📜
๕. ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา
๔๑. ปฺจมสฺส ¶ ปเม อุปมาว โอปมฺมํ, โส เอว อตฺโถ, ตสฺมึ โอปมฺมตฺเถ โพเธตพฺเพ นิปาโต. เสยฺยถาปีติ ยถาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ตตฺร ภควา กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย, ปาริจฺฉตฺตโกปม (อ. นิ. ๗.๖๙) อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิ (อ. นิ. ๗.๗๒) สุตฺเตสุ วิย จ. กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ โลณมฺพิลสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๑) วิย, สุวณฺณการสตฺตสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ ¶ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิย จ. อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหาติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, ตํ มชฺฌิมฏฺกถาย วตฺถสุตฺตวณฺณนาย (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๐) น สเมติ. ตตฺถ หิ อิทํ วุตฺตํ –
เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถนฺติ อุปมาวจนเมเวตํ. อุปมํ กโรนฺโต จ ภควา กตฺถจิ ปมํเยว อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ, กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ. ตถา เหส ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว, ทฺเว อคารา สทฺวารา, ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺยา’’ติ สกลมฺปิ เทวทูตสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๒๖๑ อาทโย) อุปมํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ, อากาเส’’ติอาทินา ปน นเยน สกลมฺปิ อิทฺธิวิธํ อตฺถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๑๔) นเยน สกลมฺปิ จูฬสาโรปมสุตฺตํ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก’’ติอาทินา นเยน สกลมฺปิ อลคทฺทสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๒๓๘) มหาสาโรปมสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ สุตฺตานิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห. สฺวายํ อิธ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสตีติ.
เอตฺถ หิ จูฬสาโรปมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑๒) ปมํ อุปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปเมยฺยตฺถํ วตฺวา ปุน อุปมํ วทนฺโต อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตีติ วุตฺโต. อลคทฺทูปมสุตฺตาทีสุ ¶ ปน อตฺถํ ปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุน อตฺถํ วทนฺโต อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตีติ วุตฺโต. เตเนเวตฺถ ลีนตฺถปฺปกาสินิยํ วุตฺตํ – ‘‘อุปเมยฺยตฺถํ ปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺถํ วตฺวา ปุน อุปมํ วทนฺโต อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ¶ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺโต. อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยติ. อิธ ปน กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ. ‘‘วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปมอคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ วตฺถสุตฺเต ตาว ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ สํกิลิฏฺํ มลคฺคหิตํ, ตเมนํ รชโก ยสฺมึ ยสฺมึ รงฺคชาเต อุปสํหเรยฺย. ยทิ นีลกาย, ยทิ ปีตกาย, ยทิ โลหิตกาย, ยทิ มฺชิฏฺกาย, ทุรตฺตวณฺณเมวสฺส อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จิตฺเต สํกิลิฏฺเ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๗๐) ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปเมยฺยตฺโถ วุตฺโต, น ปน ปมํ อตฺถํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปุน อตฺโถ วุตฺโต. เยน กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ. วตฺถสุตฺเต วิยาติ วเทยฺย.
ตถา ปาริจฺฉตฺตโกปเมปิ ‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย เทวานํ ตาวตึสานํ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร ปณฺฑุปลาโส โหติ, อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา, ตสฺมึ สมเย โหนฺติ ปณฺฑุปลาโส ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, น จิรสฺเสว ทานิ ปนฺนปลาโส ภวิสฺสติ…เป… เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺมึ สมเย อริยสาวโก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย เจเตติ. ปณฺฑุปลาโส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ตสฺมึ สมเย โหตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๙) ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต. อคฺคิกฺขนฺโธปเม ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตนฺติ. เอวํ, ภนฺเตติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา, ยํ ขตฺติยกฺํ วา พฺราหฺมณกฺํ วา คหปติกฺํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๗๒) ปมํ อุปมํเยว ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต, น ปน ปมํ อตฺถํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปุน อตฺโถ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปมอคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ น วตฺตพฺพํ.
เกจิ ¶ ปเนตฺถ เอวํ วณฺณยนฺติ ‘‘อตฺถํ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา จ อุปมํ ทสฺเสนฺโต อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ นาม, อุปมํ ปน ปมํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อุปมาย อตฺถํ ¶ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ นาม, ตทุภยสฺสปิ อาคตฏฺานํ นิทสฺเสนฺโต ‘วตฺถสุตฺเต วิยา’ติอาทิมาหา’’ติ. ตมฺปิ ‘‘กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปมอคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวฺจ วุจฺจมาเน ‘‘กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ โลณมฺพิลสุตฺเต วิยา’’ติ วิสุํ น วตฺตพฺพํ ‘‘อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเต วิยา’’ติ เอตฺถ อาทิสทฺเทเนว สงฺคหิตตฺตา. โลณมฺพิลสุตฺเตปิ หิ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท ราชานํ วา ราชมหามตฺตํ วา นานจฺจเยหิ สูเปหิ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส อมฺพิลคฺเคหิปิ ติตฺตกคฺเคหิปิ กฏุกคฺเคหิปิ มธุรคฺเคหิปิ ขาริเกหิปิ อขาริเกหิปิ โลณิเกหิปิ อโลณิเกหิปิ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตสฺส นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ ‘อิทํ วา เม อชฺช ภตฺตสูเปยฺยํ รุจฺจติ, อิมสฺส วา อภิหรติ, อิมสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อิมสฺส วา วณฺณํ ภาสติ. อมฺพิลคฺคํ วา เม อชฺช ภตฺตสูเปยฺยํ รุจฺจติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา อภิหรติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา วณฺณํ ภาสติ…เป… อโลณิกสฺส วา วณฺณํ ภาสตี’ติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท ลาภี เจว โหติ อจฺฉาทนสฺส, ลาภี เวตนสฺส, ลาภี อภิหารานํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เวทนาสุ…เป… จิตฺเต…เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. ตสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา ปหียนฺติ, โส ตํ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ.
‘‘ส ¶ โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ ลาภี เจว โหติ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขวิหารานํ, ลาภี โหติ สติสมฺปชฺสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ สกสฺส จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๔) –
เอวํ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต. ‘‘สุวณฺณการสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ ¶ อิทฺจ อุทาหรณมตฺเตน สงฺคหํ คจฺฉติ สุวณฺณการสุตฺตาทีสุ ปมํ อุปมาย อทสฺสิตตฺตา. เอเตสุ หิ สุวณฺณกาโรปมสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๓) ตาว –
‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ, กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ…เป… ปคฺคหนิมิตฺตํ…เป… อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทฺุจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา อุกฺกํ พนฺเธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺย, อุกฺกามุขํ อาลิมฺปิตฺวา สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺย, อุกฺกามุเข ปกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อภิธเมยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ ¶ ทเหยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อุทเกน ปริปฺโผเสยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ นิพฺพาเปยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อชฺฌุเปกฺเขยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ น สมฺมา ปริปากํ คจฺเฉยฺย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตํ โหติ ชาตรูปํ มุทฺุจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ ปิฬนฺธนวิกติยา อากงฺขติ, ยทิ ปฏฺฏิกาย ยทิ กุณฺฑลาย ยทิ คีเวยฺยเกน ยทิ สุวณฺณมาลาย, ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.
‘‘เอวเมว ¶ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน ภิกฺขุ…เป… สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) –
เอวํ ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตทตนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุนปิ อตฺโถ เอวํ ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุนปิ อตฺโถ วุตฺโต.
สตฺตสูริโยปเม จ –
‘‘อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, อนสฺสาสิกา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํ อลํ วิมุจฺจิตุํ. สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรน, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ มหาสมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ มหาสมุทฺทา อจฺจุคฺคโต. โหติ โส โข, ภิกฺขเว, สมโย, ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ เทโว น วสฺสติ, เทเว ¶ โข ปน, ภิกฺขเว, อวสฺสนฺเต เย เกจิเม พีชคามภูตคามา โอสธิติณวนปฺปตโย, เต อุสฺสุสฺสนฺติ วิสุสฺสนฺติ น ภวนฺติ. เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, เอวํ อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๖) –
ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุนปิ อตฺโถ วุตฺโต. อถ วา ‘‘สูริยสฺส, ภิกฺขเว, อุทยโต เอตํ ปุพฺพงฺคมํ เอตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ, ยทิทํ อรุณุคฺคํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาทาย เอตํ ปุพฺพงฺคมํ เอตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ ยเทตํ สํยุตฺตนิกาเย (สํ. นิ. ๕.๔๙) อาคตํ, ตํ อิธ สูริโยปมสุตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ สิยา. ตมฺปิ ‘‘กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตี’’ติ อิมินา น สเมติ ปมํ อุปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ปุน อุปมาย อวุตฺตตฺตา. ปมเมว หิ ตตฺถ อุปมา ทสฺสิตา, ‘‘อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อาทิมาหา’’ติ. อิทมฺปิ วจนมสงฺคหิตํ วตฺถสุตฺตสฺส อิมสฺส จ วิเสสาภาวโต. อุภยตฺถาปิ หิ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต ¶ , ตสฺมา เอวเมตฺถ ปาเน ภวิตพฺพํ ‘‘ตตฺร ภควา กตฺถจิ ปมํเยว อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปม- (อ. นิ. ๗.๖๙) อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย จ, กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ สุวณฺณการสตฺตสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิย, อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อาทิมาหา’’ติ. อฺถา มชฺฌิมฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. อิธาปิ จ ปุพฺเพนาปรํ น สเมติ. มชฺฌิมฏฺกถาย วุตฺตนเยเนว วา อิธาปิ ปาโ คเหตพฺโพ.
กณสทิโส สาลิผลสฺส ตุณฺเฑ อุปฺปชฺชนกวาโล สาลิสูกํ, ตถา ยวสูกํ. สูกสฺส ตนุกภาวโต เภทวโต เภโท นาติมหา โหตีติ อาห – ‘‘ภินฺทิสฺสติ, ฉวึ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ’’ติ. ยถา มิจฺฉาปิตสาลิสูกาทิ อกฺกนฺตมฺปิ หตฺถาทึ น ภินฺทติ ภินฺทิตุํ อโยคฺคภาเวน ิตตฺตา, เอวํ อาจยคามิจิตฺตํ อวิชฺชํ น ภินฺทติ ภินฺทิตุํ ¶ อโยคฺคภาเวน อุปฺปนฺนตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘มิจฺฉาปิเตนา’’ติอาทินา. อฏฺสุ าเนสูติ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา วุตฺเตสุ ทุกฺขาทีสุ จตูสุ สจฺเจสุ ปุพฺพนฺตาทีสุ จตูสุ จาติ อฏฺสุ าเนสุ. ฆนพหลนฺติ จิรกาลปริภาวนาย อติวิย พหลํ. มหาวิสยตาย มหาปฏิปกฺขตาย พหุปริวารตาย พหุทุกฺขตาย จ มหตี อวิชฺชาติ มหาอวิชฺชา. ตํ มหาอวิชฺชํ. มหาสทฺโท หิ พหุภาวตฺโถปิ โหติ ‘‘มหาชโน’’ติอาทีสุ วิย. ตณฺหาวานโต นิกฺขนฺตภาเวนาติ ตตฺถ ตณฺหาย อภาวเมว วทติ.
๔๒. ทุติเย ปาเทเนว อวมทฺทิเต อกฺกนฺตนฺติ วุจฺจมาเน หตฺเถน อวมทฺทิตํ อกฺกนฺตํ วิย อกฺกนฺตนฺติ รุฬฺหี เหสาติ อาห – ‘‘อกฺกนฺตนฺเตว วุตฺต’’นฺติ. อริยโวหาโรติ อริยเทสวาสีนํ โวหาโร. มหนฺตํ อคฺคเหตฺวา อปฺปมตฺตกสฺเสว คหเณ ปโยชนํ ทสฺเสตุํ – ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เตน ‘‘วิวฏฺฏูปนิสฺสยกุสลํ นาม โยนิโส อุปฺปาทิตํ อปฺปก’’นฺติ น จินฺเตตพฺพํ, อนุกฺกเมน ลทฺธปจฺจยํ หุตฺวา วฑฺฒมานํ ขุทฺทกนที วิย ปกฺขนฺทมโหฆา สมุทฺทํ, อนุกฺกเมน นิพฺพานมหาสมุทฺทเมว ปุริสํ ปาเปตีติ ทีเปติ. ปจฺเจกโพธึ พุทฺธภูมินฺติ จ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ. วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ ยถากฺกเมน วุตฺตํ.
๔๓. ตติเย โทเสน ปทุฏฺจิตฺตนฺติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ, ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จ ทูสเนน วิสสํสฏฺปูติมุตฺตสทิเสน โทเสน ปทูสิตจิตฺตํ. อตฺตโน จิตฺเตนาติ อตฺตโน เจโตปริยาเณน สพฺพฺุตฺาเณน วา สหิเตน จิตฺเตน. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ¶ . อิฏฺากาเรน เอตีติ อโย, สุขํ. สพฺพโส อเปโต อโย เอตสฺส, เอตสฺมาติ วา อปาโย, กายิกสฺส เจตสิกสฺส จ ทุกฺขสฺส คติ ปวตฺติฏฺานนฺติ ทุคฺคติ, การณาวเสน วิวิธํ วิกาเรน จ นิปาติยนฺติ เอตฺถาติ วินิปาโต, อปฺปโกปิ นตฺถิ อโย สุขํ เอตฺถาติ นิรโยติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๔๔. จตุตฺเถ สทฺธาปสาเทน ปสนฺนนฺติ สทฺธาสงฺขาเตน ปสาเทน ปสนฺนํ, น อินฺทฺริยานํ อวิปฺปสนฺนตาย. สุขสฺส คตินฺติ สุขสฺส ปวตฺติฏฺานํ. สุขเมเวตฺถ คจฺฉนฺติ, น ทุกฺขนฺติ วา สุคติ. มนาปิยรูปาทิตาย สห อคฺเคหีติ สคฺคํ, โลกํ.
๔๕. ปฺจเม ¶ ปริฬาหวูปสมกโร รหโท เอตฺถาติ รหโท, อุทกปุณฺโณ รหโท อุทกรหโท. อุทกํ ทหติ ธาเรตีติ อุทกทโห. อาวิโลติ กลลพหุลตาย อากุโล. เตนาห – ‘‘อวิปฺปสนฺโน’’ติ. ลุฬิโตติ วาเตน อาโลฬิโต. เตนาห – ‘‘อปริสณฺิโต’’ติ. วาตาภิฆาเตน วีจิตรงฺคมลสมากุลตาย หิ ปริโต น สณฺิโต วา อปริสณฺิโต. วาตาภิฆาเตน อุทกสฺส จ อปฺปภาเวน กลลีภูโต กทฺทมภาวปฺปตฺโตติ อาห – ‘‘กทฺทมีภูโต’’ติ. สิปฺปิโย มุตฺตสิปฺปิอาทโย. สมฺพุกา สงฺขสลากวิเสสา. จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปีติ ยถาลาภวจนเมตํ ทฏฺพฺพํ. ตเมว หิ ยถาลาภวจนตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ.
ปริโยนทฺเธนาติ ปฏิจฺฉาทิเตน. ตยิทํ การเณน อาวิลภาวสฺส ทสฺสนํ. ทิฏฺธมฺเม อิมสฺมึ อตฺตภาเว ภโว ทิฏฺธมฺมิโก, โส ปน โลกิโยปิ โหติ โลกุตฺตโรปีติ อาห – ‘‘โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก’’ติ. เปจฺจ สมฺปเรตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก. เตนาห – ‘‘โส หิ ปรตฺถ อตฺโถติ ปรตฺโถ’’ติ. อิติ ทฺวิธาปิ สกสนฺตติปริยาปนฺโน เอว คหิโตติ อิตรมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ – ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. อยนฺติ กุสลกมฺมปถสงฺขาโต ทสวิโธ ธมฺโม. สตฺถนฺตรกปฺปาวสาเนติ อิทํ ตสฺส อาสนฺนภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยสฺส กสฺสจิ อนฺตรกปฺปสฺสาวสาเนติ เวทิตพฺพํ. อริยานํ ยุตฺตนฺติ อริยานํ อริยภาวาย ยุตฺตํ, ตโต เอว อริยภาวํ กาตุํ สมตฺถํ. าณเมว เยฺยสฺส ปจฺจกฺขกรณฏฺเน ทสฺสนนฺติ อาห – ‘‘าณเมว หี’’ติอาทิ. กึ ปน ตนฺติ อาห – ‘‘ทิพฺพจกฺขู’’ติอาทิ.
๔๖. ฉฏฺเ อจฺโฉติ ตนุโก. ตนุภาวเมว หิ สนฺธาย ‘‘อพหโล’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปสนฺโน นาม อจฺโฉ น พหโล, ตสฺมา ‘‘ปสนฺโนติปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วิปฺปสนฺโนติ วิเสเสน ปสนฺโน ¶ . โส ปน สมฺมา ปสนฺโน นาม โหตีติ อาห – ‘‘สุฏฺุ ปสนฺโน’’ติ. อนาวิโลติ อกลุโส. เตนาห – ‘‘ปริสุทฺโธ’’ติอาทิ. สงฺขนฺติ ขุทฺทกเสวาลํ, ยํ ‘‘ติลพีชก’’นฺติ วุจฺจติ. เสวาลนฺติ กณฺณิกเสวาลํ. ปณกนฺติ อุทกมลํ. จิตฺตสฺส อาวิลภาโว นีวรณเหตุโกติ อาห – ‘‘อนาวิเลนาติ ปฺจนีวรณวิมุตฺเตนา’’ติ.
๔๗. สตฺตเม ¶ รุกฺขชาตานีติ เอตฺถ ชาตสทฺเทน ปทวฑฺฒนเมว กตํ ยถา ‘‘โกสชาต’’นฺติ อาห – ‘‘รุกฺขานเมเวตํ อธิวจน’’นฺติ. โกจิ หิ รุกฺโข วณฺเณน อคฺโค โหติ ยถา ตํ รตฺตจนฺทนาทิ. โกจิ คนฺเธน ยถา ตํ โคสีตจนฺทนํ. โกจิ รเสน ขทิราทิ. โกจิ ถทฺธตาย จมฺปกาทิ. มคฺคผลาวหตาย วิปสฺสนาวเสน ภาวิตมฺปิ คหิตํ. ‘‘ตตฺถ ตตฺเถว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) วจนโต ‘‘อภิฺาปาทกจตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว, อาวุโส’’ติ ผุสฺสมิตฺตตฺเถโร วทติ.
๔๘. อฏฺเม จิตฺตสฺส ปริวตฺตนํ อุปฺปาทนิโรธา เอวาติ อาห – ‘‘เอวํ ลหุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ลหุํ นิรุชฺฌนก’’นฺติ. อธิมตฺตปมาณตฺเถติ อติกฺกนฺตปมาณตฺเถ, ปมาณาตีตตายนฺติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘อติวิย น สุกรา’’ติ. จกฺขุวิฺาณมฺปิ อธิปฺเปตเมวาติ สพฺพสฺสปิ จิตฺตสฺส สมานขณตฺตา วุตฺตํ. จิตฺตสฺส อติวิย ลหุปริวตฺติภาวํ เถรวาเทน ทีเปตุํ – ‘‘อิมสฺมึ ปนตฺเถ’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตสงฺขาราติ สสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วทติ. วาหสตานํ โข, มหาราช, วีหีนนฺติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, ‘‘วาหสตํ โข, มหาราช, วีหีน’’นฺติ ปน ปาเน ภวิตพฺพํ. มิลินฺทปฺเหปิ (มิ. ป. ๔.๑.๒) หิ กตฺถจิ อยเมว ปาโ ทิสฺสติ. ‘‘วาหสตาน’’นฺติ วา ปจฺจตฺเต สามิวจนํ พฺยตฺตเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฑฺฒจูฬนฺติ โถเกน อูนํ อุปฑฺฒํ. กสฺส ปน อุปฑฺฒนฺติ? อธิการโต วาหสฺสาติ วิฺายติ. ‘‘อฑฺฒจุทฺทส’’นฺติ เกจิ. ‘‘อฑฺฒจตุตฺถ’’นฺติ อปเร. สาธิกํ ทิยฑฺฒสตํ วาหาติ ทฬฺหํ กตฺวา วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. จตุนาฬิโก ตุมฺโพ. ปุจฺฉาย อภาเวนาติ ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ เอวํ ปวตฺตาย ปุจฺฉาย อภาเวน น กตา อุปมา. ธมฺมเทสนาปริโยสาเนติ สนฺนิปติตปริสาย ยถารทฺธธมฺมเทสนาย ปริโยสาเน.
๔๙. นวเม ปภสฺสรนฺติ ปริโยทาตํ สภาวปริสุทฺธฏฺเน. เตนาห – ‘‘ปณฺฑรํ ปริสุทฺธ’’นฺติ. ปภสฺสรตาทโย นาม วณฺณธาตุยํ ลพฺภนกวิเสสาติ อาห – ‘‘กึ ปน จิตฺตสฺส วณฺโณ นาม อตฺถี’’ติ? อิตโร อรูปตาย ‘‘นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปริยายกถา อยํ ตาทิสสฺส จิตฺตสฺส ปริสุทฺธภาวนาทีปนายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นีลาทีน’’นฺติอาทิมาห. ตถา ¶ หิ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๓-๒๔๔; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒-๑๓) วุตฺตํ ¶ . เตเนวาห – ‘‘อิทมฺปิ นิรุปกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธนฺติ ปภสฺสร’’นฺติ. กึ ปน ภวงฺคจิตฺตํ นิรุปกฺกิเลสนฺติ? อาม สภาวโต นิรุปกฺกิเลสํ, อาคนฺตุกอุปกฺกิเลสวเสน ปน สิยา อุปกฺกิลิฏฺํ. เตนาห – ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺตโน เตสฺจ ภิกฺขูนํ ปจฺจกฺขภาวโต ปุพฺเพ ‘‘อิท’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปจฺจามสนวเสน ‘‘ต’’นฺติ อาห. จ-สทฺโท อตฺถูปนยเน. โข-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, อวธารเณ วา. วกฺขมานสฺส อตฺถสฺส นิจฺฉิตภาวโต ภวงฺคจิตฺเตน สหาวฏฺานาภาวโต อุปกฺกิเลสานํ อาคนฺตุกตาติ อาห – ‘‘อสหชาเตหี’’ติอาทิ. ราคาทโย อุเปจฺจ จิตฺตสนฺตานํ กิลิสฺสนฺติ วิพาเธนฺติ อุปตาเปนฺติ จาติ อาห – ‘‘อุปกฺกิเลเสหีติ ราคาทีหี’’ติ. ภวงฺคจิตฺตสฺส นิปฺปริยายโต อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺตา นาม นตฺถิ อสํสฏฺภาวโต, เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปน สิยา อุปกฺกิลิฏฺตาปริยาโยติ อาห – ‘‘อุปกฺกิลิฏฺํ นามาติ วุจฺจตี’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. เตน ภินฺนสนฺตานคตายปิ นาม อิริยาย โลเก คารยฺหตา ทิสฺสติ, ปเคว เอกสนฺตานคตาย อิริยายาติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสติ. เตนาห – ‘‘ชวนกฺขเณ…เป… อุปกฺกิลิฏฺํ นาม โหตี’’ติ.
๕๐. ทสเม ภวงฺคจิตฺตเมว จิตฺตนฺติ ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ภวงฺคจิตฺตเมว. ยทคฺเคน ภวงฺคจิตฺตํ ตาทิสปจฺจยสมวาเย อุปกฺกิลิฏฺํ นาม วุจฺจติ, ตทคฺเคน ตพฺพิธุรปจฺจยสมวาเย อุปกฺกิเลสโต วิมุตฺตนฺติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ นาม โหตี’’ติ. เสสเมตฺถ นวมสุตฺเต วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.