📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

องฺคุตฺตรนิกาเย

เอกกนิปาต-ฏีกา

คนฺถารมฺภกถา

อนนฺตาณํ กรุณานิเกตํ,

นมามิ นาถํ ชิตปฺจมารํ;

ธมฺมํ วิสุทฺธํ ภวนาสเหตุํ,

สงฺฆฺจ เสฏฺํ หตสพฺพปาปํ.

กสฺสปํ ตํ มหาเถรํ, สงฺฆสฺส ปริณายกํ;

ทีปสฺมึ ตมฺพปณฺณิมฺหิ, สาสโนทยการกํ.

ปฏิปตฺติปราธีนํ, สทารฺนิวาสินํ;

ปากฏํ คคเน จนฺท-มณฺฑลํ วิย สาสเน.

สงฺฆสฺส ปิตรํ วนฺเท, วินเย สุวิสารทํ;

ยํ นิสฺสาย วสนฺโตหํ, วุฑฺฒิปฺปตฺโตสฺมิ สาสเน.

อนุเถรํ มหาปฺํ, สุเมธํ สุติวิสฺสุตํ;

อวิขณฺฑิตสีลาทิ-ปริสุทฺธคุโณทยํ.

พหุสฺสุตํ สติมนฺตํ, ทนฺตํ สนฺตํ สมาหิตํ;

นมามิ สิรสา ธีรํ, ครุํ เม คณวาจกํ.

อาคตาคมตกฺเกสุ , สทฺทสตฺถนยฺุสุ;

ยสฺสนฺเตวาสิภิกฺขูสุ, สาสนํ สุปฺปติฏฺิตํ.

โย สีหฬินฺโท ธิติมา ยสสฺสี,

อุฬารปฺโ นิปุโณ กลาสุ;

ชาโต วิสุทฺเธ รวิโสมวํเส,

มหพฺพโล อพฺภุตวุตฺติเตโช.

ชิตฺวาริวคฺคํ อติทุปฺปสยฺหํ,

อนฺสาธารณวิกฺกเมน;

ปตฺตาภิเสโก ชินธมฺมเสวี,

อภิปฺปสนฺโน รตนตฺตยมฺหิ.

จิรํ วิภินฺเน ชินสาสนสฺมึ,

ปจฺจตฺถิเก สุฏฺุ วินิคฺคเหตฺวา;

สุธํว สามคฺคิรสํ ปสตฺถํ,

ปาเยสิ ภิกฺขู ปริสุทฺธสีเล.

กตฺวา วิหาเร วิปุเล จ รมฺเม,

ตตฺรปฺปิเตเนกสหสฺสสงฺเข;

ภิกฺขู อเสเส จตุปจฺจเยหิ,

สนฺตปฺปยนฺโต สุจิรํ อขณฺฑํ.

สทฺธมฺมวุทฺธึ อภิกงฺขมาโน,

สยมฺปิ ภิกฺขู อนุสาสยิตฺวา;

นิโยชยํ คนฺถวิปสฺสนาสุ,

อกาสิ วุทฺธึ ชินสาสนสฺส.

เตนาหมจฺจนฺตมนุคฺคหีโต,

อนฺสาธารณสงฺคเหน;

ยสฺมา ปรกฺกนฺตภุชวฺหเยน,

อชฺเฌสิโต ภิกฺขุคณสฺส มชฺเฌ.

ตสฺมา อนุตฺตานปทานมตฺถํ,

เสฏฺาย องฺคุตฺตรวณฺณนาย;

สนฺทสฺสยิสฺสํ สกลํ สุโพทฺธุํ,

นิสฺสาย ปุพฺพาจริยปฺปภาวํ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

. สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยํ นมสฺสิตุกาโม ตสฺส วิสิฏฺคุณโยคสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิมาห. วิสิฏฺคุณโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิปฺเปตมตฺถํ สาเธติ. เอตฺถ จ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณปฺปโยชนํ ตตฺถ ตตฺถ พหุธา ปปฺเจนฺติ อาจริยา, มยํ ปน อิธาธิปฺเปตเมว ปโยชนํ ทสฺสยิสฺสาม, ตสฺมา สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทเมว หิ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ –

‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปุฺํ;

ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวนา’’ติ.

รตนตฺตยปฺปณามกรเณน เจตฺถ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ รตนตฺตยปูชาย ปฺาปาฏวโต, ตาย ปฺาปาฏวฺจ ราคาทิมลวิธมนโต. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).

ตสฺมา รตนตฺตยปูชเนน วิกฺขาลิตมลาย ปฺาย ปาฏวสิทฺธิ.

อถ วา รตนตฺตยปูชนสฺส ปฺาปทฏฺานสมาธิเหตุตฺตา ปฺาปาฏวํ. วุตฺตฺหิ ตสฺส สมาธิเหตุตฺตํ –

‘‘อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).

สมาธิสฺส จ ปฺาย ปทฏฺานภาโว วุตฺโตเยว – ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑). ตโต เอวํ ปฏุภูตาย ปฺาย ปฏิฺามหตฺตกตํ เขทมภิภุยฺย อนนฺตราเยน สํวณฺณนํ สมาปยิสฺสติ.

อถ วา รตนตฺตยปูชาย อายุวณฺณสุขพลวฑฺฒนโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. รตนตฺตยปฺปณาเมน หิ อายุวณฺณสุขพลานิ วฑฺฒนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อภิวาทนสีลิสฺส, นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน;

จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๙) –

ตโต อายุวณฺณสุขพลวุทฺธิยา โหเตว การิยนิฏฺานํ.

อถ วา รตนตฺตยคารวสฺส ปฏิภานาปริหานาวหตฺตา. อปริหานาวหฺหิ ตีสุปิ รตเนสุ คารวํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานียา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, สมาธิคารวตา, โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ (อ. นิ. ๗.๓๔).

โหเตว จ ตโต ปฏิภานาปริหาเนน ยถาปฏิฺาตปริสมาปนํ.

อถ วา ปสาทวตฺถูสุ ปูชาย ปุฺาติสยภาวโต. วุตฺตฺหิ ตสฺสา ปุฺาติสยตฺตํ –

‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ ว สาวเก;

ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.

เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;

น สกฺกา ปุฺํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๕-๑๙๖; อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);

ปุฺาติสโย จ ยถาธิปฺเปตปริสมาปนูปาโย. ยถาห –

‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;

ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐);

อุปาเยสุ จ ปฏิปนฺนสฺส โหเตว การิยนิฏฺานํ. รตนตฺตยปูชา หิ นิรติสยปุฺกฺเขตฺตสมฺพุทฺธิยา อปริเมยฺยปฺปภาโว ปุฺาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ, ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถ’’นฺติ.

เอวฺจ สปฺปโยชนํ รตนตฺตยวนฺทนํ กตฺตุกาโม ปมํ ตาว ภควโต วนฺทนํ กาตุํ ตมฺมูลกตฺตา เสสรตนานํ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ…เป… คติวิมุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ ยสฺสา เทสนาย สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา น วินยเทสนา วิย กรุณาปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปธานา, อถ โข กรุณาปฺาปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โถมนํ กาตุํ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ, ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาธตีติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ อตฺโถ. กรุณาย สีตลํ กรุณาสีตลํ, กรุณาสีตลํ หทยํ อสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ.

ตตฺถ กิฺจาปิ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิจฺฉนสภาวตาย, พฺยาปาทารตีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ สตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสภูตา กรุณา วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปฺปสฺสทฺธิ วิย สีติภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ – ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวํ อุปคตา กรุณาว ภควโต อติสเยน หทยสีตลภาวเหตูติ อาห – ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ สาติสเย หทยสีติภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาว ภควโต ‘‘หทยสีตลภาวการณ’’นฺติ วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิรตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ จิตฺตสีติภาวสฺส อฺถตฺตมโหสีติ. เอตสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ตีสุปิ อวตฺถาสุ ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺาว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต. สวาสนปฺปหานโต วิเสเสน หตํ สมุคฺฆาติตํ วิหตํ. ปฺาปชฺโชเตน วิหตํ ปฺาปชฺโชตวิหตํ , มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, โมหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา. สฺเวว วิสยสภาวปฺปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ โมหตโม, ปฺาปชฺโชตวิหโต โมหตโม เอตสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ. สพฺเพสมฺปิ หิ ขีณาสวานํ สติปิ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชนฺธการสฺส วิหตภาเว สทฺธาธิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวเกหิ ปจฺเจกสมฺพุทฺเธหิ จ สวาสนปฺปหาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชตีติ สาติสเยน อวิชฺชาปหาเนน ภควนฺตํ โถเมนฺโต อาห – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.

อถ วา อนฺตเรน ปโรปเทสํ อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชนฺธการวิคมสฺส นิพฺพตฺติตตฺตา, ตตฺถ จ สพฺพฺุตาย พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา ภควาว วิเสสโต โมหตมวิคเมน โถเมตพฺโพติ อาห – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ‘‘ปฺาปชฺโชโต’’ติ ปเทน ภควโต ปฏิเวธปฺา วิย เทสนาปฺาปิ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาวโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สพฺพเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมิตตฺตา อนฺสาธารโณ ภควโต โมหตมวินาโสติ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. เอตฺถ จ โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การโณปจาเรน สสนฺตานโมหตมวิธมนํ ทฏฺพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต อนาวรณาณํ ‘‘โมหตมวิธมน’’นฺติ วุจฺจตีติ.

กึ ปน การณํ อวิชฺชาสมุคฺฆาโตเยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนานิมิตฺตํ คยฺหติ, น ปน สาติสยนิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? ตปฺปหานวจเนเนว ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาตสฺส วุตฺตตฺตา. น หิ โส ตาทิโส กิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสอวิชฺชาปหาเนน น ปหียตีติ.

อถ วา วิชฺชา วิย สกลกุสลธมฺมสมุปฺปตฺติยา, นิรวเสสากุสลธมฺมนิพฺพตฺติยา สํสารปฺปวตฺติยา จ อวิชฺชา ปธานการณนฺติ ตพฺพิฆาตวจเนน สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาโต วุตฺโต เอว โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.

นรา จ อมรา จ นรามรา, สห นรามเรหีติ สนรามโร, สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก, ตสฺส ครูติ สนรามรโลกครุ, ตํ สนรามรโลกครุํ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหตาย ภควโต อุปการตํ ทสฺเสติ. น เจตฺถ ปธานปฺปธานภาโว โจเทตพฺโพ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโม. อีทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ (จูฬว. ๓๓๖). กามฺเจตฺถ สตฺตสงฺขารภาชนวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกสฺส วเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปุฺปาปานิ ตพฺพิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ วุจฺจติ. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา.

อถ วา สมูหตฺโถ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ. สห นเรหีติ สนรา, สนรา จ เต อมรา จาติ สนรามรา, เตสํ โลโกติ สนรามรโลโกติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมรสทฺเทน เจตฺถ วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เตปิ หิ มรณาภาวโต ปรมตฺถโต อมรา. นรามรานํเยว จ คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหรณปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมคารวฏฺานํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ.

โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนูปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิกกุฏิลากุฏิลตาทิ- โทสรหิตมวหสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ กายคมนํ าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตมภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อนวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา สยมฺภุาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต าเณน สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต, ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต, โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต, โลกนิโรธคามินิปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติอาทินา (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๒๗) นเยน อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สุนฺทรํ านํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต, ยสฺมา วา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ เวเนยฺยานํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว จ ธมฺมํ ภาสติ, ตสฺมา สมฺมา คทตีติ สุคโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อิติ โสภนคมนตาทีหิ สุคโต, ตํ สุคตํ.

ปุฺปาปกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพโต คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิวเสน ปฺจวิธา. ตาหิ สกลสฺสปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ภควา ปฺจหิปิ คตีหิ สุฏฺุ มุตฺโต วิสํยุตฺโตติ อาห – ‘‘คติวิมุตฺต’’นฺติ. เอเตน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ, ยโต ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ. เตเนวาห –

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);

ตํตํคติสํวตฺตนิกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ อคฺคมคฺเคน โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต คติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยหิ สุปริมุตฺโต, ตํ คติวิมุตฺตํ. วนฺเทติ นมามิ, โถเมมีติ วา อตฺโถ.

อถ วา คติวิมุตฺตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา ภควนฺตํ โถเมติ. เอตฺถ หิ ทฺวีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติโต ปรหิตปฺปฏิปตฺติโต จ. เตสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคมโต สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตปฺปหานโต อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติโต จ เวทิตพฺพา, ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนโต วิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยโต าณปริปากกาลาคมนโต จ. สา ปเนตฺถ อาสยโต ปโยคโต จ ทุวิธา, ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ติวิธา จ, อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปกาสิตา โหติ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฺปฏิปตฺติ , สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฺปฏิปตฺติ, ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ จตุสจฺจสมฺปฏิเวธนตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺเน ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน จาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ปกาสิตา โหตีติ.

อถ วา ตีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา เหตุโต, ผลโต, อุปการโต จ. ตตฺถ เหตุ มหากรุณา, สา ปมปเทน ทสฺสิตา. ผลํ จตุพฺพิธํ าณสมฺปทา, ปหานสมฺปทา, อานุภาวสมฺปทา, รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ าณปฺปหานสมฺปทา ทุติยปเทน สจฺจปฺปฏิเวธนตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ปกาสิตา โหนฺติ, อานุภาวสมฺปทา ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา ยถาวุตฺตกายคมนโสภนตฺเถน สุคตสทฺเทน ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา วินา ตทภาวโต. อุปกาโร อนนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวา ติวิธยานมุเขน วิมุตฺติธมฺมเทสนา. โส สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ. อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจตีติ. สมฺมาคมนตฺเถน สุคตสทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิอนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต สุคตสทฺทสฺส. อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานปฺปธานเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเหตฺถ ปธานํ ปโยชนํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ ปธาเนน ปรหิตปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ. ตทุภเยน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ทสฺเสติ. เตน จ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวํ อุตฺตมวนฺทเนยฺยภาวํ อตฺตโน จ วนฺทนกิริยาย เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.

เอตฺถ จ กรุณาคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต ภควโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ, ปฺาคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา ปปฺจียตีติ . กรุณาคหเณน จ อุปคมนํ นิรุปกฺกิเลสํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ โลกโวหารวิสยตฺตา กรุณาย, ปฺาคหเณน สมฺาย อนติธาวนํ. สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สมฺํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหตีติ. ตถา กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ จตุสจฺจาณํ, จตุปฏิสมฺภิทาาณํ, จตุเวสารชฺชาณํ. กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนีติ เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ. ตถา กรุณาคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคหเณน อตฺตาธิปติตา, ปฺาคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคหเณน อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคหเณน ปุพฺพการิภาโว, ปฺาคหเณน กตฺุตา. ตถา กรุณาคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคหเณน ปเรสํ ตารณํ, ปฺาคหเณน สยํตรณํ. ตถา กรุณาคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ.

สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ ตนฺนิทานภาวโต, ปฺา ปริโยสานํ ตโต อุตฺตริกรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ. ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺเพสํ พุทฺธคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคหณํ, อฺถา โก นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ? เตเนวาห –

‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,

กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;

ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,

วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; อป. อฏฺ. ๒.๗.ปรปฺปสาทกตฺเถรอปทานวณฺณนา);

เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ วุตฺตํ.

. เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺโธติ กตฺตุนิทฺเทโส. พุทฺธภาวนฺติ กมฺมนิทฺเทโส. ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวาติ จ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส. นฺติ อนิยมโต กมฺมนิทฺเทโส. อุปคโตติ อปรกาลกิริยานิทฺเทโส. วนฺเทติ กิริยานิทฺเทโส. นฺติ นิยมนํ. ธมฺมนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. คตมลํ อนุตฺตรนฺติ จ ตพฺพิเสสนํ.

ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภุาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธํสิตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –

‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑).

อปิ-สทฺโท สมฺภาวเน. เตน ‘‘เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา’’ติ วกฺขมานคุณธมฺเม สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา วฑฺเฒตฺวา จ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ. เอตสฺส พุทฺธภาวนฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. คตมลนฺติ วิคตมลํ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ. วนฺเทติ ปณมามิ, โถเมมิ วา. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรรหิตํ, โลกุตฺตรนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต จ สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เอวํ วิวิธคุณคณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ภควา ยํ อริยมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, ผลนิพฺพานํ ปน สจฺฉิกตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโต, ตเมวํ พุทฺธานมฺปิ พุทฺธภาวเหตุภูตํ สพฺพโทสมลรหิตํ อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน อนุตฺตรํ ปฏิเวธสทฺธมฺมํ นมามีติ. ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสปิ ตปฺปกาสนตฺตา อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

อถ วา ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสปิ สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยาโย ลพฺภตีติ โสปิ อิธ วุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาเค อธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ ธมฺมสทฺเทน สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ตาปิ หิ วิคตปฺปฏิปกฺขตาย คตมลา, อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จาติ. ตถา หิ สตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสนเปสลชฺฌาสโย ปฺาวิเสสปริโยทาตนิมฺมลานํ ทานทมสฺมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ สตสหสฺสาธิกานิ กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสานํ ภาวนาปจฺจกฺขกรเณหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว อธิสีลอธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ.

เอตฺถ จ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาทาณภาเวน. ปเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปุริเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปุริเมน อกาลิกตาย, ปจฺฉิเมน เอหิปสฺสิกตาย. ปุริเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ปจฺฉิเมน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพตาย ธมฺมํ โถเมติ. ‘‘คตมล’’นฺติ อิมินา สํกิเลสาภาวทีปเนน ธมฺมสฺส ปริสุทฺธตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน วิปุลปริปุณฺณตํ. ปเมน วา ปหานสมฺปทํ ธมฺมสฺส ทสฺเสติ, ทุติเยน ปภวสมฺปทํ. ภาเวตพฺพตาย วา ธมฺมสฺส คตมลภาโว โยเชตพฺโพ. ภาวนาคุเณน หิ โส โทสานํ สมุคฺฆาตโก โหตีติ. สจฺฉิกาตพฺพภาเวน อนุตฺตรภาโว โยเชตพฺโพ. สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต หิ ตทุตฺตริกรณียาภาวโต อนฺสาธารณตาย อนุตฺตโรติ. ตถา ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติ. ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สห อสงฺขตาย ธาตุยา อเสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.

. เอวํ สงฺเขเปเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ ‘‘สุคตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส. ‘‘ตสฺส ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. โอรสานนฺติ ปุตฺตวิเสสนํ. มารเสนมถนานนฺติ โอรสปุตฺตภาเว การณนิทฺเทโส เตน กิเลสปฺปหานเมว ภควโต โอรสปุตฺตภาเว การณํ อนุชานาตีติ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. เตน จ สติปิ เตสํ สตฺตวิเสสภาเวน อเนกสตสหสฺสภาเว อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺตีติ ทสฺเสติ มคฺคฏฺผลฏฺภาวานติวตฺตนโต. สมูหนฺติ สมุทายนิทฺเทโส. อริยสงฺฆนฺติ คุณวิสิฏฺสํหตภาวนิทฺเทโส. เตน อสติปิ อริยปุคฺคลานํ กายสามคฺคิยํ อริยสงฺฆภาวํ ทสฺเสติ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาวโต.

ตตฺถ อุรสิ ภวา ชาตา สํพทฺธา จ โอรสา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชตาย ปิตุ สนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสเสน ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส เอกนฺเตน ภาคิโนติ โอรสา วิย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน โอรสปุตฺตาติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. สาวเกหิ ปวตฺติยมานาปิ หิ ธมฺมเทสนา ‘‘ภควโต ธมฺมเทสนา’’อิจฺเจว วุจฺจติ ตํมูลกตฺตา ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ.

ยทิปิ อริยสาวกานํ อริยมคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตรายกรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร , มารวาหินี วา น เอกนฺเตน อปสาเทติ, เตหิ ปน อปสาเทตพฺพตาย การเณ วิมถิเต เตปิ วิมถิตา เอว นาม โหนฺตีติ อาห – ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘‘มารมารเสนมถนาน’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิ (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘, ๖๘, ๑๔๙). สา จ เตหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา, อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปฺปหรเณหิ โอธิโส วิมถิตา วิหตา วิทฺธสฺตา จาติ มารเสนมถนา, อริยสาวกา. เอเตน เตสํ ภควโต อนุชาตปุตฺตตํ ทสฺเสติ.

อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน. อถ วา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, อริยานํ สงฺโฆติ อริยสงฺโฆ, อริโย จ โส สงฺโฆ จาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อสฺส อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺถ จ ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฺปฏิปนฺนภาวทีปนํ, ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ, ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปุฺกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทีเปติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมาปฏิปนฺนา มารํ มารปริสํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน วิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ปกาสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณานํ อาทิ, สปุพฺพภาคปฺปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพ อริยสงฺฆคุณา ปกาสิตา โหนฺติ.

. เอวํ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํนิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปเต ปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รติชนนฏฺเน รตนํ, พุทฺธธมฺมสงฺฆา. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ยถาภูตคุเณ อาวชฺเชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).

จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖);

จิตฺตีกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา พุทฺธาทีสุ เอว ลพฺภนฺตีติ.

วนฺทนาว วนฺทนามยํ ยถา ‘‘ทานมยํ, สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. ปุชฺชภาวผลนิพฺพตฺตนโต ปุฺํ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนาตีติ วา. สุวิหตนฺตราโยติ สุฏฺุ วิหตนฺตราโย. เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา, รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา ตํ ปุฺํ อตฺถปฺปกาสนสฺส อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถนฺติ ทสฺเสติ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา. ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปุฺํ, ตสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.

. เอวํ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจการกรเณ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตสฺสา ตาว คุณาภิตฺถวนวเสน อุปฺาปนตฺถํ ‘‘เอกกทุกาทิปฏิมณฺฑิตสฺสา’’ติอาทิมาห, เอกกาทีนิ องฺคานิ อุปรูปริ วฑฺเฒตฺวา เทสิเตหิ สุตฺตนฺเตหิ ปฏิมณฺฑิตสฺส วิสิฏฺสฺสาติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘องฺคุตฺตโร’’ติ อยํ อิมสฺส อาคมสฺส อตฺถานุคตา สมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ เอกกาทิวเสน เทสิตานิ สุตฺตานิเยว อาคโม. กสฺส ปน เอกกทุกาทีหิ ปฏิมณฺฑิตภาโวติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, สุตฺตานิ ปน อุปาทาย ปฺตฺโต อาคโม. ยเถว หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย สุตฺตนฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย อาคโมติ โวหาโร. เอกกาทีหิ องฺเคหิ อุปรูปริ อุตฺตโร อธิโกติ องฺคุตฺตโร, อาคมิสฺสนฺติ เอตฺถ, เอเตน, เอตสฺมา วา อตฺตตฺถปรตฺถาทโยติ อาคโม, อาทิกลฺยาณาทิคุณสมฺปตฺติยา อุตฺตมฏฺเน ตํตํอภิปตฺถิตสมิทฺธิเหตุตาย ปณฺฑิเตหิ วริตพฺพโต วโร, อาคโม จ โส วโร จ เสฏฺฏฺเนาติ อาคมวโร, อาคมสมฺมเตหิ วา วโรติ อาคมวโร. องฺคุตฺตโร จ โส อาคมวโร จาติ องฺคุตฺตราคมวโร, ตสฺส.

ปุงฺควา วุจฺจนฺติ อุสภา, อสนฺตสนปริสฺสยสหนสฺส ปริปาลนาทิคุเณหิ ตํสทิสตาย ธมฺมกถิกา เอว ปุงฺควาติ ธมฺมกถิกปุงฺควา, เตสํ. เหตูปมาทิปฺปฏิมณฺฑิตนานาวิธเทสนานยวิจิตฺตตาย วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส. สุมงฺคลวิลาสินีอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา; ม. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.คนฺถารมฺภกถา) ปน ‘‘พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. พุทฺธานฺหิ สจฺจปฺปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา พุทฺธานุพุทฺธา. อยมฺปิ อาคโม เตหิ อตฺถสํวณฺณนาวเสน คุณสํวณฺณนาวเสน จ สํวณฺณิโต เอว. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ พุทฺธานุพุทฺธาติ โยเชตพฺพํ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ ติณฺณํ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนากฺกโม ภาสิโต, ยา ‘‘ปกิณฺณกเทสนา’’ติ วุจฺจติ. ตโต สงฺคายนาทิวเสเนว สาวเกหีติ อาจริยา วทนฺติ. อิธ ปน ‘‘ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส’’อิจฺเจว โถมนา กตา. สํวณฺณนาสุ จายํ อาจริยสฺส ปกติ, ยา ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ สุมงฺคลวิลาสินีปปฺจสูทนีสารตฺถปฺปกาสนีสุ อฏฺสาลินีอาทีสุ จ ยถากฺกมํ ‘‘สทฺธาวหคุณสฺส, ปรวาทมถนสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส, ตสฺส คมฺภีราเณหิ โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส นานานยวิจิตฺตสฺสา’’ติอาทินา โถมนา กตา.

. อตฺโถ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สา เอว อฏฺกถา, ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘). อาทิโตติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ . ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิตาสพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย, เตสํ สเตหิ ปฺจหิ. ยาติ ยา อฏฺกถา. สงฺคีตาติ อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยํ เอตสฺส อตฺโถ, อยํ เอตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ยสตฺเถราทีหิ ปจฺฉาปิ ทุติยตติยสงฺคีตีสุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนวิสุทฺธึ ทสฺเสติ.

. สีหสฺส ลานโต คหณโต สีหโฬ, สีหกุมาโร. ตํวํสชาตตาย ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยานํ, เตสํ นิวาสตาย ตมฺพปณฺณิทีปสฺส จ สีหฬภาโว เวทิตพฺโพ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ ปจฺฉา. อปรภาเค หิ อสงฺกรตฺถํ สีหฬภาสาย อฏฺกถา ปิตาติ. เตน สา มูลฏฺกถา สพฺพสาธารณา น โหตีติ อิทํ อตฺถปฺปกาสนํ เอกนฺเตน กรณียนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห – ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ. ตตฺถ ทีปวาสีนนฺติ ชมฺพุทีปวาสีนํ, ทีปวาสีนนฺติ วา สีหฬทีปวาสีนํ อตฺถาย สีหฬภาสาย ปิตาติ โยชนา.

. อปเนตฺวานาติ กฺจุกสทิสํ สีหฬภาสํอปเนตฺวาน. ตโตติ อฏฺกถาโต. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. มโนรมํ ภาสนฺติ มาคธภาสํ. สา หิ สภาวนิรุตฺติภูตา ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ. เตเนวาห – ‘‘ตนฺตินยานุจฺฉวิก’’นฺติ, ปาฬิคติยา อนุโลมิกํ ปาฬิจฺฉายานุวิธายินินฺติ อตฺโถ. วิคตโทสนฺติ อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรรหิตํ.

. สมยํ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตํ อวิโรเธนฺโต. เอเตน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เถรวาทาปิ อิธ ปกาสียิสฺสนฺติ. เถรวํสทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา , มหากสฺสปาทโย, เตหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส. ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต เถรวํสทีปา, มหาวิหารวาสิโน เถรา, เตสํ. วิวิเธหิ อากาเรหิ นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทกถา. สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตตฺถวิสยํ าณํ. สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. เอเตน มหากสฺสปาทิตฺเถรปรมฺปราภโต, ตโตเยว จ อวิปรีโต สณฺหสุขุโม มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโยติ ตสฺส ปมาณภูตตํ ทสฺเสติ.

๑๐. สุชนสฺสจาติ -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนํเยว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนานํ โตสนตฺถฺจา’’ติ ทสฺเสติ. เตน จ ‘‘ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายา’’ติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหูปการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถนฺติ จิรฏฺิติอตฺถํ, จิรกาลาวฏฺานายาติ อตฺโถ. อิทฺหิ อตฺถปฺปกาสนํ อวิปรีตพฺยฺชนสุนิกฺเขปสฺส อตฺถสุนีตสฺส จ อุปายภาวโต สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิติยา สํวตฺตติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ, อตฺโถ จ สุนีโต’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๑).

๑๑-๑๒. ยํ อตฺถวณฺณนํ กตฺถุกาโม, ตสฺสา มหนฺตตฺตํ ปริหริตุํ ‘‘สาวตฺถิปภูตีน’’นฺติอาทิมาห. เตนาห – ‘‘น อิธ วิตฺถารกถํ กริสฺสามิ, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ จ. ตตฺถ ทีฆสฺสาติ ทีฆนิกายสฺส. มชฺฌิมสฺสาติ มชฺฌิมนิกายสฺส. ‘‘สงฺคีตีนํ ทฺวินฺนํ ยา เม อตฺถํ วทนฺเตนา’’ติปิ ปาโ. ตตฺถปิ สงฺคีตีนํ ทฺวินฺนนฺติ ทีฆมชฺฌิมนิกายานนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เมติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, มยาติ อตฺโถ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เหฏฺา ทีฆสฺส มชฺฌิมสฺส จ อตฺถํ วทนฺเตน สาวตฺถิปภุตีนํ นครานํ ยา วณฺณนา กตา, ตสฺสา วิตฺถารกถํ น อิธ ภิยฺโย กริสฺสามีติ โยเชตพฺพํ. ยานิ จ ตตฺถ วตฺถูนิ วิตฺถารวเสน วุตฺตานิ, เตสมฺปิ วิตฺถารกถํ น อิธ ภิยฺโย กริสฺสามีติ สมฺพนฺโธ.

๑๓. อิทานิ ‘‘น อิธ วิตฺถารกถํ กริสฺสามี’’ติ สามฺโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปวรํ ทสฺเสตุํ – ‘‘สุตฺตานํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุตฺตานํ เย อตฺถา วตฺถูหิ วินา น ปกาสนฺตีติ โยเชตพฺพํ.

๑๔. ยํ อฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค จ คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสติ – ‘‘สีลกถา’’ติอาทินา. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลสฺส วิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานิ สพฺพานีติ ปาฬิยํ อาคตานิ อฏฺตึส, อฏฺกถายํ ทฺเวติ นิรวเสสานิ โยคกมฺมสฺส ภาวนาย ปวตฺติฏฺานานิ. จริยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สหิโต. ฌานานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย จตสฺโส อารุปฺปสมาปตฺติโย . อฏฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตานิ ฌานานิ สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺติยา สมาปตฺติโย. ฌานานิ วา รูปารูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย.

๑๕. โลกิยโลกุตฺตรเภทา ฉ อภิฺาโย สพฺพา อภิฺาโย. าณวิภงฺคาทีสุ อาคตนเยน เอกวิธาทินา ปฺาย สํกเลตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา นิจฺฉโย ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย.

๑๖. ปจฺจยธมฺมานํ เหตุอาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ เหตุปจฺจยาทิภาโว ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ปจฺจยาการเทสนา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน ฆนวินิพฺโภคสฺส สุทุกฺกรตาย สณฺหสุขุมา, นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตา, เอกตฺตนยาทิสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห – ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา.

๑๗. อิติ ปน สพฺพนฺติ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน, ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, เอตํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. อิธาติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย น วิจารยิสฺสามิ ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย.

๑๘. อิทานิ ตสฺเสว อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺฌภาวทีปเนน วิเสสโต จตุนฺนํ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. ‘‘วิเสสโต’’ติ จ อิทํ วินยาภิธมฺมานมฺปิ วิสุทฺธิมคฺโค ยถารหํ อตฺถวณฺณนา โหติ เอวาติ กตฺวา วุตฺตํ.

๑๙. อิจฺเจวาติ อิติ เอว. ตมฺปีติ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ. เอตายาติ มโนรถปูรณิยา. เอตฺถ จ ‘‘สีหฬทีปํ อาภตา’’ติอาทินา อตฺถปฺปกาสนสฺส นิมิตฺตํ ทสฺเสติ, ‘‘ทีปวาสีนมตฺถาย สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ เอเตน ปโยชนํ, อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาส’’นฺติอาทินา. ‘‘สาวตฺถิปภุตีน’’นฺติอาทินา จ กรณปฺปการํ. เหฏฺิมนิกาเยสุ วิสุทฺธิมคฺเค จ วิจาริตานํ อตฺถานํ อวิจารณมฺปิ หิ อิธ กรณปฺปกาโร เอวาติ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.