📜

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๑. เอกธมฺมปาฬิ-ปมวคฺควณฺณนา

๒๙๖. เอกธมฺมปาฬิวณฺณนายํ อิธ ธมฺม-สทฺโท สภาวตฺโถ ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห – ‘‘เอกสภาโว’’ติ. เอกนฺเตนาติ เอกํเสน, อวสฺสนฺติ อตฺโถ. วฏฺเฏติ สํสารวฏฺเฏ. นิพฺพินฺทนตฺถายาติ อนภิรมนตฺถาย. วิรชฺชนตฺถายาติ อรชฺชนตฺถาย. วิรชฺชนายาติ ปลุชฺชนาย. เตเนวาห – ‘‘วิคมายา’’ติ. ราคาทีนํ นิโรธายาติ มคฺคาเณน ราคาทีนํ นิโรธนตฺถาย. มคฺคาเณน นิโรธนํ นาม อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติกรณนฺติ อาห – ‘‘อปฺปวตฺติกรณตฺถายา’’ติ. ยถา ขาทนียสฺส มุเข กตฺวา ขาทนํ นาม ยาวเทว อชฺโฌหรณตฺถํ, เอวํ ราคาทีนํ นิโรธนํ วฏฺฏนิโรธนตฺถเมวาติ วุตฺตํ – ‘‘วฏฺฏสฺเสว วา นิรุชฺฌนตฺถายา’’ติ. ยสฺมา กิเลเสสุ ขีเณสุ อิตรํ วฏฺฏทฺวยมฺปิ ขีณเมว โหติ, ตสฺมา มูลเมว คณฺหนฺโต ‘‘อุปสมายาติ กิเลสวูปสมนตฺถายา’’ติ อาห. สงฺขตธมฺมานํ อภิชานนํ นาม ตตฺถ ลกฺขณตฺตยาโรปนมุเขเนวาติ อาห – ‘‘อนิจฺจาทิ…เป… อภิชานนตฺถายา’’ติ. สมฺพุชฺฌิตพฺพานิ นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ตพฺพินิมุตฺตสฺส เยฺยสฺส อภาวโต. ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ พุชฺฌนตฺถายา’’ติ วตฺวา ตยิทํ พุชฺฌนํ ยสฺส าณสฺส วเสน อิชฺฌติ, ตสฺส าณสฺส วเสน ทสฺเสตุํ – ‘‘โพธิ วุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปจฺจยนิพฺพานสฺสาติ อมตธาตุยา.

อุสฺสาหชนนตฺถนฺติ กมฺมฏฺาเน อภิรุจิอุปฺปาทนาย. วิสกณฺฏโกติ คุฬสฺส วาณิชสมฺา. ‘‘กิสฺมิฺจิ เทเส เทสภาสา’’ติ เกจิ. อุจฺฉุรโส สมปากปกฺโก จุณฺณาทีหิ มิสฺเสตฺวา ปิณฺฑีกโต คุโฬ, อปิณฺฑีกโต ผาณิตํ. ปากวิเสเสน ขณฺฑขณฺฑเสทิโต ขณฺโฑ, มลาภาวํ อาปนฺโน สกฺกรา.

สรตีติ สติ. อนุ อนุ สรตีติ อนุสฺสติ, อนุ อนุรูปา สตีติปิ อนุสฺสติ. ทุวิธํ โหตีติ ปโยชนวเสน ทุวิธํ โหติ. จิตฺตสมฺปหํสนตฺถนฺติ ปสาทนียวตฺถุสฺมึ ปสาทุปฺปาทเนน ภาวนาจิตฺตสฺส ปริโตสนตฺถํ. วิปสฺสนตฺถนฺติ วิปสฺสนาสุขตฺถํ. อุปจารสมาธินา หิ จิตฺเต สมาหิเต วิปสฺสนาสุเขน อิชฺฌติ. จิตฺตุปฺปาโทติ ภาวนาวเสน ปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท . อุปหฺติ ปติหฺติ ปฏิกูลตฺตา อารมฺมณสฺส. ตโต เอว อุกฺกณฺติ, กมฺมฏฺานํ ริฺจติ, นิรสฺสาโท โหติ ภาวนสฺสาทสฺส อลพฺภนโต. ปสีทติ พุทฺธคุณานํ ปสาทนียตฺตา. ตถา จ กงฺขาทิเจโตขิลาภาเวน วินีวรโณ โหติ. ทเมตฺวาติ นีวรณนิรากรเณน นิพฺพิเสวนํ กตฺวา. เอวํ กมฺมฏฺานนฺตรานุยุฺชเนน จิตฺตปริทมนสฺส อุปมํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห.

โก อยํ…เป… อนุสฺสรีติ โก อยํ มม อพฺภนฺตเร ตฺวา อนุสฺสริ. ปริคฺคณฺหนฺโตติ พาหิรกปริกปฺปิตสฺส อนุสฺสรกสฺส สพฺพโส อภาวทสฺสนเมตํ. เตนาห – ‘‘น อฺโ โกจี’’ติ. ทิสฺวาติ ปริเยสนนเยน วุตฺตปฺปการํ จิตฺตเมว อนุสฺสรีติ ทิสฺวา สพฺพมฺเปตนฺติ เอตํ หทยวตฺถุอาทิปฺปเภทํ สพฺพมฺปิ. อิทฺจ รูปํ ปุริมฺจ อรูปนฺติ อิทํ รุปฺปนสภาวตฺตา รูปํ, ปุริมํ อตํสภาวตฺตา อรูปนฺติ สงฺเขปโต รูปารูปํ ววตฺถเปตฺวา. ปฺจกฺขนฺเธ ววตฺถเปตฺวาติ โยชนา. สมฺภาวิกาติ สมุฏฺาปิกา. ตสฺสาติ สมุทยสจฺจสฺส. นิโรโธติ นิโรธนิมิตฺตํ. อปฺปนาวาโรติ ยถารทฺธาย เทสนาย นิคมนวาโร.

๒๙๗. เอเสว นโยติ อิมินา ยฺวายํ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทินา อตฺถนโย พุทฺธานุสฺสติยํ วิภาวิโตติ อติทิสติ, สฺวายํ อติเทโส ปโยชนวเสน นวสุปิ อนุสฺสตีสุ สาธารณวเสน วุตฺโตปิ อานาปานสฺสติอาทีสุ ตีสุ วิปสฺสนตฺถาเนว โหนฺตีติ อิมินา อปวาเทน นิวตฺติโตติ ตาสํ เอกปฺปโยชนตาว ทฏฺพฺพา. ธมฺเม อนุสฺสติ ธมฺมานุสฺสตีติ สมาสปทวิภาคทสฺสนมฺปิ วจนตฺถทสฺสนปกฺขิกเมวาติ อาห – ‘‘อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ’’ติ. ธมฺมํ อารพฺภาติ หิ ธมฺมสฺส อนุสฺสติยา วิสยภาวทสฺสนเมตํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สีลํ อารพฺภาติ อตฺตโน ปาริสุทฺธิสีลํ อารพฺภ. จาคํ อารพฺภาติ อตฺตโน จาคคุณํ อารพฺภ. เทวตา อารพฺภาติ เอตฺถ เทวตาคุณสทิสตาย อตฺตโน สทฺธาสีลสุตจาคปฺาสุ เทวตาสมฺา. ภวติ หิ ตํสทิเสปิ ตพฺโพหาโร ยถา ‘‘ตานิ โอสธานิ, เอส พฺรหฺมทตฺโต’’ติ จ. เตนาห – ‘‘เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวาติ ‘‘ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถ อุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติ. ยถารูเปน สีเลน, ยถารูเปน สุเตน, ยถารูเปน จาเคน, ยถารูปาย ปฺาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถ อุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปฺา สํวิชฺชตี’’ติ เอวํ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา. อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตํ นาม ตตฺถ ลทฺธพฺพปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ. คตาติ อารมฺมณกรณวเสน อุปคตา ปวตฺตา.

อุปสมฺมติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปสโม, นิพฺพานํ. อจฺจนฺตเมว เอตฺถ อุปสมฺมติ วฏฺฏตฺตยนฺติ อจฺจนฺตูปสโม, นิพฺพานเมว. ขิโณติ เขเปติ กิเลเสติ ขโย, อริยมคฺโค. เต เอว อุปสเมตีติ อุปสโม, อริยมคฺโค เอว. ขโย จ โส อุปสโม จาติ ขยูปสโม. ตตฺรจายํ อุปสโม ธมฺโม เอวาติ ธมฺมานุสฺสติยา อุปสมานุสฺสติ เอกสงฺคโหติ? สจฺจํ เอกสงฺคโห ธมฺมภาวสามฺเ อธิปฺเปเต, สงฺขตธมฺมโต ปน อสงฺขตธมฺโม สาติสโย อุฬารตมปณีตตมภาวโตติ ทีเปตุํ วิสุํ นีหริตฺวา วุตฺตํ. อิมเมว หิ วิเสสํ สนฺธาย ภควา – ‘‘ธมฺมานุสฺสตี’’ติ วตฺวาปิ อุปสมานุสฺสตึ อโวจ อนุสฺสรนฺตสฺส สวิเสสํ สนฺตปณีตภาเวน อุปฏฺานโต. เอวฺจ กตฺวา อิธ ขยูปสมคฺคหณมฺปิ สมตฺถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยเถว หิ สมาเนปิ โลกุตฺตรธมฺมภาเว ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิวจนโต (อิติวุ. ๙๐) มคฺคผลธมฺเมหิ นิพฺพานธมฺโม สาติสโย, เอวํ ผลธมฺมโต มคฺคธมฺโม กิเลสปฺปหาเนน อจฺฉริยธมฺมภาวโต, ตสฺมา อจฺจนฺตูปสเมน สทฺธึ ขยูปสโมปิ คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. วิปสฺสนตฺถาเนว โหนฺตีติ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทิวจนโต’’ติ เกจิ, ตํ อการณํ พุทฺธานุสฺสติอาทีสุปิ ตถา เทสนาย อาคตตฺตา. ยถา ปน พุทฺธานุสฺสติอาทีนิ กมฺมฏฺานานิ วิปสฺสนตฺถานิ โหนฺติ, นิมิตฺตสมฺปหํสนตฺถานิปิ โหนฺติ, น เอวเมตานิ, เอตานิ ปน วิปสฺสนตฺถาเนวาติ ตถา วุตฺตํ.

ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๒. เอกธมฺมปาฬิ-ทุติยวคฺควณฺณนา

๒๙๘. มิจฺฉา ปสฺสติ ตาย, สยํ วา มิจฺฉา ปสฺสติ, มิจฺฉาทสฺสนเมว วา ตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิ, ยํ กิฺจิ วิปรีตทสฺสนํ. เตนาห – ‘‘ทฺวาสฏฺิวิธายา’’ติอาทิ . มิจฺฉาทิฏฺิ เอตสฺสาติ มิจฺฉาทิฏฺิโก. ตสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส.

๒๙๙. สมฺมา ปสฺสติ ตาย, สยํ วา สมฺมา ปสฺสติ, สมฺมาทสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ สมฺมาทิฏฺิ. ปฺจวิธายาติ กมฺมสฺสกตาฌานวิปสฺสนามคฺคผลวเสน ปฺจวิธาย. ตตฺถ ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนํ าณํ ฌานสมฺมาทิฏฺิ, วิปสฺสนาาณํ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ.

๓๐๒. ปฺจสุ ขนฺเธสุ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา ปวตฺโต อนุปายมนสิกาโร.

๓๐๓. ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปวตฺโต อุปายมนสิกาโร. ยาว นิยาโมกฺกมนาติ ยาว มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกมนา. มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกมนนโย ปน สามฺผลสุตฺตวณฺณนายํ ตฏฺฏีกาย จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๓๐๔. อยํ ติวิธา สคฺคาวรณา เจว โหตีติ กมฺมปถปฺปตฺติยา มหาสาวชฺชภาวโต วุตฺตํ. สคฺคาวรณาย โหนฺติยา มคฺควิพนฺธกภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ วุตฺตํ – ‘‘มคฺคาวรณา จา’’ติ. ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทิกา ทสวตฺถุกา อนฺตคฺคาหิกา มิจฺฉาทิฏฺิ. มคฺคาวรณาว โหติ วิปรีตทสฺสนภาวโต, น สคฺคาวรณา อกมฺมปถปตฺติโตติ อธิปฺปาโย. อิทํ ปน วิธานํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ วิปรีตทสฺสนฺจ น มคฺคาวรณฺจาติ วิรุทฺธเมตํ อุทฺธมฺมภาวโต. ตถา หิ สติ อปฺปหีนาย เอว สกฺกายทิฏฺิยา มคฺคาธิคเมน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ยถาวุตฺตวิธานํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. ‘‘น สคฺคาวรณา’’ติ สคฺคูปปตฺติยา อวิพนฺธกตฺตํ วทนฺเตหิ ทิฏฺิยา สคฺคาวหตาปิ นาม อนุฺาตา โหตีติ ตํ วาทํ ปฏิกฺขิปนฺเตน ‘‘ทิฏฺิ นาม สคฺคํ อุปเนตุํ สมตฺถา นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา? เอกนฺตครุตรสาวชฺชภาวโต. เตนาห – ‘‘เอกนฺตํ นิรยสฺมึเยว นิมุชฺชาเปตี’’ติอาทิ.

๓๐๕. วฏฺฏํวิทฺธํเสตีติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ กิเลสวฏฺฏํ กมฺมวฏฺฏฺจ วิทฺธํเสติ. วิปากวฏฺฏํ กา นุ วิทฺธํเสติ นาม. เอวํ ปน อตฺตโน การเณน วิทฺธสฺตภวํ ผลสมฺมาทิฏฺิ ปฏิพาหตีติ วุตฺตํ อวสรทานโต. อิจฺเจตํ กุสลนฺติ อรหตฺตํ ปาเปตุํ สเจ สกฺโกติ, เอวเมตํ วิปสฺสนาย ปฏิสนฺธิอนากฑฺฒนํ กุสลํ อนวชฺชํ. สตฺต ภเว เทตีติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ปจฺจยภูตา วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ ตสฺส ปุคฺคลสฺส สตฺต ภเว เทติ. เอวมยนฺติ ปฺจวิธมฺปิ สมฺมาทิฏฺึ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘โลกิยโลกุตฺตรา สมฺมาทิฏฺิ กถิตา’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺเต คติมคฺคสงฺขาเต อตฺเถ. ‘‘สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘โลกิกา ภวนิปฺผาทิกาว เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.

๓๐๖. ยถาทิฏฺีติ อตฺถพฺยาปนิจฺฉายํ ยถา-สทฺโท, เตน อุตฺตรปทตฺถปฺปธาโน สมาโสติ อาห – ‘‘ยา ยา ทิฏฺี’’ติ. ตสฺสา ตสฺสา อนุรูปนฺติ ตํตํทิฏฺิอนุรูปนฺติ อตฺโถ. สมตฺตนฺติ อนวเสสํ. เตนาห – ‘‘ปริปุณฺณ’’นฺติ. สมาทินฺนนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ สมํ เอกสทิสํ กตฺวา อาทินฺนํ คหิตํ อนิสฺสฏฺํ. ตเทตนฺติ ยเทตํ ‘‘ยฺเจว กายกมฺม’’นฺติอาทินา วุตฺตํ, ตเทตํ กายกมฺมํ. ยถาทิฏฺิยํ ิตกายกมฺมนฺติ ยา ปน ทิฏฺิ ‘‘นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาป’’นฺติอาทินา ปวตฺตา, ตสฺสํ ทิฏฺิยํ ิตกสฺส ิตมตฺตสฺส อนิสฺสฏฺสฺส ตํทิฏฺิกสฺส กายกมฺมํ. ทิฏฺิสหชาตํ กายกมฺมนฺติ ตสฺส ยถาทิฏฺิกสฺส ปเรสํ หตฺถมุทฺทาทินา วิฺาปนกาเล ตาย ทิฏฺิยา สหชาตํ กายกมฺมํ. น เจตฺถ วจีกมฺมาสงฺกา อุปฺปาเทตพฺพา ปาณฆาตาทีนํเยว อธิปฺเปตตฺตา. ทิฏฺานุโลมิกํ กายกมฺมนฺติ ยถา ปเรสํ ปากฏํ โหติ, เอวํ ทิฏฺิยา อนุโลมิกํ กตฺวา ปวตฺติตํ กายกมฺมํ. เตนาห – ‘‘สมาทินฺนํ คหิตํ ปรามฏฺ’’นฺติ. ตตฺถาติอาทิ สุวิฺเยฺยเมว. เอเสว นโยติ อิมินา ยถาวุตฺตาย ทิฏฺิยา ิตวจีกมฺมํ, ทิฏฺิสหชาตํ วจีกมฺมํ, ทิฏฺานุโลมิกํ วจีกมฺมนฺติ ติวิธํ โหตีติ เอวมาทิ อติทิสติ. มิจฺฉาทิฏฺิกสฺสาติ กมฺมปถปฺปตฺตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส. ‘‘ยาย กายจิ มิจฺฉาทิฏฺิยา มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส สโต’’ติ อปเร.

ทิฏฺิสหชาตาติ ยถาวุตฺตาย ทิฏฺิยา สหชาตา เจตนา. เอส นโย เสสปเทสุปิ. ปตฺถนาติ ‘‘อิทํ นาม กเรยฺย’’นฺติ ตณฺหาปตฺถนา. เจตนาปตฺถนานํ วเสนาติ ยถาวุตฺตทิฏฺิคตนิสฺสิตเจตสิกนิกามนานํ วเสน. จิตฺตฏฺปนาติ จิตฺตสฺส ปณิทหนา. ผสฺสาทโยติ เจตนาทิฏฺิตณฺหาทิวินิมุตฺตา ผสฺสาทิธมฺมา. ยสฺมา ทิฏฺิ ปาปิกา, ตสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส สพฺเพ เต ธมฺมา อนิฏฺาย…เป… สํวตฺตนฺตีติ โยชนา. ปุริมสฺเสวาติ ติตฺตกปทสฺเสว . ติตฺตกํ กฏุกนฺติ จ อุภยํ อิธ อนิฏฺปริยายํ ทฏฺพฺพํ ‘‘ปจฺฉา เต กฏุกํ ภวิสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย.

อมฺโพยนฺติ อมฺโพ อยํ. ตเมว ปูชนฺติ ตเมว ปุพฺเพ ลทฺธปริสิฺจนทานาทิปูชํ. นิเวสเรติ ปวิสึสุ. อสาตสนฺนิวาเสนาติ อมธุรนิมฺพมูลสํสคฺเคน.

ตํ ปน ปฏิกฺขิปิตฺวา…เป… วุตฺตนฺติ สพฺพาปิ มิจฺฉาทิฏฺิ เอกนฺตสาวชฺชตฺตา อนิฏฺาย ทุกฺขาย สํวตฺตตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. อนนฺตรสุตฺเตติ ทสมสุตฺเต. โยเชตฺวา เวทิตพฺพานีติ นวมสุตฺเต วิย โยเชตฺวา เวทิตพฺพานิ. จิตฺตฏฺปนาว ปตฺถนาติ เอตฺถ ปณิธิ จาติ วตฺตพฺพํ.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๓. เอกธมฺมปาฬิ-ตติยวคฺควณฺณนา

๓๐๘. ตติยสฺส ปเม อยาถาวทิฏฺิโกติ อนิจฺจาทิภาเวสุ ธมฺเมสุ นิจฺจาติอาทินา อุปฺปนฺนทิฏฺิโก. เตนาห – ‘‘ตาเยว มิจฺฉาทิฏฺิยา วิปรีตทสฺสโน’’ติ สทฺธมฺมาติ เอตฺถ สนฺโต ปสตฺโถ สุนฺทโร ธมฺโม, โย มนุสฺสธมฺโมติปิ วุจฺจติ. ตโต หิ มิจฺฉาทิฏฺิโก ปรํ วุฏฺาเปยฺย, น อริยธมฺมโต. เตนาห – ‘‘ทสกุสลกมฺมปถธมฺมโต’’ติ. เอวรูปาติ อิมินา ปาถิกปุตฺตาทิเก สงฺคณฺหาติ.

๓๐๙. สพฺพฺุโพธิสตฺโตติ สพฺพฺุภาคี โพธิสตฺโต. อาทิ-สทฺเทน ปูริตปารมิกา ปจฺเจกโพธิสตฺตา เอกจฺจสาวกโพธิสตฺตา จ สงฺคยฺหนฺติ.

๓๑๐. ปรมาติ มหาสาวชฺชภาเวน ปรมา, อุกฺกํสคตาติ อตฺโถ. เตสนฺติ อานนฺตริยกมฺมานํ. ปริจฺเฉโทติ วิปากวเสน ปริโยสานํ. วฏฺฏสฺส มูลํ, ตโต ตํสมงฺคีปุคฺคโล วฏฺฏสฺส ขาณูติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘ตายา’’ติอาทิ. ตฺเจ คาหํ น วิสฺสชฺเชติ, ตสฺส ปุนปิ ตพฺภาวาวหตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ภวโต วุฏฺานํ นตฺถี’’ติ, น ปน สพฺพโส วุฏฺานสฺส อภาวโต. ยาทิเส หิ ปจฺจเย ปฏิจฺจ อยํ ตํ ทสฺสนํ โอกฺกนฺโต ปุน กทาจิ ตปฺปฏิปกฺเข ปจฺจเย ปฏิจฺจ ตโต สีสุกฺขิปนมสฺส น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. อกุสลฺหิ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ, น กุสลํ วิย มหาพลํ. อฺถา สมฺมตฺตนิยาโม วิย มิจฺฉตฺตนิยาโมปิ อจฺจนฺติโก สิยา, น จ มิจฺฉตฺตนิยาโม อจฺจนฺติโก. เตเนว ปปฺจสูทนิยํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑๐๐) –

‘‘กึ ปเนส เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต โหติ, อุทาหุ อฺสฺมิมฺปีติ? เอกสฺมึเยว นิยโต, อาเสวนวเสน ภวนฺตเรปิ ตํ ทิฏฺึ โรเจติ เอวา’’ติ –

วุตฺตํ. ตโตเยว จ สุมงฺคลวิลาสินิยมฺปิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐-๑๗๒) วุตฺตํ –

‘‘เย วา ปน เตสํ ลทฺธึ คเหตฺวา รตฺติฏฺาเน ทิวาฏฺาเน นิสินฺนา สชฺฌายนฺติ วีมํสนฺติ, เตสํ ‘กโรโต น กรียติ ปาปํ, นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย, มโต อุจฺฉิชฺชตี’ติ ตสฺมึ อารมฺมเณ มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ชวนานิ ชวนฺติ. ปมชวเน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสุ. สตฺตเม พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน อริฏฺกณฺฏกสทิสา, ตตฺถ โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมติ, โกจิ ทฺเว, โกจิ ตีณิปิ, เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปิ ทฺวีสุ ตีสุ โอกฺกนฺเตสุปิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโกว โหติ. ปตฺโต สคฺคมคฺคาวรณฺเจว โมกฺขมคฺคาวรณฺจ, อภพฺโพ ตสฺสตฺตภาวสฺส อนนฺตรํ สคฺคมฺปิ คนฺตุํ, ปเคว โมกฺขํ, วฏฺฏขาณุ นาเมส สตฺโต ปถวิโคปโก, เยภุยฺเยน เอวรูปสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถี’’ติ.

ปิฏฺิจกฺกวาเฬติ ฌายมานจกฺกวาฬสฺส ปรโต เอกสฺมึ โอกาเส. ยํ ฌายมานานํ อชฺฌายมานานฺจ จกฺกวาฬานมนฺตรํ, ยตฺถ โลกนฺตริกนิรยสมฺา, ตาทิเส เอกสฺมึ โอกาเส. ปจฺจติเยวาติ จกฺกวาเฬ ฌายมาเน อชฺฌายมาเนปิ อตฺตโน กมฺมพเลน ปจฺจติเยว.

๓๑๑. จตุตฺเถ ‘‘มา ขลี’’ติ วจนํ อุปาทาย เอวํลทฺธนาโมติ ตํ กิร สกทฺทมาย ภูมิยา เตลฆฏํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ, ‘‘ตาต, มา ขลี’’ติ สามิโก อาห. โส ปมาเทน ขลิตฺวา ปติตฺวา สามิกสฺส ภเยน ปลายิตุํ อารทฺโธ. สามิโก อุปธาวิตฺวา สาฏกกณฺเณ อคฺคเหสิ. โส สาฏกํ ฉฑฺเฑตฺวา อเจลโก หุตฺวา ปลาโต ปณฺเณน วา ติเณน วา ปฏิจฺฉาเทตุมฺปิ อชานนฺโต ชาตรูเปเนว เอกํ คามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อรหา อปฺปิจฺโฉ, นตฺถิ อิมินา สทิโส’’ติ ปูวภตฺตาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มยฺหํ สาฏกํ อนิวตฺถภาเวน อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตโต ปฏฺาย สาฏกํ ลภิตฺวาปิ น นิวาเสสิ, ตเทว จ ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสิ. ตสฺส สนฺติเก อฺเปิ อฺเปีติ ปฺจสตา มนุสฺสา ปพฺพชึสุ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘มา ขลีติ วจนํ อุปาทาย เอวํลทฺธนาโม ติตฺถกโร’’ติ.

สมาคตฏฺาเนติ ทฺวินฺนํ นทีนํ อุทกปฺปวาหสฺส สนฺนิปาตฏฺาเน. ทฺวินฺนํ อุทกานนฺติ ทฺวินฺนํ อุทกปฺปวาหานํ. ยถาวุตฺตฏฺาเน มจฺฉคฺคหณตฺถํ ขิปิตพฺพโต ขิปฺปํ, กุมินํ, ตเทว อิธ ขิปฺปนฺติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘กุมิน’’นฺติ. อุจฺฉูหีติ อุทกอุจฺฉูหิ. ตุจฺฉปุริโส อริยธมฺมาภาวโต. ฌานมตฺตมฺปิ หิ ตสฺส นตฺเถว, กุโต อริยมคฺโค. มนุสฺสขิปฺปํ มฺเติ มนุสฺสา ปติตฺวา พฺยสนปฺปตฺติอตฺถํ โอฏฺฏิตํ กุมินํ วิย. เตนาห – ‘‘มหาชนสฺสา’’ติอาทิ.

๓๑๒. ปฺจมาทีสุ พาหิรกสาสนนฺติ อวิเสเสน วุตฺตํ – ตสฺส สพฺพสฺสปิ อนิยฺยานิกตฺตา สตฺถุปฏิฺสฺสปิ อสพฺพฺุภาวโต. เตนาห – ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิ. คโณติ สาวกคโณ. ตถาภาวายาติ อาจริเยน วุตฺตาการตาย สมงฺคิภาวตฺถํ. ชงฺฆสตนฺติ พหู อเนเก สตฺเต. สมกเมว อกุสลํ ปาปุณาตีติ เตสํ สพฺเพสํ เอกชฺฌํ สมาทปเนปิ เตสํ อกุสเลน สมกเมว อกุสลํ ปาปุณาติ เอกชฺฌํ พหูนํ สมาทปเนปิ ตถา อุสฺสหนสฺส พลวภาวโต. วิสุํ วิสุํ สมาทปเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยถา หิ ธมฺมจริยายํ สมกเมวาติ วตฺตพฺพา กลฺยาณมิตฺตตา, เอวํ อธมฺมจริยายํ อกลฺยาณมิตฺตตาติ.

๓๑๓. สุฏฺุ อกฺขาเตติ เอกนฺตโต นิยฺยานิกภาเวน อกฺขาเต. สตฺถา จ สพฺพฺู โหตีติ อสพฺพฺุโน นิยฺยานิกภาเวน กเถตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. ธมฺโม จ สฺวากฺขาโต สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา. คโณ จ สุปฺปฏิปนฺโน สตฺถารา สุวินีตตฺตา. สมาทปโก หีติอาทิ สุปฺปฏิปตฺติยา นิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ.

๓๑๔. ปมาณํ ชานิตพฺพนฺติ ‘‘อยํ เอตฺตเกน ยาเปติ, อิมสฺส เอตฺตกํ ทาตุํ ยุตฺต’’นฺติ เอวํ ปมาณํ ชานิตพฺพํ. อติเรเก…เป… นิพฺพานสมฺปตฺติ วา นตฺถิ ทุรกฺขาตตฺตา ธมฺมสฺส. ตสฺสาติ ปฏิคฺคาหกสฺส. อปฺปิจฺฉปฏิปทา นาม นตฺถิ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเยติ อธิปฺปาโย.

๓๑๕. ทายกสฺสวโส นาม อุฬารุฬารตาเภโท อชฺฌาสโย. เทยฺยธมฺมสฺส ปน โถกพหุตาว เทยฺยธมฺมสฺส วโส นาม. อตฺตโน ถาโมติ ยาปนปฺปมาณํ. ยทิ หีติอาทิ ‘‘กถ’’นฺติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิวรณํ. อนุปฺปนฺนสฺสาติ อนุปฺปนฺโน อสฺส ปุคฺคลสฺส. จกฺขุภูโต โหตีติ มหาชนสฺส จกฺขุ วิย โหติ. สาสนํ จิรฏฺิติตํ กโรตีติ อนุปฺปนฺนลาภุปฺปาทเนน มหาชนสฺส ปสาทุปฺปาทเนน จ จิรฏฺิติกํ กโรติ.

กุฏุมฺพริยวิหาเรติ กุฏุมฺพริยคามสนฺนิสฺสิตวิหาเร. ภุฺชนตฺถายาติ ตสฺมึเยว เคเห นิสีทิตฺวา ภุฺชนตฺถาย. คเหตฺวา คมนตฺถายาติ เคหโต พหิ คเหตฺวา คมนตฺถาย. ธุรภตฺตานีติ นิจฺจภตฺตานิ. จูฬุปฏฺากนฺติ เวยฺยาวจฺจกรํ. วีมํสิตฺวาติ ยถา อุทฺทิสฺส กตํ น โหติ, เอวํ วีมํสิตฺวา . มหาชโน อปฺปิจฺโฉ ภวิตุํ มฺตีติ มหาชโน สยํ อปฺปิจฺโฉ ภวิตุํ มฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชเนน. มหาชนสฺสาติ พหุชนสฺส. อวตฺถริตฺวาติ วิตฺถาริกํ กตฺวา.

๓๑๖. ปฺจาตปตปฺปนํ จตูสุ ปสฺเสสุ อคฺคิสนฺตาปสฺส อุปริ สูริยสนฺตาปสฺส จ ตปฺปนํ, ตฺจ โข คิมฺหกาเล. ฉินฺนปฺปปาตปพฺพตสิขรโต ปตนํ มรุปฺปปาตปตนํ. ปุพฺพณฺหาทีสุ อาทิจฺจาภิมุขาวฏฺฏนํ อาทิจฺจานุปริวตฺตนํ.

๓๑๗. อยมฺปีติ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย กุสีโตปิ. สามฺนฺติ ตปจรณํ. ทุปฺปรามฏฺนฺติ มิจฺฉาจริตํ สํกิลิฏฺํ. นิรยายุปกฑฺฒตีติ นิรยทุกฺขาย นํ กฑฺฒติ.

๓๑๘. วุตฺตปฺปกาเรติ ปฺจาตปตปฺปนาทิเก วุตฺตปฺปกาเร.

๓๑๙. เอวนฺติ วุตฺตปฺปการาย จิตฺตปฺปสาทวฺหยสุปฺปฏิปตฺติยา. เตน สมณธมฺมกรณสุขฺจ สงฺคณฺหาติ.

๓๒๐. นวกนิปาเตติ อิมสฺมึเยว องฺคุตฺตรนิกาเย วกฺขมานํ นวกนิปาตํ สนฺธายาห. นว ปุคฺคลาติ สตฺตกฺขตฺตุปรมโกลํโกลาทโย นว ปุคฺคลา. สพฺพตฺถาติ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺตาวสิฏฺเสุ สพฺเพสุ สุตฺเตสุ.

ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. เอกธมฺมปาฬิ

(๑๖) ๔. เอกธมฺมปาฬิ-จตุตฺถวคฺควณฺณนา

๓๒๒. จตุตฺถสฺส ปเม สฺาณภูตาติ อุปลกฺขณภูตา. ปฺจทสโยชนาวฏฺฏกฺขนฺธาติ ปฺจทสโยชนกฺขนฺธปริกฺเขปา. ยถา จาติ -สทฺเทน กทมฺพรุกฺขาทีนํ กปฺปฏฺายิภาวํ วิย โยชนสตุพฺเพธาทิภาวํ สมุจฺจิโนติ, น ปน ชมฺพุยา ชมฺพุทีปสฺส วิย เตหิ อปรโคยานาทีนํ สฺาณภาวํ. รามเณยฺยกนฺติ รมณียภาวํ. เสสปเทสูติ วนรามเณยฺยกาทิปเทสุ. อุคฺคตํ กูลํ อุสฺสิตภาโว เอตสฺสาติ อุกฺกูลํ, วิคตํ อปคตํ กูลํ เอตสฺสาติ วิกูลนฺติ อาห – ‘‘อุนฺนตฏฺานํ นินฺนฏฺาน’’นฺติ จ. นนฺทิยาวฏฺฏมจฺฉปิฏฺเเนวาติ กุชฺชกกุลิสกมจฺฉสงฺฆาตปิฏฺเเนว.

๓๒๓. ทุติยาทีสุ จตฺตาโร อปายา อฺตฺร มนุสฺเสหีติ อธิปฺเปตา, น เทวา อฺตฺร มนุสฺเสหีติ หีนาย ชาติยา อธิปฺเปตตฺตา. อุปาทายุปาทายาปิ มชฺฌิมเทโส ลพฺภติ, ยตฺถ คติ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ อฺเสมฺปิ กมฺมวาทิกิริยวาทิวิฺุชาติกานํ, โย ปติรูปเทโสติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘สกโลปิ หี’’ติอาทิ.

๓๒๔. เอฬาติ โทโส. เตนาห – ‘‘นิทฺโทสมุขาติ อตฺโถ’’ติ.

๓๒๖. ตถาคตสฺส คุเณ ชานิตฺวา จกฺขุนาปิ ทสฺสนํ ทสฺสนเมว, อชานิตฺวา ปน ทสฺสนํ ติรจฺฉานคตานมฺปิ โหติเยวาติ อาห – ‘‘เย ตถาคตสฺส คุเณ ชานิตฺวา’’ติอาทิ.

๓๒๗. ปกาเสตฺวา กถิตนฺติ สจฺจานิ ปกาเสตฺวา กถิตํ.

๓๒๘. สุตานํ ธมฺมานํ อสมฺโมโส ธารณนฺติ อาห – ‘‘ธาเรนฺตีติ น ปมฺมุสฺสนฺตี’’ติ.

๓๒๙. อตฺถานตฺถํ อุปปริกฺขนฺตีติ ‘‘อยํ อิมิสฺสา ปาฬิยา อตฺโถ, อยํ น อตฺโถ’’ติ อตฺถานตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ. อนตฺถปริหาเรน หิ อตฺถคฺคหณํ ยถา อธมฺมปริวชฺชเนน ธมฺมปฺปฏิปตฺติ.

๓๓๐. อนุโลมปฏิปทนฺติ นิพฺพานสฺส อนุโลมิกํ ปฏิปทํ.

๓๓๑. สํเวคชนเกสุการเณสูติ สํเวคชนเกสุ ชาติอาทีสุ การเณสุ. สํเวชนีเยสุ าเนสุ สโหตฺตปฺปาณํ สํเวโค.

๓๓๒. อุปาเยนาติ เยน อุปาเยน วฏฺฏูปจฺเฉโท, เตน อุปาเยน. ปธานวีริยํ กโรนฺตีติ สมฺมปฺปธานสงฺขาตํ วีริยํ กโรนฺติ อุปฺปาเทนฺติ.

๓๓๓. ววสฺสชียนฺติ วิสฺสชฺชียนฺติ เอตฺถ สงฺขาราติ ววสฺสคฺโค, อสงฺขตา ธาตูติ อาห – ‘‘ววสฺสคฺโค วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ.

๓๓๔. อุตฺตมนฺนานนฺติ อุตฺตมานํ ปฺจนฺนํ โภชนานํ. อุตฺตมรสานนฺติ อุตฺตมานํ รสานํ. อุฺฉาจาเรนาติ อุฺฉาจริยาย กสฺสจิ อปริคฺคหภูตสฺส กิฺจิ อยาจิตฺวา คหณํ อุฺฉาจาโร. เอตฺถ จาติอาทินา อนฺนาทีนํ อคฺคภาโว นาม มนาปปรโม อิจฺฉิตกฺขณลาโภ, น เตสํ ลาภิตามตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปฏิลภนฺตีติ เทนฺติ ปณีตภาเวน. ภตฺตสฺส เอกปาตีติ เอกปาติปูรํ ภตฺตํ. อิทํ กึ นามาติ ‘‘อิทํ อนฺนคฺครสคฺคํ นาม โหติ, น โหตี’’ติ ปุจฺฉติ. อุฺเฉน กปาลาภเตนาติ มิสฺสกภตฺเตน. ยาเปนฺเตติ ยาปนสีเสน ยาปนเหตุํ ภตฺตํ วทติ. อุปาทาย อคฺครสํ นามาติ ตํ ตํ อุปาทายุปาทาย อนฺนคฺครสคฺคํ ทฏฺพฺพนฺติ ทสฺเสติ. จกฺกวตฺติอาหารโต หิ จาตุมหาราชิกานํ อาหาโร อคฺโคติ เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวา เนตพฺพํ.

๓๓๕. อตฺถรโส นาม จตฺตาริ สามฺผลานิ ‘‘อริยมคฺคานํ ผลภูโต รโส’’ติ กตฺวา. ธมฺมรโส นาม จตฺตาโร มคฺคา ‘‘สามฺผลสฺส เหตุภูโต รโส’’ติ กตฺวา วิมุตฺติรโส นาม อมตํ นิพฺพานํ ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ กตฺวา.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ชมฺพุทีปเปยฺยาโล นิฏฺิโต.