📜
๑๘. อปรอจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา
๓๘๒. อิทมฺปิ ¶ สุตฺตนฺติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท เหฏฺา วุตฺตจูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺตํ สมฺปิณฺเฑติ. จูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺเต อปฺปนํ อปฺปตฺตาย เมตฺตาย ตาวมหนฺโต วิปาโก ทสฺสิโต, กิมงฺคํ ปน อิมิสฺสา อปฺปนาปฺปตฺตาย เมตฺตายาติ ทสฺเสตุํ – ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตาย หี’’ติอาทิมาห. วิปากกถาเยว นตฺถีติ วิปาเก กถาเยว นตฺถิ, อยเมว วา ปาโ. คณนานุปุพฺพตาติ คณนานุปุพฺพตาย. ปมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปมํ, ปมํ สมาปชฺชตีติ อิทํ ปน น เอกนฺตลกฺขณํ. จิณฺณวสีภาโว หิ อฏฺสมาปตฺติลาภี อาทิโต ปฏฺาย มตฺถกํ ปาเปนฺโตปิ สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ, มตฺถกโต ปฏฺาย อาทึ ปาเปนฺโตปิ, อนฺตรนฺตรา โอกฺกนฺโตปิ สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ เอว. ปุพฺพุปฺปตฺติยฏฺเน ปน ปมํ นาม โหติ. วิภงฺเคติ ฌานวิภงฺเค. วิปสฺสนํ กยิรมานํ ลกฺขณูปนิชฺฌานกิจฺจํ มคฺเคน สิชฺฌติ ตคฺคตสมฺโมหวิทฺธํสนโต ¶ . อปิจ วิปสฺสนาย ลกฺขณูปนิชฺฌานํ มคฺเคน อุปฺปนฺเนน สิชฺฌติ อิตรถา ปริวตฺตนโต, ตสฺมา มคฺโค ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, น อนิจฺจาทิลกฺขณานํ อารมฺมณกรณโต. ยถา ผลํ นิพฺพานสฺส อสงฺขตลกฺขณํ อารมฺมณกรณวเสน อุปนิชฺฌายติ, เอวํ มคฺโคปิ. เอวมฺปิสฺส ลกฺขณูปนิชฺฌานตํ เวทิตพฺพํ. วตฺตพฺพเมว นตฺถิ อริตฺตชฺฌานตาย. เสสํ วิเสสํ, อริตฺตชฺฌานา เอวาติ อตฺโถ.
๓๘๖-๓๘๗. หิตผรณนฺติ สตฺเตสุ หิตานุรูปํ ฌานสฺส ผริตฺวา ปวตฺตนํ. เจโตปฏิปกฺขโต วิมุจฺจติ เอตายาติ เจโตวิมุตฺติ, อปฺปนาปฺปตฺตา เมตฺตา. เตนาห – ‘‘อิธา’’ติอาทิ. เอเสว นโยติ อิมินา กรุณาทีนมฺปิ อปฺปนาปฺปตฺตตํ อติทิสติ. วฏฺฏํ โหนฺติ กมฺมวฏฺฏภาวโต. วฏฺฏปาทา โหนฺตีติ วิปากวฏฺฏสฺส การณํ โหนฺติ.
๓๙๐. อชฺฌตฺตปริกมฺมวเสนาติ อตฺตโน เกสาทีสุ ปริกมฺมกรณวเสน. อฏฺารสวิเธติ อฏฺารสปฺปเภเท. กาเยติ รูปกาเย. รูปกาโย หิ อิธ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนฺจ ธมฺมานํ สมูหฏฺเน หตฺถิกายรถกายาทโย วิย กาโยติ อธิปฺเปโต. สมูหวิสยตาย จสฺส กายสทฺทสฺส สมุทายูปาทนตาย จ อสุภาการสฺส ‘‘กาเย’’ติ เอกวจนํ. ตถา อารมฺมณาทิวิภาเคน อเนกเภทภินฺนมฺปิ จิตฺตํ จิตฺตภาวสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘จิตฺเต’’ติ เอกวจนํ กตํ. กายานุปสฺสีติ อิมสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ตเมว กายํ ปฺาย อนุปสฺสนฺโต’’ติ อาห. ตเมว กายนฺติ จ ¶ อวธารเณน เวทนาทิอนุปสฺสนํ นิวตฺเตติ. เตน จ ปุน กายคฺคหณสฺส ปโยชนํ สูจิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘กาเย’’ติ หิ วตฺวาปิ ปุน ‘‘กายานุปสฺสี’’ติ ทุติยํ กายคฺคหณํ อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานฆนวินิพฺโภคาทิทสฺสนตฺถํ กตํ. เตน เวทนาทโยปิ เอตฺถ สิตา, เอตฺถ ปฏิพทฺธาติ กายเวทนาทิอนุปสฺสนปฺปสงฺเคปิ อาปนฺเน น กาเย เวทนานุปสฺสี จิตฺตานุปสฺสี ธมฺมานุปสฺสี วา. อถ โข กายานุปสฺสีเยวาติ กายสงฺขาตวตฺถุสฺมึ กายานุปสฺสนาการสฺเสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. ตถา น กาเย องฺคปจฺจงฺควินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, นาปิ เกสโลมาทิวินิมุตฺตอิตฺถิปุริสานุปสฺสี. โยปิ เจตฺถ เกสโลมาทิโก ภูตุปาทายสมูหสงฺขาโต กาโย, กตฺถปิ น ภูตุปาทายวินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, อถ โข รถสมฺภารานุปสฺสโก วิย องฺคปจฺจงฺคสมูหานุปสฺสี ¶ , นาคราวยวานุปสฺสโก วิย เกสโลมาทิสมูหานุปสฺสี, กทลิกฺขนฺธปตฺตวฏฺฏิวินิพฺภุชฺชโก ริตฺตมุฏฺิวินิเวโก วิย จ ภูตุปาทายสมูหานุปสฺสีเยวาติ นานปฺปการโต สมูหวเสเนว กายสงฺขาตสฺส วตฺถุโน ทสฺสเนน ฆนวินิพฺโภโค ทสฺสิโต โหติ. น เหตฺถ ยถาวุตฺตสมูหวินิมุตฺโต กาโย วา อิตฺถี วา ปุริโส วา อฺโ วา โกจิ ธมฺโม ทิสฺสติ, ยถาวุตฺตธมฺมสมูหมตฺเตเยว ปน ตถา ตถา สตฺตา มิจฺฉาภินิเวสํ กโรนฺติ.
อฏฺารสวิเธนาติ อฏฺารสวิธา. สติปฏฺานภาวกสฺสาติ สติปฏฺานภาวํ ภาเวนฺตสฺส. ตีสุ ภเวสุ กิเลเส อาตเปตีติ อาตาโป, วีริยสฺเสตํ นามํ. ยทิปิ หิ กิเลสานํ ปหานํ อาตาปนนฺติ, ตํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนมฺปิ อตฺเถว. อาตปสทฺโท วิย ปน อาตาปสทฺโทปิ วีริเยว นิรุฬฺโห. อถ วา ปฏิปกฺขปฺปหาเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อพฺภุสฺสหนวเสน ปวตฺตมานสฺส วีริยสฺส สาติสยํ ตทาตาปนนฺติ วีริยเมว ตถา วุจฺจติ, น อฺธมฺมา, ตสฺมา อาตาโปติ วีริยสฺส นามํ, โส อสฺส อตฺถีติ อาตาปี. อยฺจ อีกาโร ปสํสาย อติสยสฺส วา ทีปโกติ อาตาปิคฺคหเณน สมฺมปฺปธานสมงฺคิตํ ทสฺเสติ. เตเนวาห – ‘‘อาตาปีติ…เป… วีริเยน วีริยวา’’ติ. สมฺปชาโนติ สมฺปชฺสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคโต. เตนาห – ‘‘อฏฺารสวิเธน…เป… สมฺมา ปชานนฺโต’’ติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – สมฺมา สมนฺตโต สามฺจ ปชานนฺโต สมฺปชาโน, อสมฺมิสฺสโต ววตฺถาเน อฺธมฺมานุปสฺสิตาภาเวน สมฺมา อวิปรีตํ สพฺพาการปฺปชาเนน สมนฺตโต อุปรูปริวิเสสาวหภาเวน ปวตฺติยา สมฺมา ปชานนฺโตติ อตฺโถ.
กาโย จ อิธ ลุชฺชนปฺปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘ตสฺมึเยว กายสงฺขาเต โลเก’’ติ. ปฺจกามคุณิกตณฺหนฺติ รูปาทีสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ ปวตฺตมานํ ตณฺหํ ¶ . ยสฺมา ปเนตฺถ อภิชฺฌาคหเณน กามจฺฉนฺโท, โทมนสฺสคฺคหเณน พฺยาปาโท สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา นีวรณปริยาปนฺนพลวธมฺมทฺวยทสฺสเนน นีวรณปฺปหานํ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. วิเสเสน เจตฺถ อภิชฺฌาวินเยน กายสมฺปตฺติมูลกสฺส อนุโรธสฺส, โทมนสฺสวินเยน กายวิปตฺติมูลกสฺส วิโรธสฺส, อภิชฺฌาวินเยน จ กาเย อภิรติยา, โทมนสฺสวินเยน กายภาวนาย อนภิรติยา, อภิชฺฌาวินเยน กาเย อภูตานํ ¶ สุภสุขภาวาทีนํ ปกฺเขปสฺส, โทมนสฺสวินเยน กาเย ภูตานํ อสุภาสุขภาวาทีนํ อปนยนสฺส จ ปหานํ วุตฺตํ. เตน โยคาวจรสฺส โยคานุภาโว โยคสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติ. โยคานุภาโว หิ เอส, ยทิทํ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุตฺโต อรติรติสโห อภูตปกฺเขปภูตาปนยนวิรหิโต จ โหติ. อนุโรธวิโรธวิปฺปมุตฺโต เจส อรติรติสโห อภูตํ อปกฺขิปนฺโต ภูตฺจ อนปเนนฺโต โยคสมตฺโถ โหตีติ. สุทฺธรูปสมฺมสนเมว กถิตนฺติ เกวลํ กายานุปสฺสนาภาวโต วุตฺตํ.
สุขาทิเภทาสุ เวทนาสูติ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขสามิสนิรามิสเภทาสุ เวทนาสุ. ตตฺถ สุขยตีติ สุขา, สมฺปยุตฺตธมฺเม กายฺจ ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อตฺโถ. สุฏฺุ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ เจตสิกฺจ อาพาธนฺติ สุขา, สุกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ วา สุขา. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา, สมฺปยุตฺตธมฺเม กายฺจ ปีเฬติ วิพาธตีติ อตฺโถ. ทุฏฺุ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ เจตสิกฺจ สาตนฺติ ทุกฺขา, ทุกฺกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ วา ทุกฺขา. ทุกฺขสุขปฺปฏิกฺเขเปน อทุกฺขมสุขาติ อุเปกฺขา วุตฺตา. เวทิยติ อารมฺมณรสํ อนุภวตีติ เวทนา. เวทิยมาโนติ อนุภวมาโน. สุขํ เวทนํ เวทิยามีติ ปชานาตีติ กายิกํ วา เจตสิกํ วา สุขํ เวทนํ เวทิยมาโน ‘‘อหํ สุขํ เวทนํ เวทิยามี’’ติ ปชานาตีติ อตฺโถ. ตตฺถ กามํ อุตฺตานเสยฺยกาปิ ทารกา ถฺปิวนาทิกาเล สุขํ เวทนํ เวทิยมานา ‘‘สุขํ เวทนํ เวทิยามา’’ติ ปชานนฺติ, น ปเนตํ เอวรูปํ ปชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวรูปฺหิ ชานนํ สตฺตุปลทฺธึ น ชหติ, อตฺตสฺํ น อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานํ วา สติปฏฺานภาวนา วา น โหติ. อิมสฺส ปน ภิกฺขุโน ชานนํ สตฺตุปลทฺธึ ชหติ, อตฺตสฺํ อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานฺเจว สติปฏฺานภาวนา จ โหติ. อิทฺหิ ‘‘โก เวทิยติ, ตสฺส เวทนา, กึ การณา เวทนา’’ติ เอวํ สมฺปชานนฺตสฺส เวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ตตฺถ โก เวทิยตีติ? น โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา เวทิยติ. กสฺส เวทนาติ? น กสฺสจิ สตฺตสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เวทนา. กึ การณา เวทนาติ? วตฺถุอารมฺมณา จ ปนสฺส เวทนาติ. ตสฺมา เอส เอวํ ปชานาติ ‘‘ตํ ตํ สุขาทีนํ วตฺถุภูตํ รูปาทึ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว ¶ เวทิยติ, ตํ ปน เวทนาปวตฺตึ อุปาทาย ‘อหํ เวทิยามี’ติ ¶ โวหารมตฺตํ โหตี’’ติ. เอวํ ‘‘สุขาทีนํ วตฺถุภูตํ รูปาทึ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทิยตี’’ติ สลฺลกฺเขนฺโต เอส ‘‘สุขํ เวทนํ เวทิยามี’’ติ ปชานาตีติ เวทิตพฺโพ.
อถ วา สุขํ เวทนํ เวทิยามีติ ปชานาตีติ สุขเวทนากฺขเณ ทุกฺขาย เวทนาย อภาวโต สุขํ เวทนํ เวทิยมาโน ‘‘สุขํ เวทนํเยว เวทิยามี’’ติ ปชานาติ. เตน ยา ปุพฺเพ ภูตปุพฺพา ทุกฺขา เวทนา, ตสฺสา อิทานิ อภาวโต อิมิสฺสา จ สุขาย เวทนาย อิโต ปรํ ปมํ อภาวโต ‘‘เวทนา นาม อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมา’’ติ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. ทุกฺขํ เวทนํ เวทิยามีติ ปชานาตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
สามิสํ วา สุขนฺติอาทีสุ ยสฺมา กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสา นาม ปฺจ กามคุณา. อารมฺมณกรณวเสน สห อามิเสหีติ สามิสา, ตสฺมา สามิสา สุขา นาม ปฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา ฉสุ ทฺวาเรสุ อุปฺปนฺนา ฉเคหสฺสิตา โสมนสฺสเวทนา. สามิสา ทุกฺขา นาม ฉเคหสฺสิตา โทมนสฺสเวทนา. สา จ ฉสุ ทฺวาเรสุ ‘‘อิฏฺารมฺมณํ นานุภวิสฺสามิ นานุภวามี’’ติ วิตกฺกยโต อุปฺปนฺนา กามคุณนิสฺสิตา โทมนสฺสเวทนา เวทิตพฺพา. นิรามิสา สุขา นาม ฉเนกฺขมฺมสฺสิตา โสมนสฺสเวทนา. สา จ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ สกฺโกนฺตสฺส ‘‘อุสฺสกฺกิตา เม วิปสฺสนา’’ติ โสมนสฺสชาตสฺส อุปฺปนฺนา โสมนสฺสเวทนา ทฏฺพฺพา.
นิรามิสา ทุกฺขา นาม ฉเนกฺขมฺมสฺสิตา โทมนสฺสเวทนา. สา ปน ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อนุตฺตรวิโมกฺขสงฺขาตอริยผลธมฺเมสุ ปิหํ ปฏฺเปตฺวา ตทธิคมาย อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ‘‘อิมมฺปิ ปกฺขํ อิมมฺปิ มาสํ อิมมฺปิ สํวจฺฉรํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยภูมึ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อนุโสจโต อุปฺปนฺนา โทมนสฺสเวทนา.
สามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉเคหสฺสิตา อุเปกฺขาเวทนา. สา จ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต คุฬปิณฺฑเก นิลีนมกฺขิกา วิย รูปาทีนิ อนุวตฺตมานา ตตฺเถว ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อุปฺปนฺนา กามคุณนิสฺสิตา ¶ อุเปกฺขาเวทนา. นิรามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉเนกฺขมฺมสฺสิตา อุเปกฺขาเวทนา. สา ปน ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต อิฏฺเ อรชฺชนฺตสฺส, อนิฏฺเ อทุสฺสนฺตสฺส, อสมเปกฺขเนน อมุยฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา ¶ อุเปกฺขาเวทนา. เอวํ วุตฺตนฺติ มหาสติปฏฺานสุตฺเต วุตฺตํ. สาว เวทนา เวทิตพฺพาติ ลุชฺชนปฺปลุชฺชนฏฺเน สา เวทนา ‘‘โลโก’’ติ เวทิตพฺพา.
