📜
๑๘. อปรอจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา
๓๘๒. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปีติ ¶ อิทมฺปิ สุตฺตํ อคฺคิกฺขนฺธูปมอฏฺุปฺปตฺติยํเยว (อ. นิ. ๗.๗๒) วุตฺตํ. อปฺปนาปฺปตฺตาย หิ เมตฺตาย วิปาเก กถาเยว นตฺถิ. ตสฺสาเยว อฏฺุปฺปตฺติยา อยํ เทสนา อารทฺธาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ปมนฺติ ‘‘คณนานุปุพฺพตา ปมํ, อิทํ ¶ ปมํ สมาปชฺชตีติ ปม’’นฺติ วิภงฺเค (วิภ. ๕๖๘) วุตฺตตฺถเมว. ฌานนฺติ ฌานํ นาม ทุวิธํ อารมฺมณูปนิชฺฌานฺจ ลกฺขณูปนิชฺฌานฺจาติ. ตตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ นาม อฏฺ สมาปตฺติโย. ตา หิ ปถวีกสิณาทิโน อารมฺมณสฺส อุปนิชฺฌานโต อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจนฺติ. ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วิปสฺสนามคฺคผลานิ. วิปสฺสนา หิ อนิจฺจาทิวเสน สงฺขารลกฺขณสฺส อุปนิชฺฌานโต ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม, วิปสฺสนาย ปน ลกฺขณูปนิชฺฌานกิจฺจํ มคฺเคน สิชฺฌตีติ มคฺโค ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, ผลํ สฺุตอนิมิตฺตอปฺปณิหิต-ลกฺขณสฺส นิพฺพานสฺเสว อุปนิชฺฌานโต ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ อิมสฺมึ ปน อตฺเถ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ อธิปฺเปตํ. โก ปน วาโท เย นํ พหุลีกโรนฺตีติ เย นํ ปมชฺฌานํ พหุลี กโรนฺติ, ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, เตสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๓๘๓. ทุติยนฺติอาทีสุปิ ‘‘คณนานุปุพฺพตา ทุติย’’นฺติอาทินา (วิภ. ๕๗๙) นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๘๖-๓๘๗. เมตฺตนฺติ ¶ สพฺพสตฺเตสุ หิตผรณํ. เจโตวิมุตฺตินฺติ จิตฺตวิมุตฺตึ. อิธ อปฺปนาปฺปตฺตาว เมตฺตา อธิปฺเปตา. กรุณาทีสุปิ เอเสว นโย. อิเม ปน จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา วฏฺฏํ โหนฺติ, วฏฺฏปาทา โหนฺติ, วิปสฺสนาปาทา โหนฺติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา โหนฺติ, อภิฺาปาทา วา นิโรธปาทา วา โหนฺติ. โลกุตฺตรา ปน น โหนฺติ. กสฺมา? สตฺตารมฺมณตฺตาติ.
๓๙๐. กาเย ¶ กายานุปสฺสีติ อานาปานปพฺพํ, อิริยาปถปพฺพํ, จตุสมฺปชฺปพฺพํ, ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ ¶ , ธาตุมนสิการปพฺพํ, นวสิวถิกาปพฺพานิ, อชฺฌตฺตปริกมฺมวเสน จตฺตาริ นีลาทิกสิณานีติ อิมสฺมึ อฏฺารสวิเธ กาเย ตเมว กายํ ปฺาย อนุปสฺสนฺโต. วิหรตีติ อิริยติ วตฺตติ. อิมินา อิมสฺส อฏฺารสวิเธน กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวกสฺส ภิกฺขุโน อิริยาปโถ กถิโต โหติ. อาตาปีติ ตสฺเสว วุตฺตปฺปการสฺส สติปฏฺานสฺส ภาวนกวีริเยน วีริยวา. สมฺปชาโนติ อฏฺารสวิเธน กายานุปสฺสนาสติปฏฺานสฺส ปริคฺคาหิกปฺาย สมฺมา ปชานนฺโต. สติมาติ อฏฺารสวิเธน กายานุปสฺสนาปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโต. วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ ตสฺมึเยว กายสงฺขาเต โลเก ปฺจกามคุณิกตณฺหฺจ ปฏิฆสมฺปยุตฺตโทมนสฺสฺจ วิเนตฺวา วิกฺขมฺเภตฺวา กาเย กายานุปสฺสี วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานวเสน สุทฺธรูปสมฺมสนเมว กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เวทนาสุ เวทนานุปสฺสีติ สุขาทิเภทาสุ เวทนาสุ ‘‘สุขํ เวทนํ เวทิยมาโน สุขํ เวทนํ เวทิยามีติ ปชานาติ. ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขํ, สามิสํ วา สุขํ, นิรามิสํ วา สุขํ, สามิสํ วา ทุกฺขํ, นิรามิสํ วา ทุกฺขํ, สามิสํ วา อทุกฺขมสุขํ, นิรามิสํ วา อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทิยมาโน นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทิยามีติ ปชานาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๐; วิภ. ๓๖๓; ม. นิ. ๑.๑๑๓) เอวํ วุตฺตํ นววิธํ เวทนํ อนุปสฺสนฺโต. อาตาปีติอาทินา ปเนตฺถ นววิเธน เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานสฺส ¶ ภาวนาปริคฺคาหิกานํ วีริยปฺาสตีนํ วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โลโกติ เจตฺถ เวทนา เวทิตพฺพา.
จิตฺตธมฺเมสุปิ ¶ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสีติ ‘‘สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๑; วิภ. ๓๖๕; ม. นิ. ๑.๑๑๔) เอวํ วิตฺถาริเต โสฬสปฺปเภเท จิตฺเต ตเมว จิตฺตํ ปริคฺคาหิกาย อนุปสฺสนาย อนุปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ ‘‘ปฺจ นีวรณานิ, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๒-๔๐๓; วิภ. ๓๖๗-๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๑๕-๑๓๖) เอวํ โกฏฺาสวเสน ปฺจธา วุตฺเตสุ ธมฺเมสุ ธมฺมปริคฺคาหิกาย อนุปสฺสนาย เต ธมฺเม อนุปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. เอตฺถ ปน เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺาเน จ จิตฺตานุปสฺสนาสติปฏฺาเน จ สุทฺธอรูปสมฺมสนเมว กถิตํ, ธมฺมานุปสฺสนาสติปฏฺาเน ¶ รูปารูปสมฺมสนํ. อิติ อิมานิ จตฺตาริปิ สติปฏฺานานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
๓๙๔. อนุปฺปนฺนานนฺติ อนิพฺพตฺตานํ. ปาปกานนฺติ ลามกานํ. อกุสลานํ ธมฺมานนฺติ อโกสลฺลสมฺภูตานํ โลภาทิธมฺมานํ. อนุปฺปาทายาติ อนิพฺพตฺตนตฺถาย. ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทํ อุปฺปาเทติ. วายมตีติ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรติ. วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ กโรติ. จิตฺตํ ¶ ปคฺคณฺหาตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิปติ. ปทหตีติ ปธานวีริยํ กโรติ.
อุปฺปนฺนานนฺติ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ โกสลฺลสมฺภูตานํ อโลภาทิธมฺมานํ. ิติยาติ ิตตฺถํ. อสมฺโมสายาติ อนสฺสนตฺถํ. ภิยฺโยภาวายาติ ปุนปฺปุนภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย. ภาวนายาติ วฑฺฒิยา. ปริปูริยาติ ปริปูรณตฺถาย. อยํ ตาว จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ เอกปทิโก อตฺถุทฺธาโร.
อยํ ปน สมฺมปฺปธานกถา นาม ทุวิธา โลกิยา โลกุตฺตรา จ. ตตฺถ โลกิยา สพฺพปุพฺพภาเค โหติ, สา กสฺสปสํยุตฺตปริยาเยน โลกิยมคฺคกฺขเณเยว เวทิตพฺพา. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘จตฺตาโรเม, อาวุโส, สมฺมปฺปธานา. กตเม จตฺตาโร? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ‘อนุปฺปนฺนา เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ, ‘อุปฺปนฺนา เม ¶ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหียมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ, ‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา อนุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรติ, ‘อุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’นฺติ อาตปฺปํ กโรตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๕).
เอตฺถ จ ปาปกา อกุสลาติ โลภาทโย เวทิตพฺพา. อนุปฺปนฺนา ¶ กุสลา ธมฺมาติ สมถวิปสฺสนา เจว มคฺโค จ. อุปฺปนฺนา กุสลา นาม สมถวิปสฺสนาว. มคฺโค ปน สกึ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌมาโน อนตฺถาย สํวตฺตนโก นาม นตฺถิ. โส หิ ผลสฺส ปจฺจยํ ทตฺวาว นิรุชฺฌติ ¶ . ปุริมสฺมิมฺปิ วา สมถวิปสฺสนาว คเหตพฺพาติ วุตฺตํ, ตํ ปน น ยุตฺตํ. เอวํ โลกิยา สมฺมปฺปธานกถา สพฺพปุพฺพภาเค กสฺสปสํยุตฺตปริยาเยน เวทิตพฺพา. โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปเนตํ เอกเมว วีริยํ จตุกิจฺจสาธนวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติ.
ตตฺถ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุปฺปนฺโน เจว กามจฺฉนฺโท’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุปฺปนฺนานํ ปาปกานนฺติ เอตฺถ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ, ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺนํ, โอกาสกตุปฺปนฺนํ, ภูมิลทฺธุปฺปนฺนนฺติ. ตตฺถ เย กิเลสา วิชฺชมานา อุปฺปาทาทิสมงฺคิโน, อิทํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ นาม. กมฺเม ปน ชวิเต อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธวิปาโก ภุตฺวา วิคตํ นาม, กมฺมํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ ภุตฺวา วิคตํ นาม. ตทุภยมฺปิ ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺนนฺติ สงฺขํ คจฺฉติ. กุสลากุสลกมฺมํ อฺกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, เอวํ กเต ¶ โอกาเส วิปาโก อุปฺปชฺชมาโน โอกาสกรณโต ปฏฺาย อุปฺปนฺโนติ วุจฺจติ, อิทํ โอกาสกตุปฺปนฺนํ นาม. ปฺจกฺขนฺธา ปน วิปสฺสนาย ภูมิ นาม, เต อตีตาทิเภทา โหนฺติ. เตสุ อนุสยิตกิเลสา ปน อตีตา วา อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วาติ น วตฺตพฺพา. อตีตกฺขนฺเธสุ อนุสยิตาปิ หิ อปฺปหีนาว โหนฺติ, อนาคตกฺขนฺเธสุ อนุสยิตาปิ อปฺปหีนาว โหนฺติ, ปจฺจุปฺปนฺนกฺขนฺเธสุ อนุสยิตาปิ อปฺปหีนาว โหนฺติ, อิทํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม. เตนาหุ โปราณา – ‘‘ตาสุ ตาสุ ภูมิสุ อสมุคฺฆาตคตา กิเลสา ภูมิลทฺธุปฺปนฺนาติ สงฺขํ คจฺฉนฺตี’’ติ.
อปรมฺปิ ¶ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ สมุทาจารุปฺปนฺนํ, อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนํ, อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ, อสมุคฺฆาติตุปฺปนฺนนฺติ. ตตฺถ สมฺปติ วตฺตมานํเยว สมุทาจารุปฺปนฺนํ นาม. สกึ จกฺขูนิ อุมฺมีเลตฺวา อารมฺมเณ นิมิตฺเต คหิเต อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ กิเลสา นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา. ยถา กึ? ยถา ขีรุกฺขสฺส กุาริยา อาหตาหตฏฺาเน ขีรํ น นิกฺขมิสฺสตีติ น วตฺตพฺพา, เอวํ. อิทํ อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนํ นาม. สมาปตฺติยา อวิกฺขมฺภิตกิเลสา ปน อิมสฺมึ นาม าเนน อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อวิกฺขมฺภิตตฺตา. ยถา กึ? ยถา ขีรรุกฺขํ กุาริยา อาหเนยฺยุํ, อิมสฺมึ นาม าเน ขีรํ น นิกฺขเมยฺยาติ น วตฺตพฺพํ, เอวํ. อิทํ อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ นาม. มคฺเคน อสมุคฺฆาติตกิเลสา ปน ภวคฺเค นิพฺพตฺตสฺสาปิ ¶ อุปฺปชฺชนฺตีติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อิทํ อสมุคฺฆาติตุปฺปนฺนํ นาม.
อิเมสุ ¶ อุปฺปนฺเนสุ วตฺตมานุปฺปนฺนํ, ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺนํ, โอกาสกตุปฺปนฺนํ, สมุทาจารุปฺปนฺนนฺติ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ น มคฺควชฺฌํ, ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ, อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนํ, อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ, อสมุคฺฆาติตุปฺปนฺนนฺติ จตุพฺพิธํ มคฺควชฺฌํ. มคฺโค หิ อุปฺปชฺชมาโน เอเต กิเลเส ปชหติ. โส เย กิเลเส ปชหติ, เต อตีตา วา อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วาติ น วตฺตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘หฺจิ อตีเต กิเลเส ปชหติ? เตน หิ ขีณํเยว เขเปติ, นิรุทฺธํ นิโรเธติ, อตฺถงฺคตํ อตฺถงฺคเมติ, อตีตํ ยํ นตฺถิ, ตํ ปชหติ. หฺจิ อนาคเต กิเลเส ปชหติ? เตน หิ อชาตํ ปชหติ, อนิพฺพตฺตํ อนุปฺปนฺนํ อปาตุภูตํ ปชหติ, อนาคตํ ยํ นตฺถิ, ตํ ปชหติ. หฺจิ ปจฺจุปฺปนฺเน กิเลเส ปชหติ? เตน หิ รตฺโต ราคํ ปชหติ, ทุฏฺโ โทสํ, มูฬฺโห โมหํ, วินิพทฺโธ มานํ, ปรามฏฺโ ทิฏฺึ, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉํ, ถามคโต อนุสยํ ปชหติ, กณฺหสุกฺกา ธมฺมา ยุคนทฺธา วตฺตนฺติ, สํกิเลสิยา มคฺคภาวนา โหตีติ…เป… เตน หิ นตฺถิ มคฺคภาวนา, นตฺถิ ผลสจฺฉิกิริยา, นตฺถิ กิเลสปฺปหานํ, นตฺถิ ธมฺมาภิสมโยติ. อตฺถิ มคฺคภาวนา…เป… อตฺถิ ธมฺมาภิสมโยติ. ยถา กถํ วิย? เสยฺยถาปิ ตรุโณ รุกฺโข…เป… อปาตุภูตาเยว น ปาตุภวนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๒๑).
อิติ ¶ ¶ ปาฬิยํ อชาตผลรุกฺโข อาคโต, ชาตผลรุกฺโข ปน ทีเปตพฺโพ. ยถา หิ สผโล ตรุณมฺพรุกฺโข, ตสฺส ผลานิ มนุสฺสา ปริภฺุเชยฺยุํ, เสสานิ ปาเตตฺวา ปจฺฉิโย ปูเรยฺยุํ, อถฺโ ปุริโส ตํ ผรสุนา ฉินฺเทยฺย. เตนสฺส เนว อตีตานิ ผลานิ นาสิตานิ โหนฺติ, น อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานิ จ นาสิตานิ. อตีตานิ หิ มนุสฺเสหิ ปริภุตฺตานิ, อนาคตานิ อนิพฺพตฺตานิ, น สกฺกา นาเสตุํ. ยสฺมึ ปน สมเย โส ฉินฺโน, ตทา ผลานิเยว นตฺถีติ ปจฺจุปฺปนฺนานิปิ อนาสิตานิ. สเจ ปน รุกฺโข อจฺฉินฺโน อสฺส, อถสฺส ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ อาคมฺม ยานิ ผลานิ นิพฺพตฺเตยฺยุํ, ตานิ นาสิตานิ โหนฺติ. ตานิ หิ อชาตาเนว น ชายนฺติ, อนิพฺพตฺตาเนว น นิพฺพตฺตนฺติ, อปาตุภูตาเนว น ปาตุภวนฺติ. เอวเมว มคฺโค นาปิ อตีตาทิเภเท กิเลเส ปชหติ, นาปิ น ปชหติ. เยสฺหิ กิเลสานํ มคฺเคน ขนฺเธสุ อปริฺาเตสุ อุปฺปตฺติ สิยา, มคฺเคน อุปฺปชฺชิตฺวา ขนฺธานํ ปริฺาตตฺตา เต กิเลสา อชาตาว น ชายนฺติ, อนิพฺพตฺตาว น นิพฺพตฺตนฺติ, อปาตุภูตาว น ¶ ปาตุภวนฺติ. ตรุณปุตฺตาย อิตฺถิยา ปุน อวิชายนตฺถํ พฺยาธิตานํ โรควูปสมนตฺถํ ปีตเภสชฺเชหิ วาปิ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. เอวํ มคฺโค เย กิเลเส ปชหติ, เต อตีตา วา อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วาติ น วตฺตพฺพา. น จ มคฺโค กิเลเส น ปชหติ. เย ปน มคฺโค กิเลเส ปชหติ, เต สนฺธาย ‘‘อุปฺปนฺนานํ ปาปกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
น เกวลฺจ มคฺโค กิเลเสเยว ปชหติ, กิเลสานํ ปน อปฺปหีนตฺตา ¶ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อุปาทินฺนกฺขนฺธา, เตปิ ปชหติเยว. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธน สตฺต ภเว เปตฺวา อนมตคฺเค สํสาเร เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ, เอตฺเถเต นิรุชฺฌนฺตี’’ติ (จูฬว. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๖) วิตฺถาโร. อิติ มคฺโค อุปาทินฺนโต อนุปาทินฺนโต จ วุฏฺาติ. ภววเสน ปน โสตาปตฺติมคฺโค อปายภวโต วุฏฺาติ, สกทาคามิมคฺโค สุคติภเวกเทสโต, อนาคามิมคฺโค สุคติกามภวโต, อรหตฺตมคฺโค รูปารูปภวโต วุฏฺาติ. สพฺพภเวหิ วุฏฺาติเยวาติปิ วทนฺติ.
อถ มคฺคกฺขเณ กถํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย ภาวนา โหติ, กถํ วา อุปฺปนฺนานํ ิติยาติ? มคฺคปฺปวตฺติยา เอว. มคฺโค หิ ปวตฺตมาโน ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา ¶ อนุปฺปนฺโน นาม วุจฺจติ. อนาคตปุพฺพฺหิ านํ คนฺตฺวา อนนุภูตปุพฺพํ วา อารมฺมณํ อนุภวิตฺวา วตฺตาโร ภวนฺติ; ‘‘อนาคตฏฺานํ อาคตมฺห, อนนุภูตํ อารมฺมณํ อนุภวามา’’ติ. ยา จสฺส ปวตฺติ, อยเมว ิติ นามาติ ‘‘ิติยา ภาเวตี’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอวเมตสฺส ภิกฺขุโน อิทํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ วีริยํ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทายา’’ติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. อยํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ สมฺมปฺปธานกถา. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว สมฺมปฺปธานานิ กถิตานิ.
๓๙๘-๔๐๑. อิทฺธิปาเทสุ ฉนฺทํ นิสฺสาย ปวตฺโต สมาธิ ฉนฺทสมาธิ, ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขารา. สมนฺนาคตนฺติ เตหิ ¶ ธมฺเมหิ อุเปตํ. อิทฺธิยา ปาทํ, อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาทํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน อิทฺธิปาทวิภงฺเค (วิภ. ๔๓๑ อาทโย) อาคโต เอว. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๒) ปนสฺส อตฺโถ ทีปิโต. ตตฺรายํ ภิกฺขุ ยทา ฉนฺทาทีสุ เอกํ ธุรํ นิสฺสาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ ¶ , ตทาสฺส ปมิทฺธิปาโท ปุพฺพภาเค โลกิโย, อปรภาเค โลกุตฺตโร. เอวํ เสสาปีติ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต โลกิยโลกุตฺตราว อิทฺธิปาทา กถิตา.
๔๐๒-๔๐๖. สทฺธินฺทฺริยํ ภาเวตีติอาทีสุ สทฺธาว อตฺตโน สทฺธาธุเร อินฺทฏฺํ กโรตีติ สทฺธินฺทฺริยํ. วีริยินฺทฺริยาทีสุปิ เอเสว นโย. ภาเวตีติ เอตฺถ ปน อาทิกมฺมิโก โยคาวจโร ตีหิ การเณหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิโสเธนฺโต สทฺธินฺทฺริยํ ภาเวติ นาม. วีริยินฺทฺริยาทีสุปิ เอเสว นโย. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘มุฏฺสฺสตี ¶ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ¶ ภชโต ปยิรุปาสโต, คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๔-๑๘๕).
เอตฺถ จ คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโตติ สณฺหสุขุมํ ขนฺธนฺตรํ, อายตนนฺตรํ, ธาตนฺตรํ, อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคนฺตรํ, มคฺคนฺตรํ, ผลนฺตรฺจ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิเมสฺหิ ติณฺณํ ติณฺณํ การณานํ วเสน อกตาภินิเวโส อาทิกมฺมิโก โยคาวจโร สทฺธาธุราทีสุ อภินิเวสํ ¶ ปฏฺเปตฺวา ภาเวนฺโต อวสาเน วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา อิมานิ อินฺทฺริยานิ ภาเวติ นาม, อรหตฺตผเล ปตฺเต ภาวิตินฺทฺริโย นาม โหตีติ. เอวํ อิมานิปิ ปฺจินฺทฺริยานิ โลกิยโลกุตฺตราเนว กถิตานีติ.
สทฺธาพลาทีสุ สทฺธาเยว อกมฺปิยฏฺเน พลนฺติ สทฺธาพลํ. วีริยพลาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ หิ สทฺธา อสฺสทฺธิเย น กมฺปติ, วีริยํ โกสชฺเชน น กมฺปติ, สติ มุฏฺสฺสจฺเจน น กมฺปติ, สมาธิ อุทฺธจฺเจ น กมฺปติ, ปฺา อวิชฺชาย น กมฺปตีติ สพฺพานิปิ อกมฺปิยฏฺเน พลานีติ วุจฺจนฺติ. ภาวนานโย ปเนตฺถ อินฺทฺริยภาวนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ. อิมานิ โลกิยโลกุตฺตราเนว กถิตานีติ.
๔๑๘. สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ เอตฺถ อยํ อาทิกมฺมิกานํ กุลปุตฺตานํ วเสน สทฺธึ อตฺถวณฺณนาย ภาวนานโย. ตตฺถ ¶ สติสมฺโพชฺฌงฺคนฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ สตฺตนฺนํ อาทิปทานํ ตาว อยมตฺถวณฺณนา – สติสมฺโพชฺฌงฺเค ตาว สรณฏฺเน สติ, สา ปเนสา อุปฏฺานลกฺขณา, อปิลาปนลกฺขณา วา. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยถา, มหาราช ¶ , รฺโ ภณฺฑาคาริโก รฺโ สาปเตยฺยํ อปิลาเปติ ‘เอตฺตกํ, มหาราช, หิรฺํ, เอตฺตกํ สุวณฺณํ, เอตฺตกํ สาปเตยฺย’นฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปฺปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อปิลาเปติ อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (มิ. ป. ๒.๑.๑๓) วิตฺถาโร. อปิลาปนรสา, กิจฺจวเสเนว หิสฺสา เอตํ ลกฺขณํ เถเรน วุตฺตํ. อสมฺโมสรสา วา, โคจราภิมุขีภาวปจฺจุปฏฺานา. สติ เอว สมฺโพชฺฌงฺโคติ สติสมฺโพชฺฌงฺโค.
ตตฺถ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺโคติ โพชฺฌงฺโค. กึ วุตฺตํ โหติ? ยา หิ อยํ ธมฺมสามคฺคียาย โลกิยโลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขอตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา โพธีติ วุจฺจติ, พุชฺฌตีติ กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห ¶ – ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๘; ที. นิ. ๓.๑๔๓). ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺโคติปิ โพชฺฌงฺโค ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย ¶ . โยเปส ยถาวุตฺตปฺปการาย เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก โพธีติ วุจฺจติ, ตสฺส องฺโคติปิ โพชฺฌงฺโค เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา – ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ วา โพชฺฌงฺคา’’ติ.
อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนฏฺเน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฏิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ อิมินา ปฏิสมฺภิทานเยนาปิ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) โพชฺฌงฺคตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปสตฺโถ สุนฺทโร จ โพชฺฌงฺโค สมฺโพชฺฌงฺโค, สติ เอว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ.
ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคนฺติอาทีสุปิ จตุสจฺจธมฺเม วิจินตีติ ธมฺมวิจโย. โส ปวิจยลกฺขโณ, โอภาสนรโส, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน. วีรภาวโต, วิธินา อีรยิตพฺพโต จ วีริยํ. ตํ ปคฺคหลกฺขณํ, อุปถมฺภนรสํ ¶ , อโนสีทนปจฺจุปฏฺานํ. ปีณยตีติ ปีติ. สา ผรณลกฺขณา, ตุฏฺิลกฺขณา วา, กายจิตฺตานํ ปีณนรสา, เนสํเยว โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. กายจิตฺตทรถปฺปสฺสมฺภนโต ปสฺสทฺธิ. สา อุปสมลกฺขณา, กายจิตฺตทรถมทฺทนรสา, กายจิตฺตานํ ¶ อปริปฺผนฺทสีติภาวปจฺจุปฏฺานา. สมาธานโต สมาธิ. โส อวิกฺเขปลกฺขโณ, อวิสารลกฺขโณ วา, จิตฺตเจตสิกานํ สมฺปิณฺฑนรโส, จิตฺตฏฺิติปจฺจุปฏฺาโน. อชฺฌุเปกฺขนโต อุเปกฺขา. สา ปฏิสงฺขานลกฺขณา, สมวาหิตลกฺขณา วา, อูนาธิกนิวารณรสา, ปกฺขปาตุปจฺเฉทนรสา วา, มชฺฌตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา. เสสํ วุตฺตนยเมว. ภาเวตีติ พฺรูเหติ วฑฺเฒติ, อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ.
ตตฺถ จตฺตาโร ธมฺมา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพา สติสมฺปชฺํ มุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนตา อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ. อภิกฺกนฺตาทีสุ หิ สตฺตสุ าเนสุ สติสมฺปชฺเน, ภตฺตนิกฺขิตฺตกากสทิเส มุฏฺสฺสติปุคฺคเล ปริวชฺชเนน, ติสฺสทตฺตตฺเถรอภยตฺเถราทิสทิเส อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคเล เสวเนน, านนิสชฺชาทีสุ สติสมุฏฺาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาย จ สติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ จตูหิ การเณหิ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ.
สตฺต ¶ ¶ ธมฺมา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปริปุจฺฉกตา, วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา, ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา, ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา, คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา, ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ ปริปุจฺฉกตาติ ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานสมถวิปสฺสนานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตปริปุจฺฉาพหุลตา.
วตฺถุวิสทกิริยาติ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณํ. ยทา หิสฺส เกสนขโลมา ทีฆา โหนฺติ, สรีรํ วา อุปฺปนฺนโทสฺเจว เสทมลมกฺขิตฺจ ¶ , ตทา อชฺฌตฺติกํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. ยทา ปน จีวรํ ชิณฺณํ กิลิฏฺํ ทุคฺคนฺธํ วา โหติ, เสนาสนํ วา อุกฺลาปํ, ตทา พาหิรํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. ตสฺมา เกสาทิจฺเฉทเนน อุทฺธํวิเรจนอโธวิเรจนาทีหิ สรีรสลฺลหุกภาวกรเณน อุจฺฉาทนนหาปเนน จ อชฺฌตฺติกวตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํ. สูจิกมฺมโธวนรชนปริภณฺฑกรณาทีหิ พาหิรวตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํ. เอตสฺมิฺหิ อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุมฺหิ อวิสเท อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ อปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลวฏฺฏิเตลาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. วิสเท ปน อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุมฺหิ อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ วิสทํ โหติ ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลวฏฺฏิเตลาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. เตน วุตฺตํ – ‘‘วตฺถุวิสทกิริยา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตตี’’ติ.
อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา ¶ นาม สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมภาวกรณํ. สเจ หิสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อิตรานิ มนฺทานิ, ตโต วีริยินฺทฺริยํ ปคฺคหกิจฺจํ, สตินฺทฺริยํ อุปฏฺานกิจฺจํ, สมาธินฺทฺริยํ อวิกฺเขปกิจฺจํ, ปฺินฺทฺริยํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน วา, ยถา วา มนสิกโรโต พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน หาเปตพฺพํ. วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. สเจ ปน วีริยินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อถ เนว สทฺธินฺทฺริยํ อธิโมกฺขกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกติ, น อิตรานิ อิตรกิจฺจเภทํ. ตสฺมา ตํ ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพํ. ตตฺราปิ โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ ทสฺเสตพฺพํ. เอวํ เสเสสุปิ เอกสฺส พลวภาเว สติ อิตเรสํ อตฺตโน กิจฺเจสุ อสมตฺถตา เวทิตพฺพา.
วิเสสโต ปเนตฺถ สทฺธาปฺานํ สมาธิวีริยานฺจ สมตํ ปสํสนฺติ. พลวสทฺโธ หิ มนฺทปฺโ มุธปฺปสนฺโน โหติ, อวตฺถุมฺหิ ปสีทติ. พลวปฺโ มนฺทสทฺโธ เกราฏิกปกฺขํ ภชติ ¶ , เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหติ. จิตฺตุปฺปาทมตฺเตเนว กุสลํ โหตีติ อติธาวิตฺวา ทานาทีนิ อกโรนฺโต นิรเย อุปฺปชฺชติ. อุภินฺนํ สมตาย วตฺถุสฺมึเยว ปสีทติ. พลวสมาธึ ปน มนฺทวีริยํ สมาธิสฺส โกสชฺชปกฺขตฺตา โกสชฺชํ อภิภวติ. พลววีริยํ มนฺทสมาธึ วีริยสฺส อุทฺธจฺจปกฺขตฺตา อุทฺธจฺจํ อภิภวติ. สมาธิ ปน วีริเยน สํโยชิโต ¶ โกสชฺเช ปติตุํ น ลภติ, วีริยํ สมาธินา สํโยชิตํ อุทฺธจฺเจ ปติตุํ น ลภติ. ตสฺมา ตํ อุภยํ สมํ กตฺตพฺพํ. อุภยสมตาย หิ อปฺปนา โหติ.
อปิจ สมาธิกมฺมิกสฺส พลวตีปิ สทฺธา วฏฺฏติ. เอวฺหิ สทฺทหนฺโต โอกปฺเปนฺโต อปฺปนํ ปาปุณิสฺสติ. สมาธิปฺาสุ ¶ ปน สมาธิกมฺมิกสฺส เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ. เอวฺหิ โส อปฺปนํ ปาปุณาติ. วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ปฺา พลวตี วฏฺฏติ. เอวฺหิ โส ลกฺขณปฏิเวธํ ปาปุณาติ. อุภินฺนํ ปน สมตายปิ อปฺปนา โหติเยว. สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏติ. สติ หิ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สทฺธาวีริยปฺานํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต โกสชฺชปกฺขิเกน จ สมาธินา โกสชฺชปาตโต รกฺขติ. ตสฺมา สา โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยฺชเนสุ, สพฺพกมฺมิโก อมจฺโจ วิย จ สพฺพราชกิจฺเจสุ, สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. เตนาห – ‘‘สติ จ ปน สพฺพตฺถิกา วุตฺตา (สํ. นิ. ๕.๒๓๔) ภควตา. กึ การณา? จิตฺตฺหิ สติปฏิสรณํ, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา จ สติ, น วินา สติยา จิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคโห โหตี’’ติ.
ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา นาม ขนฺธาทิเภเทสุ อโนคาฬฺหปฺานํ ทุมฺเมธปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํ. ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา นาม สมปฺาสลกฺขณปริคฺคาหิกาย อุทยพฺพยปฺาย สมนฺนาคตปุคฺคลเสวนา. คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา นาม คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปฺาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา. ตทธิมุตฺตตา นาม านนิสชฺชาทีสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ สตฺตหิ การเณหิ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ.
เอกาทส ธมฺมา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – อปายภยปจฺจเวกฺขณตา, อานิสํสทสฺสาวิตา ¶ , คมนวีถิปจฺจเวกฺขณตา, ปิณฺฑปาตาปจายนตา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา ¶ , สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนตา, อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘นิรเยสุ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณโต ปฏฺาย มหาทุกฺขํ อนุภวนกาเลปิ, ติรจฺฉานโยนิยํ ชาลกฺขิปกุมินาทีหิ คหิตกาเลปิ, ปาชนกณฺฏกาทิปฺปหารตุนฺนสฺส ปน สกฏวหนาทิกาเลปิ, เปตฺติวิสเย อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ เอกํ พุทฺธนฺตรมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ อาตุรีภูตกาเลปิ, กาลกฺชิกอสุเรสุ สฏฺิหตฺถอสีติหตฺถปฺปมาเณน อฏฺิจมฺมมตฺเตเนว อตฺตภาเวน วาตาตปาทิทุกฺขานุภวนกาเลปิ น สกฺกา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ อุปฺปาเทตุํ. อยเมว เต ภิกฺขุ กาโล’’ติ เอวํ อปายภยํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ.
‘‘น สกฺกา กุสีเตน นว โลกุตฺตรธมฺมา ลทฺธุํ, อารทฺธวีริเยเนว สกฺกา, อยมานิสํโส วีริยสฺสา’’ติ เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนปิ อุปฺปชฺชติ. ‘‘สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวเกหิ คตมคฺโคว คนฺตพฺโพ, โส จ น สกฺกา กุสีเตน คนฺตุ’’นฺติ เอวํ คมนวีถึ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ.
‘‘เย ตํ ปิณฺฑปาตาทีหิ อุปฏฺหนฺติ, อิเม เต มนุสฺสา เนว าตกา, น ทาสกมฺมกรา, นาปิ ตํ นิสฺสาย ชีวิสฺสามาติ เต ปณีตานิ ปิณฺฑปาตาทีนิ เทนฺติ. อถ โข อตฺตโน การานํ มหปฺผลตํ ปจฺจาสีสมานา เทนฺติ. สตฺถาราปิ ‘อยํ อิเม ปจฺจเย ปริภฺุชิตฺวา กายทฬฺหีพหุโล สุขํ วิหริสฺสตี’ติ น เอวํ สมฺปสฺสตา ตุยฺหํ ปจฺจยา อนฺุาตา, อถ โข ‘อยํ อิเม ปริภฺุชมาโน สมณธมฺมํ กตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต ¶ มุจฺจิสฺสตี’ติ เต ปจฺจยา อนฺุาตา. โส ทานิ ตฺวํ กุสีโต วิหรนฺโต น ตํ ปิณฺฑปาตํ อปจายิสฺสสิ. อารทฺธวีริยสฺเสว หิ ปิณฺฑาปจายนํ นาม โหตี’’ติ เอวํ ปิณฺฑปาตาปจายนํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ มหามิตฺตตฺเถรสฺส วิย ปิณฺฑปาติยติสฺสตฺเถรสฺส วิย จ.
มหามิตฺตตฺเถโร กิร กสฺสกเลเณ นาม ปฏิวสติ. ตสฺส จ โคจรคาเม เอกา มหาอุปาสิกา เถรํ ปุตฺตํ กตฺวา ปฏิชคฺคติ. สา เอกทิวสํ อรฺํ คจฺฉนฺตี ธีตรํ อาห – ‘‘อมฺม ¶ , อสุกสฺมึ าเน ปุราณตณฺฑุลา, อสุกสฺมึ ขีรํ, อสุกสฺมึ สปฺปิ, อสุกสฺมึ ผาณิตํ, ตว ภาติกสฺส อยฺยมิตฺตสฺส อาคตกาเล ภตฺตํ ปจิตฺวา ขีรสปฺปิผาณิเตหิ สทฺธึ เทหิ, ทตฺวา ตฺวฺจ ภฺุเชยฺยาสิ. อหํ ปน หิยฺโย ปกฺกํ ปาริวาสิกภตฺตํ กฺชิเยน ภุตฺตมฺหี’’ติ. ทิวา กึ ภฺุชิสฺสสิ, อมฺมาติ? สากปณฺณํ ¶ ปกฺขิปิตฺวา กณตณฺฑุเลหิ อมฺพิลยาคุํ ปจิตฺวา เปหิ, อมฺมาติ.
เถโร จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ นีหรนฺโตว ตํ สทฺทํ สุตฺวา อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘มหาอุปาสิกา กิร กฺชิเยน ปาริวาสิกภตฺตํ ภฺุชิ, ทิวาปิ กณปณฺณมฺพิลยาคุํ ภฺุชิสฺสติ, ตุยฺหํ อตฺถาย ปน ปุราณตณฺฑุลาทีนิ อาจิกฺขติ. ตํ นิสฺสาย โข ปเนสา เนว เขตฺตํ น วตฺถุํ น ภตฺตํ น วตฺถํ ปจฺจาสีสติ, ติสฺโส ปน สมฺปตฺติโย ปตฺถยมานา เทติ. ตฺวํ เอติสฺสา ตา สมฺปตฺติโย ทาตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสีติ, อยํ โข ปน ปิณฺฑปาโต ตยา สราเคน สโทเสน สโมเหน น สกฺกา คณฺหิตุ’’นฺติ ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คณฺิกํ มฺุจิตฺวา นิวตฺติตฺวา กสฺสกเลณเมว คนฺตฺวา ปตฺตํ เหฏฺามฺเจ, จีวรฺจ จีวรวํเส เปตฺวา, ‘‘อรหตฺตํ อปาปุณิตฺวา น นิกฺขมิสฺสามี’’ติ วีริยํ อธิฏฺหิตฺวา นิสีทิ. ทีฆรตฺตํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา นิวุตฺถภิกฺขุ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปุเรภตฺตเมว อรหตฺตํ ปตฺวา วิกสมานมิว ปทุมํ มหาขีณาสโว สิตํ กโรนฺโตว นิกฺขมิ. เลณทฺวาเร รุกฺขมฺหิ อธิวตฺถา เทวตา –
‘‘นโม ¶ เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณยฺโยสิ มาริสา’’ติ. –
อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิณฺฑาย ปวิฏฺานํ ตุมฺหาทิสานํ อรหนฺตานํ ภิกฺขํ ทตฺวา มหลฺลกิตฺถิโย ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ อาห. เถโร อุฏฺหิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา กาลํ โอโลเกนฺโต ‘‘ปาโตเยวา’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย คามํ ปาวิสิ.
ทาริกาปิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ‘‘อิทานิ เม ภาตา อาคมิสฺสติ, อิทานิ เม ภาตา อาคมิสฺสตี’’ติ ทฺวารํ โอโลกยมานา นิสีทิ. สา เถเร ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ปตฺตํ คเหตฺวา สปฺปิผาณิตโยชิตสฺส ขีรปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา หตฺเถ เปสิ. เถโร ‘‘สุขํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ ¶ กตฺวา ปกฺกามิ. สาปิ ตํ โอโลกยมานาว อฏฺาสิ. เถรสฺส หิ ตทา อติวิย ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ อโหสิ, วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, มุขํ พนฺธนา ปวุตฺตตาลปกฺกํ วิย อติวิย วิโรจิตฺถ.
มหาอุปาสิกา ¶ อรฺโต อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, อมฺม, ภาติโก เต อาคโต’’ติ ปุจฺฉิ. สา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อุปาสิกา ‘‘อชฺช เม ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ตฺวา ‘‘อภิรมติ เต, อมฺม, ภาตา พุทฺธสาสเน, น อุกฺกณฺตี’’ติ อาห.
ปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ – มหาคาเม กิร เอโก ทลิทฺทปุริโส ทารุวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปติ. โส เตเนว การเณน นามํ ลภิตฺวา ทารุภณฺฑกมหาติสฺโส นาม ชาโต. โส เอกทิวสํ อตฺตโน ภริยํ อาห – ‘‘กึ อมฺหากํ ชีวิตํ นาม, สตฺถารา ทฬิทฺททานสฺส มหปฺผลภาโว กถิโต, มยฺจ นิพทฺธํ ทาตุํ น สกฺโกม, ปกฺขิกภตฺตมตฺตํ ทตฺวา ปุน อุปฺปนฺนํ สลากภตฺตมฺปิ ทสฺสามา’’ติ. สา ‘‘สาธุ สามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุนทิวเส ยถาลาเภน ปกฺขิกภตฺตํ อทาสิ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปจฺจเยหิ นิปฺปริสฺสยกาโล โหติ, ทหรสามเณรา ปณีตโภชนานิ ภฺุชิตฺวา ‘‘อยํ ลูขาหาโร’’ติ ¶ เตสํ ปกฺขิกภตฺตํ คหิตมตฺตกเมว กตฺวา เตสํ ปสฺสนฺตานํเยว ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ.
สา อิตฺถี ตํ ทิสฺวา สามิกสฺส กเถสิ, ‘‘มยา ทินฺนํ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ น ปน วิปฺปฏิสารินี อโหสิ. ตสฺสา สามิโก อาห – ‘‘มยํ ทุคฺคตภาเวน อยฺยานํ สุเขน ปริภฺุชาเปตุํ นาสกฺขิมฺห. กึ นุ โข กตฺวา อยฺยานํ มนํ คเหตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ? อถสฺส ภริยา อาห – ‘‘กึ วเทสิ, สามิ, สปุตฺตกา ทุคฺคตา นาม นตฺถีติ อยํ เต ธีตา, อิมํ เอกสฺมึ กุเล เปตฺวา ทฺวาทส กหาปเณ คณฺหิตฺวา เอกํ ขีรเธนุํ อาหร, อยฺยานํ ขีรสลากภตฺตํ ทสฺสาม, เอวํ เตสํ จิตฺตํ คณฺหิตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ. โส สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ. เตสํ ปฺุเน สา เธนุ สายํ ตีณิ มาณิกานิ, ปาโต ตีณิ มาณิกานิ ขีรํ เทติ. สายํ ลทฺธํ ทธึ กตฺวา ปุนทิวเส ตโต คหิตนวนีเตน สปฺปึ กตฺวา สสปฺปิปริเสกํ ขีรสลากภตฺตํ เทนฺติ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส เคเห สลากภตฺตํ ปฺุวนฺตาว ลภนฺติ.
โส ¶ เอกทิวสํ ภริยํ อาห – ‘‘มยํ ธีตุ อตฺถิตาย ลชฺชิตพฺพโต จ มุตฺตา, เคเห จ โน ภตฺตํ อยฺยานํ ปริโภคารหํ ชาตํ. ตฺวํ ยาว อหํ ¶ อาคจฺฉามิ, ตาว อิมสฺมึ กลฺยาณวตฺเต มา ปมชฺชิ. อหํ กิฺจิเทว กตฺวา ธีตรํ โมเจสฺสามี’’ติ. โส เอกํ ปเทสํ คนฺตฺวา อุจฺฉุยนฺตกมฺมํ กตฺวา ฉหิ มาเสหิ ทฺวาทส กหาปเณ ลภิตฺวา ‘‘อลํ เอตฺตกํ มม ธีตุ โมจนตฺถายา’’ติ เต กหาปเณ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา ‘‘เคหํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
ตสฺมึ สมเย อมฺพริยมหาวิหารวาสี ปิณฺฑปาติยติสฺสตฺเถโร ‘‘ติสฺสมหาวิหารํ คนฺตฺวา เจติยํ วนฺทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานโต มหาคามํ คจฺฉนฺโต ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. โส อุปาสโก เถรํ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘เอกโกว ¶ อคนฺตฺวา อิมินา อยฺเยน สทฺธึ เอกํ ธมฺมกถํ สุณนฺโต คมิสฺสามิ. สีลวนฺโต หิ สพฺพกาลํ ทุลฺลภา’’ติ เวเคน เถรํ สมฺปาปุณิตฺวา อภิวาเทตฺวา สทฺธึ คจฺฉนฺโต เวลาย อุปกฏฺาย จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ หตฺเถ ปุฏกภตฺตํ นตฺถิ, อยฺยสฺส จ ภิกฺขากาโล สมฺปตฺโต, อยฺจ เม ปริพฺพโย หตฺเถ อตฺถิ, เอกํ คามทฺวารํ ปตฺตกาเล อยฺยสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ.
ตสฺเสวํ จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเตเยว เอโก ปุฏกภตฺตํ คเหตฺวา ตํ านํ สมฺปตฺโต. อุปาสโก ตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, โถกํ อาคเมถา’’ติ วตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กหาปณํ เต, โภ ปุริส, ทมฺมิ, ตํ เม ปุฏกภตฺตํ เทหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ ภตฺตํ อิมสฺมึ กาเล มาสกมฺปิ น อคฺฆติ, อยฺจ มยฺหํ เอกวาเรเนว กหาปณํ เทติ, ภวิสฺสเตตฺถ การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘นาหํ กหาปเณน เทมี’’ติ อาห. เอวํ สนฺเต ทฺเว คณฺห, ตีณิ คณฺหาติ อิมินา นิยาเมน สพฺเพปิ เต กหาปเณ ทาตุกาโม ชาโต. อิตโร ‘‘อฺเปิสฺส อตฺถี’’ติ สฺาย ‘‘น เทมิ’’จฺเจว อาห. อถ นํ โส อาห – ‘‘สเจ เม, โภ, อฺเปิ อสฺสุ, เตปิ ทเทยฺยํ. น โข ปนาหํ อตฺตโน อตฺถาย คณฺหามิ, เอตสฺมึ เม รุกฺขมูเล เอโก อยฺโย นิสีทาปิโต, ตุยฺหมฺปิ กุสลํ ภวิสฺสติ, เทหิ เม ภตฺต’’นฺติ. เตน หิ, โภ, คณฺห, อาหร เต กหาปเณติ กหาปเณ คเหตฺวา ปุฏกภตฺตํ อทาสิ. อุปาสโก ภตฺตํ คเหตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปตฺตํ นีหรถ, ภนฺเต’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ นีหริตฺวา อุปฑฺฒภตฺเต ทินฺเน ปตฺตํ ปิทหิ. อุปาสโก อาห – ‘‘อยํ, ภนฺเต, เอกสฺเสว ปฏิวิโส, น ¶ สกฺกา มยา อิโต ภฺุชิตุํ. ตุมฺหากํเยว เม อตฺถาย อิมํ ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ, คณฺหถ นํ มํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. เถโร ‘‘อตฺถิ เอตฺถ การณ’’นฺติ คเหตฺวา สพฺพํ ปริภฺุชิ. อุปาสโก ธมกรเณน ¶ ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ¶ อทาสิ. ตโต นิฏฺิตภตฺตกิจฺเจ เถเร อุโภปิ มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ.
เถโร อุปาสกํ ปุจฺฉิ – ‘‘เกน การเณน ตฺวํ น ภฺุชสี’’ติ. โส อตฺตโน คมนาคมนวิธานํ สพฺพํ กเถสิ. เถโร ตํ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘ทุกฺกรํ อุปาสเกน กตํ, มยา ปน เอวรูปํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา เอตสฺส กตฺุนา ภวิตพฺพํ. สปฺปายเสนาสนํ ลภิตฺวา ตตฺเถว ฉวิมํสโลหิเตสุ สุกฺขนฺเตสุปิ นิสินฺนปลฺลงฺเกเนว อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น อุฏฺหิสฺสามี’’ติ. โส ติสฺสมหาวิหารํ คนฺตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา อตฺตโน ปตฺตเสนาสนํ ปวิสิตฺวา ปจฺจตฺถรณํ อตฺถริตฺวา ตตฺถ นิสินฺโน อตฺตโน มูลกมฺมฏฺานเมว คณฺหิ. โส ตาย รตฺติยา โอภาสมตฺตมฺปิ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. ปุนทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขาจารปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตเทว กมฺมฏฺานํ อนุโลมปฏิโลมํ วิปสฺสิ. เอเตนุปาเยน วิปสฺสนฺโต สตฺตเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อติวิย เม กิลนฺตํ สรีรํ, กึ นุ โข เม ชีวิตํ จิรํ ปวตฺติสฺสติ, น ปวตฺติสฺสตี’’ติ. อถสฺส อปฺปวตฺตนภาวํ ทิสฺวา เสนาสนํ ปฏิสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วิหารมชฺฌํ คนฺตฺวา เภรึ ปหราเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตสิ.
สงฺฆตฺเถโร ‘‘เกน ภิกฺขุนาสงฺโฆ สนฺนิปาติโต’’ติ ปุจฺฉิ. มยา, ภนฺเตติ. กิมตฺถํ สปฺปุริสาติ. ภนฺเต, อฺํ กมฺมํ นตฺถิ, เยสํ ปน มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, เต มํ ปุจฺฉนฺตูติ. สปฺปุริส ตาทิสา นาม ภิกฺขู อสนฺตํ คุณํ น กเถนฺติ, อมฺหากํ เอตฺถ กงฺขา นตฺถิ. กึ ปน เต สํเวคการณํ อโหสิ, กึ ปจฺจยํ กตฺวา อรหตฺตํ นิพฺพตฺตนฺติ. ภนฺเต, อิมสฺมึ มหาคาเม วลฺลิยวีถิยํ ทารุภณฺฑกมหาติสฺโส นาม อุปาสโก อตฺตโน ธีตรํ พหิ เปตฺวา ทฺวาทส กหาปเณ คณฺหิตฺวา เตหิ เอกํ ขีรเธนุํ คเหตฺวา สงฺฆสฺส ขีรภตฺตสลากํ ปฏฺเปสิ, โส ‘‘ธีตรํ โมเจสฺสามี’’ติ ฉ มาเส ยนฺตสาลาย ภตึ กตฺวา ¶ ทฺวาทส กหาปเณ ลภิตฺวา ‘‘ธีตรํ โมเจสฺสามี’’ติ อตฺตโน เคหํ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มํ ทิสฺวา ภิกฺขาจารเวลาย สพฺเพปิ เต กหาปเณ ทตฺวา ปุฏกภตฺตํ คณฺหิตฺวา สพฺพํ มยฺหํ อทาสิ. อหํ ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา อิธาคนฺตฺวา สปฺปายเสนาสนํ ลภิตฺวา ‘‘ปิณฺฑาปจายนกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ วิเสสํ นิพฺพตฺเตสึ, ภนฺเตติ. ตํ านํ สมฺปตฺตา จตสฺโสปิ ปริสา เถรสฺส สาธุการํ อทํสุ. สกภาเวน สณฺาตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ. เถโร สงฺฆมชฺเฌ นิสีทิตฺวา กเถนฺโต ¶ กเถนฺโตว ‘‘มยฺหํ กูฏาคารํ ทารุภณฺฑกมหาติสฺสสฺส หตฺเถน ผุฏฺกาเลเยว จลตู’’ติ อธิฏฺาย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
กากวณฺณติสฺสมหาราชา ‘‘เอโก กิร เถโร ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา กูฏาคารํ สชฺเชตฺวา เถรํ ตตฺถ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทานิ จิตกฏฺานํ คมิสฺสามา’’ติ อุกฺขิปนฺโต จาเลตุํ นาสกฺขิ. ราชา ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, เถเรน กิฺจิ กถิต’’นฺติ. ภิกฺขู เถเรน กถิตวิธานํ อาจิกฺขึสุ. ราชา ตํ อุปาสกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตยา อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก กสฺสจิ มคฺคปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ปุฏกภตฺตํ ทินฺน’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาม, เทวาติ. เกน เต นิยาเมน ทินฺนนฺติ? โส ตํ การณํ สพฺพํ อาโรเจสิ. อถ นํ ราชา เถรสฺส กูฏาคารฏฺานํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ ตํ เถรํ สฺชาน, โส วา อฺโ วา’’ติ. โส คนฺตฺวา สาณึ อุกฺขิปิตฺวา เถรสฺส มุขํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ทฺวีหิ หตฺเถหิ หทยํ สนฺธาเรนฺโต รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, มยฺหํ อยฺโย’’ติ อาห. อถสฺส ราชา มหาปสาธนํ ทาเปสิ. ตํ ปสาเธตฺวา อาคตํ ‘‘คจฺฉ ภาติก มหาติสฺส มยฺหํ, อยฺยาติ วตฺวา กูฏาคารํ อุกฺขิปา’’ติ อาห. อุปาสโก ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ คนฺตฺวา เถรสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน มตฺถเก อกาสิ. ตสฺมึเยว ขเณ กูฏาคารํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ¶ จิตกมตฺถเก ปติฏฺาสิ. ตสฺมึ กาเล จิตกสฺส จตูหิปิ กณฺเณหิ สยเมว อคฺคิชาลา อุฏฺหึสูติ.
‘‘มหนฺตํ โข ปเนตํ สตฺถุ ทายชฺชํ, ยทิทํ สตฺต อริยธนานิ นาม, ตํ น สกฺกา กุสีเตน คเหตุํ. ยถา หิ วิปฺปฏิปนฺนํ ปุตฺตํ มาตาปิตโร ‘อยํ อมฺหากํ ¶ อปุตฺโต’ติ ปริพาหิรํ กโรนฺติ, โส เตสํ อจฺจเยน ทายชฺชํ น ลภติ, เอวํ กุสีโตปิ อิทํ อริยธนทายชฺชํ น ลภติ, อารทฺธวีริโยว ลภตี’’ติ ทายชฺชมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
‘‘มหา โข ปน เต สตฺถา. สตฺถุโน หิ เต มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คหณกาเลปิ, อภินิกฺขมเนปิ, อภิสมฺโพธิยมฺปิ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนยมกปาฏิหาริยเทโวโรหนอายุสงฺขารโวสฺสชฺชเนสุปิ, ปรินิพฺพานกาเลปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. ยุตฺตํ นุ เต เอวรูปสฺส สตฺถุโน สาสเน ปพฺพชิตฺวา กุสีเตน ภวิตุ’’นฺติ เอวํ สตฺถุมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
‘‘ชาติยาปิ ¶ ตฺวํ อิทานิ น ลามกชาติโก, อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปเวณิยา อาคตโอกฺกากราชวํเส ชาโตสิ, สุทฺโธทนมหาราชสฺส จ มหามายาเทวิยา จ นตฺตา, ราหุลภทฺทสฺส กนิฏฺโ, ตยา นาม เอวรูเปน ชินปุตฺเตน หุตฺวา น ยุตฺตํ กุสีเตน วิหริตุ’’นฺติ เอวํ ชาติมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เจว อสีติ มหาสาวกา จ วีริเยเนว โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ, ตฺวํ เอเตสํ สพฺรหฺมจารีนํ มคฺคํ ปฏิปชฺชสิ, น ปฏิปชฺชสี’’ติ เอวํ สพฺรหฺมจาริมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
กุจฺฉึ ปูเรตฺวา ิตอชครสทิเส วิสฺสฏฺกายิกเจตสิกวีริเย กุสีตปุคฺคเล ปริวชฺเชนฺตสฺสาปิ, อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต ปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ วิริยุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ เอกาทสหิ การเณหิ วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ¶ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ.
เอกาทส ธมฺมา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมสงฺฆสีล^ จาคเทวตานุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ, ลูขปุคฺคลปริวชฺชนตา, สินิทฺธปุคฺคลเสวนตา, ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติ.
พุทฺธคุเณ ¶ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ หิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ, ธมฺมสงฺฆคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ, ทีฆรตฺตํ อขณฺฑํ กตฺวา รกฺขิตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโน ทสสีลํ ปฺจสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, ทุพฺภิกฺขภยาทีสุ ปณีตโภชนํ สพฺรหฺมจารีนํ ทตฺวา ‘‘เอวํนาม อทมฺหา’’ติ จาคํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโนปิ เอวรูเป กาเล สีลวนฺตานํ ทินฺนทานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เยหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา เทวตฺตํ ปตฺตา, ตถารูปานํ คุณานํ อตฺตนิ อตฺถิตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิเต กิเลสา สฏฺิปิ สตฺตติปิ วสฺสานิ น สมุทาจรนฺตีติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนเถรทสฺสเนสุ อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน ¶ คทฺรภปิฏฺเ รชสทิเส ลูขปุคฺคเล ปริวชฺเชนฺตสฺสาปิ, พุทฺธาทีสุ ปสาทพหุเล มุทุจิตฺเต สินิทฺธปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, รตนตฺตยคุณปริทีปเก ปสาทนียสุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ปีติอุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ เอกาทสหิ การเณหิ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ.
สตฺต ¶ ธมฺมา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – ปณีตโภชนเสวนตา, อุตุสุขเสวนตา, อิริยาปถสุขเสวนตา, มชฺฌตฺตปโยคตา, สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา, ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติ.
ปณีตฺหิ สินิทฺธํ สปฺปายโภชนํ ภฺุชนฺตสฺสาปิ, สีตุณฺเหสุ จ อุตูสุ านาทีสุ จ อิริยาปเถสุ สปฺปายอุตฺุจ อิริยาปถฺจ เสวนฺตสฺสาปิ ปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชติ. โย ปน มหาปุริสชาติโก สพฺพอุตุอิริยาปถกฺขโม โหติ, น ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ยสฺส สภาควิสภาคตา อตฺถิ, ตสฺเสว วิสภาเค อุตุอิริยาปเถ วชฺเชตฺวา สภาเค เสวนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ. มชฺฌตฺตปโยโค วุจฺจติ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตปจฺจเวกฺขณา. อิมินา มชฺฌตฺตปโยเคน อุปฺปชฺชติ. โย เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรํ วิเหยมาโน วิจรติ, เอวรูปํ สารทฺธกายํ ปุคฺคลํ ปริวชฺเชนฺตสฺสาปิ, สํยตปาทปาณึ ปสฺสทฺธกายํ ปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ปสฺสทฺธิอุปฺปาทนตฺถาย ¶ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ สตฺตหิ การเณหิ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ.
เอกาทส ธมฺมา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – วตฺถุวิสทกิริยตา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา, นิมิตฺตกุสลตา, สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนตา, สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหนตา, สมเย สมฺปหํสนตา, สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา, อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา, สมาหิตปุคฺคลเสวนตา, ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ วตฺถุวิสทกิริยตา จ อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
นิมิตฺตกุสลตา ¶ นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหกุสลตา. สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนตาติ ยสฺมึ สมเย อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ ¶ สมเย ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปเนน ตสฺส ปคฺคณฺหนํ. สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหนตาติ ยสฺมึ สมเย อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปเนน ตสฺส นิคฺคณฺหนํ. สมเย สมฺปหํสนตาติ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปฺาปโยคมนฺทตาย วา อุปสมสุขานธิคเมน วา นิรสฺสาทํ โหติ, ตสฺมึ สมเย อฏฺสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน สํเวเชติ. อฏฺ สํเวควตฺถูนิ นาม – ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ. รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณน จ ปสาทํ ชเนติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘สมเย สมฺปหํสนตา’’ติ.
สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา นาม ยสฺมึ สมเย สมฺมาปฏิปตฺตึ อาคมฺม อลีนํ อนุทฺธตํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฏิปนฺนํ จิตฺตํ โหติ, ตทาสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ น พฺยาปารํ อาปชฺชติ สารถิ วิย สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ. อยํ วุจฺจติ ‘‘สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา’’ติ. อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา นาม อุปจารํ วา อปฺปนํ วา อปฺปตฺตานํ วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ ¶ ปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํ. สมาหิตปุคฺคลเสวนตา นาม อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา สมาหิตจิตฺตานํ เสวนา ภชนา ปยิรุปาสนา. ตทธิมุตฺตตา นาม านนิสชฺชาทีสุ สมาธิอุปฺปาทนตฺถํเยว นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา. เอวฺหิ ปฏิปชฺชโต เอส อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ เอกาทสหิ การเณหิ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ.
ปฺจ ¶ ธมฺมา อุเปขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – สตฺตมชฺฌตฺตตา, สงฺขารมชฺฌตฺตตา, สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ สตฺตมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปติ ‘‘ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโนว กมฺเมน คมิสฺสสิ, เอโสปิ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโนว กมฺเมน คมิสฺสติ, ตฺวํ กํ เกลายสี’’ติ เอวํ กมฺมสฺสกตปจฺจเวกฺขเณน จ, ‘‘ปรมตฺถโต สตฺโตเยว นตฺถิ, โส ตฺวํ กํ เกลายสี’’ติ ¶ เอวํ นิสฺสตฺตปจฺจเวกฺขเณน จาติ. ทฺวีเหวากาเรหิ สงฺขารมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปติ ‘‘อิทํ จีวรํ อนุปุพฺเพน วณฺณวิการฺเจว ชิณฺณภาวฺจ อุปคนฺตฺวา ปาทปฺุฉนโจฬกํ หุตฺวา ยฏฺิโกฏิยา ฉฑฺฑนียํ ภวิสฺสติ, สเจ ปนสฺส สามิโก ภเวยฺย, นาสฺส เอวํ วินสฺสิตุํ ทเทยฺยา’’ติ เอวํ อสฺสามิกภาวปจฺจเวกฺขเณน จ, ‘‘อนทฺธนิยํ อิทํ ตาวกาลิก’’นฺติ เอวํ ตาวกาลิกภาวปจฺจเวกฺขเณน จาติ. ยถา จ จีวเร, เอวํ ปตฺตาทีสุปิ โยชนา กาตพฺพา.
สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตาติ เอตฺถ โย ปุคฺคโล คิหี วา อตฺตโน ปุตฺตธีตาทิเก, ปพฺพชิโต วา อตฺตโน อนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกาทิเก มมายติ, สหตฺเถเนว เนสํ เกสจฺเฉทนสูจิกมฺมจีวรโธวนรชนปตฺตปจนาทีนิ กโรติ, มุหุตฺตมฺปิ อปสฺสนฺโต ‘‘อสุโก สามเณโร กุหึ, อสุโก ทหโร กุหิ’’นฺติ ภนฺตมิโค วิย อิโต จิโต จ โอโลเกติ, อฺเน เกสจฺเฉทนาทีนํ อตฺถาย ‘‘มุหุตฺตํ ตาว อสุกํ เปเสถา’’ติ ยาจิยมาโนปิ ‘‘อมฺเหปิ ตํ อตฺตโน กมฺมํ น กาเรม, ตุมฺเห นํ คเหตฺวา กิลมิสฺสถา’’ติ น เทติ, อยํ สตฺตเกลายโน นาม. โย ปน จีวรปตฺตถาลกกตฺตรยฏฺิอาทีนิ ¶ มมายติ, อฺสฺส หตฺเถน ปรามสิตุมฺปิ น เทติ, ตาวกาลิกํ ¶ ยาจิโต ‘‘มยมฺปิ อิมํ ธนายนฺตา น ปริภฺุชาม, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามา’’ติ วทติ, อยํ สงฺขารเกลายโน นาม.
โย ปน เตสุ ทฺวีสุปิ วตฺถูสุ มชฺฌตฺโต อุทาสิโน, อยํ สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺโต นาม. อิติ อยํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค เอวรูปํ สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลํ อารกา ปริวชฺเชนฺตสฺสาปิ, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ตทุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทิกมฺมิโก กุลปุตฺโต อิเมหิ ปฺจหิ การเณหิ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตฺวา ตเทว ธุรํ กตฺวา อภินิเวสํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ คณฺหาติ. โส ยาว อรหตฺตมคฺคา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ นาม, ผเล ปตฺเต ภาวิโต นาม โหติ. อิติ อิเมปิ สตฺต โพชฺฌงฺคา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาว กถิตา.
๔๑๙. สมฺมาทิฏฺึ ภาเวตีติ อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อาทิภูตํ สมฺมาทิฏฺึ พฺรูเหติ วฑฺเฒติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน สมฺมาทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ. สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมาปริคฺคาหลกฺขณา สมฺมาวาจา. สมฺมาสมุฏฺาปนลกฺขโณ ¶ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมาโวทาปนลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. สมฺมาปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม. สมฺมาอุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ. สมฺมาสมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิ.
เตสุ เอเกกสฺส ตีณิ ตีณิ กิจฺจานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ ตาว อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิโรธํ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม ¶ จ ปสฺสติ ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมนวเสน อสมฺโมหโต. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ตเถว มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ จ ปชหนฺติ, นิโรธฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ. วิเสสโต ปเนตฺถ สมฺมาสงฺกปฺโป สหชาตธมฺเม สมฺมา อภินิโรเปติ, สมฺมาวาจา สมฺมา ปริคฺคณฺหาติ, สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมา สมุฏฺาเปติ, สมฺมาอาชีโว สมฺมา โวทาเปติ, สมฺมาวายาโม สมฺมา ปคฺคณฺหาติ, สมฺมาสติ สมฺมา อุปฏฺาติ, สมฺมาสมาธิ สมฺมา ปทหติ.
อปิ เจสา สมฺมาทิฏฺิ นาม ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา. กิจฺจโต ปน ทุกฺเข าณนฺติอาทีนิ ¶ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา นานารมฺมณา โหนฺติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา. เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป อวิหึสาสงฺกปฺโป อพฺยาปาทสงฺกปฺโปติ ตีณิ นามานิ ลภติ. สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปิ, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยว. สมฺมาวายาโม สมฺมาสตีติ อิทมฺปิ ทฺวยํ กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยว.
อิติ อิเมสุ อฏฺสุ ธมฺเมสุ ภควตา นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน พหุการตฺตา ปมํ สมฺมาทิฏฺิ เทสิตา. อยฺหิ ‘‘ปฺาปชฺโชโต ปฺาสตฺถ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๖, ๒๐, ๒๙, ๓๔) จ วุตฺตา. ตสฺมา เอตาย ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาาณสงฺขาตาย สมฺมาทิฏฺิยา อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา กิเลสโจเร ฆาเตนฺโต เขเมน โยคาวจโร นิพฺพานํ ปาปุณาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน พหุการตฺตา ปมํ สมฺมาทิฏฺิ เทสิตา’’ติ.
สมฺมาสงฺกปฺโป ปน ตสฺสา พหุกาโร, ตสฺมา ตทนนฺตรํ ¶ วุตฺโต. ยถา หิ เหรฺิโก หตฺเถน ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา จกฺขุนา กหาปณํ โอโลเกนฺโต ‘อยํ กูโฏ, อยํ เฉโก’’ติ ชานาติ ¶ , เอวํ โยคาวจโรปิ ปุพฺพภาเค วิตกฺเกน วิตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา วิปสฺสนาปฺาย โอโลกยมาโน ‘‘อิเม ธมฺมา กามาวจรา, อิเม ธมฺมา รูปาวจราทโย’’ติ ชานาติ. ยถา วา ปน ปุริเสน โกฏิยํ คเหตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ทินฺนํ มหารุกฺขํ ตจฺฉโก วาสิยา ตจฺเฉตฺวา กมฺเม อุปเนติ, เอวํ วิตกฺเกน วิตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา ทินฺนธมฺเม โยคาวจโร ปฺาย ‘‘อิเม ธมฺมา กามาวจรา, อิเม ธมฺมา รูปาวจรา’’ติอาทินา นเยน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กมฺเม อุปเนติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมาสงฺกปฺโป ปน ตสฺสา พหุกาโร, ตสฺมา ตทนนฺตรํ วุตฺโต’’ติ.
สฺวายํ ¶ ยถา สมฺมาทิฏฺิยา, เอวํ สมฺมาวาจายปิ อุปการโก. ยถาห – ‘‘ปุพฺเพ โข, คหปติ, วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓). ตสฺมา ตทนนฺตรํ สมฺมาวาจา วุตฺตา.
ยสฺมา ปน อิทฺจิทฺจ กริสฺสามาติ ปมํ วาจาย สํวิทหิตฺวา โลเก กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ, ตสฺมา วาจา กายกมฺมสฺส อุปการิกาติ สมฺมาวาจาย อนนฺตรํ สมฺมากมฺมนฺโต วุตฺโต.
จตุพฺพิธํ ปน วจีทุจฺจริตํ, ติวิธํ กายทุจฺจริตํ ปหาย อุภยสุจริตํ ปูเรนฺตสฺเสว ยสฺมา อาชีวฏฺมกสีลํ ปูเรติ, น อิตรสฺส. ตสฺมา ตทุภยานนฺตรํ สมฺมาอาชีโว วุตฺโต.
เอวํ สุทฺธาชีเวน ‘‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว’’ติ เอตฺตาวตา ปริโตสํ กตฺวา สุตฺตปฺปมตฺเตน วิหริตุํ น ยุตฺตํ, อถ โข สพฺพอิริยาปเถสุ อิทํ วีริยมารภิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ตทนนฺตรํ สมฺมาวายาโม วุตฺโต.
ตโต อารทฺธวีริเยนาปิ กายาทีสุ จตูสุ วตฺถูสุ สติ สูปฏฺิตา กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมฺมาสติ เทสิตา.
ยสฺมา ปน เอวํ สูปฏฺิตา สติ สมาธิสฺส ¶ อุปการานุปการานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสิตฺวา ¶ ปโหติ เอกตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ สมาเธตุํ, ตสฺมา สมฺมาสติยา อนนฺตรํ สมฺมาสมาธิ เทสิโตติ เวทิตพฺโพ. อิติ อยมฺปิ อฏฺงฺคิโก มคฺโค โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโกว กถิโต.
๔๒๗. อชฺฌตฺตํ รูปสฺีติอาทีสุ อชฺฌตฺตรูเป ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี นาม โหติ. อชฺฌตฺตฺหิ นีลปริกมฺมํ กโรนฺโต เกเส วา ปิตฺเต วา อกฺขิตารกาย วา กโรติ, ปีตปริกมฺมํ กโรนฺโต เมเท วา ฉวิยา วา หตฺถปาทตเลสุ วา อกฺขีนํ ปีตกฏฺาเน วา กโรติ, โลหิตปริกมฺมํ กโรนฺโต มํเส วา โลหิเต วา ชิวฺหาย วา อกฺขีนํ รตฺตฏฺาเน วา กโรติ, โอทาตปริกมฺมํ กโรนฺโต อฏฺิมฺหิ วา ทนฺเต วา นเข วา อกฺขีนํ เสตฏฺาเน วา กโรติ. ตํ ปน สุนีลํ สุปีตํ สุโลหิตกํ สุโอทาตกํ น โหติ, อวิสุทฺธเมว โหติ.
เอโก ¶ พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ ยสฺเสวํ ปริกมฺมํ อชฺฌตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, นิมิตฺตํ ปน พหิทฺธา. โส เอวํ อชฺฌตฺตํ ปริกมฺมสฺส พหิทฺธา จ อปฺปนาย วเสน ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. ปริตฺตานีติ อวฑฺฒิตานิ. สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ สุวณฺณานิ วา โหนฺติ ทุพฺพณฺณานิ วา, ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตานิ อภิภุยฺยาติ ยถา นาม สมฺปนฺนคหณิโก กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา ‘‘กึ เอตฺถ ภฺุชิตพฺพํ อตฺถี’’ติ สงฺกฑฺฒิตฺวา เอกกพลเมว กโรติ, เอวเมว าณุตฺตริโก ปุคฺคโล วิสทาโณ ‘‘กึ เอตฺถ ปริตฺตเก อารมฺมเณ สมาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิ, นายํ มม ภาโร’’ติ ตานิ รูปานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตีติ อตฺโถ. ชานามิ ¶ ปสฺสามีติ อิมินา ปนสฺส อาโภโค กถิโต. โส จ โข สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส, น อนฺโตสมาปตฺติยํ. เอวํสฺี โหตีติ อาโภคสฺายปิ ฌานสฺายปิ เอวํสฺี โหติ. อภิภวสฺา หิสฺส อนฺโตสมาปตฺติยมฺปิ อตฺถิ, อาโภคสฺา ปน สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺเสว.
อปฺปมาณานีติ วฑฺฒิตปฺปมาณานิ, มหนฺตานีติ อตฺโถ. อภิภุยฺยาติ เอตฺถ ปน ยถา มหคฺฆโส ปุริโส เอกํ ภตฺตวฑฺฒิตกํ ลภิตฺวา ‘‘อฺมฺปิ โหตุ, กึ เอตํ มยฺหํ กริสฺสตี’’ติ ตํ น มหนฺตโต ปสฺสติ, เอวเมว าณุตฺตโร ปุคฺคโล วิสทาโณ ‘‘กึ เอตฺถ สมาปชฺชิตพฺพํ ¶ , นยิทํ อปฺปมาณํ, น มยฺหํ จิตฺเตกคฺคตากรเณ ภาโร อตฺถี’’ติ ตานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตีติ อตฺโถ.
อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อลาภิตาย วา อนตฺถิกตาย วา อชฺฌตฺตรูเป ปริกมฺมสฺาวิรหิโต.
พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ ยสฺส ปริกมฺมมฺปิ นิมิตฺตมฺปิ พหิทฺธาว อุปฺปนฺนํ, โส เอวํ พหิทฺธา ปริกมฺมสฺส เจว อปฺปนาย จ วเสน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโกว พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ จตุตฺถอภิภายตเน วุตฺตนยเมว. อิเมสุ ปน จตูสุ ปริตฺตํ วิตกฺกจริตวเสน อาคตํ, อปฺปมาณํ โมหจริตวเสน, สุวณฺณํ โทสจริตวเสน, ทุพฺพณฺณํ ราคจริตวเสน ¶ . เอเตสฺหิ เอตานิ สปฺปายานิ, สา จ เนสํ สปฺปายตา วิตฺถารโต วิสุทฺธิมคฺเค จริยนิทฺเทเส วุตฺตา.
ปฺจมอภิภายตนาทีสุ นีลานีติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ. นีลวณฺณานีติ ¶ วณฺณวเสน. นีลนิทสฺสนานีติ นิทสฺสนวเสน, อปฺายมานวิวรานิ อสมฺภินฺนวณฺณานิ เอกนีลาเนว หุตฺวา ทิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. นีลนิภาสานีติ อิทํ ปน โอภาสวเสน วุตฺตํ, นีโลภาสานิ นีลปฺปภายุตฺตานีติ อตฺโถ. เอเตน เนสํ สุวิสุทฺธตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธวณฺณวเสเนว หิ อิมานิ จตฺตาริ อภิภายตนานิ วุตฺตานิ. ‘‘นีลกสิณํ คณฺหนฺโต นีลสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วา’’ติอาทิกํ ปเนตฺถ กสิณกรณฺจ ปริกมฺมฺจ อปฺปนาวิธานฺจ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถารโต วุตฺตเมว. อิมานิ ปน อฏฺ อภิภายตนชฺฌานานิ วฏฺฏานิปิ โหนฺติ วฏฺฏปาทกานิปิ วิปสฺสนาปาทกานิปิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานิปิ อภิฺาปาทกานิปิ นิโรธปาทกานิปิ, โลกิยาเนว ปน น โลกุตฺตรานีติ เวทิตพฺพานิ.
๔๓๕. รูปี รูปานิ ปสฺสตีติ เอตฺถ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ นีลกสิณาทีสุ นีลกสิณาทิวเสน อุปฺปาทิตํ รูปชฺฌานํ รูปํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ รูปี. พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธาปิ นีลกสิณาทีนิ รูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสติ. อิมินา อชฺฌตฺตพหิทฺธาวตฺถุเกสุ กสิเณสุ อุปฺปาทิตชฺฌานสฺส ปุคฺคลสฺส จตฺตาริปิ รูปาวจรชฺฌานานิ ทสฺสิตานิ ¶ . อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี, อตฺตโน เกสาทีสุ อนุปฺปาทิตรูปาวจรชฺฌาโนติ อตฺโถ. อิมินา พหิทฺธาปริกมฺมํ กตฺวา พหิทฺธาว อุปฺปาทิตชฺฌานสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาวจรชฺฌานานิ ทสฺสิตานิ.
สุภนฺตฺเวว ¶ อธิมุตฺโต โหตีติ อิมินา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ฌานานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ กิฺจาปิ อนฺโตอปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถิ, โย ปน วิสุทฺธํ สุภํ กสิณารมฺมณํ กตฺวา วิหรติ, โส ยสฺมา ‘‘สุภนฺติ อธิมุตฺโต โหตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ตสฺมา เอวํ เทสนา กตา. ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปน ‘‘กถํ สุภนฺตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ วิโมกฺโข – อิธ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… เมตฺตาย ภาวิตตฺตา สตฺตา ¶ อปฺปฏิกฺกูลา โหนฺติ. กรุณาสหคเตน…เป… มุทิตาสหคเตน…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… อุเปกฺขาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกฺกูลา โหนฺติ. เอวํ สุภนฺตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) วุตฺตํ. สพฺพโส รูปสฺานนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว.
๔๔๓. ปถวิกสิณํ ภาเวตีติ เอตฺถ ปน สกลฏฺเน กสิณํ, ปถวิ เอว กสิณํ ปถวิกสิณํ. ปริกมฺมปถวิยาปิ อุคฺคหนิมิตฺตสฺสาปิ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺสาปิ ตํ นิมิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนชฺฌานสฺสาปิ เอตํ อธิวจนํ. อิธ ปน ปถวิกสิณารมฺมณํ ฌานํ อธิปฺเปตํ. ตํ เหส ภาเวติ. อาโปกสิณาทีสุปิ เอเสว นโย.
อิมานิ ปน กสิณานิ ภาเวนฺเตน สีลานิ โสเธตฺวา ปริสุทฺธสีเล ปติฏฺิเตน ยฺวาสฺส ทสสุ ปลิโพเธสุ ปลิโพโธ อตฺถิ, ตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน จริยานุกูลวเสน ยํ ยสฺส สปฺปายํ, ตํ เตน คเหตฺวา กสิณภาวนาย อนนุรูปํ วิหารํ ปหาย อนุรูเป วิหรนฺเตน ขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉทํ ¶ กตฺวา สพฺพํ ภาวนาวิธานํ อปริหาเปนฺเตน ภาเวตพฺพานิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๘ อาทโย) วุตฺโต. เกวลฺหิ ตตฺถ วิฺาณกสิณํ นาคตํ, ตํ อตฺถโต อากาสกสิเณ ปวตฺตวิฺาณํ. ตฺจ โข อารมฺมณวเสน วุตฺตํ, น สมาปตฺติวเสน. ตฺหิ อนนฺตํ วิฺาณนฺติ อารมฺมณํ กตฺวา เอส วิฺาณฺจายตนสมาปตฺตึ ภาเวนฺโต วิฺาณกสิณํ ¶ ภาเวตีติ วุจฺจติ. อิมานิปิ ทส กสิณานิ วฏฺฏานิปิ โหนฺติ วฏฺฏปาทกานิปิ วิปสฺสนาปาทกานิปิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถานิปิ อภิฺาปาทกานิปิ นิโรธปาทกานิปิ, โลกิยาเนว ปน น โลกุตฺตรานีติ.
๔๕๓. อสุภสฺํ ภาเวตีติ อสุภสฺา วุจฺจติ อุทฺธุมาตกาทีสุ ทสสุ อารมฺมเณสุ อุปฺปนฺนา ปมชฺฌานสหคตา สฺา, ตํ ภาเวติ พฺรูเหติ วฑฺเฒติ, อนุปฺปนฺนํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ อนุรกฺขตีติ อตฺโถ. ทสนฺนํ ปน อสุภานํ ภาวนานโย สพฺโพ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๐๒ อาทโย) วิตฺถาริโตเยว ¶ . มรณสฺํ ภาเวตีติ สมฺมุติมรณํ, ขณิกมรณํ, สมุจฺเฉทมรณนฺติ ติวิธมฺปิ มรณํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ, อนุปฺปนฺนํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ อนุรกฺขตีติ อตฺโถ. เหฏฺา วุตฺตลกฺขณา วา มรณสฺสติเยว อิธ มรณสฺาติ วุตฺตา, ตํ ภาเวติ อุปฺปาเทติ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. ภาวนานโย ปนสฺสา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๖๗ อาทโย) วิตฺถาริโตเยว. อาหาเร ปฏิกูลสฺํ ภาเวตีติ อสิตปีตาทิเภเท กพฬีกาเร อาหาเร คมนปฏิกูลาทีนิ นว ปฏิกูลานิ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ, อุปฺปาเทติ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. ตสฺสาปิ ภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริโตเยว. สพฺพโลเก อนภิรติสฺํ ภาเวตีติ สพฺพสฺมิมฺปิ เตธาตุเก โลเก อนภิรติสฺํ อุกฺกณฺิตสฺํ ภาเวตีติ อตฺโถ. อนิจฺจสฺํ ¶ ภาเวตีติ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยฺถตฺตปริคฺคาหิกํ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อนิจฺจนฺติ อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ. อนิจฺเจ ทุกฺขสฺํ ภาเวตีติ อนิจฺเจ ขนฺธปฺจเก ปฏิปีฬนสงฺขาตทุกฺขลกฺขณปริคฺคาหิกํ ทุกฺขนฺติ อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ. ทุกฺเข อนตฺตสฺํ ภาเวตีติ ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺเข ขนฺธปฺจเก อวสวตฺตนาการสงฺขาตอนตฺตลกฺขณปริคฺคาหิกํ อนตฺตาติ อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ. ปหานสฺํ ภาเวตีติ ปฺจวิธํ ปหานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ. วิราคสฺํ ภาเวตีติ ปฺจวิธเมว วิราคํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ. นิโรธสฺํ ภาเวตีติ สงฺขารนิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสฺํ ภาเวติ. นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสฺนฺติปิ วทนฺติ. เอตฺถ จ สพฺพโลเก อนภิรตสฺา, อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺาติ อิมาหิ ตีหิ สฺาหิ พลววิปสฺสนา กถิตา. ปุน อนิจฺจสฺํ ภาเวตีติอาทิกาหิ ทสหิ สฺาหิ วิปสฺสนาสมารมฺโภว กถิโต.
๔๗๓. พุทฺธานุสฺสตินฺติอาทีนิ ¶ วุตฺตตฺถาเนว.
๔๘๓. ปมชฺฌานสหคตนฺติ ปมชฺฌาเนน สทฺธึ คตํ ปวตฺตํ, ปมชฺฌานสมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. สทฺธินฺทฺริยํ ภาเวตีติ ปมชฺฌานสหคตํ กตฺวา สทฺธินฺทฺริยํ ภาเวติ พฺรูเหติ วฑฺเฒติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อปรอจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา.