📜
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๑. ปมเอตทคฺควคฺโค
เอตทคฺคปทวณฺณนา
๑๘๘. เอตทคฺเคสุ ¶ ปมวคฺคสฺส ปเม อาทิมฺหิ ทิสฺสตีติ เอตฺถ อคฺคสทฺโทติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อชฺชตคฺเคติ อชฺชทิวสํ อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ. องฺคุลคฺเคนาติ องฺคุลิโกฏิยา. อมฺพิลคฺคนฺติ อมฺพิลโกฏฺาโส. โกฏิภูตาติ ปรมโกฏิภูตา ตสฺมึ าเน ตาทิสานํ อฺเสํ อภาวโต. ตโต เอว เสฏฺภูตาติปิ อคฺคา. เอตทคฺคสนฺนิกฺเขโปติ เอตทคฺเค ปนํ อฏฺุปฺปตฺติอาทีหิ จตูหิปิ การเณหิ. มหาปฺตาย เถเรน เอตทคฺคฏฺานสฺส ลทฺธภาวํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ – ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ทฺเว ปทนฺตรานีติ กณฺฑมฺพมูเล ยุคนฺธรปพฺพเตติ ทฺวีสุ าเนสุ ทฺเว ปทานิ ทสฺเสตฺวา. มุณฺฑปีกนฺติ ยํ สตฺตงฺคํ ปฺจงฺคํ วา น โหติ, เกวลํ มุณฺฑกปีํ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อวตฺถริตฺวา นิสีทีติ พุทฺธานุภาเวน อชฺโฌตฺถริตฺวา นิสีทิ. เตนาห – ‘‘เอวํ นิสีทนฺโต’’ติอาทิ. กายสกฺขึ กตฺวาติ นามกาเยน เทสนาย สมฺปฏิจฺฉนวเสน สกฺขิภูตํ กตฺวา. กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมาติ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ, เตน สพฺพํ อภิธมฺมเทสนํ สงฺคณฺหาติ.
ปาฏิหาริยฏฺาเนติ ยมกปาฏิหาริยสฺส กตฏฺาเน. ปสฺสถาติ เตสํ พหุภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อสฺสาติ มนุสฺสสมูหสฺส เอกภาวํ. อากปฺปนฺติ ¶ อาการํ. มหาชโนติ สเทวเก โลเก สพฺโพ มหาชโน. ยถา นิรยทสฺสนํ สํเวคชนนตฺถํ, เอวํ เทวโลกทสฺสนมฺปิ สํเวคชนนตฺถเมว ‘‘อนุปุพฺพิกถายํ สคฺคกถา วิย เอวํ สพฺพสมฺปตฺติสมุเปโตปิ สคฺโค อนิจฺโจ อทฺธุโว จวนธมฺโม’’ติ. สชฺเชตฺวาติ สมปณฺณาสาย มุจฺฉนาหิ ยถา กาเมน นิวาเทตุํ สกฺกา, เอวํ สชฺเชตฺวา.
ปุถุชฺชนปฺจกํ ปฺหนฺติ ปุถุชฺชนปฺหํ อาทึ กตฺวา ปวตฺติตํ ขีณาสวปฺหปริยนฺตํ ปฺหปฺจกํ. ปมํ…เป… ปุจฺฉีติ ปุถุชฺชนวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ. ปฏิสมฺภิทา ยถาภินีหารํ ¶ ยถาสกํ วิปสฺสนาภินีหาเรน ปมภูมิยาทโย วิย ปวตฺติตวิสยาติ วุตฺตํ – ‘‘เต อตฺตโน อตฺตโน ปฏิสมฺภิทาวิสเย ตฺวา กถยึสู’’ติ. พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉีติ –
‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธ;
เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุฏฺโ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๔) –
อิทํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ตตฺถ สงฺขาตธมฺมาติ สงฺขาตา าตา จตุสจฺจธมฺมา, เย จ สงฺขาตธมฺมา จตูหิ มคฺเคหิ ปฏิวิทฺธจตุสจฺจธมฺมาติ อตฺโถ. อิมินา อเสกฺขา กถิตา. ปุถุ-สทฺโท อุภยตฺถปิ โยเชตพฺโพ ‘‘เย ปุถู สงฺขาตธมฺมา, เย จ ปุถู เสขา’’ติ. เตสนฺติ เตสํ ทฺวินฺนํ เสกฺขาเสกฺขปุคฺคลานํ เม ปุฏฺโติ โยเชตพฺพํ, มยา ปุฏฺโติ อตฺโถ. อิริยนฺติ เสกฺขาเสกฺขภูมิยา อาคมนปฺปฏิปทํ. อิริยติ คจฺฉติ เสกฺขภูมึ อเสกฺขภูมิฺจ เอตายาติ อิริยา, ตํ เตสํ อิริยํ อาคมนปฺปฏิปทํ มยา ปุฏฺโ ปพฺรูหิ กเถหีติ อตฺโถ. เอวํ ภควา พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมสฺส นุ โข, สาริปุตฺต, สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส กถํ วิตฺถาเรน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ อาห. เถโร ปฺหํ โอโลเกตฺวา ‘‘สตฺถา มํ เสกฺขาเสกฺขานํ ภิกฺขูนํ อาคมนปฺปฏิปทํ ปุจฺฉตี’’ติ ปฺเห นิกฺกงฺโข หุตฺวา ‘‘อาคมนปฺปฏิปทา นาม ขนฺธาทิวเสน พหูหิปิ มุเขหิ สกฺกา กเถตุํ, กตรากาเรน นุ โข กเถนฺโต สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสเย กงฺขิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ธมฺมเสนาปติ…เป… น สกฺโกตี’’ติ. ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ ปฏิภาเน อสติ ทิสาวิโลกนํ สตฺตานํ สภาโวติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ปุรตฺถิม…เป... นาสกฺขี’’ติ อาห. ตตฺถ ปฺหุปฺปตฺติฏฺานนฺติ ปฺหุปฺปตฺติการณํ.
เถรสฺส ¶ กิลมนภาวํ ชานิตฺวาติ ‘‘สาริปุตฺโต ปฺเห นิกฺกงฺโข, อชฺฌาสเย เม กงฺขมาโน กิลมตี’’ติ เถรสฺส กิลมนภาวํ ตฺวา. จตุมหาภูติกกายปริคฺคหนฺติ เอเตน ขนฺธมุเขน นามรูปปริคฺคโห วุตฺโต. ‘‘ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ หิ วทนฺเตน ภควตา ขนฺธวเสน นามรูปปริคฺคโห ทสฺสิโต. เอวํ กิรสฺส ภควโต อโหสิ ‘‘สาริปุตฺโต มยา นเย อทินฺเน กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, ทินฺเน ปน นเย มมชฺฌาสยํ คเหตฺวา ขนฺธวเสน กเถสฺสตี’’ติ. เถรสฺส สห นยทาเนน โส ปฺโห นยสเตน นยสหสฺเสน อุปฏฺาสิ. เตนาห – ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ.
อรูปาวจเร ปฏิสนฺธิ นาม น โหตีติ โพธิสมฺภารสมฺภรณสฺส อโนกาสภาวโต วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘อภพฺพฏฺานตฺตา’’ติ, ลทฺธพฺยากรณานํ โพธิสตฺตานํ อุปฺปตฺติยา อภพฺพเทสตฺตาติ อตฺโถ ¶ . รูปาวจเร นิพฺพตฺตีติ กมฺมวสิตาสมฺภวโต อรูปาวจเร อนิพฺพตฺติตฺวา รูปาวจเร นิพฺพตฺติ.
ปโรสหสฺสนฺติอาทินา ปโรสหสฺสชาตกํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ปโรสหสฺสมฺปีติ อติเรกสหสฺสมฺปิ. สมาคตานนฺติ สนฺนิปติตานํ ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานิตุํ อสกฺโกนฺตานํ พาลานํ. กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺาติ เต เอวํ สมาคตา อปฺา อิเม พาลตฺตา สสา วิย วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ โรเทยฺยุํ ปริเทเวยฺยุํ. โรทมานาปิ ปน อตฺถํ วา การณํ วา เนว ชาเนยฺยุนฺติ ทีเปติ. เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโติ เอวรูปานํ พาลานํ ปโรสหสฺสโตปิ เอโก ปณฺฑิตปุริโสว เสยฺโย วรตโรติ อตฺโถ. กีทิโส สปฺโติ อาห – ‘‘โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ, อยํ เชฏฺนฺเตวาสิโก วิย โย ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ, โส ตาทิโส สปฺโ วรตโรติ อตฺโถ. ทุติเย ปโรสตชาตเก ฌาเยยฺยุนฺติ ยาถาวโต อตฺถํ ชานิตุํ สมาหิตา หุตฺวา จินฺเตยฺยุํ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ตติยชาตเก เย สฺิโนติ เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนลาภิโน อวเสสจิตฺตกสตฺเต ทสฺเสติ. เตปิ ทุคฺคตาติ ตสฺสา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อลาภโต เตปิ ทุคฺคตา ทุกฺขํ อุปคตา สฺีภเว. ‘‘สฺา โรโค สฺา คณฺโฑ สฺา สลฺล’’นฺติ ¶ (ม. นิ. ๓.๒๔) หิ เต สฺาย อาทีนวทสฺสิโน. เยปิ อสฺิโนติ อสฺีภเว นิพฺพตฺเต อจิตฺตกสตฺเต ทสฺเสติ. เตปิ อิมิสฺสาเยว สมาปตฺติยา อลาภโต ทุคฺคตาเยว. ฌานสุขํ อนงฺคณํ นิทฺโทสํ ยถาวุตฺตโทสาภาวโต. พลวจิตฺเตกคฺคตาสภาเวนปิ ตํ อนงฺคณํ นาม ชาตํ. เนวสฺี นาสฺีติ อาหาติ อตีเต กิร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุฏฺโ ‘‘เนวสฺี นาสฺี’’ติ อาห. ปุริมชาตเก วุตฺตนเยเนว ตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น คณฺหึสุ. โพธิสตฺโต อาภสฺสรโต อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา อิมํ คาถมาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ.
จตุตฺถชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๓๕) จนฺทสฺส วิย อาภา เอตสฺสาติ จนฺทาภํ, โอทาตกสิณํ. สูริยาภนฺติ สูริยสฺส วิย อาภา เอตสฺสาติ สูริยาภํ, ปีตกสิณํ. โยธ ปฺาย คาธตีติ โย ปุคฺคโล อิธ สตฺตโลเก อิทํ กสิณทฺวยํ ปฺาย คาธติ, อารมฺมณํ กตฺวา อนุปฺปวิสติ, ตตฺถ วา ปติฏฺหติ. อวิตกฺเกน ทุติยชฺฌาเนน อาภสฺสรูปโค โหตีติ โส ปุคฺคโล ตถา กตฺวา ปฏิลทฺเธน ทุติเยน ฌาเนน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกูปโค โหติ. เสสํ ปุริมนเยเนว ¶ เวทิตพฺพนฺติ อิมินา อิมํ ทสฺเสติ (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๕ จนฺทาภชาตกวณฺณนา) – อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘จนฺทาภํ สูริยาภ’’นฺติ วตฺวา อาภสฺสเร นิพฺพตฺโต. ตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส น สทฺทหึสุ. โพธิสตฺโต อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ.
ปฺจมชาตเก อาสีเสเถวาติ อาสาจฺเฉทํ อกตฺวา อตฺตโน กมฺเมสุ อาสํ กเรยฺเยว. น นิพฺพินฺเทยฺยาติ น นิพฺเพทํ อุปฺปาเทยฺย, น อุกฺกณฺเยฺยาติ อตฺโถ. โวติ นิปาตมตฺตํ. ยถา อิจฺฉินฺติ อหฺหิ สฏฺิหตฺถา นรกา อุฏฺานํ อิจฺฉึ, โสมฺหิ ตเถว ชาโต, ตโต อุฏฺิโตเยวาติ ทีเปติ.
อตีเต (ชา. อฏฺ. ๔.๑๓.สรภมิคชาตกวณฺณนา) กิร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สรภมิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ ปฏิวสติ. ราชา มิควิตฺตโก อโหสิ ¶ ถามสมฺปนฺโน. เอกทิวสํ คนฺตฺวา อมจฺเจ อาห – ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, เตเนว โส ทาตพฺโพ’’ติ. อเถกทิวสํ สรภมิโค อุฏฺาย รฺโ ิตฏฺาเนน ปลายิ. อถ นํ อมจฺจา อุปฺปณฺเฑสุํ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มํ ปริหาสนฺติ, มม ปมาณํ น ชานนฺตี’’ติ คาฬฺหํ นิวาเสตฺวา ปตฺติโกว ขคฺคํ อาทาย ‘‘สรภํ คณฺหิสฺสามี’’ติ เวเคน ปกฺขนฺทิ. อถ นํ ทิสฺวา ตีณิ โยชนานิ อนุพนฺธิ. สรโภ อรฺํ ปาวิสิ. ราชาปิ ปาวิสิเยว. ตตฺถ สรภมิคสฺส คมนมคฺเค สฏฺิหตฺถมตฺโต มหาปูติปาตนรกอาวาโฏ อตฺถิ, โส ตึสหตฺถมตฺตํ อุทเกน ปุณฺโณ ติเณหิ จ ปฏิจฺฉนฺโน. สรโภ อุทกคนฺธํ ฆายิตฺวาว อาวาฏภาวํ ตฺวา โถกํ โอสกฺกิตฺวา คโต. ราชา ปน อุชุกเมว อาคจฺฉนฺโต ตสฺมึ ปติ.
สรโภ ตสฺส ปทสทฺทํ อสุณนฺโต นิวตฺติตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘นรกอาวาเฏ ปติโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อาคนฺตฺวา โอโลเกนฺโต ตํ คมฺภีเร อุทเก อปฺปติฏฺเ กิลมนฺตํ ทิสฺวา เตน กตาปราธํ หทเย อกตฺวา สฺชาตการฺุโ ‘‘มา มยิ ปสฺสนฺเต วราโก นสฺสตุ, อิมมฺหา ตํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ อาวาฏตีเร ิโต ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อหํ ตํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ วตฺวา อตฺตโน ปิยปุตฺตํ อุทฺธริตุํ อุสฺสาหํ กโรนฺโต วิย ตสฺสุทฺธรณตฺถาย สิลาย โยคฺคํ กตฺวา ‘‘วิชฺฌิสฺสามี’’ติ อาคตํ ราชานํ สฏฺิหตฺถา นรกา อุทฺธริตฺวา อสฺสาเสตฺวา ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา อรฺา นีหริตฺวา เสนาย อวิทูเร โอตาเรตฺวา โอวาทมสฺส ทตฺวา ¶ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. ราชา เสนงฺคปริวุโต นครํ คนฺตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย สกลรฏฺวาสิโน ปฺจ สีลานิ รกฺขนฺตู’’ติ ธมฺมเภรึ จราเปสิ. มหาสตฺเตน ปน อตฺตโน กตคุณํ กสฺสจิ อกเถตฺวา สายํ นานคฺครสโภชนํ ภฺุชิตฺวา อลงฺกตสยเน สยิตฺวา ปจฺจูสกาเล มหาสตฺตสฺส คุณํ สริตฺวา อุฏฺาย สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ปีติปุณฺเณน หทเยน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘อาสีเสเถว ปุริโส’’ติอาทินา อิมา ฉ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อหิตา หิตา จาติ ทุกฺขผสฺสา สุขผสฺสา จ, มรณผสฺสา, ชีวิตผสฺสาติปิ อตฺโถ. สตฺตานฺหิ มรณผสฺโส อหิโต, ชีวิตผสฺโส หิโต. เตสํ อจินฺติโต มรณผสฺโส อาคจฺฉตีติ ทสฺเสติ ¶ . อจินฺติตมฺปีติ มยา ‘‘อาวาเฏ ปติสฺสามี’’ติ น จินฺติตํ, ‘‘สรภํ มาเรสฺสามี’’ติ จินฺติตํ. อิทานิ ปน เม จินฺติตํ นฏฺํ, อจินฺติตเมว ชาตนฺติ อุทานวเสน วทติ. โภคาติ ยสปริวารา, เอเต จินฺตามยา น โหนฺติ. ตสฺมา าณวตา วีริยเมว กาตพฺพนฺติ วทติ. วีริยวโต หิ อจินฺติตมฺปิ โหติเยว.
ตสฺเสตํ อุทานํ อุทาเนนฺตสฺเสว อรุณํ อุฏฺหิ. ปุโรหิโต ปาโตว สุขเสยฺยปุจฺฉนตฺถํ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิโต ตสฺส อุทานคีตสทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ราชา หิยฺโย มิควํ อคมาสิ, ตตฺถ สรภมิคํ วิทฺโธ ภวิสฺสติ, เตน มฺเ อุทานํ อุทาเนตี’’ติ. เอวํ พฺราหฺมณสฺส รฺโ ปริปุณฺณพฺยฺชนํ อุทานํ สุตฺวา สุมชฺชิเต อาทาเส มุขํ โอโลเกนฺตสฺส ฉายา วิย รฺา จ สรเภน จ กตการณํ ปากฏํ อโหสิ, โส นขคฺเคน ทฺวารํ อาโกเฏสิ. ราชา ‘‘โก เอโส’’ติ ปุจฺฉิ. อหํ, เทว, ปุโรหิโตติ. อถสฺส ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘อิโต เอหาจริยา’’ติ อาห. โส ปวิสิตฺวา ราชานํ ชยาเปตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘อหํ, มหาราช, ตยา อรฺเ กตการณํ ชานามิ, ตฺวํ เอกํ สรภมิคํ อนุพนฺธนฺโต นรเก ปติโต, อถ นํ โส สรโภ สิลาย โยคฺคํ กตฺวา นรกโต อุทฺธริ, โส ตฺวํ ตสฺส คุณํ สริตฺวา อุทานํ อุทาเนสี’’ติ วตฺวา ‘‘สรภํ คิริทุคฺคสฺมิ’’นฺติอาทินา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อนุสรีติ อนุพนฺธิ. วิกฺกนฺตนฺติ อุทฺธรณตฺถาย กตปรกฺกมํ. อนุชีวสีติ อุปชีวสิ, ตสฺสานุภาเวน ตยา ชีวิตํ ลทฺธนฺติ อตฺโถ. สมุทฺธรีติ อุทฺธรณํ อกาสิ. สิลาย โยคฺคํ สรโภ กริตฺวาติ สิลาย โสปานสทิสาย นรกโต อุทฺธรณโยคฺคตํ กริตฺวา. อลีนจิตฺตนฺติ สงฺโกจํ อปฺปตฺตจิตฺตํ. ต มิคํ วเทสีติ สุวณฺณสรภมิคํ อิธ สิริสยเน นิปนฺโน วณฺเณสิ. ตํ สุตฺวา ราชา, ‘‘อยํ มยา สทฺธึ น มิควํ อาคโต, สพฺพฺจ ปวตฺตึ ชานาติ, กถํ นุ โข ชานาติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘กึ ตฺวํ นุ ตตฺเถวา’’ติ นวมคาถมาห ¶ . ตตฺถ ภึสรูปนฺติ กึ นุ เต าณํ พลวชาติกํ, เตเนตํ ชานาสีติ วทติ. พฺราหฺมโณ ‘‘นาหํ สพฺพฺุพุทฺโธ, พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา ตยา กถิตคาถาย ปน มยฺหํ อตฺโถ อุปฏฺาตี’’ติ ทีเปนฺโต ‘‘น เจวห’’นฺติ ทสมคาถมาห ¶ . ตตฺถ สุภาสิตานนฺติ พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา สุฏฺุ ภาสิตานํ. อตฺถํ ตทาเนนฺตีติ โย เตสํ อตฺโถ, ตํ อาเนนฺติ อุปธาเรนฺตีติ อตฺโถ. ตทา ปุโรหิโต ธมฺมเสนาปติ อโหสิ. เตเนวาห – ‘‘อตีเตปี’’ติอาทิ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ
อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถราทโยติอาทีสุ ปน ยาถาวสรสคุณวเสนาติ ยถาสภาวคุณวเสน. ปพฺพชฺชาวเสน ปฏิเวธวเสน สุจิรํ สุนิปุณํ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทชานนวเสน จ รตฺตฺุตา เวทิตพฺพาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เปตฺวา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติอาทิมาห. ปากโฏว โหตีติ สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติโก ปากโฏ วิภูโต โหติ. อฺาสิโกณฺฑฺโติ สาวเกสุ สพฺพปมํ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ าตโกณฺฑฺโ. สพฺเพสุปิ เอตทคฺเคสูติ สพฺเพสุปิ เอตทคฺคสุตฺเตสุ, สพฺเพสุ วา เอตทคฺคฏฺปเนสุ.
ธุรปตฺตานีติ ปตฺตานํ ปมุขภูตานิ พาหิรปตฺตานิ. นวุติหตฺถานีติ มชฺฌิมปุริสสฺส หตฺเถน นวุติรตนานิ. ปทุเมเนว ตํ ตํ ปเทสํ อุตฺตรติ อติกฺกมตีติ ปทุมุตฺตโร, ภควา. คนฺธทามมาลาทามาทีหีติ อาทิสทฺเทน ปตฺตทามาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ คนฺธทาเมหิ กตมาลา คนฺธทามํ. ลวงฺคตกฺโกลชาติปุปฺผาทีหิ กตมาลา มาลาทามํ. ตมาลปตฺตาทีหิ กตมาลา ปตฺตทามํ. วงฺคปฏฺเฏติ วงฺคเทเส อุปฺปนฺนฆนสุขุมวตฺเถ. อุตฺตมสุขุมวตฺถนฺติ กาสิกวตฺถมาห.
เตปริวฏฺฏธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตปริโยสาเนติ เอตฺถ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา สจฺจวเสน, ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา กิจฺจวเสน, ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺาต’’นฺติอาทินา กตวเสน จ ตีหิ อากาเรหิ ปริวฏฺเฏตฺวา จตุนฺนํ สจฺจานํ เทสิตตฺตา ตโย ปริวฏฺฏา เอตสฺส อตฺถีติ ติปริวฏฺฏํ, ติปริวฏฺฏเมว เตปริวฏฺฏํ, เตปริวฏฺฏฺจ ตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺจาติ เตปริวฏฺฏธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, ตเทว สุตฺตนฺตํ, ตสฺส ปริโยสาเนติ อตฺโถ.
สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา อาทายาติ สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานํ สาลิขีรรสํ อาทาย. อนุจฺฉวิกนฺติ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิกํ ขีรปายสํ ปจาเปม. เวณิโย ปุริสภาววเสน พนฺธิตฺวา ¶ กลาปกรเณ ¶ กลาปคฺคํ. ขเล กลาปานํ ปนทิวเส ขลคฺคํ. มทฺทิตฺวา วีหีนํ ราสิกรณทิวเส ขลภณฺฑคฺคํ. โกฏฺเสุ หิ ธฺสฺส ปกฺขิปนทิวเส โกฏฺคฺคํ.
ทฺเว คติโยติ ทฺเว เอว นิปฺผตฺติโย, ทฺเว นิฏฺาติ อตฺโถ. ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเตติ โกณฺฑฺมาณวสฺเสว ลทฺธิยํ ตฺวา อิตเรปิ ฉ ชนา ปุตฺเต อนุสาสึสุ. โพธิรุกฺขมูเล ปาจีนปสฺสํ อจลฏฺานํ นาม, ยํ ‘‘วชิราสน’’นฺติปิ วุจฺจติ. มหตํ มหติโย วหตีติ ‘‘ปาจีนมุโข’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข’’ติ วุตฺตํ. มํสจกฺขุปิ โลกนาถสฺส อปฺปฏิฆาตํ มหาวิสยฺจาติ. จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒, ๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตํ.
อิทํ ปน สพฺพเมวาติ ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) สพฺพเมว. ปริวิตกฺกมตฺตเมว ตถา อตฺถสิทฺธิยา อภาวโต. ปุปฺผิตผลิตํ กตฺวาติ อภิฺาปฏิสมฺภิทาหิ สพฺพปาลิผุลฺลํ, มคฺคผเลหิ สพฺพโส ผลภารภริตฺจ กโรนฺโต ปุปฺผิตํ ผลิตํ กตฺวา. อปกฺกมิตุกาโม หุตฺวาติ ทฺเวปิ อคฺคสาวเก อตฺตโน นิปจฺจการํ กโรนฺเต ทิสฺวา เตสํ คุณาติเรกตํ พหุ มฺนฺโต พุทฺธานํ สนฺติกา อปกฺกมิตุกาโม หุตฺวา. ตตฺเถวาติ ฉทฺทนฺตทหตีเรเยว.
สาริปุตฺต-โมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
๑๘๙-๑๙๐. ทุติยตติเยสุ อิทฺธิมนฺตานนฺติ เอตฺถ มนฺต-สทฺโท อติสยตฺถวิสโยติ เถรสฺส อติสยิกอิทฺธิตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อิทฺธิยา สมฺปนฺนาน’’นฺติ วุตฺตํ. สห ปํสูหิ กีฬึสูติ สหปํสุกีฬิตา. อิธโลกตฺตภาวเมวาติ ทิฏฺธมฺมิกอตฺตภาวเมว. โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโตติ มชฺฌิมนิกาเย อนุปทสุตฺตนฺตเทสนาย ‘‘มหาปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, ปุถุปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, หาสปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, ชวนปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, ติกฺขปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, นิพฺเพธิกปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๓) เอวมาคตา ¶ มหาปฺาทิกา ฉ, ตสฺมึเยว สุตฺเต อาคตา นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติปฺา, อรหตฺตมคฺคปฺาติ อิมา โสฬสวิธา ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา สจฺฉิกตฺวา ิโต.
ปฺหสากจฺฉนฺติ ¶ ปฺหสฺส ปุจฺฉนวเสน วิสฺสชฺชนวเสน จ สากจฺฉํ กโรติ. อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺคนฺติ เอตํ อนุพนฺธนสฺส การณวจนํ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ. กสฺมา? ยสฺมา อิทํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนํ นาม อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺคํ, าโต เจว อุปคโต จ มคฺโคติ อตฺโถ. อถ วา อตฺถิเกหิ อมฺเหหิ มรเณ สติ อมเตนปิ ภวิตพฺพนฺติ เอวํ เกวลํ อตฺถีติ อุปฺาตํ, อนุมานาเณน อุปคนฺตฺวา าตํ นิพฺพานํ นาม อตฺถิ, ตํ มคฺคนฺโต ปริเยสนฺโตติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เนสํ ปริสายาติ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปริวารภูตปริสาย. ทฺเว อคฺคสาวเกติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน ทฺเว มหานุภาเว สาวเก. านนฺตเรติ อคฺคสาวกตฺตสฺิเต านนฺตเร เปสิ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘อคฺคสาวเก’’ติ อวตฺวา ‘‘มหาสาวเก’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อฺเปิ มหาเถรา อภิฺาตาทิคุณวิเสสโยเคน ‘‘มหาสาวกา’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ, อิเมเยว ปน สาวเกสุ อนฺสาธารณภูตา วิเสสโต ‘‘มหาสาวกา’’ติ วตฺตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเวปิ มหาสาวเก’’ติ วุตฺตํ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๑๙๑. จตุตฺเถ ยสฺมา ธุตวาทธุตธมฺมธุตงฺคานิ ธุตมูลกานิ, ตสฺมา ‘‘ธุโต เวทิตพฺโพ’’ติ อารทฺธํ, ตตฺถ กิเลเส ธุนิ ธุตวาติ ธุโต, ธุตกิเลโส ปุคฺคโล, กิเลสธุนโน วา ธมฺโม, กิเลสธุนโน ธมฺโมติ จ สปุพฺพภาโค อริยมคฺโค ทฏฺพฺโพ. ตํ ธุตสฺิตํ กิเลสธุนนธมฺมํ วทติ, ปเร ตตฺถ ปติฏฺาเปตีติ ธุตวาโท. จตุกฺกฺเจตฺถ สมฺภวตีติ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตยิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส โส อยนฺติ อตฺโถ. ธุตภูตสฺส ธุตภูตา ธมฺมา ธุตธมฺมา. อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา เหฏฺา วุตฺตา เอว ¶ . กิเลเส สมฺมา ลิขติ ตจฺฉตีติ สลฺเลโข, กิเลสเชคุจฺฉี, ตสฺส ภาโว สลฺเลขตา. ทฺวีหิปิ กาเมหิ วิวิจฺจตีติ ปวิเวโก, โยนิโสมนสิการพหุโล ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว ปวิเวกตา. อิมินา สรีรฏฺปนมตฺเตน อตฺถีติ อิทมฏฺิ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว อิทมฏฺิตา, อิเมหิ วา กุสลธมฺเมหิ อตฺถิ อิทมฏฺิ, เยน าเณน ‘‘ปพฺพชิเตน นาม ปํสุกูลิกงฺคาทีสุ ปติฏฺิเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ ยถานุสิฏฺํ ธุตคุเณ สมาทิยติ เจว ปริหรติ จ, ตํ าณํ อิทมฏฺิตา. เตนาห – ‘‘อิทมฏฺิตา าณเมวา’’ติ. ธุตธมฺมา นามาติ ธุตงฺคเสวนาย ปฏิปกฺขภูตานํ ปาปธมฺมานํ ธุนนวเสน ปวตฺติยา ธุโตติ ลทฺธนามาย ธุตงฺคเจตนาย อุปการกา ธมฺมาติ กตฺวา ธุตธมฺมา นาม ¶ . อนุปตนฺตีติ ตทนฺโตคธา ตปฺปริยาปนฺนา โหนฺติ ตทุภยสฺเสว ปวตฺติวิเสสภาวโต. ปฏิกฺเขปวตฺถูสูติ ธุตงฺคเสวนาย ปฏิกฺขิปิตพฺพวตฺถูสุ ปหาตพฺพวตฺถูสุ.
ปํสุกูลิกงฺคํ…เป… เนสชฺชิกงฺคนฺติ อุทฺเทโสปิ เปยฺยาลนเยน ทสฺสิโต. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒ อาทโย) วิตฺถารโต วุตฺตํ. ธุตวาทคฺคหเณเนว เถรสฺส ธุตภาโวปิ คหิโต โหตีติ ‘‘ธุตวาทาน’’นฺเตว วุตฺตํ. อยํ มหาติ อภินีหาราทิมหนฺตตายปิ สาสนสฺส อุปการิตายปิ อยํ เถโร มหา, คุณมหนฺตตาย ปสํสาวจนเมว วา เอตํ เถรสฺส ยทิทํ มหากสฺสโปติ ยถา ‘‘มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ.
สตฺถุ ธมฺมเทสนาย วตฺถุตฺตเย สฺชาตปฺปสาทตาย อุปาสกภาเว ิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺายา’’ติอาทิ. เอตสฺส อคฺคภาวสฺสาติ โยเชตพฺพํ. สจฺจกาโรติ สจฺจภาวาวโห กาโร, อวิสํวาทนวเสน วา ตทตฺถสาธโนติ อตฺโถ. โกลาหลนฺติ กุตูหลวิปฺผาโร. สตฺถา สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร ธมฺมํ กเถนฺโต สตฺตานํ สวนโยคฺคํ กาลํ สลฺลกฺเขนฺโต ทิวา สายนฺหสมยํ กเถติ, รตฺติยํ สกลยามํ. เตนาห – ‘‘พฺราหฺมโณ พฺราหฺมเณ อาห – ‘โภติ กึ รตฺตึ ธมฺมํ สุณิสฺสสิ ทิวา’’’ติ. วิสฺสาสิโกติ วิสฺสาสิกภาโว. ‘‘ตโต ปฏฺาย โส’’ติ วา ปาโ.
ทฺเว ¶ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิสฺสาติ อิทํ สา ปรมฺปราย โสตปติตํ อตฺถํ คเหตฺวา อาห. อทินฺนวิปากสฺสาติ อวิปกฺกวิปากสฺส. ภทฺทเก กาเลติ ยุตฺเต กาเล. นกฺขตฺตนฺติ นกฺขตฺเตน ลกฺขิตํ ฉณํ. ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ นกฺขตฺเต อนุภวิตพฺพฉณานิ นกฺขตฺตานิ นาม, อิตรานิ ปน ฉณานิ นาม. สมฺมาปติตทุกฺขโต วิโมจเนน ตโต นิยฺยานาวหตาย อิจฺฉิตตฺถสฺส ลภาปนโต จ นิยฺยานิกํ. เตสนฺติ สุวณฺณปทุมานํ. โอลมฺพกาติ สุวณฺณรตนวิจิตฺตา รตนทามา. ปฺุนิยาเมนาติ ปฺุานุภาวสิทฺเธน นิยาเมน. สฺวสฺส พาราณสิรชฺชํ ทาตุํ กโตกาโส. ผุสฺสรถนฺติ มงฺคลรถํ. เสตจฺฉตฺตอุณฺหีสวาลพีชนิขคฺคมณิปาทุกานิ ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑนฺติ วทนฺติ. อิธ ปน เสตจฺฉตฺตํ วิสุํ คหิตนฺติ สีหาสนํ ปฺจมํ กตฺวา วทนฺติ. ปารุปนกณฺณนฺติ ปารุปนวตฺถสฺส ทสนฺตํ. ทิพฺพวตฺถทายิปฺุานุภาวโจทิโต ‘‘นนุ ตาตา ถูล’’นฺติ อาห. อโห ตปสฺสีติ อโห กปโณ อหํ ราชาติ อตฺโถ. พุทฺธานํ สทฺทหิตฺวาติ พุทฺธานํ สาสนํ สทฺทหิตฺวา. จงฺกมนสตานีติ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ. เตน หิ อคฺคิสาลาทีนิ ปพฺพชิตสารุปฺปานิ านานิ สงฺคณฺหาติ.
สาธุกีฬิตนฺติ ¶ อริยานํ ปรินิพฺพุตฏฺาเน กาตพฺพสกฺการํ วทติ. นปฺปมชฺชิ, นิโรคา อยฺยาติ ปุจฺฉิตาการทสฺสนํ. ปรินิพฺพุตา เทวาติ เทวี ปฏิวจนํ อทาสิ. ปฏิยาเทตฺวาติ นิยฺยาเตตฺวา. สมณกปพฺพชฺชนฺติ สมิตปาเปหิ อริเยหิ อนุฏฺาตพฺพปพฺพชฺชํ. โส หิ ราชา ปจฺเจกพุทฺธานํ เวสสฺส ทิฏฺตฺตา ‘‘อิทเมว ภทฺทก’’นฺติ ตาทิสํเยว ลิงฺคํ คณฺหิ. ตตฺเถวาติ พฺรหฺมโลเก เอว. วีสติเม วสฺเส สมฺปตฺเตติ อาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา นิพฺพตฺตตฺตา, พฺรหฺมจริยาธิการสฺส จ จิรกาลสมฺภูตตฺตา ‘‘เอวรูปํ กถํ มา กเถถา’’ติ อาห. วีสติ ธรณานิ นิกฺขนฺติ วทนฺติ, ปฺจปลํ นิกฺขนฺติ อปเร. อิตฺถากโรติ อิตฺถิรตนสฺส อุปฺปตฺติฏฺานํ. อยฺยธีตาติ อมฺหากํ อยฺยสฺส ธีตา, ภทฺทกาปิลานีติ อตฺโถ. สมานปณฺณนฺติ สทิสปณฺณํ สทิสเลขํ กุมารสฺส กุมาริกาย จ ยุตฺตํ ปณฺณเลขํ. เต ปุริสา สมาคตฏฺานโต มคธรฏฺเ มหาติตฺถคามํ มทฺทรฏฺเ สาคลนครฺจ อุทฺทิสฺส อปกฺกมนฺตา อฺมฺํ วิสฺสชฺชนฺตา นาม โหนฺตีติ ‘‘อิโต จ เอตฺโต จ เปเสสุ’’นฺติ วุตฺตา.
ปุปฺผทามนฺติ หตฺถิหตฺถปฺปมาณํ ปุปฺผทามํ. ตานีติ ตานิ อุโภหิ คนฺถาปิตานิ ทฺเว ปุปฺผทามานิ. เตติ อุโภ ภทฺทา เจว ปิปฺปลิกุมาโร จ ¶ . โลกามิเสนาติ กามสฺสาเทน. อสํสฏฺาติ น สํยุตฺตา ฆเฏ ชลนฺเตน วิย ปทีเปน อชฺฌาสเย สมุชฺชลนฺเตน วิโมกฺขพีเชน สมุสฺสาหิตจิตฺตตฺตา. ยนฺตพทฺธานีติ สสฺสสมฺปาทนตฺถํ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวารกวาฏโยชนวเสน พทฺธานิ นิกฺขมนตุมฺพานิ. กมฺมนฺโตติ กสิกมฺมกรณฏฺานํ. ทาสิกคามาติ ทาสานํ วสนคามา. โอสาเรตฺวาติ ปกฺขิปิตฺวา. อากปฺปกุตฺตวเสนาติ อาการวเสน กิริยาวเสน. อนนุจฺฉวิกนฺติ ปพฺพชิตภาวสฺส อนนุรูปํ. ตสฺส มตฺถเกติ ทฺเวธาปถสฺส ทฺวิธาภูตฏฺาเน. เอเตสํ สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตีติ นิสีทตีติ สมฺพนฺโธ. สา ปน ตตฺถ สตฺถุ นิสชฺชา เอทิสีติ ทสฺเสตุํ – ‘‘นิสีทนฺโต ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยา พุทฺธานํ อปริมิตกาลสมฺภูตาจินฺเตยฺยาปริฺเยฺยปฺุสมฺภารูปจยนิพฺพตฺตา รูปปฺปภาวพุทฺธคุณวิชฺโชติตา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนสมุชฺชลิตา พฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตา สภาวสิทฺธิตาย อกิตฺติมา รูปกายสิรี, ตํเยว มหากสฺสปสฺส อทิฏฺปุพฺพปฺปสาทสํวทฺธนตฺถํ อนิคฺคูหิตฺวา นิสินฺโน ภควา ‘‘พุทฺธเวสํ คเหตฺวา…เป… นิสีที’’ติ วุตฺโต. อสีติหตฺถปฺปเทสํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺติยา อสีติหตฺถาติ วุตฺตา. สตสาโขติ พหุสาโข อเนกสาโข. สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ นิรนฺตรํ พุทฺธรสฺมีหิ สมนฺตโต สโมกิณฺณภาวโต.
ตีสุ าเนสูติ ทูรโต นาติทูเร อาสนฺเนติ ตีสุ าเนสุ. ตีหิ โอวาเทหีติ ‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ ¶ มชฺฌิเมสู’ติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อิเมหิ ตีหิ โอวาเทหิ. เอตฺถ หิ ภควา ปมํ โอวาทํ เถรสฺส พฺราหฺมณชาติกตฺตา ชาติมานปฺปหานตฺถมภาสิ, ทุติยํ พาหุสจฺจํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกอหํการปฺปหานตฺถํ, ตติยํ อุปธิสมฺปตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกอตฺตสิเนหปฺปหานตฺถํ ¶ . มุทุกา โข ตฺยายนฺติ มุทุกา โข เต อยํ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? เถเรน สห จีวรํ ปริวตฺเตตุกามตาย. กสฺมา ปริวตฺเตตุกาโม ชาโตติ? เถรํ อตฺตโน าเน เปตุกามตาย. กึ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา นตฺถีติ? อตฺถิ, เอวํ ปนสฺส อโหสิ ‘‘อิเมน จิรํ สฺสนฺติ, กสฺสโป ปน วีสติวสฺสสตายุโก, โส มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺตปณฺณิคุหายํ วสิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคหํ กตฺวา มม สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลปฺปวตฺตนกํ กริสฺสตีติ อตฺตโน าเน เปสิ. เอวํ ภิกฺขู กสฺสปสฺส สุสฺสูสิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา เอวมาห.
จนฺทูปโมติ จนฺทสทิโส หุตฺวา. กึ ปริมณฺฑลตาย? โน, อปิจ โข ยถา จนฺโท คคนตลํ ปกฺขนฺทมาโน น เกนจิ สทฺธึ สนฺถวํ วา สิเนหํ วา อาลยํ วา กโรติ, น จ น โหติ มหาชนสฺส ปิโย มนาโป, อยมฺปิ เอวํ เกนจิ สทฺธึ สนฺถวาทีนํ อกรเณน พหุชนสฺส ปิโย มนาโป จนฺทูปโม หุตฺวา ขตฺติยกุลาทีนิ จตฺตาริ กุลานิ อุปสงฺกมตีติ อตฺโถ. อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตนฺติ เตเนว สนฺถวาทีนํ อกรเณน กายฺจ จิตฺตฺจ อปกฑฺฒิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ. นิจฺจํ นโวติ นิจฺจนวโกว, อาคนฺตุกสทิโส หุตฺวาติ อตฺโถ. อาคนฺตุโก หิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตเคหํ ปวิสิตฺวา สเจ นํ ฆรสามิกา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ปุตฺตภาตโร วิปฺปวาสํ คนฺตฺวา เอวํ วิจรึสู’’ติ อนุกมฺปมานา นิสีทาเปตฺวา โภเชนฺติ, ภุตฺตมตฺโตเยว ‘‘ตุมฺหากํ ภาชนํ คณฺหถา’’ติ อุฏฺาย ปกฺกมติ, น เตหิ สทฺธึ สนฺถวํ วา กโรติ, กิจฺจกรณียานิ วา สํวิทหติ, เอวมยมฺปิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตํ ฆรํ ปวิสิตฺวา ยํ อิริยาปเถ ปสนฺนา มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คเหตฺวา ฉินฺนสนฺถโว เตสํ กิจฺจกรณีเย อพฺยาวโฏ หุตฺวา นิกฺขมตีติ ทีเปติ.
อปฺปคพฺโภติ นปฺปคพฺโภ, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิโตติ อตฺโถ. อฏฺฏฺานํ กายปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลโภชนสาลชนฺตาฆรนหานติตฺถภิกฺขาจารมคฺเคสุ ¶ อนฺตรฆรปเวสเน จ กาเยน อปฺปติรูปกรณํ. จตุฏฺานํ วจีปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลอนฺตรฆเรสุ อปฺปติรูปวาจานิจฺฉารณํ. อเนกฏฺานํ มโนปาคพฺภิยํ นาม เตสุ เตสุ ¶ าเนสุ กายวาจาหิ อชฺฌาจารํ อนาปชฺชิตฺวาปิ มนสา กามวิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนํ. สพฺเพสมฺปิ อิเมสํ ปาคพฺภิยานํ อภาเวน อปฺปคพฺโภ หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมตีติ อตฺโถ. กสฺสปสํยุตฺเตน จ จนฺทูปมปฺปฏิปทาทิเถรสฺส ธุตวาเทสุ อคฺคภาวสฺส โพธิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เอตเทว กสฺสปสํยุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา’’ติ.
อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ
๑๙๒. ปฺจเม โภชนปปฺจมตฺตนฺติ โคจรคาเม ปิณฺฑาย จรณาหารปริโภคสฺิตํ โภชนปปฺจมตฺตํ. ทีปรุกฺขานนฺติ โลหทนฺตกฏฺมยานํ มหนฺตานํ ทีปรุกฺขานํ. โลหมเยสุปิ หิ เตสุ ทีปาธาเรสุ ทีปรุกฺขกาติ รุฬฺหิเรสา ทฏฺพฺพา. โอลมฺพกทีปมณฺฑลทีปสฺจรณทีปาทิกา เสสทีปา.
อนุปริยายิ ปทกฺขิณกรณวเสน. อหํ เตนาติ เยน ตุยฺหํ อตฺโถ, อหํ เตน ปวาเรมิ, ตสฺมา ตํ อาหราเปตฺวา คณฺหาติ อตฺโถ. สุวณฺณปาติยํเยวสฺส ภตฺตํ อุปฺปชฺชีติ เทวตานุภาเวน อุปฺปชฺชิ, น กิฺจิ ปจนกิจฺจํ อตฺถิ. สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสีติ ‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสา’’ติอาทิเก สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสิ. อฏฺเมติ ‘‘นิปฺปปฺจารามสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม ปปฺจารามสฺสา’’ติ เอตสฺมึ ปุริสวิตกฺเก.
มม สงฺกปฺปมฺายาติ ‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) มหาปุริสวิตกฺกวเสน อารทฺธมตฺตํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสมตฺถภาเวน ิตํ มม สงฺกปฺปํ ชานิตฺวา. มโนมเยนาติ มโนมเยน วิย มนสา นิมฺมิตสทิเสน, ปริณามิเตนาติ อตฺโถ. อิทฺธิยาติ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ เอวํ ปวตฺตาย อธิฏฺานิทฺธิยา.
ยทา เม อหุ สงฺกปฺโปติ ยสฺมึ กาเล มยฺหํ ‘‘กีทิโส นุ โข อฏฺโม มหาปุริสวิตกฺโก’’ติ ปริวิตกฺโก อโหสิ, ยทา เม อหุ สงฺกปฺโป, ตโต มม สงฺกปฺปมฺาย ¶ อิทฺธิยา อุปสงฺกมิ, อุตฺตริ เทสยีติ โยชนา. อุตฺตริ เทสยีติ ‘‘นิปฺปปฺจารามสฺสายํ ธมฺโม นิปฺปปฺจรติโน ¶ , นายํ ธมฺโม ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโน’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) อิมํ อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรนฺโต อุปริ เทสยิ. ตํ ปน เทสิตํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘นิปฺปปฺจรโต พุทฺโธ, นิปฺปปฺจมเทสยี’’ติ, ปปฺจา นาม ราคาทโย กิเลสา, เตสํ วูปสมนตาย ตทภาวโต จ โลกุตฺตรธมฺมา นิปฺปปฺจา นาม. ยถา ตํ ปาปุณาติ, ตถา ธมฺมํ เทเสสิ, สามุกฺกํสิกํ จตุสจฺจเทสนํ อเทสยีติ อตฺโถ.
ตสฺสาหํ ธมฺมมฺายาติ ตสฺส สตฺถุ เทสนาธมฺมํ ชานิตฺวา. วิหาสินฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺโต วิหรึ. สาสเน รโตติ สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสเน อภิรโต. ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตาติ ปุพฺเพนิวาสาณํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ, อาสวกฺขยาณนฺติ อิมา ติสฺโส วิชฺชา มยา อนุปฺปตฺตา สจฺฉิกตา. ตโต เอว กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ, อนุสิฏฺิ โอวาโท อนุฏฺิโตติ อตฺโถ.
ภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๓. ฉฏฺเ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺโถ อุจฺจา-สทฺโทติ อาห – ‘‘อุจฺจากุลิกานนฺติ อุจฺเจ กุเล ชาตาน’’นฺติ. กาฬี สา เทวีติ กาฬวณฺณตาย กาฬี สา เทวี. กุลานุกฺกเมน รชฺชานุปฺปตฺติ มหากุลินสฺเสวาติ วุตฺตํ – ‘‘โสเยว จา’’ติอาทิ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๔. สตฺตเม ริตฺตโกติ เทยฺยวตฺถุรหิโต. คุเณ อาวชฺเชตฺวาติ ภควโต รูปคุเณ เจว อากปฺปสมฺปทาทิคุเณ จ อตฺตโน อธิปฺปายํ ตฺวา อมฺพปกฺกสฺส ปฏิคฺคหณํ ปริภฺุชนนฺติ เอวมาทิเก ยถาอุปฏฺิเต คุเณ อาวชฺเชตฺวา.
ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรวตฺถุ
๑๙๕. อฏฺเม อภีตนาทภาเวน สีหสฺส วิย นาโท สีหนาโท, โส เอเตสํ อตฺถีติ สีหนาทิกา, เตสํ สีหนาทิกานํ. ครหิตพฺพปสํสิตพฺพธมฺเม ยาถาวโต ชานนฺตสฺเสว ครหา ปสํสา ¶ ¶ จ ยุตฺตรูปาติ อาห – ‘‘พุทฺธา จ นามา’’ติอาทิ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ภูมึ ทสฺเสติ. เตน หิ าเณน อริยสาวโก ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทึ ปชานาติ. กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ ปชานาตีติ? น ตาวสฺส อตีตา ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต ปชานาติ.
วุสิตนฺติ วุฏฺํ ปริวุฏฺํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา มคฺคพฺรหฺมจริยํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุฏฺวาโส. ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ ปชานาติ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน โสฬสวิธํ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปชานาติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสวิธกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนาย กิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย, เต จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ ปชานาติ.
มนฺตาณิปุตฺตปุณฺณตฺเถรวตฺถุ
๑๙๖. นวเม อฏฺารสสุปิ วิชฺชาฏฺาเนสุ นิปฺผตฺตึ คตตฺตา ‘‘สพฺพสิปฺเปสุ โกวิโท หุตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อภิทยาอพฺภฺาวหสฺเสว ธมฺมสฺส ตตฺถ อุปลพฺภนโต ‘‘โมกฺขธมฺมํ อทิสฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘อิทํ เวทตฺตยํ นามา’’ติอาทิ ¶ . ตถา หิ อเนน ทุคฺคติปริมุจฺจนมฺปิ ทุลฺลภํ, อภิฺาปริวารานํ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ลาภิตาย สยํ เอกเทเสน อุปสนฺโต ปรมุกฺกํสคตํ อุตฺตมทมถสมถํ อนฺสาธารณํ ภควนฺตํ สมฺภาเวนฺโต ‘‘อยํ ปุริโส’’ติอาทิมาห. ปิฏกานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตีติ ผลภาชนานิ คเหตฺวา อสฺสามิกาย ¶ อาคจฺฉนฺติ. พุทฺธานนฺติ คารววเสน พหุวจนนิทฺเทโส กโต. ปริภฺุชีติ เทวตาหิ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิ. ปตฺเต ปติฏฺาปิตสมนนฺตรเมว หิ เทวตา ตตฺถ ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. สมฺมสิตฺวาติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ปริวตฺเตตฺวาติ จ วทนฺติ. อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ มหาเทวตฺเถรสฺส อนุโมทนกถาย อนุปุพฺพิกถาสกฺขิกาย สุวิโสธิตจิตฺตสนฺตานา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
ทสหิ กถาวตฺถูหีติ อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลสมฺปทากถา สมาธิสมฺปทากถา ปฺาสมฺปทากถา วิมุตฺติสมฺปทากถา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทากถาติ อิเมหิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ. ชาติภูมิรฏฺวาสิโนติ ชาติภูมิวนฺตเทสวาสิโน, สตฺถุ ชาตเทสวาสิโนติ อตฺโถ. สีสานุโลกิโกติ ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส สีสํ อนุ อนุ ปสฺสนฺโต. โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สากจฺฉาย อวสรํ สลฺลกฺเขตฺวา. สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉีติ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉิ. ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ สวิเสเสน ทสกถาวตฺถุลาภิตาย.
มหากจฺจานตฺเถรวตฺถุ
๑๙๗. ทสเม สํขิตฺเตน กถิตธมฺมสฺสาติ มธุปิณฺฑิกสุตฺตนฺตเทสนาสุ วิย สงฺเขเปน เทสิตธมฺมสฺส. ตํ เทสนํ วิตฺถาเรตฺวาติ ตํ สงฺเขปเทสนํ อายตนาทิวเสน วิตฺถาเรตฺวา. อตฺถํ วิภชมานานนฺติ ตสฺสา สงฺเขปเทสนาย อตฺถํ วิภชิตฺวา กเถนฺตานํ. อตฺถวเสน วาติ ‘‘เอตฺตกา เอตสฺส อตฺถา’’ติ อตฺถวเสน วา เทสนํ ปูเรตุํ สกฺโกนฺติ. พฺยฺชนวเสน วาติ ‘‘เอตฺตกานิ เอตฺถ พฺยฺชนานิ เทสนาวเสน วตฺตพฺพานี’’ติ พฺยฺชนวเสน วา ปูเรตุํ สกฺโกนฺติ. อยํ ปน มหากจฺจานตฺเถโร อุภยวเสนปิ สกฺโกติ ตสฺส สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ¶ เทสนโต, ตสฺมา ตตฺถ อคฺโคติ วุตฺโต. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปาโตว สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺายา’’ติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว. อฺเหีติ อฺาสํ อิตฺถีนํ เกเสหิ อติวิย ทีฆา. น เกวลฺจ ทีฆา เอว, อถ โข สินิทฺธนีลมุทุกฺจิกา จ. นิกฺเกสีติ อปฺปเกสี ยถา ‘‘อนุทรา กฺา’’ติ.
ปณิยนฺติ วิกฺเกตพฺพภณฺฑํ. อาวชฺเชตฺวาติ อุปนิสฺสยํ เกสานํ ปกติภาวาปตฺติฺจ อาวชฺเชตฺวา. คารเวนาติ มุณฺฑสีสาปิ เถเร คารเวน เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา. นิมนฺเตตฺวาติ สฺวาตนาย ¶ นิมนฺเตตฺวา. อิมิสฺสา อิตฺถิยาติ ยถาวุตฺตเสฏฺิธีตรมาห. ทิฏฺธมฺมิโกวาติ อวธารณํ อฏฺานปยุตฺตํ, ทิฏฺธมฺมิโก ยสปฏิลาโภว อโหสีติ อตฺโถ. ยสปฏิลาโภติ จ ภวสมฺปตฺติปฏิลาโภ. สตฺตสุ หิ ชวนเจตนาสุ ปมา ทิฏฺธมฺมเวทนียผลา, ปจฺฉิมา อุปปชฺชเวทนียผลา, มชฺเฌ ปฺจ อปราปริยเวทนียผลา, ตสฺมา ปมํ เอกํ เจตนํ เปตฺวา เสสา ยถาสกํ ปริปุณฺณผลทายิโน โหนฺติ, ปมเจตนาย ปน ทิฏฺธมฺมิโก ยสปฏิลาโภว อโหสิ.
ปมเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๒. ทุติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา
จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
๑๙๘-๒๐๐. ทุติยสฺส ¶ ปเม มเนน นิพฺพตฺติตนฺติ อภิฺามเนน อุปฺปาทิตํ. มเนน กตกาโยติ อภิฺาจิตฺเตน เทสนฺตรํ ปตฺตกาโย. มเนน นิพฺพตฺติตกาโยติ อภิฺามนสา นิมฺมิตกาโย ‘‘อฺํ กายํ อภินิมฺมินาตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๖-๒๓๗; ปฏิ. ม. ๓.๑๔) วิย. เอกสทิเสเยวาติ อตฺตสทิเสเยว. เอกวิธเมวาติ อตฺตนา กตปฺปการเมว. เอตปฺปรโม หิ เยภุยฺเยน สาวกานํ อิทฺธินิมฺมานวิธิ. อคฺโค นาม ชาโต เอกเทเสน สตฺถุ อิทฺธินิมฺมานานุวิธานโต.
ลาภิตายาติ ¶ เอตฺถ ลาภีติ อีกาโร อติสยตฺโถ. เตน เถรสฺส จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ อติสเยน สวิเสสลาภิตํ ทสฺเสติ. อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. น เกวลฺเจตา เจโตสฺาวิวฏฺฏกุสลตา รูปารูปชฺฌานลาภิตาย เอว, อถ โข อิเมหิปิ การเณหีติ ทสฺเสตุํ – ‘‘จูฬปนฺถโก จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เจโตติ เจตฺถ จิตฺตสีเสน สมาธิ วุตฺโต, ตสฺมา เจตโส สมาธิสฺส วิวฏฺฏนํ เจโตวิวฏฺโฏ, เอกสฺมึเยวารมฺมเณ สมาธิจิตฺตํ วิวฏฺเฏตฺวา เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส อุปรูปริ หาปนโต รูปาวจรชฺฌานลาภี เจโตวิวฏฺฏกุสโล นาม. ‘‘สพฺพโส รูปสฺาน’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๒๖๕) วุตฺตสฺา อติกฺกมิตฺวา ‘‘อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสฺาสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๒๖๕-๒๖๘) สฺาสีเสน วุตฺตชฺฌานานํ วิวฏฺฏกุสโล, ตถา อิตฺถิปุริสาทิสฺา นิจฺจสฺาทิโต จิตฺตํ วิวฏฺเฏตฺวา เกวเล รูปารูปธมฺมมตฺเต อสงฺขเต นิพฺพาเน จ วิเสสโต วฏฺฏนโต จ สฺุตานุปสฺสนาพหุโล สฺาวิวฏฺฏกุสโล. สมาธิกุสลตาย เจโตวิวฏฺฏกุสลตา ตพฺพหุลวิหาริตาย. ตถา วิปสฺสนากุสลตาย สฺาวิวฏฺฏกุสลตา. เอโกติ จูฬปนฺถกตฺเถรํ วทติ. สมาธิลกฺขเณติ สวิตกฺกสวิจาราทิสมาธิสภาเว. ปุน เอโกติ มหาปนฺถกตฺเถรมาห. วิปสฺสนาลกฺขเณติ สตฺตอนุปสฺสนา อฏฺารสมหาวิปสฺสนาทิวิปสฺสนาสภาเว. สมาธิคาฬฺโหติ สมาธิสฺมึ โอคาฬฺหจิตฺโต สุภาวิตภาวนตา. องฺคสํขิตฺเตติ ¶ จตุรงฺคิกติวงฺคิกาทิวเสน ฌานงฺคานํ สงฺขิปเน. อารมฺมณสํขิตฺเตติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสาทินิพฺพตฺตเนน กสิณาทิอารมฺมณานํ สํขิปเน. องฺคววตฺถาปเนติ วิตกฺกาทีนํ ฌานงฺคานํ ววตฺถาปเน. อารมฺมณววตฺถาปเนติ ปถวีกสิณาทิชฺฌานารมฺมณานํ ววตฺถาปเน.
ฌานงฺเคหีติ รูปาวจรชฺฌานงฺเคหิ, ฌานงฺคาเนว ฌานํ. ปุน ฌานงฺเคหีติ อรูปาวจรชฺฌานงฺเคหิ. ภาตาติ เชฏฺภาตา. อสฺสาติ กุฏุมฺพิยสฺส. สุวณฺณปูชนฺติ โสวณฺณมยํ ปุปฺผปูชํ กตฺวา. เทวปุเรติ ตาวตึสภวเน สุทสฺสนมหานคเร. อคฺคทฺวาเรนาติ ตสฺมึ ทิวเส อคฺคํ สพฺพปมํ วิวเฏน นครทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา.
โกกนทนฺติ ¶ ปทุมวิเสสนํ ยถา ‘‘โกกาสก’’นฺติ. ตํ กิร พหุปตฺตํ วณฺณสมฺปนฺนํ อติสุคนฺธฺจ โหติ. ‘‘โกกนทํ นาม เสตปทุม’’นฺติปิ วทนฺติ. ปาโตติ ปเคว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา โกกนทสงฺขาตํ ปทุมํ ปาโต สูริยุคฺคมนเวลายํ ผุลฺลํ วิกสิตํ อวีตคนฺธํ สิยา วิโรจมานํ, เอวํ สรีรคนฺเธน คุณคนฺเธน จ สุคนฺธํ สรทกาเล อนฺตลิกฺเข อาทิจฺจมิว อตฺตโน เตชสา ตปนฺตํ องฺเคหิ นิจฺฉรณกชุติยา องฺคีรสํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสาติ.
จูฬปนฺถโก กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปพฺพชิตฺวา ปฺวา หุตฺวา อฺตรสฺส ทนฺธภิกฺขุโน อุทฺเทสคหณกาเล ปริหาสเกฬึ อกาสิ. โส ภิกฺขุ เตน ปริหาเสน ลชฺชิโต เนว อุทฺเทสํ คณฺหิ, น สชฺฌายมกาสิ. เตน กมฺเมนายํ ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ ชาโต, ตสฺมา คหิตคหิตปทํ อุปริอุปริปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา สุทฺธํ โจฬขณฺฑํ อทาสีติ ตสฺส ปุพฺพเหตุํ ทิสฺวา ตทนุรูเป กมฺมฏฺาเน นิโยเชนฺโต สุทฺธํ โจฬขณฺฑํ อทาสิ. โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏํ ปฺุฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ. โส ‘‘อิมํ สรีรํ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺธสาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. เตน การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต.
โลมานีติ โจฬขณฺฑตนฺตคตอํสุเก วทติ. ‘‘กิลิฏฺธาตุกานี’’ติ กิลิฏฺสภาวานิ. เอวํคติกเมวาติ อิทํ จิตฺตมฺปิ ภวงฺควเสน ปกติยา ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ ราคาทิสมฺปยุตฺตธมฺมวเสน สํกิลิฏฺํ ชาตนฺติ ทสฺเสติ. นกฺขตฺตํ สมาเนตฺวาติ นกฺขตฺตํ สมนฺนาหริตฺวา, อาวชฺเชตฺวาติ อตฺโถ ¶ . พิฬารสฺสตฺถายาติ พิฬารสฺส โคจรตฺถาย. ชลปถกมฺมิเกนาติ สมุทฺทกมฺมิเกน. จารินฺติ ขาทิตพฺพติณํ. สจฺจการนฺติ สจฺจภาวาวหํ การํ, ‘‘อตฺตนา คหิเต ภณฺเฑ อฺเสํ น ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ทาตพฺพลฺชนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตติเยน ปฏิหาเรนาติ ตติเยน สาสเนน. ปตฺติกา หุตฺวาติ สามิโน หุตฺวา.
อปฺปเกนปีติ โถเกนปิ ปริตฺเตนปิ. เมธาวีติ ปฺวา. ปาภเตนาติ ภณฺฑมูเลน. วิจกฺขโณติ โวหารกุสโล. สมุฏฺาเปติ อตฺตานนฺติ มหนฺตํ ธนํ ยสฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ สณฺเปติ ปติฏฺาเปติ ¶ . ยถา กึ? อณุํ อคฺคึว สนฺธมํ, ยถา ปณฺฑิโต ปุริโส ปริตฺตกํ อคฺคึ อนุกฺกเมน โคมยจุณฺณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา มุขวาเตน ธเมนฺโต สมุฏฺาเปติ วฑฺเฒติ, มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กโรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต โถกมฺปิ ปาภตํ ลภิตฺวา นานาอุปาเยหิ ปโยเชตฺวา ธนฺจ ยสฺจ วฑฺเฒติ, วฑฺเฒตฺวา ปุน ตตฺถ อตฺตานํ ปติฏฺาเปติ. ตาย เอว วา ปน ธนสฺส มหนฺตตาย อตฺตานํ สมุฏฺาเปติ, อภิฺาตํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ.
สุภูติตฺเถรวตฺถุ
๒๐๑-๒๐๒. ตติเย รณาติ หิ ราคาทโย กิเลสา วุจฺจนฺตีติ ‘‘สรณา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๐ ทุกมาติกา) ราคาทโย กิเลสา ‘‘รณา’’ติ วุจฺจนฺติ. รณนฺติ เอเตหีติ รณา. เยหิ อภิภูตา สตฺตา นานปฺปกาเรน กนฺทนฺติ ปริเทวนฺติ, ตสฺมา เต ราคาทโย ‘‘รณา’’ติ วุตฺตา. เทสิตนิยามโต อโนกฺกมิตฺวาติ เทสิตาโนกฺกมนโต อนุปคนฺตฺวา เทเสติ, สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว อโนทิสฺสกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวนฺติ เอวํ เมตฺตาฌานโต วุฏฺาย ภิกฺขาคหเณ สติ. ภิกฺขาทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตีติ อิทํ จูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺเตน (อ. นิ. ๑.๕๑ อาทโย) ทีเปตพฺพํ. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ หิ กาลํ เมตฺตจิตฺตํ อาเสวนฺตสฺส ภิกฺขุโน ทินฺนทานํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, เตน จ โส อโมฆํ รฏฺปิณฺฑํ ภฺุชตีติ อยมตฺโถ ตตฺถ อาคโตเยว. นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวาติ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา.
ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๓. ปฺจเม วนสภาคนฺติ สภาคํ วนํ, สภาคนฺติ จ สปฺปายนฺติ อตฺโถ. ยฺหิ ปกติวิรุทฺธํ ¶ พฺยาธิวิรุทฺธฺจ น โหติ, ตํ ‘‘สภาค’’นฺติ วุจฺจติ. อุทกสภาคนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กลฺยาณกมฺมายูหนกฺขโณติ กลฺยาณกมฺมูปจยสฺส โอกาโส. ติณฺณํ ภาติกานนฺติ อุปติสฺโส, จุนฺโท, อุปเสโนติ อิเมสํ ติณฺณํ เชฏฺภาติกานํ. ติสฺสนฺนฺจ ภคินีนนฺติ จาลา, อุปจาลา, สีสุปจาลาติ อิเมสํ ติสฺสนฺนํ เชฏฺภคินีนํ. เอตฺถ จ สาริปุตฺตตฺเถโร สยํ ปพฺพชิตฺวา ¶ จาลา, อุปจาลา, สีสุปจาลาติ ติสฺโส ภคินิโย, จุนฺโท อุปเสโนติ อิเม ภาตโร ปพฺพาเชสิ, เรวตกุมาโร เอโกว เคเห อวสิสฺสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อมฺหากํ…เป… ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. มหลฺลกตราติ วุทฺธตรา. อิทฺจ กุมาริกาย จิรชีวิตํ อภิกงฺขมานา อาหํสุ. สา กิร ตสฺส อยฺยิกา วีสติวสฺสสติกา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา วลิตฺตจา ติลกาหตคตฺตา โคปานสิวงฺกา อโหสิ. วิธาวนิกนฺติ วิธาวนกีฬิกํ. ติสฺสนฺนํ สมฺปตฺตีนนฺติ อนุสฺสววเสน มนุสฺสเทวโมกฺขสมฺปตฺติโย สนฺธาย วทติ, มนุสฺสเทวพฺรหฺมสมฺปตฺติโย วา. สีวลิสฺส ปฺุํ วีมํสิสฺสามาติ ‘‘สีวลินา กตปฺุสฺส วิปากทานฏฺานมิท’’นฺติ ตฺวา เอวมาห. สภาคฏฺานนฺติ สมํ เทสํ.
ตํ ภูมิรามเณยฺยกนฺติ กิฺจาปิ อรหนฺโต คามนฺเต กายวิเวกํ น ลภนฺติ, จิตฺตวิเวกํ ปน ลภนฺเตว. เตสฺหิ ทิพฺพปฺปฏิภาคานิปิ อารมฺมณานิ จิตฺตํ จาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา คาโม วา โหตุ อรฺาทีนํ วา อฺตรํ, ‘ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยกํ’, โส ภูมิปฺปเทโส รมณีโย เอวาติ อตฺโถ.
กงฺขาเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๔. ฉฏฺเ อกปฺปิโย, อาวุโส, คุโฬติ เอกทิวสํ เถโร อนฺตรามคฺเค คุฬกรณํ โอกฺกมิตฺวา คุเฬ ปิฏฺมฺปิ ฉาริกมฺปิ ปกฺขิตฺเต ทิสฺวาน ‘‘อกปฺปิโย คุโฬ, สามิโส น กปฺปติ คุโฬ วิกาเล ปริภฺุชิตุ’’นฺติ กุกฺกุจฺจายนฺโต เอวมาห. อกปฺปิยา มุคฺคาติ เอกทิวสํ อนฺตรามคฺเค วจฺเจ มุคฺคํ ชาตํ ทิสฺวา ‘‘อกปฺปิยา มุคฺคา, ปกฺกาปิ มุคฺคา ชายนฺตี’’ติ กุกฺกุจฺจายนฺโต เอวมาห. เสสเมตฺถ สพฺพํ อุตฺตานเมว.
โสณโกฬิวิสตฺเถรวตฺถุ
๒๐๕. สตฺตเม หาเปตพฺพเมว อโหสิ อจฺจารทฺธวีริยตฺตา. อุทเกน สมุปพฺยูฬฺเหติ อุทเกน ถลํ อุสฺสาเรตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ราสิกเต. หริตูปลิตฺตายาติ โคมยปริภณฺฑกตาย. ติวิเธน อุทเกน ¶ โปเสนฺตีติ ขีโรทกํ คนฺโธทกํ เกวโลทกนฺติ เอวํ ติวิเธน อุทเกน โปเสนฺติ ปริปาเลนฺติ. ปริสฺสาเวตฺวาติ ปริโสเธตฺวา คหิเต ตณฺฑุเลติ โยเชตพฺพํ. เทโว มฺเติ เทโว วิย ¶ . วีโณวาเทนาติ ‘‘ตํ กึ มฺสิ, โสณ, ยทา เต วีณาย ตนฺติโย อจฺจายตา โหนฺติ, อปิ นุ เต วีณา ตสฺมึ สมเย สรวตี วา โหติ กมฺมฺา วาติ? โน เหตํ, ภนฺเตติ. เอวเมว โข, โสณ, อจฺจารทฺธวีริยํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, อติสิถิลวีริยํ โกสชฺชาย สํวตฺตติ. ตสฺมาติห ตฺวํ, โสณ, วีริยสมตํ อธิฏฺห, อินฺทฺริยานฺจ สมตํ ปฏิวิชฺฌา’’ติ (มหาว. ๒๔๓) เอวํ วีณํ อุปมํ กตฺวา ปวตฺติเตน วีโณปโมวาเทน. วีริยสมถโยชนตฺถายาติ วีริยสฺส สมเถน โยชนตฺถาย.
โสณกุฏิกณฺณตฺเถรวตฺถุ
๒๐๖. อฏฺเม กุฏิกณฺโณติ วุจฺจตีติ ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘กุฏิกณฺโณ’’ติ โวหรียติ. กุลฆเร ภวา กุลฆริกา. สา กิร อวนฺติรฏฺเ กุลฆเร มหาวิภวสฺส เสฏฺิสฺส ภริยา. ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย จินฺเตสีติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ มเตน วุตฺตํ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ ปน ‘‘สปริโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ธมฺมเทสนํ อสฺโสสิ, น จ กฺจิ วิเสสํ อธิคฺฉิ. กสฺมา? โส หิ ธมฺมํ สุณนฺโต เหมวตํ อนุสฺสริตฺวา ‘อาคโต นุ โข เม สหายโก, โน’ติ ทิสาทิสํ โอโลเกตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘วฺจิโต เม สหาโย, โย เอวํ วิจิตฺตปฺปฏิภานํ ภควโต เทสนํ น สุณาตี’ติ วิกฺขิตฺตจิตฺโต อโหสี’’ติ วุตฺตํ.
ยสฺมา ปฏิสนฺธิชาติอภินิกฺขมนโพธิปรินิพฺพาเนสฺเวว ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ หุตฺวาว ปฏิวิคจฺฉนฺติ, น จิรฏฺิติกานิ โหนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปน ตานิ สวิเสสานิ หุตฺวา จิรตรํ ตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ อกาลปุปฺผิตํ ทิสฺวา’’ติอาทิ. อคฺคพลกายาติ สพฺพปุรโต คจฺฉนฺตา พลกายา. เกน ปุปฺผิตภาวํ ชานาสีติ เกน การเณน หิมวนฺตสฺส ปุปฺผิตภาวํ ชานาสีติ, เยน การเณน อิมํ อกาลปุปฺผปาฏิหาริยํ ชาตํ, ตํ ชานาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส ปวตฺติตภาวนฺติ ตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ภควตา ปวตฺติตภาวํ. สทฺเท นิมิตฺตํ คณฺหีติ สทฺเท อาการํ สลฺลกฺเขสิ. ตโตติ ‘‘อหํ ‘เอตํ อมตธมฺมํ ตมฺปิ ¶ ชานาเปสฺสามี’ติ ตว สนฺติกํ อาคโตสฺมี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตทนนฺตรนฺติ อตฺโถ.
สาตาคิโร ¶ เหมวตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา ตํ ภควโต สนฺติกํ อาเนตุกาโม ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติอาทิคาถมาห. ตตฺถ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๓) อชฺชาติ อยํ รตฺตินฺทิโว ปกฺขคณนโต ปนฺนรโส, อุปวสิตพฺพโต อุโปสโถ. ตีสุ วา อุโปสเถสุ อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ, น จาตุทฺทสิอุโปสโถ, น สามคฺคีอุโปสโถ. ทิวิ ภวานิ ทิพฺพานิ, ทิพฺพานิ เอตฺถ อตฺถีติ ทิพฺพานิ. กานิ ตานิ? รูปานิ. ตฺหิ รตฺตึ เทวานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุโต สนฺนิปติตานํ สรีรวตฺถาภรณวิมานปฺปภาหิ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิรหิตาย จนฺทปฺปภาย จ สกลชมฺพุทีโป อลงฺกโต อโหสีติ อติวิย อลงฺกโต จ ปริวิสุทฺธิเทวสฺส ภควโต สรีรปฺปภาย. เตนาห – ‘‘ทิพฺพา รตฺติ อุปฏฺิตา’’ติ.
เอวํ รตฺติคุณวณฺณนาปเทเสนปิ สหายสฺส จิตฺตํ ปสาทํ ชเนนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา อาห – ‘‘อโนมนามํ สตฺถารํ, หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. ตตฺถ อโนเมหิ อลามเกหิ สพฺพาการปริปูเรหิ คุเณหิ นามํ อสฺสาติ อโนมนาโม. ตถา หิสฺส ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นเยน พุทฺโธติ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ. ‘‘ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา’’ติอาทินา (มหานิ. ๘๔) นเยน ภควาติ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ. เอส นโย ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติอาทีสุ. ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺเถหิ เทวมนุสฺเส อนุสาสติ ‘‘อิมํ ปชหถ, อิมํ สมาทาย วตฺตถา’’ติ สตฺถา. ตํ อโนมนามํ สตฺถารํ. หนฺทาติ วจสายตฺเถ นิปาโต. ปสฺสามาติ เตน อตฺตานํ สห สงฺคเหตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนพหุวจนํ. โคตมนฺติ โคตมโคตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สตฺถา, น สตฺถา’’ติ มา วิมตึ อกาสิ, เอกนฺตพฺยวสิโต หุตฺวาว เอหิ ปสฺสาม โคตมนฺติ.
เอวํ วุตฺเต เหมวโต ‘‘อยํ สาตาคิโร ‘อโนมนามํ สตฺถาร’นฺติ ภณนฺโต ตสฺส สพฺพฺุตํ ปกาเสติ, สพฺพฺุโน จ ทุลฺลภา โลเก, สพฺพฺุปฏิฺเหิ ปูรณาทิสทิเสเหว โลโก อุปทฺทุโต. โส ปน ยทิ สพฺพฺู, อทฺธา ตาทิลกฺขณํ ปตฺโต ภวิสฺสติ, เตน เอวํ คเหสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ตาทิลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต อาห – ‘‘กจฺจิ มโน’’ติอาทิ. ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉา. มโนติ จิตฺตํ. สุปณิหิโตติ สุฏฺุ ปิโต อจโล อสมฺปเวธี. สพฺเพสุ ภูเตสุ สพฺพภูเตสุ. ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณํ ปตฺตสฺเสว สโต. ปุจฺฉา เอว วา อยํ ‘‘โส ตว สตฺถา สพฺพภูเตสุ ตาที, อุทาหุ โน’’ติ. อิฏฺเ อนิฏฺเจาติ เอวรูเป อารมฺมเณ. สงฺกปฺปาติ วิตกฺกา. วสีกตาติ วสํ คมิตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตํ สตฺถารํ วทสิ, ตสฺส เต สตฺถุโน ¶ กจฺจิ ตาทิลกฺขณํ สมฺปตฺตสฺส สโต สพฺพภูเตสุ มโน สุปณิหิโต, อุทาหุ ยาว ปจฺจยํ น ลภติ, ตาว สุปณิหิโต วิย ขายติ. โส วา เต สตฺถา กจฺจิ สพฺพภูเตสุ สตฺเตสุ ตาที, อุทาหุ โน, เย จ อิฏฺานิฏฺเสุ อารมฺมเณสุ ราคโทสวเสน สงฺกปฺปา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตฺยาสฺส กจฺจิ วสีกตา, อุทาหุ กทาจิ เตสมฺปิ วเสน วตฺตตีติ.
ตีณิ วสฺสานีติ โสณสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ตีณิ วสฺสานิ. ตทา กิร ภิกฺขู เยภุยฺเยน มชฺฌิมเทเสเยว วสึสุ, ตสฺมา ตตฺถ กติปยา เอว อเหสุํ. เต จ เอกสฺมึ นิคเม เอโก ทฺเวติ เอวํ วิสุํ วิสุํ วสึสุ, เถรานฺจ กติปเย ภิกฺขู อาเนตฺวา อฺเสุ อานียมาเนสุ ปุพฺพํ อานีตา เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกมึสุ, กฺจิ กาลํ อาคเมตฺวา ปุน เตสุ อานียมาเนสุ อิตเร ปกฺกมึสุ, เอวํ ปุนปฺปุนํ อานยเนน สนฺนิปาโต จิเรเนว อโหสิ, เถโร จ ตทา เอกวิหารี อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตีณิ วสฺสานิ คณํ ปริเยสิตฺวา’’ติ. ตีณิ วสฺสานีติ จ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. สตฺถุ อธิปฺปายํ ตฺวาติ อตฺตโน อาณาปเนเนว ‘‘อิมินา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุกาโม ภควา’’ติ สตฺถุ อธิปฺปายํ ชานิตฺวา. ภควา กิร เยน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุกาโม, ตสฺส เสนาสนปฺตฺติยํ อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปติ.
อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวาติ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา. ยสฺมา ภควา อายสฺมโต โสณสฺส สมาปตฺติสมาปชฺชเนน ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต สาวกสาธารณา สพฺพา สมาปตฺติโย อนุโลมปฺปฏิโลมํ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสิ, ตสฺมา อายสฺมาปิ โสโณ ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ตทนุรูปํ สพฺพา ตา สมาปตฺติโย ¶ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสีติ วทนฺติ. ปวิสิตฺวา จ ภควตา อนฺุาโต จีวรติโรกรณิยํ กตฺวา ภควโต ปาทปสฺเส นิสชฺชาย วีตินาเมสิ. อชฺเฌสีติ อาณาเปสิ. ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุนฺติ ภิกฺขุ ตุยฺหํ ธมฺโม ภาสิตุํ อุปฏฺาตุ, าณมุขํ อาคจฺฉตุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ภณาหีติ อตฺโถ. อฏฺกวคฺคิยานีติ อฏฺกวคฺคภูตานิ กามสุตฺตาทิโสฬสสุตฺตานิ (มหานิ. ๑). สุคฺคหิโตติ สมฺมา อุคฺคหิโต. สพฺเพ วเร ยาจีติ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา ธุวนฺหานํ จมฺมตฺถรณํ คณงฺคณูปาหนํ จีวรวิปฺปวาโสติ อิเม ปฺจ วเร ยาจิ. สุตฺเต อาคตเมวาติ อุทานปาฬิยํ อาคตสุตฺตํ สนฺธาย วทติ.
สีวลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๗. นวเม ¶ สากจฺฉิตฺวา สากจฺฉิตฺวาติ รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนวเสน ปุนปฺปุนํ สากจฺฉํ กตฺวา. คุฬทธินฺติ ปตฺถินฺนํ คุฬสทิสํ กินทธึ. อติอฺฉิตุนฺติ อติวิย อากฑฺฒิตุํ. กฺชิยํ วาเหตฺวาติ ทธิมตฺถุํ ปวาเหตฺวา, ปริสฺสาเวตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ทธิโต กฺชิยํ คเหตฺวา’’ติปิ ปาโ. นนฺติ สุปฺปวาสํ. พีชปจฺฉึ ผุสาเปนฺตีติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺตีติ ยาว ทาเน น อุกฺกฑฺฒนฺติ, ทาตุกามาว โหนฺตีติ อธิปฺปาโย มหาทุกฺขํ อนุโภสีติ ปสวนิพนฺธนํ มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุโภสิ. สามิกํ อามนฺเตตฺวาติ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา ติพฺพาหิ ขราหิ ทุกฺขเวทนาหิ ผุฏฺา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ. สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต นิพฺพานํ, ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติ (อุทา. ๑๘) อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ ตํ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺตี สตฺถุ สนฺติกํ เปเสตุกามตาย สามิกํ อามนฺเตตฺวา. ปุเร มรณาติ มรณโต ปุเรตรเมว. อิงฺคิตนฺติ อาการํ. ชีวิตภตฺตนฺติ ชีวิตสํสเย ทาตพฺพภตฺตํ. สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสีติ สตฺตวสฺสิเกหิ ทารเกหิ กาตพฺพํ ยํ กิฺจิ กมฺมํ กาตุํ สมตฺถตาย สพฺพสฺส กมฺมสฺส ขโม อโหสิ. เตเนว โส สตฺตาหํ มหาทาเน ¶ ทียมาเน ชาตทิวสโต ปฏฺาย ธมฺมกรณํ อาทาย สงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ.
โยมนฺติอาทิคาถาย ‘‘โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ สจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามี’’ติ อตฺโถ.
สพฺเพสํเยว ปน เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉาอปุริมา อโหสีติ อิมินา เถรสฺส ขุรคฺเคเยว อรหตฺตุปฺปตฺติ ทีปิตา. เอกจฺเจ ปน อาจริยา เอวํ วทนฺติ ‘‘เหฏฺา วุตฺตนเยน ธมฺมเสนาปตินา โอวาเท ทินฺเน ‘ยํ มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามี’ติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตํ ทิวสํเยว อฺตรํ วิจิตฺตํ กุฏิกํ ทิสฺวา ปวิสิตฺวา มาตุกุจฺฉิยํ สตฺต วสฺสานิ อตฺตนา อนุภูตทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา ตทนุสาเรน อตีตานาคเต าณํ เนนฺตสฺส อาทิตฺตา วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ¶ วิปสฺสนาวีถึ โอตริตฺวา ตาวเทว มคฺคปฺปฏิปาฏิยา สพฺเพปิ อาสเว เขเปนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ. อุภยถาปิ เถรสฺส อรหตฺตุปฺปตฺติเยว ปกาสิตา, เถโร ปน ปภินฺนปฺปฏิสมฺภิโท ฉฬภิฺโ อโหสิ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๘. ทสเม อาหารกรณเวลนฺติ โภชนกิจฺจเวลํ. อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตนฺติ สงฺขารูปสมํ สุขนฺติ ลทฺธนามํ สนฺตํ ปทํ นิพฺพานํ อธิคจฺเฉยฺย. ปมปาเทน ปพฺพเต ิโตเยวาติ ปเมน ปาเทน คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ิโตเยว. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ทุติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๓. ตติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา
ราหุล-รฏฺปาลตฺเถรวตฺถุ
๒๐๙-๒๑๐. ตติยสฺส ¶ ¶ ปมทุติเยสุ ติสฺโส สิกฺขาติ อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสงฺขาตา ติสฺโส สิกฺขา. จุทฺทส ภตฺตจฺเฉเท กตฺวาติ สตฺตาหํ นิราหารตาย เอเกกสฺมึ ทิวเส ทฺวินฺนํ ภตฺตจฺเฉทานํ วเสน จุทฺทส ภตฺตจฺเฉเท กตฺวา.
เตสนฺติ เตสํ ตาปสานํ. ลาพุภาชนาทิปริกฺขารํ สํวิธายาติ ลาพุภาชนาทิตาปสปริกฺขารํ สํวิทหิตฺวา. สปริฬาหกายธาตุโกติ อุสฺสนฺนปิตฺตตาย สปริฬาหกายสภาโว. สตสหสฺสาติ สตสหสฺสปริมาณา. สตสหสฺสํ ปริมาณํ เอเตสนฺติ สตสหสฺสา อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ, อตฺถิอตฺเถ วา อการปจฺจโย ทฏฺพฺโพ. ปาณาติปาตาทิอกุสลธมฺมสมุทาจารสงฺขาโต อามคนฺโธ กุณปคนฺโธ นตฺถิ เอเตสนฺติ นิรามคนฺธา, ยถาวุตฺตกิเลสสมุทาจารรหิตาติ อตฺโถ. กิเลสสมุทาจาโร เหตฺถ ‘‘อามคนฺโธ’’ติ วุตฺโต. กึการณา? อมนฺุตฺตา, กิเลสอสุจิมิสฺสตฺตา, สพฺภิ ชิคุจฺฉิตตฺตา, ปรมทุคฺคนฺธภาววหตฺตา จ. ตถา หิ เย เย อุสฺสนฺนกิเลสา สตฺตา, เต เต อติทุคฺคนฺธา โหนฺติ. เตเนว นิกฺกิเลสานํ มตสรีรมฺปิ ทุคฺคนฺธํ น โหติ. ทานคฺคปริวหนเกติ ทานคฺคธุรวหนเก. มาปโกติ ทิวเส ทิวเส ปริมิตปริพฺพยทานวเสน ธฺมาปโก.
ปาฬิยนฺติ วินยปาฬิยํ. มิคชาตกํ อาหริตฺวา กเถสีติ อตีเต กิร โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺเ วสติ. อถสฺส ภคินี อตฺตโน ปุตฺตกํ อุปเนตฺวา ‘‘ภาติก อิมํ ภาคิเนยฺยํ มิคมายํ สิกฺขาเปหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘คจฺฉ ตาต, อสุกเวลายํ นาม อาคนฺตฺวา สิกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห. โส มาตุเลน วุตฺตเวลํ อนติกฺกมิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา มิคมายํ สิกฺขิ. โส เอกทิวสํ วเน วิจรนฺโต ปาเสน พทฺโธ พทฺธรวํ วิรวิ. มิคคโณ ปลายิตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต ปาเสน พทฺโธ’’ติ ตสฺส มาตุยา อาโรเจสิ. สา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภาติก ภาคิเนยฺโย ¶ เต มิคมายํ สิกฺขาปิโต’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ตฺวํ ปุตฺตสฺส กิฺจิ ปาปกํ อาสงฺกิ, สุคฺคหิตา เตน มิคมายา, อิทานิ ตํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถ’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ มิคนฺติ ภาคิเนยฺยมิคํ. ติปลฺลตฺถํ วุจฺจติ สยนํ, อุโภหิ ปสฺเสหิ อุชุกเมว จ นิปนฺนกวเสน ตีหากาเรหิ ปลฺลตฺถํ อสฺส, ตีณิ วา ปลฺลตฺถานิ อสฺสาติ ติปลฺลตฺโถ, ตํ ติปลฺลตฺถํ. อเนกมายนฺติ พหุมายํ พหุวฺจนํ. อฏฺกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฏฺหิ ขุเรหิ สมนฺนาคตํ. อฑฺฒรตฺตาปปายินฺติ ปุริมยามํ อติกฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม อรฺโต อาคมฺม ปานียสฺส ปิวนโต อฑฺฒรตฺเต อาปํ ปิวตีติ อฑฺฒรตฺตาปปายี. ‘‘อฑฺฒรตฺเต อาปปายิ’’นฺติปิ ปาโ. มม ภาคิเนยฺยํ มิคํ อหํ สาธุกํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสึ. กถํ? ยถา เอเกน โสเตน ฉมายํ อสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิ อติโภติ ภาคิเนยฺโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยฺหิ ตว ปุตฺตํ ตถา อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอกสฺมึ อุปริมนาสิกาโสเต วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปถวิยํ อลฺลีเนน เอเกน เหฏฺิมนาสิกาโสเตน ตเถว ฉมายํ อสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิ ลุทฺทกํ อติโภติ, ฉหิ โกฏฺาเสหิ อชฺโฌตฺถรติ วฺเจตีติ อตฺโถ. กตเมหิ ฉหิ? จตฺตาโร ปาเท ปสาเรตฺวา เอเกน ปสฺเสน เสยฺยาย, ขุเรหิ ติณปํสุขณเนน, ชิวฺหานินฺนามเนน, อุทรสฺส อุทฺธุมาตภาวกรเณน, อุจฺจารปสฺสาววิสฺสชฺชเนน, วาตสฺส นิรุมฺภเนนาติ. อถ วา ตถา นํ อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอเกน โสเตน ฉมายํ อสฺสสนฺโต. ฉหีติ เหฏฺา วุตฺเตหิ ฉหิ การเณหิ. กลาหีติ กลายิสฺสติ, ลุทฺทกํ วฺเจสฺสตีติ อตฺโถ. โภตีติ ภคินึ อาลปติ. ภาคิเนยฺโยติ เอวํ ฉหิ การเณหิ วฺจกํ ภาคิเนยฺยํ นิทฺทิสติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ภาคิเนยฺยสฺส มิคมายํ สาธุกํ อุคฺคหิตภาวํ วทนฺโต ภคินึ สมสฺสาเสสิ. โสปิ มิคโปตโก ปาเส พทฺโธ อนิพนฺธิตฺวาเยว ภูมิยํ มหาผาสุกปสฺเสน ปาเท ปสาเรตฺวา นิปนฺโน ปาทานํ อาสนฺนฏฺาเน ขุเรหิ เอว ปหริตฺวา ปํสฺุจ ติณานิ จ อุปฺปาเฏตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ วิสฺสชฺเชตฺวา สีสํ ปาเตตฺวา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา สรีรํ เขฬกิลินฺนํ กตฺวา วาตคฺคหเณน อุทรํ อุทฺธุมาตกํ กตฺวา อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา เหฏฺานาสิกาโสเตน วาตํ สฺจราเปนฺโต อุปริมนาสิกาโสเตน ¶ วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สกลสรีรํ ถทฺธภาวํ คาหาเปตฺวา มตกาการํ ทสฺเสสิ, นีลมกฺขิกาปิ นํ สมฺปริวาเรสุํ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน กากา นิลียึสุ. ลุทฺโท อาคนฺตฺวา อุทเร หตฺเถน ปหริตฺวา ‘‘ปาโตว พทฺโธ ภวิสฺสติ, ปูติโก ชาโต’’ติ ตสฺส พนฺธนรชฺชุํ โมเจตฺวา ‘‘เอตฺเถว ทานิ นํ อุกฺกนฺติตฺวา มํสํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ ¶ นิราสงฺโก หุตฺวา สาขาปลาสํ คเหตุํ อารทฺโธ. มิคโปตโกปิ อุฏฺาย จตูหิ ปาเทหิ ตฺวา กายํ วิธุนิตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา มหาวาเตน ฉินฺนวลาหโก วิย เวเคน มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุพฺเพปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ เอวํ มิคชาตกํ อาหริตฺวา กเถสิ.
อมฺพลฏฺิยราหุโลวาทํ เทเสสีติ ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, ราหุล, อิมํ ปริตฺตํ อุทกาวเสสํ อุทกาทาเน ปิตนฺติ? เอวํ, ภนฺเต. เอวํ ปริตฺตกํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ, เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติ เอวมาทินา อมฺพลฏฺิยราหุโลวาทํ (ม. นิ. ๒.๑๐๗ อาทโย) กเถสิ. เคหสิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกนฺตสฺสาติ อายสฺมา กิร ราหุโล ภควโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโตว ปาทตลโต ยาว อุปริ เกสนฺตา ตถาคตํ โอโลเกสิ, โส ภควโต พุทฺธเวสวิลาสํ ทิสฺวา ‘‘โสภติ ภควา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺตสรีโร พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตตาย วิปฺปกิณฺณสุวณฺณจุณฺณมชฺฌคโต วิย วิชฺชุลตาปริกฺขิตฺโต กนกปพฺพโต วิย ยนฺตสมากฑฺฒิตรตนวิจิตฺตสุวณฺณอคฺฆิกํ วิย ปํสุกูลจีวรปฺปฏิจฺฉนฺโนปิ รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตกนกปพฺพโต วิย ปวาฬลตาปฏิมณฺฑิตสุวณฺณฆฏิกํ วิย จีนปิฏฺจุณฺณปูชิตสุวณฺณเจติยํ วิย ลาขารสานุลิตฺโต กนกถูโป วิย รตฺตวลาหกนฺตรคโต ตงฺขณมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิย อโห สมตึสปารมิตานุภาเวน สชฺชิตสฺส อตฺตภาวสฺส สิริสมฺปตฺตี’’ติ จินฺเตสิ. ตโต อตฺตานมฺปิ โอโลเกตฺวา ‘‘อหมฺปิ โสภามิ, สเจ ภควา จตูสุ มหาทีเปสุ จกฺกวตฺติรชฺชํ อกริสฺส, มยฺหํ ปริณายกฏฺานนฺตรมทสฺส, เอวํ สนฺเต อติวิย ชมฺพุทีปตลํ อติโสภิสฺสา’’ติ อตฺตภาวํ นิสฺสาย เคหสิตํ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘สตฺถุ เจว อตฺตโน จ รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา เคหสิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกนฺตสฺสา’’ติ.
ภควาปิ ¶ ปุรโต คจฺฉนฺโตว จินฺเตสิ – ‘‘ปริปุณฺณจฺฉวิมํสโลหิโต ทานิ ราหุลสฺส อตฺตภาโว, รชนีเยสุ รูปารมฺมณาทีสุ จิตฺตสฺส ปกฺขนฺทนกาโล ชาโต, นิปฺผลตาย นุ โข ราหุโล วีตินาเมตี’’ติ. อถ สหาวชฺชเนเนว ปสนฺเน อุทเก มจฺฉํ วิย ปริสุทฺเธ อาทาสมณฺฑเล มุขนิมิตฺตํ วิย จ ตสฺส ตํ จิตฺตุปฺปาทํ อทฺทส, ทิสฺวา จ ‘‘อยํ ราหุโล มยฺหํ อตฺรโช หุตฺวา มม ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโต ‘อหํ โสภามิ, มยฺหํ วณฺณายตนํ ปสนฺน’นฺติ อตฺตภาวํ นิสฺสาย เคหสิตํ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทติ, อติตฺเถ ปกฺขนฺโท, อุปฺปถํ ปฏิปนฺโน, อโคจเร จรติ, ทิสามูฬฺหอทฺธิโก วิย อคนฺตพฺพํ ทิสํ คจฺฉติ, อยํ โข ปนสฺส กิเลโส อพฺภนฺตเร วฑฺฒนฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปสฺสิตุํ น ทสฺสิสฺสติ ปรตฺถมฺปิ อุภยตฺถมฺปิ, ตโต ¶ นิรเยปิ ปฏิสนฺธึ คณฺหาเปสฺสติ, ติรจฺฉานโยนิยมฺปิ เปตฺติวิสเยปิ อสุรกาเยปิ สมฺพาเธปิ มาตุกุจฺฉิสฺมินฺติ อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ ปริปาเตสฺสติ. ยถา โข ปน อเนกรตนปูรา มหานาวา ภินฺนผลกนฺตเรน อุทกํ อาทิยมานา มุหุตฺตมฺปิ น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพา โหติ, เวเคน เวเคนสฺสา วิวรํ ปิทหิตุํ วฏฺฏติ, เอวเมว อยมฺปิ น อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ. ยาวสฺส อยํ กิเลโส อพฺภนฺตเร สีลรตนาทีนิ น วินาเสติ, ตาวเทว นํ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ อกาสิ. ตโต ราหุลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ, ราหุล, รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพนฺติ. รูปเมว นุ โข ภควา รูปเมว นุ โข สุคตาติ. รูปมฺปิ ราหุล, เวทนาปิ ราหุล, สฺาปิ ราหุล, สงฺขาราปิ ราหุล, วิฺาณมฺปิ ราหุลา’’ติ มหาราหุโลวาทสุตฺตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) อภาสิ. ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ยํ กิฺจิ ราหุล…เป… กเถสี’’ติ วุตฺตํ.
สํยุตฺตเก ปน ราหุโลวาโทติ ราหุลสํยุตฺเต วุตฺตราหุโลวาทํ สนฺธาย วทนฺติ. ตตฺถ ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตุ, ยมหํ, ภนฺเต, ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหเรยฺย’’นฺติ เถเรน ยาจิโต ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราหุล, จกฺขุ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ¶ , ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ? ทุกฺขํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติอาทินา ราหุโลวาทํ (สํ. นิ. ๒.๑๘๘ อาทโย) อารภิ. เถรสฺส วิปสฺสนาจาโรเยว, น ปน มหาราหุโลวาโท วิย วิตกฺกูปจฺเฉทาย วุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
อถสฺส สตฺถา าณปริปากํ ตฺวาติอาทีสุ ภควโต กิร รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยนฺนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ? อถสฺส ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘คณฺหาหิ, ราหุล, นิสีทนํ, เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิสฺสาม ทิวาวิหารายา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา ราหุโล ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา นิสีทนํ อาทาย ภควโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. เตน โข ปน สมเยน อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ ภควนฺตํ อภิวนฺทิตฺวา อนุพนฺธิตา โหนฺติ ‘‘อชฺช ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ ¶ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนสฺสตี’’ติ. อถ โข ภควา อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อายสฺมาปิ ราหุโล ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราหุล, จกฺขุ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ? ทุกฺขํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติอาทินา ราหุโลวาทํ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) อทาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘อนฺธวเน นิสินฺโน จูฬราหุโลวาทํ กเถสี’’ติ.
โกฏิสตสหสฺสเทวตาหีติ อายสฺมตา ราหุเลน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล ปถวินฺธรราชกาเล ปตฺถนํ เปนฺเตน สทฺธึ ปตฺถนํ ปิตเทวตาเยเวตา. ตาสุ ปน กาจิ ภูมฏฺเทวตา, กาจิ อนฺตลิกฺขฏฺกา, กาจิ จาตุมหาราชิกาทิเทวโลเก, กาจิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตา, อิมสฺมึ ปน ทิวเส สพฺพา เอกฏฺาเน อนฺธวนสฺมึเยว สนฺนิปติตา.
อาภิโทสิกนฺติ ¶ ปาริวาสิกํ เอกรตฺตาติกฺกนฺตํ ปูติภูตํ. เอกรตฺตาติกฺกนฺตสฺเสว หิ นามสฺา เอสา, ยทิทํ อาภิโทสิโกติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – ปูติภาวโทเสน อภิภูโตติ อภิโทโส, อภิโทโสเยว อาภิโทสิโก. กุมฺมาสนฺติ ยวกุมฺมาสํ. อธิวาเสตฺวาติ ‘‘เตน หิ, ตาต รฏฺปาล, อธิวาเสหิ สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ ปิตรา นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา. เอตฺถ จ เถโร ปกติยา อุกฺกฏฺสปทานจาริโก สฺวาตนาย ภิกฺขํ นาม นาธิวาเสติ, มาตุ อนุคฺคเหน ปน อธิวาเสติ. มาตุ กิรสฺส เถรํ อนุสฺสริตฺวา อนุสฺสริตฺวา มหาโสโก อุปฺปชฺชติ, โรทเนเนว ทุกฺขี วิย ชาตา, ตสฺมา เถโร ‘‘สจาหํ ตํ อปสฺสิตฺวา คมิสฺสามิ, หทยมฺปิสฺสา ผเลยฺยา’’ติ อนุคฺคเหน อธิวาเสสิ. ปณฺฑิตา หิ ภิกฺขู มาตาปิตูนํ อาจริยุปชฺฌายานํ วา กาตพฺพํ อนุคฺคหํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ธุตงฺคสุทฺธิกา น ภวนฺติ.
อลงฺกตปฏิยตฺเต อิตฺถิชเนติ ปิตรา อุยฺโยชิเต อิตฺถิชเน. ปิตา กิรสฺส ทุติยทิวเส สกนิเวสเน มหนฺตํ หิรฺสุวณฺณสฺส ปฺุชํ การาเปตฺวา กิลฺเชหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปุราณทุติยิกาโย ‘‘เอถ ตุมฺเห วธู, เยน อลงฺกาเรน อลงฺกตา ปุพฺเพ รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส ปิยา โหถ มนาปา, เตน อลงฺกาเรน อลงฺกโรถา’’ติ อาณาเปตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา กาเล อาโรจิเต อาคนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสินฺนํ ‘‘อิทํ เต, รฏฺปาล, มตฺติกํ ธนํ, อฺํ เปตฺติกํ, อฺํ ปิตามหํ; สกฺกา, ตาต รฏฺปาล, โภเค ¶ จ ภฺุชิตุํ, ปฺุานิ จ กาตุํ? เอหิ ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภฺุชสฺสุ, ปฺุานิ จ กโรหี’’ติ ยาจิตฺวา เตน ปฏิกฺขิปิตฺวา ธมฺเม เทสิเต ‘‘อหํ อิมํ อุปฺปพฺพาเชสฺสามี’’ติ อานยึ, โส ‘‘ทานิ เม ธมฺมกถํ กาตุํ อารทฺโธ, อลํ เม วจนํ น กริสฺสตี’’ติ อุฏฺาย คนฺตฺวา ตสฺส โอโรธานํ ทฺวารํ วิวราเปตฺวา ‘‘อยํ โว สามิโก, คจฺฉถ, ยํ กิฺจิ กตฺวาน คณฺหิตุํ วายมถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. ตีสุ วเยสุ ิตา นาฏกิตฺถิโย เถรํ ปริวารยึสุ. ตาสุ อยํ อสุภสฺํ อุปฺปาเทสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อลงฺกตปฏิยตฺเต อิตฺถิชเน อสุภสฺํ อุปฺปาเทตฺวา’’ติ.
ิตโกว ¶ ธมฺมํ เทเสตฺวาติ –
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิติ.
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;
อฏฺึ ตเจน โอนทฺธํ, สห วตฺเถหิ โสภติ.
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฏฺาปทกตา เกสา, เนตฺตา อฺชนมกฺขิตา;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฺชนีวณฺณวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วาคุรํ มิโค;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉามิ, กนฺทนฺเต มิคพนฺธเก’’ติ. (ม. นิ. ๒.๓๐๒; เถรคา. ๗๖๙-๗๗๔) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา.
อากาสํ ¶ อุปฺปติตฺวาติ อากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา. กสฺมา ปน เถโร อากาเสน คโต? ปิตา กิรสฺส เสฏฺิ สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ อคฺคฬานิ ทาเปตฺวา มลฺเล อาณาเปสิ ‘‘สเจ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉติ, หตฺถปาเทสุ นํ คเหตฺวา กาสายานิ หริตฺวา คิหิเวสํ คณฺหาเปถา’’ติ. ตสฺมา เถโร ‘‘เอเต มาทิสํ มหาขีณาสวํ หตฺเถ วา ปาเท วา คเหตฺวา อปฺุํ ปสเวยฺยุํ, ตํ เนสํ มา อโหสี’’ติ จินฺเตตฺวา อากาเสน อคมาสิ. มิคจีรนฺติ เอวํนามกํ อุยฺยานํ. จตุปาริชฺุปฏิมณฺฑิตนฺติ ชราปาริชฺุํ, พฺยาธิปาริชฺุํ, โภคปาริชฺุํ, าติปาริชฺุนฺติ อิเมหิ จตูหิ ปาริชฺุเหิ ปฏิมณฺฑิตํ. ปาริชฺุนฺติ จ ปริหานีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
กุณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ
๒๑๑. ตติเย สลากํ คณฺหนฺตีติ สลากคาหกา. สุนาปรนฺตชนปทํ คจฺฉนฺเตปิ ปมเมว สลากํ คณฺหีติ สมฺพนฺโธ. ฉพฺพสฺสนฺตเรติ ฉนฺนํ ¶ วสฺสานํ อพฺภนฺตเร. เมตฺตีติ มิตฺตภาโว. เภทเก สตีติ เภทกรเณ สติ. คุมฺพสภาคโตติ คุมฺพสมีปโต, อยเมว วา ปาโ. อิตฺถี หุตฺวาติ อิตฺถี วิย หุตฺวา, มนุสฺสิตฺถิวณฺณํ มาเปตฺวาติ อตฺโถ. ทีฆรตฺตานุคโตติ ทีฆกาลํ อนุพนฺโธ. เอตฺตกํ อทฺธานนฺติ เอตฺตกํ กาลํ. หนฺทาวุโสติ คณฺหาวุโส. อตฺถํ คเหตฺวาติ ภูตตฺถํ คเหตฺวา, อยเมว วา ปาโ. โกณฺโฑ ชาโตติ ธุตฺโต ชาโต.
มาโวจ ผรุสํ กฺจีติ กฺจิ เอกปุคฺคลํ ผรุสํ มา อโวจ. วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตนฺติ ตยา ปเร ทุสฺสีลาติ วุตฺตา ตมฺปิ ตเถว ปฏิวเทยฺยุํ. ทุกฺขา หิ สารมฺภกถาติ เอสา การณุตฺตรา ยุคคฺคาหกถา นาม ทุกฺขา. ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตนฺติ กายทณฺฑาทีหิ ปรํ ปหรนฺตสฺส ตาทิสาว ปฏิทณฺฑา ตว มตฺถเก ปเตยฺยุํ.
สเจ เนเรสิ อตฺตานนฺติ สเจ อตฺตานํ นิจฺจลํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ. กํโส อุปหโต ยถาติ มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺทิตฺวา ตลมตฺตํ กตฺวา ปิตํ กํสตาลํ วิย. ตาทิสฺหิ หตฺเถหิ ปาเทหิ ทณฺเฑน วา ปหตมฺปิ สทฺทํ น กโรติ. เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานนฺติ สเจ เอวรูโป ภวิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อิมํ ปฏิปทํ ปูรยมาโน เอโส ตฺวํ อิทานิ อปฺปตฺโตปิ นิพฺพานํ ปตฺโตสิ นาม. สารมฺโภ เต น วิชฺชตีติ ‘‘เอวฺจ สติ ตฺวํ ทุสฺสีโล, อหํ สุสีโล’’ติ เอวมาทิโก อุตฺตริกรณวาจาลกฺขโณ สารมฺโภ เต น วิชฺชติ, น ภวิสฺสติเยวาติ อตฺโถ. ปริกฺกิเลเสนาติ สํกิเลสเหตุนา.
วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ
๒๑๒. จตุตฺเถ ¶ สมฺปนฺนปฏิภานานนฺติ ปริปุณฺณปฏิภานานํ. จุตึ โย เวทิ…เป… สพฺพโสติ โย สตฺตานํ จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ สพฺพากาเรน ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตํ อหํ อลคฺคนตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ สมฺพุทฺธตฺตา พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ยสฺส คตินฺติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
อุปเสนวงฺคนฺตปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
๒๑๓. ปฺจเม ¶ สพฺพปาสาทิกานนฺติ สพฺพโส ปสาทํ ชเนนฺตานํ. กินฺตายนฺติ กึ เต อยํ. อติลหุนฺติ อติสีฆํ. ยสฺส ตสฺมึ อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนารหานํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถิ, ตํ พุทฺธา ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ อริฏฺลาฬุทายิอาทิเก วิย. อุปนิสฺสเย สติปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺเค วา ผเล วา อสติ ‘‘โมฆปุริสา’’ติ วทนฺติเยว ธนิยตฺเถราทิเก วิย. อิมสฺสปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺคผลานํ อภาวโต ‘‘โมฆปุริสา’’ติ อาห, ตุจฺฉมนุสฺสาติ อตฺโถ. พาหุลฺลายาติ ปริสพาหุลฺลาย. อเนกปริยาเยนาติ อเนกการเณน.
อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเวติ ภควา กิร ตํ อทฺธมาสํ น กฺจิ โพธเนยฺยสตฺตํ อทฺทส, ตสฺมา เอวมาห, เอวํ สนฺเตปิ ตนฺติวเสน ธมฺมเทสนา กตฺตพฺพา สิยา. ยสฺมา ปนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยิ โอกาสํ กาเรตฺวา ปฏิสลฺลีเน ภิกฺขู อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ กริสฺสนฺติ, ตํ อุปเสโน ภินฺทิสฺสติ, อหํ ตสฺส ปสีทิตฺวา ภิกฺขูนํ ทสฺสนํ อนุชานิสฺสามิ. ตโต มํ ปสฺสิตุกามา พหู ภิกฺขู ธุตงฺคานิ สมาทิยิสฺสนฺติ, อหฺจ เตหิ อุชฺฌิตสนฺถตปจฺจยา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ, ตสฺมา เอวมาห. เถรสฺสาติ อุปเสนตฺเถรสฺส. มนาปานิ เต ภิกฺขุ ปํสุกูลานีติ ‘‘ภิกฺขุ ตว อิมานิ ปํสุกูลานิ มนาปานิ อตฺตโน รุจิยา ขนฺติยา คหิตานี’’ติ ปุจฺฉติ. น โข เม, ภนฺเต, มนาปานิ ปํสุกูลานีติ, ภนฺเต, น มยา อตฺตโน รุจิยา ขนฺติยา คหิตานิ, คลคฺคาเหน วิย มตฺถกตาฬเนน วิย จ คาหิโต มยาติ ทสฺเสติ. ปาฬิยํ อาคตเมวาติ วินยปาฬึ สนฺธาย วทติ.
ทพฺพตฺเถรวตฺถุ
๒๑๔. ฉฏฺเ ¶ อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสูติ ราชคหสฺส สมนฺตโต ิเตสุ อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสุ. อุปวิชฺาติ อาสนฺนปสูติกาลา. รโหคโตติ รหสิ คโต. สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จินฺเตสีติ เถโร กิร อตฺตโน กตกิจฺจภาวํ ทิสฺวา ‘‘อหํ อิมํ สรีรํ ธาเรมิ, ตฺจ โข วาตมุเข ิตปทีโป วิย อนิจฺจตามุเข ิตํ นจิรสฺเสว นิพฺพายนธมฺมํ ยาว ¶ น นิพฺพายติ, ตาว กึ นุ โข อหํ สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ติโรรฏฺเสุ พหู กุลปุตฺตา ภควนฺตํ อทิสฺวาว ปพฺพชนฺติ, เต ‘ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสาม เจว วนฺทิสฺสามา’ติ จ ทูรโตปิ อาคจฺฉนฺติ, ตตฺร เยสํ เสนาสนํ นปฺปโหติ, เต สิลาปตฺตเกปิ เสยฺยํ กปฺเปนฺติ. ปโหมิ โข ปนาหํ อตฺตโน อานุภาเวน เตสํ เตสํ กุลปุตฺตานํ อิจฺฉาวเสน ปาสาทวิหารอฑฺฒโยคาทีนิ มฺจปีตฺถรณานิ นิมฺมินิตฺวา ทาตุํ? ปุนทิวเส เจตฺถ เอกจฺเจ อติวิย กิลนฺตรูปา โหนฺติ, เต คารเวน ภิกฺขูนํ ปุรโต ตฺวา ภตฺตานิปิ น อุทฺทิสาเปนฺติ, อหํ โข ปน เตสํ ภตฺตานิปิ อุทฺทิสิตุํ ปโหมี’’ติ. อิติ ปฏิสฺจิกฺขนฺโต ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนฺจ ปฺเปยฺยํ, ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. สภาคสภาคานนฺติ สุตฺตนฺติกาทิคุณวเสน สภาคานํ, น มิตฺตสนฺถววเสน. เถโร หิ ยาวติกา สุตฺตนฺติกา โหนฺติ, เต อุจฺจินิตฺวา อุจฺจินิตฺวา เอกโต เตสํ อนุรูปเมว เสนาสนํ ปฺเปติ. เวนยิกาภิธมฺมิกกมฺมฏฺานิกกายทฬฺหิพหุเลสุปิ เอเสว นโย. เตเนว ปาฬิยํ (ปารา. ๓๘๐) วุตฺตํ – ‘‘เยเต ภิกฺขู สุตฺตนฺติกา, เตสํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปฺเปตี’’ติอาทิ.
องฺคุลิยา ชลมานายาติ เตโชกสิณจตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อภิฺาาเณน องฺคุลิชลนํ อธิฏฺหิตฺวา เตเนว เตโชธาตุสมาปตฺติชนิเตน อคฺคิชาเลน องฺคุลิยา ชลมานาย. อยํ มฺโจติอาทีสุ ปน เถเร ‘‘อยํ มฺโจ’’ติอาทึ วทนฺเต นิมฺมิตาปิ อตฺตโน อตฺตโน คตฏฺาเน ‘‘อยํ มฺโจ’’ติอาทึ วทนฺติ. อยฺหิ นิมฺมิตานํ ธมฺมตา.
‘‘เอกสฺมึ ภาสมานสฺมึ, สพฺเพ ภาสนฺติ นิมฺมิตา;
เอกสฺมึ ตุณฺหิมาสิเน, สพฺเพ ตุณฺหี ภวนฺติ เต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๘๖);
ยสฺมึ ปน วิหาเร มฺจปีาทีนิ น ปริปูเรนฺติ, ตตฺถ อตฺตโน อานุภาเวน ปูเรนฺติ, เตน นิมฺมิตานํ อวตฺถุกํ วจนํ น โหติ สพฺพตฺถ มฺจปีาทีนํ สพฺภาวโต. สพฺพวิหาเรสุ จ ¶ คมนมคฺเค สมปฺปมาเณ กตฺวา อธิฏฺาติ. กติกสณฺานาทีนํ ปน นานปฺปการตฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ วิหาเร กติกวตฺตานิ วิสุํ วิสุํ กถาเปตีติ เวทิตพฺพํ. อนิยเมตฺวา ¶ นิมฺมิตานฺหิ ‘‘เอกสฺมึ ภาสมานสฺมิ’’นฺติอาทิธมฺมตา วุตฺตา. ตถา หิ เย วณฺณวยสรีราวยวปริกฺขารกิริยาวิเสสาทีหิ นิยมํ อกตฺวา นิมฺมิตา โหนฺติ, เต อนิยเมตฺวา นิมฺมิตตฺตา อิทฺธิมตา สทิสาว โหนฺติ. านนิสชฺชาทีสุ ภาสิตตุณฺหีภาวาทีสุ วา ยํ ยํ อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว กโรนฺติ. สเจ ปน นานปฺปกาเร กาตุกาโม โหติ, เกจิ ปมวเย, เกจิ มชฺฌิมวเย, เกจิ ปจฺฉิมวเย, ตถา ทีฆเกเส อุปฑฺฒมุณฺเฑ มิสฺสกเกเส อุปฑฺฒรตฺตจีวเร ปณฺฑุกจีวเร, ปทภาณธมฺมกถาสรภฺปฺหปุจฺฉนปฺหวิสฺสชฺชนรชนปจนจีวรสิพฺพนโธวนาทีนิ กโรนฺเต, อปเรปิ วา นานปฺปกาเร กาตุกาโม โหติ, เตน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘เอตฺตกา ภิกฺขู ปมวยา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺิเต อธิฏฺานจิตฺเตน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการาเยว โหนฺติ. ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว อาคจฺฉตีติ เตหิ สทฺธึ ชนปทกถํ กเถนฺโต อนิสีทิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เวฬุวนเมว ปจฺจาคจฺฉติ. ปาฬิยนฺติ วินยปาฬิยํ.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ
๒๑๕. สตฺตเม ปิยานนฺติ ปิยายิตพฺพานํ. มนาปานนฺติ มนวฑฺฒนกานํ. ปิลินฺโทติ ปนสฺส โคตฺตํ, วจฺโฉติ นามนฺติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยนปิ วทนฺติ ‘‘ปิลินฺโทติ นามํ, วจฺโฉติ โคตฺต’’นฺติ. เตเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน เถรคาถาสํวณฺณนาย (เถรคา. อฏฺ. ๑.๘ ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา) วุตฺตํ – ‘‘ปิลินฺโทติสฺส นามํ อกํสุ, วจฺโฉติ ปน โคตฺตํ. เตน โส อปรภาเค ปิลินฺทวจฺโฉติ ปฺายิตฺถา’’ติ. สํสนฺเทตฺวาติ เอกโต กตฺวา.
สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวาติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ กถามคฺเคน วุตฺตํ. อปเร ปน ภณนฺติ – อนุปฺปนฺเนเยว อมฺหากํ ภควติ สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ปิลินฺทวจฺโฉติ ปฺาโต สํสาเร สํเวคพหุลตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จูฬคนฺธารํ นาม วิชฺชํ สาเธตฺวา อากาสจารี ปรจิตฺตวิทู จ หุตฺวา ราชคเห ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ปฏิวสติ. อถ ยทา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปคโต, ตโต ปฏฺาย พุทฺธานุภาเวน ¶ ตสฺส สา วิชฺชา น สมฺปชฺชติ, อตฺถกิจฺจํ น สาเธติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สุตํ โข ปน เมตํ ‘อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ยตฺถ มหาคนฺธารวิชฺชา ธรติ, ตตฺถ จูฬคนฺธารวิชฺชา น สมฺปชฺชตี’ติ. สมณสฺส ปน โคตมสฺส อาคตกาลโต ¶ ปฏฺาย นายํ มม วิชฺชา สมฺปชฺชติ, นิสฺสํสยํ สมโณ โคตโม มหาคนฺธารวิชฺชํ ชานาติ, ยนฺนูนาหํ ตํ ปยิรุปาสิตฺวา ตสฺส สนฺติเก วิชฺชํ ปริยาปุเณยฺย’’นฺติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, มหาสมณ, ตว สนฺติเก เอกํ วิชฺชํ ปริยาปุณิตุกาโม, โอกาสํ เม กโรหี’’ติ. ภควา ‘‘เตน หิ ปพฺพชา’’ติ อาห. โส ‘‘วิชฺชาย ปริกมฺมํ ปพฺพชฺชา’’ติ มฺมาโน ปพฺพชีติ. ปรวมฺภนวเสนาติ ปเรสํ ครหนวเสน.
อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตตฺถํ. นาภิสเชติ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคาเปยฺย, ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ น ภาเสยฺย, ตสฺมา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
อนุวิจินิตฺวาติ อนุวิจาเรตฺวา. จณฺฑิกตํ คจฺฉนฺตนฺติ สีฆคติยา คจฺฉนฺตํ.
พาหิยทารุจีริยตฺเถรวตฺถุ
๒๑๖. อฏฺเม เอกรตฺติวาเสน คนฺตฺวาติ เทวตานุภาเวน คนฺตฺวา. ‘‘พุทฺธานุภาเวนา’’ติปิ วทนฺติ. เอวํ คโต จ วิหารํ ปวิสิตฺวา สมฺพหุเล ภิกฺขู ภุตฺตปาตราเส กายาลสิยวิโมจนตฺถาย อพฺโภกาเส จงฺกมนฺเต ทิสฺวา ‘‘กหํ เอตรหิ สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ‘‘สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตฺวํ ปน กุโต อาคโต’’ติ? สุปฺปารกา อาคโตมฺหีติ. กทา นิกฺขนฺโตสีติ? หิยฺโย สายํ นิกฺขนฺโตมฺหีติ. ทูรโต อาคโต, ตว ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา โถกํ วิสฺสมาหิ, อาคตกาเล สตฺถารํ ทกฺขิสฺสตีติ. อหํ, ภนฺเต, สตฺถุ วา อตฺตโน วา ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เอกรตฺเตเนวมฺหิ กตฺถจิ อฏฺตฺวา อนิสีทิตฺวา วีสโยชนสติกํ มคฺคํ อาคโต, สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว วิสฺสมิสฺสามีติ. โส เอวํ วตฺวา ตรมานรูโป สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อโนปมาย พุทฺธสิริยา ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ¶ ‘‘จิรสฺสํ วต เม ทิฏฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณตสรีโร คนฺตฺวา อนฺตรวีถิยเมว ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอวมาห – ‘‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ เม สุคโต ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิย, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโมฺหิ ปิณฺฑายา’’ติ ปฏิกฺขิปิ ¶ . ตํ สุตฺวา พาหิโย, ‘‘ภนฺเต, สํสาเร สํสรนฺเตน กพฬีการาหาโร น โน ลทฺธปุพฺโพ, ตุมฺหากํ วา มยฺหํ วา ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เทเสถ เม ธมฺม’’นฺติ. สตฺถา ทุติยมฺปิ ปฏิกฺขิปิเยว. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิมสฺส มํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย สกลสรีรํ ปีติยา นิรนฺตรํ อชฺโฌตฺถฏํ โหติ, พลวปีติเวเคน ธมฺมํ สุตฺวาปิ น สกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิตุํ, มชฺฌตฺตุเปกฺขา ตาว ติฏฺตุ, เอกรตฺเตเนว วีสโยชนสตํ มคฺคํ อาคตตฺตา ทรโถปิสฺส พลวา, โสปิ ตาว ปฏิปฺปสฺสมฺภตู’’ติ. ตสฺมา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยํ ยาจิโต อนฺตรวีถิยํ ิโตว ‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา (อุทา. ๑๐) นเยน ธมฺมํ เทเสติ. อิมมตฺถํ สํขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺตรฆเรติ อนฺตรวีถิยํ.
อปริปุณฺณปตฺตจีวรตาย ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺโตติ โส กิร วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ‘‘ภิกฺขุนา นาม อตฺตโน ปจฺจเย ลภิตฺวา อฺํ อโนโลเกตฺวา สยเมว ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกภิกฺขุสฺสปิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา สงฺคหํ นากาสิ. เตนสฺส ‘‘อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ น อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ น อทาสิ. ตาวเทว จ ปพฺพชฺชํ ยาจิโต ‘‘ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวร’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อปริปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺมา โส ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺโต สงฺการฏฺานโต โจฬขณฺฑานิ สํกฑฺฒติ.
สหสฺสมปีติ ปริจฺเฉทวจนํ. เอกสหสฺสํ ทฺเวสหสฺสานีติ เอวํ สหสฺเสน เจ ปริจฺฉินฺนา คาถา โหนฺติ, ตา จ อนตฺถปทสํหิตา อากาสวณฺณปพฺพตวณฺณาทีนิ ปกาสเกหิ อนิพฺพานทีปเกหิ อนตฺถเกหิ ปเทหิ สํหิตา ยาว พหุกา โหนฺติ, ตาว ปาปิกา เอวาติ อตฺโถ ¶ . เอกํ คาถาปทํ เสยฺโยติ ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ…เป… ยถา มตา’’ติ (ธ. ป. ๒๑) เอวรูปา เอกคาถาปิ เสยฺโยติ อตฺโถ.
กุมารกสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๒๑๗. นวเม เอกํ พุทฺธนฺตรํ สมฺปตฺตึ อนุภวมาโนติ สาวกโพธิยา นิยตตาย ปฺุสมฺภารสฺส จ สาติสยตฺตา วินิปาตํ อคนฺตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตึ อนุภวมาโน. ‘‘เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปนฺโน’’ติ วตฺวา ตเมวสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ¶ มูลโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ – ‘‘สา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาติ กุลทาริกา. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ. เตน วุจฺจมานํ วิเสสํ โชตยติ. กุลฆรนฺติ ปติกุลเคหํ. คพฺภนิมิตฺตนฺติ คพฺภสฺส สณฺิตภาววิคฺคหํ. สติปิ วิสาขาย สาวตฺถิวาสิกุลปริยาปนฺนตฺเต ตสฺสา ตตฺถ ปธานภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘วิสาขฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ ยถา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา, วาสิฏฺโปิ อาคโต’’ติ. ภควตา เอวํ คหิตนามตฺตาติ โยชนา. ยสฺมา ราชปุตฺตา โลเก ‘‘กุมารา’’ติ โวหรียนฺติ, อยฺจ รฺโ กิตฺติมปุตฺโต, ตสฺมา อาห – ‘‘รฺโ…เป… สฺชานึสู’’ติ.
ปฺจทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวาติ ‘‘ภิกฺขุ, ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก รตฺตึ ธูปายติ, ทิวา ปชฺชลตี’’ติอาทินา วมฺมิกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๔๙) อาคตนเยน ปฺจทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา. ปายาสิรฺโติ ‘‘นตฺถิ ปรโลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๑๐, ๔๑๒) เอวํลทฺธิกสฺส ปายาสิราชสฺส. ราชา หิ ตทา อนภิสิตฺโต หุตฺวา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนเสตพฺยนครํ อชฺฌาวสนฺโต อิมํ ทิฏฺึ คณฺหิ. ปฺจทสหิ ปฺเหหิ ปฏิมณฺเฑตฺวาติ ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชฺ, อิเม จนฺทิมสูริยา อิมสฺมึ วา โลเก ปรสฺมึ วา เทวา วา เต มนุสฺสา’’ติ เอวมาทีหิ (ที. นิ. ๒.๔๑๑) ปฺจทสหิ ปฺเหหิ ปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา. สุตฺตนฺเตติ ปายาสิสุตฺตนฺเต (ที. นิ. ๒.๔๐๖ อาทโย).
มหาโกฏฺิกตฺเถรวตฺถุ
ตติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๔. จตุตฺถเอตทคฺควคฺควณฺณนา
อานนฺทตฺเถรวตฺถุ
๒๑๙-๒๒๓. จตุตฺถวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม เหฏฺา วุตฺตปฺปมาณนฺติ เหฏฺา โกณฺฑฺตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ ‘‘ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ โหนฺติ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, ปาเทน ปติฏฺิตฏฺานํ เอกาทสหตฺถ’’นฺติ เอวํ วุตฺตปฺปมาณํ. รฺโ เปเสสีติ ปจฺจนฺตสฺส กุปิตภาวํ อาโรเจตฺวา เปเสสิ. เถรคาถาสํวณฺณนายํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๑๐๑๖ อานนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา) ปน ‘‘ปจฺจนฺตสฺส กุปิตภาวํ รฺโ อนาโรเจตฺวา สยเมว ตํ วูปสเมสิ, ตํ สุตฺวา ราชา ตุฏฺมานโส ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘วรํ เต, สุมน, ทมฺมิ, คณฺหาหี’ติ อาหา’’ติ วุตฺตํ. น เมตํ จิตฺตํ อตฺถีติ มม เอวรูปํ จิตฺตํ นตฺถิ. อวฺฌนฺติ อตุจฺฉํ. อฺํ วเรหีติ อฺํ ปตฺเถหิ, อฺํ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อุทกํ อธิฏฺายาติ ‘‘อุทกํ โหตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา. คเตนาติ คมเนน. น อามิสจกฺขุกาติ จีวราทิปจฺจยสงฺขาตํ อามิสํ น โอโลเกนฺติ.
วสนฏฺานสภาเคเยวาติ วสนฏฺานสมีเปเยว. เอกนฺตวลฺลโภติ อุปฏฺากฏฺาเน เอกนฺเตน วลฺลโภ. เอตสฺเสวาติ เอตสฺเสว ภิกฺขุสฺส. ทฺเวชฺฌกถา น โหนฺตีติ ทฺวิธาภูตกถา น โหนฺติ, อเนกนฺติกกถา น โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนิพทฺธาติ อนิยตา. โลหิเตน คลนฺเตนาติ อิตฺถมฺภูตกฺขาเน กรณวจนํ, คลนฺเตน โลหิเตน ยุตฺโตติ อตฺโถ. อนฺวาสตฺโตติ อนุคโต. อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺทาติ ตุริเต อิทมาเมฑิตวจนํ. ทุวิเธน อุทเกนาติ สีตุทเกน อุณฺหุทเกน จ. ติวิเธน ทนฺตกฏฺเนาติ ขุทฺทกํ มหนฺตํ มชฺฌิมนฺติ เอวํ ติปฺปกาเรน ทนฺตกฏฺเน. นว วาเร อนุปริยายตีติ สตฺถริ ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนทานาย ถินมิทฺธวิโนทนตฺถํ นวกฺขตฺตุํ อนุปริยายติ. เตเนวาห – ‘‘เอวฺหิสฺส อโหสี’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อุรุเวลกสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๒๒๔. ทุติเย ¶ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิตฺถารโต วินยปาฬิยํ อาคตเมว.
กาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ
๒๒๕. ตติเย ¶ คมนากปฺปนฺติ คมนาการํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
พากุลตฺเถรวตฺถุ
๒๒๖. จตุตฺเถ นิราพาธานนฺติ อาพาธรหิตานํ. ยถา ‘‘ทฺวาวีสติ ทฺวตฺตึสา’’ติอาทิมฺหิ วตฺตพฺเพ ‘‘พาวีสติ พาตฺตึสา’’ติอาทีนิ วุจฺจนฺติ, เอวเมวํ ทฺเว กุลานิ อสฺสาติ ทฺวิกุโล, ทฺเวกุโลติ วา วตฺตพฺเพ พากุโลติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘พากุโลติ ทฺวีสุ กุเลสุ วฑฺฒิตตฺตา เอวํลทฺธนาโม’’ติ. อุปโยเคนาติ อานุภาเวน. ผาสุกกาเลติ อโรคกาเล. คทฺทุหนมตฺตมฺปีติ โคทุหนมตฺตมฺปิ กาลํ. อิธ ปน น สกโล โคทุหนกฺขโณ อธิปฺเปโต, อถ โข คาวึ ถเน คเหตฺวา เอกขีรพินฺทุทุหนกาลมตฺตํ อธิปฺเปตํ. อาโรคฺยสาลนฺติ อาตุรานํ อโรคภาวกรณตฺถาย กตสาลํ.
นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสนาติ ชาณุปฺปมาเณ อุทเก โถกํเยว นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสน. ฉฑฺเฑตฺวา ปลายีติ มจฺฉสฺส มุขสมีเปเยว ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. ทารกสฺส เตเชนาติ ทารกสฺส ปฺุเตเชน. มาริยมานาว มรนฺตีติ ทณฺฑาทีหิ โปเถตฺวา มาริยมานาว มรนฺติ, น ชาเลน พทฺธตามตฺเตน อมาริยมานา. นีหฏมตฺโตว มโตติ นีหฏกฺขเณเยว มโต. เตนสฺส มารณตฺถํ อุปกฺกโม น กโต, เยน อุปกฺกเมน ทารกสฺส อาพาโธ สิยา. ตนฺติ มจฺฉํ. สกลเมวาติ อวิกลเมว ปริปุณฺณาวยวเมว. น เกฬายตีติ น นนฺทติ, กิสฺมิฺจิ น มฺติ. ปิฏฺิโต ผาเลนฺตีติ ทารกสฺส ปฺุเตเชน ปิฏฺิโต ผาเลนฺตี. เภรึ จราเปตฺวาติ ‘‘ปุตฺตํ ลภิ’’นฺติ อุคฺโฆสนวเสน เภรึ จราเปตฺวา. ปกตึ อาจิกฺขีติ อตฺตโน ปุตฺตภาวํ กเถสิ. กุจฺฉิยา ธาริตตฺตา อมาตา กาตุํ น สกฺกาติ ชนนีภาวโต อมาตา กาตุํ น สกฺกา. มจฺฉํ คณฺหนฺตาปีติ มจฺฉํ วิกฺกิณิตฺวา คณฺหนฺตาปิ. ตถา คณฺหนฺตา จ ตปฺปริยาปนฺนํ สพฺพํ คณฺหนฺติ นามาติ อาห – ‘‘วกฺกยกนาทีนิ พหิ กตฺวา คณฺหนฺตา นาม นตฺถี’’ติ. อยมฺปิ อมาตา กาตุํ น สกฺกาติ ทินฺนปุตฺตภาวโต น สกฺกา.
โสภิตตฺเถรวตฺถุ
๒๒๗. ปฺจมํ ¶ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
อุปาลิตฺเถรวตฺถุ
๒๒๘. ฉฏฺเ ภารุกจฺฉกวตฺถุนฺติ อฺตโร กิร ภารุกจฺฉเทสวาสี ภิกฺขุ สุปินนฺเต ปุราณทุติยิกาย เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา ‘‘อสฺสมโณ อหํ วิพฺภมิสฺสามี’’ติ ภารุกจฺฉํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปสฺสิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. อายสฺมา อุปาลิ, เอวมาห – ‘‘อนาปตฺติ, อาวุโส, สุปินนฺเตนา’’ติ. ยสฺมา สุปินนฺเต อวิสยตฺตา เอวํ โหติ. ตสฺมา อุปาลิตฺเถโร ภควตา อวินิจฺฉิตปุพฺพมฺปิ อิมํ วตฺถุํ นยคฺคาเหน เอวํ วินิจฺฉินิ. คหปติโน ทฺเว ทารกา โหนฺติ ปุตฺโต จ ภาคิเนยฺโย จ. อถ โส คหปติ คิลาโน หุตฺวา อายสฺมนฺตํ อชฺชุกํ เอตทโวจ – ‘‘อิมํ, ภนฺเต, โอกาสํ โย อิเมสํ ทารกานํ สทฺโธ โหติ ปสนฺโน, ตสฺส อาจิกฺเขยฺยาสี’’ติ. เตน จ สมเยน ตสฺส จ คหปติโน ภาคิเนยฺโย สทฺโธ โหติ ปสนฺโน. อถายสฺมา อชฺชุโก ตํ โอกาสํ ตสฺส ทารกสฺส อาจิกฺขิ. โส เตน สาปเตยฺเยน กุฏุมฺพฺจ สณฺเปสิ, ทานฺจ ปฏฺเปสิ. อถ ตสฺส คหปติโน ปุตฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, ปิตุโน ทายชฺโช ปุตฺโต วา ภาคิเนยฺโย วา’’ติ. ปุตฺโต โข, อาวุโส, ปิตุโน ทายชฺโชติ. อายสฺมา, ภนฺเต, อยฺโย อชฺชุโก อมฺหากํ สาปเตยฺยํ อมฺหากํ เมถุนกสฺส อาจิกฺขีติ. อสฺสมโณ, อาวุโส, โส อชฺชุโกติ. อถายสฺมา อชฺชุโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เทหิ เม, อาวุโส อานนฺท, วินิจฺฉย’’นฺติ. เต อุโภปิ อุปาลิตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. อถายสฺมา อุปาลิ, อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘โย นุ โข, อาวุโส อานนฺท, สามิเกน ‘อิมํ โอกาสํ อิตฺถนฺนามสฺส อาจิกฺขา’ติ วุตฺโต, ตสฺส อาจิกฺขติ, กึ โส อาปชฺชตี’’ติ? น, ภนฺเต, กิฺจิ อาปชฺชติ อนฺตมโส ทุกฺกฏมตฺถมฺปีติ. อยํ, อาวุโส, อายสฺมา อชฺชุโก สามิเกน ‘‘อิมํ โอกาสํ อิตฺถนฺนามสฺส อาจิกฺขา’’ติ วุตฺโต ตสฺส อาจิกฺขติ, อนาปตฺติ, อาวุโส, อายสฺมโต อชฺชุกสฺสาติ. ภควา ตํ สุตฺวา ‘‘สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อุปาลินา’’ติ วตฺวา ¶ สาธุการมทาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. กุมารกสฺสปวตฺถุ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๗) ปน เหฏฺา อาคตเมว.
ฉนฺนํ ขตฺติยานนฺติ ภทฺทิโย สกฺยราชา อนุรุทฺโธ อานนฺโท ภคุ กิมิโล เทวทตฺโตติ อิเมสํ ¶ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ. ปสาธโกติ มณฺฑยิตา. ปาฬิยนฺติ สงฺฆเภทกฺขนฺธกปาฬิยนฺติ (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย).
นนฺทกตฺเถรวตฺถุ
๒๒๙. สตฺตเม เอกสโมธาเนติ เอกสฺมึ สโมธาเน, เอกสฺมึ สนฺนิปาเตติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นนฺทตฺเถรวตฺถุ
๒๓๐. อฏฺเม น ตํ จตุสมฺปชฺวเสน อปริจฺฉินฺทิตฺวา โอโลเกตีติ สาตฺถกสปฺปายโคจรอสมฺโมหสมฺปชฺสงฺขาตานํ จตุนฺนํ สมฺปชฺานํ วเสน อปริจฺฉินฺทิตฺวา ตํ ทิสํ น โอโลเกติ. โส หิ อายสฺมา ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการปฺปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวโร อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต จตุสมฺปชฺํ อมฺุจิตฺวาว สพฺพทิสํ อาโลเกติ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา, อุตฺตรา ทิสา, ทกฺขิณา ทิสา, อุทฺธํ, อโธ, อนุทิสา อนุวิโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อนุวิโลเกติ ‘เอวํ เม อนุทิสํ อนุวิโลกยโต…เป… สมฺปชาโน โหตี’’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).
อภิเสกเคหปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ ¶ วตฺตมาเนสูติ อิธ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘ตํ ทิวสเมว นนฺทกุมารสฺส เกสวิสฺสชฺชนํ, ปฏฺฏพนฺโธ, ฆรมงฺคลํ, ฉตฺตมงฺคลํ, อาวาหมงฺคลนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กุลมริยาทวเสน เกโสโรปนํ เกสวิสฺสชฺชนํ. ยุวราชปฏฺฏพนฺธนํ ปฏฺฏพนฺโธ. อภินวฆรปฺปเวสนมโห ฆรมงฺคลํ. วิวาหกรณมโห อาวาหมงฺคลํ. ยุวราชฉตฺตมโห ฉตฺตมงฺคลํ.
นนฺทกุมารํ ¶ อภิเสกมงฺคลํ น ตถา ปีเฬสิ, ยถา ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนนฺติ อชฺฌาหริตพฺพํ. ตเทว ปน วจนํ สรูปโต ทสฺเสตุํ – ‘‘ปตฺตํ อาทาย คมนกาเล’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชนปทกลฺยาณีติ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉ สรีรโทสรหิตา ปฺจ กลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬี นาจฺโจทาตาติ อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ, อสมฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ตสฺมา ฉ สรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นฺหารุกลฺยาณํ อฏฺิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปฺจ กลฺยาณสมนฺนาคตา นาม. ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นตฺถิ, อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺเถ าเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ สุวณฺณสามา วา, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ ปน นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปูริตานิ วิย, มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นฺหารุกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึส ทนฺตา สุผุสิตา สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสํวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิปฺปลิเตน, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา. อิติ อิเมหิ ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘ชนปทกลฺยาณี’’ติ วุจฺจติ. ตุวฏนฺติ สีฆํ.
อิมสฺมึ าเน นิวตฺเตสฺสติ, อิมสฺมึ าเน นิวตฺเตสฺสตีติ จินฺเตนฺตเมวาติ โส กิร ตถาคเต คารววเสน ‘‘ปตฺตํ โว, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ¶ . สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. เอวํ ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตเมว สตฺถา วิหารํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ.
มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ
๒๓๑. นวเม สุตวิตฺตโกติ ธมฺมสฺสวนปิโย. ปฏิหารกสฺสาติ โทวาริกสฺส. สจฺจกาเรนาติ สจฺจกิริยาย. สตฺถา ‘‘อุปฺปลวณฺณา อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. เถรี อาคนฺตฺวา สพฺพา ปพฺพาเชตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คตาติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ กถามคฺคํ ทสฺเสนฺเตน วุตฺตํ. เตเนว ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ –
‘‘ตา ¶ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. เอวํ กิร วุตฺเต สตฺถา อุปฺปลวณฺณาย อาคมนํ จินฺเตสีติ เอกจฺเจ วทนฺติ. สตฺถา ปน ตา อุปาสิกาโย อาห – ‘สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพาเชถา’ติ. ตา อนุปุพฺเพน ชนปทจาริกํ จรมานา อนฺตรามคฺเค มหาชเนน อภิหฏสกฺการสมฺมานา ปทสาว วีสโยชนสติกํ มคฺคํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสู’’ติ.
ธมฺมปีตีติ ธมฺมปายโก, ธมฺมํ ปิวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม จ นาเมส น สกฺกา ภาชเนน ยาคุอาทีนิ วิย ปาตุํ, นววิธํ ปน โลกุตฺตรธมฺมํ นามกาเยน ผุสนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกโรนฺโต ปริฺาภิสมยาทีหิ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโต ธมฺมํ ปิวติ นาม. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. วิปฺปสนฺเนนาติ อนาวิเลน นิรุปกฺกิเลเสน. อริยปฺปเวทิเตติ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ ปเวทิเต สติปฏฺานาทิเภเท โพธิปกฺขิยธมฺเม. สทา รมตีติ เอวรูโป ธมฺมปีติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา วิหรนฺโต ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต สทา รมติ อภิรมติ. พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ เถรํ อาลปติ.
สาคตตฺเถรวตฺถุ
๒๓๒. ทสเม ¶ ฉพฺพคฺคิยานํ วจเนนาติ โกสมฺพิกา กิร อุปาสกา อายสฺมนฺตํ สาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิตา เอวมาหํสุ – ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยานํ ทุลฺลภฺจ มนาปฺจ, กึ ปฏิยาเทมา’’ติ? เอวํ วุตฺเต ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู โกสมฺพิเก อุปาสเก เอตทโวจุํ – ‘‘อตฺถาวุโส กาโปติกา, นาม ปสนฺนา ภิกฺขูนํ ทุลฺลภา จ มนาปา จ, ตํ ปฏิยาเทถา’’ติ. อถ โกสมฺพิกา อุปาสกา ฆเร ฆเร กาโปติกํ ปสนฺนํ ปฏิยาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ สาคตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ปิวตุ, ภนฺเต, อยฺโย สาคโต กาโปติกํ ปสนฺนํ, ปิวตุ, ภนฺเต, อยฺโย สาคโต กาโปติกํ ปสนฺน’’นฺติ. อถายสฺมา สาคโต ฆเร ฆเร กาโปติกํ ปสนฺนํ ปิวิตฺวา นครมฺหา นิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร ปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉพฺพคฺคิยานํ วจเนน สพฺพเคเหสุ กาโปติกํ ปสนฺนํ ปฏิยาเทตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาโปติกา นาม กโปตปาทสมานวณฺณา รตฺโตภาสา. ปสนฺนาติ สุรามณฺฑสฺเสตํ อธิวจนํ. วินเย สมุฏฺิตนฺติ สุราปานสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๓๒๖ อาทโย) อาคตํ.
ราธตฺเถรวตฺถุ
๒๓๓. เอกาทสเม ¶ สตฺถา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สฺํ อทาสีติ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชตุํ สฺํ อทาสิ, อาณาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ภควา กิร ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพชฺชํ อลภิตฺวา กิสํ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘โก, ภิกฺขเว, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรามี’’ติ. กึ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรสีติ. อิธ เม, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ, อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรามี’’ติ. สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต. กตฺุโน หิ, สาริปุตฺต, สปฺปุริสา กตเวทิโน, เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชหิ อุปสมฺปาเทหีติ. อฏฺุปฺปตฺติยํ อาคโตติ อลีนจิตฺตชาตกสฺส (ชา. ๑.๒.๑๑-๑๒) อฏฺุปฺปตฺติยํ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.อลีนจิตฺตชาตกวณฺณนา) อาคโต.
นิธีนนฺติ ¶ ตตฺถ ตตฺถ นิทหิตฺวา ปิตานํ หิรฺสุวณฺณาทิปูรานํ นิธิกุมฺภีนํ. ปวตฺตารนฺติ กิจฺฉชีวิเก ทุคฺคตมนุสฺเส อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘เอหิ, เต สุเขน ชีวนุปายํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ นิธิฏฺานํ เนตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อิมํ คเหตฺวา สุขํ ชีวา’’ติ อาจิกฺขิตารํ วิย. วชฺชทสฺสินนฺติ ทฺเว วชฺชทสฺสิโน ‘‘อิมินา นํ อสารุปฺเปน วา ขลิเตน วา สงฺฆมชฺเฌ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ รนฺธคเวสโก จ, อนฺาตํ าปนตฺถาย าตํ อนุคฺคณฺหนตฺถาย สีลาทีนมสฺส วุทฺธิกามตาย ตํ ตํ วชฺชํ โอโลกเนน อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิโต จ. อยํ อิธ อธิปฺเปโต. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘อิมํ คณฺหาหี’’ติ ตชฺเชตฺวาปิ โปเถตฺวาปิ นิธึ ทสฺเสนฺเต โกปํ น กโรติ, ปมุทิโตว โหติ, เอวเมวํ เอวรูเป ปุคฺคเล อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา อาจิกฺขนฺเต โกโป น กาตพฺโพ, ตุฏฺเเนว ภวิตพฺพํ. ‘‘ภนฺเต, มหนฺตํ โว กมฺมํ กตํ มยฺหํ อาจริยุปชฺฌายฏฺาเน ตฺวา โอวทนฺเตหิ, ปุนปิ มํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรตพฺพเมว.
นิคฺคยฺหวาทินฺติ เอกจฺโจ หิ สทฺธิวิหาริกาทีนํ อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา ‘‘อยํ เม มุโขทกทานาทีหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหติ, สเจ นํ วกฺขามิ, น มํ อุปฏฺหิสฺสติ, เอวํ เม ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วตฺตุํ อวิสหนฺโต น นิคฺคยฺหวาที นาม โหติ, โส อิมสฺมึ สาสเน กจวรํ อากิรติ. โย ปน ตถารูปํ วชฺชํ ทิสฺวา วชฺชานุรูปํ ตชฺเชนฺโต ปณาเมนฺโต ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺโต วิหารา นีหรนฺโต สิกฺขาเปติ, อยํ นิคฺคยฺหวาที นาม เสยฺยถาปิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ, ปวยฺห ปวยฺห ¶ , อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร, โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖). เมธาวินฺติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ. ตาทิสนฺติ เอวรูปํ ปณฺฑิตํ ภเชยฺย ปยิรุปาเสยฺย. ตาทิสฺหิ อาจริยํ ภชมานสฺส อนฺเตวาสิกสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย, วฑฺฒิเยว โหติ, โน ปริหานีติ.
โมฆราชตฺเถรวตฺถุ
๒๓๔. ทฺวาทสเม กฏฺวาหนนคเรติ กฏฺวาหเนน คหิตตฺตา เอวํลทฺธนามเก นคเร. อตีเต กิร พาราณสิวาสี เอโก รุกฺขวฑฺฒกี สเก อาจริยเก อทุติโย. ตสฺส โสฬส สิสฺสา เอกเมกสฺส สหสฺสํ อนฺเตวาสิกา. เอวํ เต สตฺตรสาธิกา โสฬส สหสฺสา อาจริยนฺเตวาสิกา ¶ สพฺเพปิ พาราณสึ อุปนิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ปพฺพตสมีปํ คนฺตฺวา รุกฺเข คเหตฺวา ตตฺเถว นานาปาสาทวิกติโย นิฏฺาเปตฺวา กุลฺลํ พนฺธิตฺวา คงฺคาย พาราณสึ อาเนตฺวา สเจ ราชา อตฺถิโก โหติ, รฺโ เอกภูมกํ วา สตฺตภูมกํ วา ปาสาทํ โยเชตฺวา เทนฺติ. โน เจ, อฺเสมฺปิ วิกฺกิณิตฺวา ปุตฺตทารํ โปเสนฺติ. อถ เนสํ เอกทิวสํ อาจริโย ‘‘น สกฺกา วฑฺฒกิกมฺเมน นิจฺจํ ชีวิตุํ, ทุกฺกรฺหิ ชรากาเล เอตํ กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, อุทุมฺพราทโย อปฺปสารรุกฺเข อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อานยึสุ. โส เตหิ กฏฺสกุณํ กตฺวา ตสฺสพฺภนฺตรํ ปวิสิตฺวา วาเตน ยนฺตํ ปูเรสิ. กฏฺสกุโณ สุวณฺณหํสราชา วิย อากาเส ลงฺฆิตฺวา วนสฺส อุปริ จริตฺวา อนฺเตวาสีนํ ปุรโต โอรุหิ.
อถาจริโย สิสฺเส อาห – ‘‘ตาตา อีทิสานิ กฏฺวาหนานิ กตฺวา สกฺกา สกลชมฺพุทีเป รชฺเช คเหตุํ, ตุมฺเหปิ ตาตา เอตานิ กโรถ, รชฺชํ คเหตฺวา ชีวิสฺสาม, ทุกฺกรํ วฑฺฒกิสิปฺเปน ชีวิตุ’’นฺติ. เต ตถา กตฺวา อาจริยสฺส ปฏิเวเทสุํ. ตโต เน อาจริโย อาห – ‘‘กตมํ ตาตา รชฺชํ คณฺหามา’’ติ? พาราณสิรชฺชํ อาจริยาติ. อลํ ตาตา, มา เอตํ รุจิตฺถ, มยฺหิ ตํ คเหตฺวาปิ ‘‘วฑฺฒกิราชา, วฑฺฒกิยุวราชา’’ติ วฑฺฒกิวาทา น มุจฺจิสฺสาม, มหนฺโต ชมฺพุทีโป, อฺตฺถ คจฺฉามาติ. ตโต สปุตฺตทารกา กฏฺวาหนานิ อภิรุหิตฺวา สชฺชาวุธา หุตฺวา หิมวนฺตาภิมุขา คนฺตฺวา หิมวติ อฺตรํ นครํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเนเยว ปจฺจุฏฺํสุ. เต ตตฺถ รชฺชํ คเหตฺวา อาจริยํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โส ‘‘กฏฺวาหโน ราชา’’ติ ปากโฏ อโหสิ, ตํ นครํ เตน คหิตตฺตา ‘‘กฏฺวาหนนคร’’นฺเตว นามํ ลภิ.
ตปจารนฺติ ¶ ตปจรณํ. ปาสาณเจติเย ปิฏฺิปาสาเณ นิสีทีติ ปาสาณกเจติยนฺติ ลทฺธโวหาเร ปิฏฺิปาสาเณ สกฺเกน มาปิเต มหามณฺฑเป นิสีทิ. ตตฺถ กิร มหโต ปาสาณสฺส อุปริ ปุพฺเพ เทวฏฺานํ อโหสิ, อุปฺปนฺเน ปน ภควติ วิหาโร ชาโต, โส เตเนว ปุริมโวหาเรน ‘‘ปาสาณเจติย’’นฺติ วุจฺจติ.
เตน ¶ ปุจฺฉิเต ทุติโย หุตฺวา สตฺถารํ ปฺหํ ปุจฺฉีติ –
‘‘มุทฺธํ มุทฺธาธิปาตฺจ, พาวรี ปริปุจฺฉติ;
ตํ พฺยากโรหิ ภควา, กงฺขํ วินย โน อิเส’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๑) –
เอวํ เตน ปฺเห ปุจฺฉิเต ภควตา จ –
‘‘อวิชฺชา มุทฺธาติ ชานาหิ, วิชฺชา มุทฺธาธิปาตินี;
สทฺธาสติสมาธีหิ, ฉนฺทวีริเยน สํยุตา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๒) –
ปฺเห วิสฺสชฺชิเต ทุติโย หุตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ.
อถสฺส…เป… ปฺหํ กเถสีติ –
‘‘กถํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๒๔) –
เตน ปฺเห ปุจฺฉิเต –
‘‘สฺุโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ, โมฆราช สทา สโต;
อตฺตานุทิฏฺึ อูหจฺจ, เอวํ มจฺจุตโร สิยา;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๒๕) –
ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.
เสสชนาติ ตสฺมึ สมาคเม สนฺนิปติตา เสสชนา. น กถียนฺตีติ ‘‘เอตฺตกา โสตาปนฺนา’’ติอาทินา ¶ น วุจฺจนฺติ. เอวํ ปารายเน วตฺถุ สมุฏฺิตนฺติ ปารายนวคฺเค อิทํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.
จตุตฺถเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เถรปาฬิสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๕. ปฺจมเอตทคฺควคฺควณฺณนา
มหาปชาปติโคตมีเถรีวตฺถุ
๒๓๕. เถริปาฬิสํวณฺณนาย ¶ ปเม ยทิทํ มหาโคตมีติ เอตฺถ ‘‘ยทิทํ มหาปชาปติ โคตมี’’ติ จ ปนฺติ. ตตฺถ โคตมีติ โคตฺตํ. นามกรณทิวเส ¶ ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรฺโ มเหสี ภวิสฺสติ. สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตี’’ติ อุภยถาปิ ‘‘มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ, ตสฺมา ปุตฺตปชาย เจว ธีตุปชาย จ มหนฺตตาย ‘‘มหาปชาปตี’’ติ โวหรึสุ. ตทุภยํ ปน สํสนฺเทตฺวา ‘‘มหาปชาปติโคตมี’’ติ วุตฺตํ. วารภิกฺขนฺติ วาเรน ทาตพฺพํ ภิกฺขํ. นามํ อกํสูติ โคตฺตํเยว นามํ อกํสุ. มาตุจฺฉนฺติ จูฬมาตรํ. มาตุภคินี หิ มาตุจฺฉาติ วุจฺจติ. กลหวิวาทสุตฺตปริโยสาเนติ ‘‘กุโตปหูตา กลหา วิวาทา’’ติอาทินา สุตฺตนิปาเต อาคตสฺส กลหวิวาทสุตฺตสฺส (สุ. นิ. ๘๖๘ อาทโย) ปริโยสาเน. อิทฺจ องฺคุตฺตรภาณกานํ กถามคฺคานุสาเรน วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘ตสฺมึเยว สุตฺตนิปาเต ‘อตฺตทณฺฑาภยํ ชาต’นฺติอาทินา อาคตสฺส อตฺตทณฺฑสุตฺตสฺส (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) ปริโยสาเน’’ติ วทนฺติ. นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตานนฺติ เอตฺถ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย เอเต ปพฺพชิตาติ วทนฺติ. เตเนว สุตฺตนิปาเต อตฺตทณฺฑสุตฺตสํวณฺณนาย (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๙๔๒ อาทโย) วุตฺตํ – ‘‘เทสนาปริโยสาเน ปฺจสตา สากิยกุมารา โกฬิยกุมารา จ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตา. เต คเหตฺวา ภควา มหาวนํ ปาวิสี’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
เขมาเถรีวตฺถุ
๒๓๖. ทุติเย ปรปริยาปนฺนา หุตฺวาติ ปเรสํ ทาสี หุตฺวา. สุวณฺณรสปิฺชโร อโหสีติ สุวณฺณรสปิฺชโร วิย อโหสิ.
มกฺกฏโกว ¶ ชาลนฺติ ยถา นาม มกฺกฏโก สุตฺตชาลํ กตฺวา มชฺฌฏฺาเน นาภิมณฺฑเล นิปนฺโน ปริยนฺเต ปติตํ ปฏงฺคํ วา มกฺขิกํ วา เวเคน คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา ตสฺส รสํ ปิวิตฺวา ปุนาคนฺตฺวา ตสฺมึเยว าเน นิปชฺชติ, เอวเมว เย สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา สยํกตํ ตณฺหาโสตํ อนุปตนฺติ, เต ตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรติกฺกมํ. เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีราติ ปณฺฑิตา เอตํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อนเปกฺขิโน นิราลยา หุตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สพฺพํ ทุกฺขํ ปหาย วชนฺติ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ
๒๓๗. ตติยํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
ปฏาจาราเถรีวตฺถุ
๒๓๘. จตุตฺเถ ปฏิหารสเตนปีติ ทฺวารสเตนปิ. ปฏิหารสทฺโท หิ ทฺวาเร โทวาริเก จ ทิสฺสติ. กุลสภาคนฺติ อตฺตโน เคหสมีปํ.
ตาณายาติ ตาณภาวาย ปติฏฺานตฺถาย. พนฺธวาติ ปุตฺเต จ ปิตโร จ เปตฺวา อวเสสา าติสุหชฺชา. อนฺตเกนาธิปนฺนสฺสาติ มรเณน อภิภูตสฺส. ปวตฺติยฺหิ ปุตฺตาทโย อนฺนปานาทิทาเนน เจว อุปฺปนฺนกิจฺจนิตฺถรเณน จ ตาณา หุตฺวาปิ มรณกาเล เกนจิ อุปาเยน มรณํ ปฏิพาหิตุํ อสมตฺถตาย ตาณตฺถาย เลณตฺถาย น สนฺติ นาม. เตเนว วุตฺตํ – ‘‘นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ.
เอตมตฺถวสนฺติ เอตํ เตสํ อฺมฺสฺส ตาณํ ภวิตุํ อสมตฺถภาวสงฺขาตํ การณํ ชานิตฺวา ปณฺฑิโต จตุปาริสุทฺธิสีเลน สํวุโต รกฺขิตโคปิโต หุตฺวา นิพฺพานคมนํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ สีฆํ โสเธยฺยาติ อตฺโถ.
ธมฺมทินฺนาเถรีวตฺถุ
๒๓๙. ปฺจเม ปรายตฺตฏฺาเนติ ปเรสํ ทาสิฏฺาเน. สุชาตตฺเถรสฺส อธิการกมฺมํ กตฺวาติ สา กิร อตฺตโน เกเส วิกฺกิณิตฺวา สุชาตตฺเถรสฺส นาม อคฺคสาวกสฺส ทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ ¶ . ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. หตฺเถ ปสาริเตติ ตสฺส หตฺถาวลมฺพนตฺถํ ปุพฺพาจิณฺณวเสน หตฺเถ ปสาริเต. โส กิร อนาคามี หุตฺวา เคหํ อาคจฺฉนฺโต ยถา อฺเสุ ทิวเสสุ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต สิตํ กุรุมาโน หสมาโน อาคจฺฉติ, เอวํ อนาคนฺตฺวา สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส หุตฺวา อคมาสิ. ธมฺมทินฺนา สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา วีถึ โอโลกยมานา ตสฺส อาคมนาการํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กุรุมานา โสปานสีเส ตฺวา โอลมฺพนตฺถํ หตฺถํ ปสาเรสิ. อุปาสโก อตฺตโน หตฺถํ สมิฺเชสิ. สา ¶ ‘‘ปาตราสโภชนกาเล ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสโก ปุพฺเพ ตาย สทฺธึ เอกโต ภฺุชติ. ตํ ทิวสํ ปน ตํ อนปโลเกตฺวา โยคาวจรภิกฺขุ วิย เอกโกว ภฺุชิ. เตนาห – ‘‘ภฺุชมาโนปิ อิมํ เทถ, อิมํ หรถาติ น พฺยาหรี’’ติ. ตตฺถ อิมํ เทถาติ อิมํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา เทถ. อิมํ หรถาติ อิมํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา อปหรถ. สนฺถววเสนาติ กิเลสสนฺถววเสน. จิรกาลปริภาวิตาย ฆฏทีปชาลาย วิย อพฺภนฺตเร ทิพฺพมานาย เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมานา อาห – ‘‘เอวํ สนฺเต…เป… มยฺหํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาถา’’ติ.
อยํ ตาว เสฏฺิ ฆรมชฺเฌ ิโตว ทุกฺขสฺสนฺตํ อกาสีติ สา กิร ‘‘ธมฺมทินฺเน ตุยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ปน อชฺช ปฏฺาย สนฺถววเสน…เป… กุลฆรํ คจฺฉา’’ติ วุตฺเต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปกติปุริโส เอวํ วตฺตา นาม นตฺถิ, อทฺธา เอเตน โลกุตฺตรธมฺโม นาม ปฏิวิทฺโธ’’ติ. เตนสฺสา อยํ สงฺกปฺโป อโหสิ ‘‘อยํ ตาว เสฏฺิ ฆรมชฺเฌ ิโตว ทุกฺขสฺสนฺตํ อกาสี’’ติ. มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๖๐) ปน ‘‘อถ กสฺมา มยา สทฺธึ ยถาปกติยา อาลาปสลฺลาปมตฺตมฺปิ น กโรถาติ โส จินฺเตสิ – ‘อยํ โลกุตฺตรธมฺโม นาม ครุ ภาริโย น ปกาเสตพฺโพ; สเจ โข ปนาหํ น กเถสฺสามิ, อยํ หทยํ ผาเลตฺวา เอตฺเถว กาลํ กเรยฺยา’ติ ตสฺสา อนุคฺคหตฺถาย กเถสิ – ‘ธมฺมทินฺเน อหํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นาม อธิคโต, ตํ อธิคตสฺส เอวรูปา โลกิยกิริยา น วฏฺฏตี’’’ติ วุตฺตํ.
ปฺจกฺขนฺธาทิวเสน ปฺเห ปุจฺฉีติ ‘‘สกฺกาโย สกฺกาโยติ อยฺเย วุจฺจติ, กตโม นุ โข อยฺเย สกฺกาโย วุตฺโต ภควตา’’ติอาทินา จูฬเวทลฺลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) อาคตนเยน ปุจฺฉิ. ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ วิสฺสชฺเชสีติ ‘‘ปฺจ โข อิเม, อาวุโส วิสาข, อุปาทานกฺขนฺธา สกฺกาโย วุตฺโต ภควตา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) ตตฺเถว อาคตนเยน วิสฺสชฺเชสิ. สูรภาวนฺติ ติกฺขภาวํ. อนธิคตอรหตฺตมคฺคสฺส อุคฺคเหน ¶ วินา ตตฺถ ปฺโห น อุปฏฺาตีติ อาห – ‘‘อุคฺคหวเสน อรหตฺตมคฺเคปิ ปุจฺฉี’’ติ. ตํ นิวตฺเตนฺตีติ ‘‘วิมุตฺติยา ปนายฺเย กึ ปฏิภาโค’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘วิมุตฺติยา โข, อาวุโส วิสาข, นิพฺพานํ ปฏิภาโค’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) วุตฺเต ‘‘นิพฺพานสฺส, ปนายฺเย, กึ ปฏิภาโค’’ติ ปุน ปุจฺฉิเต ตํ นิวตฺเตนฺตี ‘‘อจฺจสราวุโส ¶ วิสาขา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อจฺจสราติ อปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉนฺโต ปฺหํ อติกฺกามิตา อโหสีติ อตฺโถ. นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุนฺติ ปฺหานํ ปริจฺเฉทปฺปมาณํ คเหตุํ นาสกฺขิ. ปฺหานฺหิ ปริจฺเฉทํ คเหตุํ ยุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตโต ปรํ ปุจฺฉนฺโต นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุํ. อปฺปฏิภาคธมฺมสฺส จ ปฏิภาคํ ปุจฺฉิ. นิพฺพานํ นาเมตํ อปฺปฏิภาคํ, น สกฺกา นีลํ วา ปีตกํ วาติ เกนจิ ธมฺเมน สทฺธึ ปฏิภาคํ กตฺวา ทสฺเสตุํ, ตฺจ ตฺวํ อิมินา อธิปฺปาเยน ปุจฺฉสีติ อตฺโถ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานํ โอคาเหตฺวา ิตํ, นิพฺพานนฺโตคธํ นิพฺพานํ อนุปฺปวิฏฺนฺติ อตฺโถ. นิพฺพานปรายณนฺติ นิพฺพานํ ปรํ อยนมสฺส ปราคติ, น ตโต ปรํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปริโยสานํ อวสานํ อสฺสาติ นิพฺพานปริโยสานํ.
ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ ขนฺเธสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ. อกิฺจนนฺติ ยสฺส เอเตสุ ตีสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ กิฺจนํ นตฺถิ, ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
ปณฺฑิตาติ ธาตุอายตนาทิกุสลตาสงฺขาเตน ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ปณฺฑิโต โหติ? ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ อายตนกุสโล จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ านาฏฺานกุสโล จ, เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ปณฺฑิโต โหตี’’ติ.
มหาปฺาติ มหนฺเต อตฺเถ มหนฺเต ธมฺเม มหนฺตา นิรุตฺติโย มหนฺตานิ ปฏิภานานิ ปริคฺคหเณ สมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคตา. อิมิสฺสา หิ เถริยา อเสกฺขปฺปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตตาย ปฏิสมฺภิทาโย ปูเรตฺวา ิตตาย ปฺามหตฺตํ. ยถา ตํ ธมฺมทินฺนายาติ ยถา ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา พฺยากตํ, อหํ เอวเมว พฺยากเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ตนฺติ นิปาตมตฺถํ.
นนฺทาเถรีวตฺถุ
๒๔๐. ฉฏฺเ ¶ ¶ อฺํ มคฺคํ อปสฺสนฺตีติ อฺํ อุปายํ อปสฺสนฺตี. วิสฺสตฺถาติ นิราสงฺกา. อิตฺถินิมิตฺตนฺติ อิตฺถิยา สุภนิมิตฺตํ, สุภาการนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมปเท คาถํ วตฺวาติ –
‘‘อฏฺีนํ นครํ กตํ, มํสโลหิตเลปนํ;
ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๐) –
อิมํ คาถํ วตฺวา. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยเถว หิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทีนํ โอทหนตฺถาย กฏฺานิ อุสฺสาเปตฺวา วลฺลีหิ พนฺธิตฺวา มตฺติกาย วิลิมฺปิตฺวา นครสงฺขาตํ พหิทฺธา เคหํ กโรนฺติ, เอวมิทํ อชฺฌตฺติกมฺปิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา นฺหารุวินทฺธํ มํสโลหิตเลปนํ ตจปฏิจฺฉนฺนํ ชีรณลกฺขณาย ชราย มรณลกฺขณสฺส มจฺจุโน อาโรคฺยสมฺปทาทีนิ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนลกฺขณสฺส มานสฺส สุกตการณวินาสนลกฺขณสฺส มกฺขสฺส จ โอทหนตฺถาย นครํ กตํ. เอวรูโป เอว หิ เอตฺถ กายิกเจตสิโก อาพาโธ โอหิโต, อิโต อุทฺธํ กิฺจิ คยฺหูปคํ นตฺถีติ.
สุตฺตํ อภาสีติ –
‘‘จรํ วา ยทิ วา ติฏฺํ, นิสินฺโน อุท วา สยํ;
สมิฺเชติ ปสาเรติ, เอสา กายสฺส อิฺชนา.
‘‘อฏฺินหารุสํยุตฺโต, ตจมํสาวเลปโน;
ฉวิยา กาโย ปฏิจฺฉนฺโน, ยถาภูตํ น ทิสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๙๕-๑๙๖) –
อาทินา สุตฺตมภาสิ.
โสณาเถรีวตฺถุ
๒๔๑. สตฺตเม ¶ สพฺเพปิ วิสุํ วิสุํ ฆราวาเส ปติฏฺาเปสีติ เอตฺถ สพฺเพปิ วิสุํ วิสุํ ฆราวาเส ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ปุตฺตาว มํ ปฏิชคฺคิสฺสนฺติ, กึ เม วิสุํ กุฏุมฺเพนา’’ติ สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ วิภชิตฺวา อทาสีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว หิ ตโต ปฏฺาย ‘‘อยํ อมฺหากํ กึ กริสฺสตี’’ติ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘มาตา’’ติ สฺมฺปิ น กรึสุ. ตถา หิ นํ กติปาหจฺจเยน เชฏฺปุตฺตสฺส ภริยา ‘‘อโห อมฺหากํ อยํ เชฏฺเปุตฺโต ¶ เมติ ทฺเว โกฏฺาเส ทตฺวา วิย อิมเมว เคหํ อาคจฺฉตี’’ติ อาห. เสสปุตฺตานํ ภริยาโยปิ เอวเมวํ วทึสุ. เชฏฺธีตรํ อาทึ กตฺวา ตาสํ เคหํ คตกาเล ตาปิ นํ เอวเมว วทึสุ. สา อวมานปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘กึ เม อิเมสํ สนฺติเก วุตฺเถน, ภิกฺขุนี หุตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ, ตา นํ ปพฺพาเชสุํ. อิมเมว วตฺถุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหุปุตฺติกโสณา เตสํ อตฺตนิ อคารวภาวํ ตฺวา ‘ฆราวาเสน กึ กริสฺสามี’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชี’’ติ อาห.
วิหารํ คจฺฉนฺติโยติ ภิกฺขุวิหารํ คจฺฉนฺติโย. ธมฺมมุตฺตมนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมํ. โส หิ อุตฺตมธมฺโม นาม โย หิ ตํ น ปสฺสติ, ตสฺส วสฺสสตมฺปิ ชีวนโต ตํ ธมฺมํ ปสฺสนฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส เอกาหมฺปิ เอกกฺขณมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย. อาคนฺตุกชโนติ วิหารคตํ ภิกฺขุนีชนํ สนฺธาย วทติ. อนุปธาเรตฺวาติ อสลฺลกฺเขตฺวา.
พกุลาเถรีวตฺถุ
กุณฺฑลเกสาเถรีวตฺถุ
๒๔๓. นวเม จตุกฺเกติ วีถิจตุกฺเก. จตุนฺนํ สมาหาโร จตุกฺกํ. จารกโตติ พนฺธนาคารโต. อุพฺพฏฺเฏตฺวาติ อุทฺธริตฺวา.
มุหุตฺตมปิ จินฺตเยติ มุหุตฺตํ ตงฺขณมฺปิ านุปฺปตฺติกปฺาย ตงฺขณานุรูปํ อตฺถํ จินฺติตุํ สกฺกุเณยฺย. สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสํหิตาติ อยํ คาถา ทารุจีริยตฺเถรสฺส ภควตา ภาสิตา, อิธาปิ จ สาเยว คาถา ทสฺสิตา. เถริคาถาสํวณฺณนายํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ กุณฺฑลเกสิตฺเถริยา ¶ วตฺถุมฺหิ อยเมว คาถา วุตฺตา. ธมฺมปทฏฺกถายํ ปน กุณฺฑลเกสิตฺเถริยา วตฺถุมฺหิ –
‘‘โย จ คาถาสตํ ภาเส, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ ธมฺมปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๐๒) –
อยํ คาถา อาคตา. ตํตํภาณกานํ กถามคฺคานุสาเรน ตตฺถ ตตฺถ ตถา วุตฺตนฺติ น อิธ อาจริยสฺส ปุพฺพาปรวิโรโธ สงฺกิตพฺโพ.
ภทฺทากาปิลานีเถรี-ภทฺทากจฺจานาเถรีวตฺถุ
๒๔๔-๒๔๕. ทสมํ ¶ เอกาทสมฺจ อุตฺตานตฺถเมว.
กิสาโคตมีเถรีวตฺถุ
๒๔๖. ทฺวาทสเม ตีหิ ลูเขหีติ วตฺถลูขสุตฺตลูขรชนลูขสงฺขาเตหิ ตีหิ ลูเขหิ. สิทฺธตฺถกนฺติ สาสปพีชํ.
ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตนฺติ ตํ รูปพลาทิสมฺปนฺเน ปุตฺเต จ ปสู จ ลภิตฺวา ‘‘มม ปุตฺตา อภิรูปา พลสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา สพฺพกิจฺจสมตฺถา, มม โคโณ อโรโค อภิรูโป มหาภารวโห, มม คาวี พหุขีรา’’ติ เอวํ ปุตฺเตหิ จ ปสูหิ จ สมฺมตฺตํ นรํ. พฺยาสตฺตมนสนฺติ จกฺขุวิฺเยฺยาทีสุ อารมฺมเณสุ หิรฺสุวณฺณาทีสุ ปตฺตจีวราทีสุ วา ยํ ยํ ลทฺธํ โหติ, ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺคนาย สตฺตมานสํ. สุตฺตํ คามนฺติ นิทฺทํ อุปคตํ สตฺตกายํ. มโหโฆวาติ ยถา เอวรูปํ คามํ คมฺภีรโต วิตฺถารโต จ มหนฺโต มหานทิโอโฆ อนฺตมโส สุนขมฺปิ อเสเสตฺวา สพฺพํ อาทาย คจฺฉติ, เอวํ วุตฺตปฺปการํ นรํ มจฺจุ อาทาย คจฺฉตีติ อตฺโถ. อมตํ ปทนฺติ มรณรหิตํ โกฏฺาสํ, อมตํ มหานิพฺพานนฺติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
สิงฺคาลกมาตาเถรีวตฺถุ
๒๔๗. เตรสมํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
(ปฺจมเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.)
เถริปาฬิสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๖. ฉฏฺเอตทคฺควคฺควณฺณนา
ตปุสฺส-ภลฺลิกวตฺถุ
๒๔๘. อุปาสกปาฬิสํวณฺณนาย ¶ ¶ ปเม สพฺพปมํ สรณํ คจฺฉนฺตานนฺติ สพฺเพสํ ปมํ หุตฺวา สรณํ คจฺฉนฺตานํ. อิโต ปรนฺติ สตฺตสตฺตาหโต ปรํ. คมนูปจฺเฉทํ อกาสีติ คมนวิจฺเฉทํ อกาสิ. ยถา เต โคณา ธุรํ ฉฑฺเฑตฺวา โปถิยมานาปิ น คจฺฉนฺติ, ตถา อกาสีติ อตฺโถ. เตสนฺติ ตปุสฺสภลฺลิกานํ. อธิมุจฺจิตฺวาติ อาวิสิตฺวา. ยกฺขสฺส อาวฏฺโฏ ยกฺขาวฏฺโฏ. เอวํ เสเสสุปิ. อตีตพุทฺธานํ อาจิณฺณํ โอโลเกสีติ อตีตพุทฺธา เกน ภาชเนน ปฏิคฺคณฺหึสูติ พุทฺธาจิณฺณํ โอโลเกสิ. ทฺเววาจิเก สรเณ ปติฏฺายาติ สงฺฆสฺส อนุปฺปนฺนตฺตา พุทฺธธมฺมวเสน ทฺเววาจิเก สรเณ ปติฏฺหิตฺวา. เจติยนฺติ ปูชนียวตฺถุํ. ชีวเกสธาตุยาติ ชีวมานสฺส ภควโต เกสธาตุยา.
อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ
๒๔๙. ทุติเย เตเนว คุเณนาติ เตเนว ทายกภาวสงฺขาเตน คุเณน. โส หิ สพฺพกามสมิทฺธตาย วิคตมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑมทาสิ. เตน สพฺพกาลํ อุปฏฺิโต อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺส อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโกติ สงฺขํ คโต. โยชนิกวิหาเร กาเรตฺวาติ โยชเน โยชเน เอกเมกํ วิหารํ กาเรตฺวา. ‘‘เอวรูปํ ทานํ ปวตฺเตสี’’ติ วตฺวา ตเมว ทานํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เทวสิกํ ปฺจ สลากภตฺตานิ โหนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สลากาย คาเหตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ. เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกภตฺตํ. ธุรเคเห เปตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ ธุรภตฺตํ. อาคนฺตุกานํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. ปฺจ อาสนสตานิ เคเห นิจฺจปฺตฺตาเนว โหนฺตีติ เคเห นิสีทาเปตฺวา ภฺุชนฺตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจ อาสนสตานิ นิจฺจปฺตฺตานิ โหนฺติ.
จิตฺตคหปติวตฺถุ
๒๕๐. ตติเย ¶ มิคา เอว มิครูปานิ. ภิกฺขํ สมาทาเปตฺวาติ, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อนุคฺคหํ กโรถ, อิธ นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ ภิกฺขาคหณตฺถํ สมาทาเปตฺวา ¶ . วิวฏฺฏํ อุทฺทิสฺส อุปจิตํ นิพฺเพธภาคิยกุสลํ อุปนิสฺสโย. สฬายตนวิภตฺติเมว เทเสสีติ สฬายตนวิภาคปฺปฏิสํยุตฺตเมว ธมฺมกถํ กเถสิ. เถเรนาติ ตตฺถ สนฺนิหิตานํ สพฺเพสํ เชฏฺเน มหาเถเรน. ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตนาติ จิตฺเตน คหปตินา ‘‘ยา อิมา, ภนฺเต เถร, อเนกวิหิตา ทิฏฺิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ วา, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘โหติ จ น โหติ จ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา ยานิ จิมานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ พฺรหฺมชาเล คณิตานิ, อิมา นุ โข, ภนฺเต, ทิฏฺิโย กิสฺมึ สติ โหนฺติ, กิสฺมึ อสติ น โหนฺตี’’ติ เอวมาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๔๕) ปฺเห ปุฏฺเ ตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตน. อิมํ กิร ปฺหํ ยาวตติยํ ปุฏฺโ มหาเถโร ตุณฺหี อโหสิ. อถ อิสิทตฺตตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เถโร เนว อตฺตนา พฺยากโรติ, น อฺํ อชฺเฌสติ, อุปาสโก จ ภิกฺขุสงฺฆํ วิเหสติ, อหเมตํ พฺยากริตฺวา ผาสุวิหารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา จ อาสนโต วุฏฺาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘พฺยากโรมหํ, ภนฺเต, จิตฺตสฺส คหปติโน เอตํ ปฺห’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๕) อาห. เอวํ วุตฺเต เถโร ‘‘พฺยากโรหิ ตฺวํ, อาวุโส อิสิทตฺต, จิตฺตสฺส คหปติโน เอตํ ปฺห’’นฺติ อิสิทตฺตํ อชฺเฌสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตน อชฺฌิฏฺโ’’ติ.
ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ ‘‘ยา อิมา, คหปติ, อเนกวิหิตา ทิฏฺิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ยานิ จิมานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ พฺรหฺมชาเล คณิตานิ, อิมา โข, คหปติ, ทิฏฺิโย สกฺกายทิฏฺิยา สติ โหนฺติ, สกฺกายทิฏฺิยา อสติ น โหนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา. คิหิสหายกภาเว าเตติ เถรสฺส คิหิสหายกภาเว จิตฺเตน คหปตินา าเต. จิตฺโต กิร, คหปติ, ตสฺส ปฺหเวยฺยากรเณ ตุฏฺโ ‘‘กุโต, ภนฺเต, อยฺโย อิสิทตฺโต อาคจฺฉตี’’ติ วตฺวา ‘‘อวนฺติยา โข อหํ, คหปติ, อาคจฺฉามี’’ติ วุตฺโต ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, อวนฺติยา ¶ อิสิทตฺโต นาม กุลปุตฺโต อมฺหากํ อทิฏฺสหาโย ปพฺพชิโต, ทิฏฺโ โส อายสฺมตา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จ ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ วตฺวา ‘‘กหํ นุ โข, ภนฺเต, โส อายสฺมา เอตรหิ วิหรตี’’ติ ปุน ปุฏฺโ ¶ ตุณฺหี อโหสิ. อถ จิตฺโต คหปติ ‘‘อยฺโย โน, ภนฺเต, อิสิทตฺโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน คิหิสหายภาวํ อฺาสิ.
เตโชสมาปตฺติปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวาติ เอกสฺมึ กิร ทิวเส จิตฺโต คหปติ ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, อยฺโย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตู’’ติ มหาเถรํ ยาจิ. เถโร ‘‘เตน หิ ตฺวํ, คหปติ, อาฬินฺเท อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ ติณกลาปํ โอกิรา’’ติ วตฺวา เตน จ ตถา กเต สยํ วิหารํ ปวิสิตฺวา จ ฆฏิกํ ทตฺวา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา ตาฬจฺฉิคฺคเฬน จ อคฺคฬนฺตริกาย จ อจฺจิ นิกฺขมิตฺวา ติณานิ ฌาเปติ, อุตฺตราสงฺคํ น ฌาเปติ. อถ จิตฺโต คหปติ อุตฺตราสงฺคํ ปปฺโผเฏตฺวา สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เอกมนฺตํ ิโต เถรํ พหิ นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อภิรมตุ, ภนฺเต, อยฺโย มจฺฉิกาสณฺเฑ, รมณียํ อมฺพาฏกวนํ, อหํ อยฺยสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ อาห. ตโต เถโร ‘‘น ทานิ อิธ วสิตุํ สกฺกา’’ติ ตมฺหา วิหารา ปกฺกามิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘เตโชสมาปตฺติ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ‘อิทานิ อิธ วสิตุํ น ยุตฺต’นฺติ ยถาสุขํ ปกฺกามี’’ติ. ทฺเว อคฺคสาวกาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิตฺถารโต วินยปาฬิยํ อาคตเมว.
สทฺโธติ โลกิยโลกุตฺตราย สทฺธาย สมนฺนาคโต. สีเลนาติ อคาริยสีลํ อนคาริยสีลนฺติ ทุวิธํ สีลํ, เตสุ อิธ อคาริยํ สีลํ อธิปฺเปตํ, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยโสโภคสมปฺปิโตติ ยาทิโส อนาถปิณฺฑิกาทีนํ ปฺจอุปาสกสตปริวารสงฺขาโต อคาริโย ยโส, ตาทิเสเนว ยเสน, โย จ ธนธฺาทิโก เจว สตฺตวิธอริยธนสงฺขาโต จาติ ทุวิโธ โภโค, เตน จ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยํ ยํ ปเทสนฺติ ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ เอวรูโป กุลปุตฺโต ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺถ เอวรูเปน ลาภสกฺกาเรน ปูชิโตว โหตีติ อตฺโถ.
หตฺถกอาฬวกวตฺถุ
๒๕๑. จตุตฺเถ ¶ จตุพฺพิเธน สงฺคหวตฺถุนาติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตน จตุพฺพิเธน สงฺคหวตฺถุนา. ‘‘สฺเว ภตฺตจาฏิยา สทฺธึ อาฬวกสฺส เปเสตพฺโพ อโหสี’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ – ‘‘ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา’’ติอาทิมาห. มิควตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวาติ อาฬวโก ราชา วิวิธนาฏกูปโภคํ ฉฑฺเฑตฺวา โจรปฺปฏิพาหนตฺถฺจ ปฏิราชนิเสธนตฺถฺจ พฺยายามกรณตฺถฺจ สตฺตเม สตฺตเม ทิวเส มิควํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ พลกาเยน สทฺธึ ‘‘ยสฺส ปสฺเสน ¶ มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส ภาโร’’ติ กตกติกวตฺโต มิควตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา. เอกํ มิคนฺติ อตฺตโน ิตฏฺาเนน ปลาตํ เอณิมิคํ. อนุพนฺธิตฺวาติ ติโยชนมคฺคํ เอกโกว อนุพนฺธิตฺวา. ชวสมฺปนฺโน หิ ราชา ธนุํ คเหตฺวา ปตฺติโกว ติโยชนํ ตํ มิคมนุพนฺธิ. ฆาเตตฺวาติ ยสฺมา เอณิมิคา ติโยชนเวคา เอว โหนฺติ, ตสฺมา ปริกฺขิณชวํ ตํ มิคํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ิตํ ฆาเตตฺวา. ทฺวิธา เฉตฺวา ธนุโกฏิยํ ลเคตฺวา นิวตฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺโตติ อนตฺถิโกปิ มํเสน ‘‘นาสกฺขิ มิคํ คเหตุ’’นฺติ อปวาทโมจนตฺถํ ทฺวิธา ฉินฺนํ ธนุโกฏิยํ ลเคตฺวา อาคจฺฉนฺโต. สนฺทจฺฉายนฺติ ฆนจฺฉายํ พหลปตฺตปลาสํ.
รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตาติ อาฬวกํ ยกฺขํ สนฺธาย วทติ. โส หิ มหาราชูนํ สนฺติกา วรํ ลภิตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสํ ปวิฏฺเ ปาณิโน ขาทนฺโต ตตฺถ ปฏิวสติ. อาฬวกสฺส นิสีทนปลฺลงฺเก นิสีทีติ ยตฺถ อภิลกฺขิเตสุ มงฺคลทิวสาทีสุ อาฬวโก นิสีทิตฺวา สิรึ อนุโภติ, ตสฺมึเยว ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก นิสีทิ. อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตาติ ตทา กิร สาตาคิรเหมวตา ภควนฺตํ เชตวเนเยว วนฺทิตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ สปริวารา นานายาเนหิ อากาเสน คจฺฉนฺติ, อากาเส จ ยกฺขานํ น สพฺพตฺถ มคฺโค อตฺถิ, อากาสฏฺานิ วิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺคฏฺาเนเนว มคฺโค โหติ, อาฬวกสฺส ปน วิมานํ ภูมฏฺํ สุคุตฺตํ ปาการปริกฺขิตฺตํ สุสํวิหิตทฺวารฏฺฏาลกโคปุรํ อุปริ กํสชาลสฺฉนฺนมฺชูสาสทิสํ ติโยชนํ อุพฺเพเธน, ตสฺส อุปริ มคฺโค โหติ, เต ตํ ปเทสมาคมฺม คนฺตุมสมตฺถา ¶ อเหสุํ. พุทฺธานฺหิ นิสินฺโนกาสสฺส อุปริภาเคน ยาว ภวคฺคา โกจิ คนฺตุมสมตฺโถ, ตสฺมา อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชสุํ. เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสีติ ยสฺมา อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา โหติ ทุสฺสีลาทีนํ สีลกถาทโย วิย, ตสฺมา เตสํ ยกฺขานํ สนฺติกา ภควโต ปสํสํ สุตฺวา เอว อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนโกเปน ปฏปฏายมานหทโย หุตฺวา จินฺเตสิ. ปพฺพตกูฏนฺติ เกลาสปพฺพตกูฏํ.
อิโต ปฏฺาย อาฬวกยุทฺธํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ โส กิร มโนสิลาตเล วามปาเทน ตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทานิ ตุมฺหากํ วา สตฺถา มหานุภาโว, อหํ วา’’ติ ทกฺขิณปาเทน สฏฺิโยชนมตฺตํ เกลาสกูฏปพฺพตํ อกฺกมิ, ตํ อโยกูฏปฺปหโต วิย นิทฺธนฺตอยปิณฺโฑ ปปฏิกาโย มฺุจิ. โส ตตฺร ตฺวา ‘‘อหํ อาฬวโก’’ติ อุคฺโฆเสสิ, สกลชมฺพุทีปํ สทฺโท ผริ. ติโยชนสหสฺสวิตฺถตหิมวาปิ สมฺปกมฺปิ ยกฺขสฺสานุภาเวน. โส วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘เอเตเนว สมณํ ¶ ปลาเปสฺสามี’’ติ. เต ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูเลตฺวา อาฬวินครํ ปกฺขนฺทา ชิณฺณหตฺถิสาลาทีนิ จุณฺเณนฺตา ฉทนิฏฺกา อากาเส ภเมนฺตา. ภควา ‘‘มา กสฺสจิ อุปโรโธ โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. เต วาตา ทสพลํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘อุทเกน อชฺโฌตฺถริตฺวา สมณํ มาเรสฺสามี’’ติ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา ปวสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริ มโหโฆ อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬานิ สมฺปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธารา อุภโตธารา อสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ.
ตโต ¶ องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปติ. ตโต วาลิกวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมา วาลิกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพคนฺธํ หุตฺวา นิปติ. ตโต อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ภึเสตฺวา สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ. จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อนฺธการสทิสํ หุตฺวา ทสพลํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตมิวนฺธการํ อนฺตรธายิ. เอวํ ยกฺโข อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณงฺคารกุกฺกุฬวาลิกกลลนฺธการวุฏฺีหิ ภควนฺตํ ปลาเปตุมสกฺโกนฺโต นานาวิธปฺปหรณหตฺถอเนกปฺปการรูปภูตคณสมากุลาย จตุรงฺคินิยา เสนาย สยเมว ภควนฺตํ อภิคโต. เต ภูตคณา อเนกปฺปการวิกาเร กตฺวา ‘‘คณฺหถ หนถา’’ติ ภควโต อุปริ อาคจฺฉนฺตา วิย จ โหนฺติ. อปิจ โข นิทฺธนฺตโลหปิณฺฑํ วิย มกฺขิกา ภควนฺตํ อลฺลียิตุมสมตฺถา เอว อเหสุํ.
เอวํ สพฺพรตฺตึ อเนกปฺปการวิภึสาการทสฺสเนนปิ ภควนฺตํ จาเลตุมสกฺโกนฺโต อาฬวโก จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เกนจิ อเชยฺยํ ทุสฺสาวุธํ มฺุเจยฺย’’นฺติ. สเจ หิ โส ทุฏฺโ อากาเส ตํ ทุสฺสาวุธํ มฺุเจยฺย, ทฺวาทส วสฺสานิ เทโว น วสฺเสยฺย. สเจ ปถวิยํ มฺุเจยฺย ¶ , สพฺพรุกฺขติณาทีนิ สุสฺสิตฺวา ทฺวาทสวสฺสนฺตรํ น ปุน รุเหยฺยุํ. สเจ สมุทฺเท มฺุเจยฺย, ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย สพฺพํ สุสฺเสยฺย. สเจ สิเนรุปพฺพเต มฺุเจยฺย, ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา วิกิเรยฺย. โส เอวํมหานุภาวํ ทุสฺสาวุธํ อุตฺตริสาฏกํ มฺุจิตฺวา อคฺคเหสิ. เยภุยฺเยน ทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตา เวเคน สนฺนิปตึสุ ‘‘อชฺช ภควา อาฬวกํ ทเมสฺสติ, ตตฺถ ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ. ยุทฺธทสฺสนกามาปิ เทวตา สนฺนิปตึสุ. เอวํ สกลมฺปิ อากาสํ เทวตาหิ ปริปุณฺณํ อโหสิ. อถาฬวโก ภควโต สมีเป อุปรูปริ วิจริตฺวา วตฺถาวุธํ มฺุจิ ¶ . ตํ อสนิจกฺกํ วิย อากาเส เภรวสทฺทํ กโรนฺตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ ภควนฺตํ ปตฺวา ยกฺขสฺส มานมทฺทนตฺถํ ปาทปฺุฉนโจฬํ หุตฺวา ปาทมูเล นิปติ. อาฬวโก ตํ ทิสฺวา ฉินฺนวิสาโณ วิย อุสโภ, อุทฺธฏทาโ วิย สปฺโป นิตฺเตโช นิมฺมโท นิปาติตมานทฺธโช อโหสิ. เอวมิทํ อาฬวกยุทฺธํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
อฏฺ ปฺเห ปุจฺฉีติ –
‘‘กึ สูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ,
กึ สุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ;
กึ สุ หเว สาทุตรํ รสานํ,
กถํ ชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) –
อาทินา อฏฺ ปฺเห ปุจฺฉิ. สตฺถา วิสฺสชฺเชสีติ –
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ,
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ,
ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔) –
อาทินา วิสฺสชฺเชสิ. วิกฺกนฺทมานายาติ อจฺจนฺตํ ปริเทวมานาย.
มหานามสกฺกวตฺถุ
๒๕๒. ปฺจเม ¶ สตฺถา ตโต ปรํ ปฏิฺํ นาทาสีติ สํวจฺฉรโต ปรํ สิกฺขาปทปฺตฺติยา ปจฺจยปฺปวารณาสาทิยนสฺส วาริตตฺตา ‘‘ปฏิฺํ นาทาสี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ ภควา ตติยวาเรปิ มหานาเมน สกฺเกน ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ ยาวชีวํ เภสชฺเชน ปวาเรตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๓๐๔-๓๐๕) วุตฺเต ‘‘สาธุ สาธุ, มหานาม, เตน หิ ตฺวํ, มหานาม, สงฺฆํ ยาวชีวํ เภสชฺเชน ปวาเรหี’’ติ ปฏิฺํ อทาสิเยว. เอวํ ปฏิฺํ ทตฺวา ปจฺฉา ฉพฺพคฺคิเยหิ ภิกฺขูหิ มหานามสฺส สกฺกสฺส วิเหิตภาวํ สุตฺวา ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ ‘‘อคิลาเนน ภิกฺขุนา จาตุมาสปฺปจฺจยปวารณา สาทิตพฺพา อฺตฺร ปุนปฺปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปฺปวารณาย. ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ. ตสฺมา ปมํ อนุชานิตฺวาปิ ปจฺฉา สิกฺขาปทพนฺธเนน วาริตตฺตา ‘‘ปฏิฺํ นาทาสี’’ติ วุตฺตํ.
อุคฺคคหปตฺยาทิวตฺถุ
๒๕๓-๒๕๖. ฉฏฺสตฺตมอฏฺมนวมานิ ¶ สุวิฺเยฺยาเนว.
นกุลปิตุคหปติวตฺถุ
๒๕๗. ทสเม สุสุมารคิรินคเรติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส วตฺถุปริคฺคหทิวเส อวิทูเร อุทกรหเท สุสุมาโร สทฺทมกาสิ, คิรํ นิจฺฉาเรสิ. อถ นคเร อนนฺตราเยน มาปิเต ตเมว สุสุมารคิรกรณํ สุภนิมิตฺตํ กตฺวา ‘‘สุสุมารคิรี’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. เกจิ ปน ‘‘สุสุมารสณฺานตฺตา สุสุมาโร นาม เอโก คิริ, โส ตสฺส นครสฺส สมีเป, ตสฺมา ตํ สุสุมารคิริ เอตสฺส อตฺถีติ สุสุมารคิรีติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. เภสกฬาวเนติ เภสกฬานามเก วเน. ‘‘เภสกลาวเน’’ติปิ ปาโ. กถํ ปน ภควติ เนสํ ปุตฺตสฺา ปติฏฺาสีติ อาห – ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ. ทหรสฺเสว ทหรา อานีตาติ เม ทหรสฺเสว สโต ทหรา อานีตาติ อตฺโถ. อติจริตาติ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต.
(ฉฏฺเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.)
อุปาสกปาฬิสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๗. สตฺตมเอตทคฺควคฺควณฺณนา
สุชาตาวตฺถุ
๒๕๘. อุปาสิกาปาฬิสํวณฺณนาย ¶ ปมํ สุวิฺเยฺยเมว.
วิสาขาวตฺถุ
๒๕๙. ทุติเย มหาลตาปสาธนสฺสาติ มหาลตาปิฬนฺธนสฺส. ตสฺมิฺจ ปิฬนฺธเน จตสฺโส วชิรนาฬิโย อุปโยคํ อคมํสุ. มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬสฺส ทฺวาวีสติ นาฬิโย, ปทุมราคมณีนํ เตตฺตึส นาฬิโย. อิติ เอเตหิ จ อฺเหิ จ อินฺทนีลาทีหิ นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺสามกพรวณฺณวเสน สตฺตวณฺเณหิ วรรตเนหิ นิฏฺานํ อคมาสิ, ตํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ยาว ปาทปิฏฺิยา ภสฺสติ, ปฺจนฺนํ ¶ หตฺถีนํ พลํ ธารยมานาว นํ อิตฺถี ธาเรตุํ สกฺโกติ. อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพติอาทีนํ อตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ขุชฺชุตฺตรา-สามาวตีวตฺถุ
๒๖๐-๒๖๑. ตติยจตุตฺเถสุ ปายาสสฺสาติ พหลตรสฺส ปายาสสฺส. ตํ ปายาสํ ภฺุชนฺเตสูติ ตํ พหลตรํ ครุสินิทฺธํ ปายาสํ ภฺุชนฺเตสุ. ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโตติ อนฺตรามคฺเค อปฺปาหารตาย มนฺทคหณิกตฺตา ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต. วาฬมิคฏฺาเนติ วาฬมิเคหิ อธิฏฺิตฏฺาเน. อนุวิชฺชนฺโตติ วิจาเรนฺโต. สาลาติ นฬการสาลา. มุธา น กริสฺสตีติ มูลฺยํ วินา น กริสฺสติ. อาลิมฺเปสีติ อคฺคึ อทาสิ, อคฺคึ ชาเลสีติ อตฺโถ. เปกฺขาติ อาคเมหิ. อุปธิสมฺปทาติ สรีรสมฺปตฺติ. วฏรุกฺขํ ปตฺวาติ นิคฺโรธรุกฺขํ ปตฺวา. สุวณฺณกฏเกติ สุวณฺณวลเย. อพฺภุํ เมติ เม อวฑฺฒีติ อตฺโถ. อนฺโต อโสเธตฺวาติ ปณฺณสาลาย ¶ อนฺโต กสฺสจิ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา อนุปธาเรตฺวา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อุตฺตรานนฺทมาตาวตฺถุ
๒๖๒. ปฺจเม อุปนิสฺสยํ ทิสฺวาติ อิมินา ยถา วิเสสาธิคมสฺส สติปิ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยสมวาเย อวสฺสํ อุปนิสฺสยสมฺปทา อิจฺฉิตพฺพา, เอวํ ทิฏฺธมฺมเวทนียภาเวน วิปจฺจนกสฺส กมฺมสฺสปิ ปจฺจุปฺปนฺนสมวาโย วิย อุปนิสฺสยสมฺปทาปิ สวิเสสา อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. ตถา หิ อุกฺกํสคตสปฺปุริสูปนิสฺสยโยนิโสมนสิกาเรสุ ลพฺภมาเนสุปิ อุปนิสฺสยรหิตสฺส วิเสสาธิคโม น สมฺปชฺชเตวาติ. กปฺปิยํ กตฺวาติ ยถา กปฺปิยํ โหติ, ตถา กตฺวา. ปตฺเต ปติฏฺเปยฺยาติ อาหารํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชยฺย. ตีหิ เจตนาหีติ ปุพฺพภาคมฺุจอนุโมทนาเจตนาหิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;
ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ปฺุสฺส สมฺปทา’’ติ. (อ. นิ. ๖.๓๗; เป. ว. ๓๐๕);
ตว ¶ มนํ สนฺธาเรหีติ ‘‘อชฺช ภตฺตํ จิรายิต’’นฺติ โกธโต ตว จิตฺตํ สนฺธาเรหิ, มา กุชฺฌีติ อตฺโถ. โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ…เป… สมฺปริกิณฺณํ วิย อโหสีติ เตน กสิตฏฺานํ สพฺพํ สุวณฺณภาวาปตฺติยา มหาโกสาตกิปุปฺเผหิ สฺฉนฺนํ วิย อโหสิ. ตาทิเสติ ตยา สทิเส. น โกเปมีติ น วินาเสมิ, ชาติยา น หีเฬมิ. ปูชํ กโรตีติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปูชํ กโรติ. อนฺตรวตฺถุนฺติ เคหงฺคณํ. โภติ สมฺโพธเน นิปาโต. เชติ อวฺาลปนํ. สยํ อริยสาวิกาภาวโต สตฺถุวเสน ‘‘สปิติกา ธีตา’’ติ วตฺวา สตฺถุ สมฺมุขา ธมฺมสฺสวเนน ตสฺสา วิเสสาธิคมํ ปจฺจาสีสนฺตี ‘‘ทสพเล ขมนฺเตเยว ขมิสฺสามี’’ติ อาห. กทริยนฺติ ถทฺธมจฺฉรึ.
สุปฺปวาสาวตฺถุ
๒๖๓. ฉฏฺเ ปณีตทายิกานนฺติ ปณีตรสวตฺถูนํ ทายิกานํ. อายุโน ิติเหตุํ โภชนํ เทนฺตี อายุํ เทติ นาม. เอส นโย วณฺณํ เทตีติอาทีสุ. เตนาห – ‘‘ปฺจ านานี’’ติ. กมฺมสริกฺขกฺเจตํ ¶ ผลนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อายุํ โข ปน ทตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทตฺวาติ ทานเหตุ. ภาคินีติ ภาควตี ลทฺธุํ ภพฺพา.
สุปฺปิยาวตฺถุ
๒๖๔. สตฺตเม อูรุมํสํ ฉินฺทิตฺวา ทาสิยา อทาสีติ อาคตผลา วิฺาตสาสนา อริยสาวิกา อตฺตโน สรีรทุกฺขํ อจินฺเตตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน โรควูปสมเมว ปจฺจาสีสนฺตี อตฺตโน อูรุมํสํ ฉินฺทิตฺวา ทาสิยา อทาสิ. สตฺถาปิ ตสฺสา ตถาปวตฺตํ อชฺฌาสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘มม สมฺมุขีภาวูปคมเนเนวสฺสา วโณ รุหิตฺวา สฺฉวิ ชายติ, ผาสุภาโว โหตี’’ติ จ ทิสฺวา ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ อาห. สา จินฺเตสีติ ‘‘สพฺพโลกสฺส หิตานุกมฺปโก สตฺถา น มํ ทุกฺขาเปตุํ ปกฺโกสติ, อตฺเถตฺถ การณ’’นฺติ จินฺเตสิ. อตฺตนา กตการณํ สพฺพํ กเถสีติ พุทฺธานุภาววิภาวนตฺถํ กเถสิ, น อตฺตโน ทฬฺหชฺฌาสยตาย วิภาวนตฺถํ. คิลานุปฏฺากีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ อคณิตตฺตทุกฺขา คิลานานํ ภิกฺขูนํ เคลฺวูปสมเน ยุตฺตปฺปยุตฺตาติ คิลานุปฏฺากีนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กาติยานีวตฺถุ
๒๖๕. อฏฺเม ¶ อเวจฺจปฺปสนฺนานนฺติ รตนตฺตยคุเณ ยาถาวโต ตฺวา ปสนฺนานํ, โส ปนสฺส ปสาโท มคฺเคนาคตตฺตา เกนจิ อกมฺปนีโย. อธิคเตนาติ มคฺคาธิคเมเนว อธิคเตน. ‘‘อวิคเตนา’’ติ วา ปาโ, ตสฺสตฺโถ ‘‘กทาจิ อวิคจฺฉนฺเตนา’’ติ. โส อปฺปธํสิโย จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อธิคเตน อจลปฺปสาเทนา’’ติ. ตตฺถ กายสกฺขึ กตฺวาติ ปมุขํ กตฺวา, วจนตฺถโต ปน นามกาเยน เทสนาย สมฺปฏิจฺฉนวเสน สกฺขิภูตํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุมฺมคฺคํ ขนิตฺวาติ ฆรสนฺธิจฺเฉทเนน อนฺโตปวิสนมคฺคํ ขนิตฺวา. ทุลฺลภสฺสวนนฺติ ทุลฺลภสทฺธมฺมสฺสวนํ. มหาปถวี ปวิสิตพฺพา ภเวยฺยาติ อวีจิปฺปเวสนํ วทติ.
นกุลมาตาวตฺถุ
๒๖๖. นวเม วิสฺสาสกถเนเนว นกุลมาตา นกุลปิตา จ สตฺถุวิสฺสาสิกา นาม ชาตาติ วุตฺตํ – ‘‘วิสฺสาสิกานนฺติ วิสฺสาสกถํ กเถนฺตีนํ อุปาสิกาน’’นฺติ. คหปตานีติ เคหสามินี. วุตฺตเมวาติ อุปาสกปาฬิยํ นกุลปิตุกถายํ วุตฺตนยเมว.
กาฬีกุรรฆริกาวตฺถุ
๒๖๗. ทสเม ¶ อนุสฺสเวเนวาติ ปจฺจกฺขโต รูปทสฺสเนน สตฺถุ สมฺมุขา ธมฺมสฺสวเนน จ วินา เกวลํ อนุสฺสวเนเนว ปรสฺส วจนํ อนุคตสฺสวเนเนว อุปฺปนฺเนน ปสาเทน. อนุสฺสวิกปฺปสาทนฺติ อนุสฺสวโต อาคตปฺปสาทํ.
(สตฺตมเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.)
อุปาสิกาปาฬิสํวณฺณนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ มโนรถปูรณิยา
องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย
เอตทคฺควคฺควณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา.