📜

๑๕. อฏฺานปาฬิ

(๑๕) ๑. อฏฺานปาฬิ-ปมวคฺควณฺณนา

๒๖๘. อฏฺานปาฬิยา อฏฺานนฺติ เหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฏิกฺเขโป. อุภเยนาปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. การณฺหิ ตทายตฺตวุตฺติตาย อตฺตโน ผลสฺส านนฺติ จ อวกาโสติ จ วุจฺจติ. นฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน โสตาปนฺโน อริยสาวโก. ตสฺส หิ ทิฏฺิสมฺปนฺโน อิติปิ, ทสฺสนสมฺปนฺโน อิติปิ, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ อิติปิ, ปสฺสติ อิมํ สทฺธมฺมํ อิติปิ, เสกฺเขน าเณน สมนฺนาคโต อิติปิ, เสกฺขาย วิชฺชาย สมนฺนาคโต อิติปิ, ธมฺมโสตสมาปนฺโน อิติปิ, อริโย นิพฺเพธิกปฺโ อิติปิ, อมตทฺวารํ อาหจฺจ ติฏฺติ อิติปิติ พหูนิ นามานิ โหนฺติ. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ กฺจิ เอกํ สงฺขารมฺปิ. นิจฺจโตอุปคจฺเฉยฺยาติ นิจฺโจติ คณฺเหยฺย. เนตํ านํ วิชฺชตีติ เอตํ การณํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ. ยํ ปุถุชฺชโนติ เยน การเณน ปุถุชฺชโน. านเมตํ วิชฺชตีติ เอตํ การณํ อตฺถิ. สสฺสตทิฏฺิยา หิ โส เตภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต คณฺเหยฺยาติ อตฺโถ. จตุตฺถภูมกสงฺขารา ปน เตชุสฺสทตฺตา ทิวสํสนฺตตฺโต อโยคุโฬ วิย มกฺขิกานํ, ทิฏฺิยา วา อฺเสํ วา อกุสลานํ อารมฺมณํ น โหนฺติ. อิมินา นเยน กฺจิ สงฺขารํ สุขโตติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๒๖๙. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อาโรโค ปรมฺมรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖, ๗๙; ม. นิ. ๓.๒๑, ๒๒) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหาธิภูโต ปริฬาหวูปสมตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตฺตาสิโต วิย โจกฺขพฺราหฺมโณ คูถํ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ.

๒๗๐. อตฺตวาเร กสิณาทิปณฺณตฺติสงฺคหตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา กฺจิ ธมฺมนฺติ วุตฺตํ. อิธาปิ อริยสาวกสฺส จตุภูมกวเสน ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ, ปุถุชฺชนสฺส เตภูมกวเสน . สพฺพวาเรสุ วา อริยสาวกสฺสาปิ เตภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท วฏฺฏติ. ยํ ยํ หิ ปุถุชฺชโน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเติ. ปุถุชฺชโน หิ ยํ ยํ นิจฺจํ สุขํ อตฺตาติ คณฺหาติ, ตํ ตํ อริยสาวโก อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ คณฺหนฺโต ตํ คาหํ วินิเวเติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺตตฺตเย ปุถุชฺชนตฺตคฺคาหวินิเวนํ นาม กถิตํ.

๒๗๑. มาตรนฺติอาทีสุ ชนิกาว มาตา, ชนโกว ปิตา, มนุสฺสภูโตว ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานํ. สเจปิ ภวนฺตรคตํ อริยสาวกํ อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺตมฺปิ โกจิ เอวํ วเทยฺย ‘‘อิมํ กุนฺถกิปิลฺลิกํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา สกลจกฺกวาฬคพฺเภ จกฺกวตฺติรชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ, เนว โส ตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อถาปิ นํ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘สเจ อิมํ น ฆาเตสฺสสิ, สีสํ เต ฉินฺทิสฺสามา’’ติ. สีสเมวสฺส ฉินฺเทยฺยุํ, น จ โส ตํ ฆาเตยฺย. ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ อริยสาวกสฺส จ พลวทีปนตฺถเมตํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – สาวชฺโช ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ปุถุชฺชโน มาตุฆาตาทีนิปิ อานนฺตริยานิ กริสฺสติ. มหาพโล จ อริยสาวโก, โย เอตานิ กมฺมานิ น กโรตีติ.

๒๗๔. ปทุฏฺจิตฺโตติ วธกจิตฺเตน ปทุฏฺจิตฺโต. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย.

๒๗๕. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมาย ิตํ ปฺจหิ การเณหิ สงฺฆํ ภินฺเทยฺย. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ปฺจหุปาลิ , อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ – กมฺเมน, อุทฺเทเสน, โวหรนฺโต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘).

ตตฺถ กมฺเมนาติ อปโลกนาทีสุ จตูสุ กมฺเมสุ อฺตเรน กมฺเมน. อุทฺเทเสนาติ ปฺจสุ ปาติโมกฺขุทฺเทเสสุ อฺตเรน อุทฺเทเสน. โวหรนฺโตติ กถยนฺโต, ตาหิ ตาหิ อุปฺปตฺตีหิ อธมฺมํ ธมฺโมติอาทีนิ อฏฺารส เภทกรวตฺถูนิ ทีเปนฺโต. อนุสฺสาวเนนาติ ‘‘นนุ ตุมฺเห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ พหุสฺสุตภาวฺจ, มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุ สาสนํ คาเหยฺยาติ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ น ตุมฺหากํ ยุตฺตํ, กึ มยฺหํ อวีจิ นีลุปฺปลวนํ วิย สีตลา, กึ อหํ อปายโต น ภายามี’’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนน . สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถมฺเภตฺวา อนิวตฺติธมฺเม กตฺวา ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหน.

เอตฺถ จ กมฺเมว อุทฺเทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคา. อฏฺารสวตฺถุทีปนวเสน หิ โวหรนฺเตน ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คหิตายปิ อภินฺโนว โหติ สงฺโฆ. ยทา ปน เอวํ จตฺตาโร วา อติเรกา วา สลากํ คเหตฺวา อาเวณิกํ กมฺมํ วา อุทฺเทสํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ. เอวํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชติ. เอตฺตาวตา มาตุฆาตาทีนิ ปฺจ อานนฺตริยกมฺมานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ, ยานิ ปุถุชฺชโน กโรติ, น อริยสาวโก. เตสํ อาวิภาวตฺถํ –

‘‘กมฺมโต ทฺวารโต เจว, กปฺปฏฺิติยโต ตถา;

ปากสาธารณาทีหิ, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย’’.

ตตฺถ กมฺมโต ตาว – เอตฺถ หิ มนุสฺสภูตสฺเสว มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา อปิ ปริวตฺตลิงฺคํ ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ โหติ, ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิสฺสามีติ สกลจกฺกวาฬํ มหาเจติยปฺปมาเณหิปิ กฺจนถูเปหิ ปูเรตฺวาปิ สกลจกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สงฺฆาฏิกณฺณํ อมุฺจนฺโต วิจริตฺวาปิ กายสฺส เภทา นิรยเมว อุปปชฺชติ. โย ปน สยํ มนุสฺโส ติรจฺฉานภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา, สยํ วา ติรจฺฉานภูโต มนุสฺสภูตํ, ติรจฺฉานภูโตเยว วา ติรจฺฉานภูตํ ชีวิตา โวโรเปติ, ตสฺส กมฺมํ อานนฺตริยํ น โหติ, ภาริยํ ปน โหติ, อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺติ. มนุสฺสชาติกานํว ปน วเสน อยํ ปฺโห กถิโต.

ตตฺถ เอฬกจตุกฺกํ, สงฺคามจตุกฺกํ, โจรจตุกฺกฺจ กเถตพฺพํ. เอฬกํ มาเรสฺสามีติ อภิสนฺธินาปิ หิ เอฬกฏฺาเน ิตํ มนุสฺโส มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา มาเรนฺโต อานนฺตริยํ ผุสติ. เอฬกาภิสนฺธินา มาตาปิติอภิสนฺธินา วา เอฬกํ มาเรนฺโต อานนฺตริยํ น ผุสติ, มาตาปิติอภิสนฺธินา มาตาปิตโร มาเรนฺโต ผุสเตว. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ จตุกฺกทฺวเย. ยถา จ มาตาปิตูสุ, เอวํ อรหนฺเตปิ เอตานิ จตุกฺกานิ เวทิตพฺพานิ . มนุสฺสอรหนฺตเมว จ มาเรตฺวา อานนฺตริยํ ผุสติ, น ยกฺขภูตํ. กมฺมํ ปน ภาริยํ, อานนฺตริยสทิสเมว. มนุสฺสอรหนฺตสฺส จ ปุถุชฺชนกาเลเยว สตฺถปฺปหาเร วา วิเส วา ทินฺเนปิ ยทิ โส อรหตฺตํ ปตฺวา เตเนว มรติ, อรหนฺตฆาตโก โหติเยว. ยํ ปน ปุถุชฺชนกาเล ทินฺนํ ทานํ อรหตฺตํ ปตฺวา ปริภุฺชติ, ปุถุชฺชนสฺเสว ตํ ทินฺนํ โหติ. เสสอริยปุคฺคเล มาเรนฺตสฺส อานนฺตริยํ นตฺถิ, กมฺมํ ปน ภาริยํ, อานนฺตริยสทิสเมว.

โลหิตุปฺปาเท ตถาคตสฺส อเภชฺชกายตาย ปรูปกฺกเมน จมฺมจฺเฉทํ กตฺวา โลหิตปคฺฆรณํ นาม นตฺถิ, สรีรสฺส ปน อนฺโตเยว เอกสฺมึ าเน โลหิตํ สโมสรติ. เทวทตฺเตน ปวิทฺธสิลโต ภิชฺชิตฺวา คตา สกลิกาปิ ตถาคตสฺส ปาทนฺตํ ปหริ, ผรสุนา ปหโฏ วิย ปาโท อนฺโตโลหิโตเยว อโหสิ. ตถา กโรนฺตสฺส อานนฺตริยํ โหติ. ชีวโก ปน ตถาคตสฺส รุจิยา สตฺถเกน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา ตมฺหา านา ทุฏฺโลหิตํ นีหริตฺวา ผาสุกมกาสิ. ตถา กโรนฺตสฺส ปุฺกมฺมเมว โหติ.

อถ เย ปรินิพฺพุเต ตถาคเต เจติยํ ภินฺทนฺติ, โพธึ ฉินฺทนฺติ, ธาตุมฺหิ อุปกฺกมนฺติ, เตสํ กึ โหตีติ? ภาริยํ กมฺมํ โหติ, อานนฺตริยสทิสํ. สธาตุกํ ปน ถูปํ วา ปฏิมํ วา พาธยมานํ โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. สเจปิ ตตฺถ นิลีนา สกุณา เจติเย วจฺจํ ปาเตนฺติ, ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว. ปริโภคเจติยโต หิ สรีรเจติยํ มหนฺตตรํ. เจติยวตฺถุํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉนฺตํ โพธิมูลมฺปิ ฉินฺทิตฺวา หริตุํ วฏฺฏติ. ยา ปน โพธิสาขา โพธิฆรํ พาธติ, ตํ เคหรกฺขณตฺถํ ฉินฺทิตุํ น ลภติ. โพธิอตฺถฺหิ เคหํ, น เคหตฺถาย โพธิ. อาสนฆเรปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ ปน อาสนฆเร ธาตุ นิหิตา โหติ, ตสฺส รกฺขณตฺถาย โพธิสาขํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ. โพธิชคฺคนตฺถํ โอชาหรณสาขํ วา ปูติสาขํ วา ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติเยว, สรีรปฏิชคฺคเน วิย ปุฺมฺปิ โหติ.

สงฺฆเภเทปิ สีมฏฺกสงฺเฆ อสนฺนิปติเต วิสุํ ปริสํ คเหตฺวา กตโวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหสฺส กมฺมํ วา กโรนฺตสฺส อุทฺเทสํ วา อุทฺทิสนฺตสฺส เภโท จ โหติ อานนฺตริยกมฺมฺจ. สมคฺคสฺาย ปน วฏฺฏตีติ สฺาย วา กโรนฺตสฺส เภโทว โหติ, น อานนฺตริยกมฺมํ. ตถา นวโต อูนปริสาย. สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน นวนฺนํ ชนานํ โย สงฺฆํ ภินฺทติ, ตสฺส อานนฺตริยกมฺมํ โหติ. ตสฺส อนุวตฺตกานํ อธมฺมวาทีนํ มหาสาวชฺชกมฺมํ , ธมฺมวาทิโน ปน อนวชฺชา. ตตฺถ นวนฺนเมว สงฺฆเภเท อิทํ สุตฺตํ – ‘‘เอกโต, อุปาลิ, จตฺตาโร โหนฺติ, เอกโต จตฺตาโร, นวโม อนุสฺสาเวติ, สลากํ คาเหติ ‘อยํ ธมฺโม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุ สาสนํ, อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’ติ. เอวํ โข, อุปาลิ, สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จ. นวนฺนํ วา , อุปาลิ, อติเรกนวนฺนํ วา สงฺฆราชิ เจว โหติ สงฺฆเภโท จา’’ติ (จูฬว. ๓๕๑). เอเตสุ จ ปน ปฺจสุ สงฺฆเภโท วจีกมฺมํ, เสสานิ กายกมฺมานีติ เอวํ กมฺมโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

ทฺวารโตติ สพฺพาเนว เจตานิ กายทฺวารโตปิ วจีทฺวารโตปิ สมุฏฺหนฺติ. ปุริมานิ ปเนตฺถ จตฺตาริ อาณตฺติกวิชฺชามยปฺปโยควเสน วจีทฺวารโต สมุฏฺหิตฺวาปิ กายทฺวารเมว ปูเรนฺติ, สงฺฆเภโท หตฺถมุทฺธาย เภทํ กโรนฺตสฺส กายทฺวารโต สมุฏฺหิตฺวาปิ วจีทฺวารเมว ปูเรตีติ เอวเมตฺถ ทฺวารโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

กปฺปฏฺิติยโตติ สงฺฆเภโทเยว เจตฺถ กปฺปฏฺิติโย. สณฺหนฺเต หิ กปฺเป วา กปฺปเวมชฺเฌ วา สงฺฆเภทํ กตฺวา กปฺปวินาเสเยว มุจฺจติ. สเจปิ หิ ‘สฺเว กปฺโป วินสฺสิสฺสตี’’ติ อชฺช สงฺฆเภทํ กโรติ, สฺเวว มุจฺจติ, เอกทิวสเมว นิรเย ปจฺจติ. เอวํ กรณํ ปน นตฺถิ. เสสานิ จตฺตาริ กมฺมานิ อานนฺตริยาเนว โหนฺติ, น กปฺปฏฺิติยานีติ เอวเมตฺถ กปฺปฏฺิติยโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

ปากโตติ เยน จ ปฺจเปตานิ กมฺมานิ กตานิ โหนฺติ, ตสฺส สงฺฆเภโทเยว ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ, เสสานิ ‘‘อโหสิกมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติ เอวมาทีสุ สงฺขํ คจฺฉนฺติ. สงฺฆเภทาภาเว โลหิตุปฺปาโท, ตทภาเว อรหนฺตฆาโต, ตทภาเว สเจ ปิตา สีลวา โหติ, มาตา ทุสฺสีลา, โน วา ตถา สีลวตี, ปิตุฆาโต ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ. สเจ มาตา สีลวตี, มาตุฆาโต. ทฺวีสุปิ สีเลน วา ทุสฺสีเลน วา สมาเนสุ มาตุฆาโตว ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ . มาตา หิ ทุกฺกรการินี พหูปการา จ ปุตฺตานนฺติ. เอวเมตฺถ ปากโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

สาธารณาทีหีติ ปุริมานิ จตฺตาริ สพฺเพสมฺปิ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารณานิ. สงฺฆเภโท ปน ‘‘น โข, อุปาลิ ภิกฺขุนี, สงฺฆํ ภินฺทติ, น สิกฺขมานา, น สามเณโร, น สามเณรี , น อุปาสโก, น อุปาสิกา สงฺฆํ ภินฺทติ. ภิกฺขุ โข, อุปาลิ, ปกตตฺโต สมานสํวาสโก สมานสีมายํ ิโต สงฺฆํ ภินฺทตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๑) วจนโต วุตฺตปฺปการสฺส ภิกฺขุโนว โหติ, น อฺสฺส, ตสฺมา อสาธารโณ. อาทิสทฺเทน สพฺเพเปเต ทุกฺขเวทนาย สหคตา โทสโมหสมฺปยุตฺตา จาติ เอวเมตฺถ สาธารณาทีหิปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

๒๗๖. อฺํสตฺถารนฺติ ‘‘อยํ เม สตฺถา สตฺถุ กิจฺจํ กาตุํ อสมตฺโถ’’ติ ภวนฺตเรปิ อฺํ ติตฺถกรํ ‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ.

๒๗๗. เอกิสฺสา โลกธาตุยาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา. ตีณิ หิ เขตฺตานิ ชาติเขตฺตํ, อาณาเขตฺตํ วิสยเขตฺตนฺติ. ตตฺถ ชาติเขตฺตํ นาม ทสสหสฺสี โลกธาตุ. สา หิ ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมึ โอกฺกมนกาเล นิกฺขมนกาเล สมฺโพธิกาเล ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน อายุสงฺขารโวสฺสชฺชเน ปรินิพฺพาเน จ กมฺปติ. โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ ปน อาณาเขตฺตํ นาม. อาฏานาฏิยปริตฺตโมรปริตฺตธชคฺคปริตฺตรตนปริตฺตาทีนฺหิ เอตฺถ อาณา ปวตฺตติ. วิสยเขตฺตสฺส ปน ปริมาณํ นตฺถิ. พุทฺธานฺหิ ‘‘ยาวตกํ าณํ ตาวตกํ เยฺยํ, ยาวตกํ เยฺยํ ตาวตกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺยํ, เยฺยปริยนฺติกํ าณ’’นฺติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต อวิสโย นาม นตฺถิ.

อิเมสุ ปน ตีสุ เขตฺเตสุ เปตฺวา อิมํ จกฺกวาฬํ อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ สุตฺตํ นตฺถิ, น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถิ. ตีณิ หิ ปิฏกานิ – วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกํ. ติสฺโส สงฺคีติโย – มหากสฺสปตฺเถรสฺส สงฺคีติ, ยสตฺเถรสฺส สงฺคีติ, โมคฺคลิปุตฺตตฺเถรสฺส สงฺคีติ. อิมา ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺเห เตปิฏเก พุทฺธวจเน อิมํ จกฺกวาฬํ มุฺจิตฺวา อฺตฺถ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ สุตฺตํ นตฺถิ, น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถิ.

อปุพฺพํ อจริมนฺติ อปุเร อปจฺฉา, เอกโต น อุปฺปชฺชนฺติ. ปุเร วา ปจฺฉา วา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ โพธิปลฺลงฺเก ‘‘โพธึ อปฺปตฺวา น อุฏฺหิสฺสามี’’ติ นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย ยาว มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหณํ, ตาว ปุพฺเพติ น เวทิตพฺพํ. โพธิสตฺตสฺส หิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปเนเนว เขตฺตปริคฺคโห กโต, เอตฺถนฺตเร อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ นิวาริตาว โหติ. ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย ยาว สาสปมตฺตาปิ ธาตุ ติฏฺติ, ตาว ปจฺฉาติ น เวทิตพฺพํ. ธาตูสุ หิ ิตาสุ พุทฺธา ิตาว โหนฺติ. ตสฺมา เอตฺถนฺตเร อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ นิวาริตาว โหติ. ธาตุปรินิพฺพาเน ปน ชาเต อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น นิวาริตา.

กสฺมา ปน อปุพฺพํ อจริมํ น อุปฺปชฺชนฺตีติ? อนจฺฉริยตฺตา. พุทฺธา หิ อจฺฉริยมนุสฺสา. ยถาห – ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุสฺโส. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๒). ยทิ จ ทฺเว วา จตฺตาโร วา อฏฺ วา โสฬส วา เอกโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ, อนจฺฉริยา ภเวยฺยุํ. เอกสฺมิฺหิ วิหาเร ทฺวินฺนํ เจติยานมฺปิ ลาภสกฺกาโร อุฬารา น โหนฺติ, ภิกฺขูปิ พหุตาย อนจฺฉริยา ชาตา, เอวํ พุทฺธาปิ ภเวยฺยุํ. ตสฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ.

เทสนาย จ วิเสสาภาวโต. ยฺหิ สติปฏฺานาทิกํ ธมฺมํ เอโก เทเสติ, อฺเน อุปฺปชฺชิตฺวาปิ โสว ธมฺโม เทเสตพฺโพ สิยา. ตโต อนจฺฉริโย สิยา. เอกสฺมึ ปน ธมฺมํ เทเสนฺเต เทสนาปิ อจฺฉริยาว โหติ.

วิวาทภาวโต จ. พหูสุ จ พุทฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุ พหูนํ อาจริยานํ อนฺเตวาสิกา วิย ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ ปาสาทิโก, อมฺหากํ พุทฺโธ มธุรสฺสโร ลาภี ปุฺวา’’ติ วิวเทยฺยุํ, ตสฺมาปิ เอวํ น อุปฺปชฺชนฺติ.

อปิเจตํ การณํ มิลินฺทรฺา ปุฏฺเน นาคเสนตฺเถเรน วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (มิ. ป. ๕.๑.๑) –

‘‘ภนฺเต, นาคเสน, ภาสิตมฺปิ เหตํ ภควตา – ‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุํ , เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ. เทเสนฺตา จ, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพปิ ตถาคตา สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม เทเสนฺติ, กถยมานา จ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ กเถนฺติ, สิกฺขาเปนฺตา จ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขาเปนฺติ, อนุสาสมานา จ อปฺปมาทปฏิปตฺติยํ อนุสาสนฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพสมฺปิ ตถาคตานํ เอโก อุทฺเทโส เอกา กถา เอกา สิกฺขา เอกา อนุสิฏฺิ, เกน การเณน ทฺเว ตถาคตา เอกกฺขเณ น อุปฺปชฺชนฺติ. เอเกนปิ ตาว พุทฺธุปฺปาเทน อยํ โลโก โอภาสชาโต, ยทิ ทุติโยปิ พุทฺโธ ภเวยฺย, ทฺวินฺนํ ปภาย อยํ โลโก ภิยฺโยโสมตฺตาย โอภาสชาโต ภเวยฺย. โอวทมานา จ ทฺเว ตถาคตา สุขํ โอวเทยฺยุํ, อนุสาสมานา จ สุขํ อนุสาเสยฺยุํ. ตตฺถ เม การณํ เทเสหิ, ยถาหํ นิสฺสํสโย ภเวยฺยนฺติ’’.

‘‘อยํ, มหาราช, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ. ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย.

‘‘ยถา, มหาราช, นาวา เอกปุริสสนฺธารณี ภเวยฺย. เอกสฺมึ ปุริเส อภิรูฬฺเห สา นาวา สมุปาทิกา ภเวยฺย. อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ตาทิโส อายุนา วณฺเณน วเยน ปมาเณน กิสถูเลน สพฺพงฺคปจฺจงฺเคน, โส ตํ นาวํ อภิรุเหยฺย. อปิ นุ สา, มหาราช, นาวา ทฺวินฺนมฺปิ ธาเรยฺยาติ? น หิ, ภนฺเต, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย, โอสีเทยฺย อุทเกติ. เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ, ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย…เป… น านมุปคจฺเฉยฺย.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส ยาวทตฺถํ โภชนํ ภุฺเชยฺย ฉาเทนฺตํ ยาว กณฺมภิปูรยิตฺวา. โส ธาโต ปีณิโต ปริปุณฺโณ นิรนฺตโร ตนฺทิกโต อโนนมิตทณฺฑชาโต ปุนเทว ตตฺตกํ โภชนํ ภุฺเชยฺย. อปิ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส สุขิโต ภเวยฺยาติ? น หิ, ภนฺเต, สกึภุตฺโตว มเรยฺยาติ. เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี…เป… น านมุปคจฺเฉยฺยาติ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, อติธมฺมภาเรน ปถวิ จลตีติ? อิธ, มหาราช, ทฺเว สกฏา รตนปริปูริตา ภเวยฺยุํ ยาว มุขสมา. เอกสฺมา สกฏโต รตนํ คเหตฺวา เอกสฺมึ สกเฏ อากิเรยฺยุํ, อปิ นุ ตํ, มหาราช, สกฏํ ทฺวินฺนมฺปิ สกฏานํ รตนํ ธาเรยฺยาติ? น หิ, ภนฺเต, นาภิปิ ตสฺส ผเลยฺย, อราปิ ตสฺส ภิชฺเชยฺยุํ, เนมีปิ ตสฺส โอปเตยฺยุํ, อกฺโขปิ ตสฺส ภิชฺเชยฺยาติ. กึ นุ โข, มหาราช, อติรตนภาเรน สกฏํ ภิชฺชตีติ ? อาม, ภนฺเตติ. เอวเมว โข, มหาราช, อติธมฺมภาเรน ปถวี จลตีติ.

‘‘อปิ จ, มหาราช, อิมํ การณํ พุทฺธพลปริทีปนาย โอสาริตํ. อฺมฺปิ ตตฺถ อภิรูปํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ น อุปฺปชฺชนฺติ. ยทิ, มหาราช, ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ปริสาย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย, ‘ตุมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ พุทฺโธ’ติ อุภโตปกฺขชาตา ภเวยฺยุํ. ยถา, มหาราช, ทฺวินฺนํ พลวามจฺจานํ ปริสาย วิวาโท อุปฺปชฺชติ, ‘ตุมฺหากํ อมจฺโจ อมฺหากํ อมจฺโจ’ติ อุภโตปกฺขชาตา โหนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ยทิ ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ปริสาย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย, ‘ตุมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ พุทฺโธ’ติ อุภโตปกฺขชาตา ภเวยฺยุํ. อิทํ ปมํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ น อุปฺปชฺชนฺติ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ น อุปฺปชฺชนฺติ. ยทิ, มหาราช, ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, อคฺโค พุทฺโธติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภเวยฺย. เชฏฺโ พุทฺโธติ…เป… เสฏฺโ พุทฺโธติ. วิสิฏฺโ พุทฺโธติ, อุตฺตโม พุทฺโธติ, ปวโร พุทฺโธติ, อสโม พุทฺโธติ, อสมสโม พุทฺโธติ, อปฺปฏิสโม พุทฺโธติ, อปฺปฏิภาโค พุทฺโธติ, อปฺปฏิปุคฺคโล พุทฺโธติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภเวยฺย. อิมมฺปิ โข ตฺวํ, มหาราช, การณํ อตฺถโต สมฺปฏิจฺฉ, เยน การเณน ทฺเว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ น อุปฺปชฺชนฺติ.

‘‘อปิจ, มหาราช, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สภาวปกติกา เอสา, ยํ เอโกเยว พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชติ. กสฺมา? การณมหนฺตตฺตา สพฺพฺุพุทฺธคุณานํ. อฺมฺปิ, มหาราช, ยํ มหนฺตํ โหติ, ตํ เอกํเยว โหติ. ปถวี, มหาราช, มหนฺตี, สา เอกาเยว. สาคโร มหนฺโต, โส เอโกเยว. สิเนรุ คิริราช มหนฺโต, โส เอโกเยว. อากาโส มหนฺโต, โส เอโกเยว . สกฺโก มหนฺโต, โส เอโกเยว. พฺรหฺมา มหนฺโต, โส เอโกเยว. ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ มหนฺโต, โส เอโกเยว. ยตฺถ เต อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ อฺเสํ โอกาโส น โหติ. ตสฺมา ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอโกเยว โลเก อุปฺปชฺชตีติ. สุกถิโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห โอปมฺเมหิ การเณหี’’ติ.

เอกิสฺสาโลกธาตุยาติ เอกสฺมึ จกฺกวาเฬ. เหฏฺา อิมินาว ปเทน ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ คหิตานิ, ตานิปิ เอกจกฺกวาเฬเนว ปริจฺฉินฺทิตุํ วฏฺฏนฺติ. พุทฺธา หิ อุปฺปชฺชมานา อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปน วาริเต อิโต อฺเสุ จกฺกวาเฬสุ น อุปฺปชฺชนฺตีติ วาริตเมว โหติ.

ปมวคฺควณฺณนา.

๑๕. อฏฺานปาฬิ

(๑๕) ๒. อฏฺานปาฬิ-ทุติยวคฺควณฺณนา

๒๗๘. อปุพฺพํอจริมนฺติ เอตฺถ จกฺกรตนปาตุภาวโต ปุพฺเพ ปุพฺพํ, ตสฺเสว อนฺตรธานโต ปจฺฉา จริมํ. ตตฺถ ทฺวิธา จกฺกรตนสฺส อนฺตรธานํ โหติ จกฺกวตฺติโน กาลกิริยาย วา ปพฺพชฺชาย วา. อนฺตรธายมานฺจ ปน ตํ กาลกิริยโต วา ปพฺพชฺชโต วา สตฺตเม ทิวเส อนฺตรธายติ, ตโต ปรํ จกฺกวตฺติโน ปาตุภาโว อวาริโต.

กสฺมา ปน เอกจกฺกวาเฬ ทฺเว จกฺกวตฺติโน น อุปฺปชฺชนฺตีติ? วิวาทุปจฺเฉทโต, อจฺฉริยภาวโต, จกฺกรตนสฺส มหานุภาวโต จ. ทฺวีสุ หิ อุปฺปชฺชนฺเตสุ ‘‘อมฺหากํ ราชา มหนฺโต, อมฺหากํ ราชา มหนฺโต’’ติ วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย, ‘‘เอกสฺมึ ทีเป จกฺกวตฺตี, เอกสฺมึ ทีเป จกฺกวตฺตี’’ติ จ อนจฺฉริโย ภเวยฺย. โย จายํ จกฺกรตนสฺส ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ อิสฺสริยานุปฺปทานสมตฺโถ มหานุภาโว, โสปิ ปริหาเยถ. อิติ วิวาทุปจฺเฉทโต อจฺฉริยภาวโต จกฺกรตนสฺส มหานุภาวโต จ น เอกจกฺกวาเฬ ทฺเว อุปฺปชฺชนฺติ.

๒๗๙. ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธติ เอตฺถ ติฏฺตุ ตาว สพฺพฺุคุเณ นิพฺพตฺเตตฺวา โลกนิตฺถรณสมตฺโถ พุทฺธภาโว, ปณิธานมตฺตมฺปิ อิตฺถิยา น สมฺปชฺชติ.

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺ ธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

อิมานิ หิ ปณิธานสมฺปตฺติการณานิ. อิติ ปณิธานมฺปิ สมฺปาเทตุํ อสมตฺถาย อิตฺถิยา กุโต พุทฺธภาโวติ. ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วุตฺตํ . สพฺพาการปริปูโรว ปุฺุสฺสโย สพฺพาการปริปูรเมว อตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตตีติ ปุริโสว อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, น อิตฺถี.

๒๘๐. ราชา อสฺส จกฺกวตฺตีติอาทีสุปิ ยสฺมา อิตฺถิยา โกโสหิตวตฺถคุยฺหตาทีนํ อภาเวน ลกฺขณานิ น ปริปูรนฺติ, อิตฺถิรตนาภาเวน สตฺตรตนสมงฺคิตา น สมฺปชฺชติ, สพฺพมนุสฺเสหิ จ อธิโก อตฺตภาโว น โหติ. ตสฺมา ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ อิตฺถี ราชา อสฺส จกฺกวตฺตี’’ติ วุตฺตํ.

๒๘๑. ยสฺมา จ สกฺกตฺตาทีนิ ตีณิ านานิ อุตฺตมานิ, อิตฺถิลิงฺคฺจ หีนํ, ตสฺมา จสฺสา สกฺกตฺตาทีนิปิ ปฏิสิทฺธานิ.

นนุ จ ยถา อิตฺถิลิงฺคํ, เอวํ ปุริสลิงฺคมฺปิ พฺรหฺมโลเก นตฺถิ. ตสฺมา ‘‘ยํ ปุริโส พฺรหฺมตฺตํ กาเรยฺย, านเมตํ วิชฺชตี’’ติปิ น วตฺตพฺพํ สิยาติ. โน น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อิธ ปุริสสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตนโต. พฺรหฺมตฺตนฺติ หิ มหาพฺรหฺมตฺตํ อธิปฺเปตํ. อิตฺถี จ อิธ ฌานํ ภาเวตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมปาริสชฺชานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ, น มหาพฺรหฺมานํ. ปุริโส ปน ตตฺถ นุปฺปชฺชตีติ น วตฺตพฺโพ. สมาเนปิ เจตฺถ อุภยลิงฺคาภาเว ปุริสสณฺานาว พฺรหฺมาโน, น อิตฺถิสณฺานา. ตสฺมา สุวุตฺตเมเวตํ.

๒๘๔. กายทุจฺจริตสฺสาติอาทีสุ ยถา นิมฺพพีชโกสาตกิพีชาทีนิ มธุรํ ผลํ น นิพฺพตฺเตนฺติ, อสาตํ อมธุรเมว นิพฺพตฺเตนฺติ, เอวํ กายทุจฺจริตาทีนิ มธุรํ วิปากํ น นิพฺพตฺเตนฺติ, อมธุรเมว นิพฺพตฺเตนฺติ. ยถา จ อุจฺฉุพีชสาลิพีชาทีนิ มธุรํ สาทุรสเมว ผลํ นิพฺพตฺเตนฺติ, น อสาตํ กฏุกํ. เอวํ กายสุจริตาทีนิ มธุรเมว วิปากํ นิพฺพตฺเตนฺติ, น อมธุรํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ;

กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปก’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๖);

ตสฺมา ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ กายทุจฺจริตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๒๙๐-๒๙๕. กายทุจฺจริตสมงฺคีติอาทีสุ สมงฺคีติ ปฺจวิธา สมงฺคิตา – อายูหนสมงฺคิตา, เจตนาสมงฺคิตา, กมฺมสมงฺคิตา, วิปากสมงฺคิตา, อุปฏฺานสมงฺคิตาติ. ตตฺถ กุสลากุสลกมฺมายูหนกฺขเณ อายูหนสมงฺคิตาติ วุจฺจติ. ตถา เจตนาสมงฺคิตา. ยาว ปน สตฺตา อรหตฺตํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สพฺเพปิ สตฺตา ปุพฺเพ อุปจิตเจตนาย สมงฺคิตาย เจตนาสมงฺคิโนติ วุจฺจนฺติ. เอสา เจตนาสมงฺคิตา. ยาว อรหตฺตํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สพฺเพปิ สตฺตา ปุพฺเพ อุปจิตํ วิปาการหํ กมฺมํ สนฺธาย ‘‘กมฺมสมงฺคิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. เอสา กมฺมสมงฺคิตา. วิปากสมงฺคิตา วิปากกฺขเณเยว เวทิตพฺพา. ยาว ปน สตฺตา อรหตฺตํ น ปาปุณนฺติ, ตาว เตสํ ตโต ตโต จวิตฺวา นิรเย อุปฺปชฺชมานานํ อคฺคิชาลาโลหกุมฺภิอาทีหิ อุปฏฺานากาเรหิ นิรโย, คพฺภเสยฺยกตฺตํ อาปชฺชมานานํ มาตุกุจฺฉิ, เทเวสุ อุปฺปชฺชมานานํ กปฺปรุกฺขวิมานาทีหิ อุปฏฺานากาเรหิ เทวโลโกติ เอวํ อุปปตฺตินิมิตฺตํ อุปฏฺาติ. อิติ เนสํ อิมินา อุปปตฺตินิมิตฺตอุปฏฺาเนน อปริมุตฺตตา อุปฏฺานสมงฺคิตา นาม. สา จลติ, เสสา นิจฺจลา. นิรเย หิ อุปฏฺิเตปิ เทวโลโก อุปฏฺาติ, เทวโลเก อุปฏฺิเตปิ นิรโย อุปฏฺาติ, มนุสฺสโลเก อุปฏฺิเตปิ ติรจฺฉานโยนิ อุปฏฺาติ, ติรจฺฉานโยนิยา จ อุปฏฺิตายปิ มนุสฺสโลโก อุปฏฺาติเยว.

ตตฺริทํ วตฺถุ – โสณคิริปาเท กิร อเจลวิหาเร โสณตฺเถโร นาม เอโก ธมฺมกถิโก. ตสฺส ปิตา สุนขวาชิโก นาม อโหสิ, เถโร ตํ ปฏิพาหนฺโตปิ สํวเร เปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘มา นสฺสิ วราโก’’ติ มหลฺลกกาเล อกามกํ นํ ปพฺพาเชสิ. ตสฺส คิลานเสยฺยาย นิปนฺนสฺส นิรโย อุปฏฺาสิ. โสณคิริปาทโต มหนฺตา สุนขา อาคนฺตฺวา ขาทิตุกามา วิย สมฺปริวาเรสุํ. โส มหาภยภีโต ‘‘วาเรหิ, ตาต โสณ, วาเรหิ, ตาต โสณา’’ติ อาห. กึ มหาเถราติ? น ปสฺสสิ, ตาตาติ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. โสณตฺเถโร ‘‘กถฺหิ นาม มาทิสสฺส ปิตา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ , ปติฏฺาสฺส ภวิสฺสามี’’ติ สามเณเรหิ นานาปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา เจติยงฺคณโพธิยงฺคเณสุ ตลสนฺถรณปูชํ อาสนปูชฺจ กาเรตฺวา ปิตรํ มฺจเกน เจติยงฺคณํ หริตฺวา มฺเจ นิสีทาเปตฺวา ‘‘อยํ, มหาเถร, ปูชา ตุมฺหากํ อตฺถาย กตา, ‘อยํ เม ภควา ทุคฺคตปณฺณากาโร’ติ วตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา จิตฺตํ ปสาเทหี’’ติ อาห. สา มหาเถโร ปูชํ ทิสฺวา ตถา กโรนฺโต จิตฺตํ ปสาเทสิ. ตาวเทวสฺส เทวโลโก อุปฏฺาสิ. นนฺทนวน-จิตฺตลตาวน-มิสฺสกวน-ผารุสกวน-วิมานานิ เจว เทวนาฏกานิ จ ปริวาเรตฺวา ิตานิ วิย อเหสุํ. โส ‘‘อเปถ, โสณ, อเปถ, โสณา’’ติ เถรํ อาห. กิมิทํ, มหาเถราติ? เอตา เต มาตโร อาคจฺฉนฺตีติ. เถโร ‘‘สคฺโค อุปฏฺิโต มหาเถรสฺสา’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ อุปฏฺานสมงฺคิตา จลตีติ เวทิตพฺพา. เอตาสุ สมงฺคิตาสุ อิธ อายูหนเจตนากมฺม-สมงฺคิตาวเสน ‘‘กายทุจฺจริตสมงฺคี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ เอเก อาจริยา ‘‘ยสฺมึ ขเณ กมฺมํ อายูหติ, ตสฺมึเยว ขเณ ตสฺส สคฺโค วาริโต’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘อายูหิตกมฺมํ นาม วิปากวารํ ลภนฺตมฺปิ อตฺถิ อลภนฺตมฺปิ. ตตฺถ ยทา กมฺมํ วิปากวารํ ลภติ, ตสฺมึเยว กาเล ตสฺส สคฺโค วาริโต’’ติ วทนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

อฏฺานปาฬิวณฺณนา นิฏฺิตา.