📜

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๑. เอกธมฺมปาฬิ-ปมวคฺควณฺณนา

๒๙๖. เอกธมฺมปาฬิยํ เอกธมฺโมติ เอกสภาโว. เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกนฺเตน วฏฺเฏ นิพฺพินฺทนตฺถาย อุกฺกณฺนตฺถาย. วิราคายาติ วฏฺเฏ วิรชฺชนตฺถาย, ราคาทีนํ วา กิเลสานํ วิรชฺชนาย วิคมาย. นิโรธายาติ ราคาทีนํ นิโรธาย อปฺปวตฺติกรณตฺถาย, วฏฺฏสฺเสว วา นิรุชฺฌนตฺถาย. อุปสมายาติ กิเลสวูปสมนตฺถาย, อภิฺายาติ อนิจฺจาทิวเสน ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา อภิชานนตฺถาย. สมฺโพธายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ พุชฺฌนตฺถาย, ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทโส ๑๒๑) เอวํ วุตฺตสฺส วา จตุมคฺคาณสฺส ปฏิวิชฺฌนตฺถาย. นิพฺพานายาติ อปฺปจฺจยนิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณตฺถาย.

อิติ ภควา อิเมหิ สตฺตหิ ปเทหิ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานสฺส วณฺณํ กเถสิ. กสฺมา? มหาชนสฺส อุสฺสาหชนนตฺถํ วิสกณฺฏกวาณิโช วิย อตฺตโน ปณิยสฺส. วิสกณฺฏกวาณิโช นาม คุฬวาณิโช วุจฺจติ. โส กิร คุฬผาณิตขณฺฑสกฺกราทีนิ สกเฏนาทาย ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ‘‘วิสกณฺฏกํ คณฺหถ, วิสกณฺฏกํ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตํ สุตฺวา คามิกา ‘‘วิสํ นาม กกฺขฬํ โฆรํ. โย นํ ขาทติ, โส มรติ. กณฺฏกมฺปิ วิชฺฌิตฺวา มาเรติ, อุโภเปเต กกฺขฬา. โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ เคหทฺวารานิ ถเกสุํ, ทารเก จ ปลาเปสุํ. ตํ ทิสฺวา วาณิโช ‘อโวหารกุสลา อิเม คามิกา, หนฺท เน อุปาเยน คาหาเปมี’’ติ ‘‘อติมธุรํ คณฺหถ, อติสาทุํ คณฺหถ, คุฬํ ผาณิตํ สกฺกรํ สมคฺฆํ ลพฺภติ, กูฏมาสกกูฏกหาปณาทีหิ วาปิ ลพฺภตี’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตํ สุตฺวา คามิกา ตุฏฺปหฏฺา วคฺควคฺคา คนฺตฺวา พหุมฺปิ มูลํ ทตฺวา อคฺคเหสุํ.

ตตฺถ วิสกณฺฏกวาณิชสฺส ‘‘วิสกณฺฏกํ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆสนํ วิย ภควโต พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานกถนํ, วิสกณฺฏเก วณฺณํ กเถตฺวา ตสฺส คหณตฺถาย มหาชนสฺส อุสฺสาหกรณํ วิย อิเมหิ สตฺตหิ ปเทหิ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานสฺส วณฺณภณเนน ตสฺส มหาชนสฺส อุสฺสาหกรณํ.

กตโม เอกธมฺโมติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. พุทฺธานุสฺสตีติ พุทฺธํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ, พุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. ตํ ปเนตํ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ ทุวิธํ โหติ จิตฺตสมฺปหํสนตฺถฺเจว วิปสฺสนตฺถฺจ. กถํ? ยทา หิ อสุภารมฺมเณสุ อฺตรํ ภาเวนฺตสฺส ภิกฺขุโน จิตฺตุปฺปาโท อุปหฺติ อุกฺกณฺติ นิรสฺสาโท โหติ, วีถึ นปฺปฏิปชฺชติ, กูฏโคโณ วิย อิโต จิโต จ วิธาวติ. ตสฺมึ ขเณ เอส มูลกมฺมฏฺานํ ปหาย ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา นเยน ตถาคตสฺส โลกิยโลกุตฺตรคุเณ อนุสฺสรติ. ตสฺเสวํ พุทฺธํ อนุสฺสรนฺตสฺส จิตฺตุปฺปาโท ปสีทติ, วินีวรโณ โหติ . โส ตํ จิตฺตํ เอวํ ทเมตฺวา ปุน มูลกมฺมฏฺานํเยว มนสิ กโรติ. กถํ? ยถา นาม พลวา ปุริโส กูฏาคารกณฺณิกตฺถาย มหารุกฺขํ ฉินฺทนฺโต สาขาปลาสจฺเฉทนมตฺเตเนว ผรสุธาราย วิปนฺนาย มหารุกฺขํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวาว กมฺมารสาลํ คนฺตฺวา ติขิณํ ผรสุํ การาเปตฺวา ปุน ตํ ฉินฺเทยฺย. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. โส เอวํ พุทฺธานุสฺสติวเสน จิตฺตํ ปริทเมตฺวา ปุน มูลกมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต อสุภารมฺมณํ ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานงฺคานิ สมฺมสิตฺวา อริยภูมึ โอกฺกมติ. เอวํ ตาว จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ โหติ.

ยทา ปเนส พุทฺธานุสฺสตึ อนุสฺสริตฺวา ‘‘โก อยํ อิติปิ โส ภควาติอาทินา นเยน อนุสฺสริ, อิตฺถิ นุ โข ปุริโส นุ โข เทวมนุสฺสมารพฺรหฺมานํ อฺตโร นุ โข’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘น อฺโ โกจิ, สติสมฺปยุตฺตํ ปน จิตฺตเมว อนุสฺสรี’’ติ ทิสฺวา ‘‘ตํ โข ปเนตํ จิตฺตํ ขนฺธโต วิฺาณกฺขนฺโธ โหติ, เตน สมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, เตน สมฺปยุตฺตา สฺา สฺากฺขนฺโธ, สหชาตา ผสฺสาทโย สงฺขารกฺขนฺโธติ อิเม จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา โหนฺตี’’ติ อรูปฺจ ววตฺถเปตฺวา ตสฺส นิสฺสยํ ปริเยสนฺโต หทยวตฺถุํ ทิสฺวา ตสฺส นิสฺสยานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ตานิ อุปาทาย ปวตฺตานิ เสสอุปาทารูปานิ จ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘สพฺพมฺเปตํ รูปํ รูปกฺขนฺโธ’’ติ ววตฺถเปตฺวา ‘‘อิทฺจ รูปํ ปุริมฺจ อรูป’’นฺติ สงฺเขปโต รูปารูปํ, ปเภทโต ปฺจกฺขนฺเธ ปุน ‘‘สงฺเขปโต ปฺจเปเต ขนฺธา ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ ทุกฺขสจฺจํ ววตฺถเปตฺวา ‘‘ตสฺส ปภาวิกา ตณฺหา สมุทยสจฺจํ, ตสฺสา นิโรโธ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจ’’นฺติ เอวํ ปุพฺพภาเค จตฺตาริ จ สจฺจานิ ววตฺถเปตฺวา ปฏิปาฏิยา อริยภูมึ โอกฺกมติ. ตทาสฺส อิมํ กมฺมฏฺานํ วิปสฺสนตฺถํ นาม โหติ. อยํ โขติอาทิ อปฺปนาวาโร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๒๙๗. ธมฺมานุสฺสติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – ธมฺมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ, สฺวากฺขาตตาทิธมฺมคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. สงฺฆํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ สงฺฆานุสฺสติ, สุปฺปฏิปนฺนตาทิสงฺฆคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. สีลํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ สีลานุสฺสติ, อขณฺฑตาทิสีลคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. จาคํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ จาคานุสฺสติ, มุตฺตจาคตาทิจาคคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. เทวตา อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ เทวตานุสฺสติ, เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน สทฺธาทิคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. อานาปาเน อารพฺภ อุปฺปนฺนา สติ อานาปานสฺสติ, อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. มรณํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา สติ มรณสฺสติ, ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. เกสาทิเภทํ รูปกายํ คตา, กาเย วา คตาติ กายคตา, กายคตา จ สา สติ จาติ กายคตาสตีติ วตฺตพฺเพ รสฺสํ อกตฺวา กายคตาสตีติ วุตฺตา. เกสาทิกายโกฏฺาสนิมิตฺตารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. อุปสมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ, สพฺพทุกฺขูปสมารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ. ทุวิโธ วา อุปสโม อจฺจนฺตูปสโม จ ขยูปสโม จ. ตตฺถ อจฺจนฺตูปสโม นาม นิพฺพานํ, ขยูปสโม นาม มคฺโค. เอวเมตํ ทุวิธมฺปิ อุปสมํ อนุสฺสรนฺตสฺส อุปฺปนฺนา สติ อุปสมานุสฺสตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิติ อิเมสุ ทสสุ กมฺมฏฺาเนสุ อานาปานสฺสติ มรณสฺสติ กายคตาสตีติ อิมานิ ตีณิ วิปสฺสนตฺถาเนว โหนฺติ, เสสานิ สตฺต จิตฺตสมฺปหํสนตฺถานิปิ โหนฺตีติ.

ปมวคฺควณฺณนา.

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๒. เอกธมฺมปาฬิ-ทุติยวคฺควณฺณนา

๒๙๘. ทุติเย มิจฺฉาทิฏฺีติ ทฺวาสฏฺิวิธายปิ มิจฺฉาทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. มิจฺฉาทิฏฺิกสฺสาติ ตาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคตสฺส.

๒๙๙. สมฺมาทิฏฺีติ ปฺจวิธายปิ สมฺมาทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. สมฺมาทิฏฺิกสฺสาติ ตาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคตสฺส.

๓๐๒. อโยนิโส มนสิกาโรติ อนุปายมนสิกาโร.

๓๐๓. โยนิโสมนสิกาโรติ อุปายมนสิกาโร. ตตฺถ อโยนิโส มนสิกโรโต ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนา มิจฺฉาทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ปน ยาว นิยาโมกฺกมนา ปวฑฺฒติ. นิยาเม โอกฺกนฺเต วฑฺฒิตา นาม โหติ. โยนิโส มนสิกโรโต ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนา สมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ปน ยาว อรหตฺตมคฺคา ปวฑฺฒติ. อรหตฺตผเล ปตฺเต วฑฺฒิตา นาม โหติ.

๓๐๔. มิจฺฉาทิฏฺิยา, ภิกฺขเว, สมนฺนาคตา สตฺตาติ เอตฺถ เอกจฺจา มิจฺฉาทิฏฺิ สคฺคาวรณา เจว โหติ มคฺคาวรณา จ, เอกจฺจา มคฺคาวรณาว, น สคฺคาวรณา, เอกจฺจา เนว สคฺคาวรณา น มคฺคาวรณา. ตตฺถ อเหตุกทิฏฺิ, อกิริยทิฏฺิ, นตฺถิกทิฏฺีติ อยํ ติวิธา สคฺคาวรณา เจว โหติ มคฺคาวรณา จ. ทสวตฺถุกา อนฺตคฺคาหิกา มิจฺฉาทิฏฺิ มคฺคาวรณาว โหติ น สคฺคาวรณา. วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ เนว สคฺคาวรณา น มคฺคาวรณา. อิทํ ปน วิธานํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิยา, ภิกฺขเว, สมนฺนาคตา’’ติ วจนโต อนฺตมโส วีสติวตฺถุกํ สกฺกายทิฏฺึ อุปาทาย ทิฏฺิ นาม สคฺคํ อุปเนตุํ สมตฺถา นาม นตฺถิ, เอกนฺตํ นิรยสฺมึเยว นิมุชฺชาเปตีติ วุตฺตํ. ยถา หิ มุคฺคมาสปฺปมาณาปิ ปาสาณสกฺขรา อุทเก ปกฺขิตฺตา อุปฺปิลวมานา นาม นตฺถิ, เอกนฺตํ เหฏฺาว ปวิสติ, เอวเมวํ อนฺตมโส สกฺกายทิฏฺิปิ สคฺคํ อุปเนตุํ สมตฺถา นาม นตฺถิ, เอกนฺตํ อปาเยสุเยว นิมุชฺชาเปตีติ.

๓๐๕. สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคตาติ เอตฺถ กมฺมสฺสกตสมฺมาทิฏฺิ, ฌานสมฺมาทิฏฺิ, วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ, มคฺคสมฺมาทิฏฺิ, ผลสมฺมาทิฏฺีติ ปฺจวิธา สมฺมาทิฏฺิ. ตตฺถ กมฺมสฺสกตสมฺมาทิฏฺิ สมฺปตฺติภวํ อากฑฺฒติ, ฌานสมฺมาทิฏฺิ รูปารูปภเว ปฏิสนฺธึ เทติ, มคฺคสมฺมาทิฏฺิ วฏฺฏํ วิทฺธํเสติ, ผลสมฺมาทิฏฺิ ภวํ ปฏิพาหติ. วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ กึ กโรตีติ? สาปิ ปฏิสนฺธึ นากฑฺฒติ. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปนาห ‘‘สเจ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ ภาวิตา ทิฏฺเว ธมฺเม อรหตฺตํ ปาเปตุํ สกฺโกติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. สเจ น สกฺโกติ, สตฺต ภเว เทติ, อาวุโส’’ติ. เอวมยํ โลกิยโลกุตฺตรา สมฺมาทิฏฺิ กถิตา. อิมสฺมึ ปนตฺเถ โลกิกา ภวนิปฺผาทิกาว เวทิตพฺพา.

๓๐๖. ยฺเจวกายกมฺมํ ยถาทิฏฺิ สมตฺตํ สมาทินฺนนฺติ เอตฺถ ยถาทิฏฺีติ ยา ยา ทิฏฺิ, ตสฺสา ตสฺสา อนุรูปํ. สมตฺตนฺติ ปริปุณฺณํ. สมาทินฺนนฺติ คหิตํ. ตเทตํ ยถาทิฏฺิยํ ิตกายกมฺมํ, ทิฏฺิสหชาตํ กายกมฺมํ, ทิฏฺานุโลมิกํ กายกมฺมนฺติ ติวิธํ โหติ. ตตฺถ ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจารํ จรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ ยํ เอวํลทฺธิกสฺส สโต ปาณาติปาต-อทินฺนาทาน-มิจฺฉาจารสงฺขาตํ กายกมฺมํ, อิทํ ยถาทิฏฺิยํ ิตกายกมฺมํ นาม. ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจารํ จรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ อิมาย ปน ลทฺธิยา อิมินา ทสฺสเนน สหชาตํ กายกมฺมํ ทิฏฺิสหชาตํ กายกมฺมํ นาม. ตเทว ปน สมตฺตํ สมาทินฺนํ คหิตํ ปรามฏฺํ ทิฏฺานุโลมิกํ กายกมฺมํ นาม. วจีกมฺมาทีสุปิ เอเสว นโย. ยถา ปเนตฺถ ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจารํ จรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาป’’นฺติ โยชนา กตา, เอวํ วจีกมฺมมโนกมฺเมสุ ‘‘มุสา ภณโต, ปิสุณํ กเถนฺตสฺส, ผรุสํ กเถนฺตสฺส, สมฺผํ ปลปนฺตสฺส, อภิชฺฌาลุโน, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส จ สโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาป’’นฺติ โยชนา กาตพฺพา.

ยา จ เจตนาติอาทีสุ ทิฏฺิสหชาตาว เจตนา เจตนา นาม, ทิฏฺิสหชาตาว ปตฺถนา ปตฺถนา นาม, เจตนาปตฺถนานํ วเสน จิตฺตฏฺปนา ปณิธิ นาม, เตหิ ปน เจตนาทีหิ สมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย สงฺขารา นาม. ทิฏฺิ หิสฺส, ภิกฺขเว, ปาปิกาติ ยสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฏฺิ ปาปิกา ลามิกา. นิกฺขิตฺตนฺติ โรปิตํ. อุปาทิยตีติ คณฺหาติ. กฏุกตฺตายาติ อิทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ.

‘‘วณฺณคนฺธรสูเปโต , อมฺโพยํ อหุวา ปุเร;

ตเมว ปูชํ ลภมาโน, เกนมฺโพ กฏุกปฺผโล.

‘‘ปุจิมนฺทปริวาโร, อมฺโพ เต ทธิวาหน;

มูลํ มูเลน สํสฏฺํ, สาขา สาขา นิเสวเร;

อสาตสนฺนิวาเสน, เตนมฺโพ กฏุกปฺผโล’’ติ. (ชา. ๑.๒.๗๑-๗๒) –

อาคตฏฺาเน วิย หิ อิธาปิ กฏุกนฺติ ติตฺตกํ เวทิตพฺพํ. อสาตตฺตายาติ อมธุรตฺตาย.

อิมสฺมิ ปน พีชูปมสุตฺเต ‘‘ทิฏฺีติ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ คหิตา’’ติ โปราณกตฺเถรา อาหํสุ. ตํ ปน ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘สพฺพานิปิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ คหิตานี’’ติ วุตฺตํ. อนนฺตรสุตฺเต ‘‘ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส, อทินฺนาทานา วิรมนฺตสฺส, มิจฺฉาจารา วิรมนฺตสฺส นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺ’’นฺติอาทินา นเยน ยถาทิฏฺิยํ ิตกายกมฺมาทีนิ โยเชตฺวา เวทิตพฺพานิ. อิธ ปน สมฺมาทิฏฺิสหชาตา จิตฺตฏฺปนาว ปตฺถนาติ เวทิตพฺพา. สมฺมาทิฏฺิ ปเนตฺถ โลกิยโลกุตฺตรา กถิตา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ทุติยวคฺควณฺณนา.

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๓. เอกธมฺมปาฬิ-ตติยวคฺควณฺณนา

๓๐๘. ตติยสฺส ปเม มิจฺฉาทิฏฺิโกติ อยาถาวทิฏฺิโก. วิปรีตทสฺสโนติ ตาเยว มิจฺฉาทิฏฺิยา วิปรีตทสฺสโน. สทฺธมฺมา วุฏฺาเปตฺวาติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมโต วุฏฺาเปตฺวา. อสทฺธมฺเมปติฏฺาเปตีติ ทสอกุสลกมฺมปถสงฺขาเต อสทฺธมฺเม ปติฏฺาเปติ. เอกปุคฺคโลติ เจตฺถ ฉหิ สตฺถาเรหิ สทฺธึ เทวทตฺโต จ อฺเ จ เอวรูปา เวทิตพฺพา.

๓๐๙. ทุติเย สมฺมาทิฏฺิโกติ ยาถาวทิฏฺิโก. อวิปรีตทสฺสโนติ ตาเยว สมฺมาทิฏฺิยา อวิปรีตทสฺสโน. อสทฺธมฺมาติ ทสอกุสลกมฺมปถโต. สทฺธมฺเมติ ทสกุสลกมฺมปถสงฺขาเต สทฺธมฺเม. เอกปุคฺคโลติ เจตฺถ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จกฺกวตฺตี ราชา สพฺพฺุโพธิสตฺโตติ เอวมาทโย ลพฺภนฺติ, อุปฺปนฺเน พุทฺเธ พุทฺโธ เจว พุทฺธสาวกา จ.

๓๑๐. ตติเย มิจฺฉาทิฏฺิปรมานีติ มิจฺฉาทิฏฺิ ปรมา เอเตสนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ. ปฺจ หิ อานนฺตริยกมฺมานิ มหาสาวชฺชานิ นาม, เตหิปิ มิจฺฉาทิฏฺิเยว มหาสาวชฺชตราติ อธิปฺปาโย. กสฺมา? เตสฺหิ ปริจฺเฉโท อตฺถิ. จตฺตาริ หิ อานนฺตริยกมฺมานิ นิรเย นิพฺพตฺตาเปนฺตีติ วุตฺตานิ . สงฺฆเภทกมฺมมฺปิ นิรเย กปฺปฏฺิติกเมว โหติ. เอวเมเตสํ ปริจฺเฉโท อตฺถิ, โกฏิ ปฺายติ. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา ปน ปริจฺเฉโท นตฺถิ. สา หิ วฏฺฏสฺส มูลํ, ตาย สมนฺนาคตสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถิ. เย ตสฺส โสตพฺพํ มฺนฺติ, เตปิ วิปฺปฏิปาเทติ. ตาย จ สมนฺนาคตสฺส เนว สคฺโค อตฺถิ น มคฺโค. กปฺปวินาเส มหาชเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺเตปิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก ตตฺถ อนิพฺพตฺติตฺวา ปิฏฺิจกฺกวาเฬ นิพฺพตฺตติ. กึ ปน ปิฏฺิจกฺกวาฬํ น ฌายตีติ? ฌายติ, ตสฺมึ ฌายมาเนปิ เอส อากาเส เอกสฺมึ โอกาเส ปจฺจติเยวาติ วทนฺติ.

๓๑๑. จตุตฺเถ มกฺขลีติ ‘‘มา ขลี’’ติ วจนํ อุปาทาย เอวํลทฺธนาโม ติตฺถกโร. นทีมุเขติ ทฺวินฺนํ นทีนํ สมาคตฏฺาเน. เทสนามตฺตเมเวตํ, ทฺวินฺนํ กนฺทรานํ, ทฺวินฺนํ อุทกานํ, สมุทฺทสฺส จ, โลณิยา จ, สมุทฺทสฺส จ นทิยา จาติ เอเตสมฺปิ ยสฺส กสฺสจิ สมาคตฏฺานํ, อฺมฺปิ ตถารูปํ อุทกํ. ขิปนฺติ กุมินํ. อุฑฺเฑยฺยาติ โอฑฺเฑยฺย. มนุสฺสา หิ นเฬหิ วา อุจฺฉูหิ วา เวฬูหิ วา ปลาสนฺติสลากาย วา เอกํ ทฺเว ตโย วา กุมฺเภ คณฺหนปฺปมาณกุมินํ กตฺวา มุขวฏฺฏิยา โยตฺเตน พนฺธิตฺวา นทีมุขํ เนตฺวา ทฺวีสุ ปสฺเสสุ ขาณุเก โกฏฺเฏตฺวา โยตฺเตหิ ตตฺถ พนฺธนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ตสฺมิฺหิ ปวิฏฺสฺส ขุทฺทกสฺส มจฺฉสฺสาปิ โมกฺโข นตฺถิ. อนยายาติ อวฑฺฒิยา. พฺยาสนายาติ วินาสาย. มกฺขลิ โมฆปุริโสติ อยํ มกฺขลิ โคสาโล ตุจฺฉปุริโส. มนุสฺสขิปฺปํ มฺเ โลเก อุปฺปนฺโนติ มหาชนสฺส สคฺคโมกฺขคมนมคฺเค ตตฺถ คมนนิวารณตฺถํ มนุสฺสกุมินํ วิย โลเก อุปฺปนฺโน.

๓๑๒. ปฺจมาทีสุ ทุรกฺขาเต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเยติ ทุรกฺขาตธมฺมวินโย นาม พาหิรกสาสนํ. ตตฺถ หิ สตฺถาปิ อสพฺพฺู โหติ, ธมฺโมปิ ทุรกฺขาโต, คโณปิ ทุปฺปฏิปนฺโน. โย จ สมาทเปตีติ โย อาจริยปุคฺคโล สมาทเปติ. ยฺจ สมาทเปตีติ ยํ อนฺเตวาสิกํ สมาทเปติ. โย จ สมาทปิโต ตถตฺตาย ปฏิปชฺชตีติ โย อนฺเตวาสิโก อาจริเยน สมาทปิโต ตสฺส วจนํ กโรนฺโต ตถาภาวาย ปฏิปชฺชติ. พหุํ อปุฺํ ปสวนฺตีติ สมาทปโก หิ ปาณาติปาตาทีสุ ชงฺฆสตํ สมาทเปนฺโต เตสํ สพฺเพสมฺปิ อกุสเลน สมกเมว อกุสลํ ปาปุณาติ. เตนาห – ‘‘สพฺเพ เต พหุํ อปุฺํ ปสวนฺตี’’ติ.

๓๑๓. สฺวากฺขาเตติ สุฏฺุ อกฺขาเต สุเทสิเต. เอวรูเป หิ ธมฺมวินเย สตฺถา จ สพฺพฺู โหติ, ธมฺโม จ สฺวากฺขาโต, คโณ จ สุปฺปฏิปนฺโน. สพฺเพ เต พหุํ ปุฺํ ปสวนฺตีติ สมาทปโก หิ ภิกฺขู ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ทิสฺวา ยาคุภตฺตาทีนิ สมาทเปนฺโต สพฺเพสมฺปิ ทายกานํ กุสเลน สมกํ กุสลํ ปาปุณาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘พหุํ ปุฺํ ปสวนฺตี’’ติ.

๓๑๔. ทายเกน มตฺตา ชานิตพฺพาติ ทายกปุคฺคเลน ปมาณํ ชานิตพฺพํ, ปมาเณน ทาตพฺพํ, ปูเรตฺวา อติเรกํ น ทาตพฺพํ. น ทาตพฺพนฺติ หิ อวตฺวา ปมาณวเสน โถกํ ทาตพฺพนฺติ วุตฺตํ. กสฺมา? ปูเรตฺวา อติเรเก ทินฺเนปิ หิ อติเรกา มนุสฺสสมฺปตฺติ วา ทิพฺพสมฺปตฺติ วา นิพฺพานสมฺปตฺติ วา นตฺถิ. โน ปฏิคฺคาหเกนาติ ปฏิคฺคาหกสฺส ปน มตฺตํ ชานิตฺวา ปฏิคฺคหณกิจฺจํ นาม นตฺถิ. กสฺมา? ตสฺส หิ มตฺตํ ตฺวา ปูเรตพฺพา มตฺตปฏิคฺคหณมูลิกา อปฺปิจฺฉปฏิปทา นาม นตฺถิ. ยตฺตกํ ปน ลภติ, ตตฺตกํ คเหตพฺพํ. อติเรกคฺคหณมูลํ หิสฺส ปุตฺตทารภรณํ ภวิสฺสติ.

๓๑๕. ปฏิคฺคาหเกน มตฺตา ชานิตพฺพาติ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเลน ปมาณํ ชานิตพฺพํ. กถํ? เตน หิ ทายกสฺส วโส เวทิตพฺโพ, เทยฺยธมฺมสฺส วโส เวทิตพฺโพ, อตฺตโน ถาโม เวทิตพฺโพ. ยทิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหิตพฺพํ. เทยฺยธมฺโม อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหิตพฺพํ. เทยฺยธมฺโมปิ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาเณเนว คณฺหิตพฺพํ. เอวํ มตฺตํ ตฺวา ปฏิคฺคณฺหนฺโต หิ อปฺปิจฺฉปฏิปทํ ปูเรติ. อนุปฺปนฺนสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน ลาโภ ถาวโรว โหติ. อปฺปสนฺนา ปสีทนฺติ, ปสนฺนาปิ ภิยฺโย ปสาทมาปชฺชนฺติ, มหาชนสฺส จกฺขุภูโต โหติ, สาสนํ จิรฏฺิติกํ กโรติ.

ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – โรหณชนปเท กิร กุฏิมฺพิยวิหาเร เอโก ทหโร ทุพฺภิกฺขสมเย ตสฺมึ คาเม เอกสฺส กมฺมการสฺส เคเห ภุฺชนตฺถาย กฏจฺฉุภตฺตํ คเหตฺวา คมนตฺถาย จ กฏจฺฉุภตฺตเมว ลภติ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ เคเห เอกํ อาคนฺตุกํ ทิสฺวา เอกเมว กฏจฺฉุภตฺตํ คณฺหิ. อถสฺส ‘‘เกน การเณนา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ วตฺวา โส กุลปุตฺโต ปสีทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ กุลูปกภทนฺโต เอวรูโป นามา’’ติ ราชทฺวาเร มิตฺตามจฺจานํ กเถสิ. เต สพฺเพปิ ตสฺส อปฺปิจฺฉคุเณ ปสนฺนา เอกทิวเสเนว สฏฺิ ธุรภตฺตานิ เปสุํ. เอวํ อปฺปิจฺโฉ อนุปฺปนฺนลาภํ อุปฺปาเทติ.

สทฺธาติสฺสมหาราชาปิ จูฬุปฏฺากํ ติสฺสามจฺจํ วีมํสิตฺวา เตน เอกํ ติตฺติรํ ปจาเปตฺวา อาหราเปสิ. อถ ปริโภคสมเย ‘‘อคฺคํ ทตฺวา ปริภุฺชิสฺสามี’’ติ อฏฺกสาลปริเวเณ มหาเถรสฺส ภณฺฑคฺคาหสามเณรสฺส ติตฺติรมํสํ เทนฺโต ตสฺมึ โถกํเยว ปฏิคฺคณฺหนฺเต ตสฺส อปฺปิจฺฉคุเณ ปสีทิตฺวา ‘‘ปสนฺโนสฺมิ, ตาต, อฏฺ เต ธุรภตฺตานิ เทมี’’ติ อาห. มหาราช, อุปชฺฌายสฺส เทมีติ. อปรานิปิ อฏฺ เทมีติ. ตานิ อมฺหากํ อาจริยสฺส เทมีติ. อปรานิปิ อฏฺ ทมฺมีติ. ตานิ สมานุปชฺฌายานํ ทมฺมีติ. อปรานิปิ อฏฺ ทมฺมีติ. ตานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมีติ. อปรานิปิ อฏฺ ทมฺมีติ. สามเณโร อธิวาเสสิ. เอวมสฺส อุปฺปนฺโน ลาโภ ถาวโร โหติ.

อปฺปสนฺนา ปสีทนฺตีติ เอตฺถปิ – ทีฆพฺราหฺมโณ กิร พฺราหฺมเณ โภเชนฺโต ปฺจ ปฺจ ภตฺตสรกานิ ทตฺวา สนฺตปฺเปตุํ นาสกฺขิ. อเถกทิวสํ ‘‘สมณา กิร นาม อปฺปิจฺฉา’’ติ กถํ สุตฺวา วีมํสนตฺถาย ภตฺตํ คาหาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตกิจฺจกรณเวลาย วิหารํ คนฺตฺวา ตึสมตฺเต ภิกฺขู โภชนสาลายํ ภุฺชนฺเต ทิสฺวา เอกํ ภตฺตสรกํ คเหตฺวา สงฺฆตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เถโร องฺคุลึ จาเลตฺวา โถกเมว อคฺคเหสิ. เอเตเนว นิยาเมน เอกํ ภตฺตสรกํ สพฺเพสํ สมฺปาปุณิ. ตโต พฺราหฺมโณ ‘‘สจฺโจเยว เอเตสํ สมณานํ คุโณ’’ติ อปฺปิจฺฉตาย ปสนฺโน สหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺมึเยว วิหาเร เจติยํ กาเรสิ. เอวํ อปฺปสนฺนา ปสีทนฺติ.

ปสนฺนาภิยฺโย ปสีทนฺตีติ เอตฺถ วตฺถุนา กิจฺจํ นตฺถิ. ปสนฺนานฺหิ อปฺปิจฺฉํ ทิสฺวา ปสาโท ภิยฺโย วฑฺฒติเยว.

มชฺฌนฺติกติสฺสตฺเถรสทิเส ปน อปฺปิจฺเฉ ทิสฺวา มหาชโน อปฺปิจฺโฉ ภวิตุํ มฺตีติ อปฺปิจฺโฉ มหาชนสฺส จกฺขุภูโต นาม โหติ.

‘‘อปฺปิจฺฉตา, ภิกฺขเว, สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๑๖-๑๒๙) วจนโต ปน อปฺปิจฺโฉ สาสนํ จิรฏฺิติกํ กโรติ นาม.

โน ทายเกนาติ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปน ทายกสฺส ปมาณํ ตฺวา ทาตพฺพกิจฺจํ นาม นตฺถิ. ยตฺตโก เทยฺยธมฺโม อตฺถิ, ตตฺตกํ อวตฺถริตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ. อวตฺถริตฺวา ทินฺนการณา หิ เอส มนุสฺสสมฺปตฺตึ, ทิพฺพสมฺปตฺตึ, นิพฺพานสมฺปตฺติฺจ อวตฺถริตฺวา อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตเมว ลภติ.

๓๑๖. โย อารทฺธวีริโย, โส ทุกฺขํ วิหรตีติ ปฺจาตปตปฺปนมรุปฺปปาตปตนาทิจฺจานุปริวตฺตน-อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีนิ อนุยุฺชนฺโต ทิฏฺเ เจว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ , ตสฺเสว พาหิรสมเย สมาทินฺนสฺส ตปจรณสฺส วิปาเกน นิรเย อุปฺปชฺชิตฺวา สมฺปราเยปิ ทุกฺขํ วิหรติ.

๓๑๗. โย กุสีโต, โส ทุกฺขํ วิหรตีติ อยมฺปิ ทิฏฺเ ธมฺเม เจว สมฺปราเย จ ทุกฺขํ วิหรติ. กถํ? ยสฺส หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย โยนิโส มนสิกาโร นตฺถิ, พุทฺธวจนํ น อุคฺคณฺหาติ, อาจริยุปชฺฌายวตฺตํ น กโรติ, เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ น กโรติ. ชนสฺส ปน สทฺธาเทยฺยํ อปจฺจเวกฺขิตปริโภเคน ปริภุฺชิตฺวา ทิวสํ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ อนุยุฺชิตฺวา ปพุทฺธกาเล ตโย วิตกฺเก วิตกฺเกติ. โส กติปาเหเนว ภิกฺขุภาวา จวติ? เอวํ ทิฏฺธมฺเม จ ทุกฺขํ วิหรติ. ปพฺพชิตฺวา ปน สมณธมฺมสฺส สมฺมา อกตตฺตา จ –

‘‘กุโส ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;

สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายุปกฑฺฒตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๑๑) –

อปายสฺมึเยว ปฏิสนฺธึ คณฺหติ. เอวํ สมฺปราเยปิ ทุกฺขํ วิหรติ.

๓๑๘. โยกุสีโต, โส สุขํ วิหรตีติ กาเลน กาลํ วุตฺตปฺปกาเร ตปจรเณ กิฺจิ กิฺจิ ตปจรณํ กตฺวา กาเลน กาลํ โอทาตวตฺถวสโน มาลาคนฺธวิเลปนธโร มธุรโภชนํ ภุฺชนฺโต มุทุกาสุ เสยฺยาสุ สยนฺโต ทิฏฺเ ธมฺเม เจว สุขํ วิหรติ สมฺปราเย จ. โส หิ ตสฺส ตปจรณสฺส คาฬฺหํ อคฺคหิตตฺตา นาติพหุํ นิรเย ทุกฺขํ อนุภวติ. ตสฺมา สมฺปราเย สุขํ วิหรติ นาม.

๓๑๙. โย อารทฺธวีริโย, โส สุขํ วิหรตีติ อารทฺธวีริโย หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย วตฺเตสุ ปริปูรการี โหติ, พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาติ, โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กโรติ. อถสฺส วตฺตปูรณฺเจว อุคฺคหิตพุทฺธวจนฺจ สมณธมฺมกิริยฺจ อาวชฺเชนฺตสฺส จิตฺตํ ปสีทติ. เอวํ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ วิหรติ. ทิฏฺธมฺเม ปน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺโต นิพฺพตฺตภเว ขิปฺปาภิฺโ โหตีติ สมฺปราเยปิ สุขํ วิหรติ นาม.

๓๒๐. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหตีติ อิทํ สุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตํ. กตรอฏฺุปฺปตฺติยนฺติ? นวกนิปาเต (อ. นิ. ๙.๑๒) สตฺตุปฺปาทสุตฺต อฏฺุปฺปตฺติยํ. ตถาคโต หิ ตํ อตฺถํ กเถนฺโต – ‘‘นว ปุคฺคลา นิรยโต มุตฺตา, ติรจฺฉานโยนิโต มุตฺตา, เปตฺติวิสยโต มุตฺตา’’ติ กเถสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข ปน เม ปุตฺตา อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ขีณนิรยมฺหา ขีณติรจฺฉานโยนิกา ขีณเปตฺติวิสยา ขีณาปายทุคฺคติวินิปาตาติ มฺมานา อุปริมคฺคผลตฺถาย วายมิตุํ น มฺเยฺยุํ, เตสํ สํเวคํ ชเนสฺสามี’’ติ สํเวคชนนตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติ อิมํ สุตฺตมารภิ. ตตฺถ อปฺปมตฺตโกติ โถกมตฺตโก ปริตฺตปฺปมาโณ, อนฺตมโส กุสคฺเคนปิ คเหตฺวา อุปสิงฺฆิยมาโน ทุคฺคนฺโธว โหติ. อปฺปมตฺตกมฺปิ ภวํ น วณฺเณมีติ อปฺปมตฺตกมฺปิ กาลํ ภเว ปฏิสนฺธึ น วณฺณยามิ. อิทานิสฺส อุปมํ ทสฺเสนฺโต อาห – อนฺตมโส อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปีติ. สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ทฺเว องฺคุลิโย เอกโต กตฺวา ปหรณมตฺตมฺปิ กาลนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ตติยวคฺควณฺณนา.

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๔. เอกธมฺมปาฬิ-จตุตฺถวคฺควณฺณนา

๓๒๒. จตุตฺถวคฺคสฺส ปเม ชมฺพุทีเปติ ชมฺพุยา ปฺาโต ปากโฏ ทีโปติ ชมฺพุทีโป. อิมสฺส กิร ทีปสฺส สฺาณภูตา โยชนสตุพฺเพธา ปณฺณาสโยชนสาขา ปฺจทสโยชนาวฏฺฏกฺขนฺธา หิมวนฺตปพฺพเต ชาตา กปฺปฏฺายินี มหาชมฺพู นาม อตฺถิ, ตาย อยํ ทีโป ชมฺพุทีโปติ วุจฺจติ. ยถา จ อิมสฺมึ ทีเป ชมฺพุรุกฺโข กปฺปฏฺายี, ตถา อปรโคยาเน กทมฺพรุกฺโข, อุตฺตรกุรูสุ กปฺปรุกฺโข, ปุพฺพวิเทเห สิรีสรุกฺโข, อสุรานํ จิตฺตปาฏลิรุกฺโข, สุปณฺณานํ สิมฺพลิรุกฺโข , เทวานํ ปาริจฺฉตฺตโกติ อิเมปิ กปฺปฏฺายิโนว.

‘‘ปาฏลี สิมฺพลี ชมฺพู, เทวานํ ปาริจฺฉตฺตโก;

กทมฺโพ กปฺปรุกฺโข จ, สิรีโส ภวติ สตฺตโม’’ติ.

อารามรามเณยฺยกนฺติ ปุปฺผารามผลารามานํ รามเณยฺยกํ เวฬุวน-ชีวกมฺพวน-เชตวนปุพฺพารามสทิสํ. ตํ อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป อปฺปมตฺตกํ ปริตฺตกํ, น พหุกนฺติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ วนรามเณยฺยกนฺติ นาควนสาลวนจมฺปกวนาทิสทิสํ วงฺกปพฺพตหิมวนฺตปพฺพตปเทสาทีสุ อรฺวนํ เวทิตพฺพํ. ภูมิรามเณยฺยกนฺติ เชตวนวิหารมคธกฺเขตฺตาทิสทิสํ สมํ ภูมิฏฺานํ. โปกฺขรณิรามเณยฺยกนฺติ เชตวนโปกฺขรณิคคฺคราโปกฺขรณิสทิสานํ วฏฺฏจตุรสฺสทีฆวงฺกาทิสณฺานานํ โปกฺขรณีนํ สนฺนิเวสนฏฺานํ. อุกฺกูลวิกูลนฺติ อุกฺกูลฺจ วิกูลฺจ. ตตฺถ อุกฺกูลํ อุนฺนตฏฺานํ, วิกูลํ นินฺนฏฺานํ. นทีวิทุคฺคนฺติ นทีนํ ภินฺนฏฺานํ ตํ ทุคฺคมตฺตา นทีวิทุคฺคนฺติ วุจฺจติ. ขาณุกณฺฏกฏฺานนฺติ ตตฺถชาตกานฺเจว อาหริยมานานฺจ ขาณุกณฺฏกาทีนํ ปติฏฺานฏฺานํ. ปพฺพตวิสมนฺติ คิริวิสมํ. เย โอทกาติ เย จ อุทเก ชายนฺติ, เตเยว พหุตรา. อิโต กิร สุวณฺณภูมิ สตฺตมตฺตานิ โยชนสตานิ โหติ, เอเกน วาเตน คจฺฉนฺตี นาวา สตฺตหิ อโหรตฺเตหิ คจฺฉติ. อเถกสฺมึ สมเย เอวํ คจฺฉนฺตี นาวา สตฺตาหมฺปิ นนฺทิยาวฏฺฏมจฺฉปิฏฺเเนว คตา. เอวํ โอทกานํ สตฺตานํ พหุภาโว เวทิตพฺโพ.

อปิจ ถลฏฺานสฺส ปริตฺตภาเวน อุทกสฺส จ พหุภาเวนาปิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา หิ มหาตฬาเก เอโกว อุปฺปลคจฺโฉ อสฺส, ตสฺส จตฺตาริ จ ปณฺณานิ, มชฺเฌ จ เอกํ อุปฺปลมกุลํ อสฺส. เอวเมวํ จตฺตาริ ปณฺณานิ วิย จตฺตาโร ทีปา, มชฺเฌ อุปฺปลมกุลํ วิย สิเนรุปพฺพโต, เสสํ อุทกํ วิย อุทกปริกฺขิตฺโต โอกาโส. ตสฺส มหนฺตภาโว อิทฺธิมนฺตานํ ปากโฏ โหติ. เตสฺหิ อากาเสน คจฺฉนฺตานํ จตฺตาโร มหาทีปา จตฺตาริ ปณฺณานิ วิย อุปฏฺหนฺติ, สิเนรุปพฺพโต มชฺเฌ อุปฺปลมกุลํ วิย, เสสํ อุทกํ วิย อุทกปริกฺขิตฺโต โอกาโส. เอวํ มหนฺเต อุทเก ชาตตฺตา โอทกาว พหุตรา เวทิตพฺพา.

๓๒๓. ทุติยาทีสุ อฺตฺร มนุสฺเสหีติ อิธ จตฺตาโร อปายา อฺตฺร มนุสฺเสหีติ อธิปฺเปตา.

มชฺฌิเมสุ ชนปเทสูติ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉินฺเน ชนปเทติ อตฺโถ. อยฺหิ ชนปโท มุทิงฺคสณฺาโน อุชุเกน กตฺถจิ อสีติโยชโน โหติ, กตฺถจิ โยชนสติโก, กตฺถจิ ทฺวิโยชนสติโก, มชฺเฌน ปน ติโยชนสติโก, ปริยนฺตปริกฺเขเปน นวมตฺตโยชนสติโก โหติ. เอตฺตเก าเน พุทฺธปจฺเจกพุทฺธา มหาสาวกา พุทฺธุปฏฺากา พุทฺธสาวกา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺตี ราชาติ อิเม สตฺตา นิพฺพตฺตนฺติ. อปิจ อุปาทายุปาทายาปิ มชฺฌิมปเทโส ลพฺภติ. สกโลปิ หิ ชมฺพุทีโป มชฺฌิมปเทโส นาม, เสสทีปา ปจฺจนฺติมา ชนปทา. ตมฺพปณฺณิทีเป อนุราธปุรํ มชฺฌิมปเทโส นาม, เสโส ปจฺจนฺโตติ เอวํ นโย เวทิตพฺโพ.

๓๒๔. ปฺวนฺโตอชฬา อเนฬมูคาติ เอตฺถ กมฺมสฺสกตปฺา, ฌานปฺา วิปสฺสนาปฺา, มคฺคปฺา, ผลปฺาติ เอตาหิ สมนฺนาคตา ปฺวนฺโต นาม, อมูฬฺหา อชฬา นาม. เยสํ เอฬา มุขโต น คลติ, เต อเนฬมูคา นาม, อเนฬมุขา นิทฺโทสมุขาติ อตฺโถ. ปฏิพลาติ สมตฺถา, กายพเลน เจว าณพเลน จ สมนฺนาคตา. อตฺถมฺาตุนฺติ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ ชานิตุํ. ทุปฺปฺาติ อปฺปฺา นิปฺปฺา. ชฬาติ มนฺทา โมมูหา.

๓๒๕. อริเยน ปฺาจกฺขุนาติ สหวิปสฺสเนน มคฺเคน. อวิชฺชาคตาติ อวิชฺชนฺธกาเรน สมนฺนาคตา.

๓๒๖. เย ลภนฺติ ตถาคตํ ทสฺสนายาติ เย ตถาคตสฺส คุเณ ชานิตฺวา ตถาคตํ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสิตุํ ลภนฺติ.

๓๒๗. ตถาคตปฺปเวทิตนฺติ ตถาคเตน ปเวทิตํ ปกาเสตฺวา กถิตํ. สวนายาติ โสตวิฺาเณน โสตุํ.

๓๒๘. ธาเรนฺตีติ น ปมฺมุสฺสนฺติ.

๓๒๙. ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขนฺตีติ ปคุณาย ปาฬิยา อตฺถานตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ.

๓๓๐. อตฺถมฺาย ธมฺมมฺายาติ อฏฺกถฺจ ปาฬิฺจ ชานิตฺวา. ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชนฺตีติ อนุโลมปฏิปทํ ปูเรนฺติ.

๓๓๑. สํเวชนีเยสุ าเนสูติ สํเวคชนเกสุ การเณสุ. สํวิชฺชนฺตีติ สํเวคํ อาปชฺชนฺติ.

๓๓๒. โยนิโส ปทหนฺตีติ อุปาเยน ปธานวีริยํ กโรนฺติ.

๓๓๓. ววสฺสคฺคารมฺมณนฺติ ววสฺสคฺโค วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตํ อารมฺมณํ กริตฺวาติ อตฺโถ. ลภนฺติ สมาธินฺติ มคฺคสมาธิฺจ ผลสมาธิฺจ ปาปุณนฺติ.

๓๓๔. อนฺนคฺครสคฺคานนฺติ อุตฺตมนฺนานฺจ อุตฺตมรสานฺจ. อุฺเฉน กปาลาภเตน ยาเปนฺตีติ อุฺฉาจาเรน วนมูลผลาผเลน วา กปาเลน อาภตภตฺเตน วา ยาเปนฺติ. เอตฺถ จ โย กสฺสจิเทว ขาทนียสฺส โภชนียสฺส อตฺถาย จิตฺเต อุปฺปนฺเน ตํขณํเยว น ตํ ลภติ, อยํ อนฺนคฺครสคฺคานํ น ลาภี นาม. ยสฺสปิ ตํขณํเยว ลภิตฺวา โอโลเกนฺตสฺส วณฺณคนฺธรสา อมนาปา โหนฺติ, อยมฺปิ อนฺนคฺครสคฺคานํ น ลาภี นาม. ยสฺส ปน วณฺณคนฺธรสา ปฏิลภนฺติ, มนาปา โหนฺติ, อยํ อนฺนคฺครสคฺคานํ ลาภี นาม. โส อุตฺตมโกฏิยา จกฺกวตฺตี ราชา, เหฏฺิมโกฏิยา ธมฺมาโสโก เวทิตพฺโพ. สงฺเขปโต หิ ยสฺส ภตฺตสฺส เอกปาติ สตสหสฺสํ อคฺฆติ, อิทํ อนฺนคฺครสคฺคํ นาม. ยํ ปน ภิกฺขุสงฺฆํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อุตฺตมปณีตํ ภตฺตํ เทนฺติ, อิทํ กึ นามาติ? อิทํ อุฺเฉน กปาลาภเตน ยาเปนฺเต อุปาทาย อนฺนคฺครสคฺคํ นาม วุจฺจตีติ.

๓๓๕. อตฺถรสสฺสาติอาทีสุ อตฺถรโส นาม จตฺตาริ สามฺผลานิ, ธมฺมรโส นาม จตฺตาโร มคฺคา, วิมุตฺติรโส นาม อมตนิพฺพานํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา.

ชมฺพุทีปเปยฺยาโล นิฏฺิโต.