📜
๑๕. อฏฺานปาฬิ (ทุติยวคฺค)
(๑๕) ๒. อฏฺานปาฬิ-ทุติยวคฺควณฺณนา
๒๗๘. วิวาทุปจฺเฉทโตติ ¶ วิวาทุปจฺเฉทการณา. ทฺวีสุ อุปฺปนฺเนสุ โย วิวาโท ภเวยฺย, ตสฺส อนุปฺปาโทเยเวตฺถ วิวาทุปจฺเฉโท. เอกสฺมึ ทีเปติอาทินา ทีปนฺตเรปิ เอกชฺฌํ น อุปฺปชฺชติ, ปเคว เอกทีเปติ ทสฺเสติ. โสปิ ปริหาเยถาติ จกฺกวาฬสฺส ปเทเส เอว ปวตฺติตพฺพตฺตา ปริหาเยยฺย.
๒๗๙-๒๘๐. มนุสฺสตฺตนฺติ ¶ มนุสฺสภาโว ตสฺเสว ปพฺพชฺชาทิคุณานํ โยคฺคภาวโต. ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโว. เหตูติ มโนวจีปณิธานปุพฺพิกา เหตุสมฺปทา. สตฺถารทสฺสนนฺติ สตฺถุสมฺมุขีภาโว. ปพฺพชฺชาติ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ, ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชฺชา. คุณสมฺปตฺตีติ อภิฺาทิคุณสมฺปทา. อธิกาโรติ พุทฺเธ อุทฺทิสฺส อธิโก กาโร, สวิเสสา อุปการกิริยา อธิโก สกฺกาโรติ วุตฺตํ โหติ. ฉนฺโทว ฉนฺทตา, สมฺมาสมฺโพธึ อุทฺทิสฺส สาติสโย กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท. อฏฺธมฺมสโมธานาติ เอเตสํ อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ สมาโยเคน. อภินีหาโรติ กายปณิธานํ. สมิชฺฌตีติ นิปฺผชฺชติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกวณฺณนาย (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. สพฺพาการปริปูรเมวาติ ปริปุณฺณลกฺขณตาย สตฺตุตฺตมาทีหิ สพฺพากาเรน สมฺปนฺนเมว. น หิ อิตฺถิยา โกโสหิตวตฺถคุยฺหตาทิ สมฺภวติ. ทุติยปกติ จ นาม ปมปกติโต นิหีนา เอว. เตเนวาห – อนนฺตรวาเร ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.
๒๘๑. อิธ ปุริสสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตนโตติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก ปุริสภูตสฺส ตตฺถ พฺรหฺมโลเก พฺรหฺมตฺตภาเวน นิพฺพตฺตนโต. เตน อสติปิ ปุริสลิงฺเค ปุริสาการา พฺรหฺมาโน โหนฺตีติ ทสฺเสติ. ตํเยว จ ปุริสาการํ สนฺธาย วุตฺตํ ภควตา ‘‘ยํ ปุริโส พฺรหฺมตฺตํ กาเรยฺยา’’ติ. เตเนวาห – ‘‘สมาเนปี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ อิตฺถิโย พฺรหฺมโลเก น อุปฺปชฺเชยฺยุนฺติ อาห – ‘‘พฺรหฺมตฺต’’นฺติอาทิ.
๒๙๐-๒๙๕. ‘‘กายทุจฺจริตสฺสา’’ติอาทิปาฬิยา ¶ กมฺมนิยาโม นาม กถิโต. สมฺชนํ สมงฺโค, สมนฺนาคโม, โส เอตสฺส อตฺถีติ สมงฺคี, สมนฺนาคโต, สมฺชนสีโล วา สมงฺคี, ปุพฺพภาเค อุปกรณสมุทายโต ปภุติ อายูหนวเสน อายูหนสมงฺคีตา, สนฺนิฏฺาปกเจตนาวเสน เจตนาสมงฺคิตา. เจตนาสนฺตติวเสน วา อายูหนสมงฺคิตา, ตํตํเจตนากฺขณวเสน เจตนาสมงฺคีตา. กตูปจิตสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส กมฺมสฺส วเสน กมฺมสมงฺคิตา. กมฺเม ปน วิปจฺจิตุํ อารทฺเธ วิปากปฺปวตฺติวเสน วิปากสมงฺคิตา. กมฺมาทีนํ อุปฏฺานกาลวเสน อุปฏฺานสมงฺคิตา. กุสลากุสลกมฺมายูหนกฺขเณติ กุสลกมฺมสฺส อกุสลกมฺมสฺส ¶ จ สมีหนกฺขเณ. ตถาติ อิมินา กุสลากุสลกมฺมปทํ อากฑฺฒติ. ยถา กตํ กมฺมํ ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ อุปจิตํ. วิปาการหนฺติ ทุติยภวาทีสุ วิปจฺจนารหํ. อุปฺปชฺชมานานํ อุปปตฺตินิมิตฺตํ อุปฏฺาตีติ โยชนา. อุปปตฺติยา อุปฺปชฺชนสฺส นิมิตฺตํ การณนฺติ อุปปตฺตินิมิตฺตํ, กมฺมํ, กมฺมนิมิตฺตํ, คตินิมิตฺตฺจ. อฏฺกถายํ ปน คตินิมิตฺตวเสเนว โยชนา ทสฺสิตา. กมฺมกมฺมนิมิตฺตานมฺปิ อุปฏฺานํ ยถารหํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ กตานิ กมฺมานิ, ตานิสฺส ตสฺมึ สมเย โอลมฺพนฺติ อชฺโฌลมฺพนฺติ อภิลมฺพนฺติ’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๘) วจนโต สายนฺเห มหนฺตานํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา วิย อาสนฺนมรณสฺส สตฺตสฺส จิตฺเต สุปิเน วิย วิปจฺจิตุํ กโตกาสํ กมฺมํ, ตสฺส นิมิตฺตํ คตินิมิตฺตํ อุปติฏฺเตว. จลตีติ ปริวตฺตติ. เอเกน หิ กมฺมุนา ตชฺเช นิมิตฺเต อุปฏฺิเต ปจฺจยวิเสสวเสน ตโต อฺเน กมฺมุนา ตทฺสฺส นิมิตฺตสฺส อุปฏฺานํ ปริวตฺตนํ. เสสา นิจฺจลา อวเสสา จตุพฺพิธาปิ สมงฺคิตา นิจฺจลา อปริวตฺตนโต.
สุนขวาชิโกติ สุนเขหิ มิควาชวเสน วชนสีโล, สุนขลุทฺทโกติ อตฺโถ. ตลสนฺถรณปูชนฺติ ภูมิตลสฺส ปุปฺเผหิ สนฺถรณปูชํ. อายูหนเจตนา กมฺมสมงฺคิตาวเสนาติ กายทุจฺจริตสฺส อปราปรํ อายูหเนน สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ตสฺเสว ปกปฺปเน กมฺมกฺขยกราเณน อเขปิตตฺตา ยถูปจิตกมฺมุนา จ สมงฺคิภาวสฺส วเสน.
กมฺมนฺติ อกุสลกมฺมํ. ตสฺมึเยว ขเณติ อายูหนกฺขเณเยว. ตสฺสาติ กมฺมสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส สคฺโค วาริโต, ตฺเจ กมฺมํ วิปากวารํ ลเภยฺยาติ อธิปฺปาโย. สคฺโค วาริโตติ จ นิทสฺสนมตฺตํ. มนุสฺสโลโกปิสฺส วาริโตวาติ. อปเร ปน ปุริเมหิ วิปากาวรณสฺส อนุทฺธฏตฺตา ‘‘ตสฺมึเยว ขเณ’’ติ จ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ตํ โทสํ ปริหริตุํ ‘‘อายูหิตกมฺมํ นามา’’ติอาทิมาห. ยทา กมฺมํ วิปากวารํ ลภตีติ อิทํ กโตกาสสฺส อปฺปฏิพาหิยตฺตา วุตฺตํ ¶ . ตถา หิ ภควา ตติยปาราชิกวตฺถุสฺมึ (ปารา. ๑๖๒ อาทโย) ปฏิสลฺลียิ, อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘กายทุจฺจริตสมงฺคี’’ติ อาคตตฺตา วิปากูปฏฺานสมงฺคิตา น ลพฺภนฺติ.
(ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.)
อฏฺานปาฬิวณฺณนายํ อนุตฺตานตฺถทีปนา นิฏฺิตา.