📜
(๒๕) ๕. อาปตฺติภยวคฺโค
๑. สงฺฆเภทกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๓. ปฺจมสฺส ¶ ปเม อปิ นุ ตํ, อานนฺท, อธิกรณนฺติ วิวาทาธิกรณาทีสุ อฺตรํ อธิกรณํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปฺปชฺชิ, สตฺถา ตสฺส วูปสนฺตภาวํ ปุจฺฉนฺโต เอวมาห. กุโต ตํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, กุโต กินฺติ เกน การเณน ตํ อธิกรณํ วูปสมิสฺสตีติ วทติ. เกวลกปฺปนฺติ สกลํ สมนฺตโต. สงฺฆเภทาย ิโตติ สงฺเฆน สทฺธึ วาทตฺถาย กถิตํ ปฏิกเถนฺโตว ิโต. ตตฺรายสฺมาติ ตสฺมึ เอวํ ิเต อายสฺมา อนุรุทฺโธ. น เอกวาจิกมฺปิ ภณิตพฺพํ มฺตีติ ‘‘มา, อาวุโส, สงฺเฆน สทฺธึ เอวํ อวจา’’ติ เอกวจนมฺปิ วตฺตพฺพํ น มฺติ. โวยฺุชตีติ อนุยฺุชติ อนุโยคํ อาปชฺชติ. อตฺถวเสติ การณวเส. นาเสสฺสนฺตีติ ¶ อุโปสถปฺปวารณํ อุปคนฺตุํ อทตฺวา นิกฺกฑฺฒิสฺสนฺติ. เสสํ ปาฬิวเสเนว เวทิตพฺพํ.
๒. อาปตฺติภยสุตฺตวณฺณนา
๒๔๔. ทุติเย ¶ ขุรมุณฺฑํ กริตฺวาติ ปฺจ สิขณฺฑเก เปตฺวา ขุเรน มุณฺฑํ กริตฺวา. ขรสฺสเรนาติ กกฺขฬสทฺเทน. ปณเวนาติ วชฺฌเภริยา. ถลฏฺสฺสาติ เอกมนฺเต ิตสฺส. สีสจฺเฉชฺชนฺติ สีสจฺเฉทารหํ. ยตฺร หิ นามาติ ยํ นาม. โส วตสฺสาหนฺติ โส วต อหํ อสฺสํ, ยํ เอวรูปํ ปาปํ น กเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ยถาธมฺมํ ปฏิกริสฺสตีติ ธมฺมานุรูปํ ปฏิกริสฺสติ, สามเณรภูมิยํ สฺสตีติ อตฺโถ. กาฬวตฺถํ ปริธายาติ กาฬปิโลติกํ นิวาเสตฺวา. โมสลฺลนฺติ มุสลาภิปาตารหํ. ยถาธมฺมนฺติ อิธ อาปตฺติโต วุฏฺาย สุทฺธนฺเต ปติฏฺหนฺโต ยถาธมฺมํ กโรติ นาม. ภสฺมปุฏนฺติ ฉาริกาภณฺฑิกํ. คารยฺหํ ภสฺมปุฏนฺติ ครหิตพฺพฉาริกาปุเฏน มตฺถเก อภิฆาตารหํ. ยถาธมฺมนฺติ อิธ อาปตฺตึ เทเสนฺโต ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ นาม. อุปวชฺชนฺติ อุปวาทารหํ. ปาฏิเทสนีเยสูติ ปฏิเทเสตพฺเพสุ. อิมินา ¶ สพฺพาปิ ¶ เสสาปตฺติโย สงฺคหิตา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อาปตฺติภยานีติ, ภิกฺขเว, อิมานิ จตฺตาริ อาปตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกภยานิ นามาติ.
๓. สิกฺขานิสํสสุตฺตวณฺณนา
๒๔๕. ตติเย สิกฺขา อานิสํสา เอตฺถาติ สิกฺขานิสํสํ. ปฺา อุตฺตรา เอตฺถาติ ปฺุตฺตรํ. วิมุตฺติ สาโร เอตฺถาติ วิมุตฺติสารํ. สติ อาธิปเตยฺยา เอตฺถาติ สตาธิปเตยฺยํ. เอเตสํ หิ สิกฺขาทิสงฺขาตานํ อานิสํสาทีนํ อตฺถาย วุสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อาภิสมาจาริกาติ อุตฺตมสมาจาริกา. วตฺตวเสน ปฺตฺตสีลสฺเสตํ อธิวจนํ. ตถา ตถา โส ตสฺสา สิกฺขายาติ ตถา ตถา โส สิกฺขากาโม ภิกฺขุ ตสฺมึ สิกฺขาปเท.
อาทิพฺรหฺมจริยิกาติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตานํ จตุนฺนํ มหาสีลานเมตํ อธิวจนํ. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน. ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. ปฺาย สมเวกฺขิตา โหนฺตีติ สหวิปสฺสนาย มคฺคปฺาย สุทิฏฺา โหนฺติ. วิมุตฺติยา ผุสิตา โหนฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติยา าณผสฺเสน ผุฏฺา โหนฺติ. อชฺฌตฺตํเยว สติ สูปฏฺิตา โหตีติ นิยกชฺฌตฺเตเยว สติ สุฏฺุ อุปฏฺิตา โหติ. ปฺาย อนุคฺคเหสฺสามีติ วิปสฺสนาปฺาย ¶ อนุคฺคเหสฺสามิ. ปฺาย ¶ สมเวกฺขิสฺสามีติ อิธาปิ วิปสฺสนาปฺา อธิปฺเปตา. ผุสิตํ วา ธมฺมํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคเหสฺสามีติ เอตฺถ ปน มคฺคปฺาว อธิปฺเปตา.
๔. เสยฺยาสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. จตุตฺเถ เปตาติ กาลกตา วุจฺจนฺติ. อุตฺตานา เสนฺตีติ เต เยภุยฺเยน อุตฺตานกาว สยนฺติ. อถ วา เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตา เปตา นาม, เต อปฺปมํสโลหิตตฺตา อฏฺิสงฺฆาตชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ. อนตฺตมโน โหตีติ เตชุสฺสทตฺตา สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ, ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ. ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺตสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา สเจ กิฺจิ านํ ¶ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ, ‘‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา, น สูรภาวสฺส อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อนตฺตมโน โหตี’’ติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภนํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ ¶ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตมโน โหตี’’ติ.
๕. ถูปารหสุตฺตวณฺณนา
๒๔๗. ปฺจเม ราชา จกฺกวตฺตีติ เอตฺถ กสฺมา ภควา อคารมชฺเฌ วสิตฺวา กาลกตสฺส รฺโ ถูปกรณํ อนุชานาติ, น สีลวโต ปุถุชฺชนภิกฺขุสฺสาติ? อนจฺฉริยตฺตา. ปุถุชฺชนภิกฺขูนฺหิ ถูเป อนฺุายมาเน ตมฺพปณฺณิทีเป ตาว ถูปานํ โอกาโส น ภเวยฺย, ตถา อฺเสุ าเนสุ. ตสฺมา ‘‘อนจฺฉริยา เต ภวิสฺสนฺตี’’ติ นานุชานาติ. จกฺกวตฺตี ราชา เอโกว นิพฺพตฺตติ, เตนสฺส ถูโป อจฺฉริโย โหติ. ปุถุชฺชนสีลวโต ปน ปรินิพฺพุตภิกฺขุโน วิย มหนฺตมฺปิ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติเยว. ฉฏฺสตฺตมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๘. ปมโวหารสุตฺตวณฺณนา
๒๕๐. อฏฺเม ¶ อนริยโวหาราติ อนริยานํ กถา. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
อาปตฺติภยวคฺโค ปฺจโม.
ปฺจมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.