📜
๒. นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ¶ ปเม เอกธมฺมมฺปีติ เอตฺถ ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) วิย นิสฺสตฺตฏฺเน ธมฺโม เวทิตพฺโพ. ตสฺมา เอกธมฺมมฺปีติ นิสฺสตฺตํ เอกสภาวมฺปีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อนุปฺปนฺโนวาติ เอตฺถ ปน ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหาย (ม. นิ. ๑.๔๐๒; สํ. นิ. ๒.๑๑) ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) เอวมาทีสุ วิย ¶ สมุจฺจยตฺโถ วาสทฺโท ทฏฺพฺโพ, น วิกปฺปตฺโถ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – เยน ธมฺเมน อนุปฺปนฺโน จ กามจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ กามจฺฉนฺโท ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ, ตมหํ ยถา สุภนิมิตฺตํ, เอวํ อฺํ น ปสฺสามีติ. ตตฺถ อนุปฺปนฺโนติ อชาโต อสฺชาโต อปาตุภูโต อสมุทาคโต. กามจฺฉนฺโทติ ‘‘โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามราโค กามนนฺที ¶ กามตณฺหา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๕๖) นเยน วิตฺถาริตํ กามจฺฉนฺทนีวรณํ. อุปฺปชฺชตีติ นิพฺพตฺตติ ปาตุภวติ. โส ปเนส อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺโพ. อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺโน นาม นตฺถิ.
ตตฺถ เอกจฺจสฺส วตฺตวเสน กิเลโส น สมุทาจรติ, เอกจฺจสฺส คนฺถธุตงฺคสมาธิ- วิปสฺสนานวกมฺมาทีนํ อฺตรวเสน. กถํ? เอกจฺโจ หิ วตฺตสมฺปนฺโน โหติ, ตสฺส ทฺเวอสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ เจติยงฺคณโพธิยงฺคณปานียมาฬกอุโปสถาคารอาคนฺตุกคมิกวตฺตานิ จ กโรนฺตสฺเสว กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส วตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ภินฺนวตฺตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการฺเจว สติโวสฺสคฺคฺจ อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ คนฺถยุตฺโต โหติ, เอกมฺปิ นิกายํ คณฺหาติ ทฺเวปิ ตโยปิ จตฺตาโรปิ ปฺจปิ. ตสฺส เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อตฺถวเสน ปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสน คณฺหนฺตสฺส สชฺฌายนฺตสฺส วาเจนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ปกาเสนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ¶ คนฺถกมฺมํ ปหาย กุสีตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ปน ธุตงฺคธโร โหติ, เตรส ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตติ. ตสฺส ปน ธุตงฺคคุเณ ปริหรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ธุตงฺคานิ วิสฺสชฺเชตฺวา พาหุลฺลาย อาวตฺตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค ¶ อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ¶ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี โหติ, ตสฺส ปมชฺฌานาทีสุ อาวชฺชนวสิอาทีนํ วเสน วิหรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ปริหีนชฺฌานสฺส วา วิสฺสฏฺชฺฌานสฺส วา ภสฺสาทีสุ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ปน วิปสฺสโก โหติ, สตฺตสุ วา อนุปสฺสนาสุ อฏฺารสสุ วา มหาวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. ตสฺเสวํ วิหรโต กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส วิปสฺสนากมฺมํ ปหาย กายทฬฺหีพหุลสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ นวกมฺมิโก โหติ, อุโปสถาคารโภชนสาลาทีนิ กาเรติ. ตสฺส เตสํ อุปกรณานิ จินฺเตนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส นวกมฺเม นิฏฺิเต วา วิสฺสฏฺเ วา อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ปน พฺรหฺมโลกา อาคโต สุทฺธสตฺโต โหติ, ตสฺส อนาเสวนตาย กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ลทฺธาเสวนสฺส อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม. เอวํ ตาว อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปนฺนตา เวทิตพฺพา.
กถํ ¶ อนนุภูตารมฺมณวเสน? อิเธกจฺโจ อนนุภูตปุพฺพํ มนาปิยํ รูปาทิอารมฺมณํ ลภติ, ตสฺส ตตฺถ อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม ราโค อุปฺปชฺชติ. เอวํ อนนุภูตารมฺมณวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
อุปฺปนฺโนติ ชาโต สฺชาโต นิพฺพตฺโต อภินิพฺพตฺโต ปาตุภูโต. ภิยฺโยภาวายาติ ¶ ปุนปฺปุนภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย ราสิภาวาย. ตตฺถ สกึ อุปฺปนฺโน กามจฺฉนฺโท น นิรุชฺฌิสฺสติ, สกึ นิรุทฺโธ ¶ วา สฺเวว ปุน อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อฏฺานเมตํ. เอกสฺมึ ปน นิรุทฺเธ ตสฺมึ วา อารมฺมเณ อฺสฺมึ วา อารมฺมเณ อปราปรํ อุปฺปชฺชมาโน ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ นาม.
สุภนิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ อารมฺมณํ. ‘‘สนิมิตฺตา, ภิกฺขเว, อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, โน อนิมิตฺตา’’ติ เอตฺถ นิมิตฺตนฺติ ปจฺจยสฺส นามํ. ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิกาตพฺพานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๑๖) เอตฺถ การณสฺส. ‘‘โส ตํ นิมิตฺตํ อาเสวติ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๕) เอตฺถ สมาธิสฺส. ‘‘ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๒๗) เอตฺถ วิปสฺสนาย. อิธ ปน ราคฏฺานิโย อิฏฺารมฺมณธมฺโม ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ อธิปฺเปโต. อโยนิโสมนสิกโรโตติ. ‘‘ตตฺถ กตโม อโยนิโสมนสิกาโร? อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ, ทุกฺเข สุขนฺติ, อนตฺตนิ อตฺตาติ, อสุเภ สุภนฺติ, อโยนิโสมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร, สจฺจวิปฺปฏิกูเลน วา จิตฺตสฺส อาวชฺชนา อนฺวาวชฺชนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร. อยํ วุจฺจติ อโยนิโสมนสิกาโร’’ติ (วิภ. ๙๓๖) อิมสฺส มนสิการสฺส วเสน อนุปาเยน มนสิกโรนฺตสฺสาติ.
๑๒. ทุติเย ¶ พฺยาปาโทติ ภตฺตพฺยาปตฺติ วิย จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนํ ปกติวิชหนภาโว. ‘‘ตตฺถ กตมํ พฺยาปาทนีวรณํ? อนตฺถํ เม อจรีติ อาฆาโต ชายตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๐) เอวํ วิตฺถาริตสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฏิฆนิมิตฺตนฺติ อนิฏฺํ นิมิตฺตํ. ปฏิฆสฺสปิ ปฏิฆารมฺมณสฺสปิ เอตํ อธิวจนํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ – ‘‘ปฏิฆมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ, ปฏิฆารมฺมโณปิ ธมฺโม ปฏิฆนิมิตฺต’’นฺติ. เสสเมตฺถ ¶ กามจฺฉนฺเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปิ. ตตฺถ ตตฺถ หิ วิเสสมตฺตเมว วกฺขามาติ.
๑๓. ตติเย ถินมิทฺธนฺติ ถินฺเจว มิทฺธฺจ. เตสุ จิตฺตสฺส อกมฺมฺตา ถินํ, อาลสิยภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมฺตา มิทฺธํ, กปิมิทฺธสฺส ¶ ปจลายิกภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา โอลียนา สลฺลียนา. ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา โอนาโห ปริโยนาโห’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) นเยน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ. อรตีติอาทีนิ วิภงฺเค วิภตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา อรติ? ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ ¶ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อรติตา อนภิรติ อนภิรมนา อุกฺกณฺิตา ปริตสฺสิตา, อยํ วุจฺจติ อรติ. ตตฺถ กตมา ตนฺที? ยา ตนฺที ตนฺทิยนา ตนฺทิมนตา อาลสฺสํ อาลสฺสายนา อาลสฺสายิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ตนฺที. ตตฺถ กตมา วิชมฺภิตา? ยา กายสฺส ชมฺภนา วิชมฺภนา อานมนา วินมนา สนฺนมนา ปณมนา พฺยาธิยกํ, อยํ วุจฺจติ วิชมฺภิตา. ตตฺถ กตโม ภตฺตสมฺมโท? ยา ภุตฺตาวิสฺส ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตกิลมโถ ภตฺตปริฬาโห กายทุฏฺุลฺลํ, อยํ วุจฺจติ ภตฺตสมฺมโท. ตตฺถ กตมํ เจตโส จ ลีนตฺตํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา โอลียนา สลฺลียนา ลีนํ ลียนา ลียิตตฺตํ ถินํ ถิยนา ถิยิตตฺตํ จิตฺตสฺส, อิทํ วุจฺจติ เจตโส จ ลีนตฺต’’นฺติ (วิภ. ๘๕๖, ๘๕๗, ๘๕๙, ๘๖๐).
เอตฺถ จ ปุริมา จตฺตาโร ธมฺมา ถินมิทฺธนีวรณสฺส สหชาตวเสนาปิ อุปนิสฺสยวเสนาปิ ปจฺจยา โหนฺติ, เจตโส จ ลีนตฺตํ อตฺตโนว อตฺตนา สหชาตํ น โหติ, อุปนิสฺสยโกฏิยา ปน โหตีติ.
๑๔. จตุตฺเถ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ อุทฺธจฺจฺเจว กุกฺกุจฺจฺจ. ตตฺถ อุทฺธจฺจํ นาม จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโร. กุกฺกุจฺจํ นาม อกตกลฺยาณสฺส กตปาปสฺส ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสาโร. เจตโส อวูปสโมติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺเสเวตํ นามํ. อวูปสนฺตจิตฺตสฺสาติ ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา ¶ อวูปสมิตจิตฺตสฺส. อยํ ¶ ปน อวูปสโม อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหตีติ.
๑๕. ปฺจเม ¶ วิจิกิจฺฉาติ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๗) นเยน วิตฺถาริตํ วิจิกิจฺฉานีวรณํ. อโยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณเยวาติ.
๑๖. ฉฏฺเ อนุปฺปนฺโน วา กามจฺฉนฺโท นุปฺปชฺชตีติ อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วาติ ทฺวีเหว การเณหิ อนุปฺปนฺโน น อุปฺปชฺชติ, ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ, ปุน เหตุํ วา ปจฺจยํ วา น ลภติ. อิธาปิ วตฺตาทีนํเยว วเสน อสมุทาจาโร เวทิตพฺโพ. เอกจฺจสฺส หิ วุตฺตนเยเนว วตฺเต ยุตฺตสฺส วตฺตํ กโรนฺตสฺเสว กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, วตฺตวเสน วิกฺขมฺภิโต โหติ. โส ตํ ตถาวิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ มิลกฺขติสฺสตฺเถโร วิย.
โส กิรายสฺมา โรหณชนปเท คาเมณฺฑวาลมหาวิหารสฺส ภิกฺขาจาเร เนสาทกุเล นิพฺพตฺโต. วยํ อาคมฺม กตฆราวาโส ‘‘ปุตฺตทารํ โปเสสฺสามี’’ติ อทูหลสตํ สณฺเปตฺวา ปาสสตํ โยเชตฺวา สูลสตํ โรเปตฺวา พหุํ ปาปํ อายูหนฺโต เอกทิวสํ เคหโต อคฺคิฺจ โลณฺจ คเหตฺวา อรฺํ คโต. ปาเส พทฺธมิคํ วธิตฺวา องฺคารปกฺกมํสํ ขาทิตฺวา ปิปาสิโต หุตฺวา คาเมณฺฑวาลมหาวิหารํ ปวิฏฺโ ปานียมาฬเก ทสมตฺเตสุ ปานียฆเฏสุ ปิปาสาวิโนทนมตฺตมฺปิ ปานียํ อลภนฺโต, ‘‘กึ นาเมตํ ¶ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺาเน ปิปาสาย อาคตานํ ปิปาสาวิโนทนมตฺตํ ปานียํ นตฺถี’’ติ อุชฺฌายิตุํ อารทฺโธ. จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถโร ตสฺส กถํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ปานียมาฬเก ทสมตฺเต ปานียฆเฏ ปูเร ทิสฺวา ‘‘ชีวมานเปตกสตฺโต อยํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสก, สเจ ปิปาสิโตสิ, ปิว ปานีย’’นฺติ วตฺวา กุฏํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส หตฺเถสุ อาสิฺจิ. ตสฺส กมฺมํ ปฏิจฺจ ปีตปีตํ ปานียํ ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตมิว นสฺสติ, สกเลปิ ฆเฏ ปิวโต ปิปาสา น ปจฺฉิชฺชิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ยาว ทารุณฺจ เต, อุปาสก, กมฺมํ กตํ, อิทาเนว เปโต ชาโต, วิปาโก กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ?
โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ลทฺธสํเวโค เถรํ วนฺทิตฺวา ตานิ อทูหลาทีนิ วิสงฺขริตฺวา เวเคน ฆรํ ¶ คนฺตฺวา ปุตฺตทารํ โอโลเกตฺวา สตฺถานิ ¶ ภินฺทิตฺวา ทีปกมิคปกฺขิโน อรฺเ วิสฺสชฺเชตฺวา เถรํ ปจฺจุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ทุกฺกรา, อาวุโส, ปพฺพชฺชา, กถํ ตฺวํ ปพฺพชิสฺสสีติ? ภนฺเต, เอวรูปํ ปจฺจกฺขการณํ ทิสฺวา กถํ น ปพฺพชิสฺสามีติ? เถโร ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส วตฺตารภิโต หุตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต เอกทิวสํ เทวทูตสุตฺเต ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปุน มหานิรเย ปกฺขิปนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๗๐; อ. นิ. ๓.๓๖) อิมํ านํ สุตฺวา ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขราสึ อนุภวิตสตฺตํ ปุน มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ, อโห ภาริโย, ภนฺเต, มหานิรโย’’ติ อาห. อามาวุโส, ภาริโยติ. สกฺกา, ภนฺเต, ปสฺสิตุนฺติ? ‘‘น สกฺกา ปสฺสิตุํ, ทิฏฺสทิสํ กาตุํ ¶ เอกํ การณํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ สามเณเร สมาทเปตฺวา ปาสาณปิฏฺเ อลฺลทารุราสึ กาเรหีติ. โส ตถา กาเรสิ. เถโร ยถานิสินฺโนว อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา มหานิรยโต ขชฺโชปนกมตฺตํ อคฺคิปปฏิกํ นีหริตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว ตสฺส เถรสฺส ทารุราสิมฺหิ ปกฺขิปิ. ตสฺส ตตฺถ นิปาโต จ ทารุราสิโน ฌายิตฺวา ฉาริกภาวูปคมนฺจ อปจฺฉา อปุริมํ อโหสิ.
โส ตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานิ นามา’’ติ ปุจฺฉิ. อาวุโส, วิปสฺสนาธุรํ, คนฺถธุรนฺติ. ‘‘ภนฺเต, คนฺโถ นาม ปฏิพลสฺส ภาโร, มยฺหํ ปน ทุกฺขูปนิสา สทฺธา, วิปสฺสนาธุรํ ปูเรสฺสามิ กมฺมฏฺานํ เม เทถา’’ติ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. เถโร ‘‘วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขู’’ติ วตฺตสีเส ตฺวา ตสฺส กมฺมฏฺานํ กเถสิ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย จ กมฺมํ กโรติ, วตฺตฺจ ปูเรติ. เอกทิวสํ จิตฺตลปพฺพตมหาวิหาเร วตฺตํ กโรติ, เอกทิวสํ คาเมณฺฑวาลมหาวิหาเร, เอกทิวสํ โคจรคามมหาวิหาเร. ถินมิทฺเธ โอกฺกนฺตมตฺเต วตฺตปริหานิภเยน ปลาลวรณกํ เตเมตฺวา สีเส เปตฺวา ปาเท อุทเก โอตาเรตฺวา นิสีทติ. โส เอกทิวสํ จิตฺตลปพฺพตมหาวิหาเร ทฺเว ยาเม วตฺตํ กตฺวา พลวปจฺจูสกาเล นิทฺทาย โอกฺกมิตุํ อารทฺธาย อลฺลปลาลํ สีเส เปตฺวา นิสินฺโน ปาจีนปพฺพตปสฺเส สามเณรสฺส อรุณวติยสุตฺตนฺตํ สชฺฌายนฺตสฺส –
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย ¶ ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) –
อิทํ านํ สุตฺวา ‘‘มาทิสสฺส อารทฺธวีริยสฺส ภิกฺขุโน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อิทํ กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ¶ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาย อปราปรํ วายมนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ปรินิพฺพานกาเล จ ตเทว การณํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห –
‘‘อลฺลํ ปลาลปฺุชาหํ, สีเสนาทาย จงฺกมึ;
ปตฺโตสฺมิ ตติยํ านํ, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโย’’ติ.
เอวรูปสฺส วตฺตวเสน วิกฺขมฺภิตกิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺจสฺส วุตฺตนเยเนว คนฺเถ ยุตฺตสฺส คนฺถํ อุคฺคณฺหนฺตสฺส สชฺฌายนฺตสฺส วาเจนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ปกาเสนฺตสฺส จ กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, คนฺถวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ มลิยเทวตฺเถโร วิย. โส กิรายสฺมา ติวสฺสภิกฺขุกาเล กลฺลคามเก มณฺฑลารามมหาวิหาเร อุทฺเทสฺจ คณฺหาติ, วิปสฺสนาย จ กมฺมํ กโรติ. ตสฺเสกทิวสํ กลฺลคาเม ภิกฺขาย จรโต เอกา อุปาสิกา ยาคุอุฬุงฺกํ ทตฺวา ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา เถรํ อนฺโตนิเวสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ‘‘กตรคามวาสิโกสิ ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. มณฺฑลารามมหาวิหาเร คนฺถกมฺมํ กโรมิ, อุปาสิเกติ. เตน หิ ตาต ยาว คนฺถกมฺมํ กโรสิ, อิเธว นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหาสีติ. โส ตํ อธิวาเสตฺวา ตตฺถ นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหาติ, ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘สุขํ โหตุ, ทุกฺขา มุจฺจตู’’ติ ปททฺวยเมว กเถตฺวา คจฺฉติ. อนฺโตวสฺเส เตมาสํ ตสฺสาเยว สงฺคหํ กโรนฺโต ปิณฺฑาปจิตึ กตฺวา มหาปวารณาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ ¶ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เนวาสิกมหาเถโร อาห – ‘‘อาวุโส มหาเทว, อชฺช วิหาเร มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ, ตสฺส ธมฺมทานํ ทเทยฺยาสี’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ.
ทหรสามเณรา ¶ อุปาสิกาย สฺํ อทํสุ – ‘‘อชฺช เต ปุตฺโต ธมฺมํ กเถสฺสติ, วิหารํ คนฺตฺวา ¶ สุเณยฺยาสี’’ติ. ตาตา, น สพฺเพว ธมฺมกถํ ชานนฺติ, มม ปุตฺโต เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ กเถนฺโต ‘‘สุขํ โหตุ, ทุกฺขา มุจฺจตู’’ติ ปททฺวยเมว กเถสิ, มา เกฬึ กโรถาติ. มา, ตฺวํ อุปาสิเก, ชานนํ วา อชานนํ วา อุปฏฺหสฺสุ, วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเมว สุณาหีติ. อุปาสิกา คนฺธมาลาทีนิ คเหตฺวา คนฺตฺวา ปูเชตฺวา ปริสนฺเต ธมฺมํ สุณมานา นิสีทิ. ทิวาธมฺมกถิโก จ สรภาณโก จ อตฺตโน ปมาณํ ตฺวา อุฏฺหึสุ. ตโต มลิยเทวตฺเถโร ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ วตฺวา – ‘‘มยา มหาอุปาสิกาย ตโย มาเส ทฺวีเหว ปเทหิ อนุโมทนา กตา, อชฺช สพฺพรตฺตึ ตีหิ ปิฏเกหิ สมฺมสิตฺวา ตสฺเสว ปททฺวยสฺส อตฺถํ กเถสฺสามี’’ติ ธมฺมเทสนํ อารภิตฺวา สพฺพรตฺตึ กเถสิ. อรุณุคฺคมเน เทสนาปริโยสาเน มหาอุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
อปโรปิ ตสฺมึเยว มหาวิหาเร ติสฺสภูติตฺเถโร นาม วินยํ คณฺหนฺโต ภิกฺขาจารเวลายํ อนฺโตคามํ ปวิฏฺโ วิสภาคารมฺมณํ โอโลเกสิ. ตสฺส โลโภ อุปฺปชฺชิ, โส ปติฏฺิตปาทํ อจาเลตฺวา อตฺตโน ปตฺเต ยาคุํ อุปฏฺากทหรสฺส ปตฺเต อากิริตฺวา ‘‘อยํ วิตกฺโก วฑฺฒมาโน มํ จตูสุ อปาเยสุ สํสีทาเปสฺสตี’’ติ ตโตว นิวตฺติตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อาห – ‘‘เอโก เม พฺยาธิ อุปฺปนฺโน, อหํ เอตํ ติกิจฺฉิตุํ สกฺโกนฺโต อาคมิสฺสามิ, อิตรถา นาคมิสฺสามิ. ตุมฺเห ทิวา อุทฺเทสฺจ สายํ อุทฺเทสฺจ มํ โอโลเกตฺวา เปถ, ปจฺจูสกาเล อุทฺเทสํ ¶ ปน มา ปยิตฺถา’’ติ เอวํ วตฺวา มลยวาสิมหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เถโร อตฺตโน ปณฺณสาลาย ปริภณฺฑํ กโรนฺโต ตํ อโนโลเกตฺวาว ‘‘ปฏิสาเมหิ, อาวุโส, ตว ปตฺตจีวร’’นฺติ อาห. ภนฺเต, เอโก เม พฺยาธิ อตฺถิ, สเจ ตุมฺเห ตํ ติกิจฺฉิตุํ สกฺโกถ, ปฏิสาเมสฺสามีติ. อาวุโส, อุปฺปนฺนํ โรคํ ติกิจฺฉิตุํ สมตฺถสฺส สนฺติกํ อาคโตสิ, ปฏิสาเมหีติ. สุพฺพโจ ภิกฺขุ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อชานิตฺวา เอวํ น วกฺขตี’’ติ ปตฺตจีวรํ เปตฺวา เถรสฺส วตฺตํ ทสฺเสตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เถโร ¶ ‘‘ราคจริโต อย’’นฺติ ตฺวา อสุภกมฺมฏฺานํ กเถสิ. โส อุฏฺาย ปตฺตจีวรํ อํเส ลคฺเคตฺวา เถรํ ปุนปฺปุนํ วนฺทิ. กึ, อาวุโส, มหาภูติ อติเรกนิปจฺจการํ ทสฺเสสีติ? ภนฺเต, สเจ อตฺตโน กิจฺจํ กาตุํ สกฺขิสฺสามิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, อิทํ เม ปจฺฉิมทสฺสนนฺติ! คจฺฉาวุโส, มหาภูติ ตาทิสสฺส ยุตฺตโยคสฺส กุลปุตฺตสฺส น ฌานํ วา วิปสฺสนา ¶ วา มคฺโค วา ผลํ วา ทุลฺลภนฺติ. โส เถรสฺส กถํ สุตฺวา นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา อาคมนกาเล ววตฺถาปิตํ ฉนฺนํ เสปณฺณิคจฺฉมูลํ คนฺตฺวา ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อสุภกมฺมฏฺานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาย ปจฺจูสกาเล อุทฺเทสํ สมฺปาปุณิ. เอวรูปานํ คนฺถวเสน วิกฺขมฺภิตา กิเลสา ตถา วิกฺขมฺภิตาว โหนฺติ.
เอกจฺจสฺส ปน วุตฺตนเยเนว ธุตงฺคานิ ปริหรโต กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, ธุตงฺควเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ คามนฺตปพฺภารวาสี มหาสีวตฺเถโร วิย. เถโร กิร มหาคาเม ติสฺสมหาวิหาเร วสนฺโต เตปิฏกํ อตฺถวเสน จ ปาฬิวเสน จ อฏฺารส มหาคเณ วาเจติ. เถรสฺส โอวาเท ตฺวา สฏฺิสหสฺส ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . เตสุ เอโก ภิกฺขุ อตฺตนา ปฏิวิทฺธธมฺมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนโสมนสฺโส จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิทํ สุขํ อมฺหากํ อาจริยสฺสา’’ติ. โส อาวชฺเชนฺโต เถรสฺส ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา ‘‘เอเกนุปาเยน เถรสฺส สํเวคํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานโต เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา นิสีทิ. อถ นํ เถโร ‘‘กึ อาคโตสิ, อาวุโส, ปิณฺฑปาติกา’’ติ อาห. ‘‘สเจ เม โอกาสํ กริสฺสถ, เอกํ ธมฺมปทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคโตสฺมิ, ภนฺเตติ. พหู, อาวุโส, คณฺหนฺติ, ตุยฺหํ โอกาโส น ภวิสฺสตีติ. โส สพฺเพสุ รตฺติทิวสภาเคสุ โอกาสํ อลภนฺโต, ‘‘ภนฺเต, เอวํ โอกาเส อสติ มรณสฺส กถํ โอกาสํ ลภิสฺสถา’’ติ อาห. ตทา เถโร จินฺเตสิ – ‘‘นายํ อุทฺเทสตฺถาย อาคโต, มยฺหํ ปเนส สํเวคชนนตฺถาย อาคโต’’ติ. โสปิ เถโร ‘‘ภิกฺขุนา นาม, ภนฺเต, มาทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา มณิวณฺเณ อากาเส อุปฺปติตฺวา อคมาสิ.
เถโร ¶ ตสฺส คตกาลโต ปฏฺาย ชาตสํเวโค ทิวา อุทฺเทสฺจ สายํ อุทฺเทสฺจ วาเจตฺวา ปตฺตจีวรํ หตฺถปาเส เปตฺวา ปจฺจูสกาเล อุทฺเทสํ คเหตฺวา โอตรนฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ ปตฺตจีวรมาทาย โอติณฺโณ เตรส ธุตคุเณ ปริปุณฺเณ อธิฏฺาย คามนฺตปพฺภารเสนาสนํ คนฺตฺวา ปพฺภารํ ปฏิชคฺคิตฺวา มฺจปีํ อุสฺสาเปตฺวา ‘‘อรหตฺตํ อปตฺวา มฺเจ ปิฏฺึ น ปสาเรสฺสามี’’ติ มานสํ พนฺธิตฺวา จงฺกมํ โอตริ. ตสฺส ‘‘อชฺช อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามิ อชฺช อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ฆเฏนฺตสฺเสว ปวารณา สมฺปตฺตา. โส ปวารณาย อุปกฏฺาย ‘‘ปุถุชฺชนภาวํ ปหาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต อติวิย กิลมติ. โส ตาย ¶ ปวารณาย มคฺคํ วา ผลํ วา อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘มาทิโสปิ นาม อารทฺธวิปสฺสโก น ลภติ, ยาว ทุลฺลภฺจ วติทํ อรหตฺต’’นฺติ วตฺวา เตเนว นิยาเมน านจงฺกมพหุโล หุตฺวา ตึส วสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา มหาปวารณาย มชฺเฌ ิตํ ปุณฺณจนฺทํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข จนฺทมณฺฑลํ ¶ วิสุทฺธํ, อุทาหุ มยฺหํ สีล’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ ปฺายติ, มยฺหํ ปน อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ยาวชฺชทิวสา สีลสฺมึ กาฬกํ วา ติลโก วา นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺโส ปริปกฺกาณตฺตา ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวรูปสฺส ธุตงฺควเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺจสฺส วุตฺตนเยเนว ปมชฺฌานาทิสมาปชฺชนพหุลตาย กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, สมาปตฺติวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ มหาติสฺสตฺเถโร วิย. เถโร กิร อวสฺสิกกาลโต ปฏฺาย อฏฺสมาปตฺติลาภี. โส สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ อสมุทาจาเรน อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสเนว อริยมคฺคสามนฺตํ กเถติ, สฏฺิวสฺสกาเลปิ อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ น ชานาติ. อเถกทิวสํ มหาคาเม ติสฺสมหาวิหารโต ภิกฺขุสงฺโฆ ตลงฺครวาสิธมฺมทินฺนตฺเถรสฺส สาสนํ เปเสสิ ‘‘เถโร อาคนฺตฺวา อมฺหากํ ธมฺมกถํ กเถตู’’ติ. เถโร อธิวาเสตฺวา ‘‘มม สนฺติเก มหลฺลกตโร ภิกฺขุ นตฺถิ, มหาติสฺสตฺเถโร โข ปน เม กมฺมฏฺานาจริโย, ตํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เถรสฺส วิหารํ คนฺตฺวา ทิวาฏฺาเน เถรสฺส วตฺตํ ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เถโร อาห – ‘‘กึ, ธมฺมทินฺน, จิรสฺสํ อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ติสฺสมหาวิหารโต เม ภิกฺขุสงฺโฆ สาสนํ เปเสสิ, อหํ เอกโก น คมิสฺสามิ, ตุมฺเหหิ ปน สทฺธึ คนฺตุกาโม หุตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ สารณียกถํ กเถนฺโตว ปปฺเจตฺวา ‘‘กทา, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ ปุจฺฉิ. สฏฺิมตฺตานิ, อาวุโส ธมฺมทินฺน, วสฺสานิ โหนฺตีติ ¶ . สมาปตฺตึ ปน, ภนฺเต, วฬฺเชถาติ. อาม, อาวุโสติ. เอกํ โปกฺขรณึ มาเปตุํ สกฺกุเณยฺยาถ, ภนฺเตติ? ‘‘น, อาวุโส, เอตํ ภาริย’’นฺติ วตฺวา สมฺมุขฏฺาเน โปกฺขรณึ มาเปสิ. ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, เอกํ ปทุมคจฺฉํ มาเปถา’’ติ จ วุตฺโต ตมฺปิ มาเปสิ. อิทาเนตฺถ มหนฺตํ ปุปฺผํ ทสฺเสถาติ. เถโร ตมฺปิ ทสฺเสสิ. เอตฺถ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ อิตฺถิรูปํ ทสฺเสถาติ ¶ . เถโร โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ อิตฺถิรูปํ ทสฺเสสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ปุนปฺปุนํ สุภโต มนสิ กโรถา’’ติ. เถโร อตฺตนาว มาปิตํ อิตฺถิรูปํ โอโลเกนฺโต โลภํ อุปฺปาเทสิ. ตทา อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา ‘‘อวสฺสโย เม สปฺปุริส โหหี’’ติ อนฺเตวาสิกสฺส สนฺติเก อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. ‘‘เอตทตฺถเมวาหํ, ภนฺเต, อาคโต’’ติ เถรสฺส อสุภวเสน สลฺลหุกํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา เถรสฺส โอกาสํ กาตุํ พหิ นิกฺขนฺโต. สุปริมทฺทิตสงฺขาโร เถโร ตสฺมึ ทิวาฏฺานโต นิกฺขนฺตมตฺเตเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา ธมฺมทินฺนตฺเถโร ติสฺสมหาวิหารํ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. เอวรูปสฺส สมาปตฺติวเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺจสฺส ปน วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, วิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ, พุทฺธกาเล สฏฺิมตฺตา อารทฺธวิปสฺสกา ภิกฺขู วิย. เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิวิตฺตํ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา กิเลสานํ อสมุทาจารวเสน ‘‘ปฏิวิทฺธมคฺคผลา มย’’นฺติ สฺาย มคฺคผลตฺถาย ¶ วายามํ อกตฺวา ‘‘อมฺเหหิ ปฏิวิทฺธธมฺมํ ทสพลสฺส อาโรเจสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ ¶ อาคจฺฉนฺติ.
สตฺถา เตสํ ปุเร อาคมนโตว อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, ปธานกมฺมิกา ภิกฺขู อชฺช มํ ปสฺสิตุํ อาคมิสฺสนฺติ, เตสํ มม ทสฺสนาย โอกาสํ อกตฺวา ‘อามกสุสานํ คนฺตฺวา อลฺลอสุภภาวนํ กโรถา’ติ ปหิเณยฺยาสี’’ติ. เถโร เตสํ อาคตานํ สตฺถารา กถิตสาสนํ อาโรเจสิ. เต ‘‘ตถาคโต อชานิตฺวา น กเถสฺสติ, อทฺธา เอตฺถ การณํ ภวิสฺสตี’’ติ อามกสุสานํ คนฺตฺวา อลฺลอสุภํ โอโลเกนฺตา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อิทํ นูน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ ชาตสํเวคา ลทฺธมคฺคํ กมฺมฏฺานํ อาทิโต ปฏฺาย อารภึสุ. สตฺถา เตสํ วิปสฺสนาย อารทฺธภาวํ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อิมํ โอภาสคาถมาห –
‘‘ยานิมานิ อปตฺตานิ, อลาพูเนว สารเท;
กาโปตกานิ อฏฺีนิ, ตานิ ทิสฺวาน กา รตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๔๙);
คาถาปริโยสาเน ¶ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. เอวรูปานํ วิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภิตา กิเลสา ตถา วิกฺขมฺภิตาว โหนฺติ.
เอกจฺจสฺส วุตฺตนเยเนว นวกมฺมํ กโรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, นวกมฺมวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ จิตฺตลปพฺพเต ติสฺสตฺเถโร วิย. ตสฺส กิร อฏฺวสฺสิกกาเล อนภิรติ อุปฺปชฺชิ, โส ตํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน จีวรํ โธวิตฺวา รชิตฺวา ปตฺตํ ปจิตฺวา เกเส โอหาเรตฺวา อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘กึ, อาวุโส มหาติสฺส, อตุฏฺสฺส วิย เต อากาโร’’ติ? อาม, ภนฺเต, อนภิรติ เม อุปฺปนฺนา, ตํ วิโนเทตุํ น สกฺโกมีติ. เถโร ตสฺสาสยํ โอโลเกนฺโต อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา อนุกมฺปาวเสน อาห – ‘‘อาวุโส ติสฺส, มยํ มหลฺลกา, เอกํ โน วสนฏฺานํ กโรหี’’ติ ¶ . ทุติยกถํ อกถิตปุพฺโพ ภิกฺขุ ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถ ¶ นํ เถโร อาห – ‘‘อาวุโส, นวกมฺมํ กโรนฺโต อุทฺเทสมคฺคฺจ มา วิสฺสชฺชิ, กมฺมฏฺานฺจ มนสิ กโรหิ, กาเลน จ กาลํ กสิณปริกมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา ตถารูปํ สปฺปายฏฺานํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺถ กาตุํ สกฺกา’’ติ ทารูหิ ปูเรตฺวา ฌาเปตฺวา โสเธตฺวา อิฏฺกาหิ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารวาตปานาทีนิ โยเชตฺวา สทฺธึ จงฺกมนภูมิภิตฺติปริกมฺมาทีหิ เลณํ นิฏฺาเปตฺวา มฺจปีํ สนฺถริตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิฏฺิตํ เลเณ ปริกมฺมํ, วสถา’’ติ อาห. อาวุโส, ทุกฺเขน ตยา เอตํ กมฺมํ กตํ, อชฺช เอกทิวสํ ตฺวฺเเวตฺถ วสาหีติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วนฺทิตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เลณํ ปวิสิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน อตฺตนา กตกมฺมํ อาวชฺชิ. ตสฺส ‘‘มนาปํ มยา อุปชฺฌายสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กต’’นฺติ จินฺเตนฺตสฺส อพฺภนฺตเร ปีติ อุปฺปนฺนา. โส ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวรูปสฺส นวกมฺมวเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺโจ ปน พฺรหฺมโลกโต อาคโต สุทฺธสตฺโต โหติ. ตสฺส อนาเสวนตาย กิเลโส น สมุทาจรติ, ภววเสน วิกฺขมฺภิโต โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา ¶ อรหตฺตํ คณฺหาติ อายสฺมา มหากสฺสโป วิย. โส หิ อายสฺมา อคารมชฺเฌปิ กาเม อปริภฺุชิตฺวา มหาสมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค ปจฺจุคฺคมนตฺถาย อาคตํ สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวรูปสฺส ภววเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
โย ปน อนนุภูตปุพฺพํ รูปาทิอารมฺมณํ ¶ ลภิตฺวา ตตฺเถว วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ, เอวรูปสฺส อนนุภูตารมฺมณวเสน กามจฺฉนฺโท อนุปฺปนฺโนว นุปฺปชฺชติ นาม.
อุปฺปนฺโน วา กามจฺฉนฺโท ปหียตีติ เอตฺถ อุปฺปนฺโนติ ชาโต ภูโต สมุทาคโต. ปหียตีติ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปหาเนหิ ปหียติ, น ¶ ปุน อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. ตตฺถ วิปสฺสนาย กิเลสา ตทงฺควเสน ปหียนฺตีติ วิปสฺสนา ตทงฺคปฺปหานนฺติ เวทิตพฺพา. สมาปตฺติ ปน กิเลเส วิกฺขมฺเภตีติ สา วิกฺขมฺภนปฺปหานนฺติ เวทิตพฺพา. มคฺโค สมุจฺฉินฺทนฺโต อุปฺปชฺชติ, ผลํ ปฏิปฺปสฺสมฺภยมานํ, นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฏนฺติ อิมานิ ตีณิ สมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธินิสฺสรณปฺปหานานีติ วุจฺจนฺติ. อิเมหิ โลกิยโลกุตฺตเรหิ ปฺจหิ ปหาเนหิ ปหียตีติ อตฺโถ.
อสุภนิมิตฺตนฺติ ทสสุ อสุเภสุ อุปฺปนฺนํ สารมฺมณํ ปมชฺฌานํ. เตนาหุ โปราณา – ‘‘อสุภมฺปิ อสุภนิมิตฺตํ, อสุภารมฺมณา ธมฺมาปิ อสุภนิมิตฺต’’นฺติ. โยนิโสมนสิกโรโตติ. ‘‘ตตฺถ กตโม โยนิโสมนสิกาโร? อนิจฺเจ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตสฺส อุปายมนสิการสฺส วเสน มนสิกโรโต. อนุปฺปนฺโน เจว กามจฺฉนฺโท นุปฺปชฺชตีติ อสมุทาคโต น สมุทาคจฺฉติ. อุปฺปนฺโน จ กามจฺฉนฺโท ปหียตีติ สมุทาคโต จ กามจฺฉนฺโท ปฺจวิเธน ปหาเนน ปหียติ.
อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ ¶ ¶ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสาปิ, อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสาปิ, จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตเนตํ วุตฺตํ –
‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรสทิเส อสุภภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
๑๗. สตฺตเม เมตฺตา เจโตวิมุตฺตีติ สพฺพสตฺเตสุ หิตผรณกา เมตฺตา. ยสฺมา ปน ตํสมฺปยุตฺตจิตฺตํ นีวรณาทีหิ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจติ, ตสฺมา สา ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติ. วิเสสโต วา สพฺพพฺยาปาทปริยุฏฺาเนน วิมุตฺตตฺตา สา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ เอตฺตาวตา ¶ ปุพฺพภาโคปิ วฏฺฏติ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปน อิธ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน อปฺปนาว อธิปฺเปตา. โยนิโสมนสิกโรโตติ ตํ เมตฺตํ เจโตวิมุตฺตึ วุตฺตลกฺขเณน อุปายมนสิกาเรน มนสิกโรนฺตสฺส.
อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนานุโยโค, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณานฺหิ ¶ อฺตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาปิ. ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ นาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ, นนุ ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสสิ? ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิตงฺคารตตฺตอยสลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตาสทิสํ โหติ. เอโสปิ ตว กุทฺโธ กึ กริสฺสติ, กึ เต สีลาทีนิ นาเสตุํ สกฺขิสฺสติ? เอส อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสติ, อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิย ปฏิวาตํ ขิตฺตรโชมุฏฺิ วิย จ เอตสฺเสเวส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, อุภยกมฺมสฺสกตํ ¶ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขาเน ิตสฺสาปิ, อสฺสคุตฺตตฺเถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. เสสมิธ อิโต ปเรสุ จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, วิเสสมตฺตเมว ปน วกฺขามาติ.
๑๘. อฏฺเม อารมฺภธาตูอาทีสุ อารมฺภธาตุ นาม ปมารมฺภวีริยํ. นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตรํ. ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. อฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘อารมฺโภ เจตโส กามานํ ปนูทนาย, นิกฺกโม เจตโส ปลิฆุคฺฆาฏนาย, ปรกฺกโม เจตโส พนฺธนจฺเฉทนายา’’ติ วตฺวา ‘‘ตีหิ เปเตหิ อธิมตฺตวีริยเมว กถิต’’นฺติ วุตฺตํ.
อารทฺธวีริยสฺสาติ ¶ ปริปุณฺณวีริยสฺส เจว ปคฺคหิตวีริยสฺส จ. ตตฺถ จตุโทสาปคตํ วีริยํ อารทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. น จ อติลีนํ โหติ, น จ อติปคฺคหิตํ, น จ อชฺฌตฺตํ สํขิตฺตํ, น จ พหิทฺธา วิกฺขิตฺตํ. ตเทตํ ทุวิธํ โหติ – กายิกํ, เจตสิกฺจ. ตตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙) เอวํ รตฺติทิวสสฺส ปฺจ โกฏฺาเส กาเยน ฆเฏนฺตสฺส วายมนฺตสฺส กายิกวีริยํ เวทิตพฺพํ. ‘‘น ตาวาหํ อิโต เลณา นิกฺขมิสฺสามิ, ยาว เม น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ เอวํ โอกาสปริจฺเฉเทน วา, ‘‘น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ เอวํ นิสชฺชาทิปริจฺเฉเทน วา มานสํ พนฺธิตฺวา ฆเฏนฺตสฺส วายมนฺตสฺส เจตสิกวีริยํ เวทิตพฺพํ. ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. ทุวิเธนาปิ หิ อิมินา วีริเยน อารทฺธวีริยสฺส อนุปฺปนฺนฺเจว ถินมิทฺธํ นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ ถินมิทฺธํ ปหียติ มิลกฺขติสฺสตฺเถรสฺส วิย, คามนฺตปพฺภารวาสิมหาสีวตฺเถรสฺส วิย, ปีติมลฺลกตฺเถรสฺส วิย, กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส วิย จ. เอเตสุ หิ ปุริมา ตโย อฺเ จ เอวรูปา กายิกวีริเยน อารทฺธวีริยา, กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถโร อฺเ จ เอวรูปา ¶ เจตสิกวีริเยน อารทฺธวีริยา, อุจฺจาวาลุกวาสี มหานาคตฺเถโร ปน ทฺวีหิปิ วีริเยหิ อารทฺธวีริโยว. เถโร กิร เอกํ สตฺตาหํ จงฺกมติ, เอกํ ติฏฺติ, เอกํ นิสีทติ, เอกํ นิปชฺชติ. มหาเถรสฺส เอกอิริยาปโถปิ อสปฺปาโย นาม นตฺถิ, จตุตฺเถ สตฺตาเห วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.
อปิจ ¶ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. อาหรหตฺถก-ภุตฺตวมิตก-ตตฺรวฏฺฏก-อลํสาฏก-กากมาสก-พฺราหฺมณาทโย วิย โภชนํ ภฺุชิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ, จตุปฺจอาโลปโอกาสํ ปน เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหตีติ เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. ยสฺมึ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อฺํ ปริวตฺเตนฺตสฺสาปิ, รตฺตึ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลเก ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสาปิ ¶ , อพฺโภกาเส วสนฺตสฺสาปิ, มหากสฺสปตฺเถรสทิเส ปหีนถินมิทฺเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
๑๙. นวเม วูปสนฺตจิตฺตสฺสาติ ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา วูปสมิตจิตฺตสฺส.
อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ¶ ปกตฺุตา, วุทฺธเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺเจนาปิ หิ เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินยปฺตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตาย ปกตฺุโนปิ, วุฑฺเฒ มหลฺลกตฺเถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสาปิ, อุปาลิตฺเถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
๒๐. ทสเม โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโตติ วุตฺตนเยเนว อุปายโต มนสิกโรนฺตสฺส.
อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พหุสจฺเจนาปิ หิ เอกํ ¶ วา…เป… ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสาปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาปิ, สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิมสฺมึ นีวรณปฺปหานวคฺเค วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ.
นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา.