📜
๑. รูปาทิวคฺควณฺณนา
นิทานวณฺณนา
วิภาควนฺตานํ ¶ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนวเสเนว โหตีติ ปมํ ตาว นิปาตสุตฺตวเสน วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ องฺคุตฺตราคโม นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘องฺคุตฺตราคมสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ยทิทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ วจเน, ‘‘ยสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ปฏิฺาตํ, โส องฺคุตฺตราคโม นาม นิปาตสุตฺตวเสน เอวํ วิภาโคติ อตฺโถ. อถ วา ตตฺถาติ ‘‘องฺคุตฺตรนิสฺสิตํ อตฺถ’’นฺติ เอตสฺมึ วจเน โย องฺคุตฺตราคโม วุตฺโต, โส นิปาตสุตฺตาทิวเสน เอทิโสติ อตฺโถ.
อิทานิ ตํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺณิตุกาโม อตฺตโน สํวณฺณนาย ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน ปวตฺตภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ตสฺส นิปาเตสุ…เป… วุตฺตํ นิทานมาที’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ. เอเตน ตํตํสิกฺขาปทานํ สุตฺตานฺจ อาทิปริโยสาเนสุ ¶ อนฺตรนฺตรา จ สมฺพนฺธวเสน ปิตํ สงฺคีติการวจนํ สงฺคหิตํ โหติ. สงฺคียมานสฺส อตฺถสฺส มหนฺตตาย ปูชนียตาย จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ, ตสฺสา ปวตฺติกาโล ปมมหาสงฺคีติกาโล, ตสฺมึ ปมมหาสงฺคีติกาเล. นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ. โย โลกิเยหิ อุโปคฺฆาโตติ วุจฺจติ, สฺวายเมตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิโก คนฺโถ เวทิตพฺโพ. น ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๖) วิย อชฺฌาสยาทิเทสนุปฺปตฺติเหตุ. เตเนวาห – ‘‘เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาที’’ติ.
๑. ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทินา พาหิรนิทาเน วตฺตพฺพํ อติทิสิตฺวา อิทานิ อพฺภนฺตรนิทานํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺณิตุํ ‘‘ยํ ปเนต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺมา สํวณฺณนํ กโรนฺเตน สํวณฺเณตพฺเพ ธมฺเม ปทานิ ปทวิภาคํ ตทตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา ตโต ปรํ ปิณฺฑตฺถาทินิทสฺสนวเสน จ สํวณฺณนา กาตพฺพา, ตสฺมา ปทานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวนฺติ นิปาตปท’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ปทวิภาโคติ ปทานํ วิเสโส, น ปทวิคฺคโห. อถ วา ปทานิ จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโค, ปทวิคฺคโห จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโคติ วา เอกเสสวเสน ปทปทวิคฺคหา ปทวิภาคสทฺเทน วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปทวิคฺคโห ‘‘เชตสฺส วนํ เชตวน’’นฺติอาทินา สมาสปเทสุ ทฏฺพฺโพ.
อตฺถโตติ ปทตฺถโต. ตํ ปน ปทตฺถํ อตฺถุทฺธารกฺกเมน ปมํ เอวํ-สทฺทสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ-สทฺโท ตาวา’’ติอาทิมาห. อวธารณาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิทมตฺถปุจฺฉาปริมาณาทิอตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ, เอวมาทีนี’’ติอาทีสุ อิทํ-สทฺทสฺส อตฺเถ เอวํ-สทฺโท. คต-สทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการ-สทฺทา จ. ตถา หิ วิธยุตฺตคตสทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุกฺกมณิกุณฺฑลาภรณา โอทาตวตฺถวสนา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ ¶ สาจริยโกติ. โน หิทํ, โภ โคตมา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํ ลหุปริวตฺตํ (อ. นิ. ๑.๔๘), เอวมายุปริยนฺโต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ปารา. ๑๒) จ อาทีสุ ปริมาเณ.
นนุ จ ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา เอวมายุปริยนฺโต’’ติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว เอวํ-สทฺโทติ? น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก หิ เอวํ-สทฺโท อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต ยถา ‘‘เอวํ พฺยาโข’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕), น ปน อาการวิเสสวาจโก. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๕๓) อุปมาทิอุทาหรณานิ อุปปนฺนานิ โหนฺติ. ตถา หิ ‘‘ยถา หิ…เป… พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานิยโต มนุสฺสูปปตฺติสปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการโภคสมฺปตฺติ- อาทิทานาทิปฺุกิริยาเหตุสมุทายโต โสภาสุคนฺธตาทิคุณโยคโต มาลาคุณสทิสิโย ปหูตา ปฺุกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน สตฺเตน กตฺตพฺพาติ โชติตตฺตา ปุปฺผราสิมาลาคุณาว อุปมา. เตสํ อุปมากาโร ยถา-สทฺเทน อนิยมโต วุตฺโตติ ‘‘เอวํ-สทฺโท อุปมาการนิคมนตฺโถ’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ, โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมาว โหตีติ อาห – ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ. ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปทิสนากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโส เอวาติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ เต…เป… อุปเทเส’’ติ. ตถา เอวเมตํ ¶ ภควา, เอวเมตํ สุคตาติ เอตฺถ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ตตฺถ สํวิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, โย ตตฺถ สมฺปหํสนากาโรติ โยเชตพฺพํ.
เอวเมวํ ปนายนฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ โยเชตพฺพํ, โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํ-สทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ, ภนฺเตติ โขติอาทีสุ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเรน นิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน ตตฺถ ิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา ¶ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺโถ วุตฺโต, เตน ‘‘เอวํ, ภนฺเต, สาธุ ภนฺเต, สุฏฺุ ภนฺเต’’ติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ วเทหีติ ‘‘ยถาหํ วทามิ, เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหี’’ติ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ เอวํ-สทฺเทน นิทสฺสียตีติ นิทสฺสนตฺโถ วุตฺโต. เอวํ โนติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเว สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคฺคหณวเสน ‘‘โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํ-สทฺเทน วิภาวิตนฺติ วิฺายติ. โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ อาห – ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติอาทีสุ อวธารเณ’’ติ.
นานานยนิปุณนฺติ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา, นนฺทิยาวฏฺฏติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตองฺกุสทิสาโลจนสงฺขาตา วา อาธาราทิเภทวเสน นานาวิธา นยา นานานยา. นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกตาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน สงฺคหาทิวเสน สมยวิมุตฺตาทิวเสน ปธานาทิวเสน กุสลมูลาทิวเสน ติกปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา, เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ. อาสโยว อชฺฌาสโย, เต จ สสฺสตาทิเภเทน ตตฺถ จ อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน จ อเนเก, อตฺตชฺฌาสยาทโย เอว วา สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนนฺติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ อุปเนตพฺพาภาวโต. สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิวิธปาฏิหาริยนฺติ เอตฺถ ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต จ ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ. ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ ¶ , เย หริตพฺพา. ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺถุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ¶ ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน จ ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. ปารายนวคฺโค, วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอกเมกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. ตสฺส ปน อิทฺธิอาทิเภเทน วิสยเภเทน จ พหุวิธสฺส ภควโต เทสนายํ ลพฺภมานตฺตา อาห – ‘‘วิวิธปาฏิหาริย’’นฺติ.
น อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต น อฺถาติ อตฺโถ, น ปน ภควโต เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุ’’นฺติ อิทํ วจนํ สมตฺถิตํ ภวติ, ธารณพลทสฺสนฺจ น วิรุชฺฌติ สุตาการาวิรุชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น เหตฺถ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ทฺวินฺนํ อตฺถานํ เอกวิสยตฺตา, อิตรถา เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ สมตฺโถ อสมตฺโถ จาติ อาปชฺเชยฺยาติ.
‘‘โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตาย นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตาย สสนฺตติยํ วตฺตนโต ติวิโธปิ เม-สทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานสามินิทฺเทสวเสน ปน วิชฺชมานเภทํ สนฺธายาห – ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ.
กิฺจาปิ ¶ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุต-สทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุต-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌตีติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จา’’ติ อาห. อสฺสาติ สุตสทฺทสฺส. กมฺมภาวสาธนานิ อิธ สุตสทฺเท สมฺภวนฺตีติ วุตฺตํ – ‘‘อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา อตฺโถ’’ติ. มยาติ อตฺเถ สตีติ ยทา เม-สทฺทสฺส กตฺตุวเสน กรณนิทฺเทโส, ตทาติ อตฺโถ. มมาติ อตฺเถ สตีติ ยทา สมฺพนฺธวเสน สามินิทฺเทโส, ตทา.
สุตสทฺทสนฺนิฏฺาเน ปยุตฺเตน เอวํ-สทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ – ‘‘เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสน’’นฺติ. อาทิ-สทฺเทน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ โสตทฺวาริกวิฺาณานํ ตทภินีหฏานฺจ มโนทฺวาริกวิฺาณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสมฺปิ วากฺยานํ เอวการตฺถสหิตตฺตา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส สุตเมวาติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห – ‘‘อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ. เอเตน อวธารเณน นิยามตํ ทสฺเสติ. ยถา จ สุตํ สุตเมวาติ นิยาเมตพฺพํ, ตํ สมฺมา สุตํ โหตีติ อาห – ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ สุตนฺติ อสฺสุตํ น โหตีติ อยเมตสฺส อตฺโถติ วุตฺตํ – ‘‘อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ. อิมินา ทิฏฺาทิวินิวตฺตนํ กโรติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – น อิทํ มยา ทิฏฺํ, น สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, อถ โข สุตํ, ตฺจ สมฺมเทวาติ. เตเนวาห – ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํ-สทฺเท อยมตฺถโยชนา – ‘‘กรียตี’’ติ ตทเปกฺขสฺส สุต-สทฺทสฺส อยมตฺโถ วุตฺโต ‘‘อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ. เตเนวาห – ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. สวน-สทฺโท เจตฺถ กมฺมตฺโถ เวทิตพฺโพ ‘‘สุยฺยตี’’ติ.
เอวํ สวนเหตุสวนวิเสสวเสน ปทตฺตยสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปการนฺตเรหิ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ตถา เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ยา สา ภควโต สมฺมุขา ธมฺมสฺสวนากาเรน ปวตฺตา มโนทฺวารวิฺาณวีถิ, ตสฺสา. สา หิ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติตุํ สมตฺถา. ตถา จ วุตฺตํ – ‘‘โสตทฺวารานุสาเรนา’’ติ. นานปฺปกาเรนาติ วกฺขมานานํ อเนกวิหิตานํ ¶ พฺยฺชนตฺถคฺคหณานํ นานากาเรน. เอเตน อิมิสฺสา โยชนาย อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท คหิโตติ ทีเปติ. ปวตฺติภาวปฺปกาสนนฺติ ปวตฺติยา อตฺถิภาวปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนนฺติ ยสฺมึ อารมฺมเณ วุตฺตปฺปการา วิฺาณวีถิ นานปฺปกาเรน ปวตฺตา, ตสฺส ธมฺมตฺตา วุตฺตํ, น สุตสทฺทสฺส ธมฺมตฺถตฺตา. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณํ ‘‘อยฺเหตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณวีถิยาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ, มยาติ กตฺตุอตฺเถ.
เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนนฺติ นิทสฺสนตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทสฺสิตพฺพตฺตาภาวาภาวโต ¶ . เตน เอวํ-สทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ ทสฺเสติ. สุตสทฺทสฺส กิริยาสทฺทตฺตา สวนกิริยาย จ สาธารณวิฺาณปฺปพนฺธปฺปฏิพทฺธตฺตา ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโรติ วุตฺตํ – ‘‘สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสน’’นฺติ. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภตีติ.
ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺสาติอาทิปิ อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ปุริมโยชนาย อฺถา อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อาการปฺตฺตีติ อุปาทาปฺตฺติ เอว ธมฺมานํ ปวตฺติอาการุปาทานวเสน ตถา วุตฺตา. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโสติ โสตพฺพภูโต ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. จิตฺตสนฺตานวินิมุตฺตสฺส ปรมตฺถโต กสฺสจิ กตฺตุอภาเวปิ สทฺทโวหาเรน พุทฺธิปริกปฺปิตเภทวจนิจฺฉาย จิตฺตสนฺตานโต อฺํ วิย ตํสมงฺคึ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคีโน’’ติ. สวนกิริยาวิสโยปิ โสตพฺพธมฺโม สวนกิริยาวเสน ปวตฺตจิตฺตสนฺตานสฺส อิธ ปรมตฺถโต กตฺตุภาวโต, สวนวเสน จิตฺตปวตฺติยา เอว วา สวนกิริยาภาวโต ตํกิริยากตฺตุ จ วิสโย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘ตํสมงฺคีโน กตฺตุวิสเย’’ติ. สุตาการสฺส จ เถรสฺส สมฺมานิจฺฉิตภาวโต อาห – ‘‘คหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ. เอเตน วา อวธารณตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา อยมตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปุพฺเพ สุตานํ นานาวิหิตานํ สุตฺตสงฺขาตานํ อตฺถพฺยฺชนานํ อุปธาริตรูปสฺส อาการสฺส นิทสฺสนสฺส, อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาโว ¶ เอวํ-สทฺโทติ ตทาการาทิอุปธารณสฺส ปุคฺคลปฺตฺติยา อุปาทานภูตธมฺมปฺปพนฺธพฺยาปารตาย วุตฺตํ – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. สวนกิริยา ปน ปุคฺคลวาทิโนปิ วิฺาณนิรเปกฺขา นตฺถีติ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปาโรติ อาห – ‘‘สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เมติ สทฺทปฺปวตฺติยา เอกนฺเตเนว สตฺตวิสยตฺตา วิฺาณกิจฺจสฺส จ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพโต ‘‘เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. อวิชฺชมานปฺตฺติวิชฺชมานปฺตฺติสภาวา ยถากฺกมํ เอวํสทฺทสุตสทฺทานํ อตฺถาติ เต ตถารูปปฺตฺติอุปาทานพฺยาปารภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส, สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เอตฺถ จ กรณกิริยากตฺตุกมฺมวิเสสปฺปกาสนวเสน ปุคฺคลพฺยาปารวิสยปุคฺคลพฺยาปารนิทสฺสนวเสน คหณาการคฺคาหกตพฺพิสยวิเสสนิทฺเทสวเสน กตฺตุกรณพฺยาปารกตฺตุนิทฺเทสวเสน จ ทุติยาทโย จตสฺโส อตฺถโยชนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพสฺสปิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ ¶ วิชฺชมานาทิวเสน ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ อนฺโตคธตฺตา เตสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ จ เมติ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ วุจฺจมานสฺสตฺถสฺส อาการาทิโน ธมฺมานํ อสลฺลกฺขณภาวโต อวิชฺชมานปฺตฺติภาโวติ อาห – ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. ตตฺถ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนาติ ภูตตฺถอุตฺตมตฺถวเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ, โส รูปสทฺทาทิสภาโว, รุปฺปนานุภวนาทิสภาโว วา อตฺโถ สจฺจิกฏฺโ ปรมตฺโถ จาติ วุจฺจติ, น ตถา ‘‘เอวํ เม’’ติปทานํ อตฺโถติ. เอตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กิฺเหตฺถ ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สุตนฺติ ปน สทฺทายตนํ สนฺธายาห – ‘‘วิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปลทฺธ’’นฺติ ปน วุตฺเต อตฺถพฺยฺชนาทิ สพฺพํ ลพฺภติ. ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโตติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทิโน ปจฺจามสนวเสน เอวนฺติ, สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อุปาทาย เมติ วตฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ ¶ สุตโวหาโร ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวา ปวตฺโตติ อาห – ‘‘ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต’’ติ. อสฺสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโต อยมตฺโถติ.
อตฺตนา ปฏิวิทฺธา สุตฺตสฺส ปการวิเสสา เอวนฺติ เถเรน ปจฺจามฏฺาติ อาห – ‘‘อสมฺโมหํ ทีเปตี’’ติ. นานปฺปการปฺปฏิเวธสมตฺโถ โหตีติ เอเตน วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส นานปฺปการตํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺจ ทสฺเสติ. สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปตีติ สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา วุตฺตํ. อสมฺโมเหนาติ สมฺโมหาภาเวน, ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตริกาลปฺาสิทฺธิ. เอวํ อสมฺโมเสนาติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺพํ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมายา’’ติอาทิ ‘‘ปฺาย ปุพฺพงฺคมา’’ติ กตฺวา. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานภาโว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑, ๒) วิย, ปุพฺพงฺคมตาย วา จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาวชฺชนาทีนํ วิย อปฺปธานตฺเต ปฺา ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ยุชฺชติ, เอวํ สติปุพฺพงฺคมายาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถาสมฺภวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺสาติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณสฺส, สงฺกาสนปฺปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตสฺสาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โยนิโสมนสิการํ ¶ ทีเปติ เอวํ-สทฺเทน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. อวิกฺเขปํ ทีเปตีติ ‘‘จิตฺตปริยาทานํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิปุจฺฉาวเส ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสาติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. สพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺถพฺยฺชนเทสกปฺปโยชนาทิสมฺปตฺติยา. อวิปรีตสทฺธมฺมวิสเยหิ วิย อาการนิทสฺสนาวธารณตฺเถหิ โยนิโสมนสิการสฺส, สทฺธมฺมสฺสวเนน วิย จ อวิกฺเขปสฺส ยถา โยนิโสมนสิกาเรน ผลภูเตน อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตานํ สิทฺธิ วุตฺตา ¶ ตทวินาภาวโต. เอวํ อวิกฺเขเปน ผลภูเตน การณภูตานํ สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยานํ สิทฺธิ ทสฺเสตพฺพา สิยา อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโตติอาทินา สมตฺถนวจเนน ปน อวิกฺเขเปน การณภูเตน สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ ผลภูตสฺส สทฺธมฺมสฺสวนสฺส สิทฺธิ ทสฺสิตา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา, สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยา น เอกนฺเตน อวิกฺเขปสฺส การณํ พาหิรงฺคตฺตา, อวิกฺเขโป ปน สปฺปุริสูปนิสฺสโย วิย สทฺธมฺมสฺสวนสฺส เอกนฺตการณนฺติ. เอวมฺปิ อวิกฺเขเปน สปฺปุริสูปนิสฺสยสิทฺธิโชตนา น สมตฺถิตาว. โน น สมตฺถิตา วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ สปฺปุริสปยิรุปาสนาภาวสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. เอตฺถ จ ปุริมํ ผเลน การณสฺส สิทฺธิทสฺสนํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิสพฺภาวสฺส, ทุติยํ การเณน ผลสฺส สิทฺธิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ เอกนฺตวสฺสินา วิย เมฆวุฏฺาเนน วุฏฺิปฺปวตฺติยา.
ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปฺปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหนากาโร นิรวเสสปรหิตปาริปูริตาการณนฺติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ ภทฺทโก อากาโร’’ติ. ยสฺมา น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตาสงฺขาตคุณทฺวยํ. อปราปรํ วุตฺติยา เจตฺถ จกฺกภาโว, จรนฺติ เอเตหิ สตฺตา สมฺปตฺติภเวสูติ วา. เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๑). ปุริมปจฺฉิมภาโว เจตฺถ เทสนากฺกมวเสน ทฏฺพฺโพ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยาติ ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสฺส อตฺถิตาย. สมฺมาปณิหิตตฺโต ปุพฺเพ จ กตปฺุโ สุทฺธาสโย โหติ ตทสิทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโตติ อาห – ‘‘อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓), ‘‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. เตเนวาห – ‘‘อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. ปโยคสุทฺธิยาติ โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคมสฺส ธมฺมสฺสวนปฺปโยคสฺส วิสทภาเวน. ตถา จาห – ‘‘อาคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ ¶ , สพฺพสฺส วา กายวจีปโยคสฺส นิทฺโทสภาเวน. ปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหตีติ.
นานปฺปการปฏิเวธทีปเกนาติอาทินา ¶ อตฺถพฺยฺชเนสุ เถรสฺส เอวํ-สทฺทสุต-สทฺทานํ อสมฺโมหทีปนโต จตุปฺปฏิสมฺภิทาวเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โสตปฺปเภทปฏิเวธทีปเกนาติ เอเตน อยํ สุต-สทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิธานโต, วกฺขมานาเปกฺขาย วา สามฺเเนว โสตพฺพธมฺมวิเสสํ อามสตีติ ทสฺเสติ. มโนทิฏฺิกรณานํ ปริยตฺติธมฺมานํ อนุเปกฺขนสุปฺปฏิเวธา วิเสสโต มนสิการปฺปฏิพทฺธาติ เต วุตฺตนเยน โยนิโสมนสิการทีปเกน เอวํ-สทฺเทน โยเชตฺวา, สวนธารณวจีปริจยา ปริยตฺติธมฺมา วิเสเสน โสตาวธานปฺปฏิพทฺธาติ เต อวิกฺเขปทีปเกน สุต-สทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต สาสนสมฺปตฺติยา ธมฺมสฺสวเน อุสฺสาหํ ชเนติ. ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมา. มนสา อนุเปกฺขิตาติ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺฌานกฺขนฺติ ภูตาย, าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺธา.
สกเลน วจเนนาติ ปุพฺเพ ตีหิ ปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยชิตตฺตา วุตฺตํ. อสปฺปุริสภูมินฺติ อกตฺุตํ, ‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ วุตฺตํ อนริยโวหาราวตฺถํ. สา เอว อนริยโวหาราวตฺถา อสทฺธมฺโม. นนุ จ อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มเมทํ วจน’’นฺติ อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ตทาสงฺกาย อภาวโต อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมาทิวจนํ นิรตฺถกนฺติ? นยิทเมวํ, ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วทนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘เทวตานํ ปริวิตกฺกาเปกฺขํ ตถาวจนนฺติ เอทิสี โจทนา อนวกาสา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร ขเณ เอกจฺจานํ เทวตานํ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ภควา ปรินิพฺพุโต, อยฺจ อายสฺมา เทสนากุสโล อิทานิ ธมฺมํ เทเสติ, สกฺยกุลปฺปสุโต ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต, กึ นุ โข สยํ สจฺฉิกตํ ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ ภควโต เอว วจนํ ยถาสุต’’นฺติ, เอวํ ตทาสงฺกิตปฺปการโต อสปฺปุริสภูมิสโมกฺกมาทิโต อติกฺกมาทิ วิภาวิตนฺติ. อตฺตโน อทหนฺโตติ ‘‘มเมท’’นฺติ อตฺตนิ อฏฺเปนฺโต. อปฺเปตีติ ¶ นิทสฺเสติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยถารหํ สตฺเต เนตีติ เนตฺติ, ธมฺโมเยว เนตฺติ ธมฺมเนตฺติ.
ทฬฺหตรนิวิฏฺา ¶ วิจิกิจฺฉา กงฺขา. นาติสํสปฺปนํ มติเภทมตฺตํ วิมติ. อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ ภควตา ภาสิตตฺตา สมฺมุขา จสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา ขลิตทุรุตฺตาทิคฺคหณโทสาภาวโต จ. เอตฺถ จ ปฺจมาทโย ติสฺโส อตฺถโยชนา อาการาทิอตฺเถสุ อคฺคหิตวิเสสเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ทสฺสิตา, ตโต ปรา จตสฺโส อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วิภาวิตา, ปจฺฉิมา ปน ติสฺโส ยถากฺกมํ อาการตฺถํ นิทสฺสนตฺถํ อวธารณตฺถฺจ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา โยชิตาติ ทฏฺพฺพํ.
เอก-สทฺโท อฺเสฏฺอสหายสงฺขาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) อฺตฺเถ ทิสฺสติ, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ปารา. ๑๑) เสฏฺเ, ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕; ๒.๒๑๕; ม. นิ. ๑.๘๐; สํ. นิ. ๓.๖๓; จูฬว. ๔๔๕) อสหาเย ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) สงฺขายํ. อิธาปิ สงฺขายนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ. กาลฺจ สมยฺจาติ ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ. ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฺปฏิลาภเหตุตฺตา. ขโณ เอว จ สมโย. โย ขโณติ จ สมโยติ จ วุจฺจติ, โส เอโก เอวาติ หิ อตฺโถ. มหาสมโยติ มหาสมูโห. สมโยปิ โขติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุปิ. สมยปฺปวาทเกติ ทิฏฺิปฺปวาทเก. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปวทนฺตีติ. อตฺถาภิสมยาติ หิตปฺปฏิลาภา. อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, อภิสมโย อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ปีฬนาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ. อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ตาเนว ตถา เอกตฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ¶ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตปนํ ปริทหนํ.
ตตฺถ สหการิการเณ สนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ เอตฺถ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทาธารปุคฺคเลหีติ สมโย, ขโณ. สเมติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต, สภาวธมฺโม วา สหชาตาทีหิ, อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโหติ. อวเสสปจฺจยานํ ¶ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพทฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย, ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ปฏิลาโภ. สมสฺส ยานํ, สมฺมา วา ยานํ อปคโมติ สมโย, ปหานํ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมยสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมยสทฺทสฺส อุทาหรณํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อสฺสาติ สมยสทฺทสฺส. กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต, เทสเทสกปริสานํ วิย สุตฺตสฺส นิทานภาเวน กาลสฺส อปทิสิตพฺพโต จ.
กสฺมา ปเนตฺถ อนิยมิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวาติ อาห – ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยมํ อกตฺวา สมยสทฺทสฺส วจเน อยมฺปิ คุโณ ลทฺโธ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทวสิกํ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินามนกาโล, วิเสสโต สตฺตสตฺตาหานิ. สุปฺปกาสาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา ปกมฺปนโอภาสปาตุภาวาทีหิ ¶ ปากฏา. ยถาวุตฺตเภเทสุ เอว สมเยสุ เอกเทสํ ปการนฺตเรหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย จาย’’นฺติอาทิมาห. ตถา หิ าณกิจฺจสมโย อตฺตหิตปฺปฏิปตฺติสมโย จ อภิสมฺโพธิสมโย, อริยตุณฺหีภาวสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย, กรุณากิจฺจปรหิตปฺปฏิปตฺติธมฺมิกถาสมโย เทสนาสมโยเยว.
กรณวจเนน นิทฺเทโส กโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ อภิธมฺมวินเยสุ. ตถาติ ภุมฺมกรเณหิ. อธิกรณตฺโถ อาธารตฺโถ. ภาโว นาม กิริยา, กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ. ตตฺถ ยถา กาโล สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเห ชาโต, สายนฺเห คจฺฉตี’’ติ จ อาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺโธ อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิยํ สมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวํ อิธาปีติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อธิกรณํ…เป… ธมฺมาน’’นฺติ. ยสฺมึ กาเล, ธมฺมปฺุเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึ เอว กาเล, ธมฺมปฺุเช ¶ จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ยถา ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ตสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต ‘‘สตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหติ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโตติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา, ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียตีติ. ยสฺมึ สมเยติ ยสฺมึ นวเม ขเณ, ยสฺมึ โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ เหตุมฺหิ ปจฺจยสมวาเย จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อุภยตฺถ สมยสทฺเท ภุมฺมนิทฺเทโส กโต ลกฺขณภูตภาวยุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ขณ…เป… ลกฺขียตี’’ติ.
เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสติ, ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย. วีติกฺกมฺหิ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ ตํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ¶ วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทานิ ปฺาเปนฺโต ภควา วิหรติ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ตติยปาราชิกาทีสุ วิย.
อจฺจนฺตเมว อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ ปรหิตปฺปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถโชตนตฺถํ. อุปโยควจนนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ อชฺเฌตี’’ติ. โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน วิเสโส. เตน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติพฺยตฺตโย กโตติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ‘‘ภควา’’ติ อิมสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ภควาติ ครู’’ติอาทิ. ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ, เสฏฺคุณสหจรณํ เสฏฺนฺติ วุตฺตํ. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ยสฺมา โย ‘‘ภควา’’ติ วจเนน วจนีโย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต. ครุกรณํ วา สาติสยํ อรหตีติ คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ. สิปฺปาทิสิกฺขาปกา ครู โหนฺติ, น จ คารวยุตฺตา, อยํ ปน ตาทิโส น โหติ, ตสฺมา ครูติ วตฺวา คารวยุตฺโตติ วุตฺตนฺติ เกจิ. วุตฺโตเยว, น อิธ วตฺตพฺโพ วิสุทฺธิมคฺคสฺส อิมิสฺสา อฏฺกถาย เอกเทสภาวโตติ อธิปฺปาโย.
ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรตีติ ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต ¶ , โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วจนโต ธมฺมสฺส สตฺถุภาวปริยาโย วิชฺชตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วชิรสงฺฆาตสมานกาโย ปเรหิ อเภชฺชสรีรตฺตา. น หิ ภควโต รูปกาเย เกนจิ สกฺกา อนฺตราโย กาตุนฺติ. เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ วกฺขมานสฺส สกลสุตฺตสฺส เอวนฺติ นิทฺทิสนโต. สาวกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ปฏิสมฺภิทาปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน มยา มหาสาวเกน สุตํ, ตฺจ โข มยา สุตํ, น อนุสฺสุติกํ, น ปรมฺปราภตนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนโต. กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ‘‘ภควา’’ติ ปทสฺส สนฺนิธาเน ปยุตฺตสฺส สมยสทฺทสฺส กาลสฺส พุทฺธุปฺปาทปฺปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต ¶ . พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘กปฺปกสาเย กลิยุเค, พุทฺธุปฺปาโท อโห มหจฺฉริยํ;
หุตาวหมชฺเฌ ชาตํ, สมุทิตมกรนฺทมรวินฺท’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ เทวตาสํยุตฺต);
ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนภาวโต.
เอวํนามเก นคเรติ กถํ ปเนตํ นครํ เอวํนามกํ ชาตนฺติ? วุจฺจเต, ยถา กากนฺทสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตา นครี กากนฺที, มากนฺทสฺส นิวาสฏฺาเน มาปิตา มากนฺที, กุสมฺพสฺส นิวาสฏฺาเน มาปิตา โกสมฺพีติ วุจฺจติ, เอวํ สวตฺถสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตา นครี สาวตฺถีติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ – ‘‘ยํ กิฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ, สพฺพเมตฺถ อตฺถี’’ติ สาวตฺถิ. สตฺถสมาโยเค จ ‘กึ ภณฺฑมตฺถี’ติ ปุจฺฉิเต ‘สพฺพมตฺถี’ติ วจนมุปาทาย สาวตฺถิ.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.มงฺคลสุตฺตวณฺณนา; อุทา. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. ๒.๑.๑๘๔);
‘‘โกสลานํ ปุรํ รมฺมํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ.
‘‘วุทฺธึ ¶ เวปุลฺลตํ ปตฺตํ, อิทฺธํ ผีตํ มโนรมํ;
อาฬกมนฺทาว เทวานํ, สาวตฺถิปุรมุตฺตม’’นฺติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.มงฺคลสุตฺตวณฺณนา);
อวิเสเสนาติ น วิเสเสน, วิหารภาวสามฺเนาติ อตฺโถ. อิริยาปถวิหาโร…เป… วิหาเรสูติ อิริยาปถวิหาโร ทิพฺพวิหาโร พฺรหฺมวิหาโร อริยวิหาโรติ เอเตสุ จตูสุ วิหาเรสุ. สมงฺคิปริทีปนนฺติ สมงฺคิภาวปริทีปนํ. เอตนฺติ วิหรตีติ เอตํ ปทํ. ตถา หิ ตํ ‘‘อิเธกจฺโจ คิหิสํสฏฺโ วิหรติ สหนนฺที สหโสกี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) อิริยาปถวิหาเร อาคตํ, ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ ¶ … ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๔๙๙; วิภ. ๖๒๔) ทิพฺพวิหาเร, ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕, ๔๕๑, ๔๗๑; ๓.๒๓๐, วิภ. ๖๔๒, ๖๔๓) พฺรหฺมวิหาเร, ‘‘โส โขหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสาเยว กถาย ปริโยสาเน ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ, สมาทหามิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อริยวิหาเร.
ตตฺถ อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค. ตสฺสา ปวตฺตนูปายภาวโต านาทิ อิริยาปโถ. านสมงฺคี วา หิ กาเยน กิฺจิ กเรยฺย คมนาทีสุ อฺตรสมงฺคี วา. อถ วา อิริยติ ปวตฺตติ เอเตน อตฺตภาโว, กายกิจฺจํ วาติ อิริยา, ตสฺสา ปวตฺติยา อุปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ, านาทิ เอว. โส จ อตฺถโต คตินิวตฺติอาทิอากาเรน ปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺโธ เอว. วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร. ทิวิ ภโว ทิพฺโพ, ตตฺถ พหุลปฺปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลเก ภโวติ อตฺโถ. ตตฺถ โย ทิพฺพานุภาโว, ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ วา ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหารวเสน มหาคติกตฺตา วา ทิพฺโพ, ทิพฺโพ จ โส วิหาโร จาติ ทิพฺพวิหาโร, จตสฺโส รูปาวจรสมาปตฺติโย. อรูปสมาปตฺติโยปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. พฺรหฺมานํ, พฺรหฺมาโน วา วิหารา พฺรหฺมวิหารา, จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริโย, อริยานํ วา วิหาโร อริยวิหาโร, จตฺตาริ สามฺผลานิ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนนฺติอาทิ ยทิปิ ภควา เอเกนปิ อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ อุปาทินฺนกสรีรสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต เวเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต นานาสมาปตฺตีหิ ¶ จ กาลํ วีตินาเมนฺโต วสตีติ สตฺตานํ อตฺตโน จ วิวิธหิตสุขํ หรติ อุปเนติ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ วิหรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เชตสฺส ¶ ราชกุมารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชนํ ชินาตีติ เชโต. โสตสทฺโท วิย หิ กตฺตุสาธโน เชตสทฺโท. อถ วา รฺา ปเสนทิโกสเลน อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต. รฺโ หิ ชยํ อาโรเปตฺวา กุมาโร ชิตวาติ เชโตติ วุตฺโต. มงฺคลกามตาย วา ตสฺส เอวํนามเมว กตนฺติ เชโต. มงฺคลกามตาย หิ เชยฺโยติ เอตสฺมึ อตฺเถ เชโตติ วุตฺตํ. วิตฺถาโร ปนาติอาทินา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เอตฺถ สุทตฺโต นาม โส, คหปติ, มาตาปิตูหิ กตนามวเสน, สพฺพกามสมิทฺธตาย ปน วิคตมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑมทาสิ. เตน อนาถปิณฺฑิโกติ สงฺขํ คโต. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน, วิเสเสน วา ปพฺพชิตาติ อาราโม, ตสฺส ปุปฺผผลาทิโสภาย นาติทูรนจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อภิรมนฺติ, อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ สนฺถาเรน กิณิตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ เสนาสนานิ การาเปตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติโต, ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจตีติ อิมมตฺถํ นิทสฺเสติ.
ตตฺถาติ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ยํ วุตฺตํ วากฺยํ, ตตฺถ. สิยาติ กสฺสจิ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, วกฺขมานากาเรน กทาจิ โจเทยฺย วาติ อตฺโถ. อถ ตตฺถ วิหรตีติ ยทิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม วิหรติ. น วตฺตพฺพนฺติ นานาานภูตตฺตา สาวตฺถิเชตวนานํ, ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โจทโก ตเมว อตฺตโน อธิปฺปายํ ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทินา วิวรติ. อิตโร สพฺพเมตํ อวิปรีตํ อตฺถํ อชานนฺเตน ตยา วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เอตํ วจนํ. เอวนฺติ ‘‘ยทิ ตาว ภควา’’ติอาทินา ¶ ยํ ตํ ภวตา โจทิตํ, ตํ อตฺถโต เอวํ น โข ปน ทฏฺพฺพํ, น อุภยตฺถ อปุพฺพํ อจริมํ วิหารทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. อิทานิ อตฺตนา ยถาธิปฺเปตํ อวิปรีตมตฺถํ, ตสฺส จ ปฏิกจฺเจว วุตฺตภาวํ, เตน จ อปฺปฏิวิทฺธตํ ปกาเสนฺโต ‘‘นนุ อโวจุมฺห…เป… เชตวเน’’ติ อาห. เอวมฺปิ ¶ ‘‘เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม วิหรติ’’จฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘โคจรคามนิทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิ.
อวสฺสฺเจตฺถ โคจรคามกิตฺตนํ กตฺตพฺพํ. ตถา หิ ตํ ยถา เชตวนาทิกิตฺตนํ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณาทิอเนกปฺปโยชนํ, เอวํ โคจรคามกิตฺตนมฺปิ คหฏฺานุคฺคหกรณาทิวิวิธปโยชนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาวตฺถิวจเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อุปสงฺกมปยิรุปาสนานํ โอกาสทาเนน ธมฺมเทสนาย สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาปเนน ยถูปนิสฺสยํ อุปริวิเสสาธิคมาวหเนน จ คหฏฺานุคฺคหกรณํ, อุคฺคหปริปุจฺฉานํ กมฺมฏฺานานุโยคสฺส จ อนุรูปวสนฏฺานปริคฺคเหเนตฺถ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ เวทิตพฺพํ. กรุณาย อุปคมนํ, น ลาภาทินิมิตฺตํ. ปฺาย อปคมนํ, น วิโรธาทินิมิตฺตนฺติ อุปคมนาปคมนานํ นิรุปกฺกิเลสตํ วิภาเวติ. ธมฺมิกสุขํ นาม อนวชฺชสุขํ. เทวตานํ อุปการพหุลตา ชนวิวิตฺตตาย. ปจุรชนวิวิตฺตฺหิ านํ เทวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺนฺติ. ตทตฺถปรินิปฺผาทนนฺติ โลกตฺถนิปฺผาทนํ, พุทฺธกิจฺจสมฺปาทนนฺติ อตฺโถ. เอวมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน สาวตฺถิกิตฺตเนน รูปกายสฺส อนุคฺคณฺหนํ ทสฺเสติ, เชตวนาทิกิตฺตเนน ธมฺมกายสฺส. ตถา ปุริเมน ปราธีนกิริยากรณํ, ทุติเยน อตฺตาธีนกิริยากรณํ. ปุริเมน วา กรุณากิจฺจํ, อิตเรน ปฺากิจฺจํ. ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมํ ทีเปติ. ภควา หิ สพฺพสตฺเต ปรมาย อนุกมฺปาย อนุกมฺปติ, น จ ตตฺถ สิเนหโทสานุปติโต ปรมุเปกฺขกภาวโต. อุเปกฺขโก จ น ปรหิตสุขกรเณ อปฺโปสฺสุกฺโก มหาการุณิกภาวโต. ตสฺส มหาการุณิกตาย โลกนาถตา, อุเปกฺขกตาย อตฺตนาถตา.
ตถา เหส โพธิสตฺตภูโต มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส สกลโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ¶ ตทตฺถนิปฺผาทนตฺถํ ปฺุาณสมฺภาเร สมฺปาเทนฺโต อปริมิตํ กาลํ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุโภสิ, อุเปกฺขกตาย สมฺมา ปติเตหิ ทุกฺเขหิ น วิกมฺปิตตา. มหาการุณิกตาย สํสาราภิมุขตา, อุเปกฺขกตาย ตโต นิพฺพินฺทนา. ตถา อุเปกฺขกตาย นิพฺพานาภิมุขตา, มหาการุณิกตาย ตทธิคโม. ตถา มหาการุณิกตาย ปเรสํ อหึสาปนํ, อุเปกฺขกตาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. มหาการุณิกตาย ปรํ รกฺขโต อตฺตโน รกฺขณํ, อุเปกฺขกตาย อตฺตานํ รกฺขโต ปเรสํ รกฺขณํ. เตนสฺส อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา มหาการุณิกตาย สจฺจาธิฏฺานสฺส จ จาคาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูรี, อุเปกฺขกตาย อุปสมาธิฏฺานสฺส จ ปฺาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูรี ¶ . เอวํ ปุริสุทฺธาสยปฺปโยคสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว รชฺชสมฺปทาทิภวสมฺปตฺติยา อุปคมนํ, อุเปกฺขกตาย ติณายปิ อมฺมานสฺส ตโต อปคมนํ. อิติ สุวิสุทฺธอุปคมาปคมสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว ทานวเสน สมฺปตฺตีนํ ปริจฺจชนา, อุเปกฺขกตาย จสฺส ผลสฺส อตฺตโน อปจฺจาสีสนา. เอวํ สมุทาคมนโต ปฏฺาย อจฺฉริยพฺภุตคุณสมนฺนาคตสฺส มหาการุณิกตาย ปเรสํ หิตสุขตฺถํ อติทุกฺกรการิตา, อุเปกฺขกตาย กายมฺปิ อนลงฺการิตา.
ตถา มหาการุณิกตาย จริมตฺตภาเว ชิณฺณาตุรมตทสฺสเนน สฺชาตสํเวโค, อุเปกฺขกตาย อุฬาเรสุ เทวโภคสทิเสสุ โภเคสุ นิรเปกฺโข มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ. ตถา มหาการุณิกตาย ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) กรุณามุเขเนว วิปสฺสนารมฺโภ, อุเปกฺขกตาย พุทฺธภูตสฺส สตฺต สตฺตาหานิ วิเวกสุเขเนว วีตินามนํ. มหาการุณิกตาย ธมฺมคมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกนํ อาปชฺชิตฺวาปิ มหาพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนาปเทเสน โอกาสกรณํ, อุเปกฺขกตาย ปฺจวคฺคิยาทิเวเนยฺยานํ อนนุรูปสมุทาจาเรปิ อนฺถาภาโว. มหาการุณิกตาย กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาเวนสฺส สพฺพตฺถ อมิตฺตสฺาภาโว, อุเปกฺขกตาย กตฺถจิปิ อนุโรธาภาเวน สพฺพตฺถ สิเนหสนฺถวาภาโว. มหาการุณิกตาย ปเรสํ ปสาทนา, อุเปกฺขกตาย ¶ ปสนฺนากาเรหิ น วิกมฺปนา. มหาการุณิกตาย ธมฺมานุราคาภาเวน ตตฺถ อาจริยมุฏฺิอภาโว, อุเปกฺขกตาย สาวกานุราคาภาเวน ปริวารปริกมฺมตาภาโว. มหาการุณิกตาย ธมฺมํ เทเสตุํ ปเรหิ สํสคฺคมุปคจฺฉโตปิ อุเปกฺขกตาย น ตตฺถ อภิรติ. มหาการุณิกตาย คามาทีนํ อาสนฺนฏฺาเน วสโตปิ อุเปกฺขกตาย อรฺฏฺาเน เอว วิหรณํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุริเมนสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ ทีเปตี’’ติ.
ตนฺติ ตตฺราติ ปทํ. ‘‘เทสกาลปริทีปน’’นฺติ เย เทสกาลา อิธ วิหรณกิริยาวิเสสนภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปริทีปนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สมยํ…เป… ทีเปตี’’ติ อาห. ตํ-สทฺโท หิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏินิทฺเทโส, ตสฺมา อิธ กาลสฺส เทสสฺส วา ปฏินิทฺเทโส ภวิตุมรหติ, น อฺสฺส. อยํ ตาว ตตฺร-สทฺทสฺส ปฏินิทฺเทสภาเว อตฺถวิภาวนา. ยสฺมา ปน อีทิเสสุ าเนสุ ตตฺร-สทฺโท ธมฺมเทสนาวิสิฏฺํ เทสกาลฺจ วิภาเวติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปตี’’ติ. เตน ตตฺราติ ยตฺร ภควา ธมฺมเทสนตฺถํ ภิกฺขู อาลปติ ภาสติ, ตาทิเส เทเส, กาเล วาติ อตฺโถ. น หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. นนุ จ ยตฺถ ิโต ภควา ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติอาทินา ¶ พาหิยสฺส ธมฺมเทสนํ ปฏิกฺขิปิ, ตตฺเถว อนฺตรวีถิยํ ิโต ตสฺส ธมฺมํ เทเสสีติ? สจฺจเมตํ, อเทเสตพฺพกาเล อเทสนาย อิทํ อุทาหรณํ. เตเนวาห – ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติ.
ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ – ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา’’ติ, ตมฺปิ ตสฺส อกาลภาวสฺเสว ปริยาเยน ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺส หิ ตทา อทฺธานปริสฺสเมน รูปกาเย อกมฺมฺตา อโหสิ, พลวปีติเวเคน นามกาเย. ตทุภยสฺส วูปสมํ อาคเมนฺโต ปปฺจปริหารตฺถํ ภควา ‘‘อกาโล โข’’ติ ปริยาเยน ปฏิกฺขิปิ. อเทเสตพฺพเทเส อเทสนาย ปน อุทาหรณํ ‘‘อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔), วิหารปจฺฉายายํ ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๖๓) จ เอวมาทิกํ อิธ อาทิสทฺเทน สงฺคหิตํ. ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ เนสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๑) ปทปูรณมตฺเต โข-สทฺโท, ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ ¶ อปฺปติสฺโส’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๑) อวธารเณ, ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑) อาทิกาลตฺเถ, วากฺยารมฺเภติ อตฺโถ. ตตฺถ ปทปูรเณน วจนาลงฺการมตฺตํ กตํ โหติ, อาทิกาลตฺเถน วากฺยสฺส อุปฺาสมตฺตํ. อวธารณตฺเถน ปน นิยมทสฺสนํ, ตสฺมา อามนฺเตสิ เอวาติ อามนฺตเน นิยโม ทสฺสิโต โหติ.
ภควาติ โลกครุทีปนนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปุพฺเพปิ ภควาสทฺทสฺส อตฺโถ วุตฺโตติ? ยทิปิ วุตฺโต, ตํ ปนสฺส ยถาวุตฺเต าเน วิหรณกิริยาย กตฺตุ วิเสสทสฺสนตฺถํ กตํ, น อามนฺตนกิริยาย, อิธ ปน อามนฺตนกิริยาย, ตสฺมา ตทตฺถํ ปุน ‘‘ภควา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ตสฺสตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ อาห. เตน โลกครุภาวโต ตทนุรูปํ ปฏิปตฺตึ ปตฺเถนฺโต อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสตุํ เต อามนฺเตสีติ ทสฺเสติ. กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนนฺติ วกฺขมานาย จิตฺตปริยาทานเทสนาย สวนโยคฺคปุคฺคลวจนํ. จตูสุปิ ปริสาสุ ภิกฺขู เอว เอทิสานํ เทสนานํ วิเสเสน ภาชนภูตาติ สาติสยํ สาสนสมฺปฏิคฺคาหกภาวทสฺสนตฺถํ อิธ ภิกฺขุคฺคหณนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทฺทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภิกฺขโกติ ภิกฺขูติ ภิกฺขนธมฺมตาย ภิกฺขูติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ พุทฺธาทีหิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ, อฺุฉาจริยํ, อชฺฌุปคตตฺตา อนุฏฺิตตฺตา ภิกฺขุ. โย หิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส กสิโครกฺขาทิชีวิกากปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว ¶ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขุ, ปรปฺปฏิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมชฺเฌ กาชภตฺตํ ภฺุชมาโนปิ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ, ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขูติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทินา นเยนาติ ‘‘ฉินฺนภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ, ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขู’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๐) วิภงฺเค อาคตนเยน. าปเนติ อวโพธเน, ปฏิเวทเนติ อตฺโถ.
ภิกฺขนสีลตาติ ¶ ภิกฺขเนน ชีวนสีลตา, น กสิวาณิชฺชาทินา ชีวนสีลตา. ภิกฺขนธมฺมตาติ ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺตี’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) เอวํ วุตฺตา ภิกฺขนสภาวตา, น ยาจนโกหฺสภาวตา. ภิกฺขเน สาธุการิตาติ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) วจนํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ อปฺปมชฺชนา. อถ วา สีลํ นาม ปกติสภาโว, อิธ ปน ตทธิฏฺานํ. ธมฺโมติ วตํ. สาธุการิตาติ สกฺกจฺจการิตา อาทรกิริยา. หีนาธิกชนเสวิตนฺติ เย ภิกฺขุภาเว ิตาปิ ชาติมทาทิวเสน อุทฺธตา อุนฺนฬา, เย จ คิหิภาเว ปเรสํ อธิกภาวมฺปิ อนุปคตตฺตา ภิกฺขาจริยํ ปรมการฺุตํ มฺนฺติ, เตสํ อุภเยสมฺปิ ยถากฺกมํ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจเนน หีนชเนหิ ทลิทฺเทหิ ปรมการฺุตํ ปตฺเตหิ ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺเตหิ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตภาวนิคฺคหํ กโรติ. อธิกชเนหิ อุฬารโภคขตฺติยกุลาทิโต ปพฺพชิเตหิ พุทฺธาทีหิ อาชีววิโสธนตฺถํ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต ทีนภาวนิคฺคหํ กโรตีติ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจนํ อามนฺตนภาวโต อภิมุขีกรณํ, ปกรณโต สามตฺถิยโต จ สุสฺสุสาชนนํ สกฺกจฺจสวนมนสิการนิโยชนฺจ โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขโวติ อิมินา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาธุกํ สวนมนสิกาเรติ สาธุกสวเน สาธุกมนสิกาเร จ. กถํ ปน ปวตฺติตา สวนาทโย สาธุกํ ปวตฺติตา โหนฺตีติ? ‘‘อทฺธา อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สกลสาสนสมฺปตฺติ หตฺถคตา ภวิสฺสตี’’ติ อาทรคารวโยเคน กถาทีสุ อปริภวาทินา จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? กถํ น ปริโภติ, กถิตํ น ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิตฺโต, โยนิโส จ มนสิกโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑). เตเนวาห – ‘‘สาธุกํ สวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺตี’’ติ.
ปุพฺเพ ¶ สพฺพปริสาสาธารณตฺเตปิ ภควโต ธมฺมเทสนาย ‘‘เชฏฺเสฏฺา’’ติอาทินา ภิกฺขูนํ เอว อามนฺตเน การณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภิกฺขู ¶ อามนฺเตตฺวาว ธมฺมเทสนาย ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิมตฺถํ ปน ภควา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ อฺํ จินฺเตนฺตาติ อฺวิหิตา. วิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อสมาหิตจิตฺตา. ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาติ หิยฺโย ตโต ปรํ ทิวเสสุ วา สุตธมฺมํ ปติ ปติ มนสา อเวกฺขนฺตา. ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน อาทิโต ปฏฺาย เทสนํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกนฺตีติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘เต อนามนฺเตตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ภิกฺขโวติ เจตฺถ สนฺธิวเสน อิ-การโลโป ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขโว อิตีติ อยํ อิติ-สทฺโท เหตุปริสมาปนาทิอตฺถปทตฺถวิปริยายปการาวธารณนิทสฺสนาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตฺวตฺเถ ทิสฺสติ. ‘‘ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา. กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙) ปริสมาปเน. ‘‘อิติ วา อิติ เอวรูปา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓) อาทิอตฺเถ. ‘‘มาคณฺฑิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนมภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๓, ๗๕) ปทตฺถวิปริยาเย. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต, สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) ปกาเร. ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ ปุฏฺเน สตา, ‘อานนฺท, อตฺถี’ติสฺส วจนียํ. ‘กึ ปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย. ชาติปจฺจยา ชรามรณํ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ. ‘‘อตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; สํ. นิ. ๓.๙๐) นิทสฺสเน. อิธาปิ นิทสฺสเน เอว ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขโวติ หิ อามนฺตนากาโร. ตเมส อิติ-สทฺโท นิทสฺเสติ ‘‘ภิกฺขโวติ อามนฺเตสี’’ติ. อิมินา นเยน ‘‘ภทฺทนฺเต’’ติอาทีสุปิ ยถารหํ อิติ-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ ‘‘ภควา อามนฺเตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ ¶ อิธ ‘‘ภควโต’’ติ สามิวจนํ อามนฺตนเมว สมฺพนฺธิอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ภควโต’’ติ ปน อิทํ ปฏิสฺสวสมฺพนฺเธน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตาย ปฏิสฺสุโณตี’’ติ. ยํ นิทานํ ภาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถนฺติ กมลกุวลยุชฺชลวิมลสาทุรสสลิลาย โปกฺขรณิยา ¶ สุขาวตรณตฺถํ นิมฺมลสิลาตลรจนาวิลาสโสภิตรตนโสปานํ วิปฺปกิณฺณมุตฺตาตลสทิสวาลุกาจุณฺณปณฺฑรภูมิภาคํ ติตฺถํ วิย สุวิภตฺตภิตฺติวิจิตฺรเวทิกาปริกฺขิตฺตสฺส นกฺขตฺตปถํ ผุสิตุกามตาย วิย ปฏิวิชมฺภิตสมุสฺสยสฺส ปาสาทวรสฺส สุขาโรหนตฺถํ ทนฺตมยสณฺหมุทุผลกฺจนลตาวินทฺธมณิคณปฺปภาสมุทยุชฺชลโสภํ โสปานํ วิย สุวณฺณวลยนูปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิตสฺส กถิตหสิตมธุรสฺสรเคหชนวิชมฺภิตวิจริตสฺส อุฬารอิสฺสริยวิภวโสภิตสฺส มหาฆรสฺส สุขปฺปเวสนตฺถํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาปวาฬาทิชุติวิสฺสรวิชฺโชติตสุปฺปติฏฺิตวิสาลทฺวารพาหํ มหาทฺวารํ วิย จ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหตฺถํ.
เอตฺถาห – ‘‘กิมตฺถํ ปน ธมฺมวินยสงฺคเห กยิรมาเน นิทานวจนํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพ’’ติ? วุจฺจเต, เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกนิมิตฺตปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ. เทสกาลกตฺตุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘จิตฺตปริยาทานสุตฺตํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา อิมสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ ภาสิตํ. อปิจ สตฺถุสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพจรณานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสิทฺธิ. น หิ สมฺมาสมฺพุสฺส ปุพฺพจรณาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา จ เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานานุราคาภาวโต ขีณาสวภาวสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ขีณาสวสฺส เต สมฺภวนฺตีติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. เอวํ ¶ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปทาทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อจฺจนฺตาภาวสํสูจเกหิ าณปฺปหานสมฺปทาภิพฺยฺชนเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ. ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, อิธ ปน รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโตติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺถุสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
ตถา สาสนสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต ¶ นตฺถิ นิรตฺถกา ปฏิปตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา. ตสฺมา ปเรสํ เอว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กปฺปรจนา. ตยิทํ สตฺถุจริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสียติ. ‘‘อิธ ปน รูปครุกานํ ปุคฺคลาน’’นฺติอาทิ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘สาสนสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ. อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน วจเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตฺจ เทสกปฺปมาณภาวทสฺสนํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินา ปเทน วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ภควาติ หิ ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตโทสปฺปหานทีปเนน วจเนน อนฺสาธารณสุปริสุทฺธาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ. อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตนิทสฺสนํ.
นิกฺขิตฺตสฺสาติ เทสิตสฺส. เทสนา หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส เวเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิกฺเขโป’’ติ วุจฺจติ. สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวาว วุจฺจมานา ปากฏา โหตีติ สามฺโต ภควโต เทสนาย สมุฏฺานสฺส วิภาคํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตฺถายํ เทสนา เอวํสมุฏฺานา’’ติ เทสนาย สมุฏฺาเน ทสฺสิเต สุตฺตสฺส สมฺมเทว นิทานปริชานเนน วณฺณนาย สุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา ¶ อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปฏฺานนยวเสน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห – ‘‘จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ. เอตฺถ จ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ ‘‘อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จา’’ติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสพฺภาวโต, เอวํ ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ิเตหิ อฏฺุปฺปตฺติยา สํสคฺโค นตฺถีติ น อิธ นิรวเสโส วิตฺถารนโย สมฺภวตีติ ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตํ. ตทนฺโตคธตฺตา วา เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโรว ทสฺสิตา. ยถาทสฺสนฺเหตฺถ อยํ สํสคฺคเภโท คเหตพฺโพติ.
ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปียตีติ นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อถ วา นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย. อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ ¶ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาวตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา. สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ สุตฺตนิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกํ, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ – ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตฺถ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติฏฺปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ ¶ กถมฏฺุปฺปตฺติยา อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฏฺุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยํ เอว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏยมตฺโถติ. อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสีติ ธมฺมตนฺติฏฺปนตฺถํ กเถสิ. วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา สทฺธินฺทฺริยาทโย. อชฺฌาสยนฺติ อธิมุตฺตึ. ขนฺตินฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ. มนนฺติ ปฺตฺติจิตฺตํ. อภินีหารนฺติ ปณิธานํ. พุชฺฌนภาวนฺติ พุชฺฌนสภาวํ, ปฏิวิชฺฌนาการํ วา. รูปครุกานนฺติ ปฺจสุ อารมฺมเณสุ รูปารมฺมณครุกา รูปครุกา. จิตฺเตน รูปนินฺนา รูปโปณา รูปปพฺภารา รูปทสฺสนปฺปสุตา รูเปน อากฑฺฒิตหทยา, เตสํ รูปครุกานํ.
ปฏิเสธตฺโถติ ปฏิกฺเขปตฺโถ. กสฺส ปน ปฏิกฺเขปตฺโถติ? กิริยาปธานฺหิ วากฺยํ, ตสฺมา ‘‘น สมนุปสฺสามี’’ติ สมนุปสฺสนากิริยาปฏิเสธตฺโถ. เตนาห – ‘‘อิมสฺส ปน ปทสฺสา’’ติอาทิ. โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ โลกสมฺามตฺตสิทฺธํ สตฺตสนฺตานํ สนฺธาย – ‘‘อห’’นฺติ สตฺถา วทติ, น พาหิรกปริกปฺปิตํ อหํการวิสยํ อหํการสฺส โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา. โลกสมฺานติกฺกมนฺตา เอว หิ พุทฺธานํ โลกิเย วิสเย เทสนาปวตฺติ. ภิกฺขเวติ อาลปเน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อฺนฺติ อเปกฺขาสิทฺธตฺตา อฺตฺถสฺส ¶ ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพอิตฺถิรูปโต อฺ’’นฺติ อาห. เอกมฺปิ รูปนฺติ เอกํ วณฺณายตนํ. สมํ วิสมํ สมฺมา ยาถาวโต อนุ อนุ ปสฺสตีติ สมนุปสฺสนา, าณํ. สํกิลิสฺสนวเสน อนุ อนุ ปสฺสตีติ สมนุปสฺสนา, ทิฏฺิ. โน นิจฺจโตติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เอวมาทิโกติ อตฺโถ. เตน ‘‘ทุกฺขโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ สงฺคณฺหาติ. โอโลเกนฺโตปีติ เทวมนุสฺสวิมานกปฺปรุกฺขมณิกนกาทิคตานิ รูปานิ อนวเสสํ สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโตปิ. สามฺวจโนปิ ยํ-สทฺโท ‘‘เอกรูปมฺปี’’ติ รูปสฺส ¶ อธิคตตฺตา รูปวิสโย อิจฺฉิโตติ ‘‘ยํ รูป’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา ปุริสสทฺโท ปริยาทิยิตพฺพจิตฺตปุคฺคลวิสโยติ รูปครุกสฺสาติ วิเสสิตํ. คหณํ ‘‘เขปน’’นฺติ จ อธิปฺเปตํ, ปริยาทานฺจ อุปฺปตฺตินิวารณนฺติ อาห – ‘‘จตุภูมกกุสลจิตฺต’’นฺติ. ตฺหิ รูปํ ตาทิสสฺส ปริตฺตกุสลสฺสปิ อุปฺปตฺตึ นิวาเรติ, กิมงฺคํ ปน มหคฺคตานุตฺตรจิตฺตสฺสาติ โลกุตฺตรกุสลจิตฺตสฺสปิ อุปฺปตฺติยา นิวารณํ โหตุํ สมตฺถํ, โลกิยกุสลุปฺปตฺติยา นิวารกตฺเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ‘‘จตุภูมกกุสลจิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. น หิ กามคุณสฺสาทปฺปสุตสฺส ปุริสสฺส ทานาทิวเสน สวิปฺผาริกา กุสลุปฺปตฺติ สมฺภวติ. คณฺหิตฺวา เขเปตฺวาติ อตฺตานํ อสฺสาเทตฺวา ปวตฺตมานสฺส อกุสลจิตฺตสฺส ปจฺจโย โหนฺตํ ปวตฺตินิวารเณน มุฏฺิคตํ วิย คเหตฺวา อนุปฺปาทนิโรเธน เขเปตฺวา วิย ติฏฺติ. ตาว มหติ โลกสนฺนิวาเส ตสฺส ปริยาทิยฏฺานํ อวิจฺเฉทโต ลพฺภตีติ อาห – ‘‘ติฏฺตี’’ติ ยถา ‘‘ปพฺพตา ติฏฺนฺติ, นชฺโช สนฺทนฺตี’’ติ. เตนาห – ‘‘อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏตี’’ติอาทิ.
ยถยิทนฺติ สนฺธิวเสน อาการสฺส รสฺสตฺตํ ยการาคโม จาติ อาห – ‘‘ยถา อิท’’นฺติ. อิตฺถิยา รูปนฺติ อิตฺถิสรีรคตํ ตปฺปฏิพทฺธฺจ รูปายตนํ. ปรมตฺถสฺส นิรุฬฺโห, ปมํ สาธารณโต สทฺทสตฺถลกฺขณานิ วิภาเวตพฺพานิ, ปจฺฉา อสาธารณโตติ ตานิ ปาฬิวเสน วิภาเวตุํ – ‘‘รุปฺปตีติ โข…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. ตตฺถ รุปฺปตีติ สีตาทิวิโรธิปจฺจเยหิ วิการํ อาปาทียติ, อาปชฺชตีติ วา อตฺโถ. วิการุปฺปตฺติ จ วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ วิภูตตรา, กุโต ปนายํ วิเสโสติ เจ? ‘‘สีเตนา’’ติอาทิวจนโต. เอวฺจ กตฺวา เวทนาทีสุ อนวเสสรูปสมฺา สามฺลกฺขณนฺติ สพฺพรูปธมฺมสาธารณํ รูปฺปนํ. อิทานิ อตฺถุทฺธารนเยน รูปสทฺทํ สํวณฺเณนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. รูปกฺขนฺเธ วตฺตตีติ ‘‘โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖, ๘๙; วิภ. ๒). รูปูปปตฺติยาติ เอตฺถ รูปภโว รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปภวูปปตฺติยาติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. กสิณนิมิตฺเตติ ปถวีกสิณาทิสฺิเต ปฏิภาคนิมิตฺเต. รูปฺปติ อตฺตโน ผลสฺส สภาวํ กโรตีติ รูปํ, สภาวเหตูติ ¶ ¶ อาห – ‘‘สรูปา…เป… เอตฺถ ปจฺจเย’’ติ. กรจรณาทิอวยวสงฺฆาตภาเวน รูปียติ นิรูปียตีติ รูปํ, รูปกาโยติ อาห – ‘‘อากาโส…เป… เอตฺถ สรีเร’’ติ.
รูปยติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปํ, วณฺณายตนํ. อาโรหปริณาหาทิเภทรูปคตํ สณฺานสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ปสาทํ อาปชฺชมาโน รูปปฺปมาโณติ วุตฺโตติ อาห – ‘‘เอตฺถ สณฺาเน’’ติ. ปิยรูปนฺติอาทีสุ สภาวตฺโถ รูปสทฺโท. อาทิสทฺเทน รูปชฺฌานาทีนํ สงฺคโห. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติ เอตฺถ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ ปริกมฺมสฺาวเสน ปฏิลทฺธรูปชฺฌานํ รูปํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ รูปีติ วุตฺโต. อิตฺถิยา จตุสมุฏฺาเน วณฺเณติ อิตฺถิสรีรปริยาปนฺนเมว รูปํ คหิตํ, ตปฺปฏิพทฺธวตฺถาลงฺการาทิรูปมฺปิ ปน ปุริสจิตฺตสฺส ปริยาทายกํ โหตีติ ทสฺเสตุํ – ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คนฺธวณฺณคฺคหเณน วิเลปนํ วุตฺตํ. กามํ ‘‘อสุกาย อิตฺถิยา ปสาธน’’นฺติ สลฺลกฺขิตสฺส อกายปฺปฏิพทฺธสฺสปิ วณฺโณ ปฏิพทฺธจิตฺตสฺส ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย, ตํ ปน น เอกนฺติกนฺติ เอกนฺติกํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กายปฺปฏิพทฺโธ’’ติอาห. อุปกปฺปตีติ จิตฺตสฺส ปริยาทานาย อุปกปฺปติ. ปุริมสฺเสวาติ ปุพฺเพ วุตฺตอตฺถสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ พนฺธํ สุพนฺธ’’นฺติ. นิคมนวเสน วา เอตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. โอปมฺมวเสน วุตฺตนฺติ ‘‘ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ สกลเมวิทํ ปุริมวจนํ อุปมาวเสน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน อุปมาภูตํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ยถยิทํ…เป… อิตฺถิรูป’’นฺติ วุตฺตํ. ปริยาทาเน อานุภาโว สมฺภโว ปริยาทานานุภาโว, ตสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตํ.
อิทํ ปน ‘‘อิตฺถิรูป’’นฺติอาทิวจนํ ปริยาทานานุภาเว สาเธตพฺเพ ทีเปตพฺเพ วตฺถุ การณํ. นาโค นาม โส ราชา, ทีฆทาิกตฺตา ปน ‘‘มหาทาิกนาคราชา’’ติ วุตฺโต. อสํวรนิยาเมนาติ จกฺขุทฺวาริเกน อสํวรนีหาเรน. นิมิตฺตํ คเหตฺวาติ ราคุปฺปตฺติเหตุภูตํ รูปํ สุภนิมิตฺตํ คเหตฺวา. วิสิกาทสฺสนํ คนฺตฺวาติ สิวถิกทสฺสนํ คนฺตฺวา. ตตฺถ หิ อาทีนวานุปสฺสนา อิชฺฌติ. วตฺถุโลเภน กุโต ตาทิสาย มรณนฺติ อสทฺทหนฺโต ‘‘มุขํ ตุมฺหากํ ธูมวณฺณ’’นฺติ เต ทหรสามเณเร อุปฺปณฺเฑนฺโต วทติ.
รตนตฺตเย สุปฺปสนฺนตฺตา กากวณฺณติสฺสาทีหิ วิเสสนตฺถฺจ โส ติสฺสมหาราชา สทฺธาสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุจฺจติ. ทหรสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ¶ ติฏฺตีติ อธิการวเสน วุตฺตํ. นิฏฺิตุทฺเทสกิจฺโจติ คาเม อสปฺปายรูปทสฺสนํ อิมสฺส อนตฺถาย สิยาติ อาจริเยน นิวาริตคามปฺปเวโส ปจฺฉา นิฏฺิตุทฺเทสกิจฺโจ หุตฺวา ิโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺถกามานํ วจนํ อคฺคเหตฺวา’’ติ ¶ . นิวตฺถวตฺถํ สฺชานิตฺวาติ อตฺตนา ทิฏฺทิวเส นิวตฺถวตฺถํ ตสฺสา มตทิวเส สิวถิกทสฺสนตฺถํ คเตน ลทฺธํ สฺชานิตฺวา. เอวมฺปีติ เอวํ มรณสมฺปาปนวเสนปิ. อยํ ตาเวตฺถ อฏฺกถาย อนุตฺตานตฺถทีปนา.
เนตฺตินยวณฺณนา
อิทานิ ปกรณนเยน ปาฬิยา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. สา ปน อตฺถสํวณฺณนา ยสฺมา เทสนาย สมุฏฺานปฺปโยชนภาชเนสุ ปิณฺฑตฺเถสุ จ นิทฺธาริเตสุ สุกรา โหติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา สุตฺตเทสนาย สมุฏฺานาทีนิ ปมํ นิทฺธารยิสฺสาม. ตตฺถ สมุฏฺานํ นาม เทสนานิทานํ, ตํ สาธารณมสาธารณนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานํ นาม โลกนาถสฺส มหากรุณา. ตาย หิ สมุสฺสาหิตสฺส ภควโต เวเนยฺยานํ ธมฺมเทสนาย จิตฺตํ อุทปาทิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; มหาว. ๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๓). เอตฺถ จ เหตาวตฺถายปิ มหากรุณาย สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยาวเทว สํสารมโหฆโต สทฺธมฺมเทสนาหตฺถทาเนหิ สตฺตสนฺตารณตฺถํ ตทุปฺปตฺติโต. ยถา จ มหากรุณา, เอวํ สพฺพฺุตฺาณํ ทสพลาณาทโย จ เทสนาย อพฺภนฺตรสมุฏฺานภาเวน วตฺตพฺพา. สพฺพฺหิ เยฺยธมฺมํ เตสํ เทเสตพฺพาการํ สตฺตานฺจ อาสยานุสยาทึ ยาถาวโต ชานนฺโต ภควา านาฏฺานาทีสุ โกสลฺเลน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิจิตฺตนยเทสนํ ปวตฺเตสีติ. พาหิรํ ปน สาธารณํ สมุฏฺานํ ทสสหสฺสมหาพฺรหฺมปริวารสฺส สหมฺปติพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ. ตทชฺเฌสนุตฺตรกาลฺหิ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาชนิตํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ธมฺมสฺสามี ธมฺมเทสนาย อุสฺสาหชาโต อโหสิ. อสาธารณมฺปิ อพฺภนฺตรพาหิรเภทโต ทุวิธเมว. ตตฺถ อพฺภนฺตรํ ยาย มหากรุณาย เยน จ เทสนาาเณน ¶ อิทํ สุตฺตํ ปวตฺติตํ, ตทุภยํ เวทิตพฺพํ. พาหิรํ ปน รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสโย. สฺวายมตฺโถ อฏฺกถายํ วุตฺโต เอว.
ปโยชนมฺปิ สาธารณาสาธารณโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ วิมุตฺติรสตฺตา ภควโต เทสนาย. เตเนวาห – ‘‘เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา’’ติอาทิ. อสาธารณํ ปน เตสํ รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ รูเป ฉนฺทราคสฺส ชหาปนํ, อุภยมฺเปตํ พาหิรเมว. สเจ ปน เวเนยฺยสนฺตานคตมฺปิ เทสนาพลสิทฺธิสงฺขาตํ ปโยชนํ อธิปฺปายสมิชฺฌนภาวโต ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิยา มหาการุณิกสฺส ภควโตปิ ปโยชนเมวาติ คณฺเหยฺย, อิมินา ปริยาเยนสฺส อพฺภนฺตรตาปิ สิยา.
อปิจ ¶ เตสํ รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ รูปสฺมึ วิชฺชมานสฺส อาทีนวสฺส ยาถาวโต อนวโพโธ อิมิสฺสา เทสนาย สมุฏฺานํ, ตทวโพโธ ปโยชนํ. โส หิ อิมาย เทสนาย ภควนฺตํ ปโยเชติ ตนฺนิปฺผาทนปรายํ เทสนาติ กตฺวา. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ผลํ, ตํ อากงฺขิตพฺพตฺตา เทสกํ เทสนาย ปโยเชตีติ ปโยชนนฺติ วุจฺจติ. ตถา เตสํ ปุคฺคลานํ ตทฺเสฺจ เวเนยฺยานํ รูปมุเขน ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อาทีนวทสฺสนฺเจตฺถ ปโยชนํ. ตถา สํสารจกฺกนิวตฺติสทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺติสสฺสตาทิมิจฺฉาวาทนิรากรณํ สมฺมาวาทปุเรกฺขาโร อกุสลมูลสมูหนนํ กุสลมูลสมาโรปนํ อปายทฺวารปิทหนํ สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณํ ปริยุฏฺานวูปสมนํ อนุสยสมุคฺฆาตนํ ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ ปุริมปฏิฺาวิสํวาทนํ ตปฺปฏิปกฺขมารมโนรถวิสํวาทนํ ติตฺถิยธมฺมนิมฺมถนํ พุทฺธธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทีนิปิ ปโยชนานิ อิธ เวทิตพฺพานิ.
ยถา เต ปุคฺคลา รูปครุกา, เอวํ ตทฺเ จ สกฺกายครุกา สกฺกายสฺมึ อลฺลีนา สงฺขตธมฺมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ ปฏิปตฺตึ อชานนฺตา อสทฺธมฺมสฺสวนสาธารณปริจริยมนสิการปรา สทฺธมฺมสฺสวนธารณปริจยปฺปฏิเวธวิมุขา จ ภววิปฺปโมกฺเขสิโน เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย ภาชนํ.
ปิณฺฑตฺตา ¶ เจตฺถ รูปคฺคหเณน รูปธาตุรูปายตนรูปกฺขนฺธปริคฺคณฺหนํ รูปมุเขน จตุธมฺมานํ วฏฺฏตฺตยวิจฺเฉทนูปาโย อาสโวฆาทิวิเวจนํ อภินนฺทนนิวารณสงฺคติกฺกโม วิวาทมูลปริจฺจาโค สิกฺขตฺตยานุโยโค ปหานตฺตยทีปนา สมถวิปสฺสนานุฏฺานํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาสิทฺธีติ เอวมาทโย เวทิตพฺพา.
อิโต ปรํ ปน โสฬส หารา ทสฺเสตพฺพา. ตตฺถ ‘‘รูป’’นฺติ สหชาตา ตสฺส นิสฺสยภูตา ตปฺปฏิพทฺธา จ สพฺเพ รูปารูปธมฺมา ตณฺหาวชฺชา ทุกฺขสจฺจํ. ตํสมุฏฺาปิกา ตทารมฺมณา จ ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. ตทุภเยสํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ. นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตตฺถ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุกฺเขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณํ, รูปารมฺมณสฺส อกุสลจิตฺตสฺส กุสลจิตฺตสฺส จ ปริยาทานํ ผลํ. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ปโยชนํ, ตํ ผลนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตทตฺถํ หิทํ สุตฺตํ ภควตา เทสิตนฺติ. ยถา ตํ กุสลจิตฺตํ น ปริยาทิยติ, เอวํ ปฏิสงฺขานภาวนาพลปริคฺคหิตา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา อุปาโย. ปุริสสฺส กุสลจิตฺตปริยาทาเนนสฺส รูปสฺส อฺรูปาสาธารณตาทสฺสนาปเทเสน อตฺถกาเมหิ ¶ ตโต จิตฺตํ สาธุกํ รกฺขิตพฺพํ. อยเมตฺถ ภควโต อาณตฺตีติ อยํ เทสนาหาโร. อสฺสาทาทิสนฺทสฺสนวิภาวนลกฺขโณ หิ เทสนาหาโร. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติปฺปกรเณ –
‘‘อสฺสาทาทีนวตา, นิสฺสรณมฺปิ จ ผลํ อุปาโย จ;
อาณตฺตี จ ภควโต, โยคีนํ เทสนาหาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
เทสียติ สํวณฺณียติ เอตาย สุตฺตตฺโถติ เทสนา, เทสนาย สหจรณโต วา เทสนา. นนุ จ อฺเปิ หารา เทสนาสงฺขาตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนาโต เทสนาย สหจาริโน วาติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน หาโร เยภุยฺเยน ยถารุตวเสเนว วิฺายมาโน เทสนาย สห จรตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น ตถาปเร. น หิ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณาทิสนฺทสฺสนรหิตา สุตฺตเทสนา อตฺถิ. กึ ปน เตสํ อสฺสาทาทีนํ อนวเสสานํ วจนํ เทสนาหาโร, อุทาหุ ¶ เอกจฺจานนฺติ? นิรวเสสานํเยว. ยสฺมิฺหิ สุตฺเต อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ สรูปโต อาคตานิ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยตฺถ ปน เอกเทเสน อาคตานิ, น จ สรูเปน, ตตฺถ อนาคตํ อตฺถวเสน นิทฺธาเรตฺวา หาโร โยเชตพฺโพ.
สยํ สมนฺตจกฺขุภาวโต ตํทสฺสเนน สภาวโต จ ‘‘อห’’นฺติ วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคโต อภิมุขีกรณตฺถฺจ, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ วุตฺตํ. อตฺตาภาวโต อปรตาทสฺสนตฺถฺจ ‘‘อฺ’’นฺติ วุตฺตํ. เอกสฺส อนุปลพฺภทสฺสนตฺถํ อเนกภาวปฺปฏิเสธนตฺถฺจ ‘‘เอกรูปมฺปี’’ติ วุตฺตํ. ตาทิสสฺส รูปสฺส อภาวโต อทสฺสนโต จ ‘‘น สมนุปสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส ปจฺจามสนโต อนิยมโต จ ‘‘ย’’นฺติ วุตฺตํ. อิทานิ วุจฺจมานาการปรามสนโต ตทฺาการนิเสธนโต จ ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํ. วิสภาคินฺทฺริยวตฺถุโต สภาควตฺถุสฺมึ ตทภาวโต จ ‘‘ปุริสสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นิมิตฺตคฺคาหสฺส วตฺถุภาวโต ตถา ปริกปฺปิตตฺตา จ ‘‘จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอวนฺติ วุตฺตาการปรามสนตฺถฺเจว นิทสฺสนตฺถฺจ ‘‘ยถา’’ติ วุตฺตํ. อตฺตโน ปจฺจกฺขภาวโต ภิกฺขูนํ ปจฺจกฺขกรณตฺถฺจ ‘‘อิท’’นฺติ วุตฺตํ. อิตฺถิสนฺตานปริยาปนฺนโต ตปฺปฏิพทฺธภาวโต จ ‘‘อิตฺถิรูป’’นฺติ วุตฺตนฺติ เอวํ อนุปทวิจยโต วิจโย หาโร. วิจียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา ปทปฺหาทโยติ วิจโย, วิจิติ เอว วา เตสนฺติ วิจโย. ปทปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปุพฺพาปรานุคฺคหนํ อสฺสาทาทีนฺจ วิเสสนิทฺธารณวเสน ปวิจยลกฺขโณ หิ วิจโย หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยํ ¶ ปุจฺฉิตฺจ วิสฺสชฺชิตฺจ, สุตฺตสฺส ยา จ อนุคีติ;
สุตฺตสฺส โย ปวิจโย, หาโร วิจโยติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อนาทิมติ สํสาเร อิตฺถิปุริสานํ อฺมฺรูปาภิรามตาย ‘‘อิตฺถิรูปํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ ยุชฺชตีติ อยํ ยุตฺติหาโร. พฺยฺชนตฺถานํ ยุตฺตายุตฺตวิภาควิภาวนลกฺขโณ หิ ยุตฺติหาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สพฺเพสํ หารานํ, ยา ภูมี โย จ โคจโร เตสํ;
ยุตฺตายุตฺติปริกฺขา, หาโร ยุตฺตีติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ยุตฺตีติ ¶ จ อุปปตฺติ สาธนยุตฺติ, อิธ ปน ยุตฺติวิจารณา ยุตฺติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ ยถา. ยุตฺติสหจรณโต วา ยุตฺติ.
อิตฺถิรูปํ อโยนิโส โอโลกิยมานํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตาย ปทฏฺานํ, สา กุสลานํ ธมฺมานํ อภาวนาย ปทฏฺานํ, สา สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส ปริวุทฺธิยา ปทฏฺานํ. พฺยติเรกโต ปน อิตฺถิรูปํ โยนิโส โอโลกิยมานํ สติปฏฺานภาวนาย ปทฏฺานํ, สา โพชฺฌงฺคานํ ภาวนาปาริปูริยา ปทฏฺานํ, สา วิชฺชาวิมุตฺตีนํ ปาริปูริยา ปทฏฺานํ, กุสลสฺส จิตฺตสฺส ปริยาทานํ สมฺโมหาภินิเวสสฺส ปทฏฺานํ, โส สงฺขารานํ ปทฏฺานํ, สงฺขารา วิฺาณสฺสาติ สพฺพํ อาวตฺตติ ภวจกฺกํ. พฺยติเรกโต ปน กุสลสฺส จิตฺตสฺส อปริยาทานํ เตสํ เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ปาริปูริยา ปทฏฺานนฺติ อยํ ตาว อวิเสสโต นโย. วิเสสโต ปน สีลสฺส อปริยาทานํ อวิปฺปฏิสารสฺส ปทฏฺานํ, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชสฺสาติอาทินา ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ เนตพฺพํ. อยํ ปทฏฺาโน หาโร. สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปทฏฺานภูเต ธมฺเม เตสฺจ ปทฏฺานภูเตติ สมฺภวโต ปทฏฺานภูตธมฺมนิทฺธารณลกฺขโณ หิ ปทฏฺาโน หาโร. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ธมฺมํ เทเสติ ชิโน, ตสฺส จ ธมฺมสฺส ยํ ปทฏฺานํ;
อิติ ยาว สพฺพธมฺมา, เอโส หาโร ปทฏฺาโน’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ปทฏฺานนฺติ ¶ อาสนฺนการณํ. อิธ ปน ปทฏฺานวิจารณา ปทฏฺาโนติอาทิ ยุตฺติหาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เอกรูปนฺติ จ รูปายตนคฺคหเณน ฉนฺนมฺปิ พาหิรานํ อายตนานํ คหณํ พาหิรายตนภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. จิตฺตนฺติ มนายตนคฺคหเณน ฉนฺนมฺปิ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ คหณํ อชฺฌตฺติกายตนภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. เอวํ ขนฺธธาตาทิวเสนปิ เอกลกฺขณตา วตฺตพฺพา. อยํ ลกฺขโณ หาโร. ลกฺขียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา เอกลกฺขณธมฺมา อวุตฺตาปิ เอกจฺจวจเนนาติ ลกฺขโณ. สุตฺเต อนาคเตปิ ธมฺเม วุตฺตปฺปกาเร อาคเต วิย นิทฺธาเรตฺวา ยา สํวณฺณนา, โส ลกฺขโณ หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘วุตฺตมฺหิ ¶ เอกธมฺเม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจิ;
วุตฺตา ภวนฺติ สพฺเพ, โส หาโร ลกฺขโณ นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
นิทาเน อิมิสฺสา เทสนาย รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ รูปสฺมึ อนาทีนวทสฺสิตา วุตฺตา, ‘‘กถํ นุ โข อิเม อิมํ เทสนํ สุตฺวา รูเป อาทีนวทสฺสนมุเขน สพฺพสฺมิมฺปิ ขนฺธปฺจเก สพฺพโส ฉนฺทราคํ ปหาย สกลวฏฺฏทุกฺขโต มุจฺเจยฺยุํ, ปเร จ ตตฺถ ปติฏฺาเปยฺยุ’’นฺติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย. ปทนิพฺพจนํ นิรุตฺตํ, ตํ ‘‘เอว’’นฺติอาทินิทานปทานํ ‘‘นาห’’นฺติอาทิปาฬิปทานฺจ อฏฺกถายํ ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนาย จ วุตฺตนยานุสาเรน สุกรตฺตา น วิตฺถารยิมฺห.
ปทปทตฺถเทสนาเทสนานิกฺเขปสุตฺตสนฺธิวเสน ปฺจวิธา สนฺธิ. ตตฺถ ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทสนฺธิ. ปทตฺถสฺส ปทตฺถนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทตฺถสนฺธิ, โย ‘‘กิริยาการกสมฺพนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. นานานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ตํตํอนุสนฺธีหิ สมฺพนฺโธ, เอกานุสนฺธิกสฺส จ ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ เทสนาสนฺธิ, ยา อฏฺกถายํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิ, อชฺฌาสยานุสนฺธิ, ยถานุสนฺธี’’ติ ติธา วิภตฺตา. อชฺฌาสโย เจตฺถ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโยติ ทฺวิธา เวทิตพฺโพ. เทสนานิกฺเขปสนฺธิ จตุนฺนํ สุตฺตนิกฺเขปานํ วเสน เวทิตพฺพา. สุตฺตสนฺธิ อิธ ปมนิกฺเขปวเสเนว เวทิตพฺพา. ‘‘กสฺมา ปเนตฺถ อิทเมว จิตฺตปริยาทานสุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺต’’นฺติ นายมนุโยโค กตฺถจิ น ปวตฺตติ. อปิจ อิเม สตฺตา อนาทิมติ สํสาเร ปริพฺภมนฺตา อิตฺถิปุริสา อฺมฺเสํ ปฺจกามคุณสงฺขาตรูปาภิรามา, ตตฺถ อิตฺถี ปุริสสฺส รูเป สตฺตา คิทฺธา คธิตา ลคฺคา ลคฺคิตา อาสตฺตา, สา จสฺสา ตตฺถ อาสตฺติ ทุพฺพิเวจนียา ¶ . ตถา ปุริโส อิตฺถิยา รูเป, ตตฺถ จ ทสฺสนสํสคฺโค ครุตโร อิตเรสฺจ มูลภูโต. เตเนว หิ ภควา ‘‘กถํ นุ โข มาตุคาเม ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๐๓) ปุฏฺโ ‘‘อทสฺสนเมวา’’ติ อโวจ. ตสฺมา ภควา ปฺจสุ กามคุเณสุ รูเป ฉนฺทราคหาปนตฺถํ อิทเมว สุตฺตํ ปมํ เทเสสิ. นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปตฺติยา อาทิ เรสา ปฏิปตฺตีติ. ยํ ปน เอกิสฺสา เทสนาย เทสนนฺตเรน สํสนฺทนํ, อยมฺปิ เทสนาสนฺธิ. สา อิธ เอวํ เวทิตพฺพา. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว…เป… ติฏฺตี’’ติ อยํ เทสนา. ‘‘เย โข, ภิกฺขเว, จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา ¶ , ตฺเจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ, ตสฺส ตํ อภินนฺทโต อภิวทโต อชฺโฌสาย ติฏฺโต อุปฺปชฺชนฺติ อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๑๘) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘รูเป มฺติ, รูเปสุ มฺติ, รูปโต มฺติ, รูปํ ‘เม’ติ มฺติ. รูปํ, ภิกฺขเว, อนภิชานํ อปริชานํ อวิราชยํ อปฺปชหํ อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๑๒) เอวมาทีหิ เทสนาหิ สํสนฺทตีติ อยํ จตุพฺยูโห หาโร. วิยูหียนฺติ วิภาเคน ปิณฺฑียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ พฺยูโห, นิพฺพจนาทีนํ จตุนฺนํ พฺยูโหติ จตุพฺยูโห, จตุนฺนํ วา พฺยูโห เอตฺถาติ จตุพฺยูโห. นิพฺพจนาธิปฺปายาทีนํ จตุนฺนํ วิภาคลกฺขโณ หิ จตุพฺยูโห หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เนรุตฺตมธิปฺปาโย, พฺยฺชนมถ เทสนานิทานฺจ;
ปุพฺพาปรานุสนฺธี, เอโส หาโร จตุพฺยูโห’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ…เป… อิตฺถิรูป’’นฺติ เอเตน อโยนิโสมนสิกาโร ทีปิโต. ยํ ตตฺถ จิตฺตํ ปริยาทิยติ, เตน โยนิโสมนสิกาโร. ตตฺถ อโยนิโสมนสิกโรโต ตณฺหาวิชฺชา ปริวฑฺฒนฺติ, ตาสุ ตณฺหาคหเณน นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา อาวฏฺฏนฺติ, อวิชฺชาคหเณน อวิชฺชามูลกํ สพฺพํ ภวจกฺกํ อาวฏฺฏติ, โยนิโสมนสิการคฺคหเณน จ โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา อาวฏฺฏนฺติ, จตุพฺพิธฺจ สมฺปตฺติจกฺกนฺติ. อยํ อาวฏฺโฏ หาโร. อาวฏฺฏยนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สภาควิสภาคา จ ธมฺมา, เตสํ วา อาวฏฺฏนนฺติ อาวฏฺโฏ. เทสนาย คหิตธมฺมานํ สภาคาสภาคธมฺมวเสน อาวฏฺฏนลกฺขโณ หิ อาวฏฺโฏ หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘เอกมฺหิ ปทฏฺาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฏฺานํ;
อาวฏฺฏติ ปฏิปกฺเข, อาวฏฺโฏ นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
รูปํ ¶ จตุพฺพิธํ กมฺมสมุฏฺานํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, อุตุสมุฏฺานํ, อาหารสมุฏฺานํ, ตถา อิฏฺํ อิฏฺมชฺฌตฺตํ อนิฏฺํ อนิฏฺมชฺฌตฺตนฺติ. อิธ ปน อิฏฺํ อธิปฺเปตํ. จิตฺตํ กุสลจิตฺตเมตฺถ เวทิตพฺพํ. ตํ กามาวจรํ, รูปาวจรํ, อรูปาวจรํ, โลกุตฺตรนฺติ จตุพฺพิธํ. เวทนาทิสมฺปยุตฺตธมฺมเภทโต อเนกวิธนฺติ ¶ อยํ วิภตฺติหาโร. วิภชียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สาธารณาสาธารณานํ สํกิเลสโวทานธมฺมานํ ภูมิโยติ วิภตฺติ. วิภชนํ วา เอเตสํ ภูมิโยติ วิภตฺติ. สํกิเลสธมฺเม โวทานธมฺเม จ สาธารณาสาธารณโต ปทฏฺานโต ภูมิโต วิภชนลกฺขโณ หิ วิภตฺติหาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ธมฺมฺจ ปทฏฺานํ, ภูมิฺจ วิภชฺชเต อยํ หาโร;
สาธารเณ อสาธารเณ จ เนยฺโย วิภตฺตี’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อิตฺถิรูปํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อโยนิโส มนสิกโรโต, โยนิโส มนสิกโรโต น ปริยาทิยติ สุสํวุตินฺทฺริยตฺตา สีเลสุ สมาหิตสฺสาติ อยํ ปริวตฺโต หาโร. ปฏิปกฺขวเสน ปริวตฺตียนฺติ อิมินา, เอตฺถ วา สุตฺเต วุตฺตธมฺมา, ปริวตฺตนํ วา เตสนฺติ ปริวตฺโต. นิทฺทิฏฺานํ ธมฺมานํ ปฏิปกฺขโต ปริวตฺตนลกฺขโณ หิ ปริวตฺโต หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กุสลากุสเล ธมฺเม, นิทฺทิฏฺเ ภาวิเต ปหีเน จ;
ปริวตฺตติ ปฏิปกฺเข, หาโร ปริวตฺตโน นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ภิกฺขเว, สมณา ปพฺพชิตาติ ปริยายวจนํ. อฺํ ปรํ กิฺจีติ ปริยายวจนํ. รูปํ วณฺณํ จกฺขุวิฺเยฺยนฺติ ปริยายวจนํ. สมนุปสฺสามิ โอโลเกสฺสามิ ชานามีติ ปริยายวจนํ. เอวํ อิตฺถํ อิมํ ปการนฺติ ปริยายวจนํ. ปุริสสฺส ปุคฺคลสฺสาติ ปริยายวจนํ. จิตฺตํ วิฺาณํ มโนติ ปริยายวจนํ. ปริยาทาย คเหตฺวา เขเปตฺวาติ ปริยายวจนํ. ติฏฺติ ธรติ าตีติ ปริยายวจนํ. ยถา เยน ปกาเรน เยนากาเรนาติ ปริยายวจนํ. อิตฺถี นารี มาตุคาโมติ ปริยายวจนนฺติ อยํ เววจโน หาโร. วิวิธํ วจนํ เอกสฺเสวตฺถสฺส วาจกเมตฺถาติ วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ. วิวิธํ วุจฺจติ เอเตน อตฺโถติ วา วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ. เอกสฺมึ อตฺเถ อเนกปริยายสทฺทปฺปโยชนลกฺขโณ หิ เววจโน หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เววจนานิ ¶ พหูนิ ตุ, สุตฺเต วุตฺตานิ เอกธมฺมสฺส;
โย ชานาติ สุตฺตวิทู, เววจโน นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
รูปํ ¶ กาฬสามาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺตํ. ปุริโส ขตฺติยาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺโต. จิตฺตํ ปริตฺตมหคฺคตาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺตํ. ‘‘ปริยาทายา’’ติ เอตฺถ ปริยาทานํ ปริยาทายกานํ ปาปธมฺมานํ วเสน วีติกฺกมปริยุฏฺานาทินา จ อเนกธา ปฺตฺตํ. อยํ ปฺตฺติหาโร. ปกาเรหิ, ปเภทโต วา าปียนฺติ อิมินา, เอตฺถ วา อตฺถาติ ปฺตฺติ. เอเกกสฺส ธมฺมสฺส อเนกาหิ ปฺตฺตีหิ ปฺาเปตพฺพาการวิภาวนลกฺขโณ หิ ปฺตฺติหาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เอกํ ภควา ธมฺมํ, ปฺตฺตีหิ วิวิธาหิ เทเสติ;
โส อากาโร เยฺโย, ปฺตฺตี นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติรุปฺปนวณฺณวิการาปตฺติยา ตํสมงฺคิโน หทยงฺคตภาวปฺปกาสนํ รูปฏฺโติ อนิจฺจตามุเขน โอตรณํ, อนิจฺจสฺส ปน ทุกฺขตฺตา ทุกฺขตามุเขน, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตกตฺตา สฺุตามุเขน โอตรณํ. จิตฺตํ มโนวิฺาณธาตุ, ตสฺสา ปริยาทายิกา ตณฺหา ตเทกฏฺา จ ปาปธมฺมา ธมฺมธาตูติ ธาตุมุเขน โอตรณํ. เอวํ ขนฺธายตนาทิมุเขหิปิ โอตรณํ วตฺตพฺพนฺติ อยํ โอตรโณ หาโร. โอตารียนฺติ อนุปฺปเวสียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สุตฺตาคตา ธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีสูติ โอตรโณ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขน สุตฺตตฺถสฺส โอตรณลกฺขโณ หิ โอตรโณ หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย จ ปฏิจฺจุปฺปาโท, อินฺทฺริยขนฺธา จ ธาตุอายตนา;
เอเตหิ โอตรติ โย, โอตรโณ นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
นาหํ, ภิกฺขเว…เป… สมนุปสฺสามีติ อารมฺโภ. เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ ปทสุทฺธิ, น ปน อารมฺภสุทฺธิ. ยถยิทนฺติอาทิ ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จาติ อยํ โสธโน หาโร. โสธียนฺติ สมาธียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สุตฺเต ปทปทตฺถปฺหารมฺภาติ โสธโน. สุตฺเต ปทปทตฺถปฺหารมฺภานํ โสธนลกฺขโณ หิ โสธโน หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘วิสฺสชฺชิตมฺหิ ¶ ปฺเห, คาถายํ ปุจฺฉิตายมารพฺภ;
สุทฺธาสุทฺธปริกฺขา, หาโร โส โสธโน นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อฺนฺติ ¶ สามฺโต อธิฏฺานํ กสฺสจิ วิเสสสฺส อนามฏฺตฺตา. เอกรูปมฺปีติ ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ. ยถยิทนฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ อนิยมวจนภาวโต. อิตฺถิรูปนฺติ ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนนฺติ อยํ อธิฏฺาโน หาโร. อธิฏฺียนฺติ อนุปฺปวตฺตียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สามฺวิเสสภูตา ธมฺมา วินา วิกปฺเปนาติ อธิฏฺาโน. สุตฺตาคตานํ ธมฺมานํ อวิกปฺปนวเสเนว สามฺวิเสสนิทฺธารณลกฺขโณ หิ อธิฏฺาโน หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘เอกตฺตตาย ธมฺมา, เยปิ จ เวมตฺตตาย นิทฺทิฏฺา;
เตน วิกปฺปยิตพฺพา, เอโส หาโร อธิฏฺาโน’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
รูปสฺส กมฺมาวิชฺชาทโย กมฺมจิตฺตาทโย จ เหตุ. สมนุปสฺสนาย อาวชฺชนาทโย. กุสลสฺส จิตฺตสฺส โยนิโส มนสิการาทโย. ปริยาทายาติ เอตฺถ ปริยาทานสฺส อโยนิโสมนสิการาทโยติ อยํ ปริกฺขาโร หาโร. ปริกโรติ อภิสงฺขโรติ ผลนฺติ ปริกฺขาโร, เหตุ ปจฺจโย จ. ปริกฺขารํ อาจิกฺขตีติ ปริกฺขาโร, หาโร. ปริกฺขารวิสยตฺตา, ปริกฺขารสหจรณโต วา ปริกฺขาโร. สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปริกฺขารสงฺขาตเหตุปจฺจเย นิทฺธาเรตฺวา สํวณฺณนาลกฺขโณ หิ ปริกฺขาโร หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย ธมฺมา ยํ ธมฺมํ, ชนยนฺติปฺปจฺจยา ปรมฺปรโต;
เหตุมวกฑฺฒยิตฺวา, เอโส หาโร ปริกฺขาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ เอตฺถ ปริยาทายิกา วิเสสโต ตณฺหาวิชฺชา เวทิตพฺพา ตาสํ วเสน ปริยาทานสมฺภวโต. ตาสุ ตณฺหาย รูปมธิฏฺานํ, อวิชฺชาย อรูปํ. วิเสสโต ตณฺหาย สมโถ ปฏิปกฺโข, อวิชฺชาย วิปสฺสนา. สมถสฺส เจโตวิมุตฺติ, ผลวิปสฺสนาย ปฺาวิมุตฺติ. ตถา หิ ตา ราควิราคา อวิชฺชาวิราคาติ วิเสเสตฺวา วุจฺจนฺตีติ อยํ สมาโรปโน หาโร. สมาโรปียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา ปทฏฺานาทิมุเขน ธมฺมาติ สมาโรปโน. สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปทฏฺานเววจนภาวนาปหานสมาโรปนวิจารณลกฺขโณ หิ สมาโรปโน หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย ¶ ¶ ธมฺมา ยํ มูลา, เย เจกตฺถา ปกาสิตา มุนินา;
เต สมาโรปยิตพฺพา, เอส สมาโรปโน หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
เอตฺตาวตา จ –
‘‘เทสนา วิจโย ยุตฺติ, ปทฏฺาโน จ ลกฺขโณ;
จตุพฺยูโห จ อาวฏฺโฏ, วิภตฺติ ปริวตฺตโน.
เววจโน จ ปฺตฺติ, โอตรโณ จ โสธโน;
อธิฏฺาโน ปริกฺขาโร, สมาโรปโน โสฬโส’’ติ. (เนตฺติ. ๑ อุทฺเทสวาร) –
เอวํ วุตฺตา โสฬส หารา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. หรียนฺติ เอเตหิ, เอตฺถ วา สุตฺตเคยฺยาทิวิสยา อฺาณสํสยวิปลฺลาสาติ หารา. หรนฺติ วา สยํ ตานิ, หรณมตฺตเมว วาติ หารา ผลูปจาเรน. อถ วา หรียนฺติ โวหรียนฺติ ธมฺมสํวณฺณกธมฺมปฺปฏิคฺคาหเกหิ ธมฺมสฺส ทานคฺคหณวเสนาติ หารา. อถ วา หารา วิยาติ หารา. ยถา หิ อเนกรตนาวลิสมูโห หารสงฺขาโต อตฺตโน อวยวภูตรตนสมฺผสฺเสหิ สมุปชนิยมานหิลาทสุโข หุตฺวา ตทุปโภคิชนสรีรสนฺตาปํ นิทาฆปริฬาหูปชนิตํ วูปสเมติ, เอวเมว เตปิ นานาวิธปรมตฺถรตนปฺปพนฺธา สํวณฺณนาวิเสสา อตฺตโน อวยวภูตปรมตฺถรตนาธิคเมน สมุปฺปาทิยมานนิพฺพุติสุขา ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกชนหทยปริตาปํ กามราคาทิกิเลสเหตุกํ วูปสเมนฺตีติ. อถ วา หารยนฺติ อฺาณาทินีหารํ อปคมํ กโรนฺติ อาจิกฺขนฺตีติ วา หารา. อถ วา โสตุชนจิตฺตสฺส หรณโต รมณโต จ หารา นิรุตฺตินเยน ยถา ‘‘ภเวสุ วนฺตคมโน ภควา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔; ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา).
อิโต ปรํ ปน นนฺทิยาวฏฺฏาทิปฺจวิธนยา เวทิตพฺพา – ตตฺถ ตณฺหาวิชฺชา สมุทยสจฺจํ, ตาสํ อธิฏฺานาทิภูตา รูปธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, เตสํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตณฺหาคหเณน เจตฺถ มายาสาเยฺยมานาติมานมทปฺปมาทปาปิจฺฉตาปาปมิตฺตตาอหิริกอโนตฺตปฺปาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. อวิชฺชาคหเณน วิปรีตมนสิการโกธูปนาหมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริย- สารมฺภโทวจสฺสตาภวทิฏฺิวิภวทิฏฺิอาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. วุตฺตวิปริยายโต ¶ กุสลปกฺโข เนตพฺโพ. กถํ? อมายาอสาเยฺยาทิวเสน อวิปรีตมนสิการาทิวเสน จ. ตถา สมถปกฺขิยานํ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ ¶ , วิปสฺสนาปกฺขิยานํ อนิจฺจสฺาทีนฺจ วเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ อยํ นนฺทิยาวฏฺฏสฺส นยสฺส ภูมิ. โย หิ ตณฺหาอวิชฺชาหิ สํกิเลสปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส สมถวิปสฺสนาหิ โวทานปกฺขสฺส จ จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ นนฺทิยาวฏฺฏนโย นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตณฺหฺจ อวิชฺชมฺปิ จ, สมเถน วิปสฺสนาย โย เนติ;
สจฺเจหิ โยชยิตฺวา, อยํ นโย นนฺทิยาวฏฺโฏ’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
นนฺทิยาวฏฺฏสฺส วิย อาวฏฺโฏ เอตสฺสาติ นนฺทิยาวฏฺโฏ. ยถา หิ นนฺทิยาวฏฺโฏ อนฺโต ิเตน ปธานาวยเวน พหิทฺธา อาวฏฺฏติ, เอวมยมฺปิ นโยติ อตฺโถ. อถ วา นนฺทิยา ตณฺหาย ปโมทสฺส วา อาวฏฺโฏ เอตฺถาติ นนฺทิยาวฏฺโฏ.
เหฏฺา วุตฺตนเยน คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ ตณฺหา โลโภ, อวิชฺชา โมโห, อวิชฺชาย สมฺปยุตฺโต โลหิเต สติ ปุพฺโพ วิย ตณฺหาย สติ สิชฺฌมาโน อาฆาโต โทโส อิติ ตีหิ อกุสลมูเลหิ คหิเตหิ, ตปฺปฏิปกฺขโต กุสลจิตฺตคฺคหเณน จ ตีณิ กุสลมูลานิ คหิตานิ เอว โหนฺติ. อิธาปิ โลโภ สพฺพานิ วา สาสวกุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํ, ตนฺนิพฺพตฺตา เตสํ อธิฏฺานโคจรภูตา อุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ วิโมกฺขตฺตยวเสน นิทฺธาเรตพฺพํ, ตีหิ อกุสลมูเลหิ ติวิธทุจฺจริตสํกิเลสมลวิสมอกุสลสฺาวิตกฺกาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, ตถา ตีหิ กุสลมูเลหิ ติวิธสุจริตสมกุสลสฺาวิตกฺกสทฺธมฺมสมาธิวิโมกฺขมุขาทิวเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ อยํ ติปุกฺขลสฺส นยสฺส ภูมิ. โย หิ อกุสลมูเลหิ สํกิเลสปกฺขสฺส กุสลมูเลหิ โวทานปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส จ จตุสจฺจโยชนามุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ ติปุกฺขลนโย นาม. ตีหิ อวยเวหิ ¶ โลภาทีหิ สํกิเลสปกฺเข, อโลภาทีหิ จ โวทานปกฺเข ปุกฺขโล โสภโนติ ติปุกฺขโล. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย อกุสเล สมูเลหิ,
เนติ กุสเล จ กุสลมูเลหิ;
ภูตํ ตถํ อวิตถํ,
ติปุกฺขลํ ตํ นยํ อาหู’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
วุตฺตนเยน ¶ คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ วิเสสโต ตณฺหาทิฏฺีนํ วเสน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ, ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ จ วิปลฺลาสา, อวิชฺชาทิฏฺีนํ วเสน อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาสา เวทิตพฺพา. เตสํ ปฏิปกฺขโต กุสลจิตฺตคฺคหเณน สิทฺเธหิ สติวีริยสมาธิปฺินฺทฺริเยหิ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ สิทฺธานิเยว โหนฺติ.
ตตฺถ จตูหิ อินฺทฺริเยหิ จตฺตาโร ปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา. กถํ? ทุวิโธ หิ ตณฺหาจริโต มุทินฺทฺริโย ติกฺขินฺทฺริโยติ, ตถา ทิฏฺิจริโต. เตสุ ปโม อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปริเยสคฺคาหี สติพเลน ยถาภูตํ กายสภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ภาวนาพเลน ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเตตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ทุติโย อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปริเยสคฺคาหี ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๔; ๖.๕๘) วุตฺเตน วีริยสํวรภูเตน วีริยพเลน ปฏิปกฺขํ วิโนเทนฺโต ภาวนาพเลน ตํ วิปลฺลาสํ วิธเมตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ตติโย อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาสคฺคาหี สมถพเลน สมาหิตจิตฺโต สงฺขารานํ ขณิกภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ภาวนาพเลน ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเตตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. จตุตฺโถ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนวฺจิตตาย ผสฺสาทิธมฺมปฺุชมตฺเต อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ มิจฺฉาภินิเวสี จตุโกฏิกสฺุตามนสิกาเรน ตํ มิจฺฉาภินิเวสํ วิทฺธํเสนฺโต สามฺผลํ สจฺฉิกโรติ. สุภสฺาทีหิ จตูหิปิ วา วิปลฺลาเสหิ สมุทยสจฺจํ, เตสมธิฏฺานารมฺมณภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ จตฺตาริ สามฺผลานิ, จตูหิ เจตฺถ วิปลฺลาเสหิ จตุราสโวฆโยคคนฺถอคติตณฺหุปาทานสลฺลวิฺาณฏฺิติอปริฺาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, ตถา จตูหิ สติปฏฺาเนหิ ¶ จตุพฺพิธชฺฌานวิหาราธิฏฺานสุขภาคิยธมฺมอปฺปมฺาสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทาทิวเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ อยํ สีหวิกฺกีฬิตสฺส นยสฺส ภูมิ. โย หิ สุภสฺาทีหิ วิปลฺลาเสหิ สกลสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สทฺธินฺทฺริยาทีหิ จ โวทานปกฺขสฺส จตุสจฺจโยชนาวเสน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ สีหวิกฺกีฬิโต นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย เนติ วิปลฺลาเสหิ,
กิเลเส อินฺทฺริเยหิ สทฺธมฺเม;
เอตํ นยํ นยวิทู,
สีหวิกฺกีฬิตํ อาหู’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อสนฺตาสนชวปรกฺกมาทิวิเสสโยเคน ¶ สีโห ภควา, ตสฺส วิกฺกีฬิตํ เทสนา วจีกมฺมภูโต วิหาโรติ กตฺวา วิปลฺลาสตปฺปฏิปกฺขปริทีปนโต สีหสฺส วิกฺกีฬิตํ เอตฺถาติ สีหวิกฺกีฬิโต, นโย. พลวิเสสโยคทีปนโต วา สีหวิกฺกีฬิตสทิสตฺตา นโย สีหวิกฺกีฬิโต. พลวิเสโส เจตฺถ สทฺธาทิพลํ, ทสพลานิ เอว วา.
อิเมสํ ปน ติณฺณํ อตฺถนยานํ สิทฺธิยา โวหารนยทฺวยํ สิทฺธเมว โหติ. ตถา หิ อตฺถนยตฺตยทิสาภาเวน กุสลาทิธมฺมานํ อาโลจนํ ทิสาโลจนํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เวยฺยากรเณสุ หิ เย,
กุสลากุสลา ตหึ ตหึ วุตฺตา;
มนสา โอโลกยเต,
ตํ ขุ ทิสาโลจนํ อาหู’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ตถา อาโลจิตานํ เตสํ ธมฺมานํ อตฺถนยตฺตยโยชเน สมานยนโต องฺกุโส วิย องฺกุโส. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โอโลเกตฺวา ทิสโลจเนน, อุกฺขิปิย ยํ สมาเนติ;
สพฺเพ กุสลากุสเล, อยํ นโย องฺกุโส นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ตสฺมา มนสาว อตฺถนยานํ ทิสาภูตธมฺมานํ โลจนํ ทิสาโลจนํ, เตสํ สมานยนํ องฺกุโสติ ปฺจปิ นยานิ ยุตฺตานิ โหนฺติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ –
‘‘ปโม นนฺทิยาวฏฺโฏ, ทุติโย จ ติปุกฺขโล;
สีหวิกฺกีฬิโต นาม, ตติโย นยลฺชโก.
ทิสาโลจนมาหํสุ, จตุตฺถํ นยมุตฺตมํ;
ปฺจโม องฺกุโส นาม, สพฺเพ ปฺจ นยา คตา’’ติ. (เนตฺติ. ๑ อุทฺเทสวาร) –
เอวํ ¶ วุตฺตปฺจนยาปิ เอตฺถ ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. นยติ สํกิเลสํ โวทานฺจ วิภาคโต าเปตีติ นโย, ลฺเชติ ปกาเสติ สุตฺตตฺถนฺติ ลฺชโก, นโย จ โส ลฺชโก จาติ นยลฺชโก. อิทฺจ สุตฺตํ โสฬสวิเธ สุตฺตนฺตปฏฺาเน สํกิเลสภาคิยํ พฺยติเรกมุเขน นิพฺเพธาเสกฺขภาคิยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺวีสติวิเธ ปน สุตฺตนฺตปฏฺาเน โลกิยโลกุตฺตรํ สตฺตธมฺมาธิฏฺานํ าณฺเยฺยํ ทสฺสนภาวนํ สกวจนํ วิสฺสชฺชนียํ กุสลากุสลํ อนฺุาตํ ปฏิกฺขิตฺตฺจาติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โสฬสวิธสุตฺตนฺตํ ปฏฺานํ นาม ‘‘สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ, นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, เนว สํกิเลสภาคิยํ น วาสนาภาคิยํ น นิพฺเพธภาคิยํ น อเสกฺขภาคิยํ สุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. ๘๙) เอวํ วุตฺตโสฬสสาสนปฏฺานานิ.
ตตฺถ สํกิลิสฺสนฺติ เอเตนาติ สํกิเลโส, สํกิเลสภาเค สํกิเลสโกฏฺาเส ปวตฺตํ สํกิเลสภาคิยํ. วาสนา ปฺุภาวนา, วาสนาภาเค ปวตฺตํ วาสนาภาคิยํ, วาสนํ ภชาเปตีติ วา วาสนาภาคิยํ. นิพฺพิชฺฌนํ โลภกฺขนฺธาทีนํ ปทาลนํ นิพฺเพโธ, นิพฺเพธภาเค ¶ ปวตฺตํ, นิพฺเพธํ ภชาเปตีติ วา นิพฺเพธภาคิยํ. ปรินิฏฺิตสิกฺขา ธมฺมา อเสกฺขา, อเสกฺขภาเค ปวตฺตํ, อเสกฺเข ภชาเปตีติ วา อเสกฺขภาคิยํ. เตสุ ยตฺถ ตณฺหาทิสํกิเลโส วิภตฺโต, อิทํ สํกิเลสภาคิยํ. ยตฺถ ทานาทิปฺุกิริยวตฺถุ วิภตฺตํ, อิทํ วาสนาภาคิยํ. ยตฺถ เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย วิภตฺตา, อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ. ยตฺถ ปน อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย วิภตฺตา, อิทํ อเสกฺขภาคิยํ. อิตรานิ เตสํ โวมิสฺสกนยวเสน วุตฺตานิ. สพฺพาสวสํวรปริยายาทีนํ วเสน สพฺพภาคิยํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ หิ สํกิเลสธมฺมา โลกิยสุจริตธมฺมา เสกฺขา ธมฺมา อเสกฺขา ธมฺมา จ วิภตฺตา. สพฺพภาคิยํ ปน ‘‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’’ติอาทิกํ อุทกาทิอนุวาทวจนํ เวทิตพฺพํ.
อฏฺวีสติวิธํ ¶ สุตฺตนฺตปฏฺานํ ปน ‘‘โลกิยํ, โลกุตฺตรํ, โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ, สตฺตาธิฏฺานํ, ธมฺมาธิฏฺานํ, สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ, าณํ, เยฺยํ, าณฺจ เยฺยฺจ, ทสฺสนํ, ภาวนา, ทสฺสนฺจ ภาวนา จ, สกวจนํ, ปรวจนํ, สกวจนฺจ ปรวจนฺจ, วิสฺสชฺชนียํ, อวิสฺสชฺชนียํ, วิสฺสชฺชนียฺจ อวิสฺสชฺชนียฺจ, กมฺมํ, วิปาโก, กมฺมฺจ วิปาโก จ กุสลํ, อกุสลํ, กุสลฺจ อกุสลฺจ อนฺุาตํ, ปฏิกฺขิตฺตํ, อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ, ถโว’’ติ (เนตฺติ. ๑๑๒) เอวมาคตานิ อฏฺวีสติ สาสนปฏฺานานิ. ตตฺถ โลกิยนฺติ โลเก นิยุตฺโต, โลเก วา วิทิโต โลกิโย. อิธ ปน โลกิโย อตฺโถ ยสฺมึ สุตฺเต วุตฺโต, ตํ สุตฺตํ โลกิยํ. ตถา โลกุตฺตรํ. ยสฺมึ ปน สุตฺเต ปเทเสน โลกิยํ, ปเทเสน โลกุตฺตรํ วุตฺตํ, ตํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ. สตฺตอธิปฺปายสตฺตปฺตฺติมุเขน เทสิตํ สตฺตาธิฏฺานํ. ธมฺมวเสน เทสิตํ ธมฺมาธิฏฺานํ. อุภยวเสน เทสิตํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พุทฺธาทีนํ ปน คุณาภิตฺถวนวเสน ปวตฺตํ สุตฺตํ ถโว นาม –
‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๓; เนตฺติ. ๑๗๐; เปฏโก. ๓๐) อาทิกํ วิย –
เนตฺตินยวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สทฺทครุกาทีนนฺติ ¶ อาทิสทฺเทน คนฺธรสโผฏฺพฺพครุเก สงฺคณฺหาติ. อาสยวเสนาติ อชฺฌาสยวเสน. อุตุสมุฏฺาโนปิ อิตฺถิสนฺตานคโต สทฺโท ลพฺภติ, โส อิธ นาธิปฺเปโตติ ‘‘จิตฺตสมุฏฺาโน’’ติ วุตฺตํ. กถิตสทฺโท อาลาปาทิสทฺโท. คีตสทฺโท สเรน คายนสทฺโท. อิตฺถิยา หสนสทฺโทเปตฺถ สงฺคเหตพฺโพ ตสฺสปิ ปุริเสน อสฺสาเทตพฺพโต. เตนาห – ‘‘อปิจ โข มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฏฺฏา วา ติโรปาการา วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา, โส ตทสฺสาเทตี’’ติอาทิ. นิวตฺถนิวาสนสฺสาติ ขลิตฺถทฺธสฺส นิวาสนสฺส. อลงฺการสฺสาติ นูปุราทิกสฺส อลงฺการสฺส. อิตฺถิสทฺโทตฺเวว เวทิตพฺโพติ อิตฺถิปฏิพทฺธภาวโต วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘สพฺโพปี’’ติอาทิ. อวิทูรฏฺาเนติ ตสฺส หตฺถิกุลสฺส วสนฏฺานโต อวิทูรฏฺาเน. กายูปปนฺโนติ สมฺปนฺนกาโย ถิรกถินมหากาโย. มหาหตฺถีติ มหานุภาโว หตฺถี. เชฏฺกํ กตฺวาติ ยูถปตึ กตฺวา.
กถินติกฺขภาเวน ¶ สิงฺคสทิสตฺตา อฬสงฺขาตานิ สิงฺคานิ เอตสฺส อตฺถีติ สิงฺคี, สุวณฺณวณฺณตาย มหาพลตาย จ สีหหตฺถิอาทิมิคสทิสตฺตา มิโค วิยาติ มิโค. ตตฺถ ตตฺถ กิจฺจํ เนตุภาเวน จกฺขุเยว เนตฺตํ, ตํ อุคฺคตฏฺเน อายตํ เอตสฺสาติ อายตจกฺขุเนตฺโต. อฏฺิ เอว ตโจ เอตสฺสาติ อฏฺิตฺตโจ. เตนาภิภูโตติ เตน มิเคน อภิภูโต อชฺโฌตฺถโฏ นิจฺจลคฺคหิโต หุตฺวา. กรุณํ รุทามีติ การฺุปตฺโต หุตฺวา โรทามิ วิรวามิ. ปจฺจตฺถิกภยโต มุตฺติ นาม ยถา ตถา สหายวโต โหติ, น เอกากิโนติ อาห – ‘‘มา เหว มํ ปาณสมํ ชเหยฺยา’’ติ. ตตฺถ มา เหว มนฺติ มํ เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตํ อตฺตโน ปาณสมํ ปิยสามิกํ ตฺวํ มาเหว ชหิ.
กฺุเจ คิริกูเฏ รมติ อภิรมติ, ตตฺถ วา วิจรติ, โกฺชนาทํ นทนฺโต วา วิจรติ, กุ วา ปถวี, ตทภิฆาเตน ชีรตีติ กฺุชโร. สฏฺิหายนนฺติ ชาติยา สฏฺิวสฺสกาลสฺมึ กฺุชรา ถาเมน ปริหายนฺติ, ตํ สนฺธาย เอวมาห. ปถพฺยา จาตุรนฺตายาติ จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทํ ปตฺวา ิตาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา. สุปฺปิโยติ สุฏฺุ ปิโย. เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโติ เย สมุทฺเท วา คงฺคาย วา ยมุนาย วา นมฺมทานทิยา วา กุฬีรา, เตสํ สพฺเพสํ วณฺณสมฺปตฺติยา มหนฺตตฺเตน จ วาริมฺหิ ¶ ชาตตฺตา วาริโช ตฺวเมว เสฏฺโ ปสตฺถตโร. มฺุจ โรทนฺติยา ปตินฺติ สพฺเพสํ เสฏฺตฺตา ตเมว ยาจามิ, โรทมานาย มยฺหํ สามิกํ มฺุจ. อถาติ คหณสฺส สิถิลกรณสมนนฺตรเมว. เอตสฺสาติ ปฏิสตฺตุมทฺทนสฺส.
ปพฺพตคหนํ นิสฺสายาติ ติสฺโส ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา จตุตฺถาย ปพฺพตราชิยํ ปพฺพตคหนํ อุปนิสฺสาย. เอวํ วทตีติ ‘‘อุเทตยํ จกฺขุมา’’ติอาทินา (ชา. ๑.๒.๑๗) อิมํ พุทฺธมนฺตํ มนฺเตนฺโต วทติ.
ตตฺถ อุเทตีติ ปาจีนโลกธาตุโต อุคฺคจฺฉติ. จกฺขุมาติ สกลจกฺกวาฬวาสีนํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา จกฺขุปฺปฏิลาภกรเณน ยนฺเตน เตสํ ทินฺนํ จกฺขุ, เตน จกฺขุนา จกฺขุมา. เอกราชาติ สกลจกฺกวาเฬ อาโลกกรานํ อนฺตเร เสฏฺฏฺเน รฺชนฏฺเน จ เอกราชา. หริสฺสวณฺโณติ หริสมานวณฺโณ, สุวณฺณวณฺโณติ อตฺโถ. ปถวึ ปภาเสตีติ ปถวิปฺปภาโส. ตํ ตํ นมสฺสามีติ ตสฺมา ตํ เอวรูปํ ภวนฺตํ นมสฺสามิ วนฺทามิ. ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมฺห ทิวสนฺติ ตยา อชฺช รกฺขิตา หุตฺวา อิมํ ทิวสํ จตุอิริยาปถวิหาเรน สุขํ วิหเรยฺยาม.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย สูริยํ นมสฺสิตฺวา ทุติยคาถาย อตีเต ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจว พุทฺธคุเณ จ นมสฺสติ ‘‘เย พฺราหฺมณา’’ติอาทินา. ตตฺถ เย พฺราหฺมณาติ เย พาหิตปาปา ปริสุทฺธา พฺราหฺมณา. เวทคูติ เวทานํ ปารํ คตา, เวเทหิ ปารํ คตาติ วา เวทคู. อิธ ปน สพฺเพ สงฺขตธมฺเม วิทิเต ปากเฏ กตฺวา กตาติ เวทคู. เตเนวาห – ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ. สพฺเพ ขนฺธายตนธาตุธมฺเม สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน อตฺตโน าณสฺส วิทิเต ปากเฏ กตฺวา ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺตา, สํสารํ วา อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. เต เม นโมติ เต มม อิมํ นมกฺการํ ปฏิจฺฉนฺตุ. เต จ มํ ปาลยนฺตูติ เอวํ มยา นมสฺสิตา จ เต ภควนฺโต มํ ปาลยนฺตุ รกฺขนฺตุ. นมตฺตุ พุทฺธานํ…เป… วิมุตฺติยาติ อยํ มม นมกฺกาโร อตีตานํ ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ อตฺถุ, เตสํเยว จตูสุ ผเลสุ าณสงฺขาตาย โพธิยา อตฺถุ, ตถา เตสฺเว อรหตฺตผลวิมุตฺติยา ¶ วิมุตฺตานํ อตฺถุ, ยา จ เนสํ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณสงฺขาตา ปฺจวิธา วิมุตฺติ, ตาย วิมุตฺติยาปิ อยํ มยฺหํ นมกฺกาโร อตฺถูติ อตฺโถ. อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร จรติ เอสนาติ อิทํ ปน ปททฺวยํ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน โคจรภูมิยํ ปุปฺผผลาทีนํ อตฺถาย นานปฺปการาย เอสนาย จรตีติ.
เอวํ ทิวสํ จริตฺวา สายํ ปพฺพตมตฺถเก นิสีทิตฺวา อตฺถํ คจฺฉนฺตํ สูริยํ โอโลเกนฺโต พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นิวาสฏฺาเน รกฺขาวรณตฺถาย ปุน พฺรหฺมมนฺตํ วทนฺโต ‘‘อเปตย’’นฺติอาทิมาห. เตเนวาห – ‘‘ทิวสํ โคจรํ คเหตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อเปตีติ อปยาติ อตฺถํ คจฺฉติ. อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา โมโร วาสมกปฺปยีติ อิทมฺปิ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน นิวาสฏฺาเน วาสํ สํกปฺปยิตฺถาติ. ปริตฺตกมฺมโต ปุเรตรเมวาติ ปริตฺตกมฺมกรณโต ปุเรตรเมว. โมรกุกฺกุฏิกายาติ กุกฺกุฏิกาสทิสาย โมรจฺฉาปิกาย.
๓. ตติเย รูปายตนสฺส วิย คนฺธายตนสฺสปิ สมุฏฺาปกปจฺจยวเสน วิเสโส นตฺถีติ อาห – ‘‘จตุสมุฏฺานิก’’นฺติ. อิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส กายารุฬฺหอนุเลปนาทิคนฺธสฺส จ ตปฺปฏิพทฺธภาวโต อวิเสเสน คหณปฺปสงฺเค อิธาธิปฺเปตคนฺธํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิตฺถิยาติ ปากติกาย อิตฺถิยา. ทุคฺคนฺโธติ ปากติกาย อิตฺถิยา สรีรคนฺธภาวโต ทุคฺคนฺโธ โหติ. อิธาธิปฺเปโตติ อิฏฺภาวโต อสฺสาเทตพฺพตฺตา วุตฺตํ. กถํ ปน อิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส ทุคฺคนฺธภาโวติ อาห – ‘‘เอกจฺจา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อสฺสสฺส วิย คนฺโธ ¶ อสฺสา อตฺถีติ อสฺสคนฺธินี. เมณฺฑกสฺส วิย คนฺโธ อสฺสา อตฺถีติ เมณฺฑกคนฺธินี. เสทสฺส วิย คนฺโธ อสฺสา อตฺถีติ เสทคนฺธินี. โสณิตสฺส วิย คนฺโธ อสฺสา อตฺถีติ โสณิตคนฺธินี. รชฺชเตวาติ อนาทิมติ สํสาเร อวิชฺชาทิกิเลสวาสนาย ปริกฑฺฒิตหทยตฺตา โผฏฺพฺพสฺสาทคธิตจิตฺตตาย จ อนฺธพาโล เอวรูปายปิ ทุคฺคนฺธสรีราย อิตฺถิยา รชฺชติเยว. ปากติกาย อิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส ทุคฺคนฺธภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิสิฏฺาย เอกจฺจาย อิตฺถิยา ตทภาวํ ทสฺเสตุํ – ‘‘จกฺกวตฺติโน ¶ ปนา’’ติอาทิมาห. ยทิ เอวํ อีทิสาย อิตฺถิยา สรีรคนฺโธปิ อิธ กสฺมา นาธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘อยํ น สพฺพาสํ โหตี’’ติอาทิ. ติรจฺฉานคตาย อิตฺถิยา เอกจฺจาย จ มนุสฺสิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส อติวิย อสฺสาเทตพฺพภาวทสฺสนโต ปุน ตมฺปิ อวิเสเสน อนุชานนฺโต ‘‘อิตฺถิกาเย คนฺโธ วา โหตู’’ติอาทิมาห. อิตฺถิคนฺโธตฺเวว เวทิตพฺโพติ ตปฺปฏิพทฺธภาวโต วุตฺตํ.
๔. จตุตฺถาทีสุ กึ เตนาติ ชิวฺหาวิฺเยฺยรเส อิธาธิปฺเปเต กึ เตน อวยวรสาทินา วุตฺเตน ปโยชนํ. โอฏฺมํสํ สมฺมกฺเขตีติ โอฏฺมํสสมฺมกฺขโน, เขฬาทีนิ. อาทิสทฺเทน โอฏฺมํสมกฺขโน ตมฺพุลมุขวาสาทิรโส คยฺหติ. สพฺโพ โส อิตฺถิรโสติ อิตฺถิยาวสฺส คเหตพฺพตฺตา.
๕. อิตฺถิโผฏฺพฺโพติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยทิ ปเนตฺถ อิตฺถิคตานิ รูปารมฺมณาทีนิ อวิเสสโต ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, อถ กสฺมา ภควตา ตานิ วิสุํ วิสุํ คเหตฺวา เทสิตานีติ อาห – ‘‘อิติ สตฺถา’’ติอาทิ. ยถา หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. คเมตีติ วิกฺเขปํ คเมติ, อยเมว วา ปาโ. คเมตีติ จ สงฺคเมติ. น ตถา เสสา สทฺทาทโย, น ตถา รูปาทีนิ อารมฺมณานีติ เอเตน สตฺเตสุ รูปาทิครุกตา อสํกิณฺณา วิย ทสฺสิตา, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ อเนกวิธตฺตา สตฺตานํ อชฺฌาสยสฺสาติ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอกจฺจสฺส จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจครุกวเสนาติ ปฺจารมฺมณครุกวเสน. เอกจฺจสฺส หิ ปุริสสฺส ยถาวุตฺเตสุ ปฺจสุปิ อารมฺมเณสุ ครุกตา โหติ, เอกจฺจสฺส ตตฺถ กติปเยสุ, เอกสฺมึ เอว วา, เต สพฺเพปิ ปฺจครุกาตฺเวว เวทิตพฺพา ยถา ‘‘สตฺติสโย อฏฺวิโมกฺขา’’ติ. น ปฺจครุกชาตกวเสน เอเกการมฺมเณ ครุกสฺเสว นาธิปฺเปตตฺตา. เอเกการมฺมณครุกานฺหิ ปฺจนฺนํ ปุคฺคลานํ ตตฺถ อาคตตฺตา ตํ ชาตกํ ‘‘ปฺจครุกชาตก’’นฺติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เตน อิธ ปโยชนํ นตฺถีติ อาห – ‘‘สกฺขิภาวตฺถายา’’ติ. อาหริตฺวา กเถตพฺพนฺติ รูปาทิครุกตาย เอเต อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ ทสฺเสตุํ กเถตพฺพํ.
๖-๘. เตสนฺติ ¶ ¶ สุตฺตานํ. อุปฺปณฺเฑตฺวา คณฺหิตุํ น อิจฺฉีติ ตสฺส โถกํ วิรูปธาตุกตฺตา น อิจฺฉิ. อนติกฺกมนฺโตติ สํสนฺเทนฺโต. ทฺเว หตฺถํ ปตฺตานีติ ทฺเว อุปฺปลานิ หตฺถํ คตานิ. ปหฏฺาการํ ทสฺเสตฺวาติ อปราหิ อิตฺถีหิ เอเกกํ ลทฺธํ, มยา ทฺเว ลทฺธานีติ สนฺตุฏฺาการํ ทสฺเสตฺวา. ปโรทีติ ตสฺสา ปุพฺพสามิกสฺส มุขคนฺธํ สริตฺวา. ตสฺส หิ มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. หาเรตฺวาติ ตสฺมา านา อปเนตฺวา, ‘‘หราเปตฺวา’’ติ วา ปาโ, อยเมวตฺโถ.
สาธุ สาธูติ ภาสโตติ ธมฺมกถาย อนุโมทนวเสน ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ภาสโต. อุปฺปลํว ยโถทเกติ ยถา อุปฺปลํ อุปฺปลคนฺโธ มุขโต นิพฺพตฺโตติ. วฏฺฏเมว กถิตนฺติ ยถารุตวเสน วุตฺตํ. ยทิปิ เอวํ วุตฺตํ, ตถาปิ ยถารุตมตฺเถ อวตฺวา วิวฏฺฏํ นีหริตฺวา กเถตพฺพํ วิมุตฺติรสตฺตา ภควโต เทสนาย.
รูปาทิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย
ปมวคฺควณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา นิฏฺิตา.