภิตาย เตปิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ โอวทติ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺเพว อรหตฺตํ ปตฺตา.
เต ¶ อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ ตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, ทสนฺนฺจ มหากถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติ. เถโร เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม ทสกถาวตฺถุลาภิตํ สตฺถา ชานาติ, อหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ อมฺุจนฺโตว เทเสมิ. มยิ คจฺฉนฺเต สพฺเพปิเม ภิกฺขู ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ คณสงฺคณิกาย คนฺตฺวา ปน อยุตฺตํ มยฺหํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว คนฺตฺวา ปสฺสนฺตู’’ติ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คนฺตฺวา ตถาคตํ ปสฺสถ, มม วจเนน ทสพลสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมคฺเคน คมิสฺสามี’’ติ.
เต เถรา สพฺเพปิ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฏฺวาสิโน สพฺเพ ขีณาสวา สพฺเพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ อภินฺทิตฺวา อนุปุพฺเพน ¶ จาริกํ จรนฺตา สฏฺิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิตุนฺติ ¶ ภควา เตหิ สทฺธึ ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีหิ เอวํ สมฺภาวิโต อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’ติ ทสกถาวตฺถุลาภึ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ อาโรจยึสุ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺโต เถรสฺส ทสฺสนกาโม อโหสิ.
อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถึ อคมาสิ. ปุณฺณตฺเถโร ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฏิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตสฺส คมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉิ. เถโรปิสฺส ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ พฺยากาสิ. เต อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสุ. อถ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
มหากจฺจานตฺเถรวตฺถุ
๑๙๗. ทสเม ¶ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺสาติ สํขิตฺเตน กถิตธมฺมสฺส. วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานนฺติ ตํ เทสนํ วิตฺถาเรตฺวา อตฺถํ วิภชมานานํ. อฺเ กิร ตถาคตสฺส สงฺเขปวจนํ อตฺถวเสน วา ปูเรตุํ ¶ สกฺโกนฺติ พฺยฺชนวเสน วา, อยํ ปน เถโร อุภยวเสนปิ สกฺโกติ. ตสฺมา อคฺโคติ วุตฺโต. ปุพฺพปตฺถนาปิ จสฺส เอวรูปาว.
อยํ ¶ ปนสฺส ปฺหกมฺเม อนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิปฺปตฺโต เอกทิวสํ วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ อตฺตนา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘มหนฺโต วตายํ ภิกฺขุ, ยํ สตฺถา เอวํ วณฺเณติ, มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา วุตฺตนเยเนว สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส สกฺการสฺส ผเลน น อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ตุมฺเหหิ านนฺตเร ปิตภิกฺขุ วิย อหมฺปิ ตํ านนฺตรํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกนฺโต ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส กุลปุตฺตสฺส ปตฺถนา’’ติ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, กุลปุตฺต, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สุวณฺณเจติยกรณฏฺานํ คนฺตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณิฏฺกาย ปูชํ กตฺวา ‘‘ภควา มยฺหํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตโต ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ ¶ สํสริตฺวา อมฺหากํ ทสพลสฺส อุปฺปตฺติกาเล อุชฺเชนินคเร ปุโรหิตสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต สุวณฺณวณฺณสรีโร อตฺตนาว อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ กฺจนมาณโวเตวสฺส นามํ อกํสุ ¶ . โส วุทฺธิมนฺวาย ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ ลภิ. โส โคตฺตวเสน กจฺจาโน นาม ชาโต.
จณฺฑปชฺโชตราชา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘พุทฺโธ โลเก นิพฺพตฺโต, ตํ อาเนตุํ สมตฺถา คนฺตฺวา อาเนถ ตาตา’’ติ. เทว, อฺโ ทสพลํ อาเนตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อาจริโย กจฺจานพฺราหฺมโณว ¶ สมตฺโถ, ตํ ปหิณถาติ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ทสพลสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ อาห. คนฺตฺวา ปพฺพชิตุํ ลภนฺโต คมิสฺสามิ, มหาราชาติ. ยํกิฺจิ กตฺวา ตถาคตํ อาเนหิ, ตาตาติ. โส ‘‘พุทฺธานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส มหาปริสาย กมฺมํ นตฺถี’’ติ อตฺตฏฺโม อคมาสิ. อถสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สทฺธึ สตฺตหิ ชเนหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตํขณํเยว สพฺเพว อนฺตรหิตเกสมสฺสู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย ชาตา.
เถโร อตฺตโน กิจฺเจ มตฺถกํ ปตฺเต ตุณฺหีภาเวน อนิสีทิตฺวา กาฬุทายิตฺเถโร วิย สตฺถุ อุชฺเชนิคมนตฺถาย คมนวณฺณํ กเถสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘กจฺจาโน อตฺตโน ชาติภูมิยํ มม คมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อฺาสิ. พุทฺธา จ นาม เอกํ การณํ ปฏิจฺจ คนฺตุํ อยุตฺตฏฺานํ น คจฺฉนฺติ. ตสฺมา เถรํ อาห – ‘‘ตฺวํเยว ภิกฺขุ คจฺฉ, ตยิ คเตปิ ราชา ปสีทิสฺสตี’’ติ. เถโร ‘‘พุทฺธานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถี’’ติ ตถาคตํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา สทฺธึ อาคเตหิ สตฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุชฺเชนึ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เตลปนาฬิ นาม นิคโม, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริ. ตสฺมึ จ นิคเม ทฺเว เสฏฺิธีตโร. ตาสุ เอกา ปริชิณฺณกุเล นิพฺพตฺตา ทุคฺคตา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ธาตึ นิสฺสาย ชีวติ. อตฺตภาโว ปนสฺสา สมิทฺโธ, เกสา อฺาหิ อติวิย ทีฆา. ตสฺมึเยว นิคเม อฺา อิสฺสรเสฏฺิกุลสฺส ธีตา นิกฺเกสิกา. สา ตโต ปุพฺเพ ตสฺสา สมีปํ เปเสตฺวา ‘‘สตํ วา สหสฺสํ วา ทสฺสามี’’ติ วตฺวาปิ เกเส อาหราเปตุํ นาสกฺขิ.
ตสฺมึ ปน ทิวเส สา เสฏฺิธีตา มหากจฺจานตฺเถรํ สตฺตหิ ภิกฺขูหิ ปริวุตํ ตุจฺฉปตฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สุวณฺณวณฺโณ เอโก พฺรหฺมพนฺธุภิกฺขุ ยถาโธเตเนว ปตฺเตน อาคจฺฉติ, มยฺหฺจ อฺํ ธนํ นตฺถิ. อสุกเสฏฺิธีตา ปน อิเมสํ เกสานํ อตฺถาย เปเสสิ. อิทานิ อิโต ¶ ลทฺธอุปฺปาเทน สกฺกา เถรสฺส เทยฺยธมฺมํ ทาตุ’’นฺติ ธาตึ เปเสตฺวา เถเร นิมนฺเตตฺวา อนฺโตเคเห นิสีทาเปสิ. เถรานํ นิสินฺนกาเล คพฺภํ ปวิสิตฺวา ธาติยา อตฺตโน เกเส กปฺปาเปตฺวา, ‘‘อมฺม ¶ , อิเม เกเส อสุกาย นาม เสฏฺิธีตาย ทตฺวา ยํ สา เทติ, ตํ อาหร, อยฺยานํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ. ธาติ ปิฏฺิหตฺเถน อสฺสูนิ ปฺุฉิตฺวา เอเกน หตฺเถน หทยมํสํ สนฺธาเรตฺวา เถรานํ สนฺติเก ปฏิจฺฉาเทตฺวา เต เกเส อาทาย ตสฺสา เสฏฺิธีตาย สนฺติกํ คตา.
ปณิยํ นาม สารวนฺตมฺปิ สยํ อุปนีตํ คารวํ น ชเนติ, ตสฺมา สา เสฏฺิธีตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ พหุนาปิ ธเนน อิเม เกเส อาหราเปตุํ นาสกฺขึ, อิทานิ ปน ฉินฺนกาลโต ปฏฺาย น ยถามูลเมว ลภิสฺสตี’’ติ ¶ . ธาตึ อาห – ‘‘อหํ ปุพฺเพ ตว สามินึ พหุนาปิ ธเนน เกเส อาหราเปตุํ นาสกฺขึ, ยตฺถ กตฺถจิ วินิปาตา ปน นิชฺชีวเกสา นาม อฏฺ กหาปเณ อคฺฆนฺตี’’ติ อฏฺเว กหาปเณ อทาสิ. ธาติ กหาปเณ อาหริตฺวา เสฏฺิธีตาย อทาสิ. เสฏฺิธีตา เอเกกํ ปิณฺฑปาตํ เอเกกกหาปณคฺฆนกํ กตฺวา เถรานํ ทาเปสิ. เถโร อาวชฺชิตฺวา เสฏฺิธีตาย อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘กหํ เสฏฺิธีตา’’ติ ปุจฺฉิ. คพฺเภ, อยฺยาติ. ปกฺโกสถ นนฺติ. สา จ เถเรสุ คารเวน เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา พลวสทฺธํ อุปฺปาเทสิ. สุเขตฺเต ปติฏฺิตปิณฺฑปาโต ทิฏฺเว ธมฺเม วิปากํ เทตีติ สห เถรานํ วนฺทเนน เกสา ปกติภาเวเยว อฏฺํสุ. เถราปิ ตํ ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา ปสฺสนฺติยาเยว เสฏฺิธีตาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กฺจนวนุยฺยาเน โอตรึสุ.
อุยฺยานปาโล เถรํ ทิสฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, เม อยฺโย ปุโรหิโต กจฺจาโน ปพฺพชิตฺวา อุยฺยานมาคโต’’ติ อาห. ราชา จณฺฑปชฺโชโต อุยฺยานํ คนฺตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กหํ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา สยํ อนาคนฺตฺวา มํ เปเสสิ มหาราชาติ. กหํ, ภนฺเต, อชฺช ภิกฺขํ อลตฺถาติ? เถโร รฺโ ปุจฺฉาสภาเคน สพฺพํ เสฏฺิธีตาย กตํ ทุกฺกรํ อาโรเจสิ. ราชา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปฏิยาเทตฺวา เถรํ นิมนฺเตตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา เสฏฺิธีตรํ อาณาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. อิมิสฺสา อิตฺถิยา ทิฏฺธมฺมิโกว ยสปฏิลาโภ อโหสิ.
ตโต ¶ ¶ ปฏฺาย ราชา เถรสฺส มหาสกฺการํ กโรติ. เถรสฺส ธมฺมกถาย ปสีทิตฺวา มหาชโน เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. ตโต ปฏฺาย สกลนครํ เอกกาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ ¶ อโหสิ. สาปิ เทวี คพฺภํ ลภิตฺวา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส โคปาลกุมาโรติ มาตามหเสฏฺิโน นามํ อกํสุ. สา ปุตฺตสฺส นามวเสน โคปาลมาตา นาม เทวี ชาตา. สา เทวี เถเร อติวิย ปสีทิตฺวา ราชานํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา กฺจนวนุยฺยาเน เถรสฺส วิหารํ กาเรสิ. เถโร อุชฺเชนินครํ ปสาเทตฺวา ปุน สตฺถุ สนฺติกํ คโต. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน วิหรนฺโต มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๙๙ อาทโย) กจฺจานเปยฺยาลํ (ม. นิ. ๓.๒๗๙ อาทโย) ปารายนสุตฺตนฺติ อิเม ตโย สุตฺตนฺเต อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ปมวคฺควณฺณนา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๒. ทุติยเอตทคฺควคฺโค
จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
๑๙๘-๒๐๐. ทุติยสฺส ¶ ปเม มโนมยนฺติ มเนน นิพฺพตฺติตํ. ‘‘มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมี’’ติ (เถรคา. ๙๐๑) วุตฺตฏฺานสฺมิฺหิ มเนน กตกาโย มโนมยกาโย นาม ชาโต. ‘‘อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปชฺชตี’’ติ (จูฬว. ๓๓๓) วุตฺตฏฺาเน มเนน นิพฺพตฺติตกาโย มโนมยกาโย นาม ชาโต. อยมิธ อธิปฺเปโต. ตตฺถ อฺเ ภิกฺขู มโนมยํ กายํ นิพฺพตฺเตนฺตา ตโย ¶ วา จตฺตาโร วา นิพฺพตฺเตนฺติ, น พหุเก. เอกสทิเสเยว จ กตฺวา นิพฺพตฺเตนฺติ เอกวิธเมว กมฺมํ กุรุมาเน. จูฬปนฺถกตฺเถโร ปน เอกาวชฺชเนน สมณสหสฺสํ มาเปสิ. ทฺเวปิ จ ชเน น เอกสทิเส อกาสิ น เอกวิธํ กมฺมํ กุรุมาเน. ตสฺมา มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
เจโตวิวฏฺฏกุสลานมฺปิ ¶ จูฬปนฺถโกว อคฺโค, สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ ปน มหาปนฺถกตฺเถโร อคฺโคติ วุตฺโต. ตตฺถ จูฬปนฺถกตฺเถโร จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย ‘‘เจโตวิวฏฺฏกุสโล’’ติ วุตฺโต, มหาปนฺถกตฺเถโร จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย ‘‘สฺาวิวฏฺฏกุสโล’’ติ วุตฺโต. จูฬปนฺถโก จ สมาธิกุสลตาย เจโตวิวฏฺฏกุสโล นาม, มหาปนฺถโก วิปสฺสนากุสลตาย สฺาวิวฏฺฏกุสโล นาม. เอโก เจตฺถ สมาธิลกฺขเณ เฉโก, เอโก วิปสฺสนาลกฺขเณ. ตถา เอโก สมาธิคาฬฺโห, เอโก วิปสฺสนาคาฬฺโห. เอโก เจตฺถ องฺคสํขิตฺเต เฉโก, เอโก อารมฺมณสํขิตฺเต. ตถา เอโก องฺคววตฺถาเน เฉโก, เอโก อารมฺมณววตฺถาเนติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา.
อปิจ จูฬปนฺถกตฺเถโร รูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ เจโตวิวฏฺฏกุสโล, มหาปนฺถโก อรูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ ¶ สฺาวิวฏฺฏกุสโล. อุโภปิ ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถกา นาม ชาตา. เตสํ ปมชาโต มหาปนฺถโก นาม, ปจฺฉาชาโต จูฬปนฺถโก นาม.
อิเมสํ ปน อุภินฺนมฺปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อตีเต กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนครวาสิโน ¶ ทฺเว ภาติกา กุฏุมฺพิกา สทฺธา ปสนฺนา นิพทฺธํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ. เตสุ เอกทิวสํ กนิฏฺโ สตฺถารํ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ ภิกฺขุํ ‘‘มม สาสเน มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ เจโตวิวฏฺฏกุสลานฺจ อยํ ภิกฺขุ อคฺโค’’ติ เอตทคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มหา วตายํ ภิกฺขุ เอโก หุตฺวา ทฺเว องฺคานิ ปริปูเรตฺวา จรติ, มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน องฺคทฺวยปูรเกน หุตฺวา วิจริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ปุริมนเยเนว สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุํ ตุมฺเห อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก มโนมยงฺเคน จ เจโตวิวฏฺฏกุสลงฺเคน จ ‘อยํ มม สาสเน อคฺโค’ติ เอตทคฺเค ปยิตฺถ, อหมฺปิ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺส ผเลน โส ภิกฺขุ วิย องฺคทฺวยปูรโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ.
สตฺถา ¶ อนาคตํ โอโลเกตฺวา อนนฺตราเยนสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, โส ตํ อิมสฺมึ านทฺวเย เปสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. ภาตาปิสฺส เอกทิวสํ สตฺถารํ สฺาวิวฏฺฏกุสลํ ภิกฺขุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตเถว อธิการํ กตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, สตฺถาปิ ตํ พฺยากาสิ.
เต อุโภปิ ชนา สตฺถริ ธรมาเน กุสลกมฺมํ กริตฺวา สตฺถุ ปรินิพฺพุตกาเล สรีรเจติเย สุวณฺณปูชํ กตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เตสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตานํเยว กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกนฺตํ. ตตฺถ มหาปนฺถกสฺส อนฺตรา กตกลฺยาณกมฺมํ น กถิยติ, จูฬปนฺถโก ปน กสฺสปภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ¶ โอทาตกสิณกมฺมํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺติ. อถ อมฺหากํ สตฺถา อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวนมหาวิหาเร ปฏิวสติ.
อิมสฺมึ าเน ตฺวา อิเมสํ ทฺวินฺนํ นิพฺพตฺตึ กเถตุํ วฏฺฏติ. ราชคเห กิร ธนเสฏฺิกุลสฺส ธีตา ¶ อตฺตโน ทาเสเนว สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา ‘‘อฺเปิ เม อิมํ กมฺมํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺเหหิ อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา, สเจ เม มาตาปิตโร อิมํ โทสํ ชานิสฺสนฺติ, ขณฺฑาขณฺฑํ กริสฺสนฺติ, วิเทสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ หตฺถสารํ คเหตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา อฺเหิ อชานนฏฺานํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ อุโภปิ อคมํสุ.
เตสํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ สํวาสมนฺวาย ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺภสฺส ปริปากํ อาคมฺม สามิเกน สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘คพฺโภ เม ปริปากํ คโต, าติมิตฺตาทิวิรหิเต าเน คพฺภวุฏฺานํ นาม อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ทุกฺขเมว, กุลเคหเมว คจฺฉามา’’ติ. โส ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ทิวเส อติกฺกมาเปสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พาโล อตฺตโน โทสมหนฺตาย คนฺตุํ น อุสฺสหติ, มาตาปิตโร จ นาม เอกนฺตหิตา, อยํ คจฺฉตุ วา มา วา, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตสฺมึ เคหา นิกฺขนฺเต สา เคเห ปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อนนฺตรเคหวาสีนํ อาโรเจตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อถ ¶ โส ปุริโส ฆรํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุลฆรํ คตา’’ติ สุตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อนฺตรามคฺเค ¶ สมฺปาปุณิ. ตสฺสาปิ ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิทํ ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิ. สามิ เอโก ปุตฺโต ชาโตติ. อิทานิ กึ กริสฺสามาติ? ยสฺส อตฺถาย มยํ กุลฆรํ คจฺฉาม, ตํ กมฺมํ อนฺตราว นิปฺผนฺนํ, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสาม, นิวตฺตามาติ ทฺเวปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. ตสฺส ทารกสฺส จ ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถโกติ นามํ อกํสุ. ตสฺสา นจิรสฺเสว อปโรปิ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สพฺพํ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตสฺสปิ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปมชาตสฺส มหาปนฺถโกติ นามํ กตฺวา ปจฺฉาชาตสฺส จูฬปนฺถโกติ นามํ อกํสุ.
เต ทฺเวปิ ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ อยํ มหาปนฺถกทารโก อฺเ ทารกชเน ‘‘จูฬปิตา มหาปิตา อยฺยโก อยฺยิกา’’ติ วทนฺเต สุตฺวา มาตรํ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, อฺเ ทารกา กเถนฺติ ‘อยฺยโก อยฺยิกา’ติ, กึ อมฺหากํ าตกา นตฺถี’’ติ? อาม, ตาต, ตุมฺหากํ เอตฺถ าตกา นตฺถิ, ราชคหนคเร ปน โว ¶ ธนเสฏฺิ นาม อยฺยโก, ตตฺถ ตุมฺหากํ พหู าตกาติ. กสฺมา ตตฺถ น คจฺฉถ อมฺมาติ? สา อตฺตโน อคมนการณํ ปุตฺตสฺส อกเถตฺวา ปุตฺเตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ สามิกมาห – ‘‘อิเม ทารกา อติวิย มํ กิลเมนฺติ, กึ โน มาตาปิตโร ทิสฺวา มํสํ ขาทิสฺสนฺติ, เอหิ ทารกานํ อยฺยกกุลํ ทสฺเสมา’’ติ. อหํ สมฺมุขา ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตํ ปน นยิสฺสามีติ. ‘‘สาธุ สามิ, เยน เกนจิ อุปาเยน ทารกานํ อยฺยกกุลเมว ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ ทฺเวปิ ชนา ทารเก อาทาย ¶ อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปตฺวา นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย นิวาสํ กตฺวา ทารกมาตา ทฺเว ทารเก คเหตฺวา อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรจาเปสิ.
เต ตํ สาสนํ สุตฺวา สํสาเร สํสรนฺตานํ น ปุตฺโต น ธีตา นาม นตฺถิ, เต อมฺหากํ มหาปราธิกา, น สกฺกา เตหิ อมฺหากํ จกฺขุปเถ าตุํ. เอตฺตกํ ปน ธนํ คเหตฺวา ทฺเวปิ ชนา ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวนฺตุ, ทารเก ปน อิธ เปเสนฺตูติ. เสฏฺิธีตา มาตาปิตูหิ เปสิตํ ธนํ คเหตฺวา ทารเก อาคตทูตานํ หตฺเถเยว ทตฺวา เปเสสิ ¶ . ทารกา อยฺยกกุเล วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร, มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ทสพลสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉติ. ตสฺส นิจฺจํ สตฺถุ สมฺมุเข ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส อยฺยกํ อาห – ‘‘สเจ ตุมฺเห อนุชาเนยฺยาถ, อหํ ปพฺพชฺเชยฺย’’นฺติ. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, มยฺหํ สกลโลกสฺสปิ ปพฺพชฺชโต ตเวว ปพฺพชฺชา ภทฺทิกา. สเจ สกฺโกสิ, ปพฺพช, ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คโต. สตฺถา ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, ทารโก เต ลทฺโธ’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อยํ ทารโก มยฺหํ นตฺตา, ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชามีติ วทตี’’ติ อาห.
สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ อาณาเปสิ. เถโร ตสฺส ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิ. อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิติ โส สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ อคฺโค ชาโต. โส ฌานสุเขน ผลสุเขน ¶ วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สกฺกา นุ โข อิมํ สุขํ จูฬปนฺถกสฺส ทาตุ’’นฺติ. ตโต อยฺยกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ สเจ ตุมฺเห สมฺปฏิจฺฉถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ อาห. ปพฺพาเชถ, ภนฺเตติ ¶ . เถโร จูฬปนฺถกทารกํ ปพฺพาเชตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. จูฬปนฺถกสามเณโร ภาติกสฺส สนฺติเก.
‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ,
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ คาถํ คณฺหาติ. คหิตคหิตปทํ อุปรูปริปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. ตสฺส อิมํ คาถํ คเหตุํ วายมนฺตสฺเสว จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา. อถ นํ มหาปนฺถโก อาห – ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกคาถมฺปิ คเหตุํ น สกฺโกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ ¶ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ. โส เถเรน ปณามิโต วิหารปจฺจนฺเต โรทมาโน อฏฺาสิ.
เตน สมเยน สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ชีวกมฺพวเน วิหรติ. ตสฺมึ สมเย ชีวโก ปุริสํ เปเสสิ ‘‘ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สตฺถารํ นิมนฺเตหี’’ติ. เตน โข ปน สมเยน มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. โส ‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขํ สมฺปฏิจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺโต ‘‘จูฬปนฺถกํ เปตฺวา เสสานํ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ อาห. จูฬปนฺถโก ¶ ตํ กถํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย โทมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. สตฺถา จูฬปนฺถกสฺส เขทํ ทิสฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก มยิ คเต พุชฺฌิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา อวิทูเร าเน อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ ตฺวํ, ปนฺถก, โรทสี’’ติ อาห. ภาตา มํ, ภนฺเต, ปณาเมตีติ. ปนฺถก, ตุยฺหํ ภาติกสฺส ปรปุคฺคลานํ อาสยานุสยาณํ นตฺถิ, ตฺวํ พุทฺธเวเนยฺยปุคฺคโล นามาติ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา สุทฺธํ โจฬขณฺฑํ อทาสิ ‘‘อิมํ คเหตฺวา ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ วตฺวา ภาเวหิ ปนฺถกา’’ติ.
โส สตฺถารา ทินฺนํ โจฬขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ รโชหรณ’’นฺติ หตฺเถน ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺส ปริมชฺชนฺตสฺส โลมานิ กิลิฏฺธาตุกานิ ชาตานิ. ปุน ปริมชฺชนฺตสฺส อุกฺขลิปริปฺุฉนสทิสํ ¶ ชาตํ. โส าณปริปากํ อาคมฺม ตตฺถ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ โจฬขณฺฑํ ปกติยา ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ, อุปาทินฺนกสรีรํ นิสฺสาย กิลิฏฺํ ชาตํ, อิทํ จิตฺตมฺปิ เอวํคติกเมวา’’ติ. สมาธึ ภาเวตฺวา จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส มโนมยชฺฌานลาภี หุตฺวา เอโก หุตฺวา พหุธา, พหุธา หุตฺวา เอโก ภวิตุํ สมตฺโถ อโหสิ. อรหตฺตมคฺเคเนว จสฺส เตปิฏกฺจ ฉ อภิฺา จ อาคมึสุ.
ปุนทิวเส สตฺถา เอกูเนหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ชีวกสฺส นิเวสเน นิสีทิ. จูฬปนฺถโก ปน อตฺตโน ภิกฺขาย อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตาเยว น คโต. ชีวโก ยาคุํ ทาตุํ อารภิ, สตฺถา หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. กสฺมา, ภนฺเต, น คณฺหถาติ? วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถิ ชีวกาติ ¶ . โส ปุริสํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ, ภเณ, วิหาเร นิสินฺนํ อยฺยํ คเหตฺวา เอหี’’ติ. จูฬปนฺถกตฺเถโรปิ ตสฺส ปุริสสฺส ปุเร อาคมนาเยว ภิกฺขุสหสฺสํ ¶ นิมฺมินิตฺวา เอกมฺปิ เอเกน อสทิสํ, เอกสฺสปิ จ จีวรวิจารณาทิสมณกมฺมํ อฺเน อสทิสํ อกาสิ. โส ปุริโส วิหาเร ภิกฺขูนํ พหุภาวํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขุสงฺโฆ พหุตโร, ตโต ปกฺโกสิตพฺพํ ภทนฺตํ น ชานามี’’ติ. ชีวโก สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘โกนาโม, ภนฺเต, วิหาเร นิสินฺนภิกฺขู’’ติ? จูฬปนฺถโก นาม ชีวกาติ. คจฺฉ โภ ‘‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาเนหีติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก นาม, ภนฺเต, กตโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ ภิกฺขุสหสฺสมฺปิ กเถสิ. โส ปุนาคนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ ‘‘สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู สพฺเพปิ ‘อหํ จูฬปนฺถโก อหํ จูฬปนฺถโก’ติ กเถนฺติ, อหํ ‘อสุโก นาม ปกฺโกสิตพฺโพ’ติ น ชานามี’’ติ. ชีวโกปิ ปฏิวิทฺธสจฺจตาย ‘‘อิทฺธิมา ภิกฺขู’’ติ นยโต ตฺวา ‘‘ปมํ กถนภิกฺขุเมว ‘ตุมฺเห สตฺถา ปกฺโกสตี’ติ วตฺวา จีวรกณฺเณ คณฺห ตาตา’’ติ อาห. โส วิหารํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ, ตาวเทว สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. โส เถรํ คเหตฺวา อคมาสิ. สตฺถา ตสฺมึ ขเณ ยาคุํ คณฺหิ.
ทสพเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ ‘‘ยาว มหนฺตา วต พุทฺธา นาม จตฺตาโร มาเส เอกคาถํ คณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตํ ภิกฺขุํ เอวํมหิทฺธิกํ อกํสู’’ติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสชฺช ‘‘กึ วเทถ, ภิกฺขเว’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. น ภควา อฺํ กิฺจิ กเถม, จูฬปนฺถเกน ตุมฺหากํ สนฺติกา มหาลาโภ ลทฺโธติ ตุมฺหากํเยว คุณํ กเถมาติ. อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, อิทานิ มยฺหํ โอวาทํ ¶ กตฺวา โลกุตฺตรทายชฺชลาโภ, อยํ อตีเตปิ อปริปกฺกาเณ ิตสฺส มยฺหํ โอวาทํ กตฺวา โลกิยทายชฺชํ ลภีติ. ภิกฺขู ‘‘กทา, ภนฺเต’’ติ อายาจึสุ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.
ภิกฺขเว, อตีเต พาราณสีนคเร พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺมึ สมเย จูฬกเสฏฺิ นาม ปณฺฑิโต พฺยตฺโต สพฺพนิมิตฺตานิ ¶ ชานาติ. โส เอกทิวสํ ราชูปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรวีถิยํ มตมูสิกํ ทิสฺวา ตสฺมึ ขเณ นกฺขตฺตํ สมาเนตฺวา อิทมาห – ‘‘สกฺกา จกฺขุมตา กุลปุตฺเตน อิมํ อุนฺทูรํ คเหตฺวา ทารภรณฺจ กาตุํ กมฺมนฺเต จ ปโยเชตุ’’นฺติ. อฺตโร ทุคฺคตกุลปุตฺโต ตํ เสฏฺิสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นายํ อชานิตฺวา กเถสฺสตี’’ติ มูสิกํ คเหตฺวา เอกสฺมึ อาปเณ พิฬารสฺสตฺถาย ทตฺวา กากณิกํ ลภิ. ตาย กากณิกาย ผาณิตํ กิณิตฺวา เอเกน กุเฏน ปานียํ คณฺหิตฺวา อรฺโต อาคจฺฉนฺเต มาลากาเร ทิสฺวา โถกํ โถกํ ผาณิตขณฺฑํ ทตฺวา อุฬุงฺเกน ปานียํ อทาสิ. เต ตสฺส เอเกกํ ปุปฺผมุฏฺึ อทํสุ. โส เตน ปุปฺผมูเลน ปุนทิวเสปิ ผาณิตฺจ ปานียฆฏฺจ คเหตฺวา ปุปฺผารามเมว คโต. ตสฺส ตํทิวสํ มาลาการา อฑฺฒโอจิตเก ปุปฺผคจฺเฉ ทตฺวา อคมํสุ. โส นจิรสฺเสว อิมินา อุปาเยน อฏฺ กหาปเณ ลภิ.
ปุน เอกสฺมึ วาตวุฏฺิทิวเส ฉฑฺฑิตอุยฺยานํ คนฺตฺวา ปติตทารูนํ ราสึ กตฺวา นิสินฺโน ราชกุมฺภการสฺส สนฺติกา โสฬส กหาปเณ ลภิ. โส จตุวีสติยา กหาปเณสุ ชาเตสุ ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย มยฺห’’นฺติ นครทฺวารโต อวิทูเร าเน เอกํ ปานียจาฏึ เปตฺวา ปฺจสเต ติณหารเก ปานีเยน อุปฏฺหิ. เต ¶ อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, สมฺม, อมฺหากํ พหุปกาโร, กึ เต กโรมา’’ติ? โสปิ ‘‘มยฺหํ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน กริสฺสถา’’ติ วตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ถลปถกมฺมิเกน จ ชลปถกมฺมิเกน จ สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ อกาสิ. ตสฺส ถลปถกมฺมิโก ‘‘สฺเว อิมํ นครํ อสฺสวาณิชโก ปฺจ อสฺสสตานิ คเหตฺวา อาคมิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ติณหารกานํ สฺํ ทตฺวา เอเกกํ ติณกลาปํ ทิคุณํ กตฺวา อาหราเปสิ. อถ โส อสฺสานํ นครํ ปวิฏฺเวลาย ติณกลาปสหสฺสํ ¶ อนฺตรทฺวาเร ราสึ กตฺวา นิสีทิ. อสฺสวาณิโช สกลนคเร อสฺสานํ จารึ อลภิตฺวา ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ตํ ติณํ คณฺหิ.
ตโต กติปาหจฺจเยนสฺส สมุทฺทกมฺมิกสหายโก อาโรเจสิ ‘‘ปฏฺฏนํ มหานาวา อาคตา’’ติ. โส ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย’’ติ อฏฺหิ ¶ กหาปเณหิ สพฺพปริวารสมฺปนฺนํ ตาวกาลิกํ รถํ คเหตฺวา นาวาปฏฺฏนํ คนฺตฺวา เอกํ องฺคุลิมุทฺทิกํ นาวิกสฺส สจฺจการํ ทตฺวา อวิทูเร าเน สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺโน ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘พาหิรเกสุ วาณิเชสุ อาคเตสุ ตติเยน ปฏิหาเรน อาโรเจถา’’ติ. ‘‘นาวา อาคตา’’ติ สุตฺวา พาราณสิโต สตมตฺตา วาณิชา ‘‘ภณฺฑํ คณฺหามา’’ติ อาคมํสุ. ภณฺฑํ ตุมฺเห น ลภิสฺสถ, อสุกฏฺาเน นาม มหาวาณิเชน สจฺจกาโร ทินฺโนติ. เต เตสํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคตา, ปาทมูลิกปุริสา ปุริมสฺาวเสน ตติเยน ปาฏิหาเรน เตสํ อาคตภาวํ อาโรเจสุํ. เต สตมตฺตาปิ วาณิชา เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา เตน สทฺธึ นาวาย ปตฺติกา หุตฺวา ปุน เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ภณฺฑํ อตฺตโน สนฺตกํ อกํสุ. โส ¶ ปุริโส ทฺเว สตสหสฺสานิ คเหตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ‘‘กตฺุนา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกํ สตสหสฺสํ คเหตฺวา จูฬเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คโต.
อถ ตํ จูฬเสฏฺิ ‘‘กึ เต, ตาต, กตฺวา อิทํ ธนํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ตุมฺเหหิ กถิตอุปาเย ตฺวา จตุมาสพฺภนฺตเรเยว ลทฺธ’’นฺติ อาห. เสฏฺิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ เอวรูปํ ทารกํ ปรสนฺตกํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วยปฺปตฺตํ ธีตรํ ทตฺวา สกลกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสิ. โสปิ กุลปุตฺโต เสฏฺิโน อจฺจเยน ตสฺมึ นคเร เสฏฺิฏฺานํ คเหตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต. สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อภิสมฺพุทฺธกาเล อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔);
อิติ สตฺถา ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนานํ อิมํ การณํ ทสฺเสสิ. อยํ ทฺวินฺนมฺปิ มหาสาวกานํ ปุพฺพปตฺถนโต ปฏฺาย อนุปุพฺพิกถา. อปรภาเค ปน สตฺถา อริยคณปริวุโต ธมฺมาสเน นิสินฺโน ¶ มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ เจโตวิวฏฺฏกุสลานฺจ จูฬปนฺถกตฺเถรํ อคฺคฏฺาเน เปสิ, สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ มหาปนฺถกนฺติ.
สุภูติตฺเถรวตฺถุ
๒๐๑. ตติเย ¶ อรณวิหารีนนฺติ นิกฺกิเลสวิหารีนํ. รณนฺติ หิ ราคาทโย กิเลสา วุจฺจนฺติ, เตสํ อภาเวน นิกฺกิเลสวิหาโร อรณวิหาโร นาม. โส เยสํ อตฺถิ, เต อรณวิหาริโน. เตสํ ¶ อรณวิหารีนํ สุภูติตฺเถโร อคฺโคติ. กิฺจาปิ หิ อฺเปิ ขีณาสวา อรณวิหาริโนว, เถเรน ปน ธมฺมเทสนาย เอตํ นามํ ลทฺธํ. อฺเ หิ ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺโต อุทฺทิสฺสกํ กตฺวา วณฺณํ วา อวณฺณํ วา กเถนฺติ, เถโร ปน ธมฺมํ เทเสนฺโต สตฺถารา เทสิตนิยามโต อโนกฺกมิตฺวา เทเสติ, ตสฺมา อรณวิหารีนํ อคฺโค นาม ชาโต.
๒๐๒. จตุตฺเถ ทกฺขิเณยฺยานนฺติ ทกฺขิณารหานํ. ตตฺถ กิฺจาปิ อฺเปิ ขีณาสวา อคฺคทกฺขิเณยฺยา, เถโร ปน ปิณฺฑาย จรนฺโต ฆเร ฆเร เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ภิกฺขํ คณฺหาติ ‘‘เอวํ ภิกฺขาทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺโคติ วุตฺโต. อตฺตภาโว ปนสฺส สุสมิทฺโธ, อลงฺกตโตรณํ วิย จิตฺตปโฏ วิย จ อติวิย วิโรจติ. ตสฺมา สุภูตีติ วุจฺจติ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตเร ภควติ อนุปฺปนฺเนเยว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นนฺทมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต อตฺตโน ปริวาเรหิ จตุจตฺตาลีสาย มาณวกสหสฺเสหิ สทฺธึ ปพฺพตปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, อนฺเตวาสิเกปิ ฌานลาภิโน อกาสิ.
ตสฺมึ สมเย ปทุมุตฺตโร ภควา โลเก นิพฺพตฺติตฺวา หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต นนฺทตาปสสฺส อนฺเตวาสิกานํ ชฏิลานํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ นนฺทตาปสสฺส จ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกสฺส านนฺตรปตฺถนํ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ ¶ กตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ ปตฺตจีวรมาทาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว ¶ นนฺทตาปสสฺส อสฺสมํ อคมาสิ. ตตฺถ ¶ ผลาผลทานฺจ ปุปฺผาสนปฺาปนฺจ นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สตฺถา ปน นิโรธา วุฏฺิโต อรณวิหาริองฺเคน จ ทกฺขิเณยฺยงฺเคน จาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ สาวกํ ‘‘อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ อาณาเปสิ. โส อตฺตโน วิสเย ตฺวา เตปิฏกํ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพ จตุจตฺตาลีสสหสฺสาปิ ตาปสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. นนฺทตาปโส ปน อนุโมทกสฺส ภิกฺขุโน นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา สตฺถุ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตุํ นาสกฺขิ. สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ เสสภิกฺขูนํ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพปิ อนฺตรหิตเกสมสฺสู อิทฺธิมยปริกฺขารา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ.
นนฺทตาปโส ตถาคตํ วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, เยน ภิกฺขุนา อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนา กตา, โก นาโมยํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติ? อรณวิหาริองฺเคน จ ทกฺขิเณยฺยงฺเคน จ เอตทคฺคํ ปตฺโต เอโสติ. ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ อิมินา สตฺตาหกเตน อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปนาหํ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ เถโร วิย ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. นนฺทตาปโสปิ กาเลน กาลํ ทสพลสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. อิทมสฺส กลฺยาณกมฺมํ. อนฺตรา ปน กมฺมํ น กถิยติ.
โส ¶ กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา สาวตฺถิยํ สุมนเสฏฺิสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, สุภูตีติสฺส นามํ อกํสุ. อปรภาเค อมฺหากํ สตฺถา โลเก นิพฺพตฺโต ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตทา อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา อตฺตโน สหายกสฺส ราชคหเสฏฺิโน ฆรํ คโต สตฺถุ อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา สตฺถารํ สีตวเน วิหรนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ¶ สตฺถารํ สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย ยาจิตฺวา ปฺจจตฺตาลีสโยชเน มคฺเค โยชเน โยชเน สตสหสฺสปริจฺจาเคน วิหาเร ปติฏฺาเปตฺวา สาวตฺถิยํ ราชมาเนน อฏฺกรีสปฺปมาณํ เชตราชกุมารสฺส อุยฺยานภูมึ โกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรตฺวา อทาสิ. วิหารมหทิวเส อยํ สุภูติกุฏิมฺพิโก อนาถปิณฺฑิกเสฏฺินา ¶ สทฺธึ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ปพฺพชิ. โส อุปสมฺปนฺโน ทฺเว มาติกา ปคุณํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ธมฺมํ เทเสนฺโต วุตฺตนเยเนว ธมฺมํ กเถติ, ปิณฺฑาย จรนฺโต วุตฺตนเยเนว เมตฺตาฌานโต วุฏฺาย ภิกฺขํ คณฺหาติ. อถ นํ สตฺถา อิมํ การณทฺวยํ ปฏิจฺจ อรณวิหารีนฺจ ทกฺขิเณยฺยานฺจ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๓. ปฺจเม อารฺกานนฺติ อรฺวาสีนํ. เรวโต ขทิรวนิโยติ ธมฺมเสนาปติตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติโก. โส ยถา อฺเ เถรา อรฺเ วสมานา วนสภาคํ ¶ อุทกสภาคํ ภิกฺขาจารสภาคฺจ สลฺลกฺเขตฺวา อรฺเ วสนฺติ, น เอวํ วสิ. เอตานิ ปน สภาคานิ อนาทิยิตฺวา อุชฺชงฺคลสกฺขรปาสาณวิสเม ขทิรวเน ปฏิวสติ. ตสฺมา อารฺกานํ อคฺโคติ วุตฺโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร นิพฺพตฺโต มหาคงฺคาย ปยาคปติฏฺานติตฺเถ นาวากมฺมํ กโรนฺโต ปฏิวสติ. ตสฺมึ สมเย สตฺถา สตสหสฺสภิกฺขุปริวาโร จาริกํ จรนฺโต ปยาคปติฏฺานติตฺถํ สมฺปาปุณิ. โส ทสพลํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ กาเลน กาลํ พุทฺธทสฺสนํ นาม นตฺถิ, อยํ เม กลฺยาณกมฺมายูหนกฺขโณ’’ติ นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธาเปตฺวา อุปริ เจลวิตานํ กาเรตฺวา คนฺธมาลาทามานิ โอสาเรตฺวา เหฏฺา วรโปตฺถกํ จิตฺตตฺถรณํ อตฺถราเปตฺวา สปริวารํ สตฺถารํ ปรตีรํ ตาเรสิ.
ตสฺมึ ¶ สมเย สตฺถา เอกํ อารฺกํ ภิกฺขุํ เอตทคฺเค เปสิ. โส นาวิโก ตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ เอวเมวํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อารฺกานํ อคฺเคน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ เอตทคฺเค ปิโต โส ภิกฺขุ วิย อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อารฺกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน ¶ ตฺวํ อารฺกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. อนฺตรา ปน อฺํ กมฺมํ น กถิยติ.
โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธกฺเขตฺเต นาลกพฺราหฺมณคาเม สารีพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ติณฺณํ ภาติกานํ ติสฺสนฺนฺจ ภคินีนํ สพฺพกนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เรวโตติสฺส นามํ อกํสุ. อถสฺส มาตาปิตโร จินฺเตสุํ ¶ – ‘‘วฑฺฒิตวฑฺฒิเต ทารเก สมณา สกฺยปุตฺติยา เนตฺวา ปพฺพาเชนฺติ, อมฺหากํ ปุตฺตํ เรวตํ ทหรเมว ฆรพนฺธเนน พนฺธิสฺสามา’’ติ สมานกุลโต ทาริกํ อาเนตฺวา เรวตสฺส อยฺยิกํ วนฺทาเปตฺวา, ‘‘อมฺม, ตว อยฺยิกาย มหลฺลกตรา โหหี’’ติ อาหํสุ. เรวโต เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ทาริกา ทหรา ปมวเย ิตา, อิมิสฺสา กิร เอวํวิธํ รูปํ มม อยฺยิกาย รูปสทิสํ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว เนสํ อธิปฺปาย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห กึ กเถถา’’ติ? ตาต, ‘‘อยํ ทาริกา อยฺยิกา วิย เต ชรํ ปาปุณาตู’’ติ วทามาติ. โส ‘‘อิมิสฺสา รูปํ เอวํวิธํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ตาต, กึ วเทสิ, มหาปฺุา เอวํวิธา โหนฺตีติ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ กิร รูปํ อิมินา นิยาเมน วลิตฺตจํ ภวิสฺสติ ปลิตเกสํ ขณฺฑทนฺตํ, อหํ เอวรูเป รูเป รชฺชิตฺวา กึ กริสฺสามิ, มม ภาติกานํ คตมคฺคเมว คมิสฺสามี’’ติ กีฬนฺโต วิย หุตฺวา สมวเย ตรุณทารเก อาห – ‘‘เอถ, โภ, วิธาวนิกํ กริสฺสามา’’ติ นิกฺขมิ. ตาต, มงฺคลทิวเส มา พหิ คจฺฉาติ. โส ทารเกหิ สทฺธึ กีฬนฺโต วิย อตฺตโน ธาวนวาเร สมฺปตฺเต โถกํ คนฺตฺวา ปปฺเจตฺวา อาคจฺฉติ ¶ . ปุน ทุติยวาเร สมฺปตฺเต ตโต ตุริตํ วิย คนฺตฺวา อาคโต, ตติยวาเร สมฺปตฺเต ‘‘อยํ เม กาโล’’ติ ตฺวา สมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายิตฺวา ปํสุกูลิกภิกฺขูนํ นิวาสฏฺานํ อรฺํ คนฺตฺวา เถเร อภิวาเทตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สปฺปุริส มยํ ตํ น ชานาม ‘‘กสฺสาสิ ปุตฺโต’’ติ, ตฺวฺจ อลงฺกตนิยาเมเนว อาคโต, โก ตํ ปพฺพาเชตุํ อุสฺสหิสฺสตีติ. โส อุโภ พาหา ปคฺคยฺห ‘‘วิลุมฺปนฺติ มํ วิลุมฺปนฺติ ¶ ม’’นฺติ มหารวํ วิรวิ. อิโต จิโต จ ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา ‘‘สปฺปุริส, อิมสฺมึ าเน ตว วตฺถํ วา ปิฬนฺธนํ วา โกจิ คณฺหนฺโต นาม นตฺถิ, ตฺวฺจ ‘วิลุมฺปนฺตี’ติ วทสิ, กึ สนฺธาย วทสี’’ติ? ภนฺเต, นาหํ วตฺถาลงฺการํ สนฺธาย วทามิ, ติสฺสนฺนํ ปน เม สมฺปตฺตีนํ วิโลโป วตฺตติ, ตํ สนฺธาย วทามิ. มํ ตาว ตุมฺเห ¶ มา ปพฺพาชยิตฺถ, ภาตรํ ปน เม ชานาถาติ. โกนาโม ปน เต ภาตาติ? คิหิกาเล อุปติสฺโส นาม, อิทานิ ปน สาริปุตฺโต นาม ชาโตติ วทนฺตีติ. ‘‘อาวุโส, เอวํ สนฺเต อยํ กุลปุตฺโต อมฺหากํ กนิฏฺภาติโก นาม โหติ, เชฏฺภาติโก โน ธมฺมเสนาปติ ปุเรตรํเยว อาห – ‘อมฺหากํ าตกา สพฺเพว มิจฺฉาทิฏฺิกา, โย โกจิ อมฺหากํ าตีติ อาคจฺฉติ, ตํ เยน เตนุปาเยน ปพฺพาเชยฺยถา’ติ. อยํ ปน เถรสฺส อชฺฌตฺตภาติโก, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ วตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาชยึสุ. อถ นํ ปริปุณฺณวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฏฺาเน โยชยึสุ.
เถโร กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อาจริยุปชฺฌายานํ อวิทูเร าเน วุตฺตปฺปการํ ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ทสพลํ วา ภาติกตฺเถรํ วา น ปสฺสิสฺสามี’’ติ วายมนฺตสฺเสว ตโย มาสา อติกฺกนฺตา, สุขุมาลกุลปุตฺตสฺส ลูขโภชนํ ภฺุชนฺตสฺส จิตฺตํ วลีตํ นาม โหติ, กมฺมฏฺานํ วิโมกฺขํ น คตํ. โส เตมาสจฺจเยน ปวาเรตฺวา วุตฺถวสฺโส หุตฺวา ตสฺมึเยว าเน สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ, โส วิปสฺสนํ ¶ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อถายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ กิร กนิฏฺภาตา เรวโต ปพฺพชิโต, โส อภิรเมยฺย วา น วา, คนฺตฺวา นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. ภควา เรวตสฺส อารทฺธวิปสฺสกภาวํ ตฺวา ทฺเว วาเร ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ยาจิโต อรหตฺตํ ปตฺตภาวํ ตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, อหมฺปิ คมิสฺสามิ, ภิกฺขูนํ อาโรเจหี’’ติ. เถโร ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา, ‘‘อาวุโส, สตฺถา จาริกํ จริตุกาโม, คนฺตุกามา อาคจฺฉนฺตู’’ติ สพฺเพสํเยว อาโรเจสิ. ทสพลสฺส จาริกตฺถาย คมนกาเล โอหีนกภิกฺขู นาม อปฺปกา โหนฺติ, ‘‘สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ปสฺสิสฺสาม, มธุรธมฺมกถํ วา สุณิสฺสามา’’ติ เยภุยฺเยน คนฺตุกามาว พหุกา โหนฺติ. อิติ สตฺถา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ‘‘เรวตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺโต.
อเถกสฺมึ ปเทเส อานนฺทตฺเถโร ทฺเวธาปถํ ปตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน ทฺเว มคฺคา, กตรมคฺเคน สงฺโฆ คจฺฉตู’’ติ. กตรมคฺโค, อานนฺท, อุชุโกติ? ภนฺเต, อุชุมคฺโค ตึสโยชโน อมนุสฺสปโถ, ปริหารมคฺโค ปน สฏฺิโยชนิโก เขโม สุภิกฺโขติ. อานนฺท ¶ , สีวลิ อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโตติ? อาม, ภนฺเต, อาคโตติ. เตน หิ สงฺโฆ อุชุมคฺคเมว คณฺหตุ, สีวลิสฺส ปฺุํ วีมํสิสฺสามาติ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สีวลิตฺเถรสฺส ปฺุวีมํสนตฺถํ อฏวิมคฺคํ อภิรุหิ. มคฺคํ อภิรุหนฏฺานโต ปฏฺาย เทวสงฺโฆ โยชเน โยชเน าเน นครํ มาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส วสนตฺถาย วิหาเร ปฏิยาเทสิ. เทวปุตฺตา รฺา เปสิตกมฺมการา วิย หุตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ คเหตฺวา ‘‘กหํ อยฺโย ¶ สีวลิ, กหํ อยฺโย สีวลี’’ติ ปุจฺฉนฺตา คจฺฉนฺติ. เถโร ตํ สกฺการสมฺมานํ คณฺหาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉติ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปริภฺุชิ.
อิมินาว นิยาเมน สตฺถา สกฺการสมฺมานํ อนุภวนฺโต เทวสิกํ โยชนปรมํ คนฺตฺวา ตึสโยชนิกํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม ขทิรวนิยตฺเถรสฺส สภาคฏฺานํ ปตฺโต. เถโร สตฺถุ อาคมนํ ตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปโหนกวิหาเร ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ จ อิทฺธิยา มาเปตฺวา ตถาคตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ ¶ คโต. สตฺถา อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน วิหารํ ปาวิสิ. อถ ตถาคเต คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ภิกฺขู วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนานิ ปวิสึสุ. เทวตา ‘‘อกาโล อาหารสฺสา’’ติ อฏฺวิธํ ปานกํ อาหรึสุ. สตฺถา สงฺเฆน สทฺธึ ปานกํ ปิวิ. อิมินาว นิยาเมน ตถาคตสฺส สกฺการสมฺมานํ อนุภวนฺตสฺเสว อทฺธมาโส อติกฺกนฺโต.
อเถกจฺเจ อุกฺกณฺิตภิกฺขู เอกสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา กถํ อุปฺปาทยึสุ ‘‘สตฺถา ทสพโล ‘มยฺหํ อคฺคสาวกสฺส กนิฏฺภาตา’ติ วตฺวา เอวรูปํ นวกมฺมิกภิกฺขุํ ปสฺสิตุํ อาคโต, อิมสฺส วิหารสฺส สนฺติเก เชตวนมหาวิหาโร วา เวฬุวนวิหาราทโย วา กึ กริสฺสนฺติ. อยมฺปิ ภิกฺขุ เอวรูปสฺส นวกมฺมสฺส การโก, กึ นาม สมณธมฺมํ กริสฺสตี’’ติ? อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘มยิ จิรํ วสนฺเต อิทํ านํ อากิณฺณํ ภวิสฺสติ, อารฺกา ภิกฺขู นาม ปวิเวกตฺถิกา โหนฺติ, เรวตสฺส อผาสุวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ ตโต เรวตสฺส ทิวาฏฺานํ คโต. เถโร เอกโกว จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ปาสาณผลเก นิสินฺโน สตฺถารํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิ.
อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘เรวต, อิมํ วาฬมิคฏฺานํ ¶ , จณฺฑานํ หตฺถิอสฺสาทีนํ สทฺทํ สุตฺวา กินฺติ กโรสี’’ติ? เตสํ เม, ภนฺเต, สทฺทํ สุณโต อรฺรติ นาม อุปฺปชฺชตีติ. สตฺถา ¶ ตสฺมึ าเน เรวตตฺเถรสฺส ปฺจหิ คาถาสเตหิ อรฺเ นิวาสานิสํสํ นาม กเถตฺวา ปุนทิวเส อวิทูเร าเน ปิณฺฑาย จริตฺวา เรวตตฺเถรํ นิวตฺเตตฺวา เยหิ ภิกฺขูหิ เถรสฺส อวณฺโณ กถิโต, เตสํ กตฺตรยฏฺิอุปาหนาเตลนาฬิฉตฺตานํ ปมุสฺสนภาวํ อกาสิ. เต อตฺตโน ปริกฺขารตฺถาย นิวตฺตา อาคตมคฺเคเนว คจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกนฺติ. ปมํ หิ เต อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน คนฺตฺวา ตํทิวสํ ปน วิสมมคฺเคน คจฺฉนฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อุกฺกุฏิกํ นิสีทนฺติ, ชาณุเกน คจฺฉนฺติ. เต คุมฺเพ จ คจฺเฉ จ กณฺฏเก จ มทฺทนฺตา อตฺตโน วสิตสภาคฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ขทิรขาณุเก อตฺตโน ฉตฺตํ สฺชานนฺติ, อุปาหนํ กตฺตรยฏฺึ เตลนาฬึ สฺชานนฺติ. เต ตสฺมึ สมเย ‘‘อิทฺธิมา ¶ อยํ ภิกฺขู’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปริกฺขาเร อาทาย ‘‘ทสพลสฺส ปฏิยตฺตสกฺกาโร นาม เอวรูโป โหตี’’ติ วทนฺตา อาคมํสุ.
ปุรโต คตภิกฺขู, วิสาขา อุปาสิกา, อตฺตโน เคเห นิสินฺนกาเล ปุจฺฉติ – ‘‘มนาปํ นุ โข, ภนฺเต, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ? มนาปํ อุปาสิเก นนฺทนวนจิตฺตลตาทิปฏิภาคํ ตํ เสนาสนนฺติ. อถ เนสํ สพฺพปจฺฉโต อาคตภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘มนาปํ, อยฺยา, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ. มา ปุจฺฉ อุปาสิเก, กเถตุํ อยุตฺตฏฺานเมตํ, อุชฺชงฺคลํ สกฺขรปาสาณวิสมํ ขทิรวนํ เอตํ, ตตฺถ โส ภิกฺขุ วิหรตีติ. วิสาขา, ปุริมานฺจ ปจฺฉิมานฺจ ภิกฺขูนํ กถํ ¶ สุตฺวา ‘‘เกสํ นุ โข กถา สจฺจา’’ติ ปจฺฉาภตฺเต คนฺธมาลํ อาทาย ทสพลสฺส อุปฏฺานํ คนฺตฺวา, วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ เอกจฺเจ, อยฺยา, วณฺเณนฺติ, เอกจฺเจ นินฺทนฺติ, กึ นาเมตํ, ภนฺเต’’ติ? วิสาเข รมณียํ วา โหตุ มา วา, ยสฺมึ าเน อริยานํ จิตฺตํ รมติ, ตเทว านํ รมณียํ นามาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ. (ธ. ป. ๙๘; สํ. นิ. ๑.๒๖๑);
อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ อารฺกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กงฺขาเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๔. ฉฏฺเ ¶ ฌายีนนฺติ ฌานลาภีนํ ฌานาภิรตานํ. โส กิร เถโร ยา ฌานสมาปตฺติโย ทสพโล สมาปชฺชติ, ตโต อปฺปตรํ เปตฺวา พหุตรา สมาปชฺชติ. ตสฺมา ฌายีนํ อคฺโค นาม ชาโต. กงฺขายนภาเวน กงฺขาเรวโตติ วุจฺจติ. กงฺขา นาม กุกฺกุจฺจํ, กุกฺกุจฺจโกติ อตฺโถ. กึ ปน อฺเ กุกฺกุจฺจกา นตฺถีติ? อตฺถิ, อยํ ปน เถโร กปฺปิเยปิ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสิ. เตนสฺส กุกฺกุจฺจกตา อติปากฏา ชาตาติ กงฺขาเรวโตตฺเวว สงฺขํ คโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปุริมนเยเนว มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ ¶ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ฌานาภิรตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เทสนาวสาเน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน น ¶ อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, ยถา ปน โส ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ภิกฺขุ ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ฌายีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ฌายีนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถินคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ปพฺพชิโต อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ฌานปริกมฺมํ กโรนฺโต ฌานลาภี หุตฺวา ฌานเมว ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตผลํ ปาปุณิ. โส ทสพเลน สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺตีนํ อปฺปตรา เปตฺวา พหุตรา สมาปชฺชนฺโต อโหรตฺตํ ฌาเนสุ จิณฺณวสี อโหสิ. อถ นํ อปรภาเค สตฺถา อิมํ คุณํ คเหตฺวา ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ‘‘อกปฺปิโย, อาวุโส คุโฬ, อกปฺปิยา มุคฺคา’’ติ (มหาว. ๒๗๒) เอวํ ปน กปฺปิเยสฺเวว วตฺถูสุ ¶ กุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทิตตาย กุกฺกุจฺจสงฺขาตาย กงฺขาย ภาเวน กงฺขาเรวโตติ สงฺขํ คโตติ.
โสณโกฬิวิสตฺเถรวตฺถุ
๒๐๕. สตฺตเม อารทฺธวีริยานนฺติ ปคฺคหิตวีริยานํ ปริปุณฺณวีริยานํ. โสโณ โกฬิวิโสติ โสโณติ ตสฺส นามํ, โกฬิวิโสติ โคตฺตํ. โกฏิเวสฺโสติ วา อตฺโถ, อิสฺสริเยน โกฏิปฺปตฺตสฺส เวสฺสกุลสฺส ทารโกติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา ปน อฺเสํ ภิกฺขูนํ ¶ วีริยํ นาม วฑฺเฒตพฺพํ โหติ, เถรสฺส ปน หาเปตพฺพเมว อโหสิ. ตสฺมา เอส อารทฺธวีริยานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, สิริวฑฺฒกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ปุริมนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เทสนาปริโยสาเน ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา วุตฺตนเยเนว ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว พฺยากริตฺวา วิหารํ คโต.
โสปิ สิริวฑฺฒเสฏฺิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา อิมสฺมึ กปฺเป ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล อนุปฺปนฺเน อมฺหากํ ภควติ พาราณสิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส อตฺตโน สหายเกหิ สทฺธึ คงฺคายํ กีฬติ. ตสฺมึ สมเย เอโก ชิณฺณจีวริโก ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘พาราณสึ อุปนิสฺสาย คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ กตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉิสฺสามี’’ติ อุทเกน สมุปพฺยูฬฺเห ทณฺฑเก จ วลฺลิโย จ สํกฑฺฒติ. อยํ กุมาโร สหายเกหิ สทฺธึ คนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา ิโต, ‘‘ภนฺเต, กึ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิ. กุมาร อุปกฏฺเ อนฺโตวสฺเส ปพฺพชิตานํ วสนฏฺานํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ. ‘‘ภนฺเต, อชฺเชว เอกทิวสํ อยฺโย ยถา ตถา อาคเมตุ, อหํ สฺเว อยฺยสฺส วสนฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘ตสฺเสว กุมารสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อาคตตฺตา อธิวาเสสิ. โส ตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา คโต ปุนทิวเส สกฺการสมฺมานํ ¶ สชฺเชตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ¶ อาคมนํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ‘‘กหํ นุ โข อชฺช ภิกฺขาจารํ ลภิสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตฺวา ตสฺเสว เคหทฺวารํ อคมาสิ.
กุมาโร ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา สมฺปิยายมาโน ปตฺตํ อาทาย ภิกฺขํ ทตฺวา ‘‘อิมํ อนฺโตวสฺสํ มยฺหํ เคหทฺวารเมว อาคจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปกฺกนฺเต อตฺตโน สหายเกหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เอกทิวเสเนว ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนปณฺณสาลฺจ จงฺกมนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จ การาเปตฺวา อทาสิ. ตสฺเสว ปณฺณสาลํ ปวิสนเวลาย ¶ หริตูปลิตฺตาย ภูมิยา ‘‘ปาเทสุ กลลํ มา ลคฺคี’’ติ อตฺตโน ปารุปนํ สตสหสฺสคฺฆนกํ รตฺตกมฺพลํ ภูมตฺถรณํ สนฺถริตฺวา กมฺพลสฺส วณฺเณน สทฺธึ ปจฺเจกพุทฺธสฺส สรีรปฺปภํ เอกสทิสํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺโน หุตฺวา อาห – ‘‘ยถา ตุมฺเหหิ อกฺกนฺตกาลโต ปฏฺาย อิมสฺส กมฺพลสฺส อติวิย ปภา วิโรจติ, เอวเมว มยฺหมฺปิ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน หตฺถปาทานํ วณฺโณ พนฺธุชีวกปุปฺผวณฺโณ โหตุ, สตกฺขตฺตุํ วิหตกปฺปาสปฏลผสฺสสทิโสว ผสฺโส โหตู’’ติ. โส เตมาสํ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺหิตฺวา ปวาริตกาเล ติจีวรํ อทาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปริปุณฺณปตฺตจีวโร คนฺธมาทนเมว คโต.
โสปิ กุลปุตฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล กาฬจมฺปานคเร อุปเสฏฺิสฺส ฆเร ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกาลโต ปฏฺาย เสฏฺิกุลํ อเนกานิ ¶ ปณฺณาการสหสฺสานิ อาคจฺฉนฺติ. ชาตทิวเส จ สกลนครํ เอกสกฺการสมฺมานํ อโหสิ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อตฺตโน นามํ คณฺหิตฺวาว อาคโต, รตฺตสุวณฺณรสปริสิตฺตา วิยสฺส สรีรจฺฉวี’’ติ โสณกุมาโรตฺเววสฺส นามํ อกํสุ.
อถสฺส สฏฺิ ธาติโย อุปเนตฺวา เทวกุมารํ วิย นํ สุเขน วฑฺเฒสุํ. ตสฺส เอวรูปํ อาหารวิธานํ อโหสิ – สฏฺิกรีสมตฺตํ านํ กสิตฺวา ติวิเธน อุทเกน โปเสนฺติ. เกทาเร ปวิสนฺตีสุ อุทกมาติกาสุ ขีโรทกสฺส จ คนฺโธทกสฺส จ อเนกานิ จาฏิสหสฺสานิ อาสิฺจนฺติ. สาลิสีสานํ ขีรคฺคหณกาเล สุกาทีนํ ปาณานํ อุจฺฉิฏฺกรณนิวารณตฺถํ วีหิคพฺภานํ สุขุมาลภาวตฺถฺจ ปริยนฺตปริกฺเขเป จ อนฺตรนฺตรา จ ถมฺเภ นิขนิตฺวา อุปริ ทณฺฑเก ทตฺวา กิลฺเชหิ ฉาเทตฺวา สมนฺตา สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา สพฺพปริยนฺเต อารกฺขํ คณฺหนฺติ. สสฺเส นิปฺผนฺเน โกฏฺเ จตุชาติคนฺเธหิ ปริภณฺฑํ กตฺวา อุปริ อุตฺตมคนฺเธหิ ปริภาเวนฺติ ¶ . อเนกสหสฺสปุริสา เขตฺตํ โอรุยฺห สาลิสีสานิ วณฺเฏสุ ฉินฺทิตฺวา มุฏฺิมุฏฺิโย กตฺวา รชฺชุเกหิ พนฺธิตฺวา สุกฺขาเปนฺติ. ตโต โกฏฺกสฺส เหฏฺิมตเล คนฺเธ สนฺถริตฺวา อุปริ สาลิสีสานิ สนฺถรนฺติ. เอวํ เอกนฺตริกํ กตฺวา สนฺถรนฺตา โกฏฺกํ ปูเรตฺวา ทฺวารํ ปิทหนฺติ ¶ , ติวสฺสสมฺปตฺตกาเล โกฏฺกํ วิวรนฺติ. วิวฏกาเล สกลนครํ สุคนฺธคนฺธิกํ โหติ. สาลิมฺหิ ปหเต ธุตฺตา ถุเส กิณิตฺวา คณฺหนฺติ, กุณฺฑกํ ปน จูฬุปฏฺากา ลภนฺติ. มุสลฆฏฺฏิตเก สาลิตณฺฑุเล วิจินิตฺวา คณฺหนฺติ ¶ . เต สุวณฺณหีรกปจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา สตกาลํ ปริสฺสาเวตฺวา คหิเต ปกฺกุถิตชาติรเส เอกวารํ ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธรนฺติ, ปมุขฏฺานํ สุมนปุปฺผสทิสํ โหติ. ตํ โภชนํ สุวณฺณสรเก ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกุถิตอปฺโปทกมธุปายาสปูริตสฺส รชตถาลสฺส อุปริ กตฺวา อาทาย คนฺตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส ปุรโต เปนฺติ.
โส อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ภฺุชิตฺวา คนฺธวาสิเตน อุทเกน มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺถปาเท โธวติ. อถสฺส โธตหตฺถปาทสฺส นานปฺปการํ มุขวาสํ อุปเนนฺติ. ตสฺส อกฺกมนฏฺาเน วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณํ อตฺถรนฺติ. หตฺถปาทตลานิสฺส พนฺธุชีวกปุปฺผวณฺณานิ โหนฺติ, สตกาลวิหตกปฺปาสสฺส วิย ผสฺโส, ปาทตเลสุ มณิกุณฺฑลาวตฺตวณฺณานิ โลมานิ ชายึสุ. โส กสฺสจิเทว กุชฺฌิตฺวา ‘‘อาชานาหิ ภูมึ อกฺกมิสฺสามี’’ติ วทติ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรตฺวา นาฏกานิ จ อุปฏฺาเปสุํ. โส มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต เทโว มฺเ ปฏิวสติ.
อถ อมฺหากํ สตฺถริ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต ปาทโลมทสฺสนตฺถํ รฺา มาคเธน ปกฺโกสาเปตฺวา อสีติยา คามิยสหสฺเสหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ ปหิโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภควา ‘‘อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อนนฺุาตภาวํ สุตฺวา ‘‘น โข, โสณ, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. โส ‘‘สาธุ ภควา’’ติ ตถาคตสฺส วจนํ สิรสา ¶ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคมฺม อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ปพฺพชิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปนสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (มหาว. ๒๔๓) อาคตเมว.
ตสฺส ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา ราชคเห วิหรนฺตสฺส สมฺพหุลา าติสาโลหิตา ¶ จ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา จ สกฺการสมฺมานํ อาหรนฺติ, รูปนิปฺผตฺติยา ¶ วณฺณํ กเถนฺติ, อฺเปิ ชนา ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘มม สนฺติกํ พหู ชนา อาคจฺฉนฺติ, กมฺมฏฺาเน วา วิปสฺสนาย วา กมฺมํ กาตุํ กถํ สกฺขิสฺสามิ, ยํนูนาหํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สีตวนสุสานํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยํ. ตตฺร หิ สุสานนฺติ ชิคุจฺฉิตฺวา พหู ชนา นาคมิสฺสนฺติ, เอวํสนฺเต มม กิจฺจํ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สีตวนํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ สรีรํ ปรมสุขุมาลํ, น โข ปน สกฺกา สุเขเนว สุขํ ปาปุณิตุํ, กายํ กิลเมตฺวาปิ สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต านจงฺกมเมว อธิฏฺาย ปธานมกาสิ. ตสฺส สุขุมาลานํ ปาทตลานํ อนฺตนฺเตหิ โผฏา อุฏฺาย ภิชฺชึสุ, จงฺกโม เอกโลหิโตว อโหสิ. ปาเทสุ อวหนฺเตสุ ชณฺณุเกหิปิ หตฺเถหิปิ วายมิตฺวา จงฺกมติ. เอวํ วีริยํ ทฬฺหํ กโรนฺโตปิ โอภาสมตฺตมฺปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อฺโปิ อารทฺธวีริโย ภเวยฺย, มาทิโสว ภเวยฺย. อหํ โข ปน เอวํ วายมนฺโตปิ มคฺคํ วา ผลํ วา อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกมิ, อทฺธา เนวาหํ อุคฺฆฏิตฺู, น วิปฺจิตฺู, น เนยฺโย, ปทปรเมน มยา ภวิตพฺพํ. กึ เม ปพฺพชฺชาย, หีนายาวตฺติตฺวา ¶ โภเค จ ภฺุชิสฺสามิ ปฺุานิ จ กริสฺสามี’’ติ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา เถรสฺส วิตกฺกํ ตฺวา สายนฺหสมเย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา โลหิเตน ผุฏฺํ จงฺกมํ ทิสฺวา เถรํ วีโณวาเทน (มหาว. ๒๔๓) โอวทิตฺวา วีริยสมถโยชนตฺถาย ตสฺส กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา คิชฺฌกูฏเมว คโต. โสณตฺเถโรปิ ทสพลสฺส สมฺมุขา โอวาทํ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต เถรํ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
โสณกุฏิกณฺณตฺเถรวตฺถุ
๒๐๖. อฏฺเม กลฺยาณวากฺกรณานนฺติ วากฺกรณํ วุจฺจติ วจนกิริยา, มธุรวจนานนฺติ อตฺโถ. อยฺหิ เถโร ทสพเลน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา ตถาคตสฺส ¶ มธุเรน สเรน ธมฺมกถํ กเถสิ. อถสฺส สตฺถา สาธุการํ อทาสิ. ตสฺมา โส กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺโค ¶ นาม ชาโต. โสโณติ ตสฺส นามํ, โกฏิอคฺฆนกํ ปน กณฺณปิฬนฺธนํ ธาเรสิ. ตสฺมา กุฏิกณฺโณติ วุจฺจติ, โกฏิกณฺโณติ อตฺโถ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปุริมนเยเนว มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ตฺวา สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺเคน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ ภิกฺขุํ ตุมฺเห อิโต ¶ สตฺตทิวสมตฺถเก กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน ปยิตฺถ, อหมฺปิ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺส ผเลน อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ตถารูโป ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อมฺหากํ ทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว เทวโลกา จวิตฺวา กาฬิยา นาม กุรรฆริกาย อุปาสิกาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ปริปกฺเก คพฺเภ ราชคหนคเร อตฺตโน กุลนิเวสนํ อาคตา.
ตสฺมึ สมเย อมฺหากํ สตฺถา สพฺพฺุตํ ปตฺโต อิสิปตเน ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ เอโก อฏฺวีสติยา ยกฺขเสนาปตีนํ อพฺภนฺตเร สาตาคิโร นาม ยกฺโข ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข อยํ เอวํ มธุรธมฺมกถา มม สหาเยน เหมวเตน สุตา น สุตา’’ติ? โส เทวสงฺฆสฺส อนฺตเร โอโลเกนฺโต ตํ อปสฺสิตฺวา ‘‘อทฺธา มม สหาโย ติณฺณํ รตนานํ อุปฺปนฺนภาวํ น ชานาติ, คจฺฉามิ ทสพลสฺส เจว วณฺณํ กเถสฺสามิ, ปฏิวิทฺธธมฺมฺจ อาโรเจสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ราชคหมตฺถเกน ตสฺส สนฺติกํ ปายาสิ.
เหมวโตปิ ¶ ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ อกาลปุปฺผิตํ ทิสฺวา ‘‘มม สหาเยน สาตาคิเรน สทฺธึ หิมวนฺตกีฬิตํ กีฬิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ราชคหมตฺถเกเนว ¶ ปายาสิ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อคฺคพลกายา กุลฆริกาย กาฬิอุปาสิกาย นิเวสนมตฺถเก สมาคนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส ปริสา, มยํ สาตาคิรสฺส. ตุมฺเห กสฺส ปริสา, มยํ เหมวตสฺสา’’ติ อาหํสุ. เต หฏฺตุฏฺาว คนฺตฺวา เตสํ ยกฺขเสนาปตีนํ อาโรจยึสุ. เตปิ ตํขณฺเว ¶ อุปาสิกาย นิเวสนมตฺถเก สมาคจฺฉึสุ. สาตาคิโร เหมวตํ อาห – ‘‘กหํ, สมฺม, คจฺฉสี’’ติ? ตว สนฺติกํ สมฺมาติ. กึการณาติ? หิมวนฺตํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา ตยา สทฺธึ ตตฺถ กีฬิสฺสามีติ. ตฺวํ ปน, สมฺม, กหํ คจฺฉสีติ? ตว สนฺติกํ, สมฺมาติ. กึการณาติ? ตฺวํ หิมวนฺตสฺส เกน ปุปฺผิตภาวํ ชานาสีติ? น ชานามิ, สมฺมาติ. สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต สิทฺธตฺถกุมาโร ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กมฺเปตฺวา ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ มชฺเฌ อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส ปวตฺติตภาวํ น ชานาสีติ? น ชานามิ, สมฺมาติ. ตฺวํ เอตฺตกเมว านํ ปุปฺผิตนฺติ อฺาสิ, ตสฺส ปน ปุริสสฺส สกฺการตฺถาย สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬํ เอกมาลาคุฬสทิสํ อชฺช ชาตํ สมฺมาติ. มาลา ตาว ปุปฺผนฺตุ, ตยา โส สตฺถา อกฺขีนิ ปูเรตฺวา ทิฏฺโติ. อาม, สมฺม, สตฺถา จ เม ทิฏฺโ, ธมฺโม จ สุโต, อมตฺจ ปีตํ. อหํ ‘‘เอตํ อมตธมฺมํ ตมฺปิ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตว สนฺติกํ อาคโตสฺมิ, สมฺมาติ. เตสํ อฺมฺํ กเถนฺตานํเยว อุปาสิกา สิริสยนโต อุฏฺาย นิสินฺนา ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา สทฺเท นิมิตฺตํ คณฺหิ. ‘‘อยํ สทฺโท อุทฺธํ, น เหฏฺา, อมนุสฺสภาสิโต, โน มนุสฺสภาสิโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา โอหิตโสตา ปคฺคหิตมานสา หุตฺวา นิสีทิ. ตโต –
‘‘อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ (อิติ สาตาคิโร ยกฺโข),
ทิพฺพา รตฺติ อุปฏฺิตา;
อโนมนามํ สตฺถารํ,
หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๕๓) –
เอวํ ¶ สาตาคิเรน วุตฺเต –
‘‘กจฺจิ มโน สุปณิหิโต (อิติ เหมวโต ยกฺโข),
สพฺพภูเตสุ ตาทิโน;
กจฺจิ ¶ อิฏฺเ อนิฏฺเ จ,
สงฺกปฺปสฺส วสีกตา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๕๔);
เอวํ ¶ เหมวโต สตฺถุ กายสมาจารฺจ อาชีวฺจ มโนสมาจารฺจ ปุจฺฉิ. ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ สาตาคิโร วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ สตฺถุ สรีรวณฺณคุณวณฺณกถนวเสน เหมวตสุตฺตนฺเต นิฏฺิเต เหมวโต สหายกสฺส ธมฺมเทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
อถ, กาฬี อุปาสิกา, ปรสฺส ธมฺเม เทสียมาเน ตถาคตํ อทิฏฺปุพฺพาว หุตฺวา อนุสฺสวปฺปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตํ โภชนํ ภฺุชมานา วิย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สา สพฺพมาตุคามานํ อนฺตเร ปมกโสตาปนฺนา สพฺพเชฏฺิกา อโหสิ. ตสฺสา สห โสตาปตฺติภาเวน ตเมว รตฺตึ คพฺภวุฏฺานํ ชาตํ, ปฏิลทฺธทารกสฺส นามคฺคหณทิวเส โสโณติ นามํ อกาสิ. สา ยถารุจิยา กุลเคเห วสิตฺวา กุลฆรเมว อคมาสิ.
ตสฺมึ สมเย มหากจฺจานตฺเถโร ตํ นครํ อุปนิสฺสาย อุปวตฺเต ปพฺพเต ปฏิวสติ. อุปาสิกา เถรํ อุปฏฺาติ. เถโร นิพทฺธํ ตสฺสา นิเวสนํ คจฺฉติ. โสณทารโกปิ นิพทฺธํ เถรสฺส สนฺติเก วิจรนฺโต วิสฺสาสิโก อโหสิ. โส อปเรน สมเยน เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. เถโร ตํ อุปสมฺปาเทตุกาโม ตีณิ วสฺสานิ คณํ ปริเยสิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. โส อุปสมฺปนฺโน กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เถรสฺเสว สนฺติเก สุตฺตนิปาตํ อุคฺคณฺหิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถารํ ปสฺสิตุกาโม หุตฺวา อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิ. เถโร อาห – ‘‘โสณ, ตยิ คเต สตฺถา ตํ เอกคนฺธกุฏิยํ วสาเปตฺวา ธมฺมํ อชฺเฌสิสฺสติ, ตฺวํ ธมฺมํ กเถสฺสสิ. สตฺถา ตว ธมฺมกถาย ปสีทิตฺวา ตุยฺหํ วรํ ทสฺสติ. ตฺวํ วรํ คณฺหนฺโต อิมฺจ อิมฺจ คณฺหาหิ, มม วจเนน ทสพลสฺส ปาเท วนฺทาหี’’ติ. โส อุปชฺฌาเยน อนฺุาโต ¶ มาตุอุปาสิกาย เคหํ คนฺตฺวา อาโรเจสิ. สาปิ ‘‘สาธุ ¶ , ตาต, ตฺวํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ คจฺฉนฺโต อิมํ กมฺพลํ อาหริตฺวา สตฺถุ วสนคนฺธกุฏิยา ภูมตฺถรณํ กตฺวา อตฺถราหี’’ติ กมฺพลํ อทาสิ. โสณตฺเถโร ตํ อาทาย เสนาสนํ สํสาเมตฺวา อนุปุพฺเพน สตฺถุ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส พุทฺธาสเน นิสินฺนเวลายเมว อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, อิมสฺส ภิกฺขุสฺส ¶ เสนาสนํ ชานาหี’’ติ. เถโร สตฺถุ อธิปฺปายํ ตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ภูมตฺถรณํ อุสฺสาเรนฺโต วิย อตฺถริ.
อถ โข ภควา พหุเทวรตฺตึ อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวา วิหารํ ปาวิสิ, อายสฺมาปิ โข โสโณ พหุเทวรตฺตึ อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวา วิหารํ ปาวิสิ. สตฺถา ปจฺฉิมยาเม สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา ปจฺจูสสมเย วุฏฺาย นิสีทิตฺวา ‘‘เอตฺตเกน กาเลน โสณสฺส กายทรโถ ปฏิปฺปสฺสทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อายสฺมนฺตํ โสณํ อชฺเฌสิ – ‘‘ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุ’’นฺติ. โสณตฺเถโร มธุรสฺสเรน เอกพฺยฺชนมฺปิ อวินาเสนฺโต อฏฺกวคฺคิยานิ สุตฺตานิ (สุ. นิ. ๗๗๒ อาทโย) อภาสิ. กถาปริโยสาเน ภควา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘สุคฺคหิโต เต ภิกฺขุ ธมฺโม, มยา เทสิตกาเล จ อชฺช จ เอกสทิสาว เทสนา, กิฺจิ อูนํ วา อธิกํ วา นตฺถี’’ติ ปสนฺนภาวํ ปกาเสสิ. โสณตฺเถโรปิ ‘‘อยํ โอกาโส’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อุปชฺฌายสฺส วจเนน ทสพลํ วนฺทิตฺวา วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ วเร ยาจิ, สตฺถา อทาสิ. ปุน เถโร มาตุอุปาสิกาย วจเนน วนฺทิตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, อุปาสิกาย ตุมฺหากํ วสนคนฺธกุฏิยํ ภูมตฺถรณตฺถํ กมฺพโล ¶ ปหิโต’’ติ กมฺพลํ ทตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน เถรสฺส ปพฺพชฺชํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ สุตฺเต อาคตเมว.
อิติ เถโร สตฺถุ สนฺติกา อฏฺ วเร ลภิตฺวา อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ปุนทิวเส มาตุอุปาสิกาย นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ภิกฺขาย อฏฺาสิ. อุปาสิกา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ทฺวาเร ิโต’’ติ สุตฺวา เวเคน อาคนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ¶ อนฺโตนิเวสเน นิสีทาเปตฺวา โภชนํ อทาสิ. อถ นํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อาห – ‘‘ทิฏฺโ เต, ตาต, ทสพโล’’ติ? อาม อุปาสิเกติ. วนฺทิโต เต มม วจเนนาติ? อาม วนฺทิโต, โสปิ จ เม กมฺพโล ตถาคตสฺส วสนฏฺาเน ภูมตฺถรณํ กตฺวา อตฺถโตติ. กึ, ตาต, ตยา กิร สตฺถุ ธมฺมกถา กถิตา, สตฺถารา จ เต สาธุกาโร ทินฺโนติ? ตยา กถํ าตํ อุปาสิเกติ? ตาต, มยฺหํ เคเห อธิวตฺถา เทวตา ทสพเลน ตุยฺหํ สาธุการํ ทินฺนทิวเส ‘‘สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตา สาธุการํ อทํสู’’ติ อาห – ตาต, ตยา กถิตธมฺมกถํ พุทฺธานํ กถิตนิยาเมเนว มยฺหมฺปิ กเถตุํ ปจฺจาสีสามีติ. เถโร มาตุ กถํ สมฺปฏิจฺฉิ. สา ตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา ทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา ทสพลสฺส กถิตนิยาเมเนว อตฺตโน ธมฺมกถํ ¶ กถาเปสีติ วตฺถุ เอตฺถ สมุฏฺิตํ. สตฺถา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สีวลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๗. นวเม ¶ ลาภีนํ ยทิทํ สีวลีติ เปตฺวา ตถาคตํ ลาภีนํ ภิกฺขูนํ สีวลิตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลาภีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ‘‘ภควา อหมฺปิ อิมินา อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อหมฺปิ ตุมฺเหหิ โส เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต ปตฺถนา อนาคเต โคตมสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสีพุทฺธกาเล พนฺธุมตีนครโต อวิทูเร เอกสฺมึ คาเม ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ สมเย พนฺธุมตีนครวาสิโน รฺา สทฺธึ สากจฺฉิตฺวา สากจฺฉิตฺวา ทสพลสฺส ¶ ทานํ เทนฺติ. เต เอกทิวสํ สพฺเพว เอกโต หุตฺวา ทานํ เทนฺตา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ ทานมุเข นตฺถี’’ติ มธฺุจ คุฬทธิฺจ น อทฺทสํสุ. เต ‘‘ยโต กุโตจิ อาหริสฺสามา’’ติ ชนปทโต นครํ ปวิสนมคฺเค ปุริสํ เปสุํ. ตทา เอส กุลปุตฺโต อตฺตโน คามโต คุฬทธิวารกํ คเหตฺวา ‘‘กิฺจิเทว อาหริสฺสามี’’ติ นครํ คจฺฉนฺโต มุขํ โธวิตฺวา ‘‘โธตหตฺถปาโท ปวิสิสฺสามี’’ติ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นงฺคลสีสมตฺตํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ‘‘ปฺุเน เม อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา นครํ ปวิสติ. นาคเรหิ ปิตปุริโส ตํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปุริส, กสฺสิมํ อาหรสี’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. น กสฺสจิ สามิ, วิกฺกิณิตุํ ปน เม อิทํ อานีตนฺติ. เตน หิ, โภ ปุริส, อิมํ กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มธฺุจ คุฬทธิฺจ เทหีติ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ น พหุมูลํ, อยฺจ เอกปฺปหาเรเนว พหุํ เทติ, วีมํสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ . ตโต นํ ‘‘นาหํ เอกกหาปเณน เทมี’’ติ อาห. ยทิ เอวํ, ทฺเว คเหตฺวา เทหีติ. ทฺวีหิปิ น เทมีติ. เอเตนุปาเยน วฑฺฒนฺตํ วฑฺฒนฺตํ สหสฺสํ ปาปุณิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อติอฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, โหตุ ตาว, อิมสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘อิทํ น พหุอคฺฆนกํ, ตฺวฺจ พหุํ เทสิ, เกน กมฺเมน อิทํ คณฺหาสี’’ติ? อิธ, โภ, นครวาสิโน รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา วิปสฺสีทสพลสฺส ทานํ เทนฺตา อิทํ ทฺวยํ ทานมุเข อปสฺสนฺตา ปริเยสนฺติ. สเจ อิทํ ทฺวยํ น ลภิสฺสนฺติ, นาครานํ ปราชโย ภวิสฺสติ. ตสฺมา สหสฺสํ ทตฺวา คณฺหามีติ. กึ ปเนตํ นาครานเมว วฏฺฏติ, น อฺเสํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ? ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ อวาริตเมตนฺติ. อตฺถิ ปน เต โกจิ นาครานํ ทาเน เอกทิวสํ สหสฺสํ ทาตาติ? นตฺถิ สมฺมาติ. อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ สหสฺสคฺฆนกภาวํ ชานาสีติ? อาม ชานามีติ. เตน หิ คจฺฉ, นาครานํ อาจิกฺข – ‘‘เอโก ปุริโส อิมานิ ทฺเว มูเลน น เทติ, สหตฺเถเนว ทาตุกาโม, ตุมฺเห อิเมสํ ทฺวินฺนํ การณา นิรุสฺสุกฺกา โหถา’’ติ. ตฺวํ ปน เม อิมสฺมึ ทานมุเข เชฏฺกภาวสฺส กายสกฺขี โหหีติ.
โส คามวาสี ปริพฺพยตฺถํ คหิตมาสเกน ปฺจกฏุกํ คเหตฺวา จุณฺณํ กตฺวา ทธิโต กฺชิยํ วาเหตฺวา ตตฺถ มธุปฏลํ ¶ ปีเฬตฺวา ปฺจกฏุกจุณฺเณน โยเชตฺวา เอกสฺมึ ปทุมินิปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ตํ สํวิทหิตฺวา อาทาย ¶ ทสพลสฺส อวิทูเร าเน นิสีทิ. มหาชเนน อาหริยมานสฺส สกฺการสฺส อนฺตเร อตฺตโน ปตฺตวารํ โอโลกยมาโน โอกาสํ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภควา อยํ มยฺหํ ทุคฺคตปณฺณากาโร, อิมํ เม อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา ตสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ จตุมหาราชทตฺติเยน เสลมเยน ปตฺเตน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยถา อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. โสปิ กุลปุตฺโต นิฏฺิตภตฺตกิจฺจํ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อาห – ‘‘ทิฏฺโ เม ภควา อชฺช พนฺธุมตีนครวาสิเกหิ ตุมฺหากํ สกฺกาโร อาหริยมาโน, อหมฺปิ อิมสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตุ กุลปุตฺตา’’ติ วตฺวา ตสฺส จ นครวาสีนฺจ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุปฺปวาสาย ราชธีตาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย สายํ ปาตฺจ ปณฺณาการสตานิ ปาปุณนฺติ, สุปฺปวาสา สมฺปตฺตึ คจฺฉติ. อถ นํ ปฺุวีมํสนตฺถํ หตฺเถน พีชปจฺฉึ ¶ ผุสาเปนฺติ, เอเกกพีชโต สลากสตมฺปิ สลากสหสฺสมฺปิ นิคจฺฉติ. เอกกรีสเขตฺตโต ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สกฏานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โกฏฺปูรณกาเลปิ โกฏฺทฺวารํ หตฺเถน ผุสาเปนฺติ, ราชธีตาย ปฺุเน คณฺหนฺตานํ คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปริปุณฺณภตฺตกุมฺภิโตปิ ‘‘ราชธีตาย ปฺุ’’นฺติ ¶ วตฺวา ยสฺส กสฺสจิ เทนฺตานํ ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺติ, น ตาว ภตฺตํ ขียติ. ทารเก กุจฺฉิคเตเยว สตฺต วสฺสานิ อติกฺกมึสุ.
คพฺเภ ปน ปริปกฺเก สตฺตาหํ มหาทุกฺขํ อนุโภสิ. สา สามิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปุเร มรณา ชีวมานาว ทานํ ทสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ อิมํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตหิ, ยฺจ สตฺถา วเทติ, ตํ สาธุกํ อุปลกฺเขตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สาสนํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อนฺโตคามาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺส ปุเร อาคมนาเยว สุปฺปวาสาย กุจฺฉิโต ¶ ธมกรณา อุทกํ วิย คพฺโภ นิกฺขมิ, ปริวาเรตฺวา นิสินฺนชโน อสฺสุมุโขว หสิตุํ อารทฺโธ. หฏฺตุฏฺโ มหาชโน รฺโ ปุตฺตสาสนํ อาโรเจตุํ อคมาสิ.
ราชา เตสํ อิงฺคิตํ ทิสฺวาว ‘‘ทสพเลน กถิตกถา นิปฺผนฺนา มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถุ สาสนํ ราชธีตาย อาโรเจสิ. ราชธีตา ‘‘ตยา นิมนฺติตํ ชีวิตภตฺตเมว มงฺคลภตฺตํ ภวิสฺสติ, คจฺฉ สตฺตาหํ ทสพลํ นิมนฺเตหี’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. ทารโก สพฺเพสํ าตีนํ สนฺตตฺตจิตฺตํ นิพฺพาเปนฺโต ชาโตติ สีวลิทารโกตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. โส สตฺต วสฺสานิ คพฺเภ วสิตตฺตา ชาตกาลโต ปฏฺาย สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต สตฺตเม ทิวเส เตน สทฺธึ กถาสลฺลาปํ อกาสิ. สตฺถาปิ ธมฺมปเท คาถํ อภาสิ –
‘‘โยมํ ¶ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๔);
อถ นํ เถโร เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตยา เอวรูปํ ทุกฺขราสึ อนุภวิตฺวา ปพฺพชิตุํ น ¶ วฏฺฏตี’’ติ? ลภมาโน ปพฺพเชยฺยํ, ภนฺเตติ. สุปฺปวาสา ตํ ทารกํ เถเรน สทฺธึ กเถนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ กเถตี’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ตุมฺเหหิ สทฺธึ กึ กเถติ, ภทนฺเต’’ติ? อตฺตนา อนุภูตํ คพฺภวาสทุกฺขํ กเถตฺวา ตุมฺเหหิ อนฺุาโต ปพฺพชิสฺสามีติ วทตีติ. สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ นนฺติ. เถโร ตํ วิหารํ เนตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชนฺโต, ‘‘สีวลิ, น ตุยฺหํ อฺเน โอวาเทน กมฺมํ อตฺถิ, ตยา สตฺต วสฺสานิ อนุภูตทุกฺขเมว ปจฺจเวกฺขาหี’’ติ. ภนฺเต, ปพฺพาชนเมว ตุมฺหากํ ภาโร, ยํ ปน มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามีติ. โส ปมเกสวฏฺฏิยา โอหาริตกฺขเณเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยาย โอหาริตกฺขเณ สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล. สพฺเพสํเยว ปน เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุริมา อโหสิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา ยทิจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ เอตฺถ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.
อปรภาเค ¶ สตฺถา สาวตฺถึ อคมาสิ. เถโร สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปฺุํ วีมํสิสฺสามิ, ปฺจ เม ภิกฺขุสตานิ เทถา’’ติ อาห ¶ . คณฺห, สีวลีติ. โส ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา หิมวนฺตาภิมุขํ คจฺฉนฺโต อฏวิมคฺคํ คจฺฉติ. ตสฺส ปมํ ทิฏฺา นิคฺโรเธ อธิวตฺถา เทวตา สตฺต ทิวสานิ ทานํ อทาสิ. อิติ โส –
‘‘นิคฺโรธํ ปมํ ปสฺสิ, ทุติยํ ปณฺฑวปพฺพตํ;
ตติยํ อจิรวติยํ, จตุตฺถํ วรสาครํ.
‘‘ปฺจมํ หิมวนฺตํ โส, ฉฏฺํ ฉทฺทนฺตุปาคมิ;
สตฺตมํ คนฺธมาทนํ, อฏฺมํ อถ เรวต’’นฺติ.
สพฺพฏฺาเนสุ สตฺต สตฺต ทิวสาเนว ทานํ อทํสุ. คนฺธมาทนปพฺพเต ปน นาคทตฺตเทวราชา นาม สตฺตทิวเสสุ เอกทิวสํ ขีรปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เอกทิวสํ สปฺปิปิณฺฑปาตํ อทาสิ. ภิกฺขุสงฺโฆ อาห – ‘‘อาวุโส, อิมสฺส เทวรฺโ เนว เธนุโย ทุยฺหมานา ปฺายนฺติ, น ทธินิมฺมถนํ, กุโต เต, เทวราช, อิมํ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, กสฺสปทสพลสฺส กาเล ขีรสลากภตฺตทานสฺเสตํ ¶ ผล’’นฺติ เทวราชา อาห. อปรภาเค สตฺถา ขทิรวนิยเรวตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อตฺตโน สาสเน ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๘. ทสเม สทฺธาธิมุตฺตานนฺติ สทฺธาย อธิมุตฺตานํ, พลวสทฺธานํ ภิกฺขูนํ วกฺกลิตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อฺเสํ หิ สทฺธา วฑฺเฒตพฺพา โหติ, เถรสฺส ปน หาเปตพฺพา ชาตา. ตสฺมา โส สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺโคติ วุตฺโต. วกฺกลีติ ปนสฺส นามํ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล วุตฺตนเยเนว ¶ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนเยเนว สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ อิมินา อธิการกมฺเมน ตุมฺเหหิ สทฺธาธิมุตฺตานํ เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย อนาคเต ¶ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ สตฺถุกาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, วกฺกลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วุทฺธิปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ทสพลํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ สาวตฺถิยํ จรนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ สรีรสมฺปตฺตึ โอโลเกนฺโต สรีรสมฺปตฺติทสฺสเนน อติตฺโต ทสพเลน สทฺธึเยว วิจรติ. วิหารํ คจฺฉนฺเตน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สรีรนิปฺผตฺตึ โอโลเกนฺโตว ติฏฺติ. ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส สมฺมุขฏฺาเน ิโต ธมฺมํ สุณาติ. โส สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อคารมชฺเฌ วสนฺโต นิพทฺธํ ทสพลสฺส ทสฺสนํ น ลภิสฺสามี’’ติ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ.
ตโต ปฏฺาย เปตฺวา อาหารกรณเวลํ อวเสสกาเล ยตฺถ ิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ิโต โยนิโสมนสิการํ ปหาย ทสพลํ โอโลเกนฺโตว วิหรติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต ทีฆมฺปิ อทฺธานํ ตสฺมึ รูปทสฺสนวเสเนว วิจรนฺเต กิฺจิ อวตฺวา ‘‘อิทานิสฺส ¶ าณํ ปริปากคตํ, สกฺกา เอตํ โพเธตุ’’นฺติ ตฺวา เอวมาห – ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสติ. ธมฺมฺหิ, วกฺกลิ ¶ , ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสติ, มํ ปสฺสนฺโต ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ.
สตฺถริ เอวํ โอวทนฺเตปิ เถโร ทสพลสฺส ทสฺสนํ ปหาย เนว อฺตฺถ คนฺตุํ สกฺโกติ. ตโต สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คนฺตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลี’’ติ เถรํ ปณาเมติ. พุทฺธา จ นาม อาเทยฺยวจนา โหนฺติ, ตสฺมา เถโร สตฺถารํ ปฏิปฺผริตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺโต เตมาสํ ทสพลสฺส สมฺมุเข อาคนฺตุํ อวิสหนฺโต ‘‘กึ ทานิ สกฺกา กาตุํ, ตถาคเตนมฺหิ ปณามิโต, สมฺมุขีภาวํ น ลภามิ, กึ มยฺหํ ชีวิเตนา’’ติ คิชฺฌกูฏปพฺพเต ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. สตฺถา ตสฺส กิลมนภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภนฺโต ¶ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสตุํ โอภาสํ วิสฺสชฺเชสิ. อถสฺส สตฺถุ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย เอว มหนฺตํ โสกสลฺลํ ปหีนํ. สตฺถา สุกฺขตฬาเก โอฆํ อาหรนฺโต วิย วกฺกลิตฺเถรสฺส พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตุํ ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑);
วกฺกลิตฺเถรสฺส จ ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เถโร ‘‘ทสพโล เม ทิฏฺโ, เอหีติ อวฺหายนมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต คจฺฉามี’’ติ อตฺตโน คมนภาวํ อชานิตฺวาว ทสพลสฺส สมฺมุเข อากาเส ปกฺขนฺทิตฺวา ปมปาเทน ปพฺพเต ิโตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถํ ¶ อาวชฺเชนฺโต อากาเสเยว ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตํ วนฺทมาโนว โอตริ. อปรภาเค สตฺถา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ทุติยวคฺควณฺณนา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๓. ตติยเอตทคฺควคฺโค
๒๐๙. ตติยวคฺคสฺส ¶ ปเม สิกฺขากามานนฺติ ติสฺโส สิกฺขา กามยมานานํ สมฺปิยายิตฺวา สิกฺขนฺตานนฺติ อตฺโถ. ราหุโลติ อตฺตโน ปุตฺตํ ราหุลตฺเถรํ ทสฺเสติ. เถโร กิร ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ปาโตว อุฏฺหนฺโต หตฺถปูรํ วาลิกํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อโห วตาหํ อชฺช ทสพลสฺส เจว อาจริยุปชฺฌายานฺจ สนฺติกา เอตฺตกํ โอวาทฺเจว อนุสาสนิฺจ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺเถติ. ตสฺมา สิกฺขากามานํ อคฺโค นาม ชาโตติ.
๒๑๐. ทุติเย สทฺธาปพฺพชิตานนฺติ สทฺธาย ปพฺพชิตานํ. รฏฺปาโลติ รฏฺํ ปาเลตุํ สมตฺโถ, ภินฺนํ วา รฏฺํ สนฺธาเรตุํ สมตฺเถ กุเล ชาโตติปิ ¶ รฏฺปาโลติ สงฺขํ คโต. โส หิ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ จุทฺทสภตฺตจฺเฉเท กตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิโต. ตสฺมา สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ราหุล-รฏฺปาลตฺเถรวตฺถุ
อิเมสํ ปน อุภินฺนมฺปิ เถรานํ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – เอเต กิร ทฺเวปิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ ทหรกาเล นามํ วา โคตฺตํ วา น กถิยติ. วยปฺปตฺตา ปน ฆราวาเส ปติฏฺาย อตฺตโน อตฺตโน ปิตุ อจฺจเยน อุโภปิ อตฺตโน อตฺตโน ¶ รตนโกฏฺาคารกมฺมิเก ปกฺโกสาเปตฺวา อปริมาณํ ธนํ ทิสฺวา – ‘‘อิมํ เอตฺตกํ ธนราสึ อยฺยกปยฺยกาทโย อตฺตนา สทฺธึ คเหตฺวา คนฺตุํ นาสกฺขึสุ, อมฺเหหิ ทานิ เยน เกนจิ อุปาเยน อิมํ ธนํ คเหตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เต อุโภปิ ชนา จตูสุ าเนสุ กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ทาตุํ อารทฺธา. เอโก อตฺตโน ทานคฺเค อาคตาคตชนํ ปุจฺฉิตฺวา ยาคุขชฺชกาทีสุ ยสฺส ยํ ปฏิภาติ, ตสฺส ตํ อทาสิ, ตสฺส เตเนว การเณน อาคตปาโกติ ¶ นามํ ชาตํ. อิตโร อปุจฺฉิตฺวาว คหิตคหิตภาชนํ ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา เทติ, ตสฺสปิ เตเนว การเณน อนคฺคปาโกติ นามํ ชาตํ, อปฺปมาณปาโกติ อตฺโถ.
เต อุโภปิ เอกทิวสํ ปาโตว มุขโธวนตฺถํ พหิคามํ อคมํสุ. ตสฺมึ สมเย หิมวนฺตโต ทฺเว มหิทฺธิกา ตาปสา ภิกฺขาจารตฺถาย อากาเสน อาคนฺตฺวา เตสํ สหายกานํ อวิทูเร โอตริตฺวา ‘‘มา โน เอเต ปสฺสึสู’’ติ เอกปสฺเส อฏฺํสุ. เต อุโภปิ ชนา เตสํ ลาพุภาชนาทิปริกฺขารํ สํวิธาย อนฺโตคามํ สนฺธาย ภิกฺขาย คตานํ สนฺติกํ อาคมฺม วนฺทึสุ. อถ เน ตาปสา ‘‘กาย เวลาย อาคตตฺถ มหาปฺุา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘อธุนาว, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ¶ เตสํ หตฺถโต ลาพุภาชนํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน นิพทฺธํ ภิกฺขาคหณตฺถํ ปฏิฺํ คณฺหึสุ.
เตสุ เอโก ตาปโส สปริฬาหกายธาตุโก โหติ. โส อตฺตโน อานุภาเวน มหาสมุทฺทอุทกํ ทฺเวธา กตฺวา ปถวินฺธรนาคราชสฺส ภวนํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทติ. โส อุตุสปฺปายํ คเหตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากสฺส เคเห ภตฺตานุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘ปถวินฺธรนาคภวนํ วิย ¶ โหตู’’ติ วทติ. อถ นํ เอกทิวสํ อุปฏฺาโก ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อนุโมทนํ กโรนฺตา ‘ปถวินฺธรนาคภวนํ วิย โหตู’ติ วทถ, มยมสฺส อตฺถํ น ชานาม, กึ วุตฺตํ โหติ อิทํ, ภนฺเต’’ติ? อาม, กุฏุมฺพิย อหํ ‘‘ตุมฺหากํ สมฺปตฺติ ปถวินฺธรนาคราชสมฺปตฺติสทิสา โหตู’’ติ วทามีติ. กุฏุมฺพิโก ตโต ปฏฺาย ปถวินฺธรนาคราชภวเน จิตฺตํ เปสิ.
อิตโร ตาปโส ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา สฺุเ เสริสกวิมาเน ทิวาวิหารํ กโรติ. โส อาคจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต จ สกฺกสฺส เทวราชสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา อตฺตโน อุปฏฺากสฺส อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘สกฺกวิมานํ วิย โหตู’’ติ วทติ. อถ นํ โสปิ กุฏุมฺพิโย อิตโร สหายโก ตํ ตาปสํ วิย ปุจฺฉิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สกฺกภวเน จิตฺตํ เปสิ. เต อุโภปิ ปตฺถิตฏฺาเนสุเยว นิพฺพตฺตา.
ปถวินฺธรภวเน นิพฺพตฺโต ปถวินฺธรนาคราชา นาม ชาโต. โส นิพฺพตฺตกฺขเณ อตฺตโน อตฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘อมนาปสฺส วต เม านสฺส กุลุปกตาปโส วณฺณํ กเถสิ, อุเรน ปริสกฺกิตฺวา ¶ วิจรณฏฺานเมตํ, นูน โส อฺํ านํ น ชานาตี’’ติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. อถสฺส ตํขเณเยว อลงฺกตปฏิยตฺตานิ นาคนาฏกานิ สพฺพทิสาสุ ตูริยานิ ปคฺคณฺหึสุ. โส ตสฺมึเยว ขเณ ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มาณวกวณฺณี อโหสิ. อนฺวทฺธมาสฺจ จตฺตาโร มหาราชาโน สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตสฺมา โสปิ วิรูปกฺเขน นาครฺา สทฺธึ สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คโต. สกฺโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สฺชานิ. อถ นํ สมีเป อาคนฺตฺวา ิตกาเล ‘‘กหํ นิพฺพตฺโตสิ ¶ สมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. มา กเถสิ, มหาราช, อุเรน ปริสกฺกนฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหิ, ตุมฺเห ปน กลฺยาณมิตฺตํ ลภิตฺถาติ. สมฺม, ตฺวํ ‘‘อฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหี’’ติ มา วิตกฺกยิ ¶ , ปทุมุตฺตรทสพโล โลเก นิพฺพตฺโต, ตสฺส อธิการกมฺมํ กตฺวา อิมํเยว านํ ปตฺเถหิ, อุโภ สุขํ วสิสฺสามาติ. โส ‘‘เอวํ, เทว, กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปทุมุตฺตรทสพลํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน นาคภวเน นาคปริสาย สทฺธึ สพฺพรตฺตึ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชสิ.
สตฺถา ปุนทิวเส อุฏฺิเต อรุเณ อตฺตโน อุปฏฺากํ สุมนตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘สุมน, อชฺช ตถาคโต ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, มา ปุถุชฺชนภิกฺขู อาคจฺฉนฺตุ, เตปิฏกา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา ฉฬภิฺาว อาคจฺฉนฺตู’’ติ. เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา สพฺเพสํ อาโรเจสิ. สตฺถารา สทฺธึ สตสหสฺสา ภิกฺขู อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. ปถวินฺธโร นาคปริสาย สทฺธึ ทสพลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อาคโต สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา สมุทฺทมตฺถเก มณิวณฺณา อูมิโย มทฺทมานํ ภิกฺขุสงฺฆํ โอโลเกตฺวา อาทิโต สตฺถารํ, ปริโยสาเน สงฺฆนวกํ ตถาคตสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตสามเณรํ นาม โอโลเกนฺโต ‘‘อนจฺฉริโย เสสสาวกานํ เอวรูโป อิทฺธานุภาโว, อิมสฺส ปน ตรุณพาลทารกสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว อติวิย อจฺฉริโย’’ติ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทสิ.
อถสฺส ภวเน ทสพเล นิสินฺเน เสสภิกฺขูสุ โกฏิโต ปฏฺาย นิสีทนฺเตสุ สตฺถุ สมฺมุขฏฺาเนเยว อุปเรวตสามเณรสฺส อาสนํ ปาปุณิ. นาคราชา ยาคุํ เทนฺโตปิ ขชฺชกํ เทนฺโตปิ สกึ ทสพลํ โอโลเกติ, สกึ อุปเรวตสามเณรํ. ตสฺส กิร สรีเร สตฺถุ สรีเร วิย ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานิ ปฺายนฺติ. ตโต นาคราชา ‘‘อยํ สามเณโร พุทฺธานํ สทิโส ปฺายติ, กึ นุ โข ¶ โหตี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนํ อฺตรํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, สามเณโร ทสพลสฺส กึ โหตี’’ติ? ปุตฺโต, มหาราชาติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มหา ¶ วตายํ ภิกฺขุ, เอวรูปสฺส โสภคฺคปฺปตฺตสฺส ตถาคตสฺส ปุตฺตภาวํ ลภิ. สรีรมฺปิสฺส เอกเทเสน พุทฺธานํ สรีรสทิสํ ปฺายติ, มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺสานุภาเวน อยํ อุปเรวโต วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส ปุตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ¶ อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส ปุตฺโต ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
ปถวินฺธโรปิ ปุน อทฺธมาเส สมฺปตฺเต วิรูปกฺเขน สทฺธึ สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คโต. อถ นํ สมีเป ิตํ สกฺโก ปุจฺฉิ – ‘‘ปตฺถิโต เต, สมฺม, อยํ เทวโลโก’’ติ? น ปตฺถิโต มหาราชาติ. กึ โทสํ อทฺทสาติ? โทโส นตฺถิ, มหาราช, อหํ ปน ทสพลสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตสามเณรํ ปสฺสึ. ตสฺส เม ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย อฺตฺถ จิตฺตํ น นมิ, สฺวาหํ ‘‘อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส เอวรูโป ปุตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสึ. ตฺวมฺปิ, มหาราช, เอกํ ปตฺถนํ กโรหิ, เต มยํ นิพฺพตฺตฏฺาเน น วินา ภวิสฺสามาติ. สกฺโก ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกํ มหานุภาวํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘กตรกุลา นุ โข นิกฺขมิตฺวา อยํ กุลปุตฺโต ปพฺพชิโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ ภินฺนํ รฏฺํ สนฺธาเรตุํ สมตฺถสฺส กุลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา จุทฺทส ภตฺตจฺเฉเท กตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิโต’’ติ อฺาสิ. ตฺวา จ ปน อชานนฺโต วิย ทสพลํ ปุจฺฉิตฺวา สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส กลฺยาณกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตุมฺหากํ สาสเน อยํ กุลปุตฺโต วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ¶ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ, มหาราช, อนาคเต โคตมสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. สกฺโกปิ อตฺตโน เทวปุรเมว คโต.
เต อุโภปิ นิพฺพตฺตฏฺานโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตา อเนกสหสฺสกปฺเป อติกฺกมึสุ. อิโต ปน ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺโส นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปิตา มหินฺโท นาม ราชา อโหสิ, เวมาติกา ตโย กนิฏฺภาตโร. ราชา ทิวเส ทิวเส ‘‘มยฺหํเยว พุทฺโธ มยฺหํ ธมฺโม มยฺหํ สงฺโฆ’’ติ มมายนฺโต สยเมว ทสพลํ นิพทฺธํ โภชนํ โภเชติ.
อถสฺส เอกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ปุตฺเต อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, ปจฺจนฺโต กุปิโต ¶ , ตุมฺเหหิ วา มยา วา คนฺตพฺพํ. ยทิ อหํ คจฺฉามิ, ตุมฺเหหิ อิมินา นิยาเมน ทสพโล ปริจริตพฺโพ’’ติ. เต ตโยปิ เอกปฺปหาเรเนว อาหํสุ – ‘‘ตาต, ตุมฺหากํ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยํ ¶ โจเร วิธมิสฺสามา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา โจเร วิธมิตฺวา วิชิตสงฺคามา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. เต อนฺตรามคฺเค ปาทมูลิเกหิ สทฺธึ มนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ คตกฺขเณเยว ปิตา วรํ ทสฺสติ, กตรํ วรํ คณฺหามา’’ติ? อยฺยา, ตุมฺหากํ ปิตุ อจฺจเยน ทุลฺลภํ นาม นตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน เชฏฺภาติกํ ผุสฺสพุทฺธํ ปฏิชคฺคนวรํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘กลฺยาณํ ตุมฺเหหิ วุตฺต’’นฺติ สพฺเพปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา คนฺตฺวา ปิตรํ อทฺทสํสุ. ตทา ปิตา เตสํ ปสีทิตฺวา วรํ อทาสิ. เต ‘‘เตมาสํ ตถาคตํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ วรํ ยาจึสุ. ราชา ‘‘อยํ ทาตุํ น สกฺกา, อฺํ วรํ คณฺหถา’’ติ อาห. ตาต, อมฺหากํ อฺเน วเรน กิจฺจํ นตฺถิ, สเจ ตุมฺเห ทาตุกามา, เอตํเยว ¶ โน วรํ เทถาติ. ราชา เตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ อตฺตนา ปฏิฺาตตฺตา ‘‘น สกฺกา น ทาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘ตาตา, อหํ ตุมฺหากํ วรํ เทมิ, อปิจ โข ปน พุทฺธา นาม ทุราสทา โหนฺติ สีหา วิย เอกจรา, ทสพลํ ปฏิชคฺคนฺตา อปฺปมตฺตา ภเวยฺยาถา’’ติ.
เต จินฺตยึสุ – ‘‘อมฺเหหิ ตถาคตํ ปฏิชคฺคนฺเตหิ อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺเพปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา ทสสีลานิ สมาทาย นิรามคนฺธา หุตฺวา สตฺถุ ทานคฺคปริวหนเก ตโย ปุริเส ปยึสุ. เตสุ เอโก ธนธฺุปฺปาทโก อโหสิ, เอโก มาปโก, เอโก ทานสํวิธายโก. เตสุ ธนธฺุปฺปาทโก ปจฺจุปฺปนฺเน พิมฺพิสาโร มหาราชา ชาโต, มาปโก วิสาโข อุปาสโก, ทานสํวิธายโก รฏฺปาลตฺเถโรติ. โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺโต. อยํ ปน ราหุลตฺเถโร นาม กสฺสปทสพลสฺส กาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ เชฏฺปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ปถวินฺธรกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. ตสฺส สตฺต ภคินิโย อเหสุํ. ตา ทสพลสฺส สตฺต ปริเวณานิ การยึสุ. ปถวินฺธโร โอปรชฺชํ ลภิ. โส ตา ภคินิโย อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ การิตปริเวเณสุ มยฺหมฺปิ เอกํ เทถา’’ติ. ภาติก, ตุมฺเห อุปราชฏฺาเน ิตา, ตุมฺเหหิ นาม อมฺหากํ ทาตพฺพํ, ตุมฺเห อฺํ ปริเวณํ กโรถาติ. โส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ปฺจ วิหารสตานิ กาเรสิ. ปฺจ ปริเวณสตานีติปิ วทนฺติ. โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺติ. อิมสฺมึ ปน พุทฺธุปฺปาเท ปถวินฺธรกุมาโร อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส ¶ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส สหายโก กุรุรฏฺเ ถุลฺลโกฏฺิตนิคเม รฏฺปาลเสฏฺิเคเห นิพฺพตฺติ.
อถ ¶ อมฺหากํ ทสพโล อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ¶ ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๐๕) อาคตเมว. เอวํ ปพฺพชิตสฺส ปนสฺส สตฺถา อภิณฺหโอวาทวเสน ราหุโลวาทสุตฺตํ อภาสิ. ราหุโลปิ ปาโตว วุฏฺาย หตฺเถน วาลุกํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ทสพลสฺส เจว อาจริยุปชฺฌายานฺจ สนฺติกา อชฺช เอตฺตกํ โอวาทํ ลเภยฺย’’นฺติ วทติ. ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ ‘‘โอวาทกฺขโม วต ราหุลสามเณโร ปิตุ อนุจฺฉวิโก ปุตฺโต’’ติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘มยิ คเต เอกา ธมฺมเทสนา จ วฑฺฒิสฺสติ, ราหุลสฺส จ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ พุทฺธาสาเน นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. ราหุลสามเณรสฺส โอวาทกฺขมภาวํ กเถม ภควาติ. สตฺถา อิมสฺมึ าเน ตฺวา ราหุลสฺส คุณทีปนตฺถํ มิคชาตกํ อาหริตฺวา กเถสิ –
‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถมเนกมายํ,
อฏฺกฺขุรํ อฑฺฒรตฺตา ปปายึ;
เอเกน โสเตน ฉมา’สฺสสนฺโต,
ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนยฺโย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๖);
อถสฺส สตฺตวสฺสิกสามเณรกาเล ‘‘มา เหว โข ราหุโล ทหรภาเวน กีฬนตฺถายปิ สมฺปชานมุสา ภาเสยฺยา’’ติ อมฺพลฏฺิยราหุโลวาทํ (ม. นิ. ๒.๑๐๗ อาทโย) เทเสสิ. อฏฺารสวสฺสิกสามเณรกาเล ตถาคตสฺส ปจฺฉโต ปิณฺฑาย ปวิสนฺตสฺส สตฺถุ เจว อตฺตโน จ รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา เคหสิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกนฺตสฺส ‘‘ยํกิฺจิ, ราหุล, รูป’’นฺติอาทินา ¶ นเยน มหาราหุโลวาทสุตฺตนฺตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๓) กเถสิ. สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) ปน ราหุโลวาโทปิ องฺคุตฺตเร (อ. นิ. ๔.๑๗๗) ราหุโลวาโทปิ เถรสฺส วิปสฺสนาจาโรเยว. อถสฺส สตฺถา าณปริปากํ ตฺวา อวสฺสิกภิกฺขุกาเล อนฺธวเน นิสินฺโน จูฬราหุโลวาทํ (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน ราหุลตฺเถโร โกฏิสตสหสฺสเทวตาหิ สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ, โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิเทวตานํ ¶ คณนา นตฺถิ. อถ สตฺถา อปรภาเค อริยสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ อิมสฺมึ สาสเน สิกฺขากามานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
สตฺถริ ¶ ปน กุรุรฏฺเ จาริกาย นิกฺขมิตฺวา ถุลฺลโกฏฺิตํ อนุปฺปตฺเต รฏฺปาโล กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ อาณตฺติยา อฺตรสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย เสฏฺิคหปติ ภิกฺขู อตฺตโน นิเวสนทฺวาเรน คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ ตุมฺหากํ อิมสฺมึ เคเห กมฺมํ, เอโกว ปุตฺตโก อโหสิ, ตํ คณฺหิตฺวา คตตฺถ, อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ อกฺโกสติ ปริภาสติ. สตฺถา อทฺธมาสํ ถุลฺลโกฏฺิเต วสิตฺวา ปุน สาวตฺถิเมว อคมาสิ. ตตฺถายสฺมา รฏฺปาโล โยนิโส มนสิกโรนฺโต กมฺมํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส สตฺถารํ อนุชานาเปตฺวา มาตาปิตโร ทสฺสนตฺถํ ถุลฺลโกฏฺิตํ คนฺตฺวา ตตฺถ สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปิตุ นิเวสเน อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ลภิตฺวา ตํ อมตํ วิย ปริภฺุชนฺโต ปิตรา นิมนฺติโต อธิวาเสตฺวา ทุติยทิวเส ¶ ปิตุ นิเวสเน ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเต อิตฺถิชเน อสุภสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ิตโกว ธมฺมํ เทเสตฺวา ชิยา มุตฺโต วิย นาราโจ อากาสํ อุปฺปติตฺวา โกรพฺยรฺโ มิคจีรํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสินฺโน ทสฺสนตฺถาย อาคตสฺส รฺโ จตุปาริชฺุปฏิมณฺฑิตํ ธมฺมํ (ม. นิ. ๒.๓๐๔) เทเสตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน ปุน สตฺถุ สนฺติกํเยว อาคโต. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อถ สตฺถา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ อิมสฺมึ สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ กุลปุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กุณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ
๒๑๑. ตติเย ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานนฺติ สพฺพปมํ สลากคาหกานํ ภิกฺขูนํ กุณฺฑธานตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร เถโร มหาสุภทฺทาย นิมนฺติตทิวเส ตถาคเต อุคฺคนครํ คจฺฉนฺเต ‘‘อชฺช สตฺถา ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา สลากํ มา คณฺหนฺตุ, ปฺจสตา ¶ ขีณาสวาว คณฺหนฺตู’’ติ วุตฺเต ปมเมว สีหนาทํ นทิตฺวา สลากํ คณฺหิ. จูฬสุภทฺทาย นิมนฺติตทิวเส ตถาคเต สาเกตํ คจฺฉนฺเตปิ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนฺตเร ปมเมว สลากํ คณฺหิ, สุนาปรนฺตชนปทํ คจฺฉนฺเตปิ. อิเมหิ การเณหิ เถโร ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. กุณฺฑธาโนติ ปนสฺส นามํ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ¶ นิพฺพตฺโต วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา พุทฺธานํ อธิการกมฺมํ ¶ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล ภูมฏฺกเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺจ นาม น อนฺวทฺธมาสิโก อุโปสโถ โหติ. วิปสฺสีทสพลสฺส หิ ฉพฺพสฺสนฺตเร ฉพฺพสฺสนฺตเร อุโปสโถ อโหสิ, กสฺสปทสพโล ปน ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิ. ตสฺส ปาติโมกฺขํ โอสารณกาเล ทิสาวาสิกา ทฺเว สหายกา ภิกฺขู ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติ. อยํ ภุมฺมเทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ เมตฺติ อติวิย ทฬฺหา, กึ นุ โข เภทเก สติ ภิชฺเชยฺย, น ภิชฺเชยฺยา’’ติ? เตสํ โอกาสํ โอโลกยมานา เตสํ อวิทูเรเนว คจฺฉติ.
อเถโก เถโร เอกสฺส หตฺเถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา สรีรวฬฺชนตฺถํ อุทกผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา โธตหตฺถปาโท หุตฺวา คุมฺพสภาคโต นิกฺขมติ. ภุมฺมเทวตา ตสฺส เถรสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อุตฺตมรูปา อิตฺถี หุตฺวา เกเส วิธุนิตฺวา สํวิธาย พนฺธนฺตี วิย ปิฏฺิโต ปํสุํ ปฺุฉมานา วิย สาฏกํ สํวิธาย นิวาสยมานา วิย จ หุตฺวา เถรสฺส ปทานุปทิกา หุตฺวา คุมฺพโต นิกฺขนฺตา. เอกมนฺเต ิโต สหายกตฺเถโร อิมํ การณํ ทิสฺวา โทมนสฺสชาโต ‘‘นฏฺโ ทานิ เม อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ทีฆรตฺตานุคโต สิเนโห. สจาหํ เอวํวิธภาวํ ชาเนยฺยํ, เอตฺตกํ อทฺธานํ อิมินา สทฺธึ วิสฺสาสํ น กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺเสวสฺส ‘‘หนฺทาวุโส, ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ, ตาทิเสน ปาเปน สหาเยน สทฺธึ เอกมคฺคํ น คจฺฉามี’’ติ อาห ¶ . ตํ กถํ สุตฺวา ตสฺส ¶ ลชฺชิภิกฺขุโน หทยํ ติขิณสตฺตึ คเหตฺวา วิทฺธํ วิย อโหสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘อาวุโส, กึ นาเมตํ วทสิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกฏมตฺตมฺปิ อาปตฺตึ น ชานามิ. ตฺวํ ปน มํ อชฺช ‘ปาโป’ติ วทสิ, กึ เต ทิฏฺ’’นฺติ? กึ อฺเน ทิฏฺเน, กึ ตฺวํ เอวํวิเธน อลงฺกตปฏิยตฺเตน มาตุคาเมน สทฺธึ เอกฏฺาเน หุตฺวา นิกฺขนฺโตติ? นตฺเถตํ, อาวุโส, มยฺหํ, นาหํ เอวรูปํ มาตุคามํ ปสฺสามีติ. ตสฺส ยาวตติยํ กเถนฺตสฺสาปิ อิตโร เถโร กถํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตนา ทิฏฺการณํเยว อตฺถํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ เอกมคฺเคน อคนฺตฺวา อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํ คโต. อิตโรปิ อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํเยว คโต.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ ปวิสนเวลาย โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ อุโปสถคฺเค สฺชานิตฺวา ¶ ‘‘อิมสฺมึ อุโปสถคฺเค เอวรูโป นาม ปาปภิกฺขุ อตฺถิ, นาหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. ภุมฺมเทวตา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ มหลฺลกอุปาสกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน ิโต’’ติ อาห. อุปาสก, อิมํ อุโปสถคฺคํ เอโก ปาปภิกฺขุ ปวิฏฺโ, อหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ น กโรมีติ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหิ ิโตมฺหีติ. ภนฺเต, มา เอวํ คณฺหถ, ปริสุทฺธสีโล เอส ภิกฺขุ. ตุมฺเหหิ ทิฏฺมาตุคาโม นาม อหํ, มยา ตุมฺหากํ วีมํสนตฺถาย ‘‘ทฬฺหา นุ โข อิเมสํ เถรานํ เมตฺติ, โน ทฬฺหา’’ติ ลชฺชิอลชฺชิภาวํ โอโลเกนฺเตน ตํ กมฺมํ กตนฺติ. โก ปน ตฺวํ สปฺปุริสาติ? อหํ เอกา ภุมฺมเทวตา, ภนฺเตติ. เทวปุตฺโต กเถนฺโตว ทิพฺพานุภาเวน ¶ ตฺวา เถรสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ขมถ, เอตํ โทสํ เถโร น ชานาติ, อุโปสถํ กโรถา’’ติ เถรํ ยาจิตฺวา อุโปสถคฺคํ ปเวเสสิ. โส เถโร อุโปสถํ ตาว เอกฏฺาเน อกาสิ, มิตฺตสนฺถววเสน น ปุน เตน สทฺธึ เอกฏฺาเน อโหสีติ. อิมสฺส เถรสฺส กมฺมํ น กถิยติ, จุทิตกตฺเถโร ปน อปราปรํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ภุมฺมเทวตา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอกํ พุทฺธนฺตรํ อปายโต น มุจฺจิตฺถ. สเจ ปน กาเลน กาลํ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, อฺเน เยน เกนจิ กโต โทโส ตสฺเสว อุปริ ปตติ. โส อมฺหากํ ภควโต ¶ กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ธานมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา มหลฺลกกาเล สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย เอกา อลงฺกตปฏิยตฺตา อิตฺถี ตสฺมึ คามํ ปวิสนฺเต สทฺธึเยว คามํ ปวิสติ, นิกฺขมนฺเต นิกฺขมติ. วิหารํ ปวิสนฺเตปิ ปวิสติ, ติฏฺนฺเตปิ ติฏฺตีติ เอวํ นิจฺจานุพนฺธา ปฺายติ. เถโร ตํ น ปสฺสติ, ตสฺส ปน ปุริมสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน สา อฺเสํ อุปฏฺาติ.
คาเม ยาคุภิกฺขํ ททมานา อิตฺถิโย, ‘‘ภนฺเต, อยํ เอโก ยาคุอุฬุงฺโก ตุมฺหากํ, เอโก อิมิสฺสา อมฺหากํ สหายิกายา’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. เถรสฺส มหตี วิเหสา โหติ. วิหารํ คตมฺปิ นํ สามเณรา เจว ทหรภิกฺขู จ ปริวาเรตฺวา ‘‘ธาโน โกณฺโฑ ชาโต’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. อถสฺส เตเนว การเณน กุณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ ชาตํ ¶ . โส อุฏฺาย สมุฏฺาย เตหิ กยิรมานํ เกฬึ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุมฺมาทํ คเหตฺวา ‘‘ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺหากํ อุปชฺฌายา โกณฺฑา ¶ , อาจริยา โกณฺฑา’’ติ วทติ. อถ นํ สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘กุณฺฑธาโน ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ เอวํ ผรุสวาจํ วทตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. ภนฺเต, นิพทฺธํ วิเหสํ อสหนฺโต เอวํ กเถมีติ. ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ยาวชฺชทิวสา ชีราเปตุํ น สกฺโกสิ, ปุน เอวรูปํ ผรุสํ มา วท ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อาห –
‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.
‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;
เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๓-๑๓๔);
อิมฺจ ปน ตสฺส เถรสฺส มาตุคาเมน สทฺธึ วิจรณภาวํ โกสลรฺโปิ กถยึสุ. ราชา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, วีมํสถา’’ติ เปเสตฺวา สยมฺปิ มนฺเทเนว ปริวาเรน สทฺธึ เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกมนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เถโร สูจิกมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ, สาปิสฺส อิตฺถี อวิทูเร าเน ิตา วิย ปฺายติ.
ราชา ¶ ตํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิทํ การณ’’นฺติ ตสฺสา ิตฏฺานํ อคมาสิ. สา ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต เถรสฺส วสนปณฺณสาลํ ปวิฏฺา วิย อโหสิ. ราชาปิ ¶ ตาย สทฺธึเยว ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สพฺพตฺถ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา ‘‘นายํ มาตุคาโม, เถรสฺส เอโก กมฺมวิปาโก’’ติ สฺํ กตฺวา ปมํ เถรสฺส สมีเปน คจฺฉนฺโตปิ เถรํ อวนฺทิตฺวา ตสฺส การณสฺส อภูตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘วฏฺฏติ มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ชานามิ, ภนฺเต, อยฺยสฺส กถํ, เอวรูเปน จ ปริกฺกิเลเสน สทฺธึ จรนฺตานํ ตุมฺหากํ เก นาม ปสีทิสฺสนฺติ, อิโต ปฏฺาย โว กตฺถจิ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามิ, ตุมฺเห โยนิโสมนสิกาเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ นิพทฺธํ ภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา ¶ โภชนสปฺปาเยน เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต ปฏฺาย สา อิตฺถี อนฺตรธายิ.
มหาสุภทฺทา อุคฺคนคเร มิจฺฉาทิฏฺิกุเล วสมานา ‘‘สตฺถา มํ อนุกมฺปตู’’ติ อุโปสถํ อธิฏฺาย นิรามคนฺธา หุตฺวา อุปริปาสาทตเล ิตา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ อนฺตเร อฏฺตฺวา ทสพลสฺส มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺตุ, ทสพโล อิมาย สฺาย สฺเว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อฏฺ สุมนปุปฺผมุฏฺิโย วิสฺสชฺเชสิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. สตฺถา ตํ สุมนปุปฺผวิตานํ ทิสฺวา จิตฺเตเนว สุภทฺทาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, มยํ อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสาม, ปุถุชฺชนานํ อทตฺวา อริยานํเยว สลากํ เทหี’’ติ. เถโร ภิกฺขูนํ ¶ อาโรเจสิ – ‘‘อาวุโส, สตฺถา อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา มา คณฺหนฺตุ, อริยาว สลากํ คณฺหนฺตู’’ติ. กุณฺฑธานตฺเถโร ‘‘อาหราวุโส, สลาก’’นฺติ ปมํเยว หตฺถํ ปสาเรสิ. อานนฺทา ‘‘สตฺถา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ สลากํ น ทาเปติ, อริยานํเยว ทาเปตี’’ติ วิตกฺกํ อุปฺปาเทตฺวา คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘อาหราเปนฺตสฺส สลากํ เทหี’’ติ อาห. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สเจ กุณฺฑธานสฺส สลากา ทาตุํ น ¶ ยุตฺตา อสฺส, อถ สตฺถา ปฏิพาเหยฺย, ภวิสฺสติ เอกํ การณ’’นฺติ. ‘‘กุณฺฑธานสฺส สลากํ ทสฺสามี’’ติ คมนํ อภินีหริ. กุณฺฑธานตฺเถโร ตสฺส ปุเร อาคมนาว อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา อากาเส ตฺวา ‘‘อาหราวุโส อานนฺท, สตฺถา มํ ชานาติ, มาทิสํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตํ น สตฺถา วาเรตี’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา สลากํ คณฺหิ. สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อิมสฺมึ สาสเน ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ
๒๑๒. จตุตฺเถ ปฏิภานวนฺตานนฺติ สมฺปนฺนปฏิภานานํ วงฺคีสตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ กิร เถโร ทสพลสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺโต จกฺขุปถโต ปฏฺาย จนฺเทน สทฺธึ อุปเมตฺวา, สูริเยน, อากาเสน, มหาสมุทฺเทน, หตฺถินาเคน, สีเหน มิครฺา สทฺธึ อุปเมตฺวาปิ อเนเกหิ ปทสเตหิ ¶ ปทสหสฺเสหิ สตฺถุ วณฺณํ วทนฺโตเยว อุปสงฺกมติ. ตสฺมา ปฏิภานวนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา ปุริมนเยเนว วิหารํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ปฏิภานวนฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. วงฺคีสมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหนฺโต อาจริยํ อาราเธตฺวา ฉวสีสมนฺตํ นาม สิกฺขิตฺวา ฉวสีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นาม นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ.
พฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ชีวิกมคฺโค’’ติ ตฺวา วงฺคีสมาณวํ ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทาเปตฺวา คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา นครทฺวาเร วา นิคมทฺวาเร วา เปตฺวา มหาชนสฺส ราสิภูตภาวํ ตฺวา ‘‘โย วงฺคีสํ ปสฺสติ, โส ธนํ วา ลภติ, ยสํ วา ลภติ, สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. เตสํ กถํ สุตฺวา พหู ชนา ลฺชํ ทตฺวา ปสฺสิตุกามา โหนฺติ. ราชราชมหามตฺตา ¶ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โก อาจริยสฺส ชานวิเสโส’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ตุมฺเห น ชานาถ, สกลชมฺพุทีเป อมฺหากํ อาจริยสทิโส อฺโ ปณฺฑิโต นาม นตฺถิ, ติวสฺสมตฺถเก มตกานํ สีสํ อาหราเปตฺวา นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ. วงฺคีโสปิ มหาชนสฺส กงฺขเฉทนตฺถํ เต เต ชเน อาวาเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน คตึ กถาเปติ. ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺส หตฺถโต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ลภติ.
พฺราหฺมณา วงฺคีสมาณวํ อาทาย ยถารุจึ วิจริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อาคมํสุ. วงฺคีโส เชตวนมหาวิหารสฺส อวิทูรฏฺาเน ิโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม ปณฺฑิโตติ วทนฺติ, น โข ปน สพฺพกาลํ มยา อิเมสํเยว วจนํ กโรนฺเตน จริตุํ ¶ วฏฺฏติ, ปณฺฑิตานมฺปิ สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, อหํ น พหุเกหิ สทฺธึ คนฺตฺวา สมณํ โคตมํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ – ‘‘วงฺคีส, มา เต รุจฺจิ สมณํ โคตมํ ปสฺสิตุํ ¶ . โย หิ นํ ปสฺสติ, ตํ โส มายาย อาวฏฺเฏตี’’ติ. วงฺคีโส เตสํ กถํ อนาทิยิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘วงฺคีส, กิฺจิ สิปฺปํ ชานาสี’’ติ. อาม, โภ โคตม, ฉวสีสมนฺตํ นาเมกํ ชานามีติ. กึ โส มนฺโต กโรตีติ? ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ ตํ มนฺตํ ชปฺปิตฺวา สีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามีติ. สตฺถา ตสฺส เอกํ นิรเย อุปฺปนฺนสฺส สีสํ ทสฺเสสิ, เอกํ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺนสฺส, เอกํ เทเวสุ, เอกํ ปรินิพฺพุตสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. โส ปมํ สีสํ อาโกเฏตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อยํ สตฺโต นิรยํ คโต’’ติ อาห. สาธุ สาธุ, วงฺคีส, สุทิฏฺํ ตยา, อยํ สตฺโต กหํ คโตติ ปุจฺฉิ. มนุสฺสโลกํ, โภ โคตมาติ. อยํ สตฺโต กหํ คโตติ? เทวโลกํ, โภ โคตมาติ ติณฺณมฺปิ คตฏฺานํ กเถสิ. ปรินิพฺพุตสฺส ปน สีสํ นเขน อาโกเฏนฺโต เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘น สกฺโกสิ ตฺวํ, วงฺคีสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปสฺสถ, โภ โคตม, อุปปริกฺขามิ ตาวา’’ติ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตติ. พาหิรกมนฺเตน ขีณาสวสฺส คตึ กถํ ชานิสฺสติ, อถสฺส มตฺถกโต เสโท มุจฺจิ. โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหีภูโต อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ¶ ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห. อาม, โภ โคตม, อิมสฺส สตฺตสฺส คตฏฺานํ ชานิตุํ น สกฺโกมิ. สเจ ตุมฺเห ชานาถ, กเถถาติ. ‘‘วงฺคีส, อหํ เอตมฺปิ ชานามิ อิโต อุตฺตริตรมฺปี’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺตึ จ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ¶ คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๙-๔๒๐);
ตโต วงฺคีโส อาห – ‘‘โภ โคตม, วิชฺชาย วิชฺชํ เทนฺตสฺส นาม ปริหานิ นตฺถิ, อหํ อตฺตนา ชานนกํ มนฺตํ ตุมฺหากํ ทสฺสามิ, ตุมฺเห เอตํ มนฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ. วงฺคีส, น มยํ มนฺเตน มนฺตํ เทม, เอวเมว เทมาติ. ‘‘สาธุ, โภ โคตม, เทถ เม มนฺต’’นฺติ อปจิตึ ทสฺเสตฺวา หตฺถกจฺฉปกํ กตฺวา นิสีทิ. กึ, วงฺคีส, ตุมฺหากํ สมเย มหคฺฆมนฺตํ วา ¶ กิฺจิ วา คณฺหนฺตานํ ปริวาโส นาม น โหตีติ? โหติ, โภ โคตมาติ. อมฺหากํ ปน มนฺโต นิปฺปริวาโสติ สฺํ กโรสีติ? พฺราหฺมณา นาม มนฺเตหิ อติตฺตา โหนฺติ, ตสฺมา โส ภควนฺตํ อาห – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺเหหิ กถิตนิยามํ กริสฺสามี’’ติ. ภควา อาห – ‘‘วงฺคีส, มยํ อิมํ มนฺตํ เทนฺตา อมฺเหหิ สมานลิงฺคสฺส เทมา’’ติ. วงฺคีโส ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา มยา อิมํ มนฺตํ คณฺหิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ พฺราหฺมเณ อาห. ตุมฺเห มยิ ปพฺพชนฺเต มา จินฺตยิตฺถ, อหํ อิมํ มนฺตํ คณฺหิตฺวา สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ. เอวํ สนฺเต ตุมฺหากมฺปิ ภทฺทกํ ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตตฺถาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สตฺถา ‘‘มนฺตปริวาสํ ตาว วสาหี’’ติ ทฺวตฺตึสาการํ อาจิกฺขิ. ปฺวา สตฺโต ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺโตว ตตฺถ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ ¶ .
ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต พฺราหฺมณา ‘‘กา นุ โข วงฺคีสสฺส ปวตฺติ, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, โภ วงฺคีส, สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อาม, สิกฺขิตนฺติ. เตน หิ ¶ เอหิ คมิสฺสามาติ. คจฺฉถ ตุมฺเห, ตุมฺเหหิ สทฺธึ คนฺตพฺพกิจฺจํ มยฺหํ นิฏฺิตนฺติ. ปมเมว อมฺเหหิ ตุยฺหํ กถิตํ ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตานํ ปสฺสิตุํ อาคเต มายาย อาวฏฺเฏตี’’ติ. ตฺวํ หิ อิทานิ สมณสฺส โคตมสฺส วสํ อาปนฺโน, กึ มยํ ตว สนฺติเก กริสฺสามาติ อาคตมคฺเคเนว ปกฺกมึสุ. วงฺคีสตฺเถโรปิ ยํ ยํ เวลํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ คจฺฉติ, เอกํ ถุตึ กโรนฺโตว คจฺฉติ. เตน ตํ สตฺถา สงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุปเสนวงฺคนฺตปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
๒๑๓. ปฺจเม สมนฺตปาสาทิกานนฺติ สพฺพปาสาทิกานํ. อุปเสโนติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส ปน โส ปุตฺโต, ตสฺมา วงฺคนฺตปุตฺโตติ วุจฺจติ. อยํ ปน เถโร น เกวลํ อตฺตนาว ปาสาทิโก, ปริสาปิสฺส ปาสาทิกา, อิติ ปริสํ นิสฺสาย ลทฺธนามวเสน สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ปฺหกมฺเม ปนสฺส อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต วยํ อาคมฺม ปุริมนเยเนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณมาโน สตฺถารํ เอกํ ¶ ภิกฺขุํ สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท นาลกพฺราหฺมณคาเม สาริพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ ¶ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อุปเสนทารโกติสฺส นามํ อกํสุ.
โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ทสพลสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส อุปสมฺปทาย เอกวสฺสิโก หุตฺวา ‘‘อริยคพฺภํ วฑฺเฒมี’’ติ เอกํ กุลปุตฺตํ อตฺตโน สนฺติเก ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. โส ปวาเรตฺวา สทฺธิวิหาริกสฺส เอกวสฺสิกกาเล อตฺตนา ทุวสฺโส ‘‘ทสพโล มํ ปสฺสิตฺวา ตุสิสฺสตี’’ติ สทฺธิวิหาริกํ อาทาย ทสพลํ ปสฺสิตุํ อาคโต. สตฺถา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต นิสินฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กติวสฺโสสิ ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ? ทุวสฺโส อหํ ภควาติ. อยํ ปน ภิกฺขุ กติวสฺโสติ? เอกวสฺโส ภควาติ. กินฺตายํ ภิกฺขุ โหตีติ? สทฺธิวิหาริโก เม ภควาติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อติลหุํ โข ¶ ตฺวํ, โมฆปุริส, พาหุลฺลาย อาวตฺโต’’ติ วตฺวา อเนกปริยาเยน วิครหิ. เถโร สตฺถุ สนฺติกา ครหํ ลภิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อิมินาว ปุณฺณจนฺทสสฺสิริเกน มุเขน สตฺถารํ ปริสเมว นิสฺสาย สาธุการํ ทาเปสฺสามี’’ติ ตํทิวเสเยว เอกํ านํ คนฺตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ตโต ยสฺมา เถโร มหากุลโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปถวิฆุฏฺธมฺมกถิโกว, ตสฺมา ตสฺส ธมฺมกถาย เจว ปสีทิตฺวา มิตฺตามจฺจาติกุเลหิ จ นิกฺขมิตฺวา พหู กุลทารกา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชนฺติ. ‘‘อหํ อารฺโก, ตุมฺเหปิ อารฺกา ภวิตุํ สกฺโกนฺตา ปพฺพชถา’’ติ เตรส ธุตงฺคานิ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสาม, ภนฺเต’’ติ วทนฺเต ปพฺพาเชติ. เต อตฺตโน พเลน ตํ ตํ ธุตงฺคํ อธิฏฺหนฺติ. เถโร อตฺตโน ทสวสฺสกาเล วินยํ ปคุณํ กตฺวา ¶ สพฺเพว อุปสมฺปาเทสิ. เอวํ อุปสมฺปนฺนา จสฺส ปฺจสตมตฺตา ภิกฺขู ปริวารา อเหสุํ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร วสนฺโต ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา เอกวิหารี โหติ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ‘‘โย ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, โส ปาจิตฺติยํ เทสาเปตพฺโพ’’ติ กติกํ อกาสิ. ตทา อุปเสนตฺเถโร ‘‘ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา กถาสมุฏฺาปนตฺถํ อฺตรํ เถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ ¶ อามนฺเตสิ – ‘‘มนาปานิ เต ภิกฺขุ ปํสุกูลานี’’ติ. ‘‘น โข เม, ภนฺเต, มนาปานิ ปํสุกูลานี’’ติ วตฺวา อุปชฺฌาเย คารเวน ปํสุกูลิกภาวํ อาโรเจสิ. อิมสฺมึ าเน สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, อุปเสนา’’ติ เถรสฺส สาธุการํ ทตฺวา อเนกปริยาเยน คุณกถํ กเถสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ (ปารา. ๕๖๕) อาคตเมว. อถ สตฺถา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน อิมสฺมึ สาสเน เถรํ สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ทพฺพตฺเถรวตฺถุ
๒๑๔. ฉฏฺเ ¶ เสนาสนปฺาปกานนฺติ เสนาสนํ ปฺาเปนฺตานํ. เถรสฺส กิร เสนาสนปฺาปนกาเล อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสุ อสมฺมฏฺํ ปริเวณํ วา อปฏิชคฺคิตํ เสนาสนํ วา อโสธิตํ มฺจปีํ วา อนุปฏฺิตํ ปานียปริโภชนียํ วา นาโหสิ. ตสฺมา เสนาสนปฺาปกานํ อคฺโค นาม ชาโต. ทพฺโพติสฺส นามํ. มลฺลราชกุเล ปน อุปฺปนฺนตฺตา มลฺลปุตฺโต นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยฺหิ ¶ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปทสพลสฺส สาสนสฺส โอสกฺกนกาเล ปพฺพชิ, ตทา เตน สทฺธึ อปเร ฉ ชนาติ สตฺต ภิกฺขู เอกจิตฺตา หุตฺวา อฺเ สาสเน อคารวํ กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิธ กึ กโรม, เอกมนฺเต สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา อุจฺจปพฺพตสิขรํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อตฺตโน จิตฺตพลํ ชานนฺตา นิสฺเสณึ ปาเตนฺตุ, ชีวิเต สาลยา โอตรนฺตุ, มา ปจฺฉานุตาปิโน อหุวตฺถา’’ติ วตฺวา สพฺเพ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ, อาวุโส’’ติ อฺมฺํ โอวทิตฺวา จิตฺตรุจิเยสุ าเนสุ นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภึสุ.
ตตฺเรโก เถโร ปฺจเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มม กิจฺจํ นิปฺผนฺนํ, อหํ อิมสฺมึ าเน กึ กริสฺสามี’’ติ อิทฺธิยา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา, ‘‘อาวุโส, อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถ ¶ , ภิกฺขาจารกิจฺจํ มมายตฺตํ โหตุ, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ อาห. กึ นุ โข มยํ, อาวุโส, นิสฺเสณึ ปาเตนฺตา เอวํ อโวจุมฺหา ‘‘โย ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกโรติ, โส ภิกฺขํ อาหรตุ, เตน อาภตํ เสสา ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสนฺตี’’ติ. นตฺถิ, อาวุโสติ. ตุมฺเห อตฺตโน ปุพฺพเหตุนา ลภิตฺถ, มยมฺปิ สกฺโกนฺตา วฏฺฏสฺสนฺตํ กริสฺสาม, คจฺฉถ ตุมฺเหติ ¶ . เถโร เต สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ผาสุกฏฺาเน ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา คโต. อปโร เถโร สตฺตเม ทิวเส อนาคามิผลํ ปตฺวา ตโต จุโต สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต.
อิตเรปิ เถรา ¶ ตโต จุตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เตสุ เตสุ กุเลสุ นิพฺพตฺตา. เอโก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลนคเร ราชเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก ปพฺพเตยฺยรฏฺเ ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, เอโก พาหิยรฏฺเ กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก ราชคเห กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺโต. อยํ ปน ทพฺพตฺเถโร มลฺลรฏฺเ อนุปิยนคเร เอกสฺส มลฺลรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา อุปวิชฺกาเล กาลมกาสิ, มตสรีรํ สุสานํ เนตฺวา ทารุจิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ อทํสุ. ตสฺสา อคฺคิเวคสนฺตตฺตํ อุทรปฏลํ ทฺเวธา อโหสิ. ทารโก อตฺตโน ปฺุพเลน อุปฺปติตฺวา เอกสฺมึ ทพฺพตฺถมฺเภ นิปติ. ตํ ทารกํ คเหตฺวา อยฺยิกาย อทํสุ. สา ตสฺส นามํ คณฺหนฺตี ทพฺพตฺถมฺเภ นิปติตฺวา ลทฺธชีวิตตฺตา ทพฺโพติสฺส นามํ อกาสิ.
ตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยนิคมํ ปตฺวา อนุปิยมฺพวเน วิหรติ. ทพฺพกุมาโร สตฺถารํ ทิสฺวา ทสฺสเนเนว ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อยฺยิกํ อาปุจฺฉิ. สา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ทพฺพกุมารํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุมารํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สฺํ อทาสิ ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ทพฺพกุมารํ ปพฺพาเชนฺโต ตจปฺจกํ กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺโน กตาภินีหาโร สตฺโต ปมเกสวฏฺฏิยา โอโรปิยมานาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยเกสวฏฺฏิยา ¶ โอโรปิยมานาย สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล. สพฺพเกสานํ ปน โอโรปนฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุเร อโหสิ.
สตฺถา ¶ มลฺลรฏฺเ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺรายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต รโหคโต อตฺตโน กิจฺจนิปฺผตฺตึ ¶ โอโลเกตฺวา สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนฺจ ปฺาเปยฺยํ, ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกํ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา เสนาสนปฺาปกตฺตฺจ ภตฺตุทฺเทสกตฺตฺจ สมฺปฏิจฺฉิ. อถ นํ ‘‘อยํ ทพฺโพ ทหโรว สมาโน มหนฺตฏฺาเน ิโต’’ติ สตฺตวสฺสิกกาเลเยว อุปสมฺปาเทสิ. เถโร อุปสมฺปนฺนกาลโตเยว ปฏฺาย ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺตานํ สพฺพภิกฺขูนํ เสนาสนานิ จ ปฺาเปติ, ภิกฺขฺจ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุทฺทิสติ. ตสฺส เสนาสนปฺาปกภาโว สพฺพทิสาสุ ปากโฏ อโหสิ – ‘‘ทพฺโพ กิร มลฺลปุตฺโต สภาคสภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกฏฺาเน เสนาสนานิ ปฺาเปติ, ทูเรปิ เสนาสนํ ปฺาเปติเยว. คนฺตุํ อสกฺโกนฺเต อิทฺธิยา เนตีติ.
อถ นํ ภิกฺขู กาเลปิ วิกาเลปิ ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, ชีวกมฺพวเน เสนาสนํ ปฺาเปหิ, อมฺหากํ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ มิคทาเย’’ติ เอวํ เสนาสนํ อุทฺทิสาเปตฺวา ตสฺส อิทฺธึ ปสฺสนฺตา คจฺฉนฺติ. โสปิ อิทฺธิยา มโนมเย กาเย อภิสงฺขริตฺวา เอเกกสฺส เถรสฺส เอเกกํ อตฺตนา สทิสํ ภิกฺขุํ นิมฺมินิตฺวา องฺคุลิยา ชลมานาย ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘อยํ มฺโจ, อิทํ ปี’’นฺติอาทีนิ วตฺวา เสนาสนํ ปฺาเปตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว ¶ อาคจฺฉติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปนิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ อาคตเมว. สตฺถา อิทเมว การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ
๒๑๕. สตฺตเม เทวตานํ ปิยมนาปานนฺติ เทวตานํ ปิยานฺเจว มนาปานฺจ ปิลินฺทวจฺฉตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา มหาชนํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา สคฺคปรายณํ อกาสิ. เยภุยฺเยน กิร ฉสุ กามสคฺเคสุ นิพฺพตฺตเทวตา ตสฺเสว โอวาทํ ลภิตฺวา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘กํ นุ โข นิสฺสาย อิมํ สคฺคสมฺปตฺตึ ลภิมฺหา’’ติ อาวชฺชมานา ¶ อิมํ เถรํ ทิสฺวา ‘‘เถรํ นิสฺสาย อมฺเหหิ สมฺปติ ลทฺธา’’ติ สายํปาตํ เถรํ นมสฺสนฺติ. ตสฺมา โส เทวตานํ ¶ ปิยมนาปานํ อคฺโค นาม ชาโต. ปิลินฺโทติ ปนสฺส โคตฺตํ, วจฺโฉติ นามํ. ตทุภยํ สํสนฺเทตฺวา ปิลินฺทวจฺโฉติ วุจฺจติ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ปุริมนเยเนว สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เทวตานํ ปิยมนาปฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ปิลินฺทวจฺโฉติสฺส นามํ อกํสุ. โส อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ¶ ปาปุณิ. โส คิหีหิปิ ภิกฺขูหิปิ สทฺธึ กเถนฺโต ‘‘เอหิ, วสล, คจฺฉ, วสล, อาหร, วสล, คณฺห, วสลา’’ติ วสลวาเทเนว สมุทาจรติ. ตํ กถํ อาหริตฺวา ตถาคตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภควา อริยา นาม ผรุสวาจา น โหนฺตี’’ติ. ภิกฺขเว, อริยานํ ปรวมฺภนวเสน ผรุสวาจา นาม นตฺถิ, อปิจ โข ปน ภวนฺตเร อาจิณฺณวเสน ภเวยฺยาติ. ภนฺเต, ปิลินฺทวจฺฉตฺเถโร อุฏฺาย สมุฏฺาย คิหีหิปิ ภิกฺขูหิปิ สทฺธึ กเถนฺโต, ‘‘วสล, วสลา’’ติ กเถติ, กิเมตฺถ การณํ ภควาติ. ภิกฺขเว, น มยฺหํ ปุตฺตสฺส เอตํ อิทาเนว อาจิณฺณํ, อตีเต ปเนส ปฺจ ชาติสตานิ วสลวาทิพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. อิจฺเจส ภวาจิณฺเณเนว กเถสิ, น ผรุสวเสน. อริยานฺหิ โวหาโร ผรุโสปิ สมาโน เจตนาย อผรุสภาเวน ปริสุทฺโธว, อปฺปมตฺตกมฺเปตฺถ ปาปํ น อุปลพฺภตีติ วตฺวา ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘อกกฺกสํ วิฺาปนึ, คิรํ สจฺจมุทีรเย;
ยาย นาภิสเช กฺจิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
อเถกทิวสํ เถโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกํ ปุริสํ ปิปฺปลีนํ ภาชนํ ปูเรตฺวา อาทาย อนฺโตนครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ เต, วสล, ภาชเน’’ติ อาห. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สมโณ มยา สทฺธึ ปาโตว ผรุสกถํ กเถสิ, อิมสฺส อนุจฺฉวิกเมว วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ‘‘มูสิกวจฺจํ ¶ เม, ภนฺเต, ภาชเน’’ติ ¶ อาห. เอวํ ภวิสฺสติ, วสลาติ. ตสฺส เถรสฺส ทสฺสนํ วิชหนฺตสฺส สพฺพํ มูสิกวจฺจเมว อโหสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมา ปิปฺปลิโย มูสิกวจฺจสทิสา ปฺายนฺติ, สภาโว นุ โข โน’’ติ วีมํสนฺโต หตฺเถน อุปฺปีเฬสิ ¶ . อถสฺส อุนฺทูรวจฺจภาวํ ตฺวา พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘อิมาเยว นุ โข เอวรูปา, อุทาหุ สกเฏปี’’ติ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต สพฺพาปิ ปิปฺปลิโย ตาทิสาว ทิสฺวา หทยํ หตฺเถน สนฺธาเรตฺวา ‘‘อิทํ น อฺสฺส กมฺมํ, มยา ปาโตว ทิฏฺภิกฺขุสฺเสตํ กมฺมํ, อทฺธา เอกํ อุปายํ ภวิสฺสติ, ตสฺส คตฏฺานํ อนุวิจินิตฺวา เอตํ การณํ ชานิสฺสามี’’ติ เถรสฺส คตมคฺคํ ปุจฺฉิตฺวา ปายาสิ.
อเถโก ปุริโส ตํ อติวิย จณฺฑิกตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ อติวิย จณฺฑิกโตว คจฺฉสิ, เกน กมฺเมน คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. โส ตสฺส กถํ สุตฺวา เอวมาห – ‘‘โภ, มา จินฺตยิ, มยฺหํ อยฺโย ปิลินฺทวจฺโฉ ภวิสฺสติ, ตฺวํ เอตเทว ภาชนํ ปูเรตฺวา อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส ปุรโต ติฏฺ. ‘กึ นาเมตํ, วสลา’ติ วุตฺตกาเล จ ‘ปิปฺปลิโย, ภนฺเต’ติ วท, เถโร ‘เอวํ ภวิสฺสติ, วสลา’ติ วกฺขติ. ปุน สพฺพาปิ ปิปฺปลิโย ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สพฺพา ปิปฺปลิโย ปฏิปากติกา อเหสุํ. อิทเมตฺตกํ วตฺถุ. อปรภาเค ปน สตฺถา เทวตานํ ปิยมนาปการณเมว วตฺถุํ กตฺวา เถรํ เทวตานํ ปิยมนาปานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
พาหิยทารุจีริยตฺเถรวตฺถุ
๒๑๖. อฏฺเม ¶ ขิปฺปาภิฺานนฺติ ขิปฺปํ อธิคตอภิฺานํ ทารุจีริยตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยฺหิ เถโร สํขิตฺตธมฺมเทสนาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ, มคฺคผลานํ ปริกมฺมกิจฺจํ นาโหสิ. ตสฺมา ขิปฺปาภิฺานํ อคฺโค นาม ชาโต. พาหิยรฏฺเ ปน ชาตตฺตา พาหิโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส อปรภาเค ทารุจีรํ นิวาเสสิ. ตสฺมา ทารุจีริโย นาม ชาโต.
ตสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต ทสพลสฺส ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ขิปฺปาภิฺานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปทสพลสฺส สาสนสฺส โอสกฺกนกาเล เหฏฺา วุตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมณธมฺมํ กตฺวา ปริปุณฺณสีโล ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ.
โส ¶ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาหิยรฏฺเ กุลเคเห นิพฺพตฺโต. วยํ อาคมฺม ฆราวาสํ วสนฺโต ‘‘โวหารํ กริสฺสามี’’ติ สุวณฺณภูมิคมนียํ นาวํ อภิรุหิ. นาวา อิจฺฉิตํ เทสํ อปฺปตฺวาว สมุทฺทมชฺเฌ ภินฺนา, มหาชโน มจฺฉกจฺฉปภกฺโข อโหสิ. อยํ ปน เอกํ ทารุขณฺฑํ คเหตฺวา สตฺตเม ทิวเส สุปฺปารกปฏฺฏเน อุตฺติณฺโณ มนุสฺสาวาสํ ปตฺวา ‘‘อเจลกนิยาเมน มนุสฺเส อุปสงฺกมิตุํ ¶ อยุตฺต’’นฺติ อวิทูเร าเน เอกํ มหาตฬากา เสวาลํ คเหตฺวา สรีรํ เวเตฺวา เอกสฺมึ าเน ปติตํ เอกํ กปาลํ อาทาย ภิกฺขาย ปาวิสิ.
มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา จินฺเตสุํ – ‘‘สเจ โลเก อรหนฺตา นาม อตฺถิ, เอวํวิเธหิ ภวิตพฺพํ. กึ นุ โข อยฺโย อุกฺกฏฺภาเวน วตฺถํ น คณฺหาติ, อุทาหุ ทิยฺยมานํ คณฺเหยฺยา’’ติ วีมํสนฺตา นานาทิสาหิ วตฺถานิ อาหรึสุ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ น อิมินา นิยาเมน อาคมิสฺสํ, น เม เอเต ปสีเทยฺยุํ, ยํกิฺจิ กตฺวา อิเม วฺเจตฺวา ชีวิกุปายํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺถานิ น ปฏิคฺคณฺหิ. มนุสฺสา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนา มหาสกฺการํ กรึสุ. โสปิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อวิทูรฏฺาเน เทวกุลํ คโต. มหาชโน เตน สทฺธึเยว คนฺตฺวา เทวกุลํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มยฺหํ เสวาเล นิวาสนมตฺเต ปสีทิตฺวา เอวํวิธํ สกฺการํ กโรนฺติ, เอเตสํ มยา อุกฺกฏฺเเนว ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สลฺลหุกานิ รุกฺขผลกานิ คเหตฺวา ตจฺเฉตฺวา วาเกสุ อาวุณิตฺวา จีรํ กตฺวา นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต วสิ.
อถ ¶ โย โส กสฺสปพุทฺธกาเล สตฺตสุ ชเนสุ สมณธมฺมํ กโรนฺเตสุ เอโก ภิกฺขุ สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. โส นิพฺพตฺตสมนนฺตรเมว อตฺตโน พฺรหฺมสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา อาคตฏฺานํ อาวชฺเชนฺโต สตฺตนฺนํ ชนานํ ปพฺพตํ อารุยฺห สมณธมฺมกรณฏฺานํ ทิสฺวา เสสานํ ฉนฺนํ นิพฺพตฺตฏฺานํ อาวชฺเชนฺโต เอกสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิตเรสํ ปฺจนฺนํ กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา กาลานุกาลํ เต ปฺจ ชเน อาวชฺเชติ ¶ . อิมสฺมึ ปน กาเล ‘‘กหํ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทารุจีริยํ สุปฺปารกปฏฺฏนํ อุปนิสฺสาย กุหนกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘นฏฺโ วตายํ พาโล, ปุพฺเพ สมณธมฺมํ กโรนฺโต อติอุกฺกฏฺภาเวน อรหตาปิ อาภตํ ปิณฺฑปาตํ อปริภฺุชิตฺวา อิทานิ อุทรตฺถาย อนรหาว อรหตฺตํ ปฏิชานิตฺวา โลกํ วฺเจนฺโต วิจรติ, ทสพลสฺส จ นิพฺพตฺตภาวํ น ชานาติ, คจฺฉามิ นํ สํเวเชตฺวา ทสพลสฺส ¶ นิพฺพตฺตภาวํ ชานาเปมี’’ติ ตํขณํเยว พฺรหฺมโลกโต สุปฺปารกปฏฺฏเน รตฺติภาคสมนนฺตเร ทารุจีริยสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิ.
โส อตฺตโน วสนฏฺาเน โอภาสํ ทิสฺวา พหิ นิกฺขมิตฺวา ิโต มหาพฺรหฺมํ โอโลเกตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. อหํ ตุยฺหํ โปราณกสหาโย อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. อมฺหากํ ปน สพฺพเชฏฺโก อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพุโต, ตุมฺเห ปฺจ ชนา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. สฺวาหํ ตํ อิมสฺมึ าเน กุหนกมฺเมน ชีวนฺตํ ทิสฺวา ทเมตุํ อาคโตติ วตฺวา อิทํ การณมาห – ‘‘น โข ตฺวํ, พาหิย อรหา, นปิ อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺโน, สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโน’’ติ. อถสฺส สตฺถุ อุปฺปนฺนภาวํ สาวตฺถิยํ วสนภาวฺจ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ.
ทารุจีริโย มหาพฺรหฺมุนา สํเวชิโต ‘‘โมกฺขมคฺคํ คเวสิสฺสามี’’ติ ¶ วีสโยชนสตํ มคฺคํ เอกรตฺติวาเสน คนฺตฺวา สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ อนฺตรฆเร สมฺปาปุณิตฺวา สตฺถุ ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺม’’นฺติ ยาวตติยํ ยาจิ. สตฺถา ‘‘เอตฺตาวตา พาหิยสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ ตฺวา ‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ (อุทา. ๑๐) อิมินา โอวาเทน โอวทิ ¶ . โสปิ เทสนาปริโยสาเน อนฺตรวีถิยํ ิโตว เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
โส อตฺตโน กิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ตฺวา ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา อปริปุณฺณปตฺตจีวรตาย ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺโต สงฺการฏฺานโต โจฬกฺขณฺฑานิ สํกฑฺฒติ. อถ นํ ปุพฺพเวริโก อมนุสฺโส เอกิสฺสา ตรุณวจฺฉาย คาวิยา สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. สตฺถา สาวตฺถิโต นิกฺขมนฺโต อนฺตรวีถิยํ พาหิยํ สงฺการฏฺาเน ปติตํ ทิสฺวา ‘‘คณฺหถ, ภิกฺขเว, พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส สรีร’’นฺติ นีหราเปตฺวา สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา จาตุมหาปเถ เจติยํ การาเปสิ. ตโต สงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ – ‘‘ตถาคโต ภิกฺขุสงฺเฆน พาหิยสฺส สรีรชฺฌาปนกิจฺจํ กาเรสิ, ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ กาเรสิ, กตรมคฺโค นุ โข เตน สจฺฉิกโต, สามเณโร นุ โข โส, ภิกฺขุ นุ โข’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาทยึสุ ¶ . สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, พาหิโย’’ติ อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒตฺวา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ปกาเสสิ. ปุน สงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ ‘‘น จ สตฺถารา พาหิยสฺส พหุ ธมฺโม เทสิโต, อรหตฺตํ ปตฺโตติ จ วเทติ. กึ นาเมต’’นฺติ? สตฺถา ‘‘ธมฺโม มนฺโท ¶ พหูติ อการณํ, วิสปีตกสฺส อคโท วิย เจโส’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถมาห –
‘‘สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ คาถาปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๐๐);
เทสนาปริโยสาเน จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวึสุ. อิทฺจ ปน พาหิยตฺเถรสฺส วตฺถุ สุตฺเต (อุทา. ๑๐) อาคตตฺตา วิตฺถาเรน น กถิตํ. อปรภาเค ปน สตฺถา สงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน พาหิยตฺเถรํ ขิปฺปาภิฺานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กุมารกสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๒๑๗. นวเม จิตฺตกถิกานนฺติ วิจิตฺตํ กตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตานํ. เถโร กิร เอกสฺสปิ ทฺวินฺนมฺปิ ธมฺมํ กเถนฺโต พหูหิ อุปมาหิ จ การเณหิ จ มณฺฑยิตฺวา โพเธนฺโต กเถติ. ตสฺมา จิตฺตกถิกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา วยปฺปตฺโต ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ จิตฺตกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปพุทฺธสาสโนสกฺกนกาเล สตฺตนฺนํ ภิกฺขูนํ อพฺภนฺตโร หุตฺวา ปพฺพตมตฺถเก สมณธมฺมํ กตฺวา อปริหีนสีโล ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ สมฺปตฺตึ อนุภวมาโน อมฺหากํ สตฺถุ กาเล ราชคเห เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปนฺโน. สา จ ปมํ มาตาปิตโร ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชํ อลภมานา กุลฆรํ คตา คพฺภํ คณฺหิ. ตมฺปิ อชานนฺตี ¶ สามิกํ อาราเธตฺวา เตน อนฺุาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา. ตสฺสา คพฺภนิมิตฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตํ ปุจฺฉึสุ, โส ‘‘อสฺสมณี’’ติ อาห. ทสพลํ ปุจฺฉึสุ, สตฺถา อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. เถโร สาวตฺถินครวาสีนิ กุลานิ วิสาขฺจ ¶ อุปาสิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา โสเธนฺโต ‘‘ปุเร ลทฺโธ คพฺโภ, ปพฺพชฺชา อโรคา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘สุวินิจฺฉิตํ อธิกรณ’’นฺติ เถรสฺส สาธุการํ อทาสิ.
สา ภิกฺขุนี สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ คเหตฺวา ราชา ปเสนทิโกสโล โปสาเปสิ, กสฺสโปติ จสฺส นามํ กตฺวา อปรภาเค อลงฺกริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. กุมารกาเล ปน ปพฺพชิตตฺตา ภควตา ‘‘กสฺสปํ ปกฺโกสถ, อิทํ ผลํ วา ขาทนียํ วา กสฺสปสฺส เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรกสฺสปสฺสาติ. กุมารกสฺสปสฺสา’’ติ เอวํ คหิตนามตฺตา ตโต ปฏฺาย วุฑฺฒกาเลปิ กุมารกสฺสโปตฺเวว วุจฺจติ. อปิจ รฺโ โปสาวนิกปุตฺตตฺตาปิ กุมารกสฺสโปติ ตํ สฺชานึสุ.
โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย วิปสฺสนาย เจว กมฺมํ กโรติ, พุทฺธวจนฺจ คณฺหาติ. อถ โส เตน สทฺธึ ปพฺพตมตฺถเก สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺโต มหาพฺรหฺมา ตสฺมึ สมเย อาวชฺเชนฺโต กุมารกสฺสปํ ทิสฺวา ‘‘สหายโก เม วิปสฺสนาย กิลมติ, คนฺตฺวา ตสฺส วิปสฺสนาย นยมุขํ ทสฺเสตฺวา มคฺคผลปตฺติยา อุปายํ กริสฺสามี’’ติ พฺรหฺมโลเก ิโตว ปฺจทส ปฺเห ¶ อภิสงฺขริตฺวา รตฺติภาคสมนนฺตเร กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส วสนฏฺาเน อนฺธวเน ปาตุรโหสิ. เถโร อาโลกํ ทิสฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ ปุพฺเพ ตยา สทฺธึ สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺตพฺรหฺมา’’ติ ¶ อาห. เกน กมฺเมน อาคตตฺถาติ? มหาพฺรหฺมา อตฺตโน อาคตการณํ ทีเปตุํ เต ปฺเห อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิเม ปฺเห อุคฺคณฺหิตฺวา อรุเณ อุฏฺิเต ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉ, เปตฺวา หิ ตถาคตํ อฺโ อิเม ปฺเห กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต.
เถโรปิ ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา มหาพฺรหฺมุนา กถิตนิยาเมเนว ปฺเห ปุจฺฉิ. สตฺถา กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส อรหตฺตํ ปาเปตฺวา ปฺเห กเถสิ. เถโร สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว อุคฺคณฺหิตฺวา อนฺธวนํ คนฺตฺวา วิปสฺสนํ คพฺภํ คาหาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต ปฏฺาย จตุนฺนํ ปริสานํ ธมฺมกถํ กเถนฺโต พหุกาหิ อุปมาหิ จ การเณหิ จ มณฺเฑตฺวา จิตฺตกถเมว กเถติ. อถ นํ สตฺถา ปายาสิรฺโ ปฺจทสหิ ปฺเหหิ ปฏิมณฺเฑตฺวา สุตฺตนฺเต (ที. นิ. ๒.๔๐๖ อาทโย) เทสิเต ¶ ตํ สุตฺตนฺตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา อิมสฺมึ สาสเน จิตฺตกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
มหาโกฏฺิตตฺเถรวตฺถุ
๒๑๘. ทสเม ปฏิสมฺภิทาปตฺตานนฺติ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปตฺวา ิตานํ มหาโกฏฺิตตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ หิ เถโร อตฺตโน ปฏิสมฺภิทาสุ จิณฺณวสิภาเวน อภิฺาเต อภิฺาเต มหาสาวเก อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโตปิ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโตปิ ปฏิสมฺภิทาสุเยว ปฺหํ ปุจฺฉติ. อิติ อิมินา จิณฺณวสิภาเวน ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ ¶ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล ¶ นิพฺพตฺติ. โกฏฺิตมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา นิจฺจกาลํ ปฏิสมฺภิทาสุ จิณฺณวสี หุตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ปฏิสมฺภิทาสุเยว ปุจฺฉติ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค มหาเวทลฺลสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ตติยวคฺควณฺณนา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๔. จตุตฺถเอตทคฺควคฺโค
อานนฺทตฺเถรวตฺถุ
๒๑๙-๒๒๓. จตุตฺถสฺส ¶ ปเม พหุสฺสุตานนฺติอาทีสุ อฺเปิ เถรา พหุสฺสุตา สติมนฺตา คติมนฺตา ธิติมนฺตา อุปฏฺากา จ อตฺถิ. อยํ ปนายสฺมา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต ทสพลสฺส สาสเน ภณฺฑาคาริกปริยตฺติยํ ตฺวา คณฺหิ. ตสฺมา พหุสฺสุตานํ อคฺโค นาม ชาโต. อิมสฺเสว จ เถรสฺส พุทฺธวจนํ คเหตฺวา ธารณกสติ อฺเหิ เถเรหิ พลวตรา อโหสิ, ตสฺมา สติมนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. อยเมว ¶ จายสฺมา เอกปเท ตฺวา สฏฺิ ปทสหสฺสานิ คณฺหนฺโต สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว สพฺพปทานิ ชานาติ, ตสฺมา คติมนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. ตสฺเสว จายสฺมโต พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนวีริยํ สชฺฌายนวีริยฺจ ธารณวีริยฺจ สตฺถุ อุปฏฺานวีริยฺจ อฺเหิ อสทิสํ อโหสิ, ตสฺมา ธิติมนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. ตถาคตํ อุปฏฺหนฺโต เจส น อฺเสํ อุปฏฺากภิกฺขูนํ อุปฏฺานากาเรน อุปฏฺหิ, อฺเ หิ ตถาคตํ อุปฏฺหนฺตา น จิรํ อุปฏฺหึสุ, น จ พุทฺธานํ มนํ คเหตฺวา อุปฏฺหึสุ. อยํ เถโร ปน อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย อารทฺธวีริโย หุตฺวา ตถาคตสฺส มนํ คเหตฺวา อุปฏฺหิ. ตสฺมา อุปฏฺากานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อิโต กิร สตสหสฺสมตฺถเก กปฺเป ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิ. ตสฺส หํสวตี นาม นครํ อโหสิ, นนฺโท นาม ราชา ปิตา, สุเมธา นาม เทวี มาตา, โพธิสตฺโต อุตฺตรกุมาโร นาม อโหสิ. โส ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยุตฺโต อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก วีตินาเมตฺวา ‘‘ปถวิยํ เปสฺสามี’’ติ ปาทํ อภินีหริ. อถ ปถวึ ภินฺทิตฺวา เหฏฺา วุตฺตปฺปมาณํ ปทุมํ อุฏฺาสิ. ตทุปาทาย ภควา ปทุมุตฺตโรเตว ปฺายิตฺถ. ตสฺส เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ ¶ , อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สุมโน นาม อุปฏฺาโก. ปทุมุตฺตโร ภควา ปิตุ สงฺคหํ กุรุมาโน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวติยา ราชธานิยา วสติ.
กนิฏฺภาตา ¶ ปนสฺส สุมนกุมาโร นาม. ตสฺส ราชา หํสวติโต วีสโยชนสเต โภคคามํ อทาสิ. โส กทาจิ กทาจิ อาคนฺตฺวา ปิตรฺจ สตฺถารฺจ ปสฺสติ. อเถกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต สุมโน รฺโ เปเสสิ. ราชา ‘‘ตฺวํ มยา ตตฺถ กสฺมา ปิโต’’ติ ปฏิเปเสสิ. โส โจเร วูปสเมตฺวา ‘‘อุปสนฺโต, เทว, ชนปโท’’ติ รฺโ เปเสสิ. ราชา ตุฏฺโ ‘‘สีฆํ มม ปุตฺโต อาคจฺฉตู’’ติ อาห. ตสฺส สหสฺสมตฺตา อมจฺจา โหนฺติ. โส เตหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค มนฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปิตา ตุฏฺโ สเจ เม วรํ เทติ, กึ คณฺหามี’’ติ? อถ นํ เอกจฺเจ ‘‘หตฺถึ คณฺหถ, อสฺสํ คณฺหถ, ชนปทํ คณฺหถ, สตฺต รตนานิ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. อปเร ‘‘ตุมฺเห ปถวิสฺสรสฺส ปุตฺตา, น ตุมฺหากํ ธนํ ทุลฺลภํ, ลทฺธมฺปิ เจตํ สพฺพํ ปหาย คมนียํ, ปฺุเมว เอกํ อาทาย คมนียํ. ตสฺมา เทเว วรํ ททมาเน เตมาสํ ปทุมุตฺตรภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ วรํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘ตุมฺเห มยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา, น เมตํ จิตฺตํ อตฺถิ, ตุมฺเหหิ ปน อุปฺปาทิตํ, เอวํ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปิตรา อาลิงฺเคตฺวา มตฺถเก จุมฺเพตฺวา ‘‘วรํ เต ปุตฺต เทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิจฺฉามหํ, มหาราช, ภควนฺตํ เตมาสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต ชีวิตํ อวฺฌํ กาตุํ, อิมํ เม เทว วรํ เทหี’’ติ อาห. น สกฺกา, ตาต, อฺํ วเรหีติ. เทว, ขตฺติยานํ นาม ทฺเว ¶ กถา นตฺถิ, เอตเทว เม วรํ เทหิ, น มม อฺเน อตฺโถติ. ตาต, พุทฺธานํ นาม จิตฺตํ ทุชฺชานํ, สเจ ภควา น อิจฺฉิสฺสติ, มยา ทินฺเนปิ ¶ กึ ภวิสฺสตีติ? ‘‘สาธุ, เทว, อหํ ภควโต จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต.
เตน จ สมเยน ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ภควา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ โหติ, โส มณฺฑลมาเฬ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. เต นํ อาหํสุ – ‘‘ราชปุตฺต, กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ทสฺเสถ เม ภควนฺตนฺติ. น มยํ, ราชปุตฺต, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สตฺถารํ ทฏฺุํ ลภามาติ. โก ปน, ภนฺเต, ลภตีติ? สุมนตฺเถโร นาม ราชปุตฺตาติ. โส ‘‘กุหึ, ภนฺเต, เถโร’’ติ? เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปสฺสิตุํ, ทสฺเสถ เม ภควนฺต’’นฺติ อาห. เถโร ปสฺสนฺตสฺเสว ราชกุมารสฺส อาโปกสิณชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา มหาปถวึ อุทกํ อธิฏฺาย ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ¶ สตฺถุ คนฺธกุฏิยํเยว ปาตุรโหสิ. อถ นํ ภควา ‘‘สุมน กสฺมา อาคโตสี’’ติ อาห. ราชปุตฺโต, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโตติ. เตน หิ ภิกฺขุ อาสนํ ปฺาเปหีติ. ปุน เถโร ปสฺสนฺตสฺเสว ราชกุมารสฺส พุทฺธาสนํ คเหตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ นิมุชฺชิตฺวา พหิปริเวเณ ปาตุภวิตฺวา ปริเวเณ อาสนํ ปฺาเปสิ. ราชกุมาโร อิมานิ ทฺเว อจฺฉริยาการานิ ทิสฺวา ‘‘มหนฺโต วตายํ ภิกฺขู’’ติ จินฺเตสิ.
ภควาปิ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ราชปุตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ อกาสิ. ‘‘กทา อาคโตสิ ราชปุตฺตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหสุ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเสุ, ภิกฺขู ปน ‘น มยํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ภควนฺตํ ทฏฺุํ ลภามา’ติ มํ เถรสฺส สนฺติกํ ปาเหสุํ. เถโร ปน เอกวจเนเนว ทสฺเสติ, เถโร, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สาสเน วลฺลโภ มฺเ’’ติ. อาม ราชกุมาร, วลฺลโภ เอส ภิกฺขุ มยฺหํ ¶ สาสเนติ. ภนฺเต, พุทฺธานํ สาสเน กึ กตฺวา วลฺลภา โหนฺตีติ? ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา กุมาราติ. ภควา อหํ เถโร วิย พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ อธิวาเสถาติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน ¶ . ราชกุมาโร อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ มหาสกฺการํ สชฺเชตฺวา สตฺต ทิวสานิ ขนฺธาวารภตฺตํ นาม อทาสิ.
สตฺตเม ทิวเส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ภนฺเต, มยา ปิตุ สนฺติกา เตมาสํ อนฺโตวสฺสํ ตุมฺหากํ ปฏิชคฺคนวโร ลทฺโธ, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถาติ. ภควา ‘‘อตฺถิ นุ โข ตตฺถ คเตน อตฺโถ’’ติ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา ‘‘สฺุาคาเร โข, ราชกุมาร, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘อฺาตํ ภควา อฺาตํ สุคตา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปุริมตรํ คนฺตฺวา วิหารํ กาเรมิ, มยา เปสิเต ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ อาคจฺฉถา’’ติ ภควนฺตํ ปฏิฺํ คาหาเปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ทินฺนา เม, เทว, ภควตา ปฏิฺา, มยา ปหิเต ภควนฺตํ เปเสยฺยถา’’ติ วตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ กาเรนฺโต วีสโยชนสตํ อทฺธานํ คโต. คนฺตฺวา จ อตฺตโน นคเร วิหารฏฺานํ วิจินนฺโต โสภนนามสฺส กุฏุมฺพิกสฺส อุยฺยานํ ทิสฺวา สตสหสฺเสน กิณิตฺวา สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ กาเรสิ. ตตฺถ ภควโต คนฺธกุฏึ เสสภิกฺขูนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานตฺถาย กุฏิเลณมณฺฑเป กาเรตฺวา ปาการปริกฺเขปํ ทฺวารโกฏฺกฺจ นิฏฺาเปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘นิฏฺิตํ มยฺหํ กิจฺจํ, สตฺถารํ ปหิณถา’’ติ.
ราชา ¶ ภควนฺตํ โภเชตฺวา ‘‘ภควา สุมนสฺส กิจฺจํ นิฏฺิตํ, ตุมฺหากํ คมนํ ¶ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาห. ภควา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวุโต โยชเน โยชเน วิหาเรสุ วสมาโน อคมาสิ. กุมาโร ‘‘สตฺถา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา โยชนํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมาโน วิหารํ ปเวเสตฺวา –
‘‘สตสหสฺเสน เม กีตํ, สตสหสฺเสน มาปิตํ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ, ปฏิคฺคณฺห มหามุนี’’ติ. –
วิหารํ นิยฺยาเทสิ. โส วสฺสูปนายิกาทิวเส ทานํ ทตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทาเร จ อมจฺเจ จ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘สตฺถา อมฺหากํ สนฺติกํ ทูรโตว อาคโต, พุทฺธา จ นาม ธมฺมครุกา น อามิสจกฺขุกา ¶ . ตสฺมา อหํ อิมํ เตมาสํ ทฺเว สาฏเก นิวาเสตฺวา ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา อิเธว วสิสฺสามิ, ตุมฺเห ขีณาสวสตสหสฺสสฺส อิมินาว นีหาเรน เตมาสํ ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ.
โส สุมนตฺเถรสฺส วสนฏฺานสภาเคเยว าเน วสนฺโต ยํ เถโร ภควโต วตฺตํ กโรติ, ตํ สพฺพํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน เอกนฺตวลฺลโภ เอส เถโร, เอตสฺเสว เม านนฺตรํ ปตฺเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปกฏฺาย ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ปาทมูเล ติจีวรํ เปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยเทตํ มยา สตฺตาหํ ขนฺธาวารทานโต ปฏฺาย ปฺุํ กตํ, ตํ เนว สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ ปตฺถยนฺเตน, พุทฺธสฺส ปน อุปฏฺากภาวํ ปตฺเถนฺเตน กตํ. ตสฺมา อหมฺปิ ภควา อนาคเต สุมนตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อุปฏฺาโก โหมี’’ติ ปฺจปติฏฺิเตน ปติฏฺหิตฺวา วนฺทิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. กุมาโร ¶ ตํ สุตฺวา ‘‘พุทฺธา จ นาม อทฺเวชฺฌกถา โหนฺตี’’ติ ทุติยทิวเส โคตมพุทฺธสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ.
โส ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ทานํ ทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล ปิณฺฑาย จรโต เถรสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตริสาฏกํ ทตฺวา ปูชํ อกาสิ. ปุน สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อุปริปาสาทวรคโต คนฺธมาทนโต อากาเสน อาคจฺฉนฺเต ¶ อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา นิมนฺตาเปตฺวา โภเชตฺวา อตฺตโน มงฺคลอุยฺยาเน เตสํ อฏฺ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา เตสํ นิสีทนตฺถาย อตฺตโน นิเวสเน อฏฺ สพฺพรตนมยานิ ปีานิ เจว มณิอาธารเก จ ปฏิยาเทตฺวา ทส วสฺสสหสฺสานิ อุปฏฺานํ อกาสิ. เอตานิ ปากฏฏฺานานิ.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ทานํ ททมาโนว อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. อถสฺส สพฺเพว าตเก อานนฺทิเต ปมุทิเต กโรนฺโต ชาโตติ อานนฺโทตฺเวว นามํ อกํสุ. โส อนุปุพฺเพน กตาภินิกฺขมเน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปมคมเนน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ตโต ¶ นิกฺขนฺเต ภควติ ภควโต ปริวารตฺถํ ราชกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปมโพธิยํ วีสติ วสฺสานิ อนิพทฺธา อุปฏฺากา อเหสุํ. เอกทา นาคสมาโล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริ เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขตฺโต, เอกทา จุนฺโท สมณุทฺเทโส ¶ , เอกทา สาคโต, เอกทา ราโธ, เอกทา เมฆิโย. ตตฺถ เอกทา ภควา นาคสมาลตฺเถเรน สทฺธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน ทฺเวธาปถํ ปตฺโต. เถโร มคฺคา โอกฺกมฺม ‘‘ภควา อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ อาห. อถ นํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, อิมินา มคฺเคน คจฺฉามา’’ติ อาห. โส ‘‘หนฺท ภควา ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปตุํ อารทฺโธ. อถ นํ ภควา ‘‘อาหร ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คโต. ตสฺสปิ ภิกฺขุโน อิตเรน มคฺเคน คจฺฉโต โจรา ปตฺตจีวรฺเจว หรึสุ, สีสฺจ ภินฺทึสุ. โส ‘‘ภควา อิทานิ เม ปฏิสรณํ, น อฺโ’’ติ จินฺเตตฺวา โลหิเตน คลนฺเตน ภควโต สนฺติกํ อาคมิ. ‘‘กิมิทํ ภิกฺขู’’ติ จ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา ‘‘มา จินฺเตยิ ภิกฺขุ, เอตสฺส การณาเยว ตํ นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา สมสฺสาเสสิ.
เอกทา ปน ภควา เมฆิยตฺเถเรน สทฺธึ ปาจีนวํเส มิคทาเย ชนฺตุคามํ อคมาสิ. ตตฺราปิ เมฆิโย ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นทีตีเร ปาสาทิกํ อมฺพวนํ ทิสฺวา ‘‘ภควา ตุมฺหากํ ¶ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ ตสฺมึ อมฺพวเน สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ วตฺวา ภควตา ติกฺขตฺตุํ นิวาริยมาโนปิ คนฺตฺวา อกุสลวิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺโต ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตมฺปิ ภควา ‘‘อิมเมว เต การณํ สลฺลกฺเขตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อคมาสิ. ตตฺถ คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิมฺหิ มหลฺลโก, ‘เอกจฺเจ ภิกฺขู อิมินา มคฺเคน คจฺฉามา’ติ วุตฺเต อฺเน คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฏฺากํ เอกํ ภิกฺขุํ ¶ ชานาถา’’ติ ¶ . ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว ปตฺถยมาโน สตสหสฺสกปฺปาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูรยึ, นนุ มาทิโส มหาปฺโ อุปฏฺาโก นาม วฏฺฏติ, อหํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ตํ ภควา ‘‘อลํ, สาริปุตฺต, ยสฺสํ ทิสายํ ตฺวํ วิหรสิ, อสฺุา เว สา ทิสา, ตว หิ โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส, เตน เม ตยา อุปฏฺากกิจฺจํ อตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. เอเตเนว อุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทึ กตฺวา อสีติ มหาสาวกา อุฏฺหึสุ. เต สพฺเพ ภควา ปฏิกฺขิปิ.
อานนฺทตฺเถโร ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส อานนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจติ, ตฺวมฺปิ ยาจาหี’’ติ. ยาจิตฺวา ลทฺธฏฺานํ นาม, อาวุโส, กีทิสํ โหติ, กึ มํ สตฺถา น ปสฺสติ? สเจ สตฺถา โรจิสฺสติ, ‘‘อานนฺโท มํ อุปฏฺหตู’’ติ วกฺขตีติ. อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อานนฺโท อฺเหิ อุสฺสาเหตพฺโพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ อาห. ตโต ภิกฺขู ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, ทสพลํ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุ. เถโร อุฏฺหิตฺวา จตฺตาโร ปฏิกฺเขปา จตสฺโส จ อายาจนาติ อฏฺ วเร ยาจิ.
จตฺตาโร ปฏิกฺเขปา นาม – ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, ภควา อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ, ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ ¶ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อาทีนวํ อทฺทสา’’ติ วุตฺเต อาห – ‘‘สจาหํ, ภนฺเต, อิมานิ วตฺถูนิ ลภิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘อานนฺโท ทสพเลน ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ ปริภฺุชติ, ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสติ ¶ , เอกโต นิมนฺตนํ คจฺฉติ. เอตํ ลาภํ ลภนฺโต ตถาคตํ อุปฏฺาติ, โก เอวํ อุปฏฺหโต ภาโร’’’ติ? อิเม จตฺตาโร ปฏิกฺเขเป ยาจิ.
จตสฺโส อายาจนา นาม – ‘‘สเจ, ภนฺเต, ภควา มยา คหิตนิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ ติโรรฏฺา ติโรชนปทา ภควนฺตํ ทฏฺุํ อาคตํ ปริสํ อาคตกฺขเณเยว ภควนฺตํ ทสฺเสตุํ ลจฺฉามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึเยว ขเณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ลจฺฉามิ, ตถา ยํ ภควา มยฺหํ ปรมฺมุเข ธมฺมํ เทเสติ, ตํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถสฺสติ, เอวาหํ ¶ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อานิสํสํ ปสฺสสี’’ติ วุตฺเต อาห – ‘‘อิธ, ภนฺเต, สทฺธา กุลปุตฺตา ภควโต โอกาสํ อลภนฺตา มํ เอวํ วทนฺติ ‘สฺเว, ภนฺเต อานนฺท, ภควตา สทฺธึ อมฺหากํ ฆเร ภิกฺขํ คณฺเหยฺยาถา’ติ. สเจ ภควา ตตฺถ น คมิสฺสติ, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณเยว ปริสํ ทสฺเสตุํ, กงฺขฺจ วิโนเทตุํ โอกาสํ น ลจฺฉามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘กึ อานนฺโท ทสพลํ อุปฏฺาติ ¶ . เอตฺตกมฺปิสฺส ภควา อนุคฺคหํ น กโรตี’ติ. ภควโต จ ปรมฺมุขา มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ ‘อยํ, อาวุโส อานนฺท, คาถา, อิทํ สุตฺตํ, อิทํ ชาตกํ กตฺถ เทสิต’นฺติ. สจาหํ ตํ น สมฺปาทยิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘เอตฺตกมฺปิ, อาวุโส, น ชานาสิ, กสฺมา ตฺวํ ฉายา วิย ภควนฺตํ อวิชหนฺโต ทีฆรตฺตํ วิจรสี’ติ. เตนาหํ ปรมฺมุขา เทสิตสฺสปิ ธมฺมสฺส ปุน กถนํ อิจฺฉามี’’ติ. อิมา จตสฺโส อายาจนา ยาจิ. ภควาปิสฺส อทาสิ.
เอวํ อิเม อฏฺ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฏฺาโก อโหสิ. ตสฺเสว านนฺตรสฺส อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณิ. โส อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ทสพลสฺส ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกฏฺเน หตฺถปาทปริกมฺเมน ปิฏฺิปริกมฺเมน คนฺธกุฏิปริเวณํ สมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิจฺเจหิ อุปฏฺหนฺโต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิมํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทิวสภาคํ สนฺติกาวจโร หุตฺวา รตฺติภาคสมนนฺตเร ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา เอกรตฺตึ คนฺธกุฏิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติ. เอวฺหิสฺส อโหสิ – ‘‘สเจ เม ถินมิทฺธํ โอกฺกเมยฺย, ทสพเล ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนํ ทาตุํ น สกฺกุเณยฺย’’นฺติ. ตสฺมา สพฺพรตฺตึ ทณฺฑทีปิกํ หตฺเถน น มฺุจติ. อิทเมตฺตกํ วตฺถุ. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อเนกปริยาเยน ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ¶ เถรํ อิมสฺมึ สาสเน พหุสฺสุตานํ สติมนฺตานํ คติมนฺตานํ ธิติมนฺตานํ อุปฏฺากานฺจ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุรุเวลกสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๒๒๔. ทุติเย ¶ มหาปริสานนฺติ มหาปริวารานํ อุรุเวลกสฺสโป อคฺโคติ ทสฺเสติ. อฺเสฺหิ เถรานํ กฺจิ กาลํ ปริวาโร มหา โหติ กฺจิ ¶ กาลํ อปฺโป, อิมสฺส ปน เถรสฺส ทฺวีหิ ภาติเกหิ สทฺธึ เอกํ สมณสหสฺสํ นิพทฺธปริวาโรว อโหสิ. เตสุ เอเกกสฺมึ เอเกกํ ปพฺพาเชนฺเต ทฺเว สมณสหสฺสานิ โหนฺติ, ทฺเว ทฺเว ปพฺพาเชนฺเต ตีณิ สหสฺสานิ โหนฺติ. ตสฺมา โส มหาปริวารานํ อคฺโค นาม ชาโต. กสฺสโปติ ปนสฺส โคตฺตํ. อุรุเวลายํ ปพฺพชิตตฺตา อุรุเวลกสฺสโปติ ปฺายิตฺถ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มหาปริสานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ติจีวเรน อจฺฉาเทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา มหาปริสานํ อคฺคภาวตฺถํ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน มหาปริสานํ อคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต ทฺเวนวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสพุทฺธสฺส เวมาติกกนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ปิตา มหินฺทราชา นาม. อปเร ปนสฺส ทฺเว กนิฏฺภาตโร อเหสุํ. เอวํ เต ตโย ภาตโร วิสุํ วิสุํ านนฺตรํ ลภึสุ. เต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว กุปิตํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปิตุ สนฺติกา วรํ ลภิตฺวา ‘‘เตมาสํ ทสพลํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ วรํ คณฺหึสุ. อถ เนสํ ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อมฺเหหิ ทสพลํ ปฏิชคฺคนฺเตหิ อนุจฺฉวิกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกํ อมจฺจํ อุปฺปาทกฏฺาเน เปตฺวา เอกํ อายวยชานนกํ กตฺวา เอกํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปริเวสกฏฺาเน เปตฺวา อตฺตนา ทส สีลานิ สมาทาย เตมาสํ สิกฺขาปทานิ รกฺขึสุ. เต ตโย อมจฺจา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พิมฺพิสารวิสาขรฏฺปาลา ชาตา.
เต ¶ ปน ราชกุมารา วุตฺถวสฺเส ทสพเล สหตฺถา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจยปูชาย ปูเชตฺวา ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา อมฺหากํ ทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน โคตฺตวเสน ¶ ตโยปิ ชนา กสฺสปา เอว นาม ชาตา. เต วยปฺปตฺตา ตโย เวเท อุคฺคณฺหึสุ. เตสํ เชฏฺภาติกสฺส ปฺจ มาณวกสตานิ ปริวาโร อโหสิ, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฏฺสฺส ทฺเว. เต อตฺตโน คนฺเถ สารํ โอโลเกนฺตา ทิฏฺธมฺมิกเมว ปสฺสึสุ, น สมฺปรายิกํ. อถ เนสํ เชฏฺภาตา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุรุเวลกสฺสโป นาม ชาโต, มหาคงฺคานทีวงฺเก ปพฺพชิโต นทีกสฺสโป นาม ชาโต, คยาสีเส ปพฺพชิโต คยากสฺสโป นาม ชาโต.
เอวํ เตสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสนฺเตสุ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ อนุกฺกเมน ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปฺจวคฺคิเย เถเร อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ยสทารกปฺปมุเข ปฺจปฺาส สหายเกปิ วิเนตฺวา สฏฺิ อรหนฺเต ‘‘จรถ, ภิกฺขเว ¶ , จาริก’’นฺติ พหุชนหิตาย จาริกํ เปเสตฺวา ภทฺทวคฺคิเย วิเนตฺวา อุรุเวลกสฺสปสฺส เหตุํ ทิสฺวา ‘‘มยิ คเต ตโย ภาติกา สปริวารา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา เอกโก อทุติโย อุรุเวลกสฺสปสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วสนตฺถาย อคฺยาคารํ ยาจิตฺวา ตตฺถ กตํ นาคทมนํ อาทึ กตฺวา อฑฺฒุฑฺฒสหสฺเสหิ ปาฏิหาริเยหิ อุรุเวลกสฺสปํ สปริวารํ วิเนตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ ตฺวา อิตเรปิ ทฺเว ภาตโร สปริวารา อาคนฺตฺวา ปพฺพชึสุ, สพฺเพปิ เอหิภิกฺขู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา อเหสุํ.
สตฺถา ตํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาสาเณ นิสินฺโน ‘‘กถํรูปา นุ โข เอเตสํ ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘อิเม อคฺคึ ปริจรนฺตา วิจรึสุ, อิเมสํ ตโย ภเว อาทิตฺตาคารสทิเส กตฺวา ทสฺเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาทิตฺตปริยายสุตฺตํ (มหาว. ๕๔) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพว อรหตฺตํ ปตฺตา. สตฺถา เตหิ ปริวุโต ปุพฺเพ พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนปฏิฺตฺตา ราชคหนคเร ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมาสิ. ราชา ทสพลสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา สพฺพาวนฺตํ ปริสํ โอโลเกตฺวา มหาชนํ อุรุเวลกสฺสปสฺส นิปจฺจการํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม มยฺหํ วา กสฺสปสฺส วา ¶ มหนฺตภาวํ น ชานนฺติ, สวิตกฺกา จ นาม เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ ¶ น สกฺโกนฺตี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา, ‘‘กสฺสป, ตุยฺหํ อุปฏฺากานํ วิตกฺกํ ฉินฺทา’’ติ เถรสฺส สฺํ อทาสิ. เถโร สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ตาลปฺปมาณํ อากาสํ อุปฺปติตฺวา อิทฺธิวิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมิ, สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา โอรุยฺห ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิ. เอเตนุปาเยน สตฺตเม วาเร สตฺตตาลปฺปมาณํ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ กาเล มหาชโน ‘‘อยํ โลเก มหาสมโณ’’ติ สตฺถริ นิพฺพิตกฺโก ชาโต, อถสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ราชา เอกาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, เอกนหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. เตปิ อุรุเวลกสฺสปสฺส ปริวารา สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อตฺตโน อาเสวนวเสน จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, พหิ คนฺตฺวา กึ กริสฺสามา’’ติ อุรุเวลกสฺสปตฺเถรํเยว ปริวาเรตฺวา วิจรึสุ. เตสุ เอเกกสฺมึ เอเกกํ นิสฺสิตกํ คณฺหนฺเต ทฺเว สหสฺสานิ โหนฺติ, ทฺเว ทฺเว คณฺหนฺเต ตีณิ สหสฺสานิ โหนฺติ. ตโต ปฏฺาย ยตฺตกา เตสํ นิสฺสิตกา, ตตฺตเก กเถตุํ วฏฺฏตีติ. อิทเมตฺถ วตฺถุ. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เถรํ มหาปริสานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ
๒๒๕. ตติเย กุลปฺปสาทกานนฺติ กุลํ ปสาเทนฺตานํ. อยํ หิ เถโร อทิฏฺพุทฺธทสฺสนํเยว สุทฺโธทนมหาราชสฺส นิเวสนํ ปสาเทสิ, ตสฺมา กุลปฺปสาทกานํ ¶ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ ¶ สํสรนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมึเยว อมจฺจเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ชาตทิวเส โพธิสตฺเตน สทฺธึเยว ชาโตติ ตํทิวสํเยว ตํ ทุกูลจุมฺพุฏเก นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานตฺถาย นยึสุ. โพธิสตฺเตน หิ ¶ สทฺธึ โพธิรุกฺโข ราหุลมาตา จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อาโรหนิยหตฺถี กณฺฑโก ฉนฺโน กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาโตติ อุทายีตฺเวว นามํ อกํสุ. โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายี นาม ชาโต. โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กุมารกีฬํ กีฬนฺโต วุทฺธึ อคมาสิ.
อปรภาเค โพธิสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา ปุริสสหสฺสปริวารํ เอกํ อมจฺจํ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธ อาเนหี’’ติ เปเสสิ. โส สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส จตุปริสมชฺเฌ ¶ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺา ปหิตสาสน’’นฺติ ปริสปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ เนสํ สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, สพฺเพ ตํขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปน อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ ‘‘เอหิ, ตาต, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ เตเนว นิยาเมน อฺํ อมจฺจํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว สทฺธึ ปริสาย อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. เอวํ นวหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ นว ปุริสสหสฺสานิ เปเสสิ. สพฺเพ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตุณฺหี อเหสุํ.
อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน ทสพลสฺส อิธาคมนตฺถาย น กิฺจิ กถยึสุ, อฺเ คนฺตฺวาปิ ทสพลํ อาเนตุํ ¶ น สกฺขิสฺสนฺติ. มยฺหํ โข ปน ปุตฺโต อุทายี ทสพเลน สทฺธึ เอกวโย สหปํสุกีฬิโก, มยิ จสฺส สิเนโห อตฺถี’’ติ กาฬุทายึ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ปุริสสหสฺสปริวาโร คนฺตฺวา ทสพลํ อาเนหี’’ติ อาห. ปมํ คตปุริสา วิย ปพฺพชิตุํ ลภนฺโต อาเนสฺสามิ, เทวาติ. ยํกิฺจิ กตฺวา มม ปุตฺตํ ทสฺเสหีติ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตผลํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘น ตาว ทสพลสฺส กุลนครํ คนฺตุํ เอส กาโล, วสนฺตสมเย สุปุปฺผิเตสุ วนสณฺเฑสุ ¶ หริตติณสฺฉนฺนาย ปถวิยา เอส กาโล ภวิสฺสตี’’ติ ¶ กาลํ ปฏิมาเนนฺโต ตสฺส กาลสฺส อาคตภาวํ ตฺวา –
‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;
สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –
สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ทสพลสฺส กุลนครํ คมนตฺถาย คมนวณฺณํ วณฺเณสิ. สตฺถา ‘‘อุทายี คมนวณฺณํ กเถติ, กปิลวตฺถุนครํ คนฺตุํ เอส กาโล’’ติ วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร อตุริตคมเนน จาริกํ นิกฺขมิ.
อุทายิตฺเถโร สตฺถุ นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘ปิตุ มหาราชสฺส สฺํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. สุทฺโธทนมหาราชา เถรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร อุฏฺาย คมนากปฺปํ ทสฺเสสิ. นิสีทิตฺวาว ภฺุช, ตาตาติ. สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภฺุชิสฺสามิ, มหาราชาติ. กหํ ปน, ตาต, สตฺถาติ? วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย จาริกํ นิกฺขนฺโต, มหาราชาติ. ตุมฺเห อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ สมฺปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ หรถาติ. เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทสพลสฺส อาหริตพฺพํ ภตฺตํ คเหตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ทสพลสฺส อทสฺสเนเนว สกลราชนิเวสนํ สทฺธาปฏิลาภํ ลภาเปตฺวา สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานฺเว ปตฺตํ อากาเส ¶ วิสฺสชฺเชตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาทาย สตฺถุ หตฺเถ เปสิ, สตฺถา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิ. เถโร สฏฺิโยชนมคฺคํ โยชนปรมํ คจฺฉนฺตสฺส สตฺถุโน ทิวเส ทิวเส ราชเคหโต ภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิ. เอวํ ¶ วตฺถุ เวทิตพฺพํ. อถ อปรภาเค สตฺถา ‘‘มยฺหํ ปิตุ มหาราชสฺส สกลนิเวสนํ ปสาเทสี’’ติ เถรํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
พากุลตฺเถรวตฺถุ
๒๒๖. จตุตฺเถ อปฺปาพาธานนฺติ นิราพาธานํ. พากุโลติ ทฺวีสุ กุเลสุ วฑฺฒิตตฺตา เอวํลทฺธนาโม เถโร.
ตสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร อตีเต อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิเก อสงฺขฺเยยฺยมตฺถเก อโนมทสฺสิทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา วยํ อาคมฺม อุคฺคหิตเวโท เวทตฺตเย สารํ อปสฺสนฺโต ‘‘สมฺปรายิกตฺถํ คเวสิสฺสามี’’ติ ปพฺพตปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจาภิฺา-อฏฺสมาปตฺติลาภี หุตฺวา ฌานกีฬิตาย วีตินาเมสิ. ตสฺมึ สมเย อโนมทสฺสี โพธิสตฺโต สพฺพฺุตํ ปตฺวา อริยคณปริวุโต จาริกํ จรติ. ตาปโส ‘‘ตีณิ รตนานิ อุปฺปนฺนานี’’ติ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา เทสนาปริโยสาเน สรเณสุ ปติฏฺิโต, อตฺตโน านํ ปน วิชหิตุํ นาสกฺขิ. โส กาเลน กาลํ สตฺถุ ทสฺสนาย เจว คจฺฉติ, ธมฺมฺจ สุณาติ.
อเถกสฺมึ สมเย ตถาคตสฺส อุทรวาโต อุปฺปชฺชิ. ตาปโส สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย อาคโต ‘‘สตฺถา คิลาโน’’ติ สุตฺวา ‘‘โก, ภนฺเต, อาพาโธ’’ติ. ‘‘อุทรวาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ กาโล มยฺหํ ปฺุํ กาตุ’’นฺติ ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา นานาวิธานิ เภสชฺชานิ สโมธาเนตฺวา ‘‘อิทํ เภสชฺชํ สตฺถุ อุปเนถา’’ติ อุปฏฺากตฺเถรสฺส อทาสิ. สห เภสชฺชสฺส อุปโยเคน อุทรวาโต ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. โส สตฺถุ ผาสุกกาเล คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ยทิทํ มม เภสชฺเชน ¶ ตถาคตสฺส ผาสุกํ ชาตํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว คทฺทูหนมตฺตมฺปิ สรีเร ¶ พฺยาธิ นาม มา โหตู’’ติ. อิทมสฺส ตสฺมึ อตฺตภาเว กลฺยาณกมฺมํ.
โส ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อปฺปาพาธานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวตายุกํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสีทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พนฺธุมตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ปุริมนเยเนว อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานลาภี หุตฺวา ปพฺพตปาเท วสติ.
วิปสฺสีโพธิสตฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร พนฺธุมตีนครํ อุปนิสฺสาย ปิตุ มหาราชสฺส สงฺคหํ กโรนฺโต เขเม มิคทาเย วิหรติ. อถายํ ตาปโส ทสพลสฺส โลเก นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ, อตฺตโน ปพฺพชฺชํ ชหิตุํ นาสกฺขิ, กาเลน กาลํ ปน สตฺถุ อุปฏฺานํ คจฺฉติ.
อเถกสฺมึ ¶ สมเย เปตฺวา สตฺถารฺเจว ทฺเว อคฺคสาวเก จ หิมวติ ปุปฺผิตานํ วิสรุกฺขานํ วาตสมฺผสฺเสน เสสภิกฺขูนํ มตฺถกโรโค นาม อุทปาทิ. ตาปโส สตฺถุ อุปฏฺานํ อาคโต ภิกฺขู สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปนฺเน ทิสฺวา – ‘‘กึ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขูนํ ติณปุปฺผกโรโค, อาวุโสติ. ตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ กาโล มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส กายเวยฺยาวติกกมฺมํ กตฺวา ปฺุํ นิพฺพตฺเตตุ’’นฺติ อตฺตโน ¶ อานุภาเวน นานาวิธานิ เภสชฺชานิ สํกฑฺฒิตฺวา โยเชตฺวา อทาสิ. สพฺพภิกฺขูนํ โรโค ตํขณํเยว วูปสนฺโต.
โส ยาวตายุกํ ตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกนวุติกปฺเป เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต ‘‘มยฺหํ วสนเคหํ ทุพฺพลํ, ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา ทพฺพสมฺภารํ อาหริตฺวา เคหํ กริสฺสามี’’ติ วฑฺฒกีหิ สทฺธึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ชิณฺณํ มหาวิหารํ ทิสฺวา ‘‘ติฏฺตุ ตาว มยฺหํ เคหกมฺมํ, น ตํ มยา สทฺธึ คมิสฺสติ, ยํกิฺจิ กตฺวา ปน สทฺธึ คมนกมฺมเมว ปุเรตรํ กาตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ เตเหว วฑฺฒกีหิ ทพฺพสมฺภารํ คาหาเปตฺวา ตสฺมึ วิหาเร อุโปสถาคารํ กาเรสิ, โภชนสาลํ อคฺคิสาลํ ทีฆจงฺกมํ ชนฺตาฆรํ กปฺปิยกุฏึ วจฺจกุฏึ อาโรคฺยสาลํ กาเรสิ, ยํกิฺจิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปโภคปริโภคํ เภสชฺชํ นาม สพฺพํ ปฏิยาเทตฺวา เปสิ.
โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว โกสมฺพิยํ เสฏฺิเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวสโต ปฏฺาย ตํ เสฏฺิกุลํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ อโหสิ. อถสฺส มาตา ปุตฺตํ วิชายิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ทารโก ปฺุวา กตาธิกาโร, ยตฺตกํ กาลํ อโรโค ทีฆายุโก หุตฺวา ติฏฺติ, ตตฺตกํ อมฺหากํ สมฺปตฺติทายโก ภวิสฺสติ. ชาตทิวเสเยว มหายมุนาย นฺหาตทารกา นิโรคา โหนฺตี’’ติ นฺหาปนตฺถาย นํ เปเสสิ. ‘‘ปฺจเม ทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา นทีกีฬนตฺถาย นํ เปเสสี’’ติ มชฺฌิมภาณกา. ตตฺถ ¶ ธาติยา ทารกํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสน กีฬาเปนฺติยา เอโก มจฺโฉ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘ภกฺโข เม อย’’นฺติ มฺมาโน มุขํ วิวริตฺวา อุปคโต. ธาตี ทารกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตา, มจฺโฉ ตํ คิลิ. ปฺุวา สตฺโต ทุกฺขํ น ปาปุณิ, สยนคพฺภํ ปวิสิตฺวา นิปนฺโน วิย อโหสิ. มจฺโฉ ทารกสฺส เตเชน ตตฺตผาลํ คิลิตฺวา ฑยฺหมาโน วิย เวเคน ตึสโยชนํ คนฺตฺวา พาราณสินครวาสิโน มจฺฉพนฺธสฺส ชาลํ ปาวิสิ. มหามจฺฉา ¶ นาม ชาเลน พทฺธา มาริยมานาว มรนฺติ, อยํ ปน ทารกสฺส เตเชน ชาลโต นีหฏมตฺโตว มโต. มจฺฉพนฺธา จ มหามจฺฉํ ลภิตฺวา ผาเลตฺวา วิกฺกิณนฺติ, ตํ ปน ทารกสฺส อานุภาเวน อผาเลตฺวา สกลเมว กาเชน หริตฺวา ‘‘สหสฺเสน เทมา’’ติ วทนฺตา นคเร วิจรึสุ, โกจิ น คณฺหาติ.
ตสฺมึ ปน นคเร อปุตฺตกํ อสีติโกฏิวิภวํ เสฏฺิกุลํ อตฺถิ. ตสฺส ทฺวารมูลํ ปตฺวา ‘‘กึ คเหตฺวา เทถา’’ติ วุตฺตา ‘‘กหาปณ’’นฺติ อาหํสุ. เตหิ กหาปณํ ทตฺวา คหิโต. เสฏฺิภริยาปิ อฺเสุ ทิวเสสุ มจฺเฉ น เกฬายติ, ตํทิวสํ ปน มจฺฉํ ผลเก เปตฺวา สยเมว ผาเลสิ. มจฺฉฺจ นาม กุจฺฉิโต ผาเลนฺติ, สา ปน ปิฏฺิโต ผาเลนฺตี ¶ มจฺฉกุจฺฉิยํ สุวณฺณวณฺณํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘มจฺฉกุจฺฉิยํ เม ปุตฺโต ลทฺโธ’’ติ นาทํ นทิตฺวา ทารกํ อาทาย สามิกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เสฏฺิ ตาวเทว เภรึ จราเปตฺวา ทารกมาทาย รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มจฺฉกุจฺฉิยํ เม, เทว, ทารโก ลทฺโธ, กึ กโรมา’’ติ อาห. ปฺุวา เอส, โย มจฺฉกุจฺฉิยํ อาโรโค วสิ, โปเสหิ นนฺติ ¶ .
อสฺโสสิ โข อิตรํ กุลํ ‘‘พาราณสิยํ กิร เอกํ เสฏฺิกุลํ มจฺฉกุจฺฉิยํ ทารกํ ลภี’’ติ. เต ตตฺถ อคมํสุ. อถสฺส มาตา ทารกํ อลงฺกริตฺวา กีฬาปิยมานํ ทิสฺวา ‘‘มนาโป วตายํ ทารโก’’ติ คเหตฺวา ปกตึ อาจิกฺขิ. อิตรา ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต’’ติ อาห. กหํ เต ลทฺโธติ. มจฺฉกุจฺฉิยนฺติ. น ตุยฺหํ ปุตฺโต, มยฺหํ ปุตฺโตติ. กหํ เต ลทฺโธติ. มยา ทส มาเส กุจฺฉิยา ธาริโต, อถ นํ นทิยา กีฬาปิยมานํ มจฺโฉ คิลีติ. ตุยฺหํ ปุตฺโต อฺเน มจฺเฉน คิลิโต ภวิสฺสติ, อยํ ปน มยา มจฺฉกุจฺฉิยํ ลทฺโธติ อุโภปิ ราชกุลํ อคมํสุ. ราชา อาห – ‘‘อยํ ทส มาเส กุจฺฉิยา ธาริตตฺตา อมาตา กาตุํ น สกฺกา, มจฺฉํ คณฺหนฺตาปิ วกฺกยกนาทีนิ พหิ กตฺวา คณฺหนฺตา นาม นตฺถีติ มจฺฉกุจฺฉิยํ ลทฺธตฺตา อยมฺปิ อมาตา กาตุํ น สกฺกา, ทารโก อุภินฺนมฺปิ กุลานํ ทายาโท โหตู’’ติ. ตโต ปฏฺาย ทฺเวปิ กุลานิ อติวิย ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตานิ อเหสุํ. ตสฺส ทฺวีหิ กุเลหิ วฑฺฒิตตฺตา พากุลกุมาโรติ นามํ กรึสุ.
ตสฺส วิฺุตํ ปตฺตสฺส ทฺวีสุปิ นคเรสุ ตโย ตโย ปาสาเท กาเรตฺวา นาฏกานิ ปจฺจุปฏฺเปสุํ. เอเกกสฺมึ นคเร จตฺตาโร จตฺตาโร มาเส วสติ. เอกสฺมึ นคเร จตฺตาโร มาเส วุตฺถสฺส ¶ สงฺฆาฏนาวาสุ มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตตฺถ นํ สทฺธึ นาฏเกหิ อาโรเปนฺติ. โส สมฺปตฺตึ อนุภวมาโน จตูหิ มาเสหิ อิตรํ นครํ คจฺฉติ. ตํนครวาสีนิ นาฏกานิ ‘‘ทฺวีหิ มาเสหิ อุปฑฺฒมคฺคํ ¶ อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ตํ ปริวาเรตฺวา ทฺวีหิ มาเสหิ อตฺตโน นครํ เนนฺติ, อิตรานิ นาฏกานิ นิวตฺติตฺวา อตฺตโน นครเมว คจฺฉนฺติ. ตตฺถ จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา เตเนว นิยาเมน ปุน อิตรํ นครํ คจฺฉติ. เอวมสฺส สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส อสีติ วสฺสานิ ปริปุณฺณานิ.
ตสฺมึ ¶ สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุกฺกเมน จาริกํ จรมาโน โกสมฺพึ ปาปุณิ, พาราณสินฺติ มชฺฌิมภาณกา. พากุโล เสฏฺิปิ โข ‘‘ทสพโล อาคโต’’ติ สุตฺวา พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส สตฺตาหเมว ปุถุชฺชโน หุตฺวา อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส ทฺวีสุ นคเรสุ คิหิกาเล ปริจาริกมาตุคามา อตฺตโน กุลฆรานิ อาคนฺตฺวา ตตฺถ วสมานา จีวรานิ กตฺวา ปหิณึสุ. เถโร เอกํ อทฺธมาสํ โกสมฺพิวาสิเกหิ ปหิตํ จีวรํ ภฺุชติ, เอกํ อทฺธมาสํ พาราณสิวาสิเกหีติ. เอเตเนว นิยาเมน ทฺวีสุปิ นคเรสุ ยํ ยํ อุตฺตมํ, ตํ ตํ เถรสฺเสว อาหริยติ. เถรสฺส อสีติ วสฺสานิ อคารมชฺเฌ วสนฺตสฺส ทฺวีหงฺคุเลหิ คนฺธปิณฺฑํ คเหตฺวา อุปสิงฺฆนมตฺตมฺปิ กาลํ น โกจิ อาพาโธ นาม อโหสิ. อาสีติเม วสฺเส สุเขเนว ปพฺพชฺชํ อุปคโต. ปพฺพชิตสฺสาปิสฺส อปฺปมตฺตโกปิ อาพาโธ วา จตูหิ ปจฺจเยหิ เวกลฺลํ วา นาโหสิ. โส ปจฺฉิเม กาเล ปรินิพฺพานสมเยปิ ปุราณคิหิสหายกสฺส ¶ อเจลกสฺสปสฺส อตฺตโน กายิกเจตสิกสุขทีปนวเสเนว สกลํ พากุลสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๒๐๙ อาทโย) กเถตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เอวํ อฏฺุปฺปตฺติ สมุฏฺิตา. สตฺถา ปน เถรสฺส ธรมานกาเลเยว เถเร ยถา ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต พากุลตฺเถรํ อิมสฺมึ สาสเน อปฺปาพาธานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
โสภิตตฺเถรวตฺถุ
๒๒๗. ปฺจเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานนฺติ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ อนุสฺสรณสมตฺถานํ โสภิตตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร ปุพฺเพนิวาสํ อนุปฏิปาฏิยา อนุสฺสรมาโน ¶ ปฺจ กปฺปสตานิ อสฺิภเว อจิตฺตกปฏิสนฺธึ นยโต อคฺคเหสิ อากาเส ปทํ ทสฺเสนฺโต วิย. ตสฺมา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ภิกฺขูนํ ¶ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, โสภิโตติสฺส นามํ อกํสุ.
โส อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ¶ ปตฺวา ปุพฺเพนิวาสาเณ จิณฺณวสี อโหสิ. โส อนุปฏิปาฏิยา อตฺตโน นิพฺพตฺตฏฺานํ อนุสฺสรนฺโต ยาว อสฺิภเว อจิตฺตกปฏิสนฺธิ, ตาว ปฏิสนฺธึ อทฺทส. ตโต ปรํ อนฺตเร ปฺจ กปฺปสตานิ ปวตฺตึ อทิสฺวา อวสาเน จุตึ ทิสฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อาวชฺชมาโน นยวเสน ‘‘อสฺิภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. สตฺถา อิมํ การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุปาลิตฺเถรวตฺถุ
๒๒๘. ฉฏฺเ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลีติ วินยธรานํ ภิกฺขูนํ อุปาลิตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. เถโร กิร ตถาคตสฺเสว สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตถาคตสฺเสว สนฺติเก วินยปิฏกํ อุคฺคณฺหิตฺวา ภารุกจฺฉกวตฺถุํ, อชฺชุกวตฺถุํ, (ปารา. ๑๕๘) กุมารกสฺสปวตฺถุนฺติ อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺเทตฺวา กเถสิ. ตสฺมา วินยธรานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล กิเรส หํสวติยํ กุลฆเร นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปฺปกเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ ¶ , อุปาลิทารโกติสฺส นามํ อกํสุ. โส ¶ วยปฺปตฺโต ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปสาธโก หุตฺวา ตถาคเต อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเต ปพฺพชฺชตฺถาย นิกฺขมนฺเตหิ เตติ ฉหิ ขตฺติเยหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๓๐) อาคตเมว.
โส ¶ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน สตฺถารํ กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, อรฺวาสํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ภิกฺขุ ตว อรฺเ วสนฺตสฺส เอกเมว ธุรํ วฑฺฒิสฺสติ, อมฺหากํ ปน สนฺติเก วสนฺตสฺส วิปสฺสนาธุรฺจ คนฺถธุรฺจ ปริปูเรสฺสตีติ. เถโร สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สตฺถา สยเมว สกลํ วินยปิฏกํ อุคฺคณฺหาเปสิ. โส อปรภาเค เหฏฺา วุตฺตานิ ตีณิ วตฺถูนิ วินิจฺฉินิ. สตฺถา เอเกกสฺมึ วินิจฺฉิเต สาธุการํ ทตฺวา ตโยปิ วินิจฺฉเย อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
นนฺทกตฺเถรวตฺถุ
๒๒๙. สตฺตเม ภิกฺขุโนวาทกานํ ยทิทํ นนฺทโกติ อยํ หิ เถโร ธมฺมกถํ กเถนฺโต เอกสโมธาเน ปฺจ ภิกฺขุนีสตานิ อรหตฺตํ ปาเปสิ. ตสฺมา ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยฺหิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ¶ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, ปุพฺเพนิวาสาเณ จ จิณฺณวสี อโหสิ. โส จตูสุ ปริสาสุ สมฺปตฺตาสุ ‘‘สพฺเพสํเยว มนํ คเหตฺวา กเถตุํ สกฺโกตี’’ติ ธมฺมกถิกนนฺทโก นาม ชาโต. ตถาคโตปิ โข โรหิณีนทีตีเร จุมฺพฏกกลเห นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตานํ ปฺจนฺนํ สากิยกุมารสตานํ อนภิรติยา อุปฺปนฺนาย เต ภิกฺขู อาทาย กุณาลทหํ คนฺตฺวา กุณาลชาตกกถาย (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) เนสํ สํวิคฺคภาวํ ตฺวา จตุสจฺจกถํ กเถตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ. อปรภาเค มหาสมยสุตฺตํ ¶ (ที. นิ. ๒.๓๓๑ อาทโย) กเถตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาเปสิ. เตสํ เถรานํ ปุราณทุติยิกา ‘‘อมฺเห ทานิ อิธ กึ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา สพฺพาว เอกจิตฺตา ¶ หุตฺวา มหาปชาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. ตาปิ ปฺจสตา เถริยา สนฺติเก ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภึสุ. อตีตานนฺตราย ปน ชาติยา สพฺพาว ตา นนฺทกตฺเถรสฺส ราชปุตฺตภาเว ิตสฺส ปาทปริจาริกา อเหสุํ.
เตน สมเยน สตฺถา ‘‘ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย โอวทนฺตู’’ติ อาห. เถโร อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต ตาสํ ปุริมภเว อตฺตโน ปาทปริจาริกภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มํ อิมสฺส ภิกฺขุนีสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสินฺนํ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ธมฺมํ กถยมานํ ทิสฺวา อฺโ ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ภิกฺขุ อิมํ การณํ โอโลเกตฺวา ‘อายสฺมา ¶ นนฺทโก ยาวชฺชทิวสา โอโรเธ น วิสฺสชฺเชติ, โสภตายมายสฺมา โอโรธปริวุโต’ติ วตฺตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ. ตสฺมา สยํ อคนฺตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ เปเสสิ. ตา ปน ปฺจสตา ภิกฺขุนิโย เถรสฺเสว โอวาทํ ปจฺจาสีสนฺติ. อิมินา การเณน ภควา ‘‘อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต อฺํ อเปเสตฺวา สยเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุนีสงฺฆํ โอวทาหี’’ติ เถรํ อาห. โส สตฺถุ กถํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต จาตุทฺทเส ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส โอวาทํ ทตฺวา สพฺพาว ตา ภิกฺขุนิโย สฬายตนปฏิมณฺฑิตาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ.
ตา ภิกฺขุนิโย เถรสฺส ธมฺมเทสนาย อตฺตมนา หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปฏิวิทฺธคุณํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘กสฺมึ นุ โข ธมฺมํ เทเสนฺเต อิมา ภิกฺขุนิโย อุปริมคฺคผลานิ ปาปุเณยฺยุ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ปุน ‘‘ตํเยว นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฺจสตาปิ เอตา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ ทิสฺวา ปุนทิวเสปิ เถรสฺเสว สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เปเสสิ. ตา ปุนทิวเส ธมฺมํ สุตฺวา สพฺพาว อรหตฺตํ ปตฺตา. ตํทิวสํ ภควา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล ธมฺมเทสนาย สผลภาวํ ตฺวา ‘‘หิยฺโย นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนา จาตุทฺทสิยํ จนฺทสทิสี อโหสิ, อชฺช ปนฺนรสิยํ จนฺทสทิสี’’ติ วตฺวา เถรสฺส สาธุการํ ทตฺวา ตเทว จ การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
นนฺทตฺเถรวตฺถุ
๒๓๐. อฏฺเม ¶ ¶ ¶ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานนฺติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารานํ นนฺทตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. กิฺจาปิ หิ สตฺถุสาวกา อคุตฺตทฺวารา นาม นตฺถิ, นนฺทตฺเถโร ปน ทสสุ ทิสาสุ ยํ ยํ ทิสํ โอโลเกตุกาโม โหติ, น ตํ จตุสมฺปชฺวเสน อปริจฺฉินฺทิตฺวา โอโลเกติ. ตสฺมา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กปิลวตฺถุปุเร มหาปชาปติโคตมิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส าติสงฺฆํ นนฺทยนฺโต โตเสนฺโต ชาโตติ นนฺทกุมาโรเตว นามํ อกํสุ.
มหาสตฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหโต กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา ปมทสฺสเนเนว ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ. ปุนทิวเส ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา ราหุลมาตาย โอวาทํ ทตฺวา เสสชนสฺสปิ ธมฺมํ กเถสิ. ปุนทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ¶ ปพฺพาเชตุํ วิหาราภิมุโข ปายาสิ. นนฺทกุมารํ อภิเสกมงฺคลํ น ตถา ปีเฬสิ, ปตฺตํ อาทาย คมนกาเล ปน ชนปทกลฺยาณี อุปริปาสาทวรคตา สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ ยํ วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตํ สุตฺวา เคหสิตฉนฺทราควเสน โอโลเกนฺโต ปเนส สตฺถริ คารเวน ยถารุจิยา นิมิตฺตํ คเหตุํ นาสกฺขิ, เตนสฺส จิตฺตสนฺตาโป อโหสิ. อถ นํ ‘‘อิมสฺมึ าเน นิวตฺเตสฺสติ, อิมสฺมึ าเน นิวตฺเตสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตเมว สตฺถา วิหารํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิโตปิ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ปน ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนเมว สรติ. อถสฺส สา อาคนฺตฺวา อวิทูเร ¶ ิตา วิย อโหสิ. โส อนภิรติยา ปีฬิโต โถกํ านํ คจฺฉติ, ตสฺส คุมฺพํ วา คจฺฉํ วา อติกฺกมนฺตสฺเสว ทสพโล ปุรโต ิตโก วิย ¶ อโหสิ. โส อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ กุกฺกุฏปตฺตํ วิย ปฏินิวตฺติตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว ปวิสติ.
สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘นนฺโท อติวิย ปมตฺโต วิหรติ, อนภิรตึ วูปสเมตุํ น สกฺโกติ, เอตสฺส จิตฺตนิพฺพาปนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต นํ อาห – ‘‘เอหิ, นนฺท, เทวจาริกํ คจฺฉิสฺสามา’’ติ. ภควา กถาหํ อิทฺธิมนฺเตหิ คนฺตพฺพฏฺานํ คมิสฺสามีติ. ตฺวํ เกวลํ คมนจิตฺตํ อุปฺปาเทหิ, คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสสีติ. โส ทสพลสฺส อานุภาเวน ตถาคเตเนว สทฺธึ เทวจาริกํ คนฺตฺวา สกฺกสฺส เทวรฺโ นิเวสนํ โอโลเกตฺวา ปฺจ อจฺฉราสตานิ อทฺทส. สตฺถา นนฺทตฺเถรํ สุภนิมิตฺตวเสน ตา โอโลเกนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘นนฺท, อิมา นุ โข อจฺฉรา มนาปา, อถ ชนปทกลฺยาณี’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณี ¶ อิมา อจฺฉรา อุปนิธาย กณฺณนาสจฺฉินฺนกา มกฺกฏี วิย ขายตีติ. นนฺท, เอวรูปา อจฺฉรา สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ น ทุลฺลภาติ. สเจ เม, ภนฺเต ภควา, ปาฏิโภโค โหติ, อหํ สมณธมฺมํ กริสฺสามีติ. วิสฺสตฺโถ ตฺวํ, นนฺท, สมณธมฺมํ กโรหิ. สเจ เต สปฺปฏิสนฺธิกา กาลกิริยา ภวิสฺสติ, อหํ เอตาสํ ปฏิลาภตฺถาย ปาฏิโภโคติ. อิติ สตฺถา ยถารุจิยา เทวจาริกํ จริตฺวา เชตวนเมว ปจฺจาคฺฉิ.
ตโต ปฏฺาย นนฺทตฺเถโร อจฺฉรานํ เหตุ รตฺตินฺทิวํ สมณธมฺมํ กโรติ. สตฺถา ภิกฺขู อาณาเปสิ – ‘‘ตุมฺเห นนฺทสฺส วสนฏฺาเน ‘เอโก กิร ภิกฺขุ ทสพลํ ปาฏิโภคํ กตฺวา อจฺฉรานํ เหตุ สมณธมฺมํ กโรตี’ติ ตตฺถ ตตฺถ กเถนฺตา วิจรถา’’ติ. เต สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘ภตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อุปกฺกิตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ, ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทีน’’นฺติ เถรสฺส สวนูปจาเร กเถนฺตา วิจรนฺติ. นนฺทตฺเถโร ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู น อฺํ กเถนฺติ, มํ อารพฺภ กเถนฺติ, อยุตฺตํ มม กมฺม’’นฺติ ปฏิสงฺขานํ อุปฺปาเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส อรหตฺตปตฺตกฺขเณเยว อฺตรา ¶ เทวตา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ, สยมฺปิ ภควา อฺาสิเยว. ปุนทิวเส นนฺทตฺเถโร ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต ภควา ¶ , ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทีนํ, มฺุจามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. เอวํ วตฺถุ (อุทา. ๒๒) สมุฏฺิตํ ¶ . สตฺถา อปรภาเค เชตวนวิหาเร วิหรนฺโต เถรํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ
๒๓๑. นวเม ภิกฺขุโอวาทกานนฺติ ภิกฺขู โอวทนฺตานํ มหากปฺปินตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ กิร เถโร เอกสโมธานสฺมึเยว ธมฺมกถํ กเถนฺโต ภิกฺขุสหสฺสํ อรหตฺตํ ปาเปสิ. ตสฺมา ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ปุริสสหสฺสสฺส คณเชฏฺโก หุตฺวา คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิตํ มหาปริเวณํ กาเรสิ. เต สพฺเพปิ ชนา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา กปฺปินอุปาสกํ เชฏฺกํ กตฺวา สปุตฺตทารา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรึสุ.
อถ อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว อยํ กปฺปิโน ปจฺจนฺตเทเส กุกฺกุฏวตีนคเร ราชเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, เสสปุริสา ตสฺมึเยว นคเร อมจฺจกุเลสุ นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ กปฺปินกุมาโร ปิตุ ¶ อจฺจเยน ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา มหากปฺปินราชา นาม ชาโต. ปุพฺเพ กลฺยาณกมฺมกรณกาเล ตสฺส ฆรสามินี อิตฺถี สมานชาติเก ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหากปฺปินรฺโ อคฺคมเหสี ชาตา, อโนชาปุปฺผสทิสวณฺณตาย ปนสฺสา อโนชาเทวีตฺเวว นามํ อโหสิ. มหากปฺปินราชาปิ สุตวิตฺตโก อโหสิ. โส ปาโตว อุฏฺาย จตูหิ ทฺวาเรหิ ¶ สีฆํ ทูเต เปเสสิ – ‘‘ยตฺถ พหุสฺสุเต สุตธเร ปสฺสถ, ตโต นิวตฺติตฺวา มยฺหํ อาโรเจถา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน อมฺหากํ สตฺถา โลเก นิพฺพตฺติตฺวา สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย ปฏิวสติ. ตสฺมึ กาเล สาวตฺถินครวาสิโน วาณิชา สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา, ตํ นครํ คนฺตฺวา, ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา, ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการํ คเหตฺวา, ราชกุลทฺวารํ ¶ คนฺตฺวา, ‘‘ราชา อุยฺยานํ คโต’’ติ สุตฺวา, อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ทฺวาเร ิตา ปฏิหารกสฺส อาโรจยึสุ. อถ รฺโ นิเวทิ, เต ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา นิยฺยาติตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ิเต, ‘‘ตาตา, กุโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. สาวตฺถิโต, เทวาติ. กจฺจิ โว รฏฺํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชาติ? อาม, เทวาติ. อตฺถิ ปน ตุมฺหากํ เทเส กิฺจิ สาสนนฺติ? อตฺถิ เทว, น ปน สกฺกา อุจฺฉิฏฺมุเขหิ กเถตุนฺติ. ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. รฺโ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจเน สุตมตฺเตเยว สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ ¶ อุปฺปชฺชิ. ตโต ‘‘พุทฺโธติ, ตาตา, วทถา’’ติ อาห. พุทฺโธติ, เทว, วทามาติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา ‘‘พุทฺโธติปทํ อปริมาณํ, นาสฺส สกฺกา ปริมาณํ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึเยว ปเท ปสนฺโน สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ กึ สาสน’’นฺติ ปุจฺฉิ. เทว ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺนนฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อฺํ กึ สาสน’’นฺติ ปุจฺฉิ. สงฺฆรตนํ เทว อุปฺปนฺนนฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ปฏิฺํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ทตฺวา ทินฺนภาวํ ปณฺเณ ลิขิตฺวา, ‘‘ตาตา, เทวิยา สนฺติกํ คจฺฉถา’’ติ เปเสสิ. เตสุ คเตสุ อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? เทว ตุมฺเห กึ กตฺตุกามาติ? อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ. มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามาติ. เต สพฺเพปิ ฆรํ วา กุฏุมฺพํ วา อนปโลเกตฺวา เย อสฺเส อารุยฺห คตา เตเหว นิกฺขมึสุ.
วาณิชา ¶ อโนชาเทวิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปณฺณํ ทสฺเสสุํ. สา ตํ วาเจตฺวา ‘‘รฺา ตุมฺหากํ พหู กหาปณา ทินฺนา, กึ ตุมฺเหหิ กตํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ปิยสาสนํ, เทวิ, อานีตนฺติ. อมฺเหปิ สกฺกา, ตาตา, สุณาเปตุนฺติ? สกฺกา, เทวิ, อุจฺฉิฏฺมุเขหิ ปน วตฺตุํ น สกฺกาติ. สา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา รฺโ อาโรจิตนิยาเมเนว อาโรเจสุํ. สาปิ ตํ สุตฺวา อุปฺปนฺนปาโมชฺชา เตเนว นเยน เอเกกสฺมึ ปเท ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปฏิฺาคณนาย ตีณิ ตีณิ กตฺวา นว สตสหสฺสานิ อทาสิ. วาณิชา สพฺพานิปิ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ลภึสุ. อถ เน ‘‘ราชา กหํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ปพฺพชิสฺสามีติ ¶ นิกฺขนฺโต, เทวีติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, ตุมฺเห คจฺฉถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา รฺา สทฺธึ คตานํ อมจฺจานํ มาตุคาเม ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน สามิกานํ คตฏฺานํ ชานาถ อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ชานาม, อยฺเย, รฺา สทฺธึ อุยฺยานกีฬํ ¶ คตาติ. อาม, อมฺมา คตา, ตตฺถ ปน คนฺตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ‘‘ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ คตา, ตุมฺเห กึ กริสฺสถาติ? ตุมฺเห ปน, อยฺเย, กึ กตฺตุกามาติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, น เตหิ วนฺตวมนํ ชิวฺหคฺเค เปยฺยนฺติ. ‘‘ยทิ เอวํ, มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ สพฺพาปิ รเถ โยเชตฺวา นิกฺขมึสุ.
ราชาปิ อมจฺจสหสฺเสหิ สทฺธึ คงฺคาตีรํ ปาปุณิ, ตสฺมึ สมเย คงฺคา ปูรา โหติ. อถ นํ ทิสฺวา ‘‘อยํ คงฺคา ปูรา โหติ จณฺฑมจฺฉากิณฺณา, อมฺเหหิ จ สทฺธึ อาคตา ทาสา วา มนุสฺสา วา นตฺถิ, เย โน นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา กตฺวา ทเทยฺยุํ. เอตสฺส ปน สตฺถุ คุณา นาม เหฏฺา อวีจิโต อุปริ ยาว ภวคฺคา ปตฺถฏา. สเจ เอส สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรปิฏฺานิ มา เตเมนฺตู’’ติ อุทกปิฏฺเน อสฺเส ปกฺขนฺทาเปสุํ. เอกสฺส อสฺสสฺสาปิ ขุรปิฏฺมตฺตํ น เตมิ, ราชมคฺเคน คจฺฉนฺตา วิย ปรตีรํ ปตฺวา ปรโต อฺํ มหานทึ ปาปุณึสุ. ‘‘ทุติยา กินฺนมา’’ติ ปุจฺฉิ. นีลวาหินี นาม คมฺภีรโตปิ ปุถุลโตปิ อฑฺฒโยชนมตฺตา เทวาติ. ตตฺถ ¶ อฺา สจฺจกิริยา นตฺถิ, ตาย เอว สจฺจกิริยาย ¶ ตมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทึ อติกฺกมึสุ. อถ ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทึ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมึสุ.
สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โอโลเกนฺโต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคจฺฉตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สยเมว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทภาคาย ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถอภิมุขฏฺาเน มหานิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ. เต เตน ติตฺเถน อุตฺตรนฺตา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ ธาวนฺติโย โอโลเกตฺวา ทสพลสฺส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ ปพฺพชิตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฏฺํ คนฺตฺวา ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณมิตฺวา วนฺทมานา อาคมฺม สตฺถารํ วนฺทึสุ. ราชา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน. สตฺถา เตสํ ธมฺมกถํ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพว ¶ อรหตฺเต ปติฏฺาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพ อิเม จีวรทานสฺส ทินฺนตฺตา อตฺตโน ปตฺตจีวรานิ คเหตฺวาว อาคตา’’ติ สุวณฺณวณฺณํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ ปพฺพชฺชา ¶ จ อุปสมฺปทา จ อโหสิ, วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยึสุ.
อโนชาปิ เทวี รถสหสฺสปริวารา คงฺคาตีรํ ปตฺวา รฺโ อตฺถาย อาภตํ นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา อทิสฺวา อตฺตโน พฺยตฺตตาย จินฺเตสิ – ‘‘ราชา สจฺจกิริยํ กตฺวา คโต ภวิสฺสติ, โส ปน สตฺถา น เกวลํ เตสํเยว อตฺถาย นิพฺพตฺโต, สเจ โส สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อมฺหากํ รถา มา อุทเก นิมุชฺชึสู’’ติ อุทกปิฏฺเน รเถ ปกฺขนฺทาเปสิ. รถานํ เนมิวฏฺฏิมตฺตมฺปิ น เตมิ. ทุติยนทิมฺปิ ตติยนทิมฺปิ เตเนว สจฺจกาเรน อุตฺตริ. อุตฺตรมานา เอว จ นิคฺโรธรุกฺขมูเล สตฺถารํ ¶ อทฺทส. สตฺถาปิ ‘‘อิมาสํ อตฺตโน สามิเก ปสฺสนฺตีนํ ฉนฺทราโค อุปฺปชฺชิตฺวา มคฺคผลานํ อนฺตรายํ กเรยฺย, ธมฺมํ โสตุํ จ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. ยถา อฺมฺํ น ปสฺสนฺติ, ตถา อกาสิ. ตา สพฺพาปิ ติตฺถโต อุตฺตริตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ตาสํ ธมฺมกถํ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺพา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อฺมฺํ ปสฺสึสุ. สตฺถา ‘‘อุปฺปลวณฺณา อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. เถรี อาคนฺตฺวา สพฺพา ปพฺพาเชตฺวา อาทาย ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คตา, สตฺถา ภิกฺขุสหสฺสํ คเหตฺวา อากาเสน เชตวนํ อคมาสิ.
อถายํ มหากปฺปินตฺเถโร อตฺตโน กิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ตฺวา อปฺโปสฺสุกฺโก หุตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต อรฺคโตปิ รุกฺขมูลคโตปิ สฺุาคารคโตปิ ‘‘อโห สุขํ อโห ¶ สุข’’นฺติ อภิณฺหํ อุทานํ อุทาเนสิ. ภิกฺขู กถํ อุปฺปาเทสุํ ‘‘กปฺปินตฺเถโร รชฺชสุขํ อนุสฺสรนฺโต อุทานํ อุทาเนตี’’ติ. เต ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘มม ปุตฺโต มคฺคสุขํ ผลสุขํ อารพฺภ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘ธมฺมปีติ สุขํ เสติ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม, สทา รมติ ปณฺฑิโต’’ติ. (ธ. ป. ๗๙);
อเถกทิวสํ ¶ สตฺถา ตสฺส อนฺเตวาสิกภิกฺขุสหสฺสํ อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘กจฺจิ โว, ภิกฺขเว, อาจริโย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. น ภควา เทเสติ, อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรติ, กสฺสจิ โอวาทมตฺตมฺปิ น เทตีติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, กปฺปิน, อนฺเตวาสิกานํ โอวาทมตฺตมฺปิ น เทสี’’ติ? สจฺจํ ภควาติ. พฺราหฺมณ, มา เอวํ กริ, อชฺช ปฏฺาย อนฺเตวาสิกานํ ธมฺมํ เทเสหีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร สตฺถุ กถํ สิรวเรน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกสโมธาเนเยว สมณสหสฺสสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา สพฺเพ อรหตฺตํ ปาเปสิ. อปรภาเค สตฺถา สงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน ปฏิปาฏิยา เถเร านนฺตเรสุ เปนฺโต มหากปฺปินตฺเถรํ ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สาคตตฺเถรวตฺถุ
๒๓๒. ทสเม ¶ เตโชธาตุกุสลานนฺติ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตุํ กุสลานํ สาคตตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยฺหิ เถโร เตโชธาตุสมาปตฺติยา อมฺพติตฺถนาคสฺส เตชสา เตชํ ปริยาทิยิตฺวา ตํ นาคํ นิพฺพิเสวนํ อกาสิ. ตสฺมา ¶ เตโชธาตุกุสลานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อปรภาเค สตฺถุธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เตโชธาตุกุสลานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, สาคตมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ตตฺถ วสีภาวํ ปาปุณิ.
อเถกทิวสํ สตฺถา จาริกํ จรมาโน โกสมฺพินครสมีปํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน นทีติตฺเถ โปราณกนาวิกสฺส พหู อาคนฺตุกคมิกา เวริโน หุตฺวา ตํ โปเถตฺวา มารยึสุ. โส วิรุทฺเธน จิตฺเตน ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ตสฺมึเยว ติตฺเถ มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. โส วิรุทฺธจิตฺตตฺตา อกาเลเยว วสฺสาเปติ, กาเล ปน น วสฺสาเปติ, สสฺสานิ น สมฺมา สมฺปชฺชนฺติ. สกลรฏฺวาสิโน จ ตสฺส วูปสมนตฺถํ อนุสํวจฺฉรํ พลิกมฺมํ กโรนฺติ, วสนตฺถาย ¶ จสฺส เอกํ เคหํ อกํสุ. สตฺถาปิ เตเนว ติตฺเถน อุตฺตริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ‘‘ตสฺมึเยว ปเทเส รตฺตึ วสิสฺสามี’’ติ อคมาสิ.
อถายํ เถโร ‘‘จณฺโฑ กิเรตฺถ นาคราชา’’ติ สุตฺวา ‘‘อิมํ นาคราชานํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา สตฺถุ วสนฏฺานํ ปริยาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ นาคราชสฺส วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. นาโค กุชฺฌิตฺวา ‘‘โกนามายํ ¶ มุณฺฑโก มยฺหํ วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิสินฺโน’’ติ ธูปายิ, เถโร อุตฺตริตรํ ธูปายิ. นาโค, ปชฺชลิ, เถโรปิ อุตฺตริตรํ ปชฺชลิตฺวา ตสฺส เตชํ ปริยาทิยิ. โส ‘‘มหนฺโต วตายํ ¶ ภิกฺขู’’ติ เถรสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ อาห. มยฺหํ สรณคมนกิจฺจํ นตฺถิ, ทสพลสฺส สรณํ คจฺฉาติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สรณคโต หุตฺวา ตโต ปฏฺาย น กฺจิ วิเหเติ, เทวมฺปิ สมฺมา วสฺสาเปติ, สสฺสานิ สมฺมา สมฺปชฺชนฺติ.
โกสมฺพิวาสิโน ‘‘อยฺเยน กิร สาคเตน อมฺพติตฺถกนาโค ทมิโต’’ติ สุตฺวา สตฺถุ อาคมนํ อุทิกฺขมานา ทสพลสฺส มหาสกฺการํ สชฺชยึสุ. เต ทสพลสฺส ¶ มหาสกฺการํ กตฺวา ฉพฺพคฺคิยานํ วจเนน สพฺพเคเหสุ กาโปติกํ ปสนฺนํ ปฏิยาเทตฺวา ปุนทิวเส สาคตตฺเถรสฺส ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส เคเห เคเห โถกํ โถกํ อทํสุ. เถโร อปฺตฺเต สิกฺขาปเท มนุสฺเสหิ ยาจิยมาโน เคเห เคเห โถกํ ¶ โถกํ ปิวิตฺวา อวิทูรํ คนฺตฺวาว อนาหาริกภาเวน สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา สงฺการฏฺาเน ปติ.
สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ นิกฺขมนฺโต ตํ ทิสฺวา คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ. โส ปุนทิวเส สตึ ลภิตฺวา อตฺตนา กตการณํ สุตฺวา อจฺจยํ เทเสตฺวา ทสพลํ ขมาเปตฺวา อุปฺปนฺนสํเวโค วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวํ วตฺถุ วินเย สมุฏฺิตํ. ตํ ตตฺถ อาคตนเยเนว วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน มหาวิหาเร นิสีทิตฺวา ปฏิปาฏิยา เถเร านนฺตเรสุ เปนฺโต สาคตตฺเถรํ เตโชธาตุกุสลานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ราธตฺเถรวตฺถุ
๒๓๓. เอกาทสเม ¶ ปฏิภาเนยฺยกานนฺติ สตฺถุ ธมฺมเทสนาปฏิภานสฺส ปจฺจยภูตานํ ปฏิภานชนกานํ ภิกฺขูนํ ราธตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. เถรสฺส หิ ทิฏฺิสมุทาจารฺจ โอกปฺปนิยสทฺธฺจ อาคมฺม ทสพลสฺส นวนวา ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ. ตสฺมา เถโร ปฏิภาเนยฺยกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ¶ นิพฺพตฺติตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิภาเนยฺยกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ ตถาคตํ ปริจริตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ราธมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ.
โส มหลฺลกกาเล อตฺตโน ปุตฺตทาเรน อพหุมโต ‘‘ปพฺพชิตฺวา กาลํ วีตินาเมสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เถเร ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ‘‘ชิณฺโณ มหลฺลกพฺราหฺมโณ’’ติ น โกจิ ปพฺพาเชตุํ อิจฺฉิ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมโณ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา กถํ สมุฏฺาเปตุกาโม ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, ปุตฺตทารา ตํ ปฏิชคฺคนฺตี’’ติ? กุโต, โภ โคตม, ปฏิชคฺคนํ, มหลฺลโกติ ¶ มํ พหิ นีหรึสุ. กึ ปน เต, พฺราหฺมณ, ปพฺพชิตุํ น วฏฺฏตีติ? โก มํ, โภ โคตม, ปพฺพาเชสฺสติ, มหลฺลกภาเวน มํ น โกจิ อิจฺฉตีติ. สตฺถา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สฺํ อทาสิ. เถโร สตฺถุ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ราธพฺราหฺมณํ ปพฺพาเชตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา อิมํ พฺราหฺมณํ สาทเรน ปพฺพชาเปสิ, น โข เม เอตํ อนาทเรน ปริหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ ราธตฺเถรํ อาทาย คามกาวาสํ อคมาสิ. ตตฺรสฺส อธุนา ปพฺพชิตตฺตา กิจฺฉลาภิสฺส เถโร อตฺตโน ปตฺตํ อาวาสํ เทติ, อตฺตโน ปตฺตํ ปณีตปิณฺฑปาตมฺปิ ตสฺเสว ทตฺวา สยํ ปิณฺฑาย จรติ. ราธตฺเถโร เสนาสนสปฺปายฺจ โภชนสปฺปายฺจ ลภิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อถ นํ เถโร คเหตฺวา ทสพลํ ปสฺสิตุํ อาคโต. สตฺถา ชานนฺโตว ปุจฺฉิ – ‘‘โย เต มยา ¶ ¶ , สาริปุตฺต, นิสฺสิตโก ทินฺโน, กีทิสํ ตสฺส, น อุกฺกณฺตี’’ติ? ภนฺเต, สาสเน อภิรมิตภิกฺขุ นาม เอวรูโป ภเวยฺยาติ. อถายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร กตฺู กตเวที’’ติ สงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตสฺส อิทานิ กตฺูกตเวทิตา, โส อตีเต อเหตุกปฏิสนฺธิยํ นิพฺพตฺโตปิ กตฺูกตเวทีเยว อโหสี’’ติ. กตรสฺมึ กาเล ภควาติ?
อตีเต, ภิกฺขเว, ปพฺพตปาทมฺหิ ปฺจสตมตฺตา วฑฺฒกิปุริสา มหาอรฺํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร ฉินฺทิตฺวา มหาอุฬุมฺปํ พนฺธิตฺวา นทิยา โอตาเรนฺติ. อเถโก หตฺถินาโค เอกสฺมึ วิสมฏฺาเน โสณฺฑาย สาขํ คณฺหนฺโต สาขาภงฺคเวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ติขิณขาณุเก ปาเทน อวตฺถาสิ, ปาโท วิทฺโธ, ทุกฺขเวทนา วตฺตนฺติ. โส คมนํ อภินีหริตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว นิปชฺชิ. โส กติปาหจฺจเยน เต วฑฺฒกี อตฺตโน สมีเปน คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม นิสฺสายาหํ ชีวิตํ ลภิสฺสามี’’ติ เตสํ อนุปทํ อคมาสิ. เต นิวตฺติตฺวา หตฺถึ ทิสฺวา ภีตา ปลายนฺติ. โส เตสํ ปลายนภาวํ ตฺวา อฏฺาสิ, ปุน ิตกาเล อนุพนฺธิ.
วฑฺฒกิเชฏฺโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ หตฺถิ อมฺเหสุ ติฏฺนฺเตสุ อนุพนฺธติ, ปลายนฺเตสุ ติฏฺติ, ภวิสฺสติ ตตฺถ การณ’’นฺติ. สพฺเพ ตํ ตํ รุกฺขํ อารุยฺห ¶ ตสฺส อาคมนํ ปฏิมาเนนฺตา นิสีทึสุ. โส เตสํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปาทํ ทสฺเสนฺโต ปริวตฺเตตฺวา นิปชฺชิ. ตทา วฑฺฒกีนํ สฺา อุทปาทิ – ‘‘คิลานภาเวน, โภ, เอส อาคจฺฉติ, น อฺเน การเณนา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปาเท ปวิฏฺขาณุกํ ทิสฺวา ¶ ‘‘อิมินา การเณน เอส อาคโต’’ติ ติขิณวาสิยา ขาณุกโกฏิยํ โอธึ ทตฺวา ทฬฺหาย รชฺชุยา พนฺธิตฺวา กฑฺฒิตฺวา นีหรึสุ. อถสฺส วณมุขํ ปีเฬตฺวา ปุพฺพโลหิตํ นีหริตฺวา กสาโวทเกน โธวิตฺวา อตฺตโน ชานนเภสชฺชํ มกฺเขตฺวา นจิรสฺเสว ผาสุกํ อกํสุ.
หตฺถินาโค คิลานา วุฏฺิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มยฺหํ พหุปการา, อิเม มยา นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธํ, มยา อิเมสํ กตฺุนา กตเวทินา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เสตํ คนฺธหตฺถิโปตกํ อาเนสิ. วฑฺฒกิโน หตฺถิโปตกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ หตฺถี ปุตฺตมฺปิ คเหตฺวา อาคโต’’ติ อติวิย ตุฏฺจิตฺตา อเหสุํ. หตฺถินาโค จินฺเตสิ – ‘‘มยิ ติฏฺนฺเต ‘กึ นุ โข อยํ อาคโต’ติ มม อาคตการณํ น ชานิสฺสนฺตี’’ติ ิตฏฺานโต ปกฺกามิ. หตฺถิโปตโก ¶ ปิตุ ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุปายาสิ. หตฺถินาโค ตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา นิวตฺตนตฺถาย สทฺทสฺํ อทาสิ. โส ปิตุ กถํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา วฑฺฒกีนํ สนฺติกํ คโต. วฑฺฒกิโน ‘‘อิมํ หตฺถิโปตกํ อมฺหากํ ทาตุํ อาคโต ภวิสฺสติ เอโส’’ติ ตฺวา ‘‘อมฺหากํ สนฺติเก ตยา กตฺตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, ปิตุ สนฺติกํเยว คจฺฉา’’ติ ปหิณึสุ. หตฺถินาโค ยาวตติยํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตมฺปิ ปุน วฑฺฒกีนํเยว สมีปํ เปเสสิ. ตโต ปฏฺาย วฑฺฒกิโน หตฺถิโปตกํ อตฺตโน สนฺติเก กตฺวา ปฏิชคฺคนฺติ. โภชนกาเล เอเกกํ ภตฺตปิณฺฑํ เทนฺติ, ภตฺตํ ตสฺส ยาวทตฺถํ อโหสิ. โส วฑฺฒกีหิ อนฺโตคหเน โกฏฺฏิตํ ทพฺพสมฺภารํ อาหริตฺวา องฺคณฏฺาเน ราสึ กโรติ. เอเตเนว นิยาเมน อฺมฺปิ อุปการกมฺมํ กโรติ.
สตฺถา ¶ อิมํ การณํ อาหริตฺวา ปุพฺเพปิ สาริปุตฺตสฺส กตฺูกตเวทิภาวํ ทีเปติ. สาริปุตฺตตฺเถโร หิ ตทา มหาหตฺถี อโหสิ, อฏฺุปฺปตฺติยํ อาคโต โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ หตฺถิโปตโก อโหสิ. สํยุตฺตนิกายํ ปน ปตฺวา สกลํ ราธสํยุตฺตํ, ธมฺมปเท จ –
‘‘นิธีนํว ¶ ปวตฺตารํ, ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ;
นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ, ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช;
ตาทิสํ ภชมานสฺส, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย’’ติ. (ธ. ป. ๗๖) –
คาถา เถรสฺส ธมฺมเทสนา นาม. อปรภาเค ปน สตฺถา ปฏิปาฏิยา เถเร านนฺตเรสุ เปนฺโต ราธตฺเถรํ ปฏิภาเนยฺยกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
โมฆราชตฺเถรวตฺถุ
๒๓๔. ทฺวาทสเม ลูขจีวรธรานนฺติ ลูขจีวรํ ธาเรนฺตานํ โมฆราชา อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ หิ เถโร สตฺถลูขํ สุตฺตลูขํ รชนลูขนฺติ ติวิเธนปิ ลูเขน สมนฺนาคตํ ปํสุกูลํ ธาเรสิ. ตสฺมา ลูขจีวรธรานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ, ตโต อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลูขจีวรธรานํ ¶ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว ¶ กฏฺวาหนนคเร อมจฺจเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อปรภาเค วยปฺปตฺโต กฏฺวาหนราชานํ อุปฏฺหนฺโต อมจฺจฏฺานํ ลภิ.
ตสฺมึ กาเล กสฺสปทสพโล โลเก อุปฺปชฺชิ. กฏฺวาหนราชา ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาต, พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน, อิมํ ปจฺจนฺตนครํ เอกปฺปหาเรเนว อุโภหิ อมฺเหหิ ตุจฺฉํ กาตุํ น สกฺกา, ตฺวํ ตาว มชฺฌิมเทสํ คนฺตฺวา พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ทสพลํ อิมํ นครํ อาเนหี’’ติ ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ เปเสสิ. โส อนุปุพฺเพน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ตตฺเถว ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ อกาสิ. เตน สทฺธึ คตปุริสา ปน สพฺเพปิ นิวตฺติตฺวา ปุน รฺโ สนฺติกํ อาคตา.
อยํ เถโร ปริปุณฺณสีโล กาลํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว สาวตฺถิยํ ¶ พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, โมฆราชมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. กฏฺวาหนราชาปิ กสฺสปสฺส ภควโต อธิการกมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ สปริวาโร เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ทสพลสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว สาวตฺถิยํ ปุโรหิตเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, พาวริมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส อปเรน สมเยน ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา โสฬสนฺนํ มาณวกสหสฺสานํ สิปฺปํ วาเจนฺโต จรติ. อถสฺส ปเสนทิโกสลรฺโ กาเล ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ อทํสุ. ตทา อยมฺปิ โมฆราชมาณโว พาวริพฺราหฺมณสฺส สนฺติเก สิปฺปํ คณฺหาติ.
อเถกทิวสํ พาวริพฺราหฺมโณ รโหคโต อตฺตโน สิปฺเป สารํ โอโลเกนฺโต สมฺปรายิกํ สารํ อทิสฺวา ‘‘เอกํ ปพฺพชฺชํ ¶ ปพฺพชิตฺวา สมฺปรายิกํ คเวเสสฺสามี’’ติ โกสลราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปสิ. โส เตน อนฺุาโต โสฬสหิ มาณวกสหสฺเสหิ ปริวุโต ปพฺพชฺชตฺถาย นิกฺขมิ. โกสลราชาปิ เตน สทฺธึเยว เอกํ อมจฺจํ กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา เปเสสิ – ‘‘ยสฺมึ าเน อาจริโย ปพฺพชติ, ตตฺรสฺส วสนฏฺานํ คเหตฺวา เทถา’’ติ. พาวริพฺราหฺมโณ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสโต ปฏิกฺกมฺม ¶ อสฺสกรฺโ จ มุฬฺหกรฺโ จ สีมนฺตเร โคธาวริตีเร อตฺตโน วสนฏฺานํ กาเรสิ.
อเถโก ปุริโส ชฏิลานํ ทสฺสนาย คโต เตสํ สนฺตเก ภูมิฏฺาเน เตหิ อนฺุาโต อตฺตโน วสนฏฺานํ อกาสิ. เตน กตํ ทิสฺวา อปรํ กุลสตํ เคหสตํ กาเรสิ. เต สพฺเพปิ สนฺนิปติตฺวา ‘‘มยํ อยฺยานํ สนฺตเก ภูมิภาเค วสาม, มุธา วสิตุํ น การณํ, สุขวาสํ โว ทสฺสามา’’ติ เอเกโก เอเกกํ กหาปณํ ¶ พาวริพฺราหฺมณสฺส วสนฏฺาเน เปสิ. สพฺเพหิปิ อาภตกหาปณา สตสหสฺสมตฺตา อเหสุํ. พาวริพฺราหฺมโณ ‘‘กิมตฺถํ เอเต อาภตา’’ติ อาห. สุขวาสทานตฺถาย, ภนฺเตติ. สจาหํ หิรฺสุวณฺเณน อตฺถิโก อสฺสํ, อหํ มหนฺตํ ธนราสึ ปหาย น ปพฺพเชยฺยํ. ตุมฺหากํ กหาปเณ คณฺหิตฺวา คจฺฉถาติ. อมฺเหหิ อยฺยสฺส ปริจฺจตฺตํ น ปุน คณฺหาม, อนุสํวจฺฉรํ ปน เอเตเนว นิยาเมน อาหริสฺสาม, อิเม คเหตฺวา อยฺโย ทานํ เทตูติ. พฺราหฺมโณ อธิวาเสตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ ¶ ทานมุเข นิยฺยาเตสิ. ตสฺส อปราปรํ ทายกภาโว สกลชมฺพุทีเป ปฺายิตฺถ.
ตโต กาลิงฺครฏฺเ ทุนฺนิวิฏฺเ นาม คาเม ชูชกพฺราหฺมณสฺส วํเส ชาตพฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี อุฏฺาย สมุฏฺาย พฺราหฺมณํ โจเทติ – ‘‘พาวรี, กิร ทานํ เทติ, คนฺตฺวา ตโต หิรฺสุวณฺณํ อาหรา’’ติ. โส ตาย โจทิยมาโน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺโต พาวริสฺส สนฺติกํ คจฺฉมาโน พาวริมฺหิ ทานํ ทตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิตฺวา ทานํ อนุสฺสรมาเน คโต. คนฺตฺวา จ ‘‘ทานํ เม, พฺราหฺมณ, เทหิ, ทานํ เม, พฺราหฺมณ, เทหี’’ติ อาห. อกาเล ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาคโต, สมฺปตฺตยาจกานํ เม ทินฺนํ, อิทานิ กหาปณํ นตฺถีติ. น มยฺหํ, พฺราหฺมณ, พหูหิ กหาปเณหิ อตฺโถ, ตว เอตฺตกํ ทานํ ททนฺตสฺส น สกฺกา กหาปเณหิ วินา ภวิตุํ, มยฺหํ ปฺจ กหาปณสตานิ เทหีติ. พฺราหฺมณ, ปฺจปิ สตานิ นตฺถิ, ปุน ทานกาเล สมฺปตฺเต ลภิสฺสสีติ. กึ ปนาหํ ตว ทานกาเล อาคมิสฺสามีติ? พาวริพฺราหฺมณสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร วาลุกํ ถูปํ กตฺวา สมนฺตโต รตฺตวณฺณานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา มนฺตํ ชปฺเปนฺโต วิย โอฏฺเ จาเลตฺวา จาเลตฺวา ‘‘มุทฺธา ผลตุ สตฺตธา’’ติ วทติ.
พาวริพฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มหาตโป ตปจารํ คณฺหิตฺวา จรณพฺราหฺมณโก มยฺหํ สตฺตทิวสมตฺถเก ‘สตฺตธา มุทฺธา ผาลตู’ติ วทติ, มยฺหฺจ ¶ อิมสฺส ทาตพฺพานิ ปฺจ กหาปณสตานิ ¶ นตฺถิ, เอกํเสน มํ เอส ฆาเตสฺสตี’’ติ. เอวํ ตสฺมึ โสกสลฺลสมปฺปิเต นิปนฺเน รตฺติภาคสมนนฺตเร อนนฺตรตฺตภาเว พาวริสฺส มาตา เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา ปุตฺตสฺส โสกสลฺลสมปฺปิตภาวํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ตาต ¶ , เอส มุทฺธํ วา มุทฺธผาลนํ วา น ชานาติ, ตฺวมฺปิ โลเก พุทฺธานํ อุปฺปนฺนภาวํ น ชานาสิ. สเจ เต สํสโย อตฺถิ, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉ, โส เต เอตํ การณํ กเถสฺสตี’’ติ. พฺราหฺมโณ เทวตาย กถํ สุตกาลโต ปฏฺาย อสฺสาสํ ลภิตฺวา ปุนทิวเส อุฏฺิเต อรุเณ สพฺเพว อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘ตาตา, พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห สีฆํ คนฺตฺวา ‘พุทฺโธ วา โน วา’ติ ตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ อาโรเจถ, อหํ สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามิ. อปิจ โข ปน มยฺหํ มหลฺลกภาเวน ชีวิตนฺตราโย ทุชฺชาโน, ตุมฺเห ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิมินา จ อิมินา จ นิยาเมน ปฺเห ปุจฺฉถา’’ติ มุทฺธผาลนปฺหํ นาม อภิสงฺขริตฺวา อทาสิ.
ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สพฺเพ อิเม มาณวา ปณฺฑิตา, สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา อตฺตโน กิจฺเจ มตฺถกํ ปตฺเต ปุน มยฺหํ สนฺติกํ อาคจฺเฉยฺยุํ วา โน วา’’ติ. อถ อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส อชิตมาณวสฺส นาม สฺํ อทาสิ – ‘‘ตฺวํ ปน เอกนฺเตเนว มม สนฺติกํ อาคนฺตุํ อรหสิ, ตยา ปฏิลทฺธคุณํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ. อถ เต โสฬสสหสฺสชฏิลา อชิตมาณวํ เชฏฺกํ กตฺวา โสฬสหิ เชฏฺนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ ‘‘สตฺถารํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จาริกํ จรนฺตา คตคตฏฺาเน, ‘‘อยฺยา, กหํ คจฺฉถ, กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘ทสพลสฺส ¶ สนฺติกํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ คจฺฉามา’’ติ โกฏิโต ปฏฺาย ปริสํ สํกฑฺฒนฺตา อเนกโยชนสตํ มคฺคํ คตา. สตฺถา ‘‘เตสํ อาคมนทิวเส อฺสฺส โอกาโส น ภวิสฺสติ, อิทํ อิมิสฺสา ปริสาย อนุจฺฉวิกฏฺาน’’นฺติ คนฺตฺวา ปาสาณเจติเย ปิฏฺิปาสาเณ นิสีทิ. โส อชิตมาณโวปิ สปริโส ตํ ปิฏฺิปาสาณํ อารุยฺห สตฺถุ สรีรสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส อิมสฺมึ โลเก วิวฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ อตฺตโน อาจริเยน ปหิเต ปฺเห มนสา ปุจฺฉนฺโตว คโต.
ตํทิวสํ ตสฺมึ าเน สมฺปตฺตปริสา ทฺวาทสโยชนิกา อโหสิ. เตสํ โสฬสนฺนํ อนฺเตวาสิกานํ อนฺตเร โมฆราชมาณโว ‘‘อหํ สพฺเพหิ ปณฺฑิตตโร’’ติ มานตฺถทฺโธ, ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ อชิตมาณโว สพฺเพสํ เชฏฺโก, เอตสฺส ปมตรํ มม ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ¶ . ตสฺส ลชฺชายนฺโต ปมตรํ ปฺหํ อปุจฺฉิตฺวา เตน ปุจฺฉิเต ทุติโย หุตฺวา สตฺถารํ ¶ ปฺหํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มานตฺถทฺโธ โมฆราชมาณวา, น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คจฺฉติ, อสฺส มานํ นิวาริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘ติฏฺ ตฺวํ, โมฆราช, อฺเ ตาว ปฺเห ปุจฺฉนฺตู’’ติ. โส สตฺถุ สนฺติกา อปสาทํ ลภิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ มยา ปณฺฑิตตโร นาม นตฺถีติ วิจรามิ, พุทฺธา จ นาม อชานิตฺวา น กเถนฺติ. สตฺถารา มม ปุจฺฉาย โทโส ทิฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ ¶ ตุณฺหี อโหสิ. โส อฏฺหิ ชเนหิ ปฏิปาฏิยา ปฺเห ปุจฺฉิเต อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต นวโม หุตฺวา ปุน อุฏฺาสิ. ปุนปิ นํ สตฺถา อปสาเทสิ.
โส ปุนปิ ตุณฺหี หุตฺวา ‘‘สงฺฆนวโก ทานิ ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ ปฺจทสโม หุตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ. อถ สตฺถา าณสฺส ปริปากภาวํ ตฺวา ปฺหํ กเถสิ. โส เทสนาปริโยสาเน อตฺตโน ปริวาเรน ชฏิลสหสฺเสน สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิมินาว นิยาเมน เสสานิปิ ปนฺนรส ชฏิลสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สพฺเพปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา เอหิภิกฺขูว อเหสุํ. เสสชนา ปน น กถิยนฺติ. อยํ โมฆราชตฺเถโร ตโต ปฏฺาย ตีหิ ลูเขหิ สมนฺนาคตํ จีวรํ ธาเรติ. เอวํ ปารายเน (สุ. นิ. ๙๘๒ อาทโย) วตฺถุ สมุฏฺิตํ. สตฺถา ปน อปรภาเค เชตวเน นิสินฺโน เถเร ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต โมฆราชตฺเถรํ อิมสฺมึ สาสเน ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺโต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ลูขจีวรธรานํ ยทิทํ โมฆราชา’’ติ อาห.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา.
เอกจตฺตาลีสสุตฺตมตฺตาย เถรปาฬิยา วณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๕. ปฺจมเอตทคฺควคฺโค
มหาปชาปติโคตมีเถรีวตฺถุ
๒๓๕. เถริปาฬิยา ¶ ¶ ปเม ยทิทํ มหาปชาปติโคตมีติ มหาปชาปติโคตมี เถรี รตฺตฺูนํ อคฺคาติ ทสฺเสติ.
ตสฺสา ปฺหกมฺเม ปน อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ ¶ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ รตฺตฺูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปน เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร เทวโลกโต จวิตฺวา พาราณสิยํ ปฺจนฺนํ ทาสิสตานํ เชฏฺกทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถ วสฺสูปนายิกสมเย ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธา นนฺทมูลกปพฺภารโต อิสิปตเน โอตริตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา อิสิปตนเมว คนฺตฺวา ‘‘วสฺสูปนายิกกุฏิยา อตฺถาย หตฺถกมฺมํ ยาจิสฺสามา’’ติ จินฺเตสุํ. กสฺมา? วสฺสํ อุปคจฺฉนฺเตน หิ นาลกปฏิปทํ ปฏิปนฺเนนาปิ ปฺจนฺนํ ฉทนานํ อฺตเรน ฉทเนน ฉนฺเน สทฺวารพทฺเธ เสนาสเน อุปคนฺตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ, โย อุปคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๔). ตสฺมา วสฺสกาเล อุปกฏฺเ สเจ เสนาสนํ ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ลภติ, หตฺถกมฺมํ ปริเยสิตฺวาปิ กาตพฺพํ. หตฺถกมฺมํ อลภนฺเตน สามมฺปิ กาตพฺพํ, น ตฺเวว อเสนาสนิเกน วสฺสํ อุปคนฺตพฺพํ. อยมนุธมฺมตา. ตสฺมา เต ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘หตฺถกมฺมํ ยาจิสฺสามา’’ติ จีวรํ ปารุปิตฺวา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสิตฺวา เสฏฺิสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺํสุ. เชฏฺกทาสี กุฏํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี ปจฺเจกพุทฺเธ นครํ ปวิสนฺเต อทฺทส. เสฏฺิ เตสํ อาคตการณํ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ โอกาโส นตฺถิ, คจฺฉนฺตู’’ติ อาห.
อถ ¶ เต นครา นิกฺขนฺเต เชฏฺกทาสี กุฏํ คเหตฺวา ปวิสนฺตี ทิสฺวา กุฏํ โอตาเรตฺวา วนฺทิตฺวา โอนมิตฺวา มุขํ อุกฺขิปิตฺวา, ‘‘อยฺยา, นครํ ปวิฏฺมตฺตาว นิกฺขนฺตา, กึ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิ. วสฺสูปนายิกกุฏิยา หตฺถกมฺมํ ยาจิตุํ อาคตมฺหาติ. ลทฺธํ, ภนฺเตติ? น ลทฺธํ อุปาสิเกติ. กึ ¶ ปเนสา กุฏิ อิสฺสเรเหว กาตพฺพา, อุทาหุ ¶ ทุคฺคเตหิปิ สกฺกา กาตุนฺติ? เยน เกนจิ สกฺกา กาตุนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, มยํ กริสฺสาม, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถาติ นิมนฺเตตฺวา ปุน กุฏํ คเหตฺวา อาคมนติตฺถมคฺเค ตฺวา อาคตาคตา อวเสสทาสิโย ‘‘เอตฺเถว โหถา’’ติ วตฺวา สพฺพาสํ อาคตกาเล อาห – ‘‘อมฺมา, กึ นิจฺจเมว ปรสฺส ทาสิกมฺมํ กริสฺสถ, อุทาหุ ทาสิภาวโต มุจฺจิตุํ อิจฺฉถา’’ติ. อชฺเชว มุจฺจิตุํ อิจฺฉาม, อยฺเยติ. ยทิ เอวํ, มยา ปจฺเจกพุทฺธา หตฺถกมฺมํ อลภนฺตา สฺวาตนาย นิมนฺติตา, ตุมฺหากํ สามิเกหิ เอกทิวสํ หตฺถกมฺมํ ทาเปถาติ. ตา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สายํ อฏวิโต อาคตกาเล สามิกานํ อาโรเจสุํ. เต ‘‘สาธู’’ติ เชฏฺกทาสสฺส เคหทฺวาเร สนฺนิปตึสุ.
อถ เน เชฏฺกทาสี ‘‘สฺเว, ตาตา, ปจฺเจกพุทฺธานํ หตฺถกมฺมํ เทถา’’ติ อานิสํสํ อาจิกฺขิตฺวา เยปิ น กาตุกามา, เต คาฬฺเหน โอวาเทน ตชฺเชตฺวา สพฺเพปิ สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. สา ปุนทิวเส ปจฺเจกพุทฺธานํ ภตฺตํ ทตฺวา สพฺเพสํ ทาสปุตฺตานํ สฺํ อทาสิ. เต ตาวเทว อรฺํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา สตํ สตํ หุตฺวา เอเกกํ กุฏึ จงฺกมนาทิปริวารํ กตฺวา มฺจปีปานีย-ปริโภชนียาทีนิ เปตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ เตมาสํ ตตฺเถว วสนตฺถาย ปฏิฺํ กาเรตฺวา วารภิกฺขํ ปฏฺเปสุํ. ยา อตฺตโน วารทิวเส น สกฺโกติ, ตสฺสา เชฏฺกทาสี สกเคหโต นีหริตฺวา เทติ. เอวํ เตมาสํ ปฏิชคฺคิตฺวา เชฏฺกทาสี เอเกกํ ทาสึ เอเกกํ สาฏกํ สชฺชาเปสิ, ปฺจ ถูลสาฏกสตานิ อเหสุํ. ตานิ ปริวตฺตาเปตฺวา ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ติจีวรานิ กตฺวา อทาสิ. ปจฺเจกพุทฺธา ตาสํ ปสฺสนฺตีนํเยว อากาเสน คนฺธมาทนปพฺพตํ อคมํสุ.
ตาปิ ¶ สพฺพา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. ตาสุ เชฏฺิกา ตโต จวิตฺวา พาราณสิยา อวิทูเร เปสการคาเม เปสการเชฏฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ ปทุมวติยา ปุตฺตา ปฺจสตา ปจฺเจกพุทฺธา พาราณสิรฺา นิมนฺติตา ราชทฺวารํ อาคนฺตฺวา กฺจิ โอโลเกนฺตมฺปิ อทิสฺวา นิวตฺติตฺวา นครทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ตํ เปสการคามํ ¶ อคมํสุ ¶ . สา อิตฺถี ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา สมฺปิยายมานา สพฺเพ วนฺทิตฺวา ภิกฺขํ อทาสิ. เต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คนฺธมาทนเมว อคมํสุ.
สาปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว เทวทหนคเร มหาสุปฺปพุทฺธสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, โคตมีติสฺสา นามํ อกํสุ. มหามายาย กนิฏฺภคินี โหติ. มนฺตชฺฌายกา พฺราหฺมณา ลกฺขณานิ ปริคฺคณฺหนฺตา ‘‘อิมาสํ ทฺวินฺนมฺปิ กุจฺฉิยํ วสิตทารกา จกฺกวตฺติโน ภวิสฺสนฺตี’’ติ พฺยากรึสุ. สุทฺโธทนมหาราชา วยปฺปตฺตกาเล ตา ทฺเวปิ มงฺคลํ กตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาเนสิ. อปรภาเค อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตุสิตปุรา จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. มหามายา ตสฺส ชาตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ. สุทฺโธทนมหาราชา มหาสตฺตสฺส มาตุจฺฉํ มหาปชาปติโคตมึ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. ตสฺมึ กาเล นนฺทกุมาโร ชาโต. อยํ มหาปชาปติ นนฺทกุมารํ ธาตีนํ ทตฺวา สยํ โพธิสตฺตํ ปริหริ.
อปเรน สมเยน โพธิสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺวา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต อนุกฺกเมน กปิลวตฺถุํ ปตฺวา นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถสฺส ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา อนฺตรวีถิยํเยว ¶ ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปนฺโน อโหสิ. อถ ทุติยทิวเส นนฺโท ปพฺพชิ, สตฺตเม ทิวเส ราหุโล. สตฺถา อปเรน สมเยน เวสาลึ อุปนิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรติ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา อรหตฺตํ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพายิ. ตทา มหาปชาปติโคตมี ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตโต โรหิณีนทีตีเร กลหวิวาทสุตฺตปริโยสาเน (สุ. นิ. ๘๖๘ อาทโย) นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตานํ ปฺจนฺนํ กุมารสตานํ ปาทปริจาริกา สพฺพาว เอกจิตฺตา หุตฺวา ‘‘มหาปชาปติยา สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพาว สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ มหาปชาปตึ เชฏฺิกํ กตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตุกามา อเหสุํ. อยฺจ มหาปชาปติ ปมเมว เอกวารํ สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจมานา นาลตฺถ, ตสฺมา กปฺปกํ ปกฺโกสาเปตฺวา เกเส ฉินฺนาเปตฺวา กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา สพฺพา ตา สากิยานิโย อาทาย เวสาลึ ¶ คนฺตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ทสพลํ ยาจาเปตฺวา อฏฺหิ ครุธมฺเมหิ ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ อลตฺถ. อิตรา ปน สพฺพาปิ เอกโตว อุปสมฺปนฺนา อเหสุํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ วตฺถุ ปาฬิยํ (จูฬว. ๔๐๒ อาทโย) อาคตเมว.
เอวํ ¶ อุปสมฺปนฺนา ปน มหาปชาปติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ, อถสฺสา สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. สา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เสสา ปฺจสตา ภิกฺขุนิโย นนฺทโกวาทสุตฺตปริโยสาเน (ม. นิ. ๓.๓๙๘ อาทโย) อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เอวเมตํ ¶ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย านนฺตเร เปนฺโต มหาปชาปตึ รตฺตฺูนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
เขมาเถรีวตฺถุ
๒๓๖. ทุติเย เขมาติ เอวํนามิกา ภิกฺขุนี. อิโต ปฏฺาย จ ปนสฺสา ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถาติ อวตฺวา สพฺพตฺถ อภินีหารํ อาทึ กตฺวา วตฺตพฺพเมว วกฺขาม.
อตีเต กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ อยํ ปรปริยาปนฺนา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ ตสฺส ภควโต อคฺคสาวิกํ สุชาตตฺเถรึ นาม ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ตโย โมทเก ทตฺวา ตํทิวสเมว อตฺตโน เกเส วิสฺสชฺเชตฺวา เถริยา ทานํ ทตฺวา ‘‘อนาคเต พุทฺธุปฺปาเท ตุมฺเห วิย มหาปฺา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ยาวชีวํ กุสลกมฺเมสุ อปฺปมตฺตา หุตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี กสฺสปพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ เคเหเยว โกมาริพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ตาหิ ภคินีหิ สทฺธึ ทสพลสฺส วสนปริเวณํ กาเรตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร ราชกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, เขมาติสฺสา นามํ อกํสุ. ตสฺสา สรีรวณฺโณ สุวณฺณรสปิฺชโร วิย อโหสิ. สา วยปฺปตฺตา พิมฺพิสารรฺโ เคหํ อคมาสิ.
สา ¶ ตถาคเต ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต ‘‘สตฺถา กิร รูเป โทสํ ทสฺเสตี’’ติ รูปมทมตฺตา ¶ หุตฺวา ‘‘มยฺหมฺปิ รูเป โทสํ ทสฺเสยฺยา’’ติ ภเยน ทสพลํ ทสฺสนาย น คจฺฉติ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺถุ อคฺคุปฏฺาโก, มาทิสสฺส จ นาม อริยสาวกสฺส อคฺคมเหสี ทสพลํ ทสฺสนาย น คจฺฉติ, น เม เอตํ รุจฺจตี’’ติ. โส กวีหิ เวฬุวนุยฺยานสฺส วณฺณํ พนฺธาเปตฺวา ‘‘เขมาย เทวิยา สวนูปจาเร คายถา’’ติ อาห. สา อุยฺยานสฺส วณฺณํ สุตฺวา คนฺตุกามา หุตฺวา ราชานํ ปฏิปุจฺฉิ. ราชา ‘‘อุยฺยานํ คจฺฉ, สตฺถารํ ¶ ปน อทิสฺวา อาคนฺตุํ น ลภิสฺสสี’’ติ อาห. สา รฺโ ปฏิวจนํ อทตฺวาว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ราชา ตาย สทฺธึ คจฺฉนฺเต ปุริเส อาห – ‘‘สเจ เทวี อุยฺยานโต นิวตฺตมานา ทสพลํ ปสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. สเจ น ปสฺสติ, ราชาณาย นํ ทสฺเสถา’’ติ. อถ โข สา เทวี ทิวสภาคํ อุยฺยาเน จริตฺวา นิวตฺตนฺตี ทสพลํ อทิสฺวาว คนฺตุํ อารทฺธา. อถ นํ ราชปุริสา อตฺตโน อรุจิยาว เทวึ สตฺถุ สนฺติกํ นยึสุ.
สตฺถา ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา อิทฺธิยา เอกํ เทวจฺฉรํ นิมฺมินิตฺวา ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา พีชมานํ วิย อกาสิ. เขมา เทวี ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มานมฺหิ นฏฺา, เอวรูปา นาม เทวจฺฉรปฺปฏิภาคา อิตฺถิโย ทสพลสฺส อวิทูเร ติฏฺนฺติ, อหํ เอตาสํ ปริจาริกาปิ นปฺปโหมิ, มานมทํ หิ นิสฺสาย ปาปจิตฺตสฺส วเสน นฏฺา’’ติ ตํ นิมิตฺตํ คเหตฺวา ตเมว อิตฺถึ โอโลกยมานา อฏฺาสิ. อถสฺสา ปสฺสนฺติยาว ตถาคตสฺส อธิฏฺานพเลน สา อิตฺถี ปมวยํ อติกฺกมฺม มชฺฌิมวเย ¶ ิตา วิย มชฺฌิมวยํ อติกฺกมฺม ปจฺฉิมวเย ิตา วิย จ วลิตฺตจา ปลิตเกสา ขณฺฑวิรฬทนฺตา อโหสิ. ตโต ตสฺสา ปสฺสนฺติยาว สทฺธึ ตาลวณฺเฏน ปริวตฺติตฺวา ปริปติ. ตโต เขมา ปุพฺพเหตุสมฺปนฺนตฺตา ตสฺมึ อารมฺมเณ อาปาถคเต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘เอวํวิธมฺปิ นาม สรีรํ เอวรูปํ วิปตฺตึ ปาปุณาติ, มยฺหมฺปิ สรีรํ เอวํคติกเมว ภวิสฺสตี’’ติ. อถสฺสา เอวํ จินฺติตกฺขเณ สตฺถา อิมํ ธมฺมปเท คาถมาห –
‘‘เย ¶ ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ,
สยํกตํ มกฺกฏโกว ชาลํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา,
อนเปกฺขิโน สพฺพทุกฺขํ ปหายา’’ติ.
สา คาถาปริโยสาเน ิตปเท ิตาเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อคารมชฺเฌ วสนฺเตน นาม อรหตฺตํ ปตฺเตน ตํทิวสเมว ปรินิพฺพายิตพฺพํ วา ปพฺพชิตพฺพํ วา โหติ, สา ปน อตฺตโน อายุสงฺขารานํ ปวตฺตนภาวํ ตฺวา ‘‘อตฺตโน ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปสฺสามี’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา ราชานํ อนภิวาเทตฺวาว อฏฺาสิ. ราชา อิงฺคิเตเนว อฺาสิ – ‘‘อริยธมฺมํ ปตฺตา ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘เทวิ คตา นุ โข สตฺถุทสฺสนายา’’ติ. มหาราช, ตุมฺเหหิ ทิฏฺทสฺสนํ ปริตฺตํ, อหํ ปน ทสพลํ ¶ สุทิฏฺมกาสึ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถาติ ¶ . ราชา ‘‘สาธุ, เทวี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สุวณฺณสิวิกาย ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ อุปเนตฺวา ปพฺพาเชสิ. อถสฺสา ‘‘เขมาเถรี นาม คิหิภาเว ตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ มหาปฺภาโว ปากโฏ อโหสิ. อิทเมตฺถ วตฺถุ. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต เขมาเถรึ มหาปฺานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ
๒๓๗. ตติเย อุปฺปลวณฺณาติ นีลุปฺปลคพฺภสทิเสเนว วณฺเณน สมนฺนาคตตฺตา เอวํลทฺธนามา เถรี. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อปรภาเค มหาชเนน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ อิทฺธิมนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี กสฺสปพุทฺธกาเล พาราณสินคเร กิกิสฺส กาสิรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ¶ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปริเวณํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา.
ตโต จวิตฺวา ปุน มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺตี เอกสฺมึ คาเม สหตฺถา กมฺมํ กตฺวา ชีวนกฏฺาเน นิพฺพตฺตา. สา เอกทิวสํ เขตฺตกุฏึ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ สเร ปาโตว ปุปฺผิตํ ปทุมปุปฺผํ ทิสฺวา ตํ สรํ โอรุยฺห ตฺเจว ปุปฺผํ ลาชปกฺขิปนตฺถาย ปทุมินิยา ปตฺตฺจ คเหตฺวา เกทาเร ¶ สาลิสีสานิ ฉินฺทิตฺวา กุฏิกาย นิสินฺนา ลาเช ภชฺชิตฺวา ปฺจ ลาชสตานิ คเณสิ. ตสฺมึ ขเณ คนฺธมาทนปพฺพเต นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺิโต เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ อาคนฺตฺวา ตสฺสา อวิทูเร อฏฺาสิ. สา ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ลาเชหิ สทฺธึ ปทุมปุปฺผํ คเหตฺวา กุฏิโต โอรุยฺห ลาเช ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ปทุมปุปฺเผน ปตฺตํ ปิธาย อทาสิ. อถสฺสา ปจฺเจกพุทฺเธ โถกํ คเต เอตทโหสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม ปุปฺเผน อนตฺถิกา, อหํ ปุปฺผํ คเหตฺวา ปิฬนฺธิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺถโต ปุปฺผํ คเหตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘สเจ, อยฺโย, ปุปฺเผน อนตฺถิโก อภวิสฺส, ปตฺตมตฺถเก เปตุํ น อทสฺส, อทฺธา อยฺยสฺส อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ปุน คนฺตฺวา ปตฺตมตฺถเก เปตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ ขมาเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , อิเมสํ เม ลาชานํ นิสฺสนฺเทน ลาชคณนาย ปุตฺตา อสฺสุ, ปทุมปุปฺผสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม ปเท ปเท ปทุมปุปฺผํ อุฏฺหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตสฺสา ปสฺสนฺติยาว อากาเสน คนฺธมาทนปพฺพตํ คนฺตฺวา ตํ ปทุมํ นนฺทมูลกปพฺภาเร ปจฺเจกพุทฺธานํ อกฺกมนโสปานสมีเป ปาทปฺุฉนํ กตฺวา เปสิ.
สาปิ ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เทวโลเก ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย จสฺสา ปเท ปเท มหาปทุมปุปฺผํ อุฏฺาสิ. สา ตโต จวิตฺวา ปพฺพตปาเท เอกสฺมึ ปทุมสฺสเร ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺติ. ตํ นิสฺสาย เอโก ตาปโส วสติ, โส ปาโตว มุขโธวนตฺถาย สรํ คนฺตฺวา ตํ ปุปฺผํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ปุปฺผํ เสเสหิ มหนฺตตรํ, เสสานิ จ ปุปฺผิตานิ, อิทํ มกุฬิตเมว, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณนา’’ติ อุทกํ โอตริตฺวา ตํ ปุปฺผํ คณฺหิ. ตํ เตน คหิตมตฺตเมว ปุปฺผิตํ. ตาปโส อนฺโตปทุมคพฺเภ นิปนฺนทาริกํ ¶ อทฺทส. ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย จ ธีตุสิเนหํ ลภิตฺวา ปทุเมเนว สทฺธึ ปณฺณสาลํ เนตฺวา มฺจเก นิปชฺชาเปสิ. อถสฺสา ¶ ปฺุานุภาเวน องฺคุฏฺเก ขีรํ นิพฺพตฺติ. โส ตสฺมึ ปุปฺเผ มิลาเต อฺํ นวปุปฺผํ อาหริตฺวา ตํ นิปชฺชาเปสิ. อถสฺสา อาธาวนวิธาวเนน กีฬิตุํ สมตฺถกาลโต ปฏฺาย ปทวาเร ปทวาเร ปทุมปุปฺผํ อุฏฺาสิ, กุงฺกุมราสิสฺส วิยสฺสา สรีรวณฺโณ อโหสิ. สา อปฺปตฺตา เทววณฺณํ, อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ อโหสิ. สา ปิตริ ผลาผลตฺถาย คเต ปณฺณสาลายํ โอหียติ.
อเถกทิวสํ ตสฺสา วยปฺปตฺตกาเล ปิตริ ผลาผลตฺถาย คเต เอโก วนจรโก ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มนุสฺสานํ นาม เอวํวิธํ รูปํ นตฺถิ, วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ ตาปสสฺส อาคมนํ อุทิกฺขนฺโต นิสีทิ. สา ปิตริ อาคจฺฉนฺเต ปฏิปถํ คนฺตฺวา ตสฺส หตฺถโต กาชกมณฺฑลุํ อคฺคเหสิ, อาคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส จสฺส อตฺตนา กรณวตฺตํ ทสฺเสสิ. ตทา โส วนจรโก มนุสฺสภาวํ ตฺวา ตาปสํ อภิวาเทตฺวา นิสีทิ. ตาปโส ตํ วนจรกํ วนมูลผลาผเลหิ จ ปานีเยน จ นิมนฺเตตฺวา, ‘‘โภ ปุริส, อิมสฺมึเยว าเน วสิสฺสสิ, อุทาหุ คมิสสฺสี’’ติ ปุจฺฉิ. คมิสฺสามิ, ภนฺเต, อิธ กึ กริสฺสามีติ. อิทํ ตยา ทิฏฺการณํ เอตฺโต คนฺตฺวา อกเถตุํ สกฺขิสฺสสีติ. สเจ, อยฺโย, น อิจฺฉติ, กึ การณา กเถสฺสามีติ ตาปสํ วนฺทิตฺวา ปุน อาคมนกาเล มคฺคสฺชานนตฺถํ ¶ สาขาสฺฺจ รุกฺขสฺฺจ กโรนฺโต ปกฺกามิ.
โส ¶ พาราณสึ คนฺตฺวา ราชานํ อทฺทส, ราชา ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, เทว, ตุมฺหากํ วนจรโก ปพฺพตปาเท อจฺฉริยํ อิตฺถิรตนํ ทิสฺวา อาคโตมฺหี’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ กเถสิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา เวเคน ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา อวิทูเร าเน ขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา วนจรเกน เจว อฺเหิ จ ปุริเสหิ สทฺธึ ตาปสสฺส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิสินฺนเวลาย ตตฺถ คนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ราชา ตาปสสฺส ปพฺพชิตปริกฺขารภณฺฑํ ปาทมูเล เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน กึ กโรม, คจฺฉามา’’ติ อาห. คจฺฉ, มหาราชาติ. อาม, คจฺฉามิ, ภนฺเต. อยฺยสฺส ปน สมีเป วิสภาคปริสา อตฺถีติ อสฺสุมฺห, อสารุปฺปา เอสา ปพฺพชิตานํ, มยา สทฺธึ คจฺฉตุ, ภนฺเตติ. มนุสฺสานํ จิตฺตํ นาม ทุตฺโตสยํ, กถํ พหูนํ มชฺเฌ วสิสฺสตีติ ¶ . อมฺหากํ รุจิตกาลโต ปฏฺาย เสสานํ เชฏฺกฏฺาเน เปตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ภนฺเตติ.
โส รฺโ กถํ สุตฺวา ทหรกาเล คหิตนามวเสเนว, ‘‘อมฺม, ปทุมวตี’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสิ. สา เอกวจเนเนว ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา ปิตรํ อภิวาเทตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ ปิตา อาห – ‘‘ตฺวํ, อมฺม, วยปฺปตฺตา, อิมสฺมึ าเน รฺา ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย วสิตุํ อยุตฺตา, รฺา สทฺธึ คจฺฉ, อมฺมา’’ติ. สา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ปิตุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อภิวาเทตฺวา ปโรทมานา อฏฺาสิ. ราชา ‘‘อิมิสฺสา ¶ ปิตุ จิตฺตํ คณฺหามี’’ติ ตสฺมึเยว าเน กหาปณราสิมฺหิ เปตฺวา อภิเสกํ อกาสิ. อถ นํ คเหตฺวา อตฺตโน นครํ อาเนตฺวา อาคตกาลโต ปฏฺาย เสสอิตฺถิโย อโนโลเกตฺวา ตาย สทฺธึเยว รมติ. ตา อิตฺถิโย อิสฺสาปกตา ตํ รฺโ อนฺตเร ปริภินฺทิตุกามา เอวมาหํสุ – ‘‘นายํ, มหาราช, มนุสฺสชาติกา, กหํ นาม ตุมฺเหหิ มนุสฺสานํ วิจรณฏฺาเน ปทุมานิ อุฏฺหนฺตานิ ทิฏฺปุพฺพานิ, อทฺธา อยํ ยกฺขินี, นีหรถ นํ มหาราชา’’ติ. ราชา ตาสํ กถํ สุตฺวา ตุณฺหี อโหสิ.
อถสฺส อปเรน สมเยน ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ‘‘ครุคพฺภา ปทุมวตี’’ติ ตํ นคเร เปตฺวา ปจฺจนฺตํ อคมาสิ. อถ ตา อิตฺถิโย ตสฺสา อุปฏฺายิกาย ลฺชํ ทตฺวา ‘‘อิมิสฺสา ทารกํ ชาตมตฺตเมว อปเนตฺวา เอกํ ทารุฆฏิกํ โลหิเตน มกฺเขตฺวา สนฺติเก เปหี’’ติ อาหํสุ. ปทุมวติยาปิ นจิรสฺเสว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. มหาปทุมกุมาโร เอกโกว กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อวเสสา เอกูนปฺจสตา ทารกา มหาปทุมกุมารสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา นิปนฺนกาเล สํเสทชา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. อถสฺส ‘‘น ตาวายํ สตึ ¶ ปฏิลภตี’’ติ ตฺวา อุปฏฺายิกา เอกํ ทารุฆฏิกํ โลหิเตน มกฺเขตฺวา สมีเป เปตฺวา ตาสํ อิตฺถีนํ สฺํ อทาสิ. ตา ปฺจสตาปิ อิตฺถิโย เอเกกา เอเกกํ ทารกํ คเหตฺวา จุนฺทการกานํ สนฺติกํ เปเสตฺวา กรณฺฑเก อาหราเปตฺวา ¶ อตฺตนา อตฺตนา คหิตทารเก ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา พหิ ลฺฉนํ กตฺวา ปยึสุ.
ปทุมวตีปิ โข สฺํ ลภิตฺวา ¶ ตํ อุปฏฺายิกํ ‘‘กึ วิชาตมฺหิ, อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. สา ตํ สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘กุโต ตฺวํ ทารกํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘อยํ เต กุจฺฉิโต นิกฺขนฺตทารโก’’ติ โลหิตมกฺขิตํ ทารุฆฏิกํ ปุรโต เปสิ. สา ตํ ทิสฺวา โทมนสฺสปฺปตฺตา ‘‘สีฆํ นํ ผาเลตฺวา อปเนหิ, สเจ โกจิ ปสฺเสยฺย ลชฺชิตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ อาห. สา ตสฺสา กถํ สุตฺวา อตฺถกามา วิย ทารุฆฏิกํ ผาเลตฺวา อุทฺธเน ปกฺขิปิ.
ราชาปิ ปจฺจนฺตโต อาคนฺตฺวา นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนนฺโต พหินคเร ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา นิสีทิ. อถ ตา ปฺจสตา อิตฺถิโย รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ อาคนฺตฺวา อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, มหาราช, น อมฺหากํ สทฺทหสิ, อมฺเหหิ วุตฺตํ อการณํ วิย โหติ. ตฺวํ มเหสิยา อุปฏฺายิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏิปุจฺฉ, ทารุฆฏิกํ เต เทวี วิชาตา’’ติ. ราชา ตํ การณํ น อุปปริกฺขิตฺวาว ‘‘อมนุสฺสชาติกา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ เคหโต นิกฺกฑฺฒิ. ตสฺสา ราชเคหโต สห นิกฺขมเนเนว ปทุมปุปฺผานิ อนฺตรธายึสุ, สรีรจฺฉวิปิ วิวณฺณา อโหสิ. สา เอกิกาว อนฺตรวีถิยา ปายาสิ. อถ นํ เอกา วยปฺปตฺตา มหลฺลิกา อิตฺถี ทิสฺวา ธีตุสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กหํ คจฺฉสิ อมฺมา’’ติ อาห. อาคนฺตุกมฺหิ, วสนฏฺานํ โอโลเกนฺตี วิจรามีติ. อิธาคจฺฉ, อมฺมาติ วสนฏฺานํ ทตฺวา โภชนํ ปฏิยาเทสิ.
ตสฺสา อิมินาว นิยาเมน ตตฺถ วสมานาย ตา ปฺจสตา อิตฺถิโย เอกจิตฺตา หุตฺวา ราชานํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, ตุมฺเหสุ ยุทฺธํ คเตสุ อมฺเหหิ คงฺคาเทวตาย ‘อมฺหากํ เทเว วิชิตสงฺคาเม อาคเต พลิกมฺมํ กตฺวา อุทกกีฬํ กริสฺสามา’ติ ปตฺถิตํ อตฺถิ, เอตมตฺถํ ¶ , เทว, ชานาเปมา’’ติ. ราชา ตาสํ วจเนน ตุฏฺโ คงฺคายํ อุทกกีฬํ กาตุํ อคมาสิ. ตาปิ อตฺตนา อตฺตนา คหิตํ กรณฺฑกํ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา อาทาย นทึ คนฺตฺวา เตสํ กรณฺฑกานํ ปฏิจฺฉาทนตฺถํ ปารุปิตฺวา ปารุปิตฺวา อุทเก ปติตฺวา กรณฺฑเก วิสฺสชฺเชสุํ. เตปิ โข กรณฺฑกา สพฺเพ สห คนฺตฺวา เหฏฺาโสเต ปสาริตชาลมฺหิ ลคฺคึสุ. ตโต อุทกกีฬํ กีฬิตฺวา รฺโ ¶ ¶ อุตฺติณฺณกาเล ชาลํ อุกฺขิปนฺตา เต กรณฺฑเก ทิสฺวา รฺโ สนฺติกํ อานยึสุ. ราชา กรณฺฑเก ทิสฺวา ‘‘กึ, ตาตา, กรณฺฑเกสู’’ติ อาห. น ชานาม, เทวาติ. โส เต กรณฺฑเก วิวราเปตฺวา โอโลเกนฺโต ปมํ มหาปทุมกุมารสฺส กรณฺฑกํ วิวราเปสิ. เตสํ ปน สพฺเพสมฺปิ กรณฺฑเกสุ นิปชฺชาปิตทิวเสเยว ปฺุิทฺธิยา องฺคุฏฺโต ขีรํ นิพฺพตฺติ. สกฺโก เทวราชา ตสฺส รฺโ นิกฺกงฺขภาวตฺถํ อนฺโตกรณฺฑเก อกฺขรานิ ลิขาเปสิ ‘‘อิเม กุมารา ปทุมวติยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตา พาราณสิรฺโ ปุตฺตา, อถ เน ปทุมวติยา สปตฺติโย ปฺจสตา อิตฺถิโย กรณฺฑเกสุ ปกฺขิปิตฺวา อุทเก ขิปึสุ, ราชา อิมํ การณํ ชานาตู’’ติ. กรณฺฑเก วิวริตมตฺเต ราชา อกฺขรานิ วาเจตฺวา ทารเก ทิสฺวา มหาปทุมกุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘เวเคน รเถ โยเชถ, อสฺเส กปฺเปถ, อหํ อชฺช อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา เอกจฺจานํ มาตุคามานํ ปิยํ กริสฺสามี’’ติ ปาสาทํ อารุยฺห หตฺถิคีวาย สหสฺสภณฺฑิกํ เปตฺวา เภรึ จราเปสิ ‘‘โย ปทุมวตึ ปสฺสติ, โส อิมํ สหสฺสํ คณฺหตู’’ติ.
ตํ กถํ สุตฺวา ปทุมวตี มาตุยา สฺํ อทาสิ – ‘‘หตฺถิคีวโต สหสฺสํ คณฺห, อมฺมา’’ติ. อหํ เอวรูปํ คณฺหิตุํ น วิสหามีติ. สา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ วุตฺเต, ‘‘กึ วตฺวา คณฺหามิ อมฺมา’’ติ อาห. ‘‘มม ธีตา, ปทุมวตึ ¶ เทวึ ปสฺสตี’’ติ วตฺวา คณฺหาหีติ. สา ‘‘ยํ วา ตํ วา โหตู’’ติ คนฺตฺวา สหสฺสจงฺโกฏกํ คณฺหิ. อถ นํ มนุสฺสา ปุจฺฉึสุ – ‘‘ปทุมวตึ เทวึ ปสฺสสิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘อหํ น ปสฺสามิ, ธีตา กิร เม ปสฺสตี’’ติ อาห. เต ‘‘กหํ ปน สา, อมฺมา’’ติ วตฺวา ตาย สทฺธึ คนฺตฺวา ปทุมวตึ สฺชานิตฺวา ปาเทสุ นิปตึสุ. ตสฺมึ กาเล สา ‘‘ปทุมวตี เทวี อย’’นฺติ ตฺวา ‘‘ภาริยํ วต อิตฺถิยา กมฺมํ กตํ, ยา เอวํวิธสฺส รฺโ มเหสี สมานา เอวรูเป าเน นิรารกฺขา วสี’’ติ อาห. เตปิ ราชปุริสา ปทุมวติยา นิเวสนํ เสตสาณีหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา ทฺวาเร อารกฺขํ เปตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สุวณฺณสิวิกํ เปเสสิ. สา ‘‘อหํ เอวํ น คมิสฺสามิ, มม วสนฏฺานโต ปฏฺาย ยาว ราชเคหํ เอตฺถนฺตเร วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรเณ อตฺถราเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ เจลวิตานํ พนฺธาเปตฺวา ปสาธนตฺถาย ¶ สพฺพาลงฺกาเรสุ ปหิเตสุ ปทสาว คมิสฺสามิ, เอวํ เม นาครา สมฺปตฺตึ ปสฺสิสฺสนฺตี’’ติ อาห. ราชา ‘‘ปทุมวติยา ยถารุจึ กโรถา’’ติ อาห. ตโต ปทุมวตี สพฺพปสาธนํ ปสาเธตฺวา ‘‘ราชเคหํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อถสฺสา อกฺกนฺตอกฺกนฺตฏฺาเน วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณานิ ภินฺทิตฺวา ¶ ปทุมปุปฺผานิ อุฏฺหึสุ. สา มหาชนสฺส อตฺตโน สมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา ราชนิเวสนํ อารุยฺห สพฺเพ จิตฺตตฺถรเณ ตสฺสา มหลฺลิกาย โปสาวนิกมูลํ กตฺวา ทาเปสิ.
ราชาปิ โข ตา ปฺจสตา อิตฺถิโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมาโย เต เทวิ ทาสิโย กตฺวา เทมี’’ติ อาห. สาธุ, มหาราช, เอตาสํ มยฺหํ ทินฺนภาวํ สกลนคเร ชานาเปหีติ ¶ . ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘ปทุมวติยา ทูพฺภิกา ปฺจสตา อิตฺถิโย เอติสฺสา เอว ทาสิโย กตฺวา ทินฺนา’’ติ. สา ‘‘ตาสํ สกลนคเรน ทาสิภาโว สลฺลกฺขิโต’’ติ ตฺวา ‘‘อหํ มม ทาสิโย ภุชิสฺสา กาตุํ ลภามิ เทวา’’ติ ราชานํ ปุจฺฉิ. ตว อิจฺฉา เทวีติ. เอวํ สนฺเต ตเมว เภริจาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปทุมวติเทวิยา อตฺตโน ทาสิโย กตฺวา ทินฺนา ปฺจสตา อิตฺถิโย สพฺพาว ภุชิสฺสา กตาติ ปุน เภรึ จราเปถา’’ติ อาห. สา ตาสํ ภุชิสฺสภาเว กเต เอกูนานิ ปฺจสตฺตปุตฺตานิ ตาสํเยว หตฺเถ โปสนตฺถาย ทตฺวา สยํ มหาปทุมกุมารํเยว คณฺหิ.
อถ อปรภาเค เตสํ กุมารานํ กีฬนวเย สมฺปตฺเต ราชา อุยฺยาเน นานาวิธํ กีฬนฏฺานํ กาเรสิ. เต อตฺตโน โสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล สพฺเพว เอกโต หุตฺวา อุยฺยาเน ปทุมสฺฉนฺนาย มงฺคลโปกฺขรณิยา กีฬนฺตา นวปทุมานิ ปุปฺผิตานิ ปุราณปทุมานิ จ วณฺฏโต ปตนฺตานิ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส ตาว อนุปาทินฺนกสฺส เอวรูปา ชรา ปาปุณาติ, กิมงฺคํ ปน อมฺหากํ สรีรสฺส. อิทมฺปิ หิ เอวํคติกเมว ภวิสฺสตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา สพฺเพว ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อุฏฺายุฏฺาย ปทุมกณฺณิกาสุ ปลฺลงฺเกน นิสีทึสุ.
อถ เตหิ สทฺธึ อาคตา ราชปุริสา พหุคตํ ทิวสํ ตฺวา ‘‘อยฺยปุตฺตา ตุมฺหากํ เวลํ ชานาถา’’ติ อาหํสุ. เต ตุณฺหี อเหสุํ. เต ¶ ปุริสา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘กุมารา เทว, ปทุมกณฺณิกาสุ นิสินฺนา, อมฺเหสุ กเถนฺเตสุปิ วจีเภทํ น กโรนฺตี’’ติ. ยถารุจิยา เตสํ ¶ นิสีทิตุํ เทถาติ. เต สพฺพรตฺตึ คหิตารกฺขา ปทุมกณฺณิกาสุ นิสินฺนนิยาเมเนว อรุณํ อุฏฺาเปสุํ. ปุริสา ปุนทิวเส อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทวา เวลํ ชานาถา’’ติ อาหํสุ. น มยํ เทวา, ปจฺเจกพุทฺธา นาม มยนฺติ. อยฺยา, ตุมฺเห ภาริยํ กถํ กเถถ, ปจฺเจกพุทฺธา นาม ตุมฺหาทิสา น โหนฺติ, ทฺวงฺคุลเกสมสฺสุธรา กาเย ปฏิมุกฺกอฏฺปริกฺขารา โหนฺตีติ. เต ทกฺขิณหตฺเถน ¶ สีสํ ปรามสึสุ. ตาวเทว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อฏฺ ปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ. ตโต ปสฺสนฺตสฺเสว มหาชนสฺส อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ.
สาปิ โข, ปทุมวตี เทวี, ‘‘อหํ พหุปุตฺตา หุตฺวา นิปุตฺตา ชาตา’’ติ หทยโสกํ ปตฺวา เตเนว โสเกน กาลํ กตฺวา ราชคหนครทฺวารคามเก สหตฺเถน กมฺมํ กตฺวา ชีวนกฏฺาเน นิพฺพตฺติ. อปรภาเค กุลฆรํ คนฺตฺวา เอกทิวสํ สามิกสฺส เขตฺตํ ยาคุํ หรมานา เตสํ อตฺตโน ปุตฺตานํ อนฺตเร อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ภิกฺขาจารเวลาย อากาเสน คจฺฉนฺเต ทิสฺวา สีฆํ สีฆํ คนฺตฺวา สามิกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘ปสฺส, อยฺย, ปจฺเจกพุทฺเธ, เอเต นิมนฺเตตฺวา โภเชสฺสามา’’ติ. โส อาห – ‘‘สมณสกุณา นาเมเต อฺตฺถาปิ เอวํ จรนฺติ, น เอเต ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ. เต เตสํ กเถนฺตานํเยว อวิทูเร าเน โอตรึสุ. สา อิตฺถี ตํทิวสํ อตฺตโน ภตฺตขชฺชโภชนํ เตสํ ทตฺวา ‘‘สฺเวปิ อฏฺ ¶ ชนา มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. สาธุ, อุปาสิเก, ตว สกฺกาโร เอตฺตโกว โหตุ, อาสนานิ จ อฏฺเว โหนฺตุ, อฺเปิ พหู ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา ตว จิตฺตํ ปสาเทยฺยาสีติ. สา ปุนทิวเส อฏฺ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา อฏฺนฺนํ สกฺการสมฺมานํ ปฏิยาเทตฺวา นิสีทิ.
นิมนฺติตปจฺเจกพุทฺธา เสสานํ สฺํ อทํสุ – ‘‘มาริสา, อชฺช อฺตฺถ อคนฺตฺวา สพฺเพว ตุมฺหากํ มาตุ สงฺคหํ กโรถา’’ติ. เต เตสํ วจนํ สุตฺวา สพฺเพว เอกโต อากาเสน อาคนฺตฺวา มาตุ-เคหทฺวาเร ปาตุรเหสุํ. สาปิ ปมํ ลทฺธสฺตาย พหูปิ ทิสฺวา น กมฺปิตฺถ, สพฺเพปิ เต ¶ เคหํ ปเวเสตฺวา อาสเนสุ นิสีทาเปสิ. เตสุ ปฏิปาฏิยา นิสีทนฺเตสุ นวโม อฺานิ อฏฺ อาสนานิ มาเปตฺวา สยํ ธุราสเน นิสีทิ. ยาว อาสนานิ วฑฺฒนฺติ, ตาว เคหํ วฑฺฒติ. เอวํ เตสุ สพฺเพสุปิ นิสินฺเนสุ สา อิตฺถี อฏฺนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปฏิยาทิตํ สกฺการํ ปฺจสตานมฺปิ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อฏฺ นีลุปฺปลหตฺถเก อาหริตฺวา นิมนฺติตปจฺเจกพุทฺธานํเยว ปาทมูเล เปตฺวา อาห – ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรวณฺโณ อิเมสํ นีลุปฺปลานํ อนฺโตคพฺภวณฺโณ วิย โหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺธา มาตุ อนุโมทนํ กตฺวา คนฺธมาทนํเยว อคมํสุ.
สาปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, นีลุปฺปลคพฺภสมานวณฺณตาย จสฺสา อุปฺปลวณฺณาตฺเวว นามํ ¶ อกํสุ. อถสฺสา วยปฺปตฺตกาเล สกลชมฺพุทีปราชาโน จ เสฏฺิโน จ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ ปหิณึสุ – ‘‘ธีตรํ อมฺหากํ เทตู’’ติ ¶ . อปหิณนฺโต นาม นาโหสิ. ตโต เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สพฺเพสํ มนํ คเหตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อุปายํ ปเนกํ กริสฺสามี’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปพฺพชิตุํ อมฺม สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ตสฺสา ปจฺฉิมภวิกตฺตา ปิตุวจนํ สีเส อาสิตฺตสตปากเตลํ วิย อโหสิ, ตสฺมา ปิตรํ ‘‘ปพฺพชิสฺสามิ, ตาตา’’ติ อาห. โส ตสฺสา สกฺการํ กตฺวา ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตสฺสา อจิรปพฺพชิตาย เอว อุโปสถาคาเร กาลวาโร ปาปุณิ. สา ทีปํ ชาเลตฺวา อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปสิขาย นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา ปุนปฺปุนํ โอโลกยมานา เตโชกสิณารมฺมณํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตผเลน สทฺธึเยว จ อิทฺธิวิกุพฺพเน จิณฺณวสี อโหสิ. สา อปรภาเค สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยกรณทิวเส ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ สีหนาทํ นทิ. สตฺถา อิทํ การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เชตวนวิหาเร นิสินฺโน ปฏิปาฏิยา ภิกฺขุนิโย านนฺตเร เปนฺโต อิมํ เถรึ อิทฺธิมนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ปฏาจาราเถรีวตฺถุ
๒๓๘. จตุตฺเถ ¶ วินยธรานํ ยทิทํ ปฏาจาราติ ปฏาจารา เถรี วินยธรานํ อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ ¶ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปริเวณํ กตฺวา ปุน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.
สา อปรภาเค วยปฺปตฺตา อตฺตโน เคเห เอเกน กมฺมกาเรน สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา อปรภาเค อตฺตโน สมานชาติกํ กุลํ คจฺฉนฺตี กตสนฺถวสฺส ปุริสสฺส สฺํ อทาสิ – ‘‘น ตฺวํ สฺเว ปฏฺาย มํ ปฏิหารสเตนปิ ทฏฺุํ ลภิสฺสสิ, สเจ เต กมฺมํ อตฺถิ, อิทานิ มํ คณฺหิตฺวา ¶ คจฺฉาหี’’ติ. โส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุจฺฉวิกํ หตฺถสารํ คเหตฺวา ตํ อาทาย นครโต ตีณิ จตฺตาริ โยชนานิ ปฏิกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ คามเก วาสํ กปฺเปสิ.
อถ อปรภาเค ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺเภ ปริปกฺเก ‘‘อิทํ อมฺหากํ อนาถฏฺานํ, กุลเคหํ คจฺฉาม สามี’’ติ อาห. โส ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ วีตินาเมสิ. สา ตสฺส การณํ ตฺวา ‘‘นายํ พาโล มํ เนสฺสตี’’ติ ตสฺมึ พหิ คเต ‘‘เอกิกาว กุลเคหํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. โส อาคนฺตฺวา ตํ เคเห อปสฺสนฺโต ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุลเคหํ คตา’’ติ สุตฺวา ‘‘มํ นิสฺสาย กุลธีตา อนาถา ชาตา’’ติ ปทานุปทิกํ คนฺตฺวา สมฺปาปุณิ. ตสฺสา อนฺตรามคฺเคว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตโต ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ คจฺเฉยฺยาม, โส อตฺโถ อนฺตรามคฺเคว นิปฺผนฺโน, อิทานิ คนฺตฺวา กึ กริสฺสามา’’ติ ปฏินิวตฺตึสุ. ปุน ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสีติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.
อนฺตรามคฺเค ¶ ปนสฺสา คพฺภวุฏฺาเน ชาตมตฺเตเยว จตูสุ ทิสาสุ มหาเมโฆ อุฏฺหิ. สา ตํ ปุริสํ อาห – ‘‘สามิ, อเวลาย จตูสุ ทิสาสุ เมโฆ อุฏฺิโต, อตฺตโน ¶ วสนฏฺานํ กาตุํ วายมาหี’’ติ. โส ‘‘เอวํ กริสฺสามี’’ติ ทณฺฑเกหิ กุฏิกํ กตฺวา ‘‘ฉทนตฺถาย ติณํ อาหริสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ มหาวมฺมิกปาเท ติณํ ฉินฺทติ. อถ นํ วมฺมิเก นิปนฺโน กณฺหสปฺโป ปาเท ฑํสิ, โส ตสฺมึเยว าเน ปติโต. สาปิ ‘‘อิทานิ อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ สพฺพรตฺตึ เขเปตฺวา ‘‘อทฺธา มํ โส ‘อนาถา เอสา’ติ มคฺเค ฉฑฺเฑตฺวา คโต ภวิสฺสตี’’ติ อาโลเก สฺชาเต ปทานุสาเรน โอโลเกนฺตี วมฺมิกปาเท ปติตํ ทิสฺวา ‘‘มํ นิสฺสาย นฏฺโ ปุริโส’’ติ ปริเทวิตฺวา ทหรทารกํ ปสฺเสนาทาย มหลฺลกํ องฺคุลีหิ คาหาเปตฺวา มคฺเคน คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค เอกํ อุตฺตานนทึ ทิสฺวา ‘‘ทฺเวปิ ทารเก เอกปฺปหาเรเนว อาทาย คนฺตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ เชฏฺกํ โอริมตีเร เปตฺวา ทหรํ ปรตีรํ เนตฺวา ปิโลติกจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา ปุน นิวตฺติตฺวา ‘‘อิตรํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ นทึ โอตริ.
อถสฺสา นทีมชฺฌํ ปตฺตกาเล เอโก เสโน ‘‘มํสปิณฺโฑ อย’’นฺติ สฺาย ทารกํ วิชฺฌิตุํ อาคจฺฉติ. สา หตฺถํ ปสาเรตฺวา เสนํ ปลาเปสิ. ตสฺสา ตํ หตฺถวิการํ ทิสฺวา มหลฺลกทารโก ‘‘มํ ปกฺโกสตี’’ติ สฺาย นทึ โอตริตฺวา โสเต ปติโต ยถาโสตํ อคมาสิ ¶ . โสปิ เสโน ตสฺสา อสมฺปตฺตาย เอว ตํ ทหรทารกํ คณฺหิตฺวา อคมาสิ. สา พลวโสกาภิภูตา อนฺตรามคฺเค อิมํ วิลาปคีตํ คายนฺตี คจฺฉติ –
‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลงฺกตา, ปนฺเถ มยฺหํ ปตี มโต’’ติ.
สา เอวํ วิลปมานาว สาวตฺถึ ปตฺวา กุลสภาคํ คนฺตฺวาปิ ¶ โสกวเสเนว อตฺตโน เคหํ ววตฺถเปตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘อิมสฺมึ าเน เอวํวิธํ นาม กุลํ อตฺถิ, กตรํ ตํ เคห’’นฺติ ปฏิปุจฺฉิ. ตฺวํ ตํ กุลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา กึ กริสฺสสิ? เตสํ วสนเคหํ วาตปฺปหาเรน ปติตํ, ตตฺเถว เต สพฺเพปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา, อถ เน ขุทฺทกมหลฺลเก เอกจิตกสฺมึเยว ฌาเปนฺติ, ปสฺส เอสา ธูมวฏฺฏิ ปฺายตีติ. สา ตํ กถํ สุตฺวาว กึ ¶ ตุมฺเห วทถา’’ติ อตฺตโน นิวตฺถสาฏกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ชาตนิยาเมเนว พาหา ปคฺคยฺห กนฺทมานา าตีนํ จิตกฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ วิลาปคีตํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปริเทวมานา –
‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลงฺกตา, ปนฺเถ มยฺหํ ปตี มโต;
มาตา ปิตา จ ภาตา จ, เอกจิตกสฺมึ ฑยฺหเร’’ติ. –
อาห. อฺเน ชเนน สาฏกํ ทินฺนมฺปิ ผาเลตฺวา ผาเลตฺวา ฉฑฺเฑติ. อถ นํ ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน มหาชโน ปริวาเรตฺวา จรติ. อถสฺสา ‘‘อยํ ปฏาจารํ ปฏปริหรณํ วินา จรตี’’ติ ปฏาจาราเตว นามํ อกํสุ. ยสฺมา จสฺสา โส นคฺคภาเวน อลชฺชีอาจาโร ปากโฏ อโหสิ, ตสฺมา ปติโต อาจาโร อสฺสาติ ปฏาจาราตฺเวว นามํ อกํสุ.
สา เอกทิวสํ สตฺถริ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสนฺเต วิหารํ ปวิสิตฺวา ปริสปริยนฺเต อฏฺาสิ. สตฺถา เมตฺตาผรเณน ผริตฺวา ‘‘สตึ ปฏิลภ, ภคินิ, สตึ ปฏิลภ, ภคินี’’ติ อาห. ตสฺสา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา พลวหิโรตฺตปฺปํ อาคตํ, สา ตตฺเถว ภูมิยํ นิสีทิ. อวิทูเร ิโต ปุริโส อุตฺตริสาฏกํ ขิปิตฺวา อทาสิ. สา ตํ ¶ นิวาเสตฺวา ธมฺมํ อสฺโสสิ. สตฺถา ตสฺสา จริยวเสน อิมา ธมฺมปเท คาถา อาห –
‘‘น ¶ สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา.
‘‘เอตมตฺถวสํ ตฺวา, ปณฺฑิโต สีลสํวุโต;
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ขิปฺปเมว วิโสธเย’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๘-๒๘๙);
สา คาถาปริโยสาเน ยถาิตาว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา ‘‘ตสฺสา ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชา’’ติ ปพฺพชฺชํ สมฺปฏิจฺฉิ. สา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา พุทฺธวจนํ คณฺหนฺตี วินยปิฏเก จิณฺณวสี อโหสิ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต ปฏาจารํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ธมฺมทินฺนาเถรีวตฺถุ
๒๓๙. ปฺจเม ¶ ธมฺมกถิกานนฺติ ธมฺมกถิกานํ ภิกฺขุนีนํ ธมฺมทินฺนา อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ ปรายตฺตฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อคฺคสาวกสฺส สุชาตตฺเถรสฺส อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติ. สพฺพํ เหฏฺา เขมาเถริยา อภินีหารวเสเนว เวทิตพฺพํ. ผุสฺสพุทฺธกาเล ปเนสา สตฺถุ เวมาติกานํ ติณฺณํ ภาติกานํ ทานาธิกาเร ปิตกมฺมิกสฺส เคเห วสมานา ‘‘เอกํ เทหี’’ติ วุตฺตา ทฺเว อทาสิ. เอวํ สพฺพํ อปริหาเปนฺตี ทตฺวา ทฺเวนวุติกปฺเป อติกฺกมฺม กสฺสปพุทฺธกาเล ¶ กิกิสฺส กาสิรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส วสนปริเวณํ กาเรตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อปรภาเค วิสาขเสฏฺิโน เคหํ คตา. วิสาขเสฏฺิ นาม พิมฺพิสารสฺส สหายโก รฺา สทฺธึ ทสพลสฺส ปมทสฺสนํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, อปรภาเค อนาคามิผลํ สจฺฉากาสิ.
โส ตํทิวสํ ฆรํ คนฺตฺวา โสปานมตฺถเก ิตาย ธมฺมทินฺนาย หตฺเถ ปสาริเต หตฺถํ อนาลมฺพิตฺวาว ¶ ปาสาทํ อภิรุหิ. ภฺุชมาโนปิ ‘‘อิมํ เทถ, อิมํ หรถา’’ติ น พฺยาหริ. ธมฺมทินฺนา กฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปริวิสมานา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เม หตฺถาลมฺพกํ เทนฺติยาปิ หตฺถํ น อาลมฺพิ, ภฺุชมาโนปิ กิฺจิ น กเถติ, โก นุ โข มยฺหํ โทโส’’ติ? อถ นํ ภุตฺตาวึ ‘‘โก นุ โข เม, อยฺย, โทโส’’ติ ปุจฺฉิ. ธมฺมทินฺเน ตุยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ปน อชฺช ปฏฺาย สนฺถววเสน ตุมฺหากํ สนฺติเก นิสีทิตุํ วา าตุํ วา อาหราเปตฺวา ขาทิตุํ วา ภฺุชิตุํ วา อภพฺโพ. ตฺวํ สเจ อิจฺฉสิ, อิมสฺมึ เคเห วส. โน เจ อิจฺฉสิ, ยตฺตเกน เต ธเนน อตฺโถ, ตํ คณฺหิตฺวา กุลฆรํ คจฺฉาหีติ. อยฺยปุตฺต, เอวํ สนฺเต อหํ ตุมฺเหหิ ฉฑฺฑิตเขฬํ วมิตวมนํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา น จริสฺสามิ, มยฺหํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาถาติ. วิสาโข ‘‘สาธุ, ธมฺมทินฺเน’’ติ รฺโ อาโรเจตฺวา ธมฺมทินฺนํ สุวณฺณสิวิกาย ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ ปพฺพชฺชตฺถาย เปเสสิ.
สา ¶ ปพฺพชิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ตาว เสฏฺิ ฆรมชฺเฌ ิโตว ทุกฺขสฺสนฺตํ อกาสิ, ปพฺพชฺชํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ปน มยาปิ ทุกฺขสฺสนฺตํ กาตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อยฺเย, มยฺหํ อากิณฺณฏฺาเน จิตฺตํ น รมติ, คามกาวาสํ คจฺฉามี’’ติ อาห. เถริโย ตสฺสา มหากุลา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตภาเวน จิตฺตํ วาเรตุํ อสกฺโกนฺติโย ตํ คเหตฺวา คามกาวาสํ อคมํสุ. สา อตีเต มทฺทิตสงฺขารตาย นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘มยฺหํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, อิธ วสิตฺวา กึ กริสฺสามิ, ราชคหเมว คจฺฉามิ, ตตฺร มํ นิสฺสาย พหุ าติสงฺโฆ ปฺุานิ กริสฺสตี’’ติ เถริโย คเหตฺวา นครเมว ปจฺจาคตา.
วิสาโข ตสฺสา อาคตภาวํ ตฺวา ‘‘สีฆํ อาคตา อุกฺกณฺิตา นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ สายนฺหสมเย ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘อุกฺกณฺิตภาวํ ปุจฺฉิตุํ อยุตฺต’’นฺติ ปฺจกฺขนฺธาทิวเสน ปฺเห ปุจฺฉิ, ธมฺมทินฺนา ขคฺเคน อุปฺปลนาลํ ฉินฺทนฺตี วิย ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ วิสฺสชฺเชสิ. อุปาสโก ธมฺมทินฺนาเถริยา าณสฺส สูรภาวํ ตฺวา อตฺตโน อธิคตฏฺาเน ปฏิปาฏิยา ตีสุ มคฺเคสุ สพฺพากาเรน ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา อุคฺคหวเสน อรหตฺตมคฺเคปิ ปุจฺฉิ. ธมฺมทินฺนาเถรีปิ อุปาสกสฺส ยาว อนาคามิผลาว วิสยภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ อตฺตโน วิสยํ อติกฺกมิตฺวา ธาวตี’’ติ ตํ นิวตฺเตนฺตี ‘‘อจฺจสรา, อาวุโส วิสาข, ปฺเห, นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุํ, นิพฺพาโนคธฺหิ ¶ , อาวุโส วิสาข, พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปรายณํ นิพฺพานปริโยสานํ. อากงฺขมาโน จ ตฺวํ, อาวุโส วิสาข, ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถา จ เต ภควา พฺยากโรติ, ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) อาห.
วิสาโข ¶ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนนยํ กเถสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘มม ธีตาย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ ตณฺหา นตฺถี’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ปุเร จ ปจฺฉา จ, มชฺเฌ จ นตฺถิ กิฺจนํ;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๒๑);
ตโต ¶ ธมฺมทินฺนาย สาธุการํ ทตฺวา วิสาขํ อุปาสกํ เอตทโวจ – ‘‘ปณฺฑิตา, วิสาข, ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนี, มหาปฺา วิสาข, ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนี. มํ เจปิ ตฺวํ, วิสาข, เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาสิ, อหมฺปิ ตํ เอวเมว พฺยากเรยฺยํ, ยถา ตํ ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา พฺยากตํ, เอโส เจเวตสฺส อตฺโถ, เอวฺจ นํ ธาเรหี’’ติ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ปฏิปาฏิยา ภิกฺขุนิโย านนฺตเร เปนฺโต อิทเมว จูฬเวทลฺลํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรึ อิมสฺมึ สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
นนฺทาเถรีวตฺถุ
๒๔๐. ฉฏฺเ ฌายีนํ ยทิทํ นนฺทาติ ฌานาภิรตานํ, นนฺทา เถรี, อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ ฌานาภิรตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา ตโต กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว มหาปชาปติโคตมิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, นนฺทาติสฺสา ¶ นามํ อกํสุ. รูปนนฺทาติปิ วุจฺจติ. สา อปรภาเค อุตฺตมรูปภาเวน ชนปทกลฺยาณี นาม ชาตา.
สา ¶ อมฺหากํ ทสพเล สพฺพฺุตํ ปตฺวา อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา นนฺทฺจ ราหุลฺจ ปพฺพาเชตฺวา ปกฺกนฺเต สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปรินิพฺพุตกาเล ‘‘มหาปชาปติโคตมี จ ราหุลมาตา จ นิกฺขมิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตา’’ติ ตฺวา ‘‘อิมาสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย มยฺหํ อิธ กึ กมฺม’’นฺติ มหาปชาปติยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ‘‘สตฺถา รูปํ ครหตี’’ติ สตฺถุ อุปฏฺานํ น คจฺฉติ, โอวาทวาเร สมฺปตฺเต อฺํ เปเสตฺวา โอวาทํ อาหราเปติ. สตฺถา ตสฺสา รูปมทมตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อตฺตโน โอวาทํ อตฺตนาว อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตุ, น ภิกฺขุนีหิ อฺา เปเสตพฺพา’’ติ อาห. ตโต รูปนนฺทา อฺํ มคฺคํ อปสฺสนฺตี อกามา โอวาทํ อคมาสิ.
สตฺถา ตสฺสา จริตวเสน อิทฺธิยา เอกํ อิตฺถิรูปํ นิมฺมินิตฺวา ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา พีชมานํ วิย อกาสิ. รูปนนฺทา ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อการเณเนว ปมตฺตา หุตฺวา นาคจฺฉามิ, เอวรูปาปิ อิตฺถิโย สตฺถุ สนฺติเก ¶ วิสฺสตฺถา จรนฺติ. มม รูปํ เอตาสํ รูปสฺส กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ, อชานิตฺวาว เอตฺตกํ กาลํ น อาคตมฺหี’’ติ ตเมว อิตฺถินิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺสา ปุพฺพเหตุสมฺปนฺนตาย ‘‘อฏฺีนํ นครํ กต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๕๐) ธมฺมปเท คาถํ วตฺวา –
‘‘จรํ วา ยทิ วา ติฏฺํ, นิสินฺโน อุท วา สย’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๙๕) –
สุตฺตํ อภาสิ. สา ¶ ตสฺมึเยว รูเป ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิมสฺมึ าเน อิทํ วตฺถุ เหฏฺา เขมาเถริยา วตฺถุนา สทิสเมวาติ น วิตฺถาริตํ. ตโต ปฏฺาย, รูปนนฺทา, ฌานาภิรตานํ อนฺตเร ธุรปฺปตฺตา อโหสิ. สตฺถา อปรภาเค เชตวเน นิสินฺโน ปฏิปาฏิยา ภิกฺขุนิโย านนฺตเร เปนฺโต นนฺทาเถรึ ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
โสณาเถรีวตฺถุ
๒๔๑. สตฺตเม อารทฺธวีริยานนฺติ ปคฺคหิตปริปุณฺณวีริยานํ โสณา อคฺคาติ ทสฺเสติ. อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อปรภาเค ธมฺมํ สุณนฺตี ¶ สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อปรภาเค ฆราวาเส วุตฺถา พหู ปุตฺตธีตโร ลภิตฺวา สพฺเพปิ วิสุํ วิสุํ ฆราวาเส ปติฏฺาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย ‘‘อยํ อมฺหากํ กึ กริสฺสตี’’ติ ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘มาตา’’ติ สฺมฺปิ น กรึสุ. พหุปุตฺติกโสณา เตสํ อตฺตนิ อคารวภาวํ ตฺวา ‘‘ฆราวาเสน กึ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. อถ นํ ภิกฺขุนิโย ‘‘อยํ วตฺตํ น ชานาติ, อยุตฺตํ กโรตี’’ติ ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺติ. ปุตฺตธีตโร ตํ ทณฺฑกมฺมํ อาหรนฺตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ ยาวชฺชทิวสา สิกฺขามตฺตมฺปิ น ชานาตี’’ติ ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน อุปฺปณฺเฑสุํ. สา เตสํ วจนํ สุตฺวา อุปฺปนฺนสํเวคา ‘‘อตฺตโน คติวิโสธนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ นิสินฺนฏฺาเนปิ ิตฏฺาเนปิ ¶ ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายติ. สา ยเถว ¶ ปุพฺเพ พหุปุตฺติกโสณตฺเถรีติ ปฺายิตฺถ, เอวํ ปจฺฉา อารทฺธวีริยโสณตฺเถรีติ ปากฏา ชาตา.
อเถกทิวสํ ภิกฺขุนิโย วิหารํ คจฺฉนฺติโย ‘‘ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อุทกํ ตาเปยฺยาสิ, โสเณ’’ติ วตฺวา อคมํสุ. สาปิ อุทกตาปนโต ปุเรตรเมว อคฺคิสาลาย จงฺกมิตฺวา จงฺกมิตฺวา ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺตี วิปสฺสนํ วฑฺเฒสิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อิมํ โอภาสคาถํ อภาสิ –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ ธมฺมมุตฺตมํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต ธมฺมมุตฺตม’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๑๕);
สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อรหตฺตํ ปตฺตา, อาคนฺตุกชโน จ อนุปธาเรตฺวาว มยิ อวฺาย กิฺจิ วตฺวา พหุํ อปฺุมฺปิ ปสเวยฺย, ตสฺมา สํลกฺขณการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา อุทกภาชนํ อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา เหฏฺา อคฺคึ น อกาสิ. ภิกฺขุนิโย อาคนฺตฺวา อุทฺธนํ โอโลเกนฺติโย อคฺคึ อทิสฺวา ‘‘อิมํ มหลฺลิกํ ‘ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อุทกํ ตาเปหี’ติ อโวจุมฺห, อชฺชาปิ อุทฺธเน อคฺคิมฺปิ น กโรตี’’ติ อาหํสุ. อยฺเย, กึ ตุมฺหากํ อคฺคินา, อุณฺโหทเกน นฺหายิตุกามา ภาชนโต อุทกํ คเหตฺวา นฺหายถาติ? ตาปิ ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ คนฺตฺวา อุทเก หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุณฺหภาวํ ตฺวา ¶ เอกกุฏํ อาหริตฺวา อุทกํ คณฺหนฺติ, คหิตคหิตฏฺานํ ปริปูรติ. ตทา สพฺพาว ตสฺสา อรหตฺเต ิตภาวํ ตฺวา ทหรตรา ตาว ปฺจปติฏฺิเตน ¶ ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘มยํ, อยฺเย, เอตฺตกํ กาลํ ตุมฺเห อนุปธาเรตฺวา วิเหเตฺวา วิเหเตฺวา กถยิมฺห, ขมถ โน’’ติ ขมาเปสุํ. วุทฺธตราปิ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘ขม, อยฺเย’’ติ ขมาเปสุํ. ตโต ปฏฺาย ‘‘มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวาปิ อารทฺธวีริยภาเวน นจิรสฺเสว อคฺคผเล ปติฏฺิตา’’ติ เถริยา คุโณ ปากโฏ อโหสิ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต โสณตฺเถรึ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
พกุลาเถรีวตฺถุ
๒๔๒. อฏฺเม ¶ ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ พกุลาติ ทิพฺพจกฺขุกานํ, พกุลา เถรี, อคฺคาติ ทสฺเสติ. อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. สา ตโต ปฏฺาย ทิพฺพจกฺขุมฺหิ จิณฺณวสี อโหสิ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต อิมํ เถรึ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กุณฺฑลเกสาเถรีวตฺถุ
๒๔๓. นวเม ขิปฺปาภิฺานนฺติ ขิปฺปาภิฺานํ ภิกฺขุนีนํ, ภทฺทา กุณฺฑลเกสา, อคฺคาติ ทสฺเสติ. อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ¶ นิพฺพตฺตา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ ขิปฺปาภิฺานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ เคเห สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ทส สีลานิ สมาทาย โกมาริกพฺรหฺมจริยํ จรนฺตี สงฺฆสฺส วสนปริเวณํ กาเรตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ ¶ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ภทฺทาติสฺสา นามํ อกํสุ.
ตํทิวสํเยว จ ตสฺมึ นคเร ปุโรหิตปุตฺโต ชาโต. ตสฺส ชาตเวลาย ราชนิเวสนํ อาทึ กตฺวา สกลนคเร อาวุธานิ ปชฺชลึสุ. ปุโรหิโต ปาโตว ราชกุลํ คนฺตฺวา ราชานํ สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิ. ราชา ‘‘กุโต เม, อาจริย, สุขเสยฺยา, อชฺช สพฺพรตฺตึ ราชนิเวสเน อาวุธานิ ปชฺชลิตานิ ทิสฺวา ภยปฺปตฺตา อหุมฺหา’’ติ อาห. มหาราช, ตปฺปจฺจยา มา จินฺตยิตฺถ, น ตุมฺหากํเยว เคเห อาวุธานิ ปชฺชลึสุ, สกลนคเร เอวํ อโหสีติ. กึ การณา, อาจริยาติ? อมฺหากํ ¶ เคเห โจรนกฺขตฺเตน ทารโก ชาโต, โส สกลนครสฺส สตฺตุ หุตฺวา อุปฺปนฺโน, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ. ตุมฺหากํ อุปทฺทโว นตฺถิ, สเจ ปน อิจฺฉถ, หาเรม นนฺติ. อมฺหากํ ปีฬาย อสติยา หารณกมฺมํ นตฺถีติ. ปุโรหิโต ‘‘มม ปุตฺโต อตฺตโน นามํ คเหตฺวาว อาคโต’’ติ สตฺตุโกเตวสฺส นามํ อกาสิ. เสฏฺิเคเหปิ ภทฺทา วฑฺฒติ, ปุโรหิตเคเหปิ สตฺตุโก วฑฺฒติ. โส อตฺตโน อาธาวนวิธาวเนน กีฬิตุํ สมตฺถกาลโต ปฏฺาย อตฺตโน วิจรณฏฺาเน ยํ ยํ ปสฺสติ, ตํ ตํ สพฺพํ อาหริตฺวา มาตาปิตูนํ เคหํ ปูเรติ. ปิตา นํ การณสหสฺสมฺปิ วตฺวา วาเรตุํ นาสกฺขิ.
อปรภาเค ปนสฺส วยปฺปตฺตสฺส ¶ สพฺพากาเรนาปิ วาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวํ ตฺวา ทฺเว นีลสาฏเก ทตฺวา สนฺธิจฺเฉทนอุปกรณฺจ สิงฺฆาฏกยนฺตฺจ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมินาว กมฺเมน ชีวาหี’’ติ นํ วิสฺสชฺเชสิ. โส ตํทิวสโต ปฏฺาย สิงฺฆาฏกยนฺตํ ขิปิตฺวา กุลานํ ปาสาเท อารุยฺห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ปรกุเลสุ นิกฺขิตฺตภณฺฑํ อตฺตนา ปิตํ วิย คเหตฺวา คจฺฉติ. สกลนคเร เตน อวิลุตฺตเคหํ นาม นาโหสิ. เอกทิวสํ ราชา รเถน นคเร วิจรนฺโต สารถึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺมึ นคเร ตสฺมึ ตสฺมึ ฆเร ฉิทฺทเมว ปฺายตี’’ติ. เทว อิมสฺมึ นคเร สตฺตุโก นาม โจโร ภิตฺตึ ฉินฺทิตฺวา กุลานํ สนฺตกํ หรตีติ. ราชา นครคุตฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กิร นคเร เอวรูโป นาม โจโร อตฺถิ, กสฺมา นํ น คณฺหสี’’ติ อาห. มยํ, เทว, ตํ โจรํ สโหฑฺฒํ ปสฺสิตุํ น สกฺโกมาติ. สเจ อชฺช นํ โจรํ คณฺหสิ, ชีวสิ. สเจ น คณฺหสิ, ราชาณํ เต กริสฺสามีติ. เอวํ เทวาติ นครคุตฺติโก สกลนคเร มนุสฺเส จาเรตฺวา ตํ ภิตฺตึ ฉินฺทิตฺวา ปรภณฺฑํ อวหรนฺตํ สโหฑฺฒเมว คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา ‘‘อิมํ โจรํ ทกฺขิณทฺวาเรน นีหริตฺวา ¶ ฆาเตถา’’ติ อาห. นครคุตฺติโก รฺโ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตํ โจรํ จตุกฺเก จตุกฺเก ปหารสหสฺเสน ตาเฬนฺโต คาหาเปตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ คจฺฉติ.
ตสฺมึ ¶ สมเย อยํ ภทฺทา นาม เสฏฺิธีตา มหาชนสฺส โกลาหลสทฺเทน สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา โอโลเกนฺตี ตํ สตฺตุกํ โจรํ ตถา นียมานํ ทิสฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ หทยํ สนฺธาเรนฺตี คนฺตฺวา สิริสยเน อโธมุขา นิปชฺชิ ¶ . สา จ ตสฺส กุลสฺส เอกธีตา, เตนสฺสา าตกา อปฺปมตฺตกมฺปิ มุขวิการํ สหิตุํ น สกฺโกนฺติ. อถ นํ มาตา สยเน นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘กึ กโรสิ, อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. เอตํ วชฺฌํ กตฺวา นียมานํ โจรํ อทฺทส, อมฺมาติ? อาม, อมฺมาติ. เอตํ ลภมานา ชีวิสฺสามิ, อลภมานาย เม มรณเมวาติ. เต ตํ นานปฺปกาเรนปิ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘มรณา ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ สลฺลกฺเขสุํ. อถสฺสา ปิตา นครคุตฺติกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สหสฺสํ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มยฺหํ ธีตา โจเร ปฏิพทฺธจิตฺตา, เยน เกนจิ อุปาเยน อิมํ มฺุจา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ เสฏฺิสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา โจรํ คเหตฺวา ยาว สูริยสฺส อตฺถงฺคมนา อิโต จิโต จ ปปฺจาเปตฺวา สูริเย อตฺถงฺคเต จารกโต เอกํ มนุสฺสํ นีหราเปตฺวา สตฺตุกสฺส พนฺธนํ โมเจตฺวา สตฺตุกํ เสฏฺิเคหํ เปเสตฺวา เตน พนฺธเนน อิตรํ พนฺธิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นีหริตฺวา ฆาเตสิ. เสฏฺิทาสาปิ สตฺตุกํ คเหตฺวา เสฏฺิโน นิเวสนํ อาคมํสุ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ ‘‘ธีตุ มนํ ปูเรสฺสามี’’ติ สตฺตุกํ คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กาเรตฺวา ปาสาทํ เปเสสิ. ภทฺทาปิ ‘‘ปริปุณฺโณ เม สงฺกปฺโป’’ติ อเนกาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา ตํ ปริจรติ.
สตฺตุโก กติปาหํ วีตินาเมตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมิสฺสา ปสาธนภณฺฑกํ มยฺหํ ¶ ภวิสฺสติ, เกนจิ อุปาเยน อิมํ อาภรณํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ สมีเป สุเขน นิสินฺนกาเล ภทฺทํ อาห – ‘‘มยฺหํ เอกํ วจนํ วตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ. เสฏฺิธีตา สหสฺสลาภํ ลภิตฺวา วิย ตุฏฺมานสา ‘‘วิสฺสตฺถํ วเทหิ, อยฺยา’’ติ อาห. ตฺวํ จินฺเตสิ – ‘‘มํ นิสฺสาย อิมินา ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ, อหํ ปน คหิตมตฺโตว โจรปปาตปพฺพเต อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘สจาหํ ชีวิตํ ลภิสฺสามิ, พลิกมฺมํ เต ทสฺสามี’’ติ อายาจึ. ตํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ ¶ , สีฆํ พลิกมฺมํ สชฺชาเปหีติ. ภทฺทา, ‘‘อหํ ตสฺส มนํ ปูเรสฺสามี’’ติ พลิกมฺมํ สชฺชาเปตฺวา สพฺพํ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา เอกยาเน อารุยฺห สามิเกน สทฺธึ โจรปปาตปพฺพตํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพตเทวตาย พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อภิรุหิตุํ อารทฺธา. สตฺตุโก จินฺเตสิ – ‘‘สพฺเพสุ ¶ อภิรุหนฺเตสุ มม อิมิสฺสา อาภรณํ คเหตุํ น โอกาโส ภวิสฺสตี’’ติ ตเมว พลิภาชนํ คาหาเปตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหิ.
โส ภทฺทาย สทฺธึ กเถนฺโต ปิยกถํ น กเถติ. สา อิงฺคิเตเนว ตสฺส อธิปฺปายํ อฺาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภทฺเท, ตว อุตฺตริสาฏกํ โอมฺุจิตฺวา กายารุฬฺหํ เต ปสาธนํ เอตฺถ ภณฺฑิกํ กโรหี’’ติ. สามิ มยฺหํ โก อปราโธติ? กึ ปนาหํ, พาเล, พลิกมฺมตฺถํ อาคโตติ สฺํ กโรสิ? อหฺหิ อิมิสฺสา เทวตาย ยกนํ อุพฺพฏฺเตฺวา ทเทยฺยํ, พลิกมฺมาปเทเสน ปน ตว อาภรณํ คณฺหิตุกาโม หุตฺวา อาคโตมฺหีติ. กสฺส ปน, อยฺย, ปสาธนํ, กสฺส ¶ อหนฺติ? มยํ เอวรูปํ น ชานาม, อฺํ ตว สนฺตกํ, อฺํ มม สนฺตกนฺติ. สาธุ, อยฺย, เอกํ ปน เม อธิปฺปายํ ปูเรถ, อลงฺกตนิยาเมเนว เม ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อาลิงฺคิตุํ เทถาติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. สา เตน สมฺปฏิจฺฉิตภาวํ ตฺวา ปุรโต อาลิงฺคิตฺวา ปจฺฉโต อาลิงฺคนฺตี วิย หุตฺวา ปพฺพตปปาเต ปาเตสิ. โส ปตนฺโต อากาเสเยว จุณฺณวิจุณฺโณ อโหสิ. ตาย กตํ วิจิตฺรภาวํ ทิสฺวา ปพฺพเต อธิวตฺถา เทวตา คุณกิตฺตนวเสน อิมา คาถา อาห –
‘‘น โส สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา.
‘‘น โส สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, มุหุตฺตมปิ จินฺตเย’’ติ. (อป. เถรี ๒.๓.๓๑-๓๒);
ตโต ภทฺทา จินฺเตสิ – ‘‘น สกฺกา มยา อิมินา นิยาเมน ปุน เคหํ คนฺตุํ, อิโตว คนฺตฺวา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ, นิคณฺารามํ คนฺตฺวา นิคณฺเ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ เต อาหํสุ – ‘‘เกน นิยาเมน ปพฺพชฺชา โหตู’’ติ? ยํ ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชาย อุตฺตมํ, ตเทว กโรถาติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ตสฺสา ตาลฏฺินา เกเส ลฺุจิตฺวา ปพฺพาเชสุํ. เกสา ปุน ¶ วฑฺฒนฺตา ราสิราสิวเสน กุณฺฑลาวตฺตา หุตฺวา วฑฺฒึสุ. สา เตเนว การเณน กุณฺฑลเกสา นาม ชาตา. สา อตฺตโน ปพฺพชิตฏฺาเน สพฺพสิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘เอเตสํ อิโต อุตฺตริ วิเสโส นตฺถี’’ติ ตฺวา คามนิคมราชธานิโย วิจรนฺตี ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา อตฺถิ ¶ , ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ¶ เตสํ ชานนสิปฺปํ สพฺพเมว อุคฺคณฺหาติ. อถสฺสา พหูสุ าเนสุ สิกฺขิตภาเวน ปฏิวาทํ ทาตุํ สมตฺถา น โหนฺติ. สา อตฺตนา สทฺธึ กเถตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา ยํ คามํ วา นิคมํ วา ปวิสติ, ตสฺส ทฺวาเร วาลุกราสึ กตฺวา ตตฺถ ชมฺพุสาขํ เปติ. ‘‘โย มม วาทํ อาโรเปตุํ สกฺโกติ, โส อิมํ สาขํ มทฺทตู’’ติ สมีเป ิตานํ ทารกานํ สฺํ เทติ. ตํ สตฺตาหมฺปิ มทฺทนฺตา น โหนฺติ. อถ นํ คเหตฺวา ปกฺกมติ.
ตสฺมึ สมเย อมฺหากํ ภควา โลเก นิพฺพตฺติตฺวา สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย เชตวเน วิหรติ. กุณฺฑลเกสาปิ โข อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา อนฺโตนครํ ปวิสมานา โปราณกนิยาเมเนว วาลุการาสิมฺหิ สาขํ เปตฺวา ทารกานํ สฺํ ทตฺวา ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย ธมฺมเสนาปติ ภิกฺขุสงฺเฆ ปวิฏฺเ เอกโกว นครํ ปวิสนฺโต วาลุกาถูเป ชมฺพุสาขํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา อยํ ปิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ทารกา ตํ การณํ อปริหาเปตฺวา กเถสุํ. เอวํ สนฺเต อิมํ คเหตฺวา มทฺทถ, ทารกาติ. เตสุ เถรสฺส วจนํ สุตฺวา เอกจฺเจ มทฺทิตุํ น วิสหึสุ, เอกจฺเจ ตํขเณเยว มทฺทิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ อกํสุ. กุณฺฑลเกสา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิกฺขมนฺตี ตํ สาขํ มทฺทิตํ ทิสฺวา ‘‘กสฺเสตํ กมฺม’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถสฺสา ธมฺมเสนาปตินา การาปิตภาวํ กถยึสุ. สา ‘‘อตฺตโน ถามํ อชานนฺโต อิมํ สาขํ มทฺทาเปตุํ โน วิสหิสฺสติ, อทฺธา มหนฺโต เอโส ภวิสฺสติ ¶ . อหมฺปิ ปน ขุทฺทิกา ภวนฺตี น โสภิสฺสามิ, อนฺโตคามเมว ปวิสิตฺวา ปริสาย สฺํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถา อกาสิ. อสีติกุลสหสฺสนิวาเส นคเร สภาคสภาควเสน สพฺเพว สฺชานึสูติ เวทิตพฺพํ.
เถโรปิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. อถายํ กุณฺฑลเกสา มหาชนปริวุตา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สาขา มทฺทาปิตา’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, มยา มทฺทาปิตาติ. เอวํ สนฺเต ตุมฺเหหิ สทฺธึ อมฺหากํ วาโท โหตุ, ภนฺเตติ ¶ . โหตุ, ภทฺเทติ. กสฺส ปุจฺฉา โหตุ, กสฺส วิสฺสชฺชนนฺติ? ปุจฺฉา นาม อมฺหากํ ปตฺตา, ตฺวํ ปน ตุยฺหํ ชานนกํ ปุจฺฉาติ. สา เถเรน ทินฺนอนุมติยา สพฺพเมว อตฺตโน ชานนกํ วาทํ ปุจฺฉิ, เถโร สพฺพํ วิสฺสชฺเชสิ. สา สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ตยา พหุํ ปุจฺฉิตํ, มยมฺปิ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉามา’’ติ. ปุจฺฉถ, ภนฺเตติ. เอกํ นาม กินฺติ? กุณฺฑลเกสา ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ ¶ น ชานาสิ, อฺํ กึ ชานิสฺสสีติ? สา เถรสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. มม สรณคมนกมฺมํ นตฺถิ, สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ธุรวิหาเร วสติ, ตํ สรณํ คจฺฉาหีติ. สา ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ สายนฺหสมเย สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺสา มทฺทิตสงฺขาราย ¶ จริยาวเสน ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ คาถาปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๐๑);
สา คาถาปริโยสาเน ยถาิตาว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา ตสฺสา ปพฺพชฺชํ สมฺปฏิจฺฉิ. สา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. อปรภาเค จตุปริสมชฺเฌ กถา อุทปาทิ – ‘‘มหนฺตา วตายํ ภทฺทา กุณฺฑลเกสา, ยา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา ตํ การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรึ ขิปฺปาภิฺานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ภทฺทากาปิลานีเถรีวตฺถุ
๒๔๔. ทสเม ปุพฺเพนิวาสนฺติ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ อนุสฺสรนฺตีนํ ภทฺทา กาปิลานี อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ พาราณสิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อตฺตโน สามิภคินิยา สทฺธึ กลหํ กโรนฺตี ตาย ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาเต ¶ ทินฺเน, ‘‘อยํ อิมสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา อตฺตโน วสํ วตฺเตตี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คณฺหิตฺวา ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. มหาชโน ‘‘พาลา อย’’นฺติ ครหิตฺวา, ‘‘ยาย เต สทฺธึ กลโห กโต, ตสฺสา กิฺจิ น กโรสิ, ปจฺเจกพุทฺโธ ¶ เต กึ อปรชฺฌตี’’ติ อาห. สา เตสํ วจเนน ลชฺชายมานา ปุน ปตฺตํ คเหตฺวา กลลํ หาเรตฺวา โธวิตฺวา คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา อุปริ อาสิตฺเตน ปทุมคพฺภวณฺเณน สปฺปินา วิชฺโชตมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา ‘‘ยถา อยํ ปิณฺฑปาโต ¶ โอภาสชาโต, เอวํ โอภาสชาตํ เม สรีรํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสีติ สพฺพํ มหากสฺสปตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
มหากสฺสปตฺเถโร ปน ทกฺขิณมคฺคํ คเหตฺวา ทสพลสฺส สนฺติกํ พหุปุตฺตกนิคฺโรธมูลํ คโต, อยํ ภทฺทา กาปิลานี วามมคฺคํ คณฺหิตฺวา มาตุคามสฺส ปพฺพชฺชาย อนนฺุาตภาเวน ปริพฺพาชิการามํ อคมาสิ. ยทา ปน มหาปชาปติโคตมี ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิ, ตทา สา เถรี เถริยา สนฺติเก ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา อปรภาเค วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี อรหตฺตํ ปตฺวา ปุพฺเพนิวาสาเณ จิณฺณวสี อโหสิ. อถ สตฺถา เชตวเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต อิมํ เถรึ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ภทฺทากจฺจานาเถรีวตฺถุ
๒๔๕. เอกาทสเม มหาภิฺาปฺปตฺตานนฺติ มหติโย อภิฺาโย ปตฺตานํ, ภทฺทา กจฺจานา, นาม อคฺคาติ ทสฺเสติ. เอกสฺส หิ พุทฺธสฺส จตฺตาโรว ชนา มหาภิฺา โหนฺติ, น อวเสสสาวกา. อวเสสสาวกา หิ กปฺปสตสหสฺสเมว อนุสฺสริตุํ สกฺโกนฺติ, น ตโต ปรํ. มหาภิฺาปฺปตฺตา ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อนุสฺสรนฺติ. อมฺหากมฺปิ ¶ สตฺถุ สาสเน ทฺเว อคฺคสาวกา พากุลตฺเถโร ภทฺทา กจฺจานาติ อิเม จตฺตาโร เอตฺตกํ อนุสฺสริตุํ สกฺขึสุ. ตสฺมา อยํ เถรี มหาภิฺาปฺปตฺตานํ อคฺคา นาม ชาตา. ภทฺทา กจฺจานาติ ตสฺสา นามํ. ภทฺทกฺจนสฺส หิ อุตฺตมสุวณฺณสฺส วิย ตสฺสา ¶ สรีรวณฺโณ อโหสิ, สา ตสฺมา ภทฺทกฺจนาติ นามํ ลภิ, สา ปจฺฉา กจฺจานาตฺเวว สงฺขํ คตา. ราหุลมาตาเยตํ อธิวจนํ.
สา หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ มหาภิฺาปฺปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุปฺปพุทฺธสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ภทฺทา กจฺจานาติสฺสา นามํ อกํสุ.
สา ¶ วยปฺปตฺตา โพธิสตฺตสฺส เคหํ อคมาสิ. สา อปรภาเค ราหุลกุมารํ นาม ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส ชาตทิวเสว โพธิสตฺโต นิกฺขมิตฺวา โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตํ ปตฺวา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ อาคมฺม าตีนํ สงฺคหํ อกาสิ. อปรภาเค ปรินิพฺพุเต สุทฺโธทนมหาราเช มหาปชาปติโคตมี ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. ราหุลมาตาปิ ชนปทกลฺยาณีปิ เถริยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. สา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ภทฺทกจฺจานตฺเถรีตฺเวว ปากฏา อโหสิ. สา อปรภาเค วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อภิฺาสุ จิณฺณวสี อโหสิ, เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺนา เอกาวชฺชเนน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อนุสฺสรติ. ตสฺสา ตสฺมึ คุเณ ปากเฏ ชาเต สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต อิมํ เถรึ มหาภิฺาปฺปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กิสาโคตมีเถรีวตฺถุ
๒๔๖. ทฺวาทสเม ¶ ลูขจีวรธรานนฺติ ตีหิ ลูเขหิ สมนฺนาคตํ ปํสุกูลํ ธาเรนฺตีนํ, กิสาโคตมี, อคฺคาติ ทสฺเสติ. โคตมีติ ตสฺสา นามํ, โถกํ กิสธาตุกตฺตา ปน กิสาโคตมีติ วุจฺจติ. อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ ¶ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตกาเล เอกํ กุลํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ ‘‘ทุคฺคตกุลสฺส ธีตา’’ติ ปริภวึสุ.
สา อปรภาเค ปุตฺตํ วิชายิ, อถสฺสา สมฺมานมกํสุ. โส ปนสฺสา ทารโก อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา กีฬนวเย ิโต กาลมกาสิ, ตสฺสา โสโก อุทปาทิ. สา ‘‘อหํ อิมสฺมึเยว เคเห หตลาภสกฺการา หุตฺวา ปุตฺตสฺส ชาตกาลโต ปฏฺาย สกฺการํ ปาปุณึ, อิเม มยฺหํ ปุตฺตํ พหิ ฉฑฺเฑตุมฺปิ วายเมยฺยุ’’นฺติ ปุตฺตํ องฺเกนาทาย ‘‘ปุตฺตสฺส เม เภสชฺชํ เทถา’’ติ เคหทฺวารปฏิปาฏิยา วิจรติ. ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน มนุสฺสา ‘‘กตฺถ เต มตกสฺส เภสชฺชํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ ปาณึ ปหริตฺวา ปริหาสํ กโรนฺติ. สา เตสํ กถาย เนว สฺตฺตึ คจฺฉติ. อถ นํ เอโก ปณฺฑิตปุริโส ทิสฺวา, ‘‘อยํ ปุตฺตโสเกน จิตฺตวิกฺเขปํ ปตฺตา ภวิสฺสติ, เอติสฺสา ¶ ปน เภสชฺชํ น อฺโ ชานิสฺสติ, ทสพโลว ชานิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺม, ตว ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ ¶ อฺโ ชานนฺโต นาม นตฺถิ, สเทวเก ปน โลเก อคฺคปุคฺคโล ทสพโล ธุรวิหาเร วสติ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉาหี’’ติ. สา ‘‘สจฺจํ ปุริโส กเถตี’’ติ ปุตฺตมาทาย ตถาคตสฺส พุทฺธาสเน นิสินฺนเวลาย ปริสปริยนฺเต ตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม เภสชฺชํ เทถ ภควา’’ติ อาห.
สตฺถา ตสฺสา อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘ภทฺทกํ เต โคตมิ กตํ เภสชฺชตฺถาย อิธาคจฺฉนฺติยา, คจฺฉ นครํ ปวิสิตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย สกลนครํ จริตฺวา ยสฺมึ เคเห โกจิ มตปุพฺโพ นตฺถิ, ตโต สิทฺธตฺถกํ อาหรา’’ติ อาห. สา ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตุฏฺมานสา อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา ปมเคเหเยว ‘‘ทสพโล มม ปุตฺตสฺส เภสชฺชตฺถาย สิทฺธตฺถกํ อาหราเปติ, สิทฺธตฺถกํ เม เทถา’’ติ อาห. ‘‘หนฺท โคตมี’’ติ นีหริตฺวา อทํสุ. อหํ เอวํ คเหตุํ น สกฺโกมิ, อิมสฺมึ เคเห โกจิ มตปุพฺโพ นาม นตฺถีติ? กึ วเทสิ โคตมิ, โก อิธ มตเก คเณตุํ สกฺโกตีติ? ‘‘เตน หิ อลํ นาหํ คณฺหิสฺสามิ, ทสพโล มํ ยตฺถ มตปุพฺโพ นตฺถิ, ตโต นํ คณฺหาเปตี’’ติ อาห. สา อิมินาว นิยาเมน ตติยฆรํ ¶ คนฺตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สกลนคเร อยเมว นิยาโม ภวิสฺสติ, อิทํ หิตานุกมฺปเกน พุทฺเธน ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ สํเวคํ ลภิตฺวา ตโตว พหิ นิกฺขมิตฺวา อามกสุสานํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวา, ‘‘ปุตฺตก, อหํ อิมํ มรณํ ตเวว อุปฺปนฺนนฺติ จินฺเตสึ, น ปเนตํ ตเวว, มหาชนสาธารโณ ¶ เอส ธมฺโม’’ติ วตฺวา ปุตฺตํ อามกสุสาเน ฉฑฺเฑตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น คามธมฺโม โน นิคมสฺส ธมฺโม,
น จาปิยํ เอกกุลสฺส ธมฺโม;
สพฺพสฺส โลกสฺส สเทวกสฺส,
เอเสว ธมฺโม ยทิทํ อนิจฺจตา’’ติ. (อป. เถรี ๒.๓.๘๒);
เอวฺจ ปน วตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ลทฺโธ เต, โคตมิ, สิทฺธตฺถโก’’ติ อาห. นิฏฺิตํ, ภนฺเต, สิทฺธตฺถเกน กมฺมํ, ปติฏฺํ ปน เม เทถาติ อาห. อถสฺสา สตฺถา ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘ตํ ¶ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๗);
สา คาถาปริโยสาเน ยถาิตาว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ปพฺพชฺชํ ยาจิ, สตฺถา ปพฺพชฺชํ อนุชานิ. สา ติกฺขตฺตุํ สตฺถารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺตี วิปสฺสนํ วฑฺเฒสิ. อถสฺสา สตฺถา อิมํ โอภาสคาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อมตํ ปทํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อมตํ ปท’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๑๔);
สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺตา ปริกฺขารวลฺเช ปรมุกฺกฏฺา หุตฺวา ตีหิ ลูเขหิ สมนฺนาคตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา วิจริ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต อิมํ เถรึ ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สิงฺคาลกมาตาเถรีวตฺถุ
๒๔๗. เตรสเม ¶ ¶ สทฺธาธิมุตฺตานนฺติ สทฺธาลกฺขเณ อภินิวิฏฺานํ, สิงฺคาลกมาตา, อคฺคาติ ทสฺเสติ. อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลฆเร นิพฺพตฺตา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนึ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตา สมานชาติกํ กุลํ คนฺตฺวา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ, ตสฺส สิงฺคาลกกุมาโรติ นามํ อกํสุ. สาปิ เตเนว การเณน สิงฺคาลกมาตา นาม ชาตา. สา เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ ปฏิลภิ. สา ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส สรีรสมฺปตฺตึ โอโลกยมานาว ติฏฺติ. สตฺถา ตสฺสา สทฺธาลกฺขเณ อภินิวิฏฺภาวํ ตฺวา สปฺปายํ กตฺวา ปสาทนียเมว ธมฺมํ เทเสสิ. สาปิ เถรี สทฺธาลกฺขณเมว ¶ ธุรํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺโต อิมํ เถรึ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ปฺจมวคฺควณฺณนา.
เตรสสุตฺตปฏิมณฺฑิตาย เถริปาฬิยา วณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๖. ฉฏฺเอตทคฺควคฺโค
ตปุสฺสภลฺลิกวตฺถุ
๒๔๘. อุปาสกปาฬิยา ¶ ¶ ปเม ปมํ สรณํ คจฺฉนฺตานนฺติ สพฺพปมํ สรณํ คจฺฉนฺตานํ ตปุสฺโส จ ภลฺลิโก จาติ อิเม ทฺเว วาณิชา อคฺคาติ ทสฺเสติ. อิเม กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตา สตฺถารํ ทฺเว อุปาสเก ปมํ สรณํ คจฺฉนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺถยึสุ. เต กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ¶ โพธิสตฺตสฺส สพฺพฺุตฺาณปตฺติโต ปุเรตรเมว อสิตฺชนนคเร กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺภาติโก ตปุสฺโส นาม อโหสิ, กนิฏฺโ ภลฺลิโก นาม.
เต อปเรน สมเยน ฆราวาสํ วสนฺตา กาเลน กาลํ ปฺจ สกฏสตานิ โยชาเปตฺวา วาณิชกมฺมํ กโรนฺตา จรนฺติ. ตสฺมึ สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วิหริตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห ราชายตนมูเล นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย เต วาณิชา ปฺจมตฺเตหิ สกฏสเตหิ ตํ านํ อนุปฺปตฺตา อเหสุํ. เตสํ อนนฺตเร อตฺตภาเว มาตา ตสฺมึ ปเทเส เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ พุทฺธานํ อาหาโร ลทฺธุํ วฏฺฏติ. น หิ สกฺกา อิโต ปรํ นิราหาเรหิ ยาเปตุํ. อิเม จ เม ปุตฺตา อิมินา มคฺเคน คจฺฉนฺติ, เตหิ อชฺช พุทฺธานํ ปิณฺฑปาตํ ¶ ทาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปฺจสุ สกฏสเตสุ ยุตฺตโคณานํ คมนุปจฺเฉทํ อกาสิ. เต ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ นานาวิธานิ นิมิตฺตานิ โอโลเกนฺติ. อถ เตสํ กิลมนภาวํ ตฺวา เอกสฺส ปุริสสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ‘‘กึ การณา กิลมถ? ตุมฺหากํ อฺโ ยกฺขาวฏฺโฏ วา ภูตาวฏฺโฏ วา นาคาวฏฺโฏ วา นตฺถิ, อหํ ปน โว อตีตตฺตภาเว มาตา อิมสฺมึ าเน ภุมฺมเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. เอส ทสพโล ราชายตนมูเล นิสินฺโน, ตสฺส ปมํ ปิณฺฑปาตํ เทถา’’ติ.
เต ¶ ตสฺสา กถํ สุตฺวา ตุฏฺมานสา หุตฺวา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ สุวณฺณถาลเกน อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ โภชนํ ปฏิคฺคณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. สตฺถา อตีตพุทฺธานํ อาจิณฺณํ โอโลเกสิ, อถสฺส จตฺตาโร มหาราชาโน เสลมเย ปตฺเต อุปนาเมสุํ. สตฺถา ‘‘เตสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ จตฺตาโรปิ ปตฺเต ‘‘เอโกว ปตฺโต โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เต วาณิชา ตถาคตสฺส ปตฺเต มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ ปติฏฺเปตฺวา ปริภุตฺตกาเล อุทกํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน ทฺเวปิ ชนา ทฺเววาจิเก สรเณ ปติฏฺาย สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา อตฺตโน นครํ คนฺตุกามา ¶ , ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ปริจรณเจติยํ เทถา’’ติ วทึสุ. สตฺถา ทกฺขิเณน หตฺเถน สีสํ ปรามสิตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ อฏฺ เกสธาตุโย อทาสิ. เต อุโภปิ ชนา เกสธาตุโย สุวณฺณสมุคฺเคสุ เปตฺวา อตฺตโน นครํ เนตฺวา อสิตฺชนนครทฺวาเร ชีวเกสธาตุยา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ. อุโปสถทิวเส เจติยโต นีลสฺมิโย ¶ นิคฺคจฺฉนฺติ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. สตฺถา ปน อปรภาเค เชตวเน นิสีทิตฺวา อุปาสเก ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต อิเม ทฺเว ชเน ปมํ สรณํ คจฺฉนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ
๒๔๙. ทุติเย ทายกานนฺติ ทานาภิรตานํ สุทตฺโต, คหปติ, อนาถปิณฺฑิโก อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ ทายกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สุมนเสฏฺิสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, สุทตฺโตติสฺส นามํ อกํสุ.
โส อปรภาเค ฆราวาเส ปติฏฺิโต ทายโก ทานปติ หุตฺวา เตเนว คุเณน ปตฺถฏนามเธยฺโย อนาถปิณฺฑิโก นาม อโหสิ. โส ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ราชคเห อตฺตโน ปิยสหายกสฺส เสฏฺิโน เคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา พลวปจฺจูสกาเล เทวตานุภาเวน วิวเฏน ทฺวาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ทุติยทิวเส จ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ปฺจจตฺตาลีสโยชนมคฺเค สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ¶ ทตฺวา โยชนิกวิหาเร กาเรตฺวา เชตวนํ โกฏิสนฺถาเรน ¶ สนฺถริตฺวา อฏฺารสหิ โกฏีหิ กิณิตฺวา อฏฺารสหิ โกฏีหิ วิหารํ กาเรตฺวา วิหาเร นิฏฺิเต จตุนฺนํ ปริสานํ ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺเตสุ ยทิจฺฉกํ ทานํ ททนฺโต อฏฺารสหิ โกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปสิ. วิหารมโห นวหิ มาเสหิ นิฏฺานํ อคมาสิ ¶ , ‘‘ปฺจหี’’ติ อปเร. เตมาเส ปน สพฺพาจริยานํ วิวาโท นตฺถิ.
เอวํ จตุปณฺณาสโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา นิจฺจกาลํ เคเห เอวรูปํ ทานํ ปวตฺเตสิ. เทวสิกํ ปฺจ สลากภตฺตสตานิ โหนฺติ, ปฺจ ปกฺขิกภตฺตสตานิ, ปฺจ สลากยาคุสตานิ, ปฺจ ปกฺขิกยาคุสตานิ, ปฺจ ธุรภตฺตสตานิ, ปฺจ อาคนฺตุกภตฺตสตานิ, ปฺจ คมิกภตฺตสตานิ, ปฺจ คิลานภตฺตสตานิ, ปฺจ คิลานุปฏฺากภตฺตสตานิ, ปฺจ อาสนสตานิ เคเห นิจฺจปฺตฺตาเนว โหนฺตีติ. อถ นํ อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน อุปาสเก ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต ทายกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
จิตฺตคหปติวตฺถุ
๒๕๐. ตติเย ธมฺมกถิกานนฺติ ธมฺมกถิกานํ อุปาสกานํ จิตฺโต, คหปติ, อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต อปรภาเค ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล มิคลุทฺทกเคเห นิพฺพตฺโต อปรภาเค อรฺเ กมฺมํ กาตุํ สมตฺถกาเล เอกทิวสํ เทเว วสฺสนฺเต มิคมารณตฺถาย สตฺตึ อาทาย อรฺํ คนฺตฺวา มิครูปานิ โอโลเกนฺโต เอกสฺมึ อกตปพฺภาเร สสีสํ ปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา ปาสาณผลเก นิสินฺนํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘เอโก อยฺโย สมณธมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน ภวิสฺสตี’’ติ ¶ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อุทฺธเน หิยฺโย อาภตมํสํ, เอกสฺมึ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ปิณฺฑาจาริเก ทฺเว ภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ ปตฺตํ อาทาย ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ สมาทาเปตฺวา, ‘‘อยฺเย, ปริวิสถา’’ติ อฺเ อาณาเปตฺวา ตํ ภตฺตํ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา ปณฺเณน มุขํ พนฺธิตฺวา กุฏํ อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค นานาวิธานิ ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปตฺตปุฏเกน คเหตฺวา เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา กุฏํ โอตาเรตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา ‘‘มยฺหํ ¶ , ภนฺเต, สงฺคหํ กโรถา’’ติ วตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ อาทาย ¶ ภตฺตสฺส ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปตฺวา เตหิ มิสฺสกปุปฺเผหิ เถรํ ปูเชตฺวา เอกมนฺเต ิโต ‘‘ยถายํ รสปิณฺฑปาเตน สทฺธึ ปุปฺผปูชา จิตฺตํ ปริโตเสติ, เอวํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม ปณฺณาการสหสฺสานิ เจว อาคจฺฉนฺตุ ปฺจวณฺณกุสุมวสฺสฺจ วสฺสตู’’ติ อาห.
เถโร ตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา อทาสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ, นิพฺพตฺตฏฺาเน ชณฺณุมตฺเตน โอธินา ทิพฺพปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ, สยฺจ อฺาหิ เทวตาหิ อธิกตเรน รูเปน สมนฺนาคโต อโหสิ. โส เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ มจฺฉิกาสณฺฑนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, ชาตกาเลวสฺส สกลนคเร ชณฺณุมตฺเตน โอธินา ปฺจวณฺณกุสุมวสฺสํ วสฺสิ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อตฺตนาว อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคโต, ชาตทิวเสวสฺส สกลนครํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ วิจิตฺตํ ชาต’’นฺติ จิตฺตกุมาโรติ นามํ อกํสุ.
โส อปรภาเค ฆราวาเส ปติฏฺิโต ¶ ปิตุ อจฺจเยน ตสฺมึ นคเร เสฏฺิฏฺานํ ปาปุณิ. ตสฺมึ สมเย ปฺจวคฺคิยตฺเถรานํ อพฺภนฺตโร มหานามตฺเถโร นาม มจฺฉิกาสณฺฑนครํ อคมาสิ. จิตฺโต คหปติ ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย เคหํ อาเนตฺวา ปิณฺฑปาเตน ปติมาเนตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ อมฺพาฏการามํ นาม อุยฺยานํ เนตฺวา ตตฺถสฺส วสนฏฺานํ กาเรตฺวา นิพทฺธํ อตฺตโน เคเห ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ. เถโรปิ ตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต สฬายตนวิภตฺติเมว เทเสสิ. จิตฺโต คหปติ ปุริมภเว มทฺทิตสงฺขารตาย นจิรสฺเสว อนาคามิผลํ สมฺปาปุณิ. อเถกทิวสํ อิสิทตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา วิหรนฺโต เสฏฺิสฺส นิเวสเน ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อายสฺมตา เถเรน ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตน อชฺฌิฏฺโ อุปาสกสฺส ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา เตน ปุพฺเพ คิหิสหายกภาเว าเต ‘‘น อิทานิ อิธ วตฺถพฺพ’’นฺติ ยถาสุขํ ปกฺกามิ. ปุเนกทิวสํ, เสฏฺิ คหปติ, มหานามตฺเถรํ อิทฺธิปาฏิหาริยกรณตฺถํ ยาจิ ¶ . โสปิ ตสฺส เตโชสมาปตฺติปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทานิ อิธ วสิตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ยถาสุขํ ปกฺกามิ.
อเถกทิวสํ ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสหสฺสปริวารา อมฺพาฏการามํ อคมํสุ. เสฏฺิ คหปติ, เตสํ มหาสกฺการํ สชฺเชสิ. สุธมฺมตฺเถโร ตํ อสหมาโน เสฏฺึ ติลสงฺคุลิกาวาเทน ขุํเสตฺวา ¶ เตน ปณามิโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา โอวาทํ ลภิตฺวา ทสพลสฺส โอวาเท ิโต จิตฺตํ คหปตึ ขมาเปตฺวา ตตฺเถว อมฺพาฏการาเม วิหรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตทา อุปาสโก จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทสพลํ อทิสฺวาว จิรํ วีตินาเมสึ, สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺเตน ปน ¶ อยุตฺตํ ตุจฺฉหตฺเถน คนฺตุ’’นฺติ ปฺจหิ สกฏสเตหิ เตลมธุผาณิตาทีนิ อาทาย ‘‘เย ทสพลํ ปสฺสิตุกามา, เต มยา สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา ทฺวีหิ ปุริสสหสฺเสหิ ปริวุโต สตฺถารํ ปสฺสิตุํ ปกฺกามิ. ตึสโยชเน มคฺเค เทวตา ปณฺณาการํ อุปฏฺเปสุํ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิ, ตสฺมึ ขเณ อากาสา ปฺจวณฺณานํ ปุปฺผานํ วสฺสํ วสฺสิ.
สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยวเสน สฬายตนวิภตฺติเมว กเถสิ. ตสฺส อฑฺฒมาสมตฺตํ ทสพลสฺส ทานํ เทนฺตสฺสาปิ สกนิเวสนโต นีตานิ ตณฺฑุลเตลมธุผาณิตาทีนิ น ขียึสุ. ราชคหวาสิเกหิ ปหิตปณฺณากาโรว อลํ อโหสิ. โส สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา อตฺตโน นครํ คจฺฉนฺโต สกเฏหิ อาภตํ สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ. สกเฏสุ ตุจฺเฉสุ ชาตมตฺเตสฺเวว เทวตา สตฺต รตนานิ ปูรยึสุ. มหาชนนฺตเร กถา อุทปาทิ ‘‘ยาว สกฺการสมฺมานปฺปตฺโต วตายํ จิตฺโต คหปตี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;
ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓);
โส ตโต ปฏฺาย อริยสาวกานํเยว อุปาสกานํ ปฺจหิ สเตหิ ปริวุโต วิจรติ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค อุปาสเก ปฏิปาฏิยา ¶ านนฺตเร เปนฺโต จิตฺตสํยุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
หตฺถกอาฬวกวตฺถุ
๒๕๑. จตุตฺเถ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหีติ จตุพฺพิเธน สงฺคหวตฺถุนา ปริสํ สงฺคณฺหนฺตานํ หตฺถโก อาฬวโก อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ ¶ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลฆเร นิพฺพตฺโต อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สมนฺนาคตํ เอกํ อุปาสกํ ¶ านนฺตเร เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อาฬวิรฏฺเ อาฬวินคเร อาฬวกสฺส รฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, สฺเว ภตฺตจาฏิยา สทฺธึ อาฬวกสฺส เปเสตพฺโพ อโหสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – เอกทิวสํ กิร อาฬวโก ราชา มิควตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา เอกํ มิคํ อนุพนฺธิตฺวา ฆาเตตฺวา ฉินฺทิตฺวา ธนุโกฏิยํ ลเคตฺวา นิวตฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺโต วาตาตเปน กิลนฺตกาโย เอกํ สนฺทจฺฉายํ นิคฺโรธรุกฺขมูลํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ มุหุตฺตํ ทรถํ วิโนเทตฺวา นิกฺขมนฺตํ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ‘‘ติฏฺ ติฏฺ, ภกฺโขสิ เม’’ติ หตฺเถ คณฺหิ. โส ทฬฺหํ คหิตตฺตา อฺํ อุปายํ อปสฺสนฺโต ‘‘เทวสิกํ เต เอเกกปุริเสน สทฺธึ จาฏิภตฺตํ เปเสสฺสามี’’ติ วตฺวา นครํ คโต. ตโต ปฏฺาย พนฺธนาคารโต เอเกกมนุสฺเสน สทฺธึ จาฏิภตฺตํ เปเสสิ. เอเตเนว นิยาเมน พนฺธนาคาเร มนุสฺเสสุ ขีเณสุ ‘‘มหลฺลกมนุสฺเสสุ คยฺหมาเนสุ รฏฺโขโภ โหตี’’ติ เต อคฺคเหตฺวา ทหรกุมาเร คณฺหิตุํ อารภึสุ. ตโต ปฏฺาย นคเร ทารกมาตโร จ คพฺภินิโย จ อฺํ รฏฺํ คจฺฉนฺติ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปจฺจูสสมยนฺเต โลกํ โวโลเกนฺโต อาฬวกกุมารสฺส ติณฺณํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กุมาโร กปฺปสตสหสฺสํ ¶ ปตฺถิตปตฺถโน ¶ เทวโลกา จวิตฺวา อาฬวกรฺโ เคเห นิพฺพตฺโต, อฺํ กุมารํ อลภนฺตา สฺเว กุมารํ จาฏิภตฺเตน สทฺธึ คเหตฺวา คจฺฉิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา สายนฺหสมเย อฺาตกเวเสน อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวนทฺวารํ คนฺตฺวา ตสฺส โทวาริกํ คทฺรภํ นาม ยกฺขํ ภวนํ ปวิสนตฺถาย ยาจิ. โส อาห – ‘‘ภควา ตุมฺเห ปวิสถ, มยฺหํ ปน อาฬวกสฺส อนาโรจนํ นาม อยุตฺต’’นฺติ. โส หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คตสฺส อาฬวกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถาปิ ตํ ภวนํ ปวิสิตฺวา อาฬวกสฺส นิสีทนปลฺลงฺเก นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย สาตาคิรเหมวตา อาฬวกสฺส ภวนมตฺถเกน ยกฺขสมาคมํ คจฺฉนฺตา อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตา สตฺถารํ อาฬวกสฺส ภวเน นิสินฺนํ ทิสฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ยกฺขสมาคมํ คนฺตฺวา อาฬวกสฺส ตุฏฺึ ปเวทยึสุ – ‘‘ลาภา เต, อาวุโส อาฬวก, ยสฺส เต สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ภวเน นิสินฺโน ¶ , คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณาหี’’ติ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม เอกสฺส มุณฺฑกสมณสฺส มม ปลฺลงฺเก นิสินฺนภาวํ กเถนฺตี’’ติ อนตฺตมโน โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ เอเตน สมเณน สทฺธึ สงฺคาโม ภวิสฺสติ, ตตฺถ เม สหายา นาม โหถา’’ติ ทกฺขิณปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สฏฺิโยชนมตฺตํ ปพฺพตกูฏํ อกฺกมิ, ตํ ภิชฺชิตฺวา ทฺวิธา อโหสิ. อิโต ปฏฺาย อาฬวกยุทฺธํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อาฬวโก ปน สพฺพรตฺตึ ตถาคเตน สทฺธึ นานปฺปกาเรน ยุชฺฌนฺโตปิ กิฺจิ กาตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฏฺ ปฺเห ปุจฺฉิ, สตฺถา วิสฺสชฺเชสิ ¶ . เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. วิตฺถาเรตฺวา กเถตุกาเมน อาฬวกสุตฺตวณฺณนา (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๖) โอโลเกตพฺพา.
ปุนทิวเส อุฏฺิเต อรุเณ จาฏิภตฺตาหรณเวลาย สกลนคเร คเหตพฺพยุตฺตํ ทารกํ อทิสฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา อาห – ‘‘คณฺหิตุํ อยุตฺตฏฺาเน ปน อตฺถิ, ตาตา’’ติ. อาม, เทว, อชฺช ราชกุเล ปุตฺโต ชาโตติ. คจฺฉถ, ตาตา, มยํ ชีวนฺตา ปุตฺตํ ลภิสฺสาม, จาฏิภตฺเตน นํ ¶ เปเสถาติ. เต เทวิยา วิกฺกนฺทมานาย ทารกํ คเหตฺวา จาฏิภตฺเตน สทฺธึ อาฬวกสฺส ภวนทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘หนฺท, อยฺย, ตว ภาคํ ปฏิจฺฉาหี’’ติ อาหํสุ. อาฬวโก เตสํ กถํ สุตฺวา อริยสาวกตฺตา ลชฺชมาโน อโธมุโข นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘อิทานิ เต, อาฬวก, ลชฺชนกิจฺจํ นตฺถิ, ทารกํ คเหตฺวา มม หตฺเถ เปหี’’ติ. เต ราชปุริสา อาฬวกกุมารํ อาฬวกสฺส หตฺเถ เปสุํ, อาฬวโก ตํ อาทาย ทสพลสฺส หตฺเถ เปสิ, สตฺถา ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ปุน อาฬวกสฺส หตฺเถ เปสิ, อาฬวโก ตํ คเหตฺวา ราชปุริสานํ หตฺเถ เปสิ. อิติสฺส หตฺถโต หตฺถํ คตตฺตา ‘‘หตฺถโก อาฬวโก’’ตฺเวว นามํ อกํสุ.
อถ นํ เต ราชปุริสา ตุฏฺมานสา อาทาย รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช จาฏิภตฺตํ น สมฺปฏิจฺฉตี’’ติ สฺํ กตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาตา, เอวเมว อาคตตฺถา’’ติ อาห. เทว, ราชกุลสฺส ตุฏฺิ จ วฑฺฒิ จ, สตฺถา อาฬวกสฺส ภวเน นิสีทิตฺวา อาฬวกํ ทเมตฺวา อุปาสกตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา กุมารํ อมฺหากํ ทาเปสีติ. สตฺถาปิ ¶ อาฬวกํ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา อาฬวินคราภิมุโข ปายาสิ. โส นครํ อุปสงฺกมนฺโต ลชฺชิตฺวาว โอสกฺกติ. สตฺถา นํ โอโลเกตฺวา ‘‘ลชฺชสิ, อาฬวกา’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, ภนฺเต, นครวาสิโน มํ นิสฺสาย มาติมรณํ ปิติมรณํ ปุตฺตทารมรณฺจ ปาปุณึสุ. เต มํ ปสฺสิตฺวา ¶ ทณฺเฑหิปิ เลฑฺฑูหิปิ ปหริสฺสนฺติ. ตสฺมา โอสกฺกามิ, ภนฺเตติ. ‘‘อาฬวก, นตฺถิ เต มยา สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺส ภยํ, วิสฺสตฺโถ เอหี’’ติ วตฺวา นครสฺส อวิทูเร าเน วนสณฺเฑ อฏฺาสิ. อาฬวกราชาปิ นาคเร คเหตฺวา สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ คโต. สตฺถา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาวสาเน จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวึสุ. เต อาฬวกสฺส ตตฺเถว วสนฏฺานํ กตฺวา อนุสํวจฺฉรํ พลิกมฺมํ ปฏฺเปสุํ.
อาฬวโกปิ นาคเร ธมฺมิกาย รกฺขาย สงฺคณฺหิ. โสปิ อาฬวกกุมาโร วุฑฺฒิปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตีณิ มคฺคผลานิ ปฏิวิชฺฌิ. โส สพฺพกาลํ อริยสาวกอุปาสกานํ ปฺจหิ สเตหิ ปริวุโต จรติ. อเถกทิวสํ เตหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา สุวินีตํ ปริสํ ทิสฺวา ‘‘มหตี ¶ เต, อาฬวก, ปริสา, กถํ ตํ สงฺคณฺหาสี’’ติ อาห. ภควา ทาเนน ตุสฺสนฺตํ ทาเนน สงฺคณฺหามิ, ปิยวจเนน ตุสฺสนฺตํ ปิยวจเนน สงฺคณฺหามิ, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺเจสุ เตสํ นิตฺถรเณน ตุสฺสนฺตํ อุปฺปนฺนกิจฺจนิตฺถรเณน สงฺคณฺหามิ, สมานตฺตฏฺาเนน ตุสฺสนฺตํ สมานตฺตตาย สงฺคณฺหามีติ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อถ ¶ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน นิสีทิตฺวา อุปาสเก านนฺตเรสุ เปนฺโต หตฺถกํ อาฬวกํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ สงฺคณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
มหานามสกฺกวตฺถุ
๒๕๒. ปฺจเม ปณีตทายกานนฺติ ปณีตรสทายกานํ มหานาโม สกฺโก อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ ปณีตรสทายกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุปุเร สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ทสพลสฺส ปมทสฺสเนเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
อเถกสฺมึ สมเย สตฺถา เวรฺชายํ วสฺสาวาสํ วสิตฺวา อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา นิคฺโรธาราเม ปฏิวสติ. มหานาโม ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สตฺถารํ เอวมาห – ‘‘ภควา สุตเมตํ ‘ภิกฺขุสงฺโฆ กิร เวรฺชายํ ภิกฺขาจาเรน กิลมตี’ติ, มม จตุมาสํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปฏิชคฺคเน ปฏิฺํ เทถ, อหํ ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สรีเร โอชํ ปเวเสสฺสามี’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา ปุนทิวสโต ปฏฺาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีตรสโภชนจตุมธุราทีหิ ปฏิชคฺคิตฺวา ปุน จตุมาสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อฏฺ มาเส ปูเรตฺวา ปุน จตุมาสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา สกลสํวจฺฉรํ ปฏิชคฺคิ. สตฺถา ตโต ปรํ ปฏิฺํ นาทาสิ. มหานาโม ปน ตโต ปฏฺาย ¶ อปราปรํ สมฺปตฺตภิกฺขุสงฺฆสฺส เตเนว นิยาเมน สกฺการํ กโรติ. ตสฺส โส คุโณ สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ ชาโต. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. สตฺถา ¶ ปน อปรภาเค เชตวเน นิสีทิตฺวา มหานามํ สกฺกํ ปณีตทายกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุคฺคคหปติวตฺถุ
๒๕๓. ฉฏฺเ มนาปทายกานนฺติ มนาปํ จิตฺตรุจิตโภชนํ ทายกานํ อุคฺโค คหปติ, เวสาลิโก อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ มนาปทายกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตกาเล นามํ อนิยามิตํ. อปรภาเค ปนสฺส อตฺตภาโวปิ อุคฺคโต อโหสิ สมิทฺโธ, อลงฺกตโตรณํ วิย อุสฺสิตจิตฺตปโฏ วิย จ อติวิโรจิตฺถ. คุณาปิสฺส อุคฺคตา อเหสุํ. โส อิเมสํ ทฺวินฺนมฺปิ อุคฺคตตฺตา อุคฺคเสฏฺิตฺเวว สงฺขํ คโต. โส ปนายํ ทสพลสฺส ปมทสฺสเนเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อปรภาเค ตีณิปิ มคฺคผลานิ สจฺฉากาสิ. โส อตฺตโน มหลฺลกกาเล รโหคโต นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ยํ ยํ มยฺหํ ปิยํ มนาปํ, ตํ ตเทว ทสพลสฺส ทสฺสามิ, อิทํ เม สตฺถุ สมฺมุขาปิ สุตํ ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อปิ นุ โข เม จิตฺตํ ชานิตฺวา สตฺถาปิ นิเวสนทฺวารํ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ.
สตฺถาปิ โข ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิเวสนทฺวาเรเยว ปาตุรโหสิ. โส ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา อติวิย อุสฺสาหชาโต ทสพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน ¶ วนฺทิตฺวา สตฺถุ ปตฺตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน สตฺถารํ, อวเสสอาสเนสุ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นานคฺครเสหิ ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอวมาห – ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ¶ ปฏิคฺคหิตํ ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’’’นฺติ. ยํ ยํ, ภนฺเต, มยฺหํ มนาปํ, ตํ ตํ มยา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทินฺนเมวา’’ติ สตฺถารํ ชานาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย ยํ ยํ ตสฺส มนาปํ, ตํ ตํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทติ. ตํ ปน สพฺพํ ปฺจกนิปาเต ¶ อุคฺคสุตฺเต วิตฺถารโต อาคมิสฺสติ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. สตฺถา อปรภาเค เชตวเน วิหรนฺโต ตํ อุปาสกํ มนาปทายกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุคฺคตคหปติวตฺถุ
๒๕๔. สตฺตเม สงฺฆุปฏฺากานนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปฏฺากานํ หตฺถิคามโก อุคฺคโต คหปติ, อคฺโคติ ทสฺเสติ. โสปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ สงฺฆุปฏฺากานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท หตฺถิคาเม เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส อุคฺคตกุมาโรติ นามํ อกํสุ.
โส อปรภาเค ฆราวาเส ปติฏฺิโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปาปุณิ. เตน สมเยน สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรนฺโต ¶ หตฺถิคามํ ปตฺวา นาควนุยฺยาเน วิหรติ. ตทา อยํ อุคฺคตเสฏฺิ สตฺตาหํ ปานมทมตฺโต หุตฺวา นาฏเกหิ ปริวุโต นาควนุยฺยานํ คนฺตฺวา ปริจารยมาโน ทสพลํ ทิสฺวา พลวหิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปสิ. อถสฺส สตฺถารํ อุปสงฺกมนฺตสฺส สพฺโพ สุรามโท อพฺภตฺถํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ตีณิ มคฺคผลานิ ปฏิวิชฺฌิ. ตโต ปฏฺาย นาฏกานิ ‘‘ตุมฺเห ยถาสุขํ คจฺฉถา’’ติ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานาภิรโต หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานเมว เทติ. เทวตา รตฺติภาคสมนนฺตเร อาคนฺตฺวา เสฏฺิสฺส อาโรเจนฺติ – ‘‘คหปติ, อสุโก ภิกฺขุ เตวิชฺโช, อสุโก ภิกฺขุ ฉฬภิฺโ, อสุโก สีลวา, อสุโก ทุสฺสีโล’’ติ. โส ตาสํ วจนํ สุตฺวาปิ คุณํ ตาว ยถาภูตโต ชานาติ, เทยฺยธมฺมํ ปน สมจิตฺเตเนว เทติ. สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวาปิ ตเมว คุณํ กเถติ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสีทิตฺวา ตํ คหปตึ สงฺฆุปฏฺากานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สูรมฺพฏฺวตฺถุ
๒๕๕. อฏฺเม ¶ ¶ อเวจฺจปฺปสนฺนานนฺติ อวิคจฺฉนสภาเวน อจเลน ปสาเทน สมนฺนาคตานํ สูรมฺพฏฺโ อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ อเวจฺจปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ¶ สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, สูรมฺพฏฺโติสฺส นามํ อกํสุ.
โส อปรภาเค วยปฺปตฺโต ฆราวาเส ปติฏฺาย อฺติตฺถิยานํ อุปฏฺาโก หุตฺวา จรติ. อถ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคเหตุํ ทิสฺวา ภิกฺขาจารเวลาย นิเวสนทฺวารํ อคมาสิ. โส ทสพลํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มหากุเล เจว ชาโต, โลเก จ อภิฺาโต, เตนสฺส สนฺติกํ อคมนํ นาม น ยุตฺต’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปาเทสุ วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส จริตวเสน ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ ตํ ทเมตฺวา วิหารเมว คโต.
ตโต มาโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สูรมฺพฏฺโ นาม อมฺหากํ สนฺตโก, สตฺถา ปนสฺส อชฺช เคหํ คโต, กึ นุ โข สตฺถุ ธมฺมํ สุตฺวา มคฺคปาตุภาวํ อกริตฺถาติ ยาวสฺส มม วิสยา อติกฺกนฺตภาวํ วา อนติกฺกนฺตภาวํ วา ชานามี’’ติ อตฺตโน กามรูปิตาย ทสพลสฺส สริกฺขกํ รูปํ มาเปตฺวา จีวรคฺคหณมฺปิ ปตฺตคฺคหณมฺปิ พุทฺธากปฺเปเนว กตฺวา ทฺวตฺตึสลกฺขณธโร หุตฺวา สูรมฺพฏฺสฺส เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. สูรมฺพฏฺโปิ ‘‘ปุน ทสพโล อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘พุทฺธานํ อนิยฺยานิกคมนํ นาม นตฺถิ, เกน นุ โข การเณน อาคโต’’ติ เวเคน ‘‘ทสพโล’’ติ สฺาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อิทาเนว อิมสฺมึ เคเห ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คตา, กึ นุ โข การณํ ปฏิจฺจ ปุน ¶ อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘สูรมฺพฏฺ มยา ธมฺมํ กเถนฺเตน เอกํ อนุปธาเรตฺวา ¶ กถิตํ. มยา หิ ปฺจกฺขนฺธา ‘สพฺเพว อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’ติ กถิตา, น ปเนเต สพฺเพว เอวรูปา. เอกจฺเจ หิ ขนฺธา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อตฺถี’’ติ อาห.
ตโต ¶ สูรมฺพฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ กถา อติวิย ภาริยา. พุทฺธานฺหิ อนุปธาเรตฺวา กถนํ นาม นตฺถิ, ทสพลสฺส มาโร กิร ปฏิปกฺโข, อทฺธา อยํ มาโร ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘มาโรสิ ตฺว’’นฺติ อาห. อริยสาวเกน กถิตกถา ตสฺส ผรสุปฺปหาโร วิย อโหสิ, ตสฺมา สกภาเวน าตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อาม, สูรมฺพฏฺ, อหํ มาโร’’ติ อาห. ‘‘ตาทิสานํ มารานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ อาคนฺตฺวา มม สทฺธํ จาเลตุํ น สกฺโกติ, มหาโคตโม ทสพโล มยฺหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’ติ โพเธตฺวา เทเสสิ, มา เม ฆรทฺวาเร ติฏฺา’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. มาโร ตสฺส วจนํ สุตฺวา ปฏิปฺผริตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว อนฺตรธายิ. สูรมฺพฏฺโปิ สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มาเรน กตกิริยํ กเถตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวํ มาโร มม สทฺธํ จาเลตุํ วายมิตฺถา’’ติ อาห. สตฺถา เอตเทว การณํ อฏฺุปตฺตึ กตฺวา อิมสฺมึ สาสเน สูรมฺพฏฺํ อเวจฺจปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ชีวกวตฺถุ
๒๕๖. นวเม ปุคฺคลปฺปสนฺนานนฺติ ปุคฺคลิยปฺปสาเทน สมนฺนาคตานํ อุปาสกานํ ชีวโก โกมารภจฺโจ อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต ¶ . สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ ปุคฺคลปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร อภยราชกุมารํ ปฏิจฺจ สาลวติยา นาม รูปูปชีวินิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต. รูปูปชีวินิโย จ นาม วิชาตกาเล สเจ ปุตฺโต โหติ, ฉฑฺเฑนฺติ. สเจ ธีตา, ปฏิชคฺคนฺติ. อิติ สา ตํ ทารกํ กตฺตรสุปฺปเกน สงฺการกูเฏ ฉฑฺฑาเปสิ. อถ นํ อภโย ราชกุมาโร ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, ภเณ, เอตํ กาเกหิ สมฺปริกิณฺณ’’นฺติ มนุสฺเส เปเสตฺวา ‘‘ทารโก ¶ เทวา’’ติ. ชีวติ, ภเณติ, ‘‘ชีวติ, เทวา’’ติ สุตฺวา อตฺตโน อนฺเตปุเร โปสาเปสิ. ตสฺส ชีวตีติ กถิตตฺตา ชีวโกติ นามํ อกํสุ, กุมาเรน โปสาปิโตติ โกมารภจฺโจติ นามํ อกํสุ.
โส อตฺตโน โสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา เวชฺชสิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา พิมฺพิสารรฺโ สนฺติกา สกฺการํ ลภิตฺวา จณฺฑปชฺโชตสฺส รฺโ โรคํ ผาสุกํ อกาสิ. โส ¶ ตสฺส ปฺจ ตณฺฑุลสกฏสตานิ โสฬส กหาปณสหสฺสานิ ทุสฺสสหสฺสปริวารํ อนคฺฆํ สิเวยฺยกํ ทุสฺสยุคฺจ เปเสสิ. ตสฺมึ สมเย สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรติ. ชีวโก สตฺถุ อุสฺสนฺนธาตุเก กาเย วิเรจนํ ทตฺวา เภสชฺชํ กโรนฺโต ‘‘จตฺตาโร ปจฺจยา มม สนฺตกาว โหนฺตู’’ติ สตฺถารํ อตฺตโน วิหาเร วสาเปตฺวา สตฺถุ เภสชฺชํ กตฺวา ตํ ทุสฺสยุคํ อุปเนตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว ปริโภคํ กโรถา’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ ลทฺธํ ทุสฺสสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน ชีวกวตฺถุ ขนฺธเก (มหาว. ๓๒๖ อาทโย) อาคตเมว. สตฺถา อปรภาเค เชตวเน วิหรนฺโต ชีวกํ โกมารภจฺจํ ปุคฺคลปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
นกุลปิตุคหปติวตฺถุ
๒๕๗. ทสเม ¶ วิสฺสาสกานนฺติ วิสฺสาสิกกถํ กเถนฺตานํ อุปาสกานํ อนฺตเร, นกุลปิตา คหปติ, อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ อุปาสกํ วิสฺสาสกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภคฺครฏฺเ สุสุมารคิรินคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. สตฺถาปิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน ตํ นครํ ปตฺวา เภสกฬาวเน วิหรติ. อถายํ, นกุลปิตา คหปติ, สุสุมารคิริวาสีหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมทสฺสเนเนว โส จ ภริยา จสฺส ทสพลํ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปุตฺโต’’ติ สฺํ ปฏฺเปตฺวา อุโภปิ ¶ สตฺถุ ปาเทสุ นิปติตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺเห ฉฑฺเฑตฺวา กหํ วิจรสี’’ติ อาหํสุ. อยํ กิร, นกุลปิตา คหปติ, ปุพฺเพ ปฺจ ชาติสตานิ ทสพลสฺส ปิตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬปิตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหาปิตา, ปฺจ ชาติสตานิ มาตุโล, นกุลมาตาปิ ปฺจ ชาติสตานิ มาตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬมาตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหามาตา, ปฺจ ชาติสตานิ ปิตุจฺฉา. อิติ ทีฆรตฺตํ อนุคตสิเนหตฺตา ทสพลํ ทิสฺวาว ‘‘ปุตฺโต’’ติ สฺํ กตฺวา สณฺาตุํ นาสกฺขึสุ. สตฺถา ยาว เตสํ จิตฺตํ สฺตฺตึ น คจฺฉติ, ตาว ‘‘อเปถา’’ติ นาโวจ. อถ เนสํ ยถามเนเนว สตึ ปฏิลภิตฺวา มชฺฌตฺตภูตานํ อาสยํ ตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน อุโภปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
สตฺถา ¶ ¶ อปรภาเค เตสํ มหลฺลกกาเล ปุน ตํ นครํ อคมาสิ. เต ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน นิเวสเน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นานคฺครเสหิ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ กตภตฺตกิจฺจํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข นกุลปิตา คหปติ, ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยโต เม, ภนฺเต, นกุลมาตา คหปตานี, ทหรสฺเสว ทหรา อานีตา, นาภิชานามิ นกุลมาตรํ คหปตานึ มนสาปิ อติจริตา, กุโต ปน กาเยน. อิจฺเฉยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อฺมฺํ ปสฺสิตุํ อภิสมฺปรายฺจ อฺมฺํ ปสฺสิตุ’’นฺติ. นกุลมาตาปิ โข, คหปตานี, ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยโต อหํ, ภนฺเต, นกุลปิตุโน คหปติสฺส ทหรสฺเสว ทหรา อานีตา, นาภิชานามิ นกุลปิตรํ คหปตึ มนสาปิ อติจริตา, กุโต ปน กาเยน. อิจฺเฉยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อฺมฺํ ปสฺสิตุํ อภิสมฺปรายฺจ อฺมฺํ ปสฺสิตุ’’นฺติ. อถ อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสีทิตฺวา อุปาสเก ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต อิมํ อิเมสํ ทฺวินฺนมฺปิ กถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา นกุลปิตรํ คหปตึ วิสฺสาสกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ฉฏฺวคฺควณฺณนา.
ทสสุตฺตปฏิมณฺฑิตาย อุปาสกปาฬิยา วณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๗. สตฺตมเอตทคฺควคฺโค
สุชาตาวตฺถุ
๒๕๘. อุปาสิกาปาฬิยา ¶ ¶ ปเม ปมํ สรณํ คจฺฉนฺตีนนฺติ สพฺพปมํ สรเณสุ ปติฏฺิตานํ อุปาสิกานํ, สุชาตา นาม, เสนิยธีตา อคฺคาติ ทสฺเสติ. สาปิ ¶ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺตา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ ปมํ สรณํ คจฺฉนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนิยกุฏุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธมูเล ปตฺถนํ อกาสิ – ‘‘สเจ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อนุสํวจฺฉรํ พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ.
สา มหาสตฺตสฺส ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ฉฏฺเ วสฺเส ปริปุณฺเณ วิสาขปุณฺณมทิวเส ‘‘ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย เธนุโย ทุหาเปสิ. วจฺฉกา เธนูนํ ถนมูลํ น อาคมํสุ, ถนมูเล นวภาชนมฺหิ อุปนีตมตฺเต อตฺตโนว ธมฺมตาย ขีรธารา ปตึสุ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, สุชาตา, สหตฺเถเนว ขีรํ คณฺหิตฺวา นวภาชเน ปกฺขิปิตฺวา สหตฺเถเนว อคฺคึ กตฺวา ปจิตุํ อารภิ. ตสฺมึ ปายาเส ปจฺจมาเน มหนฺตมหนฺตา พุพฺพุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวตฺตา หุตฺวา สฺจรนฺติ, เอกผุสิตมฺปิ พหิ น นิคฺคจฺฉติ. มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, จตฺตาโร โลกปาลา ขคฺคหตฺถา อารกฺขํ คณฺหึสุ, สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา จตูสุ ทีเปสุ โอชํ สํหริตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. สุชาตา, เอกทิวเสเยว อิมานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา ปุณฺณาทาสึ อามนฺเตสิ – ‘‘อมฺม, ปุณฺเณ อชฺช อมฺหากํ เทวตา อติวิย ปสนฺนา, มยา เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปํ อจฺฉริยํ ¶ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ ¶ , เวเคน คนฺตฺวา เทวฏฺานํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตุริตตุริตา รุกฺขมูลํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ โข ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว คนฺตฺวา รุกฺขมูเล นิสีทิ. รุกฺขมูลํ โสธนตฺถาย คตา ปุณฺณา อาคนฺตฺวา สุชาตาย อาโรเจสิ – ‘‘เทวตา รุกฺขมูเล นิสินฺนา’’ติ. สุชาตา, ‘‘สเจ เช สจฺจํ ภณสิ, อทาสึ กโรมี’’ติ วตฺวา สพฺพปสาธนํ ปสาเธตฺวา สตสหสฺสคฺฆนเก สุวณฺณถาเล ปายาสํ วฑฺเฒตฺวา อปราย สุวณฺณปาติยา ปิทหิตฺวา เสตวตฺเถน สมฺปลิเวเตฺวา สมนฺตา คนฺธทามมาลาทามานิ โอสาเรตฺวา อุกฺขิปิตฺวา คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา พลวปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณโตณตา คนฺตฺวา สีสโต ถาลํ โอตาเรตฺวา วิวริตฺวา สเหว ปาติยา ปายาสํ มหาปุริสสฺส หตฺเถ เปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโต เนรฺชราย นทิยา ตีรํ คนฺตฺวา สุวณฺณถาลํ ตีเร เปตฺวา นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกูนปณฺณาส ปิณฺเฑ กโรนฺโต ปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ นทิยา สมฺปวาเหตฺวา อนุกฺกเมน โพธิมณฺฑํ อารุยฺห สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ อติกฺกมิตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก สุชาตาย ปุตฺตสฺส ยสทารกสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ.
ยโสปิ กุลปุตฺโต รตฺติภาคสมนนฺตเร วิวฏํ อิตฺถาคารํ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค ‘‘อุปทฺทุตํ วต, โภ, อุปสฏฺํ วต, โภ’’ติ วตฺวา นิเวสนโต นิกฺขมิตฺวาว พหินคเร สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตีณิ มคฺคผลานิ ปฏิวิชฺฌิ. อถสฺส ปิตา ปทานุปทิกํ ¶ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยสสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. สตฺถา ยสํ กุลปุตฺตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน โส เสฏฺิคหปติ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ยโส อรหตฺตผลํ ปาปุณิ. ตํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห, ตาวเทวสฺส คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยปตฺตจีวรธโร อโหสิ. ปิตาปิสฺส สตฺถารํ นิมนฺเตสิ. สตฺถา ยสํ กุลปุตฺตํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน ยสสฺส มาตา, สุชาตา, ปุราณทุติยิกา จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตํทิวสํ อยํ, สุชาตา, เตวาจิกสรเณ ปติฏฺาสิ สทฺธึ สุณิสาย. อยเมตฺถ สงฺเขโป ¶ , วิตฺถารโต ปเนตํ วตฺถุ ขนฺธเก (มหาว. ๒๕-๒๘) อาคตเมว ¶ . สตฺถา อปรภาเค ปฏิปาฏิยา อุปาสิกาโย านนฺตเรสุ เปนฺโต อิมํ อุปาสิกํ ปมํ สรณํ คจฺฉนฺตีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วิสาขาวตฺถุ
๒๕๙. ทุติเย ทายิกานนฺติ ทานาภิรตานํ อุปาสิกานํ, วิสาขา มิคารมาตา, อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺตา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ ทายิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ เคเห สตฺตนฺนํ ภคินีนํ สพฺพกนิฏฺา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา กิร –
‘‘สมณี ¶ สมณคุตฺตา จ, ภิกฺขุนี ภิกฺขุทายิกา;
ธมฺมา เจว สุธมฺมา จ, สงฺฆทาสี จ สตฺตมา’’ติ.
อิมา สตฺต ภคินิโย อเหสุํ. ตา เอตรหิ –
‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, ปฏาจารา จ โคตมี;
ธมฺมทินฺนา มหามายา, วิสาขา เจว สตฺตมี’’ติ. –
เอวํนามา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. ตตฺรายํ สงฺฆทาสี เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท องฺครฏฺเ ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน อคฺคมเหสิยา สุมนเทวิยา นาม กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ, วิสาขาติสฺสา นามํ อกํสุ. ตสฺสา สตฺตวสฺสิกกาเล ทสพโล เสลพฺราหฺมณสฺส จ อฺเสฺจ โพธเนยฺยพนฺธวานํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร จาริกํ จรมาโน ตสฺมึ รฏฺเ ตํ นครํ ปาปุณิ.
ตสฺมิฺจ สมเย เมณฺฑโก คหปติ ตสฺมึ นคเร ปฺจนฺนํ มหาปฺุานํ เชฏฺโก หุตฺวา เสฏฺิฏฺานํ กาเรสิ. ปฺจ มหาปฺุา นาม เมณฺฑโก เสฏฺิ, จนฺทปทุมา นาม ตสฺเสว อคฺคมเหสี, ตสฺส จ ปุตฺโต ธนฺจโย นาม, ตสฺส ภริยา สุมนเทวี นาม, เมณฺฑกเสฏฺิสฺส ทาโส ¶ ¶ ปุณฺโณ นามาติ. น เกวลฺจ เมณฺฑกเสฏฺิเยว, พิมฺพิสารมหาราชสฺส ปน อาณาปวตฺติฏฺาเน ปฺจ อมิตโภคา นาม อเหสุํ โชติโก ชฏิโล เมณฺฑโก ปุณฺโณ กากวลิโยติ. เตสุ อยํ เมณฺฑกเสฏฺิ ทสพลสฺส อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตภาวํ สุตฺวา ปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน ธีตรํ วิสาขาทาริกํ ปกฺโกสิตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺม, ตุยฺหมฺปิ มงฺคลํ อมฺหากมฺปิ มงฺคลํ, ตว ปริจาริกาหิ ปฺจทาริกาสเตหิ ¶ สทฺธึ ปฺจ รถสตานิ อารุยฺห ปฺจหิ ทาสิสเตหิ ปริวุตา ทสพลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กโรหี’’ติ. สา ปิตามหสฺส วจนํ สุตฺวา ตถา อกาสิ. การณาการเณสุ ปน กุสลตฺตา ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติกาว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถสฺสา จริตวเสน สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. เมณฺฑกเสฏฺิปิ โข สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ สตฺถา ตสฺสปิ จริตวเสน ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน นิเวสเน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา เอเตนุปาเยน อฑฺฒมาสํ มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา ภทฺทิยนคเร ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปกฺกามิ.
อิโต ปรํ อฺํ กถามคฺคํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิสาขาย อุปฺปตฺติกถาว กเถตพฺพา. สาวตฺถิยฺหิ โกสลราชา พิมฺพิสารสฺส สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘มม อาณาปวตฺติฏฺาเน อมิตโภควินฺทนกุลํ นาม นตฺถิ, อมฺหากํ อมิตโภควินฺทนกุลํ เปเสตู’’ติ. ราชา อมจฺเจหิ สทฺธึ มนฺเตสิ. อมจฺจา ‘‘มหากุลํ เปเสตุํ น สกฺกา, เอกํ ปน เสฏฺิปุตฺตํ เปเสสฺสามา’’ติ เมณฺฑกเสฏฺิโน ปุตฺตํ ธนฺจยเสฏฺึ อายาจึสุ. ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา ตํ เปเสสิ. อถ นํ โกสลราชา สาวตฺถิโต สตฺตโยชนมตฺถเก สาเกตนคเร เสฏฺิฏฺานํ ทตฺวา วาเสสิ.
สาวตฺถิยฺจ มิคารเสฏฺิโน ปุตฺโต ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม วยปฺปตฺโต อโหสิ. อถสฺส ¶ ปิตา ‘‘ปุตฺโต เม วยปฺปตฺโต, ฆราวาเสนสฺส อาพนฺธนสมโย’’ติ ¶ ตฺวา ‘‘อมฺหากํ สมานชาติเก กุเล ทาริกํ ปริเยสถา’’ติ การณาการณกุสเล ปุริเส เปเสสิ. เต สาวตฺถิยํ อตฺตโน รุจิตํ ทาริกํ อทิสฺวา สาเกตํ อคมํสุ. ตํทิวสฺจ, วิสาขา, อตฺตโน สมานวเยหิ ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ ปริวาริตา นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย เอกํ มหาคามํ อคมาสิ ¶ . เตปิ ปุริสา อนฺโตนคเร จริตฺวา อตฺตโน รุจิตํ ทาริกํ อทิสฺวา พหินครทฺวาเร อฏฺํสุ. ตสฺมึ สมเย เทโว วสฺสิตุํ อารภิ. อถ ตา วิสาขาย สทฺธึ นิกฺขนฺตา ทาริกา เตมนภเยน เวเคน สาลํ ปวิสึสุ. เต ปุริสา ตาสมฺปิ อนฺตเร ยถารุจิตํ ทาริกํ น ปสฺสึสุ. ตาสํ ปน สพฺพปจฺฉโต, วิสาขา, เทวํ วสฺสนฺตมฺปิ อคเณตฺวา อตุริตคมเนน เตมยมานาว สาลํ ปาวิสิ. เต ปุริสา ตํ ทิสฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘รูปวตี ตาว กฺา เอตปรมา ภเวยฺย, รูปํ ปเนตํ เอกจฺจาย การิตปตฺตํ วิย โหติ, กถํ สมุฏฺาเปตฺวา กเถนฺตา ชานิสฺสาม มธุรวจนา วา โน วา’’ติ. ตโต นํ อาหํสุ – ‘‘อติวิย ปริณตวยา อิตฺถี วิย ยาสิ, อมฺมา’’ติ. กึ ทิสฺวา กเถถ, ตาตาติ? อฺา ตยา สทฺธึ กีฬนกุมาริโย เตมนภเยน เวเคน อาคนฺตฺวา สาลํ ปวิฏฺา, ตฺวํ ปน มหลฺลิกา วิย ปทวารํ อติกฺกมฺม นาคจฺฉสิ, สาฏกสฺส เตมนภาวมฺปิ น คเณสิ. สเจ ตํ หตฺถี วา อสฺโส วา อนุพนฺเธยฺย, กึ เอวเมวํ กเรยฺยาสีติ? ตาตา, สาฏกา นาม น ทุลฺลภา, สุลภา มยฺหํ กุเล สาฏกา. วยปฺปตฺตา ¶ มาตุคามา ปน ปณิยภณฺฑสทิสา, หตฺเถ วา ปาเท วา ภคฺเค องฺควิกลํ มาตุคามํ ชิคุจฺฉนฺตา นิฏฺุภิตฺวา คจฺฉนฺติ, ตสฺมา สณิกํ อาคตามฺหีติ.
เต จินฺตยึสุ – ‘‘อิมาย สทิสา อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป อิตฺถี นาม นตฺถิ, ยาทิสา รูเปน, กถายปิ ตาทิสาว. การณาการณํ ตฺวา กเถตี’’ติ ตสฺสา อุปริ มาลาคุฬํ ขิปึสุ. อถ, วิสาขา, จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ อปริคฺคหิตา, อิทานิ ปน ปริคฺคหิตามฺหี’’ติ วินีเตนากาเรน ภูมิยํ นิสีทิ. อถ นํ ตตฺเถว สาณิยา ปริกฺขิปึสุ. สา ปฏิจฺฉนฺนภาวํ ตฺวา ทาสิคณปริวุตา เคหํ อคมาสิ. เตปิ มิคารเสฏฺิโน ปุริสา ตาย สทฺธึเยว ธนฺจยเสฏฺิสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. ‘‘กตรคามวาสิโน ¶ , ตาตา, ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘สาวตฺถินคเร มิคารเสฏฺิโน ปุริสมฺหา’’ติ วตฺวา ‘‘มยํ อมฺหากํ เสฏฺินา ตุมฺหากํ เคเห วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถีติ สุตฺวา เปสิตา’’ติ. สาธุ, ตาตา, ตุมฺหากํ เสฏฺิ กิฺจาปิ โภเคน อมฺเหหิ อสทิโส, ชาติยา ปน สทิโส. สพฺพาการสมฺปนฺโน นาม ทุลฺลโภ คจฺฉถ ตุมฺเห เสฏฺิสฺส อมฺเหหิ สมฺปฏิจฺฉิตภาวํ อาโรเจถาติ.
เต ตสฺส วจนํ สุตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา มิคารเสฏฺิสฺส ตุฏฺึ วฑฺฒึ จ ปเวเทตฺวา ‘‘ลทฺธา โน สามิ สาเกเต ธนฺจยเสฏฺิสฺส เคเห ทาริกา’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา มิคารเสฏฺิ ‘‘มหากุลเคเห กิร โน ทาริกา ลทฺธา’’ติ ตุฏฺมานโส หุตฺวา ตาวเทว ธนฺจยเสฏฺิสฺส สาสนํ ปหิณิ ¶ ‘‘อิทาเนว ทาริกํ อานยิสฺสาม, กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺตู’’ติ. โสปิสฺส ปฏิสาสนํ เปเสสิ – ‘‘นยิทํ อมฺหากํ ภาริยํ, เสฏฺิ ปน อตฺตโน กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรตู’’ติ. โส โกสลรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาโรเจสิ – ‘‘เทว, เอกา เม มงฺคลกิริยา อตฺถิ, ทาสสฺส เต ปุณฺณวฑฺฒนสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน ธีตรํ วิสาขํ นาม ทาริกํ อาเนสฺสามิ, สาเกตคมนํ เม อนุชานาถา’’ติ. สาธุ, มหาเสฏฺิ, กึ ปน อมฺเหหิปิ ¶ อาคนฺตพฺพนฺติ? เทว ตุมฺหาทิสานํ คมนํ ลทฺธุํ สกฺกาติ? ราชา มหากุลสฺส สงฺคหํ กาตุกาโม ‘‘โหตุ เสฏฺิ, อาคมิสฺสามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มิคารเสฏฺินา สทฺธึ สาเกตนครํ อคมาสิ. ธนฺจยเสฏฺิ ‘‘มิคารเสฏฺิ กิร โกสลราชานํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ราชานํ คเหตฺวา อตฺตโน นิเวสนํ อคมาสิ. ตาวเทว รฺโ จ ราชพลสฺส จ มิคารเสฏฺิโน จ วสนฏฺานํ เจว มาลาคนฺธภตฺตาทีนิ จ สพฺพานิ ปฏิยาเทสิ. ‘‘อิทํ อิมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ อิมสฺสา’’ติ สพฺพํ อตฺตนาว ชานาติ. เต เต ชนา จินฺตยึสุ – ‘‘เสฏฺิ อมฺหากเมว สกฺการํ กโรตี’’ติ.
อเถกทิวสํ ราชา ธนฺจยเสฏฺิสฺส สาสนํ ปหิณิ ‘‘น สกฺกา เสฏฺินา จิรกาลํ อมฺหากํ ภรณโปสนํ กาตุํ, ทาริกาย คมนกาลํ ชานาตู’’ติ. โสปิ รฺโ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘อิทานิ วสฺสกาโล อาคโต, น สกฺกา จตุมาสํ วิจริตุํ, ตุมฺหากํ พลกายสฺส ยํ ยํ ลทฺธุํ ¶ วฏฺฏติ, สพฺพํ ตํ มม ภาโร. เกวลํ เทโว มยา เปสิตกาเล คจฺฉตู’’ติ. ตโต ปฏฺาย สาเกตนครํ นิจฺจนกฺขตฺตคาโม วิย อโหสิ. เอวํ ตโย มาสา อติกฺกนฺตา. ธนฺจยเสฏฺิโน ปน ธีตาย มหาลตาปสาธนํ น ตาว นิฏฺํ คจฺฉติ. อถสฺส กมฺมนฺตาธิฏฺายกา อาคนฺตฺวา อาโรจยึสุ – ‘‘เสสํ อสนฺตํ นาม นตฺถิ, พลกายสฺส ปน ภตฺตปจนทารูนิ นปฺปโหนฺตี’’ติ. ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, หตฺถิสาลา อสฺสสาลา วิโยเชตฺวา ภตฺตํ ปจถา’’ติ. เอวํ ปจนฺตานมฺปิ อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต. ตโต ปุน อาโรจยึสุ – ‘‘ทารูนิ สามิ นปฺปโหนฺตี’’ติ. ‘‘ตาตา, อิมสฺมึ กาเล ทารูนิ ลทฺธุํ น สกฺกา, ทุสฺสโกฏฺาคารํ ปน วิวริตฺวา ถูลสาฏเก คเหตฺวา วฏฺฏิโย กตฺวา เตลจาฏิยํ เตเมตฺวา ภตฺตํ ปจถา’’ติ. อิมินา นิยาเมน ปจนฺตานํ จตฺตาโร มาสา ปูรยึสุ.
ตโต ¶ ธนฺจยเสฏฺิ ธีตุยา มหาลตาปสาธนสฺส นิฏฺิตภาวํ ตฺวา ‘‘สฺเว ทาริกํ เปเสสฺสามี’’ติ ธีตรํ สมีเป นิสีทาเปตฺวา ‘‘อมฺม ปติกุเล วสนฺติยา นาม อิมฺจิมฺจ อาจารํ ¶ สิกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอวาทํ อทาสิ. อยํ มิคารเสฏฺิ อนนฺตรคพฺเภ นิสินฺโน ธนฺจยเสฏฺิโน โอวาทํ อสฺโสสิ. โสปิ เสฏฺิ ธีตรํ เอวํ โอวทิ –
‘‘อมฺม สสุรกุเล วสนฺติยา นาม อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ, พหิอคฺคิ อนฺโต น ปเวเสตพฺโพ, ททนฺตสฺเสว ทาตพฺพํ, อททนฺตสฺส น ทาตพฺพํ, ททนฺตสฺสปิ อททนฺตสฺสปิ ทาตพฺพํ, สุขํ นิสีทิตพฺพํ, สุขํ ปริภฺุชิตพฺพํ, สุขํ นิปชฺชิตพฺพํ, อคฺคิ ปริจริตพฺโพ, อนฺโตเทวตา นมสฺสิตพฺพา’’ติ.
อิมํ ทสวิธํ โอวาทํ ทตฺวา ปุนทิวเส สพฺพา เสนิโย สนฺนิปาเตตฺวา ราชเสนาย มชฺเฌ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปาฏิโภเค คเหตฺวา ‘‘สเจ เม ธีตุ คตฏฺาเน โทโส อุปฺปชฺชติ, ตุมฺเหหิ โสเธตพฺโพ’’ติ วตฺวา นวโกฏิอคฺฆนเกน มหาลตาปสาธเนน ธีตรํ ปสาเธตฺวา นฺหานจุณฺณมูลํ จตุปณฺณาสสกฏสตํ ธนํ ทตฺวา ธีตาย สทฺธึ นิพทฺธํ คมนจารินิโย ปฺจสตา ทาสิโย ปฺจ อาชฺรถสตานิ สพฺพูปการฺจ ¶ สตํ สตํ ทตฺวา โกสลราชานฺจ มิคารเสฏฺิฺจ, วิสฺสชฺเชตฺวา ธีตุ คมนเวลายํ วชาธิฏฺายเก ปุริเส ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาตา, มม ธีตาย คตฏฺาเน ขีรปานตฺถํ เธนูหิ, ยานโยชนตฺถํ อุสเภหิ จ อตฺโถ โหติ, ตสฺมา มม ธีตุ คมนมคฺเค วชทฺวารํ วิวริตฺวา ปุถุลโต อฏฺ อุสภานิ โคคเณน ปูเรตฺวา ติคาวุตมตฺถเก อสุกา นาม กนฺทรา อตฺถิ, อคฺคโคยูเถ ตํ านํ ปตฺเต เภริสฺาย วชทฺวารํ ปิทเหยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ เสฏฺิสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกํสุ ¶ . วชทฺวาเร วิวเฏ อุฬารุฬาราเยว คาวิโย นิกฺขมึสุ. ทฺวาเร ปิทหิเต ปน วิสาขาย ปฺุพเลน พลวคาโว จ ทมฺมคาโว จ พหิ ลงฺฆิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. อถ, วิสาขา, สาวตฺถินครทฺวารํ ปตฺตกาเล จินฺเตสิ – ‘‘ปฏิจฺฉนฺนยานสฺมึ นุ โข นิสีทิตฺวา ปวิสามิ, อุทาหุ รเถ ตฺวา’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘ปฏิจฺฉนฺนยาเนน เม ปวิสนฺติยา มหาลตาปสาธนสฺส วิเสโส น ปฺายิสฺสตี’’ติ. สา สกลนครสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี รเถ ตฺวา นครํ ปาวิสิ. สาวตฺถิวาสิโน วิสาขาย สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอสา กิร, วิสาขา, นาม เอวรูปา, อยฺจ สมฺปตฺติ เอติสฺสาว อนุจฺฉวิกา’’ติ อาหํสุ. อิติ สา มหาสมฺปตฺติยา มิคารเสฏฺิโน เคหํ ปาวิสิ. อาคตทิวเส จสฺสา สกลนครวาสิโน ‘‘อมฺหากํ, ธนฺจยเสฏฺิ, อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตานํ มหาสกฺการํ อกาสี’’ติ ยถาพลํ ปณฺณาการํ ปหิณึสุ. วิสาขา, ปหิตปหิตํ ปณฺณาการํ ตสฺมึเยว นคเร อฺมฺเสุ กุเลสุ ¶ สพฺพตฺถกเมว ทาเปสิ. อถสฺสา รตฺติภาคสมนนฺตเร เอกิสฺสา อาชฺวฬวาย คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. สา ทาสีหิ ทณฺฑทีปิกา คาหาเปตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วฬวํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา เตเลน มกฺขาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ.
มิคารเสฏฺิปิ สตฺตาหํ ปุตฺตสฺส อาวาหสกฺการํ กโรนฺโต ธุรวิหาเร วสนฺตมฺปิ ตถาคตํ อมนสิกตฺวา สตฺตเม ทิวเส สกลนิเวสนํ ปูเรนฺโต นคฺคสมณเก นิสีทาเปตฺวา ‘‘อาคจฺฉตุ เม ธีตา, อรหนฺเต วนฺทตู’’ติ วิสาขาย สาสนํ ปหิณิ. สา ‘‘อรหนฺตา’’ติ วจนํ สุตฺวา โสตาปนฺนา อริยสาวิกา หฏฺตุฏฺา หุตฺวา เตสํ นิสินฺนฏฺานํ ¶ คนฺตฺวา เต โอโลเกตฺวา ‘‘น เอวรูปา นาม อรหนฺตา โหนฺติ, หิโรตฺตปฺปวิวชฺชิตานํ ¶ นาม สนฺติกํ กสฺมา มํ สสุโร ปกฺโกสาเปตี’’ติ ‘‘ธี, ธี’’ติ ครหิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. นคฺคสมณา ตํ ทิสฺวา สพฺเพ เอกปฺปหาเรเนว เสฏฺึ ครหึสุ – ‘‘กึ ตฺวํ, คหปติ, อฺํ นาลตฺถ, สมณสฺส โคตมสฺส สาวิกํ มหากาฬกณฺณึ กสฺมา อิมํ เคหํ ปเวเสสิ, เวเคน นํ อิมสฺมา เคหา นีหราหี’’ติ. ตโต เสฏฺิ ‘‘น สกฺกา มยา อิเมสํ วจเนน อิมํ เคหา นีหริตุํ, มหากุลสฺส ธีตา อย’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘อาจริยา ทหรา นาม ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา กเรยฺยุํ, ตุมฺเห ตุณฺหี โหถา’’ติ นคฺเค อุยฺโยเชตฺวา มหาปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา วิสาขาย ปริวิสิยมาโน สุวณฺณปาติยํ อปฺโปทกมธุปายาสํ ปริภฺุชิ.
ตสฺมึ สมเย เอโก ปิณฺฑจาริโก เถโร ปิณฺฑาย จรนฺโต เสฏฺิสฺส ฆรทฺวารํ ปาปุณิ. วิสาขา, ตํ ทิสฺวา ‘‘สสุรสฺส อาจิกฺขิตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ยถา โส เถรํ ปสฺสติ, เอวํ อปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. โส ปน พาโล เถรํ ทิสฺวาปิ อปสฺสนฺโต วิย หุตฺวา อโธมุโข ปายาสเมว ภฺุชติ. วิสาขา, ‘‘เถรํ ทิสฺวาปิ เม สสุโร สฺํ น กโรตี’’ติ ตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต, มยฺหํ สสุโร ปุราณํ ขาทตี’’ติ อาห. โส นิคณฺเหิ ตาว กถิตกาเล อธิวาเสสิ, ‘‘ปุราณํ ขาทตี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว ปน หตฺถํ อปเนตฺวา ‘‘อิมํ ปายาสํ อิโต หรถ, เอตฺจ อิมสฺมา เคหา นีหรถ. อยฺหิ มํ เอวรูเป มงฺคลเคเห อสุจิขาทกํ นาม กโรตี’’ติ อาห. ตสฺมึ โข ปน นิเวสเน สพฺเพปิ ทาสกมฺมกรา วิสาขาย สนฺตกาว, โก นํ หตฺเถ วา ¶ ปาเท วา คณฺหิสฺสติ, มุเขน กเถตุํ สมตฺโถปิ นาม นตฺถิ. ตโต, วิสาขา, สสุรสฺส กถํ สุตฺวา อาห – ‘‘ตาต, น เอตฺตเกน วจเนน มยํ นิกฺขมาม, นาหํ ตุมฺเหหิ อุทกติตฺถโต กุมฺภทาสิกา วิย อานีตา. ธรมานกมาตาปิตูนํ ธีตโร ¶ นาม น เอตฺตเกเนว นิกฺขมนฺติ, เอเตเนว เม การเณน ปิตา อิธาคมนทิวเส อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘สเจ เม ธีตรํ อุปาทาย โทโส อุปฺปชฺชติ, โสเธยฺยาถา’ติ ¶ วตฺวา เตสํ หตฺเถ เปสิ. เต ปกฺโกสาเปตฺวา มยฺหํ โทสาโทสํ โสธาเปถา’’ติ.
ตโต เสฏฺิ ‘‘กลฺยาณํ เอสา กเถตี’’ติ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อยํ ทาริกา สตฺตเม ทิวเส อปริปุณฺเณเยว มงฺคลเคเห นิสินฺนํ มํ ‘อสุจิขาทโก’ติ วทตี’’ติ อาห. เอวํ กิร, อมฺมาติ? ‘‘ตาตา, มยฺหํ สสุโร อสุจึ ขาทิตุกาโม ภวิสฺสติ, อหํ ปน เอวํ กตฺวา น กเถมิ. เอกสฺมึ ปน ปิณฺฑปาติกตฺเถเร ฆรทฺวาเร ิเต อยํ อปฺโปทกมธุปายาสํ ภฺุชนฺโต น ตํ มนสิ กโรติ, อหํ อิมินา การเณน ‘อติจฺฉถ, ภนฺเต, มยฺหํ สสุโร อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปฺุํ น กโรติ, ปุราณปฺุํ ขาทตี’ติ เอตฺตกํ กถยินฺติ อาห. อยฺย, อิธ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํ ธีตา การณํ กเถติ, ตฺวํ กสฺมา กุชฺฌสีติ? อยฺยา, เอส ตาว โทโส มา โหตุ, อยํ ปน ทาริกา อาคตทิวเสเยว มม ปุตฺเต สฺํ อกตฺวา อตฺตโน อิจฺฉิตฏฺานํ อคมาสีติ. เอวํ กิร, อมฺมาติ? ตาตา, นาหํ อิจฺฉิตฏฺานํ คจฺฉามิ, อิมสฺมึ ปน เคเห อาชานียวฬวาย วิชาตาย สฺมฺปิ อกตฺวา นิสีทนํ นาม อยุตฺตนฺติ ทณฺฑทีปิกา ¶ คาหาเปตฺวา ทาสีหิ ปริวุตา ตตฺถ คนฺตฺวา วฬวาย วิชาตปริหารํ การาเปสินฺติ. อยฺย, อมฺหากํ ธีตา ตว เคเห ทาสีหิปิ อกตฺตพฺพกมฺมํ อกาสิ, ตฺวํ เอตฺถ กึ โทสํ ปสฺสสีติ?
อยฺยา, เอส ตาว คุโณ โหตุ, อิมิสฺสา ปน ปิตา อิธาคมนทิวเส โอวาทํ เทนฺโต ‘‘อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ’’ติ อาห, กึ ปน สกฺกา อมฺเหหิ อุภโต ปฏิวิสฺสกเคหานํ อคฺคึ อทตฺวา วสิตุนฺติ? เอวํ กิร, อมฺมาติ? ตาตา, น มยฺหํ ปิตา เอตํ อคฺคึ อุปาทาย กเถสิ, ยา ปน อนฺโตนิเวสเน สสฺสุอาทีนํ รหสฺสกถา อุปฺปชฺชติ, สา ทาสิทาสานํ น กเถตพฺพา. เอวรูปา หิ กถา วฑฺฒมานา กลหาย สํวตฺตติ, อิทํ สนฺธาย มยฺหํ ปิตา กเถสิ, ตาตาติ.
อยฺยา, เอตํ ตาว เอวํ โหตุ, อิมิสฺสา ปิตา ‘‘พาหิรโต อคฺคิ น อนฺโต ปเวเสตพฺโพ’’ติ อาห, กึ สกฺกา อมฺเหหิ อนฺโตอคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต พาหิรโต อคฺคึ อนาหริตุนฺติ ¶ ? เอวํ กิร, อมฺมาติ? ตาตา, มยฺหํ ปิตา เอตํ อคฺคึ สนฺธาย น กเถสิ, ยํ ปน โทสํ ทาสกมฺมกาเรหิ กถิตํ โหติ, ตํ อนฺโตมานุสกานํ น กเถตพฺพํ…เป….
ยมฺปิ ¶ เตน ‘‘เย ททนฺติ, เตสํเยว ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ‘‘ยาจิตกํ อุปกรณํ คเหตฺวา เย ปฏิททนฺติ, เตสํเยว ทาตพฺพ’’นฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘เย น ททนฺตี’’ติ อิทมฺปิ ยาจิตกํ อุปกรณํ คเหตฺวา เย น ปฏิททนฺติ, เตสํ น ทาตพฺพนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘ททนฺตสฺสปิ อททนฺตสฺสปิ ทาตพฺพ’’นฺติ ¶ , อิทํ ปน ทุคฺคเตสุ าติมิตฺเตสุ สมฺปตฺเตสุ ปฏิทาตุํ สกฺโกนฺตุ วา มา วา, ทาตุเมว วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ สสฺสุสสุเร ทิสฺวา อุฏฺาตพฺพฏฺาเน นิสีทิตุํ น วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน สสฺสุสสุรสามิเกหิ ปุเรตรํ อภฺุชิตฺวา เต ปริวิสิตฺวา สพฺเพหิ ลทฺธาลทฺธํ ตฺวา ปจฺฉา สยํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ นิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ สสฺสุสสุรสามิเกหิ ปุเรตรเมว สยนํ อารุยฺห น นิปชฺชิตพฺพํ, เตสํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปจฺฉา สยํ นิปชฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘อคฺคิ ปริจริตพฺโพ’’ติ อิทํ ปน สสฺสุมฺปิ สสุรมฺปิ สามิกมฺปิ อคฺคิกฺขนฺธํ วิย อุรคราชานํ วิย จ กตฺวา ปสฺสิตุํ วฏฺฏตีติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ.
เอเต ตาว เอตฺตกา คุณา โหนฺตุ, อิมิสฺสา ปน ปิตา อนฺโตเทวตา นมสฺสาเปติ, อิมสฺส โก อตฺโถติ? เอวํ กิร, อมฺมาติ? อาม, ตาตา, เอตมฺปิ หิ เม ปิตรา อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อาเวณิกฆราวาสํ วสนกาลโต ปฏฺาย อตฺตโน ฆรทฺวารํ สมฺปตฺตปพฺพชิตํ ทิสฺวา ยํ ฆเร ¶ ขาทนียํ โภชนียํ อตฺถิ, ตโต ปพฺพชิตานํ ทตฺวาว ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ เต อาหํสุ – ‘‘ตุยฺหํ ปน มหาเสฏฺิ ปพฺพชิเต ทิสฺวา อทานเมว รุจฺจติ มฺเติ. โส อฺํ ปฏิวจนํ อปสฺสนฺโต อโธมุโข นิสีทิ’’.
อถ นํ กุฏุมฺพิกา ‘‘กึ เสฏฺิ อฺโปิ อมฺหากํ ธีตุ โทโส อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. นตฺถิ ¶ , อยฺยาติ. กสฺมา ปน นํ นิทฺโทสํ อการณา เคหโต ¶ นีหราเปสีติ? ตสฺมึ ขเณ, วิสาขา, อาห – ‘‘ปมํ ตาว มยฺหํ มม สสุรสฺส วจเนน คมนํ น ยุตฺตํ, มยฺหํ ปน อาคมนทิวเส มม โทสาโทสํ โสธนตฺถาย มม ปิตา ตุมฺหากํ หตฺเถ เปตฺวา อทาสิ, อิทานิ มยฺหํ คนฺตุํ สุข’’นฺติ ทาสิทาเส ‘‘ยานาทีนิ สชฺชานิ กโรถา’’ติ อาณาเปสิ. อถ นํ เสฏฺิ เต กุฏุมฺพิเก คเหตฺวา, ‘‘อมฺม, มยา อชานิตฺวา กถิตํ, ขมาหิ มยฺห’’นฺติ อาห. ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ ขมิตพฺพํ ตาว ขมามิ, อหํ ปน พุทฺธสาสเน อเวจฺจปฺปสนฺนสฺส กุลสฺส ธีตา, น มยํ วินา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺตาม. สเจ มม รุจิยา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิชคฺคิตุํ ลภามิ, วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ ยถารุจิยา ตว สมเณ ปฏิชคฺคาหี’’ติ.
ตโต, วิสาขา, ทสพลํ นิมนฺตาเปตฺวา ปุนทิวเส นิเวสนํ ปูเรนฺตี พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปสิ. นคฺคปริสาปิ สตฺถุ มิคารเสฏฺิโน เคหํ คตภาวํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เคหํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. วิสาขา, ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘สพฺโพ สกฺกาโร ปฏิยาทิโต, สสุโร เม อาคนฺตฺวา ทสพลํ ปริวิสตู’’ติ สาสนํ เปเสสิ. โส นิคณฺานํ วจนํ สุตฺวา ‘‘มม ธีตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปริวิสตู’’ติ อาห. วิสาขา, นานคฺครเสหิ ทสพลํ ปริวิสิตฺวา นิฏฺิเต ภตฺตกิจฺเจ ปุน สาสนํ ปหิณิ – ‘‘สสุโร เม อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุณาตู’’ติ. อถ นํ ‘‘อิทานิ อคมนํ นาม อติวิย อการณ’’นฺติ ธมฺมกถํ โสตุกมฺยตาย คจฺฉนฺตํ นคฺคสมณา อาหํสุ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส ธมฺมํ สุณนฺโต พหิสาณิยํ นิสีทิตฺวา สุณาหี’’ติ. ปุเรตรเมว จ คนฺตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปึสุ. มิคารเสฏฺิ คนฺตฺวา พหิสาณิยํ ¶ นิสีทิ. ตถาคโต ‘‘ตฺวํ พหิสาณิยํ วา นิสีท, ปรกุฏฺเฏ วา ปรเสเล วา ปรจกฺกวาเฬ วา นิสีท. อหํ พุทฺโธ นาม สกฺโกมิ ตํ มม สทฺทํ สาเวตุ’’นฺติ สุวณฺณวณฺณผลํ อมฺพรุกฺขํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย ธมฺมกถํ กเถสิ, เทสนาปริโยสาเน เสฏฺิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สาณึ อุกฺขิปิตฺวา สตฺถุ ปาเท ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สตฺถุ สนฺติเกเยว จ ‘‘ตฺวํ, อมฺม, อชฺช อาทึ กตฺวา มม มาตา’’ติ ¶ วิสาขํ อตฺตโน มาตุฏฺาเน เปสิ. ตโต ปฏฺาย, วิสาขา มิคารมาตา, นาม ชาตา.
สา เอกทิวสํ นกฺขตฺตสมเย วตฺตนฺเต ‘‘อนฺโตนคเร คุโณ นตฺถี’’ติ ทาสีหิ ปริวุตา สตฺถุ ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉนฺตี ‘‘พุทฺธานํ สนฺติกํ อุทฺธตเวเสน ¶ คนฺตุํ อยุตฺต’’นฺติ มหาลตาปสาธนํ โอมฺุจิตฺวา ทาสิยา หตฺเถ ทตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, สตฺถา ธมฺมกถํ กเถสิ. สา ธมฺมเทสนาปริโยสาเน ทสพลํ วนฺทิตฺวา นคราภิมุขา ปายาสิ. สาปิ ทาสี อตฺตนา คหิตปสาธนสฺส ปิตฏฺานํ อสลฺลกฺเขตฺวา คจฺฉนฺตี ปสาธนตฺถาย ปฏินิวตฺติ. อถ นํ, วิสาขา, ‘‘กหํ ปน เต ตํ ปิต’’นฺติ ปฏิปุจฺฉิ. คนฺธกุฏิปริเวเณ, อยฺเยติ. โหตุ เช คนฺตฺวา อาหร, คนฺธกุฏิปริเวเณ ปิตกาลโต ปฏฺาย อาหราปนํ นาม อมฺหากํ อยุตฺตํ. ตสฺมา ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทณฺฑกมฺมํ กริสฺสาม. ตตฺถ ปน ปิเต อยฺยานํ ปลิโพโธ โหตีติ.
ปุนทิวเส สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร วิสาขาย นิเวสนทฺวารํ สมฺปาปุณิ. นิเวสเน จ นิพทฺธปฺตฺตานิ อาสนานิ ¶ . วิสาขา, สตฺถุ ปตฺตํ คณฺหิตฺวา สตฺถารํ เคหํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเนสุเยว นิสีทาเปตฺวา กตภตฺตกิจฺเจ สตฺถริ ตํ ปสาธนํ อาหริตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิกฺขิปิตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อลงฺกาโร นาม ปพฺพชิตานํ น วฏฺฏตี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ชานามิ, ภนฺเต, อหํ ปน อิมํ อคฺฆาเปตฺวา ธนํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ วสนคนฺธกุฏึ กาเรสฺสามีติ. ตทา สตฺถา อธิวาเสสิ. สาปิ ตํ อคฺฆาเปตฺวา นวโกฏิธนํ คเหตฺวา คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิเต ปุพฺพารามวิหาเร ตถาคตสฺส วสนคนฺธกุฏึ กาเรสิ. วิสาขาย ปน นิเวสนํ ปุพฺพณฺหสมเย กาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตเมว โหติ อนาถปิณฺฑิกสฺส เคหํ วิย. ตสฺสาปิ เคเห สพฺพภตฺตานิ ปฏิยตฺตาเนว อเหสุํ. สา ปุพฺพณฺหสมเย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อามิสสงฺคหํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺเต เภสชฺชานิ เจว อฏฺวิธปานานิ จ คณฺหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทตฺวา ปจฺฉา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อาคจฺฉติ. สตฺถา อปรภาเค อุปาสิกาโย ปฏิปาฏิยา านนฺตเรสุ เปนฺโต วิสาขํ มิคารมาตรํ ทายิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ขุชฺชุตฺตรา-สามาวตีวตฺถุ
๒๖๐-๒๖๑. ตติยจตุตฺเถสุ ¶ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ, ขุชฺชุตฺตรา, เมตฺตาวิหารีนํ ยทิทํ, สามาวตีติ พหุสฺสุตานํ อุปาสิกานํ ขุชฺชุตฺตรา, เมตฺตาวิหารีนํ ¶ สามาวตี อคฺคาติ ทสฺเสติ. ตา กิร ทฺเวปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห ¶ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อปรภาเค ‘‘สตฺถุ ธมฺมกถํ โสสฺสามา’’ติ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ, ขุชฺชุตฺตรา, สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ พหุสฺสุตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สามาวตีปิ เอกํ อุปาสิกํ เมตฺตาวิหารีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตีนํเยว กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกนฺตํ.
อถ อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว อลฺลกปฺปรฏฺเ อหิวาตกโรโค นาม อุทปาทิ. เอเกกสฺมึ เคเห เอกปฺปหาเรเนว ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ ชนา มรนฺติ, ติโรรฏฺํ คตา ปน ชีวิตํ ลภนฺติ. ตํ ตฺวา เอโก ปุริโส อตฺตโน ปุตฺตทารํ อาทาย ‘‘อฺํ รฏฺํ คมิสฺสามี’’ติ ตโต นิกฺขมิ. อถสฺส ฆเร คหิตปาเถยฺยํ อนฺตรามคฺเค กนฺตาเร อนุตฺติณฺเณเยว ปริกฺขยํ อคมาสิ. เตสํ สรีรพลํ ปริหายิ, สกึ มาตา ปุตฺตํ อุกฺขิปติ, สกึ ปิตา. อถสฺส ปิตา จินฺเตสิ – ‘‘อมฺหากํ สรีรพลํ ปริหีนํ, ปุตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺตา กนฺตารํ นิตฺถริตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ. โส ตสฺส มาตรํ อชานาเปตฺวาว อุทกกิจฺเจน โอหีโน วิย ปุตฺตํ มคฺเค นิสีทาเปตฺวา เอกโกว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ‘‘อถสฺส ภริยา อาคมนํ โอโลกยมานา ิตา หตฺเถ ปุตฺตํ อทิสฺวา วิรวมานา คนฺตฺวา กหํ เม สามิ ปุตฺโต’’ติ อาห. โก เต ปุตฺเตน อตฺโถ? ชีวมานา ปุตฺตํ ลภิสฺสามาติ. สา ‘‘อติสาหสิโก วตายํ ปุริโส’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, นาหํ ตาทิเสน สทฺธึ คมิสฺสามี’’ติ อาห. โส ‘‘อนุปธาเรตฺวา เม ภทฺเท กตํ, ขเมตํ มยฺห’’นฺติ วตฺวา ปุตฺตํ อาทายาคโต.
เต ตํ กนฺตารํ สมติกฺกมิตฺวา สายํ เอกํ โคปาลกกุลํ สมฺปาปุณึสุ. ตํ ทิวสฺจ โคปาลกกุลวาสิโน ¶ นิรุทกปายาสํ ปจึสุ. เต เต ทิสฺวา ‘‘อิเม อติวิย ฉาตกา’’ติ ปายาสสฺส มหาภาชนํ ปูเรตฺวา อุฬุงฺกปูรํ สปฺปึ อาสิฺจิตฺวา อทํสุ. เตสุ ตํ ปายาสํ ภฺุชนฺเตสุ ¶ สา อิตฺถี ปมาเณเนว ภฺุชิ, ปุริโส ปน ปมาณาติกฺกนฺตํ ภฺุชิตฺวา ¶ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต รตฺติภาคสมนนฺตเร กาลมกาสิ. โส กาลํ กโรนฺโต เตสุ สาลยภาเวน โคปาลกานํ เคเห สุนขิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สุนขี นจิรสฺเสว วิชาตา. โคปาลโก ตํ กุกฺกุรํ สสฺสิริกํ ทิสฺวา ปิณฺเฑน ปโลเภตฺวา อตฺตนิ อุปฺปนฺนสิเนหํ คเหตฺวา สทฺธิเมว จรติ.
อเถกทิวสํ เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ภิกฺขาจารเวลาย โคปาลกสฺส ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต. โสปิ ตํ ทิสฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา อตฺตานํ นิสฺสาย วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ. ปจฺเจกพุทฺโธ โคปาลกกุลสฺส อวิทูเร าเน เอกสฺมึ วนสณฺเฑ วาสํ อุปคโต. โคปาลโก ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ตํ กุกฺกุรํ คเหตฺวาว คจฺฉติ, อนฺตรามคฺเค จ วาฬมิคฏฺาเน วาฬมิคานํ ปลายนตฺถํ รุกฺเข วา ปาสาเณ วา ปหารํ เทติ, โสปิ กุกฺกุโร ตสฺส กรณวิธานํ ววตฺถเปติ. อเถกทิวสํ โส โคปาลโก ปจฺเจกพุทฺธสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ สพฺพกาลํ อาคมนํ นาม น โหติ. อยํ ปน กุกฺกุโร เฉโก, อิมสฺส อาคตสฺาย อมฺหากํ เคหทฺวารํ อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. โส เอกทิวสํ ‘‘ปจฺเจกพุทฺธํ คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ กุกฺกุรํ เปเสสิ. กุกฺกุโร ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘อยํ มม สนฺติกํ อาคโต’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. โส ตสฺส วีมํสนตฺถาย อุกฺกมิตฺวา อฺํ มคฺคํ คณฺหิ, กุกฺกุโร ปุรโต ตฺวา โคปาลกมคฺคํ ปฏิปนฺนกาเล ¶ อปสกฺกิ. ยสฺมึ จ ยสฺมึ จ าเน วาฬมิคานํ ปลายนตฺถํ โคปาลโก รุกฺขํ วา ปาสาณํ วา ปหริ, ตํ ตํ านํ ปตฺวา กุกฺกุโร มหาวิรวํ วิรวิ. ตสฺส สทฺเทน วาฬมิคา ปลายนฺติ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ภตฺตกิจฺจเวลาย มหนฺตํ สินิทฺธปิณฺฑํ ตสฺส เทติ. โสปิ ปิณฺฑลาเภน ปจฺเจกพุทฺเธ อุตฺตริตรํ สิเนหํ กโรติ.
โคปาลโก เตมาสํ วุตฺถสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ติจีวรปฺปโหนกํ สาฏกํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ โว รุจฺจติ, อิเธว วสถ. โน เจ รุจฺจติ, ยถาสุขํ คจฺฉถา’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ คมนาการํ ทสฺเสติ. โส โคปาลโก ปจฺเจกพุทฺธํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺตติ. กุกฺกุโร ปจฺเจกพุทฺธสฺส อฺตฺถ คมนภาวํ ตฺวา อติสิเนเหน อุปฺปนฺนพลวโสโก หทยผาลนํ ปตฺวา กาลํ กตฺวา ตาวตึสปุเร นิพฺพตฺติ. อถสฺส ปจฺเจกพุทฺเธน ¶ สทฺธึ คมนกาเล อุจฺจาสทฺทํ กตฺวา วาฬมิคานํ ปลาปิตภาเวน เทวตาหิ สทฺธึ กเถนฺตสฺส สทฺโท สกลเทวปุรํ ฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. โส ¶ เตเนว นามเธยฺยํ ลภิตฺวา โฆสกเทวปุตฺโต นาม ชาโต. อถสฺส ตสฺมึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส มนุสฺสปเถ โกสมฺพินคเร อุเทโน นาม ราชา รชฺชํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺส วตฺถุ มชฺฌิมปณฺณาสเก โพธิราชกุมารสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๒๔ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตสฺมึ ปน รชฺชํ การยมาเน โฆสกเทวปุตฺโต จวิตฺวา โกสมฺพิยํ เอกิสฺสา รูปูปชีวินิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ทสมาสจฺจเยน วิชายิตฺวา ปุตฺตภาวํ ตฺวา สงฺการกูเฏ ฉฑฺฑาเปสิ. ตสฺมึ ขเณ โกสมฺพิเสฏฺิโน ¶ กมฺมนฺติโก ปาโตว เสฏฺิฆรํ คจฺฉนฺโต ‘‘กึ นุ โข อิมํ กาเกหิ สมฺปริกิณฺณ’’นฺติ คนฺตฺวา ทารกํ ทิสฺวา ‘‘มหาปฺุวา เอส ทารโก ภวิสฺสตี’’ติ เอกสฺส ปุริสสฺส หตฺเถ เคหํ เปเสตฺวา เสฏฺิฆรํ อคมาสิ. เสฏฺิปิ ราชูปฏฺานเวลาย ราชกุลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปุโรหิตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช กึ นกฺขตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ตตฺเถว ิโต คเณตฺวา ‘‘อสุกํ นาม นกฺขตฺตํ, อชฺช อิมินา นกฺขตฺเตน ชาตทารโก อิมสฺมึ นคเร เสฏฺิฏฺานํ ลภิสฺสตี’’ติ อาห. โส ตสฺส กถํ สุตฺวา เวเคน ฆรํ เปเสสิ – ‘‘อิมสฺส ปุโรหิตสฺส ทฺเว กถา นาม นตฺถิ, ฆรณี จ เม ครุคพฺภา, ชานาถ ตาว นํ วิชาตา วา โน วา’’ติ. เต คนฺตฺวา ชานิตฺวา, ‘‘อยฺย, น ตาว วิชาตา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ คจฺฉถ, อิมสฺมึ นคเร อชฺช ชาตทารกํ ปริเยสถาติ. เต ปริเยสนฺตา ตสฺส เสฏฺิโน กมฺมนฺติกสฺส เคเห ตํ ทารกํ ทิสฺวา เสฏฺิโน อาโรจยึสุ. เตน หิ คจฺฉถ ภเณ, ตํ กมฺมนฺติกํ ปกฺโกสถาติ. เต ตํ ปกฺโกสึสุ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เคเห กิร เต ทารโก อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อยฺยา’’ติ. ‘‘ตํ ทารกํ อมฺหากํ เทหี’’ติ. ‘‘น เทมิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘หนฺท สหสฺสํ คณฺหิตฺวา เทหี’’ติ. โส ‘‘อยํ ชีเวยฺย วา มเรยฺย วา, ทุชฺชานมิท’’นฺติ สหสฺสํ คณฺหิตฺวา อทาสิ.
ตโต เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เม ภริยา ธีตรํ วิชายิสฺสติ, อิมเมว ปุตฺตํ กริสฺสามิ. สเจ ปุตฺตํ วิชายิสฺสติ, มาเรสฺสามี’’ติ. จินฺเตตฺวา เคเห โปเสสิ. อถสฺส ภริยา กติปาหจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตโต เสฏฺิ ‘‘เอวํ ตํ คาโว มทฺทิตฺวา มาเรสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อิมํ ¶ ทารกํ วชทฺวาเร นิปชฺชาเปถา’’ติ อาห. ตํ ตตฺถ นิปชฺชาเปสุํ. อถ นํ ยูถปติ อุสโภ ปมํ นิกฺขมนฺโต ทิสฺวา ‘‘เอวํ ตํ อฺเ น มทฺทิสฺสนฺตี’’ติ จตุนฺนํ ปาทานํ อนฺตเร กตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ โคปาลกา ทิสฺวา ¶ ‘‘มหาปฺุโ เอส ทารโก ภวิสฺสติ ¶ , ยสฺส ติรจฺฉานคตาปิ คุณํ ชานนฺติ, ปฏิชคฺคิสฺสาม น’’นฺติ อตฺตโน เคหํ นยึสุ.
โสปิ เสฏฺิ ตสฺส มตภาวํ อนุวิชฺชนฺโต ‘‘โคปาลเกหิ นีโต’’ติ สุตฺวา ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาณาเปตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺฑาเปสิ. ตสฺมึ จ กาเล เสฏฺิสฺส ฆเร อชปาลโก สุสานํ นิสฺสาย อชิกา จาเรติ. อเถกา เธนุ อชิกา ทารกสฺส ปฺุเน มคฺคา โอกฺกมฺม คนฺตฺวา ทารกสฺส ขีรํ ทตฺวา คตา. ตโต นิวตฺตมานาปิ ตเถว คนฺตฺวา ขีรมทาสิ. อชปาลโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อชิกา ปาโตปิ อิมสฺมา านา โอกฺกมิตฺวา คตา, กึ นุ โข เอต’’นฺติ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต ตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘มหาปฺุโ เอส ทารโก, ติรจฺฉานคตาปิสฺส คุณํ ชานนฺติ, ปฏิชคฺคิสฺสามิ น’’นฺติ คเหตฺวา เคหํ คโต.
ปุนทิวเส เสฏฺิ ‘‘มโต นุ โข ทารโก, น มโต’’ติ โอโลกาเปนฺโต อชปาลเกน คหิตภาวํ ตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา อาณาเปตฺวา ‘‘สฺเว อิมํ นครํ เอโก สตฺถวาหปุตฺโต ปวิสิสฺสติ, อิมํ ทารกํ เนตฺวา จกฺกมคฺเค เปถ, เอวํ ตํ สกฏจกฺกํ ฉินฺทนฺตํ คมิสฺสตี’’ติ อาห. ตํ ตตฺถ นิกฺขิตฺตํ สตฺถวาหปุตฺตสฺส ปุริมสกเฏ โคณา ทิสฺวา จตฺตาโร ปาเท ถมฺเภ วิย โอตาเรตฺวา อฏฺํสุ. สตฺถวาโห ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ เตสํ ิตการณํ โอโลเกนฺโต ทารกํ ทิสฺวา ‘‘มหาปฺุโ ทารโก, ปติชคฺคิตุํ วฏฺฏตี’’ติ คณฺหิตฺวา อคมาสิ.
เสฏฺิปิ ตสฺส จกฺกปเถ มตภาวํ วา อมตภาวํ วา โอโลกาเปนฺโต สตฺถวาเหน คหิตภาวํ ตฺวา ตสฺสปิ สหสฺสํ ทตฺวา อาณาเปตฺวา นครโต อวิทูเร าเน ปปาเต ปาตาเปสิ. โส ตตฺถ ปปตนฺโต นฬการานํ กมฺมกรณฏฺาเน เอกสาลาย ปติโต. สา ตสฺส ปฺุานุภาเวน สตวิหตกปฺปาสปิจุสมฺผสฺสสทิสา ¶ อโหสิ. อถ นํ นฬการเชฏฺโก ‘‘ปฺุวา เอส ทารโก, ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ คณฺหิตฺวา เคหํ คโต. เสฏฺิ ทารกสฺส ปปาตโต ปติตฏฺาเน มตภาวํ วา อมตภาวํ วา ปริเยสาเปนฺโต นฬการเชฏฺเกน คหิตภาวํ ตฺวา ตสฺสปิ สหสฺสํ ทตฺวา อาณาเปสิ.
อปรภาเค เสฏฺิสฺส สกปุตฺโตปิ โสปิ อุโภ วยปฺปตฺตา อเหสุํ. เสฏฺิ ปุน โฆสกทารกสฺส ¶ มารณุปายํ จินฺเตนฺโต อตฺตโน กุมฺภการสฺส เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺโภ มยฺหํ เคเห เอวรูโป เอโก อวชาตทารโก อตฺถิ, ตํ ทารกํ ยํกิฺจิ กตฺวา มาเรตุํ วฏฺฏติ รหสฺเสนา’’ติ อาห. โส อุโภปิ กณฺเณ ปิทหิตฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม ภาริยํ กถํ กเถตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ตโต เสฏฺิ ‘‘อยํ มุธา น กริสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘หนฺท, โภ, สหสฺสํ คณฺหิตฺวา เอตํ กมฺมํ นิปฺผาเทหี’’ติ อาห. ลฺชํ นาม อภินฺนํ ภินฺทติ, ตสฺมา โส สหสฺสํ ลภิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ, อยฺย, อสุกทิวเส นาม อาวาปํ อาลิมฺเปสฺสามิ, ตทา ตํ ทารกํ อสุกเวลาย นาม เปเสหี’’ติ อาห. เสฏฺิปิ โข ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย ทิวเส คเณนฺโต กุมฺภกาเรน วุตฺตทิวสสฺส สมฺปตฺตภาวํ ตฺวา โฆสกกุมารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ตาต, อสุกทิวเส นาม พหูหิ ภาชเนหิ อตฺโถ, ตฺวํ อมฺหากํ กุมฺภการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘ปิตรา กิร เม ตุมฺหากํ เอกํ กถิตํ อตฺถิ, ตํ อชฺช นิปฺผาเทหี’ติ วเทหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นิกฺขมิ.
อถ นํ อนฺตรามคฺเค เสฏฺิสฺส สกปุตฺโต ¶ คุฬกีฬํ กีฬนฺโต ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ‘‘อหํ ภาติก ทารเกหิ สทฺธึ กีฬนฺโต เอตฺตกํ นาม ชิโต, ตํ เม ปฏิชินิตฺวา เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘มยฺหํ อิทานิ โอกาโส นตฺถิ, ปิตา มํ อจฺจายิกกมฺเมน กุมฺภการสฺส สนฺติกํ ปหิณี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘อหํ ภาติก ตตฺถ คมิสฺสามิ, ตฺวํ อิเมหิ สทฺธึ กีฬิตฺวา มยฺหํ ลกฺขํ ปจฺจาหริตฺวา เทหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ คจฺฉา’’ติ อตฺตโน กถิตสาสนํ ตสฺส กเถตฺวา ทารเกหิ สทฺธึ กีฬิ. โสปิ กุมาโร กุมฺภการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ สาสนํ อาโรเจสิ. โส ‘‘สาธุ, ตาต, นิปฺผาเทสฺสามี’’ติ ตํ กุมารํ คพฺภํ ปเวเสตฺวา ติขิณาย วาสิยา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปิตฺวา จาฏิมุขํ ปิทหิตฺวา ¶ ภาชนนฺตเร เปตฺวา อาวาปํ อาลิมฺเปสิ. โฆสกกุมาโร พหู ชินิตฺวา กนิฏฺสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. โส ตํ จิรายมานํ ตฺวา ‘‘กึ นุ โข จิรายตี’’ติ กุมฺภการเคหสภาคํ คนฺตฺวา กตฺถจิ อทิสฺวา ‘‘เคหํ คโต ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺติตฺวา เคหํ อคมาสิ.
เสฏฺิ นํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณํ ภวิสฺสติ, มยา เอส มารณตฺถาย กุมฺภการสฺส สนฺติกํ ปหิโต, โส ทานิ ปุน อิเธวาคจฺฉตี’’ติ อาคจฺฉนฺตํเยว นํ ¶ ‘‘กึ, ตาต, กุมฺภการสฺส สนฺติกํ น คโตสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, ตาต, น คโตมฺหี’’ติ. ‘‘กสฺมา, ตาตา’’ติ? โส อตฺตโน นิวตฺตการณฺจ กนิฏฺภาติกสฺส ตตฺถ คตการณฺจ อาโรเจสิ. เสฏฺิ ตสฺส วจนสฺส สุตกาลโต ปฏฺาย มหาปถวิยา อชฺโฌตฺถโฏ วิย หุตฺวา ‘‘กึ ¶ นาเมตํ ตฺวํ วทสี’’ติ วิปฺผนฺทจิตฺโต เวเคน กุมฺภการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อฺเสํ สนฺติเก อกถนียภาเวน ‘‘เปกฺข, โภ, เปกฺข, โภ’’ติ อาห. ‘‘กึ เปกฺขาเปสิ ตฺวํ’’? นิฏฺิตํ เอตํ กมฺมนฺติ. โส ตโตว นิวตฺติตฺวา เคหํ อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย จสฺส เจตสิกโรโค อุปฺปชฺชิ.
โส ตสฺมึ กาเล เตน สทฺธึ อภฺุชิตฺวา อาสํ ภินฺทิตฺวา ‘‘เยน เกนจิ อุปาเยน มม ปุตฺตสฺส สตฺตุโน อนฺตรเมว ปสฺสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกํ ปณฺณํ ลิขิตฺวา โฆสกกุมารํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ ปณฺณํ อาทาย อสุกคาเม นาม อมฺหากํ กมฺมนฺติโก อตฺถิ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิมํ ปณฺณํ ทตฺวา ‘อิมสฺมึ กิร ปณฺเณ สาสนํ สีฆํ กโรหี’ติ วท. อนฺตรามคฺเค อมฺหากํ สหายโก คามกเสฏฺิ นาม เอโก เสฏฺิ อตฺถิ, ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา คจฺเฉยฺยาสี’’ติ จ มุขสาสนํ อทาสิ. โส เสฏฺึ วนฺทิตฺวา ปณฺณํ คเหตฺวา นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค คามกเสฏฺิสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺส เคหํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ พหิทฺวารโกฏฺเก นิสีทิตฺวา มสฺสุปริกมฺมํ กโรนฺตํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘กุโต อาคจฺฉสิ, ตาตา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘โกสมฺพิเสฏฺิโน ปุตฺโตมฺหิ, ตาตา’’ติ อาห. โส ‘‘อมฺหากํ สหายเสฏฺิโน ปุตฺโต’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ.
ตสฺมึ ¶ จ ขเณ ตสฺส เสฏฺิโน ธีตาย เอกา ทาสี เสฏฺิธีตุ ปุปฺผานิ อาหริตุํ คจฺฉติ. อถ นํ เสฏฺิ อาห – ‘‘ตฺวํ, อมฺม, เอตํ กมฺมํ เปตฺวา โฆสกกุมารสฺส ปาเท โธวิตฺวา สยนํ ¶ อตฺถริตฺวา เทหี’’ติ. สา ตถา กตฺวา อาปณํ คนฺตฺวา เสฏฺิธีตุ ปุปฺผานิ อาหริ. เสฏฺิธีตา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ อชฺช จิรํ พหิ ปปฺเจสี’’ติ ตสฺสา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กึ เต เอตฺตกํ กาลํ เอตฺถ กต’’นฺติ อาห. ‘‘มา กเถสิ, อยฺเย, มยา เอวรูโป นทิฏฺปุพฺโพ, ตุยฺหํ กิร ปิตุ สหายกเสฏฺิโน ปุตฺโต เอโก, น สกฺกา ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ กเถตุํ. เสฏฺิ มํ ปุปฺผานํ อตฺถาย คจฺฉนฺตึ ‘ตสฺส กุมารสฺส ปาเท โธวิตฺวา สยนํ อตฺถริตฺวา เทหี’ติ อาห, เตนาหํ พหิ จิรํ ปปฺเจสิ’’นฺติ. สาปิ โข เสฏฺิธีตา ตสฺส กุมารสฺส จตุตฺเถ อตฺตภาเว ฆรสามินี อโหสิ, ตสฺมา ตสฺสา วจนสฺส สุตกาลโต ปฏฺาย เนว อตฺตโน ิตภาวํ ¶ , น นิสินฺนภาวํ อฺาสิ. สา ตเมว ทาสึ คเหตฺวา ตสฺส นิปนฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ นิทฺทายมานํ โอโลเกตฺวา ทุสฺสนฺเต ปณฺณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอตํ ปณฺณ’’นฺติ กุมารํ อนุฏฺาเปตฺวาว ปณฺณํ คเหตฺวา วาเจตฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน มรณปณฺณํ สยเมว คเหตฺวา อาคจฺฉตี’’ติ ตํ ปณฺณํ ผาเลตฺวา ตสฺมึ อปฺปพุทฺเธเยว ‘‘มยา ตว สนฺติกํ ปุตฺโต เปสิโต, สหายกสฺส เม คามกเสฏฺิสฺส วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถิ, ตฺวํ สีฆํ อมฺหากํ อาณาปวตฺติฏฺาเน อุปฺปาทํ ธนํ คณฺหิตฺวา สพฺพสเตน มม ปุตฺตสฺส คามกเสฏฺิโน ธีตรํ คเหตฺวา มงฺคลํ กโรหิ. มงฺคเล จ นิฏฺิเต ‘อิมินา เม วิธาเนน กต’นฺติ มยฺหํ สาสนํ เปเสหิ. อหํ ตว อิธ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณํ ลิขิตฺวา ตเมว ลฺฉนํ ทตฺวา ปมํ พทฺธนิยาเมเนว ทุสฺสนฺเต พนฺธิ.
โสปิ โข กุมาโร ตํทิวสํ ตตฺถ วสิตฺวา ปุนทิวเส เสฏฺึ อาปุจฺฉิตฺวา กมฺมนฺติกสฺส คามํ คนฺตฺวา ปณฺณํ อทาสิ ¶ . กมฺมนฺติโก ปณฺณํ วาเจตฺวา คามิเก สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหว มํ น คเณถ, มม สามี อตฺตโน เชฏฺปุตฺตสฺส สพฺพสเตน ทาริกํ อาเนตุํ มยฺหํ สนฺติกํ เปเสสิ, เวเคน อิมสฺมึ าเน อุปฺปาทํ สมฺปิณฺเฑถา’’ติ สพฺพํ มงฺคลสกฺการํ สชฺเชตฺวา คามกเสฏฺิสฺส สาสนํ เปเสตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา สพฺพสเตน มงฺคลกิริยํ นิฏฺาเปตฺวา โกสมฺพิเสฏฺิสฺส ปณฺณํ ปหิณิ ‘‘มยา ตุมฺเหหิ ปหิตปณฺเณ สาสนํ สุตฺวา อิทฺจิทฺจ กต’’นฺติ.
เสฏฺิ ¶ ตํ สาสนํ สุตฺวา อคฺคิทฑฺโฒ วิย ‘‘อิทานิ นฏฺโมฺหี’’ติ จินฺตนวเสน โลหิตปกฺขนฺทิกโรคํ ปตฺวา ‘‘เยน เกนจิ ตํ อุปาเยน ปกฺโกสิตฺวา มม สนฺตกสฺส อสฺสามิกํ กริสฺสามี’’ติ ‘‘มงฺคลสฺส นิฏฺิตกาลโต ปฏฺาย กสฺมา มยฺหํ ปุตฺโต พหิ โหติ, สีฆํ อาคจฺฉตู’’ติ สาสนํ เปเสสิ. สาสนํ สุตฺวา กุมาเร คนฺตุํ อารทฺเธ เสฏฺิธีตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พาโล มํ นิสฺสาย อิมํ สมฺปตฺตึ อลตฺถนฺติ น ชานาติ, ยํกิฺจิ กตฺวา อิมสฺส คมนปฏิพาหนุปาโย กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต นํ อาห – ‘‘กุมาร, มา อติเวเคน คจฺฉาหิ, กุลคามํ คจฺฉนฺเตน นาม อตฺตโน ปริวจฺฉํ กตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
โกสมฺพกเสฏฺิปิ ตสฺส จิรายนภาวํ ตฺวา ปุน สาสนํ ปหิณิ ‘‘กสฺมา เม ปุตฺโต จิรายติ, อหํ โลหิตปกฺขนฺทิกโรคํ ปตฺโต, ชีวนฺตเมว มํ อาคนฺตฺวา ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตสฺมึ กาเล เสฏฺิธีตา ตสฺส อาโรเจสิ – ‘‘น เอโส ตว ปิตา, ตฺวํ ปน ‘ปิตา’ติ สฺํ กโรสิ ¶ . เอส ตว มารณตฺถาย กมฺมนฺติกสฺส ปณฺณํ ปหิณิ, อหํ ตํ ปณฺณํ อปเนตฺวา อฺํ สาสนํ ลิขิตฺวา ตว เอตํ สมฺปตฺตึ ¶ อุปฺปาทยึ. เอส ตํ ‘อปุตฺตํ กริสฺสามี’ติ ปกฺโกสติ, เอตสฺส กาลกิริยํ อาคเมหี’’ติ. อถสฺส ธรมานกสฺเสว กาลกตภาวํ สุตฺวา โกสมฺพินครํ อคมาสิ. เสฏฺิธีตาปิ ตสฺส พหิเยว สฺํ อทาสิ ‘‘ตฺวํ ปวิสนฺโต สกลเคเห ตว อารกฺขํ เปนฺโตว ปวิสาหี’’ติ. สยมฺปิ เสฏฺิปุตฺเตน สทฺธิเมว ปวิสิตฺวา อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา โรทนฺตี วิย หุตฺวา อนฺธการฏฺาเน นิปนฺนกสฺส เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สีเสเนว หทยํ ปหริ. โส ทุพฺพลตาย เตเนว ปหาเรน กาลมกาสิ.
กุมาโรปิ ปิตุ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ‘‘ตุมฺเห มหาเสฏฺิสฺส มํ สกปุตฺโตติ วทถา’’ติ ปาทมูลิกานํ ลฺชํ อทาสิ. ตโต สตฺตเม ทิวเส ราชา ‘‘เสฏฺิฏฺานารหํ เอกํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ‘‘เสฏฺิสฺส สปุตฺตกนิปุตฺตกภาวํ ชานาถา’’ติ เปเสสิ. เสฏฺิปาทมูลิกา รฺโ เสฏฺิสฺส สปุตฺตภาวํ กถยึสุ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส ¶ เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. โส โฆสกเสฏฺิ นาม ชาโต. อถ นํ ภริยา อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, ตฺวมฺปิ อวชาโต, อหมฺปิ ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺตา. ปุพฺเพ กตกุสลวเสน ปน เอวรูปํ สมฺปตฺตึ อลภิมฺห, อธุนาปิ กุสลํ กริสฺสามา’’ติ. โส ‘‘สาธุ ภทฺเท’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เทวสิกํ สหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ปฏฺเปสิ.
ตสฺมึ สมเย ตาสํ ทฺวินฺนํ ชนานํ ขุชฺชุตฺตรา เทวโลกโต จวิตฺวา โฆสกเสฏฺิสฺส เคเห ธาติยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ชาตกาเล ขุชฺชา อโหสีติ ขุชฺชุตฺตราเตวสฺสา นามํ อกํสุ. สามาวตีปิ เทวโลกโต จวิตฺวา ภทฺทวติยรฏฺเ ¶ ภทฺทิยนคเร ภทฺทวติยเสฏฺิสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, สามาติสฺสา นามํ อกํสุ. อปรภาเค ตสฺมึ นคเร ฉาตกภยํ อุปฺปชฺชิ, มนุสฺสา ฉาตกภยภีตา เยน วา เตน วา คจฺฉนฺติ. ตทา อยํ ภทฺทวติยเสฏฺิ ภริยาย สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘ภทฺเท อิมสฺมึ ฉาตกภยสฺส อนฺโต น ปฺายติ, โกสมฺพินคเร อมฺหากํ สหายกสฺส โฆสกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คจฺฉาม, น โส อมฺเห ทิสฺวา ปมชฺชิสฺสตี’’ติ. ตสฺส กิร โส เสฏฺิ อทิฏฺสหายโก อโหสิ, ตสฺมา เอวมาห. โส เสสชนํ นิวตฺตาเปตฺวา ภริยฺจ ธีตรฺจ คณฺหิตฺวา โกสมฺพินครสฺส มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เต ตโยปิ อนฺตรามคฺเค มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา อนุปุพฺเพน โกสมฺพึ ปตฺวา เอกาย สาลาย นิวาสํ อกํสุ.
โฆสกเสฏฺิปิ ¶ โข อตฺตโน ฆรทฺวาเร กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ ทาเปสิ. อถายํ ภทฺทวติยเสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘น สกฺกา อมฺเหหิ อิมินาว กปณเวเสน สหายกสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตุํ, สรีเร ปากติเก ชาเต สุนิวตฺถา สุปารุตา เสฏฺึ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. เต อุโภปิ ธีตรํ โฆสกเสฏฺิสฺส ทานคฺคํ ปหิณึสุ. สา อตฺตโน ภตฺตํ อาหรณตฺถาย ภาชนํ คเหตฺวา ทานคฺคํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ โอกาเส ลชฺชมานรูปา อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา ทานกมฺมิโก จินฺเตสิ – ‘‘เสสชนา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเน เกวฏฺฏา มจฺฉวิโลเป วิย มหาสทฺทํ กตฺวา คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺติ, อยํ ปน ทาริกา กุลธีตา ภวิสฺสติ, อุปธิสมฺปทาปิสฺสา อตฺถี’’ติ.
ตโต ¶ นํ อาห – ‘‘ตฺวํ, อมฺม, กสฺมา ¶ เสสชโน วิย คณฺหิตฺวา น คจฺฉสี’’ติ? ตาต, เอวรูปํ สมฺพาธฏฺานํ กินฺติ กตฺวา ปวิสามีติ. อมฺม, กติ ปน ชนา ตุมฺเหติ? ตโย ชนา, ตาตาติ. โส ตโย ภตฺตปิณฺเฑ อทาสิ. สา ตํ ภตฺตํ มาตาปิตูนํ อทาสิ, ปิตา ทีฆรตฺตํ ฉาตกตฺตา อติเรกํ ภฺุชิตฺวา กาลมกาสิ. สา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ทฺเวเยว ภตฺตปิณฺเฑ คณฺหิ. ตํทิวสํ เสฏฺิภริยา ภตฺเตน จ กิลนฺตตาย เสฏฺิโน จ มรณโสเกน รตฺติภาคสมนนฺตเร กาลมกาสิ. สา ปุนทิวเส เสฏฺิธีตา เอกเมว ภตฺตปิณฺฑํ คณฺหิ. ทานกมฺมิโก ตสฺสา กิริยํ อุปธาเรตฺวา, ‘‘อมฺม, ตยา ปมทิวเส ตโย ปิณฺฑา คหิตา, ปุนทิวเส ทฺเว, อชฺช เอกเมว คณฺหสิ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ตํ การณํ กเถสิ. กตรคามวาสิโน ปน, อมฺม, ตุมฺเหติ. สา ตมฺปิ การณํ นิปฺปเทสโต กเถสิ. ‘‘อมฺม, เอวํ สนฺเต ตฺวํ อมฺหากํ เสฏฺิธีตา นาม อโหสิ, มยฺหฺจ อฺา ทาริกา นตฺถิ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย มม ธีตา, อมฺมา’’ติ ตํ ธีตรํ กตฺวา คณฺหิ.
สา อุฏฺาย สมุฏฺาย ทานคฺเค มหาสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กสฺมา อยํ, ตาต, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท’’ติ อาห. อมฺม, มหาชนสฺส อนฺตเร นาม อปฺปสทฺทํ กาตุํ น สกฺกาติ. อหเมตฺถ อุปายํ ชานามิ, ตาตาติ. กึ กาตุํ วฏฺฏติ, อมฺมาติ? สมนฺตา วตึ กตฺวา ทฺเว ทฺวารานิ โยเชตฺวา อนฺโต ภาชนานิ ปาเปตฺวา เอเกน ทฺวาเรน ปวิสิตฺวา ภตฺตํ คณฺหิตฺวา เอเกน ทฺวาเรน นิกฺขมนํ กโรถ, ตาตาติ. สาธุ, อมฺมาติ ปุนทิวสโต ปฏฺาย ตถา กาเรสิ. ตโต ปฏฺาย ทานคฺคํ ปทุมสฺสรํ วิย สนฺนิสินฺนสทฺทํ อโหสิ.
ตโต โฆสกเสฏฺิ ปุพฺเพ ทานคฺคสฺมึ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ สุตฺวา ตทา ตํ อสุณนฺโต ทานกมฺมิกํ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ อชฺช ทานํ น ทาเปสี’’ติ. ทินฺนํ ¶ , อยฺยาติ. อถ กสฺมา ปุพฺเพ วิย ทานคฺเค สทฺโท น สุยฺยตีติ? อาม, อยฺย, เอกา เม ธีตา อตฺถิ, อหํ ตาย กถิตอุปาเย ตฺวา ทานคฺคํ นิสฺสทฺทมกาสินฺติ. ตว ธีตา นาม นตฺถิ, กุโต เต ธีตา ลทฺธาติ? โส วฺเจตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน เสฏฺิสฺส สพฺพํ ธีตุ อาคมนวิธานํ กเถสิ. กสฺมา ปน โภ ตฺวํ เอวรูปํ ภาริยํ กมฺมมกาสิ? ตฺวํ เอตฺตกํ อทฺธานํ มม ธีตรํ อตฺตโน สนฺติเก วสมานํ นาโรเจสิ ¶ , เวเคน ตํ อมฺหากํ เคหํ อาณาเปหีติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา อกามโก อาณาเปสิ. ตโต ปฏฺาย เสฏฺิ ตํ ธีตุฏฺาเน เปตฺวา ‘‘ธีตุ สกฺการํ กโรมี’’ติ อตฺตโน สมานชาติเกหิ กุเลหิ ธีตุ สมานวยานิ ปฺจ กุมาริกสตานิ ตสฺสา ปริวารมกาสิ.
อเถกทิวสํ อุเทโน ราชา นคเร อนุสฺจรนฺโต ตํ สามาวตึ ตาหิ กุมารีหิ ปริวาริตํ กีฬมานํ ทิสฺวา ‘‘กสฺสายํ ทาริกา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โฆสกเสฏฺิสฺส ธีตา’’ติ สุตฺวา สสฺสามิกอสฺสามิกภาวํ ปุจฺฉิ. ตโต อสฺสามิกภาเว กถิเต ‘‘คจฺฉถ เสฏฺิโน กเถถ ‘ตุมฺหากํ ธีตรํ ราชา อิจฺฉตี’’’ติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ ‘‘อมฺหากํ อฺา ทาริกา นตฺถิ, เอกธีติกํ สปตฺติวาเส ทาตุํ น สกฺโกมา’’ติ. ราชา ตํ กถํ สุตฺวา เสฏฺึ จ เสฏฺิภริยฺจ พหิ กตฺวา สกลเคหํ ลฺฉาเปสิ. สามาวตี พหิ กีฬิตฺวา อาคจฺฉนฺตี มาตาปิตโร พหิ นิสินฺนเก ทิสฺวา ‘‘อมฺมตาตา, กสฺมา อิธ นิสินฺนตฺถา’’ติ? เต ตํ การณํ กถยึสุ. อมฺมตาตา, กสฺมา ตุมฺเห อิมํ ปฏิวจนํ น ชานาถ ‘‘มม ธีตา สปตฺติวาเส วสนฺตี เอกิกา วสิตุํ น สกฺขิสฺสติ, สจสฺสา ปริวารา ปฺจสตา ¶ กุมาริโย วสาเปถ, เอวํ วสิสฺสตี’’ติ. อิทานิ เอวํ กถาเปถ, ตาตาติ. ‘‘สาธุ, อมฺม, มยํ ตว จิตฺตํ น ชานิมฺหา’’ติ วตฺวา เต ตถา กถยึสุ. ราชา อุตฺตริตรํ ปสีทิตฺวา ‘‘สหสฺสมฺปิ โหตุ, สพฺพา อาเนถา’’ติ อาห. อถ นํ ภทฺทเกน นกฺขตฺตมุหุตฺตเกน ปฺจมาตุคามสตปริวารํ ราชเคหํ นยึสุ. ราชา ตา ปฺจสตาปิ ตสฺสาเยว ปริวารํ กตฺวา อภิเสกํ กตฺวา วิสุํ เอกสฺมึ ปาสาเท วสาเปสิ.
เตน จ สมเยน โกสมฺพิยํ โฆสกเสฏฺิ กุกฺกุฏเสฏฺิ ปวาริกเสฏฺีติ ตโย ชนา อฺมฺํ สหายกา โหนฺติ. เต ตโยปิ ชนา ปฺจสเต ตาปเส ปฏิชคฺคนฺติ. ตาปสาปิ จตฺตาโร มาเส เตสํ สนฺติเก วสิตฺวา อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสนฺติ. อเถกทิวสํ เต ตาปสา หิมวนฺตโต ¶ อาคจฺฉนฺตา มหากนฺตาเร ตสิตา กิลนฺตา เอกํ มหนฺตํ วฏรุกฺขํ ปตฺวา ตตฺถ อธิวตฺถาย เทวตาย สนฺติกา สงฺคหํ ปจฺจาสีสนฺตา นิสีทึสุ. เทวตา สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ¶ เตสํ ปานียปานกาทีนิ ทตฺวา กิลมถํ ปฏิวิโนเทสิ. เต เทวตาย อานุภาเวน วิมฺหิตา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข เทวเต กมฺมํ กตฺวา ตยา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ? เทวตา อาห – โลเก พุทฺโธ นาม ภควา อุปฺปนฺโน, โส เอตรหิ สาวตฺถิยํ วิหรติ. อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ตํ อุปฏฺาติ. โส อุโปสถทิวเสสุ อตฺตโน ภตกานํ ปกติภตฺตเวตนเมว ทตฺวา อุโปสถํ การาเปสิ. อถาหํ เอกทิวสํ มชฺฌนฺหิเก ปาตราสตฺถาย อาคโต กฺจิ ภตกํ กมฺมํ กโรนฺตํ อทิสฺวา ‘‘อชฺช มนุสฺสา กสฺมา ¶ กมฺมํ น กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉึ. ตสฺส เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อถาหํ เอตทโวจํ – ‘‘อิทานิ อุปฑฺฒทิวโส คโต, สกฺกา นุ โข อุปฑฺฒอุโปสถํ กาตุ’’นฺติ. ตโต เสฏฺิสฺส ปฏิเวเทตฺวา ‘‘สกฺกา กาตุ’’นฺติ อาห. สฺวาหํ อุปฑฺฒทิวสํ อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา ตทเหว กาลํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภินฺติ.
อถ เต ตาปสา ‘‘พุทฺโธ กิร อุปฺปนฺโน’’ติ สฺชาตปีติปาโมชฺชา ตโต สาวตฺถึ คนฺตุกามา หุตฺวาปิ ‘‘พหูปการา โน อุปฏฺากเสฏฺิโน, เตสมฺปิ อิมมตฺถํ อาโรเจสฺสามา’’ติ โกสมฺพึ คนฺตฺวา เสฏฺีหิ กตสกฺการพหุมานา ‘‘ตทเหว มยํ คจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุริตตฺถ, นนุ ตุมฺเห ปุพฺเพ จตฺตาโร ปฺจ มาเส วสิตฺวา คจฺฉถา’’ติ วุตฺตา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สเหว คจฺฉามา’’ติ จ วุตฺเต – ‘‘คจฺฉาม มยํ, ตุมฺเห สณิกํ อาคจฺฉถา’’ติ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
เตปิ เสฏฺิโน ปจฺฉา ปฺจสตปฺจสตสกฏปริวารา สาวตฺถึ คนฺตฺวา เชตวนโต อวิทูเร าเน ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ จริยาวเสน ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ตโยปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา เตเนว นิยาเมน อชฺชตนาย สฺวาตนายาติ นิมนฺเตตฺวา อทฺธมาสํ ขนฺธาวารภตฺตํ นาม ทตฺวา สตฺถารํ อตฺตโน นครํ อาคมนตฺถาย ยาจึสุ. สตฺถา ‘‘สฺุาคาเร ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ กเถสิ. เต ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺเห อมฺเหหิ ปหิตสาสเนน อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา ¶ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ ¶ กตฺวา อตฺตโน นครเมว อาคนฺตฺวา ตโยปิ ชนา สเก สเก ¶ อุยฺยาเน วิหาเร การาเปสุํ. โฆสกเสฏฺินา การิโต โฆสิตาราโม นาม ชาโต, กุกฺกุฏเสฏฺินา การิโต กุกฺกุฏาราโม นาม ชาโต, ปาวาริกเสฏฺินา การิตํ ปาวาริกมฺพวนํ นาม ชาตํ. เต วิหาเร การาเปตฺวา สตฺถุ ทูตํ ปหิณึสุ – ‘‘สตฺถา อมฺหากํ สงฺคหํ กาตุํ อิมํ นครํ อาคจฺฉตู’’ติ. สตฺถา ‘‘โกสมฺพึ คมิสฺสามี’’ติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร จาริกํ นิกฺขมนฺโต อนฺตรามคฺเค มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา คมนํ วิจฺฉินฺทิตฺวา กุรุรฏฺเ กมฺมาสทมฺมํ นาม นิคมํ อคมาสิ.
ตสฺมึ สมเย มาคณฺฑิโย สพฺพรตฺตึ พหิคาเม อคฺคึ ชุหิตฺวา ปาโตว อนฺโตคามํ ปวิสติ. สตฺถาปิ ปุนทิวเส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ปฏิปเถ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ทสพลํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ มม ธีตุ รูปสมฺปตฺติยา สทิสํ ทารกํ ปริเยสนฺโต จรามิ, รูปสมฺปตฺติยา จ สติปิ เอวรูปํ คหิตปพฺพชฺชเมว ปตฺเถสึ. อยํ โข ปน ปพฺพชิโต อภิรูโป ทสฺสนีโย มม ธีตุเยว อนุจฺฉวิโก’’ติ เวเคน เคหํ อคมาสิ. ตสฺส กิร พฺราหฺมณสฺส ปุพฺเพ เอโก ปพฺพชิตวํโส อตฺถิ, เตนสฺส ปพฺพชิตเมว ทิสฺวา จิตฺตํ นมติ. โส พฺราหฺมณึ อามนฺเตสิ – ‘‘ภทฺเท มยา เอวรูโป ปพฺพชิโต นาม นทิฏฺปุพฺโพ สุวณฺณวณฺโณ พฺรหฺมวณฺโณ มม ธีตุเยว อนุจฺฉวิโก, สีฆํ เม ธีตรํ อลงฺกโรหี’’ติ. พฺราหฺมณิยา ธีตรํ อลงฺกโรนฺติยาว สตฺถา อตฺตโน ิตฏฺาเน ปทเจติยานิ ทสฺเสตฺวา อนฺโตนครํ ปาวิสิ.
อถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ธีตรํ คเหตฺวา ตํ านํ ¶ อาคจฺฉนฺโต อนฺโตคามํ ปวิฏฺกาเล อาคตตฺตา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ทสพลํ อทิสฺวา พฺราหฺมณึ ปริภาสติ – ‘‘ตว การณํ ภทฺทกํ นาม นตฺถิ, ตยิ ปปฺจํ กโรนฺติยาว โส ปพฺพชิโต นิกฺขมิตฺวา คโต’’ติ. พฺราหฺมณ, คโต ตาว โหตุ, กตรทิสาภาเคน คโตติ? อิมินา ทิสาภาเคนาติ สตฺถุ คตฏฺานํ โอโลเกนฺโตว ปทเจติยานิ ทิสฺวา ‘‘ภทฺเท อิมานิ ตสฺส ปุริสสฺส ปทานิ, อิโต คโต ภวิสฺสตี’’ติ อาห. อถ, พฺราหฺมณี, สตฺถุ ปทเจติยํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ¶ – ‘‘พาโล วตายํ พฺราหฺมโณ อตฺตโน คนฺถมตฺตสฺสาปิ อตฺถํ น ชานาตี’’ติ เตน สทฺธึ ปริหาสํ กโรนฺตี อาห – ‘‘ยาว พาโล จาสิ, พฺราหฺมณ, เอวรูปสฺส นาม ปุริสสฺส ธีตรํ ทสฺสามีติ วทสิ. ราเคน หิ รตฺตสฺส โทเสน ทุฏฺสฺส โมเหน มูฬฺหสฺส ปุริสสฺส ปทํ นาม เอวรูปํ น โหติ. โลเก ปน วิวฏจฺฉทสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺส เอตํ ปทํ’’ ปสฺส, พฺราหฺมณ –
‘‘รตฺตสฺส ¶ หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,
ทุฏฺสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ;
มูฬฺหสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ,
วิวฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ.
โส พฺราหฺมณิยา เอตฺตกํ กเถนฺติยาปิ อสุตฺวา ‘‘ตฺวํ นาม จณฺฑา มุขรา’’ติ อาห. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อฺมฺํ วิวาทํ กโรนฺตานํเยว สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน กตภตฺตกิจฺโจ พฺราหฺมณสฺส ทสฺสนูปจาเรเนว นิกฺขมิ. พฺราหฺมโณ สตฺถารํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา พฺราหฺมณึ อปสาเทตฺวา ‘‘อยํ ¶ โส ปุริโส’’ติ หฏฺปหฏฺโ ทสพลสฺส ปุรโต ตฺวา ‘‘โภ ปพฺพชิต, อหํ ปาโตว ปฏฺาย ตํ ปริเยสนฺโต จรามิ, อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป มม ธีตาย สมานรูปา อิตฺถี นาม นตฺถิ, ปุริโสปิ ตยา สทฺธึ สมานรูโป นาม นตฺถิ, มม ธีตรํ ตุยฺหํ โปสนตฺถาย ทมฺมิ, คณฺหาหิ น’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, กามคฺควาสินิโย อุตฺตมรูปธรา นานาวณฺณํ กถํ กเถนฺติโย มม ปโลภนตฺถเมว อาคนฺตฺวา สนฺติเก ิตา เทวธีตาปิ น อิจฺฉึ, กิมงฺคํ ปน อิมํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิสฺวาน ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กึเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑);
มาคณฺฑิยา จินฺเตสิ – ‘‘อนตฺถิเกน นาม ‘อล’นฺติ วตฺตุเมว วฏฺฏติ. อยํ ปน มม สรีรํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ นาม กตฺวา ‘ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’ติ ¶ อโวจ, เอกํ อิสฺสริยฏฺานํ ลภนฺตี อนฺตรเมวสฺส ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาฆาตํ พนฺธิ. สตฺถา ตํ อมนสิกตฺวา จริยวเสน พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาปริโยสาเน อุโภปิ ชายมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺาย ‘‘อิทานิ อมฺหากํ ฆราวาเสน อตฺโถ นตฺถี’’ติ ธีตรํ มาคณฺฑิยํ จูฬปิตรํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา อุโภปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อถ ราชา อุเทโน จูฬมาคณฺฑิเยน ¶ สทฺธึ โวหารํ กตฺวา ¶ มาคณฺฑิยทาริกํ ราชานุภาเวน เคหํ อาเนตฺวา อภิเสกํ กตฺวา ตสฺสา ปฺจมาตุคามสตปริวาราย วสนฏฺานํ วิสุํ ปาสาทํ อทาสิ.
สตฺถาปิ โข อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน โกสมฺพินครํ สมฺปาปุณิ. เสฏฺิโน สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิเม, ภนฺเต, ตโย วิหารา ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กตา, ปฏิคฺคณฺหถ, ภนฺเต, วิหาเร จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส สงฺคหตฺถายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา วิหาเร. เตปิ เสฏฺิโน สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อภิวาเทตฺวา ฆรํ อคมํสุ.
มาคณฺฑิยาปิ โข สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา ฉินฺนภินฺนเก ธุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘ตุมฺเห สมณํ โคตมํ อิมินา อิมินา จ นิยาเมน อกฺโกสถา’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. เต สตฺถุ อนฺโตคามํ ปวิสนเวลาย สปริวารํ สตฺถารํ นานาวิเธหิ อกฺโกเสหิ อกฺโกสึสุ. อายสฺมา อานนฺโท สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอวรูเป อกฺโกสนฏฺาเน น วสิสฺสาม, อฺํ นครํ คจฺฉามา’’ติ. สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ตถาคตา นาม อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ น กมฺปนฺติ, อยมฺปิ สทฺโท สตฺตาหํ นาติกฺกมิสฺสติ, อกฺโกสกานํเยว อุปริ ปติสฺสติ, ตฺวํ มา วิตกฺกยิตฺถา’’ติ. เตปิ ตโย นครเสฏฺิโน มหาสกฺกาเรน ภควนฺตํ ปเวเสตฺวา มหาทานํ อทํสุ. เตสํ อปราปรํ ทานํ ททนฺตานํเยว มาโส อติกฺกมิ, อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘พุทฺธา นาม สพฺพโลกํ อนุกมฺปมานา อุปฺปชฺชนฺติ, อฺเสมฺปิ โอกาสํ ทสฺสามา’’ติ. ตโต เต โกสมฺพินครวาสิโนปิ ชนสฺส โอกาสํ อกํสุ. ตโต ปฏฺาย นาคราปิ วีถิสภาเคน คณสภาเคน มหาทานํ เทนฺติ.
อเถกทิวสํ ¶ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต มาลาการกเชฏฺกสฺส เคเห นิสีทิ. ตสฺมึ ¶ ขเณ สามาวติยา อุปฏฺายิกา ขุชฺชุตฺตรา อฏฺ กหาปเณ อาทาย มาลตฺถาย ตํ เคหํ อคมาสิ. มาลาการเชฏฺโก ตํ ทิสฺวา, ‘‘อมฺม อุตฺตเร, อชฺช ตุยฺหํ ปุปฺผานิ ทาตุํ ขโณ นตฺถิ, อหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสามิ. ตฺวมฺปิ ปริเวสนาย สหายิกา โหหิ, เอวํ อิโต ปเรสํ เวยฺยาวจฺจกรณโต มุจฺจิสฺสตี’’ติ อาห. ตโต ขุชฺชุตฺตรา อตฺตนา ลทฺธํ โภชนํ ภฺุชิตฺวา พุทฺธานํ ภตฺตคฺเค เวยฺยาวจฺจํ อกาสิ. สา สตฺถารา อุปนิสินฺนกถาวเสน กถิตํ ธมฺมํ สพฺพเมว อุคฺคณฺหิ. อนุโมทนํ ปน สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
สา ¶ อฺเสุ ทิวเสสุ จตฺตาโรว กหาปเณ ทตฺวา ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส ทิฏฺสจฺจภาเวน ปรสนฺตเก จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา สพฺเพว อฏฺ กหาปเณ ทตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ปุปฺผานิ อาทาย สามาวติยา สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สา ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม อุตฺตเร, ตฺวํ อฺเสุ ทิวเสสุ น พหูนิ ปุปฺผานิ อาหรสิ, อชฺช ปน พหุกานิ, กึ โน ราชา อุตฺตริตรํ ปสนฺโน’’ติ? สา มุสาวาเท อภพฺพตาย อตีเต อตฺตนา กตํ อนิคุหิตฺวา สพฺพํ กเถสิ. ‘‘อถ กสฺมา อชฺช พหูนิ ปุปฺผานิ อาหรสี’’ติ วุตฺตา จ เอวมาห – ‘‘อหํ อชฺช ทสพลสฺส ธมฺมํ สุตฺวา อมตํ สจฺฉากาสึ, ตสฺมา ตุมฺเห น วฺเจมี’’ติ. ตํ สุตฺวา, ‘‘อมฺม อุตฺตเร, ตยา ลทฺธํ อมตธมฺมํ อมฺหากมฺปิ เทหี’’ติ สพฺพาว หตฺถํ ปสารยึสุ. อยฺเย, เอวํ ทาตุํ น สกฺกา, อหํ ปน สตฺถารา กถิตนิยาเมน ตุมฺหากํ ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, ตุมฺเห อตฺตโน เหตุมฺหิ สติ ตํ ธมฺมํ ลภิสฺสถาติ. เตน หิ, อมฺม อุตฺตเร, กเถหีติ. ‘‘เอวํ กเถตุํ น สกฺกา, มยฺหํ อุจฺจํ อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตุมฺเห นีจาสเนสุ นิสีทถา’’ติ อาห. ตา ¶ ปฺจสตาปิ อิตฺถิโย ขุชฺชุตฺตราย อุจฺจาสนํ ทตฺวา สยํ นีจาสนานิ คเหตฺวา นิสีทึสุ. ขุชฺชุตฺตราปิ เสกฺขปฏิสมฺภิทาสุ ตฺวา ตาสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สามาวตึ เชฏฺิกํ กตฺวา สพฺพาว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตโต ปฏฺาย ขุชฺชุตฺตรํ เวยฺยาวจฺจกรณโต อปเนตฺวา ‘‘ตฺวํ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา อาหริตฺวา อมฺเห สาเวหี’’ติ อาหํสุ. ขุชฺชุตฺตราปิ ตโต ปฏฺาย ตถา อกาสิ.
กสฺมา ¶ ปเนสา ทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺตาติ? สา กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน เอกาย สามเณริยา อตฺตโน เวยฺยาวจฺจํ กาเรสิ. เตน กมฺเมน ปฺจ ชาติสตานิ ปเรสํ ทาสีเยว หุตฺวา นิพฺพตฺติ. กสฺมา ปน ขุชฺชา อโหสีติ? อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ อยํ พาราณสิรฺโ เคเห วสนฺตี เอกํ ราชกุลูปกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ขุชฺชธาตุกํ ทิสฺวา อตฺตนา สหวาสีนํ มาตุคามานํ ปุรโต ปริหาสํ กโรนฺตี ขุชฺชากาเรน วิจริ. ตสฺมา ขุชฺชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. กึ ปน กตฺวา สา ปฺวนฺตี ชาตาติ? อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อยํ พาราณสิรฺโ เคเห วสนฺตี อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ราชเคหโต อุณฺหปายาสสฺส ปูริเต ปตฺเต คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ เปตฺวา คจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ อฏฺ สุวณฺณกฏเก โอมฺุจิตฺวา อทาสิ. ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ปฺวนฺตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
อถ โข ตา สามาวติยา ปริวารา ปฺจสตา อิตฺถิโย ปฏิวิทฺธสจฺจาปิ สมานา รฺโ ¶ อสฺสทฺธภาเวน กาเลน กาลํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา พุทฺธทสฺสนํ น ลภนฺติ. ตสฺมา ทสพเล อนฺตรวีถึ ปฏิปนฺเน วาตปาเนสุ นปฺปโหนฺเตสุ อตฺตโน อตฺตโน คพฺเภสุ ฉิทฺทํ กตฺวา เตหิ โอโลเกนฺติ ¶ . อเถกทิวสํ มาคณฺฑิยา อตฺตโน ปาสาทตลโต นิกฺขมิตฺวา จงฺกมมานา ตาสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺภจฺฉิทฺทํ ทิสฺวา ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. ตาหิ ตสฺสา สตฺถริ พทฺธาฆาตตํ อชานนฺตีหิ – ‘‘สตฺถา อิมํ นครํ อาคโต, มยํ เอตฺถ ตฺวา สตฺถารํ ปสฺสาม เจว ปูเชม จา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทานิสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, อิมาปิ ตสฺส อุปฏฺายิกา, อิมาสมฺปิ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา รฺา สทฺธึ รโหคตกาเล, ‘‘มหาราช, สามาวติมิสฺสกานํ พหิทฺธา ปตฺถนา อตฺถิ, กติปาเหเนว เต ชีวิตํ มาเรสฺสนฺติ, สามาวตี, สปริวารา ตุมฺเหสุ สิเนหํ วา เปมํ วา น กโรติ, สมณํ ปน โคตมํ อนฺตรวีถิยา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา วาตปาเนสุ อปฺปโหนฺเตสุ ตานิ ขณฺฑิตฺวาปิ โอกาสํ กตฺวา โอโลเกนฺตี’’ติ อาห. ราชา ‘‘น ตา เอวรูปํ กริสฺสนฺตี’’ติ น สทฺทหติ. ปุน วุตฺเตปิ น สทฺทหติเยว. อถ นํ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเตปิ อสฺสทฺทหนฺตํ ‘‘สเจ เม วจนํ น สทฺทหสิ, ตาสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา อุปธาเรหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา คนฺตฺวา คพฺเภสุ ฉิทฺทํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต ตาสํ อกฺกุชฺฌิตฺวา กิฺจิ ¶ อวตฺวา ฉิทฺทานิ ปิทหาเปสิ. ราชา ตโต ปฏฺาย ตาสํ ปาสาเท อุทฺธจฺฉิทฺทกชาลวาตปานานิ กาเรสิ.
สา เตน การเณน ราชานํ โกเปตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘เทว, เอตาสํ ตุมฺเหสุ เปมํ อตฺถิ วา นตฺถิ วาติ ชานิสฺสาม, อฏฺ กุกฺกุเฏ เปเสตฺวา ตุมฺหากํ อตฺถาย ปจาเปถา’’ติ อาห. ราชา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘อิเม ปจิตฺวา เปเสตู’’ติ สามาวติยา อฏฺ กุกฺกุเฏ ปหิณิ. โสตาปนฺนา อริยสาวิกา ชีวมาเน กุกฺกุเฏ กึ ปจิสฺสติ, อลนฺติ วตฺวา ปน หตฺเถนปิ ผุสิตุํ น อิจฺฉิ. มาคณฺฑิยา ‘‘โหตุ, มหาราช, เอเตเยว จ กุกฺกุเฏ สมณสฺส โคตมสฺส ปจนตฺถาย เปเสหี’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. มาคณฺฑิยา อนฺตรามคฺเคเยว กุกฺกุเฏ มาราเปตฺวา ‘‘อิเม กุกฺกุเฏ ปจาเปตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส เทตู’’ติ ปหิณิ. สา เตสํ มตภาเวน ทสพลฺจ อุทฺทิสฺส ปหิตภาเวน ปจิตฺวา ทสพลสฺส ¶ เปเสสิ. มาคณฺฑิยา ‘‘ปสฺส, มหาราชา’’ติ วตฺวา เอตฺตเกนปิ ราชานํ โกเปตุํ นาสกฺขิ.
อยํ ปน อุเทโน ตาสุ เอเกกิสฺสา วสนฏฺาเน สตฺต สตฺต ทิวสานิ วสิ. อถายํ มาคณฺฑิยา เอกํ กณฺหสปฺปโปตกํ เวฬุปพฺเพ ปกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน เปสิ. รฺโ จ ¶ ยตฺถ กตฺถจิ คจฺฉนฺตสฺส หตฺถิกนฺตวีณํ อาทายเยว คมนํ อาจิณฺณํ, มาคณฺฑิยา รฺโ อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนกาเล ตํ สปฺปโปตกํ อนฺโตวีณาย ปกฺขิปิตฺวา ฉิทฺทํ ปิทหาเปสิ. อถ นํ สามาวติยา สนฺติกํ คมนกาเล, ‘‘มหาราช, สามาวตี นาม สมณสฺส โคตมสฺส ปกฺขา, ตุมฺเห น คเณติ. ยํ กิฺจิ กตฺวา ตุมฺหากํ โทสเมว จินฺเตติ, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ อาห. ราชา สามาวติยา วสนฏฺาเน สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ปุน สตฺตาเห มาคณฺฑิยาย นิเวสนํ อคมาสิ. สา ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเตเยว ‘‘กจฺจิ เต, มหาราช, สามาวตี โอตารํ น คเวสตี’’ติ กเถนฺตี วิย รฺโ หตฺถโต วีณํ คเหตฺวา จาเลตฺวา ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, เอตฺถ อพฺภนฺตเร วิจรตี’’ติ วตฺวา สปฺปสฺส นิกฺขมโนกาสํ กตฺวา ‘‘อพฺภุมฺเม อนฺโต สปฺโป’’ติ วีณํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. ตสฺมึ กาเล ราชา ปทิตฺตํ เวณุวนํ วิย ปกฺขิตฺตโลณํ อุทฺธนํ วิย จ โทเสน ตฏตฏายนฺโต ‘‘เวเคน ¶ สปริวารํ สามาวตึ ปกฺโกสถา’’ติ อาห. ราชปุริสา คนฺตฺวา ปกฺโกสึสุ.
สา รฺโ กุทฺธภาวํ ตฺวา เสสมาตุคามานํ สฺมทาสิ. ‘‘ราชา ตุมฺเห ฆาเตตุกาโม ปกฺโกสติ, อชฺช ทิวสํ โอทิสฺสเกน เมตฺตาผรเณน ราชานํ ผรถา’’ติ ¶ อาห. ราชา ตา อิตฺถิโย ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพาว ปฏิปาฏิยา เปตฺวา มหาธนุํ อาทาย วิสปีตกณฺฑํ สนฺนยฺหิตฺวา ธนุํ ปูเรตฺวา อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ สพฺพาว ตา สามาวติปฺปมุขา อิตฺถิโย โอธิโส เมตฺตํ ผรึสุ. ราชา กณฺฑํ เนว ขิปิตุํ น อปเนตุํ สกฺโกติ, คตฺเตหิ เสทา มุจฺจนฺติ, สรีรํ เวธติ, มุขโต เขโฬ ปตติ, คเหตพฺพคหณํ น ปสฺสติ. อถ นํ สามาวตี ‘‘กึ, มหาราช, กิลมสี’’ติ อาห. อาม, เทวิ, กิลมามิ, อวสฺสโย เม โหหีติ. สาธุ, มหาราช, กณฺฑํ มหาปถวิมุขํ กโรหีติ. ราชา ตถา อกาสิ. สา ‘‘รฺโ หตฺถโต กณฺฑํ มุจฺจตู’’ติ อธิฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ กณฺฑํ มุจฺจิ. ราชา ตํขณํเยว อุทเก นิมุชฺชิตฺวา อาคมฺม อลฺลเกโส อลฺลวตฺโถ สามาวติยา ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ขม, เทวิ, มยฺหํ, เภทกานํ เม วจเนน อนุปธาเรตฺวา เอตํ กต’’นฺติ อาห. ขมามิ, เทวาติ. ‘‘สาธุ, เทวิ, เอวํ ตยา มยฺหํ ขมิตํ นาม โหติ. อิโต ปฏฺาย ตุมฺหากํ ยถารุจิยา ทสพลสฺส ทานํ เทถ, ปจฺฉาภตฺตํ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุณาถ, อชฺช โว ปฏฺาย ปริหารํ ทมฺมีติ. เตน หิ, เทว, อชฺช ปฏฺาย เอกํ ภิกฺขุํ ยาจิตฺวา อาเนถ, โย โน ธมฺมํ วาเจสฺสตีติ. ราชา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ยาจนฺโต อานนฺทตฺเถรํ ลภิ. ตโต ปฏฺาย ตา ปฺจสตา อิตฺถิโย เถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ.
ตา ¶ เอกทิวสํ เถรสฺส อนุโมทนาย ปสนฺนา เถรสฺส ปฺจ ¶ อุตฺตราสงฺคสตานิ อทํสุ. เถโร กิร ปุพฺเพ ตุนฺนวายกาเล เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เอกาย สูจิยา สทฺธึ หตฺถตลมตฺตํ โจฬขณฺฑํ อทาสิ. โส สูจิยา ผเลน อิมสฺมึ อตฺตภาเว มหาปฺโ อโหสิ, โจฬขณฺฑสฺส ผเลน อิมินาว นิยาเมน ปฺจสตกฺขตฺตุํ ทุสฺสานิ ปฏิลภิ.
ตโต ¶ มาคณฺฑิยา อฺํ กาตพฺพํ อปสฺสนฺตี ‘‘อุยฺยานํ คจฺฉาม, มหาราชา’’ติ อาห. สาธุ, เทวีติ. สา รฺโ สมฺปฏิจฺฉิตภาวํ ตฺวา จูฬปิตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อมฺหากํ อุยฺยานํ คตกาเล สามาวติยา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา สามาวตึ สปริวารํ อนฺโตกริตฺวา ‘รฺโ อาณา’ติ วตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ปลาเลน ปลิเวเตฺวา เคเห อคฺคึ เทถา’’ติ. มาคณฺฑิโย ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตถา อกาสิ. ตสฺมึ ทิวเส สพฺพาปิ ตา อิตฺถิโย ปุพฺเพ กตสฺส อุปปีฬกกมฺมสฺสานุภาเวน สมาปตฺตึ อปฺเปตุํ นาสกฺขึสุ, เอกปฺปหาเรเนว ภุสมุฏฺิ วิย ฌายึสุ. ตาสํ อารกฺขปุริสา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, อิทํ นาม กรึสู’’ติ อาจิกฺขึสุ.
ราชา ‘‘เกน กต’’นฺติ ปริเยสนฺโต มาคณฺฑิยาย การิตภาวํ ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, ภทฺทกํ ตยา กมฺมํ กตํ มยา กาตพฺพํ กโรนฺติยา, ‘‘อุฏฺาย สมุฏฺาย มยฺหํ วธาย ปริสกฺกมานา ฆาติตา, ปสนฺโนสฺมิ, ตุยฺหํ สมฺปตฺตึ ทสฺสามีติ ตว าตเก ปกฺโกสาเปหี’’ติ อาห. สา รฺโ กถํ สุตฺวา อฺาตเกปิ าตเก กตฺวา ปกฺโกสาเปสิ. ราชา สพฺเพสํ สนฺนิปติตภาวํ ตฺวา ราชงฺคเณ คลปฺปมาเณสุ อาวาเฏสุ นิขนิตฺวา อุปริ ิตานิ สีสานิ ภินฺทาเปนฺโต มหนฺเตหิ อยนงฺคเลหิ กสาเปสิ. มาคณฺฑิยมฺปิ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ¶ ฉินฺทาเปตฺวา ปูวปจนกฏาเห ปจาเปสิ.
กึ ปน สามาวติยา สปริวาราย อคฺคินา ฌาปนกมฺมนฺติ? สา กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ เตเหว ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ คงฺคายํ กีฬิตฺวา พหิติตฺเถ ิตา สีเต ชาเต อวิทูรฏฺาเน ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปณฺณสาลํ ทิสฺวา อนฺโต อโสเธตฺวาว พหิ อคฺคึ ทตฺวา วิสิพฺเพสุํ. อนฺโตปณฺณสาลาย ปจฺเจกพุทฺโธ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺโน. ตา ชาลาสุ ปจฺฉินฺนาสุ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘กึ อมฺเหหิ กตํ, อยํ ปจฺเจกพุทฺโธ รฺโ กุลูปโก, อิมํ ทิสฺวา ราชา อมฺหากํ กุชฺฌิสฺสติ, อิทานิ นํ สุชฺฌาปิตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อฺานิปิ ¶ ทารูนิ ปกฺขิปิตฺวา อคฺคึ อทํสุ. ปุน ชาลาย ปจฺฉินฺนาย ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตาสํ ปสฺสนฺตีนํเยว จีวรานิ ปปฺโผเฏตฺวา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา คโต. เตน กมฺเมน ¶ นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน อิมํ พฺยสนํ ปาปุณึสุ. จตุปริสมชฺเฌ ปน กถา อุทปาทิ – ‘‘พหุสฺสุตา วต ขุชฺชุตฺตรา, มาตุคามอตฺตภาเว ตฺวา ปฺจนฺนํ มาตุคามสตานํ ธมฺมํ กเถตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ. สามาวตีปิ รฺา อตฺตโน อปฺปิตํ กณฺฑํ เมตฺตาผรเณน ผริตฺวา ปฏิพาหี’’ติ ตสฺสาปิ มหาชโน คุณํ กเถสิ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน นิสินฺโน ตเทว การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ขุชฺชุตฺตรํ พหุสฺสุตานํ, สามาวตึ เมตฺตาวิหารีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุตฺตรานนฺทมาตาวตฺถุ
๒๖๒. ปฺจเม ¶ ฌายีนนฺติ ฌานาภิรตานํ อุปาสิกานํ, อุตฺตรา นนฺทมาตา, อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺตา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ ฌานาภิรตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย วสนฺตสฺส ปุณฺณสีหสฺส นาม ภริยาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อุตฺตราติสฺสา นามํ อกํสุ.
อเถกสฺมึ นกฺขตฺตมหทิวเส ราชคหเสฏฺิ ปุณฺณํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาต ปุณฺณ, นกฺขตฺตํ วา อุโปสโถ วา ทุคฺคตสฺส กึ กริสฺสติ, เอวํ สนฺเตปิ วเทหิ ‘กึ นกฺขตฺตปริพฺพยํ คเหตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสสิ, พลวโคเณ จ ผาลฺจ นงฺคลฺจ คเหตฺวา กสิสฺสสี’’’ติ. ‘‘มม ภริยาย สทฺธึ มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามิ, อยฺยา’’ติ ตํ กถํ ภริยาย อาโรเจสิ. ‘‘เสฏฺิ นาม อยฺโย อิสฺสโร, ตสฺส ตยา สทฺธึ กเถนฺตสฺส กถา โสภติ, ตฺวํ ปน อตฺตโน กสิกมฺมํ มา วิสฺสชฺเชสี’’ติ อาห. โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา กสิภณฺฑํ อาทาย กสิตุํ คโต.
ตํทิวสฺจ สาริปุตฺตตฺเถโร นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กสฺส อชฺช มยา สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต อิมสฺส ปุณฺณสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ภิกฺขาจารเวลาย ปตฺตจีวรมาทาย ¶ ปุณฺณสฺส กสนฏฺานํ คจฺฉนฺโต อวิทูเร อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ปุณฺโณ เถรํ ทิสฺวา กสึ เปตฺวา ¶ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน ¶ วนฺทิ. เถโร ตํ โอโลเกตฺวา อุทกสภาคํ ปุจฺฉิ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยฺโย มุขํ โธวิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต เวเคน คนฺตฺวา ทนฺตกฏฺํ อาหริตฺวา กปฺปิยํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถเร ทนฺตกฏฺํ ขาทนฺเต ปตฺเตน สทฺธึ ธมฺมกรณํ นีหริตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา อาหริ. เถโร มุขํ โธวิตฺวา ภิกฺขาจารมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ปุณฺโณ จินฺเตสิ – ‘‘เถโร อฺเสุ ทิวเสสุ อิมํ มคฺคํ น ปฏิปชฺชติ, อชฺช ปน มยฺหํ สงฺคหตฺถาย ปฏิปนฺโน ภวิสฺสติ. อโห วต เม ภริยา มมตฺถาย อาหรณกํ อาหารํ เถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปยฺยา’’ติ.
อถสฺส ภริยา ‘‘อชฺช นกฺขตฺตทิวโส’’ติ ปาโตว อตฺตโน ลภนกนิยาเมน ขาทนียโภชนียํ สํวิธาย คเหตฺวา สามิกสฺส กสนฏฺานํ อาคจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ มยฺหํ เถรํ ทิสฺวา เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สนฺเตปิ มม อยฺยํ น ปสฺสามิ, อชฺช ปน ทฺวินฺนมฺปิ สมฺมุขีภาโว ชาโต. มม สามิกสฺส ปุน สมฺปาเทตฺวา อาหริสฺสามิ, อิมํ ตาว อาหารํ เถรสฺส ทสฺสามี’’ติ ตีหิ เจตนาหิ สมฺปยุตฺตํ กตฺวา ตํ โภชนํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา ‘‘เอวํวิธา ทุคฺคตชีวิตา มุจฺจามี’’ติ อาห. เถโรปิ ‘‘ตว อชฺฌาสโย ปูรตู’’ติ ตสฺสานุโมทนํ กตฺวา ตโต นิวตฺติตฺวา วิหารํ อคมาสิ.
สาปิ ปุน อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา สามิกสฺส อาหารํ สมฺปาเทตฺวา อาทาย กสนฏฺานํ คนฺตฺวา สามิกสฺส กุชฺฌนภาวโต ภีตา ‘‘สามิ, อชฺช เอกทิวสํ ตว มนํ สนฺธาเรหี’’ติ อาห. กึ การณาติ? อหํ อชฺช ตาว อาหารํ อาหรนฺตี อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา ตว ภาคภตฺตํ เถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา ปุน เคหํ คนฺตฺวา อาหารํ ปจิตฺวา อาทาย อาคตามฺหีติ. มนาปํ เต, ภทฺเท, กตํ, มยาปิ ปาโตว เถรสฺส ทนฺตกฏฺฺจ ¶ มุโขทกฺจ ทินฺนํ. อชฺช อมฺหากํ สุปฺปภาตํ, สพฺพมฺปิ เถรสฺส อมฺหากํ สนฺตกเมว ชาตนฺติ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ เอกสทิสเมว จิตฺตํ อโหสิ. อถ ปุณฺโณ อาหารกิจฺจํ กตฺวา ภริยาย อูรุมฺหิ สีสํ กตฺวา มุหุตฺตํ นิปชฺชิ. อถสฺส นิทฺทา โอกฺกมิ. โส โถกํ นิทฺทายิตฺวา ปพุทฺโธ กสิตฏฺานํ ¶ โอโลเกสิ, โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ มหาโกสาตกิปุปฺเผหิ สมฺปริกิณฺณํ วิย อโหสิ. โส ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, กินฺนาเมตํ อชฺช อิทํ กสิตฏฺานํ สุวณฺณวณฺณํ หุตฺวา ขายตี’’ติ. อยฺย ¶ , อชฺช เต สกลทิวสํ กิลนฺตตาย อกฺขีนิ มฺเ ภมนฺตีติ. ภทฺเท, มยฺหํ อสฺสทฺทหนฺตี สยํ โอโลเกหีติ. ตสฺมึ กาเล สา โอโลเกตฺวา สภาวํ อยฺย, กเถสิ, เอวเมตํ ภวิสฺสตีติ.
ปุณฺโณ อุฏฺาย เอกํ กฏฺึ คเหตฺวา นงฺคลสีเส ปหริ, คุฬปิณฺโฑ วิย นงฺคลสีเส อลฺลียิตฺวา อฏฺาสิ. โส ภริยํ ปกฺโกสิตฺวา อาห – ‘‘ภทฺเท, อฺเสํ วปิตพีชํ นาม ตีหิ วา จตูหิ วา มาเสหิ ผลํ เทติ, อมฺหากํ ปน อยฺยสฺส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อนฺตเร โรปิเตน สทฺธาพีเชน อชฺเชว อวสฺสํ ผลํ ทินฺนํ. อิมสฺมึ กรีสมตฺเต ปเทเส อามลกมตฺโตปิ ปํสุปิณฺโฑ อสุวณฺโณ นาม นตฺถี’’ติ. อิทานิ กึ กริสฺสาม, อยฺยาติ? ‘‘ภทฺเท, อิมํ เอตฺตกํ สุวณฺณํ เถเนตฺวา ขาทิตุํ นาม น สกฺกา’’ติ ภริยํ ตสฺมึ าเน เปตฺวา ภตฺตสฺส ปูเรตฺวา อาภตํ ปาตึ สุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรจาเปสิ – ‘‘เอโก มนุสฺโส สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา ¶ ิโต’’ติ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กหํ เต, ตาต, ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, มยฺหํ เอกํ กสิตฏฺานํ สพฺพํ สุวณฺณเมว ชาตํ, ปหิณิตฺวา อาหราเปถา’’ติ อาห. ตฺวํ กินฺนาโมสีติ? ปุณฺโณ นาม อหํ, เทวาติ. คจฺฉถ, ภเณ, สกฏานิ โยเชตฺวา ปุณฺณสฺส กสิตฏฺานโต สุวณฺณมาหรถาติ.
สกเฏหิ สทฺธึ คตราชปุริสา ‘‘รฺโ ปฺุ’’นฺติ วตฺวา สุวณฺณปิณฺเฑ คณฺหนฺติ, คหิตคหิตมฺปิ กสิตเลฑฺฑุเยว โหติ. เต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. เตน หิ ภเณ คนฺตฺวา ‘‘ปุณฺณสฺส ปฺุ’’นฺติ วตฺวา คณฺหถาติ. คหิตคหิตํ สุวณฺณเมว โหติ. เต สพฺพมฺปิ ตํ สุวณฺณํ อาหริตฺวา ราชงฺคเณ ราสึ อกํสุ. ราสิ อุพฺเพเธน ตาลปฺปมาโณ อโหสิ. ราชา วาณิเช ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กสฺส เคเห เอตฺตกํ สุวณฺณํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. นตฺถิ, เทว, กสฺสจีติ. เอตฺตกสฺส ปน ธนสฺส สามิโน กึ กาตุํ วฏฺฏตีติ? ธนเสฏฺึ นาม นํ กาตุํ วฏฺฏติ, เทวาติ? เตน หิ ปุณฺณํ อิมสฺมึ นคเร ธนเสฏฺึ นาม กโรถาติ สพฺพํ ตํ สุวณฺณํ ตสฺเสว ทตฺวา ตํทิวสํเยวสฺส เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. โส เสฏฺิ มงฺคลํ ¶ กโรนฺโต สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺตเม ทิวเส ทสพลสฺส ภตฺตานุโมทนาย ปุณฺณเสฏฺิปิ ภริยาปิ ธีตาปิ สพฺเพ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
อปรภาเค ราชคหเสฏฺิ ‘‘ปุณฺณเสฏฺิโน วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน ปุตฺตสฺส ¶ การณา ตสฺส เคหํ เปเสสิ. โส ตสฺส สาสนํ สุตฺวา ‘‘นาหํ ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ ปฏิสาสนํ เปเสสิ. สุมนเสฏฺิปิ ปุน เปเสสิ – ‘‘ตฺวํ มม เคหํ นิสฺสาย วสิตฺวา อิทานิ เอกปฺปหาเรเนว อิสฺสโร หุตฺวา มยฺหํ ทาริกํ น เทสี’’ติ. ตโต ปุณฺณเสฏฺิ อาห – ‘‘อิมํ ตาว ตุมฺหากํ เสฏฺิ สภาวเมว กเถสิ ¶ , ปุริโส นาม สพฺพกาเล เอวํวิโธเยวาติ น สลฺลกฺเขตพฺโพ. อหฺหิ อิทานิ ตาทิเส ปุริเส ทาเส กตฺวา คเหตุํ สกฺโกมิ, ตุยฺหํ ปน ชาตึ วา โคตฺตํ วา น โกเปมิ. อปิจ โข มม ธีตา โสตาปนฺนา อริยสาวิกา เทวสิกํ กหาปณคฺฆนเกหิ ปุปฺเผหิ ปูชํ กโรติ, ตมหํ ตุมฺหาทิสสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส เคหํ น เปเสสฺสามี’’ติ. เอวํ ปุณฺณเสฏฺิสฺส ปฏิพาหกภาวํ ตฺวา ราชคหเสฏฺิ ปุน สาสนํ เปเสสิ – ‘‘โปราณกํ วิสฺสาสํ มา ภินฺทตุ, อหํ มยฺหํ สุณิสาย เทวสิกํ ทฺวินฺนํ กหาปณานํ อนฺธนกานิ ปุปฺผานิ สชฺชาเปสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ธีตรํ ตสฺส ฆรํ เปเสสิ.
อเถกทิวสํ สา ปุณฺณเสฏฺิโน ธีตา อุตฺตรา อตฺตโน สามิกํ เอวมาห – ‘‘อหํ อตฺตโน กุลเคเห มาสสฺส อฏฺ ทิวสานิ นิพทฺธํ อุโปสถกมฺมํ กโรมิ, อิทานิปิ ตุมฺเหสุ สมฺปฏิจฺฉนฺเตสุ อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺเหยฺย’’นฺติ. โส ‘‘น สกฺกา’’ติ ตํ น สมฺปฏิจฺฉิ. สา ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี ตุณฺหี อโหสิ. ปุน อนฺโตวสฺเส ‘‘อุโปสถิกา ภวิสฺสามี’’ติ ตทาปิ โอกาสํ กาเรนฺตี เนว อลตฺถ. สา อนฺโตวสฺเส อฑฺฒติเยสุ มาเสสุ อติกฺกนฺเตสุ อฑฺฒมาเส อวสิฏฺเ มาตาปิตูนํ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘อหํ ตุมฺเหหิ จารเก ปกฺขิตฺตา เอตฺตเก อทฺธาเน เอกทิวสมฺปิ อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาตุํ น ลภามิ, ปฺจทส เม กหาปณสหสฺสานิ เปเสถา’’ติ. เต ธีตุ สาสนํ สุตฺวา ¶ ‘‘กึการณา’’ติ อปุจฺฉิตฺวาว ปหิณึสุ. อุตฺตรา เต กหาปเณ คณฺหิตฺวา ตสฺมึ นคเร สิริมา นาม คณิกา อตฺถิ, ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺม สิริเม, อหํ อิมํ อฑฺฒมาสํ อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหิสฺสามิ, ตฺวํ อิมานิ ปฺจทส กหาปณสหสฺสานิ คเหตฺวา อิมํ อฑฺฒมาสํ เสฏฺิปุตฺตํ ปริจราหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต ¶ ปฏฺาย เสฏฺิปุตฺโต ‘‘อหํ สิริมาย สทฺธึ โมทิสฺสามี’’ติ อุตฺตราย อฑฺฒมาสํ อุโปสถกมฺมํ สมฺปฏิจฺฉิ.
สา เตน สมฺปฏิจฺฉิตภาวํ ตฺวา ทิวเส ทิวเส ปาโตว ทาสิคณปริวุตา สตฺถุ สหตฺถา ขาทนียโภชนียํ สํวิทหิตฺวา สตฺถริ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย ปาสาทวรํ ¶ อารุยฺห อตฺตโน สีลานิ อาวชฺชมานา นิสีทติ. เอวํ อฑฺฒมาสํ วีตินาเมตฺวา อุโปสถํ วิสฺสชฺชนทิวเส ปาโตว ยาคุขชฺชกาทีนิ สํวิทหนฺตี วิจรติ. ตสฺมึ สมเย เสฏฺิปุตฺโต สิริมาย สทฺธึ อุปริปาสาทวรคโต ชาลวาตปานํ วิวริตฺวา อนฺตรวตฺถุํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. อุตฺตรา, วาตปานจฺฉิทฺเทน อุทฺธํ โอโลเกสิ. เสฏฺิปุตฺโต อุตฺตรํ โอโลเกตฺวา ‘‘เนรยิกชาติกา วตายํ เอวํวิธํ นาม สมฺปตฺตึ ปหาย อุกฺขลิกมสิมกฺขิตา หุตฺวา นิกฺการณา ทาสีนํ อนฺตเร วิจรตี’’ติ สิตํ อกาสิ. อุตฺตรา, ตสฺส ปมาทภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ พาโล นาม อตฺตโน สมฺปตฺติ สพฺพกาลํ ถาวราติ สฺี ภวิสฺสตี’’ติ สยมฺปิ สิตํ อกาสิ. ตโต สิริมา ‘‘อยํ เจฏิกา มยิ ิตาย เอวํ มม สามิเกน สทฺธึ สิตํ กโรตี’’ติ กุปิตา เวเคน โอตริ. อุตฺตรา, ตสฺสา อาคมนากปฺเปเนว ‘‘อยํ พาลา อฑฺฒมาสมตฺตํ อิมสฺมึ เคเห วสิตฺวา มยฺหเมเวตํ เคหนฺติสฺี ชาตา’’ติ ตฺวา ตงฺขณฺเว เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อฏฺาสิ. สิริมาปิ ทาสีนํ อนฺตเรน อาคนฺตฺวา อุฬุงฺกํ คเหตฺวา ปูวปจนฏฺาเน ปกฺกุถิตเตลสฺส ปูเรตฺวา อุตฺตราย มตฺถเก อาสิฺจิ, เมตฺตาฌานสฺส วิปฺผาเรน อุตฺตราย มตฺถเก อาสิตฺตํ ปกฺกุถิตเตลํ ปทุมปตฺเต อาสิตฺตอุทกํ ¶ วิย วินิวตฺติตฺวา คตํ.
ตสฺมึ ขเณ สิริมาย สมีเป ิตา ทาสิโย ตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘โภ เช, ตฺวํ อมฺหากํ อยฺยาย หตฺถโต มูลํ คเหตฺวา อาคตา อิมสฺมึ ¶ เคเห วสมานา อมฺหากํ อยฺยาย สทิสา ภวิตุํ วายมสี’’ติ สมฺมุขฏฺาเน ตํ ปริภาสึสุ. ตสฺมึ ขเณ สิริมา อตฺตโน อาคนฺตุกภาวํ อฺาสิ. สา ตโตว คนฺตฺวา อุตฺตราย ปาเทสุ ปติตฺวา, ‘‘อยฺเย, อนุปธาเรตฺวา เม กตํ, ขมถ มยฺห’’นฺติ อาห. อมฺม สิริเม, นาหํ ตว อิมสฺมึ าเน ขมิสฺสามิ, อหํ สปิติกา ธีตา, ทสพเล ขมนฺเตเยว ขมิสฺสามีติ.
สตฺถาปิ โข ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อาคนฺตฺวา อุตฺตราย นิเวสเน ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สิริมา คนฺตฺวา สตฺถุ ปาเทสุ ปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยา อยฺยาย อุตฺตราย อนฺตเร เอโก โทโส กโต, ตุมฺเหสุ ขมนฺเตสุ ขมิสฺสามีติ วทติ, ขมถ มยฺหํ ภควา’’ติ. ขมามิ เต สิริเมติ. สา ตสฺมึ กาเล คนฺตฺวา อุตฺตรํ ขมาเปสิ. ตํทิวสฺจ สิริมา ทสพลสฺส ภตฺตานุโมทนํ สุตฺวา –
‘‘อกฺโกเธน ¶ ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๒๓) –
คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ อทาสิ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน นิสีทิตฺวา อุปาสิกาโย านนฺตเรสุ เปนฺโต อุตฺตรํ นนฺทมาตรํ ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สุปฺปวาสาวตฺถุ
๒๖๓. ฉฏฺเ ปณีตทายิกานนฺติ ปณีตรสทายิกานํ อุปาสิกานํ, สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺตา ¶ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ ปณีตทายิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกลิยนคเร ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติ, สุปฺปวาสาติสฺสา นามํ อกํสุ. สา วยปฺปตฺตา เอกสฺส สกฺยกุมารสฺส เคหํ คตา, ปมทสฺสเนเยว สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาสิ. สา อปรภาเค สีวลึ นาม ทารกํ วิชายิ. ตสฺส วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว.
สา เอกสฺมึ สมเย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นานคฺครสปณีตโภชนํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กโรนฺโต สุปฺปวาสาย อิมํ ธมฺมํ เทเสสิ ‘‘โภชนํ สุปฺปวาเส เทนฺตี อริยสาวิกา ปฏิคฺคาหกานํ ปฺจ านานิ เทติ. อายุํ เทติ, วณฺณํ เทติ, สุขํ เทติ, พลํ เทติ, ปฏิภานํ เทติ. อายุํ โข ปน ทตฺวา อายุสฺส ภาคินี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา…เป… ปฏิภานํ ทตฺวา ปฏิภานสฺส ภาคินี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา’’ติ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อถ อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสีทิตฺวา อุปาสิกาโย านนฺตเรสุ เปนฺโต สุปฺปวาสํ โกลิยธีตรํ ปณีตทายิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สุปฺปิยาวตฺถุ
๒๖๔. สตฺตเม ¶ คิลานุปฏฺากีนนฺติ คิลานุปฏฺากีนํ อุปาสิกานํ, สุปฺปิยา อุปาสิกา, อคฺคาติ ทสฺเสติ. อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺตา อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ คิลานุปฏฺากีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ¶ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติ, สุปฺปิยาติสฺสา นามํ อกํสุ. อปรภาเค สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร พาราณสึ อคมาสิ. สา ตถาคตสฺส ปมทสฺสเนเยว ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
อเถกทิวสํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คตา. วิหารจาริกํ จรมานา เอกํ ภิกฺขุํ คิลานํ ทิสฺวา อภิวาเทตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อยฺยสฺส กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. รสํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อุปาสิเกติ. ‘‘โหตุ, ภนฺเต, อหํ ปหิณิสฺสามี’’ติ เถรํ อภิวาเทตฺวา อนฺโตนครํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส ปวตฺตมํสตฺถาย ทาสึ อนฺตราปณํ เปเสสิ. สา สกลนคเร ปวตฺตมํสํ อลภิตฺวา อลทฺธภาวํ กเถสิ. อุปาสิกา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อยฺยสฺส รสํ ปหิณิสฺสามีติ วตฺวา สเจ น เปเสสฺสามิ ¶ , อยฺโย อฺโตปิ อลภนฺโต กิลมิสฺสติ, ยํกิฺจิ กตฺวา เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ คพฺภํ ปวิสิตฺวา อูรุมํสํ ฉินฺทิตฺวา ทาสิยา อทาสิ ‘‘อิทํ มํสํ คเหตฺวา สมฺภาเรหิ โยเชตฺวา รสํ กตฺวา วิหารํ เนตฺวา อยฺยสฺส เทหิ. โส เจ มํ ปุจฺฉติ, คิลานาติ วเทหี’’ติ. สา ตถา อกาสิ.
สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขาจารเวลาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปาสิกาย เคหํ อคมาสิ. สา ตถาคตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา สามิกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อยฺยปุตฺต, อหํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ น สกฺโกมิ, คจฺฉ ตฺวํ สตฺถารํ อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา นิสีทาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สตฺถา ‘‘กหํ สุปฺปิยา’’ติ ปุจฺฉิ. คิลานา, ภนฺเตติ. ปกฺโกสถ, นนฺติ. อถ เต คนฺตฺวา ‘‘สตฺถา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาหํสุ. สา จินฺเตสิ – ‘‘สพฺพโลกสฺส หิตานุกมฺปโก สตฺถา น อิมํ การณํ อทิสฺวา ปกฺโกสาเปสฺสตี’’ติ สหสา มฺจมฺหา วุฏฺาสิ. อถสฺสา พุทฺธานุภาเวน ¶ ตํขณํเยว วโณ รุหิตฺวา สุจฺฉวิ อโหสิ เสสฏฺานโต อติเรกตรํ วิปฺปสนฺนวณฺโณ. ตสฺมึ ขเณ อุปาสิกา สิตํ กตฺวา ทสพลํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘อิมิสฺสา อุปาสิกาย กึ อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา อตฺตนา กตการณํ สพฺพํ กเถสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ (มหาว. ๒๘๐) ปฺเปสิ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน อุปาสิกาโย านนฺตเรสุ เปนฺโต สุปฺปิยํ อุปาสิกํ คิลานุปฏฺากีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กาติยานีวตฺถุ
๒๖๕. อฏฺเม อเวจฺจปฺปสนฺนานนฺติ อธิคเตน อจลปฺปสาเทน สมนฺนาคตานํ อุปาสิกานํ, กาติยานี, อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวติยํ กุลเคเห นิพฺพตฺตา สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ อเวจฺจปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา ¶ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กุรรฆรนคเร นิพฺพตฺติ, กาติยานีติสฺสา นามํ อกํสุ.
สา อปรภาเค วยปฺปตฺตา กุรรฆริกาย, กาฬิยา สหายิกา, ทฬฺหมิตฺตา อโหสิ. ยทา ปน กุฏิกณฺณโสณตฺเถโร ‘‘ทสพลสฺส กถิตนิยาเมน มยฺหมฺปิ ธมฺมํ กเถหี’’ติ มาตรา ยาจิโต รตฺติภาเค อนฺโตนคเร อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ, ตทา อยํ กาติยานี อุปาสิกา กาฬิยา สทฺธึ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ธมฺมํ สุณนฺตี อฏฺาสิ. ตสฺมึ สมเย ปฺจมตฺตานิ โจรสตานิ อนฺโตนคเร ทิวา กตสฺาย โกฏิโต ปฏฺาย อุมฺมงฺคํ ขนิตฺวา ¶ อิมิสฺสา กาติยานิยา ฆรํ สมฺปาปุณึสุ. เตสํ โจรเชฏฺโก เตหิ สทฺธึ อปวิสิตฺวา ‘‘กึ นุ โข อยํ ปริสา สนฺนิปติตา’’ติ วีมํสนตฺถาย โสณตฺเถรสฺส ธมฺมกถนฏฺานํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ติฏฺมาโน อิมิสฺสา กาติยานิยา ปิฏฺิปสฺเส อฏฺาสิ.
ตสฺมึ สมเย, กาติยานี, ทาสึ อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉ เช, เคหํ ปวิสิตฺวา ทีปเตลํ อาหร, มยํ ทีเป ชาเลตฺวา ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ. สา ฆรํ คนฺตฺวา อุมฺมงฺเค โจเร ทิสฺวา ทีปเตลํ อคณฺหิตฺวาว อาคนฺตฺวา อตฺตโน อยฺยาย อาโรเจสิ – ‘‘อยฺเย, เคเห โจรา อุมฺมงฺคํ ขนนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา โจรเชฏฺโก จินฺเตสิ – ‘‘สจายํ อิมิสฺสา กถํ คณฺหิตฺวา เคหํ คมิสฺสติ ¶ , เอตฺเถว นํ อสินา ทฺเวธา ฉินฺทิสฺสามิ. สเจ ปน คหิตนิมิตฺเตเนว ธมฺมํ สุณิสฺสติ, โจเรหิ คหิตภณฺฑกมฺปิ ปุน ทาเปสฺสามี’’ติ. กาติยานีปิ โข ทาสิยา กถํ สุตฺวา, ‘‘อมฺม, มา สทฺทํ กริ, โจรา นาม หรนฺตา อตฺตนา ทิฏฺเมว หริสฺสนฺติ, อหํ ปน อชฺช ทุลฺลภสฺสวนํ สุณามิ, มา ธมฺมสฺส อนฺตรายํ กโรหี’’ติ อาห. โจรเชฏฺโก ตสฺสา วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมินา อชฺฌาสเยน ิตาย นาม เคเห ภณฺฑํ หรนฺเตหิ อมฺเหหิ มหาปถวี ปวิสิตพฺพา ภเวยฺยา’’ติ. โส ตาวเทว คนฺตฺวา โจเรหิ คหิตภณฺฑํ ฉฑฺฑาเปตฺวา โจเรหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต ปริสปริยนฺเต ¶ อฏฺาสิ. กาติยานีปิ อุปาสิกา เถรสฺส เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
อถ อรุเณ อุคฺคเต โจรเชฏฺโก คนฺตฺวา อุปาสิกาย ปาเทสุ ปติตฺวา, ‘‘อยฺเย, สพฺเพสํเยว ¶ โน ขมาหี’’ติ อาห. กึ ปน ตุมฺเหหิ มยฺหํ กตนฺติ? โส สพฺพํ อตฺตนา กตโทสํ อาโรเจสิ. เตน หิ, ตาตา, ขมามิ ตุมฺหากนฺติ. อยฺเย, อมฺหากํ เอวํ ขมิตํ นาม น โหติ, ตุมฺหากํ ปน ปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก สพฺเพสํเยว โน ปพฺพชฺชํ ทาเปหีติ. สา สพฺเพปิ เต คเหตฺวา กุฏิกณฺณโสณตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. เตปิ โข โจรา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตา สพฺเพว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อปรภาเค สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปาสิกาโย านนฺตเรสุ เปนฺโต กาติยานึ อุปาสิกํ อเวจฺจปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
นกุลมาตาวตฺถุ
๒๖๖. นวเม วิสฺสาสิกานนฺติ วิสฺสาสกถํ กเถนฺตีนํ อุปาสิกานํ, นกุลมาตา คหปตานี, อคฺคาติ ทสฺเสติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ เหฏฺา อุปาสกปาฬิยํ วุตฺตเมว. เกวลํ อิธ นกุลมาตรํ ธุรํ กตฺวา เวทิตพฺพนฺติ.
กาฬีกุรรฆริกาวตฺถุ
๒๖๗. ทสเม อนุสฺสวปฺปสนฺนานนฺติ อนุสฺสเวเนว อุปฺปนฺเนน ปสาเทน สมนฺนาคตานํ อุปาสิกานํ อนฺตเร, กาฬี อุปาสิกา, กุรรฆริกา อคฺคาติ ทสฺเสติ. สา กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ¶ หํสวติยํ กุรรฆรนคเร นิพฺพตฺตา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ อนุสฺสวปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร ¶ กุลเคเห นิพฺพตฺติ, กาฬีติสฺสา นามํ อกํสุ.
สา ¶ วยปฺปตฺตา กุรรฆรนคเร กุลเคหํ คตา. อถสฺสา สํวาเสน คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ‘‘ปเรสํ เคเห คพฺภวุฏฺานํ นาม อปฺปติรูป’’นฺติ อตฺตโน กุลนครเมว อาคนฺตฺวา รตฺติภาคสมนนฺตเร อตฺตโน ปาสาทสฺส อุปริ อากาเส ิตานํ สาตาคิรเหมวตานํ รตนตฺตยสฺส วณฺณํ กเถนฺตานํ กถํ สุตฺวา อนุสฺสวิกปฺปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา สตฺถุ อทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, อปรภาเค ปนสฺสา คพฺภวุฏฺานํ อโหสีติ สพฺพํ วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสีทิตฺวา อุปาสิกาโย านนฺตเรสุ เปนฺโต อิมํ อุปาสิกํ อนุสฺสวปฺปสนฺนานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ทสสุตฺตปริมาณาย อุปาสิกาปาฬิยา วณฺณนา นิฏฺิตา.
เอตฺตาวตา จ มโนรถปูรณิยา
องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย
สพฺพาปิ เอตทคฺคปาฬิวณฺณนา นิฏฺิตา.