📜
๒. รถการวคฺโค
๑. าตสุตฺตวณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ¶ ปเม าโตติ ปฺาโต ปากโฏ. อนนุโลมิเกติ สาสนสฺส น อนุโลเมตีติ อนนุโลมิกํ, ตสฺมึ อนนุโลมิเก. กายกมฺเมติ ปาณาติปาตาทิมฺหิ กายทุจฺจริเต. โอฬาริกํ วา เอตํ, น เอวรูเป สมาทเปตุํ สกฺโกติ. ทิสา นมสฺสิตุํ วฏฺฏติ, ภูตพลึ กาตุํ วฏฺฏตีติ เอวรูเป สมาทเปติ คณฺหาเปติ. วจีกมฺเมปิ มุสาวาทาทีนิ โอฬาริกานิ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส อทาตุกาเมน ‘‘นตฺถี’’ติ อยํ วฺจนมุสาวาโท นาม วตฺตุํ วฏฺฏตีติ เอวรูเป สมาทเปติ. มโนกมฺเมปิ อภิชฺฌาทโย โอฬาริกา, กมฺมฏฺานํ วิสํวาเทตฺวา กเถนฺโต ปน อนนุโลมิเกสุ ธมฺเมสุ สมาทเปติ นาม ทกฺขิณวิหารวาสิตฺเถโร วิย. ตํ กิร เถรํ เอโก อุปฏฺาโก อมจฺจปุตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เมตฺตายนฺเตน ปมํ กีทิเส ปุคฺคเล เมตฺตายิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. เถโร สภาควิสภาคํ อนาจิกฺขิตฺวา ‘‘ปิยปุคฺคเล’’ติ อาห. ตสฺส จ ภริยา ปิยา โหติ มนาปา, โส ตํ อารพฺภ เมตฺตายนฺโต อุมฺมาทํ ปาปุณิ. กถํ ปเนส พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหตีติ? เอวรูปสฺส หิ สทฺธิวิหาริกาทโย เจว อุปฏฺากาทโย จ เตสํ อารกฺขเทวตา อาทึ กตฺวา ตาสํ ตาสํ มิตฺตภูตา ยาว พฺรหฺมโลกา ¶ เสสเทวตา จ ‘‘อยํ ภิกฺขุ น อชานิตฺวา กริสฺสตี’’ติ ¶ เตน กตเมว กโรนฺติ, เอวเมส พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ.
สุกฺกปกฺเข ปาณาติปาตา เวรมณิอาทีนํเยว วเสน กายกมฺมวจีกมฺมานิ เวทิตพฺพานิ. กมฺมฏฺานํ ปน อวิสํวาเทตฺวา กเถนฺโต อนุโลมิเกสุ ธมฺเมสุ สมาทเปติ นาม โกฬิตวิหารวาสี จตุนิกายิกติสฺสตฺเถโร วิย. ตสฺส กิร เชฏฺภาตา นนฺทาภยตฺเถโร นาม โปตลิยวิหาเร วสนฺโต เอกสฺมึ โรเค สมุฏฺิเต กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, มยฺหํ สลฺลหุกํ กตฺวา เอกํ กมฺมฏฺานํ กเถหี’’ติ. กึ, ภนฺเต, อฺเน กมฺมฏฺาเนน, กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตีติ? กิมตฺถิโก เอส, อาวุโสติ? ภนฺเต, กพฬีการาหาโร อุปาทารูปํ, เอกสฺมิฺจ อุปาทารูเป ทิฏฺเ เตวีสติ อุปาทารูปานิ ปากฏานิ โหนฺตีติ ¶ . โส ‘‘วฏฺฏิสฺสติ, อาวุโส, เอตฺตก’’นฺติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อุปาทารูปํ สลฺลกฺเขตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ เถรํ พหิวิหารา อนิกฺขนฺตเมว ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘อาวุโส, มหาอวสฺสโยสิ มยฺหํ ชาโต’’ติ กนิฏฺตฺเถรสฺส อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจสิ. พหุชนหิตายาติ เอตสฺสปิ หิ สทฺธิวิหาริกาทโย ‘‘อยํ น อชานิตฺวา กริสฺสตี’’ติ เตน กตเมว กโรนฺตีติ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน นาม โหตีติ.
๒. สารณียสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย ขตฺติยสฺสาติ ชาติยา ขตฺติยสฺส. มุทฺธาวสิตฺตสฺสาติ ราชาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิตฺตสฺส. สารณียานิ ภวนฺตีติ สริตพฺพานิ อสมฺมุสฺสนียานิ โหนฺติ. ชาโตติ ¶ นิพฺพตฺโต. ยาวชีวํ สารณียนฺติ ทหรกาเล ชานิตุมฺปิ น สกฺกา, อปรภาเค ปน มาตาปิตุอาทีหิ าตเกหิ วา ทาสาทีหิ วา ‘‘ตฺวํ อสุกชนปเท อสุกนคเร อสุกทิวเส อสุกนกฺขตฺเต ชาโต’’ติ อาจิกฺขิเต สุตฺวา ตโต ปฏฺาย ยาวชีวํ สรติ น สมฺมุสฺสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยาวชีวํ สารณียํ โหตี’’ติ.
อิทํ ¶ , ภิกฺขเว, ทุติยนฺติ อภิเสกฏฺานํ นาม รฺโ พลวตุฏฺิกรํ โหติ, เตนสฺส ตํ ยาวชีวํ สารณียํ. สงฺคามวิชยฏฺาเนปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน สงฺคามนฺติ ยุทฺธํ. อภิวิชินิตฺวาติ ชินิตฺวา สตฺตุมทฺทนํ กตฺวา. ตเมว สงฺคามสีสนฺติ ตเมว สงฺคามฏฺานํ. อชฺฌาวสตีติ อภิภวิตฺวา อาวสติ.
อิทานิ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รฺโ ชาติฏฺานาทีหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, อิมสฺมึ ปน สาสเน ตปฺปฏิภาเค ตโย ปุคฺคเล ทสฺเสตุํ อิทํ การณํ อาภตํ, ตสฺมา เต ทสฺเสนฺโต เอวเมว โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหตีติ เอตฺถ จตุปาริสุทฺธิสีลมฺปิ ปพฺพชฺชานิสฺสิตเมวาติ เวทิตพฺพํ. สารณียํ โหตีติ ‘‘อหํ อสุกรฏฺเ อสุกชนปเท อสุกวิหาเร อสุกมาฬเก อสุกทิวาฏฺาเน อสุกจงฺกเม อสุกรุกฺขมูเล ปพฺพชิโต’’ติ เอวํ ยาวชีวํ สริตพฺพเมว โหติ น สมฺมุสฺสิตพฺพํ.
อิทํ ¶ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขํ อตฺถิ. อยํ ทุกฺขสมุทโยติ เอตฺตโก ทุกฺขสมุทโย, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขสมุทโย อตฺถีติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. เอวเมตฺถ จตูหิ สจฺเจหิ โสตาปตฺติมคฺโค กถิโต. กสิณปริกมฺมวิปสฺสนาาณานิ ปน มคฺคสนฺนิสฺสิตาเนว โหนฺติ. สารณียํ ¶ โหตีติ ‘‘อหํ อสุกรฏฺเ…เป… อสุกรุกฺขมูเล โสตาปนฺโน ชาโต’’ติ ยาวชีวํ สารณียํ โหติ อสมฺมุสฺสนียํ.
อาสวานํ ขยาติ อาสวานํ ขเยน. เจโตวิมุตฺตินฺติ ผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ ผลปฺํ. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาว อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ปฏิลภิตฺวา วิหรติ. สารณียนฺติ ‘‘มยา อสุกรฏฺเ…เป… อสุกรุกฺขมูเล อรหตฺตํ ปตฺต’’นฺติ อตฺตโน อรหตฺตปตฺติฏฺานํ นาม ยาวชีวํ สารณียํ โหติ อสมฺมุสฺสนียนฺติ ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสิ.
๓. อาสํสสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย สนฺโตติ อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. สํวิชฺชมานาติ ตสฺเสว เววจนํ. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. นิราโสติ อนาโส อปตฺถโน. อาสํโสติ ¶ อาสํสมาโน ปตฺถยมาโน. วิคตาโสติ อปคตาโส. จณฺฑาลกุเลติ จณฺฑาลานํ กุเล. เวนกุเลติ วิลีวการกุเล. เนสาทกุเลติ มิคลุทฺทกานํ กุเล. รถการกุเลติ จมฺมการกุเล. ปุกฺกุสกุเลติ ปุปฺผจฺฉฑฺฑกกุเล.
เอตฺตาวตา กุลวิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา นีจกุเล ชาโตปิ เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน, อยํ ปน น ตาทิโส, ตสฺมาสฺส โภควิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ทลิทฺเทติอาทิมาห. ตตฺถ ทลิทฺเทติ ทาลิทฺทิเยน สมนฺนาคเต. อปฺปนฺนปานโภชเนติ ปริตฺตกอนฺนปานโภชเน. กสิรวุตฺติเกติ ¶ ทุกฺขชีวิเก, ยตฺถ วายาเมน ปโยเคน ชีวิตวุตฺตึ สาเธนฺติ, ตถารูเปติ อตฺโถ. ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภตีติ ยสฺมึ กุเล ทุกฺเขน ยาคุภตฺตฆาโส จ โกปีนมตฺตํ อจฺฉาทนฺจ ลพฺภติ.
อิทานิ ยสฺมา เอกจฺโจ นีจกุเล ชาโตปิ อุปธิสมฺปนฺโน โหติ อตฺตภาวสมิทฺธิยํ ิโต ¶ , อยฺจ น ตาทิโส, ตสฺมาสฺส สรีรวิปตฺติมฺปิ ทสฺเสตุํ โส จ โหติ ทุพฺพณฺโณติอาทิมาห. ตตฺถ ทุพฺพณฺโณติ ปํสุปิสาจโก วิย ฌามขาณุวณฺโณ. ทุทฺทสิโกติ วิชาตมาตุยาปิ อมนาปทสฺสโน. โอโกฏิมโกติ ลกุณฺฑโก. กาโณติ เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา. กุณีติ เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วา. ขฺโชติ เอกปาทขฺโช วา อุภยปาทขฺโช วา. ปกฺขหโตติ หตปกฺโข ปีสปฺปี. ปทีเปยฺยสฺสาติ วฏฺฏิเตลกปลฺลกาทิโน ปทีปอุปกรณสฺส. ตสฺส น เอวํ โหตีติ. กสฺมา น โหติ? นีจกุเล ชาตตฺตา.
เชฏฺโติ อฺสฺมึ เชฏฺเ สติ กนิฏฺโ อาสํ น กโรติ, ตสฺมา เชฏฺโติ อาห. อาภิเสโกติ เชฏฺโปิ น อภิเสการโห อาสํ น กโรติ, ตสฺมา อาภิเสโกติ อาห. อนภิสิตฺโตติ อภิเสการโหปิ กาณกุณิอาทิโทสรหิโต สกึ อภิสิตฺโต ปุน อภิเสเก อาสํ น กโรติ, ตสฺมา อนภิสิตฺโตติ อาห ¶ . อจลปฺปตฺโตติ เชฏฺโปิ อาภิเสโก อนภิสิตฺโต มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก, โสปิ อภิเสเก อาสํ น กโรติ. โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ปน ปฺายมานมสฺสุเภโท อจลปฺปตฺโต นาม ¶ โหติ, มหนฺตมฺปิ รชฺชํ วิจาเรตุํ สมตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อจลปฺปตฺโต’’ติ อาห. ตสฺส เอวํ โหตีติ กสฺมา โหติ? มหาชาติตาย.
ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโล. ปาปธมฺโมติ ลามกธมฺโม. อสุจีติ อสุจีหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคโต. สงฺกสฺสรสมาจาโรติ สงฺกาหิ สริตพฺพสมาจาโร, กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียสมาจาโร, อตฺตนาเยว วา สงฺกาหิ สริตพฺพสมาจาโร, สาสงฺกสมาจาโรติ อตฺโถ. ตสฺส หิ ทิวาฏฺานาทีสุ สนฺนิปติตฺวา กิฺจิเทว มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อิเม เอกโต หุตฺวา มนฺเตนฺติ, กจฺจิ นุ โข มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ เอวํ สาสงฺกสมาจาโร โหติ. ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโตติ ปฏิจฺฉาเทตพฺพยุตฺตเกน ปาปกมฺเมน สมนฺนาคโต. อสฺสมโณ สมณปฏิฺโติ อสฺสมโณ หุตฺวาว สมณปติรูปกตาย ‘‘สมโณ อห’’นฺติ เอวํ ปฏิฺโ. อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิฺโติ อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต สุมฺภกปตฺตธเร คามนิคมราชธานีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ตถา ปฏิปชฺชนโต ‘‘อหํ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหติ. ‘‘อหํ ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อุโปสถคฺคาทีนิ ปวิสนฺโต ปน พฺรหฺมจาริปฏิฺโ โหติเยว, ตถา สงฺฆิกํ ลาภํ คณฺหนฺโต. อนฺโตปูตีติ ปูตินา กมฺเมน อนฺโต ¶ อนุปวิฏฺโ. อวสฺสุโตติ ราคาทีหิ ตินฺโต. กสมฺพุชาโตติ สฺชาตราคาทิกจวโร. ตสฺส น เอวํ โหตีติ. กสฺมา น โหติ? โลกุตฺตรธมฺมอุปนิสฺสยสฺส นตฺถิตาย. ตสฺส ¶ เอวํ โหตีติ. กสฺมา โหติ? มหาสีลสฺมึ ปริปูรการิตาย.
๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รฺเชตีติ ราชา. จกฺกํ วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. วตฺติตํ วา อเนน จกฺกนฺติ จกฺกวตฺตี. ธมฺโม อสฺส ¶ อตฺถีติ ธมฺมิโก. ธมฺเมเนว ทสวิเธน จกฺกวตฺติวตฺเตน ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. โสปิ น อราชกนฺติ โสปิ อฺํ นิสฺสยราชานํ อลภิตฺวา จกฺกํ นาม วตฺเตตุํ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. อิติ สตฺถา เทสนํ ปฏฺเปตฺวา ยถานุสนฺธึ อปาเปตฺวาว ตุณฺหี อโหสิ. กสฺมา? อนุสนฺธิกุสลา อุฏฺหิตฺวา อนุสนฺธึ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, พหู หิ อิมสฺมึ าเน ตถารูปา ภิกฺขู, อถาหํ เตหิ ปุฏฺโ เทสนํ วฑฺเฒสฺสามีติ. อเถโก อนุสนฺธิกุสโล ภิกฺขุ ภควนฺตํ ปุจฺฉนฺโต โก ปน, ภนฺเตติอาทิมาห. ภควาปิสฺส พฺยากโรนฺโต ธมฺโม ภิกฺขูติอาทิมาห.
ตตฺถ ธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม. ธมฺมนฺติ ตเมว วุตฺตปฺปการํ ธมฺมํ. นิสฺสายาติ ตทธิฏฺาเนน เจตสา ตเมว นิสฺสยํ กตฺวา. ธมฺมํ สกฺกโรนฺโตติ ยถา กโต โส ธมฺโม สุฏฺุ กโต โหติ, เอวเมตํ กโรนฺโต. ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโตติ ตสฺมึ คารวุปฺปตฺติยา ตํ ครุกโรนฺโต. ธมฺมํ อปจายมาโนติ ตสฺเสว ธมฺมสฺส อฺชลิกรณาทีหิ นีจวุตฺติตํ กโรนฺโต. ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตูติ ตํ ธมฺมํ ธชมิว ปุรกฺขตฺวา เกตุมิว อุกฺขิปิตฺวา ปวตฺติยา ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ จ หุตฺวาติ อตฺโถ. ธมฺมาธิปเตยฺโยติ ธมฺมาธิปติภูตาคตภาเวน ธมฺมวเสเนว จ สพฺพกิริยานํ กรเณน ธมฺมาธิปเตยฺโย หุตฺวา. ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหตีติ ธมฺโม อสฺสา ¶ อตฺถีติ ธมฺมิกา, รกฺขา จ อาวรณฺจ คุตฺติ จ รกฺขาวรณคุตฺติ. ตตฺถ ‘‘ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขตี’’ติ วจนโต ขนฺติอาทโย รกฺขา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ. ขนฺติยา อวิหึสาย เมตฺตจิตฺตตาย อนุทฺทยายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๕). นิวาสนปารุปนเคหาทีนิ อาวรณํ. โจราทิอุปทฺทวนิวารณตฺถํ โคปายนา คุตฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ สุฏฺุ วิทหติ ปวตฺเตติ เปตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ¶ ยตฺถ สา สํวิทหิตพฺพา, ตํ ทสฺเสนฺโต อนฺโตชนสฺมินฺติอาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – อนฺโตชนสงฺขาตํ ปุตฺตทารํ สีลสํวเร ปติฏฺาเปนฺโต วตฺถคนฺธมาลาทีนิ จสฺส ททมาโน สพฺโพปทฺทเว จสฺส นิวารยมาโน ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ นาม. ขตฺติยาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – อภิสิตฺตขตฺติยา ภทฺรอสฺสาชานียาทิรตนสมฺปทาเนนปิ ¶ อุปคณฺหิตพฺพา, อนุยนฺตา ขตฺติยา เตสํ อนุรูปยานวาหนสมฺปทาเนนปิ ปริโตเสตพฺพา, พลกาโย กาลํ อนติกฺกเมตฺวา ภตฺตเวตนสมฺปทาเนนปิ อนุคฺคเหตพฺโพ, พฺราหฺมณา อนฺนปานวตฺถาทินา เทยฺยธมฺเมน, คหปติกา ภตฺตพีชนงฺคลพลิพทฺทาทิสมฺปทาเนน, ตถา นิคมวาสิโน เนคมา ชนปทวาสิโน จ ชานปทา. สมิตปาปพาหิตปาปา ปน สมณพฺราหฺมณา สมณปริกฺขารสมฺปทาเนน สกฺกาตพฺพา, มิคปกฺขิโน อภยทาเนน สมสฺสาเสตพฺพา.
ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตตีติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเมเนว จกฺกํ ปวตฺเตติ. ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยนฺติ ตํ เตน เอวํ ปวตฺติตํ อาณาจกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ โหติ. เกนจิ ¶ มนุสฺสภูเตนาติ เทวตา นาม อตฺตนา อิจฺฉิติจฺฉิตเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตา อคฺคณฺหิตฺวา ‘‘มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจตฺถิเกนาติ ปฏิอตฺถิเกน, ปฏิสตฺตุนาติ อตฺโถ. ธมฺมิโกติ จกฺกวตฺตี ทสกุสลกมฺมปถวเสน ธมฺมิโก, ตถาคโต ปน นวโลกุตฺตรธมฺมวเสน. ธมฺมราชาติ นวหิ โลกุตฺตรธมฺเมหิ มหาชนํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ธมฺมํเยวาติ นวโลกุตฺตรธมฺมเมว นิสฺสาย ตเมว สกฺกโรนฺโต ตํ ครุกโรนฺโต ตํ อปจายมาโน. โสวสฺส ธมฺโม อพฺภุคฺคตฏฺเน ธโชติ ธมฺมทฺธโช. โสวสฺส เกตูติ ธมฺมเกตุ. ตเมว อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา วิหรตีติ ธมฺมาธิปเตยฺโย. ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตินฺติ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมทายิกรกฺขฺจ อาวรณฺจ คุตฺติฺจ. สํวิทหตีติ เปติ ปฺเปติ. เอวรูปนฺติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ น เสวิตพฺพํ, สุจริตํ เสวิตพฺพนฺติ เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สํวิทหิตฺวาติ เปตฺวา กเถตฺวา. ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตีติ นวโลกุตฺตรธมฺเมเนว อสทิสํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยนฺติ ตํ เอวํ ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ เอเตสุ สมณาทีสุ เอเกนปิ ปฏิวตฺเตตุํ ปฏิพาหิตุํ น สกฺกา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
๕. สเจตนสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม อิสิปตเนติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสงฺขาตานํ อิสีนํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนตฺถาย เจว อุโปสถกรณตฺถาย ¶ จ อาคนฺตฺวา ปตเน, สนฺนิปาตฏฺาเนติ อตฺโถ. ปทเนติปิ ปาโ, อยเมว อตฺโถ. มิคทาเยติ ¶ มิคานํ อภยตฺถาย ทินฺเน. ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหีติ โส กิร รฺา อาณตฺตทิวเสเยว ¶ สพฺพูปกรณานิ สชฺเชตฺวา อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ อรฺํ ปวิสิตฺวา คามทฺวารคามมชฺฌเทวกุลสุสานาทีสุ ิตรุกฺเข เจว ฌามปติตสุกฺขรุกฺเข จ วิวชฺเชตฺวา สมฺปนฺนปเทเส ิเต สพฺพโทสวิวชฺชิเต นาภิอรเนมีนํ อนุรูเป รุกฺเข คเหตฺวา ตํ จกฺกํ อกาสิ. ตสฺส รุกฺเข วิจินิตฺวา คณฺหนฺตสฺส เจว กโรนฺตสฺส จ เอตฺตโก กาโล วีติวตฺโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหี’’ติ. นานากรณนฺติ นานตฺตํ. เนสนฺติ น เอสํ. อตฺเถสนฺติ อตฺถิ เอสํ. อภิสงฺขารสฺส คตีติ ปโยคสฺส คมนํ. จิงฺคุลายิตฺวาติ ปริพฺภมิตฺวา. อกฺขาหตํ มฺเติ อกฺเข ปเวเสตฺวา ปิตมิว.
สโทสาติ สคณฺฑา อุณฺณโตณตฏฺานยุตฺตา. สกสาวาติ ปูติสาเรน เจว เผคฺคุนา จ ยุตฺตา. กายวงฺกาติอาทีนิ กายทุจฺจริตาทีนํ นามานิ. เอวํ ปปติตาติ เอวํ คุณปตเนน ปติตา. เอวํ ปติฏฺิตาติ เอวํ คุเณหิ ปติฏฺิตา. ตตฺถ โลกิยมหาชนา ปปติตา นาม, โสตาปนฺนาทโย ปติฏฺิตา นาม. เตสุปิ ปุริมา ตโย กิเลสานํ สมุทาจารกฺขเณ ปปติตา นาม, ขีณาสวา ปน เอกนฺเตเนว ปติฏฺิตา นาม. ตสฺมาติ ยสฺมา อปฺปหีนกายวงฺกาทโย ปปตนฺติ, ปหีนกายวงฺกาทโย ปติฏฺหนฺติ, ตสฺมา. กายวงฺกาทีนํ ปน เอวํ ปหานํ เวทิตพฺพํ – ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ มิจฺฉาจาโร มุสาวาโท ปิสุณาวาจา มิจฺฉาทิฏฺีติ อิเม ตาว ฉ โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺติ, ผรุสาวาจา พฺยาปาโทติ ทฺเว อนาคามิมคฺเคน, อภิชฺฌา สมฺผปฺปลาโปติ ทฺเว อรหตฺตมคฺเคนาติ.
๖. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ อปณฺณกปฏิปทนฺติ อวิรทฺธปฏิปทํ เอกํสปฏิปทํ นิยฺยานิกปฏิปทํ การณปฏิปทํ สารปฏิปทํ มณฺฑปฏิปทํ อปจฺจนีกปฏิปทํ อนุโลมปฏิปทํ ¶ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ, น ตกฺกคฺคาเหน วา นยคฺคาเหน วา. เอวํ คเหตฺวา ปฏิปนฺโน หิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา มนุสฺสเทวนิพฺพานสมฺปตฺตีหิ หายติ ปริหายติ, อปณฺณกปฏิปทํ ¶ ปฏิปนฺโน ปน ตาหิ สมฺปตฺตีหิ น ปริหายติ. อตีเต กนฺตารทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺเนสุ ทฺวีสุ สตฺถวาเหสุ ยกฺขสฺส วจนํ คเหตฺวา พาลสตฺถวาโห สทฺธึ สตฺเถน ¶ อนยพฺยสนํ ปตฺโต, ยกฺขสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อุทกทิฏฺฏฺาเน อุทกํ ฉฑฺเฑสฺสามา’’ติ สตฺถเก สฺาเปตฺวา มคฺคํ ปฏิปนฺโน ปณฺฑิตสตฺถวาโห วิย. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อปณฺณกํ านเมเก, ทุติยํ อาหุ ตกฺกิกา;
เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑);
โยนิ จสฺส อารทฺธา โหตีติ เอตฺถ โยนีติ ขนฺธโกฏฺาสสฺสปิ การณสฺสปิ ปสฺสาวมคฺคสฺสปิ นามํ. ‘‘จตสฺโส โข อิมา, สาริปุตฺต, โยนิโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๒) หิ ขนฺธโกฏฺาโส โยนิ นาม. ‘‘โยนิ เหสา ภูมิช ผลสฺส อธิคมายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๒๖) การณํ. ‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภว’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖) จ ‘‘ตเมนํ กมฺมชวาตา นิวตฺติตฺวา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ สมฺปริวตฺเตตฺวา มาตุ โยนิมุเข สมฺปฏิปาเทนฺตี’’ติ จ อาทีสุ ปสฺสาวมคฺโค. อิธ ปน การณํ อธิปฺเปตํ. อารทฺธาติ ปคฺคหิตา ปริปุณฺณา.
อาสวานํ ขยายาติ เอตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปิ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภุ, โอกาสโต ยาว ภวคฺคา สวนฺตีติ ¶ วา อาสวา, เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโตกริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อนฺโตกรณตฺโถ หิ อยํ อากาโร. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทโย อาสวา, อาสวา วิยาติปิ อาสวา. โลกสฺมิมฺปิ หิ จิรปาริวาสิกา มทิราทโย อาสวาติ วุจฺจนฺติ, ยทิ จ จิรปาริวาสิยฏฺเน อาสวา, เอเตเยว ภวิตุมรหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ อาสวา. ปุริมานิ เจตฺถ นิพฺพจนานิ ยตฺถ กิเลสา อาสวาติ อาคจฺฉนฺติ, ตตฺถ ยุชฺชนฺติ, ปจฺฉิมํ กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสาเยว อาสวา, อปิจ โข นานปฺปการา อุปทฺทวาปิ. สุตฺเตสุ หิ ‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ ¶ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –
เอตฺถ เตภูมกํ จ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙; อ. นิ. ๒.๒๐๒-๒๓๐) เอตฺถ ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา.
เต ปเนเต อาสวา ยตฺถ ยถา อาคตา, ตตฺถ ตถา เวทิตพฺพา. เอเต หิ วินเย ตาว ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙; อ. นิ. ๒.๒๐๒-๒๓๐) ทฺเวธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโย เม, อาวุโส, อาสวา กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๒๑) ติธา อาคตา. อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ (จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๖๙; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๗) อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๑๐๒-๑๑๐๖; วิภ. ๙๓๗) จ เตเยว ทิฏฺาสเวน สห จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเยน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคามินิยา ¶ , อตฺถิ อาสวา ติรจฺฉานโยนิคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เปตฺติวิสยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา มนุสฺสโลกคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เทวโลกคามินิยา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา อาคตา. กมฺมเมว เจตฺถ อาสวาติ วุตฺตํ. ฉกฺกนิปาเต ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวราปหาตพฺพา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ฉธา อาคตา. สพฺพาสวปริยาเย (ม. นิ. ๑.๑๔ อาทโย) เตเยว ทสฺสเนน ปหาตพฺเพหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตา. อิธ ปน อภิธมฺมนเยน จตฺตาโร อาสวา อธิปฺเปตาติ เวทิตพฺพา.
ขยายาติ เอตฺถ ปน อาสวานํ สรสเภโทปิ ขีณากาโรปิ มคฺคผลนิพฺพานานิปิ ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุจฺจติ. ‘‘โย อาสวานํ ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ เอตฺถ หิ อาสวานํ สรสเภโท ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต ¶ อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๒.๒๓; อิติวุ. ๑๐๒) เอตฺถ ¶ อาสวปฺปหานํ อาสวานํ อจฺจนฺตกฺขโย อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโว ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต.
‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –
เอตฺถ มคฺโค ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) เอตฺถ ผลํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓) –
เอตฺถ นิพฺพานํ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต ผลํ สนฺธาย ‘‘อาสวานํ ขยายา’’ติ อาห, อรหตฺตผลตฺถายาติ อตฺโถ.
อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโรติ มนจฺฉฏฺเสุ อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวาโร. โภชเน มตฺตฺูติ โภชนสฺมึ ปมาณฺู, ปฏิคฺคหณปริโภคปจฺจเวกฺขณมตฺตํ ชานาติ ปชานาตีติ อตฺโถ. ชาคริยํ ¶ อนุยุตฺโตติ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ ชาครณภาวํ อนุยุตฺโต, ชาครเณเยว ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ อตฺโถ.
เอวํ มาติกํ เปตฺวา อิทานิ ตเมว ปิตปฏิปาฏิยา วิภชนฺโต กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูติอาทิมาห. ตตฺถ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติอาทีนํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๕) วิตฺถาริโต, ตถา ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ เนว ทวายาติอาทีนํ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘). อาวรณีเยหิ ธมฺเมหีติ ปฺจหิ นีวรเณหิ ธมฺเมหิ. นีวรณานิ หิ จิตฺตํ อาวริตฺวา ติฏฺนฺติ, ตสฺมา อาวรณียา ธมฺมาติ วุจฺจนฺติ. สีหเสยฺยํ กปฺเปตีติ สีโห วิย เสยฺยํ กปฺเปติ. ปาเท ปาทํ อจฺจาธายาติ วามปาทํ ทกฺขิณปาเท อติอาธาย. สมํ ปิเต หิ ปาเท ชาณุเกน ชาณุกํ โคปฺผเกน จ โคปฺผกํ ฆฏียติ, ตโต เวทนา อุฏฺหนฺติ. ตสฺมา ¶ ตสฺส โทสสฺส ปริวชฺชนตฺถํ โถกํ อติกฺกมิตฺวา เอส ปาทํ เปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปาเท ปาทํ อจฺจาธายา’’ติ.
สโต ¶ สมฺปชาโนติ สติยา เจว สมฺปชฺเน จ สมนฺนาคโต. กถํ ปเนส นิทฺทายนฺโต สโต สมฺปชาโน นาม โหตีติ? ปุริมปฺปวตฺติวเสน. อยํ หิ จงฺกเม จงฺกมนฺโต นิทฺทาย โอกฺกมนภาวํ ตฺวา ปวตฺตมานํ กมฺมฏฺานํ เปตฺวา มฺเจ วา ผลเก วา นิปนฺโน นิทฺทํ อุปคนฺตฺวา ปุน ปพุชฺฌมาโน กมฺมฏฺานํ ิตฏฺาเน คณฺหนฺโตเยว ปพุชฺฌติ. ตสฺมา นิทฺทายนฺโตปิ สโต สมฺปชาโน นาม โหติ. อยํ ตาว มูลกมฺมฏฺาเน นโยว. ปริคฺคหกมฺมฏฺานวเสนาปิ ปเนส สโต สมฺปชาโน นาม โหติ. กถํ? อยํ หิ จงฺกมนฺโต นิทฺทาย โอกฺกมนภาวํ ตฺวา ปาสาณผลเก วา มฺเจ วา ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปชฺชิตฺวา ปจฺจเวกฺขติ – ‘‘อเจตโน กาโย อเจตเน ¶ มฺเจ ปติฏฺิโต, อเจตโน มฺโจ อเจตนาย ปถวิยา, อเจตนา ปถวี อเจตเน อุทเก, อเจตนํ อุทกํ อเจตเน วาเต, อเจตโน วาโต อเจตเน อากาเส ปติฏฺิโต. ตตฺถ อากาสมฺปิ ‘อหํ วาตํ อุกฺขิปิตฺวา ิต’นฺติ น ชานาติ, วาโตปิ ‘อหํ อากาเส ปติฏฺิโต’ติ น ชานาติ. ตถา วาโต น ชานาติ. ‘อหํ อุทกํ อุกฺขิปิตฺวา ิโต’ติ…เป… มฺโจ น ชานาติ, ‘อหํ กายํ อุกฺขิปิตฺวา ิโต’ติ, กาโย น ชานาติ ‘อหํ มฺเจ ปติฏฺิโต’ติ. น หิ เตสํ อฺมฺํ อาโภโค วา สมนฺนาหาโร วา มนสิกาโร วา เจตนา วา ปตฺถนา วา อตฺถี’’ติ. ตสฺส เอวํ ปจฺจเวกฺขโต ตํ ปจฺจเวกฺขณจิตฺตํ ภวงฺเค โอตรติ. เอวํ นิทฺทายนฺโตปิ สโต สมฺปชาโน นาม โหตีติ.
อุฏฺานสฺํ มนสิกริตฺวาติ ‘‘เอตฺตกํ านํ คเต จนฺเท วา ตารกาย วา อุฏฺหิสฺสามี’’ติ อุฏฺานกาลปริจฺเฉทิกํ สฺํ มนสิกริตฺวา, จิตฺเต เปตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ กริตฺวา สยิโต หิ ยถาปริจฺฉินฺเนเยว กาเล อุฏฺหติ.
๗. อตฺตพฺยาพาธสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม อตฺตพฺยาพาธายาติ อตฺตทุกฺขาย. ปรพฺยาพาธายาติ ปรทุกฺขาย. กายสุจริตนฺติอาทีนิ ปุพฺพภาเค ทสกุสลกมฺมปถวเสน อาคตานิ, อุปริ ปน ยาว อรหตฺตา อวาริตาเนว.
๘. เทวโลกสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม ¶ ¶ อฏฺฏีเยยฺยาถาติ อฏฺฏา ปีฬิตา ภเวยฺยาถ. หราเยยฺยาถาติ ลชฺเชยฺยาถ. ชิคุจฺเฉยฺยาถาติ คูเถ วิย ตสฺมึ วจเน สฺชาตชิคุจฺฉา ภเวยฺยาถ. อิติ กิราติ เอตฺถ อิตีติ ปทสนฺธิพฺยฺชนสิลิฏฺตา, กิราติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. ทิพฺเพน กิร อายุนา อฏฺฏียถาติ เอวมสฺส สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปเคว โข ปนาติ ปมตรํเยว.
๙. ปมปาปณิกสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ปาปณิโกติ อาปณิโก, อาปณํ อุคฺฆาเฏตฺวา ภณฺฑวิกฺกายกสฺส วาณิชสฺเสตํ อธิวจนํ. อภพฺโพติ อภาชนภูโต. น ¶ สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาตีติ ยถา อธิฏฺิตํ สุอธิฏฺิตํ โหติ, เอวํ สยํ อตฺตปจฺจกฺขํ กโรนฺโต นาธิฏฺาติ. ตตฺถ ปจฺจูสกาเล ปทสทฺเทน อุฏฺาย ทีปํ ชาเลตฺวา ภณฺฑํ ปสาเรตฺวา อนิสีทนฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ นาม. อยํ หิ ยํ โจรา รตฺตึ ภณฺฑํ หริตฺวา ‘‘อิทํ อมฺหากํ หตฺถโต วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ อาปณํ คนฺตฺวา อปฺเปน อคฺเฆน เทนฺติ, ยมฺปิ พหุเวริโน มนุสฺสา รตฺตึ นคเร วสิตฺวา ปาโตว อาปณํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ คณฺหนฺติ, ยํ วา ปน ชนปทํ คนฺตุกามา มนุสฺสา ปาโตว อาปณํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ กิณนฺติ, ตปฺปจฺจยสฺส ลาภสฺส อสฺสามิโก โหติ.
อฺเสํ โภชนเวลาย ปน ภฺุชิตุํ อาคนฺตฺวา ปาโตว ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา ภฺุชิตฺวา นิทฺทายิตฺวา สายํ ปุน อาปณํ อาคจฺฉนฺโต มชฺฌนฺหิกสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ นาม. โส หิ ยํ โจรา ปาโตว วิสฺสชฺเชตุํ น สมฺปาปุณึสุ, ทิวากาเล ปน ปเรสํ อสฺจารกฺขเณ อาปณํ คนฺตฺวา อปฺปคฺเฆน เทนฺติ, ยฺจ โภชนเวลาย ปฺุวนฺโต อิสฺสรา ‘‘อาปณโต อิทฺจิทฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปหิณิตฺวา อาหราเปนฺติ, ตปฺปจฺจยสฺส ลาภสฺส อสฺสามิโก โหติ.
ยาว ยามเภรินิกฺขมนา ปน อนฺโตอาปเณ ทีปํ ชาลาเปตฺวา อนิสีทนฺโต สายนฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ นาม. โส หิ ยํ ¶ โจรา ปาโตปิ ทิวาปิ วิสฺสชฺเชตุํ น สมฺปาปุณึสุ ¶ , สายํ ปน อาปณํ คนฺตฺวา อปฺปคฺเฆน เทนฺติ, ตปฺปจฺจยสฺส ลาภสฺส อสฺสามิโก โหติ.
น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาตีติ สกฺกจฺจกิริยาย สมาธึ น สมาปชฺชติ. เอตฺถ จ ปาโตว เจติยงฺคณโพธิยงฺคเณสุ วตฺตํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา อนิสีทนฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ นาม. ปจฺฉาภตฺตํ ปน ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต รตฺติฏฺานทิวาฏฺานํ ¶ ปวิสิตฺวา ยาว สายนฺหสมยา สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา อนิสีทนฺโต มชฺฌนฺหิกสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ นาม. สายํ ปน เจติยํ วนฺทิตฺวา เถรูปฏฺานํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ปมยามํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อนิสีทนฺโต สายนฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ นาม. สุกฺกปกฺโข วุตฺตปฏิปกฺขนเยเนว เวทิตพฺโพ. อปิเจตฺถ ‘‘สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา’’ติ วุตฺตฏฺาเน สมาปตฺติยา อสติ วิปสฺสนาปิ วฏฺฏติ, สมาธินิมิตฺตนฺติ จ สมาธิอารมฺมณมฺปิ วฏฺฏติเยว. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘สมาธิปิ สมาธินิมิตฺตํ, สมาธารมฺมณมฺปิ สมาธินิมิตฺต’’นฺติ.
๑๐. ทุติยปาปณิกสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม จกฺขุมาติ ปฺาจกฺขุนา จกฺขุมา โหติ. วิธุโรติ วิสิฏฺธุโร อุตฺตมธุโร าณสมฺปยุตฺเตน วีริเยน สมนฺนาคโต. นิสฺสยสมฺปนฺโนติ อวสฺสยสมฺปนฺโน ปติฏฺานสมฺปนฺโน. ปณิยนฺติ วิกฺกายิกภณฺฑํ. เอตฺตกํ มูลํ ภวิสฺสติ เอตฺตโก อุทโยติ ตสฺมึ ‘‘เอวํ กีตํ เอวํ วิกฺกายมาน’’นฺติ วุตฺตปณิเย เยน กเยน ตํ กีตํ, ตํ กยสงฺขาตํ มูลํ เอตฺตกํ ภวิสฺสติ. โย จ ตสฺมึ วิกฺกยมาเน วิกฺกโย, ตสฺมึ วิกฺกเย เอตฺตโก อุทโย ภวิสฺสติ, เอตฺติกา วฑฺฒีติ อตฺโถ.
กุสโล โหติ ปณิยํ เกตฺุจ วิกฺเกตฺุจาติ สุลภฏฺานํ คนฺตฺวา กิณนฺโต ทุลฺลภฏฺานํ คนฺตฺวา วิกฺกิณนฺโต จ เอตฺถ กุสโล นาม โหติ, ทสคุณมฺปิ วีสติคุณมฺปิ ลาภํ ลภติ.
อฑฺฒาติ ¶ อิสฺสรา พหุนา นิกฺขิตฺตธเนน สมนฺนาคตา. มหทฺธนาติ วฬฺชนกวเสน มหทฺธนา ¶ . มหาโภคาติ ¶ อุปโภคปริโภคภณฺเฑน มหาโภคา. ปฏิพโลติ กายพเลน เจว าณพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา สมตฺโถ. อมฺหากฺจ กาเลน กาลํ อนุปฺปทาตุนฺติ อมฺหากฺจ คหิตธนมูลิกํ วฑฺฒึ กาเลน กาลํ อนุปฺปทาตุํ. นิปตนฺตีติ นิมนฺเตนฺติ. นิปาเตนฺตีติปิ ปาโ, อยเมว อตฺโถ.
กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทายาติ กุสลธมฺมานํ สมฺปาทนตฺถาย ปฏิลาภตฺถาย. ถามวาติ าณถาเมน สมนฺนาคโต. ทฬฺหปรกฺกโมติ ถิเรน าณปรกฺกเมน สมนฺนาคโต. อนิกฺขิตฺตธุโรติ ‘‘อคฺคมคฺคํ อปาปุณิตฺวา อิมํ วีริยธุรํ น เปสฺสามี’’ติ เอวํ อฏฺปิตธุโร.
พหุสฺสุตาติ เอกนิกายาทิวเสน พหุ พุทฺธวจนํ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตา. อาคตาคมาติ เอโก นิกาโย เอโก อาคโม นาม, ทฺเว นิกายา ทฺเว อาคมา นาม, ปฺจ นิกายา ปฺจ อาคมา นาม, เอเตสุ อาคเมสุ เยสํ เอโกปิ อาคโม อาคโต ปคุโณ ปวตฺติโต, เต อาคตาคมา นาม. ธมฺมธราติ สุตฺตนฺตปิฏกธรา. วินยธราติ วินยปิฏกธรา. มาติกาธราติ ทฺเวมาติกาธรา. ปริปุจฺฉตีติ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ ปุจฺฉติ. ปริปฺหตีติ ‘‘อิมํ นาม ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อฺาติ ตุเลติ ปริคฺคณฺหาติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
อิมสฺมึ ¶ ปน สุตฺเต ปมํ ปฺา อาคตา, ปจฺฉา วีริยฺจ กลฺยาณมิตฺตเสวนา จ. ตตฺถ ปมํ อรหตฺตํ ปตฺวา ปจฺฉา วีริยํ กตฺวา กลฺยาณมิตฺตา เสวิตพฺพาติ น เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, เทสนาย นาม เหฏฺิเมน วา ปริจฺเฉโท โหติ อุปริเมน วา ทฺวีหิปิ วา โกฏีหิ. อิธ ปน อุปริเมน ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ตสฺมา กเถนฺเตน ปมํ กลฺยาณมิตฺตอุปนิสฺสยํ ทสฺเสตฺวา มชฺเฌ วีริยํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อรหตฺตํ กเถตพฺพนฺติ.
รถการวคฺโค ทุติโย.