📜

๒. อธิกรณวคฺควณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม พลานีติ เกนฏฺเน พลานิ. อกมฺปิยฏฺเน พลานิ นาม, ตถา ทุรภิภวนฏฺเน อนชฺโฌมทฺทนฏฺเน จ. ปฏิสงฺขานพลนฺติ ปจฺจเวกฺขณพลํ. ภาวนาพลนฺติ พฺรูหนพลํ วฑฺฒนพลํ. สุทฺธํ อตฺตานนฺติ อิทํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุ พเลสุ. ยมิทนฺติ ยํ อิทํ. เสขานเมตํ พลนฺติ สตฺตนฺนํ เสขานํ าณพลเมตํ. เสขฺหิ โส, ภิกฺขเว, พลํ อาคมฺมาติ สตฺตนฺนํ เสขานํ าณพลํ อารพฺภ สนฺธาย ปฏิจฺจ. ปชหตีติ มคฺเคน ปชหติ. ปหายาติ อิมินา ปน ผลํ กถิตํ. ยํ ปาปนฺติ ยํ ปาปกํ ลามกํ. ยสฺมา ปเนตานิ ทฺเวปิ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, ตสฺมา เอตฺถ เอตทคฺคํ นาคตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๒. ทุติเย สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติอาทีสุ อยํ เหฏฺา อนาคตานํ ปทานํ วเสน อตฺถวณฺณนา – วิเวกนิสฺสิตนฺติ วิเวกํ นิสฺสิตํ. วิเวโกติ วิวิตฺตตา. สฺวายํ ตทงฺควิเวโก วิกฺขมฺภน-สมุจฺเฉท-ปฏิปฺปสฺสทฺธิ-นิสฺสรณวิเวโกติ ปฺจวิโธ. ตสฺมึ ปฺจวิเธ วิเวเก. วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ, นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตฺจ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ สติสมฺโพชฺฌงฺคภาวนานุยุตฺโต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกาเล ปน กิจฺจโต สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ. ปฺจวิธวิเวกนิสฺสิตมฺปีติ เอเก. เต หิ น เกวลํ พลววิปสฺสนามคฺคผลกฺขเณสุเยว โพชฺฌงฺเค อุทฺธรนฺติ, วิปสฺสนาปาทกกสิณชฺฌานอานาปานาสุภพฺรหฺมวิหารชฺฌาเนสุปิ อุทฺธรนฺติ, น จ ปฏิสิทฺธา อฏฺกถาจริเยหิ. ตสฺมา เตสํ มเตน เอเตสํ ฌานานํ ปวตฺติกฺขเณ กิจฺจโต เอว วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํ. ยถา จ ‘‘วิปสฺสนากฺขเณ อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตมฺปิ ภาเวตี’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอส นโย วิราคนิสฺสิตนฺติอาทีสุ. วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโย.

เกวลํ เหตฺถ โวสฺสคฺโค ทุวิโธ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโค จาติ. ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ จ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลสปฺปหานํ. ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนํ. ตทุภยมฺปิ อิมสฺมึ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก อตฺถวณฺณนานเย วฏฺฏติ. ตถา หิ อยํ สติสมฺโพชฺฌงฺโค ยถาวุตฺเตน ปกาเรน กิเลเส ปริจฺจชติ, นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทติ. โวสฺสคฺคปริณามินฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน โวสฺสคฺคตฺถํ ปริณมนฺตํ ปริณตฺจ, ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจาติ อิทํ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ โพชฺฌงฺคภาวนานุยุตฺโต ภิกฺขุ ยถา สติสมฺโพชฺฌงฺโค กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถฺจ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปกฺโก โหติ, ตถา นํ ภาเวตีติ. เอส นโย เสสโพชฺฌงฺเคสุ.

อิธ ปน นิพฺพานํเยว สพฺพสงฺขเตหิ วิวิตฺตตฺตา วิเวโก, สพฺเพสํ วิราคภาวโต วิราโค, นิโรธภาวโต นิโรโธติ วุตฺตํ. มคฺโค เอว จ โวสฺสคฺคปริณามี, ตสฺมา สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺติยา วิเวกนิสฺสิตํ, ตถา วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ. ตฺจ โข อริยมคฺคกฺขณุปฺปตฺติยา กิเลสานํ สมุจฺเฉทโต ปริจฺจาคภาเวน จ นิพฺพานปกฺขนฺทนภาเวน จ ปริณตํ ปริปกฺกนฺติ อยเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอส นโย เสสโพชฺฌงฺเคสุ. อิติ อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา. อิเมสุปิ ทฺวีสุ พเลสุ เอตทคฺคภาโว วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๑๓. ตติเย วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ ปาฬิอตฺโถ จ ภาวนานโย จ สพฺโพ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๙-๗๐) วิตฺถาริโตเยว. อิมานิ ปน จตฺตาริ ฌานานิ เอโก ภิกฺขุ จิตฺเตกคฺคตฺถาย ภาเวติ, เอโก วิปสฺสนาปาทกตฺถาย, เอโก อภิฺาปาทกตฺถาย, เอโก นิโรธปาทกตฺถาย, เอโก ภววิเสสตฺถาย. อิธ ปน ตานิปิ วิปสฺสนาปาทกานิ อธิปฺเปตานิ. อยํ หิ ภิกฺขุ อิมานิ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา เหตุปจฺจยปริคฺคหํ กตฺวา สปฺปจฺจยํ นามรูปฺจ ววตฺถเปตฺวา อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เอวเมตานิ ฌานานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาเนว กถิตานิ. อิมสฺมิมฺปิ พลทฺวเย เอตทคฺคภาโว วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๑๔. จตุตฺเถ สํขิตฺเตน จ วิตฺถาเรน จาติ สํขิตฺตธมฺมเทสนา วิตฺถารธมฺมเทสนา จาติ ทฺเวเยว ธมฺมเทสนาติ ทสฺเสติ. ตตฺถ มาติกํ อุทฺทิสิตฺวา กถิตา เทสนา สํขิตฺตเทสนา นาม. ตเมว มาติกํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา กถิตา วิตฺถารเทสนา นาม. มาติกํ วา เปตฺวาปิ อฏฺเปตฺวาปิ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา กถิตา วิตฺถารเทสนา นาม . ตาสุ สํขิตฺตเทสนา นาม มหาปฺสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน กถิตา, วิตฺถารเทสนา นาม มนฺทปฺสฺส. มหาปฺสฺส หิ วิตฺถารเทสนา อติปปฺโจ วิย โหติ. มนฺทปฺสฺส สงฺเขปเทสนา สสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหติ, เนว อนฺตํ น โกฏึ ปาปุณิตุํ สกฺโกติ. สงฺเขปเทสนา จ อุคฺฆฏิตฺุสฺส วเสน กถิตา, วิตฺถารเทสนา อิตเรสํ ติณฺณํ วเสน. สกลมฺปิ หิ เตปิฏกํ สงฺเขปเทสนา วิตฺถารเทสนาติ เอตฺเถว สงฺขํ คจฺฉติ.

๑๕. ปฺจเม ยสฺมึ, ภิกฺขเว, อธิกรเณติ วิวาทาธิกรณํ, อนุวาทาธิกรณํ, อาปตฺตาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ อธิกรณานํ ยสฺมึ อธิกรเณ. อาปนฺโน จ ภิกฺขูติ อาปตฺตึ อาปนฺโน ภิกฺขุ จ. ตสฺเมตนฺติ ตสฺมึ เอตํ. ทีฆตฺตายาติ ทีฆํ อทฺธานํ ติฏฺนตฺถาย. ขรตฺตายาติ ทาส-โกณฺฑ-จณฺฑาล-เวนาติ เอวํ ขรวาจาปวตฺตนตฺถาย. วาฬตฺตายาติ ปาณิ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรณวเสน กกฺขฬภาวตฺถาย. ภิกฺขู จ น ผาสุํ วิหริสฺสนฺตีติ อฺมฺํ วิวาทาปนฺเน ภิกฺขุสงฺเฆ เยปิ อุทฺเทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา คเหตุกามา ปธานํ วา อนุยุฺชิตุกามา, เต ผาสุํ น วิหริสฺสนฺติ. ภิกฺขุสงฺฆสฺมึ หิ อุโปสถปวารณาย ิตาย อุทฺเทสาทีหิ อตฺถิกา อุทฺเทสาทีนิ คเหตุํ น สกฺโกนฺติ, วิปสฺสกานํ จิตฺตุปฺปาโท น เอกคฺโค โหติ, ตโต วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกนฺติ. เอวํ ภิกฺขู จ น ผาสุํ วิหริสฺสนฺติ. น ทีฆตฺตายาติอาทีสุ วุตฺตปฏิปกฺขนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. อิติ ปฏิสฺจิกฺขตีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติ. อกุสลํ อาปนฺโนติ เอตฺถ อกุสลนฺติ อาปตฺติ อธิปฺเปตา, อาปตฺตึ อาปนฺโนติ อตฺโถ. กฺจิเทว เทสนฺติ น สพฺพเมว อาปตฺตึ, อาปตฺติยา ปน กฺจิเทว เทสํ อฺตรํ อาปตฺตินฺติ อตฺโถ. กาเยนาติ กรชกาเยน. อนตฺตมโนติ อตุฏฺจิตฺโต. อนตฺตมนวาจนฺติ อตุฏฺวาจํ. มเมวาติ มํเยว. ตตฺถาติ ตสฺมึ อธิกรเณ. อจฺจโย อจฺจคมาติ อปราโธ อติกฺกมิตฺวา มทฺทิตฺวา คโต, อหเมเวตฺถ อปราธิโก. สุงฺกทายกํว ภณฺฑสฺมินฺติ ยถา สุงฺกฏฺานํ ปริหริตฺวา นีเต ภณฺฑสฺมึ สุงฺกทายกํ อปราโธ อภิภวติ, โส จ ตตฺถ อปราธิโก โหติ, น ราชาโน น ราชปุริสาติ อตฺโถ.

อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย หิ รฺา ปิตํ สุงฺกฏฺานํ ปริหริตฺวา ภณฺฑํ หรติ, ตํ สห ภณฺฑสกเฏน อาเนตฺวา รฺโ ทสฺเสนฺติ. ตตฺถ เนว สุงฺกฏฺานสฺส โทโส อตฺถิ, น รฺโ น ราชปุริสานํ, ปริหริตฺวา คตสฺเสว ปน โทโส, เอวเมวํ ยํ โส ภิกฺขุ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตตฺถ เนว อาปตฺติยา โทโส, น โจทกสฺส. ตีหิ ปน การเณหิ ตสฺเสว ภิกฺขุโน โทโส. ตสฺส หิ อาปตฺตึ อาปนฺนภาเวนปิ โทโส, โจทเก อนตฺตมนตายปิ โทโส, อนตฺตมนสฺส สโต ปเรสํ อาโรจเนนปิ โทโส. โจทกสฺส ปน ยํ โส ตํ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺตํ อทฺทส, ตตฺถ โทโส นตฺถิ. อนตฺตมนตาย โจทนาย ปน โทโส. ตมฺปิ อมนสิกริตฺวา อยํ ภิกฺขุ อตฺตโนว โทสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘อิติ มเมว ตตฺถ อจฺจโย อจฺจคมา สุงฺกทายกํว ภณฺฑสฺมิ’’นฺติ เอวํ ปฏิสฺจิกฺขตีติ อตฺโถ. ทุติยวาเร โจทกสฺส อนตฺตมนตา จ อนตฺตมนตาย โจทิตภาโว จาติ ทฺเว โทสา, เตสํ วเสน ‘‘อจฺจโย อจฺจคมา’’ติ เอตฺถ โยชนา กาตพฺพา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

๑๖. ฉฏฺเ อฺตโรติ เอโก อปากฏนาโม พฺราหฺมโณ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เยนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. ตสฺมา ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ คโตติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คโต ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ.

ภควตา สทฺธึ สมฺโมทีติ ยถา จ ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ, สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ, โภ โคตม, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต โคตมสฺส จ สาวกานฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสฺส สมฺโมทสฺส ชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ. สุยฺยมานสุขโต วา สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํ, ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ สารณียํ กถํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺเปตฺวา เยนตฺเถน อาคโต, ตํ ปุจฺฉิตุกาโม เอกมนฺตํ นิสีทิ.

เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ, ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. นิสีทีติ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ปุริสา ครุฏฺานียํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ. อยฺจ เนสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

กถํ นิสินฺโน ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ? ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ, อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ . อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.

เอตทโวจาติ ทุวิธา หิ ปุจฺฉา – อคาริกปุจฺฉา, อนคาริกปุจฺฉา จ. ตตฺถ ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสล’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๒๙๖) อิมินา นเยน อคาริกปุจฺฉา อาคตา. ‘‘อิเม นุ โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ (ม. นิ. ๓.๘๖) อิมินา นเยน อนคาริกปุจฺฉา. อยํ ปน อตฺตโน อนุรูปํ อคาริกปุจฺฉํ ปุจฺฉนฺโต เอตํ ‘‘โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ เหตุ ปจฺจโยติ อุภยมฺเปตํ การณเววจนเมว. อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตูติ อธมฺมจริยาสงฺขาตาย วิสมจริยาย เหตุ, ตํการณา ตปฺปจฺจยาติ อตฺโถ . ตตฺรายํ ปทตฺโถ – อธมฺมสฺส จริยา อธมฺมจริยา, อธมฺมการณนฺติ อตฺโถ. วิสมํ จริยา, วิสมสฺส วา กมฺมสฺส จริยาติ วิสมจริยา. อธมฺมจริยา จ สา วิสมจริยา จาติ อธมฺมจริยาวิสมจริยา. เอเตนุปาเยน สุกฺกปกฺเขปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺถโต ปเนตฺถ อธมฺมจริยาวิสมจริยา นาม ทส อกุสลกมฺมปถา, ธมฺมจริยาสมจริยา นาม ทส กุสลกมฺมปถาติ เวทิตพฺพา.

อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมาติ เอตฺถ อยํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐) หิ ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.

‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –

อาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๐; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธาปิ อพฺภนุโมทเนเยว. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา สาธุ สาธุ, โภ โคตมาติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;

หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –

อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกฺกนฺตํ อติอิฏฺํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ.

ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโตเยว วา วจนํ ทฺเว ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต , ตถา สทฺธาชนนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต, สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.

ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีอฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตเม. อยํ ตาว อนุตฺตานปทตฺโถ.

อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.

เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต เอสาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามีติ ภวํ เม โคตโม สรณํ ปรายณํ อฆสฺส ตาตา หิตสฺส จ วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉามิ ภชามิ เสวามิ ปยิรุปาสามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติ อตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ. ตสฺมา คจฺฉามีติ อิมสฺส ชานามิ พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ วุตฺโต. ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ เอตฺถ ปน อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม. โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) วิตฺถาโร. น เกวลฺจ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ , อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –

‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;

มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);

เอตฺถ ราควิโรโคติ มคฺโค กถิโต. อโนชมโสกนฺติ ผลํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา สพฺพธมฺมกฺขนฺธาติ. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ. โส อตฺถโต อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมิเยว วิมาเน –

‘‘ยตฺถ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;

อฏฺ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);

ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆ. เอตฺตาวตา พฺราหฺมโณ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ.

อิทานิ เตสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ.

เสยฺยถิทํ – ปทตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อตฺโถ, รตนตฺตยสฺเสเวตํ อธิวจนํ. อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ พุทฺโธ, ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน โลกสฺส อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม, อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ. ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคีสตฺโต สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอตานิ เม ตีณิ รตนานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อุเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ โย จ สรณํ คจฺฉติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.

สรณคมนปฺปเภเท ปน ทุวิธํ สรณคมนํ โลกุตฺตรํ โลกิยฺจาติ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฏิลาโภ, สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ ทสสุ ปุฺกิริยาวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ.

ตยิทํ จตุธา ปวตฺตติ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน ตปฺปรายณตาย สิสฺสภาวูปคมเนน ปณิปาเตนาติ. ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตา นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ ตปฺปรายณภาโว. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ สิสฺสภาวูปคโม. ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อภิวาทน-ปจฺจุฏฺาน-อฺชลิกมฺม-สามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํเยว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมิ อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ปรมนิปจฺจกาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนมฺปิ อาการานํ อฺตรมฺปิ กโรนฺเตน คหิตํเยว โหติ สรณคมนํ.

อปิจ ‘‘ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโตเยว เม อตฺตา, ปริจฺจตฺตํเยว เม ชีวิตํ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ เลณํ ตาณ’’นฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวมฺปิ มหากสฺสปสฺส สรณคมเน วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฏฺพฺพํ.

‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;

นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๙๔; สํ. นิ. ๑.๒๔๖);

เอวมฺปิ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. ‘‘อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ; พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวมฺปิ ปณิปาโต เวทิตพฺโพ.

โส ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คณฺหาติ, เสฏฺวเสน จ ภิชฺชติ. ตสฺมา โย สากิโย วา โกลิโย วา ‘‘พุทฺโธ อมฺหากํ าตโก’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา ‘‘สมโณ โคตโม ราชปูชิโต มหานุภาโว อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ภเยน วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา โพธิสตฺตกาเล ภควโต สนฺติเก กิฺจิ อุคฺคหิตํ สรมาโน พุทฺธกาเล วา –

‘‘เอเกน โภเค ภุฺเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;

จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –

เอวรูปํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย ปน ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว คหิตํ โหติ สรณํ.

เอวํ คหิตสรณสฺส จ อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ าตึ ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณคมนํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภยวเสน วนฺทโต. โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํ กิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยํ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชตีติ เอวํ สรณคมนปฺปเภโท เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. (ธ. ป. ๑๙๐);

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ. (ธ. ป. ๑๙๑);

‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;

เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๒);

อปิจ นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนเปตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย, สุขโต อุปคจฺเฉยฺย, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ, อรหนฺตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘-๑๓๐; อ. นิ. ๑.๒๗๒-๒๗๗).

โลกิยสฺส ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,

น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ,

เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๓๗);

อปรมฺปิ วุตฺตํ –

‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธสรณคมนํ โหติ. พุทฺธสรณคมนเหตุ โข เทวานมินฺท เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ ทิพฺเพน อายุนา ทิพฺเพน วณฺเณน สุเขน ยเสน อาธิปเตยฺเยน ทิพฺเพหิ รูเปหิ สทฺเทหิ คนฺเธหิ รเสหิ โผฏฺพฺเพหี’’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑).

เอเสว นโย ธมฺเม สงฺเฆ จ. อปิจ เวลามสุตฺตาทิวเสนาปิ (อ. นิ. ๙.๒๐ อาทโย) สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ สรณคมนผลํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท สาวชฺโช อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลกิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโสเภโท จ เวทิตพฺโพ.

อุปาสกํมํ ภวํ โคตโม ธาเรตูติ มํ ภวํ โคตโม ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ. อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ โก อุปาสโก, กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจติ, กิมสฺส สีลํ, โก อาชีโว, กา วิปตฺติ, กา สมฺปตฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ โก อุปาสโกติ โย โกจิ สรณคโต คหฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยโต โข, มหานาม, อุปาสโก พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อุปาสโก โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).

กสฺมาอุปาสโกติ. รตนตฺตยสฺส อุปาสนโต. โส หิ พุทฺธํ อุปาสตีติ อุปาสโก. ธมฺมํ, สงฺฆํ อุปาสตีติ อุปาสโกติ.

กิมสฺส สีลนฺติ. ปฺจ เวรมณิโย. ยถาห –

‘‘ยโต โข, มหานาม, อุปาสโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา, กาเมสุมิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อุปาสโก สีลวา โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).

โก อาชีโวติ. ปฺจ มิจฺฉาวณิชฺชา ปหาย ธมฺเมน สเมน ชีวิกกปฺปนํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ. สตฺถวณิชฺชา, สตฺตวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, มชฺชวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๗).

กา วิปตฺตีติ. ยา ตสฺเสว สีลสฺส จ อาชีวสฺส จ วิปตฺติ, อยมสฺส วิปตฺติ. อปิจ ยาย เอส จณฺฑาโล เจว โหติ มลฺจ ปติกุฏฺโ จ, สาปิ ตสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. เต จ อตฺถโต อสฺสทฺธิยาทโย ปฺจ ธมฺมา โหนฺติ. ยถาห –

‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ, ทุสฺสีโล โหติ, โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ โน กมฺมํ, อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสติ, ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).

กา สมฺปตฺตีติ. ยา จสฺส สีลสมฺปทา จ อาชีวสมฺปทา จ, สา สมฺปตฺติ. เย จสฺส รตนภาวาทิกรา สทฺธาทโย ปฺจ ธมฺมา. ยถาห –

‘‘ปฺจหิ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, น โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ โน มงฺคลํ, น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ, อิธ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).

อชฺชตคฺเคติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค สมฺม, โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑). อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔), อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. อิธ ปนายํ อาทิมฺหิ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวํ. อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ.

ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ, อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตุ. อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ คนฺตฺวา จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.

๑๗. สตฺตเม ชาณุสฺโสณีติ ชาณุสฺโสณิานนฺตรํ กิร นาเมกํ านนฺตรํ, ตํ เยน กุเลน ลทฺธํ, ตํ ชาณุสฺโสณิกุลนฺติ วุจฺจติ. อยํ ตสฺมึ กุเล ชาตตฺตา รฺโ สนฺติเก จ ลทฺธชาณุสฺโสณิสกฺการตฺตา ชาณุสฺโสณีติ วุจฺจติ. เตนุปสงฺกมีติ ‘‘สมโณ กิร โคตโม ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พหุสฺสุโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สเจ โส ลิงฺควิภตฺติการกาทิเภทํ ชานิสฺสติ, อมฺเหหิ าตเมว ชานิสฺสติ, อฺาตํ กึ ชานิสฺสติ. าตเมว กเถสฺสติ, อฺาตํ กึ กเถสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา มานทฺธชํ ปคฺคยฺห สิงฺคํ อุกฺขิปิตฺวา มหาปริวาเรหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. กตตฺตา จ, พฺราหฺมณ, อกตตฺตา จาติ สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ อิธ อาคจฺฉนฺโต น ชานิตุกาโม อตฺถคเวสี หุตฺวา อาคโต, มานํ ปน ปคฺคยฺห สิงฺคํ อุกฺขิปิตฺวา อาคโต. กึ นุ ขฺวสฺส ยถา ปฺหสฺส อตฺถํ ชานาติ, เอวํ กถิเต วฑฺฒิ ภวิสฺสติ, อุทาหุ ยถา น ชานาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ยถา น ชานาติ, เอวํ กถิเต วฑฺฒิ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘กตตฺตา จ, พฺราหฺมณ, อกตตฺตา จา’’ติ อาห.

พฺราหฺมโณ ตํ สุตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม กตตฺตาปิ อกตตฺตาปิ นิรเย นิพฺพตฺตึ วทติ, อิทํ อุภยการเณนาปิ เอกฏฺาเน นิพฺพตฺติยา กถิตตฺตา ทุชฺชานํ มหนฺธการํ, นตฺถิ มยฺหํ เอตฺถ ปติฏฺา. สเจ ปนาหํ เอตฺตเกเนว ตุณฺหี ภเวยฺยํ, พฺราหฺมณานํ มชฺเฌ กถนกาเลปิ มํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘ตฺวํ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ มานํ ปคฺคยฺห สิงฺคํ อุกฺขิปิตฺวา คโตสิ, เอกวจเนเนว ตุณฺหี หุตฺวา กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ, อิมสฺมึ าเน กสฺมา กเถสี’ติ. ตสฺมา ปราชิโตปิ อปราชิตสทิโส หุตฺวา ปุน สคฺคคมนปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โก นุ โข, โภ โคตมาติ อิมํ ทุติยปฺหํ อารภิ.

เอวมฺปิ ตสฺส อโหสิ – ‘‘อุปริปฺเหน เหฏฺาปฺหํ ชานิสฺสามิ, เหฏฺาปฺเหน อุปริปฺห’’นฺติ. ตสฺมาปิ อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ปุริมนเยเนว จินฺเตตฺวา ยถา น ชานาติ, เอวเมว กเถนฺโต ปุนปิ ‘‘กตตฺตา จ, พฺราหฺมณ, อกตตฺตา จา’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ตสฺมิมฺปิ ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อลํ, โภ, น อีทิสสฺส ปุริสสฺส สนฺติกํ อาคเตน อชานิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ, สกวาทํ ปหาย สมณํ โคตมํ อนุวตฺติตฺวา มยฺหํ อตฺถํ คเวสิสฺสามิ, ปรโลกมคฺคํ โสเธสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา สตฺถารํ อายาจนฺโต น โข อหนฺติอาทิมาห. อถสฺส นิหตมานตํ ตฺวา สตฺถา อุปริ เทสนํ วฑฺเฒนฺโต เตน หิ, พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺถ เตน หีติ การณนิทฺเทโส. ยสฺมา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส อตฺถํ อชานนฺโต วิตฺถารเทสนํ ยาจสิ, ตสฺมาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

๑๘. อฏฺเม อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ. อานนฺโทติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เอกํเสนาติ เอกนฺเตน. อนุวิจฺจาติ อนุปวิสิตฺวา. วิฺูติ ปณฺฑิตา. ครหนฺตีติ นินฺทนฺติ, อวณฺณํ ภาสนฺติ. เสสเมตฺถ นวเม จ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๐. ทสเม ทุนฺนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนนฺติ อุปฺปฏิปาฏิยา คหิตปาฬิปทเมว หิ อตฺถสฺส พฺยฺชนตฺตา พฺยฺชนนฺติ วุจฺจติ. อุภยเมตํ ปาฬิยาว นามํ. อตฺโถ จ ทุนฺนีโตติ ปริวตฺเตตฺวา อุปฺปฏิปาฏิยา คหิตา อฏฺกถา. ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ ทุนฺนโย โหตีติ ปริวตฺเตตฺวา อุปฺปฏิปาฏิยา คหิตาย ปาฬิยา อฏฺกถา นาม ทุนฺนยา ทุนฺนีหารา ทุกฺกถา นาม โหติ. เอกาทสเม วุตฺตปฏิปกฺขนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ.

อธิกรณวคฺโค ทุติโย.