📜
๑๓. เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา
๑๗๐. เอกปุคฺคลสฺสาติ ¶ เอกปุคฺคลวคฺคสฺส. เตนาห – ‘‘ปเม’’ติ. เอโกติ คณนปริจฺเฉโท, ตโต เอว ทุติยาทิปฏิกฺเขปตฺโถ. ปธานาสหายตฺโถปิ เอกสทฺโท โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘คณนปริจฺเฉโท’’ติ อาห. สมฺมุติยา เทสนา สมฺมุติเทสนา. ปรมตฺถสฺส เทสนา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถาติ สมฺมุติปรมตฺถเทสนาสุ, น สมฺมุติปรมตฺเถสุ. เตนาห – ‘‘เอวรูปา สมฺมุติเทสนา, เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา’’ติ. ตตฺริทํ สมฺมุติปรมตฺถานํ ลกฺขณํ – ยสฺมึ ภินฺเน, พุทฺธิยา วา อวยววินิพฺโภเค กเต น ตํสมฺา, สา ฆฏปฏาทิปฺปเภทา สมฺมุติ, ตพฺพิปริยาเยน ปรมตฺถา. น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว โส นโย ลพฺภติ. ตตฺถ รูปาทิธมฺมสมูหํ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อุปาทาย ปุคฺคลโวหาโรติ ปุคฺคโลติ สมฺมุติเทสนา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อุปฺปาทวยวนฺโต สภาวธมฺมา น นิจฺจาติ อนิจฺจาติ อาห – ‘‘อนิจฺจนฺติ ปรมตฺถเทสนา’’ติ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. นนุ ขนฺธเทสนาปิ สมฺมุติเทสนาว. ราสฏฺโ วา หิ ขนฺธฏฺโ โกฏฺาสฏฺโ วาติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ขนฺธสมฺา ผสฺสาทีสุ ปวตฺตตชฺชาปฺตฺติ วิย ปรมตฺถสนฺนิสฺสยา ตสฺส อาสนฺนตรา, ปุคฺคลสมฺาทโย วิย น ทูเรติ ปรมตฺถสงฺคหา วุตฺตา. ขนฺธสีเสน วา ตทุปาทานสภาวธมฺมา เอว คหิตา. นนุ จ สภาวธมฺมา สพฺเพปิ สมฺมุติมุเขเนว เทสนํ อาโรหนฺติ, น สมุเขนาติ สพฺพาปิ เทสนา สมฺมุติเทสนาว สิยาติ? นยิทเมวํ, เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน เทสนาวิภาคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น หิ สทฺโท เกนจิ ปวตฺตินิมิตฺเตน วินา อตฺถํ ปกาเสตีติ.
สมฺมุติวเสน ¶ เทสนํ สุตฺวาติ ‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปานุโยคมนุยุตฺโต’’ติอาทินา (ปุ. ป. ๑๗๔) สมฺมุติมุเขน ปวตฺติตเทสนํ สุตมยาณุปฺปาทวเสน สุตฺวา. อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ ตทนุสาเรน จตุสจฺจสงฺขาตํ อตฺถํ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย ปฏิวิชฺฌิตฺวา. โมหํ ปหายาติ ตเทกฏฺกิเลเสหิ สทฺธึ อนวเสสํ โมหํ ปชหิตฺวา. วิเสสนฺติ อคฺคผลนิพฺพานสงฺขาตํ วิเสสํ. เตสนฺติ ตาทิสานํ เวเนยฺยานํ. ปรมตฺถวเสนาติ ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๔๗๑-๔๗๖ อาทโย) ปรมตฺถธมฺมวเสน. เสสํ อนนฺตรนเย วุตฺตสทิสเมว.
ตตฺราติ ตสฺสํ สมฺมุติวเสน ปรมตฺถวเสน จ เทสนายํ. เทสภาสากุสโลติ นานาเทสภาสาสุ ¶ กุสโล. ติณฺณํ เวทานนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ, ติณฺณํ เวทานํ สิปฺปุคฺคหณฏฺานานมฺปีติ อธิปฺปาโย. เตเนว สิปฺปุคฺคหณํ ปรโต วกฺขติ. สิปฺปานิ วา วิชฺชาฏฺานภาเวน เวทนฺโตคธานิ กตฺวา ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ วุตฺตํ. กเถตพฺพภาเวน ิตานิ, น กตฺถจิ สนฺนิจิตภาเวนาติ เวทานมฺปิ กเถตพฺพภาเวเนว านํ ทีเปนฺโต ‘‘คุหา ตีณิ นิหิตา น คยฺหนฺตี’’ติอาทิมิจฺฉาวาทํ ปฏิกฺขิปติ. นานาวิธา เทสภาสา เอเตสนฺติ นานาเทสภาสา.
ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาโว. โลกสงฺเกตมตฺตสิทฺธา สมฺมุติ. ยทิ เอวํ กถํ สมฺมุติกถาย สจฺจตาติ อาห – ‘‘โลกสมฺมุติการณา’’ติ, โลกสมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตนโตติ อตฺโถ. โลกสมฺา หิ อภินิเวเสน วิฺเยฺยา, นาฺาปนา เอกจฺจสฺส สุตสฺส สาวนา วิย น มุสา อนติธาวิตพฺพโต ตสฺสา. เตนาห ภควา – ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิเวเสยฺย, สมฺํ นาติธาวเย’’ติ. ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. ภูตการณาติ ยถาภูตการณา ยถาภูตํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต. สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺสาติ ‘‘ปุคฺคโล, สตฺโต’’ติอาทินา โลกสมฺํ กเถนฺตสฺส.
หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถนฺติ โลกปาลนกิจฺเจ หิโรตฺตปฺปธมฺเม กิจฺจโต ปกาเสตุํ. เตสฺหิ กิจฺจํ สตฺตสนฺตาเน เอว ปากฏํ โหตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย ตํ วตฺตพฺพํ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยสฺมิฺหิ ¶ จิตฺตุปฺปาเท กมฺมํ อุปฺปนฺนํ, ตํสนฺตาเน เอว ตสฺส ผลสฺส อุปฺปตฺติ กมฺมสฺสกตา. เอวฺหิ กตวิฺาณนาโส อกตาคโม จ นตฺถีติ สา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว เทสนาย ทีเปตพฺพา. เตหิ สตฺเตหิ กาตพฺพปฺุกิริยา ปจฺจตฺตปุริสกาโร. โสปิ สนฺตานวเสน นิฏฺเปตพฺพโต ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺโพ. อานนฺตริยทีปนตฺถนฺติ จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ ตํนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ, อนนฺตรกรณปโยชนานิ วาติ อานนฺตริยานิ, มาตุฆาตาทีนิ, เตสํ ทีปนตฺถํ. ตานิปิ หิ สนฺตานวเสน นิฏฺเปตพฺพโต ‘‘มาตรํ ชีวิตา โวโรเปตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺพานิ, ตถา ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗; ๒.๓๐๙; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒-๖๔๓) ‘‘โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๓๘๔, ๔๓๑; ปารา. ๑๒), ‘‘อตฺถิ ทกฺขิณา ทายกโต วิสุชฺฌติ, โน ปฏิคฺคาหกโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๘๑) จ ปวตฺตา พฺรหฺมวิหารปุพฺเพนิวาสทกฺขิณาวิสุทฺธิกถา ปุคฺคลาธิฏฺานา ¶ เอว กตฺวา ทีเปตพฺพา สตฺตสนฺตานวิสยตฺตา. ‘‘อฏฺ ปุริสปุคฺคลา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) น สมยวิมุตฺโต ปุคฺคโล’’ติอาทินา (ปุ. ป. ๒) จ ปรมตฺถกถํ กเถนฺโตปิ โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. เอเตน วุตฺตาวเสสาย กถาย ปุคฺคลาธิฏฺานภาเว ปโยชนํ สามฺวเสน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กามฺเจตํ สพฺพํ อปริฺาตวตฺถุกานํ วเสน วุตฺตํ, ปริฺาตวตฺถุกานมฺปิ ปน เอวํ เทสนา สุขาวหา โหติ.
เอกปุคฺคโลติ วิสิฏฺสมาจาราปสฺสยวิรหิโต เอกปุคฺคโล. พุทฺธานฺหิ สีลาทิคุเณน สเทวเก โลเก วิสิฏฺโ นาม โกจิ นตฺถิ, ตถา สทิโสปิ สมานกาเล. เตนาห – ‘‘น อิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน พุทฺเธน เสฏฺโ สทิโส จ วิชฺชตี’’ติ (วิ. ว. ๑๐๔๗; กถา. ๗๙๙), ตสฺมา สทิโสปิ โกจิ นตฺถิ. หีโนปิ อปสฺสยภูโต นตฺเถว. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิสิฏฺสมาจาราปสฺสยวิรหิโต เอกปุคฺคโล’’ติ. เย ¶ จ สีลาทิคุเณหิ นตฺถิ เอเตสํ สมาติ อสมา, ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา. เตหิ สโม มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณเนกฺขํ วิย นิพฺพิสิฏฺโติ อสมสมฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล อฺสฺส ตาทิสสฺส อภาวา. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสทิสฏฺเนา’’ติอาทิ.
สตฺตโลโก อธิปฺเปโต สตฺตนิกาเย อุปฺปชฺชนโต. มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชติ เทวพฺรหฺมโลกานํ พุทฺธานํ อุปฺปตฺติยา อโนกาสภาวโต. กามเทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อฏฺานภาวโต ตถา อนจฺฉริยภาวโต. อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควนฺโต. เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ิตานํ โลเก น ปากฏา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ. เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโตว โลเก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต. ตถา สติ ‘‘อยํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, อิสฺสรกุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสชฺเชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลาวฏฺานโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติ. พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สตฺตานํ ตาทิสคฺคาหวินิโมจนตฺถฺหิ พุทฺธา ภควนฺโต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวสุคติยํ. ยสฺมา อิมํ จกฺกวาฬํ มชฺเฌ กตฺวา อิมินา สทฺธึ จกฺกวาฬานํ ทสสหสฺสสฺเสว ชาติกฺเขตฺตภาโว ทีปิโต อิโต อฺสฺส พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฏฺานสฺส เตปิฏเก พุทฺธวจเน อาคตฏฺานสฺส อภาวโต. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชตี’’ติ.
อิธ อุปฺปชฺชนฺโตปิ กสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชติ, น เสสทีเปสูติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา พุทฺธภาวสหา อจลฏฺานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเป เอว ¶ , ตสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอเตเนว ‘‘ตตฺถ มชฺฌิมเทเส เอว อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตมฺปิ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ ตถา อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฏฺานานํ ตตฺเถว ลพฺภนโต. ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร สาวกปารมิยา สมฺภรณปริปาจนฺจ พุทฺธกฺเขตฺตภูเต อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเป เอว อิชฺฌติ, น อฺตฺถ. เวเนยฺยชนวินยนตฺโถ จ พุทฺธุปฺปาโท, ตสฺมา อคฺคสาวกมหาสาวกาทิเวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป เอว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุ. อยฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ¶ ตตฺเถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อฺมฺูปนิสฺสยตาย ทฏฺพฺพา. เตน วุตฺตํ – อฏฺกถายํ ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเป เอว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗ อวิทูเรนิทานกถา).
อุภยมฺปิทํ วิปฺปกตวจนเมว อุปฺปาทกิริยาย วตฺตมานกาลิกตฺตา. อุปฺปชฺชมาโนติ วา อุปฺปชฺชิตุํ สมตฺโถ. สตฺติอตฺโถ จายํ มาน-สทฺโท. ยาวตา หิ สามตฺถิเยน มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว อุปฺปตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, ตตฺถเกน โพธิสมฺภารสมฺภูเตน ปริปุณฺเณน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เภโทติ วิเสโส. ตเมว หิ ติวิธํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส มหาภินีหารสฺส สิทฺธกาลโต ปฏฺาย มหาโพธิสตฺโต พุทฺธภาวาย นิยตภาวปฺปตฺตตาย โพธิสมฺภารปฏิปทํ ปฏิปชฺชมาโน ยถาวุตฺตสามตฺถิยโยเคน อุปฺปชฺชมาโน นามาติ อตฺโถ อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา. ปริเยสนฺโตติ วิจินนฺโต. ปริปกฺกคเต าเณติ อิมินา ตโต ปุพฺเพ าณสฺส อปริปกฺกตาย เอว ลทฺธาวสราย กมฺมปิโลติยา วเสน โพธิสตฺโต ตถา มหาปธานํ ปทหีติ ทสฺเสติ. อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม ‘‘อุปฺปนฺโน โหตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา. อาคโตว นาม เหตุสมฺปทาย สมฺมเทว นิปฺผนฺนตฺตา.
หิตตฺถายาติ โลกิยโลกุตฺตรสฺส หิตสฺส สิทฺธิยา. สุขตฺถายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตสฺสาติ ตสฺส สตฺตโลกสฺส. โส ปนายํ สตฺตโลโก เยน อนุกฺกเมน ธมฺมาภิสมยํ ปาปุณิ, ตํ เตเนว อนุกฺกเมน ทสฺเสนฺโต ‘‘มหาโพธิมณฺเฑ’’ติอาทิมาห. ยาวชฺชทิวสาติ เอตฺถ อชฺช-สทฺเทน สาสนสฺส อวฏฺานกาลํ วทติ. เทวมนุสฺสานนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโสติ ทสฺเสตุํ – ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอเตสมฺปีติ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ.
อยํ ปุจฺฉาติ อิมินา ‘‘กตโม’’ติ ปทสฺส สามฺโต ปุจฺฉาภาโว ทสฺสิโต, น วิเสสโตติ ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวาปนตฺถํ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๑๕๐) อาคตา สพฺพาปิ ปุจฺฉา ¶ อตฺถุทฺธารนเยน ทสฺเสติ ‘‘ปุจฺฉา จ นาเมสา’’ติอาทินา. อทิฏฺํ โชตียติ เอตายาติ อทิฏฺโชตนา. ทิฏฺํ สํสนฺทียติ เอตายาติ ทิฏฺสํสนฺทนา. สํสนฺทนฺจ สากจฺฉาวเสน ¶ วินิจฺฉยกรณํ. วิมตึ ฉินฺทติ เอตายาติ วิมติจฺเฉทนา. อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ ปุจฺฉาย ‘‘กา ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติ. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉา. ลกฺขณนฺติ าตุํ อิจฺฉิโต โย โกจิ สภาโว. อฺาตนฺติ เยน เกนจิ าเณน อฺาตภาวมาห. อทิฏฺนฺติ ทสฺสนภูเตน าเณน ปจฺจกฺขํ วิย อทิฏฺตํ. อตุลิตนฺติ ‘‘เอตฺตกํ เอต’’นฺติ ตุลาภูเตน อตุลิตตํ. อตีริตนฺติ ตีรณภูเตน อกตาณกิริยาสมาปนตํ. อวิภูตนฺติ าณสฺส อปากฏภาวํ. อวิภาวิตนฺติ าเณน อปากฏกตภาวํ.
เยหิ คุณวิเสเสหิ นิมิตฺตภูเตหิ ภควติ ‘‘ตถาคโต’’ติ อยํ สมฺา ปวตฺตา, ตํทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. คุณวิเสสเนมิตฺติกาเนว หิ ภควโต สพฺพานิ นามานิ. ยถาห –
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๗๖);
ตถา อาคโตติ เอตฺถ อาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท. สามฺโชตนาปิ หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ปฏิปทาคมนตฺโถ อาคต-สทฺโท, น าณคมนตฺโถ ‘‘ตถลกฺขณํ อาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อุทา. อฏฺ. ๑๘) วิย, นาปิ กายคมนตฺโถ ‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มคธานํ คิริพฺพช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๖๓) วิย. ตตฺถ ยทาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท, ตํกรุณาปธานตฺตา มหากรุณามุเขน ปุริมพุทฺธานํ อาคมนปฺปฏิปทํ อุทาหรณวเสน สามฺโต ทสฺเสนฺโต ยํ-ตํ-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต ‘‘ยถา สพฺพโลก…เป… อาคตา’’ติ สาธารณโต วตฺวา ปุน ตํ ปฏิปทํ มหาปธานสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑ อาทโย) สมฺพหุลนิทฺเทเสน สุปากฏานํ อาสนฺนานฺจ วิปสฺสิอาทีนํ ฉนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ วเสน นิทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน อภินีหาเรนาติ มนุสฺสตฺตลิงฺคสมฺปตฺติเหตุสตฺถุทสฺสนปพฺพชฺชาอภิฺาทิคุณสมฺปตฺติอธิการจฺฉนฺทานํ วเสน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน ¶ มหาปณิธาเนน. สพฺเพสฺหิ ¶ พุทฺธานํ กายปฺปณิธานํ อิมินาว อภินีหาเรน สมิชฺฌตีติ. เอวํ มหาภินีหารวิเสเสน ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปารมิปูรณวเสน ทสฺเสตุํ – ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทิมาห.
เอตฺถ จ สุตฺตนฺติกานํ มหาโพธิปฺปฏิปทาย โกสลฺลชนนตฺถํ กา ปเนตา ปารมิโย, เกนฏฺเน ปารมิโย, กติวิธา เจตา, โก ตาสํ กโม, กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ, โก ปจฺจโย, โก สํกิเลโส, กึ โวทานํ, โก ปฏิปกฺโข, กา ปฏิปตฺติ, โก วิภาโค, โก สงฺคโห, โก สมฺปาทนูปาโย, กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนํ, โก อานิสํโส, กิฺเจตาสํ ผลนฺติ ปารมีสุ อยํ วิตฺถารกถา เวทิตพฺพา. สา ปเนสา อิจฺฉนฺเตน ทีฆาคมฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, น อิธ ทสฺสิตา. ยถาวุตฺตาย ปฏิปทาย ยถาวุตฺตวิภาคานํ ปารมีนํ ปูริตภาวํ สนฺธายาห – ‘‘สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติ.
สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ มหาปริจฺจาเคหิ วิสุํ คหณํ. ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. คตปจฺจาคติกวตฺตสงฺขาตาย ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค. ทานาทีสุเยว สาติสยปฺปฏิปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพจริยา, ยา วา จริยาปิฏกสงฺคหิตา. ‘‘อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, ทานาทิปฺปฏิปตฺติ วา กายวิเวกวเสน เอกจริยา วา ปุพฺพจริยา’’ติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ วิภาวนวเสน สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน จ ปวตฺตา กถา ธมฺมกฺขานํ. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา. สาปิ กรุณายนวเสเนว. อาทิ-สทฺเทน โลกตฺถจริยาทโย สงฺคณฺหาติ. กมฺมสฺสกตาณวเสน อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธิจริยา. สา ปน อตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารทสฺสนตฺถํ วิสุํ ¶ คหณํ. โกฏีติ ปริยนฺโต, อุกฺกํโสติ อตฺโถ. จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา. พฺรูเหตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. สติปฏฺานาทิคฺคหเณน อาคมนปฺปฏิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสติ. วิปสฺสนาสหคตา เอว วา สติปฏฺานาทโย ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘เยน อภินีหาเรนา’’ติอาทินา อาคมนปฺปฏิปทาย อาทึ ทสฺเสติ, ‘‘ทานปารมิ’’นฺติอาทินา มชฺฌํ, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทินา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ.
สมฺปติชาโตติ ¶ มุหุตฺตชาโต นิกฺขนฺตมตฺโต. นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ มหาสตฺตํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโต. ยถาหาติอาทินา มหาปทานเทสนาย วุตฺตวจนํ นิทสฺเสติ. เสตมฺหิ ฉตฺเตติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต. อนุธาริยมาเนติ ธาริยมาเน. เอตฺถ จ ฉตฺตคฺคหเณเนว ขคฺคาทีนิ ปฺจ กกุธภณฺฑานิ วุตฺตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ. ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาลพีชนิอุณฺหีสปฏฺฏาปิ หิ ฉตฺเตน สห ตทา อุปฏฺิตา อเหสุํ. ฉตฺตาทีนิเยว จ ตทา ปฺายึสุ, น ฉตฺตาทิคฺคาหกา. สพฺพา จ ทิสาติ ทส ทิสา, นยิทํ สพฺพทิสาวิโลกนํ สตฺตปทวีติหารุตฺตรกาลํ. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ, ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา, ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา เหฏฺา อุปรีติ สพฺพา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา สพฺพตฺถ อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. อคฺโคติ สพฺพปโม. เชฏฺโติ เสฏฺโติ จ ตสฺเสว เววจนํ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ. ‘‘อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนา’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ ‘‘ยฺหี’’ติอาทินา วิตฺถารโต ทสฺเสติ. ตตฺถ เอตฺถาติ –
‘‘อเนกสาขฺจ ¶ สหสฺสมณฺฑลํ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;
สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓) –
อิมิสฺสา คาถาย. สพฺพฺุตฺาณเมว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย อนาวรณาณนฺติ อาห – ‘‘สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติ. ตถา อยํ ภควาปิ คโต…เป… ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนาติ เอเตน อภิชาติยํ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกวิเสสา สพฺพโพธิสตฺตานํ สาธารณาติ ทสฺเสติ. ปารมิตานิสฺสนฺทา หิ เตติ.
วิกฺกมีติ อคมาสิ. มรูติ เทวา. สมาติ วิโลกนสมตาย สมา สทิสิโย. มหาปุริโส หิ ยถา เอกํ ทิสํ วิโลเกสิ, เอวํ เสสทิสาปิ, น กตฺถจิ วิโลกเน วิพนฺโธ ตสฺส ¶ อโหสีติ. สมาติ วา วิโลเกตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. น หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส วิรูปพีภจฺฉวิสมรูปานิ วิโลเกตุํ อยุตฺตานิ ทิสาสุ อุปฏฺหนฺตีติ.
‘‘เอวํ ตถา คโต’’ติ กายคมนฏฺเน คตสทฺเทน ตถาคตสทฺทํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ าณคมนฏฺเน ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปฺปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน. กุสลา หิ ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํ, น ปพฺพชฺชาทโย. ‘‘ปมชฺฌาเนนา’’ติ จ วทนฺติ. ปหายาติ ปชหิตฺวา. คโต อธิคโต, ปฏิปนฺโน อุตฺตริวิเสสนฺติ อตฺโถ. ปหายาติ วา ปหานเหตุ, ปหานลกฺขณํ วา. เหตุลกฺขณตฺโถ หิ อยํ ปหายสทฺโท. กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานเหตุกฺหิ ‘‘คโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ คมนํ อวโพโธ, ปฏิปตฺติ เอว วา กามจฺฉนฺทาทิปฺปหาเนน จ ลกฺขียติ. เอส นโย ปทาเลตฺวาติอาทีสุปิ. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฏฺิตอาโลกสฺชานเนน. อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉเยน. ‘‘สปฺปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนา’’ติปิ วทนฺติ. เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตาย ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ภควโต ตถาคตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฏฺหิ ¶ สมาปตฺตีหิ อฏฺารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘าเณนา’’ติอาทิมาห. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานฺหิ วิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺายํ ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ, ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน ตตฺถ อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโมติ สมาปตฺติวิปสฺสนานํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนาทิอุปาโย, อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺา นีวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺโพ. สมาปตฺติวิหารปฺปเวสวิพนฺธเนน นีวรณานิ กวาฏสทิสานีติ อาห – ‘‘นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา’’ติ.
‘‘รตฺตึ วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๑) วุตฺตฏฺาเน วิตกฺกวิจารา ธูมายนา อธิปฺเปตาติ อาห – ‘‘วิตกฺกวิจารธูม’’นฺติ. กิฺจาปิ ปมชฺฌานูปจาเรเยว ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌาโนปจาเรเยว จ สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห – ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหายา’’ติ. รูปสฺาติ สฺาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ เจว ตทารมฺมณานิ จ วุตฺตานิ. รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๔๘; ๓.๓๑๒; ธ. ส. ๒๔๘; ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙). ตสฺส อารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ ¶ ปุริมปทโลเปน ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๗๓-๑๗๔; ม. นิ. ๒.๒๔๙; ธ. ส. ๒๔๔-๒๔๕). ตสฺมา อิธ รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตสฺา รูปสฺาติ เอวํ สฺาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ วุตฺตานิ. รูปํ สฺา อสฺสาติ รูปสฺํ, รูปสฺส นามนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. ปฏิฆสฺาติ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ รูปาทีนํ อารมฺมณานฺจ ปฏิฆาเตน ปฏิหนเนน วิสยิวิสยสโมธาเน สมุปฺปนฺนา ทฺวิปฺจวิฺาณสหคตา สฺา ปฏิฆสฺา. นานตฺตสฺาโยติ นานตฺเต โคจเร ปวตฺตา สฺา, นานตฺตา วา สฺา นานตฺตสฺา, อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, ทฺวาทส อกุสลสฺา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสฺา, ทฺเว อกุสลวิปากสฺา, เอกาทส กามาวจรกิริยสฺาติ เอตาสํ จตุจตฺตาลีสสฺานเมตํ อธิวจนํ. เอตา หิ ยสฺมา รูปสฺาทิเภเท นานตฺเต ¶ นานาสภาเว โคจเร ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา จ นานตฺตา นานาสภาวา อฺมฺํ อสทิสา, ตสฺมา ‘‘นานตฺตสฺา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย อนุปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺนฺติ สงฺขตธมฺเม ‘‘นิจฺจา สสฺสตา’’ติ ปวตฺตํ มิจฺฉาสฺํ. สฺาสีเสน ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพิชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. วิราคานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ‘‘เต สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ สมุทยวเสน น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห – ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ, โน สมุเทตี’’ติ. มุจฺจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา หิ อยํ. อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํ. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสฺา. อายูหนํ อภิสงฺขรณํ. อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺนฺติ ถิรภาวคฺคหณํ. นิมิตฺตนฺติ สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหคฺคหณํ. ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธึ. สา ปนตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นนฺทิตา. อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฏฺึ.
อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิเวสนฺติ อสาเร สารคฺคหณวิปลฺลาสํ. อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโนติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส ¶ . เกจิ ปน ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานนฺติอาทินา ปวตฺตสํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติ. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗) วจนโต อาลโย ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ จ อภินิเวสวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘เอวํวิธา สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’’ติ ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ, นิพฺพานํ. ตตฺถ อารมฺมณกรณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฏฺฏานุปสฺสนา, โคตฺรภู. สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ ¶ อภินิวิสนํ. ทิฏฺเกฏฺเติ ทิฏฺิยา สหชาเตกฏฺเ ปหาเนกฏฺเ จ. โอฬาริเกติ อุปริมคฺควชฺเฌ กิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อฺถา ทสฺสนปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควชฺเฌหิ โอฬาริกาติ. อณุสหคเตติ อณุภูเต. อิทํ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. สพฺพกิเลเสติ อวสิฏฺสพฺพกิเลเส. น หิ ปมาทิมคฺเคหิปิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺตีติ.
กกฺขฬตฺตํ กถินภาโว. ปคฺฆรณํ ทฺรวภาโว. โลกิยวายุนา ภสฺตาย วิย เยน ตํตํกลาปสฺส อุทฺธุมายนํ, ถทฺธภาโว วา, ตํ วิตฺถมฺภนํ. วิชฺชมาเนปิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ ผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โย ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อฺถา ภูตานํ ปริจฺเฉทภาโว น สิยา พฺยาปิตภาวาปตฺติโต. ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตหิ อสมฺผุฏฺภาโว อสมฺผุฏฺลกฺขณํ. เตนาห – ภควา อากาสธาตุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๖๓๗) ‘‘อสมฺผุฏฺโ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ.
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ เจตนาวเสเนตํ วุตฺตํ – ‘‘สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๙๒) ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา เจตนาว วิภตฺตา. อภิสงฺขรลกฺขณา จ เจตนา. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร, กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทิ. ผรณํ สวิปฺผาริกตา. อสฺสทฺธิเยติ อสฺสทฺธิยเหตุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ. เอส นโย โกสชฺเชติอาทีสุ. วูปสมลกฺขณนฺติ กายจิตฺตปริฬาหูปสมลกฺขณํ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตาย อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ปกฺขปาตุปจฺเฉทโต.
มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต ปริคฺคาหกสภาวา ¶ สมฺมาวาจา, สินิทฺธภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม สมฺมาวาจาปจฺจยสุภาสิตานํ โสตารฺจ ปุคฺคลํ ปริคฺคณฺหาตีติ สา ปริคฺคหลกฺขณา. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรตีปิ ¶ สมุฏฺานลกฺขณา ทฏฺพฺพา, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยปวตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สุทฺธิ โวทานํ. ‘‘สงฺขารา’’ติ อิธ เจตนา อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ – ‘‘สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณ’’นฺติ. นมนํ อารมฺมณาภิมุขภาโว. อายตนํ ปวตฺตนํ. อายตนวเสน หิ อายสงฺขาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณนฺติ วฏฺฏสฺส ชนกเหตุภาโว, มคฺคสฺส ปน นิพฺพานสมฺปาปกตฺตนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส.
ตถลกฺขณํ อวิปรีตสภาโว. เอกรโส อฺมฺนาติวตฺตนํ อนูนาธิกภาโว. ยุคนทฺธา สมถวิปสฺสนาว. ‘‘สทฺธาปฺา ปคฺคหาวิกฺเขปา’’ติปิ วทนฺติ. ขโยติ กิเลสกฺขโย มคฺโค. อนุปฺปาทปริโยสานตาย อนุปฺปาโท ผลํ. ปสฺสทฺธิ กิเลสวูปสโม. ฉนฺทสฺสาติ กตฺตุกามตาฉนฺทสฺส. มูลลกฺขณํ ปติฏฺาภาโว. สมุฏฺานลกฺขณํ อารมฺมณปฺปฏิปาทกตาย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุตา. สโมธานํ วิสยาทิสนฺนิปาเตน คเหตพฺพากาโร, ยา สงฺคตีติ วุจฺจติ. สมํ, สห โอทหนฺติ อเนน สมฺปยุตฺตธมฺมาติ วา สโมธานํ, ผสฺโส. สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ. เวทนาย วินา อปฺปวตฺตมานา สมฺปยุตฺตธมฺมา เวทนานุภวนนิมิตฺตํ สโมสฏา วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ. โคปานสีนํ กูฏํ วิย สมฺปยุตฺตานํ ปาโมกฺขภาโว ปมุขลกฺขณํ. ตโต, เตสํ วา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุตฺตริ ปธานนฺติ ตตุตฺตริ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. วิมุตฺติยาติ ผลสฺส. ตฺหิ สีลาทิคุณสารสฺส ปรมุกฺกํสภาเวน สารํ. อยฺจ ลกฺขณวิภาโค ฉธาตุปฺจฌานงฺคาทิวเสน ตํตํสุตฺตปทานุสาเรน โปราณฏฺกถายํ อาคตนเยน จ กโตติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปุพฺเพ วุตฺโตปิ โกจิ ธมฺโม ปริยายนฺตรปฺปกาสนตฺถํ ปุน ทสฺสิโต, ตโต เอว จ ‘‘ฉนฺทมูลกา กุสลา ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ, ‘‘ปฺุตฺตรา กุสลา ธมฺมา’’ติ, ‘‘วิมุตฺติสารมิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ, ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๒) จ สุตฺตปทานํ วเสน ‘‘ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ตถธมฺมา ¶ นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อวิปรีตสภาวตฺตา. ตถานิ ตํสภาวตฺตา, อวิตถานิ อมุสาสภาวตฺตา, อนฺถานิ อฺาการรหิตตฺตา. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ¶ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ, น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตีติ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ, อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ. ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปํ ปาตุภาโวติ อตฺโถ. อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เอตฺถาปิ น อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย น โหติ, น จ อวิชฺชํ วินา สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ. ยา ยา อวิชฺชา เยสํ เยสํ สงฺขารานํ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, อยํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ, ปจฺจยภาโวติ อตฺโถ.
ภควา ตํ ชานาติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ภควตา. ตํ วิภชฺชมานนฺติ โยเชตพฺพํ. ตนฺติ รูปายตนํ. อิฏฺานิฏฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน มชฺฌตฺตํ สงฺคณฺหาติ, ตถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนปริตฺตอชฺฌตฺตพหิทฺธาตทุภยาทิเภทํ. ลพฺภมานกปทวเสนาติ ‘‘รูปายตนํ ทิฏฺํ, สทฺทายตนํ สุตํ, คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มุตํ, สพฺพํ รูปํ มนสา วิฺาต’’นฺติ (ธ. ส. ๙๖๖) วจนโต ทิฏฺปทฺจ วิฺาตปทฺจ รูปารมฺมเณ ลพฺภติ. อเนเกหิ นาเมหีติ ‘‘รูปารมฺมณํ อิฏฺํ อนิฏฺํ มชฺฌตฺตํ ปริตฺตํ อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา ทิฏฺํ วิฺาตํ รูปํ รูปายตนํ รูปธาตุ วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นาเมหิ. เตรสหิ วาเรหีติ รูปกณฺเฑ อาคเต เตรส นิทฺเทสวาเร สนฺธายาห. ทฺเวปฺาสาย นเยหีติ เอเกกสฺมึ วาเร จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ วเสน ทฺวิปฺาสาย นเยหิ. ตถเมวาติ อวิปรีตทสฺสิตาย อปฺปฏิวตฺติยเทสนตาย จ ตถเมว โหติ. ชานามิ อพฺภฺาสินฺติ วตฺตมานาตีตกาเลสุ าณปฺปวตฺติทสฺสเนน อนาคเตปิ าณปฺปวตฺติ วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. วิทิต-สทฺโท อนามฏฺกาลวิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๘๘; ม. นิ. ๑.๗-๘; สํ. นิ. ๓.๒๐๘; อ. นิ. ๔.๒๓) วิย. น อุปฏฺาสีติ อตฺตตฺตนิยวเสน น อุปคฺฉิ ¶ . ยถา รูปารมฺมณาทโย ธมฺมา ยํสภาวา ยํปการา จ, ตถา เน ปสฺสติ ชานาติ คจฺฉตีติ ตถาคโตติ เอวํ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘นิรุตฺตินเยน ปิโสทราทิปกฺเขเปน วา ทสฺสีสทฺทสฺส โลปํ, อาคต-สทฺทสฺส จาคมํ กตฺวา ตถาคโต’’ติ วณฺเณนฺติ.
ยํ รตฺตินฺติ ยสฺสํ รตฺติยํ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ติณฺณํ มารานนฺติ กิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตสงฺขาตานํ ติณฺณํ มารานํ. อนุปวชฺชนฺติ นิทฺโทสตาย น อุปวชฺชํ. อนูนนฺติ ปกฺขิปิตพฺพาภาเวน น อูนํ. อนธิกนฺติ อปเนตพฺพาภาเวน น อธิกํ. สพฺพาการปริปุณฺณนฺติ ¶ อตฺถพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพากาเรน ปริปุณฺณํ. โน อฺถาติ ‘‘ตเถวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรเกน สมฺปาเทติ. เตน ยทตฺถํ ภาสิตํ, ตทตฺถนิปฺผาทนโต ยถา ภาสิตํ ภควตา, ตเถวาติ อวิปรีตเทสนตํ ทสฺเสติ. คทตฺโถติ เอเตน ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ตถา คตมสฺสาติ ตถาคโต. คตนฺติ จ กายสฺส วาจาย วา ปวตฺตีติ อตฺโถ. ตถาติ จ วุตฺเต ยํ-ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย ยถาติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหติ. กายวาจากิริยานฺจ อฺมฺานุโลเมน วจนิจฺฉายํ กายสฺส วาจา, วาจาย จ กาโย สมฺพนฺธภาเวน อุปติฏฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน อตฺเถ ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ อยมฺปิ อตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โส ปน ปุพฺเพ ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ อาห – ‘‘เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต’’ติ.
ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสูติ เอเตน ยเทเก ‘‘ติริยํ วิย อุปริ อโธ จ สนฺติ โลกธาตุโย’’ติ วทนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. เทสนาวิลาโสเยว เทสนาวิลาสมโย ยถา ‘‘ปฺุมยํ ทานมย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๓). นิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิธาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต คต-สทฺโทเยว อวคตตฺถํ อตีตตฺถฺจ วทตีติ อาห – ‘‘คโตติ อวคโต อตีโต’’ติ. อถ วา อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว ¶ สมฺโพธิ, เอตฺถนฺตเร มหาโพธิยานปฏิปตฺติยา หานฏฺานสํกิเลสนิวตฺตีนํ อภาวโต ยถา ปณิธานํ, ตถา คโต อภินีหารานุรูปํ ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. อถ วา มหิทฺธิกตาย ปฏิสมฺภิทานํ อุกฺกํสาธิคเมน อนาวรณาณตาย จ กตฺถจิปิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ, ตถา กายวาจาจิตฺตานํ คตานิ คมนานิ ปวตฺติโย เอตสฺสาติ ตถาคโต. ยสฺมา จ โลเก วิธยุตฺตคตปการสทฺทา สมานตฺถา ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ยถาวิธา วิปสฺสิอาทโย ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธติ ตถาคโต. ยถา ยุตฺตา จ เต ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถา ยุตฺโตติ ตถาคโต. อถ วา ยสฺมา สจฺจํ ตตฺวํ ตจฺฉํ ตถนฺติ าณสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ตเถน าเณน อาคโตติ ตถาคโตติ เอวมฺปิ ตถาคตสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
‘‘ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,
สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;
มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถาคโต เตน ตถาคโต มโต.
‘‘ตถฺจ ¶ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺเยน ยโต วิภาวิตา,
ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.
‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รุปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
‘‘ยโต ¶ จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
‘‘ยถาภินีหารมโต ยถารุจิ,
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต;
ยถาวิธา เยน ปุรา มเหสิโน,
ตถาวิโธ เตน ชิโน ตถาคโต’’ติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) –
สงฺคหคาถา มุขมตฺตเมว, กสฺมา? อปฺปมาทปทํ วิย สกลกุสลธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา สพฺพพุทฺธคุณานํ สงฺคาหกตฺตา. เตเนวาห – ‘‘สพฺพากาเรนา’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๗๑. ทุติเย อุปฺปตฺตีติ ปมาย ชาติยา นิพฺพตฺตึ วตฺวา อริยาย ชาติยา นิพฺพตฺตึ ทสฺเสตุํ – ‘‘นิปฺผตฺตี’’ติ อาห. ตทา หิสฺส พุทฺธภาวนิปฺผตฺตีติ. ‘‘ทุลฺลโภ’’ติอาทึ ¶ วตฺวา การณสฺส ทูรสมฺภารภาวโต ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกวาร’’นฺติอาทิมาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตตฺถ วารคณนา นาม มาสสํวจฺฉรกปฺปคณนาทิกา, กปฺปานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ตีณิ อสงฺขฺเยยฺยานิปิ ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ พุทฺเธน ภวิตุํ น สกฺกา, เหฏฺิมโกฏิยา ปน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ นิรนฺตรํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธภาวํ ปตฺตุํ สกฺกา, น อิโต อฺถาติ อิมินา การเณน ทุลฺลโภ ปาตุภาโว พุทฺธานนฺติ.
๑๗๒. ตติเย นิจฺจํ น โหตีติ อภิณฺหปฺปวตฺติกํ น โหติ กทาจิเทว สมฺภวโต. เยภุยฺเยน มนุสฺสา อจฺฉริยํ ทิสฺวา อจฺฉรํ ปหรนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อจฺฉรํ ปหริตฺวา ปสฺสิตพฺโพ’’ติ. สมนฺนาคตตฺตาติ เอเตน อจฺฉริยา คุณธมฺมา เอตสฺมึ สนฺตีติ อจฺฉริโยติ ทสฺเสติ. อปิจ อาทิโต ปภุติ อภินีหาราวโห, ตโต ปรมฺปิ อนฺสาธารเณ คุณธมฺเม อาจิณฺณวาติ อจฺฉริโยติ อาห – ‘‘อาจิณฺณมนุสฺโสติปิ อจฺฉริยมนุสฺโส’’ติอาทิ. มหาโพธิาณเมว มณฺฑภูตํ มหาโพธิมณฺโฑ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ¶ ‘‘มหาโพธี’’ติ วุจฺจติ. อนิวตฺตเกนาติ โพธิยา นิยตภาวาปตฺติยา มหาโพธิสตฺตภาวโต อนิวตฺตนสภาเวน. พุทฺธการกธมฺมานํ ปูรณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณนฺติอาทินา เหตุอวตฺถาย ผลาวตฺถาย สตฺตานํ อุปการาวตฺถาย จาติ ตีสุปิ อวตฺถาสุ โลกนาโถ อนฺสาธารณานํ คุณธมฺมานํ อาจิณฺณตาย อจฺฉริยมนุสฺโส วุตฺโตติ ทสฺเสติ.
๑๗๓. จตุตฺเถ กาเล กิริยาติ กาลกิริยา. กตรสฺมึ กาเล กีทิสี กิริยา. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ, วิเสสตฺถินา จ วิเสโส อนุปฺปโยชิตพฺโพติ อาห – ‘‘เอกสฺมึ กาเล ปากฏา กิริยา’’ติ. กตรสฺมึ ปน เอกสฺมึ กาเล, กถฺจ ปากฏาติ? กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ อเนกานิ อสงฺขฺเยยฺยานิ อภิกฺกมิตฺวา ยถาธิปฺเปตมโนรถปาริปูริวเสน สมุปลทฺเธ เอกสฺมึ กาเล, สเทวโลเก อติวิย อจฺฉริยมนุสฺสสฺส ปรินิพฺพานนฺติ อจฺจนฺตปากฏา. อนุตาปกราติ เจโตทุกฺขาวหา. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ วุตฺตํ ตสฺส พุทฺธกฺเขตฺตภาเวน ปริจฺฉินฺนตฺตา, ตทฺเสฺจ อวิสยตฺตา.
๑๗๔. ปฺจเม ทุติยสฺส พุทฺธสฺสาติ ทุติยสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺส อภาวา. สุตพุทฺโธ นาม สุตมเยน าเณน พุชฺฌิตพฺพสฺส พุทฺธตฺตา. จตุสจฺจพุทฺโธ นาม จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อนวเสสโต พุทฺธตฺตา. ปจฺเจกพุทฺโธ นาม ปจฺเจกํ อตฺตโนเยว ยถา จตุสจฺจสมฺโพโธ โหติ, เอวํ ¶ พุทฺธตฺตา. สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอว หิ ยถา สเทวกสฺส โลกสฺส จตุสจฺจสมฺโพโธ โหติ, เอวํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌติ. จตฺตาริ วา อฏฺ วา โสฬส วาติ อิทํ กตมหาภินีหารานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวิภาควเสน วุตฺตํ. ‘‘ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ. วีริยาธิกานํ ปฺา มนฺทา, ปฺานุภาเวน จ สมฺมาสมฺโพธิ อธิคนฺตพฺพา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อวิเสเสน ปน วิมุตฺติปริปาจนียธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ตโยเปเต เภทา ยุตฺตาติ วทนฺติ. ติวิธา หิ โพธิสตฺตา อภินีหารกฺขเณ ภวนฺติ อุคฺฆฏิตฺุวิปฺจิตฺุเนยฺยเภเทน. เตสุ ¶ อุคฺฆฏิตฺู สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา จาตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต ตติยปเท อปริโยสิเตเยว ฉหิ อภิฺาหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ. ทุติโย สตฺถุ สมฺมุขา เอกํ คาถํ สุณนฺโต อปริโยสิเตเยว จตุตฺถปเท ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ. อิตโร ภควโต สมฺมุขา จาตุปฺปทิกคาถํ สุตฺวา ปริโยสิตาย คาถาย ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ. ตโยเปเต วินา กาลเภเทน กตาภินีหารา ลทฺธพฺยากรณา ปารมิโย ปูเรนฺโต ยถากฺกมํ ยถาวุตฺตเภเทน กาเลน สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณนฺติ, เตสุ เตสุ ปน กาลเภเทสุ อปริปุณฺเณสุ เต เต มหาสตฺตา ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ทานํ เทนฺตาปิ ตทนุรูปํ สีลาทิเสสปารมิธมฺเม อาจินนฺตาปิ อนฺตรา พุทฺธา ภวิสฺสนฺตีติ อการณเมตํ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. ปริจฺฉินฺนกาลนิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ ปริจฺฉินฺนกาเล นิปฺผาทิตา สมฺมาสมฺโพธิ ตทนฺตรา สพฺพุสฺสาเหน วายมนฺเตนปิ น สกฺกา ปาปุณิตุนฺติ ปารมิปูรี ยถาวุตฺตกาลวิเสเสน สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. สทฺธินฺติ สมานกาเล.
อสหาโยติ นิปฺปริยายโต วุตฺตํ. สหอยนฏฺโ หิ สหายฏฺโ. ปฏิปตฺติวเสน ภควตา สห สมํ อยนํ นาม กสฺสจิปิ นตฺเถว. หตฺถาทิอวยวโต ปฏิ ปฏิ มินิตพฺพโต ปฏิมา วุจฺจติ อตฺตภาโว. สมตฺโถ นาม นตฺถีติ เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ นตฺถิ. ปฏิสโมติ ปฏินิธิภาเวน สโม. ปฏิภาคํ ทาตุนฺติ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส ธมฺมภาคสฺส ธมฺมโกฏฺาสสฺส ปฏิปกฺขภูตํ กตฺวา ภาคํ โกฏฺาสํ ปฏิวจนํ ทาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. นตฺถิ เอตสฺส สีลาทิคุเณหิ ปฏิพิมฺพภูโต ปุคฺคโลติ อปฺปฏิปุคฺคโล. เตนาห – ‘‘อฺโ โกจี’’ติอาทิ. ติสหสฺสิมหาสหสฺสีนํ วิภาโค ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
๑๗๕. ฉฏฺาทีสุ ตสฺมึ ปุคฺคเลติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ตนฺติ ปฺาจกฺขุ. ปาตุภูตเมว โหติ ตสฺส ¶ สหสฺส อุปฺปชฺชนโต. อุปฺปตฺตีติ อุปฺปชฺชนํ. นิปฺผตฺตีติ ปริวุทฺธิ. กีวรูปสฺสาติ กีทิสสฺส. สาวกวิสเยว หตฺถคตํ ปฺาจกฺขุ นาม ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํเยวาติ อาห – ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติอาทิ. สมาธิปฺาติ สมาธิสหคตา ปฺา. ‘‘สมาธิสํวตฺตนิกา ¶ ขิปฺปนิสนฺติอาทิวิเสสาวหา ปฺา’’ติ เกจิ. อาโลโกติ ปฺาอาโลโก เอว. ตถา โอภาโส. ตีณิปีติ ตีณิปิ สุตฺตานิ. โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานีติ ปุพฺพภาคปฺาย อธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ.
อุตฺตมธมฺมานนฺติ อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส อภาเวน เสฏฺธมฺมานํ. ทฏฺพฺพโต ทสฺสนํ, ภควโต รูปกาโย. ตตฺถปิ วิเสสโต รูปายตนํ. เตนาห – ‘‘จกฺขุวิฺาเณน ทฏฺุํ ลภตี’’ติ. นตฺถิ อิโต อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ, ตเทว อนุตฺตริยํ, ทสฺสนฺจ ตํ อนุตฺตริยฺจาติ ทสฺสนานุตฺตริยํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน ปทวิเสโส – สุยฺยตีติ สวนํ, ภควโต วจนํ. ลพฺภตีติ ลาโภ, ภควติ สทฺธา. สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา. สีลสมาธิปฺาปริจรณํ ปาริจริยา, อุปฏฺานํ. อนุสฺสรณํ อนุสฺสติ, สตฺถุ คุณานุสฺสรณํ. อิเมสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ฉนฺนํ อนุตฺตริยานํ. ปาตุภาโว โหตีติ ตถาคตสฺส ปาตุภาวา ตปฺปฏิพทฺธตฺตา ตพฺพิสยตฺตา จ ปาตุภาโว โหติ. ‘‘ทสฺสนานุตฺตริย’’นฺติ จ สเทวเก โลเก อุตฺตริตรสฺส ภควโต รูปสฺส น ทสฺสนมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อถ โข ตสฺส รูปทสฺสนมุเขน อเวจฺจปฺปสาเทน พุทฺธคุเณ โอกปฺเปตฺวา โอคาเหตฺวา ทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. เตนาห – ‘‘อายสฺมา หี’’ติอาทิ. อิทมฺปิ ทสฺสนานุตฺตริยนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตโต นิพฺพิเสสตฺตา วุตฺตํ. ทสพลํ ทสฺสนาย ลภิตฺวาติ อานนฺทตฺเถโร วิย ปสาทภตฺติเมตฺตาปุพฺพกํ ทสพลํ ทสฺสนาย ลภิตฺวา. ทสฺสนํ วฑฺเฒตฺวาติ ทสฺสนมุเขน ปวตฺตํ วิปสฺสนาจารํ วฑฺเฒตฺวา. ทสฺสนมุเขน ยาว อนุโลมาณํ วิปสฺสนาจารํ วฑฺเฒตฺวา ตทนนฺตรํ อฏฺมกมหาภูมึ โอกฺกมนฺโต ทสฺสนํ โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ นาม. อิธ ปรโต ปวตฺตํ ทสฺสนํ ทสฺสนเมว นาม, มูลทสฺสนํ ปน สจฺจทสฺสนสฺสปิ การณภาวโต ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม. เอส นโย เสสานุตฺตริเยสุปิ.
ทสพเล สทฺธํ ปฏิลภตีติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ภควติ สทฺธํ ปฏิลภติ. ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตฺวาติ ติสฺโส ปุพฺพภาคสิกฺขา สิกฺขิตฺวา. ปริจรตีติ อุปฏฺานํ กโรติ. ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา พุทฺธานุสฺสติวเสน อนุสฺสติชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ‘‘อนุสฺสตึ วฑฺเฒตฺวา’’ติ วุตฺโต.
สจฺฉิกิริยา ¶ โหตีติ ปจฺจกฺขกรณํ โหติ. มคฺคกฺขเณ หิ ลพฺภมานา ปฏิสมฺภิทา ผลกฺขเณ ¶ สจฺฉิกตา นาม โหติ ตโต ปรํ อตฺถาทีสุ ยถิจฺฉิตํ วินิโยคกฺขมภาวโต. จตสฺโสติ คณนปริจฺเฉโท. ปฏิสมฺภิทาติ ปเภทา. กสฺส ปน ปเภทาติ? ‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑) าณสฺเสตา ปเภทา. ตสฺมา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาติ จตฺตาโร าณปฺปเภทาติ อตฺโถ. อตฺถปฏิสมฺภิทาติ อตฺเถ ปฏิสมฺภิทา, อตฺถปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณนฺติ อตฺโถ. ตถา ธมฺมปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา.
อตฺเถสุ าณนฺติอาทีสุ อตฺโถติ สงฺเขปโต เหตุผลํ. ตฺหิ เหตุวเสน อรณียํ คนฺตพฺพํ ปตฺตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ, ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ‘‘อตฺโถ’’ติ เวทิตพฺพา. ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติ สงฺเขปโต ปจฺจโย. โส หิ ยสฺมา ตนฺติ ทหติ วิทหติ ปวตฺเตติ เจว ปาเปติ จ เปติ จ, ตสฺมา ‘‘ธมฺโม’’ติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ อริยมคฺโค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ ปฺจวิโธติ เวทิตพฺโพ, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา.
อตฺถธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณนฺติ ตสฺมึ อตฺเถ จ ธมฺเม จ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ สภาวนิรุตฺติอภิลาเป ปเภทคตํ าณํ. เอวมยํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปฺตฺติอารมฺมณา. กสฺมา? ยสฺมา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ปชานาติ. ปฏิสมฺภิทาปตฺโต หิ ‘‘ผสฺโส’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ, ‘‘ผสฺสา’’ติ วา ‘‘ผสฺส’’นฺติ วา วุตฺเต ‘‘อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนส ¶ นามาขฺยาโตปสคฺคาพฺยยปทมฺปิ ชานาติเยว สภาวนิรุตฺติยา ยาถาวโต ชานนโต. าเณสุ าณนฺติ สพฺพตฺถกาณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปเภทคตํ าณํ.
อิมา ปน จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา เสกฺขภูมิยํ อเสกฺขภูมิยนฺติ ทฺวีสุ าเนสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติ. อธิคโม ปริยตฺติ สวนํ ปริปุจฺฉา ปุพฺพโยโคติ อิเมหิ ปฺจหิ การเณหิ วิสทา ¶ โหนฺติ. อธิคโม นาม สจฺจปฺปฏิเวโธ. ปริยตฺติ นาม พุทฺธวจนํ. ตฺหิ คณฺหนฺตสฺส ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ. สวนํ นาม ธมฺมสฺสวนํ. สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺตสฺสปิ หิ ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ. ปริปุจฺฉา นาม อฏฺกถา. อุคฺคหิตปาฬิยา อตฺถํ กเถนฺตสฺสปิ หิ ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ. ปุพฺพโยโค นาม ปุพฺพโยคาวจรตา. หรณปจฺจาหรณนเยน ปฏิปากฏกมฺมฏฺานสฺสปิ ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺตีติ. โลกิยโลกุตฺตรา วาติ เอตฺถ ติสฺโส ปฏิสมฺภิทา โลกิยา, อตฺถปฏิสมฺภิทา สิยา โลกิยา, สิยา โลกุตฺตราติ เอวํ วิภชิตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พุทฺธุปฺปาเทเยวาติ อวธารเณน พุทฺธุปฺปาเท เอว ลพฺภนโต, อพุทฺธุปฺปาเท อลพฺภนโต อนฺสาธารโณ ปฏิเวโธ อธิปฺเปโต. เอวฺจ กตฺวา ‘‘มหโต จกฺขุสฺสา’’ติอาทีสุ ปฺามหตฺตาทิกมฺปิ อนฺสาธารณเมว อธิปฺเปตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาทโยปิ ปเรสํ ตพฺภาวาวหา ทฏฺพฺพา. ยา กาจิ ธาตุโย โลกิยา โลกุตฺตรา วา, สพฺพา ตา อิมาเหว สงฺคหิตา, เอตฺเถว อนฺโตคธาติ วุตฺตํ – ‘‘อิมาว อฏฺารส ธาตุโย นานาสภาวโต นานาธาตุโย’’ติ. สฺวายมตฺโถ อเนกธาตุนานาธาตุาณวิภงฺเคน (วิภ. ๗๕๑) ทีเปตพฺโพ. ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘วิชฺชาติ ผเล าณ’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๘๗. ยสฺมา จกฺกติ อปราปรํ ปริวตฺตตีติ จกฺกํ, ตสฺมา อิริยาปถาปิ อปราปรํ ปริวตฺตนฏฺเน จกฺกสทิสตฺตา จกฺกนฺติ วุตฺตา, ตถา ปติรูปเทสวาสาทิสมฺปตฺติโย. ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นามาติ เอตฺถ ตทา มหาสตฺโต อตฺตานํ อภินีหารโยคํ กโรนฺโต ‘‘ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นามา’’ติ วุตฺโต ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกาภินีหารวิพนฺธกรธมฺมานุปฺปชฺชนโต. อภินีหฏํ นามาติ เอตฺถปิ อยเมว ¶ นโย. อรหตฺตมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติเยว นาม ตทตฺถํ าณํ ปริปาเจตีติ กตฺวา. อรหตฺตผลกฺขเณ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาม ตสฺมึ ขเณ ธมฺมจกฺกสฺส อุปฺปาทนาย กาตพฺพกิจฺจสฺส กสฺสจิ อภาวา. ปฏิเวธาณฺหิ อิธ ‘‘ธมฺมจกฺก’’นฺติ อธิปฺเปตํ. อิทานิ เทสนาาณวเสน ธมฺมจกฺกํ ทสฺเสตุํ – ‘‘กทา ปวตฺเตติ นามา’’ติอาทิมาห. น เกวลํ เถรสฺเสว, อถ โข สพฺเพสมฺปิ สาสนิกานํ ธมฺมกถา ภควโต ธมฺมเทสนา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ จตุนฺนฺจ เอกตฺตาทินยานํ อวิราธนโตติ ทสฺเสตุํ – ‘‘โย หิ โกจิ ภิกฺขุ วา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.