เอวํ วิตฺถาริเตติ ‘‘สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ…เป… สโทสํ วา จิตฺตํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ, สโมหํ วา จิตฺตํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ, สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ, มหคฺคตํ วา จิตฺตํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ, สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ, สมาหิตํ วา จิตฺตํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ, วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตนฺติ ปชานาตี’’ติ เอวํ สติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๘๑; ม. นิ. ๑.๑๑๔) วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิเต โสฬสวิเธ จิตฺเต.
ตตฺถ สราคนฺติ อฏฺวิธํ โลภสหคตํ. วีตราคนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. อิทํ ปน ยสฺมา สมฺมสนํ น ธมฺมสโมธานํ, ตสฺมา อิธ เอกปเทปิ โลกุตฺตรํ น ลพฺภติ. เสสานิ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติ. สโทสนฺติ ทุวิธํ โทมนสฺสสหคตํ. วีตโทสนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. เสสานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติ. สโมหนฺติ วิจิกิจฺฉาสหคตฺเจว อุทฺธจฺจสหคตฺจาติ ทุวิธํ. ยสฺมา ปน โมโห สพฺพากุสเลสุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เสสานิปิ อิธ วตฺตนฺติเยว. อิมสฺมิฺเว หิ ทุเก ทฺวาทสากุสลจิตฺตานิ ปริยาทินฺนานีติ. วีตโมหนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ.
สํขิตฺตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํ. เอตฺหิ สงฺกุจิตจิตฺตํ นาม อารมฺมเณ สงฺโกจวเสน ปวตฺตนโต. วิกฺขิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ. เอตฺหิ ปสฏจิตฺตํ นาม อารมฺมเณ สวิเสสํ วิกฺเขปวเสน วิสฏภาเวน ปวตฺตนโต. มหคฺคตนฺติ รูปาวจรํ อรูปาวจรฺจ. อมหคฺคตนฺติ กามาวจรํ. สอุตฺตรนฺติ กามาวจรํ. อนุตฺตรนฺติ รูปาวจรํ อรูปาวจรฺจ. ตตฺราปิ สอุตฺตรํ รูปาวจรํ, อนุตฺตรํ อรูปาวจรเมว. สมาหิตนฺติ ยสฺส อปฺปนาสมาธิ วา อุปจารสมาธิ วา อตฺถิ. อสมาหิตนฺติ อุภยสมาธิวิรหิตํ. วิมุตฺตนฺติ ¶ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วิมุตฺตํ. อวิมุตฺตนฺติ อุภยวิมุตฺติรหิตํ. สมุจฺเฉทปฺปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ ปน อิธ โอกาโสว นตฺถิ, โอกาสาภาโว จ สมฺมสนจารสฺส อธิปฺเปตตฺตา เวทิตพฺโพ.
อุปาทานสฺส ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา, อุปาทานสฺส ปจฺจยภูตา ธมฺมปฺุชา ธมฺมราสโยติ อตฺโถ. อุปาทาเนหิ อารมฺมณกรณาทิวเสน อุปาทาตพฺพา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนานีติ ¶ จกฺขุ โสตํ ฆานํ ชิวฺหา กาโย มโนติ อิมานิ ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ เจว, รูปํ สทฺโท คนฺโธ รโส โผฏฺพฺโพ ธมฺมาติ อิมานิ ฉ พาหิรายตนานิ จ. เอตฺถ ปน โลกุตฺตรธมฺมา น คเหตพฺพา สมฺมสนจารสฺส อธิปฺเปตตฺตา. สตฺต สมฺโพชฺฌงฺคาติ สติสมฺโพชฺฌงฺคาทโย สตฺต สมฺโพชฺฌงฺคา. สติอาทโย หิ สมฺโพธิสฺส, สมฺโพธิยา วา องฺคาติ สมฺโพชฺฌงฺคา. ตถา หิ สมฺพุชฺฌติ อารทฺธวิปสฺสกโต ปฏฺาย โยคาวจโรติ สมฺโพธิ, ยาย วา โส สติอาทิกาย สตฺตธมฺมสามคฺคิยา สมฺพุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาโต อุฏฺาติ, สจฺจานิ วา ปฏิวิชฺฌติ, สา ธมฺมสามคฺคี สมฺโพธิ, ตสฺส สมฺโพธิสฺส, ตสฺสา วา สมฺโพธิยา องฺคาติ สมฺโพชฺฌงฺคา.
จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุทโย ทุกฺขนิโรโธ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๗๑-๑๐๗๒) เอวํ วุตฺตานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ตตฺถ ปุริมานิ ทฺเว สจฺจานิ วฏฺฏํ ปวตฺติเหตุภาวโต. ปจฺฉิมานิ วิวฏฺฏํ นิวฏฺฏตทธิคมูปายภาวโต. เตสุ ภิกฺขุโน วฏฺเฏ กมฺมฏฺานาภินิเวโส โหติ สรูปโต ปริคฺคหสมฺภวโต. วิวฏฺเฏ นตฺถิ อภินิเวโส อวิสยตฺตา อวิสยตฺเต จ ปโยชนาภาวโต. ปฺจธา วุตฺเตสูติ สติปฏฺานสุตฺเต วุตฺเตสุ. สุทฺธอรูปสมฺมสนเมวาติ รูเปน อมิสฺสิตตฺตา เกวลํ อรูปสมฺมสนเมว. ขนฺธายตนสจฺจโกฏฺาสานํ ปฺจกฺขนฺธสงฺคหโต ‘‘รูปารูปสมฺมสน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺพภาคิยานมฺปิ สติปฏฺานานํ สงฺคหิตตฺตา ‘‘โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว กถิตานี’’ติ อาห.
๓๙๔. อนิพฺพตฺตานนฺติ อชาตานํ. ปโยคํ ปรกฺกมนฺติ เอตฺถ ภุสํ โยโค ปโยโค, ปโยโคว ปรกฺกโม, ปโยคสงฺขาตํ ปรกฺกมนฺติ อตฺโถ. จิตฺตํ อุกฺขิปตีติ โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อปทานวเสน อุกฺขิปติ. ปธานวีริยนฺติ ¶ สมฺมปฺปธานลกฺขณปฺปตฺตวีริยํ. โลกิยาติ โลกิยสมฺมปฺปธานกถา. สพฺพปุพฺพภาเคติ สพฺพมคฺคานํ ปุพฺพภาเค. กสฺสปสํยุตฺตปริยาเยนาติ กสฺสปสํยุตฺเต อาคตสุตฺเตน ‘‘อุปฺปนฺนา เม ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปฺปหียมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๕) อาคตตฺตา. สา โลกิยาติ เวทิตพฺพา.
สมถวิปสฺสนาวาติ อวธารเณน มคฺคํ นิวตฺเตตฺวา ตสฺส นิวตฺตเน การณํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘มคฺโค ปนา’’ติอาทิมาห. สกึ อุปฺปชฺชิตฺวาติ อิทํ ภูตกถนมตฺตํ. นิรุทฺธสฺส ปุน อนุปฺปชฺชนโต ‘‘น โกจิ คุโณ’’ติ อาสงฺเกยฺยาติ อาห – ‘‘โส หี’’ติอาทิ. อนนฺตรเมว ยถา ผลํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปวตฺติเยวสฺส ปจฺจยทานํ. ปุริมสฺมิมฺปีติ ‘‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’’นฺติ เอตฺถปิ. วุตฺตนฺติ โปราณฏฺกถายํ. ตํ ปน ตถาวุตฺตวจนํ ¶ น ยุตฺตํ ทุติยสฺมึ วิย ปุริมสฺมึ มคฺคสฺส อคฺคหเณ การณาภาวโต. ปุริมสฺมึ อคฺคหิเต มคฺเค อนุปฺปชฺชมาโน มคฺโค อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยาติ อาปชฺเชยฺย, น เจตํ ยุตฺตํ อาปชฺชมาเน ตสฺมึ ปธานตฺถสมฺภวโต. จตุกิจฺจสาธนวเสนาติ อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุกิจฺจสาธนวเสน.
วุตฺตนเยนาติ ‘‘อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. วิชฺชมานาติ ธรมานสภาวา. ขณตฺตยปริยาปนฺนตฺตา อุปฺปาทาทิสมงฺคิโน วตฺตมานภาเวน อุปฺปนฺนํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ. ตฺหิ อุปฺปาทโต ปฏฺาย ยาว ภงฺคา อุทฺธํ ปนฺนํ ปตฺตนฺติ นิปฺปริยายโต ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ วุจฺจติ. อนุภวิตฺวา ภวิตฺวา จ วิคตํ ภุตฺวาวิคตํ. อนุภวนภวนานิ หิ ภวนสามฺเน ภุตฺวา-สทฺเทน วุตฺตานิ. สามฺเมว หิ อุปสคฺเคน วิเสสียติ. อิธ วิปากานุภวนวเสน ตทารมฺมณํ อวิปกฺกวิปากสฺส สพฺพถา อวิคตตฺตา ภวิตฺวาวิคตมตฺตวเสน กมฺมฺจ ‘‘ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ. น อฏฺสาลินิยํ วิย รชฺชนาทิวเสน อนุภูตาปคตํ ชวนํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธตาวเสน ภูตาปคตฺจ สงฺขตํ ภูตาปคตุปฺปนฺนนฺติ. ตสฺมา อิธ โอกาสกตุปฺปนฺนํ วิปากเมว วทติ, น ตตฺถ วิย กมฺมมฺปิ. อฏฺสาลินิยฺหิ ภูตาวิคตุปฺปนฺนํ โอกาสกตุปฺปนฺนฺจ อฺถา ทสฺสิตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กามาวจรกุสลปทภาชนีย) –
‘‘อารมฺมณรสํ ¶ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธํ อนุภูตาปคตสงฺขาตํ กุสลากุสลํ, อุปาทาทิตฺตยํ อนุปฺปตฺวา นิรุทฺธํ ภูตาปคตสงฺขาตํ เสสสงฺขตฺจ ภูตาปคตุปฺปนฺนํ นาม. ‘ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ กตานิ กมฺมานี’ติ เอวมาทินา นเยน วุตฺตํ กมฺมํ อตีตมฺปิ สมานํ อฺํ วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺโสกาสํ กตฺวา ิตตฺตา, ตถากโตกาสฺจ วิปากํ อนุปฺปนฺนมฺปิ สมานํ เอวํ กเต โอกาเส เอกนฺเตน อุปฺปชฺชนโต โอกาสกตุปฺปนฺนํ นามา’’ติ.
อิธ ปน สมฺโมหวิโนทนิยํ วุตฺตนเยเนว ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺนํ โอกาสกตุปฺปนฺนฺจ ทสฺสิตํ. วุตฺตฺหิ, สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๔๐๖) –
‘‘กมฺเม ปน ชหิเต อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺโธ วิปาโก ภุตฺวาวิคตํ นาม. กมฺมํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ ภุตฺวาวิคตํ นาม. ตทุภยมฺปิ ภุตฺวาวิคตุปฺปนฺนนฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กุสลากุสลํ กมฺมํ อฺกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส ¶ โอกาสํ กโรติ. เอวํ กเต โอกาเส วิปาโก อุปฺปชฺชมาโน โอกาสกรณโต ปฏฺาย อุปฺปนฺโนติ วุจฺจติ. อิทํ โอกาสกตุปฺปนฺนํ นามา’’ติ.
ตตฺถ อฏฺสาลินิยา อยมธิปฺปาโย – ‘‘สติปิ สพฺเพสมฺปิ จิตฺตุปฺปาทานํ สํเวทยิตสภาวา อารมฺมณานุภวเน สวิปลฺลาเส ปน สนฺตาเน จิตฺตาภิสงฺขารวเสน ปวตฺติโต อพฺยากเตหิ วิสิฏฺโ กุสลากุสลานํ สาติสโย วิสยานุภวนากาโร. ยถา วิกปฺปคฺคาหวเสน ราคาทีหิ ตพฺพิปกฺเขหิ จ อกุสลํ กุสลฺจ นิปฺปริยายโต อารมฺมณรสํ อนุภวติ, น ตถา วิปาโก กมฺมเวคกฺขิตฺตตฺตา, นาปิ กิริยา อเหตุกานํ อติทุพฺพลตาย, สเหตุกานฺจ ขีณกิเลสสฺส ฉฬงฺคุเปกฺขาวโต อุปฺปชฺชมานานํ อติสนฺตวุตฺติตฺตา, ตสฺมา รชฺชนาทิวเสน อารมฺมณรสานุภวนํ สาติสยนฺติ อกุสลํ กุสลฺจ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธตาสามฺเน เสสสงฺขตฺจ ภูตาปคต’’นฺติ วุตฺตํ. สมฺโมหวิโนทนิยา ปน วิปากานุภวนวเสน ตทารมฺมณํ อวิปกฺกปากสฺส สพฺพถา อวิคตตฺตา ภวิตฺวาวิคตมตฺตวเสน กมฺมฺจ ภุตฺวาปคตนฺติ ¶ วุตฺตํ. เตเนว ตตฺถ โอกาสกตุปฺปนฺนนฺติ วิปากเมวาห, น กมฺมมฺปิ, ตสฺมา อิธาปิ สมฺโมหวิโนทนิยํ วุตฺตนเยเนว ภุตฺวาปคตุปฺปนฺนํ โอกาสกตุปฺปนฺนฺจ วิภตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปฺจกฺขนฺธา ปน วิปสฺสนาย ภูมิ นามาติ สมฺมสนสฺส านภาวโต วุตฺตํ. เตสูติ อตีตาทิเภเทสุ. อนุสยิตกิเลสาติ อปฺปหีนา มคฺเคน ปหาตพฺพา อธิปฺเปตา. เตนาห – ‘‘อตีตา วา…เป… น วตฺตพฺพา’’ติ. โหนฺตุ ตาว ‘‘อตีตา’’ติ วา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนา’’ติ วา น วตฺตพฺพา, ‘‘อนาคตา’’ติ ปน กสฺมา น วตฺตพฺพา, นนุ การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหา อปฺปหีนฏฺเน ถามคตา กิเลสา อนุสยาติ วุจฺจนฺตีติ? สจฺจเมตํ, อนาคตภาโวปิ เนสํ น ปริจฺฉินฺโน อิตรานาคตกฺขนฺธานํ วิยาติ ‘‘อนาคตา วาติ น วตฺตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ หิ เนสํ ปริจฺฉินฺโน อนาคตภาโว สิยา, ตโต ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนา, อตีตา’’ติ จ วตฺตพฺพา สิยุํ, ปจฺจยสมวาเย ปน อุปฺปชฺชนารหตํ อุปาทาย อนาคตโวหาโร ตตฺถ เวทิตพฺโพ.
อิทํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามาติ อิทํ ยถาวุตฺตํ กิเลสชาตํ อปฺปหีนฏฺเน ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม การณลาเภ สติ วิชฺชมานกิจฺจกรณโต. ตาสุ ตาสุ ภูมิสูติ มนุสฺสเทวาทิอตฺตภาวสงฺขาเตสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. อารมฺมณกรณวเสน หิ ภวนฺติ เอตฺถ กิเลสาติ ภูมิโย, อุปาทานกฺขนฺธา. อสมุคฺฆาตคตาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สนฺตาเน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อนาปาทิตตาย สมุคฺฆาตํ สมุจฺเฉทํ น คตาติ อสมุคฺฆาตคตา. ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามาติ เอตฺถ ลทฺธภูมิกํ ¶ ภูมิลทฺธนฺติ วุตฺตํ อคฺคิอาหิโต วิย. โอกาสกตุปฺปนฺนสทฺเทปิ จ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กามาวจรกุสลปทภาชนีย) อาคตนเยน โอกาโส กโต เอเตน กุสลากุสลกมฺเมน, โอกาโส กโต เอตสฺส วิปากสฺสาติ จ ทุวิธตฺเถปิ เอวเมว กตสทฺทสฺส ปรนิปาโต เวทิตพฺโพ. อิธ ปน โอกาสกตุปฺปนฺนสทฺเทน วิปากสฺเสว คหิตตฺตา ‘‘โอกาโส กโต เอตสฺส วิปากสฺสา’’ติ เอวํ วิคฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ขณตฺตยสมงฺคิตาย สมุทาจารปฺปตฺตํ สมุทาจารุปฺปนฺนํ. เตนาห – ‘‘สมฺปติ วตฺตมานํเยวา’’ติ. อารมฺมณํ อธิคฺคยฺห ทฬฺหํ คเหตฺวา ปวตฺตํ อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนํ. วิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน อปฺปหีนา อวิกฺขมฺภิตา. สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน อปฺปหีนา อสมุคฺฆาติตา. นิมิตฺตคฺคาหวเสน อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา ¶ ตํ อารมฺมณํ อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ กิเลสุปฺปตฺติเหตุภาเวน อุปติฏฺนโต อธิคฺคหิตเมว นามํ โหตีติ อาห – ‘‘อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา’’ติ. เอตฺถ จ อาหฏขีรรุกฺโข วิย นิมิตฺตคฺคาหวเสน อธิคฺคหิตํ อารมฺมณํ, อนาหฏขีรรุกฺโข วิย อวิกฺขมฺภิตตาย อนฺโตคตกิเลสอารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ. นิมิตฺตคฺคาหิกา อวิกฺขมฺภิตกิเลสา วา ปุคฺคลา วา อาหฏานาหฏขีรรุกฺขสทิสา. ปุริมนเยเนวาติ อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺเน วุตฺตนเยเนว. วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ‘‘อิมสฺมึ นาม าเน นุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อสมุคฺฆาติตตฺตา. ยถา กึ? ยถา สเจ ขีรรุกฺขํ กุาริยา อาหเนยฺยุํ, อิมสฺมึ นาม าเน ขีรํ น นิกฺขเมยฺยาติ น วตฺตพฺพํ, เอวํ. อิทํ อสมุคฺฆาติตุปฺปนฺนํ นามาติ เอวํ โยเชตฺวา วิตฺถาเรตพฺพํ.
อิเมสุ อุปฺปนฺเนสูติ ยถาวุตฺเตสุ อฏฺสุ อุปฺปนฺเนสุ. อิทํ น มคฺควชฺฌํ อปฺปหาตพฺพวตฺถุตฺตา. มคฺควชฺฌํ มคฺเคน ปเหยฺยวตฺถุตฺตา. รตฺโตติ ราเคน สมนฺนาคโต. เอส นโย ทุฏฺโ มูฬฺโหติ เอตฺถาปิ. วินิพทฺโธติ มานสํโยชเนน วิรูปํ นิพนฺธิโต. ปรามฏฺโติ ทิฏฺิปรามาเสน ธมฺมสภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อามฏฺโ. อนิฏฺงฺคโตติ นิฏฺํ อคโต, สํสยาปนฺโนติ อตฺโถ. ถามคโตติ อนุสยวเสน ทฬฺหตํ อุปคโต. ยุคนทฺธาติ ปหาตพฺพปฺปหายกยุเค นทฺธา วิย วตฺตนกา เอกกาลิกตฺตา. สํกิเลสิกาติ สํกิเลสธมฺมสหิตา.
ปาฬิยนฺติ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยํ (ปฏิ. ม. ๓.๒๑). ติกาลิเกสุปิ กิเลเสสุ วายามาภาวทสฺสนตฺถํ อชาตผลตรุณรุกฺโข ปาฬิยํ นิทสฺสิโต, อฏฺกถายํ ปน ชาโต สตฺโต อสมุทาหฏกิเลโส นาม นตฺถีติ ‘‘ชาตผลรุกฺเขน ทีเปตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา มคฺเคน ปหีนกิเลสานเมว อตีตาทิเภเทน ติธา ¶ นวตฺตพฺพตํ ปากฏํ กาตุํ อชาตผลรุกฺโข อุปมาวเสน ปาฬิยํ อาภโต, อตีตาทีนํ อปฺปหีนตาทสฺสนตฺถมฺปิ ‘‘ชาตผลรุกฺเขน ทีเปตพฺพ’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อจฺฉินฺเน รุกฺเข นิพฺพตฺตนารหานิ ผลานิ ฉินฺเน อนุปฺปชฺชมานานิ กทาจิ สสภาวานิ อเหสุํ, โหนฺติ, ภวิสฺสนฺติ วาติ อตีตาทิภาเวน น วตฺตพฺพานิ, เอวํ มคฺเคน ปหีนกิเลสา จ ทฏฺพฺพา มคฺเค อนุปฺปนฺเน อุปฺปตฺติรหานํ อุปฺปนฺเน สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต ¶ . ยถา จ เฉเท อสติ ผลานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ เฉทนสฺส สาตฺถกตา, เอวํ มคฺคภาวนาย จ สาตฺถกตา โยเชตพฺพา. นาปิ น ปชหตีติ อุปฺปชฺชนารหานํ ปชหนโต วุตฺตํ. อุปฺปชฺชิตฺวาติ ลกฺขเณ ตฺวา-สทฺโท. มคฺคสฺส อุปฺปชฺชนกิริยาย หิ สมุทยปฺปหานนิพฺพานสฉิกรณกิริยา วิย ขนฺธานํ ปริชานนกิริยา ลกฺขียติ.
เตปิ ปชหติเยวาติ เย เตหิ กิเลเสหิ ชเนตพฺพา อุปาทินฺนกฺขนฺธา, เตปิ ปชหติเยว ตนฺนิมิตฺตสฺส อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรธนโต. เตนาห – ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ. อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธนาติ กมฺมวิฺาณสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน. เอตฺถาติ เอตสฺมึ โสตาปตฺติมคฺคาเณ เหตุภูเต. เอเตติ นามรูปสฺิตา สงฺขารา. สพฺพภเวหิ วุฏฺาติเยวาติปิ วทนฺตีติ อรหตฺตมคฺโค สพฺพภเวหิ วุฏฺาติเยวาติ วทนฺติ ตทุปฺปตฺติโต อุทฺธํ ภวูปปตฺติยา กิเลสสฺสปิ อภาวโต.
เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา มคฺคสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กถํ อนุปฺปนฺนานํ…เป… ิติยา ภาวนา โหตี’’ติ ปุจฺฉติ. มคฺคปฺปวตฺติยาเยว อุภยกิจฺจสิทฺธิโต อาห – ‘‘มคฺคปฺปวตฺติยาเยวา’’ติ. มคฺโค หีติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติ. อนุปฺปนฺโน นาม วุจฺจติ, ตสฺมา ตสฺส ภาวนา อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย ภาวนา วุตฺตาติ โยเชตพฺพา. วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ยาวตา มคฺคสฺส ปวตฺติเยว ิติ, ตตฺตกาเนว นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรานิ.
๓๙๘-๔๐๑. กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ อธิปตึ กริตฺวา ปฏิลทฺธสมาธิ ฉนฺทสมาธีติ อาห – ‘‘ฉนฺทํ นิสฺสาย ปวตฺโต สมาธิ ฉนฺทสมาธี’’ติ ปธานสงฺขาราติ จตุกิจฺจสาธกสฺส สมฺมปฺปธานวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. เตนาห – ‘‘ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขารา’’ติ. ตตฺถ ปธานภูตาติ วีริยภูตา. สงฺขตสงฺขาราทินิวตฺตนตฺถํ ปธานคฺคหณนฺติ. อถ วา ตํ ตํ วิเสสํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร, สพฺพํ วีริยํ. ตตฺถ จตุกิจฺจสาธกโต เสสนิวตฺตนตฺถํ ปธานคฺคหณนฺติ, ปธานภูตา เสฏฺภูตาติ อตฺโถ. จตุพฺพิธสฺส ปน วีริยสฺส อธิปฺเปตตฺตา พหุวจนนิทฺเทโส กโต. เตหิ ธมฺเมหีติ ฉนฺทสมาธินา ปธานสงฺขาเรหิ จ. อิทฺธิปาทนฺติ เอตฺถ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ ¶ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ วา เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติปิ อิทฺธิ. ปเมนตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโท ¶ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ. ทุติเยนตฺเถน อิทฺธิยา ปาโทติ อิทฺธิปาโท, ปาโทติ ปติฏฺา, อธิคมูปาโยติ อตฺโถ. เตน หิ ยสฺมา อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา ปาโทติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘อิทฺธิยา ปาทํ, อิทฺธิภูตํ วา ปาทํ อิทฺธิปาท’’นฺติ.
อถ วา อิทฺธิปาทนฺติ นิปฺผตฺติปริยาเยน อิชฺฌนฏฺเน, อิชฺฌนฺติ เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิมินา วา ปริยาเยน อิทฺธีติ สงฺขํ คตานํ อุปจารชฺฌานาทิกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารานํ อธิฏฺานฏฺเน ปาทภูตํ เสสจิตฺตเจตสิกราสินฺติ อตฺโถ. เตเนว อิทฺธิปาทวิภงฺเค (วิภ. ๔๓๔-๔๓๗) ‘‘อิทฺธิปาโทติ ตถาภูตสฺส เวทนากฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตํ. สา เอว จ ตถาวุตฺตา อิทฺธิ ยสฺมา เหฏฺิมา เหฏฺิมา อุปริมาย อุปริมาย ตโย ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารา ปาทภูตา อธิฏฺานภูตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทฺธิภูตํ วา ปาท’’นฺติ. ตถา เหฏฺา ธมฺมา อิทฺธิปิ โหนฺติ อิทฺธิปาทาปิ, เสสา ปน สมฺปยุตฺตกา จตฺตาโร ขนฺธา อิทฺธิปาทาเยว. วีริยจิตฺตวีมํสาสมาธิปฺปธานสงฺขารสงฺขาตาปิ ตโย ตโย ธมฺมา อิทฺธิปิ โหนฺติ อิทฺธิปาทาปิ, เสสา ปน สมฺปยุตฺตกา จตฺตาโร ขนฺธา อิทฺธิปาทาเยว.
อปิจ ปุพฺพภาโค ปุพฺพภาโค อิทฺธิปาโท นาม, ปฏิลาโภ ปฏิลาโภ อิทฺธิ นามาติ เวทิตพฺพา. อยมตฺโถ อุปจาเรน วา วิปสฺสนาย วา ทีเปตพฺโพ. ปมชฺฌานปริกมฺมฺหิ อิทฺธิปาโท นาม, ปมชฺฌานํ อิทฺธิ นาม. ทุติยฌาน… ตติยฌาน… จตุตฺถฌาน… อากาสานฺจายตน… วิฺาณฺจายตน… อากิฺจฺายตน… เนวสฺานาสฺายตนปริกมฺมํ อิทฺธิปาโท นาม, เนวสฺานาสฺายตนํ อิทฺธิ นาม. โสตาปตฺติมคฺคสฺส วิปสฺสนา อิทฺธิปาโท นาม, โสตาปตฺติมคฺโค อิทฺธิ นาม. สกทาคามิ-อนาคามิ-อรหตฺตมคฺคสฺส วิปสฺสนา อิทฺธิปาโท นาม, อรหตฺตมคฺโค อิทฺธิ นาม. ปฏิลาเภนปิ ทีเปตุํ วฏฺฏติเยว. ปมชฺฌานฺหิ อิทฺธิปาโท นาม, ทุติยชฺฌานํ อิทฺธิ นาม. ทุติยชฺฌานํ อิทฺธิปาโท นาม, ตติยชฺฌานํ อิทฺธิ นาม…เป… อนาคามิมคฺโค อิทฺธิปาโท นาม, อรหตฺตมคฺโค อิทฺธิ นาม.
เสเสสุปีติ วีริยสมาธิอาทีสุปิ. ตตฺถ หิ วีริยํ, จิตฺตํ, วีมํสํ อธิปตึ กริตฺวา ปฏิลทฺธสมาธิ วีริยสมาธิ, จิตฺตสมาธิ, วีมํสาสมาธีติ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ฉนฺทาทีสุ เอกนฺติ ¶ ฉนฺทาทีสุ จตูสุ อาทิโต วุตฺตตฺตา อาทิภูตํ เอกํ ปธานํ ฉนฺทนฺติ อธิปฺปาโย. เตเนวาห – ‘‘ตทาสฺส ปมิทฺธิปาโท’’ติ. เอวํ เสสาปีติ เอเตน วีริยํ จิตฺตํ วีมํสํ นิสฺสาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตานํ วเสน ทุติยวีริยิทฺธิปาทาทโย โยเชตพฺพาติ ทสฺเสติ. อิมินา หิ สุตฺตนฺเตน จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ มตฺถกปฺปตฺตํ กมฺมฏฺานํ ทสฺสิตํ. เอโก หิ ภิกฺขุ ฉนฺทํ อวสฺสยติ, กตฺตุกมฺยตากุสลธมฺมจฺฉนฺเทน อตฺถนิปฺผตฺติยํ สติ ‘‘อหํ โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสฺสามิ, นตฺถิ มยฺหํ เอตสฺส นิพฺพตฺตเน ภาโร’’ติ ฉนฺทํ เชฏฺกํ ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตติ. เอโก วีริยํ อวสฺสยติ, เอโก จิตฺตํ, เอโก ปฺํ อวสฺสยติ, ปฺาย อตฺถนิปฺผตฺติยํ สติ ‘‘อหํ โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสฺสามิ, นตฺถิ มยฺหํ เอตสฺส นิพฺพตฺตเน ภาโร’’ติ ปฺํ เชฏฺกํ ปฺํ ธุรํ ปฺํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตติ.
กถํ? ยถา หิ จตูสุ อมจฺจปุตฺเตสุ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา วิจรนฺเตสุ เอโก อุปฏฺานํ อวสฺสยติ, เอโก สูรภาวํ, เอโก ชาตึ, เอโก มนฺตํ. กถํ? เตสุ หิ ปโม อุปฏฺาเน อปฺปมาทการิตาย อตฺถนิปฺผตฺติยา สติ ลพฺภมานํ ‘‘ลจฺฉาเมตํ านนฺตร’’นฺติ อุปฏฺานํ อวสฺสยติ. ทุติโย อุปฏฺาเน อปฺปมตฺโตปิ ‘‘เอกจฺโจ สงฺคาเม ปจฺจุปฏฺิเต สณฺาตุํ น สกฺโกติ, อวสฺสํ ปน รฺโ ปจฺจนฺโต กุปฺปิสฺสติ, ตสฺมึ กุปฺปิเต รถสฺส ปุรโต กมฺมํ กตฺวา ราชานํ อาราเธตฺวา อาหราเปสฺสาเมตํ านนฺตร’’นฺติ สูรภาวํ อวสฺสยติ. ตติโย ‘‘สูรภาเวปิ สติ เอกจฺโจ หีนชาติโก โหติ, ชาตึ โสเธตฺวา านนฺตรํ เทนฺโต มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ชาตึ อวสฺสยติ. จตุตฺโถ ‘‘ชาติมาปิ เอโก อมนฺตนีโย โหติ, มนฺเตน กตฺตพฺพกิจฺเจ อุปฺปนฺเน อาหราเปสฺสาเมตํ านนฺตร’’นฺติ มนฺตํ อวสฺสยติ. เต สพฺเพปิ อตฺตโน อตฺตโน อวสฺสยพเลน านนฺตรานิ ปาปุณึสุ.
ตตฺถ อุปฏฺาเน อปฺปมตฺโต หุตฺวา านนฺตรํ ปตฺโต วิย ฉนฺทํ อวสฺสาย กตฺตุกมฺยตากุสลธมฺมจฺฉนฺเทน ‘‘อตฺถนิปฺผตฺติยํ สติ อหํ โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสฺสามิ, นตฺถิ มยฺหํ เอตสฺส นิพฺพตฺตเน สาโร’’ติ ฉนฺทํ เชฏฺกํ ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก ¶ ทฏฺพฺโพ ¶ รฏฺปาลตฺเถโร (ม. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย) วิย. โส หิ อายสฺมา ‘‘ฉนฺเท สติ กถํ นานุชานิสฺสนฺตี’’ติ สตฺตาหมฺปิ ภตฺตานิ อภฺุชิตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฉนฺทเมว อวสฺสาย โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสิ. สูรภาเวน ราชานํ อาราเธตฺวา านนฺตรํ ปตฺโต วิย วีริยํ เชฏฺกํ วีริยํ ธุรํ วีริยํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก ทฏฺพฺโพ โสณตฺเถโร (มหาว. ๒๔๓ อาทโย) วิย. โส หิ อายสฺมา วีริยํ ธุรํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสิ.
ชาติสมฺปตฺติยา านนฺตรํ ปตฺโตวิย จิตฺตํ เชฏฺกํ จิตฺตํ ธุรํ จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก ทฏฺพฺโพ สมฺภูตตฺเถโร (เถรคา. อฏฺ. ๒ สมฺภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา) วิย. โส หิ อายสฺมา จิตฺตํ เชฏฺกํ จิตฺตํ ธุรํ จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสิ. มนฺตํ อวสฺสาย านนฺตรํ ปตฺโต วิย วีมํสํ เชฏฺกํ วีมํสํ ธุรํ วีมํสํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมนิพฺพตฺตโก ทฏฺพฺโพ เถโร โมฆราชา (สุ. นิ. ๑๑๒๒ อาทโย; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๘๕) วิย. โส หิ อายสฺมา วีมํสํ เชฏฺกํ วีมํสํ ธุรํ วีมํสํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตสิ. ตสฺส หิ ภควา ‘‘สฺุโต โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติ (สุ. นิ. ๑๑๒๕; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๘๘) สฺุตากถํ กเถสิ. ปฺานิสฺสิตมานนิคฺคหตฺถฺจ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ น กเถสิ. เอตฺถ จ ปุนปฺปุนํ ฉนฺทุปฺปาทนํ โตสนํ วิย โหตีติ ฉนฺทสฺส อุปฏฺานสทิสตา วุตฺตา, ถามภาวโต วีริยสฺส สูรตฺตสทิสตา, ‘‘ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ) วจนโต ปุพฺพงฺคมตา จิตฺตสฺส วิสิฏฺชาติสทิสตา.
๔๐๒-๔๐๖. อตฺตโน สทฺธาธุเรติ อตฺตโน สทฺธากิจฺเจ สทฺทหนกิริยาย. อินฺทฏฺํ กาเรตีติ อนุวตฺตนวเสน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ อินฺทฏฺํ กาเรติ, ตสฺมา อาธิปเตยฺยฏฺเน สทฺธา เอว อินฺทฺริยนฺติ สทฺธินฺทฺริยํ. ตถา วีริยาทีนํ สกสกกิจฺเจสูติ อาห – ‘‘วีริยินฺทฺริยาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติ. วิโสเธนฺโตติ วิปกฺขวิวชฺชนสปกฺขนิเสวนสริกฺขูปนิสฺสยสงฺคณฺหนลกฺขเณหิ ตีหิ การเณหิ วิโสธนวเสน โสเธนฺโต.
อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโตติ พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน สทฺธารหิเต ลูขปุคฺคเล สพฺพโส วชฺชยโต. สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโตติ ¶ พุทฺธาทีสุ สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส เสวโต. ปสาทนีเยติ ปสาทาวเห สมฺปสาทนียสุตฺตาทิเก (ที. นิ. ๓.๑๔๑ อาทโย). ปจฺจเวกฺขโตติ ปาฬิโต อตฺถโต จ ปติ ปติ อเวกฺขนฺตสฺส จินฺเตนฺตสฺส. วิสุชฺฌตีติ ปฏิปกฺขมลวิคมโต ปจฺจยวเสน สภาวสํสุทฺธิโต วิสุทฺธผลนิพฺพตฺติโต จ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. เอส นโย เสเสสุปิ. สมฺมปฺปธาเนติ สมฺมปฺปธานปฺปฏิสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๕.๖๕๑-๖๖๒ อาทโย) สุตฺตนฺเต. เอส นโย เสเสสุปิ. ฌานวิโมกฺเขติ ปมชฺฌานาทิชฺฌานานิ ¶ เจว ปมวิโมกฺขาทิวิโมกฺเข จ. กามฺเจตฺถ ฌานานิเยว วิโมกฺขา, ปวตฺติอาการวเสน ปน วิสุํ คหณํ.
คมฺภีราณจริยนฺติ คมฺภีรานํ าณานํ ปวตฺติฏฺานํ. เตนาห – ‘‘สณฺหสุขุม’’นฺติอาทิ. ขนฺธนฺตรนฺติ สภาวชาติภูมิอาทิวเสน ขนฺธานํ นานตฺตํ. เอส นโย เสเสสุปิ. อกตาภินิเวโสติ ปุพฺเพ อกตภาวนาภินิเวโส. สทฺธาธุราทีสูติ สทฺธาธุเร ปฺาธุเร จ. อวสาเนติ ภาวนาปริโยสาเน. วิวฏฺเฏตฺวาติ สงฺขารารมฺมณโต วิวฏฺเฏตฺวา นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา. อรหตฺตํ คณฺหาตีติ มคฺคปรมฺปราย อรหตฺตํ คณฺหาติ. อกมฺปิยฏฺเนาติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยภาเวน. เอเตเนวสฺส สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ วิภาวิโต ทฏฺพฺโพ. น หิ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน วินา ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยตา สมฺภวติ. สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวเนว หิ อกุสลานํ อพฺยากตานฺจ เนสํ พลวภาวูปปตฺติ. อสฺสทฺธิเยติ อสฺสทฺธิยเหตุ. นิมิตฺตตฺเถ เหตํ ภุมฺมวจนํ. เอส นโย เสเสสุปิ.
๔๑๘. อาทิปทานนฺติ สติอาทิปทานํ. สรณฏฺเนาติ จิรกตจิรภาสิตานํ อนุสฺสรณฏฺเน. อุปฏฺานลกฺขณาติ กายาทีสุ อสุภาการาทิสลฺลกฺขณมุเขน ตตฺถ อุปติฏฺนสภาวา. อุปติฏฺนฺจ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อวิสฺสชฺชนํ วา อารมฺมณสฺส. อปิลาปนลกฺขณาติ อสมฺมุสฺสนสภาวา, อุทเก อลาพุ วิย อารมฺมเณ ปฺลวิตฺวา คนฺตุํ อปฺปทานํ, ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส อารมฺมณสฺส ปนํ สารณํ อสมฺมุฏฺกรณํ อปิลาปนํ. สาปเตยฺยนฺติ สนฺตกํ. อปิลาปนํ อสมฺมุฏฺํ กโรติ อปิลาเปติ, สายํ ปาตฺจ ราชานํ อิสฺสริยสมฺปตฺตึ สลฺลกฺขาเปติ สาเรตีติ อตฺโถ. กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเมติ กณฺหสุกฺกสงฺขาเต สปฺปฏิภาเค ธมฺเม. กณฺโห หิ ธมฺโม สุกฺเกน, สุกฺโก ¶ จ กณฺเหน สปฺปฏิภาโค. วิตฺถาร-สทฺโท อาทิสทฺทตฺโถ. เตน ‘‘อิเม จตฺตาโร ธมฺมา สมฺมปฺปธานา, อิเม จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ, อิมานิ ปฺจ พลานิ, อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, อยํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, อยํ สมโถ, อยํ วิปสฺสนา, อยํ วิชฺชา, อยํ วิมุตฺติ, อิเม โลกุตฺตรธมฺมาติ เอวํ โข, มหาราช, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติ (มิ. ป. ๒.๑.๑๓) อิมํ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. เถเรนาติ นาคเสนตฺเถเรน. โส หิ ธมฺมานํ กิจฺจํ ลกฺขณํ กตฺวา อสฺเสติ ‘‘อปิลาปนลกฺขณา สติ, อาโกฏนลกฺขโณ วิตกฺโก’’ติอาทินา. เอวฺหิ ธมฺมา สุโพธา โหนฺตีติ. สมฺโมสปจฺจนีกํ กิจฺจํ อสมฺโมโส, น สมฺโมสาภาวมตฺตนฺติ อาห – ‘‘อสมฺโมสรสา วา’’ติ. ยสฺส ธมฺมสฺส พเลน สมฺปยุตฺตธมฺมา อารมฺมณาภิมุขา ภวนฺติ, สา สติ. ตสฺมา สา เตสํ อารมฺมณาภิมุขภาวํ ปจฺจุปฏฺาเปสิ, สยํ วา อารมฺมณาภิมุขภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ¶ วุตฺตํ – ‘‘โคจราภิมุขีภาวปจฺจุปฏฺานา’’ติ. สมฺมา ปสตฺโถ โพชฺฌงฺโคติ สมฺโพชฺฌงฺโค. โพธิยา วกฺขมานาย ธมฺมสามคฺคิยา, โพธิสฺส วา อริยสาวกสฺส องฺโคติ โพชฺฌงฺโค. ยา หีติอาทินา ตเมว สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติ. ‘‘ยา หิ อยํ ธมฺมสามคฺคี’’ติ เอตสฺส ‘‘โพธีติ วุจฺจตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ธมฺมสามคฺคิยาติ ธมฺมสมูเหน, ยาย ธมฺมสามคฺคิยาติ สมฺพนฺโธ. ปติฏฺานายูหนา โอฆตรณสุตฺตวณฺณนายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑) ‘‘กิเลสวเสน ปติฏฺานํ, อภิสงฺขารวเสน อายูหนา. ตณฺหา ทิฏฺิวเสน ปติฏฺานํ, อวเสสกิเลสาภิสงฺขาเรหิ อายูหนา. ตณฺหาวเสน ปติฏฺานํ, ทิฏฺิวเสน อายูหนา. สสฺสตทิฏฺิยา ปติฏฺานํ, อุจฺเฉททิฏฺิยา อายูหนา. ลีนวเสน ปติฏฺานํ, อุทฺธจฺจวเสน อายูหนา. กามสุขลฺลิกานุโยควเสน ปติฏฺานํ, อตฺตกิลมถานุโยควเสน อายูหนา. สพฺพากุสลาภิสงฺขารวเสน ปติฏฺานํ, สพฺพโลกิยกุสลาภิสงฺขารวเสน อายูหนา’’ติ เอวํ วุตฺเตสุ สตฺตสุ ปกาเรสุ อิธ อวุตฺตานํ วเสน เวทิตพฺพา. ปฏิปกฺขภูตายาติ เอตฺถ ลีนปฺปติฏฺานกามสุขลฺลิกานุโยคอุจฺเฉทาภินิเวสานํ ธมฺมวิจยวีริยปีติปฺปธานา ธมฺมสามคฺคี ปฏิปกฺโข, อุทฺธจฺจายูหนอตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตาภินิเวสานํ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาปธานา ธมฺมสามคฺคี ปฏิปกฺโข. สติ ปน อุภยตฺถาปิ อิจฺฉิตพฺพา. ตถา หิ สา ‘‘สพฺพตฺถิกา’’ติ วุตฺตา.
กิเลสสนฺตานนิทฺทาย ¶ อุฏฺหตีติ เอเตน สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาย สหคตานมฺปิ สติอาทีนํ โพชฺฌงฺคภาวํ ทสฺเสติ. วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา หิ กิเลเส นิโรเธนฺตี เอว ปวตฺตตีติ. จตฺตาริ วาติอาทินา ปน มคฺคผลสหคตานํ โพชฺฌงฺคภาวํ ทสฺเสติ. สตฺตหิ โพชฺฌงฺเคหิ ภาวิเตหิ สจฺจปฺปฏิเวโธ โหตีติ กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห – ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิยาติ เอเตน โพธิโพชฺฌงฺคสทฺทานํ สมุทายาวยววิสยตํ ทสฺเสติ. เสนงฺครถงฺคาทโย วิยาติ เอเตน ปุคฺคลปฺตฺติยา อวิชฺชมานปฺตฺติภาวํ ทสฺเสติ.
โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคาติ การณตฺโถ องฺคสทฺโทติ กตฺวา วุตฺตํ. พุชฺฌนฺตีติ โพธิโย, โพธิโย เอว องฺคานิ โพชฺฌงฺคานีติ วุตฺตํ – ‘‘พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ. วิปสฺสนาทีนํ การณาทีนํ พุชฺฌิตพฺพานฺจ สจฺจานํ อนุรูปํ ปจฺจกฺขภาเวน ปฏิมุขํ อวิปรีตตาย สมฺมา จ พุชฺฌนฺตีติ เอวํ อตฺถวิเสสทีปเกหิ อุปสคฺเคหิ ‘‘อนุพุชฺฌนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โพธิสทฺโท หิ สพฺพวิเสสยุตฺตพุชฺฌนํ สามฺเน สงฺคณฺหาติ. สํ-สทฺโท ปสํสายํ สุนฺทรภาเว จ ทิสฺสตีติ อาห – ‘‘ปสตฺโถ สุนฺทโร จ โพชฺฌงฺโค สมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ.
ธมฺเม ¶ วิจินตีติ ธมฺมวิจโย. ตตฺถ ธมฺเมติ จตุสจฺจธมฺเม ตพฺพินิมุตฺตสฺส สภาวธมฺมสฺส อภาวโต. ตโต เอว โส ปวิจยลกฺขโณ. โอภาสนรโสติ วิสโยภาสนรโส. อสมฺมุยฺหนากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน.
วีรสฺส ภาโว, กมฺมํ วาติ วีริยํ. อีรยิตพฺพโตติ ปวตฺเตตพฺพโต. ปคฺคหลกฺขณนฺติ โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคหลกฺขณํ. ตโต เอว สมฺปยุตฺตธมฺเม อุปตฺถมฺภนรสํ. อโนสีทนํ อสํสีทนํ.
ปีณยตีติ ตปฺเปติ. ปีณนกิจฺเจน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิย ตํสมุฏฺานปณีตรูเปหิ กายสฺสาพฺยปนํ. ผรณปีติวเสน เหตํ ลกฺขณํ วุตฺตํ, ตถา รโสติ. อุทคฺคภาโว โอทคฺยํ, ตํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. อุพฺเพคปีติวเสน เจตํ วุตฺตํ.
กายจิตฺตทรถปฺปสฺสมฺภนโตติ กายทรถสฺส จิตฺตทรถสฺส จ ปสฺสมฺภนโต วูปสมนโต. เตนาห – ‘‘อุปสมลกฺขณา’’ติ, กายจิตฺตทรถานํ ¶ วูปสมนลกฺขณาติ อตฺโถ. กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. ทรโถ สารมฺโภ, ทุกฺขโทมนสฺสปจฺจยานํ อุทฺธจฺจาทิกานํ กิเลสานํ, ตถาปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ทรถนิมฺมทฺทเนน ปริฬาหปริปฺผนฺทนวิรหิโต สีติภาโว อปริปฺผนฺทนสีติภาโว.
สมฺมา จิตฺตสฺส ปนํ สมาธานํ. อวิกฺเขโป สมฺปยุตฺตานํ อวิกฺขิตฺตตา. เยน สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส ธมฺโม อวิกฺเขโป. อวิสาโร อตฺตโน เอว อวิสรณภาโว. อถ วา วิกฺเขปปฺปฏิปกฺขตาย อวิกฺเขปลกฺขโณ. นฺหานียจุณฺณสฺส อุทกํ วิย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สมฺปิณฺฑนกิจฺจตาย อวิสารภาเวน ลกฺขิตพฺโพ อวิสารลกฺขโณ. นิวาเต ทีปจฺจิฏฺิติ วิย เจตโส ิติภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ จิตฺตฏฺิติปจฺจุปฏฺาโน.
อชฺฌุเปกฺขนโตติ สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ สารถิ วิย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อชฺฌุเปกฺขนโต. ปฏิสงฺขานลกฺขณาติ มชฺฌตฺตภาเว ตฺวา วีมํสนสงฺขาตปฺปฏิสงฺขานลกฺขณา. สมวาหิตลกฺขณาติ สมํ อวิสมํ ยถาสกกิจฺเจสุ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปวตฺตนลกฺขณา. อุทาสีนภาเวน ปวตฺตมานาปิ เสสสมฺปยุตฺตธมฺเม ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺเตติ, ยถา ราชา ตุณฺหี นิสินฺโนปิ อตฺถกรเณ ธมฺมฏฺเ ยถาสกํ กิจฺเจสุ อปฺปมตฺโต ปวตฺเตติ. อลีนานุทฺธตปฺปวตฺติปจฺจยตฺตา อูนาธิกนิวารณรสา. ปกฺขปาตุปจฺเฉทนรสาติ ‘‘อิทํ นิหีนกิจฺจํ ¶ โหตุ, อิทํ อติเรกตรกิจฺจ’’นฺติ เอวํ ปกฺขปาตนวเสน วิย ปวตฺติ ปกฺขปาโต, ตํ อุปจฺฉินฺทนฺตี วิย โหตีติ ปกฺขปาตุปจฺเฉทนรสา. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สกสกกิจฺเจ มชฺฌตฺตภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ มชฺฌตฺตภาวปจฺจุปฏฺาโน. โพชฺฌงฺคานํ อุปรูปริ อุปฺปาทนเมว พฺรูหนํ วฑฺฒนฺจาติ อาห – ‘‘อุปฺปาเทตี’’ติ.
สติ จ สมฺปชฺฺจ สติสมฺปชฺํ, สติปธานํ วา สมฺปชฺํ สติสมฺปชฺํ. ตํ สพฺพตฺถ สโตการิภาวาวหตฺตา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหติ. ยถา ปจฺจนีกธมฺมปฺปหานํ อนุรูปธมฺมเสวนา จ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย โหติ, เอวํ สติรหิตปุคฺคลวิวชฺชนา, สโตการิปุคฺคลเสวนา, ตตฺถ จ ยุตฺตตา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย ¶ โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ, ‘‘สติสมฺปชฺ’’นฺติอาทินา. สตฺตสุ าเนสูติ ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) เอวํ วุตฺเตสุ อภิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ าเนสุ. ติสฺสทตฺตตฺเถโร นาม โย โพธิมณฺเฑ สุวณฺณสลากํ คเหตฺวา ‘‘อฏฺารสสุ ภาสาสุ กตรภาสาย ธมฺมํ กเถมี’’ติ ปริสํ ปธาเรสิ. อภยตฺเถโรติ ทตฺตาภยตฺเถรมาห. อภินิเวสนฺติ วิปสฺสนาภินิเวสํ.
ปริปุจฺฉกตาติ ปริโยคาเหตฺวา ปุจฺฉกภาโว. อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา ปฺจปิ นิกาเย สห อฏฺกถาย ปริโยคาเหตฺวา ยํ ยํ ตตฺถ คณฺิฏฺานภูตํ, ตํ ตํ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ ขนฺธายตนาทิอตฺถํ ปุจฺฉนฺตสฺส หิ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ. เตนาห – ‘‘ขนฺธธาตุ…เป… พหุลตา’’ติ.
วตฺถุวิสทกิริยาติ เอตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฏฺานภาวโต สรีรํ ตปฺปฏิพทฺธานิ จีวราทีนิ จ วตฺถูนีติ อธิปฺเปตานิ. ตานิ ยถา จิตฺตสฺส สุขาวหานิ โหนฺติ, ตถา กรณํ เตสํ วิสทกิริยา. เตนาห – ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิราน’’นฺติอาทิ. อุสฺสนฺนโทสนฺติ วาตปิตฺตาทิวเสน อุปจิตโทสํ. เสทมลมกฺขิตนฺติ เสเทน เจว ชลฺลิกาสงฺขาเตน สรีรมเลน จ มกฺขิตํ. จ-สทฺเทน อฺมฺปิ สรีรสฺส ปีฬาวหํ อจฺจาสนาทึ สงฺคณฺหาติ. เสนาสนํ วาติ วา-สทฺเทน มลคฺคหิตปตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปริภณฺฑกรณาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ปตฺตปจนาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อวิสเทติ วตฺถุมฺหิ อวิสเท สติ, วิสยภูเต วา. กถํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส ¶ ตานิ อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถูนิ วิสโย? อนฺตรนฺตรา ปวตฺตนกจิตฺตุปฺปาทวเสเนว วุตฺตํ. เต หิ จิตฺตุปฺปาทา จิตฺเตกคฺคตาย อปริสุทฺธภาวาย สํวตฺตนฺติ. จิตฺตเจตสิเกสูติ นิสฺสยาทิปจฺจยภูเตสุ จิตฺตเจตสิเกสุ. าณมฺปีติ อปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘น เกวลํ วตฺถุเยว, อถ โข ตสฺมึ อปริสุทฺเธ าณมฺปิ อปริสุทฺธํ ¶ โหตี’’ติ นิสฺสยาปริสุทฺธิยา ตํนิสฺสิตาปริสุทฺธิ วิย วิสยสฺส อปริสุทฺธตาย วิสยิโน อปริสุทฺธึ ทสฺเสติ.
สมภาวกรณนฺติ กิจฺจโต อนูนาธิกภาวกรณํ. สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ ปจฺจยวเสน อธิโมกฺขกิจฺจสฺส ปฏุตรภาเวน ปฺาย อวิสทตาย วีริยาทีนฺจ สิถิลตาทินา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ. เตนาห – ‘‘อิตรานิ มนฺทานี’’ติ. ตโตติ ตสฺมา, สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาวโต อิตเรสฺจ มนฺทตฺตาติ อตฺโถ. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห. ปคฺคโหว กิจฺจํ ปคฺคหกิจฺจํ. กาตุํ น สกฺโกตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ. วิกฺเขปปฺปฏิปกฺโข, เยน วา สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส อวิกฺเขโป. รูปคตํ วิย จกฺขุนา เยน ยาถาวโต วิสยสภาวํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ พลวตา สทฺธินฺทฺริเยน อธิภูตตฺตา. สหชาตธมฺเมสุ หิ อินฺทฏฺํ กาเรนฺตานํ สหปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ เอกเทสตาวเสเนว อตฺถสิทฺธิ, น อฺถา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. ตนฺติ สทฺธินฺทฺริยํ. ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณนาติ ยสฺส สทฺเธยฺยสฺส วตฺถุโน อุฬารตาทิคุเณ อธิมุจฺจนสฺส สาติสยปฺปวตฺติยา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตสฺส ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาทิวิภาคโต ยาถาวโต วีมํสเนน. เอวฺหิ เอวํธมฺมตานเยน ยาถาวสรสโต ปริคฺคยฺหมาเน สวิปฺผาโร อธิโมกฺโข น โหติ ‘‘อยํ อิเมสํ ธมฺมานํ สภาโว’’ติ ปริชานนวเสน ปฺาพฺยาปารสฺส สาติสยตฺตา. ธุริยธมฺเมสุ หิ ยถา สทฺธาย พลวภาเว ปฺาย มนฺทภาโว โหติ, เอวํ ปฺาย พลวภาเว สทฺธาย มนฺทภาโว โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หาเปตพฺพ’’นฺติ.
ตถา อมนสิกาเรนาติ เยนากาเรน ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, เตนากาเรน ภาวนาย อนนุยฺุชนโตติ วุตฺตํ โหติ. อิธ ทุวิเธน สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว อตฺตโน วา ปจฺจยวิเสเสน กิจฺจุตฺตริยโต วีริยาทีนํ วา มนฺทกิจฺจตาย. ตตฺถ ปมวิกปฺเป หาปนวิธิ ทสฺสิโต, ทุติยวิกปฺเป ปน ยถา มนสิกโรโต วีริยาทีนํ มนฺทกิจฺจตาย สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน วีริยาทีนํ ¶ ปฏุกิจฺจภาวาวเหน มนสิกาเรน ¶ สทฺธินฺทฺริยํ เตหิ สมรสํ กโรนฺเตน หาเปตพฺพํ. อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ หาปนวิธิ เวทิตพฺโพ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถูติ โส หิ อายสฺมา สทฺธาธิมุตฺตตาย กตาธิกาโร สตฺถุ รูปทสฺสนปฺปสุโต เอว หุตฺวา วิหรนฺโต สตฺถารา ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๗) นเยน โอวทิตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยชิโตปิ ตํ อนนุยฺุชนฺโต ปณามิโต อตฺตานํ วินิปาเตตุํ ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. อถ นํ สตฺถา ยถานิสินฺโนว โอภาสวิสฺสชฺชเนน อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑) –
คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ อาห. โส เตเนว อมเตน อภิสิตฺโต หฏฺตุฏฺโ หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ, สทฺธาย ปน พลวภาเวน วิปสฺสนาวีถึ น โอตริ. ตํ ตฺวา ภควา ตสฺส อินฺทฺริยสมตฺตปฺปฏิปาทนาย กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฺปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติ. เอตฺถาติ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตภาเว เสสินฺทฺริยานํ สกิจฺจากรเณ. อิตรกิจฺจเภทนฺติ อุปฏฺานาทิกิจฺจวิเสสํ. ปสฺสทฺธาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคานํ สงฺคโห. หาเปตพฺพนฺติ ยถา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หายติ, เอวํ วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตา ปสฺสทฺธิอาทิภาวนาย หายติ สมาธิปกฺขิยตฺตา ตสฺสา. ตถา หิ สมาธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขนฺตี วีริยาทิภาวนา วิย วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขนฺตี ปสฺสทฺธาทิภาวนา เอกํสโต หาเปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพ’’นฺติ.
โสณตฺเถรสฺส วตฺถูติ สุขุมาลโสณตฺเถรสฺส วตฺถุ. โส หิ อายสฺมา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สีตวเน วิหรนฺโต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กิลเมตฺวาปิ สมณธมฺโม ¶ กาตพฺโพ’’ติ านจงฺกมเมว อธิฏฺาย ปธานมนุยฺุชนฺโต ปาทตเลสุ โผเฏสุ อุฏฺิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหวีริยํ กโรนฺโต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา วีณูปโมวาเทน โอวทิตฺวา ¶ วีริยสมตาโยชนวิธึ ทสฺเสนฺโต กมฺมฏฺานํ วิโสเธตฺวา คิชฺฌกูฏํ คโต. เถโรปิ สตฺถารา ทินฺนนเยน วีริยสมตํ โยเชตฺวา ภาเวนฺโต วิปสฺสนมฺปิ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ ทสฺเสตพฺพ’’นฺติ. เสเสสุปีติ สติสมาธิปฺินฺทฺริเยสุปิ.
สมตนฺติ สทฺธาปฺานํ อฺมฺํ อนูนาธิกภาวํ, ตถา สมาธิวีริยานํ. ยถา หิ สทฺธาปฺานํ วิสุํ ธุริยธมฺมภูตานํ กิจฺจโต อฺมฺานติวตฺตนํ วิเสสโต อิจฺฉิตพฺพํ, ยโต เนสํ สมธุรตาย อปฺปนา สมฺปชฺชติ, เอวํ สมาธิวีริยานํ โกสชฺชุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สมรสตาย สติ อฺมฺูปตฺถมฺภนโต สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อนฺตทฺวยปาตาภาเวน สมฺมเทว อปฺปนา อิชฺฌติ. พลวสทฺโธติอาทิ พฺยติเรกมุเขน วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนํ. ตสฺสตฺโถ – โย พลวติยา สทฺธาย สมนฺนาคโต อวิสทาโณ, โส มุธปฺปสนฺโน โหติ, น อเวจฺจปฺปสนฺโน. ตถา หิ อวตฺถุสฺมึ ปสีทติ เสยฺยถาปิ ติตฺถิยสาวกา. เกราฏิกปกฺขนฺติ สาเยฺยปกฺขํ ภชติ. สทฺธาหีนาย ปฺาย อติธาวนฺโต ‘‘เทยฺยวตฺถุปริจฺจาเคน วินา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ ทานมยํ ปฺุํ โหตี’’ติอาทีนิ ปริกปฺเปติ เหตุปฺปฏิรูปเกหิ วฺจิโต, เอวํภูโต สุกฺขตกฺกวิลุตฺตจิตฺโต ปณฺฑิตานํ วจนํ นาทิยติ, สฺตฺตึ น คจฺฉติ. เตนาห – ‘‘เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหตี’’ติ. ยถา เจตฺถ สทฺธาปฺานํ อฺมฺํ สมภาโว อตฺถาวโห, อนตฺถาวโห วิสมภาโว, เอวํ สมาธิวีริยานํ อฺมฺํ อวิกฺเขปาวโห สมภาโว, อิตโร วิกฺเขปาวโห จาติ โกสชฺชํ อภิภวติ, เตน อปฺปนํ น ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย. อุทฺธจฺจํ อภิภวตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตํ อุภยนฺติ สทฺธาปฺาทฺวยํ สมาธิวีริยทฺวยฺจ. สมํ กตฺตพฺพนฺติ สมรสํ กาตพฺพํ.
สมาธิกมฺมิกสฺสาติ สมถกมฺมฏฺานิกสฺส. เอวนฺติ เอวํ สนฺเต, สทฺธาย โถกํ พลวภาเว สตีติ อตฺโถ. สทฺทหนฺโตติ ‘‘ปถวี ปถวีติ มนสิกรณมตฺเตน ¶ กถํ ฌานุปฺปตฺตี’’ติ อจินฺเตตฺวา ‘‘อทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตวิธิ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ สทฺทหนฺโต สทฺธํ ชเนนฺโต. โอกปฺเปนฺโตติ อารมฺมณํ อนุปฺปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนวเสน อวกปฺเปนฺโต ปกฺขนฺทนฺโต. เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ สมาธิปฺปธานตฺตา ฌานสฺส. อุภินฺนนฺติ สมาธิปฺานํ. สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิโน อธิมตฺตตา วิย ปฺาย อธิมตฺตตาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ อาห – ‘‘สมตายปี’’ติ, สมภาเวนปีติ อตฺโถ. อปฺปนาติ โลกิยอปฺปนา. ตถา หิ ‘‘โหติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ. โลกุตฺตรปฺปนา ปน เตสํ สมภาเวเนว อิจฺฉิตา. ยถาห – ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐; ปฏิ. ม. ๒.๕).
ยทิ ¶ วิเสสโต สทฺธาปฺานํ สมาธิวีริยานฺจ สมตาว อิจฺฉิตา, กถํ สตีติ อาห – ‘‘สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏตี’’ติ. สพฺพตฺถาติ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเกสุ ปฺจสุ อินฺทฺริเยสุ. อุทฺธจฺจปกฺขิเก คณฺหนฺโต ‘‘สทฺธาวีริยปฺาน’’นฺติ อาห. อฺถาปีติ จ คเหตพฺพา สิยา. ตถา หิ โกสชฺชปกฺขิเกน จ สมาธินาอิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาหี’’ติ. สาติ สติ. สพฺเพสุ ราชกมฺเมสุ นิยุตฺโต สพฺพกมฺมิโก. เตนาติ เตน สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพตฺเถน การเณน. อาห อฏฺกถายํ. สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา สพฺพตฺถ ลีเน อุทฺธเต จ จิตฺเต อิจฺฉิตพฺพตฺตา, สพฺเพน วา ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเยน โพชฺฌงฺคคเณน อตฺเถตพฺพาติ สพฺพตฺถา, สาว สพฺพตฺถิกา. จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํ. ตสฺส หิ สติปฏิสรณํ ปรายณํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย. เตนาห – ‘‘อารกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติอาทิ.
ขนฺธาทิเภเทสุ อโนคาฬฺหปฺานนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสนปิ ขนฺธายตนาทีสุ อปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ. พหุสฺสุตเสวนา หิ สุตมยาณาวหา. ตรุณวิปสฺสนาสมงฺคีปิ ภาวนามยาเณ ิตตฺตา เอกํสโต ปฺวา เอว นาม โหตีติ อาห – ‘‘สมปฺาส…เป… ปุคฺคลเสวนา’’ติ. เยฺยธมฺมสฺส คมฺภีรภาววเสน ตปฺปริจฺเฉทกาณสฺส คมฺภีรภาวคฺคหณนฺติ อาห – ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปฺายา’’ติ. ตฺหิ เยฺยํ ตาทิสาย ปฺาย จริตพฺพโต คมฺภีราณจริยํ. ตสฺสา วา ปฺาย ตตฺถ ปเภทโต ปวตฺติ คมฺภีราณจริยา, ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาติ อาห – ‘‘คมฺภีรปฺาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา’’ติ.
ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณํ ¶ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส เยภุยฺเยน สพฺพปมํ กโรนฺตีติ เทวทูตสุตฺตาทีสุ อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อาห – ‘‘ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฏฺายา’’ติ. สกฏวหนาทิกาเลติ อาทิ-สทฺเทน ตทฺํ มนุสฺเสหิ ติรจฺฉาเนหิ จ วิพาธิตพฺพกาลํ สงฺคณฺหาติ. เอกํ พุทฺธนฺตรนฺติ อิทํ อปราปเรสุ เปเตสุเยว อุปฺปชฺชนกสตฺตวเสน วุตฺตํ, เอกจฺจานํ วา เปตานํ เอกจฺจติรจฺฉานานํ วิย ทีฆายุกตา สิยาติ ตถา วุตฺตํ. ตถา หิ กาโฬ นาคราชา จตุนฺนํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาวํ ลภิตฺวา ิโตปิ เมตฺเตยฺยสฺสปิ ภควโต สมฺมุขีภาวํ ลภิสฺสตีติ วทนฺติ, ยตสฺส กปฺปายุกตา วุตฺตา.
เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนติ วีริยายตฺโต เอว สพฺโพ โลกิโย โลกุตฺตโร จ วิเสสาธิคโมติ เอวํ วีริเย อานิสํสทสฺสนสีลสฺส. คมนวีถินฺติ สปุพฺพภาคํ นิพฺพานคามินิปฏิปทํ ¶ , สห วิปสฺสนาย อริยมคฺคปฺปฏิปาฏิ, สตฺตวิสุทฺธิปรมฺปรา วา. สา หิ ‘‘ภิกฺขุโน วฏฺฏนิยฺยานาย คนฺตพฺพา ปฏิปชฺชิตพฺพา ปฏิปทา’’ติ กตฺวา คมนวีถิ นาม.
กายทฬฺหีพหุโลติ ยถา ตถา กายสฺส ทฬฺหีกมฺมปฺปสุโต. ปิณฺฑปาตนฺติ รฏฺปิณฺฑํ. ปจฺจยทายกานํ อตฺตนิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา มหปฺผลภาวสฺส กรเณน ปิณฺฑสฺส ภิกฺขาย ปฏิปูชนา ปิณฺฑปาตาปจายนํ.
นีหรนฺโตติ ปตฺตตฺถวิกโต นีหรนฺโต. ตํ สทฺทํ สุตฺวาติ ตํ อุปาสิกาย วจนํ ปณฺณสาลาทฺวาเร ิโตว ปฺจาภิฺตาย ทิพฺพโสเตน สุตฺวา. มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ, นิพฺพานสมฺปตฺตีติ อิมา ติสฺโส สมฺปตฺติโย. ทาตุํ สกฺขิสฺสสีติ ตยิ กเตน ทานมเยน เวยฺยาวจฺจมเยน จ ปฺุกมฺเมน เขตฺตวิเสสภาวูปคมเนน อปราปรํ เทวมนุสฺสานํ สมฺปตฺติโย อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺติฺจ ทาตุํ สกฺขิสฺสสีติ เถโร อตฺตานํ ปุจฺฉติ. สิตํ กโรนฺโตติ ‘‘อกิจฺเฉเนว มยา วฏฺฏทุกฺขํ สมติกฺกนฺต’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาวสาเน สฺชาตปาโมชฺชวเสน สิตํ กโรนฺโต.
นิปฺปริสฺสยกาโลติ นิรุปทฺทวกาโล, ตทา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุลภา ปจฺจยา โหนฺตีติ ปจฺจยเหตุกา จิตฺตปีฬา นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ปสฺสนฺตานํเยวาติ อนาทเร สามิวจนํ. ขีรเธนุนฺติ ขีรทายิกํ เธนุํ ¶ . กิฺจิเทว กตฺวาติ กิฺจิเทว ภติกมฺมํ กตฺวา. อุจฺฉุยนฺตกมฺมนฺติ อุจฺฉุยนฺตสาลาย กาตพฺพํ กิจฺจํ. ตเมว มคฺคนฺติ อุปาสเกน ปฏิปนฺนมคฺคํ. อุปกฏฺายาติ อาสนฺนาย. วิปฺปฏิปนฺนนฺติ ชาติธมฺมกุลธมฺมาทิลงฺฆเนน อสมฺมาปฏิปนฺนํ. เอวนฺติ ยถา อสมฺมาปฏิปนฺโน ปุตฺโต ตาย เอว อสมฺมาปฏิปตฺติยา กุลสนฺตานโต พาหิโร หุตฺวา ปิตุ สนฺติกา ทายชฺชสฺส น ภาคี, เอวํ กุสีโตปิ เตเนว กุสีตภาเวน น สมฺมาปฏิปนฺโน สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธพฺพอริยธนทายชฺชสฺส น ภาคี. อารทฺธวีริโยว ลภติ สมฺมาปฏิปชฺชนโต. อุปฺปชฺชติ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโคติ โยชนา, เอวํ สพฺพตฺถ.
มหาติ สีลาทิคุเณหิ มหนฺโต วิปุโล อนฺสาธารโณ. ตํ ปนสฺส คุณมหตฺตํ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปเนน โลเก ปากฏนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺถุโน หี’’ติอาทิมาห.
ยสฺมา ¶ สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชฺชูปคมเนน สกฺยปุตฺติยภาโว สฺชายติ, ตสฺมา พุทฺธปุตฺตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสมฺภินฺนายา’’ติอาทิมาห.
อลสานํ ภาวนาย นามมตฺตมฺปิ อชานนฺตานํ กายทฬฺหีพหุลานํ ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขาทิอนุยฺุชนกานํ ติรจฺฉานคติกานํ ปุคฺคลานํ ทูรโต วชฺชนา กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนาติ อาห – ‘‘กุจฺฉึ ปูเรตฺวา ิตอชครสทิเส’’ติอาทิ. ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธสฺสามา’’ติอาทินา ภาวนารมฺภวเสน อารทฺธวีริยานํ ทฬฺหปรกฺกมานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนาติ อาห – ‘‘อารทฺธวีริเย’’ติอาทิ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๔-๖๕) ปน ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ อิทํ ทฺวยํ น คหิตํ, ถินมิทฺธวิโนทนตา สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตาติ อิทํ ทฺวยํ คหิตํ. ตตฺถ อานิสํสทสฺสาวิตาย เอว สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา คหิตา โหติ โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคมสฺส วีริยายตฺตตาทสฺสนภาวโต, ถินมิทฺธวิโนทนํ ปน ตทธิมุตฺตตาย เอว คหิตํ โหติ. วีริยุปฺปาทเน ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถินมิทฺธวิโนทนํ อตฺถสิทฺธเมวาติ. ตตฺถ ¶ ถินมิทฺธวิโนทนกุสีตปุคฺคลปริวชฺชนอารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตทธิ- มุตฺตตาปฏิปกฺขวิธมนปจฺจยูปสํหารวเสน อปายภยปจฺจเวกฺขณาทโย สมุตฺเตชนวเสน วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทกา ทฏฺพฺพา.
พุทฺธานุสฺสติยา อุปจารสมาธินิฏฺตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ยาว อุปจารา’’ติ. สกลสรีรํ ผรมาโนติ ปีติสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ สกลสรีรํ ผรมาโน, ธมฺมสงฺฆคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชตีติ เอวํ เสสอนุสฺสตีสุ, ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณาย จ โยเชตพฺพํ ตสฺสาปิ วิมุตฺตายตนภาเวน ตคฺคติกตฺตา. เอวรูเป กาเลติ ‘‘ทุพฺภิกฺขภยาทีสู’’ติ วุตฺตกาเล. สมาปตฺติ…เป… น สมุทาจรนฺตีติ อิทํ อุปสมานุสฺสติยา วเสน วุตฺตํ. สงฺขารานฺหิ วเสน สปฺปเทสวูปสเมปิ นิปฺปเทสวูปสเม วิย ตถา สฺาย ปวตฺติโต ภาวนามนสิกาโร กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺโถ หุตฺวา อุปจารสมาธึ อาวหนฺโต ตถารูปปีติโสมนสฺสสมนฺนาคโต ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปาทาย โหตีติ. ตตฺถ ‘‘วิกฺขมฺภิตา กิเลสา’’ติ ปาโ. น สมุทาจรนฺตีติ อิติ-สทฺโท การณตฺโถ. ยสฺมา น สมุทาจรนฺติ, ตสฺมา ตํ เนสํ อสมุทาจารํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ โยชนา. น หิ กิเลเส ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส โพชฺฌงฺคุปฺปตฺติ ยุตฺตา, ปสาทนีเยสุ าเนสุ ปสาทสิเนหาภาเวน ลูขหทยตาย ลูขตา. สา ตตฺถ อาทรคารวากรเณน วิฺายตีติ อาห – ‘‘อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว’’ติ.
ปณีตโภชนเสวนตาติ ¶ ปณีตสปฺปายโภชนเสวนตา. อุตุอิริยาปถสุขคฺคหเณน สปฺปายอุตุอิริยาปถคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ตฺหิ ติวิธมฺปิ สปฺปายํ เสวิยมานํ กายสฺส กลฺยตาปาทนวเสน จิตฺตสฺส กลฺยตํ อาวหนฺตํ ทุวิธายปิ ปสฺสทฺธิยา การณํ โหติ. อเหตุกสตฺเตสุ ลพฺภมานํ สุขทุกฺขนฺติ อยเมโก อนฺโต, อิสฺสราทิวิสมเหตุกนฺติ ปน อยํ ทุติโย. เอเต อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม ยถาสกํ กมฺมุนา โหตีติ อยํ มชฺฌิมา ปฏิปตฺติ. มชฺฌตฺโต ปโยโค ยสฺส โส มชฺฌตฺตปโยโค, ตสฺส ภาโว มชฺฌตฺตปโยคตา. อยฺหิ สภาวาสารทฺธตาย ตํปสฺสทฺธกายตาย การณํ โหติ, ปสฺสทฺธิทฺวยํ ¶ อาวหติ. เอเตเนว สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนานํ ตทาวหนตา สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ.
วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฺปฏิปาทนา จ ปฺาวหา วุตฺตา, สมาธานาวหาปิ ตา โหนฺติ. สมาธานาวหภาเวเนว ปฺาวหภาวโตติ วุตฺตํ – ‘‘วตฺถุวิสทกิริยา…เป… เวทิตพฺพา’’ติ.
การณโกสลฺลภาวนาโกสลฺลานํ นานนฺตริยภาวโต รกฺขนาโกสลฺลสฺส จ ตํมูลกตฺตา ‘‘นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหกุสลตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. กสิณนิมิตฺตสฺสาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อสุภนิมิตฺตาทิกสฺสปิ หิ ยสฺส กสฺสจิ ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺตสฺส อุคฺคหโกสลฺลํ นิมิตฺตกุสลตา เอวาติ. อติสิถิลวีริยตาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ปฺาปโยคมนฺทตํ ปโยคเวกลฺลฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ปคฺคณฺหนนฺติ ตสฺส ลีนสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทิสมุฏฺาปเนน ลยาปตฺติโต สมุทฺธรณํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ สุสมุฏฺาปยํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส. โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ กฏฺานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตฺจ ทเทยฺย, น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุนฺติ? เอวํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).
เอตฺถ ¶ จ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฏฺาปนาติ เวทิตพฺพา, สา อนนฺตรํ วิภาวิตา เอว.
อจฺจารทฺธวีริยตาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ปฺาปโยคพลวตํ ปโมทุปฺปิลาปนฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส นิคฺคณฺหนนฺติ ตสฺส อุทฺธตสฺส จิตฺตสฺส สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคาทิสมุฏฺาปเนน อุทฺธตาปตฺติโต นิเสธนํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมิฺจ ¶ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ สุวูปสมํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, อลฺลานิ จ โคมยานิ นิกฺขิเปยฺย, อลฺลานิ จ กฏฺานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตฺจ น ทเทยฺย, ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติ? เอวํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).
เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฏฺาปนาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนา วุตฺตา เอว, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส วุจฺจมานา, อิตรสฺส อนนฺตรํ วกฺขติ.
ปฺาปโยคมนฺทตายาติ ปฺาพฺยาปารสฺส อปฺปกภาเวน. ยถา หิ ทานํ อโลภปฺปธานํ, สีลํ อโทสปฺปธานํ, เอวํ ภาวนา อโมหปฺปธานา. ตตฺถ ยทา ปฺา น พลวตี โหติ, ตทา ภาวนา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสาวหา น โหติ. อนภิสงฺคโต วิย อาหาโร ปุริสสฺส, โยคิโน จิตฺตสฺส อภิรุจึ น ชเนติ, เตน ตํ นิรสฺสาทํ โหติ. ตถา ภาวนาย สมฺมเทว อวีถิปฏิปตฺติยา อุปสมสุขํ น วินฺทติ, เตนปิ จิตฺตํ นิรสฺสาทํ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปโยคมนฺทตายา…เป… นิรสฺสาทํ โหตี’’ติ. ตสฺส สํเวคุปฺปาทนํ ปสาทุปฺปาทนฺจ ติกิจฺฉนนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อฏฺ สํเวควตฺถูนี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ชาติชราพฺยาธิมรณานิ ยถารหํ สุคติยํ ทุคฺคติยฺจ โหนฺตีติ ตทฺเมว ปฺจวิธพนฺธนาทิขุปฺปิปาสาทิอฺมฺวิเหนาทิเหตุกํ อปายทุกฺขํ ทฏฺพฺพํ. ตยิทํ สพฺพํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺนภวนิสฺสิตํ คหิตนฺติ อตีเต อนาคเต จ กาเล วฏฺฏมูลกทุกฺขานิ วิสุํ คหิตานิ ¶ . เย ปน สตฺตา อาหารูปชีวิโน, ตตฺถ จ อุฏฺานผลูปชีวิโน, เตสํ อฺเหิ อสาธารณชีวิตทุกฺขํ อฏฺมํ สํเวควตฺถุ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยํ วุจฺจติ สมเย สมฺปหํสนตาติ อยํ ภาวนาจิตฺตสฺส สมฺปหํสิตพฺพสมเย วุตฺตนเยเนว สํเวคชนนวเสน ¶ เจว ปสาทุปฺปาทนวเสน จ สมฺมเทว ปหํสนา, สํเวคชนนปุพฺพกปสาทุปฺปาทเนน โตสนาติ อตฺโถ.
สมฺมาปฏิปตฺตึ อาคมฺมาติ ลีนุทฺธจฺจวิรเหน สมถวีถิปฏิปตฺติยา จ สมฺมา อวิสมํ สมฺมเทว ภาวนาปฏิปตฺตึ อาคมฺม. อลีนนฺติอาทีสุ โกสชฺชปกฺขิยานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อลีนํ, อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ อนธิมตฺตตาย อนุทฺธตํ, ปฺาปโยคสมฺปตฺติยา อุปสมสุขาธิคเมน จ อนิรสฺสาทํ, ตโต เอว อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฏิปนฺนํ. อลีนานุทฺธตาหิ วา อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ, อนิรสฺสาทตาย สมถวีถิปฏิปนฺนํ. สมปฺปวตฺติยา วา อลีนํ อนุทฺธตํ, สมถวีถิปฏิปตฺติยา อนิรสฺสาทนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ อลีนตาย ปคฺคเห, อนุทฺธตตาย นิคฺคเห, อนิรสฺสาทตาย สมฺปหํสเน น พฺยาปารํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ สมเย อชฺฌุเปกฺขนตาติ อยํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพสมเย ภาวนาจิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาวฏตาสงฺขาตํ ปฏิปกฺขํ อภิภุยฺย อชฺฌุเปกฺขนา วุจฺจติ. ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภนโต วิปสฺสนาย อธิฏฺานภาวูปคมนโต จ อุปจารชฺฌานมฺปิ สมาธานกิจฺจนิปฺผตฺติยา ปุคฺคลสฺส สมาหิตภาวสาธนเมวาติ ตตฺถ สมธุรภาเวนาห – ‘‘อุปจารํ วา อปฺปนํ วา’’ติ. เอส อุปฺปชฺชตีติ เอส สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ.
อนุโรธวิโรธปฺปหานวเสน มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส การณํ ตสฺมึ สติ สิชฺฌนโต, อสติ จ อสิชฺฌนโต, โส จ มชฺฌตฺตภาโว วิสยวเสน ทุวิโธติ อาห – ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา’’ติ. ตทุภเยน จ วิรุชฺฌนํ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคภาวนาย เอว ทูรีกตนฺติ อนุรุชฺฌนสฺเสว ปหานวิธึ ทสฺเสตุํ – ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา’’ติ. อุเปกฺขาย หิ วิเสสโต ราโค ปฏิปกฺโข. ตถา จาห – ‘‘อุเปกฺขา ราคพหุลสฺส วิสุทฺธิมคฺโค’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖๙). ทฺวีหากาเรหีติ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณํ, อตฺตสฺุตาปจฺจเวกฺขณนฺติ, อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ. ทฺวีเหวาติ อวธารณํ สงฺขฺยาสมานตาทสฺสนตฺถํ. สงฺขฺยา เอว เหตฺถ สมานา, น สงฺขฺเยยฺยํ สพฺพถา สมานนฺติ. อสฺสามิกภาโว อนตฺตนิยตา. สติ หิ อตฺตนิ ตสฺส กิฺจนภาเวน จีวรํ อฺํ วา กิฺจิ อตฺตนิยํ นาม สิยา, โส ¶ ปน โกจิ นตฺเถวาติ อธิปฺปาโย. อนทฺธนิยนฺติ น อทฺธานกฺขมํ, น จิรฏฺายี อิตฺตรํ อนิจฺจนฺติ อตฺโถ. ตาวกาลิกนฺติ ตสฺเสว เววจนํ.
มมายตีติ ¶ มมตฺตํ กโรติ, มมาติ ตณฺหาย ปริคฺคยฺห ติฏฺติ. ธนายนฺตาติ ธนํ ทพฺพํ กโรนฺตา.
๔๑๙. สมฺมาทสฺสนลกฺขณาติ สมฺมา อวิปรีตํ อนิจฺจาทิวเสน ทสฺสนสภาวา. สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณติ สมฺมเทว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนสภาโว. จตุรงฺคสมนฺนาคตา วาจา ชนํ สงฺคณฺหาตีติ ตพฺพิปกฺขวิรติสภาวา สมฺมาวาจา เภทกรมิจฺฉาวาจาปหาเนน ชเน สมฺปยุตฺเต จ ปริคฺคณฺหนกิจฺจวตี โหตีติ ‘‘ปริคฺคหลกฺขณา’’ติ วุตฺตา. วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย หิ ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ มุสาวาทาทีนํ ปฏิปกฺขภูตา สินิทฺธภาเวน ปริคฺคหณสภาวา สมฺมาชปฺปนกิจฺจา สมฺมาวาจา ตปฺปจฺจยสุภาสิตสมฺปฏิคฺคาหเก ชเน สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปริคฺคณฺหนฺตี ปวตฺตตีติ ปริคฺคหลกฺขณา. ยถา จีวรกมฺมาทิปฺปโยคสงฺขาโต กมฺมนฺโต กาตพฺพํ จีวรรชนาทิกํ สมุฏฺาเปติ นิปฺผาเทติ, ตํตํกิริยานิปฺผาทโก วา เจตนาสงฺขาโต กมฺมนฺโต หตฺถจลนาทิกํ กิริยํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ สาวชฺชกตฺตพฺพกิริยาสมุฏฺาปกมิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหาเนน สมฺมากมฺมนฺโต นิรวชฺชสฺส กตฺตพฺพสฺส นิรวชฺชากาเรน สมุฏฺาปนกิจฺจวา โหตีติ อาห – ‘‘สมฺมาสมุฏฺาปนลกฺขโณ’’ติ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. สมฺมาโวทาปนลกฺขโณติ ชีวมานสฺส ปุคฺคลสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยวุตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สมฺมเทว โสธนํ โวทาปนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สมฺมาโวทาปนลกฺขโณ. อถ วา กายวาจานํ ขนฺธสนฺตานสฺส จ สํกิเลสภูตมิจฺฉาอาชีวปฺปหาเนน สมฺมาอาชีโว ‘‘โวทาปนลกฺขโณ’’ติ วุตฺโต. สมฺมาวายามสติสมาธีสุ วตฺตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ปฺาย กุสลานํ ธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมภาวโต สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา ตสฺสา ปฏิปกฺขาวาติ วุตฺตํ – ‘‘อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธิ’’นฺติ. อถ วา อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสา ทิฏฺเกฏฺา อวิชฺชาทโย ปฺาย อุชุปจฺจนีกภาวโต. ปสฺสตีติ ปสฺสนฺตี ¶ วิย โหติ วิพนฺธาภาวโต. เตนาห – ‘‘ตปฺปฏิจฺฉาทก…เป… อสมฺโมหโต’’ติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย อุชุวิปจฺจนีกาติ อาห – ‘‘สมฺมาสงฺกปฺปาทโย…เป… ปชหนฺตี’’ติ. ตเถวาติ อิมินา อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธินฺติ อิมมตฺถํ อนุกฑฺฒติ. วิเสสโตติ สมฺมาทิฏฺิยา วุตฺตกิจฺจโต วิเสเสน. เอตฺถาติ เอเตสุ สมฺมาสงฺกปฺปาทีสุ.
เอสา สมฺมาทิฏฺิ นามาติ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ เอกชฺฌํ กตฺวา วทติ มิสฺสกตาภาวโต ¶ . เตนาห – ‘‘ปุพฺพภาเค’’ติอาทิ. เอการมฺมณา นิพฺพานารมฺมณตฺตา. กิจฺจโตติ ปุพฺพภาเค ทุกฺขาทีหิ าเณหิ กาตพฺพกิจฺจสฺส อิธ นิปฺผตฺติโต, อิมสฺเสว วา าณสฺส ทุกฺขาทิปฺปกาสนกิจฺจโต. จตฺตาริ นามานิ ลภติ ทุกฺขปริฺาทิจตุกิจฺจสาธนโต. ตีณิ นามานิ ลภติ กามสงฺกปฺปาทิปฺปหานกิจฺจนิปฺผตฺติโต. สิกฺขาปทวิภงฺเค (วิภ. ๗๐๓ อาทโย) ‘‘วิรติเจตนา ตํสมฺปยุตฺตา จ ธมฺมา สิกฺขาปทานี’’ติ วุตฺตานิ, ตตฺถ ปธานานํ วิรติเจตนานํ วเสน ‘‘วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาทโยปี’’ติ อาห. ‘‘สมฺมา วทติ เอตายา’’ติอาทินา อตฺถสมฺภวโต สมฺมาวาจาทโย ตโย วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาทโยปิ. มุสาวาทาทีหิ วิรมณกาเล วิรติโย, สุภาสิตาทิวาจาภาสนาทิกาเล เจตนาทโย โยเชตพฺพา. มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยว มคฺคลกฺขณปฺปตฺติโต. น หิ เจตนา นิยฺยานสภาวา. อถ วา เอกสฺส าณสฺส ทุกฺขาทิาณตา วิย เอกาย วิรติยา มุสาวาทาทิวิรติภาโว วิย จ เอกาย เจตนาย สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสาธนสภาวา สมฺมาวาจาทิภาวาสิทฺธิโต ‘‘มคฺคกฺขเณ วิรติโยวา’’ติ วุตฺตํ.
จตฺตาริ นามานิ ลภตีติ จตุสมฺมปฺปธานจตุสติปฏฺานวเสน ลภติ. มคฺคกฺขเณติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิ เอวาติ ยทิปิ สมาธิอุปการกานํ อภินิโรปนานุมชฺชนสมฺปิยายนพฺรูหนสนฺตสุขานํ วิตกฺกาทีนํ วเสน จตูหิ ฌาเนหิ สมฺมาสมาธิ วิภตฺโต, ตถาปิ วายาโม วิย อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุวายามกิจฺจํ, สติ วิย จ อสุภาสุขานิจฺจานตฺเตสุ กายาทีสุ สุภาทิสฺาปหานลกฺขณํ จตุสติกิจฺจํ, เอโก สมาธิ จตุชฺฌานสมาธิกิจฺจํ น สาเธตีติ ปุพฺพภาเคปิ ปมชฺฌานสมาธิ, ปมชฺฌานสมาธิ ¶ เอว มคฺคกฺขเณปิ, ตถา ปุพฺพภาเคปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ, จตุตฺถชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณปีติ อตฺโถ.
‘‘กึ ปนายํ มคฺคธมฺมานํ เทสนานุกฺกโม, เกวลํ วาจาย กมวตฺตินิภาวโต, อุทาหุ กฺจิ วิเสสํ อุปาทายา’’ติ วิจารณายํ กฺจิ วิเสสํ อุปาทายาติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ. ตตฺถ ภาวนานุภาวา หิตผลาย สาติสยํ ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา อจฺฉริยพฺภุตสมตฺถตาโยเคน สพฺพโส ปฏิปกฺขวิธมเนน ยาถาวโต ธมฺมสภาวโพธเนน จ สมฺมาทิฏฺิยา พหุการตา เวทิตพฺพา. เตนาห – ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ.
ตสฺสาติ ¶ สมฺมาทิฏฺิยา. พหุกาโรติ ธมฺมสมฺปฏิเวเธ พหูปกาโร. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาหิ วิภาเวตุํ, ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
วจีเภทสฺส การโก วิตกฺโก สาวชฺชานวชฺชวจีเภทนิวตฺตนปฺปวตฺตนาการาย สมฺมาวาจายปิ อุปการโก เอวาติ อาห – ‘‘สฺวายํ…เป… สมฺมาวาจายปิ อุปการโก’’ติ. สมฺมาสงฺกปฺโป หิ สจฺจวาจาย วิรติวาจายปิ วิเสสปจฺจโย มิจฺฉาสงฺกปฺปตเทกฏฺกิเลสปฺปหานโต.
สํวิทหิตฺวาติอาทีสุ สมฺมา วิทหนํ กมฺมนฺตปฺปโยชนฺจ เอกนฺตานวชฺชวจีกายกมฺมวเสน อิจฺฉิตพฺพนฺติ วิรติวาจาวเสน สํวิทหนํ วิรติกมฺมนฺตสฺเสว ปโยชนฺจ นิทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ หิสฺส สมฺมาวาจาย สมฺมากมฺมนฺตสฺสาปิ พหุการตา โชติตา สิยา. วจีเภทนิยามิกา หิ วจีทุจฺจริตวิรติ กายิกกิริยนิยามิกาย กายทุจฺจริตวิรติยา อุปการิกา. ตถา หิ วิสํวาทนาทิมิจฺฉาวาจโต อวิรโต มิจฺฉากมฺมนฺตโตปิ น วิรมเตว. ยถาห – ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส…เป… นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ. ตสฺมา อวิสํวาทนาทิสมฺมาวาจาย ิโต สมฺมากมฺมนฺตมฺปิ ปูเรติเยวาติ วจีทุจฺจริตวิรติ กายทุจฺจริตวิรติยา อุปการิกา.
ยสฺมา อาชีวปาริสุทฺธิ นาม ทุสฺสีลฺยปฺปหานปุพฺพิกา, ตสฺมา สมฺมาวาจากมฺมนฺตานนฺตรํ สมฺมาอาชีโว เทสิโตติ ทสฺเสตุํ – ‘‘จตุพฺพิธํ ปนา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. เอตฺตาวตาติ ปริสุทฺธสีลาชีวิกามตฺเตน. อิทํ วีริยนฺติ จตุสมฺมปฺปธานวีริยํ.
วีริยารมฺโภปิ สมฺมาสติปริคฺคหิโต เอว นิพฺพานาวโห, น เกวโลติ ทสฺเสตุํ – ‘‘ตโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สูปฏฺิตาติ พหิทฺธาวิกฺเขปํ ปหาย สุฏฺุ อุปฏฺิตา กาตพฺพา. สมาธิสฺส อุปการธมฺมา นาม ยถาวุตฺตวตฺถุวิสทกิริยาทโย. ตปฺปฏิปกฺขโต อนุปการธมฺมา เวทิตพฺพา. คติโยติ นิปฺผตฺติโย. สมนฺเวสิตฺวาติ สมฺมา ปริเยสิตฺวา.
๔๒๗. ยถา อิตฺถีสุ กถา ปวตฺตา อธิตฺถีติ วุจฺจติ, เอวํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ ปวตฺตา อชฺฌตฺตํ. ‘‘เอวํ ปวตฺตมานา มยํ ‘อตฺตา’ติ คหณํ คมิสฺสามา’’ติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา สตฺตสนฺตติปริยาปนฺนา อชฺฌตฺตํ. ตสฺมึ อชฺฌตฺตรูเป, อตฺตโน เกสาทิวตฺถุเก กสิณรูเปติ อตฺโถ. ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํรูปสฺีติ ปริกมฺมกรณวเสน ¶ อชฺฌตฺตํ รูปสฺี, น อปฺปนาวเสน. น หิ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ. ตํ ปน อชฺฌตฺตํ ปริกมฺมวเสน ลทฺธํ กสิณนิมิตฺตํ อวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธา ปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํ. เตนาห – ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ.
ยสฺเสวํ ปริกมฺมํ อชฺฌตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน อชฺฌตฺตํ ปริกมฺมํ ชาตํ. นิมิตฺตํ ปน พหิทฺธาติ ปฏิภาคนิมิตฺตํ สสนฺตติปริยาปนฺนํ น โหตีติ พหิทฺธา. ปริตฺตานีติ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิ. เตนาห – ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติ. ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตํ ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํ. วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภวตีติ อภิภุ, ปริกมฺมํ, าณํ วา. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ. อถ วา อารมฺมณาภิภวนโต อภิภุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต จาติ สสมฺปยุตฺตชฺฌานํ อภิภายตนํ. อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปฺสฺเสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ อาห – ‘‘าณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติ. อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ เอตฺถ อภิภวนํ ¶ สมาปชฺชนฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมนสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห – ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณวจนเมตํ. โย ขิปฺปาภิฺโติ วุจฺจติ, ตโตปิ าณุตฺตรสฺเสว อภิภายตนภาวนา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิมิตฺเต. อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนาอปฺปนํ เนติ.
เอตฺถ จ เกจิ ‘‘อุปฺปนฺเน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฏฺิมนฺเตน ทฺเว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌานปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรํ ภวงฺคปริวาเสน อุปจารเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ ปาริวาสิกปริกมฺเมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา. ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณนฺโต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุตฺโต. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ, ตตฺถ อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. น อนฺโตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโต. สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ‘‘อิมินาสฺส ปุพฺพาโภโค กถิโต’’ติ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยํ ¶ ตทา ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ฌานสฺายปีติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘อภิภวสฺา หิสฺส อนฺโตสมาปตฺติยมฺปิ อตฺถี’’ติ.
วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ วิปุลปฺปมาณานีติ อตฺโถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวฑฺฒึ ปาปิตานิ ตถา วฑฺฒนสฺเสเวตฺถ อสมฺภวโต. เตนาห – ‘‘มหนฺตานี’’ติ. ภตฺตวฑฺฒิตกนฺติ ภฺุชนภาชเน วฑฺเฒตฺวา ทินฺนํ ภตฺตํ, เอกาสเน ปุริเสน ภฺุชิตพฺพภตฺตโต อุปฑฺฒภตฺตนฺติ อตฺโถ.
รูเป สฺา รูปสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, น รูปสฺี อรูปสฺี. สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. รูปสฺาย อนุปฺปาทนเมเวตฺถ อลาภิตา. พหิทฺธาว อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธาวตฺถุสฺมึเยว อุปฺปนฺนํ. เอตฺถ จ –
‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. อชฺฌตฺตํ รูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ ¶ . อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๘, ๓๕๘; อ. นิ. ๘.๖๕; ๑๐.๒๙) –
เอวมิธ จตฺตาริ อภิภายตนานิ อาคตานิ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๔๔-๒๔๕) ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอวมาคตานิ. ตตฺถ จ การณํ อภิธมฺมฏฺกถายํ วุตฺตเมว. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) –
‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานี’ติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตาติ. อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต. ตตฺถ วา หิ อิธ วา พหิทฺธา รูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโต วตฺตพฺพานี’’ติ.
ตตฺราปิ อิธปิ วุตฺตานิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – อิธ วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ สพฺพานิ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยาติ. ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ. อภิธมฺเม ¶ ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนวิเสโสติ. ตถา อิธ ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย อตฺถีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติอาทินา ปมทุติยอภิภายตเนสุ ปมวิโมกฺโข, ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปตฺติโต สงฺคหิโต. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต เทเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ. สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิ. ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ.
อชฺฌตฺตรูปานํ ¶ อนภิภวนียโตติ อิทํ อภิธมฺเม กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตรูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ – ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ. เตน ยํ อฺเหตุกํ สุตฺตนฺเต ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วจนํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํ. ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาย เอว อภิธมฺเม วจนํ, น ตสฺส อฺํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธารูปานํ วิย อวิภูตตฺตา. เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตพฺโพ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถนภาวโต. เทสนาวิลาโส หิ นาม เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิชฺชมานสฺส จ ปริยายสฺส วิภาวนํ, น ยสฺส กสฺสจิ, ตสฺมา ‘‘อิธ ปริยายเทสนตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการํ ววตฺถานํ เทสนาวิลาสนิพนฺธนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา น นีลาทิอภิภายตนานิ วตฺตพฺพานีติ เจ? น นีลาทีสุ กตาธิการานํ นีลาทิภาวสฺเสว อภิภวนการณตฺตา. น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ปริตฺตตา อปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติ. เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํยํจริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ นีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสน. วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสน. นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน, จกฺขุวิฺาณวีถิยา คเหตพฺพตาวเสน ¶ . โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสน. วณฺณธาตุยา วาติ อฺชนรชตวตฺถาทิวณฺณธาตุยา. โลกิยาเนว รูปาวจรชฺฌานภาวโต.
๔๓๕. รูปีติ เอตฺถ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺรูปํ โหติ. เยน วิสิฏฺเน รูปีติ วุจฺเจยฺย, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปนิมิตฺตํ ฌานํ. อิธ ปน ปรมตฺถโต รูปิภาวสาธกนฺติ อาห – ‘‘อชฺฌตฺตํ เกสาทีสู’’ติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปนฺติ อุตฺตรปทโลเปน วุตฺตํ – ‘‘รูปูปปตฺติยา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖๐-๑๖๑, ๑๘๕-๑๙๐ อาทโย, ๒๔๔-๒๔๕ อาทโย; วิภ. ๖๒๕) วิย.
สุภนฺตฺเวว ¶ อธิมุตฺโต โหตีติ อยํ ตติยวิโมกฺโข. อิธ สุปริสุทฺธนีลาทิวณฺณกสิณชฺฌานวเสน วุตฺโตติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยํ ตสฺส พฺรหฺมวิหารชฺฌานวเสน อาคตภาวํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อิธ ปน อุปริปาฬิยํเยว พฺรหฺมวิหารานํ อาคตตฺตา ตํ นยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปริสุทฺธนีลาทิวณฺณกสิณวเสเนว สุภวิโมกฺโข อนฺุาโต.
๔๔๓. ปริกมฺมปถวิยาปีติ อกตาย วา กตาย วา ทฬฺหมณฺฑลาทิสงฺขาตปริกมฺมปถวิยาปิ. อุคฺคหนิมิตฺตาทีนํ ปถวีกสิณนฺติ นามํ นิสฺสิเต นิสฺสยโวหารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ.
สีลานีติ ปาติโมกฺขสํวราทีนิ จตฺตาริ สีลานิ. โสเธตฺวาติ อนาปชฺชเนน อาปนฺนวุฏฺาปเนน กิเลเสหิ อปฺปฏิปีฬเนน จ วิโสเธตฺวา. ติวิธฺหิ สีลสฺส วิโสธนํ นาม – อนาปชฺชนํ อาปนฺนวุฏฺาปนํ กิเลเสหิ จ อปฺปฏิปีฬนนฺติ. กมฺมฏฺานภาวนํ ปริพุนฺเธติ อุปโรเธติ ปวตฺติตุํ น เทตีติ ปลิโพโธ รการสฺส ลการํ กตฺวา, ปริพนฺโธติ อตฺโถ. อุปจฺฉินฺทิตฺวาติ สมาปนฺเนน สงฺคาหเณน วา อุปรุนฺธิตฺวา, อปลิโพธํ กตฺวาติ อตฺโถ. กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวาติ –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗) –
เอวมาทิคุณสมนฺนาคตํ เอกนฺตหิเตสึ วุทฺธิปกฺเข ิตํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา.
อนนุรูปํ ¶ วิหารนฺติ อฏฺารสนฺนํ โทสานํ อฺตเรน สมนฺนาคตํ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาสุ –
‘‘มหาวาสํ นวาวาสํ, ชราวาสฺจ ปนฺถนึ;
โสณฺฑึ ปณฺณฺจ ปุปฺผฺจ, ผลํ ปตฺถิตเมว จ.
‘‘นครํ ทารุนา เขตฺตํ, วิสภาเคน ปฏฺฏนํ;
ปจฺจนฺตสีมา สปฺปายํ, ยตฺถ มิตฺโต น ลพฺภติ.
‘‘อฏฺารเสตานิ านานิ, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต;
อารกา ปริวชฺเชยฺย, มคฺคํ สปฺปฏิภยํ ยถา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๕๒);
อนุรูเปติ ¶ โคจรคามโต นาติทูรนจฺจาสนฺนตาทีหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคเต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํ. ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา. ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา. เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ. ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานึ กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑).
เอตฺถ จ นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนนฺติ เอกํ องฺคํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ เอกํ, อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสนฺติ เอกํ, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส…เป… ปริกฺขาราติ เอกํ, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา…เป… กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺตีติ เอกนฺติ เอวํ ปฺจงฺคานิ เวทิตพฺพานิ.
ขุทฺทกปลิโพธํ ¶ อุปจฺฉินฺทิตฺวาติ ทีฆเกสนขโลมานํ เฉทเนน จีวรกมฺมจีวรรชนปตฺตปจนมฺจปีาทิโสธนวเสน ขุทฺทกปลิโพธํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา.
๔๕๓. อุทฺธุมาตกาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน วินีลกวิปุพฺพกวิจฺฉิทฺทกวิกฺขายิตกหตวิกฺขิตฺตกโลหิตกปุฬวกอฏฺิกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถานุกฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน ธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตํ, อุทฺธุมาตเมว อุทฺธุมาตกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อุทฺธุมาตนฺติ อุทฺธุมาตกํ, ตถารูปสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. วินีลํ วุจฺจติ วิปริภินฺนนีลวณฺณํ, วินีลเมว วินีลกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํ, มํสุสฺสทฏฺาเนสุ รตฺตวณฺณสฺส ¶ , ปุพฺพสนฺนิจยฏฺาเนสุ เสตวณฺณสฺส, เยภุยฺเยน จ นีลวณฺณสฺส นิลฏฺาเน นีลสาฏกปารุตสฺเสว ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. ปริภินฺนฏฺาเนสุ วิสฺสนฺทมานปุพฺพํ วิปุพฺพํ, วิปุพฺพเมว วิปุพฺพกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิปุพฺพนฺติ วิปุพฺพกํ, ตถารูปสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. วิจฺฉิทฺทํ วุจฺจติ ทฺวิธา ฉินฺทเนน อปธาริตํ, วิจฺฉิทฺทเมว วิจฺฉิทฺทกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิจฺฉิทฺทนฺติ วิจฺฉิทฺทกํ, เวมชฺเฌ ฉินฺนสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. อิโต จ เอตฺโต จ วิวิธากาเรน โสณสิงฺคาลาทีหิ ขายิตํ วิกฺขายิตํ, วิกฺขายิตเมว วิกฺขายิตกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิกฺขายิตนฺติ วิกฺขายิตกํ, ตถารูปสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ.
วิวิธา ขิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ, วิกฺขิตฺตเมว วิกฺขิตฺตกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิกฺขิตฺตนฺติ วิกฺขิตฺตกํ, อฺเน หตฺถํ, อฺเน ปาทํ, อฺเน สีสนฺติ เอวํ ตโต ตโต วิกฺขิตฺตสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. หตฺจ ตํ ปุริมนเยเนว วิกฺขิตฺตกฺจาติ หตวิกฺขิตฺตกํ, กากปทากาเรน องฺคปจฺจงฺเคสุ สตฺเถน หนิตฺวา วุตฺตนเยเนว วิกฺขิตฺตสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. โลหิตํ กิรติ วิกฺขิปติ อิโต จิโต จ ปคฺฆรตีติ โลหิตกํ, ปคฺฆริตโลหิตมกฺขิตสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุฬวา วุจฺจนฺติ กิมโย, ปุฬเว กิรตีติ ปุฬวกํ, กิมิปริปุณฺณสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. อฏฺิเยว อฏฺิกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อฏฺีติ อฏฺิกํ, อฏฺิสงฺขลิกายปิ เอกฏฺิกสฺสปิ เอตํ อธิวจนํ. อิเมสุ ทสสุ อสุเภสุ ปมชฺฌานเมว อุปฺปชฺชติ, น ทุติยาทีนิ. เตนาห – อิธ ‘‘ปมชฺฌานสหคตา สฺา’’ติ. ตถา หิ อปริสณฺิตชลาย สีฆโสตาย นทิยา อริตฺตพเลเนว นาวา ติฏฺติ, วินา อริตฺเตน น สกฺกา เปตุํ. เอวเมวํ ทุพฺพลตฺตา อารมฺมณสฺส วิตกฺกพเลเนว จิตฺตํ เอกคฺคํ หุตฺวา ติฏฺติ, วินา วิตกฺเกน น สกฺกา เปตุํ ¶ . ตสฺมา ปมชฺฌานเมเวตฺถ โหติ, น ทุติยาทีนิ. อารมฺมณสฺส ทุพฺพลตา เจตฺถ ปฏิกูลภาเวน จิตฺตํ เปตุํ อสมตฺถตา.
‘‘รุกฺโข มโต, โลหํ มต’’นฺติอาทีสุ ยํ ขนฺธปฺปพนฺธํ อุปาทาย รุกฺขาทิสมฺา, ตสฺมึ อนุปจฺฉินฺเนปิ อลฺลตาทิวิคมนํ นิสฺสาย มตโวหาโร สมฺมุติมรณํ. สงฺขารานํ ขณภงฺคสงฺขาตํ ขณิกมรณํ. สมุจฺเฉทมรณนฺติ อรหโต สนฺตานสฺส สพฺพโส อุจฺเฉทภูตํ มรณํ. วิปสฺสนาภาวนาวเสน เจตํ วุตฺตํ. มรณานุสฺสติภาวนายํ ปน ติวิธมฺเปตํ นาธิปฺเปตํ ¶ อสํเวควตฺถุโต อนุปฏฺหนโต อพาหุลฺลโต จ. มรณานุสฺสติยฺหิ เอเกน ภเวน ปริจฺฉินฺนสฺส ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธสฺส วิจฺเฉโท มรณนฺติ อธิปฺเปโต สํเวควตฺถุโต อุปฏฺหนโต พาหุลฺลโต จ. อิทานิ อิมเมว มรณํ สนฺธาย วิกปฺปนฺตรํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เหฏฺา วุตฺตลกฺขณา วา’’ติอาทิมาห.
อสิตปีตาทิเภเทติ อสิตปีตขายิตสายิตปฺปเภเท, อสิตพฺพขาทิตพฺพสายิตพฺพวิภาเคติ อตฺโถ กาลเภทวจนิจฺฉาย อภาวโต ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโร, อาหรียตีติ อาหาโร, กพฬีกาโร จ โส อาหาโร จาติ กพฬีการาหาโร. วตฺถุวเสน เจตํ วุตฺตํ. สวตฺถุโก เอว หิ อาหาโร อิธ กมฺมฏฺานภาเวน อธิปฺเปโต. โอชาลกฺขโณ ปน อาหาโร โอชฏฺมกํ รูปํ อาหรตีติ อาหาโรติ วุจฺจติ. โส อิธ นาธิปฺเปโต ปฏิกูลาการคฺคหณสฺส อสมฺภวโต. นว ปฏิกูลานีติ คมนปริเยสนปริโภคาสยนิทานอปริปกฺกปริปกฺกผลนิสฺสนฺทปฺปฏิกูลวเสน นว ปฏิกูลานิ. สมกฺขนปฺปฏิกูลํ ปน ปริโภคาทีสุ ลพฺภมานตฺตา อิธ วิสุํ น คหิตํ, อฺถา เตน สทฺธึ ‘‘ทส ปฏิกูลานี’’ติ วตฺตพฺพํ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๓-๓๐๔) ปน สมกฺขนํ ปริโภคาทีสุ ลพฺภมานมฺปิ นิสฺสนฺทวเสน วิเสสโต ปฏิกูลนฺติ วิสุํ คเหตฺวา ทสหากาเรหิ ปฏิกูลตา วุตฺตา.
อุปฺปชฺชนกสฺนฺติ ปฏิกูลาการคฺคหณวเสน อุปฺปชฺชนกสฺํ. สฺาสทฺโท จายํ ‘‘รูปสฺา สทฺทสฺา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) สฺชานนลกฺขเณ ธมฺเม อาคโต, ‘‘อนิจฺจสฺา ทุกฺขสฺา’’ติอาทีสุ วิปสฺสนาย อาคโต, ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา โสปากรูปสฺาติ วา อิเม ธมฺมา เอกฏฺา, อุทาหุ นานฏฺา’’ติอาทีสุ สมเถ อาคโต. อิธ ปน สมถสฺส ปริกมฺเม ทฏฺพฺโพ. อาหาเรหิ ปฏิกูลาการคฺคหณํ, ตปฺปภาวิตํ วา อุปจารชฺฌานํ อิธ ‘‘อาหาเร ปฏิกูลสฺา’’ติ อธิปฺเปตํ.
อุกฺกณฺิตสฺนฺติ ¶ นิพฺพินฺทนากาเรน อุปฺปชฺชนกสฺํ. อนิจฺจสฺนฺติ เอตฺถ อนิจฺจํ ขนฺธปฺจกํ อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวโต, หุตฺวา อภาวโต วา, ตสฺมึ อนิจฺเจ ขนฺธปฺจเก อนิจฺจนฺติ อุปฺปชฺชมานา อนิจฺจลกฺขณปริคฺคาหิกา สฺา อนิจฺจสฺา. เตนาห – ‘‘ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อุทโย ¶ นิพฺพตฺติลกฺขณํ, วโย วิปริณามลกฺขณํ, อฺถตฺตํ ชรา. อุทยพฺพยฺถตฺตคฺคหเณน อนิจฺจลกฺขณํ ทสฺเสติ. อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวโต หิ ขนฺธปฺจกํ อนิจฺจนฺติ วุจฺจติ. ยสฺส จ สภาเวน ขนฺธปฺจกํ อนิจฺจนฺติ วุจฺจติ, ตํ อนิจฺจลกฺขณํ. เตน หิ ตํ อนิจฺจนฺติ ลกฺขียติ, อนิจฺจลกฺขณฺจ อุทยพฺพยานํ อมนสิการา สนฺตติยา ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺาติ, อุทยพฺพยํ ปน ปริคฺคเหตฺวา สนฺตติยา วิโกปิตาย อนิจฺจลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. น หิ สมฺมเทว อุทยพฺพยํ สลฺลกฺเขนฺตสฺส ปุพฺพาปริเยน ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ อฺโฺภาวํ สลฺลกฺขเณน สนฺตติยา อุคฺฆาฏิตาย ธมฺมา สมฺพนฺธภาเวน อุปฏฺหนฺติ, อถ โข อโยสลากา วิย อสมฺพนฺธภาเวนาติ สุฏฺุตรํ อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ โหติ.
‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕, ๔๕, ๔๖, ๗๖, ๗๗, ๘๕; ๒.๔.๑, ๔) วจนโต ตเทว ขนฺธปฺจกํ อภิณฺหปฺปฏิปีฬนโต ทุกฺขํ, อภิณฺหปฺปฏิปีฬนากาโร ปน ทุกฺขลกฺขณํ. เตเนวาห – ‘‘อนิจฺเจ ขนฺธปฺจเก…เป… สฺํ ภาเวตี’’ติ. ตตฺถ ปฏิปีฬนํ นาม ยถาปริคฺคหิตํ อุทยวยวเสน สงฺขารานํ นิรนฺตรํ ปฏิปีฬิยมานตา วิพาธิยมานตา. ทุกฺขลกฺขณฺจ อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนสฺส อมนสิการา อิริยาปเถหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺาติ, อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนํ ปน มนสิ กริตฺวา อิริยาปเถ ลพฺภมานทุกฺขปฺปฏิจฺฉาทกภาเว อุคฺฆาฏิเต ทุกฺขลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. ตถา หิ อิริยาปเถหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ทุกฺขลกฺขณํ น อุปฏฺาติ, เต จ อิริยาปถา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนามนสิกาเรน ปฏิจฺฉาทกา ชาตา. เอกสฺมิฺหิ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส วิโนทกํ อิริยาปถนฺตรํ ตสฺส ปฏิจฺฉาทกํ วิย โหติ, เอวํ เสสาปิ. อิริยาปถานํ ปน ตํตํทุกฺขปติตาการภาเว ยาถาวโต าเต เตสํ ทุกฺขปฺปฏิจฺฉาทกภาโว อุคฺฆาฏิโต นาม โหติ สงฺขารานํ นิรนฺตรํ ทุกฺขาภิตุนฺนตาย ปากฏภาวโต. ตสฺมา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนํ มนสิ กริตฺวา อิริยาปเถ ลพฺภมานทุกฺขปฺปฏิจฺฉาทกภาเว อุคฺฆาฏิเต ทุกฺขลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ.
‘‘ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ วจนโต ตเทว ขนฺธปฺจกํ อวสวตฺตนโต อนตฺตา, อวสวตฺตนากาโร ปน อนตฺตลกฺขณํ. เตนาห – ‘‘ปฏิปีฬนฏฺเนา’’ติอาทิ ¶ . อนตฺตลกฺขณฺจ นานาธาตุวินิพฺโภคสฺส ¶ อมนสิการา ฆเนน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺาติ, นานาธาตุโย ปน วินิพฺภุชฺชิตฺวา ‘‘อฺา ปถวีธาตุ, อฺา อาโปธาตู’’ติอาทินา, ‘‘อฺโ ผสฺโส, อฺา เวทนา’’ติอาทินา จ วิสุํ วิสุํ กตฺวา ฆนวินิพฺโภเค กเต สมูหฆเน กิจฺจารมฺมณฆเน จ เภทิเต อนตฺตลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. ยา เหสา อฺมฺูปตฺถมฺเภสุ สมุทิเตสุ รูปารูปธมฺเมสุ เอกตฺตาภินิเวสวเสน อปริมทฺทิตสงฺขาเรหิ มมายมานา สมูหฆนตา, ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ กิจฺจเภทสฺส สติปิ ปฏินิยตภาเว เอกโต คยฺหมานา กิจฺจฆนตา, ตถา สารมฺมณธมฺมานํ สติปิ อารมฺมณกรณเภเท เอกโต คยฺหมานา อารมฺมณฆนตา. สา จตูสุ ธาตูสุ าเณน วินิพฺภุชิตฺวา ทิสฺสมานาสุ หตฺเถน ปริมทฺทิยมาโน เผณปิณฺโฑ วิย วิลีนํ อาคจฺฉติ, ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานา สฺุา เอเต ธมฺมมตฺตาติ อวสวตฺตนาการสงฺขาตํ อนตฺตลกฺขณํ ปากฏตรํ โหติ.
อปรอจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